xs
xsm
sm
md
lg

เนตรนาคราช ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เนตรนาคราช ตอนที่ 4

อัศวินกับรัตนากรเดินออกมาหน้าเซฟเฮาส์ ก็เจอนพดล เดินแจกยาให้กับทีมงานอยู่ ทั้งสองเดินเข้าไปหา

“ไอ้หมอ เอายาบ้ามาขายอีกแล้วเหรอ”
“แน่นอน ใครๆ เขาก็ขายกันทั้งนั้น มาก็ดีแล้วเอาไปคนละชุด เผื่อฉุกเฉินหาฉันไม่เจอ”
นพดลส่งยาให้คนละซองเล็กๆ ทั้งสองรับมา
“เริ่มสนุกยังพี่หมอ”
“อืม ตราบใดที่ไม่มีคนป่วย”
ทั้งหมดยิ้ม นพดลเดินออกไปแจกพวกทีมงานคนอื่นๆ และพวกที่ยืนระวังอยู่รอบๆ อัศวินกับรัตนากรยิ้มให้กัน
“เดินเล่นกันหน่อยมั้ย”
“โอเค”
ทั้งสองคนเดินคุยกันไป รัตนากรถือแผนที่อยู่ในมือ
“พี่อัศวินแน่ใจเหรอคะ”
“พี่ว่าเหมาะที่สุด พี่อยากให้รัตน์เก็บไว้กับตัวตลอดเวลา”
รัตนากรเอากระบอกแผนที่ซึ่งขณะนี้มีสายหนังรัดไว้ที่ปลายทั้งสองข้าง คล้องสะพายเฉียงเข้ากับตัว กระบอกห้อยอยู่ข้างหลังเหมือนกระบอกใส่ลูกธนู
“เนตรนาคราชเป็นสิ่งที่ยายกาญมุ่งมั่นตอนนี้กลับกลายเป็นว่ารัตน์”
“อย่าคิดมากน่า ยายกาญฉลาดพอที่จะเห็นดีด้วย มีแต่นายวีรกิจที่ออกลูกกวนๆ”
“รัตน์ไม่สนนายวีรกิจหรอกค่ะ ขืนซ่ามากรัตน์จะตบให้สักเปรี้ยง”
“โว่ว”
“รัตน์ชอบคุณชาติกับคุณอิทธิ เพื่อนพี่อัศวิน พูดตรงชัดเจนดี”
“สองคนนี้ไว้ใจได้แน่นอน”
“แล้วคนที่อยู่ตรงนี้ล่ะคะ”
อัศวินเดินเข้ามาใกล้
“ทำไม”
“ไว้ใจได้หรือเปล่า”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“อ้าว ยังงี้ก็สวยดิ”
อัศวินดันหัวรัตนากรเบาๆ รัตนากรยิ้ม
“เรากลับกันดีกว่า”
ทั้งสองต่างหันกลับเดินไปที่บ้านพัก

อิทธิกับชาติ เดินลงมาจากบ้าน เจอนพดลขึ้นมาพอดี ชาติทัก
“ว่าไงคุณหมอ เดินเล่นมาเหรอครับ”
“นิดหน่อย เอานี่ สำหรับคุณสองคน ยาสามัญเล็กๆ น้อยๆ”
“ขอบคุณครับ”
“มีอะไรขาดเหลือบอกผมได้นะหมอ”
“สาวซักคนมั้ย” อิทธิแซว
“โอเค”
ทั้งสามต่างหัวเราะกัน ชาติกับอิทธิเดินออกไป
“ไอ้พวกนี้มาหลอกให้เราอาบน้ำเย็นอีกแล้ว”
นพดลยิ้มขำแล้วเดินขึ้นบ้านไป

อิทธิกับชาติเดินคุยกันมา อิทธิพูดถึงกาญจนา
“คุณกาญจนาเห็นหงิมๆ เด็ดขาดดีเหมือนกันนะ เล่นเอานายวีรกิจจ๋อยไปเลย”
“อืม ดีที่ยังมีเลือดบู๊พี่สาวอยู่บ้าง”
“พูดถึงพี่สาว แกต้องระวังหน่อย คุณรัตน์แกดุ”
“ทำไมฉันต้องระวังด้วย”
“ก็แกไปสนน้องสาวเขาน่ะซิ”
“ไอ้บ้า พูดเป็นเล่น เดี๋ยวฉันซวย”
อิทธิยิ้ม “ฉันเห็นสายตาแกแว่บเดียวก็รู้ ฉันรู้จักแกดีเพื่อน”
“ใช่ แว่บเดียว แล้วก็ดับวูบไปแล้วด้วย เพราะฉะนั้น แกไม่ต้องพูดมาก”
ชาติเดินออกไป อิทธิยิ้มขำ เดินตามไป

กฃางดึก รัตนากรตื่นขึ้นมา เดินไปที่ห้องครัว แล้วชะงัก เมื่อพบกาญจนากำลังเปิดตู้เย็น ทั้งสองต่างเผชิญหน้ากัน
“นอนไม่หลับ”
“อืม”
กาญจนาเอาน้ำส้มออกมาจากตู้เย็น เทใส่แก้ว พอเสร็จแล้ว ก็หันมาทางรัตนากร ยกเหยือกขึ้น
เป็นเชิงถาม รัตนากรพยักหน้า กาญจนาหยิบแก้วมาอีกใบหนึ่ง เทให้ แล้วส่งให้รัตนากร รัตนากรรับมายิ้มให้
กาญจนาเอาเหยือกเก็บเข้าตู้เย็น หยิบแก้วน้ำส้ม แล้วเดินผ่านรัตนากรไป รัตนากรมองตาม แต่แล้วเห็นเงา
เธอหันกลับไป
“ผมเองครับ” อิทธิรีบบอก
“มีอะไรคะ”
“มีความเคลื่อนไหวอยู่รอบนอก”
“พวกมันเริ่มเลยเหรอ”
“คิดว่ามาดูลาดเลามากกว่า คุณรัตน์สบายใจได้ หลับให้สบายเลยครับ ผมแค่เข้ามาหาอะไรกินรองท้อง”
อิทธิเปิดตู้เย็นหยิบแซนวิชสองสามอันติดมือออกมา พลางยื่นให้ รัตนากรส่ายหน้า
“งั้นก็กู๊ดไนท์นะคะ”
“กู๊ดไนท์ครับ”

อิทธิออกไป รัตนากรยกแก้วน้ำส้มขึ้นจิบแล้วเดินออกไป

อิทธิออกมาเดินมาตรงระเบียงด้านหนึ่ง ชาติยืนใช้กล้องส่องรอบๆ อิทธิถามขึ้น

“ว่าไง”
“พวกมันถอยไปหมดแล้ว”
ชาติเอากล้องลง อิทธิส่งแซนวิชให้
“นายอยากจะไปนอนก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรเพื่อน”
“ถามจริง นายเชื่อเรื่องเนตรนาคราชมั้ยเพื่อน”
“ฉันเคยได้ยินคนแก่แถวนี้พูดถึงตอนที่ฉันยังเด็ก ไม่รู้ว่าจริงแค่ไหน”
อัศวินเดินเข้ามารวมกลุ่ม
“อีกไม่นานเราคงจะได้รู้กัน”
ทั้งสามต่างมองฝ่าความมืดออกไปยังขุนเขาที่สุดลูกหูลูกตา

ตอนเช้า ชาติเดินมาหาอิทธิ
“เช้านี้เป็นไง เห็นพวกมันบ้างมั้ย”
“ไม่มีพวกมันโผล่มาเลย”
“ดี”
“โว่ว ดีแน่”
อิทธิมองไปทางด้านหลังชาติ ชาติหันกลับไปก็เห็นกาญจนาเดินลงมาจากบ้าน ในชุดเดินป่ารัดกุม ที่เอวมีปืนสั้นพกอยู่ เดินตรงมาทักทายสองคน
“สวัสดีค่ะ คุณชาติ คุณ อิทธิ”
“สวัสดีครับ คุณ กาญจนา”
“คุณกาญจนาดูผิดไปนะครับวันนี้” อิทธิทัก
กาญจนาสำรวจตัวเอง ยิ้ม
“อ้อ ไม่เหมือนคนขุดกระดูกหรือของโบราณเหรอคะ”
“ผิดตรงที่ มีพกปืน ผมว่าดูเท่ห์ดี ผมชอบ”
“ไม่ใช่เท่ห์อย่างเดียวนะคะ ยิงปืนก็เป็นด้วย พี่อัศวินกับพี่รัตน์สอนค่ะ”
ชาติได้แต่จ้องยิ้ม
“โห ผมว่าผมขอตัวก่อนดีกว่า”
ทั้งสามต่างยิ้ม อิทธิลอบมองชาติแล้วเดินออกไป
“คุณชาติล่ะคะ คิดว่ายังไง”
“คุณกาญจนาเป็นน้องสาวของคุณรัตนากร ผมรู้อยู่แล้วครับว่าต้องมีเชื้อบู๊อยู่ด้วย”
กาญจนาฝืนยิ้ม
“พูดถึงก็มากันพอดี”
ทั้งสองหันไป เห็นอัศวินกับรัตนากรเดินเข้ามาจากด้านนอก
“อ้อ ขอตัวก่อนนะคะ”
“เชิญครับ”
กาญจนาเดินออกไป ชาติมองตาม หันมาก็เห็นอัศวินเดินเข้ามากับรัตนากร รัตนากรมองตามกาญจนาซึ่งขึ้นบ้านไป เธอเดินไปยังกองเสบียงที่ทุกคนต่างรวมตัวกันอยู่ ชาติลอบสบตากับอัศวิน
“ท่าทางสองคนนี้คงเกรียนกันอีกนาน”
อัศวินพูดขึ้น ชาติขำ

รัตนากรเดินมาตรงกองเสบียง นพดลเดินเข้ามาส่งกาแฟให้ รั
“มอร์นิ่ง พี่หมอ หลับสบายซิท่า ตื่นแต่เช้า”
“แน่นอน เรากับยัยกาญเป็นไงมั่ง”
“ยังงอนอยู่ คงอีกพักใหญ่”
“อืม สู้ๆๆ น้อง”
ทั้งสองยกแก้วกาแฟชนกัน

ทุกคนต่างพร้อมกันที่รถ กระจัดกระจายรอบๆ ตามอัธยาศัย อัศวินเดินเข้ามา
“เราจะเดินทางด้วยรถจิ๊ป จนกว่าจะสุดเส้นทางรถ ชาติจะนำอยู่คันหน้า เพราะรู้เส้นทางคร่าวๆ กันอยู่แล้ว พวกเรา จะอยู่ตรงกลาง ปิดท้ายด้วยอิทธิ คุณอิทธิฝากไอ้หมอของผมหน่อย”
“มาทางนี้เลยครับ คุณหมอ”
นภดลยิ้มเดินไปขึ้นรถคันหลังของอัศวิน
“โอเค ถ้าพร้อมก็ออกเดินทางได้เลย”
“ยังไม่พร้อม”
ชาติบอก อัศวินสงสัย อิทธิโบ้ยหน้าผ่านอัศวินไปทางด้านหลัง วีรกิจกำลังผิวปากเดินลงมาจากบ้านอย่างใจเย็น แต่งตัวชุดเดินป่าแบบในละคร คาดปืนสั้น ทั้งหมดต่างมองหน้ากัน เอือมระอา วีรกิจไม่รู้เรื่อง เดินถอดน่องเข้ามา กาญจนาหงุดหงิด
“ทางนี้คุณวีรกิจ”
วีรกิจเดินผ่าน อัศวิน รัตนากร ชาติ และ อิทธิ ไปหากาญจนา
“ไอ้นี่ ตายไม่ดีแน่”

อิทธิพึมพำ อัศวินกับชาติต่างยิ้ม ขำ

อัศวินกับรัตนานั่งขึ้นนั่งทางด้านหน้าของรถ กาญจนากับวีรกิจนั่งทางด้านหลัง อัศวินเป็นคนขับ

ชาติและทีมคุ้มกันสามคนอยู่คันหน้า ปิดท้ายด้วยอิทธิ นพดล และทีมคุ้มกันอยู่ทางด้านหลังตามที่ตกลง ชาติโบกมือ รถจิ๊ปคันหน้าเคลื่อนออกไป ตามด้วยอีกสองคัน มุ่งหน้าเข้าไปในป่าลึก
ระหว่างนั้น โจซิง กำลังส่องกล้องดูขบวนรถของอัศวิน
“พวกมันออกเดินทางแล้ว ทุกคนพร้อมภายในสิบนาที”
ก่อนหน้านี้ เฮนรี่นัดเจอกับโจซิงที่โรงงานของเฮนรี่
“โจซิง ขอบใจมากที่มา”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
“ทีมงานพร้อม”
อังโซะเดินเข้ามา
“รู้จักอังโซะ เงาคู่ของผม เนวีซีลมือระดับมิชชั่นลุยมาแล้ว ทั้งปากีสถาน และ อิรัก”
อังโซะจับมือกับเฮนรี่ เฮนรี่มองอย่างพอใจ
“เหมาะสมกันดี”
“และนี่ เวจาง”
เวจางก้าวเข้ามา
“มือสังหารขั้นเทพ แกะรอย ตามรอย เชี่ยวชาญการต่อสู้ทุกรูปแบบ”
เวจางพยักหน้ายิ้มแย้ม เฮนรี่มองอย่างพอใจ
“และแน่นอน ลูกทีมทั้งหมด ล้วนมีฝีมือทั้งนั้น”
เฮนรี่มองไปยังทีมงานร่วมสิบ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างพอใจ
“เรามีงานใหญ่ที่ต้องทำ และผมจ่ายไม่อั้น”
ทีมงานทุกคนส่งเสียง เฮ เฮนรี่ โจซิง อังโซะ และเวจาง ต่างจับมือกัน ทุกคนพร้อมที่จะออกปฏิบัติการ

โจซิงลดกล้องลง โบกมือให้กับขบวนของตัวเอง
“ตามล่าพวกมัน”
ขบวนของโจซิงออกเดินทางไปตามเส้นทางป่า


ขบวนของโจซิง วิ่งอยู่ในกล้องส่องทางไกลของอัศวิน ซึ่งวิ่งมาระยะหนึ่งก็หยุด แล้วยกกล้องทางไกลขึ้นส่อง ต่างคนต่างส่องเห็นกัน โจซิงเอากล้องลง ยิ้ม โบกมือส่งให้กล้องของอัศวิน
“ไง เพื่อน”
อัศวินส่องกล้องเห็นโจซิงโบกมือ และเห็นอังโซะ เวจาง พร้อมพวก อัศวินไม่พูดอะไร ส่งกล้องให้ชาติ ชาติรับกล้องมาส่องดู
“ มันมากันเพียบ”
“มันยังไม่ลงมือตอนนี้หรอก เราเป็นคนนำทางให้กับพวกมัน”
อิทธิยกกล้องส่อง
“ผมว่าเราดักรอซัดพวกมันก่อนเลยดีกว่า”
“ยังไม่จำเป็น มันอยากตามให้มันตามมา”
อัศวินหันเดินออกไปที่รถ ชาติเดินตามออกไป อิทธิส่งกล้องให้รัตนากร รัตนากรรับมาดูเห็นโจซิง
อังโซะ เวจาง แล้วย้อนกลับมาที่อังโซะ
“อังโซะ”
รัตนากรเอากล้องลง เคร่งเครียด อิทธิสังเกตเห็น
“มีอะไรเหรอครับ”
รัตนากรยิ้มให้
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
รัตนากรเดินออกไป อิทธิมองสงสัย

โจซิงจ้องไปทางขบวนของอัศวินหั นมายิ้มให้อังโซะ อย่างย่ามใจ อังโซะยิ้มตอบรับ โจซิง หันโบกมือ ให้เวจาง ซึ่งอยู่คันหน้า เวจางขึ้นรถแล้วขับนำทางออกไป

ขบวนของอัศวินจอดรถในทำเลเหมาะสมต่อการตั้งรับ ด้านหลังทึบ ด้านหน้าเห็นศัตรู ทุกคนพักกินข้าวตามอัธยาศัย วีรกิจ กับ กาญจนา นั่งอยู่บนรถจิ๊ปห่างออกไป อัศวิน ชาติ อิทธิ รัตนากร รวมกลุ่มกันอยู่ มีทีมงานเข้ามารายงานกับชาติ ชาติพยักหน้า หันมาบอกกับอัศวินและพวก
“พวกมันหยุดห่างจากเราสามกิโล ไม่มีทีท่าว่าจะบุกเข้ามา”
“ดี เราจะได้กินข้าว พักกันกันให้เต็มที่ แค่ให้คนช่วยดูพวกมันหน่อยก็แล้วกัน” อัศวินสั่ง
อิทธิผิวปาก ทีมงานหันมา อิทธิทำนิ้วชี้กับนิ้วกลางชี้ที่ตาตัวเอง แล้วมองไปรอบๆ ทีมงานกระจายกัน
ออกไป ตามจุดต่างๆ คอยระวัง
“พักกันให้สบายได้เลยครับ ไม่ต้องรีบ ถือว่าเป็นการวอร์มอัพก่อนเร่งเครื่อง”
ทั้งหมดต่างยิ้มกัน

วีรกิจ กับ กาญจนา นั่งทานข้าวอยู่ที่รถจิ๊ป ชาติเดินเข้ามาพร้อมตระกร้าผลไม้เล็กๆ
“ผลไม้ครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
กาญจนารับไปส่งให้วีรกิจ
“ตามสบายนะครับ ตอนนี้ยังไม่มีแอคชั่นอะไรให้ตื่นเต้น แค่อย่าออกไปนอกกรอบพื้นที่ก็โอเคแล้วครับ”
“ขอบคุณค่ะ คุณชาติ”
“ยินดีครับ”
“มีกาแฟกินมั้ยเนี่ย” วีรกิจถามขึ้น
“มีครับ ตั้งอยู่ทางด้านโน้น”
“ช่วยให้คนเอามาให้ผมสักถ้วยได้มั้ยครับ”
กาญจนาหันมองวีรกิจ แต่ไม่อยากว่าต่อหน้าชาติ
“ได้ครับ แต่อย่าดีกว่าครับ ไอ้พวกนี้มันชอบถุยน้ำลายใส่ มารยาทไม่ค่อยมีครับ ผมสอนพวกมันก็ไม่จำ”
กาญจนายิ้ม
“ขอบคุณค่ะ งั้นกาญไปเอาเองดีกว่า”
กาญจนาขยับตัวขึ้นยืนจะก้าวลง ชาติส่งมือมาให้
“เชิญครับ”
“ถึงฉันจะดูแต่หนังสือ ขุดหากระดูก ก็ไม่แอ๊บแบ๊วนะคะ”
ชาติดึงมือกลับ
“ครับผม”
กาญจนาย่อตัวโดดตุบลงมาจากรถจิ๊ป ยิ้มให้ชาติ
“ความผิดผมเองครับ”

กาญจนายิ้มแล้วเดินไปที่สัมภาระเสบียงที่จัดไว้ ชาติหันมาทางวีรกิจ ยิ้มให้แล้วเดินออกไป วีรกิจเหล่อย่างไม่พอใจ

กาญจนาเดินมาที่จุดเสบียง มีกองไฟก่อสำหรับหม้อกาแฟเดินป่า อัศวิน รัตนากร และ นพดล นั่งล้อมวงอยู่ มีทีมงานกระจายกันรอบๆ คอยระวังนภดลเห็นกาญจนาก็เอ่ยทัก

“มานั่งกันก่อนมั้ย กาญ”
“ไม่เป็นไรค่ะ กาญแค่จะมาเอากาแฟ”
อัศวินลุกขึ้นหยิบหม้อกาแฟ นภดลคว้าถ้วยกาแฟเดินป่ามาส่งให้กาญจนา กาญจนารับมาแล้วหันมาทางอัศวินซึ่งเทกาแฟให้ รัตนากรนั่งกินอาหารไม่ได้สนใจอะไร
“ขอบคุณค่ะพี่อัศวิน”
“โอเค จ้ะ”
กาญจนาเดินกลับไปที่วีรกิจ ผ่าน อิทธิ กับ ชาติ ซึ่งยืนอยู่ตรงรถจิ๊ปคันหน้า
“ท่าทางคุณรัตนากรกับคุณกาญจนาจะไม่คุยกันอีกนาน” ชาติพูดขึ้น
“คุณรัตนากรคงหมั่นใส้ไอ้หมอนั่น”
ชาติยิ้มมองไปเห็นกาญจนาส่งแก้วกาแฟให้วีรกิจ
“ยังไม่เห็นทีท่าว่าไอ้ซามูของแกจะโผล่มาเลย” อิทธิตั้งข้อสังเกต
“ฉันให้มันไปลาดตระเวณเส้นทาง ถึงเวลามันก็โผล่มาเอง”
“ฉันว่าเราเดินทางได้แล้ว”
“โอเค”

ขบวนของอัศวินวิ่งมา โดยมีรถของชาตินำหน้า ผ่านทางวกวนตามทางป่าไป แต่แล้วก็พบว่า มีกะเหรี่ยงยืนขวางอยู่ ขบวนรถหยุด ต่างจ้องที่กะเหรี่ยงหนุ่มวัย 24 สีหน้าเข้ม แต่งชุดป่ารัดกุม
เอวคาดปืนสั้น และมีดเดินป่า ทุกคนต่างขยับตัว แต่แล้วชาติ ยกมือขึ้นสูง ทุกคนผ่อนคลาย
“ทุกคนรู้จัก ซามู”
ทุกคนยกมือเป็นเชิงทัก ซามูโบกมือกราดให้ทุกคน แล้วเข้ามาหาชาติ ทำไม้ทำมือชี้ไปทั่ว สีหน้าเคร่ง
“มันทำอะไรของมัน”
อัศวินพึมพำกับรัตนากร
“ท่าทางคุณชาติจะเข้าใจหมอนี่อยู่คนเดียว”
ชาติพยักหน้ากับซามู ซามูหายเข้าไปในราวป่า ชาติโดดลงจากรถเดินมามายังรถของ
อัศวินกับรัตนากร
“เรากำลังจะเข้าเส้นทางของพวกค้ายา ค้าอาวุธ ต้องระวังกันหน่อยนะครับ”
อัศวินกับรัตนากรพยักหน้า
“อ้าว แล้วทำไมเราไม่ไปทางอื่น”
ชาติมองวีรกิจ แล้วเดินไปทางด้านหลัง
“ก็แค่ออกนอกเส้นทางพวกมันก็หมดเรื่อง”
“คุณวีรกิจ กาญว่าเราปล่อยให้เป็นเรื่องของคุณชาติดีกว่า”
“โธ่ง่ายๆ ไม่เห็นต้องคิดมาก”
รัตนากรยิ้ม อัศวินส่ายหน้าเซ็ง ชาติเดินไปถึงรถของอิทธิ
“พวกค้ายาพวกค้าอาวุธ”
“อืม”
“ผมว่าอ้อมก็ดีนะ”
“ใจเย็นหมอ ไอ้อิทธิมันไม่ปล่อยให้หมอเป็นอะไรหรอก”
นพดลยิ้ม
“อยากจะอ้อม แต่อีกด้านหนึ่งต้องผ่านหุบเขาแคบ ถ้าพวกมันไปดักอยู่ก็เท่ากับว่าเราเดินเข้าหานรก”
“งั้นไม่อ้อมน่าจะดีกว่านะ”
ชาติกับอิทธิยิ้ม นภดลยิ้มไปด้วย ชาติหันมาบอกอิทธิ
“นายคุมหลัง ฝากดูคนในรถไอ้อัศวินมันด้วย”
“แน่ใจเหรอ ฉันว่าปล่อยให้ไอ้ว่าที่คู่หมั้นนั่นโดนลูกปืนซะหน่อยก็ดี ว่ามั้ยหมอ”
“ไม่ดีมั้ง หน้าที่รักษาต้องมาตกอยู่กับผม”
ทั้งหมดยิ้มกัน
“พี่หมอ ตอนนี้ปืนน่าจะเหมาะกว่าเข็มฉีดยานะครับ”
ชาติยิ้มแล้วเดินออกไป
“ไม่พึ่งเข็มฉีดยามั่งก็ให้รู้ไป”
อิทธิกับนพดลต่างยิ้มให้กัน

ขบวนรถวิ่งมาในเขตโจร ชาติยกมือ ขบวนรถจอดลงเป็นกำแพงติดกัน ข้างหนึ่งเป็นแนวต้นไม้หนาเป็นกำแพงธรรมชาติ ด้านหน้าโล่งเห็นได้ไกล ชาติและ ทีมงานลงจากรถกระจายกำลังยืนรอบรถ รัตนากรค่อยๆ ก้าวลงจากรถ
ชักปืนข้างเอวขึ้นมาตรวจความเรียบร้อย อัศวินกราดตามองรอบด้าน พลางตบไหล่ทีมงานคนหนึ่ง
ส่งซิกให้ขึ้นมาขับรถแทนเขา
“น้องกาญอยู่บนรถไม่ต้องลงมา แต่เตรียมพร้อมด้วย”
กาญจนาขยับตัวดึงปืนสั้นออกมา เช่นเดียวกับวีรกิจ แต่วีรกิจตื่นเต้นและกลัวมาก
“ทำไมเราไม่ขับรถฝ่าพวกมันออกไป”
“ซู่ว์”
วีรกิจเงียบลง หันไปทางด้านหลัง ก็เห็น อิทธิ กับ ทีมงานลงจากรถเช่นกัน มีแต่คนขับเตรียมพร้อมอยู่
“หมออยู่บนรถนะครับ”
นภดลชักปืนขึ้นมา นั่งอยู่บนรถ ทุกคนระวังรอบตัว อัศวินกราดสายตามองรอบ ทันใดนั้นเห็นเงาแว่บ ล้อมเข้ามา
“ทุกคนพร้อม”

อัศวินพูดจบก็สาดกระสุนออกไป เงานอกป่าร้องลั่นฟุบไป และแล้วเสียงปืนก็ดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว
 
อ่านต่อหน้า 2

เนตรนาคราช ตอนที่ 4 (ต่อ)

ขบวนรถของโจซิงเบรคพรืด เมื่อได้ยินเสียงปืนดังสนั่นมา โจซิง กับ อังโซะต่างยืนขึ้นมอง

เวจางเดินเข้ามา
“พวกมันโดนเล่นงานเข้าแล้ว”
“ดี เราแค่เดินเข้าไปหยิบแผนที่ ไม่ต้องออกแรง” โจซิงพอใจ

ทุกคนต่างสาดกระสุนเข้าใส่พวกโจร จนพวกมันเข้าไม่ติด ท่ามกลางเสียงปืนอัศวินตะโกน
“ทุกคน พร้อม”
“เคลื่อนขบวนได้” ชาติตะโกน
รถจิ๊ปค่อยๆ แล่นออกไป ทีมงานเดินตามยิงสกัดออกรอบตัว รถค่อยๆ ทยอยแล่นตามกันออกไป ในขณะที่ทุกคนที่อยู่รอบๆ คอยยิงต้านพวกมันไม่ให้เข้ามาใกล้ จนพวกมันถอยไป ทุกคนกระโดดขึ้นรถ แล้วออกไปอย่างรวดเร็ว

ขบวนรถของอัศวินจอดลงอีกครั้งหนึ่ง อัศวินลงจากรถเดินไปยังรถของพวก ชาติ และ อิทธิ สอบถามทีมงาน
“มีใครบาดเจ็บบ้าง”
“รายงาน” ชาติร้องบอก
ทุกคนส่งเสียงงึมงำสำรวจสถานการณ์

รัตนากรเดินเข้ามาใกล้กาญจนา
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“กาญไม่เป็นไร”
รัตนากรพยักหน้าแล้วเดินออกไป กาญจนามองตาม
“ผมว่าผมซัดถูกพวกมันคว่ำไปหลายคน”
กาญจนาหันมาฝืนยิ้มให้วีรกิจ

รัตนากรเดินมาที่อัศวิน ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
“ยายกาญ”
“โอเคค่ะ”
“แล้วนายวีรกิจ”
“ไม่ทันได้ดู”
อัศวินอดขำไม่ได้ ชาติกับอิทธิเดินเข้ามา
“พวกทีมงานทุกคนปลอดภัย”
“พวกนี้ฝีมือใช้ได้ มีโดนเฉี่ยวๆ บ้างสองสามคน พี่หมอของเรากำลังดูอยู่”
อิทธิโบ้ยหน้าไปทางนพดล ซึ่งกำลังดูแผลให้ทีมงานสองสามคน
“ถ้าไม่หนักหนา ผมว่าเราเคลื่อนขบวน ออกไปให้ไกลพวกมันก่อนดีกว่า”
“เพื่อนคุณชาติ โผล่มาแล้วค่ะ”
ทุกคนหันไปดูตามที่รัตนากรบอกก็เห็นซามูเดินออกมาจากราวป่า
“นี่ละครับ ไอ้ซามู โผล่มารายงาน แล้วหายหัว”
“รู้จักเอาตัวรอดเป็นยอดดี” อิทธิกระเซ้า
ทั้งหมดยิ้ม ซามูเดินเข้ามายิ้มให้ชาติกับอิทธิ แล้วมองอัศวินกับรัตนากร ฉีกยิ้มให้
“ซามูเป็นใบ้ แต่เรื่องแกะรอยและฝีมือป่าเป็นเลิศ”
“ขอบใจมากซามู”
ซามูยิ้มให้รัตนากร แล้วเดินออกไป
“อ้าวจะไปไหนเหรอ”
“ปล่อยมันเถอะครับ มันชอบผลุบๆ โผล่ๆ”
“เป็นใบ้แล้วทำไมถึงได้ยิน” อัศวินสงสัย
“ไม่ได้เป็นใบ้แต่กำเหนิด ถูกโจรตัดลิ้น” อิทธิเล่า
“เลวที่สุด” รัตนากรโกรธ
“แต่ไอ้ซามูมันก็จัดการกับคนที่ตัดลิ้นมันอย่างสาสมแล้วครับ”
“ยังไงคะ”
“มันตัดหัวห้อยไว้ที่ต้นไม้กลางชุมโจร”
อัศวินกับรัตนากรต่างมองหน้ากัน
“เคลื่อนขบวน”

ขบวนของโจซิงค่อยๆ ขับผ่านเขตโจรเข้ามาอย่างระวัง เห็นพวกโจรตายเกลื่อน ตามสุมทุมพุ่มไม้ มีบางคนร้องโอยขยับตัว โจซิงยิงเปรี้ยงๆ อย่างสนุก เวจางเดินดูศพพวกโจร แล้วเดินมารายงานที่รถ
ของโจซิง
“ฝีมือพวกมันแม่นยำใช้ได้”
“ค่อยสมน้ำสมเนื้อกันหน่อย”
ทันใดนั้นเสียงปืนดังเปรี้ยง กระสุนถูกกิ่งไม้กระจาย พวกมันทุกคนต่างโดดลงจากรถ มองบรอบๆ โจซิงโผล่ขึ้นมาดูอีกก็ถูกกระยิงเปรี้ยงๆๆ จนต้องหลบ
“เห็นตัวมั้ยวะ”
“ไม่เห็น มีพวกโจรที่รอดอยู่คิดเล่นงานพวกเรา”
“ส่งคนออกไปตามล่ามัน”

เวจางยกมือส่งซิก พวกมันแปรขบวนออกไปอย่างคล่องแคล่ว

ขบวนรถของอัศวินจอดลง ชาติโดดลงมาจากรถคันหน้า แล้วมาที่รถของอัศวิน ทีมงานคนหนึ่งโดดลงจากรถของอัศวินไปขึ้นข้างหน้าแทนชาติ

“เราจะแยกออกเป็นสามเส้นให้มันปวดหัวเล่น”
“สุดยอด”
อัศวินหันมายิ้มกับรัตนากร กาญจนากับวีรกิจหันมามองหน้ากัน ชาติโบกมือ รถของอิทธิขับขึ้นมาข้างๆ
“แล้วเจอกันเพื่อน”
“หนุกมั้ยพี่หมอ” รัตนากรถาม
“หนุกมากเลย”
อิทธิขับรถออกไปทางหนึ่ง
“เราไปทางนี้” ชาติบอก
อัศวินหักไปอีกด้านหนึ่ง เกิดเป็นรอยรถจิ๊ปสามเส้นทาง

โจซิง กับ เวจาง อังโซะ หลบนอนราบอยู่ข้างๆ รถจิ๊ป กับหน่วยของมันอีกสามสี่คนคอยระวังรอบรถ เสียงผิวปากดังเข้ามา เวจางผิวตอบไป สักครู่พวกมันก็กลับเข้ามา ทุกคนยืนขึ้น เวจางออกไปหา พวกมันเข้ามารายงานกับเวจาง เวจางพยักหน้าหันเดินมาทางโจเซิง
“ไม่มีใครเลย มีแต่ศพ”
“เราถูกพวกมันหลอก”
เวจางยกมือส่งสัญญาณ พวกมันโดดขึ้นรถกัน ขับออกไป ซามูหลบอยู่ ค่อยๆ ถอยออกไป

รถของอัศวินแล่นเข้ามาหน้ากระท่อมใหญ่หลังหนึ่ง ก็พบว่ารถจิ๊ปสองคันแรกมาถึงแล้วแปรขบวนเลื่อน
หันหน้าจอดออกไปสู่ด้านนอก อัศวินตีวงแล้วถอยเข้าเสียบ เรียงเป็นระยะห่างกัน กั้นเป็นกำแพงไว้ ระหว่างลานกับตัวบ้าน ทั้งหมดลงมาจากรถ ทีมงานจัดกำลังยืนระวัง ส่วนหนึ่งเริ่มขนสัมภาระร
“เราพักที่นี่”
“ใช่ครับหมอ เชิญเลยครับ”
นพดลคว้ากระเป๋าเดินขึ้นไปบนบ้าน อิทธิ เดินเข้ามาหาชาติ
“ฉันจะออกไปดูรอบนอก”
“โอเคเพื่อน”
อิทธิเดินออกไป ชาติเดินเข้ามาที่รถของอัศวิน ทุกคนกำลังคว้าข้าวของตัวเอง
“เราพักที่นี่คืนนี้ครับ คนรู้จักกัน”
“เยี่ยมมากเพื่อน”
วีรกิจมองกระท่อม
“จะนอนกันยังไงครับเนี่ย”
“พวกคุณนอนรวมกันบนลานในบ้าน พวกผมนอนตากน้ำค้างกันแถวๆ นี้” ชาติบอก
“อ้าวไม่ได้เอาเต็นท์เติ๊นกันมาหรอกเหรอ”
“กลัวจะนอนสบายเกินไปครับ”
อัศวินกับรัตนากรต่างยิ้ม
“มาทางนี้ค่ะ คุณวีรกิจ”
กาญจนาเดินหิ้วเป้นำออกไปยังกระท่อม วีรกิจหงุดหงิดเดินตามไป
“น่าตบจริงๆ”
รัตนากรบ่น ชาติขำๆ และแปลกใจ รัตนากรทำหน้าเฉย
“นี่แหละครับ น้องสาวผม”
“แบบนี้ผมขอกด like ให้เลยครับ”
ทั้งสามต่างยิ้มให้กัน

รัตนากรเดินขึ้นบ้านมา ก็เห็นกาญจนาจัดที่ทางอยู่มุมหนึ่งด้วยสัมภาระของตน ข้างๆ มีวีรกิจจัดของอยู่เช่นกัน รัตนนากรเดินไปที่มุมหนึ่ง นพดลจัดที่ทางเรียบร้อยกำลังเอนหลังพิงฝา ยกมือขึ้นทักแล้วหลับตา รัตนากรยิ้มให้แล้วปล่อยกระเป๋าลงบนพื้นแล้วทรุดตัวลงนั่งเอาหลังพิงฝา ชักปืนขึ้นมาตรวจความเรียบร้อย
“ผมจะออกไปเดินเล่นซะหน่อย ไม่อยากอยู่ในนี้”
รัตนากรชำเลืองมองวีรกิจ แต่ไม่พูดอะไร เอากระสุนใส่แมก
“ระวังหน่อยก็ดีนะคะถามทิศทางก่อน”
“โธ่คุณกาญก็ ผมลุยป่าที่อเมริกามาแล้ว หนาทึบใหญ่กว่าที่นี่ตั้งหลายเท่า”
รัตนากรเหล่ด้วยความรำคาญ แต่ไม่พูดอะไร กาญจนามองอยู่เห็นสีหน้ารัตนากร รีบพูดเตือน
“ไม่เหมือนกัน มีคนคอยตามเราอยู่”
“โอเค ผมจะระวัง พอใจหรือยังครับ”
กาญจนาฝืนยิ้มให้ รัตนากรเหล่อีก ยัดกระสุนใส่แมก เสียอารมณ์แต่ไม่พูดอะไร วีรกิจมองรัตนากร
แวบหนึ่งแล้วเดินลงไปจากบ้าน กาญจนาหันมามองรัตนากรแว่บหนึ่งแล้วเอนตัวหลังพิงสัมภาระหลับตาลง
รัตนากรชำเลืองมองเห็นน้องสาวหลับก็ได้แต่ถอนใจ เติมกระสุนต่อไป นพดลพูดเบาๆ ไม่ได้ลืมตา
“ใจเย็นๆ”
รัตนากรขำนพดล

วีรกิจลงมาจากบ้าน เห็นอัศวินยืนมองทีมงานจัดพื้นที่อยู่จึงเดินเข้าไปหา อัศวินได้ยินเสียงฝีเท้าหันมา
เห็นเป็นวีรกิจก็เซ็ง
“คุณอัศวินขอคุยด้วยหน่อย”
“เชิญ”
“ผมว่าเพื่อนคุณเอาชีวิตพวกเราไปเสี่ยง มีอย่างที่ไหนจอดรถกลางดงโจรสู้กับพวกมัน แทนที่จะรีบขับรถฝ่าออกไป”
“ความจริงผมไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรกับคุณ แต่คิดว่าบอกก็ดี คราวหน้าคุณจะได้ไม่ต้องมาถามผมอีก”
วีรกิจหงุดหงิด
“หนึ่ง เส้นทางที่เราจะฝ่าออกไป สองข้างทางเป็นป่าทึบ พวกมันซุ่มยิงได้อย่างสบาย สอง ในขณะที่เราเคลื่อนไหว ต่อให้ยิงแม่นแค่ใหนก็ยากที่จะได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ เราจะถูกสอยอย่างไม่เป็นท่า”
วีรกิจเริ่มหน้าเสีย
“ดังนั้น เราจึงจอดรถในที่ที่ได้เปรียบ ล่อให้พวกมันออกมา จัดการกับพวกมัน จนพวกมันถอย แล้วฉวยโอกาสฝ่าพวกมันออกมาได้อย่างปลอดภัย ให้คุณรอดมายืนบ่นอยู่ตรงนี้”
“คือ คือว่า”

อัศวินยิ้มแล้วเดินออกไป วีรกิจหน้าเสีย แต่ก็เสียอารมณ์

ขบวนของโจซิง มาจอดพรืด เวจางลงไปสำรวจร่องรอย หน้าเคร่งเครียด แล้ววิ่งมาที่รถของโจซิง

“มีรอยรถแยกออกไปสามทาง”
“พวกมันแน่มาก เราพักที่นี่ รอให้พวกมันโผล่หัวเข้าเส้นทางรถพรุ่งนี้”
เวจางพยักหน้ารับแล้วออกไป โจซิมองรอบๆ ด้วยความแค้นใจ

อัศวินยืนอยู่กับชาติ อิทธิกับทีมสองสามคนเดินเข้ามา
“สบายมาก พวกมันหลงตั้งค่ายอยู่ข้างนอกตามรอยเราไม่เจอ จนกว่าเราจะออกเดินทางพรุ่งนี้”
“ขอบใจมากเพื่อน” อัศวินพอใจ
“แต่ยังไงเราก็มีเวรยามคอยระวังอยู่” ชาติบอก
“อย่างน้อยก็หลับกันสบาย”
ทั้งสามต่างยิ้มให้กัน แต่แล้วเสียงปืนดังเปรี้ยงๆ ขึ้นมา อิทธิ กับ ชาติ และ อัศวินรีบออกไป
“ที่เหลืออยู่เฝ้าที่นี่”
ชาติหันมาสั่ง ทีมงานทุกคนแปรขบวน แบ่งจุดเฝ้าระวังอย่างเข้มแข็ง

โจซิงหันขวับตามเสียงปืน
“เสียงปืน พวกมันมีคนโง่อยู่ในขบวนด้วย”
อังโซะยิ้มให้อย่างพอใจ เวจางเข้ามารายงาน
“เสียงปืนห่างจากเราไปทางเหนือไม่ถึงสามกิโล”
“ส่งคนออกไปหาพวกมันให้เจอ”
เวจางรีบออกไป โจซิงดึงอังโซะเข้ามากอด ยิ้มกันเหมือนกับเจอของถูกใจ

บริเวณราวป่าหลังบ้านพัก อิทธิ อัศวิน ชาติ ออกมา เห็นวีรกิจยืนถือปืนพกอยู่ และยังยกส่องยิงเข้าไปในป่าอีกเปรี้ยงๆ อิทธิถลาเข้าไปถึงก่อน คว้าปืนมาจากวีรกิจ แล้วเงื้อหมัด แต่ชาติจับไว้ได้ทัน
“นี่จะบ้าไปเหรอ เอาปืนผมมา”
อิทธิโยนปืนลอยลิ่วไปไกลแล้วเดินดุ่มๆ ออกไป
“นี่คุณรู้หรือเปล่าว่ากระบอกละเท่าไหร่”
อัศวินเข้ามาคว้าคอเสื้อวีรกิจ ตาลุกวาว จนวีรกิจหายใจแทบไม่ออก
“แกล้งโง่หรือว่าโง่จริงๆ กันแน่”
“พี่อัศวิน”
ชาติกับอัศวินหันมา เห็นกาญจนายืนอยู่ รัตนากรยืนอยู่ข้างหลัง อัศวินปล่อยคอเสื้อผลักวีรกิจออกไป
“คุณกาญจนา ผมแค่เห็นอะไรวูบวาบอยู่ในราวป่า ก็เลยยิงสกัดออกไป”
รัตนากรจะเข้าไปจัดการ อัศวินคว้าเอวไว้ทัน
“ปล่อยรัตน์”
“รัตน์”
อัศวินปรายสายตาไปที่กาญจนา ทันใดนั้นเสียงปืนดังเปรี้ยงๆ ขึ้นมาอีกในระยะไกล ทั้งหมดต่างมองหน้ากัน

เสียงปืนเปรี้ยงๆๆ มาทางอีกด้านหนึ่ง ทุกคนต่างมองหน้ากัน โจซิงแปลกใจ
“เสียงปืน อะไรกันอีกวะ”
“เสียงปืนมาจากทิศตะวันออก พวกมันวางแผนให้เราสับสน”
“เรียกพวกเรากลับมา”
เวจางพยักหน้ารับ หันไปส่งสัญญาณมือ พวกมันที่เหลือต่างแยกย้ายกันเอาสัมภาระลงจากรถ

ซามูค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากราวป่าทึบ พยักหน้าอย่างพอใจแล้วค่อยๆ เคลื่อนตัวหายไป ในขณะที่ชาติยิ้ม พอรู้อะไรบ้างแล้ว
“เสียงปืนต้องเป็นฝีมือของซามู ซามูล่อพวกนั้นไปทางอื่นแล้วครับ”
“นายแน่ใจ”
“ชัวร์ แต่ฉันออกไปดูข้างนอกดีกว่า”
ชาติเดินออกไป รัตนากรจ้องวีรกิจ สะบัดหลุดจากอัศวิน เดินสวนกาญจนาออกไป กาญจนาถอนใจ เดินผ่านอัศวินเข้าไปที่วีรกิจ
“คุณวีรกิจ เป็นคนยิงปืน”
“ใช่ ไม่เห็นจะ”
กาญจนายกมือขึ้น ให้วีรกิจเงียบ วีรกิจเงียบไป
“คุณทำให้ชีวิตพวกเราเสี่ยงกับอันตราย”
วีรกิจคาดไม่ถึง กาญจนาหันกลับไปหาอัศวิน
“เชิญพี่อัศวินอบรมสั่งสอนได้ตามสบาย”
กาญจนาเดินออกไป
“เดี๋ยวครับ คุณกาญ”

วีรกิจขยับตัวจะตาม แต่อัศวินขวางไว้ สายตาน่ากลัว วีรกิจสยอง รีบถอยหลังออกไป

รัตกรเดินระงับอารมณ์ออกมาเรื่อยๆ จนสุดบริเวณค่าย เห็นทีมงานถือปืนปรากฏตัวออกมา รัตนากรโบกมือให้ ทีมงานถอยออกไป แต่แล้วเห็นเงาแวบอยู่ด้านนอก รัตนากรชักปืนขึ้นนา

“ผมเองครับ”
ชาติร้องบอก รัตนากรเก็บปืน“คุณคิดว่าเสียงปืนของซามูจะล่อให้มันสับสนได้มั้ยคะ”
“โชคดีที่ค่ายของเราหลบซุ่มอยู่ในที่ลึกลับ เสียงปืนมาจากหลายทิศ ผมคิดว่ามันไม่มีทางหาพวกเราเจอ”
“เราควรจะออกไปตรวจดู”
“อิทธิกับทีมออกไปตรวจดูอยู่แล้วครับ”
“ถ้ายังงั้นก็ค่อยสบายใจหน่อย ต้องขอโทษแทนยัยกาญด้วยนะคะที่พาคนอย่างนั้นมา”
ชาติยิ้ม
“อะไรคะ”
“คุณคงห่วงคุณกาญจนามาก”
“ค่ะ”
“ผมว่าคุณสบายใจได้ ไปพักให้สบายเถอะครับ”
“เยส เซ่อร์”
ชาติยิ้ม รัตนากรเดินออกไป

กาญจนายืนระงับอารมณ์อยู่ในบริเวณ แต่ห่างออกไปจากทีมงาน วีรกิจเดินหน้าจ๋อยเข้ามา
“ผมขอโทษครับ คุณกาญ ผมแค่พยายามจะช่วย”
กาญจนาถอนใจหันมา
“ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกค่ะวี เป็นความผิดของกาญเองที่ให้คุณมา”
“แต่ผมตั้งใจที่จะมาดูแลคุณจริงๆ นะครับ”
“ดิฉันรู้ ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป คุณวีต้องเรียนรู้จากทีมงานให้มากๆ การเดินทางครั้งนี้ มีชีวิตของทุกคนเป็นเดิมพัน”
วีรกิจจับมือกาญจนาไว้
“ผมจะปรับปรุงตัวครับ เพื่อคุณ”
“ดีค่ะ”
ทั้งสองยิ้มให้กัน

ชาติกับทีม แยกย้ายกันยืนระวังอยู่ อัศวินเดินเข้ามา
“เป็นไงบ้าง”
“เดี๋ยวก็รู้”
เสียงผิวปากส่งสัญญาณเข้ามา ชาติผิวปากส่งสัญญานออกไป สักครู่ก็เห็น อิทธิกับ ทีมงานสองคนเดินเข้ามาพร้อมด้วยซามู เดินหน้าระรื่นกันเข้ามา
“ฉันว่าเราสบายใจได้”
อัศวินยิ้มโบกมือให้อิทธิ ทั้งหมดเดินเข้ามาใกล้
“ซามูรายงานว่าพวกมันหลงหาพวกเราไม่พบ ตั้งค่ายอยู่ตรงเส้นทาง รถห่างจากที่นี่ไปเกือบห้ากิโล”
“แบบนี้พวกมันไม่เสี่ยงที่จะตามรอยเข้ามาหรอก”
“ขอบใจมากซามู”
ซามูยิ้มให้อัศวิน เดินเข้าไปหาชาติ ชาติตบไหล่ซามูเบาๆ ชี้ให้เข้าไปพักข้างใน ซามูทำมือกระดก หมายถึงอยากดื่มเหล้า ทีมงานทั้งหมดต่างยิ้มกัน
“ตกลงแกฝังไอ้น้องเขยไว้ที่ไหนวะอัศวิน”
ชาติขำ
“เกือบเหมือนกัน แต่คราวหน้าไม่แน่”
ทั้งหมดต่างขำ แล้วเดินกันเข้าไปด้านใน

กลางคืน กองไฟถูกก่อขึ้นตรงกลางลาน ทีมงานแบ่งกำลังกันเฝ้าอยู่ตามจุดต่างๆ เพื่อความไม่ประมาท ส่วนที่เหลือชุมนุมกันอยู่รอบกองไฟตรงกลางลาน ต้นไม้ขนาดเส้นผ้าศูนย์กลางคืบหนึ่ง สองลำต้นปักไว้ตรงกลางลานใกล้ๆ กัน มีผ้ากว้างขนาดคืบหนึ่งพันรอบไว้ทั้งสองต้นให้เป็นเป้า พวกทีมงาน เล่นขว้างมีดปักเสากันส่งเสียงเฮ มีชาติ กับ อิทธิ และนภดลรวมอยู่ด้วย รัตนากรเดินเข้ามาเจอทีมงานก่อนที่จะถึงลานตรงกลาง
“ทำอะไรกันจ๊ะ”
“พี่ชาติ กับ พี่อิทธิ ดวลฝีมือขว้างมีดกันครับ”
รัตนากรยิ้ม เดินเข้าไปดู มีดสั้นขนาดเหมาะมือ ปักเข้าที่กลางต้นไม้ตรงผ้าอย่างแม่นยำ เสียงทีมงานเฮกันอย่างสนุก
“ทุกคน ขอแนะนำคุณรัตนากรอย่างเป็นทางการ”
ทีมงานต่างส่งเสียงงึมงำ รัตนากรยิ้มให้กับทุกคนหมุนตัวไปรอบๆ
“ฝากตัวด้วยนะคะ”
“ผมเบื่อที่จะดวลขว้างมีดกับพี่ชาติของเราเต็มที เพราะวันนี้จะมีคนใหม่ให้เราได้ดูฝีมือ”
เสียงเฮกัน รัตนากรโบกมือส่ายหน้า
“โน โน โน สู้ไม่ไหวหรอกค่ะ”
“เอาน่ารัตน์ โชว์ฝีมือหน่อย” นพดลคะยั้นคะยอ
“เอาเลยครับคุณรัตนากร สั่งสอนมันให้เข็ด” ชาติยุ
“ยอมแพ้ค่ะ”
“ถ้าคุณรัตนากรชนะ แกจะว่ายังไง” ชาติหันไปถามอิทธิ
“ผมยอมเป็นทาสรับใช้ของคุณรัตนากรเป็นเวลาสองวัน”
เสียงคนเฮ รัตนากรยิ้ม
“แบ่งมาให้พี่วันหนึ่ลก็ได้นะ” นพดลแซว
“เอ้าพวกเรา ใครอยากเห็นฝีมือคุณรัตนากรมั่ง”
เสียงเฮกันทั่วหน้า รัตนากรไม่อยากขัดใจทุกคน จึงก้าวออกมา เสียงคนเฮ
“ถ้าฉันแพ้ ต้องเป็นทาสของคุณอิทธิกี่วันคะ”
“ถ้าคุณรัตนากรแพ้ แค่หอมแก้มผมฟอดเดียวพอครับ”
เสียงคนเฮ ตบมือชอบใจ อิทธิจ้องท้าทาย รัตนากรมองอิทธิยิ้มดูเชิง
“ว่าไงครับคุณรัตนากร จะทำให้หัวใจของพวกเราชุ่มชื่นกันได้มั้ยครับ”
เสียงทุกคนเฮกันอีก รัตนากรยิ้ม มองทุกคน ชาติยกมือขึ้น ทุกคนค่อยๆ เงียบกัน
“ด้วยความยินดีค่ะ”

เสียงพวกทีมงานต่างเฮอย่างพอใจ
 
อ่านต่อหน้า 3

เนตรนาคราช ตอนที่ 4 (ต่อ)

กาญจนายืนอยู่กับอิศวินตรงระเบียง แปลกใจว่ามีอะไร เพราะได้ยินเสียงคนเฮ

“เกิดอะไรขึ้นทางโน้นคะ”
“ทีมงานคงสนุกกันนิดหน่อย”
วีรกิจเดินออกมา
“เสียงดังแบบนี้ ทำไมไม่มีใครว่า”
“เพราะสายของเรารายงาน พวกมันตั้งแคมป์ห่างออกไปอย่างน้อยห้ากิโล และไม่จำเป็นต้องตามหาพวกเราจนกว่าจะเช้า”
วีรกิจเงียบ เดินกลับเข้าไปในบ้าน กาญจนาถอนใจ
“กาญขอโทษจริงๆ ค่ะพี่อัศวิน กาญตัดสินใจผิดที่ให้คุณวีรกิจมาด้วย”
“แล้วไปแล้ว อย่าคิดมาก”
เสียงเฮดังขึ้นอีก
“เราเดินไปดูกันหน่อยดีมั้ย จะได้ไม่เบื่อ”
“พี่อัศวินไปเถอะค่ะ กาญจะอยู่เป็นเพื่อนคุณวีรกิจสักหน่อย จะได้คุยกันให้รู้เรื่องด้วย”
“เบาๆ มือหน่อยนะ”
กาญจนายิ้ม อัศวินเดินออกไป

ทีมงานส่งเสียงเฮ เชียร์กัน รัตนากรยิ้มก้าวออกมา ยื่นมือมาที่ชาติ ชาติส่งมีดให้ รัตนากรรับมาเดาะเล่นในมือหาน้ำหนัก
“กติกาง่ายๆ ทั้งสองคนต้องขว้างมีดให้ตรงผ้าที่มัดไว้”
“เชิญคุณอิทธิก่อนเลยค่ะ”
“เดี๋ยว มีใครอยากจะร่วมแข่งด้วยอีกมั้ย เดิมพันเหมือนเดิม เป็นทาส แลกกับหอมแก้มหนึ่งฟอด”
เสียงทีมงานหัวเราะกัน มีคนผลักทีมงานคนหนึ่งออกมา เสียงเฮลั่ ทีมงานรีบกลับเข้าไป ต่างหัวเราะกัน
“โอเค แค่สองคน เริ่มได้”
อิทธิก้าวออกมา
“ถ้ายังงั้นผมขออณุญาต”
อิทธิเดาะมีดในมือแล้วสะบัดมือขว้างออกไป มีดปักที่กลางเสาและถูกส่วนหนึ่งของผ้าด้านบนไม่ตรงกลาง เสียงทีมงานเฮ รัตนากรยิ้ม เดาะมีดในมือ
“เป็นทาสเนี่ยต้องทำอะไรมั่งคะ”
“สารพัดครับ คุณรัตน์ เช่น เอาเสื้อผ้าไปซักให้ เอาปืนไปทำความสะอาด จัดการบริการอาหารการกิน น้ำ สารพัด ทาสสุดๆ ครับ”
ทีมงานเฮ รัตนากรยิ้ม ชำเลืองมองอิทธิ เสียงทีมงานร้องเชียร์
“ทาส ทาส ทาส ทาส”
ชาติยกมือ ทุกคนเงียบ รัตนากรหน้าเคร่ง เดาะมีดในมืออีกครั้ง แล้วสบัดมือปล่อยมีดออกไป มีดพุ่งไปปักกลางลำต้นดังตึบ แต่ไม่ถูกบริเวณผ้า เสียงทีมงาน เฮ อิทธิยิ้มมองรัตนากร รัตนากรแบมือสองข้างออก ชาติเข้ามาตบไหล่อิทธิ “รู้สึกว่าคุณรัตนากรจะไม่อยากได้แกเป็นทาส”
“อยู่ถึงในป่า ยังมีสาวหอมแก้มก็โอเคแล้ว”
รัตนากรยิ้ม อิทธิเอานิ้วชี้จิ้มที่แก้ม ทีมงานเชียร์
“หอม หอม หอม หอม”
ชาติยกมือขึ้น ทีมงานเงียบ ต่างจ้องรัตนากรซึ่งยืนอยู่ตรงข้ามอิทธิ ห่างกันประมาณสามก้าว แต่แล้วทันใดนั้นก็มีมีดสั้นเล่มหนึ่งวิ่งเข้ามาปักตรงกลางเสา และกลางบริเวณผ้าอย่างแม่นยำ ทุกคนหันไปดู เห็นอัศวินยืนยิ้มอยู่

ชาติยิ้มเมื่อเห็นฝีมือของอัศวิน
“รู้สึกว่าเราจะมีผู้ชนะคนใหม่ซะแล้ว”
อัศวินเดินเข้ามาระหว่างรัตนากรกับอิทธิ อิทธิยิ้มล้อ
“ก้างขวางคอ”
อัศวินยิ้ม รัตนากรยกมือขึ้น
“เดี๋ยวก่อน”
ทุกคนต่างเงียบและฟัง
“พี่อัศวินไม่ได้เล่นตอนแรก ไม่นับ”
ทีมงานต่างเฮ อัศวินยิ้ม
“งั้นถือว่า อิทธิเป็นผู้ชนะ”
ทีมงานเฮ อิทธิยิ้ม แบมือทำท่ากับอัศวินว่าเสียใจด้วย อัศวินพยักหน้ายิ้มรับ
“และ รางวัลสำหรับผู้ชนะ”
ชาติผายมือไปที่รัตนากร รัตนากรยิ้มเดินเข้ามาหอมแก้มอิทธิหนึ่งฟอด ทีมงานต่างเฮ ตบมือกันสนุกสนาน รัตนากรชำเลืองมองอัศวิน อัศวินพยักหน้ายิ้มให้

คืนนั้น รัตนากรควงแขนอัศวินเดินมาที่บ้าน
“รัตน์ทำได้ดี ที่ยอมมือให้อิทธิ”
“คุณอิทธิเขาออมมือให้รัตน์ก่อนตะหาก”
“อืม ใช่ อิทธิมันไม่ใช้ฝีมือหลอกให้สาวหอมหรอก”
“ก็ขอบใจพี่อัศวินที่อุตส่าห์โชว์ฝีมือหวงน้องสาว คงไม่ว่าที่รัตน์ไปหอมชายหนุ่ม”
“พี่จะมีสิทธิ์ไปว่าอะไร”
รัตนากรหยุดเดิน

“พี่มีสิทธิ์อยู่แล้ว อยู่ที่ว่าพี่จะใช้สิทธิ์หรือเปล่า”

อัศวินจ้องตารัตนากร หญิงสาวเลยแกล้งทำหน้าล้อ อัศวินยิ้มแล้วดันหัวรัตนากรเบาๆ ต่างยิ้มขำ สองคนเดินไปที่บ้าน พอถึงหน้าบ้าน รัตนากรก้าวขึ้นไป แต่อัศวินหยุด

“พี่คิดว่าจะอยู่ต่ออีกนิด”
“ต้องคอยระวังความปลอดภัยเหรอคะ”
“ไม่หรอก ทีมงานมีอยู่แล้ว พี่แค่อยากจะตรวจดูอะไรสักหน่อย รัตน์ไปนอนได้แล้ว”
“ถ้ารัตน์ยังไม่อยากไปนอนล่ะ”
“พี่ก็จะใช้สิทธิ์ของความเป็นพี่ บังคับให้ไปนอน”
“งั้นกู๊ดไนท์ค่ะ”
อัศวินยิ้ม รัตนากรเดินขึ้นไปบนบ้าน อดไม่ได้ที่จะหันมามองอัศวินซึ่งยืนหันหลังให้อยู่
“มัวแต่ใช้สิทธิ์ของความเป็นพี่ ไม่รู้จักใช้สิทธิ์อย่างอื่นก็ช่วยไม่ได้”
รัตนากรทำหน้าเบ้ใส่ อัศวินหันมาพอดี
“อ้าวยังไม่ไปนอนอีก”
“ไปแล้วค่ะ”
อัศวินขำ ยังไม่รู้เรื่องว่ารัตนากรรู้ความในใจของเขาแล้ว

กลางดึก อัศวินยืนอยู่ตรงหน้าระเบียงบ้าน กราดสายตามองรอบ แต่แล้วก็หยุด สัมผัสการเคลื่อนไหวได้
“นอนไม่หลับเหรอจ๊ะ”
“ค่ะ”
อัศวินหันไปก็เห็นกาญจนาเดินเข้ามาจนใกล้
“มีอะไรไม่สบายใจบอกมา”
“ทุกอย่างค่ะ อยู่ๆ กระบอกทองเหลืองใส่แผนที่ก็เปิดออกได้เองโดยไม่มีสาเหตุ การเดินทางครั้งนี้ดูลึกลับไปหมด”
“อืม คิดว่าคุณพ่อช่วยก็แล้วกัน”
“หวังว่าเป็นอย่างนั้น แต่กาญไม่ชอบเลย ก้าวไปข้างหน้าโดยยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน”
อัศวินยิ้มให้กำลังใจ พลางโอบกาญจนาไว้
“พี่เชื่อว่า เมื่อถึงเวลา คำตอบต่างๆ ก็จะเฉลยออกมาเอง สู้ๆ โอเค”
กาญจนายิ้มให้
“มีพี่อัศวินอยู่นี่ทั้งคน กาญสู้อยู่แล้วค่ะ”
อัศวินยิ้ม จับไหล่กาญจนาหันมา
“ยังมีพี่รัตน์อีกคน อย่าลืม”
กาญจนาถอนใจฝืนยิ้ม
“กู๊ดไนท์ค่ะ”
กาญจนาเดินกลับไป อัศวินมองตาม ทันใดนั้นหันกลับไป ก็เล็งปืนไปยังเงาของคนด้านล่าง
“ฉันเองเพื่อน”
ชาติเดินเข้ามา
“คุณกาญโกรธคุณรัตน์ก็ไม่ถูก เป็นเรื่องสุดวิสัย แต่ก็น่าเห็นใจคุณกาญ”
“อืม พูดถึงเรื่องยัยกาญ ฉันมีเรื่องจะขอร้องนาย”
“ว่ามาเพื่อน”
“ฉันอยากให้นายคอยจับตาดูอย่าให้อะไรเกิดขึ้นกับยัยกาญ”
ชาติรีบออกตัว
“ฉันก็ดูแลทุกคนอยู่แล้ว นายไม่ต้องห่วง”
“ฉันรู้ แต่ฉันหมายถึงยัยกาญเป็นพิเศษ”
ชาติอึกอักนึกว่าอัศวินจับได้ว่าเขาสนใจกาญจนา
“ฉันกับรัตน์ห่วงยัยกาญ พวกมันแต่ละคนมีฝีมือร้ายกาจ กลัวว่าถ้าติดพันนัวเนียแล้วจะไม่ทันการ ถ้าแกกับซามูคอยประกบยัยกาญเป็นพิเศษฉันจะขอบใจมาก”
ชาติลอบถอนใจโล่งอก
“อ๋อ ได้เลยเพื่อน”
“ขอบใจมาก”
อัศวินยิ้มสบายใจเดินออกไป ชาติถอนใจโล่งอก แต่แล้วก็หยุด ระแวดระวัง
“แกไม่รีบโผล่มา ฉันยิงหัวแน่”
อิทธิโผล่เข้ามาทางด้านหลัง ชาติหันไป อิทธิยิ้ม
“อย่างนี้เขาเรียกว่าสวรรค์เป็นใจ”
“แอบฟังคนอื่นเสียมารยาท”
“ฉันกลับเข้ามาจากลาดตระเวน ได้ยินโดยบังเอิญน่ะเพื่อน จะโผล่มาตอนนั้นกลัวว่านายจะเขินหนักถูกไอ้อัศวินมันอ่านใจออก นายต้องขอบใจฉันถึงจะถูก”
“เออ เออ ข้างนอกเป็นไง”
“ข้างนอกเรียบร้อยดี แล้วข้างใน ของแกเป็นยังไง”

อิทธิตบตรงหัวใจชาติ ชาติส่ายหน้ารำคาญเดินออกไป อิทธิขำ

คืนนั้น รัตนากรนอนกระสับกระส่าย ฝันถึงเหตุการณ์เมื่อ 500 ปีก่อน ที่พี่ชายส่งกระบอกทองเหลืองให้น้องชาย

“ข้าทำแผนที่ไว้ เราจะได้กลับมาที่นี่เมื่อถึงเวลา เจ้าเก็บไว้ให้ดี”
น้องชายรับมาเก็บไว้ในย่ามของตน
“หย่อนหีบลงไปในแอ่งน้ำ”
พี่ชายสั่ง ลูกน้องขยับจะทำตาม แต่ทันใดนั้น ชายฉกรรจ์นับสิบๆ วิ่งเข้ามา ชายพี่น้องต่างกระชากดาบออกมา น้องชายตวัดสายตาไปยังคนถือคบที่มาด้วยกัน
“ไอ้เลวชาติ ไอ้คนคด”
ชายคนถือคบ รีบไปยืนกับฝ่ายที่เข้ามาใหม่
“ส่งเนตรนาคราชมาให้พวกข้า”
“ข้ามีแต่ความตายให้พวกเจ้า”
พี่ชายสะบัดมือ มีดสั้นพุ่งไปปักอกชายถือคบคนทรยศอย่างแม่นยำ จนตาย พวกชายฉกรรจ์บุกเข้าจู่โจมสองพี่น้อง พวกมันล้มตายด้วยฝีมือของสองพี่น้อง หัวหน้าโบกมือเรียกลูกน้องเข้ามาอีก สองพี่น้องถูกธนูยิงบาดเจ็บ แม้ว่าจะบาดเจ็บแต่ก็บุกฆ่าพวกมันล้มไปอีกหลายศพ หัวหน้าสั่งลูกน้องให้เปิดหีบที่มีเนตรนาคราชอยู่ข้างใน ภายในหีบมีถุงผ้ายันต์สีแดงปิดอยู่ด้านบน หัวหน้าสั่งให้เปิดถุงออก
น้องชายที่บาดเจ็บส่งเสียงแหบพร่าห้ามไม่ให้เปิด แต่ช้าไป ถุงถูกเปิดออก แสงจ้าสาดออกมา สำแสง
พุ่งใส่เพดานถ้ำ จนเพดานถ้ำถล่มลงมาเกิดเป็นไฟลุกทั่วทั้งถ้ำ พวกมันส่งเสียงร้องโหยหวน ถูกไฟลุกท่วม ถ้ำถล่มทลายจนทุกอย่างมืดสนิท
รัตนากรลุกพรวดขึ้นมาในความมืด หายใจแรง อัศวินเป็นคนปลุก
“รัตน์ฝันไปน่ะ”
รัตนากรหันมาเห็นอัศวินนั่งอยู่ข้างๆ ก็ถอนใจ
“รัตนไม่เป็นไรค่ะ”
“นอนเถอะจ้ะ พี่จะคอยปลุกเอง ถ้ารัตน์ฝันอีก”
“ถึงรัตน์จะห้ามพี่อัศวินก็ไม่ฟัง”
อัศวินพยักหน้า
“นอนซะ”
รัตนากรยิ้มให้แล้วล้มตัวลงนอน อัศวินยิ้ม กอดอกนั่งพิงผนังห้องจ้องมองหญิงสาวอย่างห่วงใย แล้วก็หลับตาลง

ตอนเช้า ขบวนรถของอัศวินวิ่งเรียงกันไปตามเส้นทางในป่า จนกระทั่งออกมาถึงเส้นทางถนน ชาติยกมือให้ขบวนหยุด ซามูยืนอยู่ตรงหน้า วิ่งเข้ามาทำไม้ทำมือรายงาน ชาติพยักหน้า ซามูวิ่งเข้าป่าไปอีก ชาติลงจากรถเดินมาที่รถของอัศวิน
“พวกมันตั้งขบวนรอเราแต่เช้า อยู่ข้างหลังประมาณสามกิโล”
“โอเค ให้พวกมันตามมา”
“ซามูคอยดูอยู่ ถ้ามันใกล้มากกว่านี้มันจะเข้ามารายงาน”
“ผมสงสัย คนของคุณจะวิ่งตามรถมารายงานได้ทันหรือเปล่า”
ชาติมองวีรกิจเกือบจะเอาเรื่อง แต่เห็นสีหน้าของกาญจนาเลยรีบฉีกยิ้มให้
“ซามูไม่ได้วิ่งตามรถครับ รถเราต้องวิ่งตามทาง ซามูวิ่งตัดเข้าป่าร่นระยะทาง ทันแน่นอนครับ”
วีรกิจเงียบไป กาญจนายิ้มให้ชาติ
“ขอบคุณค่ะคุณชาติ กาญก็สงสัยเหมือนกัน”
ชาติยิ้มให้กาญจนาที่รักษาหน้าของวีรกิจ เขาหันมาก็เจออัศวินกับรัตนากรซึ่งพยักหน้าให้เป็นเชิงขอบใจที่รักษาความรู้สึกของกาญจนา ชาติยิ้มตอบ แล้วโบกมือให้รถของอิทธิ อิทธิโบกตอบ ชาติเดินไปที่รถของตน นพดลหันมาถามอิทธิ
“มีอะไรเหรอ”
“สบายใจได้หมอ ผมอยู่ทั้งคนไม่ต้องห่วง”
“ดีมาก ถ้าเจ็บตัวมาหมอจะดูแลเป็นพิเศษ”
“อ้าวหมอ แช่งเหรอ”
อิทธิเหล่ นพดลขำ

โจซิงนั่งอยู่ที่ด้านหลังของรถ นัวเนียอยู่กับอังโซะ เวจางเดินเข้ามา
“พวกมันกำลังเข้าเส้นทางรถ”
“ดี เตรียมเคลื่อนขบวน”
ทีมงานถือวิทยุสื่อสารดาวเทียมเข้ามา
“คุณเฮนรี่ ครับ”
โจซิงรับวิทยุมา
“คุณเฮนรี่ คิดถึงผมแต่เช้า”
“เป็นไงบ้าง”
“เราตามขบวนของมันห่างๆ ตอนนี้ให้มันนำทางไปก่อน”
“ฉันได้พรานชำนาญทางมาแล้ว จะมาเจอกับนายที่จุดเชื่อมต่อ ตอนนี้ถ้ามีโอกาสชิงแผนที่ได้เลย”
“ได้”
“ดี อยากได้อะไรเพิ่มเติม แจ้งมา กำลังคน อาวุธ ได้ทั้งนั้น”
“กำลังของผมแค่นี้เหลือเฟือ จัดการกับพวกมันได้”
“อย่าประมาท พวกนั้นก็มีฝีมือ แล้วก็ไม่ใช่มีเราพวกเดียวที่จ้องตะครุบเนตรนาคราช”
“ไม่ต้องห่วงน่า”
“จำไว้ ลูกสาวสองคนของ ดร.มานพ ต้องไม่ได้รับอันตราย สองคนนั่นรู้คำตอบเกี่ยวกับเนตรนาคราชมากกว่าทุกคน”
โจซิงวางสาย ยักไหล่ไม่สนคำเตือน ส่งวิทยุคืนให้ทีมงาน
“เวจาง เคลื่อนขบวน”
เวจางหันไปโบกมือ ขบวนรถเคลื่อนออกไป

เฮนรี่วางสายวิทยุ เคร่งเครียด
“ไอ้พวกใช้แต่กำลัง เก่งกันทั้งนั้น”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เฮนรี่เดินไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา
“เฮนรี่พูดสาย Mom”

เฮนรี่ตกใจ แปลกใจ

เวลาต่อมา เฮนรี่เข้ามาในคอฟฟี่ช็อพของโรงแรมอย่างเร่งรีบ ตรงมาที่โต๊ะหนึ่ง มีหญิงสาวต่างชาตินั่งอยู่ เขารีบเข้าไปนั่งตรงข้ามอย่างแปลกใจ

“คุณแม่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
“คิดจะถามสักคำมั้ย ว่าแม่สบายดีเหรอเปล่า”
เฮนรี่ฝืนยิ้มให้
“คุณแม่สบายดีนะครับ”
“แม่ฝันร้ายเกี่ยวกับลูก”
“โธ่ คุณแม่ แค่ฝันเอง โทรมาคุยกันก็ได้ครับไม่ต้องเหนื่อยมา”
แม่มองหน้าเฮนรี่อย่างเคร่งเครียด เฮนรี่จึงต้องเงียบหุบยิ้ม
“ที่แม่มาเพราะคิดว่า อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่แม่จะได้เห็นลูก”
เฮนรี่ตกใจ
“แม่ฝันว่าลูกตาย เพราะเนตรนาคราช หรืออะไรก็ตามที่ลูกกำลังหาอยู่”
เฮนรี่ฝืนยิ้ม
“อย่าคิดมากครับ ผมฝันมาเป็นร้อยครั้ง ไม่เห็นจะจริงเลย”
“ให้คนไปส่งแม่ที่สนามบิน”
แม่เดินออกไป เฮนรี่ได้แต่มองตาม เครียด

อัศวินส่องกล้องกราดดูฝ่ายตรงข้ามอยู่บนเนินเขา ชาติกับอิทธิยืนอยู่ใกล้ๆ ขบวนของโจซิงวิ่งตะบึงเข้ามาแต่ไกล
“พวกมันเข้าใกล้ผิดปรกติ แบบนี้ท่าทางมันจะเล่นงานพวกเรา”
“เราเดินทางเร็วที่สุดแล้ว เร่งยังไงก็คงไม่พ้น” ชาติบอก
“ฉันว่าหาที่เหมาะๆ รอคุยกับพวกมันเลยดีกว่า” อิทธิเสนอ
“โอเค เราหาที่สวยๆ เตรียมรับมือกับพวกมัน” อัศวินเห็นด้วย
ทั้งสามคนเดินลงจากเนินไป

อัศวินกับชาติและอิทธิ เดินออกมาจากแนวป่า ขบวนรถและทุกคนจอดพักกินข้าวกลางวันกันอยู่
อัศวินหยุดเดิน ทำให้สองคนหยุดไปด้วย
“บอกแค่ทีมงานของเราให้เตรียมตัว คนอื่นยังไม่ต้อง”
ชาติกับอิทธิพยักหน้ารับ อัศวินเดินออกไป
“แกรู้ว่าควรจะทำยังไง” ชาติบอก
“แน่นอน” อิทธิรับคำ

อัศวินเดินเข้ามาหานพดลกับรัตนากรตรงกองไฟ ส่วนกาญจนาและวีรกิจยังคงนั่งอยู่บนรถ
“มีอะไรเหรอคะ” รัตนากรถามขึ้น
“ทุกอย่างเรียบร้อย”
“พวกมันหายไปแล้วเหรอ” นพดลถาม
“ยังตามอยู่เหมือนเดิม แต่ยังอยู่ในระยะปลอดภัย”
รัตนากรจับตาอัศวินจับพิรุธ
“ดี ฉันจะเข้าป่าระบายทุกข์ซะหน่อย”
“หยี คราวหลังไม่ต้องบอกก็ได้”
นพดลลุกออกไป อัศวินกับรัตนากรยิ้มขำ รัตนากรหันมาสบตาอัศวิน
“บอกมาซะดีๆ”
“อะไรเหรอ”
“พี่อัศวินรู้หรือเปล่า เวลาอยู่กับรัตน์ พี่อัศวินโกหกไม่เก่ง โดนจับได้ทุกที”
อัศวินเหล่แต่แล้วก็ยอม
“ท่าทางไม่สู้ดี พวกมันคงเปลี่ยนแผนใหม่ ใกล้เข้ามาผิดปรกติ เราต้องเตรียมพร้อม ตั้งรับกับพวกมัน”
“พวกมันคิดจะชิงแผนที่”
อัศวินพยักหน้า รัตนากรเครียด มือจับสายสะพายกระบอกแผนที่ขยับให้เข้าที่แน่นหนา

โรสเข้ามาในโรงเก็บของ วรชัยกับหน่วยพิทักษ์สองสามคนกำลังปรึกษาหารือกันอยู่
“พี่ชัย”
วรชัยหันไป พลางยกนาฬิกาขึ้นดู
“ถึงเร็วดีนี่”
โรสยิ้มกอดวรชัยหอมแก้ม
“ต้องชมคนขับฮ.ของพี่ชัย เล่นเอาโรสเกือบแย่”
โรสเดินมาจ้องแผนที่
“คุยอะไรกันอยู่”
“พวกของไอ้เคนเริ่มเตรียมกำลัง”
“แล้วไอ้เคน”
“สายบอกว่ามันกลับมาแล้ว แต่พี่ไม่เชื่อว่ามันจะบวกอะไรตอนนี้ ไอ้นี่มันฉลาด มันแค่รอ พอได้จังหวะก็ฉวยโอกาส”
“ตอนนี้ขบวนของ ดร.กาญจนา ถึงไหนแล้วคะ”
“ยังไม่ถึงครึ่งทาง ยังไงก็ตาม ทุกขบวนต้องมาเริ่มต้นที่จุดเชื่อมต่อตรงชายแดน หมู่บ้านชุมโจร”
“จุดเริ่มต้นของตำนานเนตรนาคราช”
“พรุ่งนี้พี่จะส่งโรสไปดักขบวนเดินทาง คอยดูช่วยเหลือดร. กาญจนา”
“ได้ค่ะ”
“ตอนนี้กำลังของเรากระจายรออยู่ทุกจุดคอยช่วยขบวนของ ดร. กาญจนา อยู่แล้ว แต่ไม่มี
การปะทะกับกับศัตรู โรสไปทางไหน ก็จะเจอคนของเรา”
“เวรี่ กู๊ด”
“ส่วนพี่จะไปดักรอที่หมู่บ้านชุมโจร รออยู่ที่นั่น”
“งั้นตกลงตามนี้ โรสว่าจะออกไปทักทายกับไอ้เคนแก้เซ็งซะหน่อย”
“ระวังตัวด้วย”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ไอ้เคนมันไม่กล้าทำอะไรโรสหรอก”

โรสเดินออกไป วรชัยได้แต่ยิ้ม
 
อ่านต่อหน้า 4

เนตรนาคราช ตอนที่ 4 (ต่อ)

เคนเดินเข้ามาในบาร์กับลูกน้อง ตรงไปที่โต๊ะหนึ่ง กวาดข้าวของบนโต๊ะ ไล่คนนั่งออกไป เคนหัวเราะชอบใจแต่แล้วลูกน้องก็กระเด็นมากองอยู่ตรงหน้า เคนมองไป แล้วยิ้มกว้าง

“น้องโรสนี่เอง กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมื่อเห็นนี่แหละ”
“นึกว่าจะไม่กลับมาซะแล้ว ไปอยู่ต่างประเทศซะนาน แต่ยังสวยเหมือนเดิม”
พวกมันคิกคักกัน โรสยิ้ม เดินเข้ามาใกล้ คนที่ฟุบอยู่กับพื้นเริ่มขยับตัวขึ้นมา โรสเตะโครม มันหงายนิ่งไป
“พี่ก็ยังเลวเหมือนเดิม”
พวกมันต่างหัวเราะ เคนยิ้ม
“แค่สนุกกันนิดๆ หน่อยๆ เอง”
“พี่สนุก คนทำมาหากินแถวนี้จะลำบาก อีกหน่อยก็ไม่มีใครมาเที่ยวที่นี่”
“ก็ได้ พี่จะทำตัวให้ดีขึ้น เพื่อน้องโรส”
“ดี ฉันก็จะพยายามดีกับพี่ เพื่อเห็นแกบรรพบุรุษของเราที่รู้จักกันมานาน”
“ชื่นใจ”
พวกมันเฮ
“แล้วฉันจะแวะมาสั่งสอนอีก”
พวกมันเฮอีก โรสเดินออกไป เคนมองตามยิ้มชอบใจ ลูกน้องที่นอนอยู่กับพื้นงัวเงียลุกขึ้นมา แต่ถูกเคนเตะโครมลงไปนอนอีก
“ทำตัวกันให้ดีๆ หน่อยเว้ย เผื่อน้องโรสจะเห็นใจพี่มั่ง”
พวกมันต่างหัวเราะกัน
“เอาเหล้ามาเลี้ยงทุกคน”
พวกมันเฮ เคนหัวเราะชอบใจ

ขบวนรถของอัศวินจอดพรืดบนเนิน อัศวินกระโดดลงจากรถคว้ากล้องส่องทางไกลแล้ววิ่งย้อนไปทางด้านหลัง ส่องเห็นขบวนของโจซิงตะบึงเร็วเข้ามาใกล้ ชาติกับอิทธิยืนอยู่ข้างๆ
“พวกมันเร่งน่าดู ใกล้เข้ามาแล้ว”
“มันเล่นงานเราแน่” ชาติประเมิน
อัศวินเครียด อิทธิหันมาสบตากับชาติ เครียดไม่แพ้กัน
“ชาติแกเอาทีมงานคุมพี่หมอกับยัยกาญแยกล่วงหน้าไปก่อน ฉัน อิทธิกับรัตนากรจะซัดกับพวกมันสักตั้ง เราจะแบ่งออกเป็นสามกลุ่ม แยกกำลังพวกมันออกจากกัน”
กาญจนากับวีรกิจมองหน้ากัน นพดลโดดลงมาจากรถของอิทธิ
“ระวังตัวด้วยทุกคน”
นพดลเดินเลยไปขึ้นรถของชาติ
“น้องกาญเร็วเข้า”
อัศวินเร่ง กาญจนากับวีรกิจคว้าเป้ของตนรีบลงจากรถของอัศวินแล้วไปขึ้นรถคันของชาติ
“ฉันว่านายน่าจะแบ่งเอาทีมงานไปด้วย” ชาติเสนอ
“ไม่ต้องหรอก ฉันกับคุณรัตนากรสองคนคล่องตัวกว่า”
“นายล่ะอิทธิ” ชาติถาม
“ฉันคนเดียวดีสุด ฉุกเฉินเผ่นได้ทัน ไม่ต้องห่วงใคร”
“แล้วเจอกันที่จุดนัดพบ”
“คุณชาติ ฝากยัยกาญด้วย” รัตนากรกระซิบ
ชาติยิ้ม พยักหน้าให้ความมั่นใจแล้วเดินไปที่รถ รัตนากรมองกาญจนา กาญจนาหันกลับมามองพี่สาว ต่างฝ่ายต่างจ้องกัน รัตนากรส่งยิ้มให้ กาญจนาพยักหน้ารับแล้วขึ้นรถของชาติไป ชาติโบกมือ รถเคลื่อนตัวออกไป อัศวินหันมาบอกอิทธิ
“อิทธิ นายแยกไปอีกทาง ฉันกับรัตนากรจะไปอีกทาง”
“ดี ดูซิว่ามันจะส่งใครมาจับคู่กับฉัน”
“แล้วเจอกันค่ะ”
“แน่นอนที่สุดครับ”
อิทธิยิ้มเครียด แล้วไปขึ้นรถ ขับแยกไปอีกทางหนึ่ง อัศวินพยักหน้าให้รัตนากร ทั้งสองขึ้นรถ

ขณะที่รถทั้งสามแยกกันออกไป โจซิงก็ส่องกล้องเห็นความเคลื่อนไหวทั้งหมด จึงหันมาสั่งเวจาง
“เวจาง ส่งทีมงานตามรถจิ๊ปคันหน้า แล้วเอ็งตามไอ้คันที่สองไป ส่วนข้ากับอังโซะจะตามอีกสองคนที่เหลือ ขอย้ำว่า ผู้หญิงสองคนต้องจับเป็น”
เวจางพยักหน้าส่งสัญญาณมือ ทีมงานต่างไปขึ้นรถคันหนึ่งออกไป เวจางโดดขึ้นรถขับตามอิทธิไป โจซิงกับอังโซะหันมายิ้มให้กัน แล้วขับตามรถอิศวินกับรัตนากรไป

รถของชาติวิ่งตะบึงมา ทันใดนั้น เสียงปืนดังสนั่นมาจากทางด้านหลัง
“แนวป่าด้านหน้าเร็วที่สุด”
ทีมงานตะบึงรถไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พวกมันตามมาในระยะไกล รถของชาติพุ่งตะบึงมาข้างหน้า และจอดทันทีตรงทำเลที่ได้เปรียบ ชาติโดดลงเอากล้องส่อง เห็นพวกมันตะบึงฝุ่นตลบตามมา ชาติหันมาสั่งการ
“ทุกคนลงจากรถ”
ทุกคนโดดพรวดลงมาจากรถอย่างรวดเร็ว ทีมงานกระจายกำลังอยู่ด้านหน้าหลบตามจุดต่างๆ
“คุณจะให้พวกมันตามมาทันเหรอ”
ชาติไม่สนใจวีรกิจ
“พี่หมอ คุณกาญ หลบหลังรถเตรียมพร้อม”
นพดลกับกาญจนารีบไปหลังรถ วีรกิจยืนหงุดหงิดอยู่
“คุณวีรกิจทางนี้”
วีรกิจรีบหลบเข้าไปตามคำเรียกของกาญจนา หงุดหงิด ตื่นเต้น บ่น
“ทำไม่เราไม่รีบขับรถหนีพวกมัน”
“หนียังไงก็ไม่พ้น คุณเตรียมตัวดูแลคุณกาญอย่างที่ตั้งใจได้แล้ว”
วีรกิจเงียบไป ชาติยืนอยู่หน้ารถเตรียมระวัง ซามูโผล่ออกมาจากราวป่า วิ่งเข้ามาส่งสัญญาณชี้ไปมา ชาติพยักหน้ารับ
“เสร็จแล้วรีบกลับมาที่นี่ งานของแกเพิ่มอีกอย่างคือดูแลคุณกาญ”
ซามูพยักหน้าแล้ววิ่งเข้าป่าไป ชาติวิ่งมาที่หลังรถใกล้นพดล ทุกคนเตรียมพร้อม ต่างถือปืนในมือ
ชาติหันมายิ้มให้กาญจนา กาญจนาฝืนยิ้มตอบ วีรกิจเสียอารมณ์ ชาติหันกลับไปจับตาดูรถของพวกมันที่วิ่งใกล้เข้ามา
“รอให้พวกมันเข้ามาใกล้อีกหน่อยแล้วค่อยยิง รอสัญญาณจากผม”
ทุกคนจ้องพวกมัน แต่แล้วพวกมันหยุดรถ ทีมงานพวกมันลงจากรถ กระจายกำลังหายเข้าไป
ในป่า คนขับเอารถเข้าไปหลบในป่า ชาติเครียด
“ทีมงานถอยมาตั้งแถวรับ อย่าให้ใครหลุดเข้ามาได้”
ทีมงานแปรขบวนถอยเข้ามา แล้วแยกเข้าป่า
“พวกมันเข้าแนวป่าคงใช้วิธีซุ่มโอบล้อมแล้วลอบกัด ผมจะออกไปล่าพวกมัน”
“ระวังตัวนะคะ”
ชาติหันกลับมายิ้มให้กาญจนา แล้วเคลื่อนตัวเข้าป่าไป กาญจนากับนพดลต่างมองหน้ากัน ขยับปืนในมือเตรียมพร้อม
“ผมจะป้องกันคุณเอง”
นพดลเหล่วีรกิจ แต่ไม่พูด กาญจนาเครียด
“คุณวีรกิจคอยดูทางด้านนี้ให้ดีนะคะ อย่าให้ใครเข้ามา”
“ไม่ต้องห่วง ผมจัดการได้”
“พี่หมอดูด้านโน้น กาญจจะระวังตรงกลาง”
“ไม่เลวนี่”
“จำมาจากพี่อัศวินน่ะ” กาญนาฝืนยิ้ม

ชาติพุ่งตัวไปด้านหน้าในแนวป่า ตรงไปที่พวกมันเคลื่อนตัวหายเข้าไปอย่างระมัดระวัง มองหาเงาของพวกมัน ทันใดนั้นเห็นเงาวูบวาบอยู่ตรงหน้า ชาติหลบเข้าหลังต้นไม้ทันที

พวกโจซิง แยกกันเข้าหากลุ่มของกาญจนาอย่างคล่องแคล่ว คนหนึ่งเคลื่อนตัวมาทางพุ่มไม้ ชาติชกโครม มันกระเด็นออกไปแต่ชักมีดออกมา ชาติชะงัก แต่ปัดมีดได้อย่างรวดเร็ว
 
ทั้งสองฝ่ายต่างพยายามเก็บกันอย่างเงียบๆ ไม่ให้ใครได้ยิน หรือรู้ตัว ชาติชนะ ลากมันเข้าไปซุกไว้ในพงไม้ แต่พวกมันอีกคนก็ถือมีดเงื้อพร้อมขว้าง แต่แล้วมีดเล่มหนึ่งวิ่งมาปักอกมันพอดี ซามูเดินเข้ามาดึงมีดจากอกของมัน
“พวกมันบุกเงียบ เป้าหมายคงเป็นคุณกาญจนา แยกกันหาตัวพวกมัน เก็บให้หมด”
ซามูพยักหน้าแล้ววิ่งหายไป

วีรกิจมองอยู่ แล้วพูดขึ้น
“พวกมันไปกันหมดแล้วมั้ง”
“คุณวีรกิจเงียบก่อน”
“พวกมันเงียบผิดปรกติ” นพดลตั้งข้อสังเกต
ทันใดนั้นพวกมันออกมาจากป่า ทีมงานสาดกระสุนเข้าใส่ ต่างเริ่มยิงต่อสู้กัน กาญจนา วีรกิจ ต่างยิงเข้าใส่ เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว ชาติวิ่งกลับไปยังตำแหน่งของทุกคนอย่างรวดเร็ว

พวกของกาญจนายิงต่อสู้กับคนร้าย ต่างพลาดท่าบาดเจ็บกันไปทั้งสองฝ่าย พวกมันตีวงล้อมเข้ามาสถานการณ์คับขัน ทันใดนั้นชาติกับซามูโผล่เข้ามาได้ทันการ ต่างช่วยกันสาดกระสุนเข้าใส่พวกมันจนพวกมันถอยกลับหายไปในที่สุด ชาติรีบถามอย่างห่วงใย
“มีใครเจ็บหรือเปล่าครับ”
“ทุกคนปลอดภัย”
ชาติหันไปทางด้านทีมงาน ที่รวมตัวกันเข้ามา
“พวกเราเสียหายหนึ่งคนครับ”
ชาติเครียด
“จัดการให้เรียบร้อย”
“คุณหายไปไหนมา ปล่อยให้เราเผชิญกับพวกมัน คุณต้องป้องกันพวกเร..”
วีรกิจยังพูดไม่ทันจบก็ถูกซามูเอามีดจ่อที่คอหอย วีรกิจถึงกับไม่กล้าพูด กาญจนากับนพดลได้แต่มองหน้ากัน
“ซามู ไปตรวจดูด้านนอก” ชาติสั่ง
ซามูเหล่วีรกิจแล้วเดินออกไป ชาติมองตำหนิวีรกิจ เดินออกไปที่กลุ่มของทีมงาน วีรกิจเสียหน้า
“คุณกาญผมว่า”
“คุณวีรกิจ ถ้าสงบก่อนก็จะดีค่ะ”
กาญจนาเดินออกไปหาชาติกับทีมงาน
“ผมจะไปดูว่ามีคนเจ็บหรือเปล่า”
นพดลเดินออกไป วีรกิจมองตามแค้นใจ

ชาติกับทีมงานที่เหลือสามสี่คน ยืนรอบๆ เนินดินสงบนิ่ง เป็นการไว้อาลัยกับทีมงานที่จากไป ชาติหันมาพบกาญจนายืนอยู่
“ดิฉันเสียใจด้วยค่ะ”
ชาติพยักหน้า ทั้งสองต่างเงียบไป
“ผมกับซามูออกไปในป่าเพื่อจัดการกับพวกที่จะอ้อมเข้ามาตลบหลังพวกเรา”
“คุณชาติไม่ต้องอธิบายอะไรหรอกค่ะ ถ้าเราตั้งรับเพียงอย่างเดียว ก็จะเสียเปรียบ อาจจะมีคนบาดเจ็บมากกว่านี้”
“ดีครับที่คุณกาญจนาเข้าใจ”
“บอกแล้วไงคะ ดิฉันไม่ใช่แค่ขุดหลุมหาหม้อไหแต่เพียงอย่างเดียว พี่อัศวินพาดิฉันลุยกับพวกลักลอบจนพอจะรู้เกมเหมือนกันค่ะ”
ชาติมองกาญจนาด้วยความทึ่ง เธอยิ้มให้
“แค่รู้เกมเท่านั้นนะคะ ภาคปฏิบัติยังไม่ค่อยเก่งหรอกค่ะ”
กาญจนาเดินออกไป ชาติยิ่งทึ่ง

กาญจนาเดินกลับมาที่รถ นพดลกับวีรกิจยืนอยู่ ทีมงานสามสี่คนยืนกระจายกำลังระวังรอบทิศ นพดล
เดินออกไป วีรกิจเข้ามาคุยกับกาญจนา
“ผมไม่ได้มีเจตนา คือผมเป็นห่วงคุณกาญ”
“กาญเข้าใจ แต่คุณวีรกิจต้องเลิกบ่น เลิกติได้แล้วค่ะ เราทุกคนลงเรือลำเดียวกัน ทุกคนทำดีที่สุด คุณชาติเสียคนของเขาไปเพื่อป้องกันเราสามคน”
กาญจนาก้าวขึ้นรถ วีรกิจถอนใจ ขึ้นไปนั่งข้างๆ ชาติกับทีมงานรวมทั้งนพดลต่างเข้ามาที่รถพร้อมเดินทาง
“เราจะเดินทางกันต่อไปยังจุดนัดหมาย ระหว่างทางถ้าเจอพวกมันก็จะตั้งรับเป็นจุดๆ ไป”
“แล้วแต่คุณชาติเลยค่ะ”

วีรกิจไม่ค่อยพอใจ แต่สงบปาก ชาติโบกมือ คนขับเคลื่อนรถออกไป

อัศวินขับรถขึ้นบนเนิน จอดรถส่องกล้องดู เห็นโจซิงกับอังโซะมาตามลำพัง

“แบบนี้ก็สนุก”
อัศวินนั่งลงกำลังจะเคลื่อนรถออกไป
“รัตน์คิดว่ารัตน์เจอเพื่อนเก่าค่ะ”
“เพื่อนเก่า”
“ชื่ออังโซะ เคยร่วมฝึกภารกิจในอเมริกาด้วยกัน”
“เพิ่งจะบอกเนี่ยนะ”
“กะว่าจะบอกในเวลาอันสมควร”
อัศวินเหล่มอง แล้วเคลื่อนรถออกไป

รถของโจซิงเข้ามาในแนวป่า จอดพรวดเมื่อเห็นรถของอัศวินจอดอยู่ อัศวินยืนอยู่หน้ารถตามลำพัง
“มิสเตอร์ อัศวิน ได้ยินชื่อมานาน”
“อืม เสียดาย ฉันไม่รู้จักนาย”
โจซิงผิดคาด อัศวินยิ้มให้อังโซะ
“ไง อังโซะ สบายดี”
โจซิงถึงกับหันมามองอังโซะ อังโซะเหล่โจซิง
“ใจเย็น ฉันไม่เคยเจอมิสเตอร์อัศวินมาก่อน”
“อะไร ทำเป็นลืม”
โจซิงยิ่งจ้องอังโซะอีก อังโซะหันมาตบโจซิงเพียะ โจซิงตาวาว
“อย่าโง่ มิสเตอร์อัศวินกำลังปั่นหัวนายเล่น”
อัศวินยิ้มชอบใจ โจซิงเสียอารมณ์ อังโซะกราดสายตารอบ
“แกสองคนดับสนิท”
โจซิงกับอังโซะหันมาตามเสียงทางด้านหลัง ก็เจอรัตนากรยืนอยู่
“เห็นแก่ความเป็นเพื่อนเก่า เลยยกเว้นให้ครั้งหนึ่ง”
โจซิงเห็นสายสะพายกระบอกแผนที่ก็ยิ้ม
“แผนที่อยู่นี่เอง”
“แล้วไง”
“อังโซะ”
อังโซะยิ้มแล้วลงจากรถ เดินเข้าหารัตนากร พุ่งเข้าใส่ ทั้งสองเริ่มซัดกัน โจซิงหันมาทางอัศวิน อัศวินปราม
“ดูสาวๆ ก่อนก็ได้นะ ไม่ต้องรีบ”
โจซิงคำรามเสียงดังแล้วพุ่งเข้าหาอัศวิน ทั้งสองพลัดกันรุกรับ สุดท้าย อัศวินกระแทกโจซิงลอยไปที่พื้น โจซิงดีดตัวขึ้นมา ขยับตัวจะบุก แต่แล้วกลับหยุด หันไปทางรัตนากรที่สู้กับอังโซะอยู่ ร้องสั่ง
“หยุด”
ทั้งสองฝ่ายผละออกห่างกัน อังโซะมองหน้าโจซิงเสียอารมณ์ โจซิมองเข้าไปในป่า
เห็นชายฉกรรจ์เกือบสิบคนอยู่ในป่าด้านหลังของอัศวินกับรัตนากร อาวุธปืนครบมือ แต่เห็นไม่ถนัดนัก อังโซะเริ่มเห็นเหมือนกันเลยนิ่ง
“แล้วเจอกัน”
โจซิงกับอังโซะขึ้นรถออกไปทันที อัศวินกับรัตนากรต่างลอบมองหน้ากัน อัศวินพูดขึ้นลอยๆ
“เชิญพวกท่านออกมาคุยกันหน่อย”
เงียบ อัศวินกับรัตนากรหันไป เงาทั้งหมดหายไปแล้ว ทั้งสองกราดสายตามอง
“อย่างน้อยก็ไม่ใช่ศัตรู”
อัศวินเครียด

เวจางขับรถมาช้าๆ ตามเส้นทางป่า เห็นรอยยางรถของอิทธิปรากฏตรงหน้า เขามองสำรวจ ทันใดนั้นอิทธิก็โดดลงมายืนที่หน้ารถ ปืนจ่อตรงหน้าเวจาง เวจางมีฝีมือ เบรกอย่างแรง อิทธิปลิวตกลงไปจากหน้ารถ เวจางรีบมาดู แต่ไม่เจออิทธิแล้ว เขามองรอบๆ ทันใดนั้นอิทธิโผล่มาจากใต้ท้องรถพรวดขึ้นมา แต่เวจางหันกลับมาเอาปืนจ่อ อิทธิกระชากขาเวจางร่วงโครมมาที่หน้ารถ ปืนหลุดกระเด็น
ทั้งสองต่างมีฝีมือ ต่อสู้กันดุเดือด ระหว่างนั้นเวจางชะงักเหมือนเห็นคนจำนวนหนึ่งอยู่ในป่าพร้อมปืน เวจางถอยขึ้นรถออกไปอย่างรวดเร็ว
“ขอบใจเพื่อน”

อิทธิส่งเสียงพูดลอยๆ ไป แต่เงียบ ไม่มีเสียงตอบจากชายลึกลับในป่า อิทธิยักไหล่ แล้วขับรถตามเวจางไป

รถของชาติ วิ่งเข้ามาจอดในลานเล็ก ทุกคนลงจากรถ ทีมงานแยกย้ายไประวัง

“เราจะพักที่นี่ เช้าค่อยเดินทางต่อ”
“เราก่อกองไฟพวกมันจะไม่เห็นเหรอครับ” วีรกิจถามอีก
“ซามูอยู่ทางด้านนอก ถ้าเห็นพวกมันจะรีบรายงานเรา ถึงตอนนั้นข้อคิดเห็นของคุณถูกต้อง เราต้องดับไฟ ช่วยดูสัมภาระให้ใกล้มือไว้นะครับ”
ชาติพยายามอธิบายอย่างใจเย็น กาญจนาชำเลืองมองชาติเป็นเชิงขอบใจที่ใจเย็นกับวีรกิจ
“เชิญทุกคนตามสบายนะครับ ดินเน่อร์จะเสิร์ฟภายในหนึ่งชั่วโมงครับ”
ชาติพยายามผ่อนคลาย ทุกคนยิ้มกัน ยกเว้นวีรกิจ
“มีใครจะให้ปฐมพยาบาลมาทางนี้เลยครับ แผลเล็กแผลน้อยฟรีหมด”
นพดลมองไปมา
“แย่แล้ว”
ทุกคนหันมามองนพดล
“อะไรคะพี่หมอ”
นพดลเกาหัวตัวเองเสียอารมณ์
“ตอนย้ายรถ ผมคงรีบไปหน่อย ไม่ได้คว้าเป้มาด้วย อยู่บนรถคุณอิทธิ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ในเป้พวกเราก็มียาของพี่หมอที่แจกให้ พรุ่งนี้เราน่าจะถึงจุดหมายที่นัดกันไว้แล้ว”
“ขออย่าให้ทุกคนเป็นอะไรก็แล้วกัน”
ทุกคนต่างยิ้ม
“ผมขอตัวออกไปตรวจดูรอบๆ นะครับ” ชาติบอก
“เชิญค่ะ”
“กรุณาอย่าออกไปนอกจากเขตทีมงานนะครับ”
ชาติพูดกับกาญจนาและเหลือบไปมองวีรกิจ แล้วเดินออกไป กาญจนาหันมาทางวีรกิจ
“ผมไม่ออกไปไหนหรอกครับ”
วีรกิจเดินออกไป กาญจนาส่ายหน้า นพดลเดินมาหา
“ยาแก้ปวดหัวที่พี่ให้ไว้ยังอยู่ไม่ใช่เหรอ”
กาญจนายิ้ม
“น่าจะลองสักสองเม็ดนะ”
ทั้งสองยิ้มให้กัน

ตอนค่ำ ชาติกลับมาจากในป่า เดินมาที่กองไฟ นพดลถามขึ้น
“กาแฟหน่อยมั้ย”
ชาติยิ้มนั่งลงรับกาแฟมา
“ขอบคุณครับ”
“ข้างนอกเรียบร้อยดีเหรอคะ”
“ครับ เรามีทีมคอยระวัง แล้วก็ซามู ยังไงซามูต้องส่งสัญญาณมาเตือนเรา”
กาญจนาพยักหน้า สีหน้าดีขึ้น
“ยังอีกนานกว่าจะถึงเช้า พวกมันอาจจะบุกมาเมื่อไหร่ก็ได้” วีรกิจพูดขึ้น
“ถึงเวลานั้นก็ต้องวัดดวงแล้วครับ ว่าใครจะอยู่หรือจะไป คุณคอยดูคุณกาญจนาให้ดีก็แล้วกัน”
วีรกิจพูดไม่ออก นพดลกลั้นยิ้ม กาญจนาได้แต่ตีหน้าเฉย

โรสอยู่ที่บ้านพักของวีรชัย ตรวจอาวุธอยู่ วีรชัยเดินเข้ามาหา
“เจอไอ้เคนมาเป็นยังไงบ้าง”
“เคยเล่นกันมาตอนเด็กๆ ไม่นึกว่าโตแล้วจะกลายเป็นเลวไปได้”
“ความโลภทำให้คนตาบอด”
ทั้งสองหัวเราะขำกัน เพราะเคนปิดตาข้างหนึ่ง
“พี่วรชัยไปล้อไอ้เคน เดี๋ยวบาปหรอก”
“พี่พูดถึงหลักธรรม ไม่ได้มีเจตนาว่ามัน”
โรสยังขำคิกอยู่
“โรสบอกว่ามีสองกลุ่มตามขบวนมา แต่แปลกมาก สายของเราไม่เห็นเงาของพวกมังกรทองเลย”
“อืม น่าสงสัย โรสยังเจอพวกมันโผล่อยู่แถวเมืองกาญนี่นา”
“อยู่ๆ ก็หายไป พวกมันต้องมีแผนซับซ้อนแน่”
“ซับซ้อนแค่ไหนก็ช่างมัน โผล่มาเมื่อไหร่ก็เจอเมื่อนั้น”
“โอเค งั้นพี่ไม่กวนแล้ว พรุ่งนี้จะให้ ฮ. ไปส่งแต่เช้า”
“ได้ค่ะ”
วรชัยเดินออกไป โรสยิ้ม ตรวจอาวุธต่อ

เคนอยู่ที่เซฟเฮาส์ มีสาวสวยสองคนอยู่คนละข้าง พวกสมุนต่างอยู่รอบๆ สาวสองคนนัวเนียอยู่กับเคน
“ถามจริง พี่ปิดตาเพราะความเท่ห์ หรือว่าบอดจริงอย่างที่เขาว่ากัน”
เคนยิ้มชอบใจ
“ชอบมั้ยล่ะ”
“ชอบค่ะ”
สาวต่างหัวเราะกันคิกคัก เคนดึงเข้ามาหอมแก้มคนละข้าง
“อยากเห็นค่ะ ว่าเป็นยังไง”
“เห็นอะไรจ๊ะ”
“ก็ตาอีกข้างหนึ่งของพี่น่ะซิ”
“ไม่กลัวเหรอ”
“ไม่กลัวค่ะ”
“อย่าเลยเดี๋ยวจะเสียอารมณ์เปล่าๆ”
เคนดึงสาวคนหนึ่งเข้ามาหอมแก้ม ทันใดนั้นสาวคนนั้นคงเมาหนัก ดึงที่คาดตาออกจากใบหน้าของเคน
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย”
“เหมือนปรกติทุกอย่าง”
เคนหน้าดุ ตาของเขาเหมือนปรกติทุกอย่าง แต่แล้วก็หัวเราะชอบใจ
“แค่มองไม่เห็น ทำไมต้องเป็นอะไรด้วย”
“แล้วทำไมต้องปิดล่ะ”
“ต้องปิดซิจ๊ะหนู เวลามีของจะเข้าตา พี่มองไม่เห็นเดี๋ยวจะเป็นอันตราย ก็เลยต้องปิดไว้ แต่อย่างอื่นเปิดได้ตลอด”
เคนกับสองสาวต่างหัวเราะกันอีก
“ถ้าเป็นหนูนะ หนูจะหาคอนแทคเลนซ์แบบเป็นสีนะ มาใส่วันละสีเลย”
เคนหยุด จ้องหน้าสาวสองสีหน้าดุ เอามือดึงแก้มเข้ามาใกล้ สาวเริ่มกลัว แต่แล้ว เคนหัวเราะชอบใจ
“กู๊ดไอเดีย เฮ้ย พวกมึง”
สมุนต่างขยับตัวฟังกันวุ่นวาย เคนเอาสายหนังรัดตากลับอย่างเดิม
“พรุ่งนี้ไปหาคอนแทคเลนซ์สีมาให้ข้า เอาหลายๆ สีเว้ย”
พวกมันต่างเฮ เคนหัวเราะชอบใจ แต่แล้วสีหน้าเปลี่ยนเป็นเหี้ยม
“ลากอีสองตัวนี่ออกไป”

สมุนต่างเข้ามาลากสองสาวออกไป สองสาวร้องกันกรี๊ดกร๊าด เคนหัวเราะชอบใจ
 
อ่านต่อตอนที่ 5
กำลังโหลดความคิดเห็น