เนตรนาคราช ตอนที่ 3
ตอนกลางวัน วีรกิจกับกาญจนาเดินออกมาจากห้องทำงาน เจ้าหน้าที่พิเศษสองคนเข้ามาขวาง
“จะไปไหนกันครับ”
“นี่คุณ ผมจะพาแฟนผมไปทานข้าว ไม่มีอะไรหรอกน่า”
เจ้าหน้าที่สองคนมองหน้ากัน
“แต่คุณอัศวินสั่งไว้ว่า”
“เอาล่ะ เอาล่ะ คุณสองคน จะตามไปก็ได้นี่”
“ไม่นานหรอกค่ะ”
เจ้าหน้าที่สองคนมองหน้ากัน ในที่สุดก็พยักหน้า วีรกิจยิ้มเดินจูงมือกาญจนาออกไปที่ลานจอดรถ
เจ้าหน้าที่สองคนเดินประกบมาด้วย คนหนึ่งแยกไปเอารถ อีกคนหนึ่งเดินประกบ วีรกิจเปิดประตูให้กาญจนาขึ้นรถ
“พวกคุณรีบตามมาก็แล้วครับ”
เจ้าหน้าที่พยักหน้า วีรกิจขับรถออกไป แต่รถของเจ้าหน้าที่สตาร์ทไม่ติด ทั้งสองคิดว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลแน่จึงรีบโทรศัพท์ติดต่อ
วีรกิจหัวเราะชอบใจอยู่ในรถ
“อะไรเหรอคะ”
“พวกนั้นตามเรามาไม่ได้แล้ว”
กาญจนาหันกลับไปดู ไม่เห็นรถเจ้าหน้าที่ตามมา
“คุณประมาทแล้วนะคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกน่า ความจริงมารถผมน่ะดีซะอีก ผู้ร้ายมันจำไม่ได้”
กาญจนาถอนใจ ปล่อยเลยตามเลย
ขณะนั้น รถของโรสขับตามรถของวีรกิจมา
“บ้าจริง ไม่รู้จักระวังตัวกันมั่งเลย”
รถของวีรกิจวิ่งเข้าไปจอดในลานจอดของร้านอาหาร รถของโรสจองฝั่งตรงข้าม เห็นรถเมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งเลี้ยวเข้าไปในลานจอดรถ แล้วจอดห่างออกไป
“มีคนตามมาจริงๆ” โรสพึมพำ
วีรกิจลงมาเปิดประตูรถให้กาญจนา ทั้งสองเดินเข้าไปในร้าน คนขี่มอเตอร์ไซค์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร โรสมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
“รายงานพวกมันชัวร์”
คนขี่มอเตอร์ไซค์คุยเสร็จก็เก็บโทรศัพท์ จากนั้นก็ขี่รถออกไป
“ที่แท้มันเป็นแค่ตัวชี้ตำแหน่ง”
โรสหยิบปืนของเธอมาตรวจสอบดู
วีรกิจ นั่งที่โต๊ะอาหารกับกาญจนา เขายกแก้วขึ้น
“ดื่มให้กับเนตรนาคราชของคุณ”
กาญจนามองไปรอบๆ อย่างระแวง
“ค่ะ”
“อืม ไม่เอาน่า ชิลๆ หน่อยซิครับ ไม่มีใครสนใจเรื่องนี้หรอก”
กาญจนาไม่ยิ้มด้วย วีรกิจยิ้มอย่างสนุกไม่ได้สนใจอย่างอื่น ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของกาญจนาดังขึ้น เป็นสายจากอัศวิน
“น้องกาญ ตอนนี้อยู่ที่ใหน”
“คือว่าอยู่ที่ร้าน”
“Don’t move”
กาญจนาวางสาย ถอนใจ อัศวินขับรถพุ่งไปตามเส้นทางที่กาญจนาบอก
วีรกิจกับกาญนานั่งอยู่ที่โต๊ะ ชายหนุ่มเริ่มไม่พอใจ
“ถ้าเราออกไปตั้งแต่แรก ป่านนี้ถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว”
“พี่อัศวินให้รออยู่ที่นี่ค่ะ”
มีชายฉกรรจ์เดินเข้ามาสามคน และตรงมาที่โต๊ะกาญจนา
“ขอเชิญออกไปกับเรา”
ชายคนนั้นเปิดเสื้อออก ให้เห็นปืนโผล่ออกมา
“ถ้าไม่ออกไป คนอื่นๆ อาจเจ็บตัวได้”
กาญจนามองหน้าพวกมัน ในที่สุดก็ยืนขึ้น วีรกิจยืนตาม พวกมันคนหนึ่งนำหน้าเดินออกไป ตามด้วยกาญจนา และปิดท้ายด้วยพวกมันสองคน โรสเห็นเหตุการณ์ พลางขยับปืนเตรียมพร้อม
ชายฉกรรจ์เดินนำกาญจนาและวีรกิจออกมา มีรถตู้เข้ามาจอด พวกมันคนหนึ่งโดดลงมาเปิดประตูรถ พวกมันสามคนเดินนำกาญจากับวีรกิจมา ขณะที่กำลังจะขึ้นรถ รถของอัศวินก็แล่นเข้ามาอีกด้านหนึ่ง อัศวินเปิดประตูรถออกมา
“Down!”
กาญจนาพุ่งชนวีรกิจทรุดลงกับพื้น ในขณะที่พวกมันต่างตวัดปืนออกมา แต่ช้าไป อัศวิน กราดยิงใส่พวกมันสามคนทรุดฮวบ คนขับรถออกรถไปอย่างรวดเร็ว อัศวินรีบเข้าไปประคองกาญจนา
“กาญไม่เป็นไรค่ะ”
“คือผม” วีรกิจอึกอัก
“ขึ้นรถ”
อัศวินโอบกาญจนาเดินมาที่รถเปิด ประตูหลังให้ขึ้นไปนั่ง วีรกิจกำลังจะขึ้นรถ แต่อัศวินออกรถไปก่อน
วีรกิจมองตามเสียอารมณ์
โรสผ่อนคลายเก็บปืนเข้าที่
“ฟิ้ว ฝีมือเยี่ยม”
โรสจ้องจนรถของอัศวินลับสายตาไป อดขำวีรกิจที่ยังยืนเคว้งอยู่ไม่ได้
อัศวินขับรถหน้าเข้ม เสียงไซเรนของเจ้าหน้าที่ดังแว่วเข้ามาในระยะใกล้ กาญจนานั่งเงียบไม่พูดอะไร
เวลาต่อมา รถของอัศวินก็เข้ามาในบ้าน ตามด้วยรถของวีรกิจ ทั้งหมดลงจากรถ อัศวินคว้าคอวีรกิจ ชกโครม วีรกิจเซไป อัศวินตามไปคว้าคอเสื้อ
“ถ้าคุณพายัยกาญไปเสี่ยงอีก ผมจะฝังคุณ”
อัศวินพูดจบก็ผลักวีรกิจออกไป
“คุณมีสิทธิ์อะไร ผมเป็นแฟนคุณกาญ ผมมีสิทธิ์มากกว่าคุณ ทำไมผมต้องฟังคุณ ใช่มั้ยคุณกาญ”
กาญจนาเดินเข้ามาตรงหน้าวีรกิจ
“พี่อัศวินเป็นเหมือนพี่ชายของฉัน ถ้าคุณไม่อยากฟัง ก็เชิญคุณกลับไปได้”
วีรกิจอึ้ง
“เอ่อ คือ ผมๆ”
“พี่ไปก่อนนะกาญ”
อัศวินหันไปสั่งเจ้าหน้าที่สองคนที่เฝ้าบ้าน
“ระวังพื้นที่ให้ดีนะครับ”
เจ้าหน้าที่ต่างพยักหน้ารับคำ อัศวินเดินไปขึ้นรถ ขับออกไป วีรกิจหันมาพูดกับกาญจนา
“คือผมขอโทษนะครับ ไม่คิดว่า”
“คุณวีรกิจกลับไปก่อนได้มั้ยคะ”
“ครับ”
วีรกิจำเดินจ๋อยจากไป กาญจนาถอนใจ
อัศวินมาที่บ้านกาญจนาอีกครั้ง เดินไปเดินมา เครียด
“น้องกาญต้องหนักแน่นกับนายวีรกิจมากกว่านี้”
“ค่ะ”
“ณ เวลานี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ อีกต่อไป มีอันตรายทุกฝีก้าว”
“กาญขอโทษค่ะ”
อัศวินถอนใจ เดินเข้ามานั่งข้างๆ เอามือโอบไหล่
“รีบหาทางเปิดกระบอกแผนที่ให้ได้เร็วที่สุด”
กาญจนาพยักหน้ารับ เสียงรถเข้ามา
“เจ้าหน้าที่มาแล้ว กาญไปพักก่อน พี่จะให้เจ้าหน้าที่อยู่คอยระวังตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”
“ค่ะ”
กาญนาเดินออกไป เจ้าหน้าที่เข้ามาทำความเคารพอัศวิน
เคนเดินไปมาที่เซฟเฮาส์ ลูกน้องคนที่รอดจากมือของอัศวินกลับมาได้ ยืนอยู่ตรงหน้าเคน
“เลี้ยงพวกเอ็งเสียข้าวสุกแท้ๆ แค่ผู้หญิงหนึ่งกับจิ๊กโก๋ไฮโซคนเดียว ยังทำงานพลาดกันได้ พวกเอ็งรีบออกไปอย่าให้ข้าเห็นหน้า”
เคนอารมณ์เสีย
ตอนเย็น อัศวินมาหารัตนากรที่คอนโดฯ คุยกันเรื่องของกาญนากับวีรกิจ
“เป็นรัตน์นะ นายวีรกิจหมอบแน่”
“พี่เห็นใจยัยกาญน่ะ ไม่อยากให้หนักเกินไป”
“พี่อัศวินคิดว่าเป็นพวกใหนคะ”
“พี่คิดว่าเป็นพวกที่พี่แย่งแผนที่มันมา เดี๋ยวนี้ข้อมูลซื้อขายกันง่าย มันคงสาวเรื่องจนเจอเรื่องของพี่กับยัยกาญ”
“งั้นเราก็ต้องรีบสืบให้ได้ว่าพวกมันเป็นใคร จัดการมันให้เร็วที่สุด”
โทรศัพท์ดังขึ้น อัศวินรับสาย
“ครับ ได้ครับ”
“มีอะไรคะ”
“ผบ.ภิรมย์ให้เราสองคนเข้าไปพบเร็วที่สุด”
อัศวินกับรัตนากรรีบมาที่ห้องประชุมของหน่วยพิเศษ ผบ.ภิรมย์ รออยู่แล้ว
“คุณภาคภูมิ พลาดถูกพวกมันจับ”
“ทราบตำแหน่งหรือยังคะ”
“เรากำลังรอตำแหน่งที่แน่นอน ทันทีที่ได้รับการคอนเฟิร์ม เราจะแจ้งให้คุณทราบทันที”
“จะแสตนบายที่นี่ครับ”
“อืม ผมจัดหน่วยเสริมไว้ให้แล้ว พร้อมสนับสนุนได้ทันที”
“เราจะนำคุณภาคภูมิกลับมาให้ได้ครับ”
“ดี อย่าให้พวกชั่วพวกนี้รอดไปได้”
อัศวินกับรัตนากรทำความเคารพสีหน้าเคร่งเครียด
อัศวินกับรัตนากรต่างตรวจสัมภาระอาวุธเตรียมพร้อม ทั้งสองคนต่างสีหน้าเคร่งเครียด
“ทำไมข่าวกรองช้าจัง ยังไม่ได้ตำแหน่งคุณภาคภูมิอีก”
“เราต้องใจเย็น ทุกคนทำงานกันอย่างเต็มที่แล้ว ไม่เคยเห็นรัตน์ตื่นเต้นขนาดนี้”
“ก็ ก็ คุณภาคภูมิเป็นเพื่อนพี่ อย่างน้อยก็ทานข้าวด้วยกัน รู้จักคุณพ่อสารพัด”
“อืม พี่เชื่อว่าคุณภาคภูมิต้องไม่เป็นอะไร”
รัตนารกรเก็บปืนเข้าซอง แล้วเดินออกไป อัศวินมองตาม ครุ่นคิด ว่ารัตนากรอาจจะสนใจภาคภูมิเป็นพิเศษ
รัตนากรนอนอยู่ตรงเตียงเล็กๆ มุมห้อง อัศวินเอื้อมมือมาปลุก เธอลืมตาลุกขึ้นพรวด
“เราได้ตำแหน่งแล้ว”
“กี่โมงแล้วคะนี่”
“ตีสี่ ทุกคนกำลังรอวางแผนอยู่ที่ห้องประชุม”
รัตนากรส่งมือให้อัศวิน อัศวินดึงมือขึ้นมา
มาเฟียกับพวกคู่ค้า กำลังตีกอล์ฟอยู่อย่างสนุกสนาน แต่เป้าตรงหน้าก็คือ ภาคภูมิ ซึ่งถูกมัดมือไพล่หลัง ขาข้างหนึ่งถูกมัดด้วยเชือกยาวประมาณหนึ่งเมตรผูกติดไว้กับเสาบก ให้คอยหลบได้
พวกมันตีลูกกอล์ฟเข้าใส่ ภาคภูมิเบี่ยงตัวหลบ
“เฮอะ ไอ้พวกนี้ นึกว่าซื้อไม้มาก็ตีกอล์ฟได้”
“พวกเราทุกคนจำไว้ ใครเป็นศัตรูของผม นี่คือสิ่งที่จะได้รับ”
มาเฟียบอกกับทุกคน แล้วสวิง ลูกพุ่งเข้าหา ภาคภูมิเอาไหล่รับไว้ได้ทัน พวกมันหัวเราะกัน ต่างตีลูกกอล์ฟใส่ภาคภูมิถูกมั่งไม่ถูกมั่ง
อัศวินกับรัตนากรขับรถมาที่สนามกอล์ฟ พวกมือปืนที่ระวังอยู่ด้านหน้าเดินเข้าไปหา “วันนี้สนามกอล์ฟปิด”
“เราแวะมากินข้าว ได้ข่าวว่าปูที่นี่สดอร่อยมาก จริงหรือเปล่า”
“ร้านปิด ทุกอย่างปิด”
อัศวินหันมามองรัตนากร
“เอาไงดีที่รัก”
“เข้าห้องน้ำหน่อยได้ปะ”
“บอกว่า ปิด เว้ย พูดไม่รู้เรื่อง”
“ไปที่อื่นดีกว่าจ้ะ พี่ไม่อยากมีเรื่อง”
“โอเค..ขอเอาของที่หลังรถหน่อยนะคะ”
“คุณนี่ยุ่งจริงๆ เฮ้อ”
อัศวินทำทีเป็นบ่นแฟนสาว แล้วเดินไปที่หลังรถ ในขณะที่รัตนากรเดินอ้อมไปหลังรถเช่นกัน อัศวินเปิดหลังรถออก มีผ้าคลุมอยู่ เขากระซิบกับรัตนากร
“ของพี่ 3 คนด้านขวา ของรัตนน์ 2 คนซ้าย”
“โอเค..อย่าให้เหลือ”
“เร็วเว้ย”
มือปืนเร่ง อัศวินยิ้มเปิดผ้าคลุมออกก็เห็นปืนหลากหลายวางเรียงอยู่
“พร้อม”
“เยส”
ทั้งสองคว้าปืนยิงเร็วขึ้นมา แล้วกราดกระสุนใส่พวกมันร่วงกราว บางคนขยับตัวแต่ไม่ทัน มาเฟียตียกไม้กอล์ฟอยู่ หยุดกึก เมื่อได้ยินเสียงปืน
“เฮ้ย ไปดูซิ เรียกคนมาเพิ่ม”
พวกมือปืนต่างขยับตัวไปขึ้นรถกอล์ฟที่จอดอยู่
“ทุกคนตามผมมา”
มาเฟียนำพวกคู่ค้าออกไป
มือปืนเคลื่อนตัวออกมาตามมุมของคลับเฮาส์ กราดสายตาไปที่รถของอัศวิน ตรงท้ายรถ อัศวิน
นอนกับพื้นโผล่มาครึ่งตัวบนพ้นท้ายรถ ในมือยังกำปืนกลขนาดเล็กอยู่ แต่ดวงตาปิดสนิท พวกมันต่างยิ้มให้กัน คิดว่าอัศวินตายแล้ว
“ไปดูซิว่ามันเป็นพวกใหน”
ลูกน้องต่างพากันเดินออกมายังรถของอัศวิน แต่แล้วอัศวินลืมตาขึ้นพลางยกปืนในมือจ้องที่พวกมัน
“เฉยไว้”
ลูกน้องคนหนึ่งขยับตัวเสียงปืนดังเปรี้ยงๆ มันล้มคว่ำ พวกมันหันไป รัตนากรยืนอยู่ตรงหน้ารถ “หรือไม่ก็ตายกันหมด”
อัศวินลุกขึ้นมา เสียงมาเฟียจากวิทยุดังขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นวะ”
อัศวินเข้ามาคว้าวิทยุไปกดเสียงปิดไว้ก่อน
“บอกไปว่ามีข้าคนเดียว แล้วก็บาดเจ็บ”
อัศวินยื่นวิทยุจ่อปากหัวหน้า
“มีคนบุกเข้ามา แต่ถูกพวกเรายิงบาดเจ็บ”
“แล้วพวกเรา”
“ชุดด้านหน้าตายหมด”
“เอาตัวมันเข้ามาให้ข้า”
พวกมันออกอาการ รัตนากรขยับตัวพรวดเข้ามา เอาปืนจิ้มใกล้พวกมัน อัศวินกดวิทยุปิด ให้ถามเรื่องภาคภูมิที่ถูกจับ แล้วเปิดวิทยุให้หัวหน้าพูดกับมาเฟียต่อ
“ไอ้คนที่ถูกลูกกอล์ฟอัด นายจะเอายังไง”
“เอาตัวมันมาด้วย ข้าจะให้มันตายด้วยกัน”
“ได้ครับนาย”
รัตนากรกับอัศวินต่างขยับปืนสีหน้าเคร่งเครียด
“พวกเอ็งถอดกระสุนปืนทิ้งให้หมด”
รถกระบะคันหนึ่งแล่นช้าๆ มาจอดตรงสนามไดร์ฟกอล์ฟ หลังรถ รัตนากรนั่งอยู่กับพวกมันทั้งหมด อัศวินนั่งข้างหน้า เป็นคนขับอยู่คนเดียว ข้างๆ มีสมุนของมันที่ตายแล้ว นั่งยึดเข็มขัดรถหลอกพวกมันอยู่ รัตนากรหันไปสั่งสมุน
“เอ็งลงไปปล่อยเจ้าหน้าที่”
สมุนลงไปตัดเชือกให้ภาคภูมิ ต่างวิ่งขึ้นมาบนรถ รัตนากรเคาะที่กระจกรถกระบะทางด้าน
หลังคนขับ ส่งสัญญาณให้อัศวิน อัศวินเคลื่อนรถออกไป
“คุณ รัตนากร”
“ชอบเล่นกอล์ฟก็ไม่บอก”
ภาคภูมิอิดโรย ฝืนยิ้ม รัตนากรส่งปืนสั้นให้
“เรากำลังจะเข้าไปทักทายกับมัน”
“ครับ ผมจะส่งมันลงหลุมสิบแปด”
รัตนากรกับภาคภูมิต่างยิ้มให้กัน
มาเฟียยืนรอพวกมันอยู่ตรงหน้าสนามหญ้า ด้านหลังมีพวกคู่ค้า กับมือปืนยืนกันนับสิบ
รถกระบะของพวกมันกำลังวิ่งเข้ามา
“ขอดูหน้าไอ้พวกนี้หน่อย หน่วยพิส่งพิเศษ มันจะแน่สักแค่ไหน”
พวกมันต่างหัวเราะ ยืนรอ รถกระบะวิ่งเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าห่างออกไปสิบเมตร พวกมันต่างลงมาจากรถ
“ลากตัวมันมาให้ข้าดูหน่อย”
ทันใดนั้น ภาคภูมิ กับ รัตนากรโผล่ขึ้นมา พร้อมตวัดปืนเข้าหาพวกมัน ขณะที่อัศวินยื่นปืนออกมานอกรถ
“หน้าข้าเหมือนแม่เอ็งหรือเปล่า”
“ฝีมือตีกอล์ฟของพวกเอ็งยังห่วยมาก”
มาเฟียกราดตามองพวกมันที่ถือปืนไม่มีลูกกระสุนอยู่
“พวกเอ็ง ไอ้ พวก”
“เอ็ง มาขึ้นรถ ที่เหลือช่วยขยับตัวหน่อย กำลังคันมืออยากยิงคนมาหลายวันแล้ว” อัศวินตะโกนบอก
ภาคภูมิจ้องปืนไปที่แขกของมาเฟียคนหนึ่ง
“เอ็ง ตีแม่นนี่หว่า ถูกข้ามากกว่าเพื่อน”
“คือ ผม take lesson มา”
“ผมก็เหมือนกัน”
ภาคภูมิเหนี่ยวไกเปรี้ยง ถูกมันหงายทรุดไป
“ทุกคนวางปืนลง แล้วนอนลงกับพื้น ใครโผล่ขึ้นมาก่อน ดับก่อน”
พวกมันต่างค่อยๆ นอนลงตามคำสั่ง อัศวินถอยรถออกไป
อัศวินขับรถออกมา มาเฟียนั่งทางด้านหน้า ถูกใส่กุญแจมือ มีรัตนากร กับภาคภูมิอยู่กระบะหลัง รัตนากรถือปืนจ่อคุมมาเฟียอยู่ ภาคภูมิพัก ตรวจอาการตัวเอง
อัศวินขับออกมาแต่สายตาสังเกตเห็น
“พวกมันตามมา”
มาเฟียยิ้มเยาะ
“เรียกกำลังเสริมด่วน”
อัศวินเร่งรถแซงหลบหลีกพวกมัน รัตนากรดึงโทรศัพท์ขึ้นมากดสาย
“เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ คนร้ายจำนวนมาก ขอกำลังเสริมตามตำแหน่งของโทรศัพท์ด่วน”
รัตนากรวางสาย
“เรียบร้อยค่ะ”
ทันใดนั้น อัศวินเบรคพรืด ตรงสี่แยกพอดี เพราะรถของพวกมันจอดขวางถนนทั้งสี่แยก ทุกคนสีหน้าเคร่งเครียด มาเฟียยิ้มเยาะ อัศวินหมั่นไส้ ตบด้วยหลังมือจนหงายไปกระแทกกระจกหน้าต่างเด้งกลับมา เจ็บพูดไม่ออก อัศวินตบเกียร์
“ทุกคนพร้อม”
อัศวินบึ่งรถไปหาพวกมันที่จอดขวางอยู่ แล้วพุ่งเข้าหารถของพวกมัน พวกมันเห็นรถของอัศวินพุ่งเข้าใส่ ยิงกราดแล้วเผ่นหนีกระจายหลุดออกจากตัวรถที่บังอยู่ แต่ก่อนที่รถของอัศวินจะชนรถพวกมัน อัศวินเบรคพรืด แล้วอัศวิน รัตนากร ภาคภูมิ ต่างสละรถ กราดยิงพวกมันล้มคว่ำไปหมด
รัตนากรไปที่ประตูหน้า เปิดประตูออก ลากมาเฟียออกมา ในขณะที่ อัศวิน กับ ภาคภูมิคอยกยิงคุ้มกัน ทั้งสามคนเข้าไปแอบที่หลังรถพวกมัน ซึ่งเป็นที่กำบังอย่างดี แต่แล้วพวกมันตั้งตัวได้ ยิงสาดมายังทั้งสามคนจนโงหัวแทบไม่ขึ้น
“หวังว่ากำลังเสริมถึงก่อนที่เราจะดับนะ”
“พวกแกไม่มีทางรอด” มาเฟียเยาะ
“งั้นเหรอ”
รัตนากรหมั่นไส้ตบโครมด้วยด้ามปืน สมุนยังสาดกระสุนใส่ไม่หยุด
“พวกมันไม่ห่วงนายมันเลย” ภาคภูมิเปรย
“ไอ้พวกนี้ไม่ใช่ลูกน้องมันหรอก เป็นพวกคู่ค้าของพวกมันมากกว่า”
“ไง พวกแกคิดจะเก็บแกแล้วซิ”
รัตนากรเยาะ มาเฟียหน้าเสีย โผล่ไปสั่งการ
“หยุดยิงเว้ย”
พวกมันกราดกระสุนเข้ามา มาเฟียรีบทรุดตัวหลบ
“เก็บคนอื่นไปเยอะคราวนี้โดนเก็บมั่ง”
“พวกมันบีบพื้นที่เข้ามาแล้ว”
ทั้งสามพรวดโผล่ออกไป ยิงสาดใส่พวกมันคว่ำไปหลายคน แต่แล้วมีรถเข้ามาอีกสองสามคัน พวกมันมีกำลังมาเสริม
“แบบนี้กระสุนเราหมดก่อนแน่”
อัศวินบ่น พลางยิงกราดไปถูกพวกมันคว่ำไปสองคน รัตนากรคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา ท่ามกลางเสียงปืนที่พวกมันยิงกระหน่ำ
“กำลังเสริม สถานการณ์คับขัน”
เสียงปืนกราดเข้ามาอีก รัตนากรวางสาย
“สิบห้านาที”
“สิบห้านาทีเราดับกันหมดแล้ว” อัศวินพุดขึ้น
“แค่ห้าก็ดับแล้ว”
ภาคภูมิโผล่ไปกราดกระสุนเข้าใส่พวกมัน แต่แล้วก็โดนยิงที่ไหล่เข้าเต็มๆ รัตนากรกระชากหลบลงมา
“เป็นไงมั่ง”
“ถูกลูกกอล์ฟยังเจ็บกว่า”
“เก่งมาก”
รัตนากรพูดจบก็โผล่ไปยิงกราดพวกมัน
“เราต้องหาทางออกไปจากที่นี่ กระสุนเหลือแม็กสุดท้าย” อัศวินบอก
“เหมือนกัน”
“ผมเหลืออีกสาม”
พวกมันหยุดกราดกระสุน เมื่อเห็นทางอัศวินเงียบไป
“รัตน์ลากไอ้นี่ไป คุณภาคภูมิ ตามหลัง ผมจะปิดท้าย”
รัตนากรคว้าคอเสื้อมาเฟีย แล้วนำวิ่งออกไปจากรถ พุ่งไปตามถนน ทันใดนั้น พวกมันเห็น ยิงกราดมา ภาคภูมิตามติด อัศวินโผล่มาโยนระเบิดออกไปใส่พวกมัน ระเบิดตูมสนั่น พวกมันกระเด็นกระจาย
พอตั้งตัวได้แห่กันวิ่งไล่ตามพวกอัศวินไป คนหนึ่งโบกมือให้แยกกันดักหน้าดักหลัง พวกมันกระจายกำลังทำตามคำสั่ง
อ่านต่อหน้า 2
เนตรนาคราช ตอนที่ 3 (ต่อ)
รัตนากรลากมาเฟียวิ่งเข้ามาในตลาด ตามด้วยภาคภูมิ พวกมันโผล่มายิงสาด แม่ค้าหลบกันวุ่นวาย
รัตนากรสาดกระสุนใส่พวกมันคว่ำไปสองสามคน ทันใดนั้นพวกมันโผล่มาทางด้านข้างสามคน ภาคภูมิยิงปืนใส่ แต่แล้วอีกคนหนึ่งโผล่มา จ่อปืนไปที่รัตนากรซึ่งกำลังลากมาเฟียและยิงพวกมันทางด้านหนึ่ง ภาคภูมิเหนี่ยวไก แต่กระสุนหมด
ภาคภูมิตัดสินใจโดดเข้าขวางกระสุนบังรัตนากร จนตัวเองถูกกระหน่ำยิง อัศวินกราดยิงฝ่ายตรงข้าม
แล้วรีบเข้ามาดูภาคภูมิ
“คุณภาคภูมิเป็นไงมั่ง”
รัตนากรรีบเข้ามา พร้อมลากมาเฟียมาด้วย
“คุณภาคภูมิ”
ภาคภูมิฝืนยิ้มยกมือขึ้นมา รัตนากรคว้ามือไว้ เขายิ้มแล้วหลับตาลงสนิท หมดลมหายใจ รัตนากรเม้มปากแน่น กระชากมาเฟียยืนขึ้นมา เอาปืนจ่อที่ใต้คางของมัน สายตากราดไปรอบตัว ซึ่งขณะนี้พวกมันล้อมอยู่แล้ว ทุกด้าน อัศวินกราดปืนไปมากรอบตัว
“พวกแกเข้ามาก้าวเดียว นายแกดับ”
“คำสั่งให้มันดับอยู่แล้ว พวกเรายิง”
หัวหน้ามือปืนสั่ง เสียงปืนดังเปรี้ยง หัวหน้าหน้าหงายกระเด็นทรุดฮวบตายสนิทด้วยฝีมือของอัศวิน
“มีใครจะพูดอะไรอีกหรือเปล่า”
รัตนากรกับอัศวินต่างมองพวกมัน ในขณะที่พวกมันพร้อมยิง ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้น พวกมันล้มไปสองสามคน เจ้าหน้าที่จากหน่วยพิเศษเข้ามาล้อมพวกมันไว้ กำลังเสริมมาถึงพอดี อัศวินกับรัตนากรโล่งใจ เจ้าหน้าที่เข้ามายึดปืน ลากตัวพวกมันออกไป เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเข้ามาทำความเคารพ
“ลากไอ้นี่ออกไป”
อัศวินสั่ง เจ้าหน้าที่เข้ามาลากมาเฟียออกไป ทั้งหมดนั่งลงรอบตัวภาคภูมิ
“ขอโทษครับพวกผมมาช้า”
เจ้าหน้าที่แสดงความเสียใจ รัตนากรกับอัศวินได้แต่ถอนใจ
อัศวินยืนอยู่บนดาดฟ้าของตึกหน่วยพิเศษ มองไปข้างหน้า นิ่งสงบ รัตนากรเดินเข้ามา เอามือโอบไหล่ชายหนุ่มไว้
“เสียใจด้วยค่ะ”
อัศวินนิ่งเงียบไม่มีคำตอบ
“น่าสงสารพี่ภาคภูมิ”
อัศวินหันมามองรัตนากรสงสัย
“รัตน์พูดไม่ดีหาเรื่องพี่ภาคภูมิ”
“มีเรื่องกันเหรอ”
“คือรัตน์อ่านออกว่าพี่ภาคภูมิสนใจ ก็เลยบอกเขาไปว่ารัตน์ไม่ได้คิด แบบว่าอาจจะตรงไปหน่อย ไม่ดีเลย”
อัศวินมองรัตนากรเอามือโอบไหล่
“คุณภาคภูมิเป็นลูกผู้ชาย ไม่ถือสาเรื่องนี้หรอก อย่าคิดมาก”
รัตนากรพยักหน้า ทั้งสองต่างมองไปข้างหน้าสุดสายตา ไม่มีคำพูดใดๆ
รถของรัตนากรวิ่งเข้ามาในเขตบ้าน มีเจ้าหน้าที่พิเศษสองคนยืนระวังอยู่ รัตนากรลงมาจากรถ เปิดท้ายหิ้วกระเป๋าลงมาหนึ่งใบ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเข้ามาช่วย
“เป็นยังไงบ้าง”
“เหตุการณ์ปรกติครับ”
“ขอบคุณมาก”
รัตนากรเดินเข้าไปในบ้าน แล้วตรงไปที่ห้องทำงานของดร.มานพ มองรอบๆ ทุกอย่างยังอยู่บนโต๊ะ เธอ
อดเศร้าใจไม่ได้ น้ำตาซึม กาญจนายืนจ้องพี่สาวอยู่ ก่อนจะเดินออกไป รัตนากรอดขำในความขี้งอนของน้องสาวไม่ได้ เธอหยิบหนังสือเล่มหนาที่ ดร.มานพเคยให้ดู เปิดหนังสือไปจนหน้าสุดท้าย ไปอยู่ตรงภาพของพญานาค ที่โผล่ขึ้นมาจากแม่น้ำโขง ซึ่งปั่นป่วนคลื่นสูงท่วมบ้านเรือนและผู้คน รอบด้าน
เต็มไปด้วยไฟท่วมไปทั่วทุกแห่ง
ตอนค่ำ รัตนากรนั่งกินบะหมี่อยู่ในครัวตามลำพัง กาญจนาเดินเข้ามาแล้วหยุดเมื่อเห็นพี่สาว รัตนากรมองจะยิ้มให้ แต่กาญจนาเดินเลยไปที่ตู้เย็น เปิดตู้เย็นหยิบน้ำและผลไม้ติดมือออกมา แล้วเดินออกไปจากห้องครัว รัตนากรมองตาม
“สงสัยต้องเบิร์ดกะโหลกซะที”
รัตนากรบ่นแล้วอดขำตัวเองไม่ได้ กินบะหมี่ต่อไป
กลางดึก เงาของชายสามสี่คน วูบวาบข้ามกำแพงบ้านดร.มานพเข้ามาในบริเวณสวน แต่งชุดดำเคลื่อนไหวคล่องแคล่วรวดเร็ว
หน้าบ้าน เจ้าหน้าที่สองคน ยืนระวังอยู่ คนหนึ่งขยับตัวเหมือนได้ยินสิ่งผิดสังเกต ชักปืนสั้นออกมา แต่แล้วมีดสั้นสองเล่มปักที่อกของเจ้าหน้าที่ทั้งสองอย่างแม่นยำ เงาสองคนเคลื่อนตัวเข้ามารับ เจ้าหน้าที่ทั้งสองไว้ทันท่วงทีก่อนที่จะล้มถึงพื้นส่งเสียงดัง แต่ปืนในมือของเจ้าหน้าที่หลุดจากมือตกลงพื้นส่งเสียงดังขึ้น
จากนั้นก็เคลื่อนไหวต่อ พวกมันคนหนึ่งรีบไปที่ประตู เริ่มทำงาน สะเดาะกุญแจอย่างรวดเร็ว ขณะที่อีก
สองคนลากเจ้าหน้าที่ไปออกไป พวกมันเปิดประตูได้สำเร็จ อีกสองคนเข้ามาสมทบแล้วก็พากันหายเข้าไป
ในบ้านอย่างเงียบกริบรวดเร็ว
พวกมันแยกย้ายกันเคลื่อนตัวไปอย่างระมัดระวัง คนหนึ่งเคลื่อนตัวไปยังห้องทำงานของ ดร.มานพ ขณะที่อีกสองคนเคลื่อนตัวตรวจพื้นที่รอบๆ
กาญจนานอนอยู่บนเตียง บนหน้าอกยังมีหนังสือวางอยู่รอบๆตัว มีเอกสารวางเกะกะอยู่
เงาดำค่อยทาบเข้ามา จนกระทั่งทาบที่ใบหน้าของกาญจนา กาญจนากระพริบตาถี่ๆ เหมือนรู้สึกตัว แล้วค่อย
ลืมตาขึ้นมาเห็นเงา แต่ก่อนที่จะร้อง ก็ถูกรัตนากรปิดปากไว้อย่างรวดเร็ว
“มีคน”
กาญจนาพยักหน้า รัตนากรค่อยๆ ปล่อยมือออก แล้วดึงตัวกาญจนาลงมาที่มุมเตียง สอดมือเข้าไปที่ใต้หมอนของกาญจนาดึงปืนออกมา แล้วส่งให้น้องสาว
“อยู่นี่ ยิงทุกอย่างที่เข้ามา”
รัตนากรเคลื่อนตัวออกไปยังหน้าประตูห้อง หันกลับมาพยักหน้าให้กาญจนา กาญจนาพยักหน้าตอบ
เอื้อมมือไปกดสวิทช์ไฟดับวูบลง
ไฟฉายวูบวาบอยู่ในห้องทำงานของดร.มานพ มีคนกำลังหาของอย่างรวดเร็วและเงียบราวกับแมวย่อง
ด้านนอกห้องมีสองคนคอยเฝ้าอยู่ ทันใดนั้น ไฟฟ้าสว่างพรึ่บ รัตนากรถือปืนยืนตรงหน้าพวกมัน
“อย่าคิด”
คนหนึ่งหันปืนกลับมา แต่ช้าไป รัตนากรยิงเปรี้ยงจนทรุด อีกคนหนึ่งสาดกระสุนใส่ รัตนากร
พุ่งหลบเข้าไปที่มุมห้อง
กาญจนาขยับตัว และเตรียมปืนพร้อมยิงทุกคนที่เข้าประตูมา
คนร้ายสาดปืนยิงรัตนากรติดมุมอยู่ อีกคนหนึ่งพรวดออกมาจากห้อง ช่วยยิงสกัด แล้วส่งซิกให้หนี มันยิงกราดอีกชุดหนึ่งแล้วหนีออกไปจากประตู อีกคนหนึ่งขยับตาม แต่รัตนากรโผล่ออกมา ซัดตูม พวกมันคว่ำทรุด รัตนากรเคลื่อนตัวออกมา มองอย่างระมัดระวัง แล้วผ่อนคลาย พวกมันรอดไปได้หนึ่งคน
กาญจนานั่งฟังเสียงปืนที่เงียบไปอย่างตื่นเต้นเตรียมพร้อม แต่แล้วมีเสียงคนเข้ามา
“เคลียร์”
กาญจนาผ่อนลมหายใจรู้ว่าเป็นเสียงพี่สาว รีบไฟเปิด ค่อยๆ ลุกขึ้นมา เอาปืนวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เห็นพวกมันนอนตายอยู่ และเห็นรัตนากรกำลังตรวจความเรียบร้อยอยู่ในห้องทำงานพ่อ อัศวินเข้ามา
“กาญ รัตน์”
“อยู่ในห้องคุณพ่อ”
“ไม่เป็นไรกันใช่มั้ย”
กาญจนาพยักหน้า รัตนากรเดินเข้ามาบอก
“พวกเดียวกับที่จับคุณพ่อไป”
“มันรู้จนได้ว่าแผนที่กลับมาอยู่ที่เรา”
“หรือว่าไอ้พวกนี้ร่วมมือกับไอ้คนที่พี่อัศวินเจอตอนบุกบ้านเฮนรี่”
ทั้งสองต่างมองหน้ากัน ขบคิด เจ้าหน้าที่เข้ามารายงาน
“ทุกอย่างเรียบร้อยครับ”
“ขอบคุณมาก ผมต้องการรายงานโดยละเอียด”
“ครับผม”
เจ้าหน้าที่ออกไป
“พี่คิดว่าตอนนี้ใครๆ ก็รู้แล้วว่าแผนที่อยู่ที่เรา ไม่ว่าพวกมันจะร่วมมือกันหรือไม่ เราทุกคนเป็นเป้าของพวกมันอย่างแน่นอน”
ทุกคนต่างเคร่งเครียด
“พรุ่งนี้พี่อยากให้กาญไปอยู่ที่คอนโด บ้านหลังนี้ตกเป็นเป้านิ่งไม่ปลอดภัย”
“ได้ค่ะ”
อัศวินหันไปมองรัตนากร กาญจนาสังเกตได้รีบตอบทันที
“กาญขออยู่คนเดียว กาญอยากจะอยู่เงียบๆ คิดว่าจะพยายามเปิดแผนที่ให้ได้”
รัตนากรยักไหล่ เดินออกไป อัศวินพยักหน้ากับกาญจนาเป็นเชิงเข้าใจ
อัศวินยืนอยู่ที่รถกับรัตนากร
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่อัศวิน ปล่อยให้ยัยกาญเขางอนไปก่อนเถอะค่ะ มีพี่อัศวินคอยดูอยู่แล้วรัตน์ไม่ห่วง”
“โบ้ยเลยนะเรา”
“เอางี้ รัตน์ว่างก็จะแอบแวะไปดู พอใจมั้ย”
“ดีมาก เราเป็นพี่ก็ต้องเสียสละหน่อย”
“โอ โน เริ่มบ่น ไปดีกว่า กู๊ดไนท์”
รัตนากรขึ้นรถขับออกไป อัศวินได้แต่หนักใจอยู่คนเดียว
คืนนั้น สมุนมังกรทองเดินเข้ามาในห้องรับรอง ซึ่งหลินกับสองมือสังหาร และมือปืนสองคน พร้อมจินหัว กำลังรอฟังข่าวอยู่อย่างเคร่งเครียด สมุนเข้ามารายงานกับจินหัว จินหัวพยักหน้า สมุนออกไป จินหัวหันมารายงานหลิน
“พวกมันล้มเหลว มีรอดกลับมาหนึ่งคน”
“คุณอา คนของคุณอานับว่าผิดพลาดหลายครั้งหลายหน”
“อากำลังจัดชุดใหม่เข้ามาแทน”
“ศัตรูมีฝีมือ หวังว่าชุดใหม่มีแต่มือดีๆ ไม่ยังงั้นคงจะตายเปล่า”
จินหัวเคร่งเครียด ไม่ตอบ สองมือสังหารยิ้มเยาะ
“อย่าลืมรายงานเตี่ยด้วย ว่าเป็นความผิดพลาดของคุณอา”
จินหัวยิ่งเครียดกว่าเดิม
ตอนเช้า อัศวินมาหากาญจนาที่คอนโดฯ
“พี่จะให้คนค่อยๆ ส่งของจำเป็นของกาญมาให้”
“ขอบคุณค่ะ กาญจะรีบเปิดกระบอกแผนที่ให้ได้ จะได้จบๆ เรื่องไปซะที”
“อย่าโกรธพี่รัตน์มากนักเลย มันเป็นอุบัติเหตุ เป็นเรื่องที่สุดวิสัย”
“ขอบคุณค่ะพี่อัศวิน”
“พี่ให้คนของพี่คอยระวังอยู่แล้ว มีอะไรโทรหาพี่”
“ค่ะ”
อัศวินเดินออกไป พบเจ้าหน้าที่สองคนยืนอยู่หน้าห้อง
“ฝากด้วย”
“ครับผู้กอง ข้างล่างยังมีพวกเราซุ่มอยู่อีกสาม คอยผลัดเปลี่ยนกันครับ ฉุกเฉิน พร้อมติดต่อกำลังเสริมได้ทันที”
“ขอบใจมาก”
อัศวินเดินจากไป เจ้าหน้าที่ต่างขยับตัวยืนเข้ม
กาญจนาเดินมาที่โซฟา เปิดกระเป๋าหยิบกระบอกแผนที่ขึ้นมาถือไว้ แล้วพนมมือหลับตา
“คุณพ่อ อยากให้หนูเจอเนตรนาคราชก็ช่วยเปิดให้หน่อยก็แล้วกัน เพี้ยง”
กาญจนาค่อยๆ เปิดตามองกระบอกยังปิดเหมือนเดิม อดขำตัวเองไม่ได้ แล้วก็ถือเดินเข้าไปในห้องนอน
รัตนากรออกมาจากห้องนอน โยนเป้ไว้บนโซฟา เดินเข้ามาที่ห้องครัว เสียงกริ่งประตูดังขึ้น เธอขยับตัวอย่างสงสัย ค่อยดึงปืนจากซอง แล้วเดินไปที่ประตู หลบข้างๆ ประตู รออยู่สักครู่ ไม่มีเสียงอะไรเกิดขึ้น จึงตวัดปืนขึ้นเตรียมพร้อม แล้วเปิดประตูออกไป แต่ปรากฏว่าไม่มีใคร นอกจากช่อดอกไม้ช่อหนึ่งวางอยู่ตรงหน้าห้อง เอมองไปรอบๆ หยิบช่อดอกไม้ขึ้นมาตรวจดู พบว่า มี การ์ดแผ่นหนึ่ง รัตนากรปิดประตู
รัตนากรถือช่อดอกไม้เข้ามาในครัว วางลงบนโต๊ะ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกด อัศวินซึ่งกำลังตรวจเช็ค
ข้อมูลอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ที่หน่วยพิเศษ รับสาย
“พี่อัศวินเหรอคะ”
“มีอะไรเหรอ”
“พี่ส่งดอกไม้มาให้รัตน์หรือเปล่าคะ”
“โน บอกมานะว่าไอ้หมอนี่เป็นใคร” อัศวินแกล้งอำ
“อืม น่าสงสัย มีการ์ดด้วย”
“ระวังหน่อยก็ดี พี่จะไปหาเดี๋ยวนี้”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่ช่อดอกไม้เองรัตน์จัดการได้”
“โอเค คนเก่ง”
อัศวินยิ้มอารมณ์ดีวางสาย รัตนากรวางสาย ดึงการ์ดออกมา แล้วอ่านดู มีข้อความว่า “ดร.กาญจนา”
“แย่แล้วยัยกาญ”
รัตนากรรีบกดโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว กาญจนานั่งค้นคว้าอยู่ที่คอนโด ตรงหน้ามีกระบอกแผนที่ และหนังสือกางอยู่หลายเล่ม เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมา เห็นเป็นชื่อของรัตนากรก็หงุดหงิด กดปิดเครื่องไปเลย รัตนากรได้ยินเสียงว่าไม่สามารถติดต่อได้
“โธ่เอ๊ย”
รัตนากรกดโทรศัพท์อีกครั้ง มีเสียงเหมือนเดิม เธอเก็บโทรศัพท์ คว้ากุญแจรถออกไปจากห้องทันที
รัตนากรขับรถ พลางคุยโทรศัพท์กับอัศวินไปด้วย
“พี่อัศวินคะ ในการ์ดมีชื่อยัยกาญค่ะ”
“เดี๋ยวพี่จะโทรไปบอกยัยกาญเอง”
“ยัยกาญไม่ยอมรับสายรัตน์ค่ะ แถมยังปิดเครื่องไปเลย”
“พี่จะไปเดี๋ยวนี้”
รัตนากรวางสาย สีหน้าเคร่งเครียด รีบขับรถไป
ในรถตู้ปฏิบัติกาซึ่งจอดอยู่บริเวณคอนโดของกาญจนา มีเจ้าหน้าที่อยู่สามคนภายในรถ เสียงวิทยุดังขึ้น เจ้าหน้าที่กดรับสาย คุยกับอิศวิน
“ครับผม”
“มีผู้บุกรุก รีบพาเป้าหมายออกจากตำแหน่งโดยเร็ว”
“รับทราบ”
เจ้าหน้าที่ทั้งสามชักปืนพกออกมาตรวจ แล้วเปิดประตูรถออกไป ก็ถูกกระหน่ำยิงตายทั้งสามคน
อัศวินมาที่ลานหน่วยปฏิบัติการ มีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่ใกล้ๆ รถมอเตอร์ไซค์หนึ่งคัน
“ทุกอย่างพร้อมครับ”
อัศวินขึ้นขี่รถ เจ้าหน้าที่ส่งหมวกกันน็อคให้ อัศวินสวมหมวกกันน็อคแล้วรีบออกรถไป
ร.ป.ภ. ที่คอนโดฯกาญจนาสองคนถูกลากเข้าไปโยนไว้ในป้อม คนร้ายในชุดปฏิบัติการ 5 คนต่างเดินอย่างใจเย็นไปที่ลิฟท์
กาญนานั่งตรวจกระบอกแผนที่อยู่ เทียบกับบันทึกในหนังสือโบราณ สักครู่ก็หยุด เอามือกุมขมับ ในที่สุดก็วางกระบอกทองเหลืองแล้วยืนขึ้น จิบกาแฟ แล้วเดินมายืนตรงชั้นวางของ ซึ่งมีกรอบรูปถ่ายเดี่ยวของ ตน ดร. มานพ และ รัตนากร
เธอหยุดมองที่รูปพ่อ น้ำตาซึม มองไปที่รูปของรัตนากร
“พี่บอกว่าจะพาคุณพ่อกลับมา เป็นความผิดของพี่”
กาญจนาพูดจบพลางจับรูปของรัตนากรคว่ำลง เสียอารมณ์
เสียงลิฟท์ดัง เจ้าหน้าที่สองคนได้ยินเสียงหันไปพลางชักปืนจะยิงคนร้ายห้าคน แต่ช้าไป พวกมันสาดกระสุนใส่ เจ้าหน้าที่ดิ้นล้ม คนหนึ่งหันมาทุบประตูโครม แล้วทรุดลง
กาญจนาหันขวับ ทันใดนั้นประตูถูกกระแทกเสียงดัง กาญจนารีบเข้าไปในห้อง ดึงปืนใต้หมอนออกมา
แต่แล้วก็ถูกคนร้ายคว้าไว้ กาญจนาชกโครม มันกระเด็นไป แต่อีกสองคนเข้ามาคว้าตัวกาญจนาเอาไว้ได้ กาญจนาจ้องหน้ามันดุดันของคนร้ายคนหนึ่ง คว้ากระบอกทองเหลืองใส่แผนที่ส่งให้
“พวกแกไม่มีปัญญาเปิดได้หรอก”
“เราถึงต้องเอาตัวดร. ไปด้วยยังไงล่ะ”
คนร้ายลากกาญจนาออกไปจากห้อง
รัตนารกรขับรถพรวดเข้ามาในลานจอดรถ แต่แล้วก็เห็นพวกมันคุมตัวกาญจนาออกมาจากตัวตึก
รัตนากรกระชากปืนออกมาตรวจดูความพร้อม ดวงตาจ้องพวกมันเขม็ง เคลื่อนรถออกไป
คนร้ายดึงตัวกาญจนามาที่รถตู้ รัตนากรโดดลงมาจากหลังรถตู้เข้าใส่คนร้ายที่คุมตัวกาญจนาไว้ ทั้งหมดกระเด็นกลิ้งกระจายไป รัตนากรรีบดึงตัวกาญจนาขึ้น
“ถอยมา”
พวกมันตั้งตัวได้ ขยับตัว แต่รัตนากรตวัดปืนเหนี่ยวไกยิงออกไป พวกมันทรุดไปสามคน แต่อีกคนหนึ่งสาดกระสุนปืนเข้ามา รัตนากรรีบเข้ามาบังกาญจนา กระสุนถูกที่ไหล่ซ้าย รัตนากรหันมาสาดกระสุนใส่พวกมันจนทรุดไป หัวหน้าคนร้ายรีบหลบเข้าหลังรถ แผนที่ตกกลิ้ง
ไปอีกทางหนึ่ง
“แผนที่”
กาญจนาขยับตัว แต่รัตนากรดึงไว้ ทันใดนั้นรถตู้สองคันพรวดเข้ามาที่รถของพวกมัน พวกมันลงมาจากรถ หัวหน้าโผล่ออกมาจากหลังรถ
“จับพวกมันให้ได้”
คนร้ายวิ่งเข้ามา รัตนากรยิงใส่ถูกพวกมันคว่ำไปสองสามคน กระสุนหมด พวกมันรีบเข้ามาล้อมรัตนากรกับกาญจนาไว้ ปืนจ้องมาที่ทั้งสองคน
“ทิ้งปืนซะ”
รัตนากรยืนบังกาญจนา โยนปืนทิ้งไป แต่แล้วพวกมันก็ผงะหงายไปเพราะมีลูกธนูจากหน้าไม้ปัก
เข้าที่หน้าอกของพวกมันล้มหงายไปหนึ่งคน พวกมันต่างกราดปืนรอบตัวอย่างแตกตื่น เสียงตึบ พวกมันทรุดอีก รัตนากรเห็นหญิงสาวในชุดหนังสีดำยืนอยู่บนหลังคารถคันหนึ่งห่างออกไป
“เร็วเข้า เอาตัวสองคนมาขึ้นรถ”
หัวหน้าคนร้ายสั่ง ลูกน้องจะพาตัวสองสาวออกไปแต่ทันใดนั้นเสียงมอเตอร์ไซค์ดังกระหึ่ม รถของอัศวินพุ่งเข้ามา ยิงปืนใส่พวกมันล้มคว่ำไปสองสามคน หัวหน้ากับที่เหลือต่างถอยไปที่รถของพวกมัน รถของอัศวินวิ่งเข้ามาบังรัตนากรกับกาญจนาไว้ อัศวินยิงต่อสู้กับพวกมัน พวกมันออกรถหนีไปจนได้ ระหว่างนั้นมีรถเก๋งคันหนึ่งขับออกไปเช่นกัน
อัศวินเข้ามากอดกาญจนา
“กาญไม่เป็นไรนะ”
กาญจนาพยักหน้าถอนใจ รัตนากรเดินไปหยิบกระบอกแผนที่ที่ตกอยู่ แล้วเดินเข้ามาหากาญจนาซึ่งยืนอยู่กับอัศวิน แล้วส่งกระบอกแผนที่ให้ กาญจนารับได้แต่ไม่พูดด้วย รัตนากรเดินออกไป กาญจนามองดูที่กระบอกแผนที่ ปรากฏว่าเต็มไปด้วยเลือด
“เลือด”
อัศวินเห็นเลือด รีบเดินไปหารัตนากร รัตนากรเอามือกุมหัวไหล่ที่ถูกยิงไว้
“นิดหน่อยเองค่ะ”
“ไหนดูซิ”
รัตนากรยิ้ม เอามือออกให้อัศวินตรวจดูบาดแผล
“โชคดีกระสุนทะลุไป ไม่ถูกกระดูก”
“จิ๊บๆ ไม่ตายหรอกน่า”
“แค่นี้ตาย เสียชื่อหมด”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน สบตากัน
“ดูนี่”
เสียงกาญจนาดังขึ้น ทั้งสองหันไป ก็พบว่ากาญนากำลังจ้องมองกระบอกแผนที่อยู่ ตรงปลายกระบอกเปิดหลุดออกมา แล้วห้อยอยู่กับโซ่ที่เคยเชื่อมทั้งสองท่อนไว้ด้วยกัน ทั้งสามคนต่างจ้องมองอย่างคาดไม่ถึง อัศวินถามขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น”
“กาญไม่ทราบค่ะ พอรู้ตัวอีกทีกระบอกแผนที่ก็เปิดแล้ว”
ทันใดนั้น พวกนักข่าวลงจากรถมาเป็นพรวน อัศวินกับรัตนากรเซ็ง
“รีบไปทำแผลซะ”
“ค่ะ I see you later”
รัตนากรเดินออกไป
อ่านต่อหน้า 3
เนตรนาคราช ตอนที่ 3 (ต่อ)
ที่ห้องพยาบาลของหน่วยพิเศษ เปิดโทรทัศน์ไว้ มีนักข่าวหญิงกำลังรายงานข่าวอยู่
“เมื่อชั่วโมงที่แล้ว ดร. กาญจนาถูกคนร้ายพยายามจะจับตัว แต่เจ้าหน้าที่พิเศษ ผู้กองอัศวินมาทัน ยับยั้งเหตุการณ์ได้พอดี ชมได้จากคลิปรายงานค่ะ”
มีภาพอัศวินกับกาญจนากำลังถูกนักข่าวรุมล้อม
“พอจะทราบสาเหตุหรือเปล่าครับ”
“ยังไม่มีรายละเอียดครับ”
อัศวินแทรกตัวจูงกาญจนาฝ่าพวกนักข่าวออกไป
“ค่ะ จากคลิปข่าว เรายังไม่มีรายละเอียดใดๆ เดี๋ยวนะคะ เรามีรายงานสดเข้ามาค่ะ”
ตัดภาพไปที่วีรกิจกำลังถูกนักข่าวรุมถาม
“ขณะนี้เรากำลังคุยกับคุณวีรกิจ คนใกล้ชิดของ ดร.กาญจนา คุณวีรกิจ ได้คุยกับ ดร.กาญจนาหรือยังคะ”
“ยังเลยครับ ผมเพิ่งทราบเรื่องจากข่าวเหมือนกัน”
“พอจะทราบสาเหตุมั้ยคะ”
“ถ้าจะให้ผมเดา คงเป็นเรื่องแผนที่บอกตำแหน่งเนตรนาคราช ที่ ดร.กาญจนาค้นคว้าอยู่น่ะครับ เห็นวุ่นวายกันจัง สำหรับผมคิดว่าเป็นนิยายหลอกเด็กมากกว่า”
รัตนากรปิดโทรทัศน์ทันที
“ตาบ้าเอ๊ย เจอต้องตบปากซะหน่อย”
“จะตบใครอีกล่ะ”
รัตนากรยิ้มให้ เมื่อเห็นอัศวินถือดอกไม้เดินเข้ามา
“ก็นายวีรกิจน่ะซิ ให้สัมภาษณ์เรื่องเนตรนาคราช คราวนี้ล่ะยุ่งกันใหญ่”
“ช่างมันเถอะ ยังไงพวกมันก็รู้กันอยู่แล้ว”
อัศวินส่งดอกไม้ให้
“ครั้งที่แล้วได้ดอกไม้ แล้วมีเรื่อง รัตน์ว่ารัตน์ไม่รับดีกว่า”
“อ้าว เล่นเหมาหมดเลยเหรอ”
“กันไว้ดีกว่าแก้”
อัศวินเหล่ พร้อมกับส่งดอกไม้ให้อีก
“น่าจะเปลี่ยนเป็นหนมแทนดอกไม้”
“นอนกินมากๆ เดี๋ยวอ้วน วิ่งไล่ตามคนร้ายไม่ไหวนะ”
รัตนากรยิ้มขำ
“ก่อนที่พี่อัศวินจะมา มีผู้หญิงคนหนึ่งมาช่วยเรา”
“เจ้าของดอกธนู”
“ค่ะ”
“หวังว่าคงได้เจอกันอีก จะได้เดทคุยกันให้รู้เรื่อง ว่าจะเอายังไง”
รัตนากรยิ้ม
“เรื่องเนตรนาคราชไปถึงใหนแล้วคะ”
“เรากำลังเตรียมตัวที่จะออกเดินทาง”
รัตนากรมองอย่างตื่นเต้น
รัตนากรตื่นเต้น เมื่อรู้ว่าอัศวิน กาญจนา จะเริ่มเดินทางไปตามหาเนตรนาคราช
“เมื่อไหร่คะ”
“ทันที ที่องค์กรมรดกไทยเปิดทางให้”
“ในที่สุดก็มาถึงวันนี้จนได้”
“พี่มาชวนเราไปด้วย”
“คุณพ่อสั่งไว้แล้ว ไม่ว่ายัยกาญจะว่ายังไงรัตน์ก็ต้องไปค่ะ”
อัศวินยิ้มพอใจ
รถจักรยานยนต์ส่งพิซซ่าเข้ามาจอดตรงหน้าคอนโดฯที่โรสพักอยู่ แล้วเดินถือกล่องพิซซ่าไปที่รปภ. จากนั้นก็เดินไปขึ้นลิฟต์ พอประตูลิฟท์เปิดออก พนักงานพิชช่าเดินผิวปากอารมณ์ดีออกมา แล้วเดินหาเบอร์ห้อง จนมาถึงห้องหนึ่งก็กดกริ่ง ประตูเปิดออก โรสจ่อปืนตรงหน้า พนักงานส่งพิซซ่าตาเหลือก โรสยิ้ม
“พิซซ่าหน้าอะไร”
“หน้า หน้า ซีฟู๊ด ชนิดหนานุ่ม”
“ทั้งหมดเท่าไหร่”
“595 บาท ครับ”
“เก่งมาก”
โรสเก็บปืน ส่งแบงค์พันให้ พนักงานรับ โรสดึงถาดพิซซ่าไปแล้วปิดประตูโครม พนักงานถือแบงค์พันตกใจมาก
โรสเดินเข้ามาในครัววางถาดพิซซ่าบนโต๊ะ เปิดฝากล่อง หยิบออกมาชิ้นหนึ่งกัดได้คำเดียว เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอโยนพิซซ่ากลับเข้าไปในกล่อง มองดูเบอร์แล้วกดรับสายโทรศัพท์สายวรชัย
“แผนที่อยู่ที่ ดร.กาญจนาแน่นอนค่ะ”
“ค่อยสบายใจหน่อย ดร. กาญนาคือฝ่ายที่จะนำเนตรนาคราชมาคืนสู่ที่เดิม”
“ตอนนี้พวกมันรอลงมือกันยิ่งกว่าพวกอีแร้งอีกค่ะ”
“โรสทำได้ดีแล้ว ที่คอยช่วย ดร.กาญจนา”
“พี่วรชัยไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ดร.กาญจนามีพี่สาวฝีมือยอด พี่ชายฝีมือเยี่ยม ถ้ามีอะไรโรสจะรีบบอกให้ทราบนะคะ”
“ดี ส่วนพี่ก็จะเตรียมพวกเราทางนี้ให้พร้อม เชื่อว่าต้องซัดกันเละแน่ๆ”
“แน่อยู่แล้วค่ะ จิ้นไปได้เลย”
อัศวินขับรถเข้ามาในสวน ลงจากรถ ก็พบเจ้าหน้าที่พิเศษสองสามคน ยืนระวังอยู่ เขาเดินเข้าไปด้านใน กาญจนากำลังกางแผนที่อยู่บนโต๊ะ พิจารณามองดูอย่างละเอียด มีแผนที่ปัจจุบันวางอยู่ข้างๆ
และบันทึกมากมายเพื่อการเปรียบเทียบ
“เป็นยังไงบ้าง”
“แผนที่เก่ามาก กาญเอาแผนที่ปัจจุบันมาเทียบก็พอจะอ่านได้บ้าง แต่ก็ยังสับสนไม่ชัดเจน”
“อืม ถ้าอย่างงั้นพี่คิดว่า เราต้องมีพรานนำทาง”
“เฮ้อ พรานก็พรานเถอะ กาญก็ยังไม่แน่ใจว่าจะแกะรอยตามแผนที่ได้ถูกต้องแม่นยำ”
“เวลามีไม่มาก เราไม่มีทางเลือก ยังไงก็ต้องลุย ไปลุ้นเอาดาบหน้า”
“หวังว่าคณะกรรมการมรดกโลกจะเห็นด้วยกับเรา”
ทั้งสองต่างมองหน้ากัน เครียด เพ่งมองที่แผนที่ จุดตำแหน่งในแผนที่เป็นสีแดงดูเหมือนมีแสงน่ากลัว
บริเวณทางเดินในองค์กรมรดกโลก ทนายสมพงษ์เดินมาพร้อมกับกาญจนากับอัศวิน อัศวินถือสมุดตำราเล่มใหญ่ของ ดร.มานพมาด้วย ทนายสมพงษ์เริ่มต้นพูดขึ้น
“ทางคณะกรรมการต้องการเหตุผลที่ชัดเจนแน่นอน ว่าสำคัญแค่ใหน ที่จะต้องนำเอาเนตรนาคราชกลับมา”
“สำคัญเกินคาดแน่นอนค่ะ”
“รู้แล้วจะหนาว”
ทนายสมพงษ์มองอัศวินออกอาการไม่เชื่อ
ภายในห้องประชุม คณะกรรมการอาวุโสอยู่สี่ห้าคนนั่งอยู่ฝั่งหนึ่งกับทนายสมพงษ์ กาญจนากับอัศวิน นั่งตรงข้ามใกล้กัน ทนายสมพงษ์เริ่มพูดขึ้น
“ตามที่บันทึกไว้ เนตรนาคราชเป็นดวงตาของพญานาค ถูกผู้มีวิชาขโมยไปในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ใช่มั้ยครับ”
“ค่ะ เป็นเรื่องที่เชื่อกันมาแบบนั้น มีบันทึกอยู่ทางด้านหลังของแผนที่เล่าเรื่องราวทั้งหมด ดูเหมือนว่า คนที่ขโมยดวงตาพญานาคหรือเนตรนาคราชไป รู้สึกผิด และรู้ตัวว่ากำลังก่ออาเพศภัยใหญ่หลวงให้กับชนรุ่นหลัง จึงได้บันทึกกำชับให้เอาเนตรนาคราชไปคืนค่ะ”
“ซึ่ง ดร.มานพค้นคว้ามานานจนทราบเรื่องนี้จึงทุ่มเทค้นหาเนตรนาคราชเพื่อป้องกันภัยพิบัติ จนต้องถึงกับสละชีวิตในที่สุด”
“และตามบันทึกที่มี เป็นไปได้ว่า ปีนี้ วันที่ สิบห้าค่ำเดือนสิบเอ็ด อาจเป็นเส้นตายที่จะ ต้องนำเนตรนาคราชไปคืนสู่ก้นแม่น้ำโขง มิฉะนั้นภัยภิบัติใหญ่หลวงจะเกิดขึ้น”
กาญจนาเลื่อนหนังสือไปตรงหน้าคณะกรรมการ ซึ่งเป็นรูปภาพพญานาคสองตัว ภายใต้คลื่นยักษ์และเปลวไฟจากดวงตา ทุกคนจ้องมองอย่างตื่นเต้น
“นี่คือสิ่งที่ได้มาจากการค้นคว้าขุดค้นและบันทึกทางประวัติศาสตร์โบราณ เชื่อได้แค่ใหนดิฉันรับรองไม่ได้”
คณะกรรมการต่างมองหน้ากัน มองที่ภาพในสมุดกลับไปกลับมา แล้วหันมามองอัศวินกับกาญจนา
“โบราณว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” อัศวินย้ำ
คณะกรรมการต่างจ้องที่ภาพและมองกันไปมา คิดพิจารณาเรื่องราว กาญจนากับอัศวินต่างมองหน้ากัน รอคำตอบอย่างเคร่งเครียด
กาญจนากับอัศวินเดินออกมายังห้องโถง คาดไม่ถึง เห็นวีรกิจ รออยู่ อัศวินเซ็ง
“คุณกาญ ประชุมอะไรกันนักหนา นานจังครับ”
“คุณวีรกิจมาทำไมคะนี่”
“เอ่อ ผมว่าง โทรหาคุณไม่ติด เลยโทรมาที่นี่ ทราบว่าคุณประชุมอยู่ ก็เลยแวะมารอรับคุณกาญครับ”
“ตอนนี้นายอยู่ห่างคุณกาญก่อนจะดีกว่าอันตรายรอบด้าน”
“แต่ว่า”
“คุณวี เอาตามนี้ก่อนแล้วกันนะคะ แล้วกาญจะโทรไปหา”
วีรกิจได้แต่พยักหน้า อัศวินแตะข้อศอกให้กาญจนาเดินออกไป วีรกิจหงุดหงิด
“สวัสดีคุณวีรกิจ”
วีรกิจหันมาเห็นทนายสมพงษ์เดินเข้ามา เขายกมือไหว้
“ไอ้เนตรนาคราชนี่มันอะไรกันเหรอครับ ถึงได้ซีเรียสกันเหลือเกิน”
“มีเวลามั้ย คุยกันมั้ยล่ะ”
“ได้ครับ”
“งั้นตามอามา”
ทนายสมพงษ์เดินไปทางประตู พลางหันมา
“ไปข้างนอกดีกว่า เปลี่ยนบรรยากาศ ไป เดี๋ยวอามาส่ง”
“ได้ครับ”
ทั้งสองไปคุยกันที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
“เนตรนาคราชสำคัญถึงขนาดนั้นเลยหรือครับ”
“ใช่ มีคนหลายกลุ่มต้องการมัน เพราะนอกจากจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว มันยังมีมูลค่ามหาศาล”
“อืม ที่แท้แบบนี้เอง”
“คุณกาญถึงต้องระวังตัว อาคิดว่าการเดินทางครั้งนี้ เธอควรจะตามไปดูแลคุณกาญด้วยนะ”
“ถ้ายังงั้น ผมไปแน่”
“เกิดฉุกเฉินอะไรก็แจ้งให้อารู้ได้ จะได้ช่วยเหลือกันทันท่วงที”
“ได้ครับ”
ทนายสมพงษ์พยักหน้าอย่างพอใจ
อัศวินมาที่ถ้ำแห่งหนึ่ง ตรงหน้าคือพระพุทธรูปองค์ใหญ่ดูน่าเลื่อมใส เขาก้มลงกราบพระ แล้วนั่งลงหลับตานิ่งเหมือนทำสมาธิ อิทธิกับชาติ ก้มลงกราบพระ แล้วนั่งสมาธิเหมือนกับอัศวิน
“พระที่นี่ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ฉันกำลังอธิษฐานให้เจอพวกนายสองคน”
“สายรายงานว่าเห็นแกตั้งแต่เข้าตัวเมืองแล้ว” อิทธิบอก
“อย่าบอกนะว่าเบื่อกรุงเทพฯ จะย้ายมาอยู่แถวนี้” ชาติแซว
“หรือไม่ก็อกหัก”
“นายสองคนนี่ยังเพ้อเจ้อเหมือนเดิม”
ทั้งสามต่างลืมตาขึ้น ยิ้มให้กัน
“นายมาถึงนี่ต้องมีเรื่องสำคัญ” อิทธิถามขึ้น
อัศวินจ้องหน้าทั้งสองคน
“คือว่า”
“อย่าบอกด้วยว่าคิดถึงฉันสองคน” ชาติดักคอ
อัศวินยิ้มจ้องหน้าทั้งสองคน อิทธิกับชาติต่างมองหน้ากัน เริ่มเครียด
“เนตรนาคราช”
“แก ซีเรียสเหรอวะเพื่อน” ชาติถาม
“เนตรนาคราช เป็นตำนาน มีอาถรรพ์ เท่ากับเดินทางไปหาความตายนะเพื่อน” อิทธิบอก
“ใช่ แถมยังมีอีกสองกลุ่มที่ต้องการเนตรนาคราช ล้วนแล้วแต่เป็นนักฆ่ามืออาชีพ”
ชาติกับอิทธิต่างมองหน้ากัน ครุ่นคิด
“งานนี้เสี่ยงอันตรายสุดๆ อาจถึงตายอย่างที่นายว่า”
ชาติกับอิทธิต่างมองหน้ากัน
“แบบนี้ชอบ”
“ชอบด้วย”
ทั้งสามต่างยิ้ม จับมือกัน กอดกับ ตบหลังตบไหล่
รถคันหนึ่งขับเข้ามาในบริเวณโรงเก็บของ รัตนากรก้าวลงมาจากรถพร้อมสัมภาระ กาญจนายืนหน้าตึงอยู่กับอัศวิน
“มาทำไม”
“ไม่เอาน่า น้องกาญ การเดินทางมีอันตราย พี่ต้องการให้รัตน์มาช่วยพี่ มาช่วยกาญ”
กาญจนาไม่พูด อารมณ์เสียเดินออกไป อัศวินเหนื่อยใจ รัตนากรเดินเข้ามา ยิ้มกับอัศวิน “แบบนี้เอง ที่เขาเรียกว่าดีใจจนเนื้อเต้น”
“รัตน์ก็ไม่ต้องคิดมาก ยังไงก็เป็นน้องเรา”
“ถ้าไม่ใช่น้องล่ะก็ เจอลูกปืนไปแล้ว”
รัตนากรยิ้ม เพราะพูดเล่น อัศวินขำ
“ไป ไปรู้จักคนอื่นๆ กัน”
อัศวินโอบไหล่รัตนากรออกไป
อัศวินพารัตนากรเดินเข้ามาด้านใน มีโต๊ะวางข้าวของสำหรับเดินทางของทุกคนเตรียมไว้ มีชายคนหนึ่งยืนจัดข้าวของอยู่
“หวัดดีหมอ”
นพดลหันมายิ้มให้อัศวิน
“หวัดดีคุณรัตน์”
“หวัดดีคุณหมอ”
“เฮ้ย ฉันหวัดดีแกก่อนนะเว้ย”
อัศวินเดินเข้ามาตบไหล่นพดล รัตนากรเดินเข้ามา ยิ้มดีใจ
“พี่อัศวินไปหลอกพี่ดลมาว่ายังไง จะให้เงินพันล้านเหรอ”
นพดลยิ้ม “พี่รู้ว่าพี่ไม่เก่งเหมือนทุกคน แต่ก็ไม่อยากเห็นพวกเราเป็นไข้ป่าตาย”
“รัตน์ว่าพวกเราอาจจะตายด้วยลูกปืนก่อน”
“เรื่องอะไรถึงไปขู่ไอ้หมอมันนะรัตน์”
“คนเรายังไงก็ต้องตาย แต่ถ้าเนตรนาคราชมีจริงก็ถือว่าคุ้ม”
“โห พี่หมอก็เชื่อกับเขาด้วย”
นภดลยักไหล่ อัศวินมองทั้งสองคน แล้วได้แต่ยิ้ม
วีรกิจมาที่โรงเก็บของ พร้อมปืนไรเฟิลสองสามกระบอก เดินเข้าไปด้านใน
“สวัสดีทุกคน”
รัตนากรกับอัศวินและนพดล หันมามองอย่างสงสัย คนขับรถของวีรกิจ ถือข้าวของและปืนยาวเงอะงะอยู่ รัตนากรอุทานเบาๆ
“โอ มาย ก็อด”
วีรกิจชี้ให้คนขับรถเอาของไปวางไว้บนโต๊ะสัมภาระ รัตนากาเลี่ยงไปยืนข้างนภดล นภดลยิ้ม โบกมือให้วีรกิจ อัศวินถามขึ้น
“คุณวีรกิจ มาส่งคุณกาญเหรอครับ ขนอะไรมาเยอะแยะ”
“ก็สัมภาระของผม ผมคิดว่าจะร่วมเดินทางไปด้วย ผมจะถือโอกาสล่าสัตว์ซะหน่อย”
ทั้งสามคนมองหน้ากัน ตะลึงในความคิดของวีรกิจ รัตนากรทนไม่ไหว รีบพูดขึ้นมา
“เราจะเข้าป่าจริงๆ กันนะคะ ไม่ใช่ป่าซาฟารีพักร้อน”
“คุณไม่ต้องห่วงผมหรอก ตอนอยู่เมืองนอกผมมีประสบการณ์เข้าป่า ล่ากวางกับหมีมานักต่อนักแล้ว”
“แต่การเดินทางครั้งนี้ เรามีศัตรูรอบตัว ส่วนใหญ่เราจะเป็นผู้ถูกล่าซะมากกว่า”
“มีอะไรกันเหรอคะ”
กาญจนาเดินเข้ามา ขัดจังหวะการถกเถียงของทุกคน
“ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่ผมจะเดินทางไปกับคุณกาญด้วยนะครับ”
“แค่มาส่งก็พอแล้วค่ะ ไปจะลำบากเปล่าๆ”
“เราจะหมั้นกันอยู่แล้ว ผมมีสิทธิ์เป็นห่วงคุณผมอยากไป จะช่วยดูแลคุณไงล่ะ”
“แต่งานนี้ไม่ใช่แต่งตัวหล่อๆ แบบอินเดียนน่าโจนส์แล้วถือปืนถ่ายรูปลงอินสตาแกรม”
กาญจนามองรัตนากรสายตาเย็นชา
“การเดินทางครั้งนี้เป็นของกาญ กาญจะให้ใครไปก็ได้ไม่จำเป็นต้องปรึกษาใคร”
“อยากจะไปกันตายก็เชิญ” รัตนากรยักไหล่
“ผมไม่กลัว ผมไปด้วยนะครับ”
“ได้ค่ะ”
กาญจนาตอบอย่างท้าทายพี่สาว รัตนากรรับไม่ได้ เดินออกไปอย่างเสียอารมณ์ กาญจนาพูดไล่หลัง “ใครกลัวตายก็ไม่ต้องไป”
รัตนากรหันกลับมา สายตาเยือกเย็น อัศวินมองกาญจนาแล้วเดินมาพารัตนากรออกไปข้างนอก
“ใจเย็นๆ น่ารัตน์ รัตน์ก็รู้ว่ามันอันตราย รัตน์ต้องช่วยน้อง”
รัตนากรเสียอารมณ์ยังไม่พูดอะไร
“ที่ผ่านมารัตน์ก็รู้ว่ามีคนหมายปองแผนที่ เราเองก็ลุยกับพวกมันมาหลายครั้ง พี่คนเดียวรับมือพวกมันไม่อยู่หรอก ยัยกาญต้องการรัตน์นะ”
“ก็ให้คู่หมั้นเขาดูแลกันเอง”
“ไอ้เบื๊อกนั่นนะเหรอ ให้สองวันขี้คร้านจะร้องไห้กลับบ้าน”
รัตนากรอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้
“วันหนึ่งยัยกาญต้องเข้าใจ ว่ารัตน์เป็นพี่สาวที่ดีที่สุดในโลก”
“คารมดีนี่ สาวตรึมล่ะซิ”
“โห พี่มีเวลาเจอใครที่ใหน”
“อืม รัตน์พอเข้าใจ สงสัยเราสองคนจะขึ้นคานอย่างยัยกาญว่า”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
ทุกคนออกมาจากโรงเก็บของ ยืนพร้อมที่รถของตน
“น้องกาญไปกับคุณวีรกิจ จุดหมายคือหน้าอำเภอกาญจนบุรี ไอ้หมอมานั่งกับฉัน”
“โอเค”
นภดลเดินมาที่รถของอัศวิน เปิดประตูเข้าไปนั่งทางด้านหลัง ในรถมีรัตนากรนั่งอยู่ทางด้านหน้าแล้ว
“พอเข้าเส้นทางแล้ว พี่อยากให้น้องกาญอยู่ข้างหน้า มีอะไรฉุกเฉินคุยกันทางวิทยุสื่อสาร”
“ใช้มือถือก็หมดเรื่อง ทำไมต้องวิทยุด้วย” วีรกิจแย้ง
“จะใช้อะไรก็ ตามใจคุณ”
อัศวินส่ายหน้า เดินมาขึ้นรถของตัวเอง วีรกิจกับกาญจนาต่างขึ้นรถของตัวเองไป อัศวินสตาร์ทรถ หันมายิ้มให้รัตนากรซึ่งนั่งหน้ามุ่ยอยู่ แล้วหยิบวิทยุขึ้นมาลองเสียง
“วิทยุเช็ค”
ได้ยินเสียงกาญจาตอบมา
“เช็คค่ะ”
อัศวินวางวิทยุแล้วเคลื่อนรถออกไป รถของกาญจนาเคลื่อนตาม
เวลาผ่านไป รถของกาญจนาขึ้นมานำหน้า
“ใช้วิทยุมีระยะจำกัด จะไปไหนก็ต้องตามกันไป สู้มือถือไม่ได้ ไกลแค่ไหนก็ติดต่อกันได้”
“จุดมุ่งหมายเพื่อไม่ให้อยู่ห่างกัน และมือถืออาจไม่มีสัญญาณก็ได้”
วีรกิจเงียบไป
“ตกลงไปกันแค่นี้เหรอครับ”
“เราจะไปพบกับเพื่อนพี่อัศวินอีกสองคนกับทีมงานพร้อม”
ระหว่างขับรถ อัศวินเล่าให้รัตนากรฟังถึงเพื่อนๆ ของเขา
“ชาติ กับ อิทธิ เป็นเพื่อนสนิทกับพี่ ฝึกมารุ่นเดียวกัน พอจบแล้วต่างก็แยกกันไป สองคนนี่ไม่ชอบอยู่ในเมือง พากันไปเป็นทหารพราน เชี่ยวชาญทุกรูปแบบ”
“รัตน์พอจำได้ค่ะ พี่อัศวินพูดถึงบ่อย แต่นึกไม่ถึงว่าพี่เขาจะมาด้วย”
“มีคนมาช่วยดีกว่า พวกนี้ไว้ใจได้ มีทีมงานพร้อม ฝีมือดีทุกคน”
“ดีว่ะ ค่อยอุ่นใจหน่อย ขอให้เพื่อนแกเก่งอย่างที่แกบอกก็แล้วกัน” นพดลพูดขำๆ
ในราวป่า ชาติกับอิทธิ และทหารในหน่วยอีกสามนาย ซุ่มดูเหตุการณ์ตรงหน้า เป็นหุบเขาแคบ มีพวกกองโจรนับสิบยืนระวังอยู่ตรงหน้าหุบ
“พวกมันมากบดานที่นี่เอง” ชาติพูดขึ้น
อิทธิส่องกล้องมองดู
“ประมาณสิบกว่าคน”
อิทธิส่องตามหน้าของพวกมันคนหนึ่ง แล้วกราดตามจนมันเดินเข้าไปด้านใน สองคนคุยกัน ในขณะที่อิทธิกราดกล้องเห็นภาพพวกมัน
“หัวหน้ามือระเบิดอยู่ด้วยพอดี”
“ไอ้นี่ตัวแสบ จับเป็นให้ได้”
“สุดวิสัยก็จับตาย”
“ฉันเห็นนายสุดวิสัยตลอด”
อิทธิยักไหล่ไม่สน ชาติยิ้มโบกมือส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่อีกสามคนแยกย้ายไปอีกด้านหนึ่ง แล้วหันมาทางอิทธิ
“โชคดีเพื่อน”
ชาติแยกตัวออกไป อิทธิวางกล้องถอดออก ม้วนสายเก็บเรียบร้อย ยัดใส่เป้เล็กๆ แล้ววางซุกไว้ตรงซอกหิน หลังจากนั้นก็เคลื่อนตัวออกไป
อ่านต่อหน้า 4
เนตรนาคราช ตอนที่ 3 (ต่อ)
คนร้ายยืนถือปืนระเกะระกะคุยกัน พวกมันสองคนเดินกอดคอถือเหล้าเซไปเซมา ชนพวกเดียวกันแล้วหัวเราะกัน
“เมาก็เข้าไปนอนเว้ย”
คนหนึ่งยกขวดเหล้าเป็นเชิงรับ พวกมันหัวเราะกัน
“ระวังนายเห็นนะเว้ย เดี๋ยวจะโดนทืบ”
พวกมันหัวเราะกันอีก ชายสองคนกอดคอกันเดินโซเซเข้าไปหุบเขา ทันทีที่ทั้งสองพ้นจากพวกมันเข้ามา ชาติ กับ อิทธิ ก็หายเมา เดินแยกกันไปตามซอกมุมถ้ำ ชาติส่งสัญญาณให้อิทธิแยกไปอีกทาง ชาติไปอีกทาง
ชาติเคลื่อนตัวเข้าไป ก็เห็นสองคนยืนอยู่ตรงหน้า มันขยับตัว ชาติเข้าไปต่อสู้ประชิดตัว พวกมันทรุด
ชาติเคลื่อนตัวเข้าไปข้างใน เจอหัวหน้ามือระเบิดกำลังคุมชายสองคนนั่งทำระเบิดอยู่
“หวัดดีเพื่อน” ชาติพูดขึ้น
อิทธิแยกมาอีกทางก็พบพวกมันสองคนยืนเฝ้าเวิ้งถ้ำที่ทำเป็นลูกกรง ภายในมีลังอาวุธ ระเบิด
อิทธิเคลื่อนตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว ต่อสู้ประชิดตัว มันสองคนทรุดฮวบ อิทธิมองเข้าไปที่กองอาวุธ ยิ้มพอใจ ปลดเป้ลงมา แล้วล้วงเอาระเบิดเวลาที่เตรียมไว้
หัวหน้ามือระเบิดยกมือหันมาจ้องชาติสายตาเคียดแค้น
“สายตาไม่ค่อยจะปรองดองเลยนะเพื่อน”
ชาติเคลื่อนกายเข้าไป มันขยับตัว ชาติตวัดตบบ้องหูมันเซ สองคนขยับ ชาติหันกราดปืนไป ทั้งสองสองคนคว่ำ หัวหน้าขยับ
“อ๊ะๆ ใจเย็น”
ชาติบอก หัวหน้าจ้องหน้าเยือกเย็น ชาติยิ้มกราดตามองระเบิดที่พวกมันทำ
“ชอบเล่นระเบิดเหรอเพื่อน”
มันจ้องไม่ตอบ ชาติยิ้ม
ภายในหุบเขาด้านคลังอาวุธ อิทธิกำลังตั้งเวลาที่ระเบิด ชาติต้อนหัวหน้าเข้ามา มันถูกมัดไผล่หลัง ปากของมันอมระเบิดอยู่ตาเหลือก ชาติดันมันเข้ามา อิทธิเหล่
“สุดวิสัยจริงๆ เพื่อน” ชาติแก้ตัว
“นั่นมันสไตล์ฉัน ตกลงแกจะไม่เอาตัวกลับไปสอบสวนก่อนเหรอ”
“รู้อยู่แล้วว่ามันเลว กว่าจะสอบสวนตามระบบ เดี๋ยวพวกมันก็อ้างข้อนั้นข้อนี้ เสียภาษีประชาชนเปล่าๆ จบๆ ไปเลยดีกว่า”
อิทธิคว้ามันเข้าไปยืนที่ลูกกรง
“ขอให้สนุกนะเพื่อน”
ชาติกับอิทธิ เดินกอดคอกันแกล้งเมาเป๋ออกมาหน้าถ้ำ แล้วโบกมือให้พวกมัน
“ไปไหนวะ” มือปืนถามขึ้น
“ยิงกระต่ายเว้ย”
“ของข้าเก็บดอกไม้”
พวกมันหัวเราะกัน ชาติกับอิทธิกอดคอกันร้องเพลงออกไป
ภานในห้องคลังแสงของพวกมัน หัวหน้ายืนอมระเบิดอยู่ มันถูกมัดติดกับลูกกรง ที่หน้าอกมีระเบิดของอิทธิมัดไว้ ตัวเลขวิ่งลดลง จนกลายเป็นอยู่ที่เลขศูนย์ แล้วระเบิดตูม พวกมันยืนกันอยู่ ก็มีไฟพุ่งระเบิดท่วมเต็มไปหมด ชาติกับอิทธิ ต่างมองภาพระเบิดตรงหน้า อิทธิพูดขึ้น
“สุดวิสัยจริงๆ เพื่อน”
ชาติได้แต่ยิ้ม
อัศวินขับรถไปบนถนนสายหนึ่ง รัตนากรยิ้ม
“พี่หมอมีเวลาซ้อมยิงปืนมั่งหรือเปล่า”
“ไม่มีหรอก กดแต่เข็มฉีดยา ป่านนี้สนิมขึ้น ยิงอะไรไม่โดนแล้ว”
“เอาไว้รัตน์จะช่วยเคาะสนิมให้”
“ท่าทางจะอันตราย เฮ้ย ไอ้อัศวิน ข้ากลับดีกว่าว่ะ”
“อย่างหวัง”
ทั้งสามต่างหัวเราะกัน
ในขณะที่บนรถอีกคัน วีรกิจก็คุยกับกาญจนาไปตามทาง
“ผมไม่เคยคิดเลยว่าคุณกาญจะจริงจังเรื่องเนตรนาคราช ผมคิดว่าเป็นแค่นิยายสนุกๆ”
“จากข้อมูลและหลักฐานที่ร่วมกันค้นคว้ากับคุณพ่อ กาญมั่นใจว่าเป็นเรื่องจริง ส่วนเราจะพบหรือไม่พบนั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
วีรกิจพยักหน้า แต่สีหน้ายังคงไม่เชื่อเหมือนเดิม
รถทั้งสองคันเลี้ยวเข้ามาเข้ามาจอดมุมหนึ่งของปั๊มน้ำมัน ทั้งหมดลงมาจากรถ อัศวินบอกกับทุกคน
“จอดพักเข้าห้องน้ำ เติมน้ำมันสักยี่สิบนาที แล้วค่อยไปต่อ”
ทั้งหมดต่างแยกย้ายกันไป
นพดลเดินถือน้ำมาสองขวด มาให้รัตนากรซึ่งกำลังมองรถคันหนึ่งที่จอดอยู่อีกมุมหนึ่ง
“น้ำครับ”
รัตนากรส่งมือแบออกโดยสายตายังจับอยู่ที่รถคันเดิม นพดลเอาขวดน้ำวางบนมือรัตนากร
“ขอบคุณ พี่หมอ”
“โอเค
นพดลเดินเปิดประตูหลังเข้าไปนั่งแล้วปิด อัศวินเดินเข้ามา เห็นสายตาของรัตนากร
“มีอะไรเหรอ”
“รถคันนั้น ตามเรามาตั้งแต่เราพักคราวที่แล้ว”
“อืม พี่เห็นพวกมันตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ใช่แค่คันเดียว มีตามหลังพวกมันมาอีกหนึ่งอยู่โน่น”
รัตนากรมองไปเห็นรถอีกคันจอดอยู่อีกมุม
“จะเอายังไงดีคะ”
“เฉยไว้ก่อน ถึงเมืองกาญค่อยว่ากัน”
“ตามหาเนตรนาคราช นี่ตื่นเต้นจริงๆ”
รัตนากรกับอัศวินหันไปก็เห็นวีรกิจถือน้ำยืนอยู่ อัศวินคว้าคอเสื้อหมุนหลังวีรกิจไปยันรถ
“ช่วยเก็บเรื่องนี้ให้เงียบด้วย จะขอบคุณมาก”
กาญจนาเดินเข้ามา
“อะไรกันคะพี่อัศวิน”
“บอกคุณวีรกิจให้พูดน้อยๆ หน่อย เป็นดี”
อัศวินดันวีรกิจออกไป วีรกิจเหล่ แล้วเดินออกไปที่รถของตัวเอง กาญจนามองหน้าอัศวินแล้วมองรัตนากร เคร่งเครียด
ระหว่างอยู่ในรถ วีรกิจก็พูดแก้ตัวกับกาญจนา
“ผมก็แค่คุยเล่นด้วยเท่านั้นเอง”
“ในระหว่างการเดินทาง ถ้าคุณวีรกิจไม่พูดเกี่ยวกับเรื่องเนตรนาคราชได้ จะดีที่สุด”
“แน่ละ คุณก็เข้าข้างพี่น้องคุณ”
“คุณวีรกิจ เนตรนาคราช ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ โบราณถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อาจมีผลกระทบต่อชีวิตมนุษย์จำนวนมาก มีหลาย คนที่เสียชีวิตเพื่อแย่งชิงเนตรนาคราชมาแล้ว”
“ไม่สำคัญสำหรับผม ที่ผมเดินทางมานี่ก็เพื่อดูแลคุณนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ แต่กาญอยากจะให้คุณวีรกิจเข้าใจเรื่องนี้และให้ความร่วมมือด้วย”
วีรกิจเสียอารมณ์ กาญจนาไม่ได้สนใจอะไร ทันใดนั้นเสียงจากวิทยุดังขึ้น
“น้องกาญ อย่าขับรถเร็ว เราไม่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุ”
“ได้ค่ะ”
กาญจนาวางวิทยุหันมามองวีรกิจ จริงจัง วีรกิจไม่กล้าหือ
“คุณวีรกิจเข้าใจแล้วนะคะ”
“โอเค”
วีรกิจหงุดหงิด กาญจนาไม่สน
รถของกาญจนานำเข้ามาที่ศาลากลางเมืองกาญจนบุรี ทั้งสองจอดรถเทียบกัน ต่างลงมาจากรถ
อัศวินยกนาฬิกาขึ้นดู
“เราทำเวลาได้ดี มาก่อนเวลา”
รัตนากรจับสายตาที่รถคันเดิมที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้าม
“พวกมันอยู่โน่น”
“ปล่อยมันไว้ก่อน แต่ว่าอีกคันหนึ่งหายไปใหนแล้ว” อัศวินบอก
กาญจนากับวีรกิจเดินเข้ามา รัตนากร เลี่ยงออกไปยืนกับนพดล วีรกิจยืนกอดอกมองอะไรเรื่อยเปื่อย
“คืนนี้เราจะพักที่นี่ใช่มั้ยคะ” กาญจนาถาม
“พี่คิดไว้แบบนั้น แต่รอเพื่อนพี่มาก่อน อาจจะมีการเปลี่ยนแผนก็ได้” อัศวินบอก
กาญจนายกนาฬิกาขึ้นดู
“มาแล้ว”
ทั้งหมดมองไป เห็นรถจิ๊ปสนามเดินทางสองคัน วิ่งตรงเข้ามาจอดตรงข้ามกับขบวนรถของอัศวิน
ทุกคนก้าวลงมาจากรถ มี ชาติ อิทธิ และ ทีมงานอีกห้าคน อยู่ในชุดพร้อมปฏิบัติการ ทั้งหมดเดินมา
ที่อัศวิน อัศวินถามทันที
“ทุกอย่างเรียบร้อย”
“ชัวร์”
ชาติกับอัศวินจับมือกันแน่น อัศวินเดินต่อไปที่อิทธิ
“ไงเพื่อน”
ทั้งสองต่างยิ้ม จับมือกันแน่นเช่นกัน
“นี่น้องกาญ หัวหน้าขบวนเดินทางครั้งนี้”
ชาติยิ้ม “ยินดีครับ”
กาญจนาพยักหน้ารับ
“อย่าไปฟังพี่อัศวินนะคะ พี่อัศวินเป็นหัวหน้าค่ะ”
“ผมว่าคุณกาญเป็นหัวหน้าน่ะดีแล้วครับ ผมไม่ชอบหน้านายอัศวินเท่าไหร่”
ทั้งหมดต่างยิ้มขำ
“ผมวีรกิจ แฟนคุณกาญครับ”
วีรกิจยื่นมือจับกับชาติ
“ครับ ยินดีครับ นี่คุณอิทธิ และทีมงาน”
อิทธิยิ้ม พยักหน้าทักทายกาญจนา เช่นเดียวกับทีมงาน
“ยินดีที่รู้จักทุกคนค่ะ”
“ไหนล่ะ น้องสาวคนสวยอีกคนของนาย”
ชาติถาม อัศวินหันไปมองทางด้านรัตนากรเห็นแต่นพดลคนเดียว นพดลโบ้ยทำนิ้วโป้งไปฝั่งตรงข้าม ทุกคนมองไป เห็นรัตนากรกำลังเดินไปที่รถคันที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่แล้วรถคันนั้นก็เคลื่อนตัวออกไปก่อนที่รัตนากรจะไปถึง รัตนากรหันมาทำมือกางออกสองข้างเป็นเชิงว่า แค่นี้ก็หมดเรื่อง ชาติ กับ อิทธิ ต่างยิ้ม
“ท่าทางเอาเรื่องน่าดู” ชาติบอก
“ดุกว่านายอีกว่ะ” อิทธิแซว
“พวกนายระวังให้ดีก็แล้วกัน ฉันยังกลัวเลย”
ทั้งหมดต่างมองรัตนากรยิ้มขำกัน
“พวกเรา นี่พี่หมอนภดล”
ชาติกับอิทธิหันไปยื่นมือให้จับ นพดลจับมือกับสองคน
“ได้ยินข่าวว่าคุณสองคนมือขั้นเทพ”
ชาติกับอิทธิต่างมองหน้ากัน ไม่พูด ได้แต่ยักไหล่
“ยังไงผมฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
ทั้งหมดต่างขำกัน มีแต่วีรกิจที่มองอย่างหมั่นไส้
รัตนากรเดินกลับมา ระวังว่าพวกมันอาจจะหวนกลับมา แต่แล้วเธอก็หยุดจ้องไปที่โรส คนที่มาช่วยรัตนากรกับกาญจนาที่คอนโดยืนอยู่
อีกด้านหนึ่ง รัตนากรยกมือเป็นเชิงทัก ลองเชิง โรสก็ยกมือทักตอบมา แล้วขึ้นรถคันที่เห็นที่ปั๊มน้ำมันขับผ่านรัตนากรไป
“ที่แท้คันที่สองเป็นคุณนี่เอง”
ขบวนรถทั้งหมดวิ่งเข้ามาที่บ้านหลังหนึ่งล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ สวยงาม อยู่ลึกเข้าไปในสวน ห่างไกลจากถนน รถทั้งหมดถอยกลับรถจอดเรียงกันออกถนนพร้อมที่จะออกได้ทันที กรณีฉุกเฉิน ทั้งหมดลงมาจากรถ อัศวินกับรัตนากรมองด้วยความพอใจ
ทั้งหมดเข้ามาภายในบ้าน
“ดูเหมือนว่าจะมีคนสนใจการเดินทางครั้งนี้มาก ฉันเลยพาพวกเรามาพักที่นี่ น่าจะปลอดภัยกว่า”
“ขอบใจนายมากชาติ”
“เชิญทุกคนพักให้สบายนะครับ ทีมงานเราคอยระวังตลอดคืน” อิทธิบอก
“ถ้างั้นผมขอตัวก่อน หมดแรง”
“อะไรวะไอ้หมอ แค่นี้เหนื่อยแล้ว”
นพดลยิ้มแล้วหิ้วกระเป๋าเดินออกไป
“เฮ้อ ผมว่าคิดมากกันไปหรือเปล่า เราแค่เพิ่งออกเดินทางเอง จะมีใครสนใจอะไรกันนักหนา น่าจะพักที่โรงแรมสบายกว่ากันเยอะ ผมโทรหาคนรู้จักกริ๊กเดียวก็ได้ห้องแล้ว”
ทุกคนหันมามองวีรกิจ อิทธิพูดขึ้น
“เนตรนาคราชเป็นของที่ใครๆ ก็อยากได้เรียกว่าฆ่าได้เป็นฆ่า ผมว่าเป็นเรื่องที่ต้องคิดมาก ว่ามั้ยครับ”
วีรกิจเงียบไป
“ขอโทษด้วยค่ะ คุณวีรกิจยังไม่เข้าใจเรื่องเนตรนาคราชดี” กาญจนาแก้ตัวให้
รัตนากรลุกขึ้นเดินออกไป
อัศวินเดินออกมา ยิ้มให้รัตนากรซึ่งยืนอยู่ตรงระเบียงหน้าบ้าน มองไปรอบๆ เห็นทีมงานของชาติกับ อิทธิยืนตามจุดต่างๆ รัตนากรหันมา
“พี่อัศวินต้องบอกยัยกาญมั่งนะคะ เรื่องนายวีรกิจ จะทำให้พวกเราตายกันหมด”
“อืม พวกในรถที่ตามมา เห็นมั้ยว่าเป็นพวกไหน”
“เหมือนพวกแก๊งมังกร รัตน์จำมันได้ พวกที่บุกมาที่บ้านคุณพ่อค่ะ ส่วนอีกคันหนึ่ง”
“เป็นเจ้าของลูกธนู”
“โหเก่งอ้ะ พี่อัศวินไม่พลาดเลยนะ”
“พวกมันมากันครบ ยกเว้น พวกที่พี่จ๊ะเอ๋กับมันที่บ้านเฮนรี่ ไม่ช้าหรือเร็วมันต้องโผล่มา”
โรสมาพักในโรงแรมที่เมืองกาญจนบุรี เธอเดินออกมาจากห้องน้ำ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น โรสรับสาย เป็นสายจากวรชัย
“หายไปใหนมาคะ โรสโทรไปหาหลายครั้งแล้ว”
“ไปดูพวกไอ้เคนมา เห็นพวกมันเตรียมตัวกันคึกคัก เลยติดพันนานไปหน่อย”
“อืม แสดงว่ามันรู้เหมือนกัน”
“มีอะไรเหรอ”
“ดร.กาญจนาออกเดินทางตามหาเนตรนาคราชแล้วค่ะ”
“มิน่า พวกไอ้เคนเตรียมตัวกันใหญ่”
“ก็ต้องเจอกันหน่อย ตอนนี้โรสอยู่เมืองกาญค่ะ พรุ่งส่ง ฮ.มารับด้วย”
รถคันที่ตามขบวนของอัศวิน วิ่งเข้ามาจอดที่หน้าบ้านพักห่างไกลออกมา มันสองคนลงจากรถเดินเข้าไปในบ้าน พบกับหลิน จินหัว และมือสังหารสองคน
“ขบวนเดินทางออกไปพักนอกตัวเมือง”
“ที่ใหน”
“คือ เราถูกพบเห็นเสียก่อน เลยต้องถอย”
“เราย้อนกลับไปดู ก็ไม่ทันการ”
“พวกเจ้ารีบออกไปให้พ้นหน้าข้า”
สมุนสองคนรีบออกไป
“ท่านอามีแผนยังไง”
“สายเรารายงานว่า มีพวกเฮนรี่เจมส์ ติดตามขบวนอย่างแน่นอน อาคิดว่าเราคอยดูอยู่ห่างๆ ก่อน ให้พวกมันปะทะกันเองแล้วค่อยฉวยโอกาส”
หลินพยักหน้าเห็นด้วย
“เมื่อถึงเส้นทางที่ยานพาหนะไม่สามารถไปต่อได้ เราจะเริ่มติตตามพวกมัน วิธีนี้ไม่ต้องใช้คนเยอะ
และอีกอย่างยิ่งพวกมันขบวนใหญ่ ก็จะยิ่งตามได้ง่าย”
“เราเพียงแต่สงสัยว่า เมื่อถึงเวลา เราจะใช้วิธีใด”
“เราจะใช้ ฮ. ลำเลียงกำลัง แล้วปล่อยลงสู่พื้นที่”
หลินยิ้มอย่างพอใจ
“เป็นความคิดที่ดี แต่เราสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง ทำไมพวกมันถึงใช้ขบวนรถเดินทาง”
“แผนที่โบราณ ภูมิประเทศแปรเปลี่ยน ยากที่จะเห็นได้จากดาวเทียมหรือแผนที่อากาศ”
ที่ห้องรับแขกของเซฟเฮ้าส์ ชาติ อิทธิ อัศวิน รัตนากร วีรกิจ และกาญจนา นั่งอยู่ด้วยกัน อัศวินพูดขึ้น
“ตอนนี้มีสองกลุ่มที่ต้องการแผนที่จากเรา”
ชาติกับอิทธิต่างมองหน้ากัน
“มีแค่สองเองเหรอ”
อิทธิกับชาติต่างยิ้มเล่นกัน
“กลุ่มแรกคือ เฮนรี่ เจมส์ เศรษฐีอเมริกัน มีทั้งทุนและกำลังคนเหลือเฟือ ส่วนมาก เป็นทหารอาชีพระดับเนวีซีล”
“แบบนี้ต้องสนุกแน่” อิทธินึกสนุก
“อีกพวกหนึ่งคือแก๊งมังกร บอสใหญ่คือ เจิ้งซา ไม่ออกโรงเอง แต่เชื่อว่าคนที่พวกมันส่งมาต้อง มีฝีมือน่ากลัว”
ชาติกับอิทธิหันมามองหน้ากันอีก ไม่เคยได้ยินชื่อคนพวกนี้
“ขอโทษทีเพื่อน พวกฉันห่างวงการมานาน ไม่ค่อยรู้จักพวกไฮโซ”
“รู้แต่ว่า เราพร้อมที่จะรับแขกทุกระดับ”
ทั้งหมดต่างยิ้ม ยกเว้นวีรกิจ ไม่เห็นขำ
“ดิฉันเคยเผชิญกับพวกมันมาแล้ว ขนาดพวกปลายแถวยังมีฝีมือที่ประมาทไม่ได้”
“คุณรัตน์เองก็มีฝีมือ แม้แต่คุณอัศวินยังกลัวเลย”
คำพูดของอิทธิ ทำให้รัตนากรหันไปเหล่อัศวิน
“ลองไม่กลัวดิน่าดู”
ทั้งหมดต่างขำ อัศวินยิ้ม ชาติถามขึ้น
“โอเค ผมมีคำถามที่สำคัญ”
“ได้”
“ใครเป็นคนถือแผนที่”
ทุกคนเงียบกันหมด ชาติกับอิทธิมองหน้ากัน อัศวินมองมาที่กาญจนา
“แผนที่เป็นสิ่งที่พวกมันต้องการ ควรอยู่ในมือของคนที่มีฝีมือที่จะป้องกันมันได้”
ชาติพูด กาญจนาครุ่นคิด หันมามองอัศวิน วีรกิจโพล่งขึ้น
“ไม่เห็นจำเป็น ก็พวกคุณมีฝีมือไม่ใช่เหรอ”
“คุณไม่เชื่อจะทดสอบก็ได้”
อิทธิถาม วีรกิจเงียบ ไม่พอใจ
“ผมต้องขอโทษคุณกาญจนาด้วยนะครับ เพื่อนผมมันปากเสีย”
ชาติออกตัว วีรกิจมองอิทธิ ยิ้มสะใจ อิทธิเฉย
“เหมือนผม” ชาติพูดต่อ
อัศวินกับรัตนากรยิ้ม
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ทุกคนขำ วีรกิจรู้ว่าถูกกระทบ ก็ไม่ค่อยพอใจ
“ตอนนี้แผนที่อยู่กับดิฉัน”
“ผมจะพูดอย่างมืออาชีพที่สุด คุณควรจะให้คุณรัตนากรเป็นคนเก็บ” ชาติบอก
“ที่แท้ก็แบบนี้เอง”
“คุณวีรกิจ กรุณาอย่าเพิ่งออกความเห็น”
วีรกิจเงียบไป ทุกคนมองหน้ากัน ต่างนึกว่ากาญจนาทำได้ดี
“เพื่อความปลอดภัยของกาญเอง แต่ถ้าคิดว่าทุกคนมีนอกมีในจะให้คุณวีรกิจเก็บไว้ก็ได้”
อัศวินตัดสิน วีรกิจคาดไม่ถึง ทุกคนเฉยรอฟัง
“ได้ ผมเก็บเองก็ได้”
กาญจนามองวีรกิจอย่างรำคาญ
“กาญจะให้พี่อัศวินตัดสินใจ ใครเป็นคนเก็บก็แล้วแต่ค่ะ”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน อัศวินพยักหน้า
กาญจนาเดินเข้ามาในห้อง วีรกิจเดินตามมา
“คุณกาญคิดดีแล้วเหรอที่ให้คนอื่นถือแผนที่”
กาญจนาหันกลับมาเผชิญหน้า
“พี่อัศวินไม่ใช่คนอื่น เลิกคุยเรื่องนี้ได้แล้ว”
“คุณกาญรู้ใช่มั้ยว่าถ้าเนตรนาคราชมีจริง มันจะมีมูลค่ามหาศาล”
“คุณว่าอะไรนะ คุณ คุณคิดว่าเราหาเนตรนาคราชเพราะเงินยังงั้นเหรอ”
“คือผม หมายถึง”
“ฉันเหนื่อย คุณออกไปได้แล้ว”
วีรกิจออกไปจากห้อง กาญจนาคาดไม่ถึงในตัวตนของวีรกิจ
อ่านต่อตอนที่ 4