xs
xsm
sm
md
lg

ภพรัก ตอนที่ 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ภพรัก ตอนที่ 3

ที่โต๊ะหนังสือในห้องนอนของนกยูง มีกรอบรูปนกยูงถ่ายคู่กับนกน้อยหลายรูป แต่ทุกรูปนั้น ทั้งคู่ดูไม่มีท่าทีสนิทสนมกันระหว่างพ่อ-ลูก เลยจากกรอบรูปไป มีโกศใส่กระดูกที่มีมาลัยสดใหม่เหมือนเพิ่งถูกเปลี่ยนวางอยู่

นกน้อยเดินนำทุกคนเข้ามาในห้อง พลางมองไปที่ตู้หนังสือที่เก็บมือถือนกยูง หัวใจเต้นรัวว่ามือถือของนกยูงโทรหาตัวเองได้ยังไง
ปลาทูยืนถือมือถือของนกยูงโทรหานกน้อยอยู่ พอหันมาเห็นทุกคนเข้ามาในห้อง ก็ชูสองนิ้วหน้าชื่นบาน
น้ำรินมองเหยี่ยวที่ดูโมโหอย่างสงสัย แนนโวยวาย
“ทำบ้าอะไรเนี่ยปลาทู”
“ก็ให้ของขวัญวันเกิดจ่านกน้อยไงพี่แนน ฉันว่าจ่าคงคิดถึงนกยูง ก็เลยใช้เบอร์นกยูงโทรไปอวยพรจ่าความคิดฉันเจ๋งไหม ?”
เหยี่ยวกับแนนมองปลาทูที่ยิ้มซื่อๆแล้วด่าไม่ออก นกน้อยเดินไปดึงมือถือจากปลาทู จากนั้นก็กดปิดเครื่องแล้วกำมือถือแน่น
น้ำรินมองอาการนกน้อย แล้วเหลือบมองรูปของนกยูงที่อยู่ในห้อง จากนั้นก็เหลือบไปเห็นโกศใส่กระดูก แล้วก็ถึงกับชะงัก
นกน้อยพยายามออกปากให้ทุกคนกลับไป แต่ปลาทูชิงพูดอวยพรวันเกิดให้ นกน้อยทนไม่ไหว
“วันนี้ไม่ใช่วันเกิดฉัน แต่เป็นวันเกิดนกยูง”
ทุกนชะงักอึ้ง
“ตอนนกยูงอยู่ ฉันไม่มีเวลาเป่าเค้กวันเกิดกับลูก แต่ตอนนี้ฉันอยากอยู่กับลูกร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ให้ลูกขอฉันอยู่กับลูกตามลำพังเถอะ”
น้ำรินฟังนกน้อยพูดแล้วสะเทือนใจ มองไปทางเหยี่ยวอย่างรู้สึกผิดที่ตัวเองไม่รู้เรื่องอะไร แต่กลับสร้างปัญหา

นกน้อยหน้าเครียด น้ำตาคลอเหมือนกำลังพยายามระงับความเศร้าในจิตใจ

ยายนวลเปิดประตูเดินเข้าบ้าน น้ำรินเดินตามหลังด้วยสีหน้าจ๋อยๆ พลางหันไปมองที่ประตูรั้วบ้าน

ครู่หนึ่งเหยี่ยวก็เปิดประตูรั้วแล้วจูงจักรยานเมาเทนไบค์เข้ามาจอด โดยไม่พูดอะไรกับน้ำรินสักคำ
น้ำรินทนไม่ไหว “ ฉันขอโทษ ตอนนั้นฉันได้ยินจ่านกน้อยบอกจะกลับไปจัดงานวันเกิดกับครอบครัว ฉันก็เลยคิดว่าเป็นวันเกิดของจ่าน่ะสิ”
เหยี่ยวชะงักเท้าแล้วหันมามอง พอเห็นอาการของน้ำรินแล้วนึกสงสาร โกรธไม่ลง
“บอกแล้วใช่มั้ย ว่าเรื่องมันซับซ้อนกว่าที่เห็น”
“ใครจะไปรู้ว่ามันซับซ้อนอย่างนี้ล่ะ ฉันก็คิดว่าที่คุณไม่อยากชวนคนอื่น เพราะจะแอบไปสวีทกับเพื่อนเลิฟกันสองคน”
เหยี่ยวฟังน้ำรินพูด พลางจ้องหน้าเหมือนพยายามหาความผิดปกติอะไรสักอย่าง
“อย่าบอกนะว่าพายายไปเพื่อไปขวาง ไม่ให้ผมกับแนนพลอดรักกัน คุณหึงผมเหรอ?”
น้ำรินหน้าเหวอ “จะบ้าเหรอ ?!!ใครจะไปหึงคุณ ที่ฉันทำก็เพราะจะแก้แค้น ที่คุณไม่ยอมสืบประวัติฉันต่างหาก ฉันไม่มีวันหึงคนอย่างคุณหรอก”
เหยี่ยวมองน้ำรินด้วยสายตายิ้มๆ น้ำรินรู้สึกวาบๆอย่างบอกไม่ถูก จึงพูดเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วลูกสาวจ่านกน้อยตายได้ยังไง ?”
เหยี่ยวชะงักกึก พลางคิดถึงเรื่องในอดีตที่เจ็บปวดของนกน้อย ซึ่งเขาเองก็รู้สึกเจ็บไปด้วยเช่นกัน
“เพราะยาเสพติด”
น้ำรินอึ้งไปทันที

นกน้อยกำลังจุดเทียนทีละเล่มๆ อยู่กลางห้องนอนนกยูง ทำเหมือนว่าลูกอยู่ในห้องนั้น จากนั้นก็เป่าเค้ก แล้ววางลงบนโต๊ะ แล้วก็ยกกล่องของขวัญขึ้นมาโชว์กับรูปของนกยูง ก่อนที่จะแกะห่อของขวัญเพื่อให้ลูกเห็นว่าพ่อซื้ออะไรให้

“เมียของจ่าเสียไปเพราะอุบัติเหตุเมื่อสิบปีก่อน จ่านกน้อยเลี้ยงลูกสาวตามลำพัง จ่ารักนกยูงมาก ไปไหนมาไหนก็พาไปด้วยตลอด
เหยี่ยวเริ่มต้นเล่าให้น้ำรินฟัง
“แต่พอนกยูงโตขึ้น เรียนสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายก็เยอะขึ้นตามมา นกยูงอยากเป็นหมอ จ่าเลยต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อหาเงินส่งนกยูงเรียนพิเศษจะได้สอบหมอได้อย่างที่ตั้งใจ”

นกน้อยแกะห่อของขวัญเสร็จ แล้วหยิบหูฟังที่หมอใช้ฟังเสียงหัวใจออกจากกล่องขึ้นมาโชว์ที่รูปของนกยูง

เหยี่ยวเล่าต่อ

“การที่จ่าทำงานหนักทำให้ไม่มีเวลาดูแลลูกสาวเหมือนแต่ก่อนนกยูงเลยไปติดเพื่อน สุดท้ายนกยูงสอบหมอไม่ได้ ไปลงเรียนมหาวิทยาลัยเปิด แต่สุดท้ายก็เรียนไม่จบ นกยูงติดยาและเสพยาเกินขนาดจนตาย”

นกน้อยเอาหูฟังไปวางพาดที่โกศใส่กระดูกของนกยูง แล้วค่อยๆเอามือลูบโกศของนกยูงด้วยความโหยหาอาลัย พลางมองไปทางมือถือของนกยูงที่ถูกปิดเครื่องวางอยู่ที่ตู้หนังสืออย่างลังเล สุดท้ายก็เดินไปหยิบมือถือมากดเปิดแล้วคลิกดูรูปของนกยูงอย่างคิดถึงจนต้องร้องไห้ออกมา
ทันใดนั้นนกน้อยเห็นความผิดปกติบางอย่างในรูป

น้ำรินฟังเหยี่ยวเล่า แล้วพลอยเศร้าไปด้วย
“หลังจากลูกสาวตาย จ่านกน้อยโทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุทำให้นกยูงติดยา จ่ากลายเป็นคนชอบอยู่บ้าน เหมือนชดเชยจะเวลาให้ลูก พอวันเกิดของนกยูง จ่าก็จะจัดงานให้ เรื่องนี้ไม่มีใครรู้นอกจากผมกับแนนเพราะเราทำคดีนี้ แนนถึงเลือกตุ๊กตาสีชมพู ไม่ใช่โมเดลรถ”
น้ำรินมองเหยี่ยวอย่างรู้สึกผิด แต่ยังไม่ยอมรับผิดซะทีเดียว
“ก็ถ้าฉันรู้ว่าคุณจะซื้อของขวัญให้ลูกสาวจ่า ฉันก็เลือกตุ๊กตาสีชมพูเหมือนกันนั่นแหละ”
“อ้าว ไหนบอกว่าใครๆ ก็ชอบสีฟ้ามากกว่าสีชมพูไง”
น้ำรินชะงัก นึกได้ว่าตัวเองพูดไปแบบนั้น “ใช่ไง แต่ผู้หญิงก็ชอบสีชมพูเหมือนกัน”
“เอ้า ตกลงผู้หญิงชอบสีชมพูเหรอ”
พูดพลางก็หยิบกระเป๋าเป้มาเปิดแล้วหยิบตุ๊กตาสีฟ้าตัวเดียวกับที่น้ำรินบอกให้เหยี่ยวเลือกขึ้นมา
“งั้นตุ๊กตาตัวนี้ผมก็ต้องเอาไปให้คนอื่นแทนล่ะสิ”
น้ำรินมองตุ๊กตาสีฟ้าอย่างอึ้งๆ ไม่คาดคิดว่าเหยี่ยวจะซื้อมาให้
“คุณซื้อมาให้ฉันเหรอ ?”
เหยี่ยวส่ายหน้ายิ้มๆ “เปล่า ผมไม่ได้ซื้อมาให้คุณ แต่ผมซื้อให้คนที่ชอบสีฟ้า”
“ ก็ฉันนี่ไง เอ๊ะ ! ฉันจำได้อีกอย่างแล้วว่าฉันชอบสีฟ้า แต่สีฟ้าจะไปช่วยสืบอะไรเกี่ยวกับประวัติฉันได้”
“ได้สิ อย่างน้อยเราก็ใช้หลักจิตวิทยามาช่วยวิเคราะห์ได้ว่าทำไมถึงชอบสีฟ้าเช่น บางคนชอบสีฟ้าเพราะเกิดวันศุกร์ หรือบางคนชอบสีฟ้า เพราะชอบทะเล หรือบางคนชอบสีฟ้าเพราะชีวิตผูกพันกับน้ำ”
น้ำรินยิ้ม “งั้นคุณก็รีบไปวิเคราะห์สิ ฉันจะได้กลับร่างซะที”
เหยี่ยวรับคำ น้ำรินเอื้อมมือไปคว้าตุ๊กตา แต่ไม่สามารถแตะต้องตุ๊กตาได้
“ใจเย็นๆ เดี๋ยวผมเอาตุ๊กตาไปเก็บในห้องก่อนก็ได้แล้ววันนึงที่คุณกลับเข้าร่างได้ คุณค่อยมาเอา”
พูดพลางใจหายแปลกๆ เมื่อพูดถึงน้ำรินกลับเข้าร่างได้ รู้สึกเหมือนน้ำรินจะจากเขาไป ก่อนที่จะรีบสะบัดความรู้สึกนั้นทิ้ง แล้วถือตุ๊กตาเดินเข้าบ้านไป
น้ำรินมองตาม ด้วยสีหน้าและแววตามีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

“Love is something eternal; the aspect may change, but not the essence.”
“ความรักคือสิ่งที่ไม่มีวันดับสูญ แม้รูปกายภายนอกจะเปลี่ยน แต่หัวใจสำคัญไม่เคยสลาย”

วินเซนต์ แวนโก๊ะห์ จิตรกรเอกของโลก

ขณะที่เหยี่ยวกำลังจะเดินเข้าไปในบ้าน พลันเสียงมือถือก็ดังขึ้น

“ว่ายังไงจ่า ได้ เดี๋ยวเจอกัน”
พูดจบรีบกดวางสาย แล้วเอาตุ๊กตาวางที่โต๊ะกลางสนามหญ้าตรงหน้าน้ำริน
“ผมมีเรื่องด่วนต้องรีบไป คุณอยู่กับตุ๊กตาของคุณที่นี่แหละไม่ต้องตามไปนะ”
จากนั้นก็รีบคว้าจักรยานออกไป น้ำรินมองตามอย่างสงสัย

นกน้อยเดินไปเดินมาอยู่หน้าโต๊ะทำงานเหยี่ยวด้วยความกระวนกระวาย ขณะที่ในมือกำมือถือของนกยูงไว้แน่น ครู่หนึ่งเหยี่ยวก็วิ่งเข้ามาหา นกน้อยสูดลมหายใจตั้งสติ แล้วรีบบอก
“ตอนที่ลูกตาย ผมยังทำใจไม่ได้ เลยปิดห้อง เก็บของทุกอย่างของนกยูงไว้ ไม่อยากเห็น ไม่อยากเจออะไรเกี่ยวกับนกยูง รวมทั้งมือถือเครื่องนี้ด้วย”
พูดพลางยื่นมือถือของนกยูงให้เหยี่ยวดู
“แต่วันนี้ผมตัดสินใจเปิดเครื่องดูรูปลูกสาวในมือถือ แล้วผมก็เจอรูปนี้”
เหยี่ยวมองเห็นรูปของนกยูงที่ถ่ายเล่นขณะทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟเบียร์ คู่กับเด็กสาวอีกคนหนึ่งวัยไล่เลี่ยกัน ด้านหลังนกยูงเป็นภาพผู้ชายนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานมุมหนึ่งของห้องหันหน้าด้านข้างมาเพียงเสี้ยวของใบหน้า
“ยอดชัด”
นกน้อยพยักหน้า “ยอดชัดมันไปนั่งในสำนักงานร้านอาหารที่นกยูงไปทำงานได้ยังไง หรือว่าไอ้ยอดชัดจะอยู่เบื้องหลังความตายของลูกสาวผม”
นกน้อยหน้าเครียด

น้ำรินนั่งเท้าคางอยู่ที่โต๊ะกลางสนามหญ้า มองตุ๊กตาสีฟ้า แล้วครุ่นคิดถึงเหตุผลว่าทำไมเธอถึงชอบสีฟ้า แต่ก็คิดไม่ออก พยายามจะจับตุ๊กตาก็จับไม่ได้
 
อ่านต่อหน้า 2

ภพรัก ตอนที่ 3 (ต่อ)

น้ำรินนั่งเท้าคางอยู่ที่โต๊ะกลางสนามหญ้า มองตุ๊กตาสีฟ้า แล้วครุ่นคิดถึงเหตุผลว่าทำไมเธอถึงชอบสีฟ้า แต่ก็คิดไม่ออก พยายามจะจับตุ๊กตาก็จับไม่ได้

“ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีเหตุผลในตัวเอง”
น้ำรินสะดุ้งเฮือกรีบหันไปมอง พอเห็นผียายปริกยืนอยู่ข้างหลัง ก็รีบถอยห่างด้วยความกลัว
“หล่อนจะกลัวฉันทำไม บอกไปแล้วไม่ใช่เรอะว่าฉันไม่ทำร้ายหล่อนหรอก”
พลางเอามือปาดใบไม้ที่ตกอยู่บนเก้าอี้ ใบไม้ร่วงกระจาย แล้วตบเก้าอี้ให้น้ำรินมานั่ง
“ฉันชื่อปริกบีเวอร์”
น้ำรินมองมือปริกที่ปาดและฉีกใบไม้ได้โดยที่มือไม่ผ่านทะลุอย่างอึ้งๆ แล้วลองทำดูบ้าง แต่ก็ทำไม่ได้
“มือไม่ทะลุใบไม้เหรอ”
“ถ้าอยากให้ทะลุก็ทะลุได้”
ผียายปริกโชว์เอามือทะลุใบไม้ที่เก้าอี้โชว์ น้ำรินถึงกับอึ้ง จากนั้นก็อุ้มตุ๊กตามากอด น้ำรินรีบถามว่าทำได้ยังไง
”ที่ฉันจับของได้เพราะวันนี้วันพระ จำไว้นะ วันโกนและวันพระคือวันที่ประตูผีเปิด ผีทุกตนจะมีพลัง
เพิ่มขึ้น สังเกตสิคนมักเห็นผีวันพระ เพราะวิญญาณจะมีพลังมากพอที่จะทำให้คนเห็น”
น้ำรินฟังอย่างตื่นเต้น “จริงเหรอ”
“ถ้าหมายเรื่องวันพระคือวันปล่อยผีล่ะก็เรื่องจริง ส่วนเรื่องผีจับของได้ในวันพระ ไม่จริง ที่สำคัญ วันนี้วันโกนย่ะพรุ่งนี้ถึงจะเป็นวันพระ หล่อนนี่หลอกง่ายจริงๆ”
น้ำรินหงุดหงิดจะเดินเข้าบ้าน ผียายปริกโผล่หน้าทะลุประตูบ้านมาประจัญหน้า น้ำรินสะดุ้งโหยง
“กาลเวลาเปลี่ยนแปลงผู้คนก็เปลี่ยนไป คนสมัยนี้ใจร้อนเหลือเกิน หล่อนฟังฉันก่อนสิ ที่หล่อนถาม แต่ฉันไม่ตอบ เพราะพูดไปก็ไม่มีประโยชน์ของแบบนี้มันต้องทำเลย”

น้ำรินตื่นเต้นแล้วมองไปทางตุ๊กตาสีฟ้า ตั้งใจว่าจะต้องจับตุ๊กตาสีฟ้าให้ได้

น้ำรินตื่นเต้นแล้วมองไปทางตุ๊กตาสีฟ้า ตั้งใจว่าจะต้องจับตุ๊กตาสีฟ้าให้ได้

“ใครๆ ก็เป็นผีได้ แต่ให้เป็นผีคุณภาพนั้น. มันไม่ง่าย ถ้าหล่อนอยากมีอิทธิฤทธิ์อย่างฉัน หล่อนต้องฝึกตั้งสมาธิ”
“แต่ฉันนั่งสมาธิไม่ได้ นั่งแล้วหลับทุกที”
ผียายปริกส่ายหน้าระอา
“แล้วฉันบอกให้นั่งสมาธิเมื่อไหร่ การทำสมาธิไม่จำเป็นต้องนั่ง แต่เป็นการกำหนดจิตใจให้อยู่กับสิ่งที่จะทำ”
พูดพลางทำท่าจ้องไปที่ตุ๊กตาสีฟ้า
“เอาเป็นว่าหล่อนแค่กำหนดจิตให้แน่วแน่”
“แล้วถ้าฉันทำไม่ได้ล่ะคะ"
ทันใดนั้นมีลมพายุพัดออกจากตัวผียายปริกอย่างแรง ต้นไม้พัดโยบกสะบัด ใบไม้ที่พิ้นปลิวว่อน หน้าตาผียายปริกโกรธเกรี้ยว เสียงตวาดกึกก้อง ราวฟ้าผ่า
“ยังไมได้ทำก็บอกทำไม่ได้ หล่อนก็ไม่ต้องทำ”
“ฉันขอโทษ ป้าอย่าโกรธฉันเลยนะ”
ลมพายุหยุดพัด “ ฉันไม่ได้โกรธ แค่สาธิต ถ้าตั้งจิตเป็นสมาธิ เราจะเคลื่อนย้ายได้ทั้งลมและสิ่งของ”
พูดพลางหยิบตุ๊กตาสีฟ้ามาวางไว้ตรงหน้าเหมือนเป็นเรื่องง่าย น้ำรินตาโต แล้วถูมือสองข้างด้วยกัน สีหน้าตั้งใจสุดๆ

น้ำรินสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วหยิบตุ๊กตาแบบใส่พลังเต็มที่แต่มือก็ยังทะลุอยู่ดี
"ใจหล่อนต้องอยู่ที่ใจไม่ใช่ที่ตุ๊กตา หล่อนต้องไม่ยึดมั่นถือมั่น โลกนี้ไม่มีอะไรยั่งยืน แม้แต่ตัวหล่อนเอง ทุกสิ่งคือการปรุงแต่ง คิดง่ายๆ ทุกสิ่งเป็นสมมติ ตุ๊กตานี่ก็ไม่มี ใจหล่อนก็ไม่มี ไม่มีอะไรเป็นตัวตน รู้สึกทุกอย่างด้วยจิตใจ”
พูดจบผียายปริก ก็หยิบตุ๊กตาฟ้าขึ้นมาหน้าตาเลย แล้วก็หัวเราะคิกคักชอบใจ จากนั้นก็ให้น้ำรินลองทำดู แต่กHยังทำไม่ได้อยู่นั่นเอง
น้ำรินรู้สึกว่ามีคนแอบมองอยู่ จึงหันไปมอง คนแอบดูรีบหลบหลังกำแพง
น้ำรินมองไม่เห็นใครจึงหันมาฝึกต่อพยายามจะจับตุ๊กตาต่อ คนแอบดูชะโงกหน้ามาดู อย่างจงใจมาแอบดูน้ำรินโดยเฉพาะ
ในที่สุดน้ำรินก็ทำสำเร็จ คนที่แอบดูอยู่ เดินเข้าใกล้น้ำรินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งยืนอยู่ด้านหลังในระยะประชิด

น้ำรินรู้สึกเหมือนมีใครมายืนอยู่ด้านหลัง พลางกำลังจะหันไปมองว่าใครยืนอยู่ข้างหลัง ทันใดนั้นก็โดนจิกหัวขึ้นมา แล้วเอาหัวกระแทกเข้ากับม้าหินหน้าบ้านอย่าแรง น้ำรินร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด

เหยี่ยวนั่งเอนเก้าอี้หลับพับอยู่ เพราะทำงานมาโดยไม่ได้นอนมาทั้งคืน ครู่หนึ่งก็สะดุ้งตื่นจากฝันร้าย จนตกเก้าอี้

"ฝันนี่หว่าแค่ความฝัน ทำไมต้องห่วงยายผีเยอะนั่นด้วยวะ"
ทันใดนั้นนกน้อยวิ่งพรวดพราดเข้ามาหาเหยี่ยว
"หมวด ได้เรื่องแล้วครับ ผมรู้แล้วครับว่าเด็กสาวที่ถ่ายรูปกับนกยูงเป็นใคร"

น้ำรินยังคงฝึกตั้งจิตแน่วแน่ ยืนจ้องตุ๊กตาสีฟ้าอยู่ พลางก็รู้สึกเหมือนมีใครมายืนอยู่ด้านหลัง พอหันกลับไป ก็เห็นยายนวลเดินถือถาดใส่โถข้าวสุกหุงใหม่กับอาหารกระป๋องอีก 4-5 กระป๋องเพื่อมาใส่บาตร
"ยายนั่นเอง อ้าว ปริกไปไหนแล้ว"
ยายนวลมองน้ำรินงงๆ "ปริกไหน ?
น้ำรินชะงักแล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง "ยายตื่นเช้าจังนะคะ"
ยายนวลบอกว่าวันนี้เป็นวันพระ พลางถามหาเหยี่ยว
"ออกไปทำงานตั้งแต่เมื่อคืน ยังไม่กลับบ้านเลยค่ะ ไม่รู้ไปทำงาน หรือไปที่ไหนกันแน่"
ยายนวลเดินนำน้ำรินไปหน้าบ้าน โดยที่คนที่แอบดู ก็ยังคงเฝ้ามองดูอยู่น้ำรินไม่รู้ตัว

นกน้อยเปิดรูปในมือถือของนกยูงให้เจ๊แดงดู เหยี่ยวยืนมองปฏิกริยาอยู่ข้างๆ
"นังแก้วตา มันพักอยู่ที่นี่ห้อง 403"
เหยี่ยวกับนกน้อยจะขึ้นบันไดไปหาแก้วตา
"แต่มันไม่อยู่แล้ว มันตายไปแล้ว"
เหยี่ยวกับนกน้อยตกใจ พลางหันมามองหน้ากันว่าเอายังไงต่อดี

เหยี่ยวกับนกน้อยเดินมาที่รถของนกน้อย ด้วยสีหน้าเครียด
"ถ้าแก้วตาตายแล้ว ทำไมในประวัติไม่บันทึกว่าเสียชีวิต รีบกลับไปเช็คข้อมูลดูอีกทีดีกว่า"
พูดพลางเหยี่ยวก็เดินนำมาขึ้นรถ ระหว่างนั้นนกน้อยตบกระเป๋าเสื้อตัวเองเพื่อจะลูบมือถือนกยูง แต่ปรากฏไม่เจอมือถือ

"มือถือนกยูงหายครับ"

มือถือของนกยูงวางอยู่บนโต๊ะม้าหินตัวเดิม เจ๊แดงยืนคุยกับแก้วตาอยู่มุมหนึ่ง ห่างจากโต๊ะไปทางซ้าย

แก้วตายื่นแบงค์พันให้เจ๊แดง
"ขอบใจเจ๊มากที่ช่วยโกหกตำรวจให้ฉัน"
นกน้อยเดินนำเหยี่ยวกลับมามาที่โต๊ะ พลางมองมือถือของนกยูงวางอยู่ที่โต๊ะด้วยความสงสัย
"มันอยู่ตรงนี้ได้ยังไง ? ผมจำได้ว่าผมเก็บใส่กระเป๋าแล้วนะ"
"เจอก็ดีแล้ว รีบไปเถอะจ่า"
เหยี่ยวกับนกน้อยจะออกไปโดยไม่ทันเห็นแก้วตา ทันใดนั้นเสียงผู้หญิงพูดเสียงดังขึ้น
"เดี๋ยวก่อน"
ทั้งคู่หันมองไปทางต้นเสียง เห็นผู้หญิงคนนึงกำลังยืนตะโกนบอกทิศทางให้สามีขับรถจอดริมถนนหน้าอพาร์ทเมนท์
เหยี่ยวกับนกน้อยรู้สึกว่าไม่เกี่ยวกับตัวเอง จึงจะเดินไป ผู้หญิงตะโกนเหมือนพูดกับทั้งคู่
"จะรีบไปไหน บอกให้มองทางซ้ายก่อนไง"
เมื่อเหยี่ยวกับนกน้อยเผลอมองทางซ้ายตามที่ผู้หญิงตะโกนเหมือนมีบางอย่างดลใจ แก้วตาเห็นทั้งคู่มองมา ที่รีบวิ่งหนีไป ทั้งคู่รีบวิ่งตาม

ยายนวลเอาของใส่บาตรหลวงตาเคี้ยงเสร็จแล้วนั่งยองๆพนมมือรับพร พลางหันมาพูดกับน้ำริน "เวลาใส่บาตรอย่ายืนนะต้องนั่งลง"
น้ำรินนั่งลง หลวงตาเคี้ยงกับเด็กวัดคิดว่ายายนวลพูดด้วย
"ขอบใจนะที่ชวนให้นั่ง แต่อาตมายืนให้พรจะเหมาะกว่า"
"ฉันไม่ได้พูดกับหลวงตา"
หลวงตาเคี้ยงชะงัก แล้วมองหาว่ายายนวลพูดกับใคร จากนั้นก็สวดมนต์ให้พรต่อ
น้ำรินพนมมือฟังบทสวด เหมือนเสียงบทสวดของหลวงตาก้องกังวาลมาจากที่ไกลๆ จิตใจของเธอคล้ายจะคิดถึงเสียงสวดนี้ว่าเคยได้ยินจากที่ไหนสักแห่ง แต่ก็จำไม่ได้
ทันใดนั้นบังเกิดลมพัดผ่านน้ำรินเหมือนบทสวดให้พรเป็นพลังให้ความร่มเย็นใจ
หลวงตาเคี้ยงกับเด็กวัด รู้สึกเหมือนว่ายายนวลนั่งคุยอยู่คนเดียว ก็ตกใจกลัว รีบวิ่งหนีไป ยายนวลที่นั่งยองๆอยู่จะลุกขึ้น แต่ลุกไม่ไหว น้ำรินเผลอรีบเข้าไปจะพยุง
"หนูช่วยค่ะ"
แต่มือน้ำรินทะลุงผ่านตัวของยายนวล พลางพยายามตั้งสมาธิอย่างที่ผียายปริกบอก แล้วพยายามจะจับแขนยายนวลให้ได้ แต่ยังไงก็ทำไม่ได้ ทันใดนั้นมือของแนนยื่นเข้ามาพยุงตัวยายนวลไว้ได้ก่อนจะล้ม
พอแนนบอกยายนวลว่าซื้อโจ๊กมาฝากยายนวลกัลบเหยี่ยว น้ำรินก็มองอย่างหมั่นไส้ โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังหึงแนนอยู่ในที

แก้วตาวิ่งหนี เหยี่ยวกับนกน้อยวิ่งตาม ข้ามถนนตัดหน้ารถยนต์ เสียงแตรรถดังสนั่น

รถคันหนึ่งพุ่งตรงเข้ามาอย่างเร็ว !
 
อ่านต่อหน้า 3

ภพรัก ตอนที่ 3 (ต่อ)

แก้วตาเหลียวหลังไปมอง แต่ไม่เห็นเหยี่ยวกับนกน้อยตามมาแล้ว ก็ผ่อนความเร็วลงจากวิ่งเป็นเดินอย่างเหน็ดเหนื่อยมาถึงมุมตึก ทันใดนั้นนกน้อยกับเหยี่ยวโผล่จากมุมตึกมาล็อกตัวไว้

"ไหนบอกว่าตายแล้วไง"
แก้วตาพยายามดิ้น "ปล่อยนะหนูไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น อย่ามายุ่งกับหนูเลย"
เหยี่ยวรีบสั่ง "พาตัวไปจ่า"
คงคาออกมาจากที่ซ่อน แอบมองตามไป

น้ำรินกำลังยืนจ้องตุ๊กตาสีฟ้าที่ยังวางอยู่ที่โต๊ะหน้าบ้านเหมือนเดิม เหมือนพยายามส่งกระแสจิตผ่านไปถึงเหยี่ยว
"นายเก็ก คุณหายไปนานแล้วนะ ได้ยินฉันมั้ย คุณซื้อตุ๊กตานี่ให้ฉัน มันน่าจะสื่อถึงคุณได้ นายเก็ก เรียกฉันไปหาคุณเดี๋ยวนี้ ฉันอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เกี่ยวกับยอดชัดรึเปล่า?"
น้ำรินคิดถึงหน้ายอดชัดแล้วทบทวนว่าตัวเองรู้จักยอดชัดได้ยังไง แล้วอยู่ๆก็นึกถึงหน้านกยูง
"ยอดชัดค้ายา นกยูงเสพยาเกินขนาดตาย ยอดชัดค้ายา โดนวางยาตาย"
ทันใดนั้นน้ำรินก็รู้สึกเห็นภาพในอดีต

น้ำรินเห็นภาพตัวเอง นั่งหน้าบึ้งตึงอยู่ตรงหน้านกยูง ที่กำลังร้องไห้เสียใจอยู่ในร้านขายของตกแต่งบ้าน
เธอถึงกับตกใจเมื่อจำเรื่องในอดีตได้ขึ้นมาลางเลือน

"ฉันเคยรู้จักนกยูง?"

เหยี่ยวกับนกน้อยกำลังจะสอบปากคำแก้วตา ที่นั่งอยู่ในห้องสอบสวนสำนักงานสืบฯ

"จับหนูมาทำไม หนูไม่ได้ทำอะไรผิดหนูไม่รู้อะไรทั้งนั้น"
"ถ้าไม่รู้ ทำไมต้องโกหกว่าตาย"
นกน้อยย้อนกลับ แก้วตาชะงักพูดไม่ออก เหยี่ยวพยายามพูดปลอบ
"ไม่ต้องกลัว พี่รับรองความปลอดภัยของน้องเองแค่ตอบคำถามตรงๆ น้องรู้จักนกยูงรึเปล่า ?"
"ไม่รู้จัก"
นกน้อยหยิบมือถือของนกยูงออกมาเปิดภาพถ่ายให้แก้วตาดู
"ไม่รู้จักแล้วถ่ายรูปกับนกยูงได้ยังไง"
แก้วตามองรูปถ่ายในมือถืออย่างอึ้งตกใจ จากนั้นก็น้ำตาไหลมันเหมือนรูปภาพความสนิทสนมมันกระทบกระทือนความรู้สึกบางอย่าง
"บอกลุงซิ เกิดอะไรกับลูกสาวลุงกันแน่"
"ลุงคือพ่อที่เป็นตำรวจของนกยูงเหรอ ?"
นกน้อยพยักหน้าเศร้าๆ "ใช่ บอกความจริงกับลุงเกิดอะไรขึ้นกับนกยูง ?"
แก้วตามองรูปภาพในมือถือแล้วมองหน้าเหยี่ยวกับนกน้อย
"หนูรู้จักกับนกยูง ตอนทำงานที่ร้านขายของตกแต่งบ้านของไฮโซคนนึง"

ในที่สุดน้ำรินรำลึกถึงเรื่องราวในอดีตระหว่างตัวเองกับนกยูงได้
"รู้ไหมว่าราคาแจกันนี่ใบละเท่าไร เงินเดือนเธอทั้งปียังซื้อไม่ได้เลย"
น้ำรินเห็นภาพตัวเองกำลังตวาดใส่หน้านกยูง
"หนูขอโทษค่ะ"
"ออกไป ฉันไล่เธอออก"

"หลังจากโดนยายใจดำนั่นไล่ออกนกยูงก็หางานใหม่ แต่เด็กที่มีข้อจำกัดว่ากลางวันเรียน ทำงานได้แค่หกโมงเย็นถึงสี่ทุ่มกับเสาร์อาทิตย์มันไม่ได้หางานได้ง่ายๆ"
แก้วตาเล่าให้เหยี่ยวกับนกน้อยฟังด้วยสีหน้าเศร้าๆ
"ทำไมนกยูงต้องหางานทำด้วย ลุงก็ให้เงินตลอด"
"นกยูงบอกว่า…"
แก้วตานึกถึงตอนที่นั่งคุยกับนกยูงที่ป้ายรถเมล์
"เราอยากเก็บเงินเรียนพิเศษปีนี้เราเอ็นฯไม่ติด แต่ปีหน้าจะสอบหมอให้ได้"
"ขอเงินพ่อเรียนสิพ่อแกเป็นตำรวจไม่ใช่เหรอ"
นกยูงส่ายหน้า "เป็นตำรวจก็ไม่ได้รวยอะไรนะ เงินที่พ่อเอามาจ่ายค่าเรียน พ่อไปกู้เค้ามาทั้งนั้น เราอยากช่วยพ่อ"
"เรามีงานหนึ่งเสี่ยงหน่อย แกสนใจไหม ?"

นกยูงมองแก้วตาอย่างสงสัย "งานอะไร ?"

นกยูงในชุดเด็กเชียร์เบียร์กำลังเสิร์ฟเบียร์ให้ลูกค้าในร้านอาหารอยู่ แก้วตาเดินถือเบียร์สวนมา

"ขอบใจนะที่ฝากงานนี้ให้ฉัน"
แก้วตายิ้มให้ "ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันเอาเบียร์ไปเสิร์ฟเจ๊ก่อน"
"ฉันเอาไปเสิร์ฟให้ไหม"
แก้วตารีบพูด "ไม่ต้อง โต๊ะนี้เจ๊ไม่ให้ใครเสิร์ฟนอกจากฉัน"
แก้วตาเดินจากนกยูงมาที่โต๊ะหนึ่ง ซึ่งยอดชัดนั่งคุยกับเจ๊หวานอย่างโมโห
"เด็กแกโดนตำรวจซิวอีกแล้วเรอะ ฉันสูญเงินไปเท่าไหร่รู้มั้ย"
"ขอโทษค่ะเสี่ย เด็กมันหน้าเดิมๆ ตำรวจเลยจับทางได้"
"หาเด็กหน้าใหม่ๆไปส่งของได้แล้ว"
"ฉันเล็งไว้แล้วค่ะเสี่ย"
เจ๊หวานมองไปทางนกยูง ยอดชัดมองตาม

แก้วตายื่นห่อกระดาษให้นกยูง
"เอาห่อนี่ไปให้ผู้ชายตามแผนที่แล้วนายจะให้ค่าส่งสามพัน"
นกยูงตาโต "สามพัน!ทำไมเยอะจัง ในห่อนี่มีอะไรเหรอ"
"ไม่รู้ รู้แต่ว่าได้เงินเยอะ แกไม่อยากได้เงินรึไง"
นกยูงมองห่ออย่างลังเล

นกยูงพุ่งพรวดเข้าห้องพักของแก้วตา แล้วรีบปิดประตูด้วยอาการลนลาน
"ฉันรู้แล้วว่าของในห่อนั้นคืออะไร ? ฉันแอบเปิดดู แล้วฉันก็ถ่ายรูปไว้ในกล้องนี้"
พลางหยิบกล้องถ่ายรูปเล็กๆมาเปิดโชว์ โดยไม่รู้ว่าแก้วตารู้เรื่องอยู่แล้ว
"เมื่อกี้ฉันแอบไปที่ร้าน เห็นนายยอดชัดกำลังคุยเรื่องส่งยากับคนที่เรียกกันว่า “บอส”ฉันเลยแอบถ่ายรูปมาด้วย"
"ทำอย่างนี้ทำไม"
"ลูกตำรวจไม่มีวันทรยศศักดิ์ศรีของพ่อด้วยการทำผิดกฏหมายซะเอง ฉันจะเอาหลักฐานไปให้ตำรวจ"
นกยูงจะเดินไป แก้วตารีบดึงกล้องจากมือไว้
"ฉันเอาไปให้เองดีกว่า ขืนแกเอาไปให้ เดี๋ยวเจ้านายพ่อแกจะจะสงสัยว่าพ่อแกค้ายาซะเอง เพราะยาอยู่ที่แก"

นกยูงนิ่งคิดอย่างสับสน

แก้วตาเล่าพลางร้องไห้ไปด้วย

"คืนนั้นหนูไปบอกเจ๊หวานว่านกยูงทรยศ คิดแค่อยากจะเอาหน้าเฉยๆ แต่ไม่คิดว่าจะทำให้นกยูงถูกฆ่าตาย"
นกน้อยมองแก้วตาด้วยแววตาเจ็บปวด
"แปลว่านกยูงไม่ได้ตายเพราะเสพยาเกินขนาด"
"นกยูงไม่เคยแตะต้องยาเลยค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นคนที่ทำให้นกยูงตายก็คือไอ้ยอดชัด นกยูงลูกพ่อ"
นกน้อยร้องไห้โฮ เหยี่ยวต้องตบบ่าปลอบใจ แล้วหันมาถามแก้วตา
"กล้องที่ถ่ายเห็นหน้าบอส ยังอยู่ที่เรารึเปล่า"
"ไม่มีใครรู้ว่ามีกล้องตัวนั้น หนูซ่อนไว้ที่ห้องค่ะ"
"งั้นรีบกลับไปเอาเราต้องไม่ปล่อยให้การตายของนกยูงเสียเปล่า นายใหญ่ของไอ้ยอดชัดจะต้องถูกจับมาลงโทษ"
ทั้งหมดรีบออกไปจากห้อง

น้ำรินเดินไปเดินมาอย่างใช้ความคิดเครียดๆ
"ฉันไล่ลูกจ่านกน้อยออกไปจากร้าน นกยูงต้องตายเพราะฉัน"
"กูต่างหากที่ต้องตายเพราะมึง"
น้ำรินหันขวับไปตามเสียง เห็นชลชาติโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ด้านหนึ่ง แล้วตรงเข้ามากระชากร่างเธอลากออกไปตามพื้นอย่างรวดเร็ว น้ำรินร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด

น้ำรินที่โดนชลชาติฉุดกระชากออกไปตามสวนหลังบ้าน พยายามต่อสู้ดึงมือชลชาติออกจากคอตัวเอง แต่ดึงไม่ออก
"ใครก็ได้ ช่วยด้วย"
น้ำรินฮึดถีบชลชาติกระเด็น แล้วรีบลุกขึ้นแล้วจะวิ่งหนีออกไปจากตรงนั้น ชลชาติพุ่งเข้ามารวบขาไว้ได้ น้ำรินล้มลง แล้วใช้มือทุบชลชาติเพื่อให้ปล่อยขาตัวเอง
"ปล่อยฉันนะ แกเป็นใคร มายุ่งกับฉันทำไม ปล่อย"
"กูจะเอาวิญญาณมึงไป มึงฆ่ากู"
น้ำรินตกใจ ชลชาติอ้าปากกว้างมาก เหมือนกำลังจะกลืนกินวิญญาณของน้ำริน
"บังอาจมายุ่งกับเพื่อนฉันเหรอ ?"
ชลชาติที่กำลังจะดูดวิญญาณน้ำริน หันขวับไป ผียายปริกกระโดดถีบเต็มแรง จนร่างชลชาติลอยหวือออกไป
"กูจะสลายวิญญาณมัน มันเป็นคนฆ่ากู"
"จะสลายวิญญาณเพื่อนฉันเหรอ แกนั่นแหละโดนฉันสลายก่อน"

ชลชาติง้างหมัดต่อยหน้าผียายปริก จนลอยหวือกระเด็นออกไปอีกด้านหนึ่ง จากนั้นก็หันมากระชากร่างน้ำรินออกไปอีกทาง
 
อ่านต่อหน้า 4

ภพรัก ตอนที่ 3 (ต่อ)

ชลชาติกำลังดูดวิญญาณน้ำรินอีกครั้ง ผียายปริกโผล่ออกมาอีกด้าน ถีบชลชาติล้มไป จากนั้นก็ดีดนิ้วเสกสายสิญจ์อาคมลอยขึ้นมา พุ่งเข้าไปหมุนวนกับร่างชลชาติ แล้วก็เลือนหายไปทันที สายสิญจ์อาคมร่วงหล่นลงพื้น

ผียายปริกหายวับไปตาม น้ำรินมองตามทั้งคู่ที่หายตัวไปอย่างมึนงง

เหยี่ยวกับนกน้อยเดินมากับแก้วตา ถึงบริเวณบันไดทางขึ้นอพาร์ทเม้นท์
"ลุงจ่ารอหนูตรงนี้แป๊บเดียวค่ะ เดี๋ยวหนูขึ้นไปเอากล้องมาให้"

แก้วตาเดินเข้ามาหยิบกล้องที่ซ่อนไว้ที่ใต้เตียง เปิดกล้องแล้วดูภาพในกล้อง ด้วยความรู้สึกผิดในสิ่งที่ตัวเองเคยทำไว้กับเพื่อน
"นกยูง ฉันขอโทษ แกต้องตายเพราะฉัน คนบงการฆ่าแกจะต้องได้รับโทษ ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้วนะนกยูง"
แก้วตาลุกขึ้นจากเตียง กำลังจะเดินไปที่ประตู แต่เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อน พอเดินไปเปิดประตู ก็ต้องตาลุกวาวด้วยความกลัว เพราะไม่ใช่เหยี่ยวกับนกน้อยที่เป็นคนเคาะประตู
ร่างของแก้วตาโดนตบมากองที่อยู่ที่พื้น กล้องกลิ้งกระเด็นไถลไปอยู่ที่ใต้เตียง
แก้วตาร้องขอชีวิตด้วยความเจ็บปวด "อย่าทำหนู อย่าทำหนูเลย"

เหยี่ยวกับนกน้อยยืนรออยู่ด้านล่าง ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบน ก็รีบตามขึ้นไป
เจ๊แดงกรีดร้องด้วยความตกใจ เหยี่ยวกับนกน้อยวิ่งมาตามเสียง เห็นแก้วตานอนตาเหลือก โดยในมือมีเข็มฉีดยาคาอยู่
เหยี่ยวรีบหันมาถามเจ๊แดง "เห็นใครแปลกหน้ามั้ย"
"ฉันเห็นผู้ชายผมสั้นๆ ใส่ชุดดำ แว่นตาดำ เดินลงบันไดหนีไฟไป"

เหยี่ยวกับนกน้อยรีบวิ่งพุ่งออกไปทันที เห็นชายชุดดำเดินเลี้ยวมุมตึกไปก็รีบวิ่งตาม

ชายชุดดำรีบวิ่งหนีกระโดดขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซต์ สตาร์ทรถและเข้าเกียร์บิดคันเร่ง จะขี่หนีออกไป

เหยี่ยวยันตัวขึ้นกำแพง แล้วใช้แรงถีบกำแพงพุ่งไปถีบชายชุดดำที่ขี่มอเตอร์ไซต์กระเด็นลอยลงมาล้มกลิ้งอยู่กลางถนน
เหยี่ยวปราดเข้ามาเอาเข่ากดที่หลังของชายชุดดำ แล้วจัดการล็อกแขนไว้
"ผมยอมแล้ว อย่าทำอะไรผมเลย ผมจะไม่ยุ่งกับเมียพี่อีกแล้ว"
"เมื่อกี้แกพูดว่าอะไรนะ"
"ผมขอโทษที่เป็นชู้กับเมียพี่ครับ"
"ชู้?" เหยี่ยวขมวดคิ้วงงๆ
รถแวนสีดำขับผ่านหลังเหยี่ยวกับนกน้อยไป ใครบางคนในรถมองมาผ่านฟิล์มสีดำมาทางทั้งคู่อย่างเยาะหยัน

เหยี่ยว นกน้อย และเจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนหนึ่ง กำลังตรวจดูที่เกิดเหตุ ร่างแก้วตายังอยู่ในห้อง
"สั่งให้ทุกคนตรวจพื้นที่ให้ละเอียด เก็บหลักฐานทุกชิ้นอย่าให้อะไรหลุดรอดไปได้"
เหยี่ยวก้มลงไปใต้เตียง มองเห็นกล้องของนกยูงที่ตกอยู่ที่ใต้เตียง นกน้อยหันมาเห็น
"กล้องของลูกสาวผมครับ หมวดรีบเปิดดูรูปเลย แก้วตาบอกว่านกยูงถ่ายรูปบอสของพวกมันไว้ได้"
เหยี่ยวรีบเปิดดูรูป แต่กลับไม่มีรูปอยู่ในกล้องเลย รรวมถึงเมมโมรีการ์ดก็หายไปด้วย

คงคาหักเมโมรีการ์ดในมือ แล้วก็คุยมือถือด้วยสีหน้าพอใจ
"ไม่มีใครเห็นบอสแน่นอนครับ"

ภพธรปิดโทรศัพท์มือถือแล้วค่อยๆ ลดมือลง

ที่แท้เป็นเขาเอง ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด !!

“Only a life lived for others is a life worthwhile.”
“มีเพียงชีวิตเพื่อผู้อื่นเท่านั้นที่มีคุณค่าแก่การมีชีวิต”
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาสตร์เอกของโลก

นกน้อยยืนตรงหน้าเจดีย์บรรจุกระดูกของเมียและลูก พลางวางหูฟังหมอไว้ตรงหน้ารูปของนกยูงที่ติดกับเจดีย์ แล้วยิ้มเศร้าๆ
“นกยูง พ่อรู้แล้วว่าลูกไม่ได้ตายเพราะหลงผิดคิดเสพยา หนูตายเพื่อเกียรติและศักดิ์ศรีของลูกตำรวจ พ่อภูมิใจในตัวลูกนะ”
นกน้อยซบหน้าร้องไห้กับเจดีย์ของเมียและลูกอย่างโหยหา

เหยี่ยวเดินหาวถือถังสังฆทานมากับน้ำริน ที่พูดย้ำว่าให้เขากรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวรของเธอด้วย
“กรวดยังไง? ชื่อจริงคุณผมยังไม่รู้เลย รู้แต่ชื่อน้ำ”
“อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของคนชื่อน้ำก็ได้”
เหยี่ยวส่ายหน้า “คนชื่อน้ำมีเป็นล้านๆ แล้วบุญแค่นี้จะถึงคุณเหรอ”
“ถ้างั้นคุณก็ต้องสืบประวัติให้รู้ซะทีว่าฉันเป็นใคร”
“แน่นอน ผมก็อยากรู้ไม่น้อยไปกว่าคุณหรอก ว่าไอ้ยอดชัดเจ้าพ่อยาเสพติด มันไปเกี่ยวข้องกับคุณได้ยังไง”
น้ำรินนิ่งคิด “นั่นสิ ฉันก็อยากรู้ว่าตัวเองเป็นใครกันแน่ ? ทำไมถึงได้พัวพันทั้งกับยอดชัด ทั้งนกยูง”
“นกยูง? คุณรู้จักนกยูงด้วยเหรอ มีอะไรที่ไม่ได้บอกผมรึเปล่า ?”
“เปล่า รีบเอาของไปถวายพระเถอะ ฉันรอตรงนี้นะ”

เหยี่ยวเดินออกไป น้ำรินมองตามเหยี่ยวแล้วคิดถึงเรื่องตัวเอง จากนั้นก็เดินต่อไปยังศาลาริมน้ำ


น้ำรินมานั่งอยู่ที่ศาลาริมน้ำ คิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นกับเธอเมื่อวันก่อน ตอนที่วิญญาณชลชาติมาทำร้ายเธอ

“ผีตัวนั้นเป็นใคร ฉันไปทำอะไรให้”
ผียายปริกยืนกอดอกอยู่ข้างหลังน้ำริน
“หล่อนมีส่วนทำให้มันตาย”
น้ำรินชะงักตกใจ “ปริก ปริกล้อฉันเล่นใช่ไหม ?”
ผียายปริกมองน้ำริน แล้วหัวเราะเสียงดัง น้ำรินโล่งใจ ทันใดนั้นก็หยุดหัวเราะแล้วทำหน้าจริงจัง
“ฉันพูดจริง”
“ฉันไปทำอะไรให้เค้า ไหนปริกเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ”
ผียายปริกสั่นหัว “หล่อนยังจำเรื่องตัวเองไม่ได้ แล้วฉันจะไปรู้เรื่องหล่อนเรอะ ฉันพูดไปตามสัจธรรม กรรมเป็นผลของการกระทำ “ผล” ทุกอย่างย่อมมาจากเหตุทั้งสิ้น มันเป็นเหมือนบ่วงที่ต้องแก้ไข”
“แล้วมันจะจองเวรจองกรรมกับฉันเรื่อยไปแบบนี้เหรอ”
ผียายปริกส่ายหน้า “มันเป็นสัมภเวสี ไปไหนมาไหนไม่สะดวกนักหรอก ยกเว้นวันพระและวันโกน”
“ถ้าปริกบอกว่าทุกสิ่งเป็นกรรมที่ฉันเคยทำ เป็นเหมือนบ่วงที่ต้องแก้ไข งั้นฉันคงเคยทำกรรมอะไรไว้กับนกยูงและยอดชัดใช่มั้ย”
“เอาน่า วันหนึ่งหล่อนจะรู้ด้วยตัวเอง อีกไม่นาน”
น้ำรินมองไปที่สายน้ำเบื้องหน้า ยังคงงงกับเรื่องที่ผียายปริกพูดอยู่ไม่น้อย

เหยี่ยวนอนหลับอยู่บนเตียง น้ำรินยืนเหม่ออยู่ตรงหน้าต่าง สีหน้าไม่สบายใจเพราะรู้สึกผิดกับนกยูง
“ชีวิตของเราในอดีต ทำกรรมไว้กับนกยูง เราถึงต้องชดใช้กับจ่านกน้อย ทำให้จ่านกน้อยเข้าใจลูกสาว หมดทุกข์เรื่องในอดีต?”
พลันก็มีลมพัดโกรกเบาๆ เข้ามาทางหน้าต่าง น้ำรินยกมือขึ้นมาป้องหน้า เสียงบทกรวดน้ำลอยมากับสายลมค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ
ความทรงจำในอดีตกลับมาอีกครั้ง
“น้ำรินมองเห็นภาพตัวเองนั่งอยู่ในห้องพระในบ้าน กำลังวางชุดกรวดน้ำตรงหน้า ก่อนจะยกมือประณมขึ้นอธิษฐาน

“ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมกับผู้ที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินโดยตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี หากมีโอกาส ขอให้ข้าพเจ้าได้ชำระล้างความผิดเหล่านั้น ที่ข้าพเจ้าก่อไว้ด้วยเถิด”
 
อ่านต่อตอนที่ 4
กำลังโหลดความคิดเห็น