xs
xsm
sm
md
lg

พราว ตอนที่ 11

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พราว ตอนที่ 11

หลังงานเลี้ยงเลิก ติณห์จูงมือมีน ที่เขาเข้าใจว่าเป็นพราวเดินหนีนักข่าวมาตามทางในโรงแรมอย่างรวดเร็ว โดยมีมาโนชเดินคอยกันท้ายให้
 
“เรารีบหลบนักข่าวไปก่อนเถอะครับ อยู่ไหนแล้วค่อยโทร. บอกคุณแฟรงค์”
พูดพลางแอบยิ้มร้าย อย่างมีแผน
สุดเขตต์มองเห็นทั้งคู่ลงบันไดในมุมลับตาคน ก็รีบวิ่งตามไป ด้วยความเป็นห่วงมีน ส้มจี๊ดที่อยู่กับกองทัพนักข่าว เห็นสุดเขตต์วิ่งไปอีกทาง ก็ รีบบอกกลุ่มนักข่าว
“ไม่ใช่ทางนั้น ไฮโซติณห์พาพราวหลบไปทางนี้”
นักข่าวรีบเฮโลวิ่งตามไป

ติณห์จูงมีนออกจากโรงแรมตรงไปขึ้นรถที่จอดอยู่ที่ลานจอด สุดเขตต์วิ่งตามมา พลางตะโกนลั่น“มีน อย่าไปกับเค้า”
ส้มจี๊ดกับกองทัพนักข่าวตามออกมาติดๆ ขณะเดียวกันมาโนชก็รีบสตาร์ทเครื่อง พร้อมกับที่ติณห์รีบเปิดประตูรถให้มีน
“ขึ้นรถครับ ผมพาไปส่งบ้าน เร็วซิครับ นักข่าวตามมาแล้ว”
ติณห์รีบดันเธอขึ้นนั่งเบาะหลังแล้วรีบก้าวขึ้นตาม มาโนชขับรถพุ่งออกไปทันที
สุดเขตต์ที่วิ่งตามมาได้แต่หยุดยืนตะโกนมองรถแล่นไป เขามองตามด้วยความเป็นห่วง เพราะรู้สึกไม่ไว้ใจติณห์เลย

สุดเขตต์รีบวิ่งลงบันไดตึกจอดรถ มาที่มอเตอร์ไซค์ของตัวเองที่จอดอยู่ พลางหยิบหมวกกันน็อกมาสวมศีรษะ พร้อมล้วงกุญแจจากกระเป๋าจะสตาร์ทรถ แต่ส้มจี๊ดที่วิ่งตามมาทัน แย่งกุญแจไปจากมือเสียก่อน
“ไอ้ส้ม เอากุญแจฉันคืนมา ฉันจะรีบไป”
“แกจะตามนังพราวไปใช่มั้ย ? ฉันไม่ให้แกไป”
สุดเขตต์ลงจากรถมายื้อแย่งกันพัลวัน
“ฉันไม่ให้ นังพราวมันคบกับไฮโซติณห์อยู่ แกจะตามเค้าไปทำไม”
“แกอย่ายุ่งเรื่องฉัน เอากุญแจมาไอ้ส้ม เอามา”
สุดเขตต์จับมือส้มจี๊ดได้ พร้อมกระชากกุญแจจากมือ ก่อนจะผลักส้มจี๊ดกระเด็นไปโดยไม่ตั้งใจ แล้วรีบขึ้นมอเตอร์ไซค์ สตาร์ทเครื่อง แต่ส้มจี๊ดวิ่งเข้ามาดึงไว้อีก
“แกจะวิ่งแจ้นตามนังนั่นไปทำไม มีศักดิ์ศรีบ้างซิ รักมันมากหรือไง”
“เออ ฉันรักเค้า รักมาก ได้ยินชัดหรือยัง ?”
สุดเขตต์พูดพลางปัดแขนส้มจี๊ดออกจากแขนตัวเอง แล้วบิดมอเตอร์ไซค์ออกไปอย่างรวดเร็ว
ส้มจี๊ดร้องไห้อย่างเจ็บใจ
สุดเขตต์ขี่มอเตอร์ไซค์ตามหลังรถติณห์ที่แล่นอยู่ห่าง ๆ ขณะที่จันทร์จรีออกจากงานมาไม่เจอติณห์ ก็หันไปตวาดใส่คนดูแลให้รีบโทร. ตามทันที

ติณห์นั่งจับมือมีน ที่เข้าใจว่าเป็นพราวมาในรถ พลางเสแสร้งส่งยิ้มหวาน และทอดสายตาอบอุ่นให้ มีนฝืนยิ้มรับ เพื่อให้สมบทบาทของพราว
ครู่หนึ่งเสียงมือถือของติณห์ก็ดังขึ้น เขาจึงจำต้องปล่อยมือพราวมาล้วงมือถือจากเป๋าเสื้อสูทมารับสาย มีนแอบโล่งอก หลังจากต้องทนอึดอัดให้เขาจับมือมาพักใหญ่
“ฮัลโหล ผมออกมาแล้ว กับคุณพราว คุณ 2 คนจัดการดูแล ขับรถไปส่งคุณจรีให้เรียบร้อยนะ โอเค.”
พอติณห์วางสาย มีนก็รีบหันมาบอกทันที
“โทร. บอกพี่แฟรงค์ด้วยซิคะ ว่าคุณกำลังไปส่งฉันที่บ้าน”
ติณห์ชะงักไป รีบเก็บมือถือ แล้วยื่นมือมาจับไหล่ขาวเปลือยๆ ของมีน
“อย่ารีบกลับเลยครับ อยู่กับผมก่อน เราต่างคนต่างก็ยุ่ง แทบไม่มีเวลาให้กันเลย คืนนี้ให้เวลาผมหน่อยนะครับ”
พูดพลางใช้นิ้วไล้ไปที่แก้มของอีกฝ่ายเบาๆ มีนฝืนยิ้มรับบทบาทของพราว
สุดเขตต์ขี่มอเตอร์ไซค์ตามมา เห็นติณห์ไม่ยอมเลี้ยวตามทางกลับคอนโดพราวก็นึกกังวล ส่วนจันทร์จรีก็ยิ่งหงุดหงิดใจ เมื่อรู้ว่าติณห์พาพราวออกไปสองต่อสอง ขณะที่แฟรงค์กับเอมี่อดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะคนที่ออกไปกับติณห์คือมีนไม่ใช่พราว
“เกิดคุณติณห์ไปทำโรม้านซ์ แบบว่าจูบนิดกอดหน่อยขึ้นมา มีหวังโดนมีนมันสวนนะเจ๊”
เอมี่บอกกับแฟรงค์หน้าเครียด
“ไม่หรอก มีนมันรู้น่า เจ๊สอนมันไว้แล้วว่านี่คือการแสดง”
“แต่ฉันห่วงมันอ่ะ เจ๊ลองโทรไปหาคุณติณห์ดิ”
แฟรงค์หันมาเอ็ด
“โทร. ทำไมให้เค้าสงสัย ป่านนี้คุณติณห์คงกำลังขับรถพาไปส่งบ้านแล้วล่ะเรารีบกลับกันเหอะ”
“ขอให้พาไปส่งบ้านจริงๆเหอะ กลัวจะพาไปที่อื่นอ่ะดิ ”

เอมี่แอบกังวล

รถติณห์เล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน มาโนชรีบลงจากรถมาเปิดประตูให้ ติณห์ลงจากรถแล้วยื่นมือไปให้มีนที่ยังนั่งหวั่นใจอยู่บนรถ แต่ก็พยายามปั้นหน้ายิ้มยื่นมือไปจับมือติณห์ก้าวลงจากรถ
 
“ดึกแล้วนะคะ หวังว่าพราวคงไม่มารบกวนเวลาพักผ่อนของคุณติณห์”
“คืนนี้ผมยินดีให้คุณพราวรบกวนทั้งคืนเลยครับ”
พูดพลางก้มลงจูบมือมีน แล้วส่งสายตาหวานให้ มีนในบทบาทของพราวทำยิ้มหลบตาเขินๆ แต่แอบกังวลใจ
สุดเขตต์ขี่รถมอเตอร์ไซค์ตามมาจอดดูนอกประตูรั้ว เห็นติณห์จูบมือมีน และจูงมือพาเธอเข้าบ้านไป ก็หน้าเครียด ทั้งหึง ทั้งเป็นห่วง

ฟากพราวตัวจริง เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ก็หยิบชุดกระโปรงยาวคล้องคอผ้าบาติกที่เพิ่งซื้อมามาใส่ แล้วนั่งเช็ดผมในห้อง ขณะที่ด้านนอก ฝนยังคงตกกระหน่ำ มีเสียงฟ้าร้องฟ้าลั่นเป็นระยะ
พราวทิ้งตัวลงนอนบนเตียง หลับตา แล้วภาพที่ถูกไอ้เจ๋งไล่ล่าที่ไซซ์ก่อสร้างและภาพชายคาดมาส์กปิดปากจะเข้ามาทำร้ายในล็อกเกอร์รูมก็แว่บเข้ามาทันทีพร้อมเสียงฟ้าร้องจากภายนอก เธอลืมตาโพลงขึ้นทันที รีบลุกขึ้นเดินไปเปิดกระเป๋าจะหยิบยาคลายเครียดที่นำติดมาด้วย พลางเหลือบเห็นมือถือที่หน้าจอปิดอยู่ในกระเป๋า กำลังจะตัดสินใจเปิดเครื่องว่ามีใครติดต่อมาหาบ้างหรือไม่ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ
“ขอหยุดรับรู้โลกภายนอกสักวันนะพี่แฟรงค์ มีนคงช่วยพี่แก้ปัญหาได้”
พูดพลางก็หยิบขวดยาขึ้นมา ทันใดนั้นเสียงฟ้าผ่าก็ดังเปรี้ยง พร้อมๆ กับที่ไฟในบ้านก็ดับลงทันที พราวตกใจร้องกรี๊ดสุดเสียง ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างเซ็งๆ จากนั้นก็หันไปเห็นประตูกระจกระเบียงที่ถูกลมพัด จนกระจกที่ไม่ได้ล็อกไว้เลื่อนออกจากกัน ฝนสาดผ้าม่านเข้ามา เธอตกใจรีบวิ่งไปปิดประตูกระจก แล้วก็เหลือบไปเห็นผู้ชายใส่แจ๊คเก็ตผ้าร่มมีหมวกฮู้ตคลุมกันฝนกำลังเดินป้วนเปี้ยนอยู่ที่ชายหาดหน้าบ้าน เธอรีบดึงผ้าม่านปิด อย่างนึกระแวงว่าอาจจะเป็นคนมาปองร้าย
ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจรีบวิ่งลงมากอดแขนสมชาย ที่กำลังเปิดลิ้นชักค้นหาเทียนกับไฟเช็ค
“ เฮ้ย อะไรคุณ มาเกาะมือถือแขนผม ไฟยิ่งดับๆอยู่
“ฉันไม่ได้พิศวาสคุณหรอกน่า แต่มีคนอยู่หน้าบ้าน”
สมชายรีบไปคว้าปืนที่เขาถอดวางไว้ใกล้กับกองเสื้อผ้าเปียกของตัวเอง แล้วปราดไปที่ประตูระเบียง มองฝ่าสายฝนออกไปที่ชายหาด แต่กลับไม่เห็นใครเลย
พราวเข้ามายืนข้างๆ สมชาย ชี้ออกไปตรงบริเวณที่เธอเห็นผู้ชายคนนั้น
“อ้าว หายไปไหนแล้วอ่ะ ฉันเห็นจริงๆนะ เค้าใส่เสื้อกันฝนมีฮู้ตด้วย อาจมีใครส่งคนตามมาจัดการฉันอีกก็ได้”
พูดพลางเกาะแขนสมชายแน่นอย่างหวาดระแวง
“มีใครรู้ว่าเรามาที่นี่ จะตามมาถูกได้ไง คุณคิดมากไปเองรึเปล่า อาจจะเป็นคนแถวนี้หรือพวกคนหาปลาก็ได้”
พราวถอนหายใจเฮือก
“ขอให้เป็นอย่างงั้นเหอะ จะมีสักคืนไหมที่ฉันนอนตาหลับ โดยไม่พึ่งยา”
พราวพูดพลางเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำไปขวดหนึ่ง ขณะที่สมชายยืนมองตามขึ้นไป เมื่อนึกขึ้นได้ว่าพราวหมายถึงยาคลายเครียด เขาก็รีบวิ่งปราดขึ้นไปห้ามไว้
“อย่านะคุณ อย่ากินยานั่นนะ ยาโรคประสาทพวกนั้นกินมากๆ มันไม่ดี รู้ป่ะ”
พูดพลางวางปืนไว้ที่โต๊ะข้างๆ พราวหันมามอง พลางก้าวถอยหลังช้าๆ
“จะบ้าเหรอ ฉันไม่ได้เป็นโรคประสาทนะ ฉันนอนไม่หลับ ฉันก็ต้องกินยาคลายเครียดช่วยให้มันหลับๆ ไป”

“หลับหรือตาย ไม่เคยเห็นข่าวเหรอ ดาราตายเพราะยาพวกนี้มาเยอะแล้ว สักวันคุณก็อาจจะเป็นรายต่อไป เอายามาให้ผม”

พราวเดินถอยหลัง ถือขวดยาแอบไว้ข้างหลัง
 
“ฉันกินแค่เม็ดเดียว ฉันไม่ตายหรอกน่า”
“แต่ถ้าคุณอยู่กับผม ผมไม่ให้คุณกิน เอายามา ได้ยินไหม ดื้อเหรอ”
สมชายปราดเข้าแย่งขวดยาไปจนได้ พร้อมกับกอดพราวไว้จากด้านหลัง
“ผมรู้คุณกลัว คุณนอนฝันร้าย ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณแล้วไง คุณจะกลัวอะไรอีก ผมจะดูแลคุณเอง ให้คุณได้หลับสบาย”
พราวนิ่งอยู่ในอ้อนแขนสมชาย

ไอ้เจ๋งเดินสำรวจไปรอบๆ บ้านที่ไฟดับมืดท่ามกลางฝนที่โปรยปราย อีกนิดเดียวมันก็จะเห็นรถของสมชายที่จอดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ แต่มีรปภ. เดินส่องไฟฉายมาเสียก่อน
“เฮ้ย นั่นใคร”
ไอ้เจ๋งตกใจ รีบถอยออกไปทันที

พราวกับสมชายนอนอยู่บนเตียงข้างกัน ต่างคนต่างลืมตาโพลง เพราะนอนไม่หลับ เพราะในใจคอยแต่
ระแวดระวังภัย ครู่หนึ่งไฟก็สว่างขึ้นมา
จู่ๆ พราวก็พูดขึ้นมา
“ขอ อะไรอย่างได้มั้ย ?”
สมชายพลิกตัวกลับมามองเธออย่างสงสัย “อะไร ?”
“ขอใช้หลุมหลบภัยของพราวหน่อยได้มั้ย ฉันจะได้หลับอย่างสบาย”
สมชายที่พยายามข่มใจอยู่ตลอดเวลา แกล้งพูดแบบติดตลกกลับไป
“เอ่อ เอาซิ ถ้าคุณไม่กลัวผมจะปล้ำเอา”
“ฉันไม่กลัวหรอก ฉันไม่เคยกลัวคุณเลย เพราะฉันรู้ว่าอยู่กับคุณแล้ว ฉันจะปลอดภัย”
พราวพูดพลางขยับตะกายขึ้นมาซบอยู่บนอกของสมชาย ทำเอาฝ่ายถูกซบตะลึงตาค้าง พลางขบกรามแน่น พยายามระงับอารมณ์รักในใจของตัวเองอย่างเต็มที่
“ขอบคุณนายสมชาย วันนี้คุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในโลกของฉัน”
“หลับๆ เถอะ ผมก็ง่วงแล้ว”
พราวยิ้ม แล้วก็หลับไป แต่สมชายกลับนอนไม่หลับ เขามองหน้าพราว แล้วกอดเธอไว้แน่น
“ฉันชอบอ้อมกอดของคุณนะบอดี้การ์ดสมชาย เพราะมันไม่อบอุ่นเหมือนใคร อ้อมกอดของคุณปลอดภัย เหมือนเป็นหลุมหลบภัยสำหรับพราว ฉันสามารถอยู่ตรงนี้กับคุณได้นานๆ โดยไม่รู้จักเบื่อ และถ้าทำได้ฉันอยากจะอยู่ตลอดไป ตลอดไป ตลอดไป”
เสียงของพราวที่พร่ำบอกเขาเมื่อครั้งที่อัมพวา ทำให้ทิฐิในใจเริ่มสลาย ความปรารถนาในรักเข้ามาแทนที่ เขาค่อยๆ บรรจงจูบไปที่หน้าผากของเธออย่างแผ่วเบา

ติณห์เปิดกล่องใส่แหวนหมั้นของตรีบนโต๊ะอาหารที่จัดไว้อย่างโรแมนติก มีนในบทบาทของพราวปรายตามองอย่างนึกกังวลใจ ถ้าติณห์จะมาขอแต่งงานในตอนนี้ เธอจะตอบเขาว่าอย่างไร เพราะเธอไม่ใช่พราว !!
ขณะที่ติณห์ปรายตาเห็นสีหน้าตะลึงของมีน ก็เข้าใจว่าพราวอาจจะตกใจเพราะจำแหวนวงที่ตรีเคยขอแต่งงานได้
“ตกใจอะไรครับพราว หรือว่าคุณเคยเห็นแหวนวงนี้ ?”
มีนรีบปฏิเสธ “เปล่าค่ะ พราวจะไปเคยเห็นได้ยังไงคะ พราวตกใจน่ะค่ะ ที่อยู่ๆ คุณก็หยิบแหวนขึ้นมาแบบนี้”
ติณห์แอบไม่พอใจอยู่เงียบๆ แต่จำต้องระงับความโกรธเอาไว้ก่อนที่แผนจะเสีย
“คุณคิดว่าผมหยิบแหวนขึ้นมาทำไมล่ะครับ”
มีนทำเป็นจะยกมือขึ้นมาปิดปากเขิน แล้วแกล้งปัดแก้วไวน์หกลงบนโต๊ะ และเปื้อนกระโปรงของเธอ ติณห์พลอยตกใจไปด้วย
“เลอะไหมครับ ?”
“นิดหน่อยค่ะ ต้องรีบไปล้างออก เดี๋ยวชักไม่ออก ขอไปห้องน้ำเดี๋ยวนะคะ”
ติณห์จะห้ามไว้เพราะอยากดำเนินแผนให้จบๆ แต่มีนรีบเดินไปก่อน เขาทรุดนั่งลง พลางตบโต๊ะอย่างหัวเสีย

มีนเดินหลุดมาได้ก็มายืนแนบผนัง พลางคิดอย่างกังวลใจ เพราะไม่รู้ว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธดี ขณะที่เธอกำลังยืนครุ่นคิดร้อนใจอยู่ ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นมาโนชเดินตรงมา เธอรีบผลุบเดินเข้าห้องน้ำไปทันที
“คุณพราวครับ มีอะไรให้ช่วยไหมครับ หรือว่าต้องการอะไร คุณติณห์สั่งให้ผมมาคอยดูแลครับ”
แววตาของมาโนชดูอาฆาตพราวไม่ผิดกับติณห์

“ไม่มีค่ะ เดี๋ยวจะออกไปแล้ว”

พอมีนเดินกลับมาที่โต๊ะอาหาร โดยมีมาโนชเดินตามหลังมา ติณห์ก็เปลี่ยนสีหน้าจากเหี้ยมเกรียม เป็นยิ้มแย้มทันที พร้อมกับคว้ากล่องแหวน พลางลุกเดินเข้าไปหาช้าๆ มาโนชรีบก้าวถอยหลังออกไป
 
“พราวครับ”
ติณห์พูดพลางจับมือมีน ในบทของพราว ขณะที่อีกฝ่ายเหมือนติดกับ หนีไปไหนไม่ได้อีกแล้ว
“ผมอยากจะ....”
มีนพยายามยื้อเวลาด้วยการยื่นมือปิดปากติณห์ไว้
“อย่าเพิ่งรีบซิคะ บรรยากาศแบบนี้ เต้นรำกันก่อนไหมคะ”
“มันยังไม่โรแมนติกพอใช่ไหมครับ ได้ซิครับ สำหรับคุณ ผมให้ได้ทุกอย่าง”
พูดพลางหันไปเปิดเพลงบรรเลงนุ่มๆ แต่แอบซ่อนแววตาร้ายไว้
“เต้นรำกับผมสักเพลงนะครับ”
ติณห์จับมือโอบเอวมีนกอดประคองพาเต้นช้าๆ ไปตามจังหวะเพลง มีนซบไหล่ติณห์ แล้วแอบทำหน้าอึดอัด พลางคิดหาทางหนีทีไล่ในใจ
“ผมรอวันนี้มานานแค่ไหนแล้วรู้ไหมครับ วันที่ผมจะได้ซูเปอร์สตาร์พราวมาอยู่ในมือของผมแบบนี้”
มีนขมวดคิ้วอย่างพลางเงยหน้าขึ้นมองอย่างแปลกใจในคำพูด ติณห์รีบเปลี่ยนสีหน้าจากเคียดแค้นเป็นอบอุ่นทันที
“คุณรักพราวเพราะพราวเป็นซูเปอร์สตาร์ที่ทุกคนหมายปอง หรือว่ารักพราวที่หัวใจคะคุณติณห์”
“ผมจะให้คุณได้รับคำตอบ จากปากของผมเอง”
ติณห์ยื่นหน้าจูบ มีนยืนตะลึง แต่เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังเสียก่อน
“หยุดยั่วยวนคุณติณห์เดี๋ยวนี้นะ”
ติณห์ชะงัก เงยหน้ามองไป เห็นจันทร์จรีเดินเข้าบ้านมา ท่าทางเอาเรื่อง มีนนึกโล่งใจ ที่จันทร์จรีเข้ามาได้จังหวะ แต่ก็ไม่ลืมที่จะต้องสวมบทเป็นพราวให้แนบเนียน ด้วยการเดินปรี่เข้าไป แล้วแกล้งพูดยั่วโทสะ
“แล้วเธอตามมาทำไมบ้านคุณผู้ชายดึกๆ ดื่นๆ ฉันว่านะ เธอต่างหากที่ตั้งใจมายั่วคุณติณห์ เบื้องหน้าเป็นพรีเซ็นเตอร์ เบื้องหลังชอบเป็นอีหนู”
จันทร์จรีปรี่เข้ามาตบมีนอย่างแรง อีกฝ่ายยืนนิ่งให้ตบ เพื่ออยากให้มีเรื่องวุ่นวาย ก่อนที่จะตบกลับไปบ้าง ทั้งคู่ตบตีกันอุตลุต
มาโนชจะเข้าไปห้าม แต่ติณห์ยกมือขึ้นปรามไว้ พลางยืนมองอย่างสะใจที่เห็นพราวตกอยู่ในสภาพนี้
ขณะที่มีนเหลือบมามองติณห์ เห็นเขายืนเฉยไม่คิดจะเข้ามาห้าม ก็เลยออกแรงเหวี่ยงจันทร์จรีจนล้มคะมำไปชนโต๊ะ ข้าวของตกแตกระเนระนาด จากนั้นก็ฉวยโอกาสคว้ากระเป๋าถือ วิ่งออกจากบ้านไปทันที
ติณห์จะวิ่งตามออกไป แต่กลับถูกจันทร์จรีคว้าขาเอาไว้
“คุณติณห์ขา ช่วยจรีด้วย จรีเจ็บ สะโพกหักรึเปล่าก็ไม่รู้”
ติณห์เลยหันไปสั่งมาโนช “ตามไปดูซิ”
มาโนชรีบคำแล้วรีบวิ่งตามมีนออกไป ขณะที่ติณห์แสร้งทำเป็นห่วงจันทร์จรี แต่แอบยิ้มร้ายอยู่ในหน้า

มีนวิ่งออกนอกประตูรั้วมา เห็นสุดเขตต์ที่ยืนร้อนใจอยู่ข้างมอเตอร์ไซค์ ก็รีบวิ่งไปหาด้วยอารามดีใจ
“เกิดอะไรในบ้าน นายติณห์ทำอะไรคุณ”
“รีบพาฉันไปจากที่นี่ก่อนเถอะค่ะ แล้วฉันจะเล่าให้ฟัง”
มีนเห็นมาโนชวิ่งตามมาก็รีบขึ้นซ้อนท้าย สุดเขตต์รีบเร่งเครื่องออกไป
มาโนชวิ่งตามมา เห็นไฟท้ายรถแล่นออกไปไกล ก็หลงเข้าใจผิดว่าเป็นสมชาย
“หึ ไอ้สมชาย มึงตามมาถึงนี่เลยนะมึง”
พลางรีบเดินกลับไปจะรายงานติณห์ แต่กลับเห็นเขากำลังยื่นหน้าจูบจันทร์จรี จึงรีบเดินถอยออกไปทันที

ติณห์พาจันทร์จรีเข้าห้องปิดประตู แล้วกอดจูบเธอไปที่เตียง ก่อนจะโถมตัวลงนอนทาบทับ

ตรีที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง เหมือนรับรู้ว่าติณห์กำลังมีอะไรกับจันทร์จรี ผู้หญิงที่ฆ่าเขาให้ตายทั้งเป็น ร่างที่นอนแน่นิ่งก็เริ่มมีปฏิกิริยาขึ้นมา

พราว ตอนที่ 11 (ต่อ)

ภาพในอดีตตอนที่จันทร์จรีทำงานเป็นพริตตี้ ตรีที่เดินเข้ามาในบู๊ท พึงใจกับรูปร่างหน้าตาและรอยยิ้มพราวเสน่ห์ของเธอ เขารีบส่งยิ้มให้ทันที
 
“ผมไม่ใช่แค่มองหารถ แต่กำลังมองหาคนรู้ใจที่จะนั่งรถไปกับผมด้วย”
จันทร์จรีหัวเราะอย่างมีจริต
“รับรองค่ะ ว่าวันนี้คุณจะได้ทั้งรถ และคนที่รู้ใจไปด้วย”

ตรีขับรถหรูป้ายแดงแล่นเข้ามาจอดที่หน้าคอนโด พลางกดแตรเรียกเบาๆ จันทร์จรีในชุดกระโปรงสั้น แต่งหน้าอ่อนๆ รีบเดินยิ้มมาขึ้นรถ พลางยื่นหน้าไปจูบแก้มตรี พร้อมกับใช้ 2 มือโอบไปรอบคอ และเอนศีรษะซบไปที่ไหล่ของเขาแบบออดอ้อน
ครู่หนึ่งตรีก็ขับรถออกไป

จันทร์จรีเดินโอบเอวตรีคลอเคลียเข้ามาในห้องอาหารอย่างไม่แคร์สายตาใคร เขาพาเธอเดินเข้ามาที่โต๊ะๆ หนึ่ง ซึ่งพราวกับแฟรงค์กำลังนั่งดื่มกาแฟรออยู่
“สวัสดีครับพราว พี่แฟรงค์”
“อ้าวตรี นั่งซิ”
พราวทักตรีอย่างสนิทสนม จันทร์จรีมองที่พราว กับแฟรงค์ แล้วยกมือไหว้อย่างนอบน้อม“สวัสดีค่ะ พี่พราว พี่แฟรงค์”
แฟรงค์ยิ้มอย่างมีไมตรี
“ไหว้พระเถอะหนู แฟนคนนี้น่ะเหรอ ที่จะพามาให้พี่ดูตัว
“โธ่ จะแฟนคนไหนอีกล่ะครับพี่แฟรงค์ ผมก็มีอยู่คนเดียวนี่แหละครับ”
พูดพลางหันไปมองโอบไหล่ มองจันทร์จรีอย่างหลงใหล
“หน่วยก้านดีนี่นะพราว สวยเฉี่ยว หุ่นก็ดี”
พราวพยักหน้า แต่ไม่ออกความเห็น ก้มหน้าอ่านนิตยสารในมือต่อ ด้วยนิสัยเป็นคนไม่ยุ่งเรื่องใครอยู่แล้ว แต่กลับทำให้จันทร์จรีรู้สึกไม่พอใจ เพราะเข้าใจว่าพราวกำลังดูแคลนตน จึงรู้สึกไม่ถูกชะตาพราวมาตั้งแต่นั้น
“จรีเค้าอยากเข้าวงการน่ะครับ เค้าชอบการแสดง พี่แฟรงค์ช่วยสนับสนุนหน่อยซิครับ”
“โอเค. พี่จะลองพาไปเทสต์งาน แต่ต้องเซ็นสัญญากันก่อนนt”
ตรียิ้มดีใจ “ได้เลยครับพี่ ขอบคุณมากครับ จรี รีบฝากเนื้อฝากตัวกับพี่แฟรงค์กับพราวซิ”
“ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะพี่แฟรงค์ พี่พราว”
จันทร์จรีมองจ้องไปที่พราว แต่เธอกลับเพียงแค่ยิ้มนิดๆ ที่มุมปากเท่านั้น

จันทร์จรีกับตรีนั่งอยู่ท่ามกลางแสงเทียนโรแมนติก สีหน้าของเธอดูปลี่ยนไปจากคนเดิมหลังจากได้เข้าวงการแล้ว จันทร์จรีในวันนี้ แต่งหน้า แต่งตัวจัดขึ้น แววตาดูยโสมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ขณะที่ท่าทางของตรีดูตื่นเต้น
“ผมมีอะไรจะบอกจรีครับ”
พูดพลางลุกขึ้นยืน ก่อนที่จะล้วงกล่องแหวนออกมาเปิด โชว์แหวนเพชรหลายกะรัต พร้อมกับก้าวเข้ามาคุกเข่าต่อหน้าจันทร์จรี
“ผมรักคุณมาก แทบจะรอใช้ชีวิตคู่กับคุณไม่ไหว ผมอยากจะตื่นและหลับโดยที่มีคุณอยู่ข้างๆ ผมทุกวัน จรีครับ แต่งงานกับผมนะครับ”
ตรียื่นแหวนไป รอด้วยรอยยิ้ม และความมั่นใจที่เต็มเปี่ยมว่าเธอจะต้องตอบตกลง แต่จันทร์จรีกลับใช้มือตบฝากล่องแหวนปิดลงเบาๆ
“จรีแต่งงานกับคุณไม่ได้หรอกค่ะ”
ตรีทำหน้างง “ทำไมล่ะครับจรี ทำไมคุณถึงแต่งกับผมไม่ได้ ในเมื่อผมมีพร้อมทุกอย่าง ที่จะดูแลคุณให้มีความสุข”
“แต่จรีกำลังดัง งานในวงการวิ่งเข้ามาหาจรีเต็มไปหมด จรีไม่อยากมีความรัก เป็นตัวถ่วงอนาคตของตัวเอง”
“ผมเป็นตัวถ่วงคุณเหรอ คุณพูดอย่างงี้ได้ไงจรี ผมรักคุณนะ”
จันทร์จรีตอบปฏิเสธกลับมานิ่งๆ “แต่จรีไม่เคยรักคุณเลย ที่ผ่านมา ขอให้รู้ไว้ด้วยนะตรี ว่าคุณคิดไปคนเดียวทั้งนั้น ว่าจรีรักคุณ”
ตรีตกใจ คาดไม่ถึง
“แปลว่า คุณโกหกผมเหรอ คุณหลอกใช้ผมเพื่อให้พาเข้าวงการงั้นเหรอ”
พูดพลางจับไหล่จันทร์จรีเขย่าถามอย่างขาดสติ เธอลุกขึ้นปัดมือเขาออก
“ใช่ และนี่แหละเรื่องที่ฉันอยากจะบอกคุณในวันนี้ เราเลิกกันนะ ปล่อยให้ฉันไปได้ดีเถอะ อย่ามายุ่งกับฉันอีก ลาก่อน”

ขาดคำจันทร์จรีก็เดินจากไป ทิ้งให้ตรีนั่งหมดแรงคุกเข่าเสียใจอยู่กับพื้น มือที่กำกล่องแหวนไว้บีบแน่น

ร่างที่นอนเป็นเจ้าชายนิทรา สั่นเทาไปทั้งร่างจนเตียงไหว ก่อนจะค่อยๆสงบนิ่งลง พร้อมหยดน้ำตาที่ไหลหยดจากหางตาเปียกหมอน

จันทร์จรีนอนกอดติณห์อยู่บนเตียง ด้วยสีหน้าอิ่มเอมมีความสุข แต่สีหน้าของอีกฝ่ายกลับดูนิ่งเฉย เพราะเขาไม่ได้รักเธอ แต่แค่ต้องการใช้เธอเป็นเครื่องมือ และการที่จะมีความสัมพันธ์กับเธอ ก็เพื่อเพิ่มดีกรีความหึงหวงให้จันทร์จรีพร้อมที่จะร้ายใส่พราวได้รุนแรงกว่าเดิมหลายเท่า
ติณห์ไม่วายหันมากำชับกับจันทร์จรี
“ถ้าคุณทำตัวดี เชื่อฟังผม เราก็จะอยู่ด้วยกันอย่างงี้ได้ แล้วเก็บเรื่องของเราไว้เป็นความลับด้วย”
จันทร์จรีอึ้งไป แต่ก็จำต้องยอมรับปากไปก่อน
“แหม ค่ะ รู้แล้ว จรีจะไม่ปากมากไปเล่าให้ใครฟังเด็ดขาด ทั้งๆที่อยากจะประกาศตัวเป็นเจ้าของคุณใจจะขาด”
พูดพลางโอบออกเซาะติณห์ไว้แน่น
“ไม่มีใครเป็นเจ้าของใคร ผมก็ไม่ได้เป็นเจ้าของคุณ”
ติณห์ลุกขึ้นจากเตียง เดินไปเข้าห้องน้ำ ทิ้งให้จันทร์จรีนอนยิ้มฝันหวาน
“ฉันไม่รีบร้อนหรอก ตอนนี้ฉันได้ตัวคุณมาแล้ว สักวัน ฉันจะเอาหัวใจของคุณมาครองด้วย ฉันจะเป็นมาดามจรีไฮโซแห่งคฤหาสน์หลังนี้ให้ได้ คอยดู”

สุดเขตต์พามีนมาจอดรถคุยกันที่ริมบึง
“โชคดีที่จรีเข้ามาขวางไว้ทัน ไม่อย่างงั้นมีนต้องแย่แน่ๆ เลยค่ะ ถ้าต้องตัดสินใจเรื่องแต่งงานแทนคุณพราว”
สุดเขตต์ไม่วายข้องใจ
“แต่คุณจรีเค้ามีสิทธิ์อะไรมาห้าม ถ้าคุณติณห์จะขอคุณพราวแต่งงานจริงๆ”
“นั่นน่ะซิคะ จรีเข้ามาตบตีมีน หึงหวงคุณติณห์มาก ทำตัวไม่เหมือนลูกน้องกับเจ้านายเลย”
“ต้องมีอะไรในกอไผ่แน่ๆ มีนต้องเตือนคุณพราวนะครับ อย่างที่บอก คุณติณห์เค้าแปลกๆ ผมไม่ไว้ใจเค้า ตอนที่เค้าพาคุณออกมาจากโรงแรม ผมเป็นห่วงแทบบ้าแน่ะ นายติณห์ไม่ได้เอ่อ ทำอะไรคุณใช่ไหม ?”
“เปล่าค่ะ ก็แค่จับมือ กับเอ่อ กอดนิดนึง”
สุดเขตต์ชักสีหน้า ไม่พอใจ “จับมือด้วย กอดด้วยเหรอ ?”
“คุณเป็นอะไร ?”
“ผมก็หึงคุณน่ะซิ”
“โธ่ ก็คิดเสียว่าฉันกำลังแสดง มีนไม่ได้รู้สึกอะไรกับเค้าซะหน่อย”
สุดเขตต์ยิ้มดีใจ รีบดึงมีนเข้ามากอด “แล้วกับผมล่ะครับ คุณรู้สึกอะไรกับผมไหม”
มีนยิ้มอายๆ อยู่ในอ้อมแขนของเขา
“รู้สึกขอบคุณค่ะ ที่คุณเป็นห่วงมีน ตามไปถึงบ้านคุณติณห์”
“ต่อจากนี้ไป ผมจะตามดูแลคุณ จนกว่าคุณจะพ้นหน้าที่สแตนด์อินของคุณพราว กลับมาเป็นมีนคนธรรมดาๆ ผมจะได้เจอคุณแบบไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ กันอีก”
มีนยิ้มมีความสุข พลันสียงมือถือก็ดังขึ้น ทั้งสองรีบผละออกจากกัน มีนล้วงมือถือเครื่องเก่าออกมาจากกระเป๋ามากดรับสาย
“ฮัลโหล ค่ะพี่แฟรงค์ อ๋อ มีนกลับบ้านแล้วค่ะ ไม่มีอะไรค่ะ ไม่ต้องห่วง มีนเอาตัวรอดได้ แล้วคุณพราวล่ะคะ กลับมาหรือยัง ยังอีกเหรอคะ ?”
มีนหันไปมองหน้าสุดเขตต์ รู้สึกกังวล เป็นห่วงพราว
ทางด้านแฟรงค์กับเอมี่ก็ร้อนใจ เพราะยังติดต่อพราวไม่ได้ จะโทร. หาสมชายก็ไม่รู้เบอร์

พราวที่นอนหลับอยู่บนเตียง ค่อยๆ ขยับตัวลืมตาขึ้น พลางมองไปที่นอนข้างๆ แต่กลับไม่เจอสมชายนอนอยู่ พอหันไปมองนาฬิกาที่ผนัง ก็ต้องตกใจ
“10 โมงกว่าแล้วเหรอเนี่ยะ ทำไมหลับสนิทจัง ทั้งๆ ที่ไม่ได้กินยา”

พลางมองออกไปนอกระเบียง สงสัยว่าสมชายอยู่ที่ไหน ?

สมชายมานั่งอยู่ที่ชายหาด ตามองไปที่ทะเล ในใจครุ่นคิดหนัก การได้ใกล้ชิดพราวเมื่อคืนทำให้เขาอยากทำตามที่หัวใจเรียกร้อง แต่ตัวเองกลับยังคงมีทิฐิ
 
ครู่หนึ่งพราวที่เดินออกมาตามหา ก็เดินมาทรุดลงนั่งข้างๆ
“เมื่อคืนฉันนอนหลับสบายมากเลย ขอบคุณมากนะนายสมชายที่อยู่เป็นเพื่อนกัน”
พุดพลางหันมาส่งยิ้มหวานให้ แต่สมชายกลับยิ้มแห้งๆ กลับมา
“ทำไมยิ้มอย่างงั้นล่ะ หน้าซีดๆ ด้วย เมื่อคืนตากฝน มีไข้รึเปล่า? ไหนดูซิ”
พราวยื่นมือไปจับหน้าผากสมชาย แล้วใช้ 2มือ โอบจับไปที่แก้มของเขา สมชายมองจ้องหน้าพราวตลอด
“ตัวก็ไม่เห็นร้อน ชีพจรก็เต้นปรกติ ไหนลองแลบลิ้นซิ เร็วซิ”
สมชายเผลอแลบลิ้นออกมา พราวหัวเราะร่วน
“ฉันหลอกให้คุณแลบลิ้นได้ด้วย”
“อ๋อ นี่หลอกกันเหรอ”
สมชายชี้หน้าจะเอาเรื่อง พราวหัวเราะลุกขึ้นหนี กางมือไปที่ทะเล เขาลุกขึ้นยืนยิ้มมองตาม ดีใจที่เห็นเธอมีความสุข

สมชายวิ่งตามลงไปเล่นน้ำกับพราว ทั้งคู่หัวเราะต่อกระซิกกันอย่างใกล้ชิด มีความสุข เขาคว้าตัวเธอพาอุ้มจะโยนน้ำ พราวกรี๊ดกอดคอเขาไว้แน่น
วัยรุ่น 2 คนเดินเล่นกันมาตามชายหาด มองมาเห็นพราวก็จำได้ รีบยกมือถือมากดถ่ายรูปทันที

ขณะที่ส้มจี๊ดที่กำลังนั่งพิมพ์ข่าวในโน๊ตบุ๊คอยู่ พลันเสียงมือถือก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล ว่าไง รูปอะไร? มีคนเอาลงไอ้จีเหรอ รีบส่งมาให้พี่เดี๋ยวนี้เลย”
จากนั้นก็กดวางสาย พร้อมๆ กับมีเสียงส่งไลน์เข้ามา ส้มจี๊ดเปิดดูรูปที่ฝ่ายข่าวร่วมทีมส่งมาให้ดู เป็นรูปพราวกับสมชายหยอกล้อกันที่ทะเล ซึ่งก๊อปมาจากไอจีของวัยรุ่น 2 คนนั้น
“เมื่อคืนหวีดกับไฮโซติณห์ เช้ามาดอดไปเริงร่ากับบอดี้การ์ดหนุ่มถึงหัวหิน คิดแล้ว ว่านายสมชายนี่ ต้องไม่ใช่บอดี้การ์ดธรรมดาๆ ต้องมีซัมติงกันแน่ แล้วไหนยังจะมีไอ้สุดเขตต์อีกคน นังนี่ เที่ยวหลอกปั่นหัวผู้ชายเล่น มันคิดจะ
กินผู้ชายทั้งวงการหรือไง”
คิดพลางรีบส่งรูปไปเยาะเย้ยสุดเขตต์ทันที

ทางด้านสุดเขตต์ก็กำลังดูรูปของมีนที่ถ่ายกับเด็กๆ บ้านแสนรัก พลางยิ้มมีความสุข ครู่หนึ่งเสียงไลน์ที่มือถือก็ดังขึ้น เขารีบกดเปิดดู เห็นรูปสมชายกับพราวก็ตกใจ
“รูปหลุดอีกแล้วเหรอเนี่ยะ นักข่าวต้องยกโขยงไปแน่ๆ “
สุดเขตต์รีบเก็บของพลางกดมือถือไปหามีน
“ฮัลโหลมีน เกิดเรื่องแล้วครับ คุณพราวกับสารวัตรสมชายอยู่ด้วยกันที่หัวหิน คุณออกมารอผมที่ปากซอยนะ ผมจะไปรับ แล้วจะเล่าให้ฟัง”

ส้มจี๊ดเพ่งมองที่รูปพราวกับสมชายที่หัวหิน แล้วก็นึกขึ้นมาได้
“ผู้ชายพายเรือที่อัมพวา ? ใช่แล้ว ผู้ชายพายเรือวันนั้น คือนายบอดี้การ์ดสมชายนี่เอง ไม่ใช่ไฮโซติณห์
งั้นหมายความว่า ยัยพราวแอบมีอะไรๆกับนายบอดี้การ์ดนี่มานานแล้ว ฉาวโฉ่คาวโลกีย์ขนาดนี้ ยัยพราวไม่ดับคราวนี้ จะดับคราวไหน”
พูดพลางรีบเก็บโน๊ตบุ๊คข้าวของ แล้วเดินออกไปทันที

อีกด้านหนึ่งติณห์นั่งดูรูปพราวกับสมชายด้วยสีหน้าสงสัย
“เมื่อคืน พราวยังอยู่ที่กรุงเทพอยู่เลย เช้าวันนี้จะไปโผล่อยู่ที่หัวหินกับไอ้สมชายได้ยังไง”
มาโนชเริ่มปะติดปะต่อเรื่องทันที
“แม่นั่นคงไปกับไอ้บอดี้การ์ดตั้งแต่เมื่อคืนครับ ตอนที่ผมวิ่งตามออกไป ก็เห็นยัยพราวซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ไปแล้ว คงเป็นไอ้สมชายมารอรับอยู่”
ติณห์ยิ้มเยาะอย่างสะใจ
“ซูเปอร์สตาร์เบอร์ 1 ของเมืองไทย แอบมีอะไรกับบอดี้การ์ดหนุ่ม ในที่สุด มันก็เป็นข่าวงามหน้าจนได้ ไปเอารถออก ฉันจะไปหัวหิน”
มาโนชรับคำแล้วเดินออกไป ติณห์หยิบกล่องแหวนขึ้นมาเปิดดู
“เล่นกันอยู่ 2คน มันจะไปสนุกได้ยังไง ต้องมีตัวละครตัวที่ 3 อย่างฉันไปด้วย ตรี น้องจะไม่ทุกข์ทรมานคนเดียวหรอก นังพราวมันจะต้องทุกข์ทรมานไม่ต่างกัน”

ร่างของตรีที่นอนอยู่บนเตียงในห้อง กระตุกขึ้นมานิดๆ ราวกับว่าถ้าทำได้ คงอยากจะมาบอกพี่ชายว่าเขากำลังแก้แค้นผิดคน

พราวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แล้ว ลงจากชั้นบนมา เห็นอาหารวางอยู่เต็มโต๊ะ สมชายเดินถือจานช้อนออกจากครัวมา
 
“ของกินพวกนี้มาจากไหน ?”
“ก็ผมนี่ไง ผมออกไปซื้อมา ตอนที่คุณนายกำลังอาบน้ำ”
“ขอบคุณมากนะเพื่อน นายนี่เป็นคนมีน้ำใจจริงๆ”
พราวพูดพลางตบไหล่สมชายเบาๆ ก่อนจะหันไปหยิบเงาะขึ้นมาแกะเปลือกพลางพูด
“รู้ไหม จะกินเงาะให้อร่อย ต้องกินยังไง”
สมชายถึงกับชะงัก เพราะพราวใช้มุกเดียวกับตอนเขากำลังอินเลิฟที่อัมพวา
“ก็กินยังงี้ไง”
พราวกัดเงาะด้านหนึ่ง แล้วหันหน้ายื่นเงาะอีกด้านมาจ่อที่หน้าสมชาย พร้อมกับยักคิ้วท้าทาย
“นึกว่าผมไม่กล้าเหรอ”
สมชายยื่นหน้าจะไปกัดเงาะ แต่พราวกลับปล่อยเงาะตกพื้น แล้วหัวเราะร่วน
“มุกคุณเนี่ยะนะ คิดได้ไง”
สมชายห้ามใจตัวเองไม่ได้ ยื่นหน้าไปจูบพราวทันที เธอตกใจก่อนจะโอนอ่อนตาม แต่แล้วเขาก็เรียกสติกลับมาได้ รีบผละออกมา
พราวก็ลืมตามองสมชาย ด้วยความรู้สึกดีใจ นานแค่ไหนแล้วที่หัวใจของเธอรอคอยเขา เธออยากจะพูดความในใจกับเขา แต่สมชายกลับลุกเดินออกจากบ้านไปอย่างสับสน
“คุณเป็นบ้าอะไรเนี่ยะ ฉันอยากจะบอกว่าฉันคิดถึงคุณตลอดเวลาที่เราจากกันที่อัมพวา ทำไมคุณไม่ยอมฟัง เดินหนีฉันทำไม”
พราวยืนน้ำตาซึม

สมชายยืนมองทะเลอยู่อย่างครุ่นคิดเงียบๆ เพียงลำพัง
“แกกำลังหนีอะไรอยู่ไอ้สมชาย หนีความจริงที่ว่า แกรักเค้านะเหรอ”
คิดพลางก็ถอนใจ เขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น เคยบอกกับตัวเองบอกกับแม่และกับพราวเองว่าจะไม่แยแสเธออีกแล้ว แต่แล้วเขากลับกำลังจะแพ้ใจตัวเอง
“ทำไมมันยากยังงี้วะ จับโจรยังง่ายกว่านี้เลย”
สมชายก้มคว้าก้อนกรวด เปลือกหอยปาทิ้งลงไปในทะเล เพื่อระบายอารมณ์
ขณะที่พราวนั่งรอสมชายอยู่ที่ริมระเบียง
“ฉันรอคุณอยู่นะนายสมชาย รีบกลับมา แค่บอกรักฉันคำเดียว ฉันจะยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นพราวเพื่อความสุขที่จะได้อยู่กับคุณ”

แฟรงค์กับเอมี่เดินเข้ามาในโถงที่มีเด็กวัยรุ่นชายหญิงหน้าตาดีรอกันอยู่ราว 10 คน โดยมีมิกิกับมาร์คคอยเป็นพี่เลี้ยง
แฟรงค์เดินไปที่กล้องที่ตั้งไว้บนขากล้องพร้อมถ่าย แต่จู่ๆ ต้อยติ่งก็วิ่งหน้าเริ่ดเข้ามา
“เดี๋ยวอย่าเพิ่งค่ะ ต้อยติ่งขอนำเหนอเด็กหน้าใส ให้มาเป็นเด็กปั้นเจ๊อีกคนนึง”
แฟรงค์กับเอมี่พูดออกมาพร้อมกัน “ใคร ?”
“บอยเอง”
บอยน้องชายแฟรงค์เดินเข้ามาด้วยท่าทางเจี๋ยมเจี๊ยม แฟรงค์ถึงกับหน้าเหวอ
“อี อีบอย อุ้ย! อีไม่ได้ ไอ้บอย โผล่มาทำไมยะ”
“คิดถึงพี่น่ะซีครับ ถึงมาหา หวัดดีครับพี่ หวัดดีครับพี่เอมี่”
บอยยกมือไหว้ด้วยท่าทางเรียบร้อยๆ นิ้วก้อยชี้กระดกนิดหนึ่ง แฟรงค์มองอย่างขัดใจ
“นี่หยุดเลย นิ้วก้อยแกเก็บซะด้วย อย่ามาเด้ง กระดกให้ฉันเห็น”
พูดพลางเดินเข้าหักนิ้วก้อยบอยอย่างแรง
“โควต้าตุ๊ด เกย์ เก้ง กระเทยในตระกูลเราหมดลงตรงที่ฉันนี่แหละ แกไม่มีสิทธิ์”
บอยพยายามอธิบาย “ผมบอกพี่กี่ครั้งแล้ว ว่าผมไม่ได้เป็น พี่จะระแวงผมไปถึงไหน”
แฟรงค์ส่ายหน้า พลางรีบพูดตัดบท
“ฉันกำลังยุ่ง แกมามีธุระอะไรรึเปล่า?”
“ก็เห็นข่าวพราวน่ะซีครับพี่ ก็เลยรีบมาเผือก ว่าตกลงพราวกับบอดี้การ์ดสุดหล่อที่ชื่อสมชายน่ะ มันเป็นอะไรกันแน่ ?”
แฟรงค์กับเอมี่หันมามองหน้ากันงงๆ “ข่าวอะไร ?”
“อ้าวพี่ นี่ไม่รู้เหรอ มีรูปพราวสวีตกับบอดี้การ์ดสมชาย จนทะเลที่หัวหินหวานหลุดออกมาในโซเชี่ยลเกลื่อนเลยครับนี่ไง”
บอยพูดพลางกดเปิดรูปในมือถือยื่นให้ดู แฟรงค์แทบช็อก ทำท่าเหมือนจะเป็นลม
“หา อีกแล้วเหรอ”
เอมี่ถอนหายใจเฮือก “คราวนี้ เห็นหน้านายสมชายหราชัดเต็ม 2 ตาเลยเจ๊ ไม่ต้องเดา ไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องจิ้นเลยว่าเป็นใคร”
“ทำไมถึงมีแต่เรื่องนะพราว ป่านนี้เรื่องไม่เข้าหูคุณติณห์ไปแล้วเหรอนี่ โอ๊ย ดาวแม่ช่วยด้วย อีแฟรงค์จะทำยังไงดี”

แฟรงค์หน้าเครียด ร้อนใจ รีบหุนหันเดินออกจากห้องไป พร้อมกับกดมือถือหาติณห์มือเป็นระวิง เอมี่รีบตามไปทันที

พราว ตอนที่ 11 (ต่อ)

ติณห์ยืนขบกรามอยู่ริมถนนที่ติดกับชายหาด สายตาเพ่งมองไปที่ทะเล ด้านหลังรถจอดติดเครื่องอยู่
 
มาโนชกำลังส่งรูปในมือถือถามพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้น
พลันเสียงมือถือก็ดังขึ้น ติณห์หยิบมือถือขึ้นมาดู เห็นเป็นแฟรงค์โทร.มา
“ฮัลโหล โทร. มามีอะไรครับคุณแฟรงค์”
“เอ่อ เปล่าฮะ ไม่มีอะไร สบายดีเหรอฮะคุณติณห์ อยู่ไหนคะเนี่ยะ ?”
แฟรงค์ถามเหมือนจะหยั่งเชิงว่าเขารู้เรื่องพราวหรือยัง ติณห์ยิ้มที่มุมปาก อย่างรู้ทัน
“ผมอยู่ที่หัวหินครับ”
แฟรงค์อ้าปากค้างแทบช็อก
“งั้นก็แสดงว่าคุณติณห์รู้เรื่องข่าวแล้วซิฮะ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะฮะ ภาพที่เห็นมันไม่เป็นอย่างที่เข้าใจหรอกฮะ พราวกับบอดี้การ์ดสมชาย 2 คนนั่นเค้าสนิทกัน แบบเพื่อนที่ดีต่อกันน่ะฮะ ไม่มีอะไรกันเกินเลยหรอก”
“คุณแฟรงค์ไม่ต้องพูดดีกว่าครับ เรื่องนี้ อะไรเป็นอะไร ผมรู้ดีอยู่แก่ใจ”
แฟรงค์ปิดปากแทบไม่ทัน ที่โดนเหน็บเข้าจังๆ
“คุณรออยู่เฉยๆที่กรุงเทพนั่นแหละครับ ผมจะเป็นคนพาคุณพราวกลับไปเอง แค่นี้นะครับ”
ติณห์กดวางสายอย่างรำคาญใจ พร้อมๆ กับที่มาโนชเดินกลับเข้ามาพอดี
“รู้แล้วครับ ว่าในรูปอยู่ที่ไหน”

แฟรงค์วางสายแล้วก็กุมขมับเครียด เอมี่ก็พลอยเครียดตามไปด้วย
“มันก็ขึ้นอยู่กับพราวคนเดียวแล้วล่ะ ว่าจะเลือกใคร ฉันพยายามเป็นอีเข้ขวางคลองพราวกับอีตาสมชายสุดฤทธิ์แล้ว แต่ก็ไม่รอด ฉาวโฉ่ออกมาจนได้ นังแฟรงค์คงไม่มีปัญญาจะทำอะไรได้อีกแล้ว อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด”

สมชายพลิกดูนาฬิกาข้อมือ แล้วก็นึกห่วงเป็นพราว รีบกระโดดลงจากโขดหิน วิ่งมาตามชายหาด
จังหวะเดียวกับที่สุดเขตต์ขี่มอเตอร์ไซค์พามีนซ้อนท้ายมา
“บอดี้การ์ดสมชายอยู่นั่น ที่ชายหาด”
มีนสะกิดบอก สุดเขตต์รีบเลี้ยวรถจอดที่ริมทางติดกับชายหาดทันที
“สารวัตรครับ สารวัตรสมชาย”
สมชายหันไปมอง แล้วก็ชะงัก เมื่อเห็นมีนมากับสุดเขตต์
“นี่คุณ 2 คนรู้จักกันเหรอ ?”
“ครับ ผมรู้เรื่องมีนปลอมตัวเป็นคุณพราวมาก่อนคุณ แต่ไม่มีโอกาสได้บอกความจริง”
สมชายเท้าเอวอย่างขัดใจ
“แล้วคุณก็ปล่อยให้ผมโวยวายใส่ เข้าใจผิดคุณอยู่ได้ คุณนี่มันน่า...”
“ใจเย็นครับสารวัตร เรื่องผมไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย แต่เรื่องคุณซิครับ ตอนนี้มันกระฉ่อนไปทั้งประเทศแล้ว”
สมชายมองหน้าสุดเขตต์งงๆ “เรื่องผม เรื่องอะไร ?”
มีนรีบพูดแทรกขึ้นมา “ก็ที่คุณมาหัวหินกับคุณพราวน่ะซิคะ มีคนถ่ายรูปคุณ 2 คนได้ แล้วเอาไปลงในไอจี”
สุดเขตต์เปิดรูปไลน์ในมือถือส่งให้ดู สมชายชักสีหน้าไม่พอใจ
“โลกเราทุกวันนี้ มันไม่มีความเป็นส่วนตัวกันแล้วหรือไงเนี่ยะ ป่านนี้พวกนักข่าวไม่พากันแห่มาที่หัวหินกันหมดแล้วเหรอ”
มีนมองสมชายอย่างเป็นห่วง “เรา 2 คนถึงรีบมาบอกคุณไงคะ แล้วคุณพราวล่ะคะ อยู่ไหน ?”

พราวใส่หมวกสวมแว่นกันแดดเดินมาตามชายหาด พลางกวาดตามองหาสมชาย ส้มจี๊ดกับกองทัพนักข่าวที่เดินตามหามาตามชายหาดมองเห็นเธอเข้าพอดี
“พราวอยู่นั่นไง”

พราวได้ยินเสียง มองไปเห็นเป็นส้มจี๊ดกับกองทัพนักข่าวก็ชะงักตกใจ รีบหันเดินหนีกลับไปทันที นักข่าววิ่งไล่ตามหลังมาเป็นโขยง

“มีนมั่นใจว่าไม่ใช่แค่นักข่าวที่จะตามมา คุณติณห์ต้องตามมาด้วยแน่ๆ ค่ะ”
 
มีนพูดอย่างเป็นกังวล
“ตามมาหึงผมน่ะเหรอ หึ ทำไม เค้าจะทำอะไรผม”
“มีนไม่รู้หรอกค่ะว่าเค้าจะทำอะไรคุณ แต่กับคุณพราว เมื่อคืนที่มีนปลอมเป็นคุณพราวไปบ้านเค้า คุณติณห์เค้าเตรียมแหวนไว้ค่ะ เหมือนจะขอคุณพราวแต่งงาน”
สมชายใจหายวาบ แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่แคร์
“ก็ช่างเค้าซิ คุณมาบอกผมทำไม”
“คุณติณห์ไม่ใช่คนดีมือสะอาด เป็นสุภาพบุรุษอย่างภาพที่คุณเห็นนะครับ”
สมชายขมวดคิ้วมองมาที่สุดเขตต์
“คุณรู้ได้ไง ?”
“เค้าเคยให้ลูกน้องใช้ปืนจี้ตัวผมไปพบเค้า ขู่บังคับผมไม่ให้ยุ่งกับคุณพราว”
สมชายถึงกับตกใจ “เฮ้ย เรื่องผู้หญิงแค่นี้ ถึงขนาดใช้ปืนจี้กันเลยเหรอ”
“แล้วถ้าคุณได้เห็นสีหน้าแววตาของเค้าตอนที่พูดกับผมวันนั้น คุณจะไม่มีวันไว้ใจเทพบุตรคนนี้เลย บอกตรงๆว่า ผมเป็นห่วงคุณพราว ถ้าต้องแต่งงานกับไฮโซคนนี้”
“มีนก็ชักไม่ไว้ใจคุณติณห์ค่ะ เมื่อคืนจรีบุกมาถึงบ้านเค้า เข้ามาหึงหวงตบตีมีนเพราะคิดว่าเป็นคุณพราว แต่คุณติณห์กลับยืนดูเฉย ไม่เข้ามาห้ามเลยค่ะ”
สมชายฟังทั้งคู่พูด แล้วก็รู้สึกห่วงพราวมากขึ้นเรื่อยๆ
“สารวัตรครับ ถ้าคุณรักและห่วงคุณพราวจริงๆ ก็รีบบอกความในใจกับคุณพราวเถอะครับ”
มีนพยักหน้าเห็นด้วย “ถึงคุณพราวไม่เคยปริปากพูด แต่มีนรู้ค่ะ ในใจของคุณพราวคิดถึงคุณตลอดเวลา”
สมชายอึ้งมองสุดเขตต์และมีน
“ถ้าคุณมัวแต่มีทิฐิ เกิดพราวตกลงใจแต่งงานกับคุณติณห์ มันจะสายเกินไป”
“รีบไปซีคะคุณสมชาย ก่อนที่คุณติณห์จะมาเจอคุณพราวซะก่อน”
วินาทีนั้นสมชายตัดสินใจวิ่งออกไปทันที สุดเขตต์กับมีนยืนมองอย่างเอาใจช่วย
“พราว ผมรักคุณ รอผมนะ ผมกำลังกลับไปหาคุณแล้ว”

พราววิ่งหนีมาถึงชายหาดหน้าบ้านพัก บังเอิญชนเข้ากับใครคนหนึ่ง เธอเซจะล้ม แต่อ้อมแขนของใครคนนั้นโอบกอดไว้ เธอยิ้มดีใจ นึกว่าเป็นสมชาย
“นายสม….”
แต่แล้วพราวก็ต้องชะงักยิ้มเมื่อเงยหน้ามองเห็นเป็นติณห์
ส้มจี๊ดกับนักข่าววิ่งตามมาทันพอดี พากันแปลกใจที่เห็นติณห์ เลยทั้งระดมถ่ายรูป และระดมถามใส่กันไม่ยั้ง โดยมีส้มจี๊ดคอยถามเขี่ยบอลให้นักข่าวคนอื่น
“คุณติณห์คงเห็นรูปหลุดเหมือนกันใช่ไหมคะถึงได้ตามมา ตกลงยังไงคะ บอดี้การ์ดสมชาย กับคุณพราวแฟนคุณมีอะไรกันรึเปล่า ?”
พราวหันมาตะคอกกลับทันที “มีอะไรหมายความว่ายังไง อย่ามาถามอะไรมั่วๆ แบบนี้นะ”
ส้มจี๊ดจึงชูมือถือโชว์รูปให้ดูทันที พราวถึงกับอ้าปากค้าง
“เงียบทำไมล่ะคะคุณพราว อธิบายซิคะ ว่ารูปนี้มันยังไงกัน อยู่ๆคุณกับบอดี้การ์ดส่วนตัว ก็แอบมาสวีตกัน 2 ต่อ 2 กลางทะเล”
นักข่าวระดมถามเป็นชุด จนพราวแก้ตัวไม่ออก แถมส้มจี๊ดยังล้วงเรื่องเก่ามาแฉอีก
“หรือว่าหนุ่มพายเรือที่อัมพวาที่มีรูปหลุดมาคราวก่อน อาจจะไม่ใช่คุณติณห์ซะแล้ว แต่เป็นบอดี้การ์ดคนนี้นี่เอง”
พราวยิ่งตกที่นั่งลำบาก แต่ติณห์กลับพูดแทรกขึ้นมา
“ผมตอบให้เองครับ ไม่ว่าภาพของคุณพราวกับบอดี้การ์ดสมชายจะออกมายังไง ผมขอยืนยันแทนคุณพราวครับ ว่าทั้ง 2 คนไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่าบอดี้การ์ดกับเจ้านาย”
พราวหันมามองหน้าติณห์ ที่เขาออกมาปกป้องเธออีกครั้ง
“รูปเล่นน้ำสนิทถึงเนื้อถึงตัวกันขนาดนี้ คุณติณห์ทำใจได้ยังไงกันคะ ว่าไม่มีอะไร ?”
ติณห์พูดตอบกลับไปอย่างใจเย็น
“ผมไม่ได้ทำใจ แต่ผมเชื่อใจและไว้ใจคุณพราวว่าไม่มีทางทำอะไรนอกใจผม ทั้ง 2 คนอาจจะดูชิดเชื้อกันมาก เพราะรู้จักเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน และเพื่อพิสูจน์ว่าผมกับคุณพราวยังคงรักกัน และวางแผนจะมีอนาคตร่วมกัน”
พูดพลางล้วงกล่องแหวนออกมา พราวมองอย่างคาดไม่ถึง
ติณห์หยิบแหวนออกจากกล่อง แล้วคุกเข่าลงข้างหนึ่ง พร้อมทั้งยื่นแหวนไปต่อหน้าพราว สมชายวิ่งเข้ามาเห็นภาพติณห์กำลังขอพราวแต่งงานพอดี เขาหยุดยืนมองอย่างตกตะลึง
“พราวครับ คุณเหนื่อยกับข่าวลือต่างๆ มามากแล้ว ยุติมัน อย่าทนอยู่กับมันเลยนะครับ ผมอยากดูแลคุณ อยากทำให้คุณมีความสุข ผมรู้คุณยังไม่พร้อมที่จะแต่งงานในตอนนี้ แต่ผมอยากจองหัวใจคุณเป็นเจ้าของไว้ก่อน ให้โอกาสผม รับหมั้นผมนะครับพราว”
พราวมองติณห์อึ้งๆ พร้อมกับที่ปรายตาไปมองสมชาย ผู้ชายที่เธอรักมาตลอดเวลา แต่เขากลับไม่เคยเปิดเผยใจกับเธอสักที จนเธอรู้สึกเหนื่อยที่จะคาดหวังอะไรอีก ขณะที่ติณห์ก็แสนดีกับเธอเหลือเกิน
สมชายมองมาที่พราวด้วยสายตาวิงวอน
“อย่ารับหมั้นเค้านะพราว อย่า...”
พราวสูดลมหายใจ หันมาส่งยิ้มหวานให้ติณห์
“ค่ะคุณติณห์ ฉันรับหมั้นคุณ”
สมชายยืนตัวชาเหมือนหัวใจหลุดออกจากร่าง ติณห์ยิ้มดีใจ จับมือพราวมาสวมแหวนให้ท่ามกลางนักข่าวที่พากันระดมถ่ายรูป ส้มจี๊ดยืนเจ็บใจ ที่ทุกอย่างกลับตาลปัตร ไม่สามารถเล่นงานพราวได้ตามเคย
ติณห์สวมแหวนเสร็จ ก็ค่อยๆ บรรจงจูบมือพราว แล้วลุกขึ้น
“ขอบคุณมากครับคุณพราว วันนี้ผมเป็นผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในโลก”
พูดพลางดึงพราวมาโอบกอดไว้ราวกับกับมีความสุข แต่จริงๆ แล้วเพราะเขาได้เธอมาไว้ใกล้ตัวเพื่อแก้แค้น พราวกอดซบติณห์แต่หางตามองไปที่สมชายอย่างเศร้าๆ
“ทุกคนได้รับคำตอบกระจ่างแล้วนะครับ ผมขอตัวคุณพราวไปฉลองความสุขก่อนนะครับ”
ติณห์จูงมือพราวพาเดินเข้าบ้านไป นักข่าวก็หันมาหาสมชาย พร้อมกับกรูเข้ามาหา
“ผมไม่มีอะไรจะตอบ อย่าตามเข้าบ้านนะครับ ไม่งั้นผมจะถือว่าพวกคุณบุกรุก”
สมชายพุดอย่างดุดัน ก่อนจะรีบเดินตามติณห์กับพราวเข้าบ้านไปทันที ส้มจี๊ดมองตามอย่างจับผิด
“ชัดเลย ยั๊วะแบบนี้ ไอ้บอดี้การ์ดนี่ต้องคิดอะไรกับยัยพราวแน่ๆ”
ไอ้เจ๋งโผล่ออกมาจากหลังต้นไม้ มองตามหลังสมชายที่เดินเข้าบ้านไป

“มึงขลุกกันอยู่ที่บ้านหลังนี้เองเหรอ เมื่อคืนกูไม่น่าพลาดเลย ฮึ่ม”

สมชายเดินตามเข้ามาในบ้าน แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
 
“คุณไม่จำเป็นต้องมาออกรับแทนผมเลย”
ติณห์หันมามองหน้าสมชาย ขณะที่พราวรู้สึกใจคอไม่ดี หวั่นเกรงว่าจะมีเรื่อง
“เมื่อผมเป็นคนทำให้คุณพราวเสียหาย ผมก็จะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องทั้งหมดเอง”
สมชายพูดพลางปรายตามองไปที่พราวด้วยสายตาบ่งบอกว่าเขาพร้อมจะปกป้องเธออย่างเปิดเผย แต่ติณห์เข้ามายืนขวางหน้าพราวไว้
“คุณจะต้องรับผิดชอบอะไรครับ ในเมื่อคุณเป็นแค่บอดี้การ์ด ไม่ได้เป็นอะไรกับคุณพราว”
สมชายเมินใส่ติณห์ หันมาพูดกับพราว
“พราว ผมขอโทษครับที่ทิ้งคุณไว้ที่บ้านคนเดียว ผม...”
สมชายยังพุดไม่ทันจบ ติณห์ก็รีบพูดขัดขึ้น
“รีบไปเก็บข้าวของเถอะครับคุณพราว เราจะกลับกรุงเทพไปด้วยกัน”
พราวแอบมองสมชายอย่างน้อยใจ ก่อนจะรับคำ แล้วหันเดินขึ้นบันไดไป สมชายจะเดินตามขึ้นไป แต่ติณห์ขัดขึ้นมาก่อน
“คุณหูหนวกตาบอดหรือไงบอดี้การ์ดสมชาย พราวรับหมั้นผมแล้วนะ”
สมชายทำหน้ากวนใส่ “แล้วไง ผมไม่ได้รับหมั้นกับคุณด้วยนี่”
“ตอนนี้ข่าวหมั้นระหว่างผมกับคุณพราวก็คงจะแพร่ออกไปแล้ว”
“อย่ามาขู่ ผมไม่สนใจข่าวหรอก ไม่สนใจใครทั้งนั้นด้วย ผมสนใจแค่พราวคนเดียว”
ขาดคำก็วิ่งขึ้นบันไดไปโดยไม่สนใจติณห์ ที่ยืนมองตาม ด้วยแววตาเหี้ยม
“ดิ้นรนไปเชือกก็ยิ่งรัดแก ยิ่งดิ้นมาก มันก็ยิ่งรัดเอานังพราวเจ็บไปด้วย ดีจะได้ทรมานด้วยกันทั้งคู่”

พราวเก็บของเสร็จ หันจะเดินออกไป จังหวะเดียวกับที่สมชายก้าวตามเข้ามาในห้อง เธอชะงักมองเขาด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
“ทำไมคุณไม่รอผม”
พราวยิ้มประชด “รอคุณ? ฉันต้องรออะไรเหรอ ?”
“รอผมมาบอกคุณว่า...”
พราวรีบขัดขึ้น “มีประโยชน์อะไร ถึงตอนนี้ ไม่ว่าฉันจะได้ยินอะไรจากปากของคุณ มันก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เพราะว่าฉันตัดสินใจรับหมั้นคุณติณห์ไปแล้ว”
“คุณรับหมั้นเค้า แล้วผมล่ะ ?”
สมชายพูดด้วยแววตาอ้อนวอน พราวต้องหลุบตาต่ำ เพราะกลัวจะใจอ่อน
“คุณก็ยังเป็นบอดี้การ์ดของฉันอยู่เหมือนเดิม แล้วเจอกันที่กรุงเทพนะคะ”
พุดพลางจะเดินออกจากห้อง แต่สมชายคว้าตัวมากอดไว้แน่น
“อย่าไปกับเค้า อยู่กับผม”
พราวสะบัดตัวออกจากอ้อมกอด “มันสายเกินไปซะแล้ว”
  พราวเดินข่มความเสียใจตามติณห์ออกจากบ้านมาที่รถ เขารีบเปิดประตูรถให้เธอขึ้นนั่ง ก่อนที่จะรีบเดินอ้อมกลับมาด้านคนขับ

ขณะที่แอบปรายตามองไปที่ดงไม้ข้างบ้านพัก ที่มาโนชสะพายเป้แอบซุ่มอยู่ ติณห์ยิ้มร้าย ก่อนจะหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาใส่ แล้วขับรถออกไป

สมชายเดินเหงาๆ ออกมาจากบ้าน ตรงไปที่ชายหาด พลางก้มลงเก็บหินปาไปที่ทะเล เพื่อไล่ความรู้สึกเจ็บปวดให้หายไป
 
“คุณคือผู้ชายพายเรือที่อัมพวาใช่ไหม ?”
สมชายถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ก่อนจะหันกลับไป เห็นส้มจี๊ดยืนอยู่ข้างหลัง
“พวกคุณนี่มันถนัดเรื่องขุดคุ้ยนะ เรื่องเก่าเก็บยังจะขุดขึ้นมาหากินอยู่ได้”
“ก็ถ้าขุดแล้วเจอของเน่าของเสีย มันก็ช่วยไม่ได้ ถ้ามันจะเหม็นขึ้นมา”
สมชายจ้องหน้าส้มจี๊ดอย่างเอาเรื่อง
“เรื่องเก่าบางเรื่องมันอาจจะเป็นความทรงจำดีๆที่เค้าอยากจะเก็บมันไว้ คุณไม่เคยมีเลยเหรอความทรงจำดีๆ น่ะ ถึงได้เที่ยวขุดขึ้นมาทำลายน่ะ”
“งั้นก็แปลว่าเรื่องของคุณกับคุณพราวที่อัมพวา ก็เป็นความทรงจำดีๆซินะ ขอบใจมากนะคะสารวัตรสมชายที่บอก ฉันไม่กวนคุณแล้ว”
ส้มจี๊ดยิ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งนั้น แล้วก็หันเดินออกไป
“หึ เห็นแก่ตัวอย่างคุณ ระวังนะ จะไม่มีใครรัก”
สมชายพูดแทงใจดำ จนส้มจี๊ดถึงกับสะอึก

จันทร์จรีอยุ่ในชุดแอร์โฮสเตสกำลังยืนให้นักข่าวสัมภาษณ์อยู่ที่หน้าแบ็คดร็อปละครเรื่องใหม่ “เหลี่ยมนางฟ้า” ด้วยท่าทีที่เสแสร้งสร้างภาพเป็นคนแสนดี ครู่หนึ่งส้มจี๊ดก็โทร.เข้ามือถือมา
“รับสายแป๊บนึงนะคะ ฮัลโหล อยู่ไหนคะ ทำไมไม่มาทำข่าวเปิดกล้องละครเรื่องใหม่ของจรีล่ะ ข่าวอะไร วันนี้ยุ่งกับงานเปิดกล้องมาตั้งแต่เช้ามืด ใครจะมีเวลาไปสนใจเรื่องข่าวชาวบ้านล่ะ ตกลงข่าวอะไรคะ”
จันทร์จรีรีบหลบนักข่าวเดินพูดมือถือเข้ามาที่ห้องแต่งตัว
“คุณติณห์น่ะเหรอขอนังพราวหมั้น ไม่จริง ไม่จริ๊ง พี่อย่ามามั่วนะ เอาข่าวมาจากไหนกัน ?”
“จะต้องเอาข่าวมาจากไหน ก็นี่ไง ตอนนี้พี่อยู่หัวหิน ตามมาทำข่าวคุณติณห์ ยื่นแหวนขอยัยพราวหมั้นที่นี่ วางสายก่อนนะ จะส่งรูปไปให้ดูเป็นขวัญตาเดี๋ยวนี้ หนูทำใจดีๆ ล่ะ”
ส้มจี๊ดยิ้มร้าย ก่อนจะกดวางสายแล้ว ส่งรูปผ่านไลน์ไปเป็นชุด
“คราวนี้ล่ะ ได้เกิดสงครามนางเอกแซ่บวงการแน่ๆ “
จันทร์จรีรีบเปิดรูปดู แล้วก็ร้องไห้โฮอย่างคนเสียสติ ทั้งๆที่เธอเพิ่งมีอะไรกับเขาเมื่อคืน แต่รุ่งขึ้นเขากลับไปขอพราวหมั้น
“ทำไมถึงทำกับจรีอย่างงี้ ทำไมถึงทำกันยังงี้ เป็นตายยังไง ฉันไม่ยอมให้แกแย่งคุณติณห์ไปจากฉันได้เด็ดขาดนังพราว ฉันไม่ยอม ฉันไม่ยอม”
เธอกรีดร้องลั่นห้อง แล้วก็เป็นลมล้มฟุบไป

อีกด้านหนึ่ง มีนกับสุดเขตต์กำลังเดินเล่น ถ่ายรูปกันอยู่ที่ชายหาดมุมเดิม
“ป่านนี้คุณพราวกับบอดี้การ์ดสมชายจะเป็นยังไงบ้าง ?”
“ผมก็อยากรู้ กำลังโดนกองทัพนักข่าวถล่ม หรือว่าปรับความเข้าใจกันได้แล้ว”
มีนถอนหายใจอย่างเป็นห่วง
“หวังว่าคุณติณห์คงไม่ตามมาเจอ แล้วขอคุณพราวแต่งงานซะก่อนนะคะ”
“ถ้าคุณพราวเกิดยอมตกลงแต่งงานกับคุณติณห์ขึ้นมา คุณต้องแย่แน่ๆ”
สุดเขตต์มองจ้องมีน ทำเอาเธอเขินไม่กล้าสบตา
“ผมเป็นห่วงและก็หวงคุณนะครับมีน”
มีนเขินจนทำเฉไฉ ชี้ไปที่ทะเล
“ดูมุมนั้นซีคะ สวยจัง”
“ผมว่ามุมนี้สวยกว่า”
“ไหนคะ ?”
มีนหันมาก็เจอหน้าสุดเขตต์รออยู่ เขาหอมแก้มเธอไปหนึ่งฟอด เธอวิ่งไล่ตีเขาแบบเขินๆ แต่แล้วก็กลับปวดหัวจี๊ดขึ้นมาจนต้องหยุดวิ่ง สุดเขตต์รีบวิ่งกลับมาดู
“เป็นอะไรเหรอมีน ?”
มีนพยายามอดกลั้นความเจ็บปวด ฝืนเงยหน้าขึ้นยิ้มให้
“เหนื่อยน่ะค่ะ คอแห้งมากๆ คุณช่วยไปซื้อน้ำให้มีนหน่อยได้ไหมคะ”

สุดเขตต์รับคำ แล้วรีบวิ่งออกไป พร้อมกับที่มีนทรุดเข่าลงกับพื้นทราย พลางรีบหยิบขวดยาจากกระเป๋าสะพายเล็กๆ ออกมา แล้วป้อนใส่ปากตัวเองไปเม็ดหนึ่ง

พราว ตอนที่ 11 (ต่อ)

ส้มจี๊ดวางสายจากทีมข่าวของตัวเอง หลังจากที่ส่งรูปติณห์ขอหมั้นพราวไปให้ทางไลน์ จากนั้นก็นึกไปถึงสุดเขตต์ด้วยอารมณ์พิษรักแรงหึง
 
“เห็นภาพบาดตานังพราวระเริงชลกับบอดี้การ์ดไปแล้ว ทีนี้มาดูภาพนังพราวรับหมั้นไฮโซติณห์ซ้ำอีกดอกนะไอ้สุดเขตต์ ดูดิแกยังจะโง่ ยอมกินน้ำใต้ศอกเค้าลงอีกรึเปล่า ?”
พูดพลางรีบกดส่งรูปไป สุดเขตต์ที่เดินเข้ามาซื้อน้ำในร้านเดียวกัน กำลังเดินออกจากร้าน ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีเสียงไลน์เข้ามือถือ เขารีบหยิบมาเปิดดู แล้วต้องตกใจ รีบวิ่งกลับไปหามีน ฉิวเฉียดก่อนที่ส้มจี๊ดจะหันกลับมาเห็นเขา

“คุณมีนครับ คุณมีน”
มีนตกใจไม่อยากให้สุดเขตต์รู้เรื่องตัวเองป่วย เลยพยายามสูดหายใจ ข่มความเจ็บปวดไว้ แล้วหันไปยิ้มให้ “เรื่องที่เราไม่อยากให้เกิด มันเกิดขึ้นจนได้ครับ คุณพราวรับหมั้นคุณติณห์แล้ว”
พูดพลางเปิดรูปไลน์ในมือถือส่งให้ดู ระหว่างนั้นมีข้อความส่งตามมา สุดเขตต์รีบเปิดอ่าน
“ยัยพราวกลับกรุงเทพกับไฮโซติณห์ไปแล้วอย่างมีความสุข ทิ้งหัวไอ้บอดี้การ์ดสมชายไว้ที่หัวหิน แล้วแก
ไอ้สุดเขตต์ แกก็จะถูกเฉดหัวทิ้งเป็นรายต่อไป”
สุดเขตต์ฉุน รีบเก็บมือถือแล้วรีบดึงมือมีนลุกไป

สุดเขตต์ขี่มอเตอร์ไซค์พามีนซ้อนท้ายไปจะรีบไปหาสมชาย มีนยังคงปวดหัวมาก จนต้องหลับตากอดเอวซบหน้ากับแผ่นหลังของเขาไว้ เขายิ้มอย่างมีความสุข ไม่ได้รู้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังต่อสู้กับความเจ็บปวดอยู่ข้างหลัง

สมชายส่ายหน้าด้วยความรู้สึกผิดหวังในตัวเอง
“ไอ้บ้าสมชาย แกปล่อยให้ความรักหลุดมือไปได้ยังไงวะ ผมจะกลับไปหาคุณ ซูเปอร์สตาร์พราว กลับไปอย่างเปิดใจ ต่อให้มีเทพบุตรสุดหล่ออย่างไฮโซติณห์ขวางอยู่ ก็หยุดนายสมชายสุดแสบคนนี้ไม่ได้”
พูดพลางคว้าเสื้อแจ็คแก็ตมาใส่ คว้าปืนเหน็บเอวหันเดินไปที่ประตู ก่อนที่จะเปิดประตูเตรียมจะก้าวออกจากห้อง แต่กลับเจอไอ้เจ๋งยิ้มเหี้ยมยืนจ่อปืนรออยู่ มันกำลังจะเหนี่ยวไก แต่เขาไวกว่า คว้ามือที่ถือปืนของมันมาบิดล็อก พร้อมกับหักข้อมืออย่างชำนาญ ก่อนจะศอกซ้ำเข้าที่คอหอย จนมันร้องลั่น ปล่อยปืนร่วงจากมือ เขาใช้หลังเท้ารับปืน แล้วกระดกเตะปืนกระเด็นไปอยู่ที่พื้นนอกห้อง เกือบร่วงตกระเบียงบันได

“แกตามมาถึงนี่เลยเหรอวะ ดี มาให้จับถึงที่ หมดเวลาเล่นซ่อนแอบกันแล้ว”

สุดเขตต์ขี่มอเตอร์ไซค์มองหาบ้านของสมชาย พลางเห็นรถของเขาจอดอยู่ไกลๆ แต่ตอนนั้นเองทั้งคู่กลับมองเห็นไอ้โม่งมาโนชโผล่ออกมาจากป่าข้างบ้าน รีบเดินเข้าบ้านไป
 
สุดเขตต์รีบจอดดับเครื่อง เข็นไปจอดที่พุ่มไม้รกๆ ไม่ให้เสียงดัง
“คุณหลบอยู่แถวนี้นะ ผมจะเข้าไปดูเอง”
พูดพลางถอดกล้องถ่ายรูปส่งให้มีน แล้วหันมองหาเจอไม้ไผ่ปล้องหนึ่งตกอยู่ ก็รีบหยิบติดมือตรงไปที่บ้าน

ไอ้โม่งมาโนชถือไม้หน้าสามที่ตั้งใจจะเอามาฟาดสั่งสอนสมชายเข้ามาในบ้าน พลางสอดส่ายสายตามองกราดไปทั่วห้องรับแขก แต่กลับไม่เจอใคร ทันใดนั้นมันก็ได้ยินเสียงโครมครามดังมาจากชั้นบน ซึ่งสมชายกำลังสู้ฟัดกับ
ไอ้เจ๋งอยู่ในห้องนอน มันรีบย่องขึ้นบันไดไปดู
สุดเขตต์ตามเข้ามาในบ้าน แต่ไม่เห็นไอ้โม่งแล้ว

ไอ้เจ๋งพลาดท่าถูกสมชายจับล็อกตัวไว้ได้ ไอ้โม่งมาโนชเดินย่องเข้าห้องมาเงียบๆ ถือโอกาสที่สมชายกำลังเผลอเงื้อไม้ขึ้นปรี่เข้ามาหาที่ด้านหลัง จังหวะที่เขาจับตัวไอ้เจ๋งหันไปพอดี พอมันเห็นไอ้โม่งมาโนชก็ตกใจ
“เฮ้ย ใครวะ”
สมชายผงะตกใจจะชักปืน แต่ก็ช้ากว่าไอ้โม่งมาโนช ที่ฟาดไม้หน้าสามเข้าที่หน้าจังๆ จนเขาเซล้มลง คิ้วแตก เลือดอาบ มือที่จับไอ้เจ๋งไว้หลุด ไอ้โม่งมาโนชปรี่เข้าไปเงื้อไม้ตีซ้ำ ไอ้เจ๋งอาศัยจังหวะนั้นดิ้นอยู่ที่พื้นพยายามแกะมือ
ออกจากผ้าขนหนูที่มัดมืออยู่
สุดเขตต์ตามเข้ามา เห็นสมชายกำลังเพลี่ยงพล้ำ ก็เงื้อไม้ฟาดเข้าเต็มคอของไอ้โม่งมาโนช มันรีบผละจากสมชาย หันมาเหวี่ยงไม้ใส่สุดเขตต์
สมชายสะบัดหัวเรียกสติตัวเองกลับคืนมา ยันตัวลุกขึ้นพร้อมกับชักปืน จังหวะนั้นไอ้เจ๋งดึงมือหลุดจากผ้าพอดี มันรีบวิ่งออกไปจากห้อง โดยคว้าปืนที่ตกอยู่ออกไปด้วย
ไอ้โม่งมาโนชเห็นท่าไม่ดี มันรีบอัดสุดเขตต์ไปชนสมชายจนทรุดลงไปทั้งคู่ แล้วก็วิ่งหนีออกจากห้องไปอีกคน

มีนที่ยืนซุ่มอยู่ด้านนอก เห็นไอ้เจ๋งวิ่งนำออกมา ก่อนที่ไอ้โม่งอีกคนจะวิ่งตามออกมา สุดเขตต์วิ่งถือไม้ตามมาติดๆ
“พวกมันอยู่ไหน มันทำอะไรคุณรึเปล่า ?”
มีนส่ายหน้า “เปล่าค่ะ มันไม่เห็นฉัน พวกมันหนีไปแล้วค่ะ พวกมันเข้าไปในบ้านทำไมคะ?”
“รุมยำสารวัตรสมชายน่ะซิ”
ไม่ทันขาดขำสมชายก็ถือปืนวิ่งออกมาในสภาพที่คิ้วแตกเลือดหยดเปรอะหน้าไปซีกหนึ่ง
“พวกมันอยู่ไหน มันอยู่ไหน”
“มันเผ่นไปแล้วครับ”
สมชายจะวิ่งตามไป แต่สุดเขตต์จับแขนรั้งไว้
“อย่าตามเลยครับสารวัตร ไม่ทันมันหรอก ป่านนี้มันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว”
มีนมองสมชายอย่างเป็นห่วง “ห่วงตัวเองก่อนเถอะค่ะ เลือดคุณออกมาก”
ไอ้เจ๋งวิ่งกลับมาขึ้นรถที่จอดซุ่มไว้ที่ป่าริมถนน อดคาใจไม่ได้
“แล้วไอ้โม่งมันเป็นใครวะ ? เสือกไม่เห็นหน้ามันซะด้วย”
เช่นเดียวกับมาโนชที่วิ่งหนีห่างจากบ้านพักมา พลางโยนไม้หน้าสามทิ้ง แล้วทรุดนั่งพิงหลังต้นไม้ต้นหนึ่ง ถอดหมวกไอ้โม่งออกอย่างหงุดหงิด
“ไอ้เวรสุดเขตต์ โผล่ตามมาช่วยได้ไงวะ เกือบทุบไอ้บอดี้การ์ดน่วมอยู่แล้ว แล้วไอ้คนที่สมชายกำลังจับล็อกอยู่ มันใครวะ?”

มีนช่วยเช็ดเลือดทำแผลให้สมชายตามมีตามเกิด สุดเขตต์อดสงสัยไม่ได้ รีบถามขึ้น
“บอกผมได้ไหมครับ ไอ้ 2 ตัวนั่นใคร มันบุกมาทำร้ายคุณทำไม ?”
“ไอ้โม่งน่ะผมไม่รู้ว่ามันเป็นใคร แต่อีกคนมันเป็นผู้ต้องหาค้ายา ชื่อไอ้เจ๋ง คุณก็เคยเห็นมัน ตอนที่ผมล่อซื้อยา แล้วล้อมจับมัน วันที่คุณพราวถูกลูกหลงไงครับ”
“มันกลับมาแก้แค้นสารวัตรเหรอครับ ?”
“ไม่ใช่แก้แค้นผมคนเดียว มันแค้นคุณพราวด้วย”
มีนกับสุดเขตต์ตกใจ หันมองหน้ากัน
“มันโทษว่าคุณพราวก็เป็นต้นเหตุ ทำให้พี่ชายมันถูกผมวิสามัญในวันที่ล่อซื้อยาจับมันในวันนั้น”
“แปลว่าที่คุณพราวถูกดักทำร้าย ก็เป็นฝีมือโจรค้ายานี่ด้วยใช่ไหมคะ”

สมชายพยักหน้า “ครับ ผมถึงต้องมาเป็นบอดี้การ์ดให้คุณพราวนี่ไง”

สุดเขตต์หันไปจับมือมีนถามด้วยความเป็นห่วงทันที
 
“ตอนที่มันหนีออกจากบ้านไป คุณเห็นหน้ามันไหมครับมีน ?”
สมชายหันมองทั้งคู่ แล้วก็นึกรู้ทันทีว่าทั้งคู่รักกัน
“เห็นค่ะ เห็นชัดเลย”
“งั้นเมื่อไหร่ที่คุณปลอมเป็นคุณพราว คุณต้องระวังตัวให้มากๆนะครับมีน จำหน้ามันไว้ให้ดี ถ้าคุณเห็นมัน คุณต้องหนีนะครับ ผมเป็นห่วงคุณ”
“ค่ะ มีนจะระวังตัวให้ดี”
ทั้งคู่จับมือกันแน่น สมชายมองทั้งคู่ที่แสดงความรักต่อกันโดยไม่มีฟอร์ม ก็ยิ่งรู้สึกสะท้อนใจ
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมยังมีหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดให้คุณพราวอยู่ ผมจะช่วยดูแลทั้งคุณพราวและคุณมีนของคุณให้ปลอดภัย”
มีนยิ้มเขินๆ ค่อยๆ ดึงมือออกจากสุดเขตต์
“แต่อย่าลืมนะครับ ตอนนี้คุณพราวเป็นว่าที่คู่หมั้นของไฮโซติณห์แล้ว คุณแน่ใจเหรอครับว่าหน้าที่บอดี้การ์ดของคุณจะไม่มีอะไรเปลี่ยน แน่ใจเหรอครับว่าไฮโซติณห์จะยอมให้คุณเป็นบอดี้การ์ดของคุณพราวต่อไป”
สุดเขตต์พูดจบ สีหน้าของสมชายก็เครียดขึ้งขึ้นมาทันที
“ผมแน่ใจว่าสุดหล่อติณห์คงไม่อยากให้ผมทำต่อ แต่ผมก็จะทำ มันเป็นหน้าที่ผมที่ต้องดูแลคุณพราว ไม่มีอะไรมาขวางผมได้”

ติณห์เดินประคองพราวเข้ามาในบ้านพราวแสง แฟรงค์ เอมี่และทุกคนรออยู่ พลางถอนหายใจโล่งอก ติณห์รีบพูดตัดบท
“เรื่องที่หัวหิน ผมขอให้มันผ่านไปนะครับ ตอนนี้ผมกับคุณพราวเข้าใจกันดีแล้ว และคุณพราวก็ตกลงรับหมั้นผมแล้วด้ว”
พูดพลางจับมือพราวที่สวมแหวนขึ้นมาโชว์ทุกคน แฟรงค์ยกมือทาบอก เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มดีใจทันที
“จริงเหรอฮะ โอ้ว พราว เป็นข่าวดีจริงๆ เจ๊ดีใจด้วยนะหนู”
แฟรงค์เข้าไปโผกอดพราวที่ฝืนยิ้มให้
“ขอโทษด้วยนะคะพี่แฟรงค์ ที่พราวชอบเอาแต่ใจ ทำอะไรไม่คิด ให้พี่เป็นห่วงอยู่เรื่อย”
“ช่างมันๆ เรื่องเก่าๆโละทิ้งไปเหอะ พี่ไม่ติดใจ เพราะข่าวหมั้นของหนู ทำให้พี่ปลื้มปริ่มยิ่งกว่า แล้วนี่จะมีพิธีหมั้นอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ พี่จะได้เตรียมตัว”
พราวยังตอบอะไรไม่ได้ เพราะตัวเองก็ยังไม่ทันตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ ติณห์รีบพูดแทรกขึ้นมาทันที
“ไว้ผมกับคุณพราวจะปรึกษากันอีกทีนะครับ รอคุณพราวพร้อม เคลียร์งานได้ ผมก็พร้อมจะจัดงานหมั้นให้ใหญ่สมกับฐานะซูเปอร์สตาร์เบอร์ 1 ของเมืองไทยทันทีครับ พักผ่อนนะครับพราว ผมกลับก่อน พรุ่งนี้จะโทรหา”
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณติณห์ สำหรับทุกสิ่งที่คุณทำเพื่อฉัน”
ติณห์ยิ้มอบอุ่นแทนคำตอบ พร้อมกับจับมือที่สวมแหวนของพราวขึ้นมาจูบราวกับเจ้าชายกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย
แฟรงค์ เอมี่และทุกคนมองแล้วเคลิ้มตาม

สุดเขตต์กับมีน ช่วยกันประคองพาสมชายที่สะบักสะบอมเข้ามาในบ้าน สมชายหันมาพูดอย่างเกรงใจ
“พวกคุณไม่น่าลำบากเลย พาผมไปทำแผลแล้วยังขับรถตามกันมาส่ง”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แขนคุณเจ็บ ขับรถลำบาก”
มีนพยักหน้า ก่อนจะรีบพูดเสริม
“อีกอย่างหนึ่ง ถ้าคุณเป็นอะไรไป ใครจะดูแลคุณพราวล่ะคะ”
“ไม่ใช่แค่คุณพราวคนเดียว ยังมีชีวิตของคุณมีนอีกคน ที่ผมต้องฝากให้สารวัตรช่วยดูแล จากวันนี้ ที่ผมเห็นไอ้โจร 2 ตัวมีทั้งปืนทั้งมีดเข้ามาเล่นคุณ ผมไม่อยากนึกภาพเลยว่าเป็นคุณพราวหรือคุณมีนเจอกับพวกมัน แล้วจะเป็นยังไง”
สมชายหน้าเครียดขึ้นมาทันที
“ผมเข้าใจ ผมก็รู้สึกไม่ต่างจากคุณหรอก ขอผมรักษาตัวสักวัน ผมจะกลับไปทำหน้าที่ของผมเหมือนเดิมผมไม่หนี ผมไม่หยุด ผมไม่ฝ่อหรอก”
“มีอีกเรื่องนึงค่ะที่มีนสงสัย”
สมชายหันไปมองมีนเป็นเชิงถามว่าเรื่องอะไร?
“ไอ้โจร 2 คนที่เข้าไปทำร้ายคุณสมชายในบ้านพักตากอากาศ เป็นพวกเดียวกันรึเปล่าคะ”
“ไม่น่าใช่”
สุดเขตต์ขมวดคิ้ว “แปลว่า มันต่างคนต่างมาเหรอ ?”
“ผมมั่นใจว่าไอ้โม่งที่เข้ามาทีหลัง ต้องเป็นคนที่ปองร้ายคุณพราวส่งมาสั่งสอนผม”
“ยังมีอีกคนนึงที่เป็นคนบงการเหรอคะ ?”
สมชายพยักหน้า “ใช่ ซึ่งผมยังไม่รู้ว่ามันเป็นใคร มันบงการให้ก่อกวนชีวิตคุณพราว เพื่อต้องการอะไร แต่ผมจะหามันให้เจอ กระชากหน้ากากมันออกมาให้ได้”
“ผมจะเป็นหูเป็นตา ช่วยคุณ ตามหาตัวมันอีกแรงนึงครับ”
สมชายหันมามองสุดเขตต์ เห็นสีหน้าที่จริงใจ เหมือนได้เจอมิตรที่ดีคนหนึ่งอย่างไม่คาดคิด
“ขอบคุณมากครับ”

ทั้งคู่จับมือกัน พร้อมมิตรภาพใหม่ที่เริ่มต้นขึ้น

ติณห์ขับรถมุ่งหน้าไปตามถนนที่ค่อนข้างเปลี่ยว พลางมองไปที่ริมฟุตบาทมืดๆ ข้างหน้า เห็นมาโนชยืนสะพายเป้ลับๆ ล่อๆอยู่ เขาจึงขับเข้าไปจอดรับ
 
มาโนชรีบเปิดประตูเข้ามานั่งเบาะหน้าคู่ติณห์ ด้วยอาการเจ็บไหล่ มุมปากมีรอยฟกช้ำจากการสู้กับ
สุดเขตต์
“ไอ้สุดเขตต์มันโผล่เข้าไปช่วยไอ้สมชายในบ้านได้ยังไง มันรู้จักสนิทกันเหรอ ?”
มาโนชนิ่วหน้า “ผมก็งงครับ เฮ่ย ถ้ามันไม่โผล่มาขวาง ป่านนี้ไอ้สมชายนอนสมองตายอยู่ ที่โรงพยาบาลแล้ว”
“ไอ้ตากล้องนี่มันทำตัวเกะกะขวางทางปืนมากขึ้นทุกวัน ทำตีสนิทกับนังพราว แล้วยังมาเข้าพวกไอ้สมชายอีก มันแกว่งเท้าหาเสี้ยนซะแล้ว”
ติณห์พูดอย่างเคียดแค้น
“แล้วที่แกโทรมาบอก ว่าตอนที่เข้าไปเจอไอ้สมชาย มันกำลังมีเรื่องอยู่กับใครอีกคนงั้นเหรอ ?”
“ครับ ไอ้สมชายกำลังจับไอ้หมอนั่น เหมือนกำลังจับโจรงั้นแหละ”
สีหน้าของติณห์ครุ่นคิด “โจรเหรอ? มันคงไม่บังเอิญมีตีนแมวเข้าไปยกเค้าของไอ้สมชายหรอก”
“เจ้านายคิดว่ามันมีเรื่องอะไรกันงั้นเหรอครับ ?”
“ฉันก็อยากรู้ว่ามันมีเรื่องอะไรกัน ?”
ติณห์ยิ้มเหี้ยม พลางคิดจะต้องหาคำตอบให้ได้ ว่าไอ้โจรคนนั้นคือใคร ? และเกี่ยวข้องยังไงกับพราว ?

สุดเขตต์ขี่มอเตอร์ไซค์มาส่งมีนที่บ้านแสนรัก พลางบอกกับเธอด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข
“ผมจะบอกว่าวันนี้ผมมีความสุขมากที่ได้ไปทะเลกับคุณ ถึงเราจะไม่ได้ตั้งใจไปเที่ยวกัน แต่มันเป็นช่วงเวลาที่ดีมาก ที่ได้อยู่กับคุณ ผมรู้สึกว่านี่แหละที่ผมต้องการ แค่นี้พอแล้ว แค่มีคุณอยู่กับผม 2 คน ผมมีความสุขมาก ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”
มีนพยักหน้าเขินๆ “มีนก็มีความสุขค่ะ ที่มีคุณอยู่ใกล้ๆ”

มีนเดินกลับเข้าบ้านมา พลางทรุดตัวลงนั่งอย่างเซื่องซึม สีหน้าที่เปี่ยมสุขอันตรธานหายไปจนสิ้น
แม่แก้วเดินเข้ามาจับไหล่ถามด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไรเหรอมีน ออกไปกับคุณสุดเขตต์ กลับมาก็มานั่งซึม เค้าทำให้หนูไม่สบายใจเหรอ?”
“เปล่าค่ะ คุณสุดเขตต์เค้าดีกับมีนมาก มีนมีความสุขทุกครั้งที่ได้เจอเค้า”
“มีความสุขแล้วไม่ยิ้มล่ะลูก ทำไมทำหน้าแบบนี้ ?”
“มีนกลัวจ้ะแม่แก้ว”
พูดพลางโผกอดแม่แก้วแล้วก็น้ำตารื้น พลางรำพึงกับตัวเองในใจ แต่ไม่กล้าพูดตอบออกไป
“คุณสุดเขตต์ทำให้มีนมีความสุขมาก จนมีนกลัวว่าจะอยู่กับเขาได้ไม่นาน โรคของมีนมีนกำเริบขึ้นทุกวัน”
“ว่าไงลูก มีน ไม่ตอบแม่เลยว่าหนูกลัวอะไร ?”
มีนพยายามฝืนยิ้ม
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะแม่แก้ว มีนอยากจะทำอะไรให้ดีที่สุด มีนก็เลยกลัว ว่ามันจะออกมาไม่ดีน่ะค่ะ”
แม่แก้วจับไหล่มีนผละออกมา
“จริงนะ หนูไม่ได้มีเรื่องอะไรปิดบังแม่ใช่ไหมมีน ?”
มีนส่ายหน้าช้าๆ “ไม่มีจ้ะ หนูจะกล้าปิดอะไรแม่แก้วล่ะ”

“ถ้าอย่างงั้น หนูตั้งใจทำทุกอย่างดีที่สุดแล้ว หนูก็ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ความดีที่ลูกทำมาให้แม่ ให้น้องและเด็กๆทั้งหมด จะส่งบุญรักษาลูก ให้แคล้วคลาดปลอดภัยนะลูกนะ”
“ค่ะแม่”

มีนแอบกังวลใจ อยู่ในอ้อมกอดของแม่แก้ว
 
จบตอนที่ 11 
กำลังโหลดความคิดเห็น