xs
xsm
sm
md
lg

กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 11

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 11

ปริตาเดินมาหยุดยืนที่หน้าบ้านที่สังขละบุรี เห็นนางวากำลังเด็ดใบผักและมัดผัก ก็ยิ้มดีใจ รีบเดินตรงเข้าไป
 
“อ้อมกลับมาแล้วจ้ะแม่”
นางวามองลูกสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก
“หยุดแค่วันสองวัน ไม่ต้องกลับมาก็ได้”
“ก็อ้อมอยากมาช่วยแม่นี่”
ปริตาเข้าไปช่วยจัดผัก แต่นางวากลับเอากลับมาทำเอง
“พอเถอะ แม่ทำเองได้ เหนื่อยไหมลูก”
ปริตายิ้มให้แม่ “นิดนึงจ้ะ”
“เห็นท่าจะไม่นิดล่ะ ทั้งเรียน ทั้งช่วยงานน้าลัดดา แล้วต้องเดินทางมานี่อีก หาเวลาพักบ้าง”
“อ้อมจะพักได้ก็ต่อเมื่ออ้อมซื้อบ้านหลังนี้เป็นของขวัญให้แม่”
“อย่าซื้อเลยลูก เช่าเขาไปงี้ล่ะ ลูกจะได้มีเวลาส่วนตัวบ้าง”
นางวาพุดตอบลูกสาวด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ได้นะจ๊ะ อ้อมตั้งใจแล้ว บ้านที่น่าอยู่ที่สุดในโลก คือบ้านที่เป็นของเรา แล้วบ้านหลังนั้นก็ต้องมีคนที่อ้อมรัก”
ปริตาเข้าไปหอมแก้มแม่
“ขอบใจนะลูก มาหนุนตักแม่”
นางวาขยับตัวให้ปริตาเข้ามานอนหนุนตัก
พลันภาพนั้น ก็ค่อยๆหายไป ปริตายืนมองอยู่หน้าบ้าน ด้วยความเศร้าใจที่ไม่มีแม่เป็นกำลังใจ พลางเดินตรงไปที่บ้าน แต่พอเปิดประตูเข้าไปก็ตกใจ เมื่อเจอตรัย
“คุณมาทำอะไรที่บ้านฉัน ออกไปนะ”
“เธอต่างหากที่ต้องออกไป นี่เป็นบ้านของฉัน”
ปริตามองอย่างไม่พอใจ
“ฉันไม่ตลกด้วยนะ ออกไป ถ้าไม่ไป ฉันจะเรียกตำรวจมาลากคุณออกไปเอง”
เจ๊จอยรีบเดินออกมาห้าม
“อย่าเรียกตำรวจมานะ ไม่งั้นอ้อมนั่นแหล่ะจะโดนจับข้อหาบุกรุก”
ปริตามองเจ๊จอยอย่างแปลกใจ
“เจ๊จอย นี่มันหมายความว่าอะไรกัน บ้านนี้บ้านอ้อม อ้อมเอาเงินก้อนแรกมาให้เจ๊แล้ว อีกไม่นานอ้อมก็จะครบทั้งหมด”
แต่เจ๊จอยกลับบอกว่า “เก็บไว้เถอะ ไม่ต้องจ่ายเจ๊ เดี๋ยวเจ๊คืนเงินค่าดาวน์ให้นะ”
“มันยังไงกัน ?”
ตรัยยิ้มอย่างสะใจ
“ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันซื้อบ้านหลังนี้แล้ว ฉันจ่ายเงินมากกว่าที่เธอจะซื้อ แล้วบ้านหลังนี้ตกเป็นของฉัน”
ปริตาหันขวับไปทันที “เจ๊?”
เจ๊จอยหน้าเจื่อน “เจ๊ขอโทษ เดี๋ยวเจ๊ไปเบิกเงินมาคืนดาวน์ให้ เจ๊ไปก่อนนะ ธนาคารจะปิดแล้ว”
“เจ๊ขายให้ใครไม่ได้ เจ๊ต้องขายให้ฉัน”
ปริตาจะไล่ตามไป แต่เจ๊จอยวิ่งไปขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปก่อน
“อย่าไปโกรธเจ๊เลย คนขายก็อยากได้เงินมากที่สุดทั้งนั้นแหล่ะ”
“คุณต้องการอะไร ?” ปริตามองจ้องตรัยอย่างเอาเรื่อง
“ฉันต้องการบ้านหลังนี้”
ขาดคำก็เดินเข้าไปในบ้าน ปริตาโวยวายอย่างไม่พอใจ

“ออกไปจากบ้านฉัน”

รัญชิตาแต่งตัวสวยกำลังจะเตรียมออกจากบ้าน พลศิษฎ์ที่นั่งอ่านข่าวสังคมอยู่อีกมุมหนึ่ง เงยหน้าขึ้นมาทัก
 
“น้องมิ้นท์ เราดังใหญ่แล้วนะ มีข่าวลงหลายฉบับเลย”
รัญชิตารับมาดู พลางยิ้มพอใจ “มิ้นท์ไปก่อนนะคะ”
“มิ้นท์จะไปไหน ? ให้พี่ไปส่งไหม? ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เป็นธุระส่วนตัว”
พลางหันมาถามคนใช้ที่เดินเข้ามา “ของที่ฉันสั่งได้รึยัง ?”
“ดิฉันเตรียมไว้ให้แล้วค่ะ”
รัญชิตายิ้มพอใจ จากนั้นก็รีบเดินออกไป พลศิษฎ์มองตามอย่างแปลกใจ

ครู่หนึ่งรัญชิตาก็มาปรากฏตัวที่บ้านของปัทมาศ พร้อมด้วยกระเช้าใส่อาหารสุขภาพ ขณะที่ปริเทพ
กำลังจะเดินออกจากบ้านพอดี
“เธอมาทำไม ?”
“มิ้นท์มาเยี่ยมคุณอาค่ะ”
พูดจบรัญชิตาก็เดินตรงไปในบ้านทันที

ปริตาเดินเข้าในบ้าน พลางชะงักมองข้าวของที่ถูกตรัยขว้างปาระเนระนาดเกลื่อนพื้น
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ นี่มันข้าวของของฉัน”
“ฉันมีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ เพราะทุกอย่างในบ้านนี้เป็นของฉัน”
ตรัยมองเห็นภาพถ่ายครอบครัวของปริตา ที่มีพร้อมทั้งพ่อ-แม่, ปริตาและปริเทพ เขารีบกระชากออกมาจากผนัง เพราะไม่อาจทนเห็นภาพครอบครัว
“หยุดนะ”
“เธอยังจะหวงมันอีกเหรอ? มันก็แค่ภาพความรักปลอมๆ พ่อเธอไม่ได้รักเธอ เขารักเงินมากกว่าเธอซะอีก”
ตรัยพูดพลางปรายตายิ้มเยาะ ปริตารีบปราดเข้าไปยื้อภาพ แต่อีกฝ่ายยื้อกลับ สุดท้ายก็พลั้งมือทำภาพนั้นตกพื้น กรอบกระจกแตกละเอียด
ตรัยหน้าสลด เพราะลึกๆ แล้วก็อดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้ ปริตาน้ำตาคลอ เสียใจที่ถูกเขาทำร้ายความรักของเธอ จากนั้นก็ค่อยๆ ก้มตัวลงเก็บภาพ เอาภาพมากอดไว้ด้วยความรักและหวงแหน ตรัยยิ่งไม่พอใจ ผลุนผลันเดินออกไป ปริตาหันไปมอง ก่อนจะเดินไปที่หิ้งวางโกฎิแม่ พลางหยิบมาถือไว้
“แม่ช่วยอ้อมด้วย”
ปริตาพูดเจือสะอื้น พลันก็ได้ยินเสียงน้ำสาดที่มุมหนึ่งของบ้าน จึงรีบถือโกฎิเดินออกไปดู
ภาพที่เห็น คือตรัยกำลังถือถังน้ำมัน ราดไปทั่วบ้าน
“คุณจะทำอะไร ?”

“ฉันไม่อยากได้กลิ่นสาปคนจน ฉันจะเผามันทิ้ง”

ปริตาพยายามร้องห้าม แต่ไม่เป็นผล เธอจึงค่อยๆ ก้มลงต่อหน้าตรัย ที่มองอย่างแปลกใจ
 
“ฉันกราบล่ะ ฉันขอเถอะ คุณจะเกลียดฉัน ทำยังไงกับฉันก็ได้ แต่อย่าทำลายบ้านหลังนี้ อย่าทำลายบ้านของแม่”
พูดพลางก้มกราบขอร้อง ตรัยละมือจากการราดน้ำมัน แล้วก็เข้าไปดึงตัวเธอขึ้นมา.
“ออกไปจากบ้านฉัน ไปสิ เธอพูดเองว่าฉันทำยังไงกับเธอก็ได้ สิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุดคือเห็นเธอออกไปจากบ้านหลังนี้ ออกไป”
ตรัยผลักปริตาออกไปเต็มแรง
“ฉันไปก็ได้ แต่ขอให้ฉันเข้าไปเก็บของก่อน”
ปริตาจะเข้าไปเก็บของที่พื้น ตรัยยืนมอง พลางเข้าไปแย่งของในมืออย่างไม่พอใจ
“เธอจะหวงอะไรนักหนา มันก็แค่เสื้อผ้า ของเก่าๆ ที่เน่าเหม็นไม่มีราคา ไม่มีใครอยากได้มันอีกแล้ว”
“คุณไม่มีวันเข้าใจฉันเพราะคุณ มันไม่เคยรู้จักคำว่ารัก”
ปริตาตะคอกใส่หน้า ทำเอาตรัยถึงกับยืนอึ้ง
“ก่อนหน้านี้ฉันพยายามจะเข้าใจคุณ คิดว่าที่คุณเป็นอย่างนี้ เพราะคุณขาดรักจากครอบครัว แต่ตอนนี้ฉันชักไม่แน่ใจว่าปัญหามาจากครอบครัวหรือตัวคุณเอง ของพวกนี้มันไม่ใช่แค่วัตถุ มันคือความทรงจำ ที่ช่วยหล่อเลี้ยงให้เรามีกำลังใจอยู่ได้ แต่คุณกลับมองเห็นเป็นแค่ของ คนที่คิดแบบนี้ ทำกับฉันอย่างนี้ คือคนที่ไม่มีหัวใจ”
“ฉันให้เวลาหนึ่งชั่วโมง เก็บของและความทรงจำเน่าๆออกไป ก่อนที่ฉันจะเผาทุกอย่างทิ้ง”
พูดจบตรัยก็เดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้ปริตากอดโกฏิของแม่ แล้วร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น

ตรัยเดินผละออกมาด้วยความไม่พอใจ พร้อมๆ กับที่ภาพเหตุการณ์ในวัยเด็ก ย้อนกลับมาอีกครั้งเด็กชายตรัยเดินเข้าในบ้าน ชุดนักเรียนเต็มไปด้วยรอยเลอะ จังหวะนั้นพ่อก็เดินเข้ามาหา
“ทะเลาะกับเพื่อนอีกแล้วใช่ไหม ? คุณครูเขาโทรมาบอกพ่อ ว่าลูกไปฉีกภาพวาดครอบครัว
ของเพื่อน”
“ก็มันล้อว่าผมไม่มีแม่ มันไม่เคยเห็นคุณแม่ไปรับผมที่โรงเรียน”
“ลูกก็รู้ว่าคุณแม่ต้องทำงาน แล้วลูกจะโกรธเพื่อนทำไม”
เด็กชายน้ำตาคลอ
“ผมมไม่ชอบให้ใครมาล้อ ผมต่อยมันชนะด้วยนะครับ”
“ไปต่อยเขาลูกก็เจ็บ เจ็บแล้วไม่มีใครคบ มันคุ้มไหม? ลูกอยากมีเพื่อน อยากให้คนรัก ลูกก็ต้องรักคนอื่นให้มาก”
ตรัยคิดถึงคำสอนของพ่อ พลางคิดตัดสินใจบางอย่าง

รัญชิตาวางกระเช้าอาหารสุขภาพ พลางยกมือไหว้พัชรินทร์
“สวัสดีค่ะคุณอา มิ้นท์มาเยี่ยมคุณอาค่ะ มิ้นท์ซื้ออาหารสุขภาพมาฝากค่ะ”
รัญชิตายื่นกระเช้าให้ พัชรินทร์รับมาแล้วโยนทิ้ง
“ของพวกนี้ดีมากนะคะ มิ้นท์สั่งซื้อมาพิเศษ มิ้นท์อยากให้คุณอา มีสุขภาพแข็งแรง”
พูดพลางเข้าไปหยิบของ เพื่อจะเก็บใส่กระเช้า
“เธอจะให้ฉันมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร? ให้ฉันคอยนั่งเช็ดรูปถ่าย ลูกที่ตายไปแล้วอย่างนั้นเหรอ ? ฉันไม่อยากอยู่อีกแล้ว ถ้าเธอหวังดีกับฉัน ก็ฆ่าฉัน ทำเหมือนที่เธอทำกับดาว มาสิ รัญชิตา เธอฆ่าฉันให้ตายตามดาวไป”
พัชรินทร์ปราดเข้าไปจับตัวรัญชิตาเขย่าอย่างแรง
“มิ้นท์ไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะคะ คุณอาคะ มิ้นท์ขอโทษ”
พัชรินทร์ทรุดตัวร้องไห้
“มิ้นท์เอาตัวดาวกลับคืนมาไม่ได้. ขอให้คุณอาคิดว่ามิ้นท์เป็นลูกของคุณอานะคะ ดาวเป็นเพื่อนรักของมิ้นท์ มิ้นท์จะมาดูแลคุณอา ทำทุกอย่างที่ดาวเคยทำ”
รัญชิตาพูดพร้อมกับเข้าไปเก็บของในบ้านให้เป็นระเบียบ ปริเทพที่ยืนมองอยู่ ทนดูไม่ได้ รีบตรงเข้าไปกระชากตัวรัญชิตาออกจากห้อง ทิ้งให้พัชรินทร์ทรุดตัวร้องไห้เหมือนใจจะขาดตามลูกไป

รัญชิตาหยิบผ้าเข้าไปเช็ดทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน ปริเทพมายืนมอง แล้วเข้าไปกระชากตัวเธอออกมา
“ออกไป ฉันบอกให้หยุด เธอไม่มีวันเป็นดาวได้ จิตใจของดาวมีค่าและน่าบูชามากกว่าเธอ”
รัญชิตาดิ้นหลุด ไปหยุดที่ภาพบนหิ้งของปัทมาศ ก่อนที่จะร้องไห้ออกมา พร้อมกับเอื้อมมือจะไปจับภาพ แต่กลับถูกปริเทพผลักออกมา
“อย่าแตะต้องตัวดาว เอามือสกปรกของเธอออกไป”
“มิ้นท์พยายามทำทุกอย่างแล้ว พี่ต้องการอะไรอีก ?”
“ฉันเคยบอกแล้วไง ฉันต้องการให้เธอตายไปซะ ฉันไม่มีวันลืมว่าเธอฆ่าดาว อ้อมก็จดจำมันได้ดี ฉันกับอ้อม จะทำทุกอย่างที่จะให้เธอได้รับกรรมที่เธอทำกับดาว”
ปริเทพประกาศกร้าว รัญชิตาหมดความอดทน ทิ้งผ้าขี้ริ้วลงกับพื้น
“มิ้นท์พยายามทำดีที่สุดแล้ว แต่เมื่อไม่มีใครให้อภัยมิ้นท์ มิ้นท์ก็จะไม่สนใจอีกต่อไป”

ขาดคำรัญชิตาก็เดินกระแทกส้นออกไปจากบ้านทันที

ตรัยเดินย้อนกลับมา แต่กลับไม่เจอปริตาอยู่ที่บ้าน เขารีบออกเดินตามหาด้วยความกังวลใจ จนกระทั่งเห็นเธอเดินเหม่อลอยมาที่ขอบสะพาน เขารีบวิ่งถลาไปคว้าตัวไว้ เพราะเกรงว่าปริตาจะคิดสั้น
 
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
ปริตาพยานยามดิ้นรน “ปล่อยฉัน”
“ฉันไม่ปล่อยให้เธอไปตายหรอก”
ปริตาหันมามองอย่างแปลกใจ
“คุณคิดว่าฉันจะฆ่าตัวตาย ? ฉันแค่มายืนคิดหาวิธีที่จะสู้กับปัญหาต่างหาก ฉันไม่ใช่พวกยอมแพ้อะไรง่ายๆ ถึงฉันจะเข้าตาจน ฉันจะไม่ยอมหนีปัญหา ยิ่งคุณทำร้ายฉันมากเท่าไหร่ ฉันก็จะเอาชนะคุณให้ได้ ฉันจะไปเก็บของทุกๆ ชิ้นที่เป็นของฉัน คุณจะทำอะไรก็เชิญ แต่ขอบอกไว้ก่อน ถ้าคุณเผาบ้านฉัน ฉันจะเอาเรื่องคุณ ต่อให้เป็นบ้านของคุณ คุณก็เผาบ้านตัวเองไม่ได้ มันผิดกฎหมาย”
ปริตาเดินออกไป ตรัยตัดสินใจตะโกนไล่หลัง
“ฉันจะขายบ้านให้เธอ”
ปริตาหันกลับมามองอย่างแปลกใจ
“ฉันจะขายเอากำไร เธอหาเงินมาซื้อต่อให้ได้ ฉันให้เวลาแค่หนึ่งเดือน ถ้าไม่มีเงินก็อย่ามาดราม่าเรียกความสงสาร”
“ฉันจะซื้อบ้านของฉันคืนมาให้ได้”
ปริตาเชิดหน้าอย่างมั่นใจ

“เขาทำอย่างนั้นเขาต้องการอะไร ?”
ปริเทพพูดอย่างไม่พอใจ เมื่อรู้เรื่องจากปริตา
“ก็คงต้องการแกล้งอ้อม กดดันอ้อม”
“มันอาจจะมีอะไรที่มากกว่านั้น อ้อม พี่ไม่อยากให้อ้อม ไปเกี่ยวข้องกับเขาอีก”
ลัดดาวัลย์ที่นั่งฟังอยู่ด้วย พยายามพูดเตือนสติให้ปริตาปล่อยบ้านนั้นไป เพราะไม่อยากเห็นเธอเหนื่อย แต่ปริตายืนกราน
“อ้อมต้องรักษาบ้านของแม่ไว้ ต่อให้อ้อมต้องเหนื่อย ต้องลำบาก อ้อมก็ทำเพื่อแม่ได้ค่ะ”
“แล้วอ้อมจะหาเงินก้อนจากไหน? เขากดดันกระชั้นกว่าเดิมอีก?”
ปริเทพถามอย่างเป็นห่วง จังหวะเดียวกับที่ชาญวุฒิโผล่เข้ามา พร้อมกับบอกทุกคนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“พี่มีข่าวดีมาบอกครับ”

เมื่อรู้ว่าสมภพมีโครงการที่จะผลิตละคร ดอกแก้วก็ปราดเข้าไปออดอ้อนออเซาะ
“มีบทไหนที่เหมาะกับดอกแก้วบ้างไหมคะ ?”
สมภพหยิบเสื้อผ้าชุดเซ็กซี่ และแส้ โยนใส่หน้าดอกแก้ว
“จะให้ดอกแก้วเล่นบทแม่เสือนักล่าเหรอคะ ?”
ดอกแก้วพูดพลางสะบัดแส้ในมือ แต่กลับถูกสมภพแย่งแส้ไป

“อันนี้เป็นอุปกรณ์ของฉัน”

กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 11 (ต่อ)

ชาญวุฒิส่งแฟ้มเรื่องย่อละครให้ปริตา
 
“คุณสมภพจะเปิดละครเรื่อง “ร้ายรักร้ายมารยา”…”
ปริตาพลิกอ่านข้อมูลในแฟ้ม
“เรื่องราวของเพื่อนรัก ที่มีผู้ชายมาเกี่ยวพันความรักที่ไม่ลงตัว”
“คนคิดเรื่องนี่ก็เก่งนะ สร้างเรื่องได้เหมือนชีวิตจริง พี่อ่านครั้งแรกก็นึกถึงน้องดาว น้องมิ้นท์ที่หลงรักคุณตรัย ดีนะที่ไม่มีน้องอ้อมร่วมวงอีกคน”
ปริตาถึงกับอึ้ง ปริเทพสังเกตสีหน้าของน้องสาว ก็รีบเปลี่ยนเรื่อง
“พี่ชาญจะให้อ้อมไปแคสละครเรื่องนี้เหรอครับ ?”
“ไม่ต้องแคส คุณสมภพเขาโอเคกับน้องอ้อม ชื่อเสียงกำลังมา งานนี้คุณสมภพยกให้ฉันดูแลการผลิตทั้งหมด น้องอ้อมโอเคนะ อย่าให้พี่เสียหน้าเสียชื่อ มันจะเป็นบันไดก้าวสู่การเป็นผู้จัดในอนาคต”
ชาญวุฒิพูดพลางหันมามองหน้าปริตา รอฟังการตัดสินของเธอ

เมื่ออยู่กันตามลำพัง ปริเทพก็อดที่จะเตือนน้องสาวด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
“พี่อยากให้อ้อมได้งานนะ แต่พี่ไม่เห็นด้วยที่อ้อมจะร่วมงานกับคุณสมภพ”
“อ้อมไม่มีทางเลือกแล้วค่ะ อ้อมต้องเอาเงินก้อนไปจ่ายค่าบ้านให้หมด”
“อ้อมก็รู้ว่าเขาไม่น่าไว้ใจ พี่อดห่วงไม่ได้”
ปริตาพยักหน้าอย่างเข้าใจความเป็นห่วงของพี่ชาย
“ในกองถ่ายมีทีมงานเยอะแยะ อ้อมจะระวังตัวให้มากที่สุด”
“อย่าประมาทนะ อ้อมไม่ทันคนแบบนั้นหรอก”
ปริตาหน้าเครียด แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้

พริดาทุบประตูรัว ครู่หนึ่งสมภพก็เปิดประตูออกมา
“ฉันบอกแล้วไงอย่ามากวนฉันอีก”
“คุณอยู่กับใคร ?”
โดยไม่รอฟังคำตอบ เธอผลักสมภพแล้วบุกเข้าไปถึงห้องนอนแต่กลับไม่พบใคร มีแต่แส้ที่ตกอยู่ที่พื้น.และชุดชั้นในวางกองอยู่

ดอกแก้วยืนแข้งขาสั่น หลบอยู่ที่ระเบียงคอนโด พริดากำลังจะเดินตรงไป แต่กลับถูกสมภพกระชากตัวลับมา ก่อนที่จะตบหน้าเต็มแรง
“ออกไปจากห้องฉัน”
“พอลลี่ไม่ใช่ของเล่น ที่คุณนึกจะโยนให้ใครก็ได้ คุณไม่รักพอลลี่แล้ว ?”
สมภพมองอย่างรำคาญ
“อย่าหวังให้มาก เธอก็แค่มาเกาะฉันดัง ฉันหาละครให้เธอเล่น ถือว่าฉันตอบแทนที่เธอบำบัดสุขให้ฉัน ออกไปได้แล้ว”
พริดาเดินออกจากห้องทั้งน้ำตาคลอ ดอกแก้วปีนกลับเข้ามาด้านใน ทั้งที่ยังหวาดกลัวไม่หาย
“ถ้าพอลลี่รู้ว่าเป็นดอกแก้ว พอลลี่เอาดอกแก้วตายแน่ค่ะ”
“เธอสวมบทสาวใจเด็ดได้สมบทบาทมาก ฉันขอทดสอบความกล้าอีกหน่อย”
ขาดคำสมภพก็กระชากผ้าผ่านคอนโดเปิดออก แล้วหยิบแส้ขึ้นมา ดอกแก้วมองอย่างตกใจกลัว

ต้อยติ่งกำลังช่วยทีมงานยกราวผ้าเพื่อใช้ฟิตติ้งละคร ครู่หนึ่งชาญวุฒิก็เดินเข้ามาเรียก ต้อยติ่งรีบเดินเข้าไปพูดอ้อน
“บอสคะ ติ่งเตรียมให้บอสเรียบร้อยแล้วค่ะ ติ่งชนะเลิศไหมคะบอสขา ?”
ชาญวุฒิมองอย่างงงๆ
“แกเป็นอะไร วันก่อนเหวี่ยงใส่ฉัน วันนี้มาดีซะงั้น ?”
“ติ่งก็เป็นของติ่งอย่างนี้ล่ะ รักใครรักจริง ไม่ทิ้งขว้างค่ะบอส”..
ชาญวุฒิส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ก่อนที่จะเดินหนีเข้าไปด้านใน ศิโรจน์ยืนมองด้วยความไม่พอใจ ที่เห็นต้อยติ่งยังตอแยชาญวุฒิไม่เลิก
“เป็นไรมากปะเนี่ย เจ็บแล้วไม่ทำ ยังจะไปทำดีกับเขาอีก?”
ต้อยติ่งยักไหล่ “ฉันเจ็บแล้วก็จำ แต่มันทำใจไม่ได้ ก็คนมันรัก”
“อย่าบอกนะว่าเธอจะเดินหน้าเข้าไฟ ?”
“ไฟมันไม่ได้ร้อนเสมอไปหรอก ไฟเย็นก็สวยนะ ฉันนี่แหล่ะ จะทำให้บอสเปลี่ยนใจจากเก้งกวางมาเยื้องย่างข้างชะนี ว่าแต่งานนี้ไม่เกี่ยวกับบริษัทนาย มาทำไม ?”
“มาช่วยบอส”

ต้อยติ่งเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ “คุณตรัยเกี่ยวอะไรด้วย ?”

ตรัยกับรัญชิตาเดินเข้ามาในสตูดิโอพร้อมกัน เขายืนส่งเธอเข้าในด้านใน จากนั้นก็เดินแยกไปทางฝั่งสตูดิโอ ต้อยติ่งลอบถอนหายใจอย่างอย่างกังวลใจ
 
ปริตาเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว ก็รีบเดินออกจากห้องแต่งตัว คลาดกับรัญชิตาไปแบบฉิวเฉียด

ชาญวุฒิเตรียมฟิตติ้งเสื้อผ้านักแสดงละคร พลางหันมาสั่งให้ต้อยติ่งตามปริตาเข้ามาก่อน ครู่หนึ่ง
ปริตาก็เดินเข้ามา ตรัยมองอย่างตะลึงในความงาม ขณะที่เธอกลับปรายตามองเขาแล้วเมินหน้าหนี พลางรีบเดินตรงไปหาชาญวุฒิ
“เป๊ะมาก ตรงคาเรกเตอร์ตัวละครที่สุด ช่างภาพลุยเลยครับ”
ชาญวุฒิหันไปสั่งช่างภาพ แต่กลับไม่เจอใคร จนทีมงานเข้ามาบอก
“โทร. ตามแล้ว กำลังเดินทางค่ะ”
ชาญวุฒิส่ายหน้าเซ็ง “น้องอ้อมรอแป๊บนะ”
ปริตารับคำยิ้มๆ แต่ตรัยรีบเข้ามาบอก
“ผมรอไม่ได้ครับ ผมกับมิ้นท์ต้องไปออกงานด้วยกันต่อ พี่ชาญเลื่อนวันฟิตติ้งนะครับ”
“เหลือคิวฟิตติ้งวันเดียวเท่านั้นครับ ต้องรีบเปิดกล้องแล้ว”
ตรัยหน้าเครียด “งานโน้นก็เลื่อนไม่ได้ครับ”
ปริตายิ้มเยาะ “อ้อมว่าเปลี่ยนนักแสดงง่ายกว่าไหมคะ?”
ตรัยหันขวับไปมองปริตาด้วยสีหน้าไม่พอใจ ขณะที่ชาญวุฒิยิ้มออก
“พี่นึกออกแล้ว รบกวนคุณตรัยช่วยเป็นช่างภาพจำเป็นก่อน คุณตรัยและน้องมิ้นท์จะได้ไปงานทันเวลาด้วยนะครับ พี่ขอ”

ปริตายืนโพสท่า โดยมีตรัยทำหน้าที่เป็นช่างภาพ ชาญวุฒิคอยกำกับและแนะนำอารมณ์ตัวละคร
“ตัวละครตัวนี้อ่อนโยน อ่อนหวาน จริงใจและมีรักเดียวที่มั่นคง แล้วก็มีพัฒนาการของความผิดหวังถูกคนรักกระทำ เธอจึงทั้งรักทั้งเกลียด”
ปริตาจ้องมองไปที่ตรัย แล้วก็สื่ออารมณ์ออกมาตามที่ชาญวุฒิอธิบาย
“ชัดมาก เก่งมาก พี่ขออีกฟิวหนึ่ง รักแบบบูชา เสียสละทุกอย่างได้เพื่อรัก”
ปริตากำลังจะตั้งท่าโพส แต่ตรัยกลับพูดขัดขึ้นมา
“พี่ชาญขอให้รักไม่ใช่เกลียด เล่นยากหน่อยนะ คนไม่เคยมีคนรัก”
ปริตาข่มความไม่พอใจ พยายามตั้งสติ หลับตาแล้วก็ลืมตามองไปตรงหน้า พร้อมกับเปลี่ยนอารมณ์ได้ทันที สีหน้าสดใส มีความสุข จนตรัยแอบแปลกใจ
“สื่อรักได้ชัดมาก คราวนี้ขอรักสดใสของวัยนักศึกษา”
ปริตาหยุดโพส ก่อนจะเดินตรงมา ตรัยชะงักมอง แต่แล้วเธอกลับเดินผ่านเขาไปหาพลศิษฎ์ที่ยืนอยู่มุมหนึ่งของสตูดิโอ
“พี่มาร์ทคะ ช่วยอ้อมหน่อยนะคะ”
พลางจูงมือพลศิษฎ์มายืนหลังตรัย
“พี่มาร์ทยืนตรงนี้นะคะ อ้อมจะได้ส่งความรู้สึกมาหาพี่มาร์ท”
จากนั้นปริตาก็กลับเข้าไปยืนในฉาก พลางโพสท่า พร้อมกับสบตาหวานให้พลศิษฎ์ ตรัยมองอย่างไม่พอใจ แต่ก็จำต้องทำตามหน้าที่
พริดายืนมองที่มุมหนึ่ง ก็นึกแปลกใจและเริ่มสงสัยว่าตรัยจะชอบปริตา

รัญชิตาแต่งตัวเสร็จกำลังจะเดินออกไปด้านนอก แต่ต้อยติ่งพยายามรั้งไว้ เพราะไม่อยากให้เธอเจอกับปริตา
“น้องมิ้นท์นั่งรอแป๊บ พี่ออกไปดูว่าข้างนอกถ่ายเสร็จยัง”
“ถ่ายใครอยู่คะ? พี่ยังไม่บอกมิ้นท์เลยว่ามิ้นท์เล่นกับใครบ้าง ?”
ต้อยติ่งอึกอัก จังหวะนั้นพริดาก็เดินยิ้มเข้ามา
“พี่ติ่งบอกไปสิคะ ว่าละครเรื่องนี้มีพอลลี่ แล้วก็..”
รัญชิตาขัดขึ้น “ฉันรู้ล่ะ พี่ติ่งไม่ให้ฉันออกไป เพราะรู้ดีว่าฉันเหม็น ขี้หน้าคนบางคน”
“อย่าเสียเวลามากัดฉันอยู่เลย เอาเวลาไปไล่จับแมว ที่คิดขโมยปลาย่างของเธอดีกว่า”
“เธอหมายถึงใคร ?”
พริดายิ้มเยาะ “เพื่อนรักหักเหลี่ยม ที่คิดจับคุณตรัย”

รัญชิตามั่นใจว่าเป็นปริตา รีบเดินพุ่งออกไปทันที




รัญชิตาเดินเข้ามาในสตูดิโอ เห็นตรัยกำลังกำกับท่าทางให้ปริตา ก็รีบตรงรี่เข้าไปโวยวายกับชาญวุฒิ
 
“พี่ชาญคะ เรามีเรื่องต้องคุยกันค่ะ”
ปริตาหันมาเห็น ก็รีบผละออกห่างตรัย
“น้องมิ้นท์มีอะไร ออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่านะครับ”
ชาญวุฒิพยายามยิ้มอย่างใจเย็น แต่รัญชิตาไม่สนใจ
“คุยตรงนี้แหล่ะค่ะ เพราะคู่กรณีมิ้นท์อยู่ตรงนี้”
พูดพลางปรายตามองไปที่ปริตา ที่รีบพูดตัดบท เพราะไม่อยากมีเรื่อง
“อ้อมไปเปลี่ยนชุดใหม่นะคะ”
“เปลี่ยนชุดคืนทีมงานแล้วกลับบ้านไปซะ”
ปริตาไม่พอใจ หันขวับมองรัญชิตา
“พี่ชาญไม่บอกมิ้นท์สักคำว่าปริตามาเล่นด้วย”
ชาญวุฒิหน้าเจื่อน “พี่ขอโทษ งานนี้คุณสมภพประสานทางน้องมิ้นท์โดยตรง พี่คิดว่าคุณสมภพแจ้งน้องมิ้นท์แล้ว”
ขาดคำ สมภพก็เดินเข้ามาในสตูดิโอพอดี
“ผมพลาดเองที่ไม่ได้แจ้งว่าใครแสดงบ้าง แต่ผมคิดว่าระดับมืออาชีพ น่าจะร่วมงานได้กับทุกคน”
รัญชิตาชักสีหน้า
“มิ้นท์ยังไม่โปรพอค่ะ มิ้นท์ขอเลือกเพื่อนร่วมงาน แล้วถ้าละครเรื่องนี้มีปริตา ก็จะไม่มีมิ้นท์”
ปริตาตกใจที่รัญชิตาจงใจบีบเธอ ตรัยเองก็คาดไม่ถึง
“เหตุผลของมิ้นท์คือ ละครคือการแสดง แต่ชีวิตจริงมิ้นท์ไม่แสดงอีกแล้ว มิ้นท์ไม่สามารถปั้นหน้าเฟคใส่ใครได้ มิ้นท์ถอนตัวค่ะ”
“ไม่ได้นะครับ ละครเรื่องนี้คุณชาลินีเป็นสปอนเซอร์ใหญ่ คุณถอนตัวคุณชาลินีก็ถอนโฆษณา เอาอย่างนี้แล้วกัน ผมจะให้คนเขียนปรับบทให้คุณสองคนไม่ต้องเจอกัน”
สมภพพยายามอธิบาย แต่รัญชิตายืนยันเสียงแข็ง
“ไม่ค่ะ ไม่ใช่แค่ไม่เจอ แต่ต้องไม่มีชื่อปริตาอยู่ในละครเรื่องนี้”
รัญชิตาจงใจบีบปริตาทุกทาง จนตรัยอดสงสารไม่ได้
“ว่าไงคะคุณสมภพ ถ้าคุณไม่ตัดชื่อออก ก็คุยกับแม่มิ้นท์”
พูดจบก็หยิบโทรศัพท์กดโทรหาชาลินี
“คุณแม่คะ คุณสมภพมีเรื่องจะคุยด้วยค่ะ”
จากนั้นก็ยื่นมือถือส่งให้สมภพ ที่รับมาด้วยความอึดอัด
“ครับคุณชาลินี....”
ปริตาที่ยืนนิ่งอยู่นาน ตัดสินใจโพล่งออกมา
“อ้อมขอถอนตัวค่ะ อย่าให้อ้อมเป็นภาระกับทุกคนเลย”
ตรัยตกใจ ขณะที่รัญชิตายิ้มสะใจ
“ฟิตติ้งเรียบร้อยดีครับ วันเปิดกล้องเรียนเชิญคุณชาลินีมาเป็นเกียรตินะครับ”
สมภพวางสายแล้วส่งโทรศัพท์คืนให้รัญชิตา พร้อมๆ กับที่ช่างภาพเดินเข้ามา
“ขอโทษด้วยนะครับที่มาสาย เชิญนักแสดงหลักสามคนเลยครับ”
พลางมองไปที่ปริตา รัญชิตา และพริดา
ปริตาเสียใจที่โดนรัญชิตากดดัน ซ้ำตรัยกลับยืนเฉย เธอจึงผลุนผลันเดินออกไป พลศิษฎ์ขยับตัวจะเดินตามไป แต่รัญชิตาพูดขัดขึ้นมา
“พี่มาร์ทเลิกยุ่งกับคนที่มิ้นท์เกลียดสักทีเถอะค่ะ”
“เราเอาแต่ใจมากเกินไปแล้ว”
พูดจบก็รีบเดินตามปริตาออกไปชาญวุฒิถอนหายใจ ก่อนจะหันมาถามสมภพ
“แล้วจะหาใครแทนครับ ?”
“ผมให้ดอกแก้วเล่นแทน เดิมทีผมวางบทให้เป็นตัวตามพอลลี่ ก็ปรับให้ดอกแก้วเล่นแทนอ้อม”
ดอกแก้วยิ้มดีใจ พลางรีบยกมือสวัสดีทุกคน
“ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ ดอกแก้วฝากตัวด้วยนะคะ”

พริดาเขม้นมองอย่างแปลกใจที่สมภพส่งเสริมดอกแก้วออกนอกหน้า

ปริตาวิ่งเข้ามาในห้องแต่งตัว พลางมายืนร้องไห้ที่หน้ากระจก ทั้งเสียใจที่โดนรัญชิตาบีบให้ออกจากละคร แล้วก็เครียดที่ไม่มีเงินไปซื้อบ้าน


ครู่หนึ่งตรัยก็เดินเข้ามา เธอมองเห็นเงาของเขาสะท้อนในกระจก ก็หันไปต่อว่า
“สะใจคุณรึยัง? คุณตั้งใจกันท่าฉันทุกทาง ไม่ให้ฉันได้งาน ไม่มีเงินไปจ่ายค่าบ้านให้คุณ”
“มันไม่เกี่ยวกับฉัน”
ปริตาตะคอกใส่หน้า “คุณยังกล้าปฎิเสธ ทั้งๆ ที่ผู้หญิงของคุณทำกับฉัน ?”
“ มิ้นท์กับฉัน แล้วไง ต่อให้ฉันจะร่วมมือหรือไม่ร่วมมือ เธอก็ต้องไปหาเงินมาจ่ายค่าบ้านให้
ตรงกำหนด ไม่งั้นฉันจะขายให้คนอื่น เงินไม่กี่ล้านมันไม่ยากนักหรอก เธอก็บอกคนรักของเธอสิ ผู้ชายที่เธออยู่ด้วยแล้วทำให้เธอมีความสุข ยิ้มออกมาได้อย่างสดใส”
ปริตามองจ้องตรัย รู้ดีว่าเขาหมายถึงพลศิษฎ์
“ฉันไม่เคยคิดพึ่งใคร บ้านหลังนั้นต้องได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของฉัน”
“ไม่เอาน่า ชีวิตถึงทางตันก็อย่าอุดมคติให้มากนัก ผู้หญิงสมัยนี้อยากได้อะไรก็แค่เอาตัวเข้าแลก”
ปริตายกหลังมือปาดน้ำตา ก่อนจะตอกกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“บ้านของฉันต้องมาด้วยเงินบริสุทธิ์ของฉัน”
“อยู่ในโลกความฝันมากไป บ้านของเธอมันก็เป็นได้แค่ฝัน”
ตรัยมองเย้ย ปริตาทนไม่ไหว ผลักเขาเต็มแรง แล้ววิ่งหนีเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนที่จะร้องไห้ระบายความอึดอัดในใจออกมา
ตรัยรู้สึกผิด เงื้อมือจะเคาะห้องด้วยความเป็นห่วง แต่แล้วกลับชะงักมือค้างไว้

“คิดแล้วก็น่าเสียดายนะ ฉันว่าถ้าเธอได้เล่นกับอ้อม คงมีซีนมันส์ๆ แซ่บๆ แน่”
พริดาเอียงหน้ามากระซิบกับรัญชิตาขณะกำลังโพสท่าถ่ายภาพร่วมเฟรมเดียวกัน
“ตัวละครแสนดีแต่ร้ายลึก เหมาะกับยัยอ้อมมาก ดูสิ ยัยอ้อมไป คุณตรัยก็หายไปอีกแล้ว”
รัญชิตาหันไปมอง ไม่เห็นตรัยตามที่พริดาบอกจริงๆ
“มิ้นท์ขอพักก่อนค่ะ”
พูดจบก็รีบเดินออกไป พริดาแอบยิ้มสะใจ..

ปริตาเปลี่ยนชุดเสร็จ ก็เดินไปหยิบกระเป๋าจะเดินออกไป แต่กลับถูกตรัยคว้าแขนไว้
“กลับมาคุยกันก่อน”
“ฉันไม่มีอะไรจะคุย”
ขณะกำลังยื้ดยุดกันอยู่ รัญชิตาก็โผล่เข้ามา ตรัยรีบปล่อยมือ ปริตาสะบัดหน้าจะเดินออกไป
“เธอจะกลับไปไหน? เธอยังไม่ได้ฟิตติ้งชุดเลย”

ครู่หนึ่งตรัย ปริตา และรัญชิตาก็เดินกลับเข้ามาในสตูดิโอพร้อมกัน ทุกคนหันไปมองอย่างแปลกใจ
“มีอะไรเปลี่ยนแปลงรึเปล่าครับ ?”
สมภพรีบถามขึ้นทันที
“มิ้นท์อยากร่วมงานกับอดีตเพื่อนรักค่ะ”
ปริตายิ้มพอใจ แต่...
“จากเรื่องย่อที่มิ้นท์อ่าน บทของอ้อมเป็นเพื่อนที่ยอมคนก้มหัวให้กับเพื่อนได้ทุกเรื่อง ไม่ตรง
คาเรกเตอร์อ้อมเลย มิ้นท์ขอทดสอบการแสดงค่ะ”
ปริตาตกใจที่รัญชิตาหาเรื่องแกล้งเธอ

“ว่าไงจ๊ะอ้อม แสดงให้ฉันดูหน่อย ว่าเธอทำได้?”

กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 11 (ต่อ)

รัญชิตาเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้กลางสตูดิโอ โดยสวมบทบาทตามคาแรกเตอร์ของตัวละครในเรื่อง
 
“ตายจริง รองเท้าฉันเลอะเปื้อนดินเพื่อนรัก ช่วยฉันเช็ด รองเท้าหน่อยสิ”
ตรัยและทุกคนมองว่าเธอจะตัดสินใจอย่างไร ปริตาข่มความไม่พอใจ เดินออกไปจากฉาก ก่อนที่จะเดินกลับเข้ามาพร้อมกับผ้าผืนเล็กๆ พลางนั่งลงใกล้ๆ กับเท้าของรัญชิตา
“ฉันเช็ดให้นะจ๊ะ”
จากนั้นก็ค่อยๆ เช็ดเท้าให้ รัญชิตายิ้มพอใจ สมภพรีบปราดเข้าไปประคองปริตาลุกขึ้น
“คุณอ้อมแสดงได้สมบทบาทมาก ขอเสียงปรบมือให้กับนักแสดงเจ้าบทบาทด้วยครับ”
ทุกคนปรบมือให้ ปริตายิ้มรับ พลางหันไปมองรัญชิตาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“อย่างนี้ก็ต้องมีการวางตัวละครใหม่สิครับ ?”
ชาญวุฒิหันมาถามสมภพ ดอกแก้วรีบป้องปากกระซิบกับพริดา
“มันจะยากอะไรล่ะ ก็โยกให้อ้อมเล่นบทเป็นตัวตามเธอสิ”
สมภพหันมามองตำหนิดอกแก้ว
“เรื่องโยกตัวนะใช่ แต่โยกเธอไปเล่นบทเดิม”
ดอกแก้วหน้าเหวอ กำลังจะขยับตัวไปพูดอ้อนสมภพ แต่พอเห็นว่าทุกคนมองอยู่ จึงจำต้องพยักหน้ารับ พริดาลอบมองสมภพกับดอกแก้วอย่างแปลกใจในท่าทีของทั้งคู่

ช่างภาพกดชัตเตอร์รัว ถ่ายภาพปริตา รัญชิตา และพริดา ที่เป็นแก๊งเพื่อนรักกัน
“ผมขอภาพแรงๆ เพื่อนรักจะตบตีกัน”
สมภพตะโกนสั่ง ปริตากับรัญชิตาทำท่าเงื้อมือจะตบกัน โดยมีพริดามองด้วยความสะใจ ชาญวุฒิยิ้มอย่างพอใจ
“น้องมินท์อินเนอร์แรงมาก”
ต้อยติ่งรีบเสริมอย่างเอาใจ “ใช่ค่ะบอส ติ่งว่าแรงทั้งเซ็ทค่ะ คนหนึ่งก็อยากตบ คนหนึ่งก็อยากเอาคืน”
ชาญวุฒิปรายตามองไปที่พริดา “ส่วนอีกคนก็จิกหน้าสาระแนยุส่ง”

ปริตาเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว ก็มาเข้ามานั่งที่หน้าโต๊ะกระจก เพื่อเช็ดเครื่องสำอาง ครู่หนึ่งรัญชิตาก็เดินเข้ามา พลางยิ้มหยัน
“ฉันล่ะยอมเธอจริงๆ ไม่มียางอาย”
ปริตาข่มใจไม่ตอบโต้ ยิ่งทำให้รัญชิตาไม่พอใจ
“นี่ถ้าฉันสั่งให้นวดเท้า ตัดเล็บเหมือนสั่งพวกคนใช้เธอก็คงทำได้”
“แล้วทำไมไม่สั่งล่ะ ฉันจะทำให้ ฉันทำได้ทุกอย่างเพื่อเงิน”
ปริตาพูดยั่ว ยิ่งทำให้รัญชิตาโกรธจัด
“หน้าหนาอย่างเธอล้างด้วยโทนเนอร์ก็เอาไม่ออกหรอก มันต้องใช้น้ำยาขัดห้องน้ำล้าง”
พูดพลางคว้าขวดโทนเนอร์สาดใส่หน้า ปริตาอดทน ไม่ตอบโต้ แต่กลับหยิบผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดตัวที่เปียกอย่างมาใส่ใจ รัญชิตาทนไม่ไหวกระชากตัวมาตะคอกถาม
“เมื่อกี้คุณตรัยเข้ามาคุยอะไรกับเธอในห้องแต่งตัว”
“เขามาแสดงความเห็นใจ ที่เธอแกล้งฉัน”
รัญชิตาเบ้ปาก “ฉันไม่เชื่อ เขาก็คงมาสมน้ำหน้าเธอมากกว่า”
“ไม่อยากรู้อีกเหรอ? ว่าเราคุยอะไรกันอีก ประโยคสุดท้ายก่อนที่เธอจะเข้ามาในห้อง ฉันบอกเขาว่า
คุณอยากได้อะไร ฉันให้คุณได้มากกว่าเธอ”
ปริตายิ้มเย้ยแล้วเช็ดหน้าต่อไป
“อย่ามายุ่งกับคนรักของฉัน”
“คนรักของเธอ แต่อาจเป็นสามีของใคร ?”
พูดจบปริตาก็ก้มเก็บของจะใส่กระเป๋า แต่รัญชิตากลับกวาดของบนโต๊ะทิ้งด้วยความโมโห
“เธอหมายถึงใคร ?”
“ฉันฝึกงานใกล้ชิดกับเขามาสามเดือน มันคงไม่แปลกที่เขาจะเผลอใจให้ฉัน เธอลองนึกย้อนไปสิ บ่อยครั้งที่เธอก็เห็นว่าเขาอยู่กับฉัน เขาบุกไปหาฉันที่สังขละบุรี เขาไปทำอะไร? เขาไม่ได้ไปทำงาน แต่เขารู้ว่าฉันอยู่ที่นั่น เขามาตามหาฉัน แล้วเขาก็ขอนอนค้างกับฉัน ฉันอยากจะเล่ารายละเอียดทุกช็อตให้ฟัง แต่กลัวเธอจะหัวใจ
วายตายซะก่อน หรือว่าอยากจะฟัง ก็ได้นะที่เขามานอนค้างคืน เขาก็...”
รัญชิตาทนฟังต่อไปไม่ไห้ จึงฟาดฝ่ามือใส่หน้าปริตาเต็มแรง อีกฝ่ายตบกลับอย่างไม่ยอมแพ้
“เธอกำลังใช้วิธีเดียวกับยัยดาว”
“ฉันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก แต่ไม่แน่.ถ้ามันจะทำให้ฉันชนะเธอได้”
รัญชิตาพุ่งเข้าตบปริตาอีก พริดาและดอกแก้วเข้ามายืนมอง พลางยิ้มอย่างสะใจ
“ตบให้ตายไปข้างนึงเลย ฉันจะได้สวมบทบาทแทน”
จากนั้นทั้งคู่ก็เดินผละออกไป
“คนฉลาดเขาไม่ใช้กำลัง แต่ใช้สมอง เก็บแรงไว้สู้กันในกองถ่ายดีกว่า เรายังต้องเจอกันอีกนาน”
ปริตาพูดยิ้มๆ ยังไม่ทันที่รัญชิตาจะพูดตอบโต้ ตรัยก็เดินเข้ามาพอดี ปริตารีบผละออกจากรัญชิตา พลางเดินยิ้มยั่วเข้าไปหาเขา
“รับข้อเสนอของอ้อมไว้พิจารณานะคะ แล้วเจอกันค่ะ”
พูดจบก็เดินออกจากห้องไป ตรัยนึกแปลกใจในท่าทีของเธอ

ปริตายิ้มสะใจที่แกล้งยั่วรัญชิตาได้สำเร็จ

ตรัยรีบปราดเข้ามาขอเคลียร์กับรัญชิตา ที่ดูท่าทีไม่พอใจอย่างแรง แต่กลับถูกอีกฝ่ายย้อนถาม
 
“เคลียร์กันในฐานะอะไรคะ เพื่อนร่วมงาน? หรือคนที่รักกัน?”
ตรัยถึงกับพูดไม่ออก รัญชิตารู้ดีว่าเขาไม่มีใจให้เธอก็ยิ่งเสียใจ
“ถ้าคุณมีคำตอบแล้วบอกมิ้นท์ด้วยนะคะ”
จากนั้นก็รีบเดินไปเรียกรถแท็กซี่แล้วออกไปจากสตูดิโอทันที พริดาที่ยืนอยู่กับดอกแก้วแอบมองด้วยความสะใจ
ดอกแก้วเห็นสมภพกำลังจะออกจากสตูดิโอ ก็รีบปลีกตัวจากพริดา ทำเอาอีกฝ่ายมองด้วยความคลางแคลงใจ

ดอกแก้วรีบวิ่งเข้ามาดักหน้าสมภพ พร้อมกับพูดจาออดอ้อน
“คุณสมภพใจร้ายกับดอกแก้ว”
“เธอเริ่มงานชิ้นแรกก็ค่อยๆ ไต่ ถ้ายังมีฉันคอยดัน เธอไปถึงฝันแน่”
“กลับกันเถอะค่ะ”
พูดพลางควงแขนจะออกไป สมภพมองเห็นพริดาเดินเข้ามาแต่ไกล ก็รีบสงวนท่าที
“แล้วเจอกันวันถ่ายทำ”
ดอกแก้วหันมองตามไป พอเห็นพริดากำลังเดินตรงมา ก็ก็รีบถอยออกห่าง พลางไหว้ลา
“ ขอบคุณนะคะที่ให้โอกาสดอกแก้ว ดอกแก้วจะทำให้ดีที่สุดค่ะ”
สมภพปรายตามองพริดาแว่บหนึ่ง แล้วรีบเดินเลี่ยงออกไป ขณะที่อีกฝ่ายเดินตรงรี่เข้ามาหา
ดอกแก้ว อย่างไม่ค่อยไว้ใจ
“ทำไมเขาให้เธอแสดงละคร ?”
“เขาเห็นว่าฉันเป็นเพื่อนเธอ เขาก็นำเสนองานให้ฉัน ขอบใจเธอมากนะเพื่อนรัก เธอรีบตามคุณสมภพไปสิ”
“ฉันเลิกกับเขาแล้ว เขามีผู้หญิงคนใหม่”
ดอกแก้วรีบพูดกลบเกลื่อน “ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน เธอรู้ตัวบอกฉัน ฉันจะไปดักตบให้”
“ไม่ต้องหรอก ใครที่แย่งของฉัน ฉันจัดการเอง”
พูดจบก็รีบเดินออกไป ดอกแก้วแอบยิ้มสะใจที่อีกฝ่ายไม่รู้ว่าผู้หญิงคนใหม่ของสมภพ คือเธอเอง !!
ปริเทพนั่งอยู่ในห้องนอน พลางมองภาพวาดของปัทมาศ แล้วก็นึกถึงคำพูดสุดท้ายก่อนที่เธอจะหมดลมหายใจ
“บอกมิ้นท์ด้วย ดาวเห็นแก่ตัวเกินไป ดาวขอโทษ อโหสิกรรมให้ดาวด้วย”
ยิ่งนึก ก็ยิ่งแค้นใจรัญชิตา
“ดาวไม่จำเป็นต้องขอโทษมิ้นท์ มิ้นท์ต่างหากที่ผิด มิ้นท์ทำร้ายดาวทุกเรื่อง พี่จำเป็นต้องทวงคืนความเป็นธรรมให้ดาว”

ปริตาจึงนั่งอ่านบทละครอยู่ที่มุมหนึ่ง จู่ๆ พริดาซึ่งนั่งหันหลังอยู่ก่อน ก็หันมาเหวี่ยงบททิ้ง
“ละครเรื่องแรกก็โชว์พาว คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกต้องให้คนอื่นมารอ ชาตินี้คงเจริญหรอก”
ดอกแก้วรีบปราดเข้ามาเก็บบทละครที่พื้น
“เบาสิๆ ก็รู้อยู่ว่าแม่ยัยใบมิ้นท์เน่าเป็นสปอนเซอร์ใหญ่”
พริดายิ้มเยาะ “ยัยมิ้นท์ไม่เคยทำอะไรได้ด้วยตัวเองสักครั้ง เรียนจบได้ก็เพราะยัยอ้อม ได้เล่นโฆษณาก็คอนเนคชั่น เล่นละครก็เพราะแม่ ชีวิตน่าสมเพช”
ขาดคำ รัญชิตาเดินตรงเข้ามา ดอกแก้วรีบสะกิดเตือน พริดาหันไปเห็นก็รีบลุกขึ้น แล้วเสแสร้งเข้าไปทักทายอย่างสนิทสนม
“มิ้นท์ มาแล้วเหรอจ๊ะ วันนี้เธอดูมีออร่ามาก เธอเหมาะสมที่จะเป็นนางเอกจริงๆ”
ครู่หนึ่งสมภพก็เดินเข้ามา พลางมองปริตาด้วยสายตาชื่นชม จนดอกแก้วแอบไม่พอใจ
จากนั้นสมภพก็แนะนำพ่ออู๊ดซึ่งเป็นผู้กำกับให้ทุกคนรู้จัก
“สวัสดีค่ะ”
พ่ออู๊ดยิ้มอย่างผู้ใหญ่ใจดี
“ไหว้พระเถอะลูก พ่อดีใจที่เราได้ร่วมงานกัน ตามหลักพุทธศาสนาแล้ว..พวกเราได้มาเจอกันล้วนแต่ทำกรรมร่วมกันมา กรรมที่ว่าหมายถึงกรรมดี เราถึงได้มาทำสิ่งดีๆ ในละครเรื่องนี้ เปิดกล้องคิวแรกเพื่อความเป็นมงคล พ่อขอถ่ายซีน 7”
พ่ออู๊ดหันไปบอกรัญชิตา “ตัวละครรดา”

จากนั้นก็เหลือบมองมาที่ปริตา “กับเดือนเป็นเพื่อนรักกัน”

รัญชิตารีบท้วงถามขึ้นมาทันที
 
“เดือนเป็นลูกคนใช้ ไม่น่าจะเป็นเพื่อนกันได้นะคะ”
“เป็นคำถามที่ดีมาก ภายนอกเหมือนรักกันเพราะโตมาด้วยกัน แต่ลึกๆแล้วรดาเกลียดเดือน”
รัญชิตาใช้สายตามองข่มไปที่ปริตา ขณะที่พ่ออู๊ดอธิบายบทต่อ
“เดือนเรียนเก่งกว่า ดีกว่ารดาทุกๆด้าน ใครๆ ก็มักชื่นชมเดือน จนรดาเกลียดเดือน”
พริดายิ้มเยาะ “ฟังดูเหมือนรดาจะเป็นตัวอิจฉามากกว่านางเอกนะคะ”
“นางเอกไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำส้ม แสนดีเสมอไป โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว เชื่อพ่อเถอะ ชีวิตจริง เน่ายิ่งกว่าละคร”
พ่ออู๊ดพูดยิ้ม ก่อนที่จะหันมาอธิบายบทให้พริดากับดอกแก้วฟังต่อ
“ฉากนี้จ๊อยส์ กับเพื่อนพารดา มาหาเดือน เพราะเห็นเดือนหายไปกับแฟนกับของรดา รดาจึงเข้าใจผิดคิดว่าเดือนแย่งแฟนรดา ทุกคนทำการบ้านมาแล้วใช่ไหม ?”
ทุกคนรับคำพร้อมกัน “ค่ะ”
“งั้นก็เล่นเลย”
ชาญวุฒิรีบถามแทรกขึ้นมา
“เดี๋ยวก่อนครับพ่อ ฉากนี้มีตบ ชาญว่าซ้อมคิวสักนิดก็ดีนะครับ”
สมภพรีบขัดขึ้นมาว่าไม่ต้องซ้อม เพราะต้องการความสด พ่ออู๊ดจำต้องทำตามความต้องการของสมภพ ขณะที่ชาญวุฒิแอบกังวลใจ
อีกด้านหนึ่งตรัยก็เข้ามาที่กองถ่ายด้วย เพราะต้องการจะมาขอคืนดีกับรัญชิตา พร้อมกับจะมาแอบดูปริตา ส่วนศิโรจน์ก็มาพร้อมกับช่อดอกกุหลาบสีแดง ที่เสาวลักษณ์จัดฉากให้ตรัยนำมามอบให้รัญชิตา

หลังจากที่ช่างแต่งหน้าซับหน้าซับตาให้ทั้งคู่แล้ว ปริตาก็ลุกเดินเข้าไปหารัญชิตา เพื่อจะซักซ้อมคิว “มิ้นท์”
รัญชิตาเชิดหน้านิ่ง “ฉันชื่อรดา”
“รดา เธอจะตบด้านไหนก่อน ฉันจะได้หันหน้าหลบตามคิว”
“กลัวโดนฉันตบเหรอ ?”
“ฉันไม่เคยกลัว เพราะฉันไม่ยอมให้ใครตบฟรีแน่ ตกลงเธอจะเริ่มจากซ้ายหรือขวา?”
รัญชิตามองด้วยสายตาเหยียดๆ “ผู้กำกับบอกแล้วไง ต้องการความสด”
“เตี๊ยมคิวไว้ก็เล่นอารมณ์สดได้”
“ฉันไม่ชอบซ้อม ฉันชอบอะไรที่มันจริงๆ เตรียมรับมือให้ดีแล้วกัน เดือน”
พูดจบรัญชิตาก็ลุกเดินออกไปที่ฉาก ปริตานึกกังวลใจอยู่ลึกๆ

พ่ออู๊ดสั่งเริ่มการถ่ายทำในฉากที่ปริตาในบทของเดือนกำลังนั่งเขียนไดอะรี่ที่โต๊ะ พลางยิ้มมีความสุขจู่ๆ รัญชิตาในบทรดา ก็เดินตรงเข้ามากระชากไดอะรี่จากมือไป
“รดา ไดอะรี่ของฉันนะ”
“ฉันอยากได้อะไรก็ต้องได้”
รัญชิตาในบทรดา กระชากไดอะรี่มา แล้วอ่านข้อความ
“เช้านี้ฉันยังไม่ได้เจอหน้าเขา เขาทำอะไรอยู่นะ ฉันอยากให้เขารู้ ว่าฉันคิดถึงเขา”
เดือนที่รับบทโดยปริตารีบแย่งไดอะรี่คืนมา แล้วจะลุกเดินออกไป แต่กลับถูกจ๊อยส์กับเพื่อน ที่รับบทโดยพริดากับดอกแก้วเข้ามาขวาง จนรดาแย่งไดอารี่กลับไปได้
“เขา หมายถึงใคร ?”
“เขาก็คือ ใครสักคน”
รัญชิตาในบทรดาจ้องหน้าปริตาในบทเดือนเขม็ง
“คนนั้นเป็นใคร บอกฉันมานะ ? ไม่บอกใช่ไหม”
พลางฉีกไดอะรี่ทิ้ง
“รดา..อย่าทำอย่างนี้”
รดาไม่สนใจ ฉีกไดอะรี่แล้วปาใส่หน้าเดือน ที่ก้มเก็บทั้งน้ำตา
จ๊อยส์กับเพื่อนรีบยุส่ง
“เขาคนนั้นก็คือแฟนของเธอไง เมื่อวานฉันเห็นแฟนเธออยู่กับยัยเดือน”
“ใช่ คุยหนุงหนิงกันสองคน ฉันเป็นพยานได้”
รดากระชากตัวเดือนขึ้นมา “เธอคิดแย่งแฟนฉัน”
ขาดคำรัญชิตาก็ฟาดฝ่ามือใส่หน้าเต็มแรง จนปริตาตกใจ ทีมงานทุกคนก็ตกใจ สมภพยิ้มพอใจ “เล่นรับส่งกันดีมาก เร็ตติ้งมาแน่”
ชาญวุฒิรีบบอก “จบฉากแล้ว คัทสิครับ”
แต่พ่ออู๊ดไม่ยอม “แช่ภาพไว้ก่อน ขยี้อารมณ์อีกนิด”
พริดาต้องการยุรัญชิตาให้ทำร้ายปริตา จึงพูดเสริมขึ้นมา ทั้งที่ไม่มีในบท
“ดูสายตามันสิรดา มันมองเย้ย ยิ้มสะใจที่แย่งแฟนเธอ”
ชาญวุฒิรีบหันมาบอกพ่ออู๊ด “ไม่มีในบทนี่ครับ สั่งคัทเลยครับ”
พ่ออู๊ดยกมือห้าม “นักแสดงกำลังอิน ลื่นไหลไปตามชีวิตละคร มันสดและจริงมาก”
ปริตาแปลกใจที่ผู้กำกับไม่สั่งคัท จึงตัดสินใจจะเดินออกไปจากฉาก แต่กลับถูกรัญชิตาเข้ามากระชากตัวแล้วตบซ้ำ
พ่ออู๊ดรีบสั่งคัท ชาญวุฒิและต้อยติ่งรีบวิ่งไปที่หน้าเซ็ตถ่ายทำทันที ตรัยยืนมองด้วยความเป็นห่วง

รัญชิตามองเย้ยหยันปริตาที่นั่งกองอยู่ที่พื้น แล้วแกล้งพูดขอโทษ
“ฉันขอโทษด้วยนะอ้อม ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันอินจนควบคุมตัวเองไม่ได้ เธอไม่โกรธฉันนะอ้อม”
ปริตาลุกขึ้นเอง แล้วพูดใส่หน้ารัญชิตา
“ฉันชื่อเดือน เดือนยอมเพื่อนได้ทุกอย่าง แต่ถ้าเป็นอ้อมจะไม่มีวันยอมให้เธอทำอย่างนี้”
พ่ออู๊ดรีบวิ่งเข้ามาหาทั้งคู่
“ยอดเยี่ยมมาก สปิริตเต็มร้อย พ่อขออีกเทค”
ชาญวุฒิถึงกับตกใจ “เล่นจริง ตบจริง ยังจะถ่ายอีกเหรอครับพ่อ ?”
“อารมณ์นะได้ แต่กล้องตัดรับไม่ทัน”
รัญชิตาแอบยิ้มสะใจ “มิ้นท์ถ่ายใหม่ได้ค่ะ มิ้นท์อยากให้งานออกมาดีที่สุด ว่าแต่อ้อมล่ะ ไหวไหม ?”
ปริตารีบหันไปบอกพ่ออู๊ด “ได้ค่ะ”

“อดทนและสู้งาน นี่แหล่ะ ความหวังใหม่ของวงการ ไปแต่งหน้าเติมปากก่อน เดี๋ยวมาซ้อมคิวกันอีกที”

ปริตาเดินออกมาจากฉาก เพื่อจะไปเติมหน้า ตรัยรีบปราดเข้ามาดักหน้า
 
พลางถามไถ่อาการด้วยความเป็นห่วง แต่อีกฝ่ายไม่ตอบ ทั้งยังรีบเดินหนีไป ตรัยกำลังจะเดินตามไป แต่ช้ากว่าพลศิษฎ์ ที่เดินรี่เข้ามาถึงตัวปริตาก่อน
“พี่ชาญบอกว่ามิ้นท์พลาดคิว อ้อมเป็นไงบ้าง ?”
“อ้อมโอเคค่ะ”
“รอยช้ำแดงเลย พี่ไม่โอเคนะ มานี่”
พูดจบก็คว้ามือปริตาออกไป ตรัยจะตามไปอีก แต่รัญชิตาเดินเข้ามาขวางไว้ก่อน

พลศิษฎ์เอาผ้าประคบเย็นประคบที่แก้มช้ำแดงของปริตา
“เป็นไง พี่หมายถึงรู้สึกดีขึ้นไหม ?”
ปริตายิ้มรับ “ค่ะ”
พลศิษฎ์วางผ้า แล้วหันมาจับมือปริตา
“เป็นไง ?”
“ไม่ดีค่ะ”
ปริตาพูดพร้อมกับค่อยๆ ดึงมือออก
“อ้อมยังไม่มีเจ้าของ พี่ก็อยากจองไว้...”
“ถ้าพี่มาร์ทเกลียดอ้อมก็คงดีสิคะ อ้อมไม่ต้องลำบากใจ”
พลศิษฎ์ส่ายหน้าช้าๆ “พี่เกลียดอ้อมไม่ลงหรอก ต่อให้อ้อมไม่รักพี่ พี่ก็ยังรักอ้อม”
ปริตามองสบตาพลศิษฏ์อย่างกระอักกระอ่วนใจ

“มิ้นท์คิดว่าคุณจะโกรธมิ้นท์ ที่โวยวายกับคุณในวันนั้น ไม่มาหามิ้นท์อีกแล้ว ขอบคุณนะคะที่มาเป็นกำลังใจให้มิ้นท์”
รัญชิตาพูดยิ้มๆ ก่อนจะตัดพ้อด้วยความน้อยใจ
“วันนี้แปลกจัง ไม่มีดอกไม้มาให้เหมือนทุกครั้ง”
ขาดคำศิโรจน์ก็ถือช่อดอกไม้เข้ามา
“ใครบอกล่ะครับ บอสตั้งใจเซอร์ไพรส์คุณมิ้นท์ ให้ผมซ่อนไว้ตั้งนานแน่ะครับ”
พูดพลางส่งช่อดอกไม้ให้ตรัย ที่จำต้องรับมา พร้อมกับส่งให้รัญชิตา ที่ยิ้มรับ พร้อมกับปรี่เข้าไปหอมแก้ม ตรัยถึงกับชะงัก จังหวะนั้นเองเสียงชัตเตอร์ถ่ายภาพดังขึ้น พร้อมกับกลุ่มนักข่าว และช่างภาพที่กรูเข้ามา โดยมีเสาวลักษณ์ ,ชาลินีและพิชัย ตามเข้ามาติดๆ
“ถ่ายภาพคู่แบรนด์ แอมบาสเดอร์เยอะๆ เลยนะคะ”
เสาวลักษณ์หันไปบอกนักข่าว ตรัยไม่พอใจจะเดินออกไป แต่กลับถูกรัญชิตาคว้ามือไว้
“ถ่ายด้วยกันนะคะ”
ตรัยเห็นแก่หน้ารัญชิตาจึงยอมถ่ายรูปด้วย ชาลินีรับหันมาทางพิชัย
“ไปถ่ายรูปด้วยกันค่ะ”
พิชัยส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย “ผมเบื่อ”
“คุณควรออกสื่อแสดงความยินดีกับลูกบ้าง เราจำเป็นต้องสร้างภาพลักษณ์ครอบครัวแสนอบอุ่น”
“คนรักกันก็ไม่จำเป็นต้องสร้างภาพ”
ชาลินีสวนกลบับทันควัน
“ก็เพราะบางคนไม่รักดีไงคะ ฉันถึงต้องทำ”
จากนั้นก็ลากตัวพิชัยเข้าไปถ่ายภาพคู่ พร้อมกับเชิญเสาวลักษณ์มาถ่ายร่วมด้วย
พริดาที่เดินมาพร้อมดอกแก้วเห็นจังหวะที่ทั้งหมดกำลังถ่ายภาพร่วมกัน ก็แอบยิ้มเยาะแล้วรีบเดินออกไป พิชัยมองตามไปด้วยอารมณ์คิดถึง ชาลินีหันมาเห็น แต่ยังไม่นึกเอะใจ

พริดาแสร้งเข้ามาทำทีเป็นพูดดีกับปริตา
“อ้อม ตอนที่มิ้นท์ตบเธอ ฉันเป็นห่วงเธอมากนะ”
ปริตาไม่อยากคุยด้วย จะลุกเดินออกไป ดอกแก้วรีบคว้าตัวไว้
“มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะ ยังไงพวกเราก็เป็นเพื่อนเธอ”
“ฉันรู้ว่าเธอไม่พอใจที่มิ้นท์ฆ่าดาว ไม่มีดาวอยู่แล้ว เธอไม่มีใคร ฉันกับดอกแก้วพร้อมจะเป็นเพื่อนเธอ”
“ขอบใจนะ ฉันอยู่คนเดียวได้”

พูดจบ ปริตาก็เชิดหน้าเดินออกไป พริดากับดอกแก้วมองตามอย่างไม่พอใจ

กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 11 (ต่อ)

ตรัยถ่ายรูปเสร็จ ก็รีบเดินผละออกมา เสาวลักษณ์รีบเดินตามมารั้งตัวไว้
 
“ลูกอยู่ก่อนเถอะ แม่จะให้นักข่าวทำสกู๊ปสัมภาษณ์ลูกกับหนูมิ้นท์”
ตรัยถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย “ผมเบื่อแล้วครับ”
“ลูกยอมช่วยงานแม่แล้ว ก็ช่วยจนกว่าจะขายห้องหมดสิ ตอนนี้สถานการณ์การเงินบริษัทแย่มาก
นี่เป็นความหวังเดียวของแม่ ลูกช่วยดูแลหนูมิ้นท์ ช่วยพีอาร์คู่กัน แม่ขอร้อง”
เสาวลักษณ์เดินออกไป ตรัยครุ่นคิดหน้าเครียด

เสาวลักษณ์เดินเข้ามาหารัญชิตา ครู่หนึ่งตรัยก็เดินผ่านเลยไปอีกมุมหนึ่ง ทั้เสาวลักษณ์และรัญชิตามองตามด้วยความแปลกใจ ว่าเขากำลังเดินไปไหน ?

ชาลินีเดินเข้ามาเห็นพลศิษฏ์ถือแก้วน้ำเข้ามาเอาอกเอาใจปริตาก็นึกเคือง
“ตามาร์ท แกมันชอบขัดคำสั่งฉัน แทนที่จะมาช่วยดูแลน้อง กลับมาเสียเวลากับตัวประกอบ วันนี้นักข่าวมาทำข่าวน้องกันทุกค่าย ไปช่วยดูแลน้อง”
พลศิษฎ์จำต้องไปตามคำสั่ง ชาลินีรีบหันมาเล่นงานปริตาทันที
“เธอมันมารผจญ เมื่อไหร่จะเลิกยั่วลูกชายฉัน ?”
“คุณอาคะ”
ชาลินีเชิดหน้า “ไม่ต้องมานับญาติกับฉัน ลูกสาวฉันเลิกคบเธอเป็นเพื่อน เราไม่ได้มีความเกี่ยวพันกันอีก”
ปริตาสวนกลับอย่างไม่เกรงใจ “ถ้าคุณคิดอย่างนั้น คุณก็ไม่ควรมาต่อว่าอ้อมค่ะ”
“เธอก็เลิกยุ่งกับลูกชายฉันสิ อย่าทำให้ฉันเหลืออด ไม่งั้นเธอจะไม่มีที่ยืนในวงการนี้”
ชาลินีพูดขู่ แล้วเดินออกไป ปริตาหน้าเครียด เพราะต้องการทำงานเพื่อหาเงิน ตรัยกำลังจะเดินเข้ามาหา แต่สมภพปราดเข้ามาตัดหน้าก่อน
“อดทนหน่อยนะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันจะพยายามช่วยเหลือเธอเต็มที่”
พูดพลางคว้ามือปริตาขึ้นมากุม แต่เธอค่อยๆ ดึงมือออกอย่างนุ่มนวล
“มีอะไรที่อ้อมตอบแทนคุณสมภพได้ อ้อมยินดีค่ะ”
“หลังเลิกงาน เราค่อยคุยกัน โชว์ฝีมือให้เต็มที่”
พอสมภพเดินออกไป ตรัยก็เดินเข้ามา
“เธอมีอะไรดีนะ? ใครๆ ถึงได้วิ่งไล่ตอม ?”
ปริตานิ่วหน้าไม่พอใจ ก่อนที่จะเดินเลี่ยงออกไป แต่อีกฝ่ายยังตามมาตอแยไม่เลิก
“ฉันพูดแทงใจดำสิ ถึงไม่กล้าเถียง เธอคงอินกับการแสดงมาก ถึงได้เล่นละครเก่ง ฉันเห็นกับตาว่า
มีผู้ชายมาหาถึงสองคน”
ปริตายิ้มหยันก่อนจะย้อนกลับไปนิ่งๆ
“ต่อให้มีผู้ชายมาคุยด้วยกี่ร้อยกี่พันคน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ? คุณควรจะสนใจผู้หญิงของคุณ”
พูดจบก็จะเดินออกไป ตรัยรีบคว้ามือไว้
“วันก่อนเธอคุยอะไรกับมิ้นท์ ? ทำไมถึงพูดอย่างนั้นกับฉัน เธอดึงฉันเข้าไปในเกมของเธอกับมิ้นท์ ?”
ปริตายักไหล่ “คุณชอบเล่นเกมไม่ใช่เหรอคะ? เหมือนที่คุณเคยทำ”
“บอกมานะ วันนั้นเธอพูดอะไร ? มิ้นท์ถึงโกรธฉัน ?”
“อ๋อ ผิดใจกัน ก็เลยแคร์คนรัก”
ตรัยเห็ท่าทียียวนของปริตา ก็เลยประชดกลับ
“ใช่ แคร์มากด้วย ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ฉันจะแคร์เท่ากับมิ้นท์ อย่าทำให้ฉันโกรธ ฉันอาจเปลี่ยนใจ ไม่ขายบ้านให้เธอ”
ปริตาตกใจ “ไม่ได้นะ คุณก็ต้องรักษาคำพูด”
จังหวะนั้นรัญชิตาก็เดินเข้ามาพอดี
“ขอโทษนะคะ ฉันมารบกวนเวลาคุยเรื่องส่วนตัวรึเปล่า ?”
“ไม่หรอกมิ้นท์ เรื่องของเราคุยกันลงตัวแล้ว”
ปริตาทิ้งระเบิดแล้วเดินออกไป รัญชิตาจ้องหน้าตรัยอย่างนึกเคือง
“นึกว่าคุณหายไปไหน ที่แท้ก็อยู่กับเดือน..มิ้นท์หมายถึงตัวละครในเรื่องน่ะค่ะ อ้อมเล่นเป็นเดือน เพื่อนที่คิดแย่งแฟนของเพื่อน”
ปริตาหันกลับมามอง ตรัยยิ้มเยาะ
“เหรอครับ อ้อมคงจะเล่นบทนี้ได้ดีนะครับ”

แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อ ต้อยติ่งก็เข้ามาตามรัญชิตาให้ไปแต่งหน้าเตรียมเข้าฉาก

“คุณตรัยนี่ก็แปลกนะ ดูเหมือนจะสนิทสนมกับเธอ แต่ชอบไปคุยกับยัยอ้อม”
 
พริดาเข้ามาพูดเสี้ยม แต่รัญชิตาพยายามทำเป็นไม่สนใจ
“ยัยอ้อมก็เหมือนจะอินกับตัวละครมากไป แยกไม่ออกระหว่างละครกับชีวิตจริง ที่ผ่านมาเราอาจจะผิดใจกัน เพราะความเข้าใจผิด และอ้อมคอยยุให้เราเกลียดกัน ฉันรู้แล้วว่าใครคือเพื่อนแท้ เธอก็เห็นว่าฉันอยู่ข้างเธอ” รัญชิตาไม่โต้ตอบ รีบเดินออกไป พริดามองตาม มั่นใจว่าจะปั่นหัวอีกฝ่ายให้จงได้

หลังจากที่พ่ออู๊ดซักซ้อมความเข้าใจให้นักแสดงแล้ว ก็เดินเลี่ยงมานั่งประจำการหลังมอนิเตอร์เตรียมเริ่มการถ่ายทำต่อ
ปริตาจะถือไดอะรี่เข้าไปประจำตำแหน่ง แต่จู่ๆ รัญชิตาเข้ามาคว้าตัวไว้
“อ้อม ตอนฉันตบเธอล้มลงไป เธอผลักฉันออกนะ”
ปริตามองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ “พ่ออู๊ดไม่ได้สั่ง”
“ก็แค่ยื้อๆ ผลักฉันออกมา ตัวละครควรจะป้องกันตัวเอง ไม่ใช่ปล่อยให้คนอื่นทำร้ายฝ่ายเดียว มันถึงจะสมจริง”
ปริตาพยักหน้ารับ รัญชิตาแอบยิ้มสมใจ

สิ้นเสียงพ่ออู๊ดสั่งเริ่มถ่ายทำ รัญชิตาในบทรดาก็ฉีกไดอะรี่แล้วปาใส่หน้าปริตา ที่รับบทเดือน
“เธอบอกมานะ เธอจงใจแย่งแฟนฉัน”
ปริตาน้ำตาไหลพรากตามบท “ฉันไม่เคยคิดจะแย่งของของเธอ”
“โกหก”
ขาดคำรัญชิตาก็เงื้อมือ เพื่อจะตบปริตาตามคิว ทุกคนมองลุ้น แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามคิวที่พ่ออู๊ดซักซ้อมไว้ กระทั่งถึงตอนที่รัญชิตาต้องเข้าไปกระชากปริตาออกมา รัญชิตาแอบพยักหน้าให้ปริตาผลักเธอออกไปตามคิวที่นัดหมายกันไว้
“เธอยอมรับมาสิ ว่าเธอตั้งใจแย่งเขาไปจากฉัน”
“ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น”
ปริตาผลักรัญชิตาออกไป ฝ่ายถูกผลักแกล้งเซล้มลงไป ศีรษะกระแทกก้อนหิน ปริตาตกใจ ทุกคนในกองพลอยตกใจไปด้วย
รัญชิตาค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วเอามือจับที่หัว ที่มีเลือดไหลซึมออกมา เธอหันขวับไปมองปริตาด้วยความไม่พอใจ พ่ออู๊ดและทุกคนเห็นเลือดก็ตกใจ
“เลือด คัทค่ะ”
ชาลินีรีบตะโกนสั่งคัท แล้วรีบวิ่งไปหารัญชิตาทันที โดยมีตรัยวิ่งตามเข้าไปด้วย

ปริตารีบปราดเข้าไปถามรัญชิตาด้วยความห่วงใย
“มิ้นท์ เธอเป็นยังไงบ้าง ?”
“เธอจะแกล้งฉันอีกรึไง ?”
ปริตาส่ายหน้า “ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
ชาลินีโวยวายใส่หน้าปริตา
“ยังกล้าพูดว่าไม่ได้ตั้งใจอีกเหรอ? เธอผลักลูกชั้นล้มหัวแตก”
พ่ออู๊ดรีบพุ่งเข้ามา “พ่อไม่สั่งให้ผลักกัน ทำไมหนูอ้อมถึงผลักหนูมิ้นท์ล่ะ?”
“มิ้นท์ขอให้....”
ปริตากำลังจะอธิบาย แต่รัญชิตารีบพูดสวนขึ้นมาก่อน
“อ้อม เธอโกรธที่ฉันเผลอตบหน้าเธอใช่ไหม?”
“ฉันไม่ได้โกรธเธอ”
พริดากับดอกแก้วได้ทีรุมพูดให้ร้ายปริตา รัญชิตาแอบยิ้มพอใจ ก่อนที่จะทำทีจะเป็นลม ตรัยปราดเข้าไปจะช่วยประคอง แต่กลับถูกพิชัยเข้าไปกันไว้
“ไม่ต้อง ฉันเอง”
พลศิษฎ์เข้าไปช่วยพิชัยประคองรัญชิตาออกไป ขณะที่ชาลินีโวยวายใส่หน้าปริตาต่อ
“เธอต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำกับลูกฉัน”
จากนั้นก็หันไปสั่งสมภพ “ ตัดปริตาออกจากละครเรื่องนี้”

ปริตาชะงักตกใจ ตรัยแอบเป็นห่วงเธออยู่ลึกๆ

ชาลินีรับเข้ามาบอกรัญชิตาว่าเธอจัดการไล่ปริตาออกจากละครเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว ขณะที่พลศิษฎ์ไม่เห็นด้วย
 
“คุณแม่ครับ ผมว่าเราทำเกินไปนะครับ มันเป็นอุบัติเหตุ”
ตรัยพยักหน้าเห็นดีด้วย
“ผมเห็นด้วยกับคุณมาร์ทครับ อ้อมคงไม่ได้ตั้งใจ ผมอยากให้อ้อมแสดงละครต่อนะครับ”
“ทำไมคุณตรัยถึงอยากให้อ้อมเล่นละครเรื่องนี้คะ?” รัญชิตาย้อนถาม
“นักข่าวมากันเยอะ ถ้าพวกเขาหยิบเอาประเด็นนี้ไปขายข่าว มันจะทำให้คุณเสียชื่อ และกระทบภาพลักษณ์ของธุรกิจนะครับ ผมอยากให้คุณอาให้โอกาสอ้อมอีกครั้งครับ”
ชาลินีครุ่นคิดตัดสินใจ ขณะเดียวกันสมภพก็พาปริตาเข้ามา.
“คุณชาลินีครับ เรื่องที่เกิดขึ้น มันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆนะครับ”
“คุณแม่คะ อ้อมคงจะอินกับตัวละคร ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เผลอทำร้ายมิ้นท์ มิ้นท์เข้าใจอ้อม มิ้นท์ให้อภัยอ้อมค่ะ.”
ปริตานึกแปลกใจที่รัญชิตายอมให้อภัยเธอง่ายๆ ชาลินีจำต้องยอมทำตามความต้องการของลูกสาว พริดากับดอกแก้ว เข้ามาเห็นรัญชิตากับปริตาจับมือกันก็ไม่พอใจ
พิชัยลอบมองพริดา แต่อีกฝ่ายกลับทำเฉยเมย แล้วเดินเลี่ยงไป

“ขอบคุณคุณสมภพมากนะคะที่ช่วยอ้อม”
ปริตาพูดพร้อมกับยกมือไหว้อย่างสำนึกในบุญคุณ
“ฉันเต็มใจช่วยเธอเสมอ คืนนี้ไปดื่มเป็นเพื่อนฉัน ?”
“อ้อมไม่ชอบดื่มค่ะ”
“ฉันช่วยเธอมาหลายครั้งแล้ว ถึงเวลาที่เธอควรจะรักษาน้ำใจฉันบ้างนะ”
สมภพพูดลำเลิกบุญคุณ จนปริตาจำใจต้องรับคำ

ตรัยยืนมองที่มุมหนึ่ง แอบได้ยินว่าทั้งสองจะไปด้วยกัน ก็กังวลใจ

รัญชิตากำลังหยิบกระเป๋าจะเดินออกไป ปริตารีบปราดเข้ามาดักหน้าไว้
 
“เมื่อไหร่เธอจะหยุดแกล้งฉัน? เธอจงใจกดขี่ฉันตั้งแต่วันฟิตติ้ง ให้ฉันเช็ดรองเท้าเธอ วันนี้ยังมาตบฉัน แล้วแกล้งให้ทุกคนเข้าใจผิดว่าฉันทำร้ายเธออีก”
รัญชิตายิ้มอย่างสะใจ
“สองเรื่องแรกก็จริง ฉันแกล้งเธอ แต่เรื่องหัวแตกนี่ ฉันหวังแค่ให้ทุกคนเห็นว่าเธอผลักฉัน
แต่บังเอิญฉันเป็นหนักกว่านั้น เรียกว่าคราวซวยของเธอจริงๆ”
“ฉันขอให้เธอหยุดทำได้แล้ว”
รัญชิตาจ้องหน้าปริตาอย่างเอาเรื่อง
“ฉันไม่หยุด เธอคิดจะแข่งกับฉัน มันก็ต้องไปให้ถึงเส้นชัย ว่าใครชนะ?”
“งั้นก็ต้องสู้ในเกม วิธีที่เธอทำ มันขี้ขลาด”
“ไม่รู้สิ ฉันไม่สนหรอกว่ามันจะเป็นวิธีไหน ขอแค่ให้เธอแพ้”
ยังไม่ทันที่ปริตาจะพูดโต้ตอบ ตรัยก็เดินเข้ามา รัญชิตารีบปราดเข้าไปหาทันที
“คุณตรัยคะ รบกวนช่วยสิ่งมิ้นท์ด้วยนะคะ”
พลางทำแสร้งจะเป็นลม ตรัยรีบเข้ามาประคอง แล้วพาเดินออกไป

“คุณบอกอ้อมได้รึยังคะ ว่าคุณอยากให้อ้อมตอบแทนยังไง?”
ปริตาออกปากถามสมภพขณะที่ทั้งคู่นั่งดื่มด้วยกันในผับตามลำพัง
“ดื่มให้หมดแก้วก่อนสิครับ”
“อ้อมไม่ไหวจริงๆค่ะ”
“งั้นหมดแก้วนี้ แล้วเราเจรจากัน”
สมภพยกแก้วขึ้นชน ปริตาจำยอมอย่างไม่มีทางเลี่ยง

พริดาเปิดประตูห้องที่คอนโดเข้ามา ก็เห็นพิชัยนั่งดื่มรออยู่ก่อนแล้ว
“พอลลี่ไม่คิดว่าคุณอาจะออกมาได้อีก? เมื่อไหร่คุณอาจะโอนห้องนี้ให้พอลลี่ล่ะคะ?”
พิชัยส่ายหน้ายิ้มๆ
“ฉันคุยเรื่องธุรกิจมาทั้งวันแล้ว ขอให้ฉันได้พักผ่อนบ้าง”
พูดพลางโอบกอดพริดา แล้วกระชากเสื้อออก

“อ้อมอยากมีบทเด่นในละครมากกว่านี้ แล้วก็มีงานถ่ายแบบ ลงปกหนังสือเพิ่มค่ะ”
ปริตาเริ่มต่อรองกับสมภพ เมื่อถุกอีกฝ่ายคะยั้นคำยอให้ดื่มต่อ
“ ไม่มีอะไรที่ฉันให้เธอไม่ได้ ถ้าเธอดื่มหมดแก้ว”
ปริตายิ้มพอใจ “คุณจะให้อ้อมช่วยเหลืออะไรคะ?”
“ดูเธอจะไม่ไหวจริงๆ เรื่องนั้นไว้คุยกัน กลับกันเถอะ”

สมภพเรียกพนักงานเพื่อเช็คบิล พลางลอบยิ้มอย่างมีแผน


จบตอนที่ 11 
กำลังโหลดความคิดเห็น