xs
xsm
sm
md
lg

กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 10

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 10

“ขอแสดงความยินดีกับพรีเซ็นเตอร์คนใหม่”
 
สมภพที่นั่งอยู่ในผับ ยกแก้วขึ้นชนกับปริตา
“เธอคงไม่ลืมสัญญาที่ให้กับฉัน”
พลางคิดถึงตอนที่ปริตาเข้ามาขอให้เข้าช่วยให้เธอได้งานนี้
“คุณอยากให้อ้อมช่วยอะไร อ้อมช่วยคุณได้ค่ะ”
สมภพมองเห็นธิปไตยกำลังนั่งทำงาน แล้วยิ้มร้าย

ปริตาย้อนถามสมภพ
“คุณจะให้อ้อมช่วยอะไรคะ?”
“เธอช่วยฉันได้แน่ แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่เรามาคุยธุรกิจ คืนนี้เราต้องฉลองกันก่อน”
ปริตาชนแก้วกับสมภพแล้วยกดื่ม
“อ้อมขอแค่แก้วเดียวนะคะ อ้อมไม่ชอบดื่ม”
“วันนี้ห้ามขัดใจผม ไม่หมดขวดไม่กลับนะครับ”
ปริตาจำต้องดื่มเหล้ากับสมภพ เพื่อตอบแทนที่เขาช่วยให้ได้งาน

อีกมุมหนึ่งในผับเดียวกันชาญวุฒิชนแก้วกับศิโรจน์
“ดื่มให้หมดแก้วเลยนะ”
ศิโรจน์ชนแก้วยกดื่มกับชาญวุฒิ ต้อยติ่งถือแก้วเข้ามาแทรก
“ยังไม่ชนกับติ่งเลย”
ศิโรจน์หันกลับไปทำปากเบะใส่ “ติ่ง เธอเป็นไส้ติ่ง ไปให้หมอตัดทิ้งไป๊”
ชาญวุฒิเอื้อมมือมาจับมือศิโรจน์ “พี่นึกว่าน้องอ๋องจะไม่มาแล้ว”
“ผมต้องมาสิครับ”
ชาญวุฒิยิ้มดีใจคิดว่าเขามีใจให้ แต่ศิโรจน์กลับพูดต่อหน้าตาเฉย
“มาดูบอสผม”
ชาญวุฒิทำหน้าเซ็ง
ขณะที่ตรัยที่นั่งดื่มเหล้าอยู่เงียบๆ คนเดียว เหลือบมองไปยังปริตาที่นั่งดื่มกับสมภพอย่างไม่พอใจ

ปริตาดื่มติดกันหลายแก้ว จนเริ่มเมา สมภพรีบฉวยโอกาสพูดหว่านล้อม
“ฉันดีใจนะที่ได้ร่วมงานกับเธอ เธอเป็นคนสวย มีเสน่ห์ ฉันจะเชียร์เธอเต็มที่”
“คุณไม่กลัวผิดใจกับครอบครัวของมิ้นท์เหรอคะ?”
สมภพส่ายหน้า “ผมกับคุณพิชัยยังต้องพึ่งพากันอีกเยอะ คุณพิชัยไม่เอาเรื่องแค่นี้มาทำลายมิตรภาพ
กับผมหรอก”
พูดพลางยกแก้วขึ้นชนกับปริตาที่พูดจาอ้อแอ้เต็มทน
“อ้อมไม่ไหวแล้วค่ะ อ้อมขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“ผมไปส่งครับ”
“คุณสมภพอยู่ต่อเถอะค่ะ อ้อมกลับเองได้”
สมภพรีบโบกมือห้าม “ไม่ได้ครับ ผมต้องดูแลคู่ธุรกิจให้ดีที่สุด”
ขาดคำก็เข้าไปประคองปริตาที่ยืนเซ ก่อนจะพากันออกไป ตรัยมองตามทั้งไม่พอใจและเป็นห่วงปริตา

ทางด้านชาญวุฒิก็พยายามจะฉวยโอกาสลวนลามศิโรจน์ ที่รีบชิ่งหนีตามไปดูแลตรัย โดยทิ้งภาระดูแลชาญวุฒิที่เมาแอ๋ให้กับต้อยติ่ง
“น้องอ๋อง แล้วพี่จะกลับยังไง พี่กลับไม่ได้ พี่เมามาก”
“ติ่งไปส่งเองค่ะบอส”
ชาญวุฒิโวยวาย ผลักไส้ต้อยติ่งออก
“แกมันขัดลาภ ออกไปชะนี”
ต้อยติ่งอึ้งเมื่อรู้ว่าชาญวุฒิเป็นเกย์
“บอส ไม่น่าเลย เสียดาย เสียใจ เสียเวลาตั้งนาน”
ต้อยติ่งผิดหวังจะเดินออกไป แต่พอเห็นชาญวุฒิเซล้มลงกองกับพื้น ก็อดไม่ได้ ต้องกลับเข้ามาลากตัวประคองไปส่งบ้าน
“เก้งกวาง เมาทีไรก็ต้องเป็นภาระชะนี เกิดเป็นชะนีมันช้ำก็ตรงนี้แหล่ะ”

ต้อยติ่งน้อยใจและเสียใจ แต่จำใจต้องมาประคองชาญวุฒิออกไป

สมภพประคองปริตาเดินออกมาที่ด้านหน้าผับ
 
“อ้อมเดินได้ค่ะ อ้อมไปเรียกแท็กซี่ได้ค่ะ”
ปริตาจะเดินออกไป แล้วก็เซจะล้มเพราะเมา สมภพเข้ามาประคองจะพาไปที่รถ ตรัยรีบปราดเข้ามา“ผมไปส่งเอง”
“ขอโทษด้วยนะคุณตรัย ผู้หญิงคนนี้มากับผม ผมดูแลได้ ถ้าเหงาไม่มีเพื่อนกลับ ไปขับวนสวนลุมแล้วกัน”
ตรัยไม่ฟังเสียงเข้ามาดึงตัวปริตา พร้อมกับผลักสมภพออกไป
“พูดไม่รู้เรื่องรึไง”
สมภพโวยวาย พร้อมกับพุ่งหมัดใส่ ตรัยสวนหมัดกลับ ต่อยสมภพล้มลงไปกอง
“หิวก็ไปซื้อกิน”
ตรัยขับรถพาปริตาออกไป สมภพไม่พอใจที่โดนตัดหน้า
ตรัยอุ้มปริตาที่เมาไม่ได้สติ เข้ามาในห้องคอนโด พลางนำมานอนบนเตียง ก่อนที่จะปลีกตัวออกไปนั่งดื่มเหล้าตามลำพัง
ส่วนสมภพ ก็บุกตามมาถึงหน้าคอนโดของตรัย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พร้อมกับยิ้มอย่างที่แผนที่จะจัดการกับเขา
ปริตาลืมตาตื่นขึ้นมา เห็นตรัยกำลังโน้มตัวจะจูบตัวเอง ก็รีบดันตัวเขาออก พร้อมพยายามฝืนลุกขึ้น “คุณ คุณจะทำอะไรฉัน? แล้วคุณสมภพล่ะ?”
ตรัยพูดประชด “ผิดหวังมากสินะที่เธอไม่ได้อยู่ร่วมเตียงกับเขา ฉันก็ไม่อยากขวางความสุขของเธอหรอก แต่มันไม่แฟร์ ถ้าเอาตามลำดับก่อนหลัง ฉันควรได้กินเธอก่อน แล้วอีกอย่าง คิดจะเสียตัวทั้งที ก็เลือกกินของดี”
ปริตาฟาดฝ่ามือใส่หน้าตรัยเต็มแรงด้วยความโกรธ
“คุณหยาบคายกับฉันมากไปแล้วนะ”
“เธอชอบแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? ไม่งั้นคงไม่ยื่นข้อเสนอเอาตัวเข้าแลกกับงาน ยอมทุกอย่างเพื่อหักหน้าเพื่อน”
ปริตาเบ้ปาก “ที่แท้คุณก็โกรธแทนมิ้นท์ ใช่สิ ไม่มีใครขวางทางพวกคุณแล้ว คุณสองคนก็เหมาะสมกันดี ผีเน่ากับโลงผุ”
พูดจบก็ขยับจะลุกจากเตียง แต่ตรัยเข้ามายื้อไว้ พร้อมทั้งผลักเธอล้มลงไปบนเตียงนอน “ฉันจะเป็นคู่ซ้อมให้เธอ อีกหน่อยเธอคงต้องเปลืองตัวอีกมากเพื่อแลกงานแลกเงิน เธอควรมีประสบการณ์จะได้เก่งพอที่จะมัดนายสมภพได้ ฉันจะให้วิชาเธอเอง”
ปริตาดิ้นรนสุดชีวิต “คุณมันต่ำทราม ปล่อยฉัน อย่าทำอย่างนี้กับฉัน”
ตรัยที่ซุกหน้าลงไปที่หน้าของอีกฝ่ายถึงกับชะงัก เมื่อเห็นน้ำตาของเธอ ปริตาผลักเขาออกไป แล้วรีบวิ่งออกไปจากห้องนอน

ขณะเดียวกันรัญชิตาก็เดินลิ่วเข้ามาบริเวณล๊อบบี้คอนโด พุ่งไปยังลิฟท์ รีบกดลิฟท์เพื่อจะขึ้นไปที่ห้องตรัย

ปริตากำลังวิ่งไปเปิดประตูห้อง ตรัยรีบวิ่งตามออกมาขอโทษ แต่เธอไม่ฟังเสียง รีบเปิดประตูห้องออกไป แต่กลับเจอกับอิสเบลล่าและกองทัพช่างภาพรุมถ่ายรูปอยู่ที่หน้าห้อง
 
ปริตาตกใจ ส่วนตรัยแปลกใจที่เห็นนักข่าวและช่างภาพมาออที่หน้าห้อง
อิสเบลล่ารีบยิงคำถามทันที “เกิดอะไรขึ้นคะน้องอ้อม? มีแหล่งข่าวแจ้งว่าคุณตรัยมอมเหล้าน้องอ้อม มันจริงใช่ไหมคะน้องอ้อม?”
ปริตาไม่อยากตอบคำถาม พยายามจะแทรกตัวนักข่าวออกไป แต่กลับเผชิญหน้ากับรัญชิตาที่เข้ามาได้จังหวะพอดี
“เธอมาทำอะไรที่นี่ ?”
อิสเบลล่ารีบหันมาถามรัญชิตา
“น้องมิ้นท์พอจะให้ข้อมูลได้ไหมคะ ว่าเกิดอะไรขึ้น? ใครลวงใคร หรือว่าใครอ่อยใคร ?”
รัญชิตาปรายตามองเหยียดไปที่ปริตา “เรื่องลวงคงไม่ใช่ เพราะคุณตรัยไม่ใช่คนแบบนั้น”
ปริตาสวนกลับด้วยความไม่พอใจ
“เธอพูดอย่างนี้ก็หมายความว่าฉันอ่อยคุณตรัยอย่างนั้นเหรอ ?”
“แล้วเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ?”
ยังไม่ทันที่ปริตาจะตอบ ปริเทพก็พุ่งเข้ามาพูดใส่หน้ารัญชิตา
“ผู้ชายของเธอมอมเหล้าอ้อมแล้วคิดขืนใจอ้อม คุณพูดมาสิว่าคุณทำร้ายอ้อม”
ปริตารีบปราม “พี่เทพพอเถอะ อ้อมอยากกลับบ้าน”
อิสเบลล่าไม่ยอมละความพยายาม
“คุณตรัยคะ ตกลงน้องอ้อมบุกขึ้นคอนโดคุณตรัย หรือคุณตรัยพาเธอมาเองคะ?”
แต่รัญชิตาชิงตอบแทน
“มิ้นท์บอกแล้วไงคะ ว่าคุณตรัยไม่มีวันทำอย่างนั้น”
ปริตาโต้กลับ “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงใจง่ายที่ยอมเสียตัวให้ใคร”
“แต่เธอก็ยอมทำอะไรง่ายๆ เพื่อแลกกับสิ่งที่เธอต้องการ มิ้นท์ขอให้พี่ๆให้ความเป็นธรรมกับคุณตรัยด้วยค่ะ มิ้นท์ขอยืนยันว่าคุณตรัยเป็นสุภาพบุรุษ”
“น้องมิ้นท์ก็หมายความว่าน้องอ้อมให้ท่าคุณตรัย ?”
ปริตารีบปฏิเสธ “ไม่จริงค่ะ อ้อมโดนวางยา อ้อมโดนลวงมาที่นี่ แต่โชคดีที่อ้อมเอาตัวรอดมาได้
พี่เทพกลับกันเถอะค่ะ”
“คุณเตรียมทนายเคลียร์คดีได้เลย”
ปริเทพพูดพร้อมกับชี้หน้าตรัย ก่อนจะพาปริตาออกไป
หลังจากที่ตรัยเคลียร์ให้นักข่าวและช่างภาพกลับไปแล้ว ก็หันมาตอบคำถามของรัญชิตา ที่สงสัยว่านักข่าวมาได้ยังไง
“มีคนคิดเล่นงานผม แล้วคุณมาหาผมมีเรื่องอะไร ?”
“มีคนส่งไลน์บอกว่าคุณไม่สบายค่ะ มิ้นท์นึกว่าเป็นไลน์ของพี่อ๋อง ก็เลยรีบมาหาคุณ”
ตรัยขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดว่าใครอยู่เบื้องหลัง

อีกด้านหนึ่งสมภพยิ้มพอใจ ที่สามารถสร้างเรื่องขึ้นมาเล่นงานตรัยได้

“พี่เทพมาที่นี่ได้ยังไงคะ?”
 
ปริตาอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความแปลกใจ
“คุณสมภพโทรบอกพี่ ว่าโดนนายตรัยทำร้ายแล้วเอาตัวอ้อมไป พี่เลิกงานผ่านมาแถวนี้พอดี มันทำอะไรอ้อมบ้าง?”
ปริตาส่ายหน้า “อ้อมไม่เป็นอะไร”
“พี่จะพาอ้อมไปแจ้งความเอาเรื่องมัน”
ปริตารีบห้าม “ไม่ต้องหรอกค่ะ อ้อมอยากให้เรื่องมันจบแค่นี้ มันจะกระทบงานโฆษณาที่จะถ่าย”
“แต่เราต้องกำจัดผู้ชายชั่วๆไม่ให้ไปทำร้ายใครอีก”
“ถึงเขาไม่ได้รับโทษจากกฎหมาย แต่เขาต้องได้รับโทษทางสังคม นักข่าวเล่นงานเขาแน่ แล้วอ้อมก็จะเป็นคนลงโทษเขาเอง”
ปริเทพมองน้องสาวอย่างแปลกใจ

ตรัยยกแก้วเหล้าดื่มพรวดเดียวหมดแก้วเพราะเครียด จนรัญชิตาต้องเข้ามาห้าม
“ผมมั่นใจว่าคุณสมภพเป็นคนส่งนักข่าวมา”
รัญชิตาอดสงสัยไม่ได้ “แล้วใครกันที่ส่งไลน์หาฉัน ?”
“อาจจะเป็นเขาอีกนั่นแหล่ะ ที่ต้องการให้คุณผิดใจกับอ้อม”
รัญชิตานิ่งคิด “คุณสมภพสนิทสนมกับคุณพ่อ คงไม่ทำอย่างนั้น”
“แต่เขาโกรธผม ต้องการแก้แค้นผม ?”
รัญชิตายังแปลกใจไม่หายที่ตรัยเลือกที่จะพาปริตามาที่คอนโด
“มิ้นท์เข้าใจที่คุณช่วยอ้อม แต่มิ้นท์ไม่เข้าใจที่คุณพาอ้อมมาที่นี่ คุณควรพาอ้อมไปส่งที่บ้าน”
ตรัยอึกอักเพราะไม่รู้จะตอบอย่างไร จังหวะเดียวกับที่มีสายเรียกเข้ามาจากศิโรจน์
“ว่าไงอ๋อง อะไรนะ ได้”
ตรัยวางสาย หน้าเครียด “เขาลงข่าวเล่นงานผม”
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะอยู่ข้างคุณค่ะ”
รัญชิตาจับมือปลอบใจ

“แล้วลูกค้าเขาว่าไงบ้างครับ เขาจะถอดอ้อมออกจากโฆษณารึเปล่าครับ ?”
ปริเทพถามย้ำกับชาญวุฒิที่มาคุยเรื่องข่าวของตรัยกับปริตาถึงที่บ้านของลัดดาวัลย์
“เขาสั่งให้เร่งถ่ายทำด่วนที่สุด”
ปริตาย้อนถาม “เขาไม่ห่วงภาพลักษณ์ของอ้อมเหรอคะ?”
“ถ้าเป็นแต่ก่อนผู้หญิงเป็นฝ่ายเสียหาย แต่ตอนนี้กระแสตีกลับ คนอ่านสงสารและเห็นใจอ้อม หมดยุคผู้ชายเป็นใหญ่แล้ว”
สีหน้าปริเทพยังไม่ค่อยสบายใจนัก “อ้อม พี่ไม่อยากให้อ้อมไปทำงานกับนายนั่นอีก”
ชาญวุฒิรีบบอก
“ไม่ได้นะน้องเทพ ยกเลิกไม่ได้ บริษัทคุณตรัยเตรียมงานไว้พร้อมหมดแล้ว”
“อ้อมเอาไง?”

ปริตาครุ่นคิดตัดสินใจ

กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 10 (ต่อ)

ตรัยกำลังคุยหน้าเครียดกับศิโรจน์ เพราะคิดว่าปริตาจะต้องยกเลิกการเซ็นสัญญาถ่ายโฆษณา แต่จู่ๆ เธอก็มาปรากฏตัวขึ้นในห้องทำงานของเขา
 
ศิโรจน์รีบหยิบแฟ้มเข้าไปหาปริตา
“พี่ทำสัญญาเรียบร้อยแล้ว พร้อมเช็คเงินสดเบิกจ่ายล่วงหน้า”
ปริตาเงยหน้ามองศิโรจน์ “บอสพี่อ๋องเซ็นแล้วเหรอคะ?”
ศิโรจน์รีบยื่นแฟ้มให้ตรัยเซ็น ก่อนจะเอาสัญญาให้ปริตาเซ็นต่อ แต่ฝ่ายหลังกลับยิบสัญญามาฉีกทิ้งต่อหน้า
“ฉันขอยกเลิกการเล่นโฆษณา ฉันไม่สามารถร่วมงานกับคนอย่างคุณได้”
“เธอทำอย่างนี้เพื่ออะไร? รึว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเกมของเธอ แล้วหาข้ออ้างมายกเลิกงาน”
ปริตาจ้องหน้าตรัยอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
“ฉันไม่ลงทุนให้เปลืองตัวหรอก ฉันคิดแค่จะขอเปลี่ยนบริษัทผลิตเท่านั้น ขอบคุณสำหรับความเลวของคุณเมื่อคืน ที่คุณทำให้ฉันมีเหตุผลพอที่จะยกเลิก”
ปริตาจะเดินออกไป แต่ช้ากว่ารัญชิตาที่เข้ามาพอดี
“เธอถอนตัวไม่ได้”
ปริตามองเย้ยแล้วเดินออกไป รัญชิตารีบเดินตามไป
“ถ้าเธอถอนตัว งานคุณธิปไตยก็ถูกยกเลิก”
ปริตายักไหล่ “ใช่ แล้วมันก็กระทบเธอด้วยสินะ นี่แหล่ะที่เขาเรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว”
“เธอจงใจแกล้งพวกฉัน จิตใจเธอทำด้วยอะไร ?”
ปริตาตาวาวด้วยความไม่พอใจ
“ฉันต่างหากที่ต้องถามคำถามนี้กับเธอ ฉันถูกทำร้าย แต่เธอกลับเข้าข้างผู้ชายของเธอ”
“เขาต่างหากที่ถูกใส่ร้าย เธอเล่นบทขี้เมา ให้เขาช่วยพาเธอไปที่ห้อง แล้วก็แอบส่งไลน์ให้ฉันมาหาเขา ส่งข่าวให้นักข่าวมาเล่นงานคุณตรัย เธอเกลียดชังพวกฉันมากถึงกับไม่มีมโนสำนึก”
ปริตาโต้กลับ “ถ้าฉันเป็นพวกไม่มีมโนสำนึก เธอมันก็มโนเพ้อเจ้อ แต่เอาเถอะ จะคิดยังไงก็แล้วแต่เธอ เพราะเกมนี้ฉันชนะขาด”
รัญชิตาสะอึก “ขอให้เราเจอกันครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ฉันไม่อยากเจอหน้าเธออีก”
“แต่ฉันอยากเจอเธอ ฉันอยากอยู่ในทุกๆ ที่ที่มีเธอ”
ปริตาประกาศกร้าวต่อหน้ารัญชิตา พร้อมกับที่สายเรียกเข้าจากชาญวุฒิดังขึ้นมา
“ค่ะพี่ชาญ แจ้งลูกค้าดีลบริษัทใหม่ได้เลย อ้อ เปลี่ยนตัวประกอบด้วยนะคะ อ้อมอยากร่วมงานกับคนใหม่”
รัญชิตาไม่พอใจที่ปริตาคิดทำลายเธอทุกวิถีทาง

ชาลินีนั่งมองโฆษณาของปริตาที่ฉายในทีวีอย่างไม่พอใจ
“ฉันเกลียดมัน”
พูดพลางจะปารีโมทใส่ทีวี รัญชิตาต้องรีบเข้ามาแย่ง
“คุณแม่ใจเย็นก่อนค่ะ”
“แกให้ฉันใจเย็น ทั้งๆ ที่มันทิ้งแกไม่เห็นฝุ่นอย่างนี้เหรอ ?”
รัญชิตาพยายามอธิบาย “มันก็ได้แสดงโฆษณาชิ้นสองชิ้น มิ้นท์ยังไม่ได้แพ้มันนะคะ”
“แกไม่ได้แพ้ แต่แกก็ไม่ชนะ แกไม่มีอะไรไปสู้มันได้เลย”
รัญชิตายิ้มอย่างมีแผน “มิ้นท์จะใช้งานเปิดตัวคอนโดเฟสใหม่ของคุณแม่เอาชนะมันค่ะ คุณแม่เตรียมงานไปถึงไหนแล้วคะ?”
“ฉันโยนงานให้คุณหญิงดูแลเรื่องนี้ แกคิดทำอะไร ?”

ทางด้านเสาวลักษณ์ก็กำลังนั่งคุยเรื่องงานเดียวกันกับตรัย
“แม่อยากให้ลูกช่วยแม่คิดคอนเซ็ปต์และจัดงานเปิดตัวคอนโดที่แม่ร่วมทุนกับคุณชาลินี”
ตรัยส่ายหน้า “บริษัทผมรับผลิตโฆษณา ไม่ได้ทำอีเว้นท์”
“แม่รู้ว่าลูกทำได้ จะได้มีงานเข้าบริษัทลูกด้วย แล้วอีกอย่าง แม่อยากให้ลูกมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ จะได้กลบข่าวฉาวนั่น”

“คุณแม่หาทางกลบข่าวฉาวของตัวเองดีกว่าครับ”

จากนั้นศิโรจน์ก็ส่งสคริปท์คิวงานเปิดตัวคอนโดให้กับทั้งคู่
 
“งานนี้จะเปิดตัวด้วยการเต้นรำ บอสจะเป็นคนเปิดฟลอร์ แล้วเต้นรำกับน้องอ้อมแล้วก็น้องมิ้นท์ จบด้วยบอสมอบช่อดอกไม้ให้กับสองสาว เพื่อสื่อถึงการเลือกคอนโดสองเฟสใหม่ที่ดีที่สุด”
พร้อมกันนั้นก็ให้ทั้งคู่เริ่มซ้อมคิว โดยให้ตรัยเข้าไปโค้งปริตา แล้วเต้นรำด้วยกัน จังหวะเดียวกับที่มือถือของศิโรจน์ก็ดังขึ้น
“คุณมิ้นท์ถึงไหนแล้วครับ ครับ เข้ามาทางแยกใหญ่ ซ้อมกันก่อนนะครับ เดี๋ยวผมบอกทางน้องมิ้นท์”
ศิโรจน์คุยโทรศัพท์บอกทางแล้วออกไปจากห้องซ้อม ทิ้งให้ตรัยกับปริตาซ้อมกันตามลำพัง
ปริตาเต้นแบบไม่ยอมสบตา ซ้ำพยายามจะรักษาระยะห่าง จนตรัยนึกเคือง เลยแกล้งเหยียบเท้าเธอเต็มแรง
พอซ้อมต่อตรัยก็จะแกล้งเหยียบเท้าอีก แต่ปริตารู้ตัว เบี่ยงหลบได้ทัน แต่สุดท้ายก็พลาดท่าถูกตรัยเหวี่ยงจนเซล้มไป
ปริตาคิดจะเอาคืน ด้วยการหาจังหวะกระทืบเท้าใส่ตรัยอย่างแรง ครู่หนึ่งศิโรจน์ก็เดินกลับเข้ามาในห้อง
“คุณมิ้นท์ขับหลงขึ้นทางด่วนผิด น่าจะมาถึงอีกหนึ่งชั่วโมง”
ปริตาทำหน้าเซ็ง “อ้อมไม่รอแล้วค่ะ นัดซ้อมวันอื่นแล้วกัน”
ตรัยรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที
“ฉันไม่มีคิวให้แล้ว ต้องซ้อมวันนี้ ถ้าเธอซ้อมไม่ได้ ฉันก็จะหาคนมาเปลี่ยน”
ปริตาไม่พอใจที่ตรัยจงใจบีบบังคับเธอ จึงหันไปทางศิโรจน์ แล้วพูดกระทบเขา
“พี่อ๋องช่วยเร่งมิ้นท์หน่อย อ้อมไม่อยากกลับดึก มันอันตราย”
พูดพลางจะเดินออกไป แต่ตรัยเดินเบียดออกไปแทน
“เธอรออยู่ในนี่แล้วกัน ที่นี่ปลอดภัย”
ศิโรจน์กดโทรศัพท์หารัญชิตาแล้วเดินออกไป
“คุณมิ้นท์ถึงไหนแล้วครับ ?”
รัญชิตากำลังนั่งดื่มกาแฟอย่างสบายใจอยู่ที่บ้านตอบกลับมาทางปลายสาย
“ค่ะ มิ้นท์ยูเทิร์นกลับมาแล้วค่ะ ใกล้ถึงแล้วค่ะ เจอกันค่ะ”
พลศิษฎ์เข้ามาต่อว่ารัญชิตา ที่จงใจแกล้งให้ปริตารอ
“พี่จะโทรบอกให้อ้อมกลับไป”
พูดพร้อมกับหยิบมือถือจะโทรบอกปริตา รัญชิตารีบเข้ามาแย่ง
“ไม่ได้นะคะ ถ้าพี่โทรหาอ้อม มิ้นท์จะฟ้องคุณแม่ให้เล่นงานพี่มาร์ท แล้วมิ้นท์จะถอนตัวไม่ช่วยงานคุณแม่ งานนี้พังก็เพราะพี่มาร์ท”

“มิ้นท์เกิดอุบัติเหตุรถชน”
ตรัยรีบเข้ามาบอกข่าวในห้อง ปริตารู้ข่าวก็ตกใจ แต่พยายามเก็บอาการ
“แต่ไม่เป็นอะไรมาก รอเคลมประกัน เดี๋ยวก็มาซ้อมต่อได้”
ปริตารีบบอก “ฉันว่าเราซ้อมวันงานเลยก็ได้”
“เธอคิดว่าเต้นรำเก่งนักรึไง ฉันไม่อยากให้ใครมาเหยียบเท้าอีก ระหว่างนี้ก็ซ้อมรอไปก่อน”
ปริตาชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ

ปริตาที่ซ้อมเต้นอยู่ในห้องคนเดียวครู่ใหญ่ ตั้งใจจะเปิดประตูออกไป แต่ประตูกลับถูกล็อกจากด้านนอก
“ใครล็อกห้อง ใครอยู่ข้างนอก เปิดประตูให้ด้วย”
ตรัยยืนอยู่นอกห้องยิ้มพอใจ ก่อนจะเดินหนีออกไป ปริตาเคาะประตูอยู่นาน ก่อนที่จะเดินไปที่โต๊ะซึ่งวางกระเป๋าและโทรศัพท์ พร้อมกับรื้อหาโทรศัพท์ แต่รื้อเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ
“รึว่า เขาแกล้งฉัน”
ตรัยมองโทรศัพท์ของปริตา พร้อมกับยิ้มสะใจ ครู่หนึ่งมือถือของปริตาก็ดังขึ้นมา หน้าจอปรากฏชื่อของพลศิษฎ์เป็นคนโทร. เข้ามา ตรัยมองอย่างไม่พอใจ จากนั้นก็แกล้งตัดสาย แล้วปิดเครื่องทันที ก่อนที่จะเดินไปที่แผงวงจรไฟฟ้า เพื่อสับสวิทซ์ไฟ
ปริตาที่อยู่ในห้องคนเดียว เห็นไฟดับก็ยิ่งตกใจกลัว
“ใครก็ได้ ช่วยด้วย”

ทิ้งช่วงไปพักใหญ่ตรัยจึงเดินย้อนกลับมาที่หน้าห้องซ้อมด้วยความเป็นห่วงปริตา

จากนั้นศิโรจน์ก็ส่งสคริปท์คิวงานเปิดตัวคอนโดให้กับทั้งคู่
 
“งานนี้จะเปิดตัวด้วยการเต้นรำ บอสจะเป็นคนเปิดฟลอร์ แล้วเต้นรำกับน้องอ้อมแล้วก็น้องมิ้นท์ จบด้วยบอสมอบช่อดอกไม้ให้กับสองสาว เพื่อสื่อถึงการเลือกคอนโดสองเฟสใหม่ที่ดีที่สุด”
พร้อมกันนั้นก็ให้ทั้งคู่เริ่มซ้อมคิว โดยให้ตรัยเข้าไปโค้งปริตา แล้วเต้นรำด้วยกัน จังหวะเดียวกับที่มือถือของศิโรจน์ก็ดังขึ้น
“คุณมิ้นท์ถึงไหนแล้วครับ ครับ เข้ามาทางแยกใหญ่ ซ้อมกันก่อนนะครับ เดี๋ยวผมบอกทางน้องมิ้นท์”
ศิโรจน์คุยโทรศัพท์บอกทางแล้วออกไปจากห้องซ้อม ทิ้งให้ตรัยกับปริตาซ้อมกันตามลำพัง
ปริตาเต้นแบบไม่ยอมสบตา ซ้ำพยายามจะรักษาระยะห่าง จนตรัยนึกเคือง เลยแกล้งเหยียบเท้าเธอเต็มแรง
พอซ้อมต่อตรัยก็จะแกล้งเหยียบเท้าอีก แต่ปริตารู้ตัว เบี่ยงหลบได้ทัน แต่สุดท้ายก็พลาดท่าถูกตรัยเหวี่ยงจนเซล้มไป
ปริตาคิดจะเอาคืน ด้วยการหาจังหวะกระทืบเท้าใส่ตรัยอย่างแรง ครู่หนึ่งศิโรจน์ก็เดินกลับเข้ามาในห้อง
“คุณมิ้นท์ขับหลงขึ้นทางด่วนผิด น่าจะมาถึงอีกหนึ่งชั่วโมง”
ปริตาทำหน้าเซ็ง “อ้อมไม่รอแล้วค่ะ นัดซ้อมวันอื่นแล้วกัน”
ตรัยรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที
“ฉันไม่มีคิวให้แล้ว ต้องซ้อมวันนี้ ถ้าเธอซ้อมไม่ได้ ฉันก็จะหาคนมาเปลี่ยน”
ปริตาไม่พอใจที่ตรัยจงใจบีบบังคับเธอ จึงหันไปทางศิโรจน์ แล้วพูดกระทบเขา
“พี่อ๋องช่วยเร่งมิ้นท์หน่อย อ้อมไม่อยากกลับดึก มันอันตราย”
พูดพลางจะเดินออกไป แต่ตรัยเดินเบียดออกไปแทน
“เธอรออยู่ในนี่แล้วกัน ที่นี่ปลอดภัย”
ศิโรจน์กดโทรศัพท์หารัญชิตาแล้วเดินออกไป
“คุณมิ้นท์ถึงไหนแล้วครับ ?”
รัญชิตากำลังนั่งดื่มกาแฟอย่างสบายใจอยู่ที่บ้านตอบกลับมาทางปลายสาย
“ค่ะ มิ้นท์ยูเทิร์นกลับมาแล้วค่ะ ใกล้ถึงแล้วค่ะ เจอกันค่ะ”
พลศิษฎ์เข้ามาต่อว่ารัญชิตา ที่จงใจแกล้งให้ปริตารอ
“พี่จะโทรบอกให้อ้อมกลับไป”
พูดพร้อมกับหยิบมือถือจะโทรบอกปริตา รัญชิตารีบเข้ามาแย่ง
“ไม่ได้นะคะ ถ้าพี่โทรหาอ้อม มิ้นท์จะฟ้องคุณแม่ให้เล่นงานพี่มาร์ท แล้วมิ้นท์จะถอนตัวไม่ช่วยงานคุณแม่ งานนี้พังก็เพราะพี่มาร์ท”

“มิ้นท์เกิดอุบัติเหตุรถชน”
ตรัยรีบเข้ามาบอกข่าวในห้อง ปริตารู้ข่าวก็ตกใจ แต่พยายามเก็บอาการ
“แต่ไม่เป็นอะไรมาก รอเคลมประกัน เดี๋ยวก็มาซ้อมต่อได้”
ปริตารีบบอก “ฉันว่าเราซ้อมวันงานเลยก็ได้”
“เธอคิดว่าเต้นรำเก่งนักรึไง ฉันไม่อยากให้ใครมาเหยียบเท้าอีก ระหว่างนี้ก็ซ้อมรอไปก่อน”
ปริตาชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ

ปริตาที่ซ้อมเต้นอยู่ในห้องคนเดียวครู่ใหญ่ ตั้งใจจะเปิดประตูออกไป แต่ประตูกลับถูกล็อกจากด้านนอก
“ใครล็อกห้อง ใครอยู่ข้างนอก เปิดประตูให้ด้วย”
ตรัยยืนอยู่นอกห้องยิ้มพอใจ ก่อนจะเดินหนีออกไป ปริตาเคาะประตูอยู่นาน ก่อนที่จะเดินไปที่โต๊ะซึ่งวางกระเป๋าและโทรศัพท์ พร้อมกับรื้อหาโทรศัพท์ แต่รื้อเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ
“รึว่า เขาแกล้งฉัน”
ตรัยมองโทรศัพท์ของปริตา พร้อมกับยิ้มสะใจ ครู่หนึ่งมือถือของปริตาก็ดังขึ้นมา หน้าจอปรากฏชื่อของพลศิษฎ์เป็นคนโทร. เข้ามา ตรัยมองอย่างไม่พอใจ จากนั้นก็แกล้งตัดสาย แล้วปิดเครื่องทันที ก่อนที่จะเดินไปที่แผงวงจรไฟฟ้า เพื่อสับสวิทซ์ไฟ
ปริตาที่อยู่ในห้องคนเดียว เห็นไฟดับก็ยิ่งตกใจกลัว
“ใครก็ได้ ช่วยด้วย”

ทิ้งช่วงไปพักใหญ่ตรัยจึงเดินย้อนกลับมาที่หน้าห้องซ้อมด้วยความเป็นห่วงปริตา

ประตูค่อยๆ เปิดออก เผยให้เห็นแสงด้านนอกเข้ามา ปริตายิ้มดีใจ แล้วมองเพ่งไป
 
“ พี่มาร์ท”
พลศิษฎ์เข้ามาประคองพาปริตาออกจากห้อง “เกิดอะไรขึ้น ?”
“รีบไปเถอะค่ะ”
พลศิษฎ์รีบประคองพาปริตาออกไปจากห้องซ้อม ตรัยยืนมองอย่างไม่พอใจ

จากนั้นพลศิษฎ์ก็พาปริตามาส่งที่หน้าบ้าน
“พี่มาร์ทไปที่ห้องซ้อมได้ยังไงคะ ?”
“พี่รู้ว่าวันนี้อ้อมมีซ้อม พี่ขอโทษแทนมิ้นท์ด้วย ที่ปล่อยให้อ้อมรอ”
ปริตายิ้มรับ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันเป็นอุบัติเหตุ”
“อุบัติเหตุอะไร มิ้นท์ไม่ได้เป็นอะไร ?”
“ก็คุณตรัย...”
ปริตานึกเจ็บใจเมื่อรู้ว่าโดนหลอก
“แล้วอ้อมติดอยู่ในห้องได้ไง ตอนพี่เข้าไปมีลูกกุญแจเสียบคาไว้”
“เจ้าหน้าที่คงคิดว่ากลับกันหมดแล้ว เผลอล็อกห้องมั้งคะ พี่มาร์ทกลับเถอะ ขอบคุณนะคะ”
พลศิษฎ์ตัดสินใจพูดตรงๆ “อ้อมถอนตัวจากการนี้เถอะ”
“พี่มาร์ทกลัวอ้อมจะโดดเด่นกว่าน้องสาวพี่เหรอคะ?”
พลศิษฎ์ส่ายหน้า “พี่ไม่อยากให้อ้อมกับมิ้นท์ต้องผิดใจกันอีก ถ้าห่างกันได้ อาจทำให้ความเป็นเพื่อนกลับมาเหมือนเดิม”
“ความรู้สึกที่เสียไปแล้ว มันเอากลับคืนไม่ได้ แก้วร้าวต้องทุบทิ้ง ต่อให้เอามาหลอมใหม่ ก็ไม่ใช่แก้วใบเดิม”
ปริตายืนยันความคิดที่มีต่อรัญชิตา
“แล้วความรู้สึกกับพี่ล่ะ?”
ปริตามองหน้าพลศิษฎ์ด้วยแววตานิ่ง “เรากำลังเดินบนเส้นขนาน อย่าพยายามเลยค่ะ”

ปริเทพเห็นท่าทางของปริตาที่เดินเข้ามาในบ้านอย่างเหนื่อยอ่อน ก็รีบถามด้วยความเป็นห่วง
“มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า?”
ปริตาส่ายหน้า “เปล่าค่ะ ทุกอย่างโอเค เหลือแค่วันงานก็จบแล้ว”
“อย่าปิดพี่เลย ตาเรานะฟ้องว่าไม่มีความสุข อ้อมยกเลิกงานนี้เถอะ แล้วค่อยหางานอื่นทำ”
ปริตาฝืนยิ้มให้พี่ชาย
“ไม่ทันแล้วค่ะ เมื่อเช้าเจ๊จอยโทรมาทวงเงินค่าบ้าน อ้อมจะเอาเงินก้อนนี้รวมกับค่าโฆษณาก็ได้ก้อนใหญ่ เหลือไม่กี่งวดก็จะได้บ้านแล้ว”
“สิ้นเดือนนี้เอาของพี่ไปสมทบด้วย อ้อมจะได้ไม่ต้องเหนื่อย แล้วทนกับคนพวกนั้น อ้อมต้องอดทนนะ”
ปริเทพพูดปลอบใจน้องสาว

“ค่ะ อ้อมจะสู้ เพื่อบ้านของเรา”

กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 10 (ต่อ)
แขกเหรื่อทยอยเข้ามาในบริเวณจัดงาน ซึ่งเป็นห้องโถงล็อบบี้ของคอนโดขนาดใหญ่ ปริเทพอยู่บริเวณงานกับชาญวุฒิ
 
ครู่หนึ่งพริดากับดอกแก้วก็เดินเข้ามา ชาญวุฒิเดินผ่านทั้งคู่เข้าไปทักทายอิสเบลล่าและช่างภาพ แล้วจงใจพูดเหน็บเสียงดัง
“ต้องเก็บภาพน้องมิ้นท์น้องอ้อมเยอะๆ นะ เขียนข่าวเชียร์เด็กโมพี่หน่อย ส่วนพวกไร้สังกัดก็ตัดขาดซะบ้าง”
พริดาและดอกแก้วเสียหน้ารีบเดินทำหน้าเหวี่ยงออกไป ชาญวุฒิหันไปมองด้วยความสะใจ

พริดาชะเง้อรอ เพื่อจะดักคุยกับสมภพอยู่ที่หน้างาน โดยมีดอกแก้วยืนอยู่ใกล้ๆ จู่ๆ พิชัยก็เดินตรงเข้ามาทัก
“หนูพอลลี่”
พริดากับดอกแก้วแปลกใจที่พิชัยเข้ามาทักทาย แต่ก็ฝืนยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะคุณพ่อมิ้นท์”
“อาดีใจนะที่พวกหนูมางานนี้ แวะมาเป็นกำลังใจให้มิ้นท์เหรอ ? มิ้นท์แต่งตัวอยู่ด้านใน อาพาไป”
พิชัยเข้าไปจับแขนพริดาจะพาเข้าไปด้านใน แต่อีกฝ่ายกลับค่อยๆ เอามือออก
“พอลลี่ไม่อยากรบกวน รออยู่ที่นี่ดีกว่าค่ะ”
“หนูพอลลี่คิดมาก คนกันเองทั้งนั้น”
ชาลินีหันมาเห็นพิชัย ก็เดินตรงเข้ามาด้วยความไม่พอใจ พิชัยรีบเอามือออกทันที
“เอ้า คุณชาลินี ผมกำลังจะพาเพื่อนลูกมิ้นท์เข้าไปให้กำลังใจลูกด้านในพอดี”
พริดากับดอกแก้วยกมือไหว้ ชาลินีรับไหว้ตามมารยาทแล้วมองด้วยหางตา
“พวกเธอได้รับบัตรเชิญมาด้วยเหรอ?”
พริดากับดอกแก้วยืนเหวอ พิชัยต้องรีบออกตัวแทน
“ผมเชิญมาเอง เผื่อเด็กๆอยากมาเป็นลูกค้าคอนโดของคุณ ชมห้องตัวอย่างด้านโน้นได้เลยนะ”
ทั้งคู่เดินเลี่ยงออกไป ชาลินีมองตามอย่างขัดใจ
“คุณไปญาติได้กับพวกมันทำไม ยัยพอลลี่นี่ตัวดีเลย คิดแย่งงานชิงดีชิงเด่นลูกมิ้นท์”
“ไม่เอาน่า เราเป็นเจ้าภาพก็ต้องดูแลแขกให้ดีที่สุด แล้วนี่คุณหญิงมาถึงรึยังล่ะ?”

“แม่ขอบใจที่ลูกช่วยงานแม่ แต่แม่ไม่เห็นด้วยที่เอาผู้หญิงคนนั้นมาร่วมงาน”
เสาวลักษณ์พูดเชิงตำหนิลูกชาย
“เขาอาจจะถอดใจไม่มาแล้วก็ได้ครับ ผมไม่ได้คาดหวังให้เขาร่วมงานนี้ แค่ดึงตัวมาสั่งสอน ก็
เท่านั้นเอง”
ตรัยพูดไม่ทันขาดคำ ปริตาก็เดินเข้ามาในบริเวณงาน พร้อมกับยกมือไหว้เสาวลักษณ์
“สวัสดีค่ะคุณหญิง”
เสาวลักษณ์ชะงักไม่พอใจที่ปริตามางานนี้ ตรัยเองก็ไม่คิดว่าเธอจะมาเช่นเดียวกัน
ต้อยติ่งรีบเข้ามารับพาปริตาเข้าไปแต่งหน้าแต่งตัว
“แม่ไม่ยอมให้ยัยนั่นมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คอนโดแม่”

เสาวลักษณ์ประกาศกร้าว

ขณะที่ตรัยกำลังเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว ศิโรจน์ก็เดินตามเข้ามาถาม
 
“บอสคงไม่คิดแกล้งน้องอ้อมอีกนะครับ ในสคริปท์ที่วางไว้ เราใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์สามคน”
ตรัยยังไม่ทันตอบ รัญชิตาก็เดินเข้ามาขัดจังหวะ ศิโรจน์จึงเดินเลี่ยงออกไป
“คุณยังไม่ได้บอกเหตุลฉันเลย ทำไมคุณถึงเลือกอ้อมมาร่วมงานคะ ?” รัญชิตาหันมาถามตรัย
“เพราะผมรู้ว่าคุณไม่ชอบ และผมก็ไม่ชอบ”
“คุณจะทำอะไรคะ ?”
ตรัยยิ้ม แล้วรีบตัดบท “ไปเปลี่ยนชุดเถอะครับ ใกล้เวลาจะเริ่มงานแล้ว”
ปริตาแอบได้ยินทั้งคู่คุยกันก็นึกแปลกใจ ต้อยติ่งเองก็ข้องใจ
“เขาคุยอะไรกัน ทำยังกะมีลับลมคมใน”
“อย่าไปสนใจเลยค่ะ อ้อมไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ”

ศิโรจน์กำลังเช็คความพร้อมของทีมงานทั้งหมด จู่ๆ ต้อยติ่งก็เดินหน้าเครียดเข้ามา
“บอสของนายมีแผนอะไร ?”
ศิโรจน์ส่ายหัว “เธอนี่ท่าจะบ้า ทำหน้ายังกะอกหักรักคุดตุ๊ดทิ้ง”
ต้อยติ่งหน้าเสีย ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ จังหวะนั้นเอง ชาญวุฒิก็เดินเข้ามาจับแขนถามศิโรจน์
“น้องอ๋องพร้อมยัง พี่จะไปเช็คคิวนักแสดง”
ต้อยติ่งเห็นท่าทีของชาญวุฒิ ก็ร้องไห้แล้ววิ่งออกไป ศิโรจน์รีบเอามือชาญวุฒิออก พลางเริ่มฉุกคิด พอคล้อยหลังชาญวุฒิ ก็เลยตามออกไปพูดปลอบใจต้อยติ่ง

สมภพเข้ามาบริเวณงาน ทักทายแขกในงานอย่างสนิทสนม ครู่หนึ่งพริดาก็เดินเข้ามา สมภพเดินเลี่ยงออกไป ฝ่ายหลังรีบเดินตามประกบ
“จะให้พอลลี่รอคุณอีกนานแค่ไหนคะ ?”
สมภพหันมาตอบแบบนิ่งๆ “รอไม่ได้ก็ไม่ต้องรอ”
“มีคนเห็นคุณไปผับกับยัยอ้อม คุณจะทิ้งพอลลี่ไปหามัน พอลลี่ไม่ยอมนะคะ”
พริดาโวยวายเสียงดัง จนคนในงานเริ่มหันมามอง สมภพไม่พอใจ รีบลากเธอออกไป


เสียงเพลงเปิดงานดังขึ้น ไฟฟอลโล่ส่องไปที่พลศิษฎ์ ที่ทำหน้าที่พิธีกรบนเวที
“สวัสดีแขกท่านผู้มีเกียรติทุกท่านนะครับ ที่มาร่วมงานเปิดในค่ำคืนนี้ ผมขอเรียนเชิญคุณหญิงเสาวลักษณ์มากล่าวแนะนำถึงที่มาของโครงการนี้ครับ”

ชาลินี และแขกทุกคนในงานปรบมือ พร้อมกับที่เสาวลักษณ์เดินขึ้นไปเพื่อไปกล่าวเปิดงาน

สมภพพาพริดาเข้ามาในห้องคอนโด
 
“คุณพาพอลลี่มาที่นี่ทำไม?” พริดาถามอย่างแปลกใจ
“ห้องนี้เป็นห้องของเธอ ที่ฉันต้องให้เธอรอ เพื่อให้ทางโครงการตกแต่งห้องให้เสร็จ ฉันตั้งใจจะซื้อเฟอร์นิเจอร์ให้ครบ แล้วค่อยเซอร์ไพร์สเธอ แต่เมื่อเธอใจร้อน ฉันก็เลยต้องเปิดห้องวันนี้”
“พอลลี่ขอบคุณคุณมากนะคะ”
พริดาตรงเข้าสวมกอดสมภพด้วยความดีใจ
“ให้พอลลี่ได้ตอบแทนคุณนะคะ”
สมภพเอามือและดันตัวเธอออก “ฉันต้องลงไปร่วมงานแล้ว”
พริดายิ้มรับคำ สมภพยิ้มตอบแล้วเดินออกไป
พริดาเดินเข้าไปในห้องนอน พลางยิ้มอย่างมีความสุข ครู่หนึ่งพิชัยก็เดินเข้ามาในห้อง เธอมองอย่างนึกแปลกใจ
“คุณอา คุณอามาทำอะไรในนี้คะ ?”
“ฉันอยากรู้ว่าหนูชอบห้องที่ฉันซื้อให้ไหม?
“คุณอาเข้าใจผิดแล้วค่ะ นี่เป็นห้องคุณสมภพ”
พิชัยยิ้ม พลางมองเธอด้วยแววตาเจ้าชู้ “ถ้าไม่ใช่ห้องฉัน แล้วฉันจะมาอยู่ในนี้ได้ยังไง ฉันซื้อห้องนี้ไว้เอง แต่จะเปลี่ยนให้เป็นชื่อของหนู”
พูดพลางขยับเข้าไปบนเตียง พริดาขยับตัวหนี...
“หนูควรจะตอบแทนฉันบ้างนะ”
“ปล่อยค่ะ”
พริดาพยายามดิ้นหนี. แต่กลับถูกพิชัยกดดันตัวไว้
“อย่าขัดใจฉันสิ ฉันให้หนูได้ทุกอย่างเลยนะ ทั้งเงิน ทั้งชื่อเสียง”
พริดาเริ่มคิดตัดสินใจ ที่สุดก็จำยอมตกเป็นของพิชัย
สมภพที่ยืนอยู่หน้าห้อง มั่นใจว่าพริดาตกเป็นของพิชัยแน่แล้ว ก็จะเดินออกไป แต่จู่ๆ ดอกแก้วก็โผล่เข้ามา
“พอลลี่ไปไหนแล้วคะ ?”
“ฉันไล่ให้กลับไปแล้ว เธอคงไม่ว่าฉันใจร้ายที่ทำกับเพื่อนเธอ ?”
ดอกแก้วยิ้มกรุ้มกริ่ม “ดอกแก้วเข้าใจคุณสมภพค่ะ พอลลี่ไม่รู้จักกาลเทศะเลย”
“แล้วเธอล่ะ รู้ไหมว่าควรทำอะไร? นี่เป็นห้องตัวอย่าง เข้าไปดูด้วยกันสิ ฉันอยากมีเพื่อนช่วยดู”
สมภพเปิดประตูห้องคอนโดที่อยู่ใกล้ๆ กัน ให้ดอกแก้วเดินตามเข้าไป จากนั้นก็คว้าตัวเธอมากอด

ดอกแก้วยิ้มระรื่นไม่ขัดขืน

หลังจากที่ทั้งเสาวลักษณ์ และชาลินี กล่าวเปิดตัวโครงการเรียบร้อยแล้ว พลศิษฎ์ก็ประกาศบอกแขกในงาน
 
“และถึงช่วงสำคัญของงานในคืนนี้ เรายินดีแนะนำแบรนด์ แอมบาสเดอร์ทั้งสามคน”ศิโรจน์คุมทีมงานปล่อยเพลงเต้นรำ ไฟส่องลงมากลางเวที เปิดตัวตรัยในชุดหล่อยืนอยู่กลางงาน
“คุณตรัย โรจน์รุ่งเรือง เจ้าของบริษัทตรัยแอดเวอร์ไทซิ่ง ตัวแทนผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรง ควรค่าแก่คอนโดหรูใจกลางเมือง”
จากนั้นก็เป็นคิวเปิดตัวรัญชิตา
“คุณรัญชิตา เรืองนิเวศน์ ลูกสาวคุณพิชัยและคุณชาลินี ทายาทบริษัทเครื่องดื่มรายใหญ่ของประเทศ
ตัวแทนของเซเลปชื่อดัง”
ตรัยเข้าไปโค้งให้แล้วก็เต้นรำกับรัญชิตา จากนั้นปริตาก็เดินตรงเข้ามาหยุดที่หน้าเขา
“คุณปริตา นภารัตน์ บัณฑิตจากคณะนิเทศน์ศาสตร์ กำลังก้าวสู่เส้นทางบันเทิงเต็มรูปแบบ”
ตรัยมองปริตาแล้วเข้ามาเต้นรำคู่กับเธอ ก่อนจะปล่อยมือ สลับไปเต้นคู่กับรัญชิตา
“แบรนด์ แอมบาสเดอร์ทั้งสาม จะทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์คอนโดทุกรูปแบบ ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ งานโฆษณา และเป็นผู้พักอาศัยที่คอนโดแห่งนี้”
ตรัยเต้นรำช่วงสุดท้าย ปริตาเข้ามารอให้เขาดึงเธอเข้ามาเต้นเป็นท่าปิดร่วมกันสามคน แต่ตรัยกลับดึงตัวรัญชิตาเข้ามากอดคู่ โดยไม่สนใจเธอ
ชาญวุฒิมองอย่างแปลกใจ “ตามคิวคุณตรัยต้องดึงน้องอ้อมไปโพสต์ด้วยนะ”
ปริเทพเขม้นมองอย่างไม่พอใจ

ตามคิวจะต้องจบลงด้วยท่าโพสต์ของตรัย ปริตา และรัญชิตา แต่จู่ๆ ตรัยก็พูดผ่านไมค์ออกมา โดยไม่มีสคริปท์
“ผมขอโทษคุณพลศิษฎ์ด้วยครับ ที่ไม่ได้แจ้งเรื่องเปลี่ยนไอเดีย คอนโดแห่งนี้เป็นคอนโดของคนรุ่นใหม่
ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับความรัก ดังนั้นจะมีแบรนด์แอมบาสเดอร์สามคนไม่ได้ เพราะมันจะเป็นส่วนเกินของความรัก”
ตรัยพูดพร้อมกับหันมามองเย้ยไปที่ปริตา
“ดังนั้นจะมีตัวแทนของหญิงสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่จะเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์เคียงคู่ผม”
แขกทุกคนในงานมองไปที่ปริตาและรัญชิตา
“เราจะให้แขกผู้มีเกียรติในงาน ได้ร่วมโหวต ด้วยการนำสติ๊กเกอร์ดอกกุหลาบมาติดให้กับคนที่คุณคิดว่าเหมาะสมที่สุด”
ปริตาปรายตามองตรัยอย่างไม่พอใจ เช่นเดียวกับปริเทพ ที่ยืนหน้าบึ้งอยู่ข้างๆ ชาญวุฒิ
“ยังต้องมีการเลือกด้วยเหรอพี่? จงใจแกล้งอ้อมชัดๆ”
ขาดคำก็เดินตรงไปยืนด้านหน้าหน้าตรัย ก่อนจะติดสติ๊กเกอร์ให้กับปริตา ชาญวุฒิเดินมาติดตาม
ส่วนแขกในงานต่างเดินเข้ามา ต่างก็ติดให้กับรัญชิตา เพราะเป็นแขกของเสาวลักษณ์และชาลินี
ขณะที่พลศิษฎ์กลับเลือกติดให้ปริตา ตรัยมองอย่างไม่พอใจ แต่ก็สะใจที่รัญชิตาได้รับเลือก
“คงไม่ต้องมีการนับจำนวนให้เสียเวลา เพราะมองด้วยสายตาก็เห็นอย่างชัดเจน ว่าแขกผู้มีเกียรติส่วนใหญ่ลงมติให้คุณรัญชิตามีความเหมาะสมเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์คู่กับผม มากกว่าคุณปริตา”
ตรัยมองเย้ย ปริตาทนไม่ได้ รีบเดินออกไปทันที

ตรัยกับและรัญชิตายิ้มสะใจที่ทำให้ปริตาเสียหน้า
 
อ่านต่อเวลา17.00น.



กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 10 (ต่อ)
 
ปริตาเข้ามาในห้องแต่งตัว เพื่อจะเปลี่ยนชุดรีบกลับบ้าน ชาญวุฒิที่เดินตามเข้ามาพร้อมกับปริเทพรีบออกปากขอโทษ
“ไม่ใช่ความผิดของพี่ชาญหรอกค่ะ เขาจงใจแกล้งอ้อมตั้งแต่วันซ้อมแล้ว”
ปริเทพรีบถามต่อทันที “มันทำอะไรอ้อม ?”
ปริตาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทั้งคู่ฟัง
“ถ้าอ้อมบอกพี่ตั้งแต่คืนนั้น พี่จะไม่ยอมให้อ้อมมางานนี้เด็ดขาด พี่จะไปทำเรื่องมัน”
ปริเทพจะออกไปเอาเรื่อง ปริตารีบห้ามไว้
“อย่าค่ะพี่เทพ เราทำอะไรไปก็มีแต่จะเสียเปรียบ ยิ่งเราไปทำร้ายเขา เราก็กลายเป็นพวกแพ้แล้วพาลอ้อมขอตัวเปลี่ยนชุดก่อนค่ะ”
ปริเทพไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เดินฮึดฮัดออกไปจากห้อง

พลศิษฎ์จะเดินไปหาปริตา ชาลินีรู้ทัน รีบเดินตามไปทันที
“แกจะไปไหน ?”
“ผมจะไปห้องน้ำครับ”
“คิดว่าจะหลอกฉันได้รึไง แกจะไปหายัยนั่น”
พลศิษฎ์มองหน้าแม่ พลางส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
“ผมคิดว่าพวกเราทำไม่ถูกนะครับ ที่จงใจหักหน้าอ้อม”
“อย่าใช้คำว่าเรา ฉันไม่ได้เป็นคนคิดทำให้อย่างนั้น คุณตรัยต่างหากที่เป็นคนคิดไอเดียนี้”
“แต่คุณแม่ก็พอใจที่เขาทำอย่างนั้น”
ชาลินียักไหล่ “แล้วแกจะเดือดร้อนทำไม มันส่งผลดีกับน้อง แกก็เห็นว่าน้องโดดเด่นที่สุดในงาน”
“ผมดีใจที่น้องเป็นที่สนใจของนักข่าว แต่ไม่ใช่วิธีที่จะเหยียบย่ำคนอื่น”
พูดจบพลศิษฎ์เดินออกไป ปริเทพที่แอบฟังอยู่ ยิ้มพอใจที่เห็นพลศิษฎ์มีปัญหากับแม่
ชาลินีจะตามพลศิษฎ์ไป พลางเหลือบเห็นพิชัยเดินเข้ามาบริเวณงาน

“คุณพิชัย คุณหายไปไหนมา ?”

ปริตาเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว จะเข้าไปหยิบกระเป๋าเพื่อกลับบ้าน แต่ช้ากว่า รัญชิตา ที่เดินเข้ามาคว้ากระเป๋าไว้ก่อน
 
“จะรีบไปไหนล่ะ เรายังไม่ได้ถ่ายรูปร่วมกันเลย”
พลางหยิบมือถือขึ้นมาจะถ่ายคู่ ปริตาปัดออกกระชากกระเป๋าจะออกไป
“อย่าขัดใจฉันสิตัวประกอบ ฉันเข้าใจเธอนะ คงยังไม่ชิน อีกหน่อยเจออย่างนี้บ่อยๆ ก็ด้านชาไปเอง”
ปริตาปากคอสั่น “มิ้นท์”
รัญชิตายิ้มหยัน “ฉันว่าเราไม่ได้สนิทกันถึงขั้นเรียกชื่อเล่น ปริตา ยังไงฉันก็ขอบใจเธอมากที่มาเป็นสีสันในงาน และช่วยเป็นตัวเปรียบเทียบทำให้ฉันเกิด”
“ภูมิใจรึไงที่ชนะฉันด้วยวิธีสกปรก ?”
รัญชิตาเชิดหน้า “มันไม่ต่างจากวิธีของเธอนักหรอก อ้อ ต่างสิ เพราะฉันไม่ได้เอาตัวเข้าแลก”
“หยุดพูดได้แล้วก่อนฉันจะเอาเรื่องหมิ่นประมาทฉัน”
ขาดคำ ตรัยก็โผล่เข้ามาพอดี “คุณมิ้นท์อยู่นี่เอง นักข่าวอยากสัมภาษณ์คุณมิ้นท์นะครับ”
รัญชิตายิ้มอย่างสะใจ “ขอบคุณค่ะ แล้วนักข่าวต้องการสัมภาษณ์ปริตาด้วยรึเปล่าคะ?”
“เปล่าครับ เขาไม่สนใจตัวประกอบหรอกครับ”
ปริตามองจ้องตรัยด้วยความไม่พอใจ พอรัญชิตาปลีกตัวเข้าไปเติมหน้า ปริตาก็ขยับตัวจะเดินออกจากห้อง แต่ตรัยกลับคว้าตัวเธอไว้
“จะรีบไปไหนล่ะ? ฉันยังไม่ได้จ่ายเงินค่าตัวเธอเลย”
“คุณจ่ายผ่านพี่ชาญได้เลย”
“ฉันจ้างเธอ ฉันก็ต้องใช้ชื่อเธอรับเงินสิ”
พูดพลางดึงซองเอกสารใบกำกับภาษียื่นให้
“ฉันไม่รู้จะระบุว่าเป็นค่าจ้างอะไร ก็เลยเขียนว่าค่าจ้างตัวประกอบ ถือเป็นตัวประกอบที่รายได้สูงทีเดียว เธอน่าจะมีการสมนาคุณให้ผู้จ้างบ้าง จะชั่วคราวหรือค้างคืนดีล่ะ?”
ปริตาไม่พอใจที่ถูกจงใจดูถูก พลางจะดึงซองเงินแล้วรีบออกไป แต่ตรัยดึงกลับแล้วปล่อยซองเงินตกพื้น
“ขอโทษนะ เก็บสิ”
พลศิษฎ์เข้ามาในห้อง เห็นเหตุการณ์พอดี
“อ้อมไม่ต้อง”
ปริตาไม่ฟังเสียง รีบก้มเก็บซองเงินขึ้นมา ตรัยมองด้วยสายตาดูแคลน
“เธอมันทำทุกอย่างได้เพื่อเงิน”
ปริตาช้ำใจที่โดนดูถูกและหยามศักดิ์ศรีจึงรีบเดินออกไป พลศิษฎ์มองตรัยอย่างไม่พอใจ
“คุณไม่ควรแกล้งอ้อมหรือทำร้ายความรู้สึกอ้อม อ้อมเป็นคนที่ผมรัก”
จากนั้นก็รีบตามปริตาออกไป
“อ้อมอย่าไปสนใจคำพูดเขาเลย พี่เสียใจด้วยนะสำหรับเหตุการณ์ในคืนนี้”
ปริตาฝืนยิ้ม “ช่างมันเถอะค่ะ อ้อมกลับก่อนนะคะ”
“ให้พี่ไปส่งนะ”
ปริตาส่ายหน้า “อ้อมกลับกับพี่เทพค่ะ”
ขาดคำ ปริเทพก็เดินเข้ามา
“ที่โรงงานโทรมามีปัญหาด่วน พี่ต้องรีบเข้าไปแก้ระบบไฟ ผมรบกวนคุณมาร์ทได้ไหมครับ?”
พลศิษฎ์ ยิ้มรับ ปริเทพรีบออกไปทันที

ตรัยมองอย่างไม่พอใจที่เห็นปริตาไปกับพลศิษฎ์

“ผมบอกแล้วไง ว่าผมท้องเสีย ไม่เห็นเหรอว่าผมหน้าซีดไม่มีแรง”
 
พิชัยแก้ตัวกับชาลินี
“อย่าให้ฉันจับได้นะ ว่าแอบไปกกเด็กที่ไหน ฉันเอาตาย”
ครู่หนึ่งสมภพก็เดินเข้ามาทักทายทั้งคู่ ดอกแก้วยืนอยู่ห่างๆ พลางมองสมภพด้วยความพอใจ เพราะต้องการใช้เป็นสะพานทอดสู่วงการบันเทิง
อีกด้านหนึ่งพริดานั่งอยู่บนเตียง มองร่างกายที่บอบช้ำจากการกระทำของพิชัย ซึ่งซาดิสม์ไม่ต่างจากสมภพ พลางมองเงินที่วางไว้บนเตียง แล้วหยิบมากำด้วยความปวดใจที่สมภพโยนเธอให้คนอื่น พร้อมกับคิดจะเอาคืนสมภพสาสม

ชาญวุฒิพยายามพูดหว่านล้อมจะชวนศิโรจน์ไปดื่มฉลอง แต่กลับถูกต้อยติ่งเข้ามากันท่า พร้อมกับเดินพาศิโรจน์ ที่ขยิบตามองอย่างรู้กันออกไปต่อหน้าต่อตา
ชาญวุฒิเจ็บใจ “นังติ่งนะ มาปาดหน้าเค้ก”
จากนั้นก็หันมามองทีมงานหนุ่มๆ ด้วยสายตาเจ้าชู้
“น้องไปดื่มกับพี่นะ พี่เลี้ยง”
ส่วนศิโรจน์ ที่เดินออกมากับต้อยติ่ง ก็เผลอยิ้มออกมา เมื่อมองเห็นในความน่ารักของเธอ

พลศิษฎ์ขับรถมาจอดที่หน้าบ้านของลัดดาวัลย์ ก่อนที่จะเดินอ้อมมาเปิดประตูให้ปริตา
“พี่เข้าไปส่งให้ถึงบ้านเลย”
ปริตาส่ายหน้ายิ้มๆ “ไม่เป็นไรค่ะ ดึกแล้วพี่มาร์ทกลับเถอะ”
“อ้อมก็คอยกันพี่ออกห่างตลอดเลย”
ปริตาถอนหายใจ “พี่ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ยิ่งอ้อมกับมิ้นท์มีปัญหากัน มันไม่ง่ายเลยที่เราจะคบกัน”
“อย่าเหมารวมสิ มิ้นท์ก็มิ้นท์ พี่ก็พี่ เราเป็นคนละคนกัน ยังไงพี่ก็เป็นกำลังใจให้อ้อมนะ แล้วเจอกันจ้ะ”
คล้อยหลังที่พลศิษฎ์ขับรถออกไป ปริเทพก็โผล่เข้ามาด้านหลังปริตา
“คุณมาร์ทเขาเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ”
ปริตาแปลกใจ “พี่เทพ ไหนบอกว่าติดงานด่วน ?”
“ไม่ด่วนล่ะ”
ปริตาเห็นพี่ชายตอบแบบยิ้มๆ ก็รู้ทันทีว่าปริเทพวางแผนให้พลศิษฎ์มาส่งเธอ
“พี่ก็รู้ว่าอ้อมไม่อยากยุ่งกับครอบครัวมิ้นท์ แล้วอ้อมก็ไม่ได้รักพี่มาร์ท”
“พี่ก็ไม่ได้เชียร์ให้อ้อมรักเขานี่”
“แล้วพี่เทพทำอย่างนี้ทำไม?” ปริตาย้อนถาม
“อ้อมสนิทกับคุณมาร์ทมากเท่าไหร่ ก็ทำให้แม่เขากระอักเลือด แล้วที่สำคัญ เขาจะเป็นกันชนไม่ให้มิ้นท์หรือนายตรัยทำร้ายอ้อม เราไม่ต้องเสียท่าเหมือนอย่างวันนี้”
“พี่เทพกำลังหลอกใช้พี่มาร์ท ?”
ปริเทพส่ายหน้า “พูดอย่างนั้นก็ไม่ถูก คุณมาร์ทเองก็เต็มใจที่จะช่วยอ้อม เขารักอ้อมมาก”
“เพราะเขารักอ้อมมาก อ้อมถึงไม่อยากทำให้เขาเสียใจ อ้อมไม่อยากดึงคนดีๆมาร่วมเกมนี้”
“อ้อมใจอ่อนแล้วจะแก้แค้นให้ดาวได้ยังไง คิดถึงดาว ทำเพื่อดาว”

ปริเทพตอกย้ำ ปริตาพยักหน้าตอบช้าๆ

ศิโรจน์ส่งหนังสือพิมพ์ที่ลงภาพข่าวงานเปิดตัวโครงการคอนโดให้ตรัยดูหลายเล่ม
 
“เล่มนี้เล่นแรงไปหน่อย ลงภาพน้องอ้อมหน้าเสียที่แพ้คุณมิ้นท์ แถมเขียนข่าว ...พรีเซนเตอร์โฆษณาชื่อดังกลายเป็นตัวประกอบ”
ตรัยหยิบมาดู พลางยิ้มพอใจ จังหวะเดียวกับที่สายเรียกเข้าจากเจ๊จอยดังขึ้นมา
“ครับ ผมจะรีบไปจัดการให้”
ปริเทพยืนอยู่ที่หน้าบ้านของพัชรินทร์ ปัทมาศเดินเข้ามาที่หน้าประตู พลางยิ้มทักทายปริเทพ
“สวัสดีค่ะพี่เทพ มาแต่เช้าเชียว เข้ามาก่อนสิคะ”
ปริเทพยืนนิ่งอึ้งที่ได้เจอปัทมาศ

ปริเทพเดินเข้ามาในบ้าน เห็นปัทมาศกำลังนั่งเซ็นชื่อลงที่เฟรม ที่วาดภาพเหมือนของเขา
“ดาววาดให้พี่เทพตามสัญญาแล้วนะคะ”
ปริเทพยิ้มมีความสุข พลางเข้าไปหา แต่ปัทมาศกลับหายไป เขาหันไปมองภาพวาดด้วยความเศร้าใจ “ดาวตั้งใจวาดให้คุณเทพหลายคืนเลยกว่าจะเสร็จ น่าเสียดายที่ดาวไม่ได้มอบภาพนี้ให้คุณเทพด้วยตัวเอง”
ป้าอรเดินเข้ามาบอกด้วยน้ำเสียงเศร้า

ปริเทพเดินเข้ามาที่หน้าห้องนอนปัทมาศ ซึ่งพัชรินทร์กำลังจัดวางของ และดูแลทำความสะอาดเสมือนเจ้าของห้องยังอยู่
“คุณอาครับ ถ้ามันทำให้คุณอาไม่สบายใจ ผมว่าเอาของพวกนี้ไปบริจาคดีกว่านะครับ”
พัชรินทร์ส่ายหน้า ดวงตาเลื่อนลอย “บริจาคไม่ได้นะ ดาวยังต้องใช้ของ”
“ดาวไม่อยู่กับเราแล้วครับ”
“เธออย่ามาพูดอย่างนี้กับฉัน ลูกฉันไม่ได้ไปไหน ดาวยังอยู่ที่นี่ ดาวยังอยู่กับฉันทุกวัน”
พูดจบพัชรินทรืก็ทรุดลงนั่งร้องไห้ที่เตียง ปริเทพเข้ามาโอบกอดปลอบใจ
“ดาวไม่อยู่เพราะมีคนใจร้าย เอาตัวดาวไป ผมจะไม่ให้ดาวต้องตายฟรี”

“ฉันฝากด้วยนะ แก้แค้นให้ลูกฉันด้วย”
 
จบตอนที่ 10 
กำลังโหลดความคิดเห็น