กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 6
ปริตาเอามาลัยมาวางไว้ที่หน้าหิ้งใส่โกฎิ จากนั้นก็ยกมือไหว้แม่ ลัดดาวัลย์เดินเข้ามาด้านหลัง
“ถ้าพี่วายังอยู่ คงภูมิใจมาก ที่อ้อมพยายามทำทุกอย่างเพื่อซื้อที่ดินบ้านเกิดไว้”
ปริตาหันมายิ้มให้ “หลังจากดาวซื้อได้ ดาวตั้งใจจะไปใช้ชีวิตสงบๆ ที่โน่นจ้ะ อยู่ที่นี่เหนื่อยเหลือเกิน”
ลัดดาวัลย์ยิ้มตอบหลานด้วยความเอ็นดู
รัญชิตากำลังคุยโทรศัพท์กับปริตา ขณะที่เตรียมตัวออกเดินทางไปถ่ายโฆษณาด้วยกัน
“แกบอกพี่ชาญว่าฉันออนเดอะเวย์ ใกล้ถึงแล้ว”
พอวางสาย รถตรัยก็วิ่งเข้ามาจอด ก่อนที่เขาจะรีบลงจากรถ
“ผมมารับคุณมิ้นท์ไปสตูดิโอ เชิญครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ มิ้นท์ไปเองได้ อย่าให้ฉันมีปัญหาไปมากกว่านี้เลยค่ะ”
รัญชิตาจะเดินหนีไป แต่ตรัยเข้ามาจับแขนไว้
“ผมขอร้องครับ”
พูดพลางเดินตรงมาเปิดประตูให้ รัญชิตาเห็นท่าทีจริงจังของเขา ก็ยอมเข้าไปนั่ง ตรัยเดินอ้อมกลับมาประจำที่คนขับ และขับรถออกไป
ชาลินีเห็นตรัยมารับรัญชิตาก็ยิ้มพอใจ
ทางด้านปัทมาศที่ยังนอนพักอยู่ที่โรงพยาบาล ก็หยิบตุ๊กตามากอด พลางยิ้มอย่างมีความสุขที่ตรัยจะแต่งงานกับเธอ ดูแลเธอไปตลอดชีวิต ครู่หนึ่งพัชรินทร์ก็เดินเข้ามา
“แม่มีข่าวดีมาบอก คุณหมอให้ลูกกลับบ้านได้แล้ว”
ปัทมาศยิ้มดีใจ “จริงเหรอคะ ดาวคิดถึงบ้าน”
“ลูกสัญญากับแม่ได้ไหม ลูกจะไม่คิดสั้น หรือทำร้ายตัวเองอีก”
“ดาวไม่ทำแล้วค่ะ ดาวรู้ว่าคุณแม่รักดาว ป้าอรรักดาว ยังมีอีกหลายคนที่รักและห่วงดาว คุณแม่คะดาวขอโทษนะคะ ที่ไม่ฟังคำสอนของคุณแม่”
พัชรินทร์ยิ้มให้ลูกสาว “อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป เรายังมีพรุ่งนี้ มีความสุขที่รอเราอยู่”
“คุณตรัยก็พูดให้กำลังดาวอย่างนี้เหมือนกัน คุณตรัยรู้ว่าดาวได้กลับบ้านคงจะดีใจ”
พัชรินทร์ไม่อยากพูดเรื่องตรัย รีบตัดบท
“แม่ไปรับยาก่อน รอแม่นะ”
“ค่ะ เดี๋ยวดาวจะส่งแมสเสทไปบอกคุณตรัย คุณตรัยจะได้มารับดาว”
พัชรินทร์กำลังเดินออกมาจากห้องหันกลับเห็นปัทมาศกำลังส่งข้อความ ก็คิดทำอะไรบางอย่าง
ปริตาเดินเข้ามาที่สตูดิโอ เห็นตรัยมาพร้อมกับรัญชิตาก็มองอย่างแปลกใจ
รัญชิตาถามตรัยหลังจากที่ลงจากรถมาด้วยกัน
“บอกฉันได้รึยังคะ? ทำไมถึงไปรับฉัน ทั้งๆที่เราไม่ควรเจอกันอีก?”
“ผมอยากขอร้องคุณ ผมไม่อยากให้คุณแม่ผม รู้เรื่องที่ผมจะแต่งงานกับดาว ผมอยากให้ท่านหายดี แล้วผมจะหาทางอธิบายให้ท่านเข้าใจ”
รัญชิตาพยักหน้าอย่างพอเข้าใจ
“คุณก็เลยต้องเล่นละครตบตาแม่ของฉันด้วย ? ฉันเข้าใจค่ะ แต่อย่าให้นานเกินไปนะคะ ฉันไม่ชอบเล่นละครหลอกใคร และไม่อยากทำให้ดาวไม่สบายใจอีก”
รัญชิตาเข้ามานั่งแต่งหน้าที่โต๊ะหน้ากระจก ปริตาเข้ามานั่งข้างๆ พร้อมกับหันมาพูดย้ำ
“ถ้าเป็นไปได้ ฉันไม่อยากให้แกไปไหนมาไหนกับคุณตรัยอีก แกสัญญากับดาวแล้ว แกต้องทำให้ได้นะ”
“แกต้องการให้ฉันบอกความจริงกับแม่ฉัน แม่เขาใช่ไหม?”
ปริตาส่ายหน้า “เปล่า ฉันเข้าใจแกนะ บางทีเราไม่อยากโกหก แต่สถานการณ์บังคับโดยที่เราไม่มีทางเลือก ฉันแค่เตือน ไม่ให้แกเผลอใจให้เขาอีก”
แววตาของรัญชิตาสลดลงวูบหนึ่ง
“แกไม่รู้หรอกว่าคนที่รักกัน มีใจให้กันแต่ต้องห้ามใจมันเจ็บแค่ไหน? ถ้าเลือกได้ ฉันอยากหนีไปให้ไกล ไม่รับรู้ไม่เจอเขาอีก”
ปริตาเองก็สะเทือนใจกับความรู้สึกนี้ “ฉันเข้าใจแกนะ”
รถของสมภพวิ่งเข้ามาจอดที่ด้านหน้าสตูดิโอ พริดาเปิดประตูลงจากรถด้วยมาดที่มั่นใจ ก่อนจะเข้าไปควงสมภพเพื่อเข้าไปด้านใน แต่อีกฝ่ายกลับเอามือออก
“คุณสมภพรังเกียจพอลลี่เหรอคะ?”
“ใครบอกล่ะ เธอกำลังจะก้าวเป็นดารา ฉันไม่อยากให้เธอมีข่าวเสียหาย”
พริดายิ้มยั่วยวน “พอลลี่ไม่ถือค่ะ”
“เธอรู้จักวงการนี้น้อยเกินไป อย่าแสดงความเป็นเจ้าของ ฉันไม่อยากทำลายเส้นทางซุปตาร์ของเธอ”
สมภพพูดพร้อมกับจูบพริดาด้วยความเอ็นดู จากนั้นดอกแก้วก็รีบวิ่งเข้ามาพาพริดาเข้าไปด้านใน พร้อมๆ กับที่อิสเบลล่าถือกล้องถ่ายรูปเข้ามาหาสมภพ ที่ยิ้มอย่างพอใจ เพราะมีแผนการมาทำสกู๊ป เพื่อหาทางใกล้ชิดปริตา
ปริตาและรัญชิตาเดินเข้ามาในชุดที่พร้อมถ่ายทำโฆษณา ชาญวุฒิรีบเดินเข้ามา
“พร้อมแล้วใช่ไหม สาวน้อย สวยใส”
ปริตาพยักหน้ายิ้มๆ “พร้อมค่ะพี่ชาญ แล้วพอลลี่ล่ะคะ?”
ขาดคำพริดากับดอกแก้วเดินเข้ามา
“ฉันไม่ใช่มือสมัครเล่น มืออาชีพต้องรู้จักรักษาเวลา หน้าไม่วีน แล้วที่สำคัญต้องขับรถอย่างระมัดระวัง”
พริดาพูดเหน็บรัญชิตา ชาญวุฒิรีบปราม
“เมื่อไหร่พวกเธอจะรักสามัคคีกันซะที ช่วยคืนความสุขให้พี่บ้างได้ไหม ? งานนี้พี่เสนอพวกเธอ เพราะคิดจะดันให้พวกเราเป็นที่รู้จัก จะส่งต่อไปเล่นละคร เพราะฉะนั้นต้องแยกแยะเรื่องส่วนตัวให้ออก”
ต้อยติ่งเข้ามายื่นบทการถ่ายทำให้ทั้งสาม พร้อมกับอธิบายบท แต่พอจะเริ่มถ่ายทำพริดากลับเดินแยกออกไป ชาญวุฒิถึงกับปวดหัว ต้อยติ่งสบโอกาสแอบเม้าท์พริดาให้ปริตากับรัญชิตาฟัง
“เขาเม้าท์ว่ามีสายตรงส่งยัยพอลลี่มา”
ตรัยกำลังเตรียมเช็คดูงานเพื่อเริ่มถ่ายทำ สมภพเดินเข้ามายื่นมือทักทาย
“สวัสดีครับคุณตรัย หลังงานเดินแบบไม่ได้เจอกันเลย คุณคงได้อ่านข่าวที่ผมช่วยลงให้”
ตรัยหันไปมองหน้าสมภพ แล้วพูดหน้านิ่งๆ
“ผมบอกแล้วไงครับว่าผมไม่อ่านข่าวขยะ ถ้าไม่มีอะไร ผมขอเชิญที่ห้องรับรองด้านนอกนะครับ ผมต้องทำงาน”
ศิโรจน์รีบมาจึงจัดแจงต้อนรับสมภพ ที่ยิ้มกร่าง ก่อนจะเดินออกไป
พริดาแกล้งให้ดอกแก้วมาแต่งหน้าเพิ่มให้ จงใจถ่วงเวลาแกล้งรัญชิตา ที่เริ่มหงุดหงิด
“อยากเติมใช่ไหม ฉันเติมให้เอง”
พูดพร้อมกับเข้าไปแย่งลิปสติกสีแดงจัด จะทาปากให้ ปริตารีบเข้ามาห้ามไว้
“มิ้นท์หยุดได้แล้ว พอลลี่ เธอถ่วงเวลา ต้องการอะไร ?”
พริดาเชิดหน้า “ฉันก็แค่อยากแสดงให้พวกเธอเห็นว่าฉันไม่ใช่พอลลี่คนเดิม ชื่อเสียงและความสำเร็จของฉันอยู่แค่เอื้อม”
รัญชิตามองอย่างไม่พอใจ ปริตารีบตัดบท
“ฉันไม่สนใจว่าเธอจะดังแค่ไหน แต่ในเมื่อทำงานด้วยกัน ก็ต้องให้เกียรติกัน”
พริดาหันไปมองรัญชิตา
“ให้เกียรติเหมือนที่ฉันได้รับตอนงานเดินแบบอย่างนั้นเหรอ? งานนั้นแม่เธอเป็นเจ้าภาพ เธอเขี่ยฉันไปเดินไปเป็นตัวประกอบ แต่งานนี้ลูกค้าเลือกฉันเป็นตัวเมน ฉันไม่เขี่ยเธอออกหรอก มันไม่สนุก”
“เธอก็เลยหาเรื่องแกล้งฉัน ?”
พริดานยิ้มเยาะ “ดอกแก้ว ฉันอยากดื่มน้ำหวาน เอาน้ำตาลมาดับความเปรี้ยวหน่อย อ้อ แล้วเรียกช่างมาแต่งหน้ามาเติมอีกที ฉันอยากให้งานออกมาดีที่สุด”
รัญชิตาทนไม่ไหว
“อยากทำอะไรก็ทำไป ฉันไม่เล่นกับเธอ ฉันจะกลับ”
จบประโยคก็เดินหนีออกไป ปริตารีบตามไป พริดามองด้วยความสะใจ
ปริตาวิ่งตามมารัญชิตาออกมาด้านหน้าสตูดิโอ
“มิ้นท์ แกอย่าไปนะ ฉันขอ”
รัญชิตาหน้าบึ้ง “แกก็เห็นว่ามันจงใจแกล้งฉัน ฉันไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างให้คนอย่างมันกดขี่ฉัน”
“แกก็ทำเป็นหลับหูหลับตา เสียงนกเสียงกาอย่าไปสนใจสิ”
“แกจะให้ฉันทนเพื่ออะไร ฉันไม่ได้เล่นโฆษณาฉันก็ไม่อดตาย”
ปริตารีบบอก “แต่ฉันต้องการเงิน พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายที่ฉันต้องไปวางเงินดาวน์ที่ดิน ถ้าวันนี้แก
ไม่ถ่าย เขาก็ต้องยกกอง ฉันก็ไม่มีเงินซื้อที่ดินให้แม่”
“แต่ฉันเกลียดมัน มันเข้าวงการนำหน้าฉันไปมาก ฉันกำลังแพ้ยัยพอลลี่ ฉันไม่เคยรู้สึกแย่อย่างนี้มาก่อนเลย”
ปริตามองรัญชิตาอย่างเข้าใจ
“ฉันเห็นแก่ตัวเกินไป แกกลับเหอะ ฉันไม่โกรธแกหรอก”
จากนั้นก็เดินกลับเข้าไปด้านในสตูดิโอตามลำพัง แต่ครู่หนึ่งรัญชิตาก็เดินตามเข้ามา
“พร้อมถ่ายแล้วค่ะ”
ปริตารีบเข้าไปหารัญชิตา “ขอบใจแกมากนะ”
รัญชิตายิ้มตอบ พร้อมๆ กับที่ดอกแก้วพาพริดาเข้ามา
ตรัยหันมาบอกนักแสดง “คุณพอลลี่อยู่ตรงกลางนะครับ”
พริดาแกล้งถาม “ทำไมต้องให้พอลลี่อยู่ตรงกลางด้วยคะ?”
“คุณพอลลี่เป็นตัวเมนของเรื่อง”
“แหม อย่างนี้อ้อมกับมิ้นท์ก็เป็นตัวประกอบสิคะ”
พริดาจงใจพูดเย้ย รัญชิตาโกรธ แต่พยายามเก็บอารมณ์ไว้
ตรัยประกาศทางโทรโข่ง
“ห้า สี่ สาม สอง แอ็คชั่น”
เสียงเพลงที่ใช้ประกอบโฆษณาดังขึ้น ปริตา รัญชิตาและพริดา ถือโทรศัพท์มือถือเต้นประกอบเพลงอย่างน่ารัก ตามประสาเพื่อนสนิท
สมภพเข้ามายืนมอง พร้อมกับหันไปสั่งอิสเบลล่า
“เก็บภาพหนูมิ้นท์ แล้วก็โคลสอัพหนูอ้อมเยอะๆ”
“ค่ะบอส”
พริดาเต้นด้วยความมั่นใจและพยายามเชิดหน้า จงใจบังมุมกล้องของรัญชิตา
ตรัยนั่งดูภาพในมอนิเตอร์ พลางยิ้มพอใจกับการถ่ายทำ แต่พอหันไปมองสมภพที่ยืนจ้องไปยัง
ปริตา ก็ไม่ค่อยพอใจนัก
ปริตา รัญชิตา และพริดา ต่างเต้นจนจบเพลง
“โอเค. เรียบร้อยครับ”
กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 6 (ต่อ)
รัญชิตาเดินออกมาจากด้านในสตูดิโอด้วยความไม่พอใจ ปริตารีบเดินตามมา
“ฉันล่ะหมั่นไส้ยัยพอลลี่ ไม่ติดว่าต้องเล่นเพื่อเธอล่ะก็ ฉันตบแน่”
“ขอบใจนะที่แกทำเพื่อฉัน ดูแกเปลี่ยนไปเยอะเลย”
รัญชิตาย้อนถาม “เปลี่ยนยังไง ?”
“ใจเย็นลง เห็นอกเห็นใจคนอื่นมากขึ้น”
“ก็คงเป็นเพราะดาวมั้ง ทำให้ฉันรู้สึกผิด แค่ฉันขาดสติ ก็ทำให้ชีวิตดาวต้องเปลี่ยน”
ปริตาเข้ามาจับมือให้กำลังใจรัญชิตา “เราต้องช่วยดูแลดาว”
“แกก็ต้องช่วยดูแลฉัน อย่าให้ใครมาทำให้ฉันปรี๊ดแตกอีก”
ปริตาพยักหน้ายิ้มๆ “ไปเปลี่ยนชุด กลับกันได้แล้ว” พุดพลางนึกขึ้นมาได้ “แกไปก่อน ฉันถอดไมค์ให้ทีมงานก่อน”
รัญชิตาเดินแยกออกไป พริดาที่แอบมองอยู่ รีบเดินตามไปที่ห้องแต่งตัว
ศิโรจน์เข้ามาหาตรัยที่นั่งเช็คเทปที่มอนิเตอร์พลางบอกว่าพัชรินทร์มาพบ ปริตาได้ยิน ก็ตั้งท่าจะเดินตามไป แต่สมภพเดินเข้ามาขัดจังหวะ
“คุณสมภพมีอะไรกับอ้อมคะ ?”
ตรัยเดินออกมาหาพัชรินทร์ที่ยืนรออยู่ พลางรีบยกมือไหว้
“สวัสดีครับคุณอา ผมเชิญที่ห้องรับรองดีกว่าครับ”
“ไม่เป็นไร ฉันมีเรื่องมาคุย แล้วก็จะกลับ ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าคุณจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมด ฉันไม่ได้มาขอบคุณ เพราะนั่นเป็นสิ่งที่คุณต้องรับผิดชอบ”
ตรัยยิ้มรับ “ครับ แล้วผมก็ยินดีจะดูแลดาว แต่งงานกับดาวครับ”
“ลูกสาวฉันรักคุณมากเท่าไหร่ ฉันก็เห็นลูกต้องเจ็บปวดมากเท่านั้น อย่าทำให้ลูกฉันต้องเจ็บไปกว่านี้อีกเลย เลิกยุ่งกับลูกสาวฉันเถอะ”
ตรัยมองหน้าพัชรินทร์อย่างประหลาดใจ
“ผมทำให้ดาวเสื่อมเสีย และดาวต้องมาบาดเจ็บเพราะผม”
“อย่าเอาความรับผิดชอบมาผูกมัดลูกสาวฉัน นอกจากเสียจาก คุณรักลูกสาวฉัน ?”
ตรัยนิ่งอึ้ง พัชรินทร์มองตาก็รู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ได้รักปัทมาศ
“ก่อนที่คุณจะเข้ามา พวกฉันก็อยู่กันได้ ฉันไม่ปล่อยให้ลูกฉันต้องลำบากหรอก ขอให้คุณหยุดเพียงเท่านี้เถอะ”
“คุณอาครับ ผมขอโทษจริงๆครับ”
ตรัยยกมือไหว้ขอโทษ แต่พัชรินทร์กลับยืนนิ่ง
“ขอให้ผมไปรับดาวพาไปส่งบ้านนะครับ ผมสัญญากับดาวไว้ นั่นจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมทำเพื่อเธอ”
“ฉันหวังว่าจะเห็นหน้าคุณที่โรงพยาบาลเป็นครั้งสุดท้ายเช่นเดียวกัน”
สมภพเดินเข้ามามองปริตาอย่างชื่นชม
“ผมจะทำสกู๊ปข่าวดาวดวงใหม่”
ปริตารีบพูดกันตัวเอง “คุณควรจะสัมภาษณ์พอลลี่นะคะ”
สมภพยิ้มเจ้าชู้ “มันน่าเบื่อล่ะ ผมชอบของสด ผมหมายถึงพอลลี่เป็นที่รู้จักแล้ว ผมชอบปั้นคนที่มีพรสวรรค์ อยากให้โอกาสคน ผมปั้นใครคนนั้นได้อยู่แถวหน้าทุกคน”
ตรัยที่เดินเข้ามาพอดี แอบหยุดยืนมอง พอสมภพเข้ามาจับแขนปริตาจะพาออกไป ก็รีบเข้ามาขวาง“ผมได้ยินว่าจะสัมภาษณ์ ในฐานะที่ผมสนิทกับอ้อม ต้องบอกคุณสมภพเลยครับ ว่าคนนี้เป็นโรคไว้ใจคนยาก วันหน้าอยากรู้อะไรเกี่ยวกับเธอ ถามผมก็ได้ครับ เธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว”
พูดพลางพาปริตาเดินออกไป สมภพมองอย่างไม่พอใจ
ตรัยจับแขนปริตาออกมา แต่ฝ่ายหลังกลับสะบัดมือออก
“ฉันไปขัดจังหวะเธอรึเปล่า ?”
“คุณหมายถึงอะไร ?”
ตรัยแกล้งยิ้มหยัน “จะไต่เต้าเข้าวงการมันเสียเวลา สู้ใช้เต้าไต่ไม่ได้ โตไวนะ”
“คุณดูถูกฉันมากไปแล้ว”
“คิ้วขมวดเลือดขึ้นหน้าแล้ว ฉันแหย่เล่น ฉันรู้จักเธอดี คนที่รักศักดิ์ศรีอย่างเธอไม่ยอมเอาตัวเข้าแลก
เพื่อผลประโยชน์หรอก”
ปริตายักไหล่ “ก็ไม่แน่นะคะ ถ้าข้อเสนอนั้นน่าสนใจ คุณเคยพูดเองไม่ใช่เหรอคะ ว่าฉันเป็นผู้หญิงหิวเงิน?”
“เมื่อไหร่จะเลิกซ้ำเติมฉันสักที คนที่ทำผิดไม่มีโอกาสจะแก้ตัวเลยใช่ไหม ?”
ปริตารู้สึกผิด รีบเปลี่ยนเรื่อง “คุณอาพัชรินทร์มาทำไมคะ?”
“ท่านขอร้องให้ฉันเลิกคบกับดาว”
ปริตารีบถามต่อ “แล้วคุณตอบว่าไง ?”
“ฉันสับสนไปหมดแล้ว แก้ปมโน้นก็เจอปมนี้ ชีวิตมันยากเหลือเกิน”
“ถ้าคุณไม่ผูกเงื่อนไว้ตั้งแต่แรก มันก็ไม่รัดตัวเองหรอก คุณเรียนผูกก็ต้องรู้จักเรียนแก้”
ตรัยย้อนถาม “แล้วถ้าฉันแก้ไม่ได้ เธอจะช่วยฉันได้ไหม ?”
“ฉันก็ต้องช่วย ในฐานะที่เพื่อนฉันอยู่ในปมนี้ด้วย”
ปริตาชิงเอาเรื่องปัทมาศเข้ามาเกี่ยวข้อง แล้วเดินเลี่ยงออกไป
รัญชิตาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ จะเดินออกไป แต่พริดากลับเดินเข้ามาขวางไว้
“จะกลับแล้วเหรอตัวประกอบ? คิดจะเติบโตในวงการนี้ ต้องรู้จักไปมาลาไหว้ เคารพรุ่นพี่ไว้บ้าง
เพราะว่าวงการมันแคบ”
รัญชิตาตอกกลับ “ได้เป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาชิ้นเดียว เธอจะใหญ่คับวงการรึไง ?”
“มันอาจไม่ใช่วันนี้ แต่ก็อีกไม่นาน แล้วฉันก็มีตัวตนบนเวทีนี้ ส่วนเธอล่ะ ลูกสาวนักธุรกิจชื่อดังเป็นได้แค่ตัวประกอบโฆษณา มันน่าสมเพชนะ ก้าวแรกก็พลาดท่าแพ้ฉันซะแล้ว”
รัญชิตาโกรธจนมือไม้สั่น
“ถ้าคิดจะเดินตามฝันที่วางไว้ เก็บแรงไว้หายใจวิ่งไล่ตามฉันให้ทัน เธอยังตามหลังฉันอีกเยอะ” พริดาหัวเราะเยาะ รัญชิตาเจ็บใจ เดินออกไปทันที
ชาญวุฒิยื่นซองเงินค่าจ้างให้ปริตา
“ขอบคุณพี่ชาญมากนะคะ เงินก้อนนี้ช่วยชีวิตอ้อมไว้ได้”
ชาญวุฒิยิ้มอย่างใจดี “แล้วค่าผ่อนต่อไปจะหาจากไหน ?”
“อ้อมคงหางานประจำทำค่ะ”
“ไม่ต้องเลยนะ พี่ไม่ปล่อยให้เด็กในโมพี่ตกอับ หลังโฆษณาชิ้นนี้ออนแอร์ มันจะเป็นใบเบิกทางให้อ้อม รับรองผู้จัดละครติดต่อมาแน่”
พูดพลางยื่นซองให้ปริตาอีกซอง
“ฝากให้น้องมิ้นท์ด้วย พี่เข้าไปเคลียร์ข้างในก่อน”
รัญชิตาเข้ามาอีกทาง ปริตายื่นซองเงินให้ แต่พอเห็นสีหน้าของเพื่อนก็รีบถามด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไร ?”
“เปล่า”
รัญชิตาฝืนยิ้มตอบ ไม่อยากพูดให้เพื่อนไม่สบายใจ ปริตาเข้ามาหอมแก้มรัญชิตา
“มิ้นท์ ฉันขอบใจแกมากนะ ที่แกอดทนเพื่อฉัน”
“ก็อย่าให้ฉันหมดความอดทนแล้วกัน ฉันกลับก่อนนะ”
รัญชิตาเดินออกไป ปริตายิ้มดีใจที่ได้เงินไปดาวน์บ้าน
พริดาที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า พลางมองรอยช้ำที่แผ่นหลังซึ่งโดนสมภพกระทำด้วยความเจ็บปวด แต่ก็ต้องอดทนเพื่ออนาคต
ขณะที่ดอกแก้วเดินแยกออกมาด้านหน้าเจอกับสมภพเข้าพอดี
“คุณสมภพคะ ถ้ามีงานอะไรที่เหมาะกับดอกแก้ว รบกวนคุณสมภพช่วยดันดอกแก้วด้วยนะคะ”
สมภพมองดอกแก้วด้วยแววตาเจ้าชู้ “เธออยากให้ฉันช่วยเหรอ ?”
“ค่ะ”
“เธอกลับยังไง ?”
ดอกแก้วรีบบอก “เดินออกไปขึ้นรถเมล์หน้าบริษัทค่ะ”
“งั้นฉันไปส่งแล้วกัน ยังไงก็ทางผ่านฉันอยู่แล้ว ไปรอฉันข้างๆบริษัทแล้วกัน”
พูดจบสมภพก็เดินนำออกไป เพราะไม่อยากให้ใครมาเห็น ดอกแก้วยิ้มพอใจ
ปัทมาศกอดตุ๊กตา ชะเง้อรอคอยตรัยที่จะมารับ พัชรินทร์มองลูกด้วยความสงสาร
ขณะที่ตรัยก็ยืนรอรัญชิตาอยู่ด้านหน้าสตูดิโอ
“เชิญครับ ผมไปส่ง”
“วันนี้คุณมาทำงานทั้งวัน ยังไม่ได้ไปเยี่ยมดาวเลย คุณไปเถอะฉันกลับเองได้”
“ผมรับคุณมา ผมก็ต้องส่งคุณ ไม่อยากให้คุณอาชาลินีสงสัยด้วยครับ”
รัญชิตาจึงจำยอมต้องขึ้นรถไปกับตรัย ทางด้านเสาวลักษณ์ ที่รู้จากศิโรจน์ว่าตรัยไปส่งรัญชิตา แล้วจะไปรับปัทมาศต่อ ก็ไม่พอใจ
ปริตาเข้ามาในโรงพยาบาล พร้อมกับยกมือไหว้พัชรินทร์ แต่อีกฝ่ายกลับไม่รับไหว้
“อ้อมมาเยี่ยมดาว ขอให้อ้อมไปหาดาวนะคะ”
“คุณหมอให้กลับบ้านแล้ว”
“แล้วดาวล่ะคะ ?”
ปริตามองตามสายตาของพัชรินทรืไป ก็เห็นปัทมาศนั่งรถเข็นรอตรัยอยู่
“ดาวไม่ยอมกลับ จะรอคุณตรัย เธอช่วยพูดให้ฉันหน่อย”
ปริตารับคำ พลางเหลือบมองปัทมาศที่กำลังส่งข้อความในมือถือ ด้วยความสงสาร
ปัทมาศถือมือถือรอข้อความตอบกลับจากตรัย พอเสียงข้อความดังขึ้น ก็รีบกดเปิดอ่าน แต่กลับเป็นข้อความของปริตา
“ กลับบ้านกันนะคนสวย”
ปัทมาศเงยหน้ามอง ปริตายิ้มให้ แล้วเข้าไปจะเข็นรถให้ แต่ปัทมาศเอามือห้ามล้อไว้
“งานเสร็จแล้ว ทำไมคุณตรัยไม่มาหาฉันล่ะอ้อม ?”
“ถ่ายเสร็จ แต่เขาต้องจัดการโน่นนี่นั่นในบริษัทอีกเยอะเลยนะ”
ปัทมาศพยักหน้าเศร้าๆ “จริงสิ เขาเป็นเจ้าของ ก็ต้องดูทุกอย่างให้เรียบร้อย”
“ใช่แล้วจ้ะ ไป ฉันไปส่ง ไปรอเขาที่บ้าน”
“ไม่ได้หรอก เขาสัญญาว่าจะมารับฉัน เขาก็ต้องมา คนรักกันไม่ผิดสัญญาหรอก”
ปริตามองปัทมาศอย่างกังวลใจ
ตรัยขับรถจอดข้างทาง พร้อมๆ กับที่รัญชิตาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“ส่งมิ้นท์ตรงนี้ล่ะค่ะ คุณรีบไปรับดาวเถอะ ฉันรู้ว่าดาวรอคุณ”
“แล้วเธอล่ะ?”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจะบอกคุณแม่ว่าคุณมาส่งที่หน้าบ้าน แล้วต้องกลับไปดูแลคุณหญิง ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่ ก็รีบบอกฉัน ฉันไม่อยากเล่นละครหลอกใคร โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ฉัน”
ตรัยยิ้มรับ แล้วขับรถออกไป
ปริตาเดินหน้าเครียดเข้ามาบอกพัชรินทร์
“อ้อมพยายามแล้วค่ะ แต่ดาวไม่ยอม”
พัชรินทร์ถอนหายใจ
“เธอเข้าใจฉันแล้วใช่ไหม ทำไมฉันถึงห้ามไม่ให้ดาวคบผู้ชายคนนั้น เขามีแต่ทำให้ลูกฉันผิดหวัง ฉันทนให้ลูกต้องเจ็บไม่ได้อีกแล้ว”
กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 6 (ต่อ)
สมภพที่ขับรถจะพาดอกแก้วไปส่ง เห็นรัญชิตากำลังยืนรอแท็กซี่อยู่ที่ริมถนน ก็รีบจอดรถทันที
“ฉันมีธุระด่วน ฉันส่งเธอตรงนี้แล้วกัน”
ดอกแก้วอึ้ง “เอ่อ ค่ะ โอกาสหน้าดอกแก้วคงได้มีโอกาส”
สมภพยื่นหน้ามา ดอกแก้วนึกว่าเขาจะหอมแก้มก็ยิ้มพอใจ แต่อีกฝ่ายกลับดึงเปิดประตูให้ ดอกแก้วจำยอมต้องรีบลงจากรถ พลางมองสมภพ ที่ขับรถถอยหลังไปรับรัญชิตาด้วยความเจ็บใจ
ปัทมาศตัดสินใจหมุนล้อออกไปเพื่อไปดักรอตรัยที่ด้านหน้าโรงพยาบาล พัชรินทร์เดินเข้ามาอีกทางจะรีบตามไป แต่กลับเจอกับเสาวลักษณ์มายืนดักหน้า
“ดิฉันคุณหญิงเสาวลักษณ์ เป็นแม่ของตรัย”
ปัทมาศคิดว่าตรัยไม่มาหาเธอแล้วก็ร้องไห้
“ร้องไห้แล้วไม่สวยนะ”
ตรัยทรุดตัวลงนั่งเช็ดน้ำตา พร้อมกับยื่นช่อดอกไม้ให้ปัทมาศที่รีบโผเข้ากอดเขาด้วยความดีใจ
ปริตาเห็นตรัยมารับปัทมาศ ก็อดน้ำตาคลอด้วยความตื้นตันใจไปด้วยไม่ได้
พัชรินทร์ยกมือไหว้เสาวลักษณ์
“ดิฉันดีใจที่คุณหญิงมา เพราะดิฉันมีเรื่องอยาก...”
เสาวลักษณ์พูดแทรกขึ้นมาทันที
“อย่าเสียเวลาชักแม่น้ำทั้งห้าเลยค่ะ ฉันรู้ว่าคุณต้องการอะไร”
พูดพลางหยิบซองเช็คยื่นให้พัชรินทร์
“ฉันจ่ายให้มากพอที่เธอกับลูกสาวสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่ต้องทำงาน มันออกจะมากไปด้วยซ้ำ แต่ฉันถือว่าเป็นค่าชดเชยที่ทำให้ลูกเธอเดินไม่ได้ ฉันขอเพียงอย่างเดียว เห็นแก่อนาคตของลูกฉัน อย่าให้ลูกสาวเธอเรียกร้องอะไรอีก”
ปริตาเดินเข้ามาได้ยินคำพูดของเสาวลักษณ์ก็อึ้งตกใจ ขณะที่พัชรินทร์น้ำตาคลอ
“หมดธุระแล้ว ฉันขอตัว”
เสาวลักษณ์หันหลังกลับ พัชรินทร์รีบเรียกไว้
“คุณเสาวลักษณ์ ฉันขอเรียกเพียงชื่อ เพราะถ้าคุณไม่ให้เกียรติฉัน ฉันก็ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติคุณ
ฉันไม่เคยคิดเรียกร้องค่าเสียหาย แต่สิ่งที่คุณทำ มันเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ ฉันคงให้อภัยกับคนเห็นแก่ตัวอย่างพวกคุณไม่ได้”
เสาวลักษณ์ยิ้มเยาะ
“ถ้าคุณจะเล่นแง่เรียกเงินเพิ่มล่ะก็ ไปคุยกับทนายแล้วกัน ลูกฉันไม่ได้ขับรถชนลูกเธอ เขาไม่ต้องรับผิดชอบอะไรด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ฉันทำเพราะสงสาร”
พัชรินทร์ตันสินใจ
“คุณคงลืมไปแล้วว่า ลูกชายคุณขืนใจลูกสาวฉัน ฉันไม่เคยคิดจะรื้อฟื้นหรือพูดถึงเรื่องนี้ แต่ในเมื่อคุณดูถูกศักดิ์ศรีของฉันและลูก ฉันก็จะเรียกร้องศักดิ์ศรี แจ้งความว่าลูกชายคุณข่มขืนลูกสาวฉัน ฉันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”
พัชรินทร์ประกาศต่อหน้าแล้วเดินออกไป เสาวณ์ลักษณ์ถึงกับยืนอึ้ง ปริตารีบเดินเข้ามาหา
“อ้อมเคยเตือนคุณหญิงแล้วนะคะ อย่าใช้เงินแก้ปัญหาและขอความกรุณาเลิกดูถูกคนเถอะค่ะ “
เสาวลักษณ์มองปริตาอย่างไม่พอใจ
“ไม่ต้องมาสั่งสอนฉัน เธอมันก็พวกเดียวกัน ยกกฎหมายมาอ้างหวังจะจับลูกชายฉัน”
ปริตาทนไม่ไหวจึงรีบบอก
“คุณอาเป็นฝ่ายขอร้องให้คุณตรัยเลิกยุ่งกับดาวเองค่ะ คุณอาไม่ต้องการเงินหรือเรียกร้องใดๆ คุณอาต้องการเพียงคำขอโทษ คำขอโทษจากคนผิด แต่คุณหญิงกลับทำให้ทุกอย่างเลวร้าย”
ตรัยกำลังจะเข็นรถเพื่อพาปัทมาศไปที่รถ พัชรินทร์รีบตรงเข้ามาตวาดไล่
“เธอออกไป”
ปัทมาศตกใจ รีบช่วยพูด ”คุณแม่อย่าโกรธคุณตรัยนะคะ คุณตรัยเพิ่งทำงานเสร็จ”
ตรัยหน้าเจื่อน “ขอโอกาสให้ผมได้ช่วยดาวนะครับ”
“โอกาสของเธอหมดลงแล้ว ฉันบอกให้ออกไป”
จากนั้นก็รีบเข็นรถพาปัทมาศออกไปทันที ปริตารีบถือกระเป๋าตามไป
ตรัยแปลกใจว่าทำไมพัชรินทร์จึงโกรธเขามาก ทันใดนั้นเสาวลักษณ์ก็เดินตรงเข้ามา
“คุณแม่”
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เสาวลักษณ์ก็เปิดฉากเล่นงานตรัยทันที
“แกบอกว่าอยากทำให้ฉันสบายใจ แต่แกก็ขัดใจฉัน แกหลอกฉัน”
ตรัยรีบอธิบาย
“ผมไม่มีเจตนาโกหกคุณแม่นะครับ ผมรอให้คุณแม่หายดี แล้วผมก็จะบอกความจริง ผมจำเป็นต้องแต่งงานกับดาวครับ”
“แกคงจะได้แต่งหรอก แม่เขาจะเล่นงานแก แจ้งตำรวจจับแกข้อหาข่มขืนลูกสาวเขา”
ตรัยอึ้งตกใจ เสาวลักษณ์จะเดินกลับขึ้นไปบนห้อง แต่แล้วก็กลับหน้ามืดทรุดตัวล้มลง
พัชรินทร์ค่อยๆ ประคองตัวปัทมาศลงบนเตียงนอน โดยมีปริตาและป้าอรช่วยจัดของ
“คุณแม่คะ คุณแม่เข้าใจคุณตรัยผิดนะคะ ดาวอยากคุยกับคุณตรัยค่ะ”
พัชรินทร์ตวาดใส่ “เลิกพูดถึงเขาได้แล้ว”
ปริตาและป้าอรค่อยๆ เดินเลี่ยงออกมา ปล่อยให้พัชรินทร์คุยกับปัทมาศตามลำพัง
“ฟังแม่นะ เขาจะไม่มาที่นี่อีก ลูกจะไม่ได้เจอหน้าเขาแล้ว”
“แต่เขาจะแต่งงานกับดาว”
“เขายอมแต่งงานเพราะเป็นภาระที่เขาต้องรับผิดชอบ ถ้าไม่เกิดเรื่องนี้ เขาก็แต่งงานกับรัญชิตา ลูกไปแย่งเขามา ดาว ลูกอยากแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักลูกเหรอ ?”
ปัทมาศพยักหน้า “คุณตรัยรักดาวจริงๆค่ะ”
“คนรักกัน ไม่คิดจะล่วงเกินกันหรอก แต่เขากลับฉวยโอกาสบังคับขืนใจลูก ข่มขืนลูก”
ปัทมาศส่ายหน้าช้าๆ “ไม่ใช่ค่ะ คุณตรัยไม่ได้ข่มขืนดาว ดาวรักเขา ดาวยอมเป็นของเขา จริงๆนะคะแม่”
“ลูกนอนเถอะ ไว้เราค่อยคุยกัน”
พัชรินทร์ห่มผ้าให้ปัทมาศ แล้วเดินออกจากห้องไป
เมื่อพัชรินทร์เดินลงมาด้านล่าง ปริตาก็ตรงเข้าไปพูดเป็นเชิงขอร้อง
“คุณอาคะ อ้อมขอให้คุณตรัยมาขอขมาคุณอานะคะ”
“ฉันไม่ยอมให้คนจิตใจเลวทรามมาใช้ชีวิตกับลูกฉัน”
ปริตามองพัชรินทร์ด้วยแววตาวิงวอน “ดาวรักคุณตรัย คุณตรัยก็รักดาวนะคะ”
“ผู้ชายคนนั้นไม่ได้รักลูกฉัน เขาข่มขืนลูกฉัน เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว และถ้าไม่อยากให้ฉันเกลียดเธอไปกว่านี้ ก็อย่าพูดชื่อผู้ชายคนนั้นให้ฉันได้ยินอีก”
พัชรินทร์ระเบิดอารมณ์ใส่ ปริตาจำต้องยกมือไหว้ แล้วจะเดินออกไป ผู้สูงวัยกว่าพูดทิ้งท้ายไว้
“ปริตา เธอเองก็ควรจะห่างจากผู้ชายคนนั้น”
ตรัยเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ เตียง พลางหยิบผ้าห่มคลุมให้เสาวลักษณ์ พร้อมกับกุมมือแม่ไว้
“ผมขอโทษครับคุณแม่ ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด”
ปริเทพถือถาดใส่อาหารเข้ามาในห้องนอนของปัทมาศ เธอมองอย่างผิดหวัง เพราะอยากเจอตรัยมากกว่า
“พี่ต้มพะโล้มาให้น้องดาวด้วยนะคะ พี่จะป้อนให้”
ปัทมาศส่ายหน้า “ดาวไม่หิวค่ะ”
“งั้นพี่วางไว้ตรงนี้นะคะ น้องดาวหิวก็บอกให้ป้าอรอุ่นให้”
ปริเทพวางถาดอาหาร แล้วเดินมาที่ข้างเตียง อยากจะจับมือปัทมาศ แต่ก็ยั้งไว้
“พี่กลับก่อนนะคะ พี่ไม่อยากกวนใจน้องดาว”
พูดพลางจะเดินออกไป แต่กลับถูกปัทมาศจับมือไว้
“พี่เทพคะ พี่ช่วยบอกให้คุณตรัยมาหาดาวนะคะ ดาวอยากเจอคุณตรัยค่ะ”
ปริเทพนิ่งคิดอย่างตัดสินใจ
ท่ามกลางบรรยากาศขุนเขา และ ธรรมชาติที่สวยงามของอำเภอสังขละบุรี ปริตาถือโกฎิของแม่เดินตรงดิ่งไปยังบ้านของเธอ พลางยืนมองอย่างมีความสุขที่จะได้เอาเงินมาดาวน์บ้านหลังนี้ จากนั้นก็เดินมายังสะพานมอญ ยืนมองความสวยงามของแม่น้ำ มองกลุ่มเด็กๆ ที่ว่ายน้ำเล่นกันอย่างสนุกสนาน อีกมุมหนึ่งเรือชาวประมงกำลังทอดแห ตกปลา เป็นวิถีชีวิตเรียบง่าย ที่ปริตาอิ่มเอมใจทุกครั้งที่ได้มอง
พลันเธอก็ได้ยินเสียงชัตเตอร์กล้องดังขึ้นใกล้ๆ เมื่อหันไปมองที่มาของเสียง ก็เห็นตรัยกำลังถ่ายรูปเธออยู่ จึงรีบเดินหนีไป แต่เขาก็วิ่งตามมาดักหน้า ถ่ายภาพมุมต่างๆ ไว้แทบจะทุกอิริยาบถ
ปริตาเข้าไปแย่งกล้องมาได้ แล้วจะทิ้งกล้องลงน้ำ
“กล้องฉัน อย่าโยนทิ้ง”
“เสียดายของสิ ?”
ตรัยส่ายหน้า “เปล่า แต่เสียดายภาพในนั้น มันมีค่ามากนะ เอ่อ ฉันหมายถึงวิวที่ฉันถ่ายไปก่อนหน้านี้ ฉันถ่ายเด็กๆไว้เยอะ แล้วฉันก็สัญญาว่าจะปริ๊นต์ภาพให้พวกเขา”
ปริตาจำต้องส่งกล้องคืนให้
“คุณมาที่นี่ทำไม?”
ตรัยยิ้มกว้าง “คนบางคนเคยพูดว่า เหนื่อยนักก็พักบ้าง”
“มีที่อื่นตั้งมากมาย ทำไมคุณต้องเจาะจงมาที่บ้านฉัน ?”
“เอ้า ฉันไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าบ้านเธออยู่สังขละบุรี ฉันแค่อยากมาเดินเล่นสะพานมอญ มาไหว้พระบังเอิญจังที่เจอเธอ”
ปริตามองค้อน “คุณกล้าสาบานไหมคะว่ามันเป็นเหตุบังเอิญ ? สถานการณ์ตอนนี้ ฉันว่าคุณควรจะอยู่ดูแลคุณแม่คุณ”
ตรัยถอนหายใจ “คุณแม่ยังโกรธฉัน ฉันเข้าหน้าไม่ติดเลย อีกใจหนึ่งก็อยากไปเยี่ยมดาว เธอก็รู้ว่าถ้าฉันไปจะเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ฉันอยากหยุดคิด หยุดทุกอย่าง แล้วอยู่กับตัวเองให้มากที่สุด”
ปริตามองอย่างเข้าใจความรู้สึกของตรัย
ทางด้านรัญชิตาก็มองภาพคู่ของเธอกับตรัย ด้วยความรู้สึกเศร้าเสียใจที่มันต้องกลายเป็นอดีต
ชาลินีเข้ามาในห้อง เห็นภาพคู่ก็ยิ้มพอใจ รัญชิตาหน้าสลด เพราะไม่กล้าบอกความจริงที่ตรัยต้องแต่งงานกับ
ปัทมาศ
“วันหน้านัดคุณตรัยมากินข้าวพร้อมหน้ากัน พ่อแกจะได้เลิกอคติกับเขาสักที แม่ไปก่อนนะ”
รัญชิตาสงสัย “คุณแม่จะไปไหนคะ ?”
“บอกได้ไงล่ะ ข่าวเซอร์ไพร้ส์ของลูก”
พูดจบชาลินีก็เดินออกไป รัญชิตาหน้าเศร้า รู้สึกผิดที่ต้องปิดบังแม่ ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจวิ่งลงมาจะสารภาพความจริง แต่กลับเจอแต่พลศิษฎ์
“คุณแม่ออกไปแล้ว มีอะไรรึเปล่า? รึทะเลาะกันอีก ?”
“เปล่าค่ะ มิ้นท์ไม่อยากให้คุณแม่ผิดหวังและเสียใจ มิ้นท์ไม่อยากโกหกคุณแม่อีกแล้ว”
“โกหกเรื่องอะไร?”
รัญชิตามองหน้าพี่ชาย “พี่มาร์ทต้องสัญญานะคะ จะไม่โกรธคุณตรัย?”
แต่พอพลศิษฎ์รู้ความจริงที่ตรัยให้รัญชิตาช่วยโกหกทุกคน ก็ไม่พอใจ
“พี่มาร์ทสัญญากับมิ้นท์แล้วไงคะ จะไม่โกรธคุณตรัย”
“ทำไมเราถึงได้เข้าข้างเขานัก ?” พลศิษฎ์ย้อนถาม
“มิ้นท์รักเขานี่คะ”
“ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้แสดงความรักหรือใส่ใจเราอย่างนั้นเหรอ ?”
รัญชิตาย้อนกลับ “แล้วทีพี่มาร์ทรักยัยอ้อมล่ะ ยัยอ้อมก็ไม่เคยแคร์พี่ ?”
พลศิษฎ์ยอมจำนนเหตุผลของน้องสาว
“มันก็จริงอย่างที่เราพูดล่ะ บางทีความรักมันก็โง่เง่าไร้เหตุผล แต่ทำไงได้ ก็คนมันรัก”
“มิ้นท์ควรจะบอกความจริงกับคุณแม่ไหมคะ?”
พลศิษฎ์พยักหน้า “ต้องบอก แต่ไม่ใช่ตอนนี้ พี่จะหาโอกาสคุยกับคุณตรัย ให้เขาบอกความจริงกับคุณหญิงให้เร็วที่สุด ก่อนที่คุณแม่จะรู้เรื่องนี้”
ปริตาเดินกลับมาที่สะพานมอญ เพื่อจะดูว่าตรัยกลับไปรึยัง จังหวะนั้นเองน้าแก้วและน้าสุก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาถาม
“อ้อม เห็นฝนลูกน้าไหม?”
“มีอะไรเหรอน้าแก้ว ?”
“ฝนมันออกมาเล่นน้ำ เพื่อนๆมันกลับบ้านไปหมดแล้ว แต่ฝนมันหายไป”
ปริตานึกถึงภาพตอนที่ตรัยหันไปถ่ายรูปกลุ่มสาวๆ เล่นน้ำ ก็เริ่มกังวลใจว่าเขาจะเป็นคนลวงเด็กสาวไป จึงรีบวิ่งออกตามหา ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังออกมาจากกระท่อมหลังเล็กๆ จึงรีบวิ่งเข้าไปดู เห็นตรัยเข้าไปจับตัวฝน ที่ร้องไห้ด้วยความตกใจ
ปริตาวิ่งหยิบไม้เข้าไปฟาดด้านหลังตรัยทันที
“คุณข่มขืนน้องฉัน คุณมันชั่วจริงๆ”
ตรัยรีบปฏิเสธ “ไม่ใช่”
น้าแก้ว และชาวบ้านวิ่งกรูเข้ามารุมทำร้ายตรัย ฝนพยายามหาจังหวะอธิบาย
“ไม่ใช่จ้ะพ่อ คุณคนนี้ไม่ได้ทำฝน”
ตรัยรีบอธิบายต่อ “ฉันเข้ามาช่วย ส่วนไอ้ตัวที่ทำน่ะ อยู่โน่น”
พูดพร้อมกับชี้ไปที่ไอ้เชิดซึ่งโดนเล่นงานจนหมดสติ
น้าแก้วกับน้าสุรีบเข้าไปยกมือไหว้ขอบคุณตรัย
“ขอบคุณคุณมากที่ช่วย ไม่งั้นลูกฉันแย่แน่”
ตรัยรีบบอก “รีบจับมันส่งตำรวจ อย่าปล่อยให้มันไปทำร้ายใครอีก”
ปริตามองตรัยด้วยความรู้สึกผิดที่ทำร้ายเขา
“ฉันขอโทษจากใจจริงนะ”
“ขอโทษแล้วมันหายเจ็บไหม? คนทำดีแล้วไม่ได้ดี ต่อไปใครจะกล้าทำดี”
ปริตาหน้าจ๋อย “ใครจะคิดล่ะว่าคนบ้ากามอย่างคุณจะมีน้ำใจ”
“ฉันเนี่ยนะบ้ากาม ?”
ปริตาพยักหน้า “ฉันเห็นคุณถ่ายรูปฝน ถ่ายรูปสาวๆ ตอนเล่นน้ำ“
ตรัยหยิบกล้องมาเปิดภาพให้ปริตาดู มีแต่ภาพเด็กๆ ไม่มีรูปสาวๆ เลย
“ในสายตาเธอ ฉันแย่มากเลยใช่ไหม ?”
“ก็ประวัติคุณมันไม่ดีนี่”
ตรัยก้มหน้ายอมรับผิด “ฉันรู้แล้วว่าผลที่ได้มันเป็นยังไง ฉันไม่ยอมซ้ำรอยเดิมหรอก”
ปริตารู้สึกดีที่ตรัยเปลี่ยนความคิดและสุภาพขึ้น
“เดี๋ยวฉันทายาแก้ฟกช้ำให้”
กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 6 (ต่อ)
หลังจากทายาเสร็จ ปริตาก็พุดเชิงให้ตรัยกลับ แต่เขากลับพูดย้อนมาว่า
“ฉันจะกลับได้ไง ใจฉันยังไม่สงบ ฉันอยากอยู่อยู่ที่นี่ เพื่อบำบัดความเครียด นักจิตวิทยาพูดว่าการใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ จะทำให้เราผ่อนคลายได้”
“งั้นฉันช่วยคุณเองค่ะ”
ตรัยยิ้มดีใจ “เธอยอมเป็นไกด์พาฉันเที่ยวแล้วใช่มั้ย ?”
“ค่ะ เที่ยวแบบเข้าถึงธรรมชาติ”
จากนั้นก็นำชุดแบบชาวบ้านๆ มาให้ตรัยเปลี่ยน
“พร้อมทัวร์กันรึยังคะ ?”
ตรัยพยักหน้า “พร้อมก็พร้อม”
พลางรีบเดินตรงไปที่รถ
“เราไม่ต้องใช้รถค่ะ”
ปริตายิ้มขำ เมื่อนึกถึงแผนที่จะแกล้งตรัย
ปริตาเดินนำตรัยตรงมาที่ท่าน้ำ ที่มีเรือพายจอดอยู่
“ใช่ค่ะ เราจะเดินทางโดยเรือ” พลางส่งแหให้ตรัย “และนี่เครื่องมือของคุณ การท่องเที่ยวให้เข้าถึงแก่น เราต้องศึกษาวิถีการทำมากินของท้องถิ่นด้วยค่ะ”
ตรัยส่ายหน้า พร้อมกับคืนแหให้ปริตา
“ไม่ไหวอ่ะ”
“ลูกทัวร์ที่ดีต้องทำตามไกด์แนะนำค่ะ”
ตรัยไม่กล้าปฎิเสธ มองแหด้วยความกังวลใจ.
ปริตาพายเรือมากลางแม่น้ำ ตรัยนั่งอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่แล้วเมื่อลองทอดแห กลับเหวี่ยงมาครอบตัวปริตา แล้วก็หัวเราะเยาะชอบใจ จนเธอหมั่นไส้ผลักเขาตกเรือ แล้วก็หัวเราะร่า
“หัวเราะทีหลังดังกว่า”
ทันใดนั้นเรือก็โคลงเคลง ปริตาร้องลั่น “อย่านะคุณ อย่า”
ตรัยไม่ฟังเสียงขย่มเรือ จนปริตาตกน้ำ
“ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว”
ตรัยหัวเราะเยาะ ปริตาเข้าไปทุบตีตรัย ทั้งสองปาดน้ำใส่กัน ด้วยความใกล้ชิด
ทางด้านปริเทพที่มานั่งรอตรัยอยู่ในห้องทำงานอยู่เป็นนาน พลางนั่งดูวิดีโองานโฆษณาที่ตรัยเป็นคนถ่าย ซึ่งเน้นแต่ภาพของปริตา จนเขานึกเอะใจ ต้องรีบหันมาถามศิโรจน์
“นี่เป็นภาพที่ออกอากาศเหรอครับ ?”
“เปล่าครับ บอสผมถ่ายเก็บไว้เป็นภาพเบื้องหลังครับ ผมพยายามโทรหาบอสหลายครั้งแล้วก็ไม่รับ เช็คที่บ้านก็ไม่อยู่ ถ้าคุณเทพยังไม่กลับ ผมจะเตรียมมุ้ง หมอนผ้าห่มให้นะครับ”
ปริเทพลุกขึ้นจะออกไป “ติดต่อได้แล้วบอกผมแล้วกัน”
จากนั้นก็เดินออกไป ศิโรจน์โล่งใจ
จากนั้นปริเทพก็มาเยี่ยมปัทมาศที่ห้อง พร้อมกับบอกว่าตรัยติดประชุมจึงไม่ได้มาด้วย
“พี่เทพไม่ได้ไปหาเขา ถ้าพี่เทพไปหาคุณตรัยจริง ไม่ว่าจะติดงานยังไง เขาก็ต้องทิ้งงานมาหาดาว เขารู้ว่าดาวสำคัญกับเขามากแค่ไหน? พี่เทพยอมรับมาเถอะค่ะ พี่เทพโกหกดาว”
“ใช่ เพราะพี่รู้ว่าเขาแคร์น้องดาวมาก พี่ถึงไม่อยากให้เขามาหาน้องดาว พี่ไม่อยากให้เขาเอาตัวน้องดาวไป”
ปัทมาศหน้าเศร้า “พี่เทพคะ ดาวขอร้องเถอะค่ะ ถ้าพี่รักดาว พี่พาคุณตรัยมาหาดาวนะคะ”
ปริเทพจำยอมต้องรับปาก “จ้ะ พี่จะพาคุณตรัยมาหาดาว”
ปริตาผลักประตูเข้ามาในห้องพักของตรัย แต่ไม่เจอเขาในห้อง ซ้ำกลับได้กลิ่นบางอย่างโชยมา จึงรีบเดินเข้ามาในห้องครัว แล้วก็ต้องชะงัก แปลกใจ ที่เห็นตรัยกำลังผัดเผ็ดปลาน้ำจืดอย่างคล่องแคล่ว
ปริตารีบบอก “โปรแกรมทัวร์จบแล้ว คุณกลับไปได้แล้วค่ะ”
ตรัยยิ้ม “ทัวร์ที่สมบูรณ์ต้องชม แชะ ชิม ฉันได้ชมความงามของที่นี่ แชะภาพถ่ายรูป แต่ยังไม่ได้ชิม
อาหารท้องถิ่นเลย ผมตั้งใจทำอาหารมื้อนี้เพื่อคุณ ขอให้ผมได้ตอบแทนคุณนะครับ คุณไกด์”
ปริตาส่ายหน้า “ฉันไม่เคยหวังผลตอบแทน และฉันจะดีใจมากที่คุณจะกลับไปซะที”
“ผมจะกลับก็ต่อเมื่อ คุณกินอาหารของผมก่อน”
ปริตาพยักหน้ารับคำพลางจะเข้าไปตักอาหาร แต่ตรัยห้ามไว้
“กรุณาไปเปลี่ยนชุดให้คู่ควรกับอาหารของผม ถ้าคุณไม่ทำตามคำขอ ผมไม่กลับ”
ตรัยขู่แกมบังคับ ปริตาจึงต้องออกไปเปลี่ยนชุด จังหวะเดียวกับที่เสียงโทรศัพท์ของตรัยก็ดังขึ้นภาพของรัญชิตาปรากฏที่หน้าจอ
รัญชิตารอจนสายตัด แต่ก็ไม่มีคนรับสาย พอจะโทร.ซ้ำอีกครั้ง รถของชาลินีวิ่งเข้ามา
ชาลินีลงจากรถ พลางคิดถึงเหตุการณ์ที่คุยกับเสาวลักษณ์
“คุณหญิงหายไวๆ นะคะ จะได้เข้าบริษัท ไปทำสัญญาโปรเจ็กต์สร้างหมู่บ้าน ดิฉันทราบข่าวที่ลูกคุณหญิงคอยดูแลยัยมิ้นท์ ดิฉันก็อุ่นใจ”
เสาวลักษณ์หน้าเครียด “ดิฉันขอโทษคุณชาลินีด้วยนะคะ ลูกตรัยยังติดต่อกับดาว และจะแต่งงานกับดาว”
ชาลินีตกใจ “ยัยมิ้นท์โกหกฉันเหรอเนี่ย ?”
“อย่าโกรธหนูรัญชิตาเลยค่ะ ตรัยคงขอร้องให้หนูรัญชิตาทำอย่างนั้น หนูรัญชิตายังไม่รู้เรื่องนี้ค่ะ”
รัญชิตาถือแก้วน้ำผลไม้มาเอาใจชาลินี
“คุณตรัยยังไม่มารับลูกอีกเหรอ? ไหนลูกบอกว่าเขาจะมารับลูกไปกินข้าว ?”
รัญชิตาอึกอัก พลศิษฎ์รีบเดินเข้ามาช่วยแก้ตัวให้
“น้องมิ้นท์ เมื่อกี้คุณตรัยโทรเข้าเครื่องพี่ ฝากบอกว่ามารับไม่ทัน ต้องดูแลลูกค้า”
“แล้วทำไมคุณตรัยไม่โทรเข้าเครื่องน้อง ?” ชาลินีย้อนถาม
พลศิษฎ์หันไปสบตากับรัญชิตา “มิ้นท์ปิดเครื่องชาร์ตแบตอีกแล้วสิ”
“ค่ะ มิ้นท์วางเครื่องไว้ในห้อง”
ชาลินีพยักหน้ารับ “ยังไงก็อย่าลืมบอกให้คุณตรัยหาเวลามากินข้าวที่บ้าน”
จากนั้นก็เดินออกไป รัญชิตาโล่งใจที่แก้ตัวเอาตัวรอดได้
ชาลินีเข้ามาในห้องนอน พลางโยนกระเป๋าอย่างหงุดหงิด ไม่พอใจที่รัญชิตาและพลศิษฏ์โกหก พลางนึกถึงคำพูดของเสาวลักษณ์
“ต้นตอของปัญหาทั้งหมดก็มาจากเด็กคนนั้นและแม่ของมัน เขาเอาเรื่องที่ตรัยพลาดท่ามาขู่ลูกชายฉันถ้าคุณชาลินียังไม่รังเกียจลูกตรัย เราต้องช่วยกัน ช่วยลูกของเราสองคนนะคะ”
ชาลินีนิ่งคิด ว่าจะจัดการปัญหานี้อย่างไร
ปริตาเปลี่ยนชุดใหม่เป็นชุดพื้นเมืองที่สวยงาม ตรัยยิ้มให้ พลางมองด้วยความชื่นชม ก่อนที่จะทัดดอกไม้ที่หูให้
“ฉันบอกแล้วไงอย่าเยอะ”
“อย่าขัดใจฉัน ไม่งั้นฉันเปลี่ยนใจไม่กลับนะ”
ปริตาจำยอมอย่างไม่มีทางเลือก ตรัยทัดดอกไม้เสร็จ ก็ผายมือเชิญ
“เชิญครับคุณผู้หญิง”
ปริตาเดินไปตามทางเดินที่ประดับด้วยเทียน และหยุดมองโต๊ะอาหารที่ประดับตกแต่งอย่างโรแมนติกด้วยอาการตื่นตะลึง
“ถูกใจไหม ?”
ปริตาแกล้งพูดล้อๆ “โรแมนติกไม่เข้ากับหน้าคุณเลย”
“ถ้าเธอเปิดใจ เธอก็จะเห็นตัวตนที่แท้จริงของฉัน”
ตรัยเข้าไปยกเก้าอี้ให้ปริตานั่ง เธอมองอาหารบนโต๊ะอย่างแปลกใจ
“คุณทำเองหมดเลยเหรอ?”
“ชีวิตที่เมืองนอกสอนให้ผมรู้จักเอาตัวรอด”
ตรัยยิ้มตอบ แล้วตักข้าวให้ ปริตามองด้วยความแปลกใจที่เขาดูแลเธออย่างดี
“คืนนี้เธอเป็นแขกของฉัน ให้ฉันดูแลเธอ”
ปริตานั่งเฉย ตรัยมองอย่างแปลกใจ
“ฉันคิดว่าเธอจะไหว้ฉันเหมือนวันนั้น”
ตรัยหมายถึงวันที่เธอเป็นเด็กฝึกงาน เมื่อเขาตักข้าวใส่จานให้ เธอก็ยกมือไหว้
“ตอนนั้นฉันเป็นเด็กฝึกงาน คุณเป็นนายจ้าง บทบาทและสถานการณ์เปลี่ยนไป”
“แล้วความรู้สึกที่เธอมีต่อฉัน เปลี่ยนไปบ้างรึเปล่า?”
ตรัยจับมือปริตา เธอมองหน้าเขา ก่อนจะค่อยๆ ดึงมือออก
“ฉันหิวล่ะ คุณรีบกินจะได้รีบกลับ”
ตรัยวางช้อน “ถ้าเธอบังคับให้ฉันกลับ ฉันจะไม่กิน ระหว่างทางฉันต้องหิวจัด หน้ามืดเป็นลม ขับรถตกเหวตาย”
ปริตาส่ายหน้าอย่างระอา “ก็คุณสัญญาว่าถ้าฉันกิน คุณก็จะยอมกลับไปไง? คุณมันเจ้าเล่ห์”
ตรัยนั่งมองอาหารนิ่ง ปริตายอมจำนน
“คุณรีบกินสิ จะได้เข้านอนแล้วรีบตื่นกลับไป”
ตรัยยิ้มดีใจ ขณะที่ปริตาส่ายหน้าเซ็งๆ
ปริตากำลังเตรียมหมอนและผ้าห่มให้ตรัย รัญชิตาก็โทร. เข้ามา พอรู้ว่าเธออยู่ที่บ้านสังขละบุรี ก็ออกปากว่าจะมาหา
ปริตาตกใจ รีบห้าม “ไม่ได้นะ อย่ามา”
“อะไร ทำไมต้องตกใจ ?”
“ก็ฉันเป็นห่วงแก ขับรถมันอันตราย”
รัญชิตาหัวเราะ “ฉันแหย่แกเล่น แกรีบกลับมาเร็วๆนะ ฉันเหงาอ่ะ”
“จ้ะ แค่นี้นะ”
ยังไม่ทันที่ปริตาจะวางสาย ตรัยที่เปลี่ยนชุดนอนเรียบร้อยแล้ว ก็เดินเข้ามา
“อ้อม อ้อม”
ปริตาตกใจ รัญชิตาได้ยินเสียงคุ้นๆ ก็รีบถาม “เสียงใครอะ? แกอยู่กับใคร?”
ปริตาส่งสัญญาณให้ตรัยเงียบ “เอ่อ พี่เทพอ่ะ”
“แกอยู่กับพี่เทพค่อยวางใจหน่อย เดี๋ยวพ่อแกก็บุกมาโวยวายอีก งั้นไม่กวนล่ะ มีความสุขนะ กู๊ดไนท์”“กู๊ดไนท์จ้ะ”
ปริตารีบวางสายทันที ไม่อยากให้รัญชิตารู้ว่าตรัยอยู่ที่นี่
รัญชิตาวางสาย แล้วเดินเข้าไปในผับ ถัดมาปริเทพขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอด ก่อนจะเดินเข้าไปในผับเดียวกัน
จบตอนที่ 6