กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 1
ภายในสตูดิโอบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่ง ทีมงานกำลังถ่ายทำโฆษณาน้ำหอมกลิ่นกุหลาบ นางแบบคือ ปริตา หรือ อ้อม ในชุดสีแดงเพลิง กำลังยืนโพสท่าอย่างคล่องแคล่ว ให้ ธิปไตย หรือ ตรัย ซึ่งเป็นตากล้องลั่นชัตเตอร์ ท่ามกลางแสงแฟลชรัวต่อเนื่อง
ธิปไตยจัดท่าทางให้ปริตา พร้อมกับมองเธอด้วยแววตาชื่นชม ปริตาเองก็มองตอบด้วยความรู้สึกดีๆกลับไป
ทั้งคู่ถ่ายภาพกันอยู่ในระยะที่ใกล้ชิดมาก จนศิโรจน์ที่เดินเข้ามา ถึงกับต้องออกปากแซว
“เอ่อ...กล้องนั่นซูมได้ คิดอะไรเปล่าเนี่ย?”
ธิปไตยหันไปมอง แล้วแกล้งถลึงตาใส่ “ไอ้อ๋อง แกนินทาอะไรฉัน ?”
“เปล่าครับบอส ผมแค่คิดว่าน้องอ้อมสวยมาก ฝึกงานจบ น่าเอาดีทางงานถ่ายแบบหรือเล่นละครนะครับ”
“ไม่ล่ะค่ะ อ้อมชอบงานเบื้องหลังมากกว่าค่ะ”
ธิปไตยมองปริตาอย่างชื่นชม “ของสวยๆ งามๆ ซ่อนไว้หลังฉาก มันน่าเสียดาย”
ศิโรจน์เห็นท่าทีของทั้งคู่ ก็พูดแทรกขึ้นมาอีก
“น้องอ้อมฝึกงานมาสามเดือน ทำงานได้คล่องมาก บอสรับเข้าทำงานบริษัทเราเลยนะครับ”
ธิปไตยยิ้มตอบ “ได้ ฉันรับอ้อมมาทำงานแทนแก”
“ไม่ดีมั้งครับบอส”
ธิปไตยยิ้มขำ แล้วหันไปบอกทีมงาน
“ถ่ายภาพนิ่งเสร็จแล้ว ขอให้ทุกคนไปเตรียมตัวสำหรับออกกองคืนนี้ ขอบใจทุกคนมาก”
ทีมงานแยกย้ายเก็บของ เพื่อออกไปจากสตูดิโอ ธิปไตยหันไปสบตาหวานให้ปริตา จนเธอเขินอาย รีบเดินเลี่ยงออกไปทางห้องแต่งตัว ธิปไตยรีบเดินตามไปทันที
“เธอเหนื่อยไหม?”
ปริตาส่ายหน้ายิ้มๆ “ไม่ค่ะ อ้อมขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ”
ธิปไตยยื่นซองใส่เงินให้ “ค่าตัวของเธอ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่คุณตรัยให้โอกาสอ้อมได้มาเรียนรู้งาน อ้อมก็ไม่รู้จะขอบคุณคุณตรัยยังไง”
“มันคนละส่วนกัน ฉันได้ค่าจ้างจากลูกค้า เธอก็ต้องได้ค่าแรง ถึงบริษัทโฆษณาของฉันจะเปิดใหม่ ฉันก็ไม่เอาเปรียบลูกน้อง”
ปริตามองธิปไตยด้วยความรู้สึกประทับใจ
“ขอบคุณมากค่ะ”
พลางยื่นมือไปรับซอง ธิปไตยฉวยจังหวะจับมือปริตาไว้ เธอมองด้วยความแปลกใจ
“ขอบใจมากนะที่เธอทำให้ที่นี่มีชีวิตชีวา”
ปริตายิ้มตอบอย่างเขินอาย แล้วเดินออกไป ธิปไตยมองตาม แล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม
ปริตายืนยิ้มอยู่หน้ากระจกในห้องแต่งตัว พร้อมๆ กับที่ศิโรจน์ถือโทรศัพท์ที่กำลังคุยค้าง พลางปิดเสียงไว้ หันมาบอกเธออย่างเร่งรีบ
“พี่ต้องไปพรีเซ้นท์งานลูกค้าด่วน น้องอ้อมช่วยแคสติ้งพรีเซนเตอร์ตัวนี้ให้พี่ด้วยนะ”
พูดพลางยื่นแฟ้มงานให้ปริตา
“ให้น้องดาวไปช่วยด้วย”
จากนั้นก็หันมาคุยมือถือต่อ
“ครับ ออกมาแล้วครับ อยู่แยกลาดพร้าวแล้วครับผม”
ปริตารับแฟ้มงานจากศิโรจน์มา แล้วนึกได้ “แล้วยัยดาวล่ะ ?”
ธิปไตยกำลังดูภาพที่ถ่ายปริตาในจอคอมพิวเตอร์ ด้วยสายตาชื่นชม พลันก็มีเสียงร้องให้ช่วยของผู้หญิงดังขึ้นมา
“ช่วยด้วยค่ะ”
ธิปไตยแปลกใจว่าเสียงใคร พอหันไปมองที่มุมหนึ่งของสตูดิโอ ก็ยิ่งแปลกใจหนัก เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็น ปัทมาศ หรือดาว ที่ทำหน้าที่โปรยกลีบดอกกุหลาบตอนถ่ายแบบ ยืนถือถังใส่กลีบดอกกุหลาบตัวสั่นอยู่ด้านบน
“ว่าไงพนักงานโปรยกลีบกุหลาบ ทำไมไม่ลงมา?”
“ดาวกลัวความสูงค่ะ”
ธิปไตยหัวเราะขำ “แล้วทำไมไม่ให้คนอื่นขึ้นไปทำแทนล่ะ?”
“ดาวกลัวคุณตรัยไม่ให้ดาวผ่านการฝึกงานค่ะ รบกวนคุณตรัย ช่วยหยิบบันไดให้หน่อยนะคะ”
ปัทมาศมองไปที่บันไดยาวที่พึงอยู่ที่ผนังห้อง ธิปไตยมองแล้วหันมายิ้ม
“ชีวิตเป็นของเธอ เธอต้องช่วยตัวเอง”
พูดพลางก็กอดอกยืนมอง เพื่อแกล้งแหย่ปัทมาศ ที่พยายามปีนลงมาแบบกล้าๆ กลัวๆ จนที่สุดก็ก้าวพลาดตกลงมา ถังกลีบกุหลาบตกคว่ำ กลีบกุหลาบโปรยร่วงมา ในขณะที่ธิปไตยประคองปัทมาศไว้ได้
“มีฉันอยู่ด้วย เธอไม่ต้องกลัวหรอก ฉันจะดูแลเธอเอง”
ปัทมาศแอบรู้สึกประทับใจที่ธิปไตยช่วยเหลือเธอไว้ แต่พอได้สติ ก็รีบออกห่างออกมา
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
ปัทมาศตื่นเต้นและประหม่า รีบเร่งเดินออกไปจากสตูดิโอ ธิปไตยมองตาม แล้วก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ รีบเดินตามเธอออกไปทันที
“เดี๋ยวก่อน”
ปัทมาศหันกลับไปอย่างนึกแปลกใจ ธิปไตยเดินตรงเข้ามาแล้วก้มหยิบตุ๊กตาหมียื่นให้
“บางคนบอกว่าฉันตัวใหญ่เหมือนหมี เอาหมีฮีโร่นี้ไว้ปกป้องเธอ”
ปัทมาศยื่นมือไปรับอย่างอึ้งๆ
“ขอบคุณมากค่ะ ดาวจะรักษามันให้ดีที่สุดค่ะ”
ปัทมาศพูดอย่างตื่นเต้น ก่อนที่จะเดินออกไป ธิปไตยมองตามแล้วยิ้มในความไร้เดียงสาของเธอ จากนั้นก็เดินกลับไปที่โต๊ะวางโน๊ตบุ๊ค
เขามองภาพปริตาด้วยความประทับใจ ก่อนที่จะกดแชร์ลิ้งค์ข้อมูลเข้ามาในมือถือ
ปริตากำลังเซ็ตกล้องวิดีโอ สำหรับใช้ถ่ายแคสติ้งนักแสดงอยาในห้องแคสติ้ง ปัทมาศเดินกอดตุ๊กตาหมียิ้มน้อยยิ้มใหญ่เข้ามา
“หายตัวไปไหนมาจ๊ะเพื่อนรัก ?”
ปัทมาศยิ้มเขินๆ “อ้อม เมื่อกี้ฉันติดอยู่ที่สตู แล้วฉันก็.....”
ปริตาพูดขัดขึ้นมา “ได้ของเล่นมาใหม่ล่ะสิ เอาไปวางไว้ แล้วมารับงานด่วน”
ปัทมาศเดินเอาตุ๊กตาหมีไปวางไว้ที่มุมหนึ่ง ด้วยความทนุถนอม แล้วกลับมาหา ปริตาส่งแฟ้มงานให้ “แคสติ้งยาสระผม”
ปัทมาศรับแฟ้มมาดู “มาแคสติ้งกี่คน? มาจากโมไหนอะ?”
“คนที่เธอก็รู้ว่าใคร”
ปัทมาศมองรายชื่อที่จะมาแคสติ้ง แล้วก็ตกใจ “จะเกิดเรื่องอีกไหมเนี่ย?”
รถของรัญชิตาวิ่งเข้ามาจอดหน้าบริษัทด้วยความเร็ว ก่อนที่เธอจะก้าวลงจากรถ ด้วยมาดที่โฉบเฉี่ยวก่อนจะเดินก้าวเข้าไปในบริษัทอย่างมั่นใจ
ปริตาอยู่ที่กล้องวิดีโอ เพื่อจะถ่ายทำการแคสติ้ง
“แนะนำตัวเองด้วยค่ะ”
พริดาหรือพอลลี่ เดินเข้ามายืนหน้ากล้องนิ่งๆ
“อย่าเรื่องมากได้ไหม พวกเธอก็รู้จักฉันอยู่แล้ว”
“ถึงเราจะเป็นเพื่อนคณะเดียวกัน แต่นี่เป็นงาน ลูกค้าเขาไม่รู้จักเธอ”
ดอกแก้วรีบเอาป้ายที่เขียนชื่อ และข้อมูลส่วนตัว ระบุอายุ ส่วนสูง น้ำหนัก มาส่งให้
“ฉันเขียนให้แล้ว”
ดอกแก้วยื่นส่งให้ แล้วยืนอยู่ข้างพริดา ปัทมาศรีบตะโกนบอก
“ดอกแก้ว ยังไม่ถึงคิวเธอ ออกมารอข้างนอกก่อน”
ดอกแก้วไม่พอใจที่โดนสั่ง แต่ก็จำใจเดินออกมา พร้อมๆ กับที่ปริตาเริ่มกดวิดีโอถ่ายทำ
“พอลลี่ค่ะ พริดา รัชตนาชัย อายุ 21 ปี จบการศึกษาคณะนิเทศน์ศาสตร์ ความสามารถพิเศษร้องเพลงได้ เป็นเชียร์ลีดเดอร์”
รัญชิตา หรือมิ้นท์ าเดินเข้ามาในห้องพอดี รีบพูดขัดขึ้น
“พอเถอะ ลูกค้าไม่สนใจความสามารถกระจอกๆหรอก”
“ยัยมิ้นท์ อย่ามาหาเรื่องฉัน ออกไป”
รัญชิตายิ้มหยัน “ขอโทษนะ บังเอิญฉันมาแคสติ้งงานชิ้นนี้ด้วย”
พริดาไม่พอใจที่รู้ว่ามาแคสติ้งแข่งกับรัญชิตา ปัทมาศกลัวจะมีเรื่องเกิดขึ้น รีบเข้าไปกระซิบถาม
ปริตา
“จะไหวไหมอ้อม ?”
“เดอะโชว์มัสโกออน”
พริดาอ่านบทที่จะแคสติ้ง โดยมีดอกแก้วช่วยต่อบทให้ ส่วนรัญชิตายืนอ่านบทโดยมีปัทมาศคอยดูแล
ปริตาเดินเข้ามาบอกทั้งคู่
“ฉันทวนบทอีกทีนะ เริ่มที่พอลลี่เต้นลีด มิ้นท์เข้ามาเห็นผมของพอลลี่สวยมาก ก็เข้ามาจับผม ถามด้วยความตื่นเต้น พอลลี่ก็เฉลยว่าใช้ยาสระผมอะไร จำบทได้แล้วนะ?”
พริดาส่งบทให้ดอกแก้วแล้วหันมาพูดกับปริตา แต่จงใจกระทบรัญชิตา
“เธอควรจะถามพวกมือใหม่ ไม่ใช่ฉัน”
รัญชิตาปรายตามองเหยียดๆ
“จริงสิ เธอผ่านงานแคสติ้งมาเยอะ แต่น่าสมเพชไม่เคยได้สักงาน”
ปัทมาศรีบเข้าไปเบรกก่อนจะมีเรื่องทะเลาะกัน
“ฉันว่าเราเริ่มแคสเถอะ อย่าลืมนะ เธอสองคนเป็นเพื่อนรักกัน รักกันมากด้วย”
พริดาหันมาปะทะสายตากับรัญชิตา แบบไม่มีใครยอมใคร จากนั้นก็ทำการเริ่มแคสติ้ง
แต่พอถึงตอนจับผม รัญชิตากลับออกแรงดึง แล้วกระชากผมพริดาเต็มแรง
“โอ๊ย”
ปริตาและปัทมาศถึงกับตกใจ รัญชิตายิ้มร้าย
“บอกฉันมาสิเพื่อนรัก เธอใช้ยาสระผมอะไร ฉันอยากมีผมสวยอย่างเธอ”
พริดาร้องลั่น “โอ๊ย ฉันเจ็บ”
ดอกแก้วรีบเข้าไปผลักรัญชิตาออก พร้อมๆ กับที่ปริตารีบวิ่งเข้าไปห้าม
“มิ้นท์ เธอทำอะไรของเธออ่ะ?”
“ฉันขอโทษจริงๆ หนักมือไปหน่อย ฉันคงไม่เหมาะจะเล่นโฆษณานี้หรอก ให้ยัยดอกแก้วเล่นแทนแล้วกัน ฉันกลับก่อนนะ”
รัญชิตายิ้มเย้ยใส่พริดา แล้วเดินออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปริตาและปัทมาศถึงกับอึ้ง ดอกแก้วเข้าไปบอกพริดาด้วยความดีใจ
“ยัยใบมิ้นท์เน่ามันไม่เล่นแล้ว ฉันเล่นคู่เธอเอง”
พริดาส่ายหน้าอย่างโกรธจัด “ฉันไม่แคสแล้ว”
พุดจบก็หยิบกระเป๋าเดินออกไป หวังไปเล่นงานรัญชิตา ดอกแก้วรีบตามไป
ปริตากังวลใจกลัวมีเรื่อง รีบลากมือปัทมาศตามออกไป
“แกแกล้งฉันแล้วชิ่งหนี คิดเหรอว่าคนอย่างฉันจะยอม”
พริดาปราดเข้ามาจะใช้มือที่ถือกระเป๋าตบ แต่กลับถูกรัญชิตาชี้หน้า
“หยุด อย่าเอาของก๊อปมาแตะต้องตัวฉัน คิดอยากเป็นซัมวัน ก็ทำตัวให้มีราคาหน่อย ไม่ใช่ใช้เสื้อผ้าก๊อปของโหล หรือเอาของมือสองมาใช้ มันไร้รสนิยม”
พริดากับดอกแก้ว มองหน้ารัญชิตาอย่างไม่พอใจ ปริตาและปัทมาศที่ตามเข้ามา ต่างก็ตกใจ
“มิ้นท์ แกพูดแรงไปนะ”
รัญชิตายักไหล่ “พูดตรงก็หาว่าแรง หรือแกจะให้ฉันตอแหล เหมือนยัยพอลลี่ ฉันทำไม่เป็น”
“มันจะมากไปแล้วนะ”
พริดาจะเข้าไปเล่นงานรัญชิตา แต่ปริตาเข้าไปห้ามไว้ ส่วนปัทมาศก็เข้าไปดึงรัญชิตาไว้
“พอลลี่ฉันขอโทษแทนมิ้นท์ด้วยแล้วกัน เธอเข้าไปแคสติ้งต่อนะ”
ปริตาบอกกับพริดา ปัทมาช่วยเสริม
“เธอเป็นคนมีความสามารถ ลูกค้าต้องชอบการแสดงของเธอ”
พริดาหันกลับไปโวยใส่
“ไม่ต้องมาทำดีเล่นละครตบตาฉัน พวกเธอเข้าข้างมันรุมแกล้งฉัน ดูถูกฉันมาตลอด จำไว้นะ หลังจากนี้ ฉันจะไม่ยอมให้พวกเธอดูถูกฉันได้อีก”
พูดจบพริดาก็เดินออกไป ดอกแก้วมองตามอย่างเสียดาย แล้วรีบเดินตามออกไป รัญชิตาจะเดินผละออกไป แต่ปริตาดึงตัวไว้
“มานี่เลยยัยตัวแสบ”
“ยัยดาวช่วยฉันด้วย”
ปริตากับปัทมาศช่วยกันลากตัวรัญชิตาออกไป ธิปไตยเดินผ่านมา มองอย่างแปลกใจ
ปริตาจับรัญชิตานั่งลงที่มุมหนึ่งของสตู
“ฉันไม่พอใจที่แกแกล้งพอลลี่”
รัญชิตาเบ้ปาก “แกลืมแล้วรึไง พวกนั้นก็ร้ายใช่ย่อย คอยถากถางพวกเราตลอด”
“แล้วต้นเหตุมาจากใครล่ะมิ้นท์?” ปัมทาศย้อนถาม
“ฉันผิดตรงไหน ก็ยัยพอลลี่ดอกแก้วทำตัวเป็นไฮโซน่าหมั่นไส้ ทั้งที่บ้านจ๊นจน แต่สร้างภาพซะรวยเว่อร์ ฉันล่ะเกลียดนัก พวกไม่เจียมตัว”
ปริตาถอนหายใจ “งั้นแกก็เกลียดฉันด้วยสิ ฉันเองก็จนไม่ต่างจากพอลลี่”
“ไม่เหมือนกันนะ ถึงแกจะจน แกก็จริงใจตรงไปตรงมา แล้วแกก็เป็นเพื่อนรักฉันด้วย”
“แกไม่มีสิทธิ์ไปดูถูกชีวิตคนอื่น ไม่ว่าเขาทำตัวยังไง มันก็เรื่องของเขา เพราะสุดท้ายแล้ว เขาก็ได้รับผลในสิ่งที่เขาทำ.ฉันขอเถอะ อย่าไปตอแยพวกพอลลี่อีก ไม่งั้นคงได้เกิดเรื่องสักวัน”
“โอเค. พวกแกขอฉันก็ให้ ฉันรักพวกแกนะ จุ๊บๆ”
พูดจบรัญชิตาก็พุ่งเข้าไปหอมแก้มปริตากับปัทมาศ แล้วทั้งสามสาวก็กอดคอหัวเราะกัน
ธิปไตยเดินเข้ามา เห็นเพื่อนรักสามคนกอดกันก็ยืนมองด้วยความสนใจ เพราะเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นรัญชิตา
“ค่ะคุณแม่ มิ้นท์จะรีบกลับไปให้เร็วที่สุดค่ะ”
รัญชิตากดวางสาย แล้วรีบเดินตรงไปที่รถ แต่แล้วก็ต้องตกใจ เพราะล้อโดนปล่อยลมยาง จนแบนติดพื้น พร้อมๆ กับที่รถแท็กซี่วิ่งผ่านมา กระจกเปิดออก พริดากับดอกแก้ว ที่นั่งอยู่ในรถ หันมายิ้มเยาะ
รัญชิตาโกรธมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จังหวะนั้นเองธิปไตย ก็เดินเข้ามา
“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?”
รัญชิตาหันไปมอง แล้วยิ้มให้
รถธิปไตยวิ่งเข้ามาจอดที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ก่อนที่เขาจะรีบลงจากรถ แล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูให้รัญชิตา
“มิ้นท์ต้องขอบคุณคุณตรัยมากนะคะ”
ธิปไตยยิ้มรับ “ผมสั่งให้ลูกน้องตามช่างไปเติมลม แล้วจะให้ขับรถมาส่งที่บ้านนะครับ”
“ค่ะ เชิญคุณตรัยเข้าไปดื่มกาแฟก่อนสิคะ”
“พอดีผมมีงานสำคัญต้องทำคืนนี้ ผมขอตัวก่อนนะครับ”
พูดพลางเดินตรงไปที่ด้านคนขับ
“หวังว่าเราคงได้เจอกันอีกนะคะ”
ธิปไตยยิ้มตอบแล้วขึ้นรถ ขับรถออกไป รัญชิตามองตามด้วยความประทับใจ
ปริตาถือช่อดอกกุหลาบสีแดง เดินยิ้มอย่างมีความสุข เพราะในใจนึกถึงธิปไตย แต่กลับถูกปัทมาศที่อุ้มตุ๊กตาหมีพร้อมกล่องใส่ของเข้ามาขวาง
“จะไปบอกรักใครเหรอ?”
“บ้าสิ ฉันยังไม่มีคนรักสักหน่อย จะเอาไปให้ฝ่ายฉาก เธอไปกับฉัน”
ปริตาดึงมือปัทมาศให้ไปด้วยกัน แต่อีกฝ่ายปฎิเสธ
“ฉันยังเตรียมของไม่เสร็จเลย”
ปริตามองอย่างงงๆ “ทำอะไร? ว่าแต่หมีนี่ของใคร ถึงได้อุ้มติดตัวไม่ปล่อย อย่าบอกนะว่ามีหนุ่มให้มา?”
ปัทมาศยิ้มเขิน “ให้ฉันทำของเสร็จก่อน แล้วจะบอกเธอคนแรกเลย”
ปัทมาศอุ้มตุ๊กตาหมีและกล่องรีบเดินออกไป ปริตามองตามแต่ไม่ติดใจ ก่อนที่จะถือช่อดอกกุหลาบเดินไปยังห้องที่จะเซ็ทอัพ
ธิปไตยเดินเข้ามามุมหนึ่ง มองเห็นปริตาเดินออกไป ก็ยิ้มพอใจ จะเดินตามไป แต่แล้วกลับถูกนางแบบคนหนึ่งที่มาร่วมถ่ายโฆษณาเข้ามาดึงแขนไว้
“ถ่ายเสร็จแล้ว ก้อยกลับกับคุณนะคะ”
ธิปไตยยิ้มตอบ แล้วหยิบเงินส่งให้ “ค่าแท็กซี่ ส่วนนี่ค่าเสียเวลาของเธอ”
จากนั้นก็เดินออกไปโดยไม่สนใจ
ปริตาถือช่อดอกกุหลาบสีแดง เดินผ่านมาบริเวณทีมงานกำลังถ่ายทำโฆษณา
เปลวไฟในกระถางเหล็กใบใหญ่กำลังลุกโชน นางแบบสาวในชุดเซ็กซี่สีแดง ผ้าพลิ้วไหวเหมือนเปลวไฟ กำลังโหนสลิง ตีลังกาและโชว์ลีลาอยู่เหนือเปลวไฟ
ปริตาหยุดมองด้วยความสนใจ เหมือนตกอยู่ในภวังค์
นางแบบโหนตีลังกา พร้อมกับพูดบทโฆษณา
“กิเลสตัณหามันก็เหมือนไฟ สว่างไสวดึงดูดใจ แต่หากเข้าใกล้ ก็ถูกเผามอดไหม้ในพริบตา”
ขาดคำเปลวไฟตำแหน่งหน้าปริตาสว่างวาบขึ้นทันที ปริตารู้สึกตัวได้สติ พร้อมๆ กับที่ศิโรจน์เดินเข้ามาสั่งการ
“น้องอ้อม รีบเอาดอกกุหลาบไปเซ็ทอัพ จบซีนนี้จะย้ายไปถ่ายด้านใน”
ปริตารับคำ แล้วเดินออกไป ศิโรจน์รีบตะโกนไล่หลัง
“ฝึกงานวันสุดท้าย ตั้งใจล่ะ บอสเขาจะได้ให้ผ่าน”
ปริตาถือช่อดอกกุหลาบเข้ามาในห้อง ที่มีดอกกุหลาบประดับไว้ตามมุมต่างๆ อยู่ก่อนแล้ว พลางมอง แสงเทียนที่ถูกจุดไว้รอบๆ อย่างมีความสุข แล้วถือช่อดอกกุหลาบเดินตรงเข้าไปเรื่อยๆ แต่แล้วมีคนเข้ามารวบตัวด้านหลัง จนเธอตกใจ รีบหันกลับไปมอง
“คุณตรัย”
“ขอโทษนะที่ทำให้เธอตกใจ”
ปริตาก้มหน้าอาย จะแกะมือออก แต่กลับถูกธิปไตยกอดไว้แน่น
“คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เราจะได้ร่วมงานกัน เธอไม่คิดถึงฉันเหรอ”
พูดพลางจะเข้าไปหอมแก้มปริตา ที่รีบเบือนหน้าออก
“อย่าทำอย่างนี้เลยค่ะ มันไม่ดี”
“ฉันไม่เห็นว่าจะมีอะไรเสียหายเลย ในเมื่อเรามีใจให้กัน”
ธิปไตยพูดพลางจะโน้มตัวมาจูบ แต่ปริตาดิ้นจนหลุด
“อ้อมขอออกไปช่วยงานข้างนอกค่ะ”
แต่ธิปไตยเข้ามาคว้าตัวไว้อีก พร้อมกับซุกไซร้ที่หน้าปริตา
“คุณตรัย อ้อมขอเถอะค่ะ ปล่อยอ้อม”
ธิปไตยไม่ฟังเสียง ยังคงกอดรัด จนปริตาเริ่มโกรธ
“ปล่อยค่ะ”
ปริตาจะผลักออก ธิปไตยขัดขืน เธอจึงใช้ช่อดอกกุหลาบฟาดใส่ จนกลีบดอกร่วงกระจาย ก่อนที่จะรีบวิ่งหนีออกไป
ธิปไตยวิ่งตาม
รัญชิตาปาแจกันลงพื้น จนแตกกระจาย
“มิ้นท์ไม่ไป”
ชาลินี ผู้เป็นแม่เดินเข้ามาพูดตรงหน้า
“แกหนีการดูตัวมาหลายครั้งแล้ว ฉันต้องทนสู้หน้าแก้ตัวคุณหญิงทุกวัน ยังไงพรุ่งนี้แกต้องไป”
รัญชิตาส่ายหน้า “ไม่ค่ะ มิ้นท์จะแต่งงานกับคนที่มิ้นท์รักเท่านั้น”
ชาลินีตบหน้าลูกสาวเต็มแรง “แกมันเห็นแก่ตัว ไปเลย จะไปตายที่ไหนก็ไปซะ”
รัญชิตาเสียใจ วิ่งออกไปจากบ้านไป
ปริตากำลังจะวิ่งออกไป แต่กลับถูกธิปไตยเข้ามาดึงตัวไว้ พลางเอ่ยปากสารภาพรัก พร้อมทั้งซุกไซร้อย่างหื่นกระหาย ปริตาดิ้นจนหลุด แล้วตบหน้าเขาเต็มแรง
“คุณไม่ได้รักอ้อม สิ่งที่คุณทำ คุณกำลังสนองตัณหาของคุณ อ้อมเสียใจค่ะ อ้อมเคยคิดที่จะเปิดใจให้คุณ แต่คุณก็ทำลายมันด้วยตัวคุณเอง”
“ไม่เคยมีใครปฎิเสธความหวังดีจากฉัน แล้วก็ไม่เคยมีใคร รอดพ้นไปได้”
ธิปไตยกอดรัด แล้วผลักปริตาล้มลงไปบนโซฟา ก่อนที่จะล้มลงไปโถมทับ
“ช่วยด้วย”
รัญชิตาขับรถจะออกจากคฤหาสน์ด้วยความเร็ว เพราะโกรธแม่ ทันใดนั้นกลับมีรถอีกคันขับเข้ามาจากประตูคฤหาสน์
รัญชิตาตกใจ หักรถหลบไปชนกระถางต้นไม้แตกกระจาย
พิชัยออกจากรถด้วยความตกใจ “ลูกมิ้นท์”
รัญชิตาเปิดรถออกมา พร้อมกับมีเลือดไหลที่คิ้ว พิชัยเข้าไปประคอง ชาลินีวิ่งเข้ามาแล้วผลักพิชัยออกไป
“อย่าเอามือสกปรกมาแตะต้องลูกฉัน”
ปริตาพยายามดิ้น แต่สู้แรงธิปไตยไม่ได้
“คุณตรัย ถ้าคุณรักอ้อมจริง คุณก็ควรให้เกียรติผู้หญิงที่คุณรัก”
ธิปไตยหยุดซุกไซร้ แล้วมองปริตา ด้วยความพึงพอใจ..
“ฉันรู้ เธอเองก็อยากเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉัน”
ปริตายิ้มตอบ แล้วฉวยจังหวะคว้าแจกันมาฟาดหัวธิปไตยอย่างแรง จนเลือดโชก
“ผู้ชายมันก็เลวเหมือนกันหมด”
แล้วภาพในอดีตตอนที่แม่ถูกพ่อตบตีก็ผุดขึ้นมาในความทรงจำ ปริตามองธิปไตยด้วยความสมเพช แล้ววิ่งออกไปจากห้องไป
พิชัยหยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดให้รัญชิตา พร้อมกับต่อว่าชาลินีไปด้วยเรื่องบังคับใจลูก แต่ชาลินีไม่ยอมฟัง
พิชัยถอนหายใจ แล้วจะประคองรัญชิตาเข้าบ้าน แต่กลับถูกชาลินีผลักออก
“ไม่ต้องมาแสร้งเล่นบทคุณพ่อแสนดี ยังไงลูกก็รู้ว่าพ่อมันเลว ยัยมิ้นท์ เพราะพ่อแกเป็นอย่างนี้ไง ฉันถึงต้องหาผู้ชายดีๆให้แก ไม่งั้นแกเลือกผิดก็ต้องช้ำใจกับผัวเฮงซวยไปจนตาย”
รัญชิตายืนมองพ่อกับแม่ทะเลาะด่าทอกัน แล้วก็น้ำตาตก รีบวิ่งไปที่รถของพิชัย แล้วขับออกไปทันที
ปริตาเดินหนีออกมา พลางหันกลับไปมอง เพราะกลัวธิปไตยจะตามมา จนบังเอิญมาชนกับปัทมาศ ที่มองอย่างแปลดใจ ที่เห็นเธอเหงื่อตก แววตาตื่นตระหนก
“อ้อมไปทำอะไรมา เหงื่อแตกเชียว. ?”
ปริตากำลังจะเล่า แต่ปัทมาศกลับถามแทรกขึ้นมา
“ถ้าฉันบอกรักคุณตรัย คุณตรัยเขาจะรับรักฉันไหม?”
ปริตาตกใจ “ทำไมฉันไม่รู้เรื่องนี้ ฉันคิดว่าเธอเป็นแฟนกับ...”
ปริตาจะพูดถึงปริเทพ ซึ่งเป็นพี่ชายของเธอ แต่ปัทมาศสวนขึ้น
“ที่ผ่านมาฉันยังไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้ฉันมั่นใจแล้วว่าฉันรักเขา ฉันเตรียมของขวัญให้คุณตรัย”
พูดจบปัทมาศก็หยิบกล่องของขวัญเล็กๆขึ้นมา
“เธอฟังฉันนะ ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ดีอย่างที่เธอคิด เลิกยุ่งกับเขา”
ปริตาเตือนเพื่อนด้วยความเป็นห่วง แต่ปัมมาศไม่ฟัง
“เธอไม่ให้ฉันคบเขา เพราะเธอชอบเขาใช่ไหม ?”
ปริตาอึ้ง เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น “ฉันไม่มีวันรักเขา”
“งั้นเธอก็ต้องเลิกพูดไม่ดีเกี่ยวกับเขา เพราะฉันรักเขา”
ยังไม่ทันที่ปริตาจะพูดอะไรต่อ เสียงมือถือของเธอก็ดังขึ้น
“อะไรนะคะ?”
“ มีอะไรเหรออ้อม?”
ปริตาวางสายแล้วหันมาบอก “พ่อมิ้นท์โทรมาบอกว่ายัยมิ้นท์หนีออกจากบ้าน”
ปริตาพอจะเดาได้ว่ารัญชิตาไปไหน รีบจูงมือปัทมาศ ที่จำต้องถือกล่องของขวัญตามไป ด้วยความผิดหวังที่ไม่ได้มอบให้ธิปไตย
ส่วนธิปไตยก็ผิดหวังที่เผด็จศึกปริตาไม่สำเร็จ
อ่านต่อหน้า 2
กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 1 (ต่อ)
รัญชิตาเดินไปยังขอบดาดฟ้าของตกร้าง ด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว อย่างคนที่ตัดสินใจจะฆ่าตัวตาย แต่ปริตากับปัทมาศรีบวิ่งขึ้นมาห้ามไว้
“มิ้นท์ อย่าทำอย่างนั้นนะ”
“พวกแกไม่ต้องมาห้ามฉัน ไม่มีใครรักฉัน”
“พวกฉันรักแกนะ แกลืมสัญญาของพวกเราแล้วเหรอ?”
รัญชิตาหันกลับไปหาปริตาและปัทมาศ แล้วมองไปยังประตูทางขึ้นมาดาดฟ้า พร้อมกับย้อนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตตอนที่ทั้งหมดยังเป็นนักศึกษา
ปริตาจูงมือปริตาและปัทมาศ ที่มีผ้าปิดตาไว้ แล้วบอกกับทั้งคู่
“อย่าเพิ่งเปิดผ้าปิดนะ”
รัญชิตาและปัทมาศพยักหน้ารับ พลางกุมมือกัน ด้วยความตื่นเต้น
“สาม สอง หนึ่ง”
สิ้นเสียงนับของปริตา ทั้งคู่ก็ลืมตาขึ้น พร้อมกับมองไปตรงหน้า เห็นเทียนถูกจุดวางประดับประดาเต็มดาดฟ้า เป็นภาพที่สวยงามมาก
ปริตาเดินถือเค้กวันเกิด ร้องเพลงเดินตรงไปหาเพื่อนๆ...
“แฮ้ปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู”
ทั้งคู่ตื่นเต้นดีใจมากที่ปริตาเซอร์ไพรส์วันเกิดให้
“น่าตื่นเต้นดีนะที่พวกเธอเกิดวันเดียวกัน แต่ก็แปลก เกิดวันเดียวกัน .แต่นิสัยไม่ยักกะเหมือนกัน”
ปัทมาศน้ำตาไหลด้วยความตื้นตันใจ
“คนนึงขี้แยเจ้าแม่บ่อน้ำตา ส่วนอีกคน” พลางปรายตามองไปทางรัญชิตา “ก็แข็งยังกะเหล็ก ไม่เคยอ่อนให้ใคร”
“แต่สำหรับเพื่อน ฉันให้ได้เสมอ” ทั้งคู่พูดพร้อมกัน
“อธิษฐานสิ”
รัญชิตาและปัทมาศหลับตาอธิษฐานแล้วก็ยิ้มให้กัน ก่อนที่จะเป่าเทียนพร้อมกัน
ปริตาเดินมายืนที่ริมดาดฟ้าตะโกนออกไป
“เราสามคน จะรักและช่วยเหลือกัน”
ตามด้วยปัทมาศ “ไม่มีใครมาทำลายความรักของเราได้”
รัญชิตาเดินเข้ามาเป็นคนสุดท้าย ก่อนที่ทั้งสามคนจะตะโกนออกไปพร้อมกัน
“เราจะเป็นเพื่อนรักกันจนวันตาย”
“คำสัญญาเมื่อตอนปีหนึ่งมันไม่มีความหมายแล้วใช่ไหม?”
ปริตาเดินเข้ามาหารัญชิตา พร้อมๆ กับปัทมาศ
“ถ้าเธอเป็นอะไรไป แล้วพวกฉันล่ะ คิดถึงใจพวกฉันบ้างสิมิ้นท์”
พูดจบปัทมาศก็ร้องไห้ รัญชิตามองแล้วก็หัวเราะออกมา
“ยัยขี้แง”
ปริตาและปัทมาศรู้ทันทีว่าโดนรัญชิตาหลอก
“คิดเหรอว่าคนอย่างฉันจะยอมแพ้อะไรง่ายๆ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่แก้ปัญหาด้วยการฆ่าตัวตาย จริงมั้ยยัยดาว?”
“แล้วที่แม่แกบังคับให้แต่งงานกับผู้ชายที่ไม่รู้จัก แกจะสู้ไหวเหรอ?”
รัญชิตามองปริตาและปัทมาศ “ไหวสิ เพราะพวกแกต้องช่วยฉัน”
ทั้งคู่มองรัญชิตาอย่างแปลกใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น ศิโรจน์เห็นธิปไตยเดินข้ามาในบริษัท ก็ตรงเข้าไปพูดหลอกล้อ แต่กลับถูกทำเสียงดุใส่ แล้วก็รีบเดินเข้าห้องทำงานอย่างหัวเสีย ศิโรจน์รีบเดินตามมา
“บอสหัวเสียเรื่องอะไรครับ? อ๋อ..เรื่องน้องอ้อม?
“ไม่ต้องสู่รู้”
ศิโรจน์รีบเปลี่ยนเรื่อง เปิดสมุดคิวงาน
“เที่ยงนี้ มีนัดลูกค้าคุยคอนเซ็ปต์โฆษณาตัวใหม่ครับ”
ศิโรจน์ยื่นช่อดอกกุหลาบสีแดงให้ธิปไตย
“ลูกค้ารายนี้ชอบดอกกุหลาบสีแดงครับ ต้องเอาใจหน่อยครับ งานนี้ใหญ่มาก พลาดไม่ได้”
ธิปไตยมองช่อดอกกุหลาบ แล้วยิ้มกรุ่มกริ่ม
“หวังว่าจะสวย จนฉันอยากร่วมงานด้วย”
รัญชิตาลากมือปริตาและปัทมาศเข้ามาที่ลานอเวนิว
“ต้องมีคนใดคนหนึ่งสวมรอยเป็นฉัน ไปดูตัวแทนฉัน”
ปัทมาศรีบจับมือปริตายกขึ้นอาสาทันที รัญชิตายิ้มดีใจ
“ขอบใจมากนะแก แกมีน้ำใจกับฉันทุกเรื่อง”
“ฉันไม่เต็มใจซะหน่อย ยัยดาวแกล้งฉัน”
ปัทมาศรีบพูดดักคอ
“ไม่เอาน่า เธอเป็นเพื่อนที่เสียสละเพื่อเพื่อนเสมอ อย่าให้เสียคอนเซ็ปต์”
ปริตายิ้มเจื่อน “ ฉันต้องทำไง? ไปร้านไหน? อะไรยังไง?”
“เดี๋ยวฉันบอกให้ แต่ชุดนี้ไม่ผ่าน ลูกสาวของนักธุรกิจเครื่องดื่มพันล้าน ต้องเนี้ยบกว่านี้
ไปแปลงร่าง”
รัญชิตาจะลากปริตาไปร้านเสื้อผ้าบริเวณนั้น เพื่อแปลงโฉม จังหวะเดียวกับที่พริดากับดอกแก้วถือแก้วน้ำเข้ามา แล้วจงใจชนทำให้น้ำราดใส่รัญชิตา
“ยัยพอลลี่ ฉันยังไม่ได้สะสางคดีเก่าเลยนะ”
พริดายิ้มเยาะ “มันยังน้อยไปด้วยซ้ำที่แกล้งฉัน เอาเป็นว่า เจ๊ากัน”
พริดาเชิดหน้าจะเดินออกไป ปริตาเข้ามาขวาง
“ฉันขอร้อง ต่อไปอย่าทำอย่างนี้อีก”
“เธอมันขี้ข้าได้โล่จริงๆ”
ปริตาไม่พอใจ ปัทมาศรีบเข้ามาพูดตัดบท
“อ้อม มิ้นท์ รีบไปดูเสื้อผ้ากันเถอะ”
ปัทมาศจะพาทุกคนออกไป แต่กลับถูกพริดาจับแขนไว้
“จะรีบไปไหนล่ะคะคุณดาวแอ๊บแบ๊ว เห็นแอ๊บๆตาใส ร้ายไม่เบาเลย”
รัญชิตาปราดจะเข้ามาเอาเรื่อง แต่ปัทมาศรีบลากตัวไป
รัญชิตาเดินบ่นเข้ามาในร้านเสื้อผ้าด้วยความไม่พอใจ
“พวกแกไม่น่าห้ามฉันเลย ปากอย่างยัยพอลลี่มันต้องโดนตบ ถึงจะหยุดเห่า”
ปัทมาศพูดแกมขอร้อง “ฉันขอเถอะ หลังรับปริญญาก็ไม่ต้องเจอกันอีก อย่าไปใส่ใจเลย”
ปริตารีบเบี่ยงประเด็น “มิ้นท์ ชุดนี้สวยดี ฉันไปลองให้ดูนะ”
รัญชิตาพยักหน้าให้ปริตาเข้าไปลอง พลางส่งเงินให้ปัทมาศ “เคลียร์ให้ด้วย”
“เธอจะไปไหน? “
“ฉันจะเข้าห้องน้ำ ขอตัวไประบายทุกข์หน่อย”
รัญชิตาเปิดประตูออกมานอกร้าน พลางมองตามพริดากับดอกแก้ว ที่กำลังเดินออกไปด้วยสายตาเอาเรื่อง
ปริเทพขี่รถมอเตอร์ไซค์เข้ามาบริเวณอเวนิว กำลังจะเลี้ยวเข้ามาจอดที่มุมหนึ่ง แต่กลับถูกบีบแตรไล่หลัง จนต้องเลี้ยวรถขยับออกไป ก่อนที่จะจอดรถ ถอดหมวกกันน็อก แล้วหันไปมองอย่างไม่พอใจ
รถสปอร์ตหรูของธิปไตยเข้ามาจอดด้านซ้ายของปริเทพ ก่อนที่เจ้าของรถจะเดินลงมา พร้อมช่อดอกกุหลาบสีแดง พลางมองข่มปริเทพเล็กน้อย
รถหรูอีกคันเข้ามาจอดที่ด้านขวาของปริเทพ พลศิษฎ์หนุ่มหล่อ สุภาพมาดเท่ ถือช่อดอกกุหลาบสีขาวลงมาจากรถ ก่อนจะยิ้มอย่างเป็นมิตรให้ ปริเทพยิ้มตอบ
ธิปไตยกับพลศิษฎ์ปะทะสายตากัน แต่ต่างฝ่ายต่างไม่ได้สนใจกัน ก่อนที่ธิปไตยจะรีบเดินตรงไป ปริเทพไม่อยากเสียเหลี่ยม รีบหยิบช่อดอกกุหลาบสีชมพู แล้วจงใจวิ่งเฉี่ยวธิปไตย
“ขอโทษครับ ผมจะรีบไปหาแฟน”
ธิปไตยมองอย่างดูถูก แล้วเดินต่อไป พลศิษฎ์มองช่อดอกกุหลาบสีขาวในมือ แล้วเดินตรงเข้าไปในอเวนิว
ชาญวุฒิยืนรอพริดาอยู่ที่บริเวณสระน้ำของอเวนิวอย่างกระวนกระวายใจ
“ต้อยติ่ง พอลลี่แต่งตัวเสร็จรึยัง? ช่างกล้องทีมงานนั่งซดกาแฟจะหมดร้านแล้ว”
พูดพลางหันไปมองที่ร้านกาแฟห่างออกไป เห็นช่างกล้องและทีมงานกำลังนั่งรอนางแบบอย่างเซ็งๆ
“นางกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าค่ะ โน่นไม่ใส่ นี่ไม่เอาเยอะ”
“ฉันล่ะเบื่อจริง พวกสวยใสไร้สมอง”
จังหวะนั้นพริดาในชุดสวยเซ็กซี่พร้อมสำหรับถ่ายแบบ ก็เดินเข้ามาพร้อมดอกแก้ว
“พี่ชาญว่าใครคะ?”
ชาญวุฒิอึ้ง แล้วรีบทำทีหันไปทางต้อยติ่ง “ก็เลขาพี่นะสิ กินแต่หญ้า โง้โง่”
ต้อยติ่งหน้าเหวอ ชาญวุฒิหันมายิ้มให้พริดา
“พอลลี่ งานนี้เป็นงานแรก หนูต้องทำให้ดี เจ้าของปกหนังสือเป็นถึงเจ้าพ่อธุรกิจบันเทิงครบวงจร
ถ้าหนูทำให้เขาถูกใจ พี่บอกได้เลย น้องเข้าป้ายซุปตาร์”
“พอลลี่จะไม่ทำให้ให้เสียชื่อเด็กโมพี่ชาญค่ะ”
จากนั้นชาญวุฒิก็หันไปสั่งต้อยติ่ง “ตามทีมงานมาถ่ายแบบได้แล้ว พี่จะไปตามคุณสมภพมา”
พอชาญวุฒิกับต้อยติ่งเดินออกไป ดอกแก้วก็หันมาพูดกับพริดาอย่างตื่นเต้น
“พอลลี่ เธอดังแล้วอย่าลืมฉันนะ”
“ใครดีกับฉัน ฉันก็ดีตอบ”
“แต่ถ้าร้ายกับฉัน ฉันก็ร้ายเป็นสิบเท่า”
พริดากับดอกแก้วหันไป พร้อมๆ กับที่รัญชิตาเอาน้ำแดงสองแก้วสาดใส่ทั้งคู่ แล้วหัวเราะสะใจ
“ยัยมิ้นท์ แกแกล้งฉัน”
รัญชิตายิ้มหยัน “เบาๆสิพอลลี่ เธอเพิ่งได้งานถ่ายแบบเล่มแรก อย่ากรี๊ดกร๊าดดัดจริตให้เสียลุคนางเอก ดูสิ คนมองกันเต็มเลยนะ เมื่อกี้ออเดิร์ฟ แต่หลังจากนี้ เป็นจานหลัก”
พูดจบ ก็ลากตัวพริดาแล้วผลักตกลงไปในบ่อน้ำ ดอกแก้วปราดจะเข้าไปตบ แต่กลับถูกรัญชิตาผลักตกไปในน้ำ ชนกับพริดาที่กำลังจะขึ้นจากน้ำ
ดอกแก้วเห็นสภาพพริดาแล้วตกใจ “เธอเยินอย่างนี้ จะถ่ายแบบได้ยังไง?”
พริดาโกรธจัด “แกทำความฝันฉันพัง ฉันจะฆ่าแก”
พูดจบก็พุ่งเข้ามาตบรัญชิตา ดอกแก้วตามเข้ามาซ้ำ ทีมงานช่างกล้อง และคนแถวนั้นยืนมอง บ้างก็มือถือมาถ่ายคลิป
รัญชิตาเริ่มเสียท่า พริดาจะตบซ้ำ แต่ปริตาเข้ามาคว้าข้อมือไว้ได้ทัน พลางตบกลับไปเต็มแรง ก่อนที่จะผลักพริดาออก แล้วเข้าไปช่วยรัญชิตา
“มิ้นท์เป็นไงบ้าง ?”
พริดาไม่ยอมแพ้ จะเข้าไปตบปริตากับรัญชิตาอีก โดยมีดอกแก้วเข้ามาร่วมผสมโรง ปัทมาศรีบวิ่งมาตะโกนห้าม
“พวกเธอหยุดเถอะ พอได้แล้ว”
จังหวะเดียวกับที่ชาญวุฒิและต้อยติ่งนำสมภพเข้ามา แล้วก็ต้องตกใจที่เห็นสาวๆ กำลังรุมตบตีกัน แต่สมภพกลับยิ้มพอใจ
ปัทมาศเอาผ้าไปช่วยเช็ดหน้าเช็ดตัวให้เพื่อนทั้งสอง ชาญวุฒิหันไปมองพริดากับดอกแก้ว ที่อยู่ในสภาพยับเยิน
“พี่ชาญคะ ช่วยพอลลี่ด้วยค่ะมันอิจฉาที่พอลลี่ได้มาถ่ายแบบ พากันมาดักตบพอลลี่ค่ะ”
ปริตากับพวกหันกลับมามองอย่างไม่พอใจ สมภพรีบถามขึ้นมาทันที
“พอจะเล่าให้ผมฟังได้ไหม ว่าเกิดอะไรขึ้น?”
รัญชิตาเชิดหน้าตอบหน้าตาเฉย
“ฉันเกลียดยัยพอลลี่ เอาน้ำแดงมาสาดใส่หน้าแล้วลากไปตบในสระ คุณจะเอายังไง?”
“พวกคุณกลับไปเถอะ”
พริดากับดอกแก้วแปลกใจที่สมภพไม่เอาเรื่อง รัญชิตายกมือไหว้ แล้วพาปริตาและปัทมาศออกไป
“เซ็ทอัพพังหมด จะทำยังไงดีครับ?”
ชาญวุฒิหันมาถามสมภพ
“ยกเลิกการถ่าย”
พริดาไม่พอใจที่ไม่ได้ถ่ายแบบ แถมสมภพยังไม่เอาเรื่องรัญชิตาอีก พอสมภพจะเดินออกไป พริดาก็เลยรีบวิ่งเข้ามาเรียกไว้ พร้อมกับบีบน้ำตา
“พอลลี่ขอโทษนะคะที่ทำให้งานคุณเสียหาย พอลลี่เสียใจค่ะ”
“ไม่ใช่ความผิดของหนู”
“แล้วทำไมคุณสมภพไม่ให้ยัย....เพื่อนพอลลี่ รับผิดชอบค่าเสียหายคะ?”
“ฉันมีเหตุผลของฉัน”
พริดาหน้าเสีย “ค่ะ พอลลี่มาหาคุณสมภพ ไม่ได้มาของาน หรือขอความเห็นใจ พอลลี่แค่อยากบอกว่า พอลลี่เสียใจจริงๆค่ะ”
“ฉันไม่ชอบเห็นน้ำตาผู้หญิง” พูดพลางยื่นเงินให้ห้าพัน “หนูเอาไปซื้อผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาซะ”
พูดจบก็เดินออกไป ดอกแก้ววิ่งเข้ามา เห็นเงินในมือพริดาก็ตาวาว
“ไม่ได้ถ่าย แต่ให้เงินตั้งห้าพัน”
พริดาปาดน้ำตา แล้วยิ้มเย้ยมั่นใจตัวเอง
“เปิดบ่อน้ำตาได้ห้าพัน แล้วถ้าฉันเปิดผ้า จะได้กี่แสน?”
รัญชิตาเดินนำเข้ามาที่ร้านอาหาร แล้วรีบหันมาบอกปริตา ที่แต่งชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว
“เธอก็อย่าได้คิดมีใจให้เชียวนะ ฉันเช็คข้อมูลแล้ว ผู้ชายคนนี้เจ้าชู้ กะล่อน สำส่อน แก่
พุงพลุ้ยหัวล้าน มีดีตรงที่รวย เป็นลูกชายคุณหญิงเพื่อนคุณแม่ฉัน ไปโตที่เมืองนอก กลับมาไทยสักพัก “
“เขาชื่ออะไร ทำอะไร?”
“ไม่รู้สิ ไม่เคยสนใจ รู้แต่ว่าคุณแม่นัดให้ฉันมาเจอเขาที่นี่”
ปริตาถามต่อ “ให้ฉันทำไงบ้าง ?”
“ทำไงก็ได้ ให้เขาเลิกยุ่งกับฉัน งานนี้เหมาะกับผู้หญิงปากไว ใจกล้ามือหนักอย่างเธอ ไปเร็ว ได้เวลานัดแล้ว”
รัญชิตาดันตัวปริตาให้เข้าไปในร้าน ก่อนที่ปัทมาศจะหันไปถามย้ำ
“ถ้าเขาไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด เขาแสนดี แล้วหลงรักอ้อมขึ้นมา เธอจะทำไง?”
“ถ้าดีจริง ของของฉัน ก็ต้องเป็นของฉัน”
รัญชิตาตอบอย่างไม่แคร์ความรู้สึกของใครทั้งนั้น
ปริตาเดินเข้ามาในร้าน พลางเดินมองไปรอบๆ เพื่อหาโต๊ะหมายเลข 7 จนเห็นโต๊ะเป้าหมาย ที่มีช่อดอกกุหลาบวางอยู่
ผู้ชายที่โต๊ะลุกขึ้นถือช่อดอกกุหลาบยิ้มให้ ปริตาอึ้ง “พี่มาร์ท”
รัญชิตาและปัทมาศที่แอบดูอยู่นอกร้าน ถึงกับตกใจ
พลศิษฎ์เดินออกห่างจากโต๊ะ เข้ามาคุกเข่า ยื่นช่อดอกกุหลาบให้ปริตา
“แต่งงานกับพี่นะ”
“พี่มาร์ทลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ พี่กลับมาจากสวิสเมื่อไหร่? แล้วมาทำอะไรที่นี่?”
พลศิษฎ์ยิ้มรอฟังคำตอบ “พี่ไม่ตอบ จนกว่าอ้อมจะรับรักพี่”
ปริตามองรอบๆ ตัวอย่างอายๆ
“ลุกขึ้นเถอะค่ะ อ้อมอายเขาค่ะ”
พลศิษฎ์ไม่ยอมลุก ซ้ำยังยิ้มกวน แล้วหันไปตะโกนบอกทุกคนในร้าน
“ผมจากเธอไปหลายปีเพื่อเรียนต่อโท วันนี้ผมจะมาสู่ขอเธอ ขอให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้ผู้หญิงคนนี้รับรักผมด้วยนะครับ”
ลูกค้าภายในร้านต่างปรบมือเป็นกำลังใจ รัญชิตาและปัทมาศตรงเข้ามา รัญชิตาดึงแขนพลศิษฎ์ลุกขึ้น
“พี่มาร์ท ออกไปก่อน”
“พี่ไม่อยากให้มิ้นท์บังคับอ้อมทำอย่างนี้”
“ไปเคลียร์กับมิ้นท์ข้างนอกเลยนะ ไม่งั้นมิ้นท์จะลงไปนอนดิ้นชัก วี้ดๆกลางร้าน”
รัญชิตาขู่ พลศิษฎ์ไม่กล้าปฎิเสธ เพราะรู้ฤทธิ์เดชของน้องสาวดี
ปริตาอยากให้ปัทมาศนั่งอยู่โต๊ะข้างๆ เพื่อคอยเป็นกำลังใจให้
“ฉันออกไปช่วยยัยมิ้นท์ดีกว่า”
ปัทมาศรีบเดินออกไป ปริตาที่เริ่มกังวลใจ จำต้องนั่งลง พลางมองซ้ายมองขวา เพื่อรอว่าที่คู่หมั้นของรัญชิตา
ธิปไตยถือช่อดอกกุหลาบสีแดง เดินตรงมายังบริเวณร้านอาหาร พร้อมๆ กับที่ปริเทพก็ถือช่อดอกกุหลาบสีชมพูเดินตรงเข้ามา
ปัทมาศเดินออกมาที่บริเวณหน้าร้านอาหาร มองหารัญชิตา
“พี่มาร์ทพายัยมิ้นท์ไปไหนเนี่ย ?”
ทันใดนั้นก็มีมือมาคว้าแขนเธอออกไป
ปริตานั่งก้มหน้าอยู่ที่โต๊ะ ตื่นเต้นว่าผู้ชายคนนั้นเป็นยังไง พอเห็นเท้าใครคนหนึ่งเดินเข้ามา ก็รีบลุกขึ้นแนะนำตัวโดยไม่ได้มองหน้า
“สวัสดีค่ะ ดิฉันรัญชิตา เรืองนิเวศน์ค่ะ”
แต่พอเห็นหน้าชายคนนั้นก็ตกใจ ธิปไตยก็อยู่ในอาการไม่ต่างกัน
ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ
“เธอมาทำอะไรที่นี่?”
“ฉันต่างหากที่ต้องถามคุณ”
ธิปไตยมองหมายเลขโต๊ะ แล้วนั่งลง
“นี่คุณตรัย กรุณาลุกออกไปจากโต๊ะ ฉันมีนัด”
ธิปไตยแปลกใจ “ฉันก็มีนัดกับลูกค้า”
“คงมีการเข้าใจผิดกัน โต๊ะนี้ถูกจองไว้แล้ว”
ธิปไตยเริ่มเอะใจ แล้วหันไปที่มุมหนึ่ง ศิโรจน์แอบยืนมองเข้ามาในร้าน พอธิปไตยหันไปมอง ก็รีบวิ่งออกไปทันที
ธิปไตยจึงรู้ความจริงว่าศิโรจน์ร่วมมือกับแม่ในการนัดให้มาดูตัว
“เมื่อกี้เธอบอกฉันว่าชื่อรัญชิตา เธอเปลี่ยนชื่อตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ปริตาหน้าเจื่อน แล้วรีบพูดกลบเกลื่อน
“มันเรื่องของฉัน คุณออกไปได้แล้ว ได้เวลาเขาจะมาแล้ว”
“ใช่เขาที่จะมาดูตัวลูกสาวคุณหญิงชาลินีรึเปล่า?”
ปริตาแปลกใจ “คุณรู้ได้ไง?”
“เพราะเขาคนนั้นคือฉันคนนี้”
“คุณว่าอะไรนะ?”
ปัทมาศถูกปริเทพจูงมือมาที่สวน
“ปล่อยมือดาวได้แล้วค่ะพี่เทพ”
ปริเทพยิ้มให้ แล้วยื่นช่อดอกไม้ให้ปัทมาศ
“แทนคำขอโทษที่ทำให้น้องดาวตกใจครับ”
ปัทมาศไม่ยอมรับ “ไม่เป็นไรค่ะ ดาวขอตัวไปหาอ้อมก่อนนะคะ”
แต่กลับถูกปริเทพจับมือไว้
“เดี๋ยวก่อนสิคะ พี่อุตส่าห์หนีงานจากระยองมาหาน้องดาวนะ พี่เอาดอกกุหลาบสีชมพูที่น้องดาวชอบมาฝาก”
ปัทมาศรับดอกกุหลาบแล้วยิ้มตอบ “ขอบคุณค่ะ ดาวขอตัวก่อนนะคะ”
ปัทมาศจะเดินออกไป ปริเทพเข้ามาขวาง แล้วแสร้งถามอย่างอารมณ์ดี
“ทำไมน้องดาวถึงดูเย็นชากับพี่ไม่เหมือนก่อน เอ รึว่ามีใครแอบมาขโมยหัวใจของน้องดาวไป”
ปัทมาศมองปริเทพด้วยความอึดอัดใจ
“ฉันคือผู้ชายที่ต้องมาดูตัวคุณรัญชิตา”
ธิปไตยพูดย้ำกับปริตา
“คุณโกหก ยัยมิ้นท์บอกว่าแก่ พุงพลุ้ย หัวล้าน”
ธิปไตยหัวเราะเยาะ
“ฉันไม่ยักรู้ว่าผู้หญิงที่คุณแม่ฉันจัดให้ จะรังเกียจไม่อยากเจอฉัน เหมือนที่ฉันก็รังเกียจเธอ”
“แต่คุณก็ยังมา?”
“เพราะฉันถูกหลอกต่างหาก คนอย่างฉันเลือกคู่ได้เอง เพราะฉันรู้ว่าอยากกินอะไร ไม่กินอะไร?”
ปริตายิ้มดีใจ “ถ้าอย่างนั้นก็ลงตัวค่ะ เพื่อนฉันไม่ชอบคุณ คุณไม่ชอบเพื่อนฉัน เป็นอันว่าภารกิจของฉันจบแล้ว”
ปริตาจะลุกออกไป แต่กลับถูกธิปไตยเข้ามาดึงตัวให้นั่งลง
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันจะรับหมั้นกับเธอ เธอซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าฉัน ไม่ว่าเธอจะชื่อหมูหมา กาไก่ ฉันก็จะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้”
ปริตาตกใจ
“พี่ไม่ยอมให้มิ้นท์เอาแฟนพี่มาเป็นตัวล่อ เล่นเกมนี้”
พลศิษฎ์ต่อว่ารัญชิตา
“อ้อมยังไม่เคยตอบรับเป็นแฟนพี่มาร์ทนะคะ”
“พี่อาจยังไม่ได้เป็นแฟนอ้อม แต่พี่รักอ้อม อ้อมเป็นแฟนพี่”
รัญชิตาส่ายหน้า “มิ้นท์ว่าพี่ถอดใจเถอะ ยัยอ้อมไม่เคยรักพี่”
“วันนี้ยังไม่รัก ก็ไม่ใช่ว่าพรุ่งนี้พี่จะไม่มีสิทธิ์”
พลศิษฎ์ยิ้มสู้แล้วเดินออกไป รัญชิตารีบตามไป
ธิปไตยลุกขึ้น แล้วหยิบช่อดอกกุหลาบสีแดง ส่งให้ปริตา
“สำหรับที่รักของผม”
ปริตายิ้มเย้ย “ฉันไม่ชอบสีแดง คุณส่งให้ผิดคนแล้วค่ะ”
“มันจะผิดคนได้ไง ฉันจำกลิ่นตัวเธอได้ดี หอม ยั่วยวน”
ธิปไตยพูดพลางเอาหน้ามาซุกไซร้ ปริตารีบดันตัวออกแล้วตบหน้าอย่างแรง
“งั้นคุณก็คงจำแรงตบนี่ได้ คุณเลิกยุ่งกับฉัน แล้วก็เลิกยุ่งกับเพื่อนฉันด้วย”
พูดจบก็ เดินออกไป ธิปไตยตะโกนไล่หลัง
“เพื่อนคนไหนล่ะ? รัญชิตา หรือดาว”
ปริตาเดินกลับมาจ้องหน้าธิปไตยอย่างเอาเรื่อง
“ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม คุณต้องเลิกยุ่งกับเพื่อนฉัน”
ธิปไตยยิ้มหยัน “มันก็ยากอยู่นะ ดาวทอดสะพานให้ฉัน ส่วนรัญชิตาก็ตกอยู่ในฐานะคู่หมั้น เฮ้อ ฉันจะทำยังไงดี?”
ปริตาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฉันขอร้องล่ะคุณธิปไตย เลิกยุ่งกับเพื่อนฉันเถอะ”
“ถ้าฉันเสียสละ ทำตามคำขอของเธอ เธอก็ต้องเสียสละ”
พลางเข้ามาจับคางปริตา แล้วจะจูบ “เป็นของฉัน”
ปริตาทั้งโกรธ ทั้งผิดหวัง จึงตบหน้าธิปไตยซ้ำอีกครั้ง
“คุณเป็นผู้ชายเลวที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา”
จากนั้นก็รีบเดินหนีออกไปจากร้าน ธิปไตยมองตาม อย่างคิดเอาชนะเธอให้ได้
อ่านต่อหน้า 3
กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 1 (ต่อ)
ปัทมาศสะอึกจนพูดไม่ออก ปริเทพรีบถามต่อ
“รึว่าน้องดาวเอง เป็นคนปันใจให้คนอื่น ? น้องดาวเป็นอะไรคะ? พี่แหย่เล่นนิดเดียว น้องดาวจะมีใครได้ไง ก็เราเป็นแฟนกันแล้วนี่”
“พี่เทพคะ ดาวว่าเราสองคน ยังไม่...”
ปัทมาศยังพูดไม่ทันจบ ปริเทพก็ขัดขึ้นมา
“ไม่รู้ล่ะ พี่รักของพี่มาหลายปีแล้ว น้องดาวคะ พี่...”
พูดพลางจับมือปัทมาศ จะบอกรัก แต่ปัทมาศชิงตัดบท
“ดาวทิ้งอ้อมไว้นานแล้ว ดาวขอตัวก่อนค่ะ”
ปัทมาศยิ้มให้ปริเทพ แล้วเดินถือช่อดอกกุหลาบสีชมพูออกไป ปริเทพรีบตามไป
“จะบอกรักทีไร เขินอายหนีทุกที น้องดาวคะ”
ฝ่ายปริตาก็กำลังเดินหนี โดยมีตรัยวิ่งตามมาติดๆ
“วันนี้เธอหนีฉันไปได้ แต่ยังไงเธอก็ต้องเจอฉัน ในฐานะคนรักของใครสักคน เอ รึว่าฉันจะควบสอง?”
ปริตาหันขวับกลับมา
“มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นค่ะ ฉันนี่แหล่ะจะขัดขวางทุกวิถีทาง ไม่ให้เพื่อนฉันต้องร่วมชีวิตกับคนอย่างคุณ”
พูดจบก็สะบัดหน้าแล้วเดินออกไป ตรัยมองตาม แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
พลศิษฎ์เดินเข้ามา เห็นปริตายืนอยู่ตามลำพัง ก็ออกปากถาม
“อ้อม เจอผู้ชายคนนั้นรึยัง?”
“เจอแล้วค่ะ นิสัยเสีย พฤติกรรมแย่อย่างที่มิ้นท์บอก ผู้ชายคนนั้นไม่คู่ควรกับผู้หญิงคนไหนในโลกนี้”
รัญชิตาที่เดินตามเข้ามา รีบถามปริตาด้วยความแปลกใจ
“เขาแย่กว่าที่ฉันมโนไว้อีกเหรอ?”
ปริตาพยักหน้ายิ้มๆ “แกไม่ต้องห่วงนะ ฉันไล่ไปแล้ว เขาไม่มากวนใจแกอีก”
ทันใดนั้นตรัยเข้ามาแนะนำตัวกับรัญชิตา
“สวัสดีครับคุณรัญชิตา”
ปริตาตกใจ ขณะที่รัญชิตามองตรัยด้วยความแปลกใจ
“คุณนั่นเอง”
พลศิษฎ์หันมาถาม “ใครกันมิ้นท์?”
“คุณตรัยค่ะ เจ้าของบริษัทที่อ้อมกับดาวไปฝึกงาน”
ปริตาแปลกใจที่รัญชิตารู้จักกับตรัย “ แล้วเธอรู้จักเขาได้ไง?”
“เรื่องมันยาว ไว้ฉันเล่าให้ฟัง มิ้นท์ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณตรัยจะเป็นลูกชายคุณหญิงเสาวลักษณ์”
ตรัยยิ้มกรุ้มกริ่ม แล้วแกล้งพูด
“ผมเสียใจนะครับที่ทราบว่าคุณมิ้นท์ไม่อยากเจอผม ถ้าคุณลำบากใจ ผมจะบอกคุณหญิงแม่ให้เลิกจับคู่ระหว่างเรา ลาก่อนครับ”
ตรัยเดินออกไป ปริตายิ้มพอใจ รัญชิตามองตาม แล้วตัดสินใจตะโกนออกไป
“ให้โอกาสมิ้นท์ได้แก้ตัวไหมคะ? มิ้นท์คิดว่าเราสองคนควรทำความรู้จักให้มากกว่านี้”
ปริตาตกใจ ตรัยมองไปที่ปริตา แล้วหันไปตอบรัญชิตา
“ด้วยความยินดีครับ”
พูดพลางยื่นมือไปจับรัญชิตา เธอก็จับมือตอบ แล้วยิ้มอย่างมีความสุข
ปริตามองภาพความสัมพันธ์นั้นอย่างกังวลใจ
พลศิษฎ์ยื่นมือไปทักทายตรัย
“ผมมาร์ทครับ พี่ชายรัญชิตาครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ หวังว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน”
พลศิษฎ์หันไปแนะนำปริตา
“คุณคงรู้จักกับอ้อมดีแล้ว อ้อมเป็นคนรักของผมครับ”
ตรัยแอบไม่พอใจ ปริตาแม้จะตกใจ แต่ด้วยความที่ไม่อยากให้ตรัยมากวนใจอีก จึงสวมรอยทันที
“ค่ะ ฉันเป็นแฟนกับพี่มาร์ท”
พูดจบก็เข้าไปจับมือพลศิษฎ์ ที่ยื่นดอกกุหลาบสีขาวให้ “สำหรับอ้อม”
“พี่มาร์ทน่ารักที่สุดเลย รู้ใจว่าอ้อมชอบสีขาว ชื่นใจค่ะ”
ตรัยมองด้วยความหมั่นไส้ จากนั้นพลศิษฎ์กออกปากชวนทุกคนไปรับประทานอาหาร รวมทั้งตรัยด้วย ปริตารีบขัด
“อย่าเลยค่ะ คุณตรัยคงมีงานต้องทำ”
“ใช่ครับ ผมต้องทำความรู้จักกับคุณมิ้นท์อีกมาก ผมขออนุญาตพาน้องสาวคุณไปกินอาหาร แล้วไปส่งนะครับ”
รัญชิตาชิงตอบแทน “ด้วยความยินดีค่ะ ไปกันเถอะค่ะ”
ตรัยหันไปยิ้มเย้ยปริตา เดินออกไปกับรัญชิตา ปริตามองตามอย่างขัดใจ
ปัทมาศที่จะเดินไปหาปริตา พอมองเห็นตรัยในระยะไกลๆ ก็รีบวิ่งตามไป โดยยังไม่ทันเห็นรัญชิตา
“คุณตรัย”
ปริเทพมองอย่างแปลกใจว่าปัทมาศตามหาใคร ?
ตรัยเปิดประตูรถให้รัญชิตาเข้าไปนั่ง ปัทมาศวิ่งไปใกล้ เห็นผู้หญิงเข้าไปนั่งในรถ ก็จะจะวิ่งไปอีกมุม เพื่อดูหน้าให้ชัดว่าเป็นใคร แต่กลับถูกปริตาเข้ามาดึงมือไว้
“ดาว เธอจะไปไหน?”
“ฉันเห็นคุณตรัย เขามากับใครไม่รู้?”
ปริตาไม่อยากให้ปัทมาศไม่สบายใจ เลยพูดปด “ไม่ใช่เขาหรอก”
“ใช่สิ ฉันจำเขาได้”
ปัทมาศมองไป ในขณะที่ตรัยกำลังเดินอ้อมไปที่ฝั่งคนขับ “นั่นไงคุณตรัย”
พลางรีบวิ่งเข้าไปที่ลานจอดรถ ปริตามองอย่างกังวลใจ
ตรัยขับรถออกไป รัญชิตาที่นั่งอยู่ในรถ ก็ไม่ได้หันไปมองปัทมาศวิ่งตามมาร้องเรียก
“คุณตรัยคะ”
ปัทมาศหยุดมองด้วยความผิดหวัง ปริเทพยืนมองที่มุมหนึ่ง ด้วยความแปลกใจในท่าทีของเธอ
ปริตาวิ่งเข้ามาหา ปัทมาศสีหน้าเศร้าทันที
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน?”
“คงจะเป็นลูกค้าเขามั้ง”
ปัทมาศยิ้มปลอบใจตัวเอง “นั่นสิ คุณตรัยคงมาคุยงานกับลูกค้า”
ปริเทพเดินเข้ามาเรียกปริตา “สวัสดีสาวน้อย”
ปริตาดีใจเข้าไปกอดทันที “พี่เทพ คิดถึงจัง”
“พี่ก็คิดถึง”
“ลมอะไรหอบพี่ชายอ้อมมาได้เนี่ย?”
“ลมแห่งความคิดถึงน้อง แล้วก็เพื่อนน้อง”
ปริเทพหันไปมอง ปัทมาศยิ้มรับเจื่อนๆ ปริตาสงสารพี่ชาย เพราะรู้ดีว่าปัทมาศมีใจให้ตรัยแล้ว
รัญชิตาเดินตามตรัยเข้ามาในร้าน พลางมองบรรยากาศจของร้านที่ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยความพอใจ
ตรัยเดินนำรัญชิตาไปที่โต๊ะ
“คุณตรัยมาที่นี่บ่อยเหรอคะ?”
“เสียงเพลง บรรยากาศ และสิ่งสวยงามรอบๆตัว ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ผมได้เสมอ”
ตรัยยิ้มหวานให้ รัญชิตายิ้มตอบ
“หมายถึงมิ้นท์ หรือใครคะ?”
รัญชิตาถาม เพราะเห็นนางแบบสองคนกำลังเดินตรงเข้ามาหาตรัย
“คุณตรัยไม่ยอมไปดูพวกเราเดินแบบ แอบหนีมาดื่มก็ไม่ชวน”
“อย่างนี้ต้องโดนลงโทษ มานี่เลยค่ะ ต้องไปเช็คอิน”
ตรัยที่ถูกลากออกไป รีบบอกรัญชิตา “สักครู่นะครับ”
รัญชิตามองตามด้วยความไม่พอใจ
สองสาวดึงตัวตรัยไปถ่ายรูปด้วยกันที่มุมหนึ่ง ตรัยยิ้ม แล้วหยิบมือถือถ่ายรูปร่วมกันสามคนอย่างสนิทสนม รัญชิตามอง พลางคิดว่าจะเอาชนะใจตรัยให้ได้ ทันใดนั้นก็มีคนยื่นเครื่องดื่มค๊อกเทลส่งมาตรงหน้า เธอจึงหันไปด้วยความแปลกใจ
“คุณอาสมภพ สวัสดีค่ะ”
สมภพยิ้ม “ผมขอล่ะ ถึงผมจะเป็นเพื่อนรุ่นน้องคุณพ่อคุณ ก็มีกฎเหล็กห้ามไหว้ในที่สถานบันเทิงนะครับ”
“ ขอบคุณคุณสมภพมากนะคะ ที่ไม่เอาเรื่องมิ้นท์”
“เรื่องเล็กๆน้อยๆ ผมไม่สนใจหรอก คุณมิ้นท์มาคนเดียวเหรอครับ?”
“มิ้นท์มากับว่าที่คู่หมั้นค่ะ”
พูดพลางมองไปยังตรัยที่อยู่กับนางแบบ สมภพมองตามไป เห็นตรัยหยอกเอินกับนางแบบ ก็
ไม่พอใจ
“เหนื่อยหน่อยนะครับ คุณตรัยเขาเสน่ห์แรง ผมว่าคุณมิ้นท์เปลี่ยนใจก็ยังไม่สาย”
ตรัยเดินกลับมาที่โต๊ะ พร้อมกับยื่นช่อดอกไม้ให้รัญชิตา
“สำหรับคนพิเศษของผม”
รัญชิตารีบยื่นมือไปรับ พลางยื่นหน้าไปหอมแก้มตรัย แสดงความเป็นเจ้าของ ต่อหน้านางแบบสองคน สมภพหยิบแก้วค็อกเทลส่งให้
“แด่ ผู้โชคดีในค่ำคืนนี้ครับ”
ตรัยพูดขัดขึ้นมาทันที
“คงไม่รบกวนคุณสมภพ เธอมีเครื่องดื่มของเธอแล้ว”
ตรัยรับเครื่องดื่มจากพนักงาน แล้วส่งให้รัญชิตา
“ขอบคุณค่ะ”
ตรัยยิ้มพอใจที่รัญชิตาเล่นด้วยกับเขา พลางมองเย้ยสมภพ ที่ทำหน้าเจื่อน แล้วรีบถือแก้วเครื่องดื่มเดินออกไป
ในใจสมภพคิดจะเอาชนะตรัยให้ได้
อ่านต่อตอนต่อไป / 09.30 น.
ตรัยเดินกลับเข้าบ้าน หลังจากไปส่งรัญชิตาแล้ว คุณหญิงเสาวลักษณ์เดินเข้าขวาง พร้อมส่งยิ้มทักทาย
“แม่ดีใจ ที่ลูกยอมไปดูตัว แล้วตัดสินใจคบหาหนูรัญชิตา”
ตรัยพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “คุณแม่เลิกใช้แผนสกปรกกับผมสักที”
พูดจบเดินหนีออกไปทันที เสาวลักษณ์ตามมาตะโกนเรียก
“แกมันก็ดีแต่หนีปัญหา ไม่กล้าเผชิญความจริง”
ตรัยหันกลับมาเผชิญหน้าแม่
“ใช่ ผมหนีปัญหา เพราะผมอายที่มีคุณแม่เห็นแก่ตัว คุณพ่อตายไม่ถึงปี คุณแม่ก็เอาแต่...”
ตรัยพูดไม่ทันจบ เสาวลักษณ์ก็ตบหน้าลูกชายเต็มแรง
“ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน แกไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายชีวิตฉัน”
“ แม่ก็ไม่มีสิทธิ์มาบงการชีวิตผม หลังจากคุณพ่อเสีย คุณแม่ก็บังคับให้ผมไปเรียนเมืองนอก จะได้ไกลหูไกลตา แค่นั้นผมก็เหลือทนแล้ว”
“แล้วทีแกทำกับฉันล่ะ? ฉันทุ่มเทกับบริษัท ขยายงานสร้างบ้านขายคอนโดเพื่อแก แต่แกไปเปิ ด บริษัทโฆษณา คิดว่าฉันมีความสุขรึไง? เอาเถอะ ฉันจะไม่เสียเวลาทะเลาะกับเรื่องไร้สาระ ตรัย แม่อยากให้ลูกแต่งงานกับหนูรัญชิตา เธอเพียบพร้อมทั้งหน้าตา ฐานะ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ลูกจะปฎิเสธ?”
“มีสิครับ อะไรที่คุณแม่จัดให้ ผมไม่เอา”
ตรัยพูดจริงจัง แล้วเดินหนีออกไปทันที
ตรัยเดินหนีเข้ามาในห้องนอน พลางเงยหน้ามองรูปภาพครอบครัว ที่มีพ่อแม่และเขาอยู่ในวัยเด็ก แล้วน้ำตาซึม
ปริเทพขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดที่หน้าบ้าน ปัทมาศถือช่อดอกกุหลาบลงจากรถ พร้อมกับส่งหมวกกันน็อกคืนให้
ปริเทพจะเข้าไปส่งในบ้าน แต่เธอห้ามไว้
“อย่าเลยค่ะ พี่ก็รู้ว่าคุณแม่..”
“ จ้ะ น้องดาวว่าไง พี่ก็ว่าตามนั้น พี่ไปล่ะ แล้วเจอกันจ้ะ ฝันถึงพี่นะ”
ปัทมาศยิ้มรับ ปริเทพขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป พัชรินทร์ออกมาถาม
“ใครมาส่ง?”
ปัทมาศพูดปด “เอ่อ ดาวนั่งวินเข้ามาค่ะ”
“ ทำไมกลับมาป่านนี้? ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าห้ามกลับเข้าบ้านเกินสองทุ่ม เธอไปทำอะไร? แล้วนี่ดอกกุหลาบใครให้มา รึว่าเธอไปพบนายปริเทพ?”
“ดาวไม่ได้เจอพี่เทพค่ะ ดอกกุหลาบนี้ดาวซื้อเอง ที่ดาวกลับดึก เพราะอ้อมชวนดาวดูหนังค่ะ”
พัชรินทร์รีบพูดดักคอ
“งั้นโทรหาอ้อมเดี๋ยวนี้ ฉันจะคุยกับอ้อม ว่าเธอพูดจริงหรือโกหกฉัน”
ปัทมาศอึกอัก กลัวพัชรินทร์จับได้
“ถ้าเธอไม่โทร ฉันโทรเอง”
พัชรินทร์จะเข้าไปหยิบโทรศัพท์ในมือปัทมาศ แต่ป้าอรเข้ามาห้ามไว้
“ไม่ต้องโทรหรอก ดึกป่านนี้ หนูอ้อมคงจะหลับแล้ว หลานไปอาบน้ำเข้านอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปงานรับปริญญา”
ปัทมาศ โล่งใจที่ป้าอรมาช่วยไว้
“ค่ะป้า ดาวขอโทษนะคะที่ทำให้คุณแม่เป็นห่วง”
ปัทมาศยกมือไหว้แม่ แล้วถือช่อดอกกุหลาบเดินเข้าไปในบ้าน พัชรินทร์มองตามด้วยความไม่พอใจ
ป้าอรหันมาพูดกับพัชรินทร์
“รินทร์ พี่ขอเถอะ ออกจากรั้วโรงเรียน ก็ถอนหัวโขนไว้ที่นั่น อย่าใส่มาที่บ้าน ลูกต้องการการเลี้ยงดูจากแม่ ไม่ใช่ครูฝ่ายปกครอง”
“พี่อร ฉันจ้างให้พี่มาช่วยดูแลบ้าน ไม่ใช่มาสอนฉัน”
พูดจบก็เดินกลับเข้าไปในบ้าน ป้าอรถอนใจ ด้วยความเป็นห่วงหลาน
ปัทมาศเดินเข้าห้องนอน ก่อนที่จะวางช่อดอกกุหลาบอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่กลับมองไปที่ตุ๊กตาหมีที่ตรัยมอบให้บนเตียงนอน แล้วก็ยิ้มหวานเมื่อนึกถึงคนให้
ปริตา ปัทมาศ และรัญชิตากำลังโพสท่าถ่ายรูปในงานวันริบปริญญาด้วยกันอย่างมีความสุข ก่อนที่ปริตาจะลากมือเพื่อนทั้งสองเข้ามาที่ห้องชมรมเชียร์ พร้อมกับผายมือไปยังภายในห้องที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม
รัญชิตาและปัทมาศมองอย่างตกตะลึง
“รูปพวกเรานี่”
รูปภาพถูกนำมาตกแต่งไว้ทั่วห้อง พร้อมอุปกรณ์เชียร์
ปริตาหยิบภาพที่มีทั้งสามคนเป็นเชียร์ลีดเดอร์ขึ้นมาดู
“คิดถึงจัง เวลาผ่านไปหลายปี แต่ทุกอย่างยังอยู่ในความทรงจำ”
ปัทมาศถึงกับน้ำตาซึม “ฉันจะจำไม่มีวันลืม ว่าเราเคยเป็นเพื่อนรักกัน และจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป”
รัญชิตเดินเข้าไปหาปริตากับปัทมาศ
“รักให้มากนะ รักจนวันตายด้วย”
ปริตาเข้าไปสวมกอดเพื่อนๆอย่างมีความสุข......
พลันพริดาและดอกแก้ว ก็เดินเข้ามาเย้ย
“ฉันอยากรู้นัก ถ้าเกิดพวกเธอรักผู้ชายคนเดียวกัน จะยังรักกันรึเปล่า?”
รัญชิตาตรงเข้าไปโวยใส่ทันที “เธอพูดอะไรของเธอ?”
“ฉันเห็นมาเยอะล่ะ เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ตกหลุมรักผู้ชายคนเดียวกัน แย่งกันยิ่งกว่าแร้งรุมทึ้งซาก”
“เหรอ งั้นก็รู้ไว้ด้วยว่าจะไม่มีวันเกิดกับพวกฉัน”
พริดายิ้มเยาะ “งั้นก็ขอแช่งให้เจออย่างนั้นแล้วกัน”
ปริตารีบเข้ามาปราม “พอลลี่ ฉันเตือนเธอแล้วนะ อย่ามายุ่งกับพวกฉันอีก”
“อย่ามาขึ้นเสียงกับฉัน”
พริดาตวาดกลับ ดอกแก้วช่วยซ้ำ
“พอลลี่ต้องเข้าใจอ้อมเขาสิ กำพืดมาจากลูกแม่ค้าตจว.ก็ต้องติดนิสัยหยาบคาย ปากตลาด”
ปริตาไม่พอใจ จะเดินตรงไปเอาเรื่อง ปัทมาศดึงแขนห้ามไว้ ปริตายิ้มตอบ แล้วเอามือปัทมาศออก จากนั้นก็เดินตรงไปหาพริดากับดอกแก้ว
“วันนี้ฉันดีใจมากที่เรียนจบ เพราะฉันไม่ต้องทนเห็นหน้าและฟังเสียงเห่าเสียงหอนของพวกเธออีก”
จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็พูดเหน็บแนมกันไปมา พริดาไม่พอใจเงื้อมือจะตบ แต่กลับถูกปริตาจับมือไว้ แล้วรีบลากตัวออกไปจากห้อง ก่อนจะผลักลงกองกับพื้นที่หน้าห้องชมรม
“วันนี้เป็นวันสำคัญของเธอและของฉัน เธอควรให้เกียรติ กับชุดนักศึกษาที่ใส่ ไม่ใช่ทำตัวไร้ค่าให้คนอื่นดูถูก”
พริดาไม่พอใจ จะตบปริตา รัญชิตากับปัทมาศตามออกมาพอดี
“คอยดูเถอะ วันไหนที่แตกคอกัน ฉันนี่แหล่ะจะเหยียบซ้ำให้จมดิน”
พริดาพูดจบ ดอกแก้วก็รีบลากตัวออกไป
เมื่ออยู่กันตามลำพัง ปริตาตัดสินใจจะคุยกับรัญชิตาและปัทมาศเรื่องของตรัย
“มิ้นท์ ดาว ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
ตรัยเดินเข้ามาบริเวณซุ้มจัดงานรับปริญญา พร้อมๆ กับที่ศิโรจน์หอบช่อดอกกุหลาบเข้ามา
“บอสน่ารักที่สุด มาเป็นกำลังใจให้ว่าที่เจ้าสาวในอนาคต”
“แกหุบปากเลย ฉันยังไม่ได้ชำระคดีความที่แกสบคบคิดกับคุณแม่ หลอกให้ฉันไปดูตัว”
ศิโรจน์หัวเราะแหยๆ
“เห็นใจหญ้าแพรกด้วยเถอะครับ อ๋องไม่กล้าขัดขืนคำสั่งคุณนายหญิงแม่”
ตรัยพยักหน้า แล้วรีบเดินเข้าไปที่คณะ ศิโรจน์รีบหอบช่อดอกกุหลาบวิ่งตามไป..
“อ้อมมีเรื่องอะไรเหรอ?”
ปัทมาศถามปริตาอย่างแปลกใจ
“ในฐานะที่เราเป็นเพื่อนรักกัน ฉันขอให้พวกเธอเปิดใจฟัง แล้วก็ยอมรับความจริง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอให้หนักแน่นในความรักที่เรามีต่อกัน ฉันอยากขอร้อง ให้พวกเธอเลิกยุ่งกับ...”
ปริตายังพูดไม่ทันจบ เสียงโทรศัพท์ของรัญชิตาดังขึ้น
“มิ้นท์ ตัดสายทิ้งก่อน ฉันมีเรื่องสำคัญจริงๆ”
รัญชิตาส่ายหน้า “ให้ตัดอะไรก็ตัดได้ แต่จะให้ฉันตัดใจจากผู้ชายคนนี้ไม่ได้”
ปริตารู้ได้ทันทีว่าตรัยโทร.มา รีบแย่งโทรศัพท์กดสายทิ้ง ปัทมาศแปลกใจ
“ใครเหรอมิ้นท์?”
“ว่าที่สามี”
“เธอยอมคบหากับผู้ชายคนนั้นแล้ว? ฉันตกข่าวได้ไง อ้อมไม่เห็นเล่าให้ฟังเลย”
รัญชิตาชี้หน้าปริตา
“เดี๋ยวนี้ยัยอ้อมมีลับลมคมนัย วันก่อนก็ใส่ความว่าแฟนฉันเยิน รึแกคิดแย่งแฟนฉัน?”
ปัทมาศยิ่งงงหนัก “เรื่องมันเป็นยังไงกัน? ฉันงงหมดแล้ว”
ปริตาจะเล่าต่อ แต่เสียงโทรศัพท์ของรัญชิตาดังขึ้นอีก ปริตาก้มมอง รัญชิตาเข้ามาแย่งโทรศัพท์กดรับสายทันที
“ค่ะ อะไรนะคะ?”
รัญชิตาคุยโทรศัพท์แล้วเดินออกไปจากห้องทันที ปริตารีบตามไป
ปัทมาศมองตามทั้งคู่ด้วยความแปลกใจ
อ่านต่อหน้า 4
กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 1 (ต่อ)
ปริตาผิดหวังที่ไม่ได้คุยกับรัญชิตา พอปัทมาศเดินตามมา จึงรีบหันมาบอก
“ดาว งั้นเธอต้องเคลียร์กับฉัน”
ปัทมาศมองนาฬิกา “ฉันต้องไปแล้วล่ะ ได้เวลาที่ฉันนัดคุณตรัยไว้”
“เธอว่าอะไรนะ?”
“ฉันโทรเชิญคุณตรัยมาด้วย เขาไม่ปฎิเสธเลยนะอ้อม เขาคงมีใจให้ฉัน ฉันตั้งใจจะให้ของขวัญ เขาจะได้รู้ว่าฉันก็ชอบเขา”
ปริตาตกใจ
“ฉันจะพาเขามา จะได้แนะนำให้มิ้นท์รู้จักชายในฝันของฉันด้วย”
ปัทมาศวิ่งออกไปทันที ปริตามองตามด้วยความกังวลใจ
ปัทมาศเดินมา ชะเง้อมองหาตรัย
“CONGRATULATIONS ครับ”
ปัทมาศหันไปด้วยความดีใจ คิดว่าเป็นตรัย แต่พอเห็นว่าเป็นปริเทพ ก็ผิดหวัง
“คุณอยู่ตรงไหนคะ?”
รัญชิตาคุยมือถือพลางมองหาตรัย ที่แอบมายืนอยู่ด้านหลังของเธอ
“คุณไม่เห็นผม แสดงว่าในใจคุณไม่มีผม”
รัญชิตาวางโทรศัพท์หันกลับไป พอเห็นตรัยก็ยิ้มดีใจ
“มิ้นท์จะเห็นคุณได้ไงคะ ในเมื่อคุณทำให้มิ้นท์ตาบอด”
ตรัยยิ้ม พลางส่งช่อดอกกุหลาบให้ รัญชิตารับแล้วเข้าไปหอมแก้มทันที
ตรัยแอบพอใจที่รัญชิตาเล่นด้วย เพราะเขาต้องการทำให้รัญชิตารัก เพื่อหลอกให้เสาวลักษณ์ตายใจ แล้วก็จะเลิกกับรัญชิตาในภายหลัง
ปัทมาศจะเดินออกไป แต่กลับถูกปริเทพจับมือไว้
“วันนี้พี่ไม่ปล่อยให้เขินอายหนีพี่ไปอีก พี่มีของสำคัญจะให้น้องดาวค่ะ”
ปัทมาศมองด้วยความแปลกใจ
รัญชิตาหยิบมือถือเข้ามาถ่ายรูปคู่กับตรัยอย่างใกล้ชิด ตรัยออกปากอย่างเขินๆ ที่ตกเป็นเป้าสายตาคนอื่น แต่รัญชิตากลับทำเหมือนไม่แคร์ ซ้ำยังเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดตรัย แสดงตัวเป็นคู่รักชัดเจนมากขึ้น
“ทำไมต้องแคร์ด้วยคะ? ในเมื่อเรารักกัน”
“ไม่คิดว่ามันเร็วไปหน่อยเหรอครับ”
“ความรักไม่ต้องการเวลาค่ะ? ต่อให้คบหากันมาหลายปี ถ้าเกลียดก็คือเกลียด”
ตรัยยิ้มตอบ “ผมเห็นด้วยกับคุณนะ แม้เจอกันแค่นาทีเดียว ถ้ารักก็รัก”
รัญชิตาแสร้งถาม “รักใครคะ?”
“คุณคิดว่าผมรักใครล่ะ”
“ คำถามที่ไม่ต้องการคำตอบค่ะ ไปกับมิ้นท์ค่ะ มิ้นท์จะแนะนำเพื่อนๆให้คุณรู้จัก”
ตรัยยิ้ม “ผมก็อยากให้เพื่อนคุณ รักผม”
ตรัยพูดมีนัย ก่อนที่รัญชิตาจะพาเขาเดินออกไป
ชาลินีและเสาวลักษณ์มองภาพทั้งคู่ที่เดินออกไปด้วยกัน ด้วยความพอใจ
“แทบไม่น่าเชื่อเลยนะคะคุณหญิง แผนนัดดูตัวล่มมาหลายครั้ง แต่พอได้เจอกันเพียงครั้งเดียว ทั้งสองคนปลงใจเร็วอย่างนี้”
เสาวลักษณ์ไม่วายกังวลใจ “แต่ฉันอดหวั่นใจลูกชายตัวดีไม่ได้ค่ะ มันง่ายจนผิดสังเกต”
“อย่ากังวลเลยค่ะ ใครที่ได้เจอลูกมิ้นท์ของดิฉัน เป็นอันต้องติดบ่วงทุกรายล่ะค่ะ”
เสาวลักษณ์ยิ้ม “ฉันก็ขอให้เป็นอย่างนั้น ว่าแต่ลูกชายคนโตไม่มาด้วยเหรอคะ?”
ชาลินีนึกได้ รีบมองหาพลศิษฎ์
ปริตาที่กำลังเดินตามหาปัทมาศและรัญชิตา ถูกกลุ่มนักศึกษาถือดอกไม้เข้ามา แล้วร้องเพลงล้อมตัวไว้ พร้อมกับแมสคอทหมี เข้ามาเต้น
ปริตาเข้าไปดึงหัวแมสคอทออก แล้วก็ตกใจ “พี่มาร์ท”
“ ขอแสดงความยินดีจากหมีน้อยครับ”
นักศึกษาต่างปรบมือ แล้วยุให้หอมแก้ม ปริตาอายรีบเดินหนีไป พลศิษฎ์วิ่งตาม แล้วร้องเรียก
“อย่าทิ้งพี่หมีสิครับ พี่หมีคิดถึงนะครับ”
พูดพลางจะล้วงหยิบกล่องใส่แหวน แล้วนึกได้ว่าลืมไว้ที่รถ
“อ้อมรอตรงนี้นะ ห้ามขยับเขยื้อนไปไหน”
พลศิษฎ์รีบวิ่งออกไป ปริตามองตามขำๆ ขณะที่ชาลินีเดินเข้ามาหาด้วยท่าทาง ไม่พอใจ
“ฉันเคยขอเธอแล้วใช่ไหม? ให้เลิกยุ่งกับลูกชายฉัน”
ปริตาตกใจ “คุณป้า”
ปริเทพเปิดกล่อง แล้วหยิบแหวนวงเล็กๆ ออกมา พลางคุกเข่าลง พร้อมกับจับมือปัทมาศ จะสวมแหวนให้ แต่เธอกลับชักมือออก
“พี่เทพลุกขึ้นมาเถอะค่ะ”
ปริเทพลุกขึ้นมา “ ทำไมล่ะ? หรือน้องดาวอายที่คบวิศวกรขี่มอเตอร์ไซค์ ไม่ใช่ผู้ชายเจ้าของรถสปอร์ต?”
ปัทมาศหน้าเสีย
“พี่ขอโทษนะ ถ้าทำให้น้องดาวไม่สบายใจ ลืมคำพูดเมื่อกี้ซะ แล้วให้รู้ไว้ ว่าพี่รักน้องดาวมากนะคะ”
ปริเทพเข้าไปจับตัวปัทมาศ พร้อมๆ กับที่พัชรินทร์เข้ามาโวยวายเสียงดัง
“ปล่อยตัวลูกสาวฉันเดี๋ยวนี้”
ปัทมาศและปริเทพตกใจ
“ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนดี แต่คนดีกับคนที่คู่ควรกับลูกชายฉัน ไม่ใช่คนเดียวกัน”
ชาลินีพูดใส่หน้าปริตา
“อ้อมเข้าใจค่ะ อ้อมพยายามรักษาระยะห่างกับพี่มาร์ทแล้ว”
“ แต่ยังไม่พอ คู่ชีวิตของเขาต้องสูงส่งและเสริมหน้าที่การงาน ไม่ใช่ลูกแม่ค้าต่างจังหวัดอย่างเธอ”
“ คุณป้าคะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับแม่อ้อม ขอความกรุณาอย่าพาดพิงแม่อ้อมค่ะ”
เสาวลักษณ์ เห็นชาลินีคุยกับปริตา จึงหยุดฟังอยู่มุมหนึ่ง
“มันไม่เกี่ยวได้ไง ฉันว่าแม่เธอนี่แหล่ะที่เป็นคนเสี้ยมสอนให้เธอมาอ่อยลูกชายฉัน หวังอัพฐานะ”
ปริตาไม่พอใจ
“ถึงแม่อ้อมจะเป็นแม่ค้าจนๆ แม่ก็ไม่เคยสอนให้อ้อมทำตัวไร้ศักดิ์ศรี ใช้ตัวแลกกับสถานภาพทางสังคม แล้วอ้อมก็เชื่อค่ะ คุณภาพของคนไม่ได้วัดจากฐานะหรือชาติตระกูล ต่อให้เป็นชนชั้นสูง แต่หากมีความคิดต่ำๆก็ด้อยค่ายิ่งกว่าหญ้าวัชพืช”
ชาลินีโกรธจัด เสาวลักษณ์เอง ก็ไม่พอใจที่เห็นปริตาก้าวร้าว
“ขอให้คุณป้าสบายใจเถอะค่ะ อ้อมจะอยู่ในที่ของอ้อม หากคุณป้ายังกังวลใจ ก็จับลูกชายขังไว้ในคอก อย่าให้ออกมาได้”
พูดจบปริตาก็ยกมือไหว้แล้วเดินออกไป พลศิษฎ์ถือกล่องใส่แหวนเข้ามา เห็นปริตาเดินหนีก็รู้ทันทีว่าโดนชาลินีเล่นงาน จึงรีบวิ่งตามไป
“ปริเทพ เธอควรไปแสดงความยินดีกับน้องสาวเธอ ไม่ใช่มาเกาะแกะลูกสาวฉัน”
พัชรินทร์พูดกับปริเทพด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ผมรักน้องดาวด้วยความจริงใจ ผมจะไม่ทำให้น้องดาวเสียหายขอให้คุณอาอย่ากังวลใจครับ”
“ถ้าเธออยากให้ฉันสบายใจล่ะก็ ออกไปจากชีวิตลูกฉัน”
พูดพลางเข้าไปโอบกอดปัทมาศ แล้วบีบไหล่ไว้
“ฉันเป็นแม่ ฉันมีหน้าที่ปกป้อง และกำหนดเส้นทางชีวิตลูกฉัน เแม่ย่อมเลือกสิ่งที่ดีและถูกต้องให้ลูกเสมอ”
ปัทมาศน้ำตาซึม รู้สึกอึดอัดที่ต้องโดนบังคับ
“แล้วผมจะพิสูจน์ให้คุณอาเห็นว่าผมรักน้องดาวหมดใจ”
ปริเทพยกมือไหว้ แล้วหันไปสบตา ปัทมาศพยายามหลบตาเพราะไม่อยากมีปัญหา พอปริเทพเดินออกไป พัชรินทร์หันไปต่อว่าลูกสาวทันที
“เธอให้ท่าผู้ชายใช่ไหม ผู้ชายถึงได้ตามตื๊อไม่เลิก”
จากนั้นก็เข้าไปทุบตี จนปัทมาศร้องไห้สะอื้น
“อย่าให้ฉันเห็นว่าเธออยู่กับผู้ชายสองต่อสองอีก อย่ามาบีบน้ำตาให้คนเขาคิดว่าฉันเป็นแม่ใจร้าย.ไป รีบไปล้างหน้า แล้วมาถ่ายรูปกับฉัน”
ปัทมาศเดินร้องไห้ออกไป
พลศิษฎ์เดินมาดักหน้าปริตา
“พี่ขอโทษแทนคุณแม่พี่ด้วย พี่จะทำให้ท่านเห็นว่าเรารักกันด้วยความจริงใจ”
“พี่มาร์ทคะ อ้อมรักและเคารพพี่มาร์ทในฐานะพี่ชายเท่านั้นค่ะ”
พลศิษฎ์อึ้ง “พี่ไม่เข้าใจ เมื่อวานนี้อ้อมยอมรับต่อหน้ามิ้นท์ ต่อหน้าคุณตรัย ว่าเราเป็นแฟนกัน”
“อ้อมพูดอย่างนั้นเพราะไม่อยากหักหน้าพี่มาร์ท”
ปริตาไม่อยากเสียเวลาอธิบายต่อ จึงรีบเดินออกไป พลศิษฎ์ตะดกนไล่หลัง
“พี่ไม่สนว่าอ้อมจะคิดยังไงกับพี่ แต่พี่รักอ้อม พี่จะรอ รอวันที่อ้อมรักพี่”
ปริตาได้ฟังความคิดของพลศิษฎ์ก็อึดอัดใจ ชาลินียืนมองอย่างไม่พอใจ กระทั่งเสาวลักษณ์เข้ามายืนข้างๆ
“แฟนพลศิษฎ์เหรอคะ?”
“ไม่ค่ะ ดิฉันไม่มีวันยอมรับสะใภ้คนนี้เด็ดขาด”
เสาวลักษณ์พยักหน้า “ดีแล้วล่ะ นิสัยก้าวร้าวไม่มีสัมมาคารวะ ยกให้ดิฉันฟรีๆ ดิฉันก็ไม่รับเหมือนกัน”
รัญชิตาบอกให้ตรัยยืนรอ ส่วนตัวเองออกเดินไปตามหาปริตากับปัทมาศ
ตรัยหันไปเห็นปัทมาศเดินร้องไห้ผ่านไป ก็คิดอะไรบางอย่าง
ปริตาเดินหนีออกมา แล้วก็มาหยุดยืนร้องไห้ด้วยรู้สึกน้อยใจที่ชาลินีดูถูกและพาลต่อว่าแม่
“อ้อม”
ปริตาหันไปมอง เห็นนางวาแต่งชุดสวยยิ้มให้
“แม่”
ปริตาโผเข้าไปสวมกอดแม่ด้วยความดีใจ
ปัทมาศเดินร้องไห้ตรงไปที่ห้องน้ำ ตรัยปราดเข้ามายืนขวาง
“ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันไม่ชอบคนขี้แย”
ปัทมาศทั้งตกใจ ทั้งดีใจ “ดาวขอโทษค่ะ”
“หยุดร้องได้แล้ว ไม่สวยนะ”
ตรัยใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาปลอบใจ ปัทมาศมองเขาด้วยความรัก และยิ่งประทับใจมากขึ้น
พอนางวารู้ว่าปริตาโดนชาลินีพูดดูถูกใส่หน้า ก็รู้สึกเสียใจ
“แม่ขอโทษ ที่ทำให้ลูกต้องได้ชื่อว่าเป็นลูกแม่ค้า ลูกคนจน”
ปริตารีบปาดน้ำตา แล้วยิ้มตอบ
“ ใครบอกล่ะจ๊ะ อ้อมร้องไห้ เพราะดีใจที่ได้เจอแม่ต่างหาก ต่อให้อ้อมเกิดมาเป็นลูกคนกวาดถนน คนเก็บขยะ อ้อมก็ภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกแม่”
นางวายิ้มตอบ พร้อมกับสังเกตเห็นแววตากลุ้มใจของลูก
“มีอะไรไม่สบายใจ ก็ระบายกับแม่เถอะ อย่าเก็บไว้คนเดียว”
ปริตาส่ายหน้า “ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ ก็แค่เพื่อนอ้อมชอบผู้ชายคนเดียวกัน”
“แล้วลูกล่ะ รักผู้ชายคนนั้นด้วยรึเปล่า?”
นางวาย้อนถาม ปริตาอึ้ง
“แม่รู้ ลูกของแม่ไม่เคยคิดทำร้ายจิตใจเพื่อน ที่ผ่านมา หนูดาวก็เคยอุปถัมภ์ให้ลูกไปพักที่บ้าน ส่วนหนูมิ้นท์ ก็มีน้ำใจออกค่าเทอมให้ลูก เพื่อนลูกทั้งสองมีพระคุณเหลือเกิน ลูกมีวันนี้ได้เพราะเพื่อน ลูกต้องเสียสละให้เพื่อนมากๆ”
ปริตาจุกอกจนพูดไม่ออก ยอมรับฟังโดยดี
“อ้อมสัญญาจ้ะ อ้อมจะไม่ทำให้เพื่อนรักต้องเสียใจ”
ปัทมาศนึกได้ รีบหยิบกล่องของขวัญในชุดครุยมายื่นให้ตรัย
“ดาวเตรียมของขวัญไว้ให้คุณตรัยค่ะ”
ตรัยเปิดกล่องของขวัญ เห็นเป็นเนคไทสีสวย
“แทนคำขอบคุณที่คุณตรัยรับดาวเข้าฝึกงาน ดาวเย็บเองค่ะ ขออนุญาตนะคะ”
ปัทมาศผูกเนคไทให้ ตรัยมอง แล้วพูดล้อๆ
“แสดงความเป็นเจ้าของฉันเหรอ?”
ปัทมาศหน้าเจื่อน “ขอโทษค่ะ ดาวไม่ได้คิดอย่างนั้น”
ตรัยจับมือปัทมาศไว้ “ฉันยินดีให้ผูกมัดไว้”
ปัทมาศยิ้มดีใจ แล้วผูกไทให้จนเสร็จ พร้อมกับที่รัญชิตาโทร. เข้ามือถือของตรัย
“เพื่อนโทรมา ฉันขอตัวก่อนนะ”
“แล้วเราจะได้เจอกันอีกไหมคะ?”
“เจอสิ เราต้องได้เจอกันแน่”
ตรัยตอบยิ้มๆ แล้วเดินออกไป ปัทมาศมองตาม พลางยิ้มมีความสุข
รัญชิตาเดินเข้ามา แต่ไม่ทันเห็นตรัย
“ยัยดาว มาอยู่นี่เอง แฟนเธออยู่ไหนล่ะ? อยากเห็นว่าชายในฝันของเธอจะหล่อสู้ว่าคนของฉันได้รึเปล่า?”
ยังไม่ทันที่ปัทมาศจะตอบ เสียงข้อความไลน์ก็ดังขึ้น
“แม่อ้อมมาถึงแล้ว อยากถ่ายรูปด้วย ไปกันเถอะ”
“งั้นส่งไลน์ให้เขาไปเจอที่ซุ้มคณะ เธอก็บอกให้คนของเธอไปด้วย”
ปัทมาศยิ้มตอบ จากนั้นทั้งคู่ต่างก็ส่งไลน์ให้ตรัย โดยไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายคนเดียวกัน
ข้อความไลน์ของปัมทาศและรัญชิตาดังเตือนที่มือถือของตรัย พร้อมๆ กับที่เสาวลักษณ์เดินเข้ามาหา
“แม่อยากชวนลูกไปถ่ายรูปร่วมกับหนูรัญชิตา”
“ดีครับ ผมก็อยากให้คุณแม่ไปด้วยกัน คงจะสนุก”
ตรัยตั้งใจให้เสาวลักษณ์ไปด้วย เพื่อให้รู้ว่าเขาชอบผู้หญิงสามคน เพื่อจะปฎิเสธรัญชิตา
ปริตาเดินนำนางวามาที่ซุ้มถ่ายรูป ปริเทพ รีบหันมาบอกลัดดาวัลย์
“น้าลัดดาครับ แม่กับอ้อมมาแล้วครับ”
“พร้อมหน้าครอบครัวกันแล้ว เดี๋ยวน้าถ่ายให้”
นางวารีบบอก
“ลัดดา ถ่ายให้สวยๆนะ รูปนี้ฉันจะอัดใส่กรอบติดฝาบ้าน”
ทุกคนยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุข
จากนั้นปริเทพก็พาทุกคนเดินมาอีกมุมหนึ่ง
“มุมนี้สวยดี แม่ถ่ายกับบัณฑิตใหม่นะครับ”
“ตายจริง แม่ยังไม่ได้ให้ของขวัญบัณฑิตเลย”
ลัดดาวัลย์นึกได้ รีบหยิบช่อดอกมะลิส่งให้ นางวารับมาจะยื่นให้ปริตา ปริตาก้มลงนั่งแล้วบอกแม่ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“แม่จ๋าอ้อมได้ดีและประสบความสำเร็จมาได้ทุกวันนี้ มีแม่เป็นกำลังใจ และเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวในชีวิต บุญคุณของแม่ อ้อมคงทดแทนไม่หมด อ้อมขอสัญญา อ้อมจะเป็นลูกที่ดี เป็นคนดีอย่างที่แม่สอน”
นางวาน้ำตาไหลด้วยความตื้นตันใจ..
“หลังจากนี้ อ้อมจะกลับไปหางานทำที่บ้านเรา เก็บเงินซื้อที่ดินที่เราเช่าเขาอยู่ แล้วอ้อมจะสร้างบ้านหลังใหม่ให้แม่ อ้อมจะดูแลแม่ให้มีความสุขที่สุด”
พูดจบปริตาก็ก้มกราบเท้าแม่ นางวามองลูกแล้วร้องไห้ ปริเทพและลัดดาวัลย์มองด้วยความตื้นตันใจ
ปัทมาศกับรัญชิตาที่ยืนมองอยู่อีกมุมก็ถึงกับน้ำตาไหล ต่างคนต่างนึกถึงความสัมพันธ์ของตัวเองกับแม่
“ลูกของแม่เป็นคนกตัญญู ผลบุญของลูก จะทำให้ลูกประสบความสุขและความสำเร็จในชีวิต บุญใดที่แม่เคยสร้างมา ขอจงปกปักษ์รักษาลูกด้วยเถอะ”
นางวาพูดพลางประคองปริตาขึ้นมา พร้อมกับส่งช่อดอกมะลิให้
“แม่รู้ว่าลูกชอบดอกไม้สีขาว สีบริสุทธิ์ แม่จึงร้อยดอกมะลิเป็นมาลัยให้ลูก ถึงแม้มันไม่มีราคาค่างวด แต่แม่ร้อยมาให้ลูกด้วยสองมือแม่”
ปริตารับช่อดอกมะลิจากแม่ พร้อมๆ กับที่ร่างนางวาค่อยๆ ทรุดลงไปกองกับพื้น มาลัยดอกมะลิขาด ดอกมะลิและกลีบดอกกุหลาบที่ร้อยในมาลัย ร่วงลงโปรยบนร่างนางวาที่นอนนิ่งอยู่ที่พื้น
ปริตาตกใจ ปริเทพและลัดดาวัลย์รีบเข้าไปประคองนางวา
หมวกนางวาหลุดออกจากศรีษะ พร้อมกับวิกผม เผยให้เห็นศีรษะที่ล้านเพราะการฉายคีโมรักษามะเร็ง
รัญชิตาและปัทมาศวิ่งเข้ามาหาปริตาทันที
“อ้อม รีบพาแม่เธอไปรถฉัน ฉันจะขับไปส่งโรงพยาบาล”
ทุกคนรีบพาร่างนางวาออกไป ขณะที่ตรัยเดินเข้ามาอีกทาง หวังได้พบผู้หญิงทั้งสามคน
จบตอนที่1