กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 3
พริดาเดินคุยกับดอกแก้วด้วยความสะใจ
“เสียดายที่ยัยมิ้นท์ไม่โดนไฟครอกตายซะ”
“เล่นแรงอะ ยัยอ้อมก็เลยซวย ต้องมารับกรรมแทน”
พริดาที่เจ็บแค้นปริตา เพราะสมภพและนักข่าวให้ความสนใจ
“มันก็สมควรแล้วล่ะ ดันแย่งซีนมาเด่นเกินฉัน”
“พอลลี่”
พริดาหันกลับไปตามเสียง ก็ถูกรัญชิตาใช้ช่อดอกกุหลาบสีแดงที่ตรัยมอบให้ฟาดเข้าเต็มหน้า
ปริตาและปัทมาศวิ่งเข้ามาห้าม
“พวกแกไม่เกี่ยว นี่เป็นเรื่องระหว่างฉันกับมัน”
“เดี๋ยวนักข่าวมาเห็น เธอจะพลอยเสียไปด้วยนะ”
รัญชิตาสวนทันที “อย่ามาทำพูดดีปกป้องฉัน เมื่อกี้ที่ทุกคนเข้าใจฉันผิด ก็เพราะเธอ”
ปริตาอึ้ง รับรู้ได้ว่ารัญชิตาไม่พอใจเธอ ดอกแก้วที่เข้าไปดูแลพริดา ตกใจที่เห็นเลือดซิบ
พริดาพุ่งเข้าไปตบตีกับรัญชิตา ชาญวุฒิและต้อยติ่งตะโกนห้ามแต่ไกล
พริดายื่นหน้าให้เห็นรอยแผล เพื่อฟ้องชาญวุฒิ
“พี่ชาญต้องให้มันรับผิดชอบพอลลี่”
“พี่อยู่วงการนี้มานาน พี่พอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบนเวทีแคทวอร์ค สั้นๆง่ายๆ มันเป็นกฎแห่งกรรม”
พริดาไม่พอใจ “พี่ชาญเข้าข้างมัน”
ชาญวุฒิตัดบท “พวกเราเป็นเด็กในความดูแลพี่ กินข้าวหม้อเดียวกัน พี่ไม่อยากเห็นเรื่องแบบนี้อีก จบ รีบไปจัดการตัวเอง นักข่าวรอนานแล้ว”
ดอกแก้วรีบดึงตัวพริดาออกไป
ฝ่ายปริตาก็รีบเข้าไปถามรัญชิตา
“มิ้นท์ ฉันทำอะไรให้เธอไม่พอใจรึเปล่า”
รัญชิตามองหน้าปริตาแล้วเดินไปที่ห้องแต่งตัว
“มิ้นท์คงโกรธพอลลี่ ไม่มีอะไรหรอกอ้อม”
ปัทมาศพูดปลอบใจ แล้วรีบพาปริตาตามเข้าไปในห้องแต่งตัวที่รัญชิตานั่งแต่งหน้าเพิ่มเติมที่หน้ากระจก พลางปรายตามองปริตาและปัทมาศ ที่นั่งนั่งแต่งหน้าอยู่อีกด้าน พลางคิดอะไรบางอย่าง
ดอกแก้วถือซองใส่เงินเข้ามายื่นให้พริดา พลางหยิบทิชชู่จะเข้าไปเช็ดเลือดให้ แต่กลับถูกปัดมือออกก่อนที่พริดาจะกดมือถือหาสมภพ
“คุณสมภพคะ พอลลี่มีข่าวค่ะ”
“ขอบใจเธอมาก ที่รักของฉัน”
สมภพวางโทรศัพท์ นักข่าวที่ชื่ออิสเบลล่าเดินเข้ามาหา
“บอสยิ้มอย่างนี้ มีอะไรให้อิสเบลล่าคุ้ยเขี่ยคะ?”
สมภพยิ้มเจ้าเล่ห์ “งานนี้เขี่ยให้ทะลวงถึงตับไตไส้ปอดเลย”
“จะไม่แถลงข่าวสักหน่อยเหรอครับ ว่าเมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้น อุบัติเหตุ? หรือเจตนา?”
นักข่าวคนหนึ่งถามชาญวุฒิ หลังจากที่ถ่ายภาพหมู่นายแบบ นางแบบ และผู้สนับสนุนการจัดงานเรียบร้อยแล้ว
“อิสเบลล่าได้ข่าวมาว่า มีเรื่องผิดใจกันเพราะแย่งชิงผู้ชาย และผู้ชายคนนั้นก็คือคุณตรัย”
ตรัยตั้งรับแทบไม่ทัน แต่ก็รู้ดีว่าเป็นเกมของสมภพ
“นักข่าวคุณสมภพเก่งนะครับ รอบรู้ไปซะทุกเรื่อง ผมว่าข่าวชิงรักหักสวาท มันไม่สร้างสรรค์ คุณสมภพคงไม่ชอบขายข่าวขยะ”
สมภพเสียหน้าแต่ก็พยายามเก็บอาการ
“ใช่ครับ ผมไม่สนใจ แต่คงขัดใจคนอ่านไม่ได้ และที่สำคัญ แหล่งข่าวยืนยันว่ามีมูล งั้นเราก็มาฟัง
ความจริงจากปากพวกเธอดีกว่าครับ”
นักข่าวหันมามองทางรัญชิตา ปริตา และปัทมาศที่ยืนอยู่ด้วยกัน พริดากับดอกแก้วยืนมองด้วยความสะใจ
“ว่าไงคะ เป็นเรื่องจริงรึเปล่าคะ?”
รัญชิตาเชิดหน้า “มันจะจริงได้ไงคะ เราสามคนเป็นเพื่อนรักกัน”
พลางหันไปยิ้มให้ปริตาและปัทมาศ ทั้งสองยิ้มตอบ
“แต่ก็เคยผิดใจกัน เพราะน้องปัทมาศหลงรักคุณตรัย ในช่วงที่น้องปัทมาศไปฝึกงาน”
นักข่าวต่างจับจ้องไปที่ปัทมาศ จนเธอทำตัวไม่ถูก ปริเทพรีบเดินเข้ามา พูดปกป้อง
“คงเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันนะครับ น้องดาวไม่เคยคิดอะไรกับคุณตรัย น้องดาวเป็นแฟนผมครับ”
ปัทมาศตกใจ แต่ก็แก้ตัวไม่ได้ เพราะไม่อยากตกเป็นข่าว
อิสเบลล่ารีบพุ่งไปที่ปริตา
“แล้วน้องปริตาล่ะคะ? ถูกน้องมิ้นท์ผลักล้มกลางเวที เพราะน้องมิ้นท์หึงหวงคุณตรัยใช่มั้ยคะ?” พลศิษฎ์เข้าไปยืนข้างปริตา
“ผมว่าแหล่งข่าวเชื่อถือไม่ได้แล้วล่ะครับ อ้อมกับน้องสาวผม รักกันมาก ไม่มีทางเกิดเรื่องอย่างนั้นแน่นอนครับ และตัวผมเอง ก็คบหากับอ้อมครับ”
พูดพลางโอบกอดปริตา ตรัยกับชาลินีมองอย่างไม่พอใจ
รัญชิตาพูดเสริม “คุณตรัยเองก็ไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้ เขารู้ว่าเราทั้งสามคนเป็นเพื่อนรักกัน และที่สำคัญ มิ้นท์กับคุณตรัยกำลังจะแต่งงานกันค่ะ”
ตรัยตกใจ ปริตาหันไปมองปัทมาศที่ยืนน้ำตาคลอ
“มิ้นท์ เธอพูดเล่นใช่มั้ย?”
รัญชิตาไม่ตอบ แต่หันกลับไปยิ้มให้นักข่าว
“มิ้นท์ได้วันที่แน่นอน มิ้นท์จะแจ้งพี่ๆอีกครั้งนะคะ”
“ ดิฉันต้องขอโทษด้วยค่ะ ไม่ทันได้ปรึกษาหารือ เห็นว่าลูกของเรารักใคร่ชอบพอกัน ดิฉันจึงบอกให้หนูรัญชิตาแจ้งข่าวค่ะ”
รัญชิตายิ้มพอใจที่เสาวลักษณ์สวมรอยตามน้ำกับเธอ จากนั้นเสาวลักษณ์ก็หันไปมองชาลินี ต้องการแสดงให้เห็นว่าเธอยินดีรับรัญชิตาเป็นลูกสะใภ้
“ไม่มีใครคิดจะถามผมเหรอครับ? ว่าผมยินยอมแต่งงานรึเปล่า?”
ตรัยโพล่งขึ้นมาอย่างเหลืออด
“คุณตรัยว่าไงคะ?”
นักข่าวถามต่อ ปริตามองลุ้น หวังให้ตรัยตอบปฎิเสธ
ตรัยหันไปมองปริตา รู้ดีว่าเธอไม่อยากให้เขาแต่งงานกับรัญชิตา
“ผมจะแต่งงานกับเธอครับ”
ปริตาตกใจ ขณะที่ รัญชิตายิ้มพอใจ ปัทมาศได้ฟังจากปากตรัยก็ผิดหวังและเสียใจ ปริเทพ เข้ามากุมมือไว้
“แต่การแต่งงานไม่ควรเร่งรัดเกินไป เราจะหมั้นหมายกันไว้ก่อน”
จากนั้นตรัยก็ เดินเข้าไปหาปริตา
“ก่อนจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ผมขออนุญาตเคลียร์กับคนรักเก่าก่อนนะครับ”
พูดพลางจูงมือปริตาออกไปจากงานทันที ปริตาตกใจ รัญชิตามองตามอย่างไม่เข้าใจ ปัทมาศยิ่งเสียใจ เดินหนีออกไปจากงาน ปริเทพรีบตามปัทมาศไป
พลศิษฎ์กับรัญชิตาจะตามไป แต่ชาลินีเข้ามาดึงตัวไว้ทั้งคู่
“จะตามไปให้นักข่าวมันพาดหัวศึกชิงผู้ชายรึไง? ยังไงคุณตรัยก็เลือกแกแล้ว รักษาหน้าไว้”
ปัทมาศเดินหนี ร้องไห้ออกมาจากบริเวณงาน พริดาที่ดักอยู่รีบปราดเข้ามาทำทีเป็นพูดอย่างห่วงใย
“ฉันเสียใจด้วยนะดาว ฉันสงสารเธอจริงๆ จะมีไหม เพื่อนสักคน ที่เราจะรักและไว้ใจได้”
ปัทมาศยืนคิดตาม ก็ยิ่งเสียใจและโกรธรัญชิตา
“น้องดาว”
พริดาหันไปเห็นปริเทพเข้ามาก็เดินผละออกไป
ปริตาสะบัดมือตรัยที่ลากมือเธอออกมาที่หน้างาน
“คุณปล่อยฉันได้แล้ว คุณทำอะไร?”
ตรัยยิ้มยั่ว “ ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะหึงฉันมากขนาดนี้”
“เลิกพูดเล่นได้แล้ว คุณกำลังทำให้ทุกคนเข้าใจฉันผิด”
“รึเธอจะปฎิเสธว่าเราไม่เคยรักกัน?”
ปริตานิ่งอึ้ง เพราะลึกๆ ในใจก็เคยชอบตรัย แต่การกระทำของเขา ทำให้เธอตัดใจไปแล้ว
“ทุกอย่างมันจบแล้ว แล้วมันก็จะไม่เกิดขึ้นอีกฆ”
พูดจบก็จะเดินหนีไป แต่ตรัยเข้าไปดึงตัวมากอดไว้
ปริตาพยายามผลักและกัดตรัยเต็มแรง แล้วจะวิ่งหนีออกไป แต่กลับถูกดึงตัวไว้อีก เธอจะผลักออก แต่กลับพลาดล้มกระแทกกับพื้น ตรัยรีบเข้าไปดูแลปริตาด้วยความห่วงใย
ปริตามองท่าทีตรัยที่เข้ามาดูแลเธอ อย่างแปลกใจ
“คุณออกไปเถอะ ฉันไม่อยากให้ใครมาเห็นแล้วเข้าใจผิดอีก”
“แคร์คนอื่น รึแฟนเธอกันแน่?”
ปริตารู้ว่าตรัยหมายถึงพลศิษฎ์
“ฉันจะแคร์ใครมันก็เรื่องของฉัน นี่คุณ ฉันขอร้องเถอะ อย่าดึงฉันไปอยู่ในเกมของคุณ”
“งั้นเธอก็ไปบอกเพื่อนเธอ อย่าใช้วิธีนั้นกับฉัน”
“แล้วทำไมคุณไม่ปฎิเสธ ทั้งที่คุณก็ทำได้?”
ตรัยยิ้มเย้ย “ฉันอยากแกล้งเธอ”
“แกล้งฉัน? ด้วยการยอมแต่งงานกับคนที่คุณไม่ได้รัก?”
“แล้วใครบอกว่าฉันจะแต่ง ทั้งเพื่อนเธอและแม่ฉัน จงใจมัดตัวฉัน ฉันไม่ใช่ตัวละครที่จะยอมให้ใครมาเชิดเล่นง่ายๆ ฉันก็ช่วยเขียนบทละครขึ้นมาใหม่ ฉันถ่วงเวลาด้วยการหมั้น แต่พอถึงเวลา ฉันก็ถอนตัว ละครมันก็จบ”
ปริตาถึงกับอึ้ง
“คุณมันบ้าไปแล้ว คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังทำร้ายใครบ้าง ? ความรู้สึกของมิ้นท์ คุณทำร้ายดาว คุณทำให้สองคนนั่นต้องผิดใจกันอีก แล้วที่สำคัญ คุณก็ทำร้ายทั้งชื่อเสียงและความรู้สึกของแม่คุณ?”
ตรัยสวนขึ้นทันที “นั่นแหล่ะคือสิ่งที่ฉันต้องการ”
พูดพลางมองไปด้านหนึ่ง เห็นเสาวลักษณ์เดินออกไปกับบอล ก็ไม่พอใจ รีบผลักปริตาออก แล้วเดินตามเสาวลักษณ์ไปทันที
ปริเทพเข้ามาหาปัทมาศ ก่อนจะพูดเชิงให้เธอตัดใจจากตรัยแล้วมาเริ่มต้นใหม่กับเขา
“พี่เทพก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ คุณแม่ดาวไม่ยอม”
ปริเทพสวนขึ้น
“ทุกอย่างมันขึ้นอยู่ที่ตัวน้องดาว น้องดาวต้องเปิดใจให้พี่นะคะ พี่จะไม่ทำให้น้องดาวเสียใจหรือร้องไห้”
ปัทมาศตัดสินใจ “หากดาวทำให้พี่เทพเข้าใจผิด ดาวขอโทษค่ะ ดาวไม่เคยคิดกับพี่เทพเกินกว่าพี่ชาย”
พูดพลางจะเดินออกไป ปริเทพรีบคว้ามือไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พี่ต้องทำยังไงน้องดาวถึงจะรักพี่ บอกพี่มาสิ พี่ต้องทำยังไง?”
ปริเทพ พยายามกอดจูบปัทมาศ พัชรินทร์เดินมา รีบปราดเข้าไปกระชากตัวปริเทพออก
“ปล่อยลูกสาวฉัน”
จากนั้นก็ตบหน้าปริเทพอย่างแรง จนปัทมาศตกใจ
“คุณพี่ดูเหนื่อยมากนะครับ ผมไปส่งนะครับ”
เสาวลักษณ์ยิ้มตอบ พลางยื่นส่งกระเป๋าและกุญแจรถให้บอล
“ขอบใจบอลมาก”
พูดพลางเข้าไปหอมแก้ม บอลยิ้มตอบ แล้วเข้าไปจับมือเสาวลักษณ์เดินไปที่ลานจอดรถ ตรัยยืนมองด้วยความไม่พอใจ
ปริตาเดินเข้ามาด้านหลัง ก็พอจะเข้าใจ ตรัยหันมาเห็นปริตาก็หันไปโวยวายใส่
“นี่ไง คุณแม่ผู้มีพระคุณ เขาทำกันอย่างนี้เหรอ?”
“ฉันไม่รู้ว่าคุณเจออะไรมาในชีวิต แต่คุณจะเอาปัญหาของคุณ มาทำร้ายคนอื่นไม่ได้”
ตรัยไม่สนใจ จะเดินตามไปเพื่อเล่นงานบอล
“คุณตรัยฉันขอร้องล่ะ คุณไม่ได้รักมิ้นท์ คุณไม่ได้รักดาว คุณก็หยุดเถอะ ไม่มีใครต้องเสียใจกับเรื่องนี้”
ตรัยหันขวับมา
“ไปนอนกับฉันแค่ครั้งเดียว แล้วฉันจะหยุดเกมนี้”
ปริตาตบหน้าตรัยด้วยความโกรธ “ฉันจะให้มิ้นท์ถอนหมั้น เลิกยุ่งกับคุณ”
“คิดจะเอาชนะฉันได้ก็ลองดู”
ตรัยมองปริตาที่เดินออกไป แล้วหันกลับไปมองทิศทางที่เสาวลักษณ์ออกไปกับบอล
พัชรินทร์ตบหน้าปัทมาศเต็มแรง
“เธอโกหกฉัน เธอดื้อกับฉัน ใครสอนให้เธอทำอย่างนี้?”
ปัทมาศเอาแต่ร้องไห้ พูดไม่ออก
“คุณอาครับ อย่าตำหนิน้องดาวเลย ผมผิดเอง ผมขอรับผิดชอบทุกอย่าง ผมจะให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอน้องดาวครับ”
ปัทมาศตกใจ พัชรินทร์มองปริเทพอย่างเหยียดๆ
“เธอเคยบอกว่ารักลูกสาวฉันด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่เธอใช้กำลังขืนใจลูกสาวฉัน สิ่งที่เธอทำมันไม่ต่างจากอาชญากร”
จากนั้นก็ตบหน้าซ้ำ ปริเทพพยายามจะอธิบาย ปัทมาศรีบพูดแทรกขึ้นมา
“พอเถอะพี่เทพ ดาวขอร้อง พี่เทพออกไป แล้วเราไม่ต้องเจอกันอีก พี่รักดาว ก็อย่าทำให้ชีวิตดาวมีปัญหาอีกเลย”
ปริเทพสะเทือนใจจนพูดไม่ออก รีบเดินออกไปทันที ปัทมาศร้องไห้เสียใจ
“ต่อไป ไม่ว่าเธอไปไหน? ทำอะไร? เธอต้องอยู่ในความควบคุมของฉัน กลับไปกับฉัน”
พูดจบพัชรินทร์ก็เดินนำไป ปัทมาศมองตาม แล้วตัดสินใจ วิ่งหนีไปอีกทาง
บอลขับรถเข้ามาจอด แล้วลงมารับเสาวลักษณ์ที่ยืนรออยู่ ทันใดนั้นตรัยก็พุ่งเข้ามาต่อยอย่างแรง จนบอลล้มลง
“ตรัย หยุดเดี๋ยวนี้นะ บอลเป็นยังไงบ้าง?”
ตรัยต้องหน้าบอลย่างเกลียดชัง
“แกอย่ามาแตะต้องสมบัติของครอบครัวฉัน” พลางโยนเงินให้บอล “เงินค่าถือกระเป๋า แล้วไปหาเหยื่อรายอื่น อย่ามายุ่งกับคุณแม่ฉันอีก”
กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 3 (ต่อ)
เสาวลักษณ์หันมาตวาดใส่ตรัย
“แกจะมากไปแล้วนะ บอลเป็นคนของฉันแกไม่มีสิทธิ์มาดูถูกเขา”
“คุณแม่ก็อย่ามาบงการชีวิตผม ผมจะไม่แต่งไม่หมั้นกับผู้หญิงของคุณแม่”
ตรัยสวนกลับ ก่อนที่จะขับรถออกไปอย่างเร็ว เสาวลักษณ์มองตามอย่างไม่พอใจ
ปัทมาศวิ่งร้องไห้หนีพัชรินทร์ออกมา ปริตาเดินผ่านมา เห็นปัทมาศวิ่งหนีไปทางถนน ก็ตกใจและเป็นห่วง
ตรัยขับรถมองไปตรงหน้า เห็นปัทมาศวิ่งเข้ามาขวาง ก็ตกใจรีบเบรครถ ปริตาวิ่งตามมา เห็นรถกำลังจะพุ่งชนปัทมาศก็ตกใจ
ปัทมาศยืนตัวสั่นด้วยความตกใจกลัวและร้องไห้ไม่หยุด ตรัยเปิดประตูรถ แล้ววิ่งเข้าไปหา
“ดาว เธอเป็นอะไรรึเปล่า?”
“คุณตรัย ช่วยดาวด้วย พาดาวไปจากที่นี่”
ปัทมาศพูดพลางร้องไห้ด้วยความตกใจและอยากหนีพัชรินทร์ ตรัยตัดสินใจจูงมือพาเธอไปที่ด้านฝั่งคนนั่ง
ปริตารีบวิ่งมาและตะโกนเรียก
“ดาว อย่าไปนะ”
ปัทมาศหันไปมองเห็นปริตากำลังจะวิ่งเข้ามา ก็รีบเข้าไปนั่งในรถ ตรัยหันไปยิ้มเย้ยปริตา แล้วปิดประตูวิ่งไปด้านคนขับ ก่อนจะออกรถไปด้วยความเร็ว
ปริตาร้องเรียกเสียงหลง “ดาว กลับมา”
พลางยืนมองด้วยความเป็นห่วง จังหวะเดียวกับที่รัญชิตาเดินเข้ามาด้านหลัง
“คุณตรัยอยู่ไหน? คุณตรัยออกมาคุยกับเธอ ตอนนี้คุณตรัยอยู่ไหน ฉันอยากเจอคุณตรัย”
ปริตาอึกอัก “คุณตรัยไปแล้ว ออกไปกับดาว?”
“อะไรของเขาเนี่ย แกโทรหายัยดาวด่วนเลย ฉันจะโทรหาคุณตรัย”
ตรัยขับรถมาถึงจอดที่ด้านหน้าคอนโด ปัทมาศมองหน้าจอมือถือ เห็นรูปปริตาโทร. เข้ามา พร้อมๆ กับที่รัญชิตาโทร. มือถือหาตรัย
ปัทมาศกับตรัยหันมามองหน้ากัน อย่างตัดสินใจ
ปริตาบอกรัญชิตาอย่างร้อนใจ
“ดาวไม่รับสาย”
“แกโทรไปอีก โทรไปจนกว่ายัยดาวจะรับ”
ปริตากดโทร. ซ้ำอีก พร้อมกับที่รัญชิตาก็พยายามโทร.หาตรัย
“คุณตรัยก็ไม่รับสายฉัน รึยัยดาวคิดแย่งคุณตรัย”
“แกอย่าเพิ่งคิดมากสิ ดาวไม่ทำอย่างนั้นหรอก”
“ยัยดาวอาจโกรธที่ฉันประกาศแต่งงานกับคุณตรัย เหมือนที่ฉันโกรธแก ที่แกคิดแย่งคุณตรัยไปจากฉัน”
ปริตารีบบอกทันที “มิ้นท์ ฉันไม่เคยคิดอะไรกับคุณตรัยเลยนะ”
“ถ้าแกจริงใจ แกต้องช่วยฉันตามตัวยัยดาวมาถามให้รู้เรื่อง”
จากนั้นทั้งคู่ก็มาคาดคั้นถามกับศิโรจน์
ตรัยถือแก้วเหล้ามายื่นให้ ปัทมาศส่ายหน้า
“เธอสบายใจแล้วบอกฉัน ฉันจะไปส่งกลับบ้าน”
ปัทมาศรีบห้าม
“อย่านะคะ ดาวยังไม่อยากกลับบ้าน คุณแม่โกรธดาว คุณแม่จะบังคับไม่ให้ดาวไปไหนอีกแล้ว ดาวก็จะไม่ได้เจอคุณ”
ตรัยได้ฟัง ก็ปัทมาศพูด ก็นึกสงสาร
“เธอหนีปัญหาไม่ได้หรอก เธอควรไปปรับความเข้าใจกับแม่เธอ”
พูดพลางจะเดินออกไป ปัทมาศลุกขึ้นมาแล้วกอดตรัยจากด้านหลัง
“คุณตรัยไม่รักไม่สงสารดาวเหรอคะ”
ตรัยเอามือปัทมาศออก แล้วหันมามองด้วยความแปลกใจ
“เธอบอกไม่มีใจให้ฉันแล้วไง?”
“อ้อมขอให้พวกเราเลิกคบกับคุณ ดาวเองก็ไม่อยากเสียเพื่อน แต่มิ้นท์กลับไม่รักษาคำพูด จะแต่งงานกับคุณ คุณตรัยคะ ดาวรักคุณนะคะ”
ปัทมาศระบายความในใจพร้อมกับร้องไห้ไม่หยุด พลางจ้องมองตรัยที่เช็ดน้ำตาให้เธอด้วยความรัก
“กลับเถอะ”
ตรัยจับมือปัทมาศ เพื่อจะพาเดินออกไป แต่เธอกลับรั้งมือเขา ก่อนจะยื่นหน้าไปหาจูบตรัย
ขณะเดียวกับที่รัญชิตากับปริตา และศิโรจน์กำลังก้าวไปยังห้องตรัยด้วยความรีบเร่ง
ตรัยมองปัทมาศด้วยความสงสาร ก่อนเช็ดน้ำตาอีกครั้ง แล้วก็ตัดสินใจจูบตอบ พร้อมกับ ประคองเธอล้มลงไปที่โซฟากลางห้อง
รัญชิตาเปิดประตูห้องคอนโดเข้ามา แต่กลับไม่พบใคร ปริตากับศิโรจน์เดินตามเข้ามา
“พนักงานบอกว่าคุณตรัยขับรถมา แต่ก็เลี้ยวออกไปครับ”
“แล้วคุณตรัยไปที่ไหน?”
ศิโรจน์ส่ายหน้า “ผมไม่รู้จริงๆครับ สาบานให้ฟ้าผ่าตายได้เลยครับ”
“ทำอะไรสักอย่างสิ ฉันอยากรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน?”
“ครับๆ เดี๋ยวผมจะโทรตามให้ครับ”
ศิโรจน์เดินออกไป รัญชิตาโกรธมากที่ไม่เจอตัวตรัยและปัทมาศ.
ที่แท้ตรัยพาปัทมาศมาพักที่โรงแรม ไม่ใช่คอนโดของเขา
พริดาเดินยิ้มเข้ามาหาสมภพภายในห้องโรงแรม
“ฉันนึกว่าเธอจะไม่มา?”
“พอลลี่ไม่ใช่คนอกตัญญูคนค่ะ ใครที่ดีกับพอลลี่ พอลลี่จะรักและบูชา”
สมภพมองรอยแผลที่แก้ม และเนื้อตัวช้ำที่เขียวช้ำของพริดา
“เธอคงจะเจ็บมาก ฉันจะทำแผลให้ แอลกอฮอล์ช่วยฆ่าเชื้อได้”
สมภพเอาเหล้าราดรดที่หน้า พริดาตกใจ เพราะแสบที่บริเวณหน้า
“พอลลี่เจ็บค่ะ”
สมภพไม่พอใจเขวี้ยงแก้วทิ้ง “ทนไม่ได้ก็ออกไปซะ”
พริดาเดินตรงไปหยิบขวดเหล้าขึ้นมา
“พอลลี่ทนเพื่อคุณได้ค่ะ”
จากนั้นก็หยิบขวดเหล้าแล้วราดตัวเอง สมภพมองด้วยความพอใจ
“เนื้อตัวเธอเปียกหมดแล้ว ฉันจะช่วยเช็ดให้”
สมภพดึงขวดเหล้าทิ้งลงพื้น พร้อมๆ กับเสื้อผ้าของพริดาที่ถูกถอดโยนลงมากองข้างขวดเหล้า
ปริตาประคองรัญชิตาเข้ามาในห้องนอน
“อ้อม แกยังดีกับฉันอีกเหรอ? ทั้งที่ฉันโกรธแก เกือบทำให้แกโดนไฟครอก”
“เพราะฉันรู้ว่าแกไม่ได้ตั้งใจ และแกก็เป็นเพื่อนฉัน”
รัญชิตาได้ฟังก็ยิ่งเสียใจ แล้วก็ร้องไห้ออกมา
“แกรู้ไหม? ทำไมฉันถึงประกาศแต่งงานกับคุณตรัย? ฉันเห็นเขาบอกรักแก ฉันกลัวเสียเขาไป อ้อมแกอย่าแย่งเขาไปนะ”
ปริตาพยักหน้ารับคำ
“แกต้องไปบอกดาว ให้ดาวเลิกยุ่งกับคุณตรัยด้วย แกเป็นเพื่อนที่ฉันไว้ใจที่สุด แกต้องอยู่ข้างฉันนะ”
รัญชิตาจับมือขอร้อง ปริตายิ้มตอบ
“แกนอนเถอะ ฉันเชื่อว่าดาวไม่ได้คิดอย่างนั้น พรุ่งนี้เราต้องเจอดาว ได้เคลียร์กัน ฉันเองก็มีเรื่องที่ต้องคุยกับแก”
ปริตาดึงผ้าห่มห่มให้ รัญชิตาค่อยๆ หลับตาลงอย่างอ่อนแรง
พอปริตาเดินออกมาจากห้องนอนขงรัญชิตา พลศิษฎ์เข้าไปถามด้วยความห่วงใย
“มิ้นท์เป็นยังไงบ้าง?”
“หลับแล้วค่ะ อ้อมฝากพี่มาร์ทช่วยดูแลหน่อยนะคะ อ้อมไม่อยากให้มิ้นท์คิดมาก”
“พี่ขอโทษด้วยนะที่ทำให้อ้อมเดือดร้อน ทั้งๆที่อ้อมไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย”
“มิ้นท์เป็นเพื่อนอ้อม มีอะไรที่อ้อมช่วยได้อ้อมก็ต้องช่วยค่ะ”
พลศิษฎ์พยักหน้า
“พี่ไม่เชื่อหรอกว่าอ้อมรักคุณตรัย อ้อมไม่ชอบผู้ชายแบบนั้น แล้วอ้อมก็ไม่เคยคิดทำร้ายจิตใจเพื่อน”
ปริตายิ้ม แล้วเดินออกไป พลศิษฎ์มองตาม ด้วยความรักและห่วงใยปริตา
พัชรินทร์เดินกลับบ้านหลังจากออกตามหาปัทมาศทั้งคืน ป้าอรรีบวิ่งเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง “รินทร์เจอดาวไหม?”
พัชรินทร์ส่ายหน้า “ฉันไปหาบ้านเพื่อนก็ไม่เจอ ฉันเพิ่งไปแจ้งความ”
“พี่เตือนรินทร์แล้วว่าอย่ากดดันลูกมาก”
“แค่นี้ฉันก็ทุกข์พอแล้วนะพี่อร”
“ดาวไม่เคยทำตัวเหลวใหลแบบนี้ รึว่าดาวจะหนีไปเหมือนกับ....”
ป้าอรจะพูดถึงพ่อของปัทมาศที่หนีไป พัชรินทร์ไม่พอใจ รีบเดินเข้าบ้านไป
ป้าอรรู้ดีว่าพัชรินทร์ห่วงลูกมาก รีบยกมือไหว้ภาวนา
“ขอให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองด้วยเถอะ ดาวจะทำอะไร ให้คิดถึงหัวอกแม่ด้วยนะลูก”
ปริตาถึงกับชะงักที่เห็นเสาวลักษณ์มาหาเธอถึงบ้าน
“คุณหญิง”
ตรัยขับรถเข้ามาจอดที่กลางซอยบ้านเธอ
“ตรงไปอีกหน่อยก็ถึงบ้านดาวแล้วค่ะ”
“ฉันส่งเธอตรงนี้นะ”
ปัทมาศแอบผิดหวัง “ดาวคิดว่าคุณตรัยอยากเจอคุณแม่ดาว คุณตรัยจะได้ช่วยพูดกับคุณแม่”
“ขอโทษด้วย ฉันมีงานด่วนต้องรีบไปเคลียร์”
“ค่ะ ดาวไม่กวนใจคุณตรัยค่ะ”
ตรัยยิ้มตอบ แต่ปัทมาศยังไม่ยอมลงจากรถ
“ฉันต้องไปแล้วล่ะ”
“เสร็จธุระแล้วโทรหาดาวนะคะ”
ตรัยพยักหน้ารับ ปัทมาศลงไปจากรถ แล้วเดินออกไป
ตรัยมองตาม แล้วก็ยิ้มในความไร้เดียงสาและอ่อนโยนของปัทมาศ โดยที่เขาไม่เคยคิดจริงจังกับเธอเลย พลันเสียงมือถือก็ดังขึ้นมา
“ว่าไง?”
ศิโรจน์ยืนคุยโทรศัพท์ที่หน้าบ้านลัดดาวัลย์ กังวลใจที่เสาวลักษณ์บุกมาหาปริตา
“ท่านประธานบุกมาหาน้องอ้อมถึงบ้านเลย บอสช่วยมาห้ามศึกหน่อยครับ ไม่งั้นน้องอ้อมโดนถล่มยับ
ตรัยวางโทรศัพท์ แล้วรีบขับรถออกไปทันที
ปัทมาศยืนมองที่มุมหนึ่ง มีความสุขที่ได้อยู่กับตรัย พร้อมคาดหวังว่าเขาจะยอมรับเธอเป็นคู่รัก
“ฉันเข้าเรื่องเลยแล้วกัน ลูกชายฉันอยู่ที่ไหน ?”
เสาวลักษณ์พูดเข้าประเด็นแบบไม่อ้อมค้อม
“อ้อมไม่ทราบค่ะ”
“เธอไม่รู้ได้ยังไง ลูกชายฉันลากเธอออกไปคุย”
“นั่นมันเกิดขึ้นก่อนที่คุณตรัยจะเห็นคุณอยู่กับผู้ชายของคุณค่ะ”
เสาวลักษณ์แปลกใจที่ปริตารู้เห็นภาพที่เธออยู่กับบอล
“แล้วอ้อมน่าจะฝ่ายถามคำถามนี้ เพราะลูกชายคุณหญิงพาเพื่อนอ้อมหายไป”
“ถ้าฉันรู้ฉันคงไม่ลดตัวมาหาเธอที่นี่”
“ในเมื่อเราต่างไม่ได้คำตอบที่ต้องการ เชิญคุณหญิงค่ะ”
เสาวลักษณ์มองปริตาอย่างไม่พอใจ
“ ฉันจะไม่ไปจนกว่าจะได้บอกเธอฝากบอกเพื่อนเธอด้วย การไปค้างคืนกับลูกชายฉัน ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยอมรับเป็นลูกสะใภ้ ฉันถือว่ารักสนุก ฉันไม่รับผิดชอบเรื่องแบบนี้ ผู้หญิงที่เขาจริงจังด้วยคือหนูรัญชิตา ไม่ใช่ผู้หญิงใจง่าย รวมถึงเธอด้วย”
เสาวลักษณ์จงใจตอกหน้าปริตา แล้วลุกขึ้นจะเดินออกไป
“อ้อมก็ขอบอกด้วยเหมือนกันค่ะ อ้อมไม่ยอมให้รัญชิตาใช้ชีวิตกับคนเห็นแก่ตัว อ้อมจะขวางการแต่งงานทุกวิถีทาง”
ตรัยขับรถเข้ามาจอด แล้วรีบเดินตรงเข้าไปยังบริเวณบ้านของลัดดาวัลย์ ขณะที่เสาวลักษณ์เดินกลับมาพุดใส่หน้าปริตา
“ฉันลืมไป เธอเองก็อยากได้ลูกชายฉันจนเนื้อตัวสั่น ยังไม่มีงานทำ พ่อคอยไถเงิน ไหนจะต้องหาเงินซื้อบ้าน แล้วจะมีวิธีไหนที่จะรวยได้ในพริบตาถ้าไม่จับลูกชายฉัน ผู้หญิงมักง่ายรักสบายก็คิดอย่างนี้ทั้งนั้น”
“คุณหญิงกำลังดูถูกฉันนะคะ”
ตรัยเดินเข้ามาหยุดฟังที่มุมหนึ่ง เสาวลักษณ์หยิบสมุดเช็คออกมาเขียนตัวเลขสองแสน แล้วยื่นให้ปริตา
“เงินสองแสนค่าดาวน์ที่ดินของเธอ เอาไปขึ้นเงินซะ แล้วอย่ามายุ่งกับลูกชายฉันอีก”
ตรัยมองปริตาที่ยอมยื่นมือไปรับเงินของเสาวลักษณ์ ด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเดินหนีออกไป แล้วขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
ปริตายืนมองเช็คในมือ จะยื่นคืนให้ แต่เสาวลักษณ์รีบพูดแทรกขึ้นมา
“คนฉลาดเท่านั้น รู้ว่าต้องทำยังไง”
เสาวลักษณ์ยิ้มเยาะแล้วเดินออกไป ปริตายืนมองเช็คในมือ ลัดดาวัลย์เข้ามาถามด้วยความสงสัย
“อ้อมมีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่า?”
“ ไม่มีอะไรค่ะน้า สายแล้ว อ้อมเข้าไปทำกำข้าวให้น้ากินนะคะ”
ลัดดาวัลย์มองตามด้วยความเป็นห่วง
กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 3 (ต่อ)
ทันทีที่เสาวลักษณ์เดินเข้ามาในบ้าน ตรัยก็ปราดเข้าไปยืนดักหน้า
“งวดนี้หมดไปเท่าไหร่ครับ สองแสน สาม สี่ห้า รึว่าหก?”
เสาวลักษณ์พยายามจะเดินเลี่ยงไป แต่ตรัยยังพูดต่อ
“คุณแม่เลิกเอาเงินฟาดหัวคนอื่นซะที”
“ฉันทำทุกอย่างเพื่อแก”
“คุณแม่ใช้เงินซื้อทุกอย่างที่คุณแม่ต้องการ แม้กระทั่งใจคน แล้วยังคิดใช้เงินกำจัดคนที่คุณแม่ไม่ต้องการ ผมถามจริงเถอะ ในชีวิตนี้คุณแม่เคยรักใครบ้างนอกจากตัวเอง?”
เสาวลักษณ์จ้องหน้าลูกชายด้วยความไม่พอใจ
“ที่แกยืนด่าฉันฉอดๆ เพราะต้องการปกป้องปริตา แกรักมันใช่มั้ย?”
ตรัยนิ่งคิดแล้วตอบ “ไม่ครับ แต่ต่อไปไม่แน่ ผู้หญิงคนนั้นคือความท้าทาย และที่สำคัญคุณแม่ก็รู้นี่ครับ ผมไม่ชอบผู้หญิงที่คุณแม่จัดใส่จาน แล้วผมก็ไม่ชอบที่เธอประกาศแต่งงาน ไม่ถามผมสักคำ”
“อย่าไปต่อว่าหนูรัญชิตาเลย ถึงเธอไม่พูดออกสื่อ ฉันก็ตั้งใจทำอย่างนั้นอยู่แล้ว ผู้หญิงเด็ดขาดและตรงไปตรงมาอย่างหนูรัญชิตานี่แหล่ะ ที่จะเอาแกอยู่ แกพูดเรื่องนี้ก็ดีแล้ว เมื่อคืนแกทำให้หนูรัญชิตาเสียใจ แกรีบไปขอโทษเธอ”
ตรัยย้อนถามทันที “แล้วถ้าผมไม่ไปล่ะครับ”
เสาวลักษณ์มองหน้าลูกชายอย่างผิดหวัง แต่ก็ไม่ใวยวายอะไรต่อ จากนั้นก็เดินขึ้นไปบนห้องด้วยความเหนื่อยใจ
ยายน้อยเดินเข้ามาหาตรัย
“คุณหนูคะ อย่าขัดใจคุณท่านเลย คุณท่านไม่ค่อยสบาย”
ตรัยไม่ฟัง เดินหนีออกไปก่อน ยายน้อยเดินตาม ไปพูดปลอบใจ ว่าเสาวลักษณ์ทำทุกอย่างเพราะรักเขา
ตรัยอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตตอนที่เขาถูกเสาวลักษณ์บังคับให้ไปเรียนโรงเรียนประจำที่อังกฤษ
“ตรัยไม่ไปครับ ตรัยจะอยู่กับคุณแม่”
ตรัยในวัยเด็กร้องไห้โฮ
“จำไว้นะ เกิดเป็นผู้ชายอย่าร้องไห้แสดงความอ่อนแอ ไปได้แล้ว ฉันมีงานต้องทำ”
เสาวลักษณ์พูดจบก็เดินกลับเข้าไปในห้องโถง ยายน้อยเข้ามาปลอยด้วยความสงสาร
“ไปเถอะค่ะคุณหนู”
“ตรัยขอไปกอดลาคุณแม่ก่อนนะครับ”
ตรัยวิ่งกลับเข้าไปในห้องโถง เห็นเสาวลักษณ์กับวิทูรกอดกันอยู่ในห้อง ก็ร้องไห้เสียใจ คิดว่าแม่ส่งให้ไปเรียนเมืองนอก เพราะมีผู้ชายคนใหม่
“คุณพ่อตายไม่ถึงปี คุณแม่ก็มีผู้ชายคนใหม่ แถมยังไล่ให้ผมไปอยู่ไกลๆ นี่เหรอครับ คุณแม่รักผม?”
“ยายตอบแทนคุณท่านไม่ได้หรอกค่ะ แต่ยายเชื่อนะคะ ว่าหัวอกคนเป็นแม่ ไม่มีวันคิดทำร้ายลูก คุณท่านคงมีเหตุผล สิ่งเดียวที่ยายจะบอกคุณหนูได้ก็คือ อย่าเอาอดีตมาเป็นคมหอกคมดาบทำร้ายคนอื่น เพราะสุดท้ายแล้ว มันอาจย้อนมาทำร้ายตัวเราเอง”
ตรัยคิดตามคำพูดของยายน้อย
“แล้วผมต้องทำยังไงครับ?”
“ให้อภัยสิคะ ไม่มีอะไรดีกว่าการให้อภัย โดยเฉพาะกับคนที่เรารัก”
ปริตาพยายามลืมเรื่องราวที่เสาวลักษณ์พูดจาดูถูกเธอ ลัดดาวัลย์เดินตามเข้ามาในครัว
“ไม่ไหวก็หยุดเถอะ อย่าฝืนในตัวเองเลย”
ปริตาผละ เข้าไปสวมกอดลัดดาวัลย์ ร้องไห้ระบายความในใจออกมา
“อ้อมต้องทำยังไงคะน้า เขาถึงจะเลิกดูถูกเรา เป็นเพราะเราจนใช่มั้ยคะ?”
“เราก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้เขาเห็นว่า เราไม่ได้เป็นอย่างนั้น ใครดีเราก็ดีตอบ แต่ใครร้าย แล้วเราร้ายตอบ เท่ากับเราหลงไปเล่นกับไฟ สุดท้ายเราก็ต้องโดนเผา”
ปริตาถอนหายใจ “อ้อมจะพยายามค่ะ แต่อ้อมไม่รู้ว่าอ้อมจะทนได้แค่ไหน?”
“ขอให้ได้ครึ่งหนึ่งของแม่เราสิ เราน่ะเป็นลูกแม่ น้าเชื่อว่าอ้อมทำได้ แล้วติดต่อดาวได้รึยัง?”
ปัทมาศยืนถือพวงมาลัยอยู่หน้าบ้าน พลางมองด้วยความกังวลใจ ก่อนจะตัดสินใจ เดินเข้าไป
“คุณแม่คะ ดาวขอโทษค่ะ ดาว ”
ปัทมาศพูดไม่ทันจบ พัชรินทร์เดินหนีกลับเข้าไปในบ้าน ปัทมาศมองตามอย่างกังวลใจ
พัชรินทร์โยนกระเป๋าเสื้อผ้าใส่ปัทมาศ ที่นั่งลงมองด้วยความแปลกใจ
“ออกไปจากบ้านฉัน เธอจะไปไหน ทำอะไรฉันจะไม่สนใจ เธอไม่ใช่ลูกฉันอีกต่อไป”
ปัทมาศตกใจและเสียใจ รีบคลานเข้าไปหาพัชรินทร์
“คุณแม่คะ ดาวผิดไปแล้วแล้ว คุณแม่อย่าทำอย่างนี้กับดาวเลยค่ะ”
“แล้วสิ่งที่เธอทำเธอคิดถึงใจฉันบ้างมั้ย? บอกฉันมาสิ เธอไปไหน ไปทำอะไร? ปัทมาศ บอกฉันมาเดี๋ยวนี้ เธอหายไปไหนมา?”
ปัทมาศร้องไห้
“เมื่อคืน ดาวรู้ว่าคุณแม่โกรธดาวมาก ดาวกลัวไม่กล้ากลับบ้าน ดาวจึงไปนอนที่บ้านอ้อมค่ะ”
พัชรินทร์สวนทันที
“ไม่จริง ฉันโทรถามปริตา ปริตาก็ไม่รู้ว่าเธอไปไหน?”
“ดาวขอร้องให้อ้อมโกหกคุณแม่ค่ะ คุณแม่อย่าโกรธอ้อมนะคะ เป็นความผิดของดาวเองค่ะ”
“รู้ตัวว่าผิด แต่ก็ยังทำในสิ่งที่ฉันห้าม เธอคิดว่าเรียนจบมหาลัย ปีกกล้าขาแข็งคิดจะทำอะไรก็ได้ใช่มั้ย?”
ปัทมาศน้ำตาคลอ “ดาวโตแล้วนะคะ ขอให้ดาวได้ตัดสินใจบ้างเถอะค่ะ ดาวไม่อยากเป็นอย่างคุณพ่อ”
พัชรินทร์ได้ยินก็ถึงกับอึ้ง พลางนึกถึงวันที่ถูกพ่อของปัทมาศกำลังจะทิ้งเธอไป เพราะทนความเจ้ากี้เจ้าการของแม่ไม่ได้
ปัทมาศในวัยเด็กวิ่งเข้าไปหาพ่อ
“คุณพ่ออย่าไปค่ะ คุณพ่ออยู่กับดาวนะคะ”
“ปัทมาศ กลับมาหาแม่ อย่าไปยุ่งกับผู้ชายเลวๆที่มันไม่รับผิดชอบ มันไม่ใช่พ่อของลูกอีกต่อไป”
พัชรินทร์เข้าไปกระชากตัวปัทมาศออกมา
“คุณไม่ควรทำกับลูกอย่างนี้ ลูกมีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ลูกดาว ลูกจะอยู่กับแม่หรือไปอยู่กับพ่อ?”
ปัทมาศร้องไห้อย่างสับสน พัชรินทร์เข้ามาคว้าตัวเธอ
“ลูกต้องอยู่กับฉัน แล้วฉันจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่าฉันเลี้ยงให้ลูกรักดีไม่เลวอย่างคุณ”
“แล้วผมจะโทรนัดไปหย่า ลูกดาว พ่อไปก่อน”
ปัทมาศจะวิ่งไปหาพ่อที่เดินอกไป
“ดาว อย่าทิ้งแม่ไป แม่ไม่เหลือใครอีกแล้ว”
พัชรินทร์ร้องไห้โฮ ปัทมาศจึงเข้าไปโอบกอดแม่ด้วยความสงสาร
ปัทมาศมองพัชรินทร์ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ดาวรักคุณแม่นะคะ ดาวรู้ว่าคุณแม่อยากให้ดาวได้ดี แต่ขอโอกาสให้ดาวได้คิดได้ทำด้วยตัวเองบ้างนะคะ”
พัชรินทร์ร้องไห้
“หากเธอคิดว่าฉันเผด็จการ ครอบงำความคิดเธอ เธอก็ไปซะ ทิ้งฉันไว้เหมือนอย่างที่พ่อเธอทำกับฉัน ออกไป”
ปัทมาศเข้ามากอดพัชรินทร์ไว้
“ดาวขอโทษค่ะ ดาวสัญญาค่ะ ดาวจะไม่ทำให้คุณแม่เสียใจอีกแล้ว”
พูดพลางก้มกราบเท้าแม่ พัชรินทร์มองแล้วอ่อนลง ทรุดตัวลงนั่งกอดลูกไว้
“เชื่อแม่เถอะ ทำตามที่แม่สอน แล้วลูกจะได้ดี”
“ค่ะคุณแม่”
ป้าอรยืนมองที่มุมหนึ่ง นึกกังวลใจที่พัชรินทร์ยังคงเผด็จการและเข้มงวดกับปัทมาศ
ระหว่างที่ปริตากำลังนั่งกินข้าวกับลัดดาวัลย์ ปริเทพก็เดินเข้ามา ลัดดาวัลย์รีบหันไปถาม
“แล้วนี่หายไปไหนมา อย่าบอกนะแอบไปหาสาวที่ไหน”
“เปล่าครับ เดินแบบเสร็จ ผมก็ไปทำโอที่โรงงานต่อ”
“ขยันจริงหลานฉัน เร่งเก็บเงินไปสู่ขอดาวสิ”
ปริตาก็สีหน้าสลดลง เพราะรู้ดีว่าปัทมาศมีใจให้ตรัยแล้ว ปริเทพยิ้มกลบเกลื่อน
“น้าลัดดาเตรียมตัดชุดเจ้าสาวให้ว่าที่หลานสะใภ้เลยนะครับ อีกไม่นานเกินรอ”
จากนั้นด็เดินผละไป ลัดดาวัลย์รีบหันมาถามปริตา
“เทพรู้รึยังว่าดาวหายไป?”
“ยังค่ะ น้าลัดดาอย่าบอกเรื่องนี้นะคะ อ้อมไม่อยากให้พี่เทพไม่สบายใจ”
ลัดดาวัลย์ยิ้มรับ
ปริเทพเข้ามาในห้องนอน พลางเดินตรงไปที่โต๊ะ แล้วหยิบรูปปัทมาศขึ้นมาดูมองด้วยความรัก ก่อนที่จะหยิบเงินที่ได้จากทำโอทีหยอดใส่กล่อง ปริตาเดินเข้าพอดี รู้ว่าพี่ชายตั้งใจเก็บเงินไว้สู่ขอปัทมาศ
“พี่จะมีใจให้ใครได้อีกไหม ถ้าไม่ใช่ดาว?”
“พูดงี้หมายความว่าไง? ดาวมีใครเหรอ?”
ปริตาอึกอัก “เปล่า แค่ถามดู อ้อมไม่อยากให้พี่เทพตั้งความหวังมากไป ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน มันเป็นสัจธรรมนะ”
“ใช่ ความไม่แน่นอน ก็อาจจะแน่นอน ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ จริงมั้ย?”
“ถ้าพี่ไม่เปลี่ยนความคิด พี่ต้องดูแลดาวให้มากๆ นะ”
ปริเทพยิ้มรับ “พี่จะใช้เวลาทั้งหมด เพื่องาน เพื่อครอบครัวของเรา และคนที่พี่รัก”
ปริตายิ้ม พร้อมๆ กับ เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น
“ว่าไงคะเจ๊จอย อะไรนะ?”
ปริตาตกใจ รีบเดินเลี่ยงออกไปจากห้อง ปริเทพมองตาม
ปริตาวางสาย สีหน้ากังวลใจ ปริเทพเดินตามเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง..
“มีอะไรเหรออ้อม?”
“เจ๊จอยบอกว่าร้อนเงินมาก ต้องการเงินค่าดาวน์ที่ดินวันนี้”
“แล้วจะเอาเงินจากไหนล่ะ?”
“พี่เทพไม่ต้องห่วงหรอก อ้อมหาได้ แค่สองแสนเอง รีบไปอาบน้ำแล้วลงไปกินข้าวนะ”
ปริตาฝืนยิ้ม แล้วเดินออกไป ปริเทพมองตามอย่างแปลกใจ
ปริตาเดินมาหน้าธนาคาร พลางเปิดกระเป๋าเงิน แล้วหยิบเช็คของเสาวลักษณ์ออกมา แล้วก็ฉุกคิดถึงคำพูดของตรัย
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ปริตารับสาย
“ค่ะเจ๊จอย อ้อมจะรีบไปค่ะ ค่ะ”
ปริตาวางสาย แล้วตัดสินใจเดินตรงเข้าไปในธนาคาร
ปริตานัดเจอกับเจ๊จอยที่ร้านกาแฟ พลางหยิบซองเงินยื่นให้ เจ๊จอยรีบเปิดซองดู แล้วก็โวยวาย
“ไม่ใช่ที่ตกลงไว้นี่”
“อ้อมถอนเงินเก็บรวมกับเงินเดินแบบได้มาสองหมื่นจ้ะ”
“เราตกลงดาวน์ที่สองแสน ถ้าไม่มีให้เจ๊ก็ต้องปล่อยที่ให้คนอื่น”
ปริตาหน้าเครียด ทันใดนั้นปริเทพเดินเข้ามาวางเงินบนโต๊ะอีกหมื่นบาท
“ฉันเพิ่มอีกหมื่นนึงเป็นสาม”
“มันก็ยังขาดอีกตั้งแสนเจ็ด”
“เจ๊จะได้ครบ ถ้าเจ๊ทำตามสัญญา มันไม่แฟร์นะเจ๊ เราตกลงกันไว้เดือนนึง นี่ถ้าคนอื่นเขารู้ว่าเจ๊ไม่รักษาคำพูด ต่อไปใครจะเชื่อถือเจ๊ การทำธุรกิจมันต้องมีสัจจะ”
เจ๊จอยอึ้งยอมรับผิด
“เจ๊ขอโทษ ผัวมันเร่งเอาเงิน นี่ถ้าไม่ได้เงิน มันขู่จะไปอยู่กับเมียน้อย เห็นใจเจ๊เถอะ”
ปริตามองอย่างสงสารและเข้าใจ
“อ้อมขอเวลาสามวัน จะหาเงินส่วนที่เหลือมาจ่ายดาวน์ให้ครบ”
เจ๊จอยพยักหน้า “สามวันจ้ะ ตกลงตามนี้นะ”
ปริตาเดินออกมาหน้าร้านกาแฟ ปริเทพปราดมาดักหน้า
“เราน่ะยอมคนอยู่เรื่อย สงสารคนอื่น แต่ตัวเองต้องมาเดือดร้อนตลอด”
“ขอบใจพี่เทพมากนะที่มาช่วย แล้วเงินนั่น พี่เทพเก็บไว้...”
ปริเทพถอนหายใจ “ช่างเถอะ พี่ยังมีแรงทำงานได้อีกเยอะ ต่อไปมีปัญหาก็บอกพี่ อย่าเก็บไว้คนเดียว เป็นพี่น้องกันก็ต้องช่วยกัน”
ปริตายิ้มรับ และโผเข้ากอดปริเทพ
ตรัยถือถาดอาหาร แล้วเดินตรงไปยังห้องเสาวลักษณ์ ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในห้อง ยายน้อยยืนมองที่นอกห้อง ยิ้มพอใจที่ทำให้แม่ลูกได้ปรับความเข้าใจกัน
ตรัยเดินตรงไปแล้วหยุดนิ่ง เมื่อเห็นบอลกำลังป้อนสลัดผลไม้ให้เสาวลักษณ์ จึงโยนถาดอาหารทิ้งแล้วเดินออกไปทันที
เสาวลักษณ์ได้ยินเสียง ก็หันไปมองด้วยไม่พอใจ จากนั้นก็เดินตามออกมา พอเจอยายน้อยยืนอยู่หน้าห้องก็ต่อว่า
“คุณหนูของแม่น้อยชักจะเอาใหญ่แล้วนะ เอาอาหารไปโยนโครมในห้องฉัน”
“คุณหนูตั้งใจจะเอาอาหารไปเสิร์ฟคุณท่านค่ะ”
เสาวลักษณ์หน้าสลดอย่างรู้สึกผิด บอลตามออกมายืนข้างๆ ยายน้อยจึงรู้ว่าตรัยหัวเสียเรื่องอะไร
กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 3 (ต่อ)
รัญชิตาว่ายน้ำมาเกาะที่ขอบสระ ปริตายื่นดอกกุหลาบให้
“ดอกไม้สำหรับวันแสนสดชื่น”
รัญชิตารับดอกไม้มา แล้วโยนทิ้ง
“เอ้า โกรธอะไรฉันเนี่ย?”
รัญชิตารีบบอก “ฉันไม่ได้โกรธแก แต่ฉันอารมณ์ไม่ดี”
“จะให้ทำยังไงคะคุณหนูขา คุณหนูถึงจะอารมณ์ดี ยอมคุยด้วย”
“พาคุณตรัยมาหาฉัน”
ปริตาถึงกับอึ้ง พลาง คิดหาวิธีที่จะทำให้รัญชิตายอมคุยดีด้วย จากนั้นก็ไปเปลี่ยนชุดว่ายน้ำ แล้วกระโดดลงไปว่ายน้ำเล่นกับรัญชิตา ที่ใจอ่อนยอมคุยดีด้วย
ปริตาดำน้ำไปดึงขารัญชิตาไว้ แล้วหัวเราะชอบใจ
“ยัยอ้อม แกจะฆ่าฉันรึไง?”
“ตอบฉันมา เขามีอะไรดีนักหนา แกถึงได้คลั่งเขานัก?”
“เขาเป็นสุภาพบุรุษ”
ปริตาเบ้ปาก “ฉันเถียงหัวชนฝา เขาเจ้าชู้ แกก็ดูออก”
“ผู้ชายไม่เจ้าชู้ก็เหมือนงูไม่มีพิษ”
“ทั้งๆที่รู้ว่าต้องเจ็บตัว แกก็ยังเดินหน้าเข้าหาพญางู”
รัญชิตายิ้มอย่างมั่นใจ “ฉันมั่นใจฉันเอาอยู่ เขาเองก็พร้อมถอดเขี้ยวกับฉัน ไม่งั้นเขาก็ไม่ตกลงปลงใจกับฉันหรอก”
“ถ้าเขารักแกจริง ทำไมเขาไม่เซร์เยสตกลงแต่งงานกับแกเลยล่ะ?”
“เขาให้เกียรติฉันไง หมั้นหมายตามประเพณี”
ปริตาส่ายหน้า “ผิดแล้วล่ะ เขาถ่วงเวลา เขามีปัญหากับแม่เขา เขาต้องการหักหน้าแม่เขา
ด้วยการดึงแกเข้ามาในเกม พอถึงเวลาเขาก็จะยกเลิกงานหมั้น”
“ฉันไม่เชื่อ”
“เขาเป็นคนพูดกับฉันเอง แกจะเชื่อเพื่อนที่คบมาเกือบสิบปีหรือผู้ชายที่แกเจอหน้าไม่ถึงเดือน?”
รัญชิตาเถียงต่อ “ความรักไม่ต้องการเวลา”
“ ฉันจะไม่สาธยายถึงความเลวของเขาอีกแล้ว ฉันขอให้แกยกเลิกงานหมั้น เลิกติดต่อเขา ตัดอารมณ์รัก หลงทิ้งให้หมด หรือแม้แต่อยากเอาชนะ แล้วเอาสิ่งที่ฉันพูดมาคิด แกจะพบคำตอบที่แท้จริง ว่าแกควรเชื่อเพื่อนหรือผู้ชายคนนั้น”
รัญชิตาเริ่ม คิดทบทวนกับคำพูดของปริตา
ปริตาเดินออกมาหน้าคฤหาสน์รัญชิตา พร้อมๆ กับเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
“ดาว เธออยู่ไหน? ได้ รอฉันนะ ฉันจะรีบไปหา”
ปริตาวางสาย แล้วโบกเรียกแท็กซี่ ตรัยที่ขับรถเข้ามาพอดี เห็นภาพปริตาขึ้นแท็กซี่ไป จากนั้นก็ ขับรถตรงไปยังคฤหาสน์รัญชิตา เพราะตั้งใจจะแก้เกมของปริตา
พัชรินทร์เปิดประตูเข้ามาในห้องนอนของปัทมาศ แต่กลับไม่เห็นเธออยู่ในห้อง ป้าอรเดินเข้ามาพอดี จึงรีบบอก
“หลานออกไปหาเพื่อน พี่อนุญาตให้ไปเอง”
“ฉันบอกพี่แล้วไง ว่าฉันจะไม่ยอมให้ลูกออกไปไหนอีก แล้วพี่มั่นใจได้ยังไงว่าเพื่อนที่ดาวพูดถึงไม่ใช่ผู้ชาย”
“เชื่อพี่เถอะ ให้ดาวได้เผชิญปัญหาด้วยตัวเองบ้าง หากมัวประคบประหงม เกิดปัญหาแกก็แก้ไม่ได้ หรือไม่ก็ตัดสินใจผิดพลาดจนเราคาดไม่ถึง”
พัชรินทร์มองป้าอรอย่างขัดใจ
“เพราะพี่คอยให้ท้าย ยัยดาวถึงได้กล้าแหกคอก ต่อไปพี่ไม่ต้องสอนลูกฉัน”
ป้าอรเอือมระอากับความคิดของพัชรินทร์ จึงเดินเลี่ยงออกไป
ปัทมาศเดินมาถึงบริเวณตึกร้าง พลางมองขึ้นไป แล้วหยิบตุ๊กตาหมีออกมากอดไว้
“นี่เป็นสถานที่ลับของพวกเรา มันเป็นความลับขั้นสุดยอด แต่สำหรับผู้พิทักษ์ ดาวไม่มีความลับจะปกปิดค่ะ”
ปัทมาศยิ้ม แล้วอุ้มตุ๊กตาจะเดินขึ้นไปด้านบน..
รัญชิตาว่ายน้ำมาเกาะขอบสระ พลางนึกถึงคำพูดของปริตา แต่จู่ๆ ตรัยก็ยื่นช่อดอกไม้ให้
“แทนคำขอโทษที่ทำให้คุณเสียใจ”
“ไม่จำเป็นค่ะ เราไม่ควรเจอกันอีก”
รัญชิตาพูดจบก็ว่ายน้ำออกไป ตรัยยิ้มตอบ แล้วเดินคุยไปตามขอบสระ
“ผมไม่รู้ว่ามีใครมาพูดหรือทำให้คุณเข้าใจผมผิด แต่ผมอยากให้คุณฟังความจริงจากผมบ้าง เมื่อคืนดาวมีปัญหากับคุณแม่ คุณก็รู้ว่าเพื่อนคุณเป็นคนอ่อนไหว ผมไม่อยากให้เธอคิดมาก หรือคิดสั้น จึงต้องพาเธอไปปลอบใจที่คอนโดผม แต่ผมเห็นว่าไม่เหมาะ ที่ผมจะอยู่กับเธอสองต่อสอง ผมจึงพาเธอไปนั่งที่ล๊อบบี้โรงแรม และอยู่เป็นเพื่อนเธอ ไปส่งเธอเมื่อเช้านี้”
พูดพลางมองลุ้นให้รัญชิตาใจอ่อนกับเขา แต่เธอกลับไม่สนใจ
“สิ่งสุดท้ายที่ผมจะบอกคุณ ผมรักคุณ”
รัญชิตาหยุดว่ายน้ำ แล้วหันไปถามตรัย
“คุณรักฉัน แต่คุณก็ปฎิเสธที่จะแต่งงานกับฉัน”
“เพราะผมแคร์คุณ คุณเป็นถึงลูกสาวนักธุรกิจชื่อดัง หากแต่งงานสายฟ้าแลบ คงมีข่าวด้านลบตามมามากมาย ผมอยากรอเวลา เพื่องานแต่งของเราทสมบูรณ์แบบที่สุด”
รัญชิตาฟังตรัยพูด ก็เริ่มใจอ่อน
“คุณรักฉันไหม?”
ตรัยนิ่ง มองหน้ารัญชิตา
“ผมคิดว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูดเสมอ”
พูดจบก็กระโดดลงสระน้ำ แล้วดำน้ำมาโผล่มาตรงหน้ารัญชิตา
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ”
ตรัยยื่นหน้าจะไปหอมแก้ม รัญชิตาที่ยังปักใจเชื่อ รีบดันตัวออกห่าง
“ฉันไม่ใช่ของเล่น คิดจะหยิบเล่นแล้วทิ้งขว้างง่ายๆ”
จากนั้นก็ว่ายน้ำเพื่อขึ้นจากสระ ตรัยมองตาม พลางคิดว่าจะต้องทำให้รัญชิตาใจอ่อนให้ได้
ปัทมาศยืนอุ้มตุ๊กตาอยู่กลางดาดฟ้า รอคอยปริตาที่นัดหมายกันไว้ พลางนึกถึงภาพเหตุการณ์ตอนที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับตรัยในโรงแรม พลางยิ้มอย่างมีความสุข
“ดาว”
ปัทมาศตื่นจากภวังค์ ปริตาตรงเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง
“เธอไปไหน เธอไปกับเขาทำไม ทำไมไม่ฟังฉัน”
“ฉันขอโทษนะที่ทำให้เธอเป็นห่วง ตอนนั้นฉันสับสน ฉันไม่อยากกลับบ้าน ฉันกลัวคุณแม่”
ปริตามองเพื่อนด้วยความสงสาร
“เธอก็น่าจะบอกฉัน ไปอยู่กับฉันก็ได้”
“ฉันไม่อยากไปเจอพี่เทพอีก”
“ แล้วคุณตรัยพาเธอไปไหน? เขาทำอะไรเธอรึเปล่า?” ปริตาคาดคั้น “เธอต้องบอกความจริงทุกอย่างกับฉันนะดาว”
ปัทมาศนิ่งคิดตัดสินใจว่าจะตอบอย่างไร? พลางคิดถึงตอนที่คุยกับตรัยในโรงแรม
“คุณตรัยคะ ดาวขอให้คุณตรัยช่วยพูดเรื่องของเรา ให้มิ้นท์เข้าใจด้วยนะคะ”
ตรัยนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “ผมขอนะ คุณอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับใคร”
“คุณไม่รักดาวเหรอคะ?”
“คุณก็รู้มิ้นท์คงรับเรื่องนี้ไม่ได้ หากผมจะเลิกกับเธอ ก็ขอให้เกิดจากผม ไม่ใช่ความผิดของคุณ ผมไม่อยากให้คุณผิดใจกับเพื่อน ผมแคร์คุณมากนะ สัญญานะผมนะ ปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ”
“ว่าไงดาว เรื่องมันเป็นยังไง?”
ปริตาถามย้ำ พร้อมๆ กับที่ รัญชิตาเดินเข้าพอดี
“ฉันก็อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?”
ปัทมาศหันไปเห็นรัญชิตาก็ตกใจ..
“เธอเป็นเพื่อนฉัน ก็ต้องบอกความจริงกับฉันมาให้หมด”
ปัทมาศมองปริตาและรัญชิตาพลางคิดตัดสินใจ
ตรัยนั่งดื่มอยู่ในผับ พลางนึกกังวลใจเรื่องที่เคยคุยกับปัทมาศ ว่าเธอจะรักษาสัญญาว่าไม่บอกใครว่ามีความสัมพันธ์กับเขาหรือเปล่า
“ดาว เล่าให้พวกเราฟังสิ”
ปริตายังคงถามคาดคั้น ปัทมาศยืนนิ่งยังไม่กล้าเล่า จนรัญชิตาเริ่มหมดความอดทน
“จะมัวกอดตุ๊กตานี่อีกนานไหม?”
พลางจะเข้าไปแย่งตุ๊กตา ปัทมาศรีบแย่งคืน
“เอาของฉันคืนมานะ อย่าแย่งของของฉัน”
แต่สุดท้ายรัญชิตาก็แย่งมาได้
“ฉันก็ไม่ชอบให้ใครมาแย่งของของฉันเหมือนกัน พูดมาสิว่าเธอไปไหนกับคุณตรัย?”
รัญชิตาพุดพร้อมกับปาตุ๊กตาใส่ปัทมาศ ปริตารีบปราม
“ใจเย็นก่อนนะมิ้นท์ ดาว ว่าไง”
ปัทมาศตัดสินใจ
“คุณตรัยพาฉันไปที่ล๊อบบี้โรงแรม เขาปลอบใจ ไม่ให้ฉันคิดมากเรื่องคุณแม่ เราอยู่คุยถึงเช้า แล้วเขาก็ไปส่งที่บ้านฉัน”
“ก็แค่เนี้ย ทำยังกะเป็นเรื่องลับซับซ้อน เล่ามาแต่แรกก็จบแล้ว”
รัญชิตามองค้อน ขณะที่ปริตาซักต่อ
“เธอไปโรงแรมอะไร? แถวไหน? แล้วเขา...”
รัญชิตารีบขัดขึ้น “แกจะซักอะไรอีก ฉันต้องการรู้แค่นี้ก็พอแล้ว”
“ขอบใจนะมิ้นท์ที่เธอเชื่อใจฉัน” ปัทมาศค่อยคลายกังวล
“เพื่อนไม่เชื่อเพื่อนแล้วจะให้เชื่อใครล่ะ แล้วที่สำคัญกว่า เขาเองทำให้ฉันไว้ใจ คุณตรัยไปหาฉัน แล้วก็เล่าทุกอย่างตรงกับที่ยัยดาวพูด”
ปริตาตกใจ “นี่แกยังไม่เลิกติดต่อเขาอีกเหรอ?”
“เขาพิสูจน์ให้ฉันเห็นแล้วว่าเขาจริงใจกับฉัน ขอบใจนะที่ทำให้ฉันสบายใจ ฉันรีบไปบอกให้คุณแม่หาฤกษ์หมั้นเร็วที่สุด”
รัญชิตาเดินออกไป ปริตารีบร้องห้าม
“อย่านะมิ้นท์”
แต่รัญชิตาไม่ฟังเสียง ปัทมาศตะโกนตาม
“เธอหมั้นเขากับไม่ได้”
รัญชิตาหันกลับมามองด้วยความแปลกใจ ปริตามองอย่างแปลกใจ
“ทำไม ฉันถึงแต่งงานกับเขาไม่ได้? ทำไมถึงสั่งห้ามฉัน? ฉันรำคาญไอ้ตุ๊กตานี่หรือเกิน”
รัญชิตาเข้าไปกระชากตุ๊กตาของปัทมาศแล้วโยนทิ้งลงไปจากดาดฟ้า
“ตุ๊กตาฉัน”
“เลิกทำตัวเป็นเด็กติดตุ๊กตาร้องไห้งอแงสักที พูดมาสิ ทำไมฉันถึงแต่งงานกับเขาไม่ได้”
รัญชิตาจ้องหน้าปัทมาศอย่างคาดคั้น
“เราตกลงกันแล้วไง เราสัญญาจะไม่ยุ่งกับเขา เราสามคนต้องรักษาคำพูด”
ปัทมาศแก้ตัว รัญชิตายักไหล่
“เธอจะโทษฉันไม่ได้นะ ต้นเหตุก็มาจากอ้อม ถ้ายัยอ้อมไม่ใกล้ชิดกับคุณตรัยจนฉันหึง มันก็ไม่เกิดเรื่องหรอก แล้วอีกอย่าง พอฉันประกาศหมั้น คุณตรัยเขาก็ตอบตกลง นั่นแสดงว่าเขารักฉัน”
ปัทมาศน้ำตาไหล”ไม่จริง เขาไม่ได้รักเธอ”
ปริตามองปัทมาศอย่างแปลกในใจคำพูด รัญชิตาเข้ามาปลอบใจ พลางเช็ดน้ำตาให้
“ฉันรู้ว่าเธอเสียใจที่เขาไม่เลือกเธอ”
ปริตาหน้าเครียด เพราะไม่อยากให้รัญชิตาหมั้นกับตรัย
“มิ้นท์ ฉันขอ เธออย่าหมั้นนะ”
“อ้อม อย่าให้ฉันต้องเลือกระหว่างเพื่อนกับแฟน ฉันตัดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ เลิกกดดันฉันได้แล้ว ฉันไม่อยากทำให้เธอเสียใจ”
พูดจบรัญชิตาก็เดินออกไป ปัทมาศยืนมองร้องไห้ แล้วทรุดตัวลง ปริตารีบปราดเข้าไปประคองด้วยความห่วงใย
ตรัยเดินเข้ามาในบ้าน เจอกับเสาวลักษณ์ ที่นั่งรออยู่
“ลูกกินอะไรมารึยัง? แม่จะให้เด็กไปทำข้าวต้มร้อนๆมาให้ ตรัย แม่ขอโทษ”
ตรัยที่กำลังจะเดินหนี หันกลับมามองอย่างแปลกใจที่ได้ยินคำขอโทษจากแม่
“ฉันเข้าใจเธอนะ แต่ในเมื่อเราหยุดมันไม่ได้แล้ว เธอก็ต้องทำใจยอมรับความจริง”
ปริตากอดปลอบใจปัทมาศ
“เธอเห็นด้วยกับมิ้นท์อย่างนั้นเหรอ?”
ปริตาถอนหายใจ “ฉันพยายามต้านมาตลอด แต่มิ้นท์ตัดสินใจแล้ว ชีวิตเป็นของมิ้นท์ เราเป็นแค่เพื่อน เราทำได้แค่นี้จริงๆ”
“ไม่นะ มิ้นท์แต่งงานกับคุณตรัยไม่ได้”
“ทำไมล่ะดาว?”
ปัทมาศอึกอักไม่กล้าเล่าเรื่องความสัมพันธ์ “เพราะฉันรักเขา”
“แค่รักมันไม่พอหรอก คนที่จะรักกัน อยู่ด้วยกัน มันมีองค์ประกอบอีกหลายอย่าง”
ปัทมาศหน้าเศร้า “แล้วถ้ามันมีอะไรมากกว่านั้นล่ะ?”
“เธอหมายถึงอะไร?”
ปัทมาศคิดตัดสินใจจะบอกเล่าความจริง แต่บังเอิญเสียงโทรศัพท์จากพัชรินทร์ดังเข้ามาขัดจังหวะ
ปัทมาศตัดสายทิ้งทันที แล้วรีบเดินออกไป เพื่อไปเก็บตุ๊กตาที่ด้านล่าง
จบตอนที่ 3