กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 2
ทันทีที่หมอเดินออกมาจากห้อง ปริตารีบรุดเข้าไปถามอาการทันที
“แม่ฉันเป็นยังไงบ้างคะ?”
“คนไข้เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแล้ว คุณนำส่งช้าเกินไป”
ปริตาน้ำตาตก
“คนไข้ต้องการพบพวกคุณ”
ปริตาเดินเข้ามาหานางวา ที่นอนอยู่บนเตียง แล้วก็ร้องไห้ด้วยความสะเทือนใจ
“ทำไมแม่ไม่บอกอ้อม อ้อมจะได้กลับไปอยู่ดูแลแม่”
“แม่ทนไม่ได้หรอก ที่จะให้ลูกทิ้งทุกอย่าง เพื่อแม่ วันนี้เป็นวันแห่งความสุข แม่อยากเห็นรอยยิ้มของลูกนะ แม่รอคอยที่จะได้เห็นความสำเร็จของลูก”
ปริเทพหันไปต่อว่าลัดดาวัลย์ที่ไม่ยอมบอกเรื่องนี้ แต่นางวาแก้แทนว่านางเป็นคนขอร้องเอง
“ฉันอุตส่าห์ส่งเงินให้พี่เอาไปรักษาตัว พี่ก็โอนคืนบัญชีฉันทุกบาท ทำไมล่ะพี่วา ทำไมพี่ต้องทำอย่างนี้?”
ลัดดาวัลย์คาดคั้น นางวาน้ำตาตก จนปริตาต้องหันมาตอบแทน
“น้าก็รู้ว่าแม่ของอ้อมเป็นคนยังไง แม่เสียสละได้ทุกอย่างในชีวิต แม่ไม่เคยคิดพึ่งพาใคร ไม่ทำให้ใครต้องเดือดร้อนเพราะแม่”
“ยิ่งเรารักกันมากเท่าไหร่ เราก็ควรเกรงใจกันมากเท่านั้น”
ทุกคนฟังนางวาพูดแล้วก็ยิ่งสะเทือนใจ
“แม่รู้ว่าต้องมาถึงวันนี้ แม่ไม่เคยเสียดายชีวิตเลย แต่แม่เสียใจ แม่ไม่ทันได้เห็นบ้านในฝันของลูก”
นางวาหันไปมองปริตา พลางหายใจหอบ
“อ้อม แม่ ขอโทษ”
ขาดคำนางวาก็นิ่งไป ปริตาเริ่มใจเสีย ปริเทพและลัดดาวัลย์มองด้วยความเป็นห่วง
ครู่หนึ่งนางวาก็ลืมตาอีกครั้ง พลางหันไปบอกลัดดาวัลย์
“ลัดดา พี่ฝากดูแลหลานด้วย”
ลัดดาวัลย์ตอบทั้งน้ำตา “อ้อมกับเทพเป็นลูกของพี่ พี่ก็ต้องเลี้ยงเองสิ พี่จะทิ้งลูกทิ้งฉันไปไม่ได้นะ”
ปริเทพพยายามยิ้มให้กำลังใจแม่
“แม่ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะทำหน้าที่พี่ชายให้ดีที่สุด”
“จำคำแม่ไว้นะ เป็นพี่น้องกัน ต้องรักกันให้มาก“
ปริเทพและปริตายิ้ม พร้อมๆ กับที่พลศิษฎ์ รัญชิตาและปัทมาศเข้ามาในห้อง
“คุณอาไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลอ้อม ช่วยสร้างบ้านในฝันให้อ้อมครับ”
ปริตาหันไปมองอย่างแปลกในคำพูดของพลศิษฎ์ ขณะที่นางวายิ้มให้พลศิษฎ์ รัญชิตาและ
ปัทมาศ แล้วหันมาบอกปริตา
“เพื่อนเขาดีกับลูก ลูกต้องรักเพื่อนให้มากนะ รับปากแม่สิ”
“จ้ะแม่”
ขาดคำของปริตา นางวาก็หมดลมหายใจ ปริตาโผกอดแม่ พร้อมกับร้องไห้โฮ
ปริเทพเข้าไปกราบที่เท้าของนางวา แล้วก็ร้องไห้ด้วยความเสียใจ
ตรัยเดินมายืนที่ห้องพัก พลางมองเข้าไป เห็นปริตาใช้ผ้าเช็ดตัวศพของนางวาเป็นครั้งสุดท้าย
ด้วยความรู้สึกเห็นใจและสงสาร พร้อมกับหวนคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตของตัวเอง ตอนที่สูญเสียพ่อเพราะอุบัติเหตุ ตรัยจึงเข้าใจดีว่าความรู้สึกที่ต้องสูญเสียคนที่รักมากเจ็บปวดขนาดไหน
ปริตาพยายามเช็ดน้ำตา แล้วใช้ผ้าทำความสะอาดที่เท้าของแม่ด้วยความรัก ตรัยลืมตัว จะเดินเข้าไปเพื่อปลอบโยน แต่แล้วก็หยุด เพราะคิดได้ว่าเขาไม่ควรแสดงความอ่อนไหว อ่อนแอ พร้อมกันนั้นก็ตัดสินใจจะหยุดทำร้ายปริตา และเล่นเกมชีวิตกับเธออีก
ปริตายืนถือพานใส่ดอกไม้จันทน์อยู่ด้านหน้าเมรุ พร้อมกับคอยยื่นให้แขกมาที่มาร่วมไว้อาลัยนางวาเป็นครั้งสุดท้าย
ปัทมาศและรัญชิตาเดินเข้ามาหาปริตา พลางพูดปลอบใจ และให้สัญญาว่าจะไม่ทิ้งกัน
“ขอบใจพวกแกมากนะ”
ปริตายิ้มตอบ รัญชิตาและปัทมาศขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์ที่เมรุ ขณะเดียวกันพลศิษฎ์ก็เดินเข้ามา
“หมดภาระทางนี้แล้ว อ้อมไปทำงานที่บริษัทพี่นะ”
“ขอบคุณพี่มาร์ทมากค่ะ อ้อมตั้งใจไม่กลับกรุงเทพอีก เชิญพี่มาร์ทค่ะ”
พลศิษฎ์รู้ดีว่าปริตาคงไม่พร้อมจะฟังอะไรในตอนนี้ จึงจำยอมเดินออกไปเพื่อจะไปวางดอกไม้จันทน์ สมทบกับรัญชิตาและปัทมาศที่ยืนรออยู่
ปริตาหันไปเพื่อจะต้อนรับแขกที่เดินเข้ามา แล้วก็ต้องประหลาดใจ
“พ่อ”
นายประกอบที่อยู่ในอาการเมาออกปากตำหนิลูกสาว
“เอ็งมันใจดำ แม่ตายทั้งคนไม่คิดบอกข้า”
พูดจบก็ปัดพานใส่ดอกไม้จันทน์ร่วงลงแล้วผลักปริตาจนล้มลงไป รัญชิตา ปัทมาศ และพลศิษฎ์รีบวิ่งเข้าไปดูแล
ปริตาหันไปมองพ่อที่กำลังเดินขึ้นไปที่เมรุ ก่อนที่จะนายประกอบจะทุบที่โลงศพนางวา
“วา เอ็งออกมา เอ็งจะชิงหนีตายไม่ได้ ข้าบอกให้เอ็งออกมา”
ปริตาปราดเข้ามาดึงตัวพ่อไว้ “หยุดเถอะพ่อ อย่าทำอย่างนี้”
“ข้ารักเมียข้า ข้าเสียใจที่มันตาย มันไม่ล่ำลาข้าสักคำ วา เอ็งอย่าทิ้งข้าไป ข้าเสียใจ”
ปริตาทนไม่ไหว สวนขึ้นทันที
“พ่อเสียใจที่แม่ตาย รึเสียดายที่ไม่มีใครให้ไถเงินอีก”
พลศิษฎ์ ปัทมาศและรัญชิตากำลังช่วยกันเก็บดอกไม้จันทน์ที่ตกที่พื้น ปริเทพและลัดดาวัลย์เดินเข้ามาถามด้วยความแปลกใจ
“น้องดาว มีอะไรกัน?”
ปัทมาศไม่กล้าพูด รัญชิตาจึงตอบแทน
“พ่อพี่มาอาละวาดค่ะ”
“เมื่อไหร่พ่อจะหยุดสร้างเรื่องซะที”
ปริเทพจะตามออกไปคุยกับนายประกอบ ลัดดาวัลย์เข้ามาห้ามไว้
“เทพไม่ต้องไปหรอก เรานะร้อนเป็นไฟ พ่อเราก็แล้วใหญ่ ไฟเจอไฟก็บรรลัยกันล่ะ”
ปัทมาศเห็นด้วย “ใกล้เวลาเผาแล้ว พี่เทพอยู่รับแขกดีกว่าค่ะ”
ปริเทพยอมอ่อนลง พลศิษฎ์หันไปมอง ด้วยความเป็นห่วงปริตา
ปริตาส่งเงินให้นายประกอบสองพันบาท แต่พ่อกลับเรียกร้องอยากได้มากกว่านั้น
“พ่อได้เงินก็กลับไปเถอะค่ะ”
“ ไม่กลับ แขกของเอ็งดูท่าจะรวยทั้งนั้น ข้าจะไปดักเอาซองที่หน้าเมรุ”
ปริตาสุดจะทน “อ้อมขอเถอะ พ่อหยุดสร้างปัญหา เลิกทำร้ายพวกเราสักที”
พลางนึกถึงภาพเหตุการณ์ตอนที่ถูกพ่อทุบตี ต่อหน้าแม่
“พี่อย่าทำลูก”
“งั้นทำเอ็งแล้วกัน”
นายประกอบหันมาจิกหัว ตบตีนางวา ปริตาวิ่งเข้ามาโอบกอดแม่ พร้อมกับที่เมียน้อยของนายประกอบเดินเข้ามามองเย้ยด้วยความสะใจ
“คืนนี้ เอ็งเอาลูกไปนอนนอกบ้าน ข้าจะนอนกับน้องติ๋ม”
พูดจบนายประกอบก็โอบกอดเมียน้อยเดินเข้าไปในห้อง นางวาร้องไห้เสียใจ ปริตามองตามด้วยความเกลียดชังพฤติกรรมของพ่อ
“อ้อมจะพยายามลืมว่ามันเคยเกิดอะไรขึ้น สิ้นบุญแม่แล้ว พวกเราตั้งใจส่งวิญญาณแม่ไปสวรรค์ พ่ออย่าทำลายงาน ขอให้อ้อมเหลือศรัทธาในตัวพ่อบ้าง”
ขาดคำ นายประกอบก็ฟาดฝ่ามือเข้าที่หน้าปริตาเต็มแรง
“เอ็งพูดอย่างนี้กับพ่อที่ให้กำเนิดเอ็งได้ยังไง เอ็งมันเนรคุณ แม่เอ็งคงไม่สอน ลูกที่มันเนรคุณพ่อ
มันจะไม่มีวันได้ดี แล้วข้านี่แหล่ะ จะประจานให้ทุกคนรู้สันดานเอ็งนังลูกอกตัญญู”
นายประกอบพูดพร้อมกับเข้าไปลากตัวปริตา จะพากลับไปที่เมรุ ทันใดนั้นตรัยก็เข้ามาขวาง...
“คุณต้องการเงินเท่าไหร่ ผมจะจ่ายให้”
นายประกอบมองหน้าตรัย แล้วยิ้มพอใจ ก่อนจะผลักตัวปริตาล้มลงกับพื้น
ตรัยยื่นเงินให้ นายประกอบรีบรับมานับด้วยความดีใจ
“แฟนเอ็งมันใจป้ำว่ะ ให้ได้อย่างนี้สิวะ ว่าที่ลูกเขยข้า จะสู่ขอเมื่อไหร่บอกมา ข้ายกให้”
พูดจบก็ยิ้มดีใจ แล้วเดินออกไปอย่างมีความสุข ตรัยมองตามอย่างไม่พอใจ พลางหันไปดูแล
ปริตาที่นั่งทรุดอยู่ที่พื้น
“เธอเป็นยังไงบ้าง ?”
“ คุณทำอย่างนี้ทำไม คุณอย่ามายุ่งกับชีวิตฉัน”
“ฉันทำไปเพราะฉันหวังดีกับเธอ อยากช่วยเธอ”
“ไม่ต้องยุ่ง ฉันดูแลตัวเองได้” ปริตาพูดเสียงแข็ง
“เลิกอวดเก่งซะที ฉันรู้ว่าใจเธอมันเปราะบางแค่ไหน?”
ตรัยดึงตัวเธอเข้ามาโอบกอด ปริตาที่อัดอั้นเรื่องแม่ตายและปัญหาของพ่อ เผลอระเบิดร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น
ตรัยโอบกอด แล้วลูบไล้ปลอบโยนปริตาอย่างแผ่วเบา ครู่หนึ่งเธอก็ได้สติแล้วรีบดันตัวตรัย
ออก
“แล้วฉันจะรีบหาเงินใช้คืนคุณ ฉันไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใคร โดยเฉพาะคุณ”
“ทำไมถึงได้รังเกียจฉัน ฉันไม่เคยดีในสายตาเธอเลยใช่มั้ย?”
ปริตาย้อนถาม “คุณก็รู้ว่าเป็นเพราะอะไร?”
ตรัยไม่พอใจ ที่ถูกมองในแง่ร้าย
“เรื่องบางเรื่องก็ควรลืมไปซะ เธอควรจดจำในสิ่งดีๆที่ฉันทำให้เธอ”
“ขอโทษนะคะ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่เห็นแก่เงิน และชื่นชมคนรวยที่ใช้เงินซื้อทุกอย่างที่ตัวเองต้องการ แล้วฉันก็รู้ทันความคิดของคุณ คุณแสดงตัวเป็นสุภาพบุรุษ เพื่อหลอกล่อให้ฉันตกเป็นเหยื่อของคุณ”
ตรัยยิ่งโกรธหนัก
“ใช่ ที่ฉันเข้ามาช่วย ก็เพราะอยากให้ธอเป็นหนี้บุญคุณฉัน แล้วฉันก็จะพิสูจน์ให้เธอเห็นว่าเงินมันซื้อได้ทุกอย่าง ซื้อพ่อเธอได้ แล้วไอ้เศษเงินที่ฉันจ่ายไปก็ทำให้เธอยอมอยู่ในอ้อมกอดฉัน โลกนี้ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าเงิน นี่ถ้าฉันจ่ายหนักอีกหน่อย เธอก็คงยอมเป็นของฉัน”
ปริตาตบหน้าตรัย ด้วยความทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ แต่พอจะตบซ้ำอีกครั้ง ก็กลับถูก
ตรัยจับมือไว้
“หยุดแสดงท่าทีรังเกียจฉันสักที ทั้งๆที่เธอก็รักฉัน”
ปริตามองหน้าตรัย
“ใช่ ฉันชอบคุณ เพราะฉันหลงผิดคิดว่าคุณเป็นคนดี แต่เหตุการณ์ในคืนนั้น มันทำให้ฉันตาสว่าง คุณไม่เคยมีความรักความจริงใจให้ใคร คุณต้องการแค่ระบายความใคร่”
ตรัยมองปริตาแล้วยิ้มเย้ย
“ตื่นจากโลกนิยายเพ้อฝันเถอะ ชีวิตจริงมันไม่มีความรักหรอก คนเราเกิดมามันก็ต้องการเซ็กส์ เธอเองก็เกิดมาจากเซ็กส์ไม่ใช่ความรัก”
ยิ่งฟังปริตาก็ยิ่งเกลียดชังตรัยมากขึ้น
“คนที่คิดอย่างนี้ได้ คงต้องเป็นพวกมีปัญหาครอบครัว ขาดความอบอุ่น ไม่มีคนรักไม่มีใครสนใจ ถึงใช้เซ็กส์ชดเชยความรักที่หายไป”
ปริตาพูดแทงใจดำ จนตรัยไม่พอใจ
“ในเมื่อเธอมั่นใจว่าความรักมีอยู่จริง ฉันชักอยากรู้แล้วล่ะ ถ้าเพื่อนที่รักกันมากรู้ว่าหลงรักผู้ชายคนเดียวกัน?”
ปริตาตกใจ “คุณจะทำอะไร ?”
ตรัยยิ้มเย้ย แล้วเดินออกไป ปริตามองตามด้วยความกังวล พลางคิดตัดสินใจ แล้วรีบวิ่งเข้ามาขวาง ก่อนจะพูดขอร้องตรัย
“ฉันขอล่ะ คุณอย่าทำอย่างนี้เลย”
“ไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ เมื่อกี้เธอยังอวดเก่งอวดดี ท้าทายเรื่องความรักกับฉัน”
ปริตายอมจำนน
“เอาเป็นว่าฉันยอมแพ้คุณ ฉันขอร้องล่ะ คุณเลิกยุ่งกับเพื่อนฉันเถอะ?”
“งั้นเธอก็ต้องเป็นของฉัน”
พูดจบตรัยก็จู่โจมเข้าจูบ ปริตารีบผลักออก แต่เขากลับขืนตัวไว้ แล้วจะจูบซ้ำรัญชิตาและ
ปัทมาศเดินเข้ามา เห็นภาพครัย จากด้านหลัง ก็พูดขึ้นมาพร้อมกัน ด้วยความแปลกใจ
“คุณตรัย”
ปริตารีบผลักตรัยออก แล้ววิ่งเข้าไปหาเพื่อน “มิ้นท์ ดาว”
“คุณตรัยมาได้ไงคะ?”
รัญชิตาถามตรัย ปัทมาศมองด้วยความแปลกใจ
“เธอรู้จักคุณตรัยด้วยเหรอ?”
“ยิ่งกว่ารู้จักซะอีก นี่คุณตรัย ว่าที่คู่หมั้นฉัน คุณตรัยเป็นคนที่คุณแม่ฉันเลือกให้ แล้วฉันก็โอเคแล้วด้วย จบไหม?”
ปัทมาศตัดสินใจพูดขึ้นมา “ ฉันรักคุณตรัย”
รัญชิตาถึงกับตกใจเมื่อรู้ว่าปัทมาศรักตรัย ปริตารีบพูดตัดบท
“มิ้นท์ ดาว มีหลายเรื่องที่เราต้องคุยกัน ไปกันเถอะ”
ปริตาหาทางพาปัทมาศและรัญชิตาออกไป แต่ตรัยเล่นเกมรุกทันที
“ผมขอโทษที่เกิดเรื่องแบบนี้ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
ปริตาจ้องหน้าตรัยอย่างไม่พอใจ
“ถ้าคุณไม่ได้ตั้งใจและเจตนาดีกับพวกเรา คุณกลับไปเถอะค่ะ”
ตรัยไม่ฟังเสียง แต่กลับเดินเข้ามาอธิบายกับรัญชิตาและปัทมาศ
“ฉันขอโทษที่เกิดเรื่องแบบนี้ ดาว ฉันรู้สึกดีที่เธอมอบความรู้สึกดีๆให้ฉัน”
ปัทมาศน้ำตาคลอ จากนั้นตรัย ก็หันมาบอกรัญชิตา
“ผมชื่นชอบในตัวคุณนะ คุณฉลาดและมีเสน่ห์ และเป็นคนพิเศษที่คุณแม่เลือกไว้ให้ผม ผมเองก็ลำบากใจ และรู้สึกผิดที่ทำให้พวกคุณผิดใจกัน ทางออกที่ดีที่สุดคือ....”
ปริตา ปัทมาศและรัญชิตามองตรัย รอฟังการตัดสินใจของเขา
“ผมขอเป็นฝ่ายไปเอง”
ปัทมาศและรัญชิตารู้สึกเศร้า มีเพียงปริตาที่ยิ้มพอใจ
“คุณตรัยคะ คุณไม่ได้ทำอะไรผิด”
รัญชิตาพูดพลางจะเดินตามตรัยไป แต่ปริตารีบจับตัวไว้
“มิ้นท์ เราต้องคุยกันนะ”
ตรัยแอบยิ้มอย่างสะใจ ที่วางระเบิดให้เพื่อนรักผิดใจกัน
“ในเมื่อพวกเธอรู้ความจริงหมดแล้ว เขาเองก็ถอดใจ ฉันขอให้เรื่องนี้จบนะ”
ปริตาบอกกับเพื่อนทั้งสอง รัญชิตาสวนขึ้นทันที
“ฉันไม่จบ มันไม่แฟร์กับคุณตรัยที่ต้องไป ทั้งๆที่เขามีใจให้ฉัน”
ปัทมาศแย้งขึ้นมาบ้าง “แต่เขาก็ชอบฉัน”
“ดาว ฉันไม่นึกเลยนะว่าเธอจะกล้าเถียงฉัน”
“ ฉันไม่ได้เถียงเธอ ฉันเพียงแต่พูดความจริง”
ปริเทพที่ยืนฟังอยู่อีกมุมหนึ่ง ถึงกับหน้าสลด ปัทมาศพูดต่อ
“คุณตรัยเขาดีกับฉัน เขาแคร์ฉัน เขาเป็นผู้ชายที่อยู่เคียงข้างฉัน พร้อมจะปกป้องฉัน”
รัญชิตาสวนขึ้นอย่างไม่พอใจ
“เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว เขาคือว่าที่คู่หมั้นของฉัน แล้วที่สำคัญ เธอเองก็มีพี่เทพอยู่ทั้งคน”
ปริเทพยืนลุ้นว่าปัทมาศจะตอบอย่างไร
“ฉันไม่เคยรักพี่เทพ”
“แต่พี่เทพรักเธอมากนะดาว” ปริตาพูดด้วยความสงสารพี่ชาย
“ที่ผ่านมาฉันพยายามรักษาน้ำใจพี่เทพ ฉันไม่ได้คิดอะไรเกินเลย ในใจฉันตอนนี้ มีเพียงคุณตรั ย เพียงคนเดียว”
ปริเทพถึงกับน้ำตาซึมเมื่อรู้ความจริง ก่อนที่จะรีบเดินออกไป
ปัทมาศเข้าไปจับมือขอร้องรัญชิตา
“มิ้นท์ เธอเข้าใจฉันใช่มั้ย?”
“ฉันไม่เข้าใจ แล้วฉันไม่ยอมยกคุณตรัยให้เธอ”
ปริตาทนไม่ไหว
“พวกเธอหยุดกันได้แล้ว พวกเธอกำลังทะเลาะกันเพียงเพราะผู้ชายเลวๆ คนนึง”
ปริเทพรีบเดินเข้ามาขวางหน้าตรัย
“คุณอย่ามายุ่งกับผู้หญิงของผม”
ตรัยยิ้มเยาะ
“คุณถามเธอรึยัง? ว่าคุณเป็นผู้ชายของเธอรึเปล่า?”
ขาดคำปริเทพพุ่งเข้ามาต่อย ตรัยต่อยกลับ
“อ้อม คุณตรัยทำอะไร? พูดมาสิ?”
ปัทมาศคาดคั้นถาม
“คุณตรัยจะข่มขืนฉัน ฉันไม่คิดจะเล่าเรื่องนี้ เพราะไม่อยากให้กระทบกับการฝึกงาน และฉันหวังว่าไม่ต้องเจอเขาอีก แต่ไม่นึกว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้”
รัญชิตาและปัทมาศฟังเรื่องเล่าของปริตา แล้วคิดตัดสินใจ
พลศิษฎ์วิ่งเข้ามาแยกตรัยที่กำลังแลกหมัดกับปริเทพแบบไม่มีใครยอมใคร
“พวกคุณหยุดเถอะ มันเกิดอะไรขึ้นครับคุณปริเทพ คุณตรัย?”
ตรัยจ้องหน้าปริเทพ
“ผมไม่เคยคิดแย่งของใคร แต่ถ้าคุณอยากร่วมเล่นเกมกับผม มันก็ทำให้เกมนี้สนุกขึ้น”
พูดจบตรัยก็เดินออกไป ปริเทพตะโกนไล่หลัง
“ผมไม่ยอมเสียดาวให้คุณเด็ดขาด”
พลศิษฎ์แปลกใจ เมื่อรู้ว่าตรัยมีปัญหาแย่งชิงปัทมาศกับปริเทพ ทั้งๆ ที่ตรัยเป็นว่าที่คู่หมั้นของรัญชิตา
“ฉันขอร้องล่ะ ตัดใจจากเขาเถอะ”
ปริตาพูดอ้อนวอนรัญชิจากับปัทมาศด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ทั้งคู่กลับหาว่าปริตาสร้างเรื่องโกหก ก่อนที่ทั้งคู่จะพูดจาโต้เถียงกัน จนในที่สุดรัญชิตาก็พลั้งปากออกมาว่า
“ถ้าเธอคิดจะใช้สิทธิ์ความเป็นเพื่อน มาแย่งผู้ชายของฉัน งั้นเราก็อย่ามาเป็นเพื่อนกันเลย”
ปัทมาศ กับปริตาได้ยินก็ถึงกับอึ้ง จังหวะเดียวกับที่พลศิษฎ์เดินเข้ามา
“มีอะไรกันรึเปล่า? เกี่ยวข้องกับคุณตรัยไหม? เมื่อกี้คุณตรัยชกต่อยกับคุณปริเทพ”
รัญชิตาหันมาเล่นงานปัทมาศทันที
“ได้ยินแล้วใช่มั้ยดาว เธอเป็นตัวปัญหา ไม่อยากให้มันแย่ไปกว่านี้ ก็ทำในสิ่งที่ถูกต้อง”
พูดจบรัญชิตาก็เดินออกไป พลศิษฎ์รีบตามไป
ปริตาเดินเข้ามาจับมือปัทมาศ ที่ยืนร้องไห้ตัวสั่น
“ดาว อย่าเพิ่งวู่วามคิดอะไรไปตอนนี้”
ปัทมาศเอามือปริตาออก “ฉันอยากกลับบ้าน”
ปริตายืนมองเพื่อนสองคนที่แยกกันเดินออกไปคนละทาง เสมือนเป็นจุดเริ่มต้นของความแตกร้าว
ปริตายืนอยู่หน้าเตาเผา ยืนมองเปลวไฟที่พุ่งเผาโลงศพแม่
สัปเหร่อปิดเตาเผาเสียงดัง เสมือนการปิดจบความสัมพันธ์ของเพื่อนรักทั้งสามคน
ปริตายืนมองควันไฟที่ลอยออกจากปล่องเมรุ แล้วก็น้ำตาไหล เศร้าเสียใจกับการจากไปของแม่ และปัญหาของเพื่อน
พลศิษฎ์ขับรถพารัญชิตาออกจากวัด
ปริเทพยืนอยู่มุมหนึ่ง เศร้าใจที่ต้องสูญเสียแม่ และมองไปยังปัทมาศ ที่เดินออกไป ด้วยความเศร้าใจ และผิดหวัง
เสาวลักษณ์เดินเข้ามาโวยวายใส่ตรัยถึงห้องทำงาน
“คุณชาลินีเล่นงานแม่ บอกว่าลูกไปคบหาผู้หญิงอื่น ทำให้หนูรัญชิตาเสียใจ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?”
ตรัยแกล้งพูดยั่ว
“ขอโทษนะครับ ผมนึกไม่ออกว่าเป็นคนไหน เพราะมีผู้หญิงผ่านเข้ามาในชีวิตจนผมจำไม่ได้”
“ฉันไม่สนใจว่าจะเป็นใคร แต่แกต้องเลิกยุ่งกับผู้หญิงพวกนั้นให้หมด”
“แล้วทำไมคุณแม่ไม่ใช้เงินฟาดหัวซื้อเหมือนที่เคยทำล่ะครับ?” ตรัยพูดท้าทาย พลางย้อนนึกถึงตอนที่แม่ใช้เงินจ้างให้คนรักเลิกกับเขา
“เรื่องใช้เงินซื้อใจคน คุณแม่ถนัดไม่ใช่เหรอครับ?”
“งั้นแกก็บอกมาว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ฉันจะไปซื้อ”
ตรัยยิ้มเย้ยแล้วเปลี่ยนเรื่อง
“ถ้าคุณแม่จะมาคุยเรื่องนี้ ผมขอตัวนะครับ ผมมีงานสำคัญที่ต้องทำ”
พูดจบตรัยก็ถือเอกสารจะเดินออกไป
“คุณชาลินีกับฉันร่วมกันจัดงานเดินแบบการกุศล แกต้องไปเดินแบบงานนี้”
เสาวลักษณ์สั่งเสียงเข้ม ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 2 (ต่อ)
ปริตาเอาโกฏิใส่กระดูกแม่ วางไว้บนหิ้ง แล้วพนมมือไหว้ ปริเทพเดินเข้ามาหา
“อ้อมจะกลับกรุงเทพพร้อมพี่ไหม ? ”
“อ้อมตัดสินใจแล้ว อ้อมจะหางานทำที่นี่”
“พี่ไม่เห็นด้วยนะ ที่นี่ไม่มีงานที่เหมาะกับอ้อม แล้วอีกอย่าง พ่อคงมารังควานไม่เลิก กลับไปกรุงเทพเถอะ พี่จะย้ายจากระยองมาอยู่กับอ้อมที่บ้านน้าลัดดา อ้อมจะได้อยู่ใกล้เพื่อนๆ ด้วย”
ปริตานึกถึงเรื่องของรัญชิตาและปัทมาศด้วยความเศร้าใจ
“อ้อมขอคิดดูก่อนนะคะ”
จังหวะนั้นปริเทพก็หันไปเห็นเจ๊จอยเข้ามาในบริเวณบ้าน
“เจ๊จอยมาทำไม ?”
เจ๊จอยเอาป้ายมาแขวนติดไว้ที่หน้าบ้าน ปริตาและปริเทพเดินเข้ามาถามอย่างสงสัย
“เจ๊ทำอะไรอ่ะ?”
“เจ๊ติดประกาศขายบ้านนะสิ”
ปริตามองเห็นป้ายประกาศขายบ้านก็ตกใจ
“เจ๊อย่าเพิ่งขายนะ บ้านนี้เหมือนเป็นตัวแทนของแม่”
“ที่ผ่านมาแม่เราผลัดวันประกันพรุ่ง เจ๊เบื่อทวง ขายไปจะได้เงินก้อน”
ปริตาตัดสินใจ “อ้อมจะซื้อบ้านหลังนี้เองจ้ะ”
ปริเทพตกใจ “อ้อมจะเอาเงินจากไหน ?”
“จะทำงานผ่อนเจ๊ทีละเดือน เจ๊ไม่เอานะ เดี๋ยวเจ๊ตายก่อนได้ใช้เงิน”
“อ้อมขอเวลาสามเดือน จะจ่ายเป็นดาวน์ แล้วอ้อมจะรีบหาเงินก้อนจ่ายให้ครบนะจ๊ะ อ้อมไหว้ล่ะ เห็นแก่แม่ด้วยเถอะ”
เจ๊จอยพยักหน้า “งั้นเจ๊ให้เวลาแค่เดือนเดียว หาเงินดาวน์ให้ได้ก่อน แล้วค่อยว่ากัน แต่ถ้าไม่ได้ เจ๊ก็จะขายให้คนอื่น”
ปริตายกมือไหว้ “ ขอบคุณเจ๊มากจ้ะ”
เจ๊จอยหยิบป้ายขายบ้านเดินออกไป ปริตายิ้มอย่างมีความหวัง
“เงินเป็นแสน อ้อมจะหาจากไหน ?”
“อ้อมจะยอมรับงานทุกรูปแบบ ?”
ชาญวุฒิถามย้ำกับปริตา
“ค่ะ งานอะไรก็ได้ ขอให้ได้เงินดีๆ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ทำงานกับพี่ มีแต่ได้กับได้ เริ่มงานแรกเลยนะ เดินแบบวันวาเลนไทน์”
ลัดดาวัลย์ที่กำลังตรวจเช็คสภาพชุดที่หุ่น เลื่อนหุ่นเข้ามาถามด้วยความสนใจ
“แล้วใช้เสื้อผ้าของใคร?”
ชาญวุฒิรีบบอก “ก็ห้องเสื้อลัดดาวัลย์สิ เพื่อนไม่ช่วยเพื่อนแล้วจะไปช่วยหมาที่ไหน?”
พลางหันมาทางปริเทพ
“น้องเทพต้องเดินแบบด้วย”
ปริเทพตกใจ “ให้เด็กช่างไปเดินแบบเนี่ยนะ เก้งก้างอายเขาตาย ผมไม่เอาด้วยหรอก”
ปริตารีบพูดทันที “ไหนพี่เทพบอกว่าจะช่วยฉัน เพื่อบ้านของเราเอาค่าจ้างเดินแบบมามาสมทบดาวน์บ้าน โอเค?”
ปริเทพหมดหนทางปฎิเสธ ชาญวุฒิรีบบอกต่อ
“แล้วที่น้องเทพต้องตื่นเต้นกว่าก็คือน้องดาวมาเดินแบบด้วย”
ปริเทพยิ้มดีใจที่จะได้เจอกับปัทมาศ ขณะที่ปริตาแอบกังวลใจเรื่องปัญหาระหว่างเพื่อน
ปัทมาศนั่งจ้องมองตุ๊กตาหมีของตรัย แล้วก็ร้องไห้ เพราะหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ พลันเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น หน้าจอปรากฏชื่อปริตาโทร. เข้ามา ปัทมาศคิดตัดสินใจ…
รัญชิตาเดินเข้ามาที่ดาดฟ้าตึกที่ประจำ ที่ทั้งสามมักจะมาเป็นประจำ
“แกเรียกฉันมาทำไม?”
ปริตาเดินเข้ามาหา “ฉันดีใจนะที่แกยอมมา”
“มีอะไรก็พูดมาสิ”
ปริตาส่ายหน้า “ฉันไม่มี แต่ดาวมี”
ปัทมาศเดินเข้ามา รัญชิตามองอย่างไม่พอใจ แล้วหันมาพูดใส่หน้าปริตา
“ไหนแกบอกว่ามีเรื่องส่วนตัวกับฉัน เพื่อนทรยศ ฉันจะไม่คุยกับแกอีก”
พูดจบก็จะเดินหนีไป ปริตารีบพุดขึ้นมาทันที
“ถ้าแกเดินออกไป เราก็ไม่ใช่เพื่อนกัน”
รัญชิตาหยุดชะงัก ก่อนจะหันกลับมาต่อว่าปริตา
“ทำไมแกต้องกดดันฉันด้วย ?”
“เพราะฉันรักแก”
“ฉันก็รักแก แต่ไม่เกี่ยวกับยัยดาว”
ปัทมาศพูดขึ้นมาบ้าง “เกี่ยวสิ เพราะฉันก็เป็นเพื่อนเธอนะ มิ้นท์”
รัญชิตาหันขวับไปทันที “เพื่อนกันเขาไม่หักหลัง ไม่ชิงคนรักหรอก”
“แล้วถ้าฉันเลิกยุ่งกับเขา เธอยังจะรักฉันไหม? มันไม่ง่ายเลยที่จะตัดใจ ฉันรักคุณตรัย แต่ฉันกลับไปคิดดู ฉันรักเขาน้อยกว่ารักพวกเรา”
พูดจบปัทมาศพูดร้องไห้ออกมา
“เธอพูดจริงใช่ไหม ?”
รัญชิตาถามย้ำ ปัทมาศพยักหน้ารับทั้งน้ำตา
“ฉันดีใจนะที่เธอคิดได้”
รัญชิตาโผเข้ากอดปัทมาศ ปริตาเดินเข้ามากอดทั้งคู่ไว้
“ต่อจากนี้ไม่มีผู้ชายคนนั้นมาทำลายความสัมพันธ์ของเราอีก”
รัญชิตาแปลกใจ “แกหมายความว่าไง ?”
“แกต้องเลิกคบกับเขาด้วย”
รัญชิตาส่ายหน้า ไม่พอใจ “ไม่นะ”
“แกต้องแฟร์กับดาวสิ ดาวยอมตัดใจ แกเองก็อย่าเห็นแก่ตัว และที่สำคัญ เขาไม่ได้รักแก เขากำลังเล่นเกม”
“ฉันไม่สนหรอกว่าจะเป็นเกมอะไร แต่ฉันชอบเขาแล้ว ฉันต้องเอาชนะใจเขาให้ได้”
ปริตาถอนหายใจ “แกกำลังเล่นกับไฟ ถ้าแกรักพวกฉัน แกต้องเลิกกับเขา”
“นี่แกกดดันฉันอีกแล้วนะ”
รัญชิตาหน้าเครียด ปัทมาศพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฉันไม่รู้ว่าคุณตรัยจะเป็นอย่างที่อ้อมพูดรึเปล่า แต่ฉันขอเชื่ออ้อม เชื่อในความรักและความหวังดีของเพื่อน”
ปริตาหันมาทางรัญชิตา
“แล้วแกล่ะ เชื่อใจพวกเรารึเปล่า?”
รัญชิตาคิดตัดสินใจ ว่าจะเลือกเพื่อนหรือผู้ชายที่รัก ที่สุดแล้วก็เดินเข้ามาหาเพื่อนๆ ปริตาและปัทมาศยิ้มดีใจ เข้าสวมกอดกัน
“ให้มันได้งี้สิ เพื่อนรัก”
ทั้งสามคนโผเข้ากอดกัน ปริตาดีใจที่ทำให้เพื่อนกลับมารักกัน ขณะที่ความรู้สึกของรัญชิตายังคงสับสน และลังเล
“แกจะเลิกคบหาคุณตรัยไม่ได้”
ชาลินีประกาศิตเสียงเข้ม จนรัญชิตาต้องแย้งขึ้นมา
“คุณแม่จะให้มิ้นท์คบกับเขา ทั้งๆที่ยัยอ้อมยืนยันว่าเขาเป็นคนไม่ดีอย่างนั้นเหรอคะ?”
“ยัยอ้อมน่ะตัวร้าย มันคิดล้างสมองแก แกไม่ทันมันหรอก มันนั่นแหล่ะมารยาร้ายลึก”
“คุณแม่คะ คุณแม่อคติกับอ้อมเกินไปแล้วนะคะ”
ชาลินีสวนขึ้นทันที “แกก็หลงเพื่อนมากเกินไป ฟังฉันนะ ยัยอ้อมคบหากับแก หวังอ่อยพี่แก มันจะได้สบายไปทั้งชาติ”
พิศิษฎ์ที่ยืนฟังอยู่อีกมุมหนึ่ง ส่ายหน้าอย่างเอือมระอาที่ชาลินีอคติกับปริตา
“พอฉันขวาง มันก็เปลี่ยนแผนยุให้แกเลิกกับคุณตรัย มันอิจฉาคิดจะแย่งคุณตรัย”
รัญชิตาเริ่มคิดตามที่ชาลินีพูด
“ฉันกล้าการันตี คุณตรัยไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้อย่างที่มันพูด”
พิชัยที่เดินเข้ามา รีบแทรกขึ้นทันที
“อย่าเชื่อตัวเองให้มากนัก สิ่งที่เห็นอาจไม่เป็นอย่างที่คุณคิด ลูกโตแล้ว แยกแยะได้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี พ่อยอมรับในการตัดสินใจของลูก”
ชาลินีไม่ยอมแพ้ “คุณหาว่าฉันเผด็จการงั้นสิ ใช่สิ คุณมันรักเสรีออกไปกินเด็กทุกคืน ครั้งหน้าเอาเข็มกลัดมาเป็นที่ระลึกด้วย คงได้ครบทุกทบวง”
“คุณอย่ามาพาลผมสิ พูดอะไรก็เกรงใจผมบ้าง”
“แล้วไอ้ที่คุณทำ เคยคิดถึงหน้าฉันบ้างไหม?”
รัญชิตาเอือมระอา จึงเดินเลี่ยงหนีไป พลศิษฎ์มองตามด้วยความสงสาร
รัญชิตาเดินเข้ามาในห้องนอน พลศิษฎ์เดินเข้ามาพุดปลอบ
“ยังไม่ชินอีกเหรอ?”
“ตั้งแต่มิ้นท์จำความได้ มิ้นท์ก็โตมากับเสียงพ่อแม่ทะเลาะกัน ในขณะที่บ้านอื่นเขาโตมากับเสียงเล่านิทาน ถ้าพ่อแม่ไม่รักกัน ก็น่าจะหย่าซะ”
“พ่อกับแม่แยกทาง มิ้นท์แน่ใจเหรอว่าจะมีความสุข?”
พลศิษฎ์ย้อนถาม รัญชิตาถึงกับอึ้งไป
“ไม่รู้สิ อาจจะดีขึ้น แต่มิ้นท์คงอายเพื่อนๆ”
“คุณแม่ก็คงเหมือนเราล่ะ ไม่ยอมหย่าเพราะกลัวเสียหน้า”
รัญชิตาพยักหน้าเข้าใจ แล้วพูดเปลี่ยนเรื่อง
“พี่มาร์ทก็แปลกคน เขาไม่รักยังจะเข้าข้างเขาอีกเป็นมิ้นท์นะ ใครทำให้มิ้นท์เจ็บ มิ้นท์ต้องเอาคืนให้สาสม”
“คนที่รักกัน เขาไม่คิดทำร้ายกันหรอก”
“รักมาก ก็เกลียดมากนี่”
พลศิษฎ์ส่ายหน้า “อย่างนั้นคงไม่เรียกว่าความรัก”
รัญชิตายังคลางใจในการตัดสินใจของปริตา
“ พี่มาร์ทเพอร์เฟคทุกอย่าง ทำไมยัยอ้อมถึงไม่ยอมเปิดใจ หรือว่ายัยอ้อมมีใคร?”
“อ้อมจะรักพี่ได้ไง คุณแม่คอยสกัดทุกทาง แต่พี่ไม่ยอมแพ้หรอก ปัญหามีไว้ให้แก้ อุปสรรคมีไว้ให้สู้”
รัญชิตายิ้มให้กำลังใจพี่ชาย
ตรัยกำลังจะเดินเข้าไปยังด้านในโรงแรม พอเห็นศิโรจน์เดินเข้า ก็รีบบอกให้ไปแจ้งให้ทีมงานหานางแบบใหม่ เพราะนางแบบเดิม “วงแตก” แล้ว
ศิโรจน์มองไปด้านหลังตรัยก็ยิ้มออกมา ”วงแตก รึบอสหน้าแหก?”
ตรัยหันกลับไปมองตามสายตาของศิโรจน์ ก็เห็นปริตา รัญชิตา และปัทมาศ เดินมาด้วยกันจากลานจอดรถ
ตรัยทักทายทั้งสามคนด้วยอาการปกติ
“ผมดีใจนะครับที่จะได้เจอพวกคุณ”
ปริตายิ้มเย้ย “ดีใจรึแปลกใจคะที่เห็นเรามาพร้อมหน้า?”
ตรัยรีบเก็บอาการ แล้วหันไปคุยกับปัทมาศ
“ฉันไม่คิดว่าเธอจะกล้าเดินแบบ”
ปริตาหันไปบีบมือ ปัทมาศพูดตามที่ปริตาสอนไว้
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนดาวคงไม่กล้าหรอกค่ะ แต่คุณเป็นคนสอนดาว ให้ก้าวพ้นความกลัว”
“ขอบคุณนะคะ ที่ทำให้เพื่อนฉันกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง”
ปริตาพูดจาดี แต่แววตาเย้ยหยัน ตรัยจึงเสหันไปหารัญชิตา พลางยื่นมือไปจับ
“อย่างน้อยเราก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ ใช่มั้ยครับ?”
“ขอโทษค่ะ เราเริ่มต้นที่คนรัก มิ้นท์ไม่เคยเรียนรู้ที่จะเป็นเพื่อนกับคุณ”
ตรัยชักมือกลับ รู้สึกเสียหน้าที่โดนสาวๆรุมตอกหน้า..
ปัทมาศจูงมือรัญชิตากับปัทมาศออกไป แต่ไม่วายหันไปเย้ยตรัยทิ้งท้าย
“ทฤษฎีความเห็นแก่ตัวของคุณ ใช้ไม่ได้กับพวกฉัน เสียใจด้วยนะคะ”
ตรัยเจ็บใจที่โดนปริตาตอกหน้า
“เกมเพิ่งเริ่มต้นต่างหาก”
“ฉันว่าคำพูดที่เธอสั่งให้พวกเราพูดเมื่อกี้มันแรงไปนะ”
ปัทมาศแอบกังวล รัญชิตาเองก็เห็นด้วย
“ใช่ เขาเป็นถึงลูกชายเพื่อนสนิทคุณแม่ฉัน ฉันกลัวพ่อแม่จะมองหน้ากันไม่ติด”
ปริตาถอนหายใจ
“ฉันรู้ว่ามันไม่ง่ายแต่ไม่ยากที่จะทำ ลบความทรงจำนั้นออกให้หมด พวกแกต้องอยู่กับปัจจุบัน และมองไปยังอนาคต ตัดเรื่องผู้ชายแล้วกลับมาสู่เป้าหมายของตัวเอง”
ปัทมาศและรัญชิตาคิดตามที่ปริตาพูด กลับมาสู่เป้าหมายของตัวเอง
“ฉันจะทำงานเก็บเงินซื้อบ้านให้ได้” ปริตาพูดพลางหันไปมองปัทมาศ
“ฉันอยากทำงาน พิสูจน์ให้แม่เห็นว่าฉันโตแล้ว ดูแลตัวเองได้”
ปริตายิ้มรับแล้วหันไปหารัญชิตา
“ฉันรวยสวยเก่ง ฉันไม่มีเป้าอะไรอีก”
“ลืมฝันของเธอแล้วเหรอ?”
รัญชิตานึกขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “จริงสิ ฉันจะต้องเป็นซุปตาร์เบอร์หนึ่งของวงการ”
ปริตายิ้ม “พวกเราจะช่วยกัน เดินไปสู่ความฝันด้วยกัน”
ทั้งสามคนโผเข้ากอดกัน พลันปริตาก็นึกได้ รีบลากปัทมาศและรัญชิตาออกไป
ปริตาเดินนำมาที่ห้องภายเดินแบบ รัญชิตาพูดล้อๆ
“ไม่เห่อไปหน่อยเหรอยะ ยังไม่ถึงคิวเดินเลย”
“ฉันชวนมาซ้อมต่างหาก มีบางคนใจสั่นขาสั่น ไม่มั่นใจอะ”
รัญชิตาหันไปมองปัทมาศ ปัทมาศยืนอึ้ง “ฉันเปล่านะ”
ปริตายกมือสารภาพ
“ฉันเอง งานนี้เป็นงานแรกของฉันนะ ที่ซ้อมมาลืมๆหมดแล้ว มิ้นท์ เธอเดินแบบตั้งแต่เด็กช่วยติวฉันอีกรอบนะ”
ปัทมาศยกมือด้วย “ขอด้วยคน กลัวเดินๆแล้วหน้าคะมำตกเวที”
รัญชิตายิ้มขำ “อย่าให้เสียชื่อมาถึงฉัน จัดไป”
กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 2 (ต่อ)
รัญชิตาช่วยปริตากับปัทมาศซ้อมบนเวที จากนั้นก็เดินให้ดูเป็นตัวอย่าง พลางเชิดหน้าอย่างมั่นใจมาหยุดกลางเวที ปริตาและปัทมาศปรบมือชื่นชม
“มืออาชีพยังอายอะ”
รัญชิตาโพสต์ท่าด้วยความมั่นใจ “เส้นทางซุปตาร์อยู่แค่เอื้อม”
จังหวะนั้นพริดาก็เดินเข้ามายิ้มเย้ย
“ยากหน่อยนะ ถ้าจะมาทับที่ฉัน”
ปริเทพเดินเข้ามาในแรงแรม พลางทักทายพลศิษฎ์ที่ยืนอยู่ก่อน พลศิษฎ์อดไม่ได้เลยตัดสินใจถาม“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าวันนั้น คุณมีปัญหาอะไรกับคุณตรัยรึเปล่า?”
ยังไม่ทันที่ปริเทพจะตอบ ตรัยก็เดินตรงเข้ามาชิงตอบเอง
“เราแย่งผู้หญิงคนเดียวกันครับ”
พริดาปราดเข้าไปหาสามสาว
“พวกเธอหลบไป ฉันจะซ้อมคิวฟินาเล่”
พูดพลางก็พยักหน้ากับดอกแก้ว แล้วเดินตรงไปกระแทกพวกปริตา
รัญชิตาไม่พอใจ จิกหัวพริดากับดอกแก้ว แล้วผลักออกไป จากนั้นก็พุ่งเข้ามาตบตีกัน ทันใดนั้น ต้อยติ่งก็เป่านกหวีดเสียงดัง ก่อนจะเดินนำชาญวุฒิวิ่งมาห้าม
ปริเทพมองตรัยนิ่งๆ เพราะไม่อยากมีปัญหา พลางหันไปพูดจาดีกับพลศิษฎ์
“ผมขอตัวไปเตรียมตัวด้านในนะครับ”
ตรัยพูดไล่หลัง “ในคิวเดินแบบ คุณเดินคู่กับดาว ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมจะเดินคู่กับดาวเอง”
ปริเทพหันขวับมา “คุณต้องการอะไร?”
“คุณประกาศจะแย่งชิงดาวกับผม? บังเอิญเกมนี้ผมถือไพ่เหนือกว่า ถ้ากลัวแพ้ก็ถอนตัวซะ”
พลศิษฎ์เห็นท่าไม่ดี รีบเข้ามาพูดปราม
“ผมขอโทษที่ก้าวก่ายเรื่องพวกคุณ คุณเทพรักดาวครับ และที่สำคัญ คุณเองก็เป็นคู่หมั้นน้องสาวผม คุณไม่ควรจะยุ่งกับดาว”
ตรัยยิ้มตอบ
“คุณคงยังไม่ทราบว่าคุณมิ้นท์ตัดความสัมพันธ์กับผมแล้ว ดังนั้นผมจะคบกับผู้หญิงคนไหนก็ได้ ที่ยังไม่ได้สวมแหวนแต่งงาน ผมขอตัวครับ”
พูดจบตรัยก็เดินออกไป ปริเทพมองตามไม่พอใจ รีบหันไปบอกพลศิษฎ์
“ผมว่าเป็นข่าวดีนะ ที่น้องสาวคุณเลิกยุ่งกับเขา”
“คุณคงไม่เปลี่ยนใจเลิกเดินแบบ?”
ปริเทพส่ายหน้า “เขาจะเดินกับน้องดาว ผมก็ต้องอยู่ดูแลน้องดาว คุณเองก็ควรจะปกป้องน้องสาวผมจากผู้ชายคนนี้”
พลศิษฎ์ยิ้มรับ อย่างพร้อมที่จะดูแลปริตา ไม่ให้ตรัยเข้ามาวุ่นวาย
“พี่ชาญคะ พวกนางแบบประกอบหาเรื่องพอลลี่ เล่นงานให้พอลลี่ด้วย”
พริดาชิงฟ้องชาญวุฒิ รัญชิตาไม่ยอมแพ้
“พี่ชาญคะ จัดคิวให้ยัยพอลลี่และดอกแก้วไปเดินเป็นตัวประกอบ”
พริดาโกรธ
“เธอใหญ่มาจากไหน ถึงมาสั่งปรับคิว พี่ชาญบอกพวกมันสิคะ ว่าก่อนหน้านี้พอลลี่รับงานเดินแบบแทบทุกวัน สร้างรายได้ให้พี่ชาญมากที่สุด”
รัญชิตายิ้มเยาะ “พี่ชาญคะ มิ้นท์เปลี่ยนใจแล้วค่ะ ไล่ยัยสองตัวนี่ออกไปจากงาน”
ชาญวุฒิมองพริดากับดอกแก้ว
“เดี๋ยวพี่หางานใหม่ให้”
“พอลลี่เป็นตัวทำเงินทำทองให้พี่ชาญนะ”
ต้อยติ่งเสนอหน้าเข้ามาอธิบาย
“ติ่งขออธิบายณจุดจุดนี้นะคะ น้องตัวเงินตัวทองคงยังไม่ทราบว่าสปอนเซอร์ใหญ่งานนี้คือคุณแม่ของน้องมิ้นท์ เข้าใจตรงกันนะคะ”
พริดากับดอกแก้วสะบัดหน้าออกไปจากงานด้วยความเจ็บใจทันที รัญชิตามองเย้ยด้วยความสะใจ
พริดาเดินออกมาที่หน้าโรงแรมด้วยความโมโห พอเห็นสมภพขับรถเข้ามาจอด และเดินลงจากรถ ก็รีบเดินตรงดิ่งไปทันที ดอกแก้วที่เดินมาด้วยกันมองตามอย่างแปลกใจ
พริดาร้องไห้โฮ ก่อนจะแกล้งวิ่งออกมาชนกับสมภพ
“ฉันเจอเธอทีไร เป็นต้องมีน้ำตา วันนี้ฉันไม่ได้ พกผ้าเช็ดหน้ามาด้วยสิ”
“พอลลี่เสียใจค่ะ พอลลี่โดนกลั่นแกล้ง”
พริดาร้องไห้จนพูดจาแทบไม่รู้เรื่อง
“หยุดร้องได้แล้วฉันฟังไม่รู้เรื่อง ฉันเปิดห้องไว้ ขึ้นไปคุยบนห้องแล้วกัน”
พริดายิ้มอย่างรู้ทัน “ค่ะ”
สมภพยิ้มพอใจประคองพอลลี่ไป ดอกแก้วยืนมองที่มุมหนึ่งอย่างอึ้งๆ พลางเหลือบไปเห็นปริตาเดินผ่านไป พร้อมๆ กับตรัยที่เดินตามมาติดๆ
ดอกแก้วมองอย่างแปลกใจและสงสัยในพฤติกรรม
ตรัยปราดเข้ามาดักหน้าปริตา แล้วพูดเย้ย
“เธอคิดว่าชนะฉันได้งั้นเหรอ?”
“คุณก็เห็นว่าผลลัพธ์เป็นยังไง?”
พูดจบปริตาก็จะออกผละไป แต่ตรัยรวบแขนไว้ก่อน
“เธอมันร้ายไม่เบาเลยนะ กันท่าเพื่อนแล้วเก็บไว้กินเอง โดนพ่อรีดไถ แล้วไหนต้องหาเงินซื้อบ้านอีกจะมีวิธีไหนหาเงิน ได้ง่ายเท่ากับจับฉัน”
ปริตาจ้องหน้าตรัยอย่างแปลกใจ “ คุณรู้เรื่องบ้านฉันได้ไง?”
พอเหลือบไปเห็นศิโรจน์ ที่รีบชิ่งหนีไป ปริตาจึงรู้ทันทีว่าศิโรจน์เป็นคนหาข้อมูลให้
“อะไรที่ฉันอยากรู้อยากได้ ไม่เกินความพยายามของฉันหรอก มันก็เหมือนกับเธอ ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อแย่งฉันจากเพื่อน นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ไม่มีรักแท้ในหมู่เพื่อน”
ปริตาไม่พอใจที่ตรัยเข้าใจเธอผิด ดอกแก้วแอบฟังเรื่องราวทั้งหมดก็ตกใจ คิดว่าปริตาจะแย่งแฟนเพื่อน จึงรีบถ่ายรูปทั้งคู่ เพื่อส่งให้พริดา
สมภพหันไปจูบพริดาที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยกัน
“เธอไปเตรียมตัว กลับไปเดินแบบได้แล้ว”
พริดาตื่นเต้นดีใจ “จริงเหรอคะ?”
“สื่อในมือฉันเอื้อต่อธุรกิจคุณชาลินี เขาไม่กล้าขัดฉันหรอก”
“ขอบคุณมากนะคะ พอลลี่จะไม่ลืมบุญคุณคุณสมภพเลย”
สมภพยิ้ม พลางมองด้วยสายตาหื่น
“หลังเดินแบบ เธอยังมีเวลาตอบแทนฉันทั้งคืน”
พริดายิ้มรับ พร้อมกับเห็นข้อความไลน์ในมือถือ จึงหยิบขึ้นมากดเปิดภาพ เห็นภาพปริตาอยู่กับตรัย
พริดาเปิดประตูห้องออกมา ดอกแก้วที่ยืนรออยู่รีบพูดย้ำ
“คอนเฟิร์ม พวกมันแย่งผู้ชายคนนี้”
พริดายิ้มเยาะ แล้วคิดแผนการไว้จัดการพวกปริตา
“แกไปตามยัยดาว ฉันไปจัดการยัยมิ้นท์เอง”
พูดจบก็รีบเดินออกไป ดอกแก้วยิ้มรับ แล้วหันกลับไปมองในห้อง สมภพอยู่ในสภาพเปลือยท่อนบน ยิ้มให้ดอกแก้วด้วยแววตาเจ้าชู้
“เราคงอ่านนิทานคนละเรื่องกัน ต่อให้ฉันไม่มีกิน ฉันก็จะไม่ยอมเป็นของคุณ”
ปริตาพูดใส่หน้าตรัย
“แล้วถ้าฉันสั่งให้เขาคัดชื่อเธอออกจากการเดินแบบ เธอก็เอาเงินที่ไหนไปดาวน์บ้าน?”
“คุณอย่าใช้วิธีสกปรก”
“ งั้นฉันมีข้อเสนอ ที่คนฉลาดอย่างเธอน่าจะสนใจ นอนกับฉันใช้เวลาแค่ชั่วโมงสองชั่วโมง แล้วฉันจะเซ็นเช็คให้ ฉันมั่นใจว่าเธอต้องขอต่อเวลาเพราะติดใจฉัน”
ปริตาโกรธจัดเงื่อมือจะตบหน้า แต่กลับถูกตรัยจับมือไว้
“อย่าเพิ่มมูลค่าด้วยวิธีนี้ ถึงฉันจะดูหื่นในสายตาเธอ แต่ลีลาบนเตียง ฉันอ่อนโยน ทำให้เธอเคลิ้มได้”
ตรัยยื่นหน้าจะเข้าไปจูบ ปริตาผลักออก รัญชิตาเดินเข้ามาที่มุมหนึ่งหยุดมองด้วยความตกใจ
พริดา เดินเข้ามาด้านหลัง แล้วพูดเย้ย
“เชื่อฉันรึยังว่าเพื่อนเธอร้ายยิ่งกว่างูพิษ”
รัญชิตาจะเข้าไปโวยวาย แต่ พลศิษฎ์ปราดเข้ามาขวาง
“มิ้นท์จะไปไหน? มีอะไรกัน?”
พลางเหลือบมองไป เห็นปริตาอยู่กับตรัยก็แปลกใจ
ตรัยพยายามจะกอดรัดปริตา พลศิษฎ์ตกใจจะเข้าไปหาปริตา แต่ต้องชะงัก เพราะได้ยินเสียงชาลินี โวยวายเสียงดัง
“นี่มันอะไรกันคะคุณหญิง”
เสาวลักษณ์เห็นภาพตรัยกอดปริตาก็พูดไม่ออก ตรัยผละออกจากปริตาชาลินีโวยวายต่อ“ลูกชายคุณหญิงคบหากับลูกมิ้นท์ แต่มากอดจูบกับผู้หญิงอื่น ทำอย่างนี้เท่ากับไม่ไว้หน้าดิฉัน”
เสาวลักษณ์หันมาเล่นงานปริตา
“จะว่าตรัยก็คงไม่ถูกนัก ผู้หญิงคนนี้คงตั้งใจจับลูกชายดิฉัน”
ปริตารีบปฎิเสธ “พวกคุณกำลังเข้าใจผิดค่ะ คุณป้าคะ อ้อมไม่เคยคิด”
ชาลินีสวนขึ้นทันที “ไม่ต้องแก้ตัว ถ้าลูกมิ้นท์มาเห็นกับตา คงหูตาสว่างสักที ว่าเธอหักหลัง”
รัญชิตายืนมองด้วยความผิดหวังและไม่พอใจ ตรัยมองเห็นรัญชิตาและพลศิษฎ์ยืนอยู่มุมหนึ่ง จึงตัดสินใจรุกเกมหนัก
“อย่าต่อว่าเธอเลยครับปริตาไม่ได้อ่อยผม ผมต่างหากที่เลือกเธอ”
รัญชิตาตกใจ ปัทมาศหยุดฟังอีกมุมหนึ่ง ก็อึ้งตามไปด้วย เดินเข้ามาที่มุมหนึ่ง ดอกแก้วที่ยืนอยู่ด้านหลังยิ้มสะใจ
ตรัยหันมาบอกชาลินี
“ผมไม่ได้รักลูกสาวคุณอาครับ ผมรักอ้อม”
พลางดึงตัวปริตาเข้ามากอดไว้
รัญชิตาเดินหนีออกไปทันที พลศิษฎ์รีบตามไป ปริตาหันไปมองเห็นรัญชิตาเดินออกไป ก็ตกใจ พริดายิ้มสะใจ พลางมองตรัยอย่างสนใจ
ชาลินีหันไปเห็นรัญชิตาเดินหนีไป ก็หันมาโวยวายใส่เสาวลักษณ์
“คุณหญิงต้องรับผิดชอบเรื่องนี้”
จากนั้นก็เดินตามรัญชิตาออกไปทันที
ปริตาดิ้นหลุดจากตรัย พร้อมกับรู้สึกเสียใจที่รัญชิตาและทุกคนเข้าใจผิด พลางหันไปเห็นปัทมาศยืนน้ำตาคลอ ก่อนจะรีบเดินหนีออกไป
ตรัยยิ้มพอใจ ที่ทำให้เพื่อนรักเข้าใจผิด
“ฉันไม่รู้ว่าคุณคิดอะไร? ต้องการอะไร? แต่อย่าดึงฉันไปอยู่ในเกมของคุณ”
ปริตาตบหน้าตรัยเต็มแรง แล้วรีบเดินออกไป ตรัยยิ้มสะใจ
รัญชิตาเดินมาหยุดที่มุมหนึ่ง แล้วก็ ร้องไห้ออกมา พลศิษฎ์รีบตามมาพูดปลอบใจ ชาลินีที่เดินตามเข้ามา ตวาดใส่หน้าลูกชาย
“แกมันหัวอ่อนถูกผู้หญิงจูงจมูก แกก็เห็นมันอ่อยคุณตรัย มันคิดจะแย่งคุณตรัยจากน้องสาวแก
รัญชิตากลับบ้าน”
รัญชิตาส่ายหน้า “มิ้นท์ไม่กลับค่ะ”
“แกจะอยู่ให้เพื่อนสารเลวเยาะเย้ยอย่างนั้นเหรอ”
“มิ้นท์จะไม่หนีหน้า ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายมิ้นท์ได้”
รัญชิตาพูดอย่างคิดตัดสินใจแล้วเดินออกไป พลศิษฎ์กังวลใจเพราะรู้นิสัยรัญชิตาดี
ชาลินีจำใจต้องอยู่ในงานต่อ เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง
“ตรัย แกต้องการหักหน้าฉัน ?”
เสาวลักษณะคอกใส่ตรัย
“ใช่ครับ ผมตั้งใจทำตั้งแต่วันรับปริญญา แต่เกิดแอ๊คซิเด็นท์ วันนี้ก็ไม่สายเกินไป คุณแม่คงสู้หน้าคุณชาลินีได้ยาก”
“ยังไงแกก็ต้องแต่งงานกับหนูรัญชิตา ฉันกำลังขอร่วมทุนธุรกิจกับคุณชาลินี”
ตรัยหัวเราะสะใจ “ในที่สุดคุณแม่ก็แบไพ่หมดหน้าตัก จับผมแต่งงานเพื่อต่อเงิน น่าสงสาร ที่คุณมิ้นท์ตกเป็นเหยื่อ แถมถูกเขี่ยออกจากเกมนี้”
“แกมันใจหิน ไม่เห็นค่าในความรัก คอยดูเถอะ สักวันกรรมจะเล่นงานแก”
ตรัยพูดย้อนทันที “เหมือนที่กรรมตามสนองแม่ตอนนี้ใช่มั้ยครับ?”
เสาวลักษณ์หันกลับมามองตรัย ก่อนจะเดินออกไป พร้อมกับมีแผนในใจ
ปริตาเดินเข้ามาหาปัทมาศที่ยืนรออยู่
“คุณตรัยบอกรักอ้อม? ฉันไม่เข้าใจ ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง?”
“ฟังนะดาว คุณตรัยโกรธที่ฉันคอยขวางไม่ให้มิ้นท์กับเธอคบหาเขา เขาก็เลยพูดไปอย่างนั้น ตั้งใจทำให้เราผิดใจกัน”
“คุณตรัยทำอย่างนั้นทำไม? เขาต้องการอะไร?” พูดพลางย้อนถาม “แล้วเธอชอบคุณตรัยรึเปล่า?”
ปริตาอึ้ง พลางปฎิเสธแบบไม่เต็มปาก
“ฉันไม่เคยคิดอะไรกับเขา เธอต้องเชื่อใจฉัน”
“อย่าโกหกฉันนะ เธอควรไปเคลียร์กับมิ้นท์ด้วยนะ มิ้นท์คงจะโกรธน่าดู”
ปริตาเดินมาที่หน้าห้องแต่งตัว ตั้งใจจะไปปรับความเข้าใจกับรัญชิตา ปัทมาศยืนอยู่ด้านหลัง คอยเป็นกำลังใจ
รัญชิตามองในกระจก เห็นปริตาเดินตรงเข้ามา
“ ไม่ต้องมาพูดอะไรทั้งนั้น”
“ฉันอยากอธิบายให้แกรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?”
รัญชิตาเสียงแข็ง “ฉันไม่ฟัง”
ปริตาผิดหวัง คิดว่ารัญชิตาโกรธเธอมาก
“เพราะฉันเชื่อใจแก”
“จริงเหรอ? แกไม่โกรธฉันแน่นะ”
รัญชิตายิ้ม “ฉันไม่สนใจเขาแล้ว ฉันจะสนใจคำพูดเขาทำไม แล้วอีกอย่างที่เขาพูดอย่างนั้น ฉันคิดว่าเขาเสียหน้า ก็เลยดึงเธอมาเป็นตัวละครกู้หน้า”
ปริตาปราดเข้าสวมกอดรัญชิตา “ฉันดีใจนะที่แกเข้าใจฉัน”
“ มาแต่งหน้าทำผมได้แล้ว เดี๋ยวไม่ทันหรอก”
ปริตากับปัทมาศยิ้มดีใจ ก่อนจะรีบเข้าไปนั่งเพื่อเตรียมแต่งหน้าทำผม รัญชิตามองเงาสะท้อนตัวเองในกระจก แล้วคิดอะไรบางอย่าง
กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 2 (ต่อ)
พริดายืนคิดวิธีแก้แค้นรัญชิตาให้สาสม พลางหันไปเห็นทีมงานกำลังราดน้ำมันใส่กระถางไฟ เพื่อใช้ตกแต่งเวทีเดินแบบ จึงรีบหันมาบอกดอกแก้ว
“ฉันจะเล่นงานให้มันเสียโฉม”
บรรยากาศหน้างาน ระหว่างที่ แขกต่างทยอยจะเข้าไปด้านใน เสาวลักษณ์รีบเดินเข้าไปหาชาลินี
“คุณชาลินีคะ ดิฉันขอยืนยันค่ะ ดิฉันต้องการหนูรัญชิตามาเป็นลูกสะใภ้”
“ถ้าคุณหญิงจริงใจ ก็ทำให้เห็นสิคะ ว่าคุณหญิงไม่ใช่สักแต่พูด”
เสาวลักษณ์หน้าสลดที่โดนตอกกลับ พิชัยเดินเข้าพอดี
“คุณหญิงอย่าซีเรียสเลยครับ ใครจะรักใครชอบใคร ก็ปล่อยไปตามใจ ยิ่งบังคับ ผมว่ามันยิ่งอึดอัด”
ชาลินีไม่พอใจที่พิชัยเข้ามาแทรก
“คุณสมภพเห็นด้วยกับผมมั้ยครับ?”
สมภพที่ตามเข้ามาสมทบ ยิ้มทักทายทุกคน
“ผมเห็นด้วยทุกประการครับ” พลางหันไปเรียกนักข่าวให้เข้ามาถ่ายรูป
เสาวลักษณ์ ชาลินีและพิชัย ปั้นหน้ายิ้มต่อหน้านักข่าว
เสาวลักษณ์มองนักข่าวแล้วยิ้มอย่างมีแผนการที่จะจัดการกับตรัย
ไฟบนเวทีสว่างขึ้น นางแบบคนแรกเดินออกมาโพสต์ท่ากลางเวที ผู้ชมในห้องปรบมือกันเกรียว จากนั้นนางแบบคนต่อไปก็เดินตามออกมา ดอกแก้วเดินออกมาเป็นคนที่สาม
พัชรินทร์ก้าวเข้ามาในบริเวณงาน ยืนมองหาปัทมาศ ชาญวุฒิหันไปมองอย่างกังวลใจ
“อย่าบอกนะว่าน้องดาวไม่ได้ขออนุญาตคุณแม่”
ลัดดาวัลย์รีบอาสา “ฉันไปช่วยรับหน้าไว้ดีกว่า ไม่งั้นพังแน่”
พูดพลางจะเดินไป แต่กลับถูกชาญวุฒิดึงตัวไว้
“จะถึงคิวกามเทพแล้ว เธอก็ต้องเตรียมตัวออกฟินาเล่ ต้อยติ่งพาลัดดาไปสแตนบาย”
ต้อยติ่งรีบพาลัดดาวัลย์ไปเตรียมตัวด้านหลังเวที ขณะที่ชาญวุฒิคิดแก้ปัญหา
บอลในชุดกามเทพ ใส่กางเกงสีขาวเปลือยอก มีปีกนกสีขาวอยู่ด้านหลัง ออกมาโพสต์หน้าเวที เสาวลักษณ์ยิ้มและปรบมือให้ด้วยความชื่นชม ชาลินีหันไปมองเสาวลักษณ์อย่างรู้ทัน
จากนั้นก็ถึงคิวพริดาที่ออกมาโพสต์ในชุดเจ้าสาวสั้น พิชัยมองด้วยความพอใจ ชาลินีเห็นอาการของพิชัย ก็เอามือไปกระทุ้งให้เก็บอาการ
พริดายิ้มโปรยเสน่ห์ให้สมภพ พิชัยเหลือบเห็น ก็นึกรู้ว่าเธอเป็นเด็กของสมภพ
บอลเดินเข้ามาแล้วควงพริดาเดินคู่กลับเข้าไปด้านหลังเวที
พลศิษฎ์กับปริเทพในชุดกามเทพ เปลือยท่อนบน ใส่ปีกด้านหลัง เดินออกมา ชาลินี พิชัย สมภพ ปรบมือชื่นชม
พัชรินทร์มองเห็นปริเทพ ก็ไม่พอใจ ขณะที่มองหาปัทมาศด้วยความกังวลใจ เพราะไม่เห็นด้วยที่ลูกสาวจะมาเดินแบบโชว์เนื้อหนังมังสา พลางย้อนนึกถึงตอนที่ปัทมาศรับปากว่าจะไม่มาเดินแบบในงานนี้แล้ว
ปริเทพหันไปมองเห็นพัชรินทร์ ก็แอบกังวลใจ แต่ก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป จนเดินกลับเข้าไปหลังเวที
พัชรินทร์ที่ต้องการไปเอาตัวปัทมาศออกจากการเดินแบบ ลุกขึ้นจะเดินไปที่ด้านหลังเวที ชาญวุฒิรีบเข้ามาทักทาย
“สวัสดีครับคุณแม่น้องดาว เป็นไงครับถูกใจ.....”
“ปัทมาศอยู่ไหน? ฉันจะพาลูกฉันกลับ”
“เอ่อ ไม่ทันแล้วล่ะครับ”
พัชรินทร์ หันขวับไปมองที่เวที
ปัทมาศในชุดเจ้าสาวสีชมพู เดินออกมาหน้าเวที พร้อมทั้งมีมีกลีบดอกกุหลาบสีชมพูโปรยลงมา
พัชรินทร์มองอย่างไม่พอใจ ปัทมาศมองไปเห็นพัชรินทร์ ก็ตกใจ แต่ก็ยิ้มสู้ เดินโพสต์ท่าต่อ ก่อนจะเดินกลับไปด้านหลังเวที
ปริตาในชุดเจ้าสาวสีขาว มีกลีบดอกกุหลาบสีขาวโปรยลงมา ผู้ชมปรบมือกันเกรียว เว้นแต่เสาวลักษณ์กับชาลินี ที่มองอย่างไม่พอใจ
พิชัยปรบมือให้ปริตาในฐานะเพื่อนสนิทของรัญชิตา ชาลินีปรายตามองอย่างขัดใจ
สมภพมอง ตะลึงในความสวยและมีเสน่ห์ รู้สึกสนใจปริตาทันที
ปริตาเห็นสายตาสมภพ ก็รีบหมุนตัว เดินกลับไปยังด้านหลังเวที
รัญชิตาในชุดเจ้าสาวสีแดงเดินออกมา พร้อมกับมีกลีบดอกกุหลาบสีแดงโปรยลงมา
เสาวลักษณ์ ชาลินี และพิชัยปรบมือชื่นชม ก่อนที่เธอจะเดินกลับไปยืนโพสต์อยู่กลางเวที
ปริตากับปัทมาศ เดินออกมาทางด้านซ้ายขวา แล้วยืนประกบเป็นภาพเจ้าสาวสามคนอยู่กลางเวที ท่ามกลางเสียงปรบมือจากคนดู
ตรัยในชุดเจ้าบ่าวหล่อสีขาว ถือช่อดอกกุหลาบสีแดงในมือ เดินผ่านนางแบบสามคนไป
โพสด้านหน้าของเวที
ชาญวุฒิและต้อยติ่งมองด้วยความชื่นชม ศิโรจน์เดินเข้ามา
“ผมเป็นเจ้าบ่าว ผมตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกเจ้าสาวคนไหน?”
ชาญวุฒิยิ้มรับ “ตามสคริปท์ ก็ต้องเป็นคุณรัญชิตาสิครับ”
ต้อยติ่งรีบเสริม “ใช่ค่ะ แผนเปิดตัวคู่รักไฮโซของคุณหญิงกับคุณชาลินี”
ตรัยถือช่อดอกกุหลาบหันกลับไปมองปริตา รัญชิตาและปัทมาศ
ปัทมาศมองตรัยด้วยความรักและยังคงอาวรณ์ ปริตามองอย่างไม่พอใจที่เขาดึงเธอเข้าไปในเกม ขณะที่รัญชิตามองอย่าง รอคอยให้เขายื่นช่อดอกกุหลาบตามคิว
เสาวลักษณ์มองตรัยอย่างไม่พอใจที่เขายังไม่ยื่นช่อดอกกุหลาบให้รัญชิตาตามทิ่เธอสั่ง
ตรัยมองช่อดอกกุหลาบในมือ แล้วเดินตรงไปหาปริตา ที่เหลือบตามองรัญชิตาด้วยความตกใจ
รัญชิตาเห็นภาพตรัยกำลังจะยื่นให้ปริตา ก็ตัดสินใจก้าวเดินออกมาคว้าช่อดอกกุหลาบไว้เอง แล้วก็เดินวนเสมือนเป็นการเดินแบบที่ออกแบบไว้ เข้าไปยืนโพสต์คู่กับตรัย
ปริตาไม่พอใจที่ตรัยจะเอาดอกไม้มาให้เธอ และทำให้เพื่อนๆ ผิดใจเธออีก
เสาวลักษณ์หันไปยิ้มให้ชาลินี
“ลูกตรัยทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้วนะคะ”
ชาลินียิ้มตอบเชิดๆ
พริดาเดินออกมาพร้อมกับกลุ่มนายแบบ และนางแบบ สวนกับกลุ่มของรัญชิตาที่กำลังจะเดิน พลางยิ้มเย้ยมีเลศนัย
ชาญวุฒิถือไมโครโฟนประกาศที่มุมหนึ่ง
“ขอเรียนเชิญคุณหญิงเสาวลักษณ์ และคุณชาลินี มอบช่อดอกไม้ให้กับคุณลัดดาวัลย์ เจ้าของห้องเสื้อลัดดาด้วยครับ”
เสาวลักษณ์หันไปบอกชาลินี “เรียนเชิญค่ะคุณชาลินี”
ต้อยติ่งและทีมงานถือช่อดอกไม้ ยื่นให้เสาวลักษณ์และชาลินี เพื่อมอบให้ลัดดาวัลย์
สมภพลุกขึ้นเดินมาหน้าเวที แล้วพูดแทรกคิวขึ้นมาหน้าตาเฉย
“ในฐานะสื่อมวลชน ผมขอมอบรางวัลขวัญใจสื่อ ให้กับเจ้าสาวที่สวยที่สุดครับ”
พูดจบก็ถือดอกกุหลาบเดินตรงไปที่กลุ่มนางแบบที่ยืนเรียงเป็นแถว
พริดายิ้มดีใจ คิดว่าสมภพจะขึ้นมามอบดอกไม้ให้เธอ เพื่อทำให้เธอโดดเด่นเป็นที่รู้จักของนักข่าว
รัญชิตายิ้ม คิดว่าสมภพจะมามอบดอกไม้ให้เธอ ในฐานะที่รู้จักกันและจะสร้างภาพให้นักข่าวสนใจเธอมากขึ้น
สมภพเดินตรงมา แล้วคุกเข่ามอบดอกกุหลาบให้ปริตา
“ด้วยรักจากใจครับ”
ปริตาตกใจ เสาวลักษณ์ชาลินีมองอย่างไม่พอใจที่สมภพเชียร์ปริตาออกนอกหน้า แต่ไม่ส่งเสริม
รัญชิตา
ชาญวุฒิรีบรับมุก ประกาศออกไมโครโฟน
“ปรบมือให้กับขวัญใจสื่อมวลชนด้วยครับ”
ปริตาจำต้องรับดอกกุหลาบ สมภพจับมือปริตาไว้ แล้วจะจุมพิต แต่เธอรีบชักมือกลับ แต่ยังยิ้มอย่างรักษามารยาท
ตรัยมองอย่างไม่พอใจ เช่นเดียวกับรัญชิตาที่ไม่พอใจที่ปริตาโดนเด่นกว่าเธอ
ชาญวุฒิประกาศต่อ “ขอเรียนเชิญนายแบบและนางแบบกิตติมศักดิ์ทุกท่าน ร่วมถ่ายภาพครับ”
ปริเทพเข้าไปควงปัทมาศเดินเป็นคู่แรก เพื่อเดินไปด้านหน้า พลศิษฎ์เข้าไปควงปริตา เดินเป็นคู่ที่สอง
พริดาจะก้าวควงบอลเดินออกไปเป็นคู่ที่สาม แต่รัญชิตาก้าวออกมา พลางหันไปพูดเย้ย
“นางแบบตัวประกอบอย่างเธอ คิวสุดท้าย”
จากนั้นก็หันไปยิ้มให้ตรัย ควงเธอเดินออกไป
พริดามองรัญชิตาด้วยสายตาเกลียดชัง จึงควงบอลเดินตามไปหลังรัญชิตาทันที ก่อนที่จะจงใจเหยียบชายกระโปรง หวังให้รัญชิตาล้มลงไปที่กระถางไฟ
รัญชิตาล้มลงไปข้างกระถางไฟอย่างเฉียดฉิว ปริตาหันกลับไปมองด้วยความตกใจ พริดาแม้จะผิดหวังที่รัญชิตาไม่ล้มลงไปที่กระถางไฟ แต่ก็ยิ้มเย้ยด้วยความสะใจ
รัญชิตารู้ว่าโดนแกล้ง ก็ลุกขึ้นมาแล้วหันไปจะเข้าไปโวยพริดา แต่ปริตารีบเข้าไปดึงตัวไว้ เพราะไม่อยากให้มีเรื่องกลางงาน
รัญชิตาเลือดขึ้นหน้า ผลักปริตาออกไปเต็มแรง จนล้มลงกับพื้น ตรัยหันไปเห็นปริตาล้มลงไปกองกับพื้น ก็ตกใจ
รัญชิตาเข้าไปโวยใส่พริดา “เธอจงใจแกล้งฉัน”
“ฉันไม่รู้เรื่องนะ”
ปัทมาศมองไปปริตา แล้วก็ร้องด้วยความตกใจ
“ไฟไหม้”
ปริตาหันกลับไปมอง เห็นชายกระโปรงชุดเจ้าสาวโดนเปลวไฟที่กระถางไฟ ก็ตกใจ กลุ่มผู้ชมและนักข่าวที่อยู่ใกล้ รีบถอยหนี
พริดาเห็นปริตาโดนไฟไหม้ก็สะใจ
ตรัยรีบถอดสูทออก แล้วเอาสูทไปดับไฟที่ชุดของปริตา ก่อนที่จะดึงตัวเธอออกมาด้วยความเป็นห่วง รัญชิตาไม่พอใจที่เห็นตรัยเป็นห่วงปริตา
พลศิษฎ์รีบเข้าไปดูแลปริตา ตรัยจึงออกห่างออกมา
“อ้อมปลอดภัยแล้วนะ”
“ค่ะ”
ชาญวุฒิเห็นความวุ่นวาย จึงรีบประกาศบอกช่างภาพและสื่อ
“ไม่ต้องตกใจนะครับ เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย ทางทีมงานขอเคลียร์พื้นที่ เรียนเชิญสื่อพี่ๆนักข่าวถ่ายภาพและสัมภาษณ์ด้านนอกครับ”
ต้อยติ่งรีบกันนักข่าวออกไป
ลัดดาวัลย์เข้าไปดูปริตาด้วยความเป็นห่วงหลาน พริดากลัวทุกคนจับได้ รีบพุ่งเข้าไปหาปริตา
“อ้อม เธอเป็นยังไงบ้าง มิ้นท์เข้าใจผิดว่าฉันแกล้งเขา เธออุตส่าห์มีน้ำใจมาห้าม ฉันขอโทษนะ”
รัญชิตาไม่พอใจที่ถูกโยนความผิดมาให้
“ยัยพอลลี่ ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อ เธอนั่นแหล่ะแกล้งฉัน”
พลศิษฎ์รีบเข้าไปปรามรัญชิตาไว้เพื่อรักษาภาพลักษณ์ ชาญวุฒิเห็นท่าไม่ดี รีบประกาศยุติปัญหา“ ในเมื่ออ้อมปลอดภัยแล้ว ก็ขอให้จบกันนะครับ เดอะโชว์มัสโกออน ขอให้ทุกคนกลับเข้าไปเติมแป้งตบหน้า แล้วออกมาถ่ายรูปให้สัมภาษณ์นักข่าวที่หน้างานนะครับ”
ทุกคน รีบเดินกลับเข้าไปทันที
จบตอนที่ 2