กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 5
ตรัยถึงกับแปลกใจเพราะเพิ่งทราบเรื่องจากหมอว่าเสาวลักษณ์เป็นโรคปลายประสาทอักเสบ
“โรคนี้ไม่ร้ายแรงแต่จำเป็นต้องดูแลอย่างใกล้ชิดครับ ถ้าร่างกายอ่อนแอ หรือมีความเครียดก็จะอ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง คุณตรัยต้องคอยดูแลสุขภาพท่านให้ดี โดยเฉพาะสุขภาพทางใจ”
ตรัยรับคำ พลางเดินตรงเข้าไปนั่งใกล้ๆ ดูแลแม่ด้วยความเป็นห่วง เมื่อเสาวลักษณืฟื้น ก็ยื่นคำขาดกับตรัยทันที
“ยาอะไรก็ไม่ทำให้ฉันหายได้หรอก นอกจากแกทำตามคำขอของฉัน เลิกยุ่งกับผู้หญิงคนนั้น”
ปริเทพแต่งตัวเตรียมออกไปข้างนอก ปริตาเดินมาเห็นก็เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“พี่จะไปไหน พี่ยังไม่ค่อยแข็งแรงเลย ดูสิ ยังมีรอยแผล เดี๋ยวอ้อมทำแผลให้”
“เจ็บแค่นี้ไม่ถึงตายหรอก”
“แต่ถ้าปล่อยให้เรื้อรังมันก็แย่หนักกว่าเดิม พี่ควรจะพักบ้าง”
ปริเทพฝืนยิ้ม “สำหรับพี่ การให้พี่นอนนิ่งๆ มันยิ่งทำให้พี่เจ็บหนักกว่าเดิม พี่คงเกิดมาเพื่อใช้แรงงาน ไม่ต้องห่วงพี่นะ”
ปริเทพเดินออกไป พอดีกับที่ชาญวุฒิกับต้อยติ่งหิ้วกระเช้าผลไม้มาเยี่ยม ลัดดาวัลย์ออกมาบอกปริเทพ
“ทุกคนเป็นห่วงเรานะ เราก็ควรจะห่วงตัวเองบ้าง”
“ผมขอบคุณทุกคนนะครับ ผมไม่เป็นไรจริงๆ”
ปริเทพยิ้ม พลางเบ่งกล้ามโชว์ ก่อนจะเอากระเช้าผลไม้วางไว้ แล้วเดินออกไปทำงาน ทุกคนมองตามอย่างเป็นห่วง ขณะที่ต้อยติ่งร้องไห้ ชาญวุฒิหันมาถามอย่างแปลกใจ
“เป็นอะไร?”
“ติ่งเห็นคุณเทพแล้วสะเทือนใจ ติ่งเข้าใจความรู้สึกคนที่แอบรัก มันช้ำใจ”
“แกรักใคร ?”
ชาญวุฒิย้อนถาม ต้อยติ่งหลบตา ไม่กล้าบอกความในใจว่าแอบรักชาญวุฒิ
“แอบรัก มันบอกไม่ได้ค่ะบอส”
ชาญวุฒิส่ายหน้า พลางหันมาทางปริตา
“อ้อม พี่รู้ว่าเราเร่งหาเงินดาวน์บ้าน พี่มีงานโฆษณาตัวใหม่ อยากให้อ้อมชวนดาวไปแคสด้วย”
“อ้อมไม่แน่ใจว่าดาวจะไปได้รึเปล่า ?”
“ช่วยพูดหน่อยสิ เขาอยากได้แก๊งเพื่อน พี่ว่ากรุ๊ปเราเหมาะสุด เล่นกันสนิทใจ”
ปริตานิ่งคิด
พลศิษฎ์เข้ามาดูแลรัญชิตา พลางพูดตื๊อเอาใจ ชาลินีเดินเข้ามามองด้วยความหมั่นไส้
“แกเลิกเอาใจได้แล้ว”
รัญชิตาเห็นชาลินีมาก็พลิกตัวหนี ดึงผ้าห่มคลุมปิดตัว
“คุณแม่อย่าว่าน้องอีกเลยครับ”
“ฉันเป็นแม่ ทำไมฉันจะบ่นจะด่าไม่ได้ แกก็เหมือนกัน ฉันยังไม่ได้สะสางคดีเมื่อวาน เลิกเข้าข้างออกหน้ารับแทนยัยอ้อม แล้วก็เลิกคิดที่จะให้ฉันยอมรับยัยอ้อมเป็นสะใภ้ มันเป็นไปไม่ได้ ไป ออกไปได้แล้ว”
คล้อยหลังที่พลศิษฎ์เดินออกไป ชาลินีก็หันมาเล่นงานรัญชิตาทันที
“อย่ามาทำตัวเป็นคนขี้แพ้ให้ฉันเห็น นี่ไม่ใช่เวลามานอนซมอมทุกข์ให้เพื่อนแกหัวเราะเยาะ
แกต้องลุกขึ้นมาแต่งเนื้อแต่งตัว ออกไปเผชิญหน้า”
รัญชิตาหน้าเศร้า “มิ้นท์จะกล้าสู้หน้าใครได้อีก คนเขานินทาว่ามิ้นท์โดนถอนหมั้น”
ชาลินียักไหล่ “ก็แค่ถอนหมั้น ต่อไปก็จัดงานแต่ง”
“มันจะเป็นไปได้ยังไง ยัยดาวคงไม่ยอม”
“มันไม่กล้าขัดคำสั่งแม่มันหรอก เมื่อเช้าคุณหญิงโทรมาขอโทษขอโพยฉัน ยืนยันว่าคุณตรัย
ต้องแต่งงานกับแก เชื่อฉันสิ ยังไงเขาก็ต้องมา มาขอโทษแก”
รัญชิตามองหน้าแม่อย่างไม่ค่อยมั่นใจ
ปริตามาหาปัทมาศที่บ้าน แต่เจอป้าอรมาดักหน้าไว้ พลางบอกว่าปัทมาศไปช่วยงานพัชรินทร์ที่โรงเรียน
ปริตาผิดหวังที่ไม่ได้เจอปัทมาศ จะเดินออกไป แต่แล้วเสียงของปัทมาศก็ดังลงามจากชั้นบน
“ป้าอรคะ ช่วยดาวด้วย ป้าอร”
ปริตาตัดสินใจวิ่งขึ้นไปยังห้องของปัทมาศทันที
“ดาว ดาว”
ปัทมาศดีใจ รีบวิ่งไปที่ประตู
“อ้อม ช่วยฉันด้วย พาฉันออกไปที”
ปริตาอยู่หน้าห้อง พยายามหาทางช่วยปัทมาศ ป้าอรรีบเดินตามขึ้นมา
“อ้อม กลับไปเถอะ”
“ป้าอรไม่รักไม่สงสารดาวเหรอคะ”
ป้าอรถอนหายใจ “อ้อมก็รู้ว่าป้าเป็นแค่คนนอก ป้าไม่มีสิทธิ์มีเสียง”
“แต่ดาวเป็นหลานป้านะคะ ยิ่งทำอย่างนี้ ยิ่งทำให้ใจดาวเตลิด อย่ากังขังดาวเลยค่ะ ปล่อยดาวนะคะ”
ปริตาวิงวอนขอร้อง ป้าอรคิดตัดสินใจ ในที่สุดก็ยอมไขประตูให้ปัทมาศออกไปกับปริตา
“อ้อมสัญญานะคะ อ้อมจะดูแลดาวอย่างดี”
“ไปบ้านคุณตรัยก่อนนะ”
ปัทมาศรีบหันมาบอกปริตา
“ดาว ฉันขอคุณป้าพาเธอออกไปทำงานนะ”
“ฉันไม่มีสมาธิทำงานหรอก ฉันอยากเจอเขา อยากรู้ว่าเขาจะทำยังไงต่อไป”
“ฉันไปคุยให้เธอแล้ว”
ปัทมาศรีบถามต่อ “แล้วเขาว่าไง ?”
“เขายังไม่ได้ตอบอะไร”
“เธอไม่ใช่ฉันนี่ ถ้าเป็นฉันเขาก็ต้องตอบ เพราะเขาแคร์ฉัน พาฉันไปหาเขาก่อนนะ”
พอทั้งคู่มาถึงบ้านตรัย ป้าน้อยก็รีบบอกว่าเขาไม่อยู่ ปัทมาศออกปากจะขอขึ้นไปเยี่ยมเสาวลักษณ์ แต่ปริตาปรามไว้
“อย่าเลยดาว มันไม่เหมาะ”
“งั้นดาวขอรอคุณตรัยที่นี่นะคะ”
ปริตารีบบอกยายน้อย “ฝากบอกคุณตรัยว่าเราแวะมาหานะคะ อ้อมลาล่ะค่ะ”
ปริตาไหว้ลา แล้วพาปัทมาศออกไป
ที่แท้ตรัยขับรถหารัญชิตา เพื่อทำตามที่เสาวลักษณ์ขอร้อง
ปัทมาศไม่พอใจที่ถูกปริตาลากพาตัวออกมา
“อ้อม เธอคิดอะไรของเธอ ฉันจะเยี่ยมคุณหญิง เธอก็ห้าม ฉันจะรอคุณตรัย เธอก็ไม่ยอม”
“คุณหญิงท่านไม่สบายก็มีสาเหตุมาจากพวกเรานะ แล้วฉันห้ามเธอรอที่นี่ เพราะไม่อยากให้ตรัยรู้สึกว่าเธอกดดันเขา คนอย่างคุณตรัยไม่ชอบผู้หญิงจู้จี้ มันทำให้เขาอึดอัด”
ปัทมาศพูดเหน็บกลับ
“แหม รู้ใจคุณตรัยเหลือเกิน นี่ถ้าฉันไม่รู้ว่าเธอทำงานกับคุณตรัยมานาน คงคิดว่าเธอแอบรักคุณตรัย อ้อม หรือว่าเขาไปหามิ้นท์? เราไปบ้านมิ้นท์กัน”
ปริตารีบพูดสวนทันที
“ถ้าเขาไปที่นั่นจริง ก็ต้องปล่อยให้เขาได้เคลียร์กัน”
“แล้วถ้ามิ้นท์ไม่ยอมเลิกล่ะ ?”
ปริตาส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้หรอก คุณอาพิชัยโกรธคุณตรัยมาก”
“ฉันอยากเจอมิ้นท์ ไปขอโทษมิ้นท์”
“เชื่อฉันเถอะ รอให้เขาปรับความเข้าใจกันก่อน ไม่งั้นเธอจะยิ่งทำให้ทุกอย่างมันยากขึ้น ได้เวลาที่ฉันนัดพี่ชาญแล้วล่ะ ไปกันเถอะ”
ตรัยเดินเข้าไปในบ้าน ก็เจอกับพลศิษฎ์พอดี
“คุณกลับไปเถอะ”
“ผมขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอครับ”
ตรัยเดินตรงไปเพื่อจะขึ้นไปหารัญชิตา พลศิษฎ์ปราดเข้าไปชกหน้าเขาอย่างแรง
“หยุดทำร้ายน้องผมได้แล้ว หลายคนไม่เห็นด้วยที่ผมจะยกน้องสาวให้คุณ เพราะความเจ้าชู้ของคุณ และหลายครั้งคุณก็ดึงเอาอ้อม คนรักของผมไปเกี่ยวข้อง ผมก็ยังให้โอกาสคุณได้พิสูจน์ตัวเอง แต่วันนี้คุณก็ทำให้ผมเห็นแล้วว่า ผมไม่ควรเสียเวลาคบหากับคุณ เชิญครับ ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ”
ตรัยจำยอมจะออกไป พอดีกับที่รัญชิตาเดินลงมา
“พี่มาร์ทอย่าเสียมารยาทไล่แขกของมิ้นท์”
ตรัยและพลศิษฎ์แปลกใจที่รัญชิตไม่มีทีท่าซึมเศร้า
“คุณมิ้นท์ครับ ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย”
“มิ้นท์ก็มีเรื่องอยากคุยกับคุณค่ะ งั้นเราไปคุยกันข้างนอกนะคะ
“มิ้นท์ พี่ไม่ให้เราไปกับคุณตรัยเด็ดขาด”
พลศิษฎ์พูดพร้อมกับเข้ามาดึงแขนรัญชิตาไว้
“พี่มาร์ทคะ มิ้นท์ไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ มิ้นท์ตัดสินใจเองได้”
รัญชิตาแกะมือพี่ชายออก แล้วเดินไปหาตรัย
“ไปกันเถอะค่ะ”
ปริตาพาปัทมาศเข้ามาไหว้ชาญวุฒิ
“สวัสดีค่ะพี่ ขอโทษด้วยนะคะที่มาสาย”
ชาญวุฒิยิ้ม “มาช้าดีกว่าไม่มา ขอบใจน้องดาวมากนะที่มาช่วยแคส ต้อยติ่งพาเข้าไปแต่งหน้าแต่งตัวให้เรียบร้อย”
ปัทมาศตามต้อยติ่งไป ปริตาหันไปคุยกับชาญวุฒิ
“พี่ชาญคะ อ้อมไม่ได้โทรชวนมิ้นท์นะคะ อ้อมไม่อยากให้มิ้นท์เจอดาว”
ชาญวุฒิตกใจ “เอ้า แล้วไม่บอกพี่ก่อน เมื่อเช้าพี่โทรบอกน้องมิ้นท์แล้ว”
“รบกวนพี่ชาญโทรไปแคนเซิ่ลก่อนได้ไหมคะ?”
ชาญวุฒิส่ายหน้า “ไม่ทันแล้วล่ะ”
ปัทมาศเดินตรงมาในห้อง แล้วก็แปลกใจ ที่เห็นรัญชิตานั่งอยู่ก่อนแล้ว
ปริตาเป็นห่วง รีบตามเข้าไปที่ห้องแต่งตัวทันที
ปัทมาศเดินเข้าไปประจัญหน้ากับรัญชิตา
“มิ้นท์ เธอโอเคไหม ?”
“ไม่โอเค. ฉันไม่มาหรอก”
ปัทมาศอึกอัก “มิ้นท์ ฉัน...”
“มัวชวนคุยอยู่ได้ เธอมาสายรีบมาแต่งหน้าได้แล้ว”
ปริตาเดินเข้ามาพอดี “มิ้นท์เธอดีขึ้นแล้วใช่ไหม ?”
“นี่ก็อีกคนล่ะ เป็นโรคติดต่อรึไง ถามคำถามซ้ำซาก”
ปริตารีบบอก “พวกเธอมีอะไรคาใจ ฉันว่าเราคุยกัน ปรับความเข้าใจกันเถอะ”
“ฉันไม่คุยด้วยแล้ว เดี๋ยวไม่ทันแคส พี่ชาญบอกว่าโฆษณาชิ้นนี้ออนแอร์ทั่วประเทศ AEC เลยนะ ฉันไม่อยากพลาดงานอินเตอร์ มาเร็ว”
พูดจบรัญชิตาก็เดินกลับไปนั่งแต่งหน้าด้วยท่าทีปกติ จนปริตาและปัทมาศค่อยคลายกังวล
ขณะที่ตรัยนั่งดื่มกาแฟรออยู่ที่ร้านกาแฟข้างๆ สตูดิโอ พลางนึกแปลกใจว่าทำไมรัญชิตาถึงยังไม่ยอมคุยกับเขาสักที
“โฆษณามือถือตัวใหม่นี้ จะเน้นความน่ารักสดใสของกลุ่มเพื่อนที่รักกันมาก”
ชาญวุฒิบอกรายบละเอียดให้ปริตา รัญชิตา และปัทมาศฟัง พร้อมกับที่ต้อยติ่งแจกตัวอย่างมือถือให้ทั้งสามสาว
“พี่จะมีเพลงให้ เราทั้งสามร้องเต้น ทำอะไรก็ได้ พรีเซ้นต์ความสดใส มิตรภาพ ความรักให้ชัดที่สุด โอเคนะ พี่บันทึกเทปยาวเลย”
ตรัยเดินตรงเข้ามาที่ห้องสตูดิโอ แล้วก็ต้องแปลกใจ ที่เห็นปริตา รัญชิตา และปัทมาศอยู่ด้วยกัน โดยที่ปริตาคั่นอยู่ตรงกลางระหว่างปัทมาศกับรัญชิตา
ตรัยนึกรู้ทันทีว่ารัญชิตาจงใจพาเขามาที่นี่เพื่อให้เจอกับปัทมาศ
ชาญวุฒิเปิดเพลงจังหวะสนุกสนา ปริตา รัญชิตา ปัทมาศเต้น และร้องเพลงด้วยกันอย่างสนิทสนม ปัทมาศยังเกร็งๆ ไม่กล้าเข้าไปเล่นกับรัญชิตามากนัก..
ตรัยมองดูการแคสติ้งของสาวๆด้วยความกังวล ชาญวุฒิและต้อยติ่งมองภาพที่สามสาวแสดงออกถึงความน่ารักและความรักที่มีต่อกันด้วยความพอใจ
ตรัยค่อยๆ เดินเลี่ยงออกไป
“ฉันดีใจนะที่เราสามคนได้มาร่วมงาน สนุกด้วยกัน แล้วขอบใจพวกเธอมากที่มาแคสติ้งเพื่อฉัน”
ปริตาหันมาบอกกับเพื่อนทั้งสอง รัญชิตารีบพูดทันที
“แกต้องการเงิน บอกฉันก็ได้ ไม่ต้องมาเหนื่อยทำงาน”
“ที่ดินของฉัน ฉันก็ต้องช่วยตัวเอง ฉันไม่อยากให้เธอต้องมาเดือดร้อนเพราะฉัน”
“แกห่วงความรู้สึกฉันเสมอ ขอบใจมากอ้อม”
ปัทมาศกลับรู้สึกว่ารัญชิตาจงใจกระทบเธอ
“มิ้นท์ เธอหายโกรธฉันแล้วใช่มั้ย ฉันขอโทษจริงๆนะ”
“อยากเคลียร์กับฉันใช่ไหม ?”
น้ำเสียงของรัญชิตาแข็งกร้าวขึ้นมาทันที
“จะให้ฉันทำยังไง เธอถึงจะสบายใจ ฉันยินดีนะ”
“ไปกับฉัน”
รัญชิตาจับมือปัทมาศเดินออกไป ปริตามองตามอย่างแปลกใจ
รัญชิตาเดินนำปริตากับปัทมาศมาหาตรัย
“คุณตรัยมาทำอะไรที่นี่คะ?”
ปัทมาศถามด้วยความดีใจ
“คุณตรัยไปหาฉันที่บ้าน ฉันก็เลยขอร้องให้คุณตรัยช่วยพามาที่นี่”
ปริตาไม่อยากให้เกิดเรื่อง รีบพูดขึ้นมา
“มิ้นท์ ฉันกับดาวกลับก่อนนะ แล้วจะโทรหา”
“จะรีบไปไหนล่ะ อยู่คุยด้วยกันสิ ดาวเองก็อยากรู้ไม่ใช่เหรอ ว่าคุณตรัยจะตัดสินใจยังไง?”
ปริตาและปัทมาศรู้ทันทีว่ารัญชิตาจงใจพาตรัยมาเคลียร์
กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 5
“คุณตรัยเองก็อยากจะเคลียร์เรื่องนี้”
ตรัยมองทุกคนอย่างลำบากใจ “คุณมิ้นท์ครับ ผมขอคุยกับคุณมิ้นท์เป็นการส่วนตัวนะครับ”
“ไม่มีอะไรต้องเกรงใจแล้วค่ะ เราสามคนต่างเกี่ยวข้องกันหมด คุณตรัยพูดมาเถอะค่ะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันเชื่อว่าดาวรับได้ค่ะ”
ปริตาเหลือบมองปัทมาศอย่างเป็นห่วงความรู้สึก
“คุณตรัยพูดมาเถอะค่ะ ดาวอยากฟังความจริง ความในใจของคุณตรัย”
ตรัยอึกอัก “ดาว ผมขอโทษ ที่ทำให้คุณเสียหาย ผมรู้ว่ามันทำให้คุณมีปัญหากับคุณแม่ ผมขอโทษจริงๆกับเรื่องที่เกิดขึ้น”
ปริตาตกใจคิดว่าตรัยบอกเลิกปัทมาศ จึงรีบเข้าไปกอดปลอบใจไว้
“คุณมิ้นท์ครับ ผมขอโทษ”
รัญชิตาสวนขึ้นมาทันที “ไม่ต้องขอโทษมิ้นท์เรื่องข่าวที่ออกไปหรอกค่ะ เราประกาศจัดงานแต่งของเรา ก็กลบข่าวนั้นได้หมด”
“ผมขอโทษนะครับที่ทำให้คุณเสียใจ มันยังไม่สายเกินไปที่คุณจะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนที่ดีกว่าผม”
ปริตาและปัทมาศมองตรัยอย่างแปลกใจ
“คุณตรัยหมายความว่าไงคะ ?” รัญชิตาย้อนถาม
“ผมจำเป็นต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ผมทำ เพราะมันได้ทำลายชีวิตดาวไปแล้ว”
ปัทมาศยิ้มดีใจที่ตรัยเลือกเธอ รัญชิตาทั้งตกใจและเสียใจ
“ทำไมคุณถึงใจร้ายกับฉัน คุณก็รู้ว่าคุณแม่กับทำธุรกิจกับคุณแม่ฉัน คุณทำอย่างนี้เท่ากับ
คุณไม่รักแม่คุณ”
“ผมรู้ว่าผมทำให้คุณแม่เสียใจ และทำลายอนาคตทางธุรกิจ แต่มันก็แก้ไขได้ แต่สำหรับดาว มันเป็นความผิดพลาดที่ไม่มีใครเยียวยาได้นอกจากผม ผมขอโทษจริงๆ”
รัญชิตาตบหน้าตรัย แล้ววิ่งออกไปทันที ปริตารีบวิ่งไล่ตามไปด้วยความเป็นห่วง
“แกอย่าเพิ่งวู่วามสิ แกต้องทำใจให้ได้นะ”
รัญชิตาโวยวายลั่น “เขาไปหาฉันที่บ้าน ฉันคิดว่าเขาจะมาขอโทษ มาขอคืนดี ฉันก็เลยชวนเขามาที่นี่ ฉันอยากให้เขาได้เจอยัยดาว แล้วบอกกับยัยดาวกับปากเขาเอง ว่าเขาเลือกฉัน แต่เขาบอกเลิกฉัน แกเป็นฉัน แกจะทำใจรับเรื่องนี้ได้ไหม ตอบฉันมา”
ปริตามองเพื่อนอย่างสงสาร
“ฉันทำใจไม่ได้ แต่ฉันก็ต้องยอมรับ ยังมีผู้ชายดีๆที่เขารักแกจริง แกจะเอาชีวิตมาทิ้งไว้กับเขาทำไม ทั้งๆที่แกก็เห็นว่าเขาเจ้าชู้ แล้วที่สำคัญ ดาวเป็นของเขาแล้ว ดาวเป็นเพื่อนแกนะ”
รัญชิตาน้ำตาคลอ ทั้งโกรธ ทั้งผิดหวัง
“แกเข้าข้างยัยดาว จ้องอิจฉาทำร้ายฉัน คุณแม่ฉันคอยเตือนให้ระวังพวกแก ฉันไม่เคยเอะใจสักนิดเพราะฉันไว้ใจ แต่พวกแกหักหลังฉัน”
“แกฟังฉันก่อนนะ”
“ไม่ ฉันไม่ฟังใครอีกแล้ว ต่อไปนี้ ฉันจะฟังใจของตัวเอง”
รัญชิตาผลักปริตาออกไป แล้วก็ขึ้นรถ ก่อนจะขับพุ่งออกไปอย่างเร็ว
ปัทมาศเดินเข้าไปกอดตรัยด้วยความดีใจ
“ดาวดีใจนะคะที่คุณแคร์ดาว คุณรักดาวใช่มั้ยคะ ?”
ตรัยพูดไม่ออก เพราะมันไม่ใช่ความรัก แต่เป็นความรับผิดชอบ
“ฉันขอไปส่งคุณมิ้นท์ก่อนได้ไหม ฉันไม่อยากให้เธอขับรถไปในอารมณ์แบบนี้ มันอันตรายเกินไป”
ปัทมาศรีบพูดดักขึ้นมาทันที
“มิ้นท์เข้มแข็งไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ คุณตรัยไปส่งดาวได้ไหมคะ ดาวอยากให้คุณได้เจอคุณแม่ คุณแม่คงดีใจที่คุณไปขอขมาท่าน คุณไปกับดาวนะคะ”
ตรัยจำต้องพยักหน้ารับคำ
รัญชิตาขับรถไปตามถนนด้วยความเร็ว ทันใดนั้นก็มีรถคันหนึ่งวิ่งเลี้ยวออกมาจากซอย เธอตกใจ รีบหักรถหลบ จนรถเกือบพุ่งชนผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินอยู่
รัญชิตาตกใจและยังอยู่ในอารมณ์โกรธ กดแตรด้วยความโกรธและคลั่ง
ทางด้านปริตาก็รีบโทร.หาพลศิษฎ์
“พี่มาร์ทคะ มิ้นท์โทรหาพี่รึเปล่าคะ?”
“มีเรื่องอะไร?”
พลศิษฎ์นิ่งฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นจากปริตา
“เราจะทำยังไงดีคะ?”
“อ้อมรอพี่อยู่ที่นั่นนะ เดี๋ยวพี่ไปรับ”
ปริตาวางสายจากพลศิษฎ์ พร้อมๆ กับที่ตรัยเดินเข้ามาหา
“เธอคงพอใจแล้วใช่ไหม ที่ฉันทำตามความต้องการของเธอ”
“คุณไม่ได้ทำเพื่อฉัน แต่คุณทำเพื่อความถูกต้อง ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป ฉันอยากให้คุณช่วยโทร.หามิ้นท์ ฉันอยากรู้ว่าเพื่อนฉันอยู่ที่ไหน? ถ้าคุณโทรไป มิ้นท์คงรับสาย”
รัญชิตายืนร้องไห้เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่บนดาดฟ้าของตึกร้าง จังหวะเดียวกับสายเรียกเข้าจากตรัยดังขึ้น เธอรีบปาโทรศัพท์ทิ้งด้วยโกรธ
ตรัยกดตัดสาย แล้วเดินมาบอกปริตา
“ติดต่อไม่ได้แล้ว คุณมิ้นท์คงปิดเครื่อง”
ปริตาหน้าเครียด “ฉันเป็นห่วง กลัวมิ้นท์จะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่”
“อย่าเพิ่งคิดมาก ฉันจะโทรหาคุณอาพิชัยกับคุณอาชาลินี เผื่อท่านจะรู้ว่าคุณมินท์อยู่ที่ไหน ฉันฝากบอกดาวด้วย แล้วพรุ่งนี้ฉันจะไปหาดาวที่บ้าน ไปขอขมาคุณแม่ของดาว”
ตรัยจะเดินออกไป ปริตารีบบอก
“ขอบคุณนะคะที่คุณทำเพื่อเพื่อนฉัน”
ตรัยพยักหน้าแล้วเดินออกไป ปัทมาศเดินกลับเข้ามาพอดี
“อ้อม คุณตรัยล่ะ?”
ป้าอรรอปัทมาศกลับมาด้วยความกระวนกระวายใจ ครู่หนึ่งก็มีเสียงคนเดินเข้ามา
“กลับมาแล้วเหรอลูก ?”
แต่คนที่เดินเข้ามากลับเป็นพัชรินทร์ ที่จ้องหน้าป้าอรอย่างไม่พอใจ
“พี่ปล่อยให้ดาวออกไปได้ยังไง”
“คุณแม่โทรมาหลายรอบแล้ว เธอรีบกลับไปก่อนเถอะ”
ปริตารีบหันมาบอกปัทมาสด้วยความเป็นห่วง
“ฉันก็เป็นห่วงมิ้นท์ไม่น้อยกว่าเธอนะ”
“อย่าทำให้แม่เธอโกรธหนักกว่านี้เลย เธอกลับไปบอกท่าน พรุ่งนี้คุณตรัยจะไปขอขมา”
“ติดต่อมิ้นท์ได้ แล้วรีบโทรบอกฉันนะ”
ปริตารับคำ ปัทมาศเปิดประตูรถแท็กซี่ จากนั้นโชเฟอร์ก็ขับเคลื่อนออกไป
พลศิษฎ์จอดรถที่มุมหนึ่ง รีบลงจากรถมาหาปริตา
“อ้อมคิดว่ามิ้นท์จะไปที่ไหนได้บ้าง ?”
รัญชิตาขับรถมาเบรกจอด พยายามควบคุมอารมณ์โกรธ พลางคิดถึงความสัมพันธ์ที่มีต่อกันมานาน ก่อนที่จะตัดสินใจที่จะไปเคลียร์กับปัทมาศอีกครั้ง
ปริตากับพลศิษฎ์วิ่งขึ้นไปที่ตึกร้าง เพื่อตามหารัญชิตา แต่กลับพบเพียงซากโทรศัพท์ของรัญชิตา
“พี่มาร์ท มิ้นท์มาที่นี่ค่ะ ตั้งแต่อ้อมรู้จักกันมา อ้อมไม่เคยเห็นมิ้นท์โกรธมากขนาดทำร้ายข้าวของเลย”
พลศิษฎ์กังวลใจมาก เพราะรู้นิสัยน้องสาวดี
“พี่มาร์ท อ้อมกลัวมิ้นท์จะคิดสั้น”
“ไม่หรอก มิ้นท์เข้มแข็ง ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก แต่พี่กลัวมิ้นท์จะทำร้ายคนอื่น”
“พี่มาร์ทหมายความว่าไงคะ?”
พลศิษฎ์หน้าเครียด “อ้อมก็รู้นิสัยเพื่อนอ้อมดี ถ้ามีเรื่องคาใจมันไม่จบง่ายๆหรอก”
พลันเสียงโทรศัพท์มือถือของปริตาก็ดังขึ้น
“คุณอาพัชรินทร์ ค่ะ อะไรนะคะ ดาวยังไม่กลับถึงบ้าน”
ปริตากดวางสาย หน้าตาเคร่งเครียด
“เรารีบไปบ้านดาวกัน”
“พี่มาร์ทไม่ตามหามิ้นท์แล้วเหรอคะ ?”
“มิ้นท์อาจไปบ้านดาว ไปเคลียร์กับดาว”
ปริตาตัดสินใจโทร.หาปริเทพ แต่กลับโดนพี่ชายต่อว่ามาทางปลายสาย
“ต่อไปไม่ต้องโทรบอกพี่อีกนะ พี่ไม่อยากรับรู้เรื่องของดาว”
“พี่เทพไม่ห่วงดาวเหรอคะ?”
“แค่นี้นะอ้อม พี่ต้องทำงาน”
ปริตาผิดหวังที่ปริเทพไม่สนใจเรื่องของปัทมาศ
พัชรินทร์ร้อนใจ กำลังจะออกไปแจ้งความจับปริตา ป้าอรตกใจ
“คนรู้จักกัน ไม่น่าทำถึงขนาดนี้เลย”
“พี่ไม่ต้องมาห้ามฉัน พี่ปล่อยยัยดาวไป พี่ก็ต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นคนรู้จักหรือไม่รู้จัก ถ้าทำให้ลูกฉันเป็นอะไรไป ฉันไม่ยอมแน่”
ตรัยจอดรถที่ริมถนน เพื่อเปิดอ่านข้อความวิดีโอ เป็นคลิปที่ปัทมาศบันทึกไว้ที่บริเวณร้านดอกไม้
“คุณตรัยคะ ดาวอยากให้คุณตรัยแวะมาหาดาวที่บ้าน มาขอขมาคุณแม่ดาวค่ะ ดาวจะรอคุณตรัยที่หน้าซอยนะคะ”
ตรัยคิดตัดสินใจ ขณะที่ปัทมาศยืนกุมโทรศัพท์ คาดหวังว่าตรัยจะต้องมาหาเธอ
ป้าอรรอคอยปัทมาศและพัชรินทร์อย่างกระวนกระวายใจ ครู่หนึ่งปริเทพก็เดินเข้ามา
“น้องดาวกลับมารึยังครับ ?”
ป้าอรบอกกับปริเทพด้วยความเป็นห่วงปัทมาศ
“ป้าฝากด้วยตามหาหลานดาวด้วยเถอะ”
“ครับ ผมจะพาน้องดาวกลับมาอย่างปลอดภัยครับ”
ปริเทพรับคำ ก่อนจะขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปเพื่อตามหาปัทมาศ
ปัทมาศวิ่งข้ามถนนไปจะเดินเข้าไปที่ซอย จังหวะเดียวกับที่ข้อความมือถือดังขึ้น เป็นข้อความเสียงของตรัย
“ฉันจะเข้าไปขอขมาคุณแม่เธอ รอฉันด้วย”
ปัทมาศฟัง แล้วยิ้มอย่างความสุข ก่อนจะตัดสินใจโทรศัพท์หาพัชรินทร์
“คุณแม่คะ”
“ปัทมาศ เธออยู่ที่ไหน ?”
“คุณแม่ไม่ต้องห่วงดาวนะคะ ดาวกำลังจะกลับเข้าบ้านค่ะ”
“บอกฉันมาเธออยู่ที่ไหน ?” พัชรินทร์ถามย้ำ
“คุณแม่รอดาวอยู่ที่บ้านเถอะค่ะ ดาวจะพาแขกคนสำคัญไปพบคุณแม่ พร้อมกับข่าวดีค่ะ”
“ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ฉันจะไปรับเธอ”
พัชรินทร์แปลกใจที่ปัทมาศเงียบไป ที่แท้แบตมือถือของเธอหมด ด้วยความเป็นห่วงลูกจึง ตัดสินใจเดินออกไปตามหา
ปัทมาศไม่ได้ยินเสียงพัชรินทร์ก็คิดว่าแม่วางสายไปแล้ว พลางหันไปมองร้านดอกไม้ฝั่งตรงข้ามแล้วก็นึกได้
“พานธูปเทียนขอขมา”
จากนั้นก็ตัดสินใจวิ่งข้ามถนนไปทันที ปริเทพขี่มอเตอร์ไซค์ออกมาจากซอย มองไปตรงหน้า
“ดาว”
รัญชิตาขับรถมาด้วยความเร็ว มองไปตรงหน้าเห็นปัทมาศวิ่งตัดหน้าก็ตกใจ กดแตรเสียงดังลั่น ปัทมาศได้สติหันกลับไปมองทางรถ ก็ตกใจ
รัญชิตาเบรกไม่ทัน รถพุ่งชนปัทมาศจนกระเด็นล้มลงไป ดอกกุหลาบกระจายเกลื่อนถนน เธอรีบหักรถหลบ ห่างออกมา จังหวะเดียวกับที่รถของพลศิษฎ์วิ่งเข้ามา เห็นร่างของปัทมาศนอนอยู่กลางถนน ก็รีบจอดรถ
ปริตารีบเปิดประตูออกมา พร้อมๆ กับปริเทพที่วิ่งตรงไปยังร่างปัทมาศที่นอนหมดสติ
รัญชิตานั่งอยู่ในรถ มองเห็นปัทมาศนอนนิ่ง ก็ตกใจไม่กล้าออกไป พลศิษฎ์เห็นรถน้องสาว ก็รีบตรงไปที่รถ แล้วทุบกระจกเรียก
“มิ้นท์ เปิดประตู มิ้นท์”
รัญชิตาค่อยๆเปิดประตู โผเข้ากอดพลศิษฎ์ ด้วยความตกใจกลัว
“พี่มาร์ท ช่วยมิ้นท์ด้วย มิ้นท์ไม่ได้ตั้งใจ ดาววิ่งมาตัดหน้ารถ มิ้นท์เบรกไม่ทัน มิ้นท์ไม่ได้ตั้งใจ มิ้นท์ไม่ได้ตั้งใจ ช่วยมิ้นท์ด้วย”
รัญชิตาร้องไห้ไม่หยุด พลศิษฎ์กอดปลอบใจน้องสาวด้วยความสงสาร
ตรัยขับรถเข้ามา เห็นเหตุการณ์ก็จอดรถ ก่อนจะเปิดประตูออกมามองเห็นปริตาและปริเทพกอดร่างปัทมาศก็ตกใจ รีบโทรศัพท์ติดต่อโรงพยาบาลทันที
พัชรินทร์เดินเข้ามาที่มุมหนึ่ง เห็นปริตาและปริเทพ แต่ยังไม่ทันเห็นปัทมาศ
“ปริตา เธอพาลูกฉันไปไหน ดาวอยู่ที่ไหน?”
ปริตาเงิยหน้ามองพัชรินทร์แล้วร้องไห้โฮ พัชรินทร์เดินเข้ามาใกล้ เห็นร่างปัทมาศอยู่ในอ้อมกอดของปริเทพ ก็เข่าอ่อน พลางโผเข้ากอดร่างลูกสาวแล้วร้องไห้แทบขาดใจ
กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 5
รัญชิตานั่งร้องไห้อยู่มุมหนึ่งในโรงพยาบาล พิชัยเดินเข้ามากอดปลอบใจลูกสาว
“คุณพ่อคะ คุณพ่อช่วยมิ้นท์ด้วยค่ะ”
“ไม่ต้องร้อง ไม่ต้องกลัวลูก พ่ออยู่นี่แล้ว”
พลางหันไปถามพลศิษฎ์ “หนูดาวเป็นยังไงบ้าง ?”
พัชรินทร์ยืนรอฟังผลอยู่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยความกระวนกระวายใจ ปริตาเข้ามาพูดปลอบใจ
“คุณอาคะ คุณอานั่งก่อนนะคะ คุณหมอต้องช่วยดาวอย่างเต็มที่ค่ะ”
พัชรินทร์หันกลับไปตะคอกใส่ “ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน”
“คุณอาคะ อ้อมขอโทษค่ะ”
“ขอโทษแล้วลูกฉันหายเจ็บรึเปล่า? ปริตา เธอเป็นคนพาลูกฉันออกไปจากบ้าน ถ้าลูกฉันเป็นอะไรไป เธอนั่นแหล่ะคือคนที่ร่วมฆ่าลูกฉัน”
ปริตาร้องไห้เสียใจ ปริเทพเข้ามาปลอบใจน้องสาว
“พี่เทพ อ้อมเป็นคนพาดาวออกมา อ้อมทำให้ดาวต้องเจ็บ”
“มันไม่ใช่ความผิดของอ้อม คนที่ผิดคือมิ้นท์”
ตำรวจเข้ามาขอสอบปากคำรัญชิตา พิชัยรีบหยิบนามบัตรยื่นให้ตำรวจ
“ผมพิชัย คุณคงพอรู้จักผม ลูกผมยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ให้เวลาเธอสักครู่ ทนายผมกำลังมา ผมขอเชิญไปคุยกันทางด้านโน้นครับ”
พิชัยจงใจจะพาตำรวจไปนั่งคุยเคลียร์คดี แต่ตำรวจยังคงอยากสอบปากคำรัญชิตา พลศิษฎ์รีบพูดขึ้น“ผมเป็นพี่ชายของเธอ ผมเห็นเหตุการณ์ แล้วช่วยพาผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล ผมให้ข้อมูลเบื้องต้นได้ครับ”
“งั้นขอเชิญครับ”
พลศิษฎ์เดินไปกับตำรวจ พิชัยหันไปปลอบใจรัญชิตา
“ลูกรออยู่ตรงนี้ เดี๋ยวลูกก็ได้กลับบ้านแล้ว”
รัญชิตารับคำ พิชัยรีบเดินไปสมทบกับพลศิษฎ์
ตรัยเดินตรงเข้ามาหาพัชรินทร์ ที่ยืนรออยู่หน้าห้องฉุกเฉินอย่างกระวนกระวายใจ
“คุณอาครับ ผมชื่อตรัยครับ”
พัชรินทร์จ้องมองตรัย เพราะเพิ่งได้เจอหน้าครั้งแรก
“ก่อนจะเกิดเรื่อง ดาวโทร. หาฉัน บอกว่าจะพาแขกคนสำคัญไปพบฉันพร้อมกับข่าวดี ดาวคงหมายถึงเธอ นี่เหรอข่าวดีที่ฉันได้รับ”
ขาดคำก็ฟาดฝ่ามือเข้าที่หน้าตรัยอย่างแรง
“เธอทำลายความรู้สึกลูกฉันยังไม่พอ เธอยังทำให้ลูกฉันต้องเจ็บตัวอีก”
ตรัยก้มหน้านิ่ง “ผมยอมรับผิดครับ ผมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด”
ปริเทพได้ยินก็โกรธเลือดขึ้นหน้า พุ่งมาจะต่อยธิปไต
“คำก็เงินสองคำก็เงิน คนอย่างคุณมันก็ดีแต่ใช้เงินแก้ปัญหา”
ปริตารีบเข้ามาห้าม “พี่เทพอย่าค่ะ”
พัชรินทร์มองกราดทุกคนด้วยความไม่พอใจ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ปริเทพ เธอเองก็มีส่วนทำลายชีวิตลูกฉัน พวกเธอทุกคนก็เป็นต้นเหตุทำให้ลูกฉันต้องเป็นอย่างนี้ รัญชิตา รัญชิตาอยู่ไหน?”
พัชรินทร์รีบเดินออกไปตามหารัญชิตา ปริตาเป็นห่วงจะตามไป ปริเทพดึงไว้
“มิ้นท์ขับรถชนดาว อ้อมยังห่วงคนที่ทำร้ายดาวอีกเหรอ ?”
“ถึงมิ้นท์จะอารมณ์ร้าย แต่อ้อมเชื่อค่ะ มิ้นท์ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายดาว ถึงขั้นขับรถชนหรอกค่ะ”
พูดจบปริตาก็รีบเดินตามไป ตรัยจะตามไปด้วย เพราะเป็นห่วงกลัวพัชรินทร์จะเล่นงานรัญชิตา แต่ปริเทพรั้งไว้
รัญชิตานั่งรออย่างกังวลใจ ครู่หนึ่งพลศิษฎ์ก็เดินกลับเข้ามา
“พี่มาร์ท ทางตำรวจว่ายังไงบ้างคะ ?”
“พี่บอกไปแล้วว่ามิ้นท์ไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นอุบัติเหตุใช่ไหม ?”
“พี่มาร์ทไม่เชื่อมิ้นท์เหรอคะ?”
พลศิษฎ์ถอนหายใจ “มิ้นท์เป็นน้องสาวพี่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่อยู่ข้างมิ้นท์เสมอ ตอนนี้คุณพ่อให้ทนายคุยเรื่องคดีความ พี่มั่นใจว่าทุกอย่างต้องเรียบร้อย”
“พี่มาร์ท มิ้นท์อยากกลับบ้าน มิ้นท์เป็นห่วงดาวค่ะ แต่คุณอาคงโกรธมาก มิ้นท์ไม่กล้าสู้หน้าคุณอา
พี่มาร์ทพามิ้นท์กลับเถอะค่ะ”
พลศิษฎ์กำลังจะประคองตัวรัญชิตาเพื่อจะพาออกไป แต่ก็ช้ากว่าพัชรินทร์ที่เดินตรงเข้ามา
“เธอจะหนีไปไหน ?”
“คุณมีอะไรจะคุยกับผม ?”
ตรัยย้อนถามปริเทพ
“เงินของคุณมันซื้อทุกอย่างได้ แต่ซื้อชีวิตดาวไม่ได้ ถ้าดาวเป็นอะไรไป คุณก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต ตั้งแต่คุณเข้ามาในชีวิตดาว คุณทำให้ดาวมีแต่ความทุกข์ ออกไป อย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก”
“ผมยอมรับว่าผมทำให้ดาวเสียใจ แต่ผมคงออกไปจากชีวิตดาวไม่ได้ ผมจะต้องเจอดาว และรับผิดชอบกับการกระทำของผม”
พูดจบตรัยก็เดินออกไป ปริเทพมองตามด้วยความไม่พอใจ
รัญชิตามองพัชรินทร์ด้วยความหวาดกลัว
“รัญชิตา เธอทำร้ายเพื่อนของเธอได้ยังไง ?”
“คุณอาคะ มิ้นท์ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายดาว มันเป็นอุบัติเหตุค่ะ”
พัชรินทร์มองหน้ารัญชิตาอย่างเอาเรื่อง
“เธอยังกล้าพูดว่ามันเป็นอุบัติเหตุอีกเหรอ? ถนนเส้นนั้นไม่ใช่ทางกลับบ้านเธอ เธอจงใจขับรถไปหาดาว”
“ใช่ค่ะ มิ้นท์ตั้งใจจะไปหาดาว”
พัชรินทร์สวนขึ้นทันที “เธอโกรธที่ดาวทำลายงานหมั้นเธอ แย่งผู้ชายของเธอ เธอจึงตั้งใจขับรถชนให้ลูกฉันตาย เธอจงใจฆ่าดาว”
ปริตารีบวิ่งเข้ามาช่วยห้าม “คุณอาคะ ฟังมิ้นท์ก่อนค่ะ”
รัญชิตาทรุดตัวร้องไห้โฮ พัชรินทร์หันมาตะคอกซ้ำ
“งั้นบอกฉันมา ถ้าเธอไม่ได้ตั้งใจ ทำไมถึงไปหาลูกฉัน ?”
พลศิษฎ์เดินเข้ามาพอดี “มิ้นท์ บอกความจริงสิ เรื่องราวมันเป็นยังไง ?”
ตรัยเดินเข้ามาหยุดฟังเรื่องราวอยู่อีกมุมใหนึ่ง
“หลังจากคุณตรัยเลือกดาว มิ้นท์ทำใจไม่ได้ค่ะ มิ้นท์อยากขอร้องให้ดาวเลิกกับคุณตรัย มิ้นท์จะไปคุยกับดาว แต่ระหว่างทางดาววิ่งตัดหน้ารถมิ้นท์ค่ะ”
พัชรินทร์หันขวับมาจ้องหน้ารัญชิตาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ
“เธอยังหน้าด้านโยนความผิดให้ลูกฉัน เธอมันเห็นแก่ตัว แค่ผู้ชายคนเดียวเธอถึงกับคิดฆ่าเพื่อนได้ ใจคอเธอทำด้วยอะไร”
ตรัยรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุของปัญหา ปริตากอดปลอบใจรัญชิตาแล้วหันไปมองตรัย
รัญชิตาเข้าไปจะกราบเท้าขอโทษพัชรินทร์
“มิ้นท์ไม่ได้คิดทำร้ายดาว มิ้นท์กราบขอโทษด้วยค่ะ”
แต่พัชรินทร์เดินหนี จังหวะเดียวกับที่พยาบาลเดินเข้ามาบอก
“คุณหมอออกมาแล้ว ต้องการคุยกับญาติคนไข้ค่ะ”
“คุณหมอคะ ลูกสาวฉันเป็นยังไงบ้างคะ?”
พัชรินทร์รีบถามอย่างร้อนใจ
“คนไข้ยังไม่ฟื้นครับ แต่พ้นขีดอันตรายแล้ว ศีรษะคนไข้ได้รับแรงกระแทก แต่สมองไม่กระทบกระเทือน
ยังคงทำงานเป็นปกติ แต่ผลตรวจ MRI พบว่ากระดูกสันหลังแตกทับไขสันหลังระดับเอวลงมา คนไข้จะเป็นอัมพาตตั้งแต่ระดับเอวลงมา ขาทั้งสองข้างใช้การไม่ได้ ผมขอแสดงความเสียใจด้วยครับ”
พัชรินทร์ถึงกับเป็นลมหมดสติ พยาบาลกับปริเทพและปริตาที่อยู่ใกล้ๆ ต้องรีบช่วยกันประคอง รัญชิตาร้องไห้โฮ พลศิษฎ์ต้องคอยกอดปลอบใจ
ตรัยทั้งเสียใจ ทั้งสงสารปัทมาศ
ปริตาเดินออกมาอย่างใจล่องลอย แล้วทรุดตัวนั่งลงร้องไห้ นึกเสียใจที่ตัวเองเป็นคนทำให้ปัทมาศประสบอุบัติเหตุ
ตรัยเข้ามายื่นผ้าเช็ดหน้าให้ ปริตาเงยหน้ามองแล้วปัดผ้าเช็ดหน้าออก
“ฉันขอโทษ”
ปริตารีบพูดสวนกลัยบมา “ฉันขอโทษ ฉันขอโทษ ฉันเบื่อฟังคำนี้เหลือเกิน มันเป็นคำมักง่ายของผู้ชายมักง่ายไว้ใช้แก้ตัว เอาตัวรอด เลิกพูดเถอะค่ะ ฉันไม่พร้อมคุยอะไรทั้งนั้น ขอฉันอยู่คนเดียว”
ตรัยหน้าสลด “เธอจะเกลียดและโกรธฉันยังไงก็ได้ ฉันยอมรับผิด แต่ฉันอยากบอกเธอ ฉันรู้สึกผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันอยากขอโทษกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น”
พูดจบตรัยก็เดินออกไป ปริตาน้ำตาซึม ด้วยความสงสารเพื่อน
ปริเทพกำลังเช็ดร่างกายให้ปัทมาศ ที่ยังคงนอนไม่ได้สติด้วยความเป็นห่วง ครู่หนึ่งปริตาก็เดินเข้ามา
“พี่เทพมาแต่เช้าเลย”
“คุณอาพัชรินทร์กลับไปเอาเสื้อผ้าดาวที่บ้าน พี่ต้องรีบมาเยี่ยมดาว ก่อนคุณอากลับมา”
“ดาวรู้สึกตัวรึยังคะ?”
ปริเทพส่ายหน้า “อ้อมมาก็ดีแล้ว พี่ฝากช่วยดูดาวหน่อย”
“พี่เทพจะไปไหน ?”
ปริเทพไม่ตอบ ปริตาแปลกใจในท่าทีของพี่ชาย
ปริเทพเดินเข้ามาในคฤหาสน์ของรัญชิตา
“ไม่อยากให้ลูกสาวคุณติดคุกก็เรียกตัวลงมาคุยกับผม”
ชาลินีหันไปเห็นปริเทพก็แปลกใจ
ปัทมาศค่อยๆ รู้สึกตัว ลืมตามองเห็นปริตาที่นั่งอยู่ที่โซฟา
“อ้อม ฉันอยู่ที่ไหน ?”
“โรงพยาบาลจ้ะ เธอโดนรถชน คนที่...”
ปริตาจะเล่าว่ารัญชิตาเป็นคนขับรถ แต่ปัทมาศสวนขึ้นมาก่อน
“ใช่ ฉันจะข้ามถนนไปซื้อพานธูปเทียนขอขมา แต่ฉันไม่ทันระวัง”
“ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้วนะ”
ปัทมาศมองไปรอบๆ ห้อง “คุณตรัยรู้เรื่องนี้รึยัง เขามาเยี่ยมฉันไหม ?”
“เขาเป็นคนช่วยพาเธอมาส่งโรงพยาบาล เขาเพิ่งกลับไปไม่นาน เดี๋ยวคงมาเยี่ยมเธอ”“แล้วคุณแม่ล่ะ ป่านนี้แล้วฉันยังไม่กลับบ้าน คุณแม่ต้องห่วงฉัน ฉันอยากกลับบ้าน”
ปัทมาศจะขยับขา เพื่อลุกออกไป แต่ขยับไม่ได้
“อ้อม ขาฉันเป็นอะไร ?”
ปริตานิ่ง ไม่กล้าตอบ ปัทมาศใช้มือทุบขาก็ไม่รู้สึก
“อ้อม ทำไมฉันไม่รู้สึกอะไรเลย ขาฉันเป็นอะไร?”
ปริตาร้องไห้ พูดไม่ออก พัชรินทร์ที่เดินเข้ามาพอดี รีบตอบแทน
“ลูกเป็นอัมพาต ลูกเดินไม่ได้แล้ว”
ปัทมาศช็อก ปริตาร้องไห้สงสารเพื่อน
“แล้วดาวจะอยู่ยังไง ดาวจะใช้ชีวิตยังไง ?”
ปัทมาศร้องไห้โฮ พัชรินทร์รีบเข้ามากอดปลอบใจ
“ลูกไม่ต้องห่วง แม่ยังอยู่กับลูก แม่ไม่ทิ้งลูกไปไหน แม่จะดูแลลูกเอง”
ปริตาสะเทือนใจกับภาพตรงหน้า พลางคิดตัดสินใจบางอย่าง
“ฉันมีเวลาไม่มากนัก มีเรื่องอะไรก็ว่ามา ?”
ชาลินีพูดใส่หน้าปริเทพอย่างไม่ค่อยพอใจ
“ผมต้องการพบมิ้นท์ ไม่ใช่คุณ ถ้าไม่ให้พบลูกคุณ ผมก็จะกลับ”
พูดพลางขยับตัวจะลุกออกไป พลศิษฎ์เข้ามาห้ามไว้
“ใจเย็นก่อนครับ น้องผมไม่สบาย มีอะไรคุยกับผมก็ได้ครับ”
“ผมมาคุยเรื่องคดีความของน้องดาว”
ชาลินีเบ้ปาก “ฉันว่าแล้วเชียว เธอเป็นพยานเห็นเหตุการณ์ คิดจะมาข่มขู่ลูกฉันเพื่อเรียกเงิน เท่าไหร่ ?”
“คุณแม่ครับ คุณแม่ควรฟังคุณเทพก่อนนะครับ”
ปริเทพจ้องหน้าชาลินี ก่อนจะตอกกลับแบบไม่เกรงใจ
“เงินไม่ใช่คำตอบในชีวิตผม ผมแค่มาบอกให้ลูกสาวคุณแต่งงานกับตรัยให้เร็วที่สุด”
พลศิษฎ์และชาลินีแปลกใจ
“แกทำอย่างนี้เพื่ออะไร? ถ้าลูกสาวฉันแต่งงานกับคุณตรัย น้องสาวแกก็ชวดคุณตรัย?”
“อ้อมไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้”
ชาลินีหัวเราะขำ “ไม่เกี่ยวอย่างนั้นเหรอ? ฉันเห็นเทียวตามคุณตรัย อ่อยจนคุณตรัยหลุดปากว่าเป็นแฟนกับน้องสาวเธอ”
พลศิษฏ์รีบหันไปถามปริเทพ
“คุณเทพแน่ใจเหรอครับ ว่าคุณไม่ต้องการให้คุณตรัยดูแลดาว?”
“ผมไม่ยอมให้ผู้ชายคนนั้นมายุ่งกับคนรักของผม ผมต้องการดูแลดาว ปกป้องดาวด้วยตัวผมเอง”
“คุณจะรักใครชอบใครมันก็เรื่องของคุณ แล้วทำไมต้องมาข่มขู่ลูกฉัน ?”
“ถ้าทำตามคำขอของผม ผมจะให้การว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่ถ้าคุณยังปล่อยให้ตรัยมายุ่งกับดาว ผมจะบอกว่าลูกสาวคุณเป็นฆาตกร”
ปริเทพทิ้งประโยคข่มขู่ แล้วเดินออกไป พลศิษฎ์เหลือบมองไปที่มุมหนึ่งเห็นรัญชิตายืนฟังอยู่
ชาลินีรีบเข้าไปบอกรัญชิตา
“แกได้ยินแล้วใช่ไหม? ไปกับฉัน ไปคุยกับคุณหญิงเรื่องงานแต่ง”
พิชัยเข้ามาโวยวาย
“ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น คดีความเรื่องรถชนยังไม่จบ คุณยังหมกมุ่นหาลูกเขย สมองคุณคิดอะไร?”
“สมองฉันคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด รึคุณอยากให้ลูกติดคุก” ชาลินีย้อนกลับ
“นายนั่นก็เป็นแค่พยาน แต่คู่กรณีของลูกคือหนูดาว หนูดาวเท่านั้นที่จะชี้เป็นชี้ตายว่าเป็นอุบัติเหตุ หรือเจตนาฆ่า”
“แต่อย่างน้อย พยานในที่เกิดเหตุก็มีส่วนทำให้คดีพลิกได้ แล้วที่สำคัญ ฉันก็ต้องการให้ลูกแต่งงานกับคุณตรัย”
“บอกผมหน่อย นายตรัยมีอะไรดีนัก คุณถึงอยากประเคนลูกให้เหลือเกิน”
กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 5
ชาลินีหยิบหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวเรื่องการยกเลิกงานหมั้นโยนใส่หน้าพิชัย
“ก็เพราะข่าวนี้ไงคะ “คุณชาลินีหน้าแตกยับ สามีหักหน้าไม่ยอมรับว่าที่ลูกเขย” ฉันไปไหนมาไหนก็มีแต่คนซุบซิบนินทา เรื่องที่เกิดขึ้นก็เพราะคุณทำเกินกว่าเหตุ”
“ผมผิดที่ห้ามลูกแต่งงานกับผู้ชายเสเพลอย่างนั้นเหรอ?”
ชาลินีสวนกลับ “คนเราผิดพลาดกันได้ อย่างน้อยฉันก็มั่นใจว่าคุณตรัยมั่วไม่ได้ครึ่งของคุณ”
“พูดจบแล้ว สะใจคุณแล้วใช่ไหม งั้นผมขอพูดบ้าง ผมไม่ให้ลูกไป ผมไม่ยอมให้คุณตัดสินใจอีกแล้ว”
พลศิษฎ์ที่เห็นด้วยกับพิชัย หันไปบอกรัญชิตา
“มิ้นท์ พี่เห็นด้วยกับคุณพ่อ เราควรจัดการเรื่องคดีให้จบ เรื่องอื่นค่อยกว่ากัน”
พิชัยจะพารัญชิตากลับไปยังห้องพัก แต่...
“คุณพ่อคะ มิ้นท์ขอตัดสินใจเองนะคะ มิ้นท์มีเรื่องสำคัญต้องคุยกับคุณตรัยค่ะ ขอให้มิ้นท์ไปพบคุณตรัยนะคะ”
ชาลินียิ้มเย้ย “ไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นพ่อเผด็จการก็ให้ลูกตัดสินใจเอง”
“ไปเลย แกอยากทำอะไรก็ทำ ฉันมันไม่มีความหมาย แต่ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้น อย่ามาเรียกให้ฉันช่วย”
พิชัยเดินหนีออกไปจากบ้านด้วยความไม่พอใจ
ตรัยนั่งทำงานอย่างหงุดหงิดหัวเสียเพราะเครียดเรื่องปัทมาศ จู่ๆ ปริตาก็เดินเข้ามา
“ฉันอยากคุยเรื่องดาวค่ะ”
ทางด้านปัทมาศก็ยังคงร้องไห้เสียใจ ที่จะต้องเป็นอัมพาต
“ลูกต้องเข้มแข็งนะ แม่จะอยู่ข้างลูกเสมอ”
“คุณแม่คะ ใครขับรถชนดาวคะ?”
ปัทมาศน้ำตาไหล เมื่อรู้ว่ารัญชิตาเป็นคนขับรถชนเธอ
“มิ้นท์ตั้งใจขับรถชนลูกใช่ไหม ?”
ปัทมาศหวนคิดถึงเหตุการณ์ ที่เธอข้ามรถกะทันหันไม่ได้ระวังตัว พลางนอนนิ่งไม่ตอบคำถาม
ครู่หนึ่งตำรวจเข้าในห้องเพื่อขอสอบปากคำ ปัทมาศเบือนหน้าหนี พัชรินทร์รีบบอก
“คุยกับฉันก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวแม่มานะ”
“ฉันรู้ว่าคุณก็เสียใจ และสำนึกผิดแล้ว ฉันไม่ได้ตั้งใจมาเยอะเย้ยคุณ ฉันแค่อยากย้ำให้คุณเห็นว่าสิ่งที่คุณทำพลาดเพียงครั้งเดียว มันส่งผลกระทบมากมาย”
ปริตาพูดกับตรัยด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ฉันเองก็ไม่นึกว่ามันจะบานปลายเป็นอย่างนี้”
“ฉันเชื่อนะคะ ว่ามิ้นท์ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น มันคงเป็นกรรมที่ดาวเคยทำร่วมกับมิ้นท์”
ตรัยหน้าสลด “ถ้ากรรมมีจริง ฉันก็คงทำกรรมร่วมกับพวกเขา”
“ดาวต้องกลายเป็นคนพิการ คุณก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา ฉันมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้ดาว คุณจะรับผิดชอบยังไงคะ ?”
“ก่อนหน้านี้ฉันต้องรับผิดชอบดาว ในสิ่งที่ฉันล่วงเกินดาว แม้ว่าภายในใจฉันจะไม่เคยรักดาว ถึงตอนนี้ฉันคงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฎิเสธความรับผิดชอบของฉัน ฉันจะแต่งงานกับดาว ดูแลดาวไปชั่วชีวิต”
ตรัยตอบทั้งน้ำตา ปริตายิ้มพอใจ
“นี่อาจเป็นครั้งแรกที่คุณตัดสินใจถูกต้อง และฉันหวังว่าต่อจากนี้ คุณจะคิดและตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกเสมอ”
ปัทมาศเหลือบมองไปยังมีดที่วางอยู่ในถาดบนโต๊ะห่างจากเตียง พลางพยายามขยับขา แต่ไม่สำเร็จสุดท้ายก็พลาดท่าทิ้งตัวตกลงมาจากเตียง
รัญชิตาเดินเข้ามาในบริษัทตรัย สวนกับปริตาที่เดินออกมาพอดี
“อ้อม เธอมาทำอะไรที่นี่ ?”
“ฉันมาคุยธุระกับคุณตรัย”
“เรื่องอะไร ?”
ตรัยเดินตรงเข้ามาตอบแทน
“อ้อมมาเรียกร้องความเป็นธรรมให้ดาว ฉันจะแต่งงานกับดาว”
ปริตากังวลใจกลัวรัญชิตาจะโกรธ
“มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วใช่มั้ย ?”
ปริตาพยักหน้าเศร้าๆ “มันความยุติธรรมที่สุดแล้ว”
“ถึงอ้อมไม่มาขอ ฉันก็ตัดสินใจแล้วที่จะดูแลดาว”
รัญชิตาได้ฟังจากปากตรัย ก็ร้องไห้
“เป็นเพราะมิ้นท์ใช่ไหมคะ? คุณจึงต้องรับผิดชอบดาวแทนความผิดของมิ้นท์ ?”
“อย่าไปพูดถึงมันเลย เราย้อนเวลาไม่ได้แล้ว สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดตอนนี้คือขอให้คุณเข้าใจผม และคิดถึงดาว”
รัญชิตาน้ำตาซึม “คุณตรัยคะ ฉันรักคุณนะคะ คุณเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์และอบอุ่น คุณเป็นผู้ชายที่ฉันอยากใช้ชีวิตด้วย แต่แค่รักคงไม่พอ ฉันคงต้องทำเพื่อคนที่ฉันรักด้วย คุณรีบไปดูแลดาวเถอะค่ะ”
ปริตายิ้มดีใจ “ฉันดีใจนะที่เธอเสียสละเพื่อดาว เรารีบไปบอกข่าวดีกับดาวเถอะ”
ปัทมาศค่อยๆ คลานไปจะคว้ามีดขึ้นมา แต่ปริเทพปราดเข้ามาข้อมือไว้ได้ทัน
“รู้ตัวรึเปล่า กำลังทำอะไร ?”
“ดาวรู้ตัวดีว่าดาวกำลังทำอะไร ชีวิตดาวไม่มีค่าอีกแล้ว”
ปัทมาศร้องโฮ ปริเทพกอดเธอไว้แน่น
“ไม่รักตัวเองก็นึกถึงคนที่เขารักเธอบ้าง”
“ไม่มีใครรักดาว ดาวพิการ ไม่มีใครรักคนพิการอย่างดาว”
ปริเทพพูดเตือนสติ
“ร่างกายเธอพิการแล้วก็อย่าให้ใจเธอพิการไปด้วย คิดให้ดีสิ คุณแม่ ป้าอร แล้วยังมีคนที่รักหวังดีกับเธอ
อีกมาก คนเราจะมีชีวิตอยู่ได้ด้วยใจ ไม่ใช่แค่กาย”
ปัทมาศหน้าเศร้า “แต่ดาวจะใช้ชีวิตยังไง ดาวไม่มีขา ดาวไปไหนไม่ได้อีกแล้ว”
ปริเทพมองหน้าเธอ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เธอไม่มีขา แต่เธอมีพี่ ดาวอยากไปไหน ทำอะไร พี่จะอยู่เคียงข้างดาว พี่จะเป็นมือ เป็นขาให้ดาว พี่จะเป็นชีวิตของดาว”
ปัทมาศร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของปริเทพ ที่พร้อมจะดูแลเธอไปตลอดชีวิต
ปริตาและรัญชิตา เดินนำตรัยเดินนำเพื่อจะไปเยี่ยมปัทมาศ
“คุณตรัยรออยู่ตรงนี้ก่อนได้ไหมคะ มิ้นท์อยากคุยกับดาว เป็นการส่วนตัว อ้อมเข้าไปกับฉัน”
ปริตาพยักหน้า แล้วเข้าไปในห้องกับรัญชิตา
ปัทมาศหันมาเห็นทั้งคู่เข้ามาก็แปลกใจ ขณะที่ปริเทพมองรัญชิตาอย่างไม่พอใจ ปริตาเดินเข้ามาเห็นมีดที่ตรงอยู่ตรงหน้า ก็พอเดาเหตุการณ์ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ดาว ทำไมถึงทำอย่างนี้”
ปัทมาศไม่ตอบ เพราะยังคงเสียใจและสะเทือนใจเมื่อเจอรัญชิตา ปริเทพต้องเป็นคนตอบแทน
“ก็เพราะมิ้นท์ไงที่ทำให้ดาวต้องคิดสั้น เธอไม่ควรมาที่นี่ ออกไปได้แล้ว”
ปริตาต้องรีบปราม “พี่เทพอ้อมขอล่ะ พี่ออกไปก่อน เรามีเรื่องต้องคุยกับดาว”
“พี่ไม่ไปไหนทั้งนั้น พี่ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายดาวอีก”
ปัทมาศหันมาบอก “พี่เทพคะ ดาวอยากคุยกับมิ้นท์ค่ะ”
ปริเทพไม่อยากขัดใจปัทมาศ จึงยอมออกไป ปริตาจับแขนให้รัญชิตาไปขอโทษปัทมาศ
“ดาว ฉันขอโทษ”
“เธอทำร้ายฉันทำไม ?”
รัญชิตาน้ำตาซึม “ฉันไม่ได้ตั้งใจขับรถชนเธอ”
“เธอไม่ได้ตั้งใจ ยังทำให้ฉันเป็นอัมพาต แล้วถ้าเธอตั้งใจ ฉันคงตายไปแล้วใช่ไหม ?”
“ฉันไม่เคยคิดอย่างนั้นเลยนะดาว”
ปัทมาศยิ้มหยัน “แต่เธอเคยพูด เคยขู่ฉัน”
ปริตามองทั้งคู่อย่างแปลกใจ “ดาว เรื่องมันเป็นยังไง ?”
ปัทมาศย้อนนึกถึงตอนที่เธอรับสายมือถือของรัญชิตา
“เธออยู่ที่ไหน ฉันต้องคุยกับเธอให้รู้เรื่อง บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ เธออยู่ไหน? ไม่งั้นฉันเอาเธอตายแน่”ปริตารู้ความจริง ก็ถึงกับอึ้ง “มิ้นท์ เธอไม่ควรพูดอย่างนั้นนะ”
“ฉันพูดไปเพราะฉันโกรธ แต่พอฉันตั้งสติได้ ฉันก็อยากไปคุยปรับความเข้าใจ”
ปัทมาศมองหน้ารัญชิตาอย่างเคียดแค้น
“ปรับความเข้าใจ ด้วยการขับรถชนฉันให้ตายไปอย่างนั้นเหรอ ?”
“ดาว ฉันผิดไปแล้ว ฉันมาตั้งใจมาขอโทษเธอ ฉันพลาดไปแล้วจริงๆ”
“ในคืนนั้น เธอตั้งใจมาขอให้ฉันยกคุณตรัยให้เธอ ถ้าฉันไม่ยอม เธอจะหยุดไหม?”
ปัทมาศย้อนถาม ทำเอารัญชิตาถึงกับอึ้ง
“ฉันรู้ว่ายังไงเธอก็ไม่หยุด เธออยากได้อะไร เธอก็ต้องเอาให้ได้ โดยที่เธอไม่สนใจหรอกว่าฉันจะเป็นยังไง”
พูดพลางทุบตีรัญชิตา ที่ยืนนิ่งอย่างยอมรับความผิด
“พอเถอะดาว มิ้นท์สำนึกผิดแล้วจริงๆ”
“สำนึกผิด แล้วฉันล่ะ? ฉันเป็นแบบนี้ คุณตรัยเขาจะรักฉัน อยู่กับคนพิการอย่างฉันได้ยังไง”
ปัทมาศร้องไห้เสียใจที่ไม่สามารถใช้ชีวิตกับตรัยได้อีก
ปริตาต้องรีบเข้ามาปลอบใจ
“ถึงเธอจะเป็นยังไง เขาก็รักเธอ เขาจะดูแลเธอ”
ทันใดนั้นประตูห้องเปิดออก พร้อมกับที่ตรัยเข้ามา ปริเทพตามเข้ามาจะลากตัวออกไป
“ดาวไม่อยากเห็นหน้าคุณ ออกไปซะ”
ตรัยปัดมือปริเทพออก แล้วเดินตรงเข้าไปคุกเข่าต่อหน้าปัทมาศ
“ฉันเอาดอกกุหลาบสีชมพูที่เธอชอบมาให้”
ตรัยยื่นดอกกุหลาบให้ แต่ปัทมาศกลับดันออก
“คุณตรัยอย่าเสียเวลากับดาวเลยค่ะ คุณตรัยกลับไปเถอะ”
“ฉันกลับไปไม่ได้ ฉันยังไม่ได้บอกข่าวดีเธอเลย ฉันจะดูแลเธอ แต่งงานกับเธอ เป็นคู่ชีวิตของเธอ เธอล่ะพร้อมจะใช้ชีวิตกับฉันไหม?”
แทนคำตอบปัทมาศโผเข้ากอดตรัย แล้วร้องไห้โฮ ด้วยความตื้นตันใจ
ปริตากับรัญชิตามองภาพนั้นด้วยความสุขใจที่เพื่อนสมหวัง ตรงข้ามกับปริเทพที่มองด้วยความเจ็บปวดเสียใจ
รัญชิตาจะเดินออกไปจากโรงพยาบาล ปริเทพมองตามรัญชิตาด้วยความไม่พอใจจะตามไปเอาเรื่อง แต่ปริตาเข้ามาคว้าแขนห้ามไว้
“มิ้นท์ไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะคะ ดาวเองก็ให้อภัยมิ้นท์แล้ว”
“แต่พี่ไม่ให้อภัย คนผิดต้องรับโทษรับกรรม”
“หรือพี่จะให้มิ้นท์ขาหักเหมือนดาว ?”
ปริตาย้อนกลับถาม
“พี่ก็อยากให้เป็นอย่างนั้น”
ปริตากลับใสนั่งปรับทุกข์กับลัดดาวัลย์ที่บ้าน เพราะกังวลใจเรื่องปริเทพ
“อ้อมกลัวจริงๆนะคะ อ้อมไม่เคยเห็นพี่เทพโกรธอย่างนี้มาก่อน”
“พี่เราเขาเก็บกดมานานแล้ว นี่คงเป็นผลผลิตจากครอบครัว เขาเติบโตมากับความรุนแรงในบ้าน”
“แต่ที่ผ่านมา พี่เทพก็สุภาพอ่อนโยนมาตลอดนะคะ”
ลัดดาวัลย์ถอนหายใจ “ก็เพราะเขาเป็นพี่ไง ต้องเป็นหลักให้แม่ ให้น้อง เทพพยายามลบความหยาบในใจ สร้างภาพให้ทุกคนมีความสุข แต่ในใจเขาต้องเจ็บปวดและเก็บกดความเกลียดชังไว้”
“แล้วทำไมอ้อมถึงไม่เป็นอย่างพี่เทพล่ะคะ?”
ลัดดาวัลย์อธิบายต่อ “น้าบอกแล้วไง ว่าเรานะได้แม่ แม่เรามีธรรมะเข้าข่ม เอาน้ำเย็นเข้าลูบ”
ปริตาพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ค่ะ แม่สอนให้อ้อมปล่อยวาง ยิ่งเก็บก็ยิ่งทุกข์ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”
“เพราะพ่อเราคนเดียว ทำให้เทพต้องเป็นแบบนี้”
ปริตานิ่งคิด “จะโทษเป็นความผิดของพ่อก็ไม่ยุติธรรมนะคะ อ้อมว่าเราเป็นคนคิด คนทำ สุดท้ายแล้ว
เราก็ต้องรับผิดชอบการกระทำของเรา”
ตรัยกลับเข้าบ้าน พลางถอนหายใจกับความรับผิดชอบที่ต้องไปดูแลปัทมาศ ป้าน้อยเข้ามาหา
“วันนี้คุณท่านถามป้าอีกแล้วค่ะ ว่าคุณหนูไปหาคุณรัญชิตารึเปล่า ?”
ตรัยถอนหายใจ ที่ต้องหาทางทำให้เสาวลักษณ์สบายใจและไม่รู้ว่าเขาตัดสินใจแต่งงานกับปัทมาศ
หลายวันต่อมา พริดากับดอกแก้วเข้ามาเยี่ยมปัทมาศถึงโรงพยาบาล ปริตาและรัญชิตาที่เข้ามาพอดี มองทั้งคู่อย่างไม่พอใจ
“พวกเธอมาทำไม ?”
พริดายิ้มเยาะ “รู้ข่าวว่าเพื่อนเจ็บหนัก ในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมคณะ ก็อยากมาให้กำลังใจ ฉันขอแสดงความเสียใจด้วยนะ”
รัญชิตาทนไม่ไหว เข้ามากระชากกระเช้าโยนทิ้งแล้วผลักพริดากับดอกแก้วออกไป
“ฉันจะไปได้ไงล่ะ ฉันยังไม่ได้ขอบใจดาวเลย ฉันตกเป็นหนี้บุญคุณดาว”
พริดามองปัทมาศเย้ยๆ แล้วพูดต่อ
“พี่ชาญห้ามไม่ให้ฉันบอกเธอ เพราะกลัวเธอสะเทือนใจ พวกเธอผ่านแคสติ้งงานโฆษณา แต่ดาวต้องมาเป็นอัมพาต พี่ชาญก็เลยเลือกฉันแสดงแทนเธอ”
ปัทมาศรู้เรื่องก็ยิ่งเสียใจ
“เสียใจด้วยนะดาว ต้องพูดว่าขอบคุณสิ ขอบคุณนะที่ทำให้ฉันได้เล่นโฆษณา ถ้าเธอเดินได้ ขาไม่พิการฉันก็อด”
รัญชิตารีบผลักพริดาออกไป
“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน ยัยฆาตกร”
ดอกแก้วรีบเข้ามาบอกพริดา “ระวังนะพอลลี่ อย่าทำให้มิ้นท์เขาโกรธ ไม่งั้นเขาจะขับรถชนพวกเรา หรือไม่ก็ฆ่าพวกเรา”
รัญชิตาปราดจะเข้าไปตบ ปริตารีบเข้าไปจับตัวไว้ พริดาเสี้ยมต่อ
“ดาว เธอเห็นธาตุแท้ของเพื่อนรักเธอแล้วใช่ไหม ว่ายัยมิ้นท์ร้ายกาจแค่ไหน ฉันมั่นใจว่ายัยมิ้นท์จงใจ
ขับรถชนเธอ แล้วถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะแจ้งความจับเข้าคุกไปซะ จะได้เลิกยุ่งกับผู้ชายของเธอ”
ปริตาทนไม่ไหว ตะคอกกลับไป
“หยุดพูดได้แล้ว อย่ามาเสี้ยมให้เพื่อนแตกคอกัน”
“เพื่อนเหรอ? ระวังไว้เถอะ เพื่อนที่ไว้ใจที่สุด คือศัตรูที่น่ากลัวที่สุด”
พูดจบพริดาก็คว้ามือและดอกแก้วออกไปจากห้องพัก
ปัทมาศมองไปยังรัญชิตา พร้อมครุ่นคิดถึงคำพูดของพริดา จังหวะเดียวกับที่ตำรวจเข้ามา
“คุณปัทมาศพร้อมให้การรึยังครับ ?”
รัญชิตามองปัทมาศอย่างกังวลใจ
ปริเทพรู้ข่าวว่าปัทมาศไม่เอาเรื่องรัญชิตาก็ไม่พอใจ
“ดาวไม่น่าบอกว่าเป็นอุบัติเหตุเลย พี่จะบอกให้ดาวเปลี่ยนคำให้การ”
ปริตาย้อนกลับ “พอเถอะพี่เทพ พี่เทพโกรธมิ้นท์ ที่มิ้นท์ทำให้ดาวเจ็บ หรือทำให้คุณตรัยต้องแต่งงานกับดาวกันแน่ ? อ้อมรู้ว่าพี่ไปบ้านมิ้นท์ ไปต่อรองกับมิ้นท์ พี่เทพเห็นแก่ตัวเกินไป”
“พี่ไม่ได้เห็นแก่ตัว พี่มั่นใจไม่มีใครรักดาวเท่ากับพี่”
“นั่นแหล่ะค่ะ ที่เขาเรียกว่าเห็นแก่ตัว พี่รักดาวหึงดาวมากจนมองไม่เห็นใครดีกว่าพี่ ฟังอ้อมนะ ถึงเขาจะดูแลดาวได้ไม่ดีที่สุด แต่ดาวก็รักเขาที่สุด”
ปริเทพกำหมัดแน่น “พี่จะไม่ยอมดาวใช้ชีวิตกับผู้ชายเลวคนนั้น”
“ขอบใจมากนะดาว ที่เธอบอกตำรวจอย่างนั้น เธอเองก็รู้ดีว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”
รัญชิตาปราดเข้ามากุมมือขอบคุณปัทมาศ
“มิ้นท์ เพื่อความสบายใจของฉัน หลังงานโฆษณา เธอต้องเลิกเจอคุณตรัย เลิกติดต่อเขา”
รัญชิตาตกใจกับคำร้องขอของปัทมาศ
“ฉันสัญญา”
ปัทมาศยิ้มพอใจ
จบตอนที่ 5