xs
xsm
sm
md
lg

กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 9

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 9

พัชรินทร์ทรุดตัวนั่งลงหน้าโลงศพของปัทมาศ พร้อมกับเหม่อมองที่โลงศพ ด้วยแววตานิ่ง เศร้า
 
“ดาว วันนี้เป็นวันเกิดของลูก เป็นวันที่ลูกจะได้เป็นเจ้าสาว แทนที่แม่จะได้รดน้ำสังข์อวยพรให้ลูกมีชีวิตใหม่ แต่แม่กลับต้องมารดน้ำศพ ทำศพลูก”
ปริตาเดินถือกรอบรูปของปัทมาศที่จะเอาไปวางไว้หน้าศพ หยุดยืนมองด้วยความสงสาร
“แม่ผิดเอง ที่เป็นคนไล่ลูกออกไป แม่แช่งลูกให้ออกไปตาย ดาว แม่ขอโทษ”
พัชรินทร์ร้องไห้ พร้อมกับพร่ำพูดแต่คำว่าขอโทษไม่หยุด ป้าอรเข้ามาช่วยพยุงพัชรินทร์ให้ออกไปนั่งสงบสติอารมณ์
ปริตายืนมองด้วยความเศร้าใจ จากนั้นก็ถือกรอบรูปไปวางไว้ที่ตั้งรูปภาพหน้าศพ
“ดาว ฉันจัดดอกกุหลาบสีชมพูที่เธอชอบให้เธอนะ เธอนอนหลับให้สบาย ไม่ต้องห่วงใครทั้งนั้น ฉันจะดูแลแม่และป้าอรให้ดีที่สุด”
พูดจบปริตาก็ร้องไห้ด้วยความเสียใจ ครู่หนึ่งปริเทพก็เดินเข้ามา จุดธูปไหว้เคารพศพปัทมาศ
“พี่ขอให้ดาวไปสู่สุคติ พี่สัญญา ดาวจะไม่ตายเปล่า ใครที่ทำร้ายดาว มันต้องรับโทษรับกรรมที่ทำไว้กับดาว”
ปริตาหันไปมองพี่ชาย อย่างเข้าใจความเจ็บปวด ก่อนจะปรายตาไปมองตรัยที่เดินเข้ามากับศิโรจน์ด้วยความไม่พอใจ
ปริเทพรีบเข้ามาขวางหน้าไว้
“ผมมาเคารพศพดาว ขอให้ผมได้แสดงความอาลัยและเสียใจกับดาวเป็นครั้งสุดท้าย”
ปริเทพยิ้มเยาะ “เสียใจอย่างนั้นเหรอ ที่ผ่านมาดาวเสียใจเพราะคุณไม่รู้กี่ครั้ง คุณบอกจะดูแลดาว ปกป้องดาว แต่คุณปล่อยให้ผู้หญิงของคุณฆ่าดาว”
ปริเทพพุ่งหมัดเข้าที่หน้าตรัย ที่ยืนนิ่งไม่ตอบโต้ จนปริตาต้องเข้ามาปราม
“พอเถอะค่ะพี่เทพ”
“อ้อมอย่ามาห้ามพี่ พี่จะฆ่ามัน”
ปริตาพยายามพูดเตือนสติ
“พี่เทพต้องคิดถึงดาวด้วย ดาวคงไม่อยากให้มันเป็นอย่างนี้ วิญญาณดาวคงไม่เป็นสุข อย่างน้อยเขาก็เป็นผู้ชายที่ดาวรัก”
ปริเทพยิ่งฟัง ก็ยิ่งเจ็บปวด ที่ปัทมาศรักตรัย แต่เขากลับเป็นสาเหตุทำให้เธอต้องตาย
“เชิญค่ะ”

ปริตาเดินนำธิปไตยเข้าไปด้านใน ศิโรจน์ถือพวกหรีดตามไป ปริเทพมองตามไม่พอใจ

ปริตาเข้ามาจุดธูปส่งให้ตรัย
 
“ดาว ฉันทำให้เธอเจอเรื่องแย่ๆมากมาย ฉันไม่เคยคิดจะให้เธอให้อภัยฉัน แต่ขอให้เธอรู้ไว้ว่าฉันรู้สึกผิดจริงๆ ถ้าเธอต้องการให้ฉันทำอะไร เพื่อลบล้างความผิด ฉันยินดีทำทุกอย่าง เพื่อให้วิญญาณเธอไปสู่สุคติ”
ตรัยปักธูป แล้วลุกขึ้นจะเข้าไปนั่งเพื่อรอฟังสวดศพ ปริตารีบเดินเข้ามาบอก
“คุณกลับไปได้แล้ว ดาวไม่อยากเห็นหน้าคุณอีกแล้ว”
ธิปไตยหันมองไปที่พัชรินทร์ ที่มองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ ก่อนจะเดินตรงไปหาแล้วยกมือไหว้
“ออกไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ”
ตรัยก้มลงกราบแทบเท้าพัชรินทร์
“ผมขอให้คุณอาอโหสิกรรมให้ผมด้วย เสร็จงานศพของดาว ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะบวชอุทิศบุญให้ดาวครับ”
พัชรินทร์จ้องหน้าเขาอย่างไม่ให้อภัย
“ไม่ต้อง คุณไม่ต้องทำอะไรให้ลูกฉัน บุญเพียงเสี้ยวเดียว ฉันก็ไม่อยากได้จากคุณ ฉันขอกรวดน้ำคว่ำขัน หมดเวรหมดกรรมต่อกัน”
ขาดคำก็คว้าน้ำดื่มในแก้วที่วางอยู่มาราดหัวตรัย แล้วไล่ตะเพิดออกไป
“ออกไปได้แล้ว”
ตรัยรู้ว่าพัชรินทร์โกรธมาก ก็รีบยกมือไหว้
“ผมขอโทษครับ ผมขอโทษครับ”

อีกด้านหนึ่งพลศิษฎ์พารัญชิตาเดินตรงมาจะเข้าไปด้านในศาลา ปริเทพรีบเดินเข้ามาขวาง
“เธอมาที่นี่ทำไม? เธอฆ่าดาว ที่ที่เธอควรอยู่คือในคุก”
รัญชิตาทั้งกลัว ทั้งตกใจ
“คุณเทพใจเย็นก่อนนะครับ เรื่องคดีความให้ทางตำรวจดำเนินการดีกว่า มันเป็นอุบัติเหตุ”
ปริเทพยิ้มเยาะ “มันจะเป็นอุบัติเหตุได้ยังไง ผมเห็นน้องสาวคุณ ผลักดาวตกลงมา”
รัญชิตารีบระล่ำระลุกบอก “มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆนะคะ มิ้นท์ไม่ได้ตั้งใจค่ะ”
ปริเทพสวนกลับทันที
“ไม่ได้ตั้งใจเหมือนที่ขับรถชนดาวอย่างนั้นเหรอ? ฉันไม่ยอมให้คดีลงเอยเหมือนครั้งนั้นแน่”
ปริเทพประกาศกร้าว พร้อมๆ กับที่พิชัยและชาลินีเดินนำหน้าลูกน้องที่ถือพวกหรีดเข้ามา
“คุณอย่าตั้งป้อมอคติกับลูกสาวผมเลย คุณเองไม่ใช่ตำรวจ ไม่ใช่ศาล พูดอย่างนี้ลูกผมเสียหาย”
ชาลินีรีบพูดเสริม “พวกเรามาก็เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และร่วมผิดรับชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น มาร์ท พาน้องเข้าไป”
ทุกคนเดินเข้าไปในศาลา ปริเทพเดินตามเข้าไปด้วยความไม่พอใจ

ฟากปริตาก็พยายามลากตัวธิปไตยออกจากงาน
“คุณได้เคารพศพดาวแล้วก็กลับไปได้แล้ว จะได้หมดเวร ไม่ต้องผูกมัด ชาติหน้าก็ไม่ต้องเจอกันอีก”
“ผมบอกให้พวกคุณออกไป”
ปริเทพที่เดินตามเข้ามา ออกปากไล่ทั้งตรัย และพวกของรัญชิตา
“อย่ามารบกวนวิญญาณดาว”
พัชรินทร์เดินตรงเข้ามาหากลุ่มของรัญชิตา ป้าอรยืนอยู่ห่างๆ รัญชิตาและทุกคนยกมือไหว้พัชรินทร์ พิชัยรีบพูดขึ้นทันที
“สวัสดีครับคุณแม่หนูดาว ผมในนามของครอบครัว เราทุกคนเสียใจกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น พวกเราขอมอบพวงหรีดเพื่อแสดงความเสียใจและอาลัยต่อการจากของหนูดาวอย่างสุดซึ้งครับ”
พิชัยจะส่งมอบพวกหรีดให้พัชรินทร์
“ดิฉันไม่รับค่ะ”
พิชัยเสียหน้า เอาพวกหรีดส่งคืนให้ลูกน้อง
“หนูดาวเป็นคนชอบดอกไม้ เอาไว้วางไว้หน้าโลงศพ”
พัชรินทร์เข้าไปแย่งแล้วโยนพวงหรีดทิ้งทันที
“เอาไปทิ้งซะ”
ชาลินีเห็นท่าทางของพัชรินทร์ ก็รีบพูดอย่างเห็นใจ
“ฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณดี ไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหรอกค่ะ”
พลางหยิบซองใส่เช็คออกมายื่นให้
“ตอนนี้ไม่มีหนูดาว คุณเองก็ลาออกจากราชการ ดิฉันขอมอบเช็คเงินสดห้าล้านบาท เพื่อเป็นหลักประกันความสุขในชีวิตคุณ”
พัชรินทร์รับเช็คมา แล้วฉีกทิ้ง
“ความสุขของฉันคือการที่ได้ลูกกลับมา คุณเป็นนักธุรกิจร้อยล้านพันล้าน คุณทำให้ลูกฉันฟื้นขึ้นมาได้ไหม"

"ถ้าทำไม่ได้ ฉันก็ขอเอาชีวิตลูกคุณแลกกับชีวิตลูกฉัน คุณจะได้รู้จักกับคำว่าสูญเสีย คุณถึงจะเข้าใจหัวอกแม่คนนี้ที่ใจแทบสลาย"

พัชรินทร์พรั่งพรูความรู้สึก ทุกคนพูดไม่ออก รัญชิตาก้มลงกราบ
 
“คุณอาคะ มิ้นท์ไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะคะ ถ้ามิ้นท์ตายไป แล้วทำให้ดาวฟื้นขึ้นมาได้ คุณอาเอาชีวิตมิ้นท์ไปเถอะค่ะ”
พัชรินทร์ก้มลงจับตัวรัญชิตาเขย่าอย่างแรง
“ถ้ามันเป็นจริงได้ ฉันจะไม่รีรอที่จะฆ่าเธอเลย ออกไป”
พัชรินทร์ผลักรัญชิตาออกไป
“ขอให้มิ้นท์ได้ไหว้ศพดาวนะคะ”
พัชรินทร์จ้องรัญชิตานิ่ง
“ได้ แต่ไม่ใช่วันนี้ วันที่เธอมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพว่าเธอจงใจฆ่าลูกฉัน ฉันจะยอมให้เธอไหว้ขอโทษศพลูกฉัน”
พิชัยรีบพูดแย้งขึ้นมา
“ลูกสาวผมบอกแล้วไงว่ามันเป็นอุบัติเหตุ เบื้องต้นทางตำรวจก็ประเมินว่าเป็นอย่างนั้น ไม่เชื่อคุณก็ถามคุณตรัยก็ได้ เขาอยู่ในเหตุการณ์”
ทุกคนหันไปมองที่ตรัยทันที รัญชิตารีบพูดด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น
“คุณตรัยคะ คุณบอกคุณอาสิคะ ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”
ปริตาหันไปมองตรัย อย่างรอฟังคำตอบจากปากของเขา
“ผมไม่แน่ใจ ว่าคุณมิ้นท์ผลักดาว หรือรถของดาวไถลตกลงไปเอง ผมตอบไม่ได้จริงๆ”
พวกพิชัยยิ้มพอใจ แต่พัชรินทร์หน้าตึง ปริเทพกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ ปริตาตัดสินใจโพล่งขึ้นมาทันที
“มันไม่ใช่อุบัติเหตุค่ะ”
รัญชิตาตกใจที่ปริตาพูดอย่างนั้น ชาลินีโวยขึ้นมาทันที
“ปริตา เธออย่าปรักปรำลูกฉันนะ เธอเป็นเพื่อนรักกัน ลูกมิ้นท์รักเธอมาก เธอต้องพูดความจริงนะ”
“อ้อมพูดความจริงค่ะ มิ้นท์ทะเลาะกับดาว มิ้นท์โกรธที่ดาวจะแต่งงานกับคุณตรัย มิ้นท์เสียใจที่คุณอาจะตัดแม่ตัดลูก มิ้นท์ขอร้องดาว ให้ดาวยกเลิกงานแต่ง แต่ดาวไม่ยอม มิ้นท์โกรธ มิ้นท์จึงผลักดาว”
รัญชิตารีบพูดสวนขึ้นมา
“ฉันไม่ได้ผลัก เราสองคนทะเลาะกัน จนรถของดาวจะตกลงไป ฉันพยายามจะคว้าตัวช่วยดาว”
ปริตาส่ายหน้า “เธอไม่ได้คว้าดาว แต่เธอต้องการแย่งสร้อยของดาว สร้อยเส้นนั้นเป็นสร้อยที่คุณตรัยซื้อให้ดาวเป็นของขวัญแต่งงาน เธอเข้าไปแย่งสร้อย ไม่ได้ช่วยชีวิตดาว”
รัญชิตาตกใจจนปากคอสั่น “ไม่จริง ไม่จริงนะคะ”
ปริเทพปราดเข้ามากระชากตัวรัญชิตา
“ต่อหน้าศพของดาว เธอต้องพูดความจริง ยอมรับผิดต่อวิญญาณของดาว”
พลศิษฎ์เข้าไปกันตัวปริเทพออก พร้อมกับที่พิชัยประกาศลั่น
“ถ้าใครใส่ความลูกสาวผมอีก ผมจะแจ้งข้อหาหมิ่นประมาท เรื่องคดีจะถูกจะผิด ให้มันเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ผมจะต่อสู้เพื่อความบริสุทธิ์ของลูกสาวผม”
พัชรินทร์จ้องหน้าพิชัยด้วยความไม่พอใจ
“ในเมื่อพวกคุณไม่คิดจะรับผิด ก็ไปเจอกันที่ศาล ออกไป”
รัญชิตาเสียใจที่ทุกคนมองว่าเธอเป็นต้นเหตุ ก่อนที่จะถูกประคองตัวออกไป พิชัยและชาลินีเดินออกไปด้วย ปริตาปรายตาไปมองตรัย เขาจึงจำต้องจึงเดินออกไปด้วย
พัชรินทร์ทรุดตัวลงที่หน้าโลงศพของปัทมาศแล้วร้องไห้โฮ ปริตาเข้าไปจับมือปลอบใจ
“เรียกร้องความเป็นธรรมให้ดาวด้วย”

ปริตารับคำ ปริเทพมองภาพนั้นด้วยความเจ็บปวด

ปริตาแต่งชุดดำเตรียมจะออกไปงานศพ แต่กลับเจอชาญวุฒิ กับต้อยติ่งนั่งคุยอยู่กับลัดดาวัลย์ ที่ห้องรับแขก
 
“พวกพี่มีธุระอะไรกับอ้อมเหรอคะ?”
ชาญวุฒิรีบบอก “คืองี้น้องอ้อม พี่รู้ว่าน้องอ้อมยังเสียใจ แต่ชีวิตมันต้องเดินหน้า พอดีว่า..”
ต้อยติ่งพูดแทรก “บอสอยากให้น้องอ้อมไปแคสโฆษณา”
ปริตาส่ายหน้า พลางพูดปฏิเสธเสียงแข็ง “อ้อมไม่รับค่ะ อ้อมขอโทษจริงๆนะคะพี่ชาญ ตอนนี้อ้อมไม่อยากคิดทำอะไรทั้งนั้น อ้อมไปก่อนนะ”
ลัดดาวัลย์สงสัย “ยังไม่ถึงเวลาสวดศพเลย จะรีบไปไหน ?”
“อ้อมจะไปเป็นพยาน ชี้จุดที่เกิดเหตุค่ะ”
ปริตาหันไปยกมือไหว้ทุกคนแล้วเดินออกไป ลัดดาวัลย์มองตามอย่างกังวลใจ
“ฉันไม่อยากเชื่อเลยนะว่ามิ้นท์จะคิดฆ่าเพื่อน”

พอปริตาเดินออกมา ก็เจอกับพลศิษฎ์ ที่ยืนรออยู่ที่หน้าบ้าน
“พี่จะมารับอ้อมไปกินข้าวนะ เย็นๆพี่จะพาไปส่งที่วัด พี่ขอไปร่วมฟังพระสวดด้วย”
ปริตารีบบอกปัด “ไม่เป็นไรค่ะ อ้อมไปเองได้”
“อ้อมยังโกรธมิ้นท์อีกเหรอ ?”
“อ้อมขอตัวก่อนนะคะ”
พูดจบก็จะเดินออกไป พลศิษฎ์รีบพูดแทรกทันที
“พี่อยากคุยกับอ้อมเรื่องคดีความ ไปหาอะไรกิน แล้วคุยกัน”
ปริตามองพลศิษฎ์หน้านิ่ง “คุยที่นี่ก็ได้ค่ะ”
พลศิษฎ์ถอนหายใจ
“ตอนนี้มิ้นท์รู้สึกแย่มาก เอาแต่ร้องไห้ ไม่ยอมทำอะไร ไม่ออกไปไหน?”
“อ้อมไม่อยากฟัง เข้าเรื่องพี่มาร์ทเถอะค่ะ”
พลศิษฎ์ลำบากใจ “พี่อยากขอให้อ้อมให้การว่ามันเป็นอุบัติเหตุ มิ้นท์ไม่เคยมีความคิดที่จะทำร้ายดาวเลย”
“พี่มาร์ทเชื่ออย่างนั้นจริงๆเหรอคะ?” ปริตาย้อนถาม
“พี่เชื่อมิ้นท์”
“งั้นพี่มาร์ทก็ไม่เชื่ออ้อม อ้อมอยู่ในที่เกิดเหตุนะคะ”
“แล้วอ้อมเห็นภาพที่มิ้นท์ผลักดาวตกลงไปจริงๆ รึเปล่า หรือแค่เห็นมิ้นท์ทะเลาะกับดาว?”
ปริตานิ่งนึกถึง เธอเห็นเพียงด้านหลังของรัญชิตาที่เข้าไปที่รถของปัทมาศ แต่มองไม่เต็มตาว่ารัญชิตาผลักปัทมาศหรือเปล่า
“พี่มาร์ทจะซักอ้อมเพื่ออะไรคะ ให้อ้อมยอมรับว่าอ้อมเข้าใจผิด ให้อ้อมกลับคำให้การอย่างนั้นเหรอคะ?”
“พี่ไม่อยากให้มิ้นท์ถูกดำเนินคดี”
“แต่พี่มาร์ทจะให้ดาวตายฟรี ?”
พลศิษฎ์อึกอัก “พี่รู้ว่ามันไม่แฟร์กับดาว แต่ดาวตายไปแล้ว แค่นี้มิ้นท์ก็เหมือนตายทั้งเป็น เห็นใจมิ้นท์บ้างเถอะ คุณตรัยเอง ก็ไม่ได้ปรักปรำว่ามิ้นท์เป็นคนทำ”
ปริตาได้ยินว่าตรัยให้การอีกอย่างก็ยิ่งไม่พอใจ
“พี่มาร์ทกลับไปเถอะค่ะ ถ้าพี่มาร์ทเป็นห่วงน้อง ก็อยู่ดูแลน้องเถอะค่ะอย่ามาทำให้อ้อมเสียศรัทธาพี่ไปอีกเลย”

พลศิษฎ์ผิดหวังที่ปริตาไม่ยอมช่วยเหลือ

กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 9 (ต่อ)

ศิโรจน์หอบแฟ้มงานชิ้นใหม่มาให้ตรัย แต่เขากลับปัดแฟ้มทิ้งอย่างไม่ไยดี เสาวลักษณ์เดินเข้ามามองลูกชายอย่างไม่พอใจ
 
“คิดจะทำธุรกิจ เอาอารมณ์เป็นที่ตั้งไม่ได้ ไม่พร้อมก็ต้องทำ”
“คุณแม่ไม่ควรมาที่นี่ครับ ที่นี่เป็นบริษัทของผม”
เสาวลักษณ์จ้องหน้าลูกชาย “แต่ฉันทนดูแกบริหารงานแบบนี้ไม่ได้ อีกไม่กี่เดือนบริษัทของแกก็เจ๊ง”
“ผมตั้งมันขึ้นมา ผมก็ปิดมันได้ คุณแม่ห่วงเรื่องธุรกิจร่วมทุนกับคุณชาลินีดีกว่า”
เสาวลักษณ์เสียงอ่อนลง
“ฉันรู้ว่าแกยังโกรธเกลียดฉัน ฉันมาเตือนด้วยความหวังดี เขาตายไปแล้ว แกทำให้เขาฟื้นกลับมาไม่ได้แกต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป อย่าให้คนตายฆ่าคนเป็น”
พูดจบก็เดินออกไป ตรัยครุ่นคิดตาม

ปริตาเดินเข้ามาในห้องทำงานของตรัย พร้อมกับโยนหนังสือพิมพ์นลงบนโต๊ะทำงานของเขา
“คุณแม่มิ้นท์ยอมร่วมทุนกับคุณแม่คุณ เพราะนี่ใช่ไหมที่คุณให้การว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”
ตรัยมองภาพข่าวเสาวลักษณ์นั่งโต๊ะเซ็นสัญญาทำธุรกิจกับชาลินี
“นั่นมันเรื่องของคุณแม่ฉัน ไม่เกี่ยวกับฉัน”
ปริตามองอย่างไม่พอใจ “โกหกให้แนบเนียนกว่านี้ดีกว่าค่ะ ฉันเพิ่งสวนทางกับแม่คุณ ท่านคงมาชื่นชมยินดีที่ลูกชายเป็นพยานช่วยเหลือว่าที่ลูกสะใภ้”
“เธอกำลังเข้าใจฉันผิดแล้ว”
ปริตายิ้มเยาะ “ใช่ ฉันเข้าใจผิด และผิดมาตลอด ฉันคิดว่าคุณจะรักดาว ให้เกียรติดาว แต่สุดท้ายคุณมันก็เห็นแก่ตัว”
“ฉันพยายามทำดีที่สุดแล้ว ฉันไม่เห็นจริงๆว่ามิ้นท์ผลักดาว แล้วฉันก็ไม่ได้ปฎิเสธว่ามิ้นท์ทะเลาะกับดาว ฉันให้การตามความจริง ว่าฉันไม่เห็น ไม่มั่นใจ”
ปริตาไม่ยอมแพ้ “ไม่รู้ไม่เห็นก็เท่ากับเข้าข้างมิ้นท์ ผลประโยชน์ที่ได้รับคงมหาศาล เผาศพดาวเสร็จคุณก็แต่งงานกับมิ้นท์ได้ไม่ยาก”
ธิปไตยตัดสินใจ “เธอก็รู้ว่าฉันไม่ได้รักมิ้นท์ ฉันรักเธอ”
พูดพลางขยับเข้ามาจะกอด ปริตารีบผลักออก
“อย่าเอาความรักมาเป็นเหยื่อล่อฉัน ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขาดรัก ฉันเคยหวังว่าคุณจะเปลี่ยน แต่ฉันรู้แล้วว่าคนที่ไม่เคยรักใคร มันก็ต้องรักตัวเอง เห็นแก่ตัว”
ปริตาตวาดใส่หน้า ตรัยทนไม่ไหวสวนกลับทันที
“ถ้าฉันเห็นแก่ตัว แล้วเธอเป็นยังไง? เธอก็ไม่ได้ดีกว่าฉัน เอะอะก็จะโยนความผิดให้คนอื่นๆ เชื่อมั่นในความคิดตัวเอง ไม่ฟังเหตุผลคนอื่น หรือเพราะเธอกำลังจะโยนผิดให้พ้นตัว”
“คุณพูดอะไรของคุณ ?”
“เหตุการณ์ในวันนั้น เธออาจเป็นต้นเหตุให้มิ้นท์ทะเลาะกับดาว ดาวตายไปก็เพราะเธอ เธอถึงคิดโยนบาปให้มิ้นท์ ให้ฉัน เธอมันก็เห็นแก่ตัว”
ปริตาฟาดฝ่ามือใส่หน้าตรัยอย่างแรง
“ฉันมาหาคุณ หวังให้คุณจะสำนึกผิด และเปลี่ยนความคิด แต่ฉันพลาดไปแล้วที่ยังหวังในตัวคุณ ในเมื่อคุณไม่เคยเห็นความหวังดีจากฉัน เราก็เดินกันคนละทาง อย่าได้พบเจอกันอีกเลย”
พูดจบปริตาก็เดินออกไป ตรัยมองตามพลางตัดสินใจที่จะขัดขวางการกระทำของเธอ

พลศิษฎ์เข้ามาหารัญชิตาในห้องนอน ขณะที่อีกฝ่ายยังคงนอนซึม ไม่ยอมรับรู้ใดๆ ทั้งสิ้น
“วันนี้เป็นวันเผาศพดาว มิ้นท์ควรไปนะ นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่มิ้นท์จะได้บอกลาดาว”
รัญชิตาส่ายหน้า แววตาเศร้า
“ไม่ค่ะ มิ้นท์ไม่กล้าไปเจอใครอีกแล้ว ทุกคนเกลียดมิ้นท์”
พุดไปก็ร้องไห้ไป พลศิษฎ์ต้องเข้ามากอดปลอบใจ

“งั้นเราไปทำบุญให้ดาวกัน”

ปริตา ปริเทพ ป้าอร ช่วยกันแจกดอกไม้จันทน์ให้แขกที่มางาน ที่ต่างก็ทยอยเดินขึ้นไปวางที่เมรุ ครู่หนึ่งตรัยก็เดินเข้ามา ปริตามองเขาด้วยสายตาหยามเหยียด
 
“กลับไปเถอะค่ะ ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ”
“เธอไม่มีสิทธิ์ห้ามฉัน เพราะนี่เป็นงานของดาว ฉันมาเพื่อดาว แต่ถ้าเป็นงานของเธอ ฉันจะไม่เสียเวลามาเผา”
ปริตาไม่พอใจ ปริเทพโกรธจะเข้าไปทำร้ายตรัย แต่กลับถูกป้าอรห้ามไว้
“พอเถอะค่ะ เห็นแก่ดาวนะคะ”
ตรัยหยิบดอกไม้จันทน์ในพานปริตา พลางมองเย้ยเธอ
อีกด้านหนึ่งเสาวลักษณ์ยืนถือมาลัย มองไปยังเมรุของปัทมาศ แล้วก็น้ำตาซึม ก่อนจะยกมือไหว้
“สิ่งใดที่ฉันเคยล่วงละเมิดทางกาย วาจาและใจต่อเธอ ขอให้เธออโหสิกรรมให้ฉันด้วย ขอให้ดวงวิญญาณเธอไปสู่ภพภูมิที่ดีกว่านี้”
ครั้นเอามือลง ก็เห็นพัชรินทร์ยืนอยู่ตรงหน้า เสาวลักษณ์ไม่กล้าสู้หน้าจะเดินออกไป พัชรินทร์ต้องเข้าไปคว้าตัวไว้
“คุณจะไปไหน”
พัชรินทร์ลากตัวเสาวลักษณ์มาบริเวณเมรุ ตรัยหันไปเห็นก็ตกใจ
“จะรีบกลับทำไมล่ะ คุณตั้งใจมาไหว้ศพลูกฉัน ไปสิ ไปกราบ ไปขอโทษกับสิ่งที่เธอทำกับลูกสาวฉัน”
เสาวลักษณ์หน้าซีด ปากคอสั่น “ฉันขอโทษ”
“คุณไม่ต้องมาขอโทษฉัน แต่คุณต้องไปกราบขอโทษลูกฉัน เหมือนที่คุณทำกับลูกฉัน”
พัชรินทร์ยื้อยุดเสาวลักษณ์ จนปริตาต้องเข้ามาห้าม
“ปล่อยเถอะค่ะคุณอา”
พัชรินทร์ร้องไห้โฮ “เธอก็เห็นว่าวันนั้นเขาทำอะไรกับดาวบ้าง”
“อ้อมเห็นค่ะ แล้วอ้อมก็จำได้ติดตา แต่เชื่ออ้อมเถอะค่ะ ดาวไม่อยากเห็นหน้าเขาหรอก แม้แต่คำ
ขอโทษ ดาวก็ไม่อยากฟัง คนที่ไม่มีหัวใจ ขอโทษใครก็ไม่มีประโยชน์ เพราะคำขอโทษมันไม่ได้มาจากใจ”
เสาวลักษณ์รู้สึกผิด พลางค่อยๆ นั่งลง
“ในฐานะแม่คนหนึ่ง ฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณดี ฉันขอโทษคุณอีกครั้งที่เคยทำร้ายจิตใจลูกคุณ และฉันขอกราบขอโทษหนูดาว”
เสาวลักษณ์พนมมือจะกราบต่อหน้าคนที่มองดู ตรัยทนเห็นแม่ยอมลดศักดิ์ศรีไม่ได้ รีบเข้ามาห้าม
“พอเถอะครับ คุณแม่ผมรู้สึกผิดและสำนึกผิด ผมคิดว่ามันเพียงพอแล้ว ขอคุณอาให้อภัยคุณแม่ผมด้วยครับ”
ตรัยมองไปที่พัชรินทร์ แต่อีกฝ่ายกลับเดินออกไปอย่างไม่ไยดี ปริตาและปริเทพ และคนอื่นๆ ก็เดินไปที่เมรุเพื่อไปทำพิธีต่อ เสาวลักษณ์รู้สึกแย่มาก ที่ไม่มีใครให้อภัย
ตรัยรับประคองพาแม่เดินออกไป ปริตาหันกลับไปมองอย่างไม่พอใจ เชื่อว่าตรัยคืนดีกับแม่พราะ
รัญชิตา

พอเดินแยกออกมา ตรัยก็รีบหันไปบอกแม่
“คุณแม่จะทำอะไร คุณแม่ควรคำนึงถึงศักดิ์ศรีของตัวเอง ไม่ใช่ไปก้มกราบอย่างนั้น”
เสาวลักษณ์หน้าเศร้าอย่างรู้สึกผิด
“แล้วจะให้แม่ทำยังไง มันเป็นหนทางเดียวที่พวกเขาจะให้อภัยแม่ได้ อย่างน้อยมันก็ทำให้แม่รู้ว่าลูกยังรักและห่วงแม่”
ตรัยส่ายหน้า “เปล่าครับ ที่ผมทำไป ก็เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของผม ผมจะทำทุกอย่างเพื่อตัวผมเอง”
เสาวลักษณ์ผิดหวังที่ตรัยยังคงไม่ให้อภัยเธอ

พัชรินทร์เดินเอาช่อดอกไม้จันทน์ไปวางไว้หน้าศพของปัทมาศ น้ำตาไหลพราก
“แม่อาจไม่ใช่แม่ที่ดี แต่แม่รักลูกมากนะ ขอให้เราได้เกิดมาเป็นแม่ลูกกันอีก”
ป้าอรวางตาม แล้วโอบกอดพัชรินทร์เดินลงไป
ปริเทพถือช่อดอกไม้จันทน์เดินเข้ามายืนหน้าโลงศพ

“ไม่ว่าวันนั้น หรือวันไหนๆ พี่เคยรักน้องดาวยังไง พี่ก็รักน้องดาวเสมอนะคะ น้องดาวรอพี่ก่อนในวันที่พี่แก้แค้นให้น้องดาวได้สำเร็จ พี่จะตามไปอยู่กับน้องดาว”

ปริตาตกใจที่ได้ยินคำพูดนี้ของปริเทพ จากนั้นก็เดินถือช่อดอกไม้จันทน์มายืนหน้าโลงศพ
 
“ดาว ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้ไปไหน เธอยังอยู่ที่นี่ เธอยังอยู่กับฉันเสมอ ฉันรักเธอนะ”
ปริตายิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะโยนดอกไม้จันทน์เข้ากองไฟ
ทุกคนยืนมองควันไฟจากเมรุเผนสพปัทมาศ แล้วก็กอดกันร้องไห้ ด้วยความอาลัยรัก
อีกด้านหนึ่งของวัด พลศิษฎ์พารัญชิตามาถวายสังฆทาน ก่อนจะกรวดน้ำเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ปัทมาศ

ลัดดาวัลย์มองปริตาที่ยังคงนั่งเศร้าคิดถึงปัทมาศอย่างเข้าใจ ก่อนจะรีบถามถึงความคืบหน้าของคดี
“วันนี้พี่เทพไปฟังผลมาค่ะ”
ปริตาพูดจบ ปริเทพก็เดินหัวเสียเข้ามาพอดี
“เขาลงความเห็นว่าเป็นอุบัติเหตุ เป็นการกระทำโดยประมาท โทษรอลงอาญา อำนาจเงินมันทำได้
ทุกอย่าง ในเมื่อไม่มีใครให้ความเป็นธรรมกับดาว พี่ก็ต้องจัดการเอง”
“พี่เทพจะทำอะไร ?” ปริตาอดถามไม่ได้
“ใครที่มันมีส่วนทำให้ดาวต้องตาย มันต้องฉิบหาย”
ปริเทพประกาศกร้าวแล้วเดินขึ้นไปบนห้อง ปริตาทั้งผิดหวังกับคำตัดสิน ทั้งเป็นห่วงความรู้สึกของพี่ชาย
ทันใดนั้นเสียงโครมครามจากห้องของปริเทพก็ดังขึ้น ปริตากับลัดดาวัลย์ตกใจ
“อ้อม ขึ้นไปดูเทพหน่อยเถอะ”
ปริตาหน้าเครียด “ลองพี่เทพเป็นอย่างนี้ ไม่มีใครเอาอยู่หรอกค่ะ”
พูดพลางคิดอะไรขึ้นมาได้ รีบเดินออกไป
“อ้อมจะไปไหน?”
“อ้อมจะไปหามิ้นท์ค่ะ”

ปริตาเดินเข้าในตึกที่เกิดเหตุ พลศิษฎ์รีบเข้าไปถามด้วยความแปลกใจ
“อ้อมมาทำอะไรที่นี่ ?”
“อ้อมไปที่บ้าน เขาบอกว่ามิ้นท์อยู่ที่นี่ อ้อมจะคุยกับมิ้นท์ค่ะ”
“อ้อมรู้ผลคดีแล้วใช่ไหม ?”
ปริตาหน้าตึง “มันไม่ยุติธรรมเลย ที่มิ้นท์จะใช้ชีวิตสบายๆ ทั้งๆที่ฆ่าเพื่อนตาย”
“ทุกอย่างมันชัดเจนแล้วว่าเป็นอุบัติเหตุ”
ปริตายิ้มเยาะ “เงินกับบารมีอาจทำให้ทุกคนเชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่สำหรับอ้อม มันคือเจตนาฆ่า
พี่มาร์ทเลิกเข้าข้างมิ้นท์ได้แล้ว ไม่ว่ามิ้นท์ทำผิดอะไรพี่มาร์ทก็ออกรับแทนมิ้นท์ทุกเรื่อง”
พลศิษฎ์พูดย้อนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ถ้าคนที่อ้อมรักทำผิด พี่ก็เชื่อว่าอ้อมก็ต้องปกป้องเขา แล้วถ้าอ้อมทำผิด พี่ก็จะปกป้องอ้อมเหมือนกัน”

รัญชิตาถือถาดใส่กลีบดอกกุหลาบ แล้วมองไปยังจุดที่ปัทมาศตกลงไป จากนั้นก็หยิบกลีบดอกกุหลาบ โปรยลงไป เพื่อเป็นการไว้อาลัยให้กับปัทมาศ
ปริตาเดินเข้ามาหารัญชิตา
“หยุดเถอะ มันไม่ช่วยอะไรหรอก”
รัญชิตาหันกลับมามองปริตาด้วยแววตาเศร้า
“มันอาจไม่ทำให้ดาวฟื้น แต่มันก็ทำให้ดาวรู้ว่าฉันเสียใจ ฉันรักดาวมาก”
ปริตาปราดเข้ามาผลักรัญชิตา
“หยุดพูดคำว่ารักได้แล้ว เธอบอกว่ารักเพื่อน แต่เธอก็ฆ่าดาวได้ลงคอ ทำผิดเธอก็ไม่กล้ายอมรับผิด
สักครั้ง”

“อ้อม เธอเชื่อใจฉันเถอะ เราเหลือกันสองคนแล้วนะ ไม่มีดาว เรายิ่งต้องรักกันให้มาก ฉันเองก็เสียใจไม่น้อยกว่าเธอ ขอให้เราผ่านมันไปให้ได้ เธอคอยเตือนพวกเราเสมอ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้เรารักกัน เป็นเพื่อนกันตลอดไป”

รัญชิตาเข้ามาโอบกอดปริตา แต่กลับถูกอีกฝ่ายผลักออก
 
“ฉันเป็นเพื่อนกับคนทรยศไม่ได้”
“ต้องให้ฉันตายไปด้วยใช่ไหม เธอถึงจะให้อภัยฉัน ?”
ปริตาจ้องหน้ารัญชิตาอย่างเอาเรื่อง “ใช่ ถ้าเธอตาย ฉันคงรู้สึกดี”
รัญชิตาจ้องตาตอบ แล้วหันกลับไปที่ขอบตึก ก่อนจะเดินตรงไป ปริตามองตาม เริ่มเป็นห่วง กลัว
รัญชิตาจะกระโดดลงไป พลางจะก้าวเข้าไปห้าม แต่รัญชิตากลับหยุดอยู่แค่ตรงนั้น
ปริตาตรงเข้ามาเย้ยรัญชิตา เพราะรู้ดีว่าเธอไม่กล้ากระโดลงไปแน่
“กระโดดลงไปสิ ฉันบอกให้กระโดด กระโดดลงไป”
ปริตาพูดกดดัน จนรัญชิตาทรุดตัวร้องไห้ ก่อนจะเข้ามากอดขาปริตา
“ฉันรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอไม่กล้า คนขี้ขลาดไม่ยอมรับความจริงอย่างเธอไม่มีวันฆ่าตัวตาย”
รัญชิตาลุกขึ้นมาบอกปริตา
“อ้อม ให้อภัยฉันนะ เรากลับมาเป็นเพื่อนกันนะ”
ปริตาหยิบถาดใส่กลีบดอกกุหลาบมาถือไว้
“ฉันจะให้อภัยเธอได้ยังไง เพื่อนที่ชื่อรัญชิตาได้ตายไปแล้ว”
ขาดคำก็ยกถาดใส่กลีบดอกกุหลาบสาดใส่หน้า รัญชิตาร้องไห้เสียใจที่ถูกปริตาตัดขาดความเป็นเพื่อน

ตรัยเข้ามาเตรียมงานเพื่อถ่ายทำการแคสติ้งโฆษณา ศิโรจน์เข้ามายื่นแฟ้มภาพนักแสดงที่มาแคสติ้ง
“นี่ครับนักแสดงที่จะมาแคสติ้ง”
ตรัยเปิดดูแฟ้มภาพ ด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก จากนั้นก็โยนแฟ้มทิ้ง
“เปลี่ยนนักแสดง”
ศิโรจน์ส่ายหน้า “ไม่ได้ครับ ลูกค้าเลือกมาแล้ว”
“ฉันไม่ทำ”
“ก็ยิ่งไม่ได้ครับ งานนี้รายได้เข้ามาก้อนใหญ่ บริษัทรอดแล้วครับ”
ตรัยตะคอกกลับ “ฉันมีปัญญาหางานอื่นมาเลี้ยงพวกแกได้”
แต่แล้วตรัยก็ยอมอ่อนลง เดินออกไปเตรียมงานถ่าย
ลัดดาวัลย์ยื่นชุดใหม่ให้ปริตา แล้วพูดกับหลานสาวยิ้มๆ
“คอลเลคชั่นใหม่ของน้า น้าให้อ้อม พี่ชาญบอกว่าเรายอมไปแคสงานแล้ว ถ้าได้งานชิ้นนี้ อ้อมเกิดแน่”
ปริตาส่ายหน้าช้าๆ อย่างไม่ค่อยมั่นใจ
“คงจะยากค่ะ งานใหญ่คู่แข่งเยอะ”
“น้าถึงเอาชุดสวยๆมาให้ไง คนสวยทำอะไรก็ถูกตาถูกใจ”
ปริตามองชุดด้วยความพอใจ ลัดดาวัลย์อดที่จะถามต่อไม่ได้
“แล้วนึกไงถึงยอมไปแคสล่ะ ?”
“อ้อมเสียเวลากับเรื่องไร้สาระมามากพอแล้วค่ะ ต่อจากนี้ อ้อมจะเร่งเก็บเงินไปซื้อบ้านแม่ให้เร็วที่สุด ได้บ้านแล้วอ้อมจะกลับไปอยู่โน่นถาวร”
ลัดดาวัลย์ยิ้ม พลางพูดอวยพร “ขอให้สำเร็จนะอ้อม”

ทันทีที่สมภพเดินควงพลอยออกมาจากลิฟท์ พริดาก็ปราดเข้าไปกระชากตัว แล้วตบพลอยจนคว่ำ พลอยตบสู้ สมภพเข้าไปห้าม แล้วตบหน้าพริดาอย่างแรง
“หยุดได้แล้ว”
พริดามองหน้าสมภพอย่างไม่พอใจ

“คุณห้ามไม่ได้พอลลี่มาหา เพราะคุณเอานังนี่มาอยู่ด้วย คุณทำอย่างนี้หมายความว่าไง ?”

กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 9 (ต่อ)

พลอยยิ้มเยาะ “ก็หมายความว่าเธอมันตกรุ่นแล้ว อยากได้ลูกค้าก็ต้องอัพเกรดตัวเอง”
 
พริดามองพลอยหัวจดเท้า “ฉันไม่ใช่ผู้หญิงชั่วคราวอย่างเธอ แกมันหน้าด้าน สันดานเมียน้อย”
พลอยไม่ยอมแพ้ “เธอสิเมียน้อย ถ้าเรียงลำดับเวลา เธอมาทีหลังฉัน แต่คงไม่ถึงใจ คุณสมภพถึงเขี่ยทิ้งกลับมากินของเก่า”
พริดาโกรธพุ่งเข้าตบพลอย สมภพไม่พอใจ เดินหนีออกไปด้วยความรำคาญ พริดารีบผลักพลอยออกแล้ววิ่งตามสมภพออกไป
“คุณสมภพคะ พอลลี่ไม่อยู่ที่นี่แล้วนะคะ พอลลี่ไม่อยากทับที่มัน”
สมภพหันกลับมาตวาด “ฉันบอกเธอแล้วไง ว่าฉันจะหาที่อยู่ใหม่ให้”
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะคะ? พอลลี่รอคุณมานานแล้ว พอลลี่ต้องไปพักอพาร์ทเม้นท์กระจอกๆ พอลลี่ไม่ไหวแล้วนะคะ”
ดอกแก้วออกมาได้ยินพริดาพูดดูถูกห้องพักของเธอก็ไม่พอใจ
“ฉันพูดคำไหนก็คำนั้น แล้วอย่ามาตามฉันอีก”
สมภพพูดพลางจะเดินไปที่รถ พริดารีบตามไปเซ้าซี้
“คุณจะไปไหนคะ ให้พอลลี่ไปดูแลคุณนะคะ”
แต่พอเห็นสายตาดุของสมภพ เธอก็รู้ตัว รีบถอยห่างออกมา
“พอลลี่รอคุณโทรมานะคะ”
สมภพมองอย่างไม่สนใจ ก่อนจะขับรถออกไป ดอกแก้วรีบเข้ามาบอก
“ฉันสืบรู้มาว่าคุณสมภพไปงานแคสโฆษณาของเพื่อน เป็นรถหรูด้วยนะ ค่าตัวหกหลัก”
“แล้วทำไมเขาไม่เคยบอกฉัน ทำไมไม่พาฉันไปแคส? “
“เธอคงต้องไปถามพี่ชาญ โมของพี่ชาญก็ส่งเด็กไป แต่ไม่มีรายชื่อเธอ”
ดอกแก้วพูดเสี้ยม พริดาโกรธที่เธอไม่ได้ไปแคสงานโฆษณาชิ้นใหญ่

ปริตาในชุดสวยเดินเข้ามาในสตูดิโอ พร้อมกับปริเทพ ชาญวุฒิมองเธออย่างชื่นชม
“สวยมาก สะดุดตา พี่มั่นใจว่าลูกค้าต้องเลือกอ้อม”
“คู่แข่งเป็นร้อย อ้อมไม่หวังหรอกค่ะ”
ชาญวุฒิรีบอก “มันง่ายกว่านั้น พี่ส่งรูปพร้อมโพร์ไฟล์ ลูกค้าเลือกมาทดสอบการแสดงแค่สอง”
“อีกคนเป็นใครคะ?”
ชาญวุฒิไม่ตอบ แต่กลับหันไปชื่นชมความหล่อของปริเทพ
“คนนี้ไม่ต้องแต่งก็หล่อคม ขวัญใจแม่ยก”
ปริเทพยิ้มรับ “พวกพี่จะทำงานกันรึยังครับ เดี๋ยวผมรอข้างนอกดีกว่า ผมแค่มาส่งแล้วเป็นกำลังใจให้อ้อม”
“เข้าไปด้วยกันได้ งานนี้คนกันเองทั้งนั้น”
ชาญวุฒิพูดพลาง เดินนำทีมทุกคนเดินเข้าไปด้านใน

พอเดินเข้าไปเจอตรัย ปริตาก็หน้าบึ้ง ปริเทพเองก็ไม่พอใจที่รู้ว่าบริษัทของตรัยเป็นผู้รับผิดชอบงานนี้
“พี่ชาญน่าจะบอกอ้อมก่อนนะคะ”
ปริตาพูดเชิงตัดพ้อ ตรัยรีบพูดแทรกทันที
“รู้ตอนนี้ก็ไม่สายเกินไป เธอสามารถถอนตัวได้”
ปริตาไม่พอใจ จะเดินออกไป แต่ปริเทพจับตัวไว้ ก่อนจะหันมาถามชาญวุฒิ
“แล้วคู่แข่งของอ้อมเป็นใครครับ ?”
ปริตาเห็นรัญชิตาเดินเข้ามา ก็ยิ่งไม่พอใจ
“สวัสดีค่ะพี่ชาญ คุณตรัย พี่เทพ ฉันดีใจนะที่ได้เจอเธออีก”
ประโยคหลังรัญชิตาหันมาบอกปริตา ที่ยืนหน้าบึ้ง
“พี่ชาญคะ อ้อมขอโทษจริงๆค่ะ อ้อมไม่แคสแล้วค่ะ”
“ไม่ได้นะ พี่นำเสนออ้อมกับมิ้นท์ไปแล้ว”
ปริตารีบบอก “ลูกค้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเลือกไงคะ ยังไงมิ้นท์ก็อยู่ในสังกัดพี่ อ้อมกลับก่อนค่ะ”
พูดจบก็ยกมือไหว้ชาญวุฒิ พร้อมกับขยับจะเดินออกไป แต่รัญชิตารีบพุดขึ้นมาก่อน
“อ้อม ถ้าเธอปฎิเสธงานนี้เพราะฉัน ฉันขอสละสิทธิ์เอง”
ชาญวุฒิมองปริตากับรัญชิตาสลับกัน

“น้องมิ้นท์สละสิทธิ์ไม่ได้เด็ดขาด ทั้งคุณพ่อคุณแม่ ฝากฝังให้พี่ช่วยดูแล แล้วคุณสมภพก็เป็นคนนำเสนอชื่อน้องมิ้นท์ให้ลูกค้าด้วย”

ปริตาจึงรู้ความจริงว่ารัญชิตาเป็นเด็กเส้น
 
“ในเมื่อลูกค้ามีตัวเลือกที่น่าสนใจ จะเอาอ้อมมาเป็นตัวเปรียบเทียบทำไมคะ?”
ตรัยมองปริตาแล้วจงใจพูดเยาะ
“ฉันว่าเธออย่าเสียเวลาหาเหตุผลมาพูดให้ตัวเองดูดีเลย ที่เธอคิดถอนตัว เพราะรู้ดีว่าสู้คุณมิ้นท์ไม่ได้ เธอกลับไปก็ดี ฉันไม่ต้องเสียเวลาแคสติ้งกับนักแสดงที่ไร้ความสามารถ”
ปริตาไม่พอใจที่ถูกตอกกลับ ปริเทพจ้องหน้าตรัยอย่างเอาเรื่อง
“คุณไม่มีสิทธิ์มาดูถูกน้องสาวผม แล้วผู้กำกับที่ดีก็ไม่ควรชี้นำว่าใครแสดงดีกว่าใคร ทั้งๆที่ยังไม่ได้เริ่มงาน มันสะท้อนวิสัยทัศน์ของผู้บริหารที่ทำงานเพื่อพวกพ้อง ไม่มีวันเจริญ”
ชาญวุฒิรีบพูดตัดบท
“พี่ไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของน้องๆ แต่ ณ จุดๆนี้ที่เรากำลังจะก้าวสู่เส้นทางบันเทิง พี่ขอให้เราแยกแยะ เรื่องส่วนตัวกับงาน ขอให้เป็นมืออาชีพ น้องมิ้นท์ว่าไงครับ?”
“มิ้นท์จะร่วมแคสติ้งค่ะ และไม่ได้ใช้เส้นสายใดๆ ทุกอย่างอยู่ที่ความพึงพอใจของลูกค้า”
ชาญวุฒิยิ้ม “น้องอ้อมโอเค.นะ เริ่มงานกันเลย”
ปริตาตัดสินใจยกมือไหว้ชาญวุฒิ
“อ้อมขอถอนตัวค่ะ”
พูดจบก็เดินออกจากห้องไป ปริเทพรีบเดินตามออกไป รัญชิตาผิดหวังที่ปริตาสละสิทธิ์ ขณะที่ตรัยมองตามอย่างหยามหยัน

ปริตากำลังจะเดินออกไป แต่กลับถูกปริเทพตามเข้ามารั้งตัวไว้
“อ้อมกลับเข้าไปเถอะ”
ปริตามองพี่ชายอย่างแปลกใจ “พี่เทพอยากให้อ้อมร่วมงานกับนายนั่น ทั้งๆที่เขาดูถูกอ้อม?”
“ยิ่งเขาดูถูกเราเท่าไหร่ เราต้องทำให้เขาเสียมากเท่านั้น”
ปริตาส่ายหน้าอย่างระอาใจ “อ้อมไม่อยากยุ่งกับคนพวกนี้”
“อ้อมต้องอดทน ที่ผ่านมาพวกเขาใช้เงินเอาชนะได้ทุกอย่าง พี่อยากให้อ้อมใช้ความสามารถของอ้อม เอาชนะให้ได้ ทำให้พวกเขารู้จักความพ่ายแพ้ แพ้แบบไม่มีที่ยืน”
“แต่อ้อมไม่อยากเจอหน้ามิ้นท์ ต่างคนต่างอยู่ดีกว่า”
ปริตาจะเดินออกไป ปริเทพเข้ามาคว้าตัวไว้อีก
“อย่าหนีปัญหาอีก ถึงเวลาที่อ้อมต้องทำเพื่อดาว อ้อมไม่คิดจะลบล้างความผิดให้ดาวเหรอ? วันนั้นอ้อมอยู่ในเหตุการณ์ แต่อ้อมช่วยดาวไม่ได้ พี่รู้ว่าอ้อมรู้สึกผิด นี่เป็นโอกาสของอ้อมแล้ว ที่จะแก้ตัวทำเพื่อดาว”
ปริตาฉุกคิดถึงตอนที่เห็นปัทมาศกระซิบคุยกับปริเทพ
“พี่เทพคะ วันนั้นก่อนที่ดาวจะจากไป ดาวคุยอะไรกับพี่เทพ ดาวบอกอะไรพี่เทพ?”
ปริเทพย้อนนึกถึงคำพูดของปัทมาศในวันนั้น
“บอกมิ้นท์ด้วย ดาวเห็นแก่ตัวเกินไป ดาวขอโทษ อโหสิกรรมให้ดาวด้วย”
แต่สิ่งที่เขาบอกน้องสาว คือ
“ดาวเสียใจที่มิ้นท์เห็นแก่ตัวเกินไป ดาวบอกให้พี่แก้แค้นให้ดาวด้วย”
ปริตาได้ฟังก็ยิ่งโกรธรัญชิตา

“ถ้าอ้อมรักดาว อ้อมต้องแก้แค้นให้ดาว”

สมภพเข้าไปต่อว่าชาญวุฒิ ในขณะที่ลูกค้ารออยู่ที่มุมหนึ่งเพื่อรอดูการแคสติ้ง
 
“คุณชาญคุณต้องทำยังไงก็ได้ ให้ปริตามาแคสติ้งให้ได้ คุณอย่าลืมนะ ลูกค้าเป็นเพื่อนผม ผมช่วยเชียร์เด็กในโมคุณ แล้วก็ยอมมาใช้บริษัทคุณตรัยตามที่คุณขอ คุณมาทำผมเสียหน้า แล้วต่อไปผมจะวางใจให้งานคุณอีก
ได้ยังไง”
ชาญวุฒิเถียงไม่ออก แต่ครู่หนึ่งก็ยิ้มออกมาได้ สมภพแปลกใจหันกลับไปมองที่บริเวณแคสติ้ง เห็นปริตาเดินตรงเข้าไปยืนต่อหน้าลูกค้า พลางยกมือไหว้ แนะนำตัว
“ปริตาค่ะ”
ลูกค้ามองปริตาด้วยความพึงพอใจ ตรัยมองเธออย่างแปลกใจ ปริเทพเดินเข้ามายืนข้างชาญวุฒิ
“ขอบคุณเทพมากนะที่ช่วยพี่”
พูดพลางบีบมือปริเทพไว้แน่น อีกฝ่ายพยักหน้ารับ แล้วดึงมือตัวเองออก
“พี่ช่วยพวกผมมาเยอะแล้ว เราต้องร่วมงานกันอีกนานครับ”
ต้อยติ่งสังเกตพฤติกรรมของชาญวุฒิก็เริ่มเอะใจ รัญชิตาหันไปยิ้มและเดินเข้าไปจับมือปริตา
“ฉันดีใจนะที่แกยอมกลับมา”
ปริตาเอามือรัญชิตาออก แล้วหันไปบอกตรัย
“ฉันพร้อมแล้ว เริ่มได้เลยค่ะ”

ตรัยยืนอยู่หน้ากล้อง เริ่มต้นถ่ายทำการแคสติ้ง ทันทีที่เสียงเพลงดังขึ้น รัญชิตาก็เดินมาหน้าฉากในชุดโฉบเฉี่ยว ก่อนจะเดินเข้ามาแล้วกระชากผ้าสีทองเผยให้เห็นเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ที่โฉบเฉี่ยว
ปริตาในชุดเดียวกับรัญชิตายืนอยู่ข้างรถ พลางโพสท่า เพื่อนำเสนอความสวยงามของรถในมุมต่างๆ ก่อนจะปิดท้ายด้วยสโลแกนของสินค้า
ลูกค้าลุกขึ้นปรบมือพอใจ สมภพรีบพูดขึ้น
“คุณมิ้นท์เข้าไปร่วมซีนด้วยครับ จะได้มีภาพเปรียบเทียบกัน”
รัญชิตาเข้าไปในเฟรมยืนคู่กับปริตา ที่ยืนโพสให้กับกล้อง ตรัยมองภาพในจอมอนิเตอร์ ศิโรจน์ที่โผล่
เข้ามาดูด้วย รีบพูดขึ้นทันที
“กินกันไม่ลงจริงๆ”

ตรัยเดินเข้ามาบอกกับลูกค้า ที่ยืนคุยอยู่กับปริตาและรัญชิตา
“วันนี้โอเคแล้วครับ ไปเปลี่ยนชุดได้เลย พรุ่งนี้มีคิวทดสอบการแสดงอีกวันนึง”
ปริตาแปลกใจ “ทำไมต้องแคสต์เพิ่มอีกคะ มันเสียเวลา”
“ฉันก็ไม่อยากเสียเวลาหรอก เพราะแค่การแสดงครั้งนี้ มันก็ชี้ชัดว่าใครน่าสนใจ ส่วนเรื่องที่ต้องเพิ่ม เธอคงต้องไปถามคนที่เพิ่มคิว”
ตรัยโยนความผิดไปที่สมภพ ที่รีบเดินเข้ามาอธิบาย

“ขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า พอดีผมคุยกับคุณมนตรี เรามองว่าสตอรี่โฆษณาที่คุณตรัยคิดมา ยังไม่ตอบโจทย์เรื่องความเร็วและและสมรรถนะของตัวรถ คุณมนตรีจึงอยากเพิ่มการขับขี่เข้าในโฆษณาด้วย ผมต้องรบกวนคุณมิ้นท์กับคุณอ้อมอีกครั้ง”

ชาญวุฒิหันมาถามรัญชิตา “เพิ่มแค่คิวเดียวเอง น้องมิ้นท์โอเคนะ?”
 
รัญชิตายิ้มรับ “ได้ค่ะ”
ตรัยหันไปทางปริตา “แต่ถ้าเธอคิดว่ามันเสียเวลาเธอมาก ไม่ต้องก็ได้”
ปริตาเมินหน้าจากตรัย หันมาถามชาญวุฒิ “ เจอกันกี่โมงคะ?”
“เดี๋ยวพี่คอนเฟิร์มเวลาและสถานที่กับน้องอ้อมอีกครั้ง ไปเปลี่ยนชุดได้เลยจ้ะ”
ปริตามองเย้ยตรัย ก่อนจะเดินออกไป รัญชิตาเดินตามไปด้วย

ตรัยเห็นสมภพเดินเข้ามา ก็รีบบอกอย่างหัวเสีย
“ถ้าคุณจะเพิ่มสคริปท์ ผมอยากให้บอกล่วงหน้า ไม่งั้นทีมงานเตรียมตัวไม่ทัน”
สมภพมองเหยียดๆ “มันจะยากอะไร แค่หาสนามแข่งหรือถนนสวยๆ รึว่าคุณมีปัญหา อ้อ ! ผมลืมไปบริษัทคุณตั้งได้ไม่นาน ยังทำงานแบบมือสมัครเล่น”
ตรัยสวนกลับ “ผมคิดว่าการทำงานแบบมืออาชีพ คือการวางแผนล่วงหน้า ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงกะทันหันและคนนอกไม่ควรเข้ามาวุ่นวายกับทำงาน”
พุดจบตรัยก็เดินออกไป สมภพมองตามอย่างไม่พอใจ

รัญชิตาเข้ามาทักปริตาในห้องแต่งตัว แต่กลับถูกอีกฝ่ายมองเมินเหมือนเธอไม่มีตัวตน พลางจะเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซึ่งมีห้องเดียว เป็นจังหวะที่รัญชิตาก็จะเข้าไปเหมือนกัน
ชาญวุฒิเข้ามาในห้อง มองเห็นทั้งสองกำลังจะเดินเข้าไปห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกัน ก็กลัวมีเรื่อง
“เธอเข้าไปก่อนเถอะ”
รัญชิตาแสดงน้ำใจ แต่ปริตาไม่อยากรับความหวังดี หันไปบอกชาญวุฒิ
“อ้อมขอกลับชุดนี้นะคะ แล้วอ้อมจะเอาชุดมาคืนค่ะ”
จบประโยคก็เดินไปหยิบกระเป๋าเดินออกไปทันที รัญชิตาผิดหวังที่ปริตาไม่รับไมตรีจากเธอ

ปริตาเดินเข้าไปหาปริเทพที่กำลังตรวจเช็คเครื่องมอเตอร์ไซค์ที่สตาร์ทไม่ติด ครู่หนึ่งสมภพก็เดินเข้ามาหาทั้งคู่
“รถเสียเหรอครับ?”
“ครับ คงต้องตามช่างมาดู”
สมภพรีบฉวยโอกาส “กว่าช่างจะมากว่าจะเสร็จก็อีกนาน คุณอ้อมก็ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดด้วย งั้นผมไปส่งดีกว่า”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวให้อ้อมกลับแท็กซี่ก็ได้”
ปริเทพพูดกันท่า เพราะไม่อยากให้ปริตาไปกับสมภพ
“ไม่เป็นไรไม่ได้ครับ ผมไม่ยอมให้พรีเซ็นเตอร์โฆษณาของเพื่อนผม ต้องเสี่ยงชีวิตกลับแท็กซี่เด็ดขาด”
ปริตาและปริเทพมองสมภาพอย่างแปลกใจ
“คุณสมภพพูดเหมือนลูกค้าเลือกอ้อมแล้ว?”
สมภพยิ้มเจ้าเล่ห์ “ถึงเขาไม่เลือก ผมก็จะทำให้เขาเลือก ให้ผมไปส่งนะครับ”
ปริตารู้ดีว่าสมภพมีอิทธิพลกับลูกค้า จึงคิดใช้สมภพเป็นเครื่องมือในการทำลายปริตา
“ได้ค่ะ รบกวนคุณสมภพอีกเรื่องได้ไหมคะ ช่วยตามช่างมาซ่อมรถ พี่เทพจะได้กลับไปพร้อมกับอ้อม”
สมภพยิ้มรับ “ด้วยความยินดีครับ ผมจะโทรให้ลูกน้องมาจัดการให้ คุณเทพไปด้วยกันนะครับ เชิญครับ”
จากนั้นก็เดินนำปริเทพและปริตาไปที่รถ ตรัยยืนมองอย่างไม่พอใจ เพราะคิดว่าปริตายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้โฆษณาชิ้นนี้
พริดาที่ยืนซุ่มดูอยู่อีกมุมหนึ่งพร้อมกับดอกแก้ว มองปริตาอย่างแค้นใจ จากนั้นก็เดินเข้ามาเอาเรื่องชาญวุฒิที่ไม่ยอมเรียกเธอมาแคสต์งาน
“พี่เห็นว่าช่วงนี้งานเราเยอะไม่อยากไปแย่งคิวเดินแบบ ถ่ายปกหนังสือ”
“พี่ไม่อยากแย่งคิวหรืออยากเขี่ยพอลลี่?”
ชาญวุฒิพยายามอธิบาย “ไม่เอาน่า ไว้เดี๋ยวมีงานอะไรที่เหมาะกับพอลลี่ พี่จะเรียกทันที”
“พี่ก็ดีแต่เรียกงานห่วยๆให้พอลลี่ ส่วนงานดีๆก็จัดให้ยัยอ้อมยัยมิ้นท์ สองคนนั่นสนิทสนมกับพี่ มีผลประโยชน์กับพี่ แล้วพอลลี่ล่ะ พอลลี่สร้างรายได้ให้พี่ชาญตั้งเท่าไหร่ ไอ้เสื้อผ้าที่ใส่ รองเท้าที่สวมนี่ก็มาจากน้ำพักน้ำแรงของพอลลี่”
พริดาพูดลำเลิก ชาญวุฒิเริ่มไม่พอใจ
“เธออย่ามาพูดอย่างนี้กับพี่ พี่ไม่ได้หากินเอาเปรียบแธอ แต่เราทำงานด้วยกัน แล้วไอ้เสื้อผ้าเครื่องสำอางที่เธอมีใช้ มันก็มาจากการทำงานของพี่”
พลางจ้องหน้าพริดาอย่างเอาเรื่อง

“ที่เธอมาโวยวาย เพราะจะเอาเรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการรับงานจากคุณสมภพ โดยไม่ต้องพึ่งพี่อย่างนั้นเหรอ?”
 



กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 9 (ต่อ)

พริดาเชิดหน้า “พอลลี่ก็ไม่อยากพึ่งนักหรอก ถ้าไม่ติดสัญญา”
 
“ถ้าพี่เอาสัญญานี่เล่นงานเธอ พี่ก็ได้เงินชดเชยหลายล้าน แต่เอาเถอะ ถือว่าทำบุญปล่อยสัตว์ เพราะถ้าเราเลี้ยงสัตว์ที่ไม่เชื่อง สักวันมันก็จะแว้งกัน”
พูดพลางฉีกสัญญาที่ต้อยติ่งยื่นให้ต่อหน้าพริดา ที่ยิ้มสะใจ แล้วเดินเชิดหน้าออกไปพร้อมกับดอกแก้ว

สมภพจอดรถที่หน้าบ้านของลัดดาวัลย์ ก่อนจะอ้อมมาเปิดประตูให้ปริตา ปริเทพสังเกตเห็นพฤติกรรมของสมภพ ก็รู้ว่าเขาชอบปริตา
“ลูกน้องผมเอารถไปเข้าศูนย์แล้ว พรุ่งนี้เช้าจะให้เอามาส่งนะครับ”
ปริเทพรีบบอกอย่างเกรงใจ
“ผมไปรับเองก็ได้ครับ รบกวนคุณสมภพเกินไป”
“อย่าเกรงใจเลยครับ ผมถือว่าเราเป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้ว”
สมภพยื่นมือไปจับกับปริเทพ ที่จำต้องจับมือตอบตามมารยาท
“พรุ่งนี้ผมมารับนะครับ”
ปริตายิ้มรับคำ พลางโบกมือส่งสมภพ ปริเทพมองท่าทีของน้องสาวอย่างแปลกใจ จนอดที่จะถามไม่ได้
“พี่ไม่เข้าใจอ้อมเลย อ้อมก็รู้ว่าเขาเจ้าชู้ อ้อมยังจะไปสนิทสนมกับเขา?”
ปริตายิ้มให้พี่ชาย “พี่เทพอย่าลืมสิคะ คุณสมภพเป็นเพื่อนเจ้าของสินค้า ถ้าอ้อมให้ความไว้วางใจ โอกาสที่คุณสมภพจะเชียร์อ้อมสูงมาก”
“แต่มันเสี่ยง คุณสมภพไม่น่าไว้ใจเลย” ปริเทพอดเป็นห่วงไม่ได้
“อ้อมรู้ค่ะ แต่อ้อมคิดว่าอ้อมเอาอยู่ คุณสมภพเป็นเจ้าของสื่อ และกำลังผลิตละครออนทีวีดิจิตอล อ้อมอยากได้งานจากเขา อ้อมจะได้เงินมาซื้อที่ดิน แล้วที่สำคัญ เขามีเพาเวอร์ที่จะช่วยทำให้อ้อมเหนือกว่ามิ้นท์ อ้อมจะใช้เขาเป็นเครื่องมือทำลายมิ้นท์”
ปริเทพพยักหน้า แต่ก็ยังไม่วายกังวลใจ

“อ้อมต้องระวังตัวด้วยนะ อย่าถลำไปมากนัก”

“คุณพิชัย ไหนคุณบอกว่าคุณสมภพจะช่วยเชียร์ลูกเรา แล้วทำไมถึงต้องให้ลูกมิ้นท์ไปแคสต์แข่งกับยัยอ้อม?”
 
ชาลินีโวยวายต่อว่าพิชัยด้วยความไม่พอใจ
“วงการโฆษณามันก็ต้องมีการแข่งขัน คุณสมภพก็แค่ให้ปริตามาเป็นตัวเลือก ยังไงคุณสมภพก็ต้องเชียร์ลูกมิ้นท์”
ชาลินีมองหน้าสามีอย่างไม่ค่อยเชื่อคำพูด
“ขอให้มันจริงเถอะ ฉันเสียเงินซื้อโฆษณาลงสื่อของคุณสมภพหลายล้านแล้วนะ”
รัญชิตาทนไม่ไหว รีบพูดแทรกขึ้นมา
“คุณพ่อคุณแม่คะ มิ้นท์ขอถอนตัวได้ไหมคะ? มิ้นท์ไม่อยากทำให้อ้อมผิดหวังหรือเสียใจอีก”
ชาลินีมองรัญชิตาอย่างขัดใจ
“มันประกาศเลิกคบแก แกยังจะทำดีกับมันเพื่ออะไร มันมาแคสต์งานนี้ก็หวังเอาชนะแก เป้าหมายของแกคือทำยังไงก็ได้ แกต้องชนะและเหนือกว่ามันทุกอย่าง”
ชาลินีพูดกดดัน รัญชิตาหันไปมองขอความเห็นจากพิชัย
“พ่อว่าที่แม่เขาพูดมาก็จริงนะ พ่อไม่ชอบเลยที่หนูอ้อมคิดจะเอาเรื่องลูก เพื่อนรักกันไม่ทำอย่างนั้นหรอกลืมเรื่องอื่นให้หมด ลูกกลับมาสนใจงานบันเทิงที่ลูกตั้งใจไว้ เดินหน้าทำมันให้ดีที่สุด”
รัญชิตาจำต้องพยักหน้ารับคำ ชาลินียิ้มอย่างพอใจ

รัญชิตาขับรถมาตามทาง เห็นปริตากำลังข้ามถนนอยู่ในระยะไกล ก็เร่งความเร็วขึ้น
ปริตาหันมาเห็นรถพุ่งมาอย่างแรงก็ตกใจ พอรัญชิตาได้สติ ก็รีบเหยียบเบรคทันที
“คัท”
ตรัยตะโกนสั่งเสียงดัง ด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบวิ่งไปที่ถนน ทีมงานคนอื่นๆรีบตามไป
รัญชิตารีบออกจากรถ เข้าไปขอโทษปริตา
“อ้อมเธอเป็นยังไงบ้าง ฉันขอโทษ”
ปริตาผลักรัญชิตาออกห่าง ตรัยรีบเข้ามาถามอย่างเป็นห่วง
“เธอโอเคไหม?”
ปริตานิ่งไม่ตอบ ชาญวุฒิที่เดินนำต้อยติ่งเข้ามาพูดต่อว่ารัญชิตา
“น้องมิ้นท์ขับเลยเส้นมาร์ค เกือบชนน้องอ้อมแล้ว
รัญชิตายกมือไหว้ขอโทษทุกคน
“นท์ขอโทษจริงๆค่ะ มิ้นท์กะระยะพลาดไป”
ตรัยรีบเสนอความเห็น “ผมว่าถ้าเราอยากโชว์ระบบเบรคให้นักแสดงขับ รถมาเบรคอย่างเดียว ไม่ต้องมีคนข้ามถนนก็ได้ คุณมนตรีว่าไงครับ?”
แต่สมภพชิงตอบแทน
“ผมเห็นต่างจากคุณตรัย ถ้าเราจะโชว์ว่ารถรุ่นนี้มีระบบเบรค ที่เฉียบคม ก็ควรมีตัวละครข้ามถนนมันช่วยสื่อภาพออกมาได้ชัดเจน”
“งั้นก็ใช้แสตนอินท์แสดงแทน”
สมภพพูดแทรกขึ้นมาอีก “ผมเป็นคนเสนอไอเดียคุณมนตรีเอง ว่าใช้นักแสดงที่เป็นเพื่อนกัน คนหนึ่งขับรถ อีกคนข้ามถนน มันจะสื่อถึงความปลอดภัยให้กับคนที่คุณรัก”
ตรัยอ้าปากจะค้าน แต่ปริตาชิงพูดขึ้นมาก่อน

“อ้อมเห็นด้วยกับความคิดของคุณสมภพนะคะ คุณมนตรีจะได้เห็นสีหน้าเวลาตกใจ ว่าใครเหมาะกับบทไหน?”

สมภพพยักหน้าเห็นด้วย “คราวนี้ก็สลับบทการแสดง ให้คุณมิ้นท์มาเดินข้ามถนน ส่วนคุณอ้อมก็ขับรถ”
 
รัญชิตาสีหน้ากังวล จนปริตาสังเกตเห็น
“ถ้ามิ้นท์เขาไม่สบายใจ ไม่ไว้ใจอ้อม ใช้ตัวแสดงแทนก็ได้ค่ะ”
“มิ้นท์เล่นได้ค่ะ”
ปริตายิ้มพอใจ ตรัยเห็นสีหน้าของเธอก็กังวลใจ พอได้จังหวะก็รีบขอร้องให้เธอไปบอกสมภพให้ใช้
แสตนด์อิน
ปริตายิ้มเยาะ
“คุณมันสองมาตราฐาน ทีฉันแสดง คุณทนนิ่งเฉยถ่ายทำได้ พอถึงตาฉันจะขับรถบ้าง คุณก็เป็นห่วงมิ้นท์”
ตรัยจึงประชดกลับ
“ใช่ ฉันเป็นห่วงคุณมิ้นท์ เพราะฉันรู้ดีว่าใจเธอจ้องอาฆาต และทำทุกอย่างเพื่อให้ได้งานชิ้นนี้”
“คุณเก่งนะคะ เดาใจฉันออก ใช่ค่ะ ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อจะต้องกำจัดคู่แข่ง”
ปริตาพูดขู่ พร้อมกับเข้าไปนั่งในรถ
“เธอคิดทำอะไรของเธอ?”
ปริตาไม่ฟังเสียง ปิดประตู แล้วสตาร์ทรถ พร้อมกับมองไปข้างหน้า ตรัยจำต้องออกไป

ตรัยมองที่รถของปริตาซึ่งจอดอยู่อย่างกังวลใจ ก่อนจะสั่งเริ่มถ่ายทำ
“5 4 3 2 แอ็คชั่น”
ปริตาที่อยู่ในรถ มองเห็นสัญญาณจากทีมงาน ก็ขับรถพุ่งออกไปด้วยความเร็ว มองเห็นรัญชิตาข้ามถนนในระยะไกล พลางย้อนนึกถึงสิ่งที่รัญชิตาทำกับปัทมาศด้วยความแค้นใจ ก่อนจะขับพุ่งไปด้วยความเร็ว จนทุกคนในกองถ่ายตกใจ
รัญชิตาหันมามองรถที่พุ่งตรงเข้ามาอย่างตกใจกลัว จนทำกระเป๋าตกพื้น
“คัท”
เสียงตรัยตะโกนสั่ง รถพุ่งเข้ามาแล้วจอดเกือบชนรัญชิตา ปริตายิ้มอย่างสะใจ
ตรัยรีบปราดเข้ามาประคองรัญชิตา ที่ยืนเข่าอ่อนอยู่กับที่ ปริตาเปิดประตูออกมามองอย่างไม่พอใจ สมภพเดินนำมนตรีเข้ามาปรบมือชื่นชมปริตา
“มิ้นท์ทำกระเป๋าตก ผิดคิวอย่างนี้ อ้อมถ่ายใหม่ได้นะคะ”
ตรัยไม่พอใจรีบตอบแทน
“ไม่ต้องถ่าย ได้ภาพครบทุกมุมแล้ว คุณมนตรีใช้ประกอบการตัดสินใจได้”
ปริตาปรายตามองเย้ยตรัย พอต้อยติ่งเดินเข้ามาจะพาเข้าไปด้านใน เธอก็จงใจพูดกระทบรัญชิตา
“อ้อมดูแลตัวเองได้ค่ะ”
พูดพลางก็เดินแยกออกมา รัญชิตารีบเดินตามมาทันที
“อ้อม เราจะกลับมาดีกันไม่ได้แล้วใช่ไหม?”
ปริตาไม่สนใจฟัง จะเดินออกไป รัญชิตาทนไม่ไหว ปราดเข้าไปคว้าตัวไว้
“อย่ามาทำอย่างนี้กับฉัน แกต้องการอะไร พูดออกมาเลยดีกว่า”
ปริตาหันกลับมาเผชิญหน้ากับรัญชิตา “ฉันคิดว่าแกน่าจะจำคำพูดฉันได้”
“คิดจะเลิกคบฉัน ทั้งๆที่ฉันอุตส่าห์พยายามทำดี ยอมแกทุกอย่าง?”
ปริตายิ้มหยัน “มันสายไปแล้วล่ะมิ้นท์ แล้วถ้าฉันเลือกได้ ฉันไม่อยากเจอหน้าแกด้วยซ้ำ แต่เส้นทางชีวิตเราต้องมาเดินบนถนนเส้นเดียวกัน ก็ตัวใครตัวมัน ใครดีใครได้”
“แกเปลี่ยนไปมาก ฉันไม่นึกเลยว่าแกจะเป็นเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้”
“แกต่างหากที่ทำให้ฉันเปลี่ยน”
รัญชิตาถึงกับชะงัก

“ในเมื่อแกคิดว่าทุกอย่างเป็นเพราะฉัน ก็แล้วแต่แก ฉันจะไม่ทนและไม่แคร์แกอีก ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อตัวฉัน”

รัญชิตาประกาศกร้าวก่อนจะเดินออกมาคุยกับสมภพส่วนตัว
 
“มิ้นท์ทราบว่าคุณพ่อขอร้องให้คุณสมภพเสนอชื่อมิ้นท์มาแคสติ้ง”
สมภพพยักหน้ารับ “ครับ ผมรับปากว่าจะช่วยให้คุณมิ้นท์เกิดในวงการนี้ให้ได้”
“มิ้นท์อยากเล่นเป็นตัวเมนโฆษณาชิ้นนี้”
“งั้นคุณอ้อมก็ต้องเล่นเป็นรอง ?”
รัญชิตาส่ายหน้า “ไม่ค่ะ ไม่มีอ้อมในโฆษณา”
สมภพนิ่งคิด “แล้วผมจะจัดการให้”
รัญชิตายิ้มพอใจเดินออกไป ปริตายืนฟังด้วยความไม่พอใจ

ขณะที่ทุกคนกำลังลุ้นรอฟังคำตอบ ครู่หนึ่งตรัยก็เดินนำสมภพและมนตรีเข้ามา
“ผมเลือกคุณมิ้นท์ครับ”
รัญชิตายิ้มพอใจ เพราะมั่นใจว่าสมภพไปจัดการให้
“คุณมิ้นท์แสดงเป็นตัวสมทบ ส่วนคุณอ้อมเป็นตัวหลัก”
รัญชิตาถึงกับอึ้ง ปริตายิ้มพอใจ
“ขอบคุณคุณมนตรีมากนะคะ ขอบคุณคุณสมภพด้วยค่ะ”
ตรัยลอบสังเกตความสัมพันธ์ของปริตากับสมภพ ด้วยความไม่พอใจ
“มิ้นท์ขอถอนตัวค่ะ” รัญชิตาโพล่งออกมา “มิ้นท์มาแคสต์เป็นตัวหลักค่ะ ไม่ได้มาเป็นตัวประกอบ”
พูดจบก็เดินออกไปอย่างไม่พอใจ ปริตายิ้มสะใจ ก่อนจะหันไปบอกตรัย
“คุณตรัยต้องไปช่วยกล่อมแล้วล่ะค่ะ ไม่มีนักแสดง ก็คงถ่ายทำในวันจริงไม่ได้ บริษัทคุณตรัยอาจไม่ได้งานนะคะ”
ตรัยไม่พอใจที่ถูกปริตาเย้ย รีบลุกออกตามรัญชิตาออกไป
“คุณไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น มิ้นท์ตัดสินใจดีแล้ว ยังไงมิ้นท์ก็ไม่ยอมแสดงค่ะ”
แต่ตรัยกลับบอกว่า “ผมไม่ได้มาขอร้องคุณ แต่ผมมาส่ง คุณทำถูกแล้วล่ะ ถ้าคุณไม่สบายใจก็ไม่ต้องฝืนตัวเอง”
“แล้วคุณจะหาใครมาแสดงแทนฉัน?”
“ก็ต้องหาตัวเลือกอื่นให้ลูกค้า เขาเลือกอ้อมแล้ว เขาคงไม่ยกเลิกการว่าจ้างบริษัทผมหรอก ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่เสียเวลาเพื่อผม”
พูดจบก็จะเดินออกไป รัญชิตารีบเข้าไปจับมือไว้
“มิ้นท์ขอโทษนะคะ มิ้นท์เปลี่ยนใจแสดงตอนนี้ทันไหมคะ?”
ตรัยมองอย่างแปลกใจ “แต่คุณไม่อยากร่วมงานกับอ้อม”
“คิดจะเป็นนักแสดงมืออาชีพ ต้องแยกแยะเรื่องส่วนตัวให้ออกค่ะ มิ้นท์อยากช่วยงานคุณด้วยค่ะ”
“ขอบคุณมากนะครับ”
ปริตาเดินเข้ามา มองภาพตรัยจับมือกับรัญชิตา แล้วพูดแขวะ
“พวกคุณสองคนเหมาะสมกันดีนะคะ คนหนึ่งเป็นนางเอกแสนดี ยอมเสียศักดิ์ศรีเพื่อคนที่รัก”
รัญชิตาไม่พอใจที่ปริตามาเยาะเย้ย
“อ้อม เธอทำอะไร คุณมนตรีถึงเลือกเธอ?”
“เธอเล่นนอกเกมให้คุณสมภพใช้เส้นสายให้คุณมนตรีเลือกเธอ ฉันไม่โง่ที่จะเดินตามเกมให้ตัวเองแพ้หรอก”
ตรัยถามย้ำ “เธอทำอะไร?”
ปริตายิ้มเยาะ “ขอโทษนะคะ มันเป็นเกม ถ้าเฉลยคงไม่สนุก”

พูดจบปริตาก็เดินออกไป รัญชิตามองด้วยแววตาแค้นเคือง ขณะที่ธิปไตยไม่พอใจที่เห็นปริตาสนิมสนมกับสมภพ

จบตอนที่ 9
กำลังโหลดความคิดเห็น