กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 7
พอปริตาวางสาย ตรัยก็รีบพูดขึ้นมาทันที
“ฉันขอโทษนะ ทำให้เธอต้องโกหกเพื่อนอีกแล้ว”
“นี่แหล่ะเป็นเหตุผลที่ฉันไม่อยากให้คุณนอนที่นี่”
ตรัยทำหน้าเหมือนสำนึกผิด “งั้นฉันกลับดีกว่า”
“คุณตัดสินใจช้าไปแล้วล่ะ คุณไม่คุ้นเส้นทางมันอันตราย ขืนคุณเป็นอะไรไป ฉันก็บาปอีก”
พูดพลางทำหน้าเศร้าเมื่อนึกถึงปัทมาศ
“ถ้าคุณแต่งงานอยู่กับดาว ดาวมีความสุข ฉันก็คงจะหมดภาระ”
“ทำไมเธอต้องรับผิดชอบดาวมากขนาดนั้น ทั้งๆที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิด ?”
“ฉันเป็นคนพาดาวออกมาจากบ้าน”
พูดจบก็รีบเดินออกไปจากห้อง ตรัยจะตามไปคุยด้วย แต่เธอรีบปิดประตู แล้วคล้องกุญแจล๊อกไว้ ไม่ให้ตรัยออกมา
“เจอกันพรุ่งนี้เช้าเจ็ดโมงค่ะ”
ตรัยเดินเข้ามองสำรวจห้อง เห็นอัลบั้มรูปวางอยู่บนโต๊ะ จึงเข้าไปนั่งเปิดดู เห็นภาพของปริเทพถ่ายกับปัทมาศ ก็นึกถึงตอนที่ปริเทพบอกว่าจะไม่ยอมให้เขาแย่งคนรักไป
ตรัยรับรู้ได้ทันทีว่าปริเทพรักปัทมาศมาก ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ต้องทำร้ายความรู้สึกของปริเทพ
พนักงานถือถาดมาเสิร์ฟเครื่องดื่มมาที่โต๊ะรัญชิตา สมภพวางเงินให้ทิปพนักงาน แล้วหยิบแก้วเครื่องดื่มวางให้เธอ
“ขอผมนั่งด้วยคนนะครับ”
รัญชิตายิ้มตอบ “ผู้หญิงของคุณสมภพไม่มาด้วยเหรอคะ?”
“ผมยังโสดนะครับ”
รัญชิตาพูดสวนทันที “เด็กปั้นของคุณไงคะ ?”
“จะเรียกพอลลี่เป็นเด็กปั้นของผมก็ไม่ถูก คุณชาญวุฒิเขาดูแล ผมก็แค่เปิดโอกาสแนะนำงานดีๆให้
ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากดูแลคุณมิ้นท์มากกว่า”
รัญชิตามองหน้าสมภพ พลางคิดจะสกัดพริดา
“คุณก็รู้ว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้”
“มันจะยากอะไรล่ะครับ ผมก็เอาเสืออีกตัวไปปล่อยป่า แล้วเลือกเสือที่สง่าที่สุดอยู่ในถ้ำเพียงตัวเดียว”
รัญชิตาปรายตามองยิ้มๆ “แล้วคุณไม่กลัวเสือตัวนั้นขย้ำเหรอคะ?”
“ผมเป็นนายพราน ผมจัดการได้ครับ”
รัญชิตายิ้มพอใจ ยกแก้วชนกับสมภพ
พริดาที่อยู่ในอาการเมา หงุดหงิดที่โทร. หาสมภพแต่เขาไม่รับสาย ดอกแก้วต้องรีบประคองตัวไว้
“ฉันว่าเธอกลับเหอะ ฉันไปส่ง”
“ไม่ ฉันจะรอที่นี่จนกว่าคุณสมภพจะรับสายแล้วมารับฉันกลับคอนโด เดี๋ยวนี้เขาห่างเหินฉัน วันที่ถ่ายโฆษณาก็เหมือนกัน ทิ้งฉันไม่รับฉันกลับไปด้วย”
ดอกแก้วรีบบอก “วันนั้นฉันเห็นคุณสมภพรับยัยมิ้นท์ ยัยมิ้นท์คงไปอ่อยคุณสมภพ คิดแย่งคุณสมภพของเธอ”
พูดจบดอกแก้วก็อุทานเสียงดัง พริดามองไปตามสายตา เห็นรัญชิตาชนแก้วดื่มกับสมภพ ก็จ้องมองด้วยความไม่พอใจ
ปริเทพนั่งดื่มแล้วจะลุกออกไป บังเอิญชนกับดอกแก้วที่เดินสวนมา กำลังจะเดินไปยังโต๊ะของรัญชิตาและสมภพ เขามองตามไปด้วยความสงสัย
“สวัสดีค่ะคุณสมภพ”
สมภพมองดอกแก้วอย่างแปลกใจ แล้วรีบพูดดักคอ
“ฉันไม่คุยเรื่องงานในเวลาส่วนตัว ถ้าเป็นเรื่องสำคัญค่อยคุยกัน”
พูดพลางหันไปชนแก้วกับรัญชิตาต่อ ดอกแก้วเอียงหน้ามากระซิบบอก
“พอลลี่กำลังจะฆ่าตัวตาย สำคัญรึเปล่าคะ?”
สมภพหน้าเครียด รีบหันไปบอกรัญชิตา
“ผมมีงานด่วน ขอตัวก่อนนะครับ ไว้โอกาสหน้าเราคงได้ดื่มด้วยกันอีก”
จากนั้นก็เดินออกไปกับดอกแก้วอย่างเร่งรีบ รัญชิตามองตามอย่างแปลกใจที่สมภพร้อนรนออกไป
พอเดินพ้นออกมา ดอกแก้วก็ดึงแขนสมภพไว้
“คุณสมภพคะ ดอกแก้วขอโทษค่ะ พอลลี่ไม่ได้ฆ่าตัวตายค่ะ”
ดอกแก้วตัดสินใจเล่าความจริง
“พอลลี่หลอกให้ดอกแก้วพาคุณสมภพออกไป พอลลี่จะเล่นงานมิ้นท์ค่ะ”
อีกด้านหนึ่ง พริดาเดินตรงถือแก้วเข้ามาตรงหน้า แล้วสาดเหล้าใส่หน้ารัญชิตาทันที
“ฉันไม่ได้หาเรื่องเธอ เธอมาสาดฉันทำไม ?”
รัญชิตาโวยวายใส่พริดา
“มันยังน้อยไปด้วยซ้ำกับความเลวของเธอ”
“อย่ามาปรักปรำฉันนะ ไร้สาระ”
รัญชิตาจะลุกออกไป พริดารีบเข้ามาดึงตัวไว้
“จับได้คาหนังคาเขายังมีหน้ามาเถียงอีก เธอโกรธที่ฉันดัง โดดเด่นกว่าเธอ เธอกำลังแพ้ฉัน ก็เลยใช้วิชามารแย่งแฟนฉัน”
“ฉันไม่เคยแย่งชิงของของใคร”
พริดายิ้มหยัน “อ้าว เหรอ? แล้วเหตุการณ์วันนั้นมันคืออะไร? พอเธอรู้ว่าคุณตรัยรักยัยอ้อม เธอก็เลยเสียหน้า ประกาศจับคุณตรัยต่อหน้าสื่อ แต่น่าสมเพช คุณตรัยดิ้นเอาตัวรอดขอหมั้น แล้วยังตามไปเคลียร์ยัยอ้อมคนรักเก่า ฉันพูดความจริงใช่ไหม ? ตอบสิ ตอบ”
รัญชิตาเชิดหน้า “ใช่ อะไรที่เป็นของฉัน ฉันก็ต้องเอาคืน”
“ในที่สุดก็ยอมรับมาเต็มปาก เธออยากเป็นเมียน้อยมากรึไง พอไม่เหลือใครก็คิดมาแย่งคุณสมภพของฉัน”
รัญชิตาย้อนกลับ “คุณสมภพของเธองั้นเหรอ ?”
“ใช่ ฉันคบกับเขา อยู่ที่คอนโดเขา”
รัญชิตามองอย่างหมั่นไส้
“ฟังฉันนะพอลลี่ ต่อให้เธอมีชื่อเสียงเป็นนางแบบ พรีเซ็นเตอร์โฆษณา เธอมันก็แค่ของกินเล่น ฉันจะบอกอะไรให้นะ คนอย่างคุณสมภพเขามีรสนิยมพอจะเลือกกินของดีมีราคา”
พริดาโกรธจนตัวสั่น “นี่แกประกาศตัวจะแย่งคุณสมภพของฉันใช่ไหม?”
“ตอนแรกก็ว่าไม่ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว”
ปริเทพที่ยืนฟังอยู่ ส่ายหน้าอย่างไม่พอใจ รัญชิตายิ้มเยาะ แล้วพูดต่อ
“ยิ่งรู้ว่าเธออยากได้ ฉันก็ชักสนุกอยากแย่ง แย่งของๆใคร ไม่สนุกเท่ากับแย่งของของเพื่อน”
พริดาโกรธจัดคว้าขวดเหล้าจะเข้าไปฟาดรัญชิตา ปริเทพตกใจ จะเข้าไปห้าม แต่พอเห็นนสมภพวิ่งเข้ามา ก็ชะงักเท้าไว้
สมภพเข้าไปแย่งขวดเหล้าแล้วดึงตัวพริดาออกมา
“คุณสมภพ พอลลี่ไม่ได้ทำร้ายมันนะคะ มันด่าพอลลี่มันตบพอลลี่”
สมภพตบหน้าพริดาเต็มแรง “หยุดได้แล้ว”
จากนั้นก็รีบเข้าไปถามรัญชิตาอย่างเป็นห่วง
“คุณมิ้นท์เป็นยังไงบ้าง ผมขอโทษแทนพอลลี่ด้วย”
“คุณขอโทษมันทำไม มันคิดแย่งคุณไป คนที่คุณต้องแคร์คือพอลลี่ พอลลี่เป็น..”
พริดากำลังจะพูดว่าเป็นเมีย สมภพสวนขึ้นทันที
“ออกไปรอฉันข้างนอก”
พริดาเดินสะบัดหน้าออกไป ดอกแก้วรีบตามไปทันที
สมภพรีบหันมาบอกรัญชิตา
“ผมขอโทษจริงๆ คุณอย่าไปฟังพอลลี่พูด”
“ไม่ต้องอธิบายค่ะ มิ้นท์ไม่อยากฟังเรื่องผัวๆเมียๆ ของคนอื่น ถ้าคุณหวังดีกับมิ้นท์ คุณไปเคลียร์คนของคุณ อย่ามายุ่งกับมิ้นท์อีก”
“แล้วผมจะอธิบายความจริงให้คุณเข้าใจผม”
จบประโยคสมภพก็เดินออกไป รัญชิตานั่งดื่มเหล้าต่อด้วยความหงุดหงิด ปริเทพยืนมองอย่างไม่พอใจในพฤติกรรมของเธอ
ปริตานั่งนับเงินที่จะเอาไปจ่ายให้เจ๊จอยค่าดาวน์บ้าน จากนั้นเอาไว้ใต้หมอน แล้วไหว้พระเพื่อเตรียมนอน ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น
พอเปิดประตูบ้าน ปริตาก็ตกใจ “พ่อ”
นายประกอบอยู่ในอาการเมา ถือช่อดอกเฟื่องฟ้าตืดมือมาด้วย
“พ่อรู้ว่าลูกมา พ่ออยากมาเยี่ยม มาคุยด้วย”
ปริตารีบบอก “นี่ก็ดึกแล้ว พ่อก็เมามาก พ่อกลับบ้านไปนอนก่อนเถอะ พรุ่งนี้เช้าเราค่อยคุยกัน”
จากนั้นก็ตั้งท่าจะปิดประตูบ้าน แต่นายประกอบดันประตูไว้ แล้วก็ร้องไห้เสียงดัง
“พ่อคิดถึงแม่เอ็ง พ่ออยากไปไหว้กระดูกแม่ ขอพ่อเข้าไปไหว้แม่เอ็ง”
ปริตานิ่งคิด ขณะที่ที่ตรัยมองผ่านหน้าต่างไปยังหิ้งวางโกฎิใส่กระดูกนางวา
กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 7 (ต่อ)
นายประกอบเดินเข้ามาหยุดที่หน้าหิ้ง เอาดอกไม้ปักใส่แจกัน แล้วยกมือไหว้ พลางร้องไห้เสียใจ
ปริตายืนมองพ่อร้องไห้สารภาพผิดต่อแม่ ก็น้ำตาซึม
“ข้าทำเลวกับเอ็งไว้มาก ขอให้เอ็งอโหสิกรรมให้ข้าด้วย ข้าจะชดใช้กรรมที่ทำไว้กับเอ็ง ข้าจะตามเอ็งไป”
นายประกอบพูดพร้อมกับชักมีดออกมาจะแทงตัวเอง ปริตาตกใจรีบเข้าไปห้ามไว้
“ปล่อยข้า ข้ามันเลวข้ามันชั่ว ข้าสมควรตายตามแม่เอ็งไป ข้าอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่มีใครรักข้าอีกแล้ว”
ปริตาเข้าไปแย่งมีดมาโยนทิ้ง
“ฉันไงพ่อ ฉันยังรักพ่อ พี่เทพก็รักพ่อ”
ปริตาเข้าไปกอดพ่อ นายประกอบร้องไห้เสียใจ พลางกอดตอบ
“พ่อขอโทษ”
ตรัยมองจากในห้องพัก เห็นความสัมพันธ์ในครอบครัวกลับคืนมา ก็พลอยดีใจกับปริตา
ปริตาพานายประกอบเข้ามาในห้องนอน
“พ่อนั่งรอก่อนนะ อ้อมจะไปเอาผ้าเช็ดตัว เอาชุดมาให้พ่ออาบน้ำพ่อจะได้นอนหลับสบาย”
พูดจบเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้นายประกอบนั่งอยู่ในห้องของเธอตามลำพัง
สมภพเดินตามออกมาตบพริดาซ้ำด้วยความโกรธ
“คุณทำกับพอลลี่ได้ยังไง คุณเข้าข้างมัน คุณชอบมันใช่มั้ยคะ?”
“ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน คิดจะเกาะฉัน หวังประโยชน์จากฉัน ก็อย่าทำให้ฉันหมดความอดทน”
พูดจบก็ผลักพริดาล้มลงไป แล้วเดินออกไป
ปริเทพเข้ามาแย่งแก้วเหล้าในมือรัญชิตามาเททิ้ง
“เธอมันไร้สำนึกจริงๆ พอถูกคุณตรัยทิ้งก็คิดแย่งแฟนคนอื่น”
รัญชิตาส่ายหน้า “ไม่ใช่นะคะ มิ้นท์ไม่ได้คิดอะไรกับคุณสมภพ ? มิ้นท์พูดประชดพอลลี่ มิ้นท์ไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆค่ะ”
“ช่างเถอะ เธอจะแย่งของใครมันก็ไม่ใช่เรื่องของพี่ แต่สิ่งที่เธอทำตอนนี้มันถูกแล้วเหรอ? เพื่อนนอนเจ็บเพราะเธอ เธอยังมีใจออกมาเที่ยวหาความสุข”
รัญชิตาหน้าเศร้า “มิ้นท์อยากไปเยี่ยมดาวนะคะ แต่คุณแม่ดาวสั่งห้าม มิ้นท์ไม่กล้า”
“เรื่องดีๆไม่กล้าทำ แต่เรื่องแย่ๆเธอทำจนติดเป็นนิสัย พี่คงต้องสั่งให้อ้อมเลิกคบเพื่อนอย่างเธอ”
ปริเทพต่อว่าเสร็จก็เดินออกไป รัญชิตามองตาม แล้วคิดถึงเรื่องที่โทร. คุยกับปริตา ก่อนจะรีบเดินตามปริเทพออกไป
“พี่เทพคะ พี่เทพเพิ่งกลับมาจากสังขละเหรอคะ?”
ปริเทพหันมามองรัญชิตาอย่างงงๆ “พี่ไม่ได้กลับบ้าน ใครบอกเธอว่าพี่อยู่ที่นั่น?”
รัญชิตาแปลกใจ “มิ้นท์ได้ยินเสียงผู้ชายอยู่ในบ้าน อ้อมบอกว่าอ้อมอยู่กับพี่เทพ แล้วอ้อมอยู่กับใคร? ทำไมอ้อมต้องโกหกมิ้นท์?”
รัญชิตารีบเดินไปที่รถทันที ปริเทพมองด้วยความเป็นห่วง
ปริตาถือผ้าขนหนูเดินกลับเข้ามาในห้อง เห็นนายประกอบกำลังรื้อหาเงินในลิ้นชักและตู้ในห้อง
“พ่อทำอะไร ?”
“แกเก็บเงินไว้ที่ไหน ?”
ปริตารีบปฏิเสธ “อ้อมไม่มีเงินแล้วนะพ่อ”
“โกหก ข้าได้ยินเจ๊จอยมันโพทะนาไปทั่ว ว่าแกจะเอาเงินมาจ่ายค่าบ้าน เอาเงินมาให้ข้าใช้”
นายประกอบตรงเข้าไปรื้อที่นอน กระชากหมอนทิ้ง พอเจอซองใส่เงินก็รีบหยิบไว้ ปริตาจะเข้าไปแย่งคืน แต่กลับถูกผลักล้มลงไป
“เงินเป็นแสน สบายไปหลายเดือนล่ะวะ”
ขาดคำก็รีบออกไปจากห้อง ปริตารีบตามไป
“พ่อ เอาเงินอ้อมมา”
ตรัยได้ยินเสียงร้องของปริตา ก็พยายามจะผลักประตูออก แต่ก็เปิดไม่ได้ จากนั้นก็มองไปที่หน้าต่าง แล้วตัดสินใจเปิดหน้าต่างออกไป
ตรัยรีบวิ่งมาขวางหน้านายประกอบ
“คืนเงินให้อ้อมเถอะครับ”
“เอ็งเป็นใคร มาอยู่ในบ้านลูกสาวข้าได้ยังไง? ข้าจำได้ล่ะไอ้ว่าที่ลูกเขย เอ็งอยู่กินกับอ้อมแล้วสิ เอาไว้พรุ่งนี้เช้าข้าจะมาคุยเรื่องสินสอด ข้าไปก่อน”
พูดจบก็จะเดินออกไป แต่ตรัยยังคงขวางไว้ ก่อนจะแย่งซองเงินมาได้
“ผมขอโทษครับ ผมจำเป็น เงินก้อนนี้สำคัญกับอ้อมมาก ถ้าคุณอาอยากได้เงิน เอาของผมไป”
พูดพลางหยิบเงินส่งให้ประกอบสองพัน
“สองพัน เอ็งดูถูกข้ามากไปแล้ว ข้าจะเรียกตำรวจมาจับเอ็ง ข้อหาบุกรุกบ้านข้าและทำมิดีมิร้ายกับลูกสาวข้า”
ตรัยรีบบอก
“ตำรวจเอาผิดผมไม่ได้หรอกครับ เพราะอ้อมจะเป็นพยานว่าผมไม่ได้บุกรุกหรือข่มขืนแต่ถ้าอ้อมแจ้งความว่าคุณอาขโมยเงิน ต่อให้เป็นพ่อลูกกัน ก็ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย คุณอาเลือกเอาแล้วกัน ระหว่างเงินสองพัน กับคดีความ”
นายประกอบหมดทางสู้ รีบแย่งเงินจากตรัย
“เอ็งทำข้าเจ็บข้าจะไม่มีวันยกนังอ้อมให้เอ็งหรอกโว้ย”
นายประกอบรีบเดินหนีไปทันที ตรัยรีบเอาซองเงินคืนให้ปริตา ที่รับมากอดไว้ ด้วยความรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ตรัยมองเธอด้วยความสงสารจับใจ
ทางด้านพริดาก็พยายามจะวิ่งไปงอนง้อขอโทษสมภพ
“คุณสมภพคะ พอลลี่ขอโทษ พอลลี่ผิดไปแล้ว พอลลี่จะไม่ทำให้คุณไม่พอใจอีก พอลลี่ขอกลับไปด้วยนะคะ”
แต่อีกฝ่ายกลับขับรถออกไปอย่างไม่ไยดี
ขณะเดียวกันรัญชิตาที่ยังอยู่ในอาการเมา พยายามโทร. หาปริตา แต่เธอไม่รับสาย
“รับสายสิ อ้อม แกอยู่กับใคร”
จากนั้นขับรถออกไปด้วยความเร็ว
ปริเทพเดินออกมา เห็นรัญชิตาเลี้ยวออกมาด้วยความเร็วจะพุ่งชนพริดาที่ยืนร้องไห้เสียใจเพราะโดนทิ้ง
รัญชิตาตกใจรีบเบรกรถก่อนที่จะชน พริดามองไปในกระจก พอเห็นรัญชิตาก็ชี้หน้าด่า
“ยัยมิ้นท์ แกคิดจะฆ่าฉัน แกจะฆ่าฉัน”
ดอกแก้วกลัว รีบลากตัวพริดาออกไป พร้อมๆ กับที่ปริเทพเดินเข้ามาเคาะประตูรถอย่างแรง รัญชิตาตกใจเปิดประตูรถ เขารีบคว้าตัวเธอออกมาจากรถ
“เธอคิดจะขับรถชนคนตาย มันง่ายนักใช่ไหม ที่โกรธเกลียด ใครก็ฆ่าให้ตายไปซะ”
รัญชิตาหน้าซีด ตกใจ กลัว “มิ้นท์ไม่ได้ตั้งใจ”
“เธอมันแก้ตัวจนติดเป็นนิสัย รู้ตัวว่ากินเหล้าแล้วยังขับรถ ข่าวที่ลงแต่ละวันไม่ทำให้สำนึกบ้างรึไง รึคิดว่าพ่อรวยช่วยได้ทุกเรื่อง”
พูดพลางกระชากตัวรัญชิตาลงมากองกับพื้น ก่อนจะคลานไปอ้วกแทบไม่มีสติ
ปริเทพมองอย่างสมเพช พลางจะเดินออกไป แต่แล้วก็กลับหันมามองอีกครั้ง ก่อนจะคิดตัดสินใจ
ปริเทพอุ้มรัญชิตาเข้ามาภายในคฤหาสน์ ขณะที่ฝ่ายหลังเพ้อไม่ได้สติ
“คุณตรัยคะ คุณตรัยอย่าทิ้งมิ้นท์นะคะ มิ้นท์รักคุณค่ะ”
รัญชิตาโอบกอดปริเทพไว้แน่น เพราะคิดว่าเป็นตรัย พลศิษฎ์ออกมาเห็นพอดี
“มิ้นท์”
ปริตายิ้มเศร้าๆ ก่อนจะหันไปบอกตรัย
“ของเก่าฉันยังไม่ได้ใช้เงินคืนคุณ นี่คุณต้องมาเสียเงินเพราะฉันอีก”
“อย่าคิดเป็นหนี้บุญคุณเลย สิ่งที่เธอเคยให้กำลังใจฉัน มันประเมินค่าไม่ได้หรอก ฉันเต็มใจช่วยเธอ”
ปริตายิ่งเศร้าใจ
“จะอีกนานแค่ไหนนะ พ่อจะเลิกสร้างปัญหาให้ฉันสักที”
ตรัยรีบพูดปลอบ
“อ้อม เธออย่าพูดอย่างนี้อีกนะ ยังไงเขาก็เป็นพ่อเธอ ไม่ว่าเขาจะดีจะร้าย เขาก็เป็นผู้มีพระคุณ เขาอาจไม่ใช่พ่อที่ดีที่สุด แต่ฉันเชื่อว่าพ่อรักเธอ”
“คุณก็เห็นในสิ่งที่พ่อทำกับพวกเรา” ปริตาน้ำตาคลอ
“จะถืออะไรกับคนเมาล่ะ คนเราพอขาดสติทำอะไรโดยไม่คิด ยังไงฉันก็เชื่อว่าความเป็นพ่อกับลูกสายใยที่ดีต่อกัน ตัดกันไม่ขาดหรอก ยิ้มเข้าไว้ อย่างน้อยเธอก็มีพ่อ ฉันต่างหากที่ควรเสียใจ ฉันเสียพ่อไปตั้งแต่ยังเด็กหลังจากวันนั้น ฉันเหมือนเสียทั้งพ่อและแม่”
ปริตามองเขาอย่างแปลกใจ “ฉันไม่เข้าใจ คุณยังมีคุณหญิง”
“หลังงานศพ คุณแม่ไม่เคยสนใจฉัน อ้างว่าวุ่นกับงาน แต่มีเวลาให้กับผู้ชายมากหน้าหลายตา”
ปริตาพูดปลอบใจ
“มันอาจไม่เป็นอย่างที่คุณคิดก็ได้ ครอบครัวคุณทำธุรกิจอสังหา พอสิ้นคุณพ่อของคุณ ฉันคิดว่าท่านต้องการให้คุณไปเรียนต่อเพื่อมาบริหารงานบริษัท”
ตรัยนิ่งคิด “มันก็มีส่วนใช่ แล้วเธอจะอธิบายยังไงที่คุณแม่ฉันคบกับเด็ก? เธอก็เคยเห็นผู้ชายคนนั้นแล้ว”
“ฉันว่าคุณจะตำหนิท่านในเรื่องนี้ก็ไม่ถูกนัก เพราะแทนที่คุณจะกลับมาช่วยงานครอบครัว คุณก็เลือกที่จะเปิดบริษัทของตัวเอง และคุณก็เย็นชากับท่าน คนเราเก่งแค่ไหนก็แพ้ความเหงา ท่านต้องมีใครสักคนไว้คุย ระบายความทุกข์ แบ่งปันความสุข มนุษย์เราอยู่ตัวคนเดียวไม่ได้หรอก คุณควรจะเปลี่ยนมุมมองในการคิด เลิกคิดในมุมตัวเอง”
ตรัยพูดย้อน “งั้นเธอก็ต้องเลิกคิดในมุมคนอื่น แล้วหันมาทำตามความต้องการตัวเองบ้าง”
ปริตายิ้มตอบ “เราสองคนเหมือนมาจากดาวคนละดวง”
“แต่เราก็มาบรรจบเจอกันได้ ถ้ามีสะพานเชื่อม มันน่าแปลกนะ ที่ฉันกล้าเล่าเรื่องของฉันให้เธอฟัง
โดยที่ฉันไม่รู้สึกอาย แต่ฉันรู้สึกสบายใจ ฉันหวังว่าเธอจะยินดีพูดคุย และให้กำลังใจให้ฉันตลอดไป”
ตรัยจ้องมอง แล้วเผลอจะจูบปริตา พอเธอได้สติ ก็รีบพูดเลี่ยง
“คุณดูนั่นสิ ดาวเต็มท้องฟ้าเลย”
ปริตาเงยหน้ามองดาวด้วยความตื่นเต้น ตรัยที่มองตาม กลับเห็นความสวยงามของเธอ ที่สุกสกาวกว่าดวงดาว
กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 7 (ต่อ)
พลศิษฎ์พูดย้ำขอบคุณปริเทพที่พารัญชิตามาส่ง
“ผมต้องขอบคุณอีกครั้งนะครับ แล้วผมก็หวังว่าคุณจะให้อภัยน้องสาวผม ผมรู้ว่าคุณรักดาวมาก
สักวันคุณจะเจอคนที่ดีสำหรับคุณ”
ปริเทพยิ้มเศร้าก่อนจะสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ แล้วขี่ออกไป
พลศิษฎ์เดินเข้ามาในห้องนอน มองไปเห็นรัญชิตานอนเพ้อ
“อ้อม ทำไมแกต้องโกหกฉัน แกเป็นเพื่อนฉันนะ”
พลางคิดจะหยิบโทรศัพท์เพื่อกดหาปริตา แต่ก็เปลี่ยนใจ เพราะเห็นว่าดึกแล้ว
ปริตานำเงินมายื่นให้เจ๊จอย พร้อมกับรับมาสัญญามาอ่าน
“ส่วนที่เหลือเจ๊ขอเดือนหน้าทั้งหมดเลยนะ”
ปริตาขมวดคิ้ว “เราตกลงกันว่าหลังจ่ายดาวน์ อ้อมจะผ่อนเป็นเดือน”
เจ๊จอยรีบบอก “ไอ้ผัวเจ๊มันคอยไถจะเอาเงินก้อนทุกวัน”
“งั้นเจ๊ก็เลิกกับมัน ผัวไม่ดีจะมีไว้ทำไม”
เจ๊จอยถอนหายใจ “งั้นส่งให้ตรงทุกเดือนนะ ห้ามขาด ไม่งั้นเจ๊ยึดคืนขายให้คนอื่น”
เจ๊จอยพูดแล้วก็รีบออกไปทันที ปริตาโล่งใจที่สามารถดาวน์บ้านได้ตามที่ฝันไว้
พัชรินทร์เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้ปัทมาศ ที่มองแม่อย่างแปลกใจ
“คุณแม่ไม่ไปโรงเรียนเหรอคะ ?”
“แม่ลาออกแล้ว”
ปัทมาศคว้ามือแม่มากุมไว้ “เพราะดาวใช่มั้ยคะแม่ ?”
“ไม่ใช่หรอก ทำงานมาหลายปีเจอปัญหาเดิมๆ แม่เบื่อ”
“คุณแม่อย่าลาออกเลยค่ะ ดาวรู้นะคะ ว่าคุณแม่รักอาชีพครูมาก”
พัชรินทร์มองหน้าปัทมาศด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรัก
“ไม่มีอะไรที่แม่จะรักเท่าลูกอีกแล้ว หลังจากนี้แม่จะอยู่ดูแลลูก เราจะอยู่ด้วยกัน”
ปัทมาศน้ำตาซึม “ดาวขอโทษค่ะ ที่ดาวเป็นภาระให้คุณแม่”
“ดาวอย่าพูดอย่างนี้อีกนะลูก ลูกไม่ใช่ภาระ หรือปัญหา แม่มีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ดูแลลูก”
ปัทมาศโผเข้ากอดแม่ด้วยความรัก
ตรัยเดินออกมานอกบ้าน แต่ไม่เจอปริตา ก็นึกแปลกใจ พลางเหลือบมองไปที่สะพานมอญ
ปริตากำลังใส่บาตรอยู่ ตรัยรีบเข้ามาใส่บาตรด้วย
พระให้ศีลให้พร ทั้งคู่นั่งพนมมือรับไหว้
เมื่อพระเดินออกไป ตรัยก็หันมาพูดยิ้มๆ “อากาศที่นี่ดีจัง สดชื่น”
“ไม่ใช่แค่อากาศหรอก เพราะใจคุณอิ่มบุญต่างหาก”
ปริตายิ้มแล้วเดินนำไป ตรัยเดินตาม
“สะพานไม้ใหญ่อย่างนี้ ค่าสร้างคงแพงน่าดู”
ปริตาส่ายหน้า “สะพานบาทเดียว”
“อย่าบอกนะว่าสะพานไม้นี้ใช้เงินสร้างแค่บาทเดียว”
ปริตารีบอธิบาย “ไม่ใช่ค่ะ ก่อนหน้าไม่มีสะพานชาวบ้านจะข้ามไปมาค้าขายกันก็ต้องนั่งแพข้ามครั้งละบาท ต่อมาหลวงพ่ออุตตมะท่านเห็นว่าชาวบ้านต้องเสียเงิน จึงชวนให้ชาวบ้านร่วมกันหาไม้มาสร้างสะพาน เชื่อมทั้งสองฝั่งด้วยกัน สะพานแห่งนี้ จึงได้ชื่อว่าสะพานแห่งศรัทธา”
ตรัยพยักหน้าเข้าใจ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“สะพานนี้ เชื่อมคนสองแผ่นดินที่แตกต่างกันให้ไปมาหาสู่รู้จักกันมาพบกัน.ฉันขอเรียกสะพานนี้ว่าสะพานแห่งความรัก”
พูดพลางมองสบตาปริตา ที่หลบตาอย่างเขินอาย แล้วจะเดินหนี เขารีบเข้าไปรวบตัวเธอเข้ามากอด
“คุณตรัย อย่าทำอย่างนี้นะ”
“อ้อม ฉันมีความสุขเหลือเกินที่ได้อยู่ที่นี่ ได้อยู่กับเธอ ก่อนที่ฉันจะต้องกลับไปเจอกับโลกความเป็นจริงที่ฉันเลือกไม่ได้ ขอให้ฉันอยู่ในโลกความฝันกับเธอจะได้ไหม ?”
ตรัยพูดพร้อมกับส่งสายตาวิงวอน ปริตาจึงจำยอมให้เขาโอบกอดเธอไว้
รัญชิตาเดินเข้ามาเห็นภาพที่ทั้งคู่ยืนกอดกัน ก็ตกใจ แต่ปริตาและตรัยที่หันไปเจอรัญชิตากลับตกใจยิ่งกว่า
“มิ้นท์”
รัญชิตาข่มอารมณ์เดินตรงเข้าไปหาทั้งคู่
“สวัสดีค่ะคุณตรัย คุณตรัยมาที่นี่ได้ยังไงคะ ?”
ตรัยอึกอัก “ผมแวะมาดูโลเกชั่นถ่ายงาน”
“คุณตรัยเพิ่งมาถึงเหรอคะ ?”
ตรัยไม่รู้จะเลี่ยงยังไง ปริตาจึงตอบแทน
“คุณตรัยมาถึงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว พักค้างที่นี่”
“คุณมิ้นท์มาเยี่ยมอ้อมก็ดีแล้ว อ้อมจะได้มีเพื่อน ผมกำลังจะกลับ”
รัญชิตายิ้มเย็นๆ “จะเพิ่งรีบกลับเลยค่ะ เราอยู่ด้วยกันหลายคนเที่ยวสนุกกว่า”
ทันใดนั้นพลศิษฎ์ก็เดินเข้ามา
ปริตาพารัญชิตาเข้ามาในห้องนอนของตัวเอง ก่อนจะถามอย่างเกรงใจ
“แกพอพักได้ไหม? ถ้าไม่สะดวก ฉันจะหารีสอร์ทให้”
รัญชิตาจ้องหน้าปริตา “ทำไมแกต้องโกหกฉัน ? ทำไมไม่บอกความจริงว่าคุณตรัยอยู่ที่นี่ ?”
ปริตาหลบตาเพื่อน “ฉันกลัวแกคิดมาก กลัวทำให้แกไม่พอใจ”
“แล้วที่แกทำมันทำให้ฉันสบายใจขึ้นรึไง? เมื่อคืนหลังจากฉันรู้ว่าแกไม่ได้อยู่กับพี่เทพ ฉันจะมาหาแกตั้งแต่เมื่อคืน ยัยพอลลี่เคยบอกว่าแกรักคุณตรัย แล้วคุณตรัยก็อยู่กับแก”
“มันไม่ได้เป็นอย่างที่แกคิดแน่นอน คุณตรัยแวะมาพักผ่อน แล้วก็มีเรื่องวุ่นวายนิดหน่อย เขาก็ขอพัก”
รัญชิตาขัดขึ้น “พอเถอะ แกไม่ต้องอธิบายฉันหรอก ฉันไม่ใช่แฟนของเขาแล้วนี่ นี่ถ้าฉันยังคบกับคุณตรัยฉันไม่ยอมแกแน่”
ปริตายิ้มสบายใจขึ้น
“โอเคงั้นจบนะ มาถึงบ้านฉันทั้งที ใช่เวลามานั่งซึมไหมเนี่ย ไป ฉันจะพาแกเที่ยว”
อีกด้านหนึ่งพลศิษฎ์ก็กำลังนั่งคุยกับตรัย
“ผมอยากให้คุณบอกความจริงเรื่องคุณเลิกกับน้องมิ้นท์ให้เร็วที่สุด ผมไม่อยากให้คุณแม่ผมตั้งความหวังและคิดไกลไปกว่านี้”
“ผมตัดสินใจแล้วครับ ผมจะกลับไปเคลียร์ทุกอย่าง ไม่ให้ใครต้องเดือดร้อนเพราะผมอีก”
จากนั้นก็รีบเปลี่ยนเรื่อง
“คุณพาคุณมิ้นท์มาพักผ่อนเหรอครับ ?”
“ผมตั้งใจมาหาอ้อม ผมรักอ้อมมาก ผมเห็นอ้อมสนิทกับคุณ คุณตรัยต้องช่วยเชียร์ผมนะครับ”
พลางยื่นมือไปหาตรัย ที่จำต้องยื่นมือเข้ามาจับ
ทางด้านปริเทพเองก็ร้อนใจ จนต้องรีบโทร. หาปริตา
“อ้อม อ้อมอยู่ใคร?”
พอได้ฟังคำตอบ ก็แปลกใจ จากนั้นก็ตัดสินใจมาหาปัทมาศที่บ้าน เห็นเธอกำลังนั่งวาดรูปอยู่
“นานแค่ไหนแล้วที่พี่ไม่เห็นน้องดาววาดรูป”
“ดาวลืมไปแล้วเหมือนกัน ว่าพี่เทพเคยขอร้องดาว”
ปริเทพแปลกใจเดินเข้ามามองใกล้ๆ เห็นปัทมาศกำลังเป็นภาพเขา ซึ่งเกือบเสร็จแล็ว
“ดาวตั้งใจวาดภาพนี้ แทนคำขอบคุณที่พี่เทพดีกับดาวเสมอมา หลังจากดาวแต่งงานกับคุณตรัย ดาวคงไม่มีเวลาอีกแล้ว”
ปริเทพหุบยิ้มลงทันที “พี่จะพาน้องดาวไปหาคุณตรัย”
แต่เมื่อเข็นรถมา ก็เจอพัชรินทร์ที่ยืนกรานไม่ให้ไป ทั้งคู่ต้องอ้อนวอนอยู่นาน กว่าแม่จะยอมใจอ่อน
“ฉันทำถูกแล้วใช่ไหมพี่อร?”
“รินทร์ทำหน้าที่ของแม่ได้สมบูรณ์ที่สุดแล้ว”
พัชรินทร์ยิ้มรับ ยอมที่จะปล่อยให้ปัทมาศได้เลือกชีวิตด้วยตัวเอง
ปริตา ตรัย รัญชิตา และพลศิษฎ์ พร้อมหน้าพร้อมตาในชุดมอญพื้นบ้าน เพื่อเตรียมตัวออกเที่ยว ที่แรกที่ปริตาในฐานะไกด์พาทุกคนมาเยี่ยมชม ก็คือวัดวังก์วิเวการาม
“วัดวังก์วิเวการาม หรือชาวบ้านเรียกว่าวัดหลวงพ่ออุตตมะ เป็นวัดที่สร้างขึ้นมาแทนวัดเดิมที่จมน้ำ”
จากนั้นก็อธิบายรายละเอียดให้ชาวคณะฟังอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะพาทุกคนมายังภายในวิหารเพื่อก้มกราบพระ
รัญชิตาหันไปมองเห็นตรัยกราบอยู่ข้างเธอ พลศิษฎ์หันไปมองปริตา ที่ก้มกราบอยู่ใกล้ๆ อย่างมีความสุข
“อ้อมอธิษฐานอะไร? พี่ขอให้พี่สมหวังในรัก”
พลศิษฎ์ถามปริตา เธอรีบบอกทันที
“พระท่านให้ไม่ได้หรอกค่ะ ท่านเป็นเพียงสิ่งยึดเหนี่ยว ให้เราตั้งมั่นในการทำความดี”
“พระให้ไม่ได้ แล้วอ้อมล่ะทำให้พี่สมหวังได้ไหม?”
ปริตาถึงกับพูดไม่ออก รัญชิตาและตรัยเข้ามาพอดี
“พี่มาร์ทพูดงี้ เพื่อนมิ้นท์ก็เขินแย่สิคะ”
ตรัยรีบเปลี่ยนเรื่อง “เมื่อกี้อ้อมบอกว่านี้วัดนี้สร้างแทนวัดเก่า วัดเก่าอยู่ที่ไหนล่ะ?”
“อยู่เมืองบาดาลค่ะ”
ปริตาพาชาวคณะนั่งเรือมากลางน้ำ รัญชิตามองไปข้างหน้าอย่างแปลกใจ
“เธอพูดเล่นใช่ไหม? จะมีวัดอยู่ใต้ทะเลสาบได้ยังไง”
ทุกสายตาเพ่งมองไปที่โบสถ์ที่อยู่กลางน้ำ พลางมองอย่างชื่นชม ปริตารีบอธิบาย
“วัดใต้น้ำ เดิมทีเป็นวัดที่ตั้งอยู่สามประสบ มีแม่น้ำ 3 สายไหลมาบรรจบกันคือ แม่น้ำรันตี แม่น้ำบิคลี่และแม่น้ำซองกาเลีย พอมีการสร้างเขื่อน ทำให้วัดแห่งนี้จมอยู่ใต้น้ำ”
พลศิษฎ์รีบพูดเสริม
“เมื่อน้ำลดเราจึงมองเห็นโบสถ์ เดือนมีนาและเมษา น้ำลดต่ำสุด สามารถเข้าไปในโบสถ์ได้”
ตรัยเลิกคิ้วสงสัย “คุณมาร์ทรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอครับ ?”
“คิดจะมาเป็นเขยชาวสังขละก็ต้องศึกษาข้อมูลไว้ครับ”
ปริตาพูดต่อ “ถ้าไม่มีการสร้างเขื่อน ปล่อยให้แม่น้ำทั้งสามสายไหลไปตามธรรมชาติ วัดคงไม่จมน้ำ ไม่พังเสียหายอย่างนี้”
จากนั้นก็หยิบกระทงใบตองซึ่งใส่กลีบดอกกุหลาบขึ้นมา
“เข้าไปไหว้พระในโบสถ์ไม่ได้ อ้อมเตรียมดอกไม้มาบูชาค่ะ”
รัญชิตาก็หยิบกระทงอีกใบใส่กลีบดอกกุหลาบขึ้นมา ปริตายกกระทงขึ้นอธิษฐานบูชา แล้วหยิบกลีบดอกกุหลาบจะโปรย พลศิษฎ์เข้ามาจับข้อมือแล้วโปรยร่วมกับเธอ ตรัยมองภาพนั้น ด้วยความรู้สึกเศร้าใจ
รัญชิตามองท่าทีของพลศิษฎ์รู้ว่าพี่ชายรักปริตามาก
ขณะที่ศิโรจน์กำลังพยายามโทร. ติดต่อตรัยอยู่ที่บ้านของเสาวลักษณ์ บอลก็ถือกระเช้าเข้ามา ศิโรจน์พยายามออกปากไล่ แต่บอลไม่สนใจ
“คุณพี่ครับ”
เสาวลักษณ์หันไปเห็นบอลก็แปลกใจ บอลยิ้ม แล้วเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ เสาวลักษณ์
“ผมอยากมาเยี่ยมคุณพี่ตั้งแต่ทราบข่าว แต่กลัวจะเป็นการรบกวนคุณพี่”
เสาวลักษณ์ย้อนถาม “แล้วเธอมาทำไม ?”
“ผมอดเป็นห่วงไม่ได้ครับ ผมเห็นอาการคุณพี่ดีขึ้น ผมก็หมดห่วง ผมกลับล่ะครับ”
บอลจะลุกออกไป แต่เสาวลักษณ์กลับจับมือไว้
“อยู่เป็นเพื่อนฉันก่อน”
พลางโอบกอดบอลด้วยความคิดถึง ศิโรจน์ยืนอยู่ที่มุมหนึ่งมองมาด้วยความกังวลใจ
ตรัยกำลังผูกเรือที่ท่าน้ำ พลศิษฎ์เดินเข้ามาหา
“ขอบคุณคุณตรัยมากนะครับที่คอยช่วย ก่อนหน้าผมเคยคิดว่าคุณตรัยอาจชอบอ้อมเข้าจริงๆ
แต่ตอนนี้ผมว่าไม่ใช่แล้วล่ะ คนที่รักกันคงไม่ยอมช่วยคู่แข่งแน่ เดี๋ยวผมจะชวนอ้อมไปเดินเล่นสะพานลูกบวบ”
ตรัยรีบบอกทันที “ผมไปช่วยถ่ายรูปให้ครับ ?”
“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากอยู่กับอ้อมสองต่อสอง”
ขณะที่รัญชิตาก็ออกปากขอบคุณปริตา ที่ทำให้พลศิษฎ์มีความสุข
“แกก็รู้ว่าพี่มาร์ทรักแกมาก”
ปริตาถอนหายใจ “แกก็รู้ว่าฉันไม่เคยคิด”
“ไม่เคยก็เริ่มต้นได้ แกเป็นเพื่อนที่ดี ฉันก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้พี่ชายฉัน ลงตัว ตามนี้”
รัญชิตาพูดพลางส่งถุงน้ำให้ปริตา แล้วเดินออกไป พลศิษฎ์รีบเดินเข้ามาอาสาช่วยถือ
“อ้อมถือได้ค่ะ”
“มันหนักก็อย่าฝืน เห็นไหมล่ะ เราช่วยกัน มันก็เบาขึ้น”
เมื่ออยู่กันตามลำพังปริตาก็พยายามพูดเชิงตัดบทว่าเธอไม่ได้คิดอะไรกับพลศิษฎ์เกินกว่าพี่-น้อง
“เราก็เริ่มจากพี่น้อง แล้วค่อยพัฒนากันไป พี่รอได้”
ตรัยยืนมองความใกล้ชิดของปริตากับพลศิษฎ์ด้วยความเศร้าใจ พลันสายเรียกเข้าจากศิโรจน์ก็ดังขึ้น เขารีบตัดสายทิ้ง แล้วปิดเครื่องทันที
ศิโรจน์ส่ายหน้าอย่างหงุดหงิดที่ติดต่อตรัยไม่ได้ พอมองไปอีกมุม ก็เห็นบอลเดินประคองเสาวลักษณ์เพื่อจะพาขึ้นไปพักผ่อน
“ผมว่าเดี๋ยวผมกลับดีกว่า”
บอลหันมาบอก เสาวลักษณ์รีบพูดสวนกลับมา
“ช่วยจัดยาให้พี่หน่อย”
“ผมเกรงว่าคุณตรัย..”
“เขาหายไปไม่กลับมาเลย คงหนีไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือเธอจะหนีฉันไปอีกคน ?”
บอลรีบเข้าไปประคองเสาวลักษณ์พาไปที่ห้อง ศิโรจน์ยืนมองอย่างไม่สบายใจ
กุหลาบเล่นไฟ ตอนที่ 7 (ต่อ)
ตรัยเดินตรงมาบริเวณวัด เห็นรัญชิตากำลังเอาลูกชิ้นแบ่งให้หมากิน ก็อมยิ้มในความน่ารักของเธอ ครู่หนึ่งหมาอีกตัวมาแย่งกินลูกชิ้นหมาตัวแรก
“ออกไปนะ นิสัยไม่ดี”
ตรัยเดินตรงเข้ามาหารัญชิตา แล้วพูดล้อๆ
“นางฟ้าผู้อารีย์กลายเป็นแม่มดใจร้ายไปแล้ว”
“ฉันไม่ได้ใจร้ายนะคะ ก็คุณดูสิหมาตัวนี้มาแย่งลูกชิ้นหมาของฉัน”
ตรัยงง “หมาของคุณ ?”
“ใช่ ฉันให้อาหารมัน มันก็เป็นหมาของฉัน”
“หวงของน่าดูนะครับ”
รัญชิตาย้อนกลับทันควัน “คุณจะไม่โกรธเหรอ ถ้ามีใครมาแย่งของของคุณไป”
“นั่นสินะ ผมเป็นคุณก็คงโกรธ แต่ทำไงได้ล่ะถ้าเจ้าตัวนี้เล่นด้วย”
พลางมองหมาสองตัวที่แบ่งลูกชิ้นกันกินอย่างสามัคคี
“มือคุณเปื้อนแล้ว ไปล้างมือเถอะ”
พูดจบก็จับแขนรัญชิตาเดินตรงไป
พอรัญชิตาล้างมือเสร็จ ตรัยก็หยิบผ้าเช็ดหน้ามาช่วยเช็ดมือให้เธอ ปริตายืนมองอย่างเศร้าใจ
พลศิษฎ์ที่ยืนอยู่ข้างๆ รีบบอก “ถ้าไม่มีเรื่องดาว สองคนนี้ก็คงจะแต่งงานกันแล้ว”
ปริตายิ้มรับ ทั้งที่แววตาเศร้า
พิชัยจะเดินออกไปข้างนอก ชาลินีรีบเข้ามาเรียกไว้
“วันหยุดทั้งที คุณจะไม่อยู่บ้านให้คนใช้มันรู้ว่าฉันยังมีสามีหน่อยเหรอคะ?”
พิชัยย้อนถาม “หรือคุณจะให้ผมอยู่ขวางการจับคู่ของคุณ ผมพยายามหลับตาไม่รู้ไม่เห็น เพราะไม่อยากมีปัญหากับคุณอีก”
“ฉันทำไปเพราะฉันหวังดีกับลูกจริงๆ ฉันใกล้ชิดลูกฉันรู้ดีว่ายัยมิ้นท์รักและหลงคุณตรัยมาก”
พิชัยถอนหายใจ “เอาเถอะ คุณเดินหน้าไปไกล ผมปรามก็จะเสียความรู้สึก ผมขออย่างเดียว คุณจะทำอะไรก็อย่าให้ลูกเสียใจ”
ชาลินียิ้มพอใจที่พิชัยยอมให้เธอตัดสินใจ พิชัยตั้งท่าจะเดินออกไป
“คุณจะไปไหน วันนี้ฉันเข้าครัวทำขนมจีนน้ำยาให้คุณ”
“ผมมีนัดกับคุณสมภพ คุยเรื่องงานการแสดงของลูก”
ชาลินียิ้มพอใจที่พิชัยคิดหาทางช่วยเหลือรัญชิตา
คล้อยหลังที่พิชัยเดินออกไป คนใช้รีบเข้ามาบอก
“คุณผู้หญิงคะ โฆษณาของคุณหนูมาแล้วค่ะ”
ชาลินีหันกลับไปมองโทรทัศน์ เห็นโฆษณาที่พริดาเต้นอยู่ด้านหน้า และโดดเด่นกว่ารัญชิตา ที่ดูเหมือนเป็นเพียงตัวประกอบอยู่ข้างๆ
“ปิดทีวี”
ชาลินีไม่พอใจที่พริดาโดนเด่นกว่ารัญชิตา
ทางด้านพริดาก็ยืนมองโฆษณาแล้วยิ้มพอใจ คนที่เดินผ่านไปมาหันมามองเพราะจำได้ เธอรีบยิ้มเชิดแล้วเดินออกไป ดอกแก้วรีบเดินตามไป
ทั้งคู่กำลังจะเดินเข้ามาในร้านกาแฟ
“เธอไม่น่าเดินหนีเลย เป็นคนดังก็ต้องแจกลายเซ็นสิ”
พริดาเบ้ปาก “ดอกแก้ว อย่าทำให้ฉันดูโลว์ ไม่มีซุปตาร์คนไหนวิ่งไปแจกลายเซ็นข้างถนน อยากติดตามฉันก็เปลี่ยนรสนิยมด้วย”
จากนั้นก็หันมาสั่งดอกแก้ว
“เธอไม่ต้องเข้าไป” พูดพร้อมกับยื่นเงินให้ร้อยบาท “ไปหาชาไข่มุกกินรออยู่แถวนี้แล้วกัน”
ดอกแก้วยืนมองเงินหนึ่งร้อยที่อยู่ในมือ ด้วยความไม่พอใจที่พริดาดูถุก พิชัยเดินผ่านมา พร้อมกับ ชายตามองดอกแก้วด้วยความสนใจ
ขณะที่พริดาเดินเข้าไปในร้าน ก็เจอสมภพที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว
ปริเทพเข็นรถปัทมาศมาที่วัดวังก์วิเวการาม พอเธอมองเห็นตรัย ก็ยิ้มดีใจ
“คุณตรัย พี่เทพปล่อยค่ะ ดาวจะไปหาคุณตรัยเอง”
ปริเทพจึงยอมปล่อยมือจากรถเข็น ปัทมาศรีบเข็นรถเพื่อไปหาตรัยด้วยความคิดถึง แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นรัญชิตาเดินเข้ามา พร้อมกับยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เขา
ปริตาที่เดินมาอีกทาง พอเห็นปัทมาศก็ทั้งแปลกใจระคนดีใจ
“ดาว เธอมาได้ไง ?”
ปริเทพรีบเดินเข้ามาตอบ
“พี่พาดาวมา ดาวอยากมาเจอคุณตรัย”
ตรัยหันมามอง แล้วรีบเดินตรงเข้าไปหาปัทมาศ
“ฉันดีใจนะที่เห็นเธอออกมาข้างนอก ได้มาเปิดหูเปิดตาบ้าง ดาว ฉันขอโทษนะที่ไม่ได้ไปหาเธอ”
ปัทมาศยิ้มให้ “ดาวรู้ค่ะว่าคุณตรัยอยากไปหาดาว แต่ติดที่คุณแม่”
ปริตายิ้มดีใจที่ได้เจอเพื่อน รีบจะเข้าไปเข็นรถให้ปัทมาศ แต่แล้วก็นึกได้
“คุณตรัยช่วยเข็นรถให้ดาวเถอะค่ะ”
ตรัยยิ้มรับ แล้วเข้ามาเข็นรถให้ปัทมาศ ปริตาหันไปมองปริเทพอย่างเข้าใจความรู้สึก
“พี่เทพทำดีแล้วค่ะ”
ตรัยเข็นรถพาปัทมาศไปยังเจดีย์องค์หนึ่ง ปริตาเดินตามไปยืนดูแลอย่างห่างๆ รัญชิตายืนมองตรัยที่เข็นรถดูแลปัทมาศด้วยแววตาเศร้า จนพลศิษฎ์ต้องเข้ามาปลอบใจ
“ทำใจได้แล้วนะ”
รัญชิตาส่ายหน้าช้าๆ “ไม่ได้ค่ะ แต่ก็ต้องได้”
“พี่ช่วยอะไรได้บ้าง?”
“มิ้นท์ไม่เป็นไรหรอก พี่มาร์ทไปดูแลอ้อมเถอะ รีบชิงทำคะแนนนะคะ บรรยากาศดีมีชัยไปกว่าครึ่ง”
พลศิษฎ์รีบวิ่งไปหาปริตา ขณะที่ปริเทพยืนมองปัทมาศที่มุมหนึ่ง
ปัทมาศไหว้เจดีย์บูชา ตรัยออกปากจะถ่ายรูปให้ เธอจึงรีบหันไปเรียกปริตากับรัญชิตามาถ่ายรูป
ทั้งสามคนถ่ายรูปด้วยกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความรักและความผูกพันของเพื่อน
จากนั้นปริตาก็พาทุกคนมาที่บริเวณแม่น้ำ พลางออกปากชวนให้มาจับปลาเป็นๆ เพื่อทำเป็นอาหาร
“คุณสมภพคะ พอลลี่ขอโทษจริงๆนะคะที่ทำให้คุณไม่พอใจ ต่อไปนี้ไม่ว่าคุณจะให้พอลลี่ทำอะไร พอลลี่จะยอมทุกอย่าง”
พริดาบอกกับสมภพอย่างรู้สึกผิด
“เธอยอมทุกอย่างแน่นะ?”
“ค่ะ แต่ขอให้พอลลี่กลับไปอยู่คอนโดกับคุณสมภพนะคะ”
สมภพรีบหาข้ออ้าง ”เธอกำลังมีชื่อเสียง และจะได้งานถ่ายละคร เริ่มต้นด้วยบทนางเอก เธอจะมาอยู่กับฉันไม่ได้อีกแล้ว ฉันไม่อยากให้ข่าวหลุดว่าเธอเป็นเด็กฉัน ฉันอยากให้เธอก้าวสู่วงการอย่างสวยสง่า เราคงต้องห่างกันสักพัก ช่วงนี้เธอพักกับเพื่อนเธอไปก่อน แล้วฉันจะหาคอนโดใหม่ให้”
พริดายิ้มรับพลางจับมือสมภพไว้ “คืนนี้เราไปหาอะไรดื่มกันนะคะ”
สมภพค่อยๆ จับมือเธอออก “เธอต้องวางตัวให้เหมาะ แล้วฉันจะโทร.หา”
พริดายิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะลุกเดินออกไป สมภพมองตามแล้วลุกไปนั่งอีกโต๊ะหนึ่ง ซึ่งมีผู้ชายนั่งหันหลังอยู่ก่อน
“พอได้ไหมครับ ?”
พิชัยพยักหน้ายิ้มๆ อย่างพอใจ “เรามันรสนิยมเดียวกัน ผมเชื่อคุณ”
“คุณพิชัยนัดผมมาคงไม่ใช่แค่เรื่องสาวๆ มีอะไรให้ผมช่วยครับ ?”
“เรื่องลูกมิ้นท์ของผม”
รัญชิตาเปลี่ยนชุดสำหรับทอดแหจับปลา ปัทมาศและตรัยหันไปมองเห็นชุดของเธอก็อดขำไม่ได้ปริเทพส่งแหให้ รัญชิตารับมา แล้วแอบกระซิบถามปริตา
“ตกปลายังไงอะ? จุ่มลงไปแล้วปลาจะมาติดเหรอ? “
ปริตาเห็นท่าจะไม่รอด เลยหันไปขอความช่วยเหลือ “คุณตรัยคะ ช่วยสอนมิ้นท์หน่อย”
“ฉันเนี่ยนะ?”
“ก็ใช่นะสิ คุณเห็นชาวบ้านเขาทอดแหตั้งแต่เช้าแล้ว คุณรู้วิธีแน่นอน”
ตรัยจำยอมพยักหน้าหงึกๆ “คุณมิ้นท์มานี่ครับ ผมสอนให้”
รัญชิตาเดินขึ้นบนเรือเพื่อออกไปทอดแห พลันเสียงพลศิษฎ์ตะโกนก็ดังเข้ามา
“รอพี่ด้วย พี่พร้อมแล้ว”
ทุกคนหันไปมอง เห็นพลศิษฎ์ในชุดผ้าขาม้าโพกหัวพร้อมลุย ก็หัวเราะขำ
“เป็นไง เห็นแล้วอึ้ง พี่นี่แหล่ะเหมาะจะเป็นเขยแห่งลุ่มน้ำ พี่จะเป็นพระสังข์เรียกปลามาให้อ้อมเต็มลำเรือ”
ตรัยพูดแซว “เดี๋ยวผมจะเรียกรถพยาบาลมารับนะครับ”
“โห คุณตรัยแช่งกันซะแล้ว”
ปัทมาศหัวเราะร่า “ดาวเชียร์พี่ค่ะ ขอให้เอาชีวิตรอดกลับมานะคะ”
“มิ้นท์ ออกเรือ”
จบตอนที่ 7