xs
xsm
sm
md
lg

เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 11

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 11

คำฝายยืนยกแขนเสื้อเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก มองม่อนดอยกับแสงคำแล้วพูดขึ้น

“แกสองคนจะไปไหนก็ไปเถอะ ไม่ต้องห่วงเนื้อนาง พ่อเลี้ยงอยู่ที่นี่แล้ว”
แสงคำมองขึ้นไปบนเรือน ยังไม่ยอมขยับไปไหน สายตาสังหรณ์ใจ อยากเห็นหน้าเนื้อนาง

ฝ่ายณไตรยืนตะลึงมองภาพเนื้อนางที่นอนซบหลับใหลอยู่ในอกธรรพ์ ความเดือดดาลแล่นเป็นริ้วๆ ทั่วร่าง ณไตรพุ่งเข้าไปกระชากธรรพ์ขึ้นมา เนื้อนางงัวเงียตื่น ธรรพ์ตื่นมาเห็นพี่ชายก็พูดขึ้น สีหน้างงๆ
“พี่ณไตร”
ธรรพ์พูดได้คำเดียว เพราะณไตรเงื้อหมัดชกเข้าเต็มหน้า ร่างธรรพ์กระเด็นชนฝาเรือน เนื้อนางหวีดร้องด้วยความตกใจ

สามคนได้ยินเสียงหวีดร้องของเนื้อนาง
“เนื้อนาง”
แสงคำกระโจนขึ้นเรือนไป คำฝายตามติด ม่อนดอยตามขึ้นไปอีกคนอย่างเร็ว

ณไตรคว้าคอธรรพ์มาแล้วชกคว่ำลงไปข้างๆเนื้อนาง เนื้อนางมองตัวเองแล้วตกใจ คว้าผ้าห่มปิดร่าง
ณไตรจ้องเนื้อนางแทบจะกินเลือดกินเนื้อ
คำฝาย แสงคำ ม่อนดอยพรวดเข้ามา ทุกคนเห็นสภาพเนื้อนางกับธรรพ์ก็อึ้ง ตกตะลึง เนื้อนางมองทุกคนอย่างงุนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ทำไมผมกับเนื้อนางถึงมาอยู่ที่นี่”
ณไตรหันขวับเตะธรรพ์เต็มแรง ทุกคนตกใจ ไม่กล้าเข้าไปห้ามณไตรที่กำลังอารมณ์เดือดพล่าน
“พี่ณไตร ฟังผมก่อน”
“กูไม่ฟัง ไอ้ธรรพ์ ไอ้ระยำ”
ณไตรไม่ฟัง เตะธรรพ์จนกระเด็นติดมุม
“หยุดนะ...หยุดก่อน อย่าทำคุณธรรพ์”
ณไตรได้ยินเนื้อนางห้ามก็ยิ่งโกรธ หันมากระทืบซ้ำน้องชาย ธรรพ์ร้องด้วยความเจ็บ
“พอแล้ว ใครช่วยห้ามหน่อย ช่วยคุณธรรพ์ด้วย”
“ใครอยากให้มันตายก็เข้ามา”
ณไตรตวาด ทุกคนไม่กล้า เนื้อนางลุกขึ้น เผชิญหน้ากับณไตร
“ฟังกันบ้างสิ เนื้อนางไม่รู้ว่ามานอนที่นี่ สภาพนี้ได้ยังไง เมื่อคืนเนื้อนางกำลังคุยกับคุณแขไข แล้วก็ถูกตีหัว”
“ใครตีหัวคุณ”
“เนื้อนางไม่รู้”
“ไม่รู้ว่าใครตีหัว ไม่รู้ตัวว่ามาที่เรือนได้ยังไง รู้อย่างเดียวคือมาแก้ผ้านอนกอดกับมัน”
ณไตรย้อนถามเนื้อนางด้วยเสียงขมขื่น
แสงคำมองมาอย่างผิดหวัง สภาพเนื้อนางและธรรพ์ตรงหน้า อยากจะรู้ความจริงไม่ต่างจากทุกคน
“ทำไมผัวเดียวถึงไม่เคยพอ ต้องมีผัวสอง ผัวสาม กระทั่งน้องชายผม คุณยังมั่วกับมันได้”
เนื้อนางได้ยินแล้วก็ เถียงกลับด้วยอารมณ์โกรธไม่น้อยกว่ากัน
“เนื้อนางไม่ได้มีอะไรกับคุณธรรพ์”
ณไตรก้มลงไปหยิบเสื้อผ้าเนื้อนางข้างที่นอน
“แล้วนี่ เสื้อผ้าพวกนี้ ใครถอดให้เธอ ไอ้ธรรพ์ใช่มั้ย หรือว่าเธอเต็มใจถอดเอง”
เนื้อนางตบผัวะ เข้าหน้าณไตร
“ถ้าคิดว่าฉันเลว ก็ไม่ต้องมาถาม”
คำฝาย ม่อนดอยสีหน้าสับสน ธรรพ์พยายามทรงตัวลุกขึ้น
“จริงอย่างที่เนื้อนางพูด ผมกับเนื้อนาง เราไม่รู้ตัวว่ามานอนที่นี่ได้ยังไง”
“ไอ้หน้าด้าน! หลักฐานก็เห็นอยู่ตำตา คงจะสุขมากจนไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน คิดว่าฉันไม่อยู่ ถึงได้โอกาส สวมเขาให้ฉัน”
ณไตรคว้าธรรพ์ ชกจนร่างธรรพ์กระแทกฝาเรือน ณไตรจะตามไปซ้ำ ธรรพ์รีบหลบ พุ่งออกจากประตูด้วยความกลัว ณไตรตามออกไปทันที
“ไปห้ามสิ ไปห้ามพ่อเลี้ยงก่อน ไม่งั้นคุณธรรพ์ตายแน่” เนื้อนางบอก
ม่อนดอยพุ่งตามออกไปห้ามณไตร แสงคำตามไปอีกคน
คำฝายคว้าเสื้อมาใส่ให้เนื้อนาง สายตามีแต่คำถาม เนื้อนางอ่านสายตาคำฝายออกก็พูดขึ้น
“อย่าเพิ่งถามเลยนะพี่คำฝาย เนื้อนางก็ไม่รู้จริงๆ ว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง”

ด้านวันดีแกล้งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามารายงานแม่นายศรีวัลลาที่ยืนอยู่ตรงระเบียง มีจันตาคอยรอรับใช้
“คุณแขไขหายไปไหนก็บ่รู้เจ้า หาทั่วบ้านแล้วก็บ่เจอ ตอนนี้คุณหนูร้องใหญ่แล้ว”
“เนื้อนางล่ะ เอาตาหนูไปกินนมเนื้อนางก่อน”
“เนื้อนาง คุณณไตร ก็หายไปเจ้า”
“เป็นไปไม่ได้ เนื้อนางไม่เคยทิ้งให้คุณหนูหิวนม” จันตาไม่เชื่อ
“ธรรพ์ล่ะ”
“คุณธรรพ์ก็ไม่อยู่”
“หายกันไปหมด หรือว่าจะมีเรื่องที่ปาง” จันตาว่า
“วันดีไปดูเองเจ้า”
วันดีกระตือรือร้น รีบเดินออกไป แม่นายกับจันตามองตาม

ฟากธรรพ์พยายามหนีลงเรือน ณไตรตามหลังมาถีบธรรพ์ร่วงบันได ลงไปกลิ้งกับพื้น
ณไตรโดดตามลงไป ม่อนดอย กับ แสงคำตามลงมา ณไตรกำลังจะเข้าซ้ำ ธรรพ์คลานหนีกับพื้นน่าเวทนา ม่อนดอยเข้าไปขวางณไตร แสงคำเข้าไปช่วยดึงธรรพ์ลุกขึ้น
“หยุดเถอะพ่อเลี้ยง ยังไงคุณธรรพ์ก็น้องชายพ่อเลี้ยง”
“เพราะมันเป็นน้อง ไม่ใช่คนอื่น ถึงต้องโดนหนักอย่างนี้ มันกล้าสวมเขาให้ฉัน”
เนื้อนางที่เสื้อผ้าเรียบร้อย รีบออกมา คำฝายตามติดมาด้านหลัง
“เนื้อนางกับคุณธรรพ์ไม่ได้ทำเลวอย่างที่คุณพูด”
“แล้วที่ฉันเห็นนอนกอดก่ายกันอยู่ในนั้น มันอะไร ผู้หญิงอย่างเธอ เนื้อนาง...รูปสวยใจทราม เนื้อตัวโสโครก”
เนื้อนางตัวสั่นด้วยความโกรธ ณไตรพุ่งเข้ากระชากแขนเนื้อนาง
คำฝายร้องลั่น “พ่อเลี้ยง อย่าทำอะไร เนื้อนาง”
ณไตรกระชากลากแขนเนื้อนางแรง จะพาขึ้นเรือน แสงคำเห็นแล้วทนไม่ได้ พุ่งเข้าชกณไตร จนมือณไตรหลุดจากเนื้อนาง
“อยากจะฆ่าก็ฆ่าน้องชายมึงโน่น ห้ามแตะเนื้อนาง”
ณไตรโกรธจัด หันมาทางแสงคำ เนื้อนางรีบตะโกน
“ม่อนดอย ห้ามไว้เร็ว”
ม่อนดอยพุ่งเข้าผลักแสงคำออกห่างณไตร
“ขอเถอะพ่อเลี้ยง ฆ่ากันให้ตายตรงนี้ ก็ไม่มีทางรู้ความจริง"

ณไตรหันไปทางเนื้อนางอย่างโกรธขึ้ง

เนื้อนางมองณไตรอย่างองอาจ ยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง

“ต่อให้ฆ่าเนื้อนาง เนื้อนางก็ยืนยันคำเดิม เนื้อนางไม่ได้นอนกับคุณธรรพ์”
ณไตรพรวดเข้าไปกระชากเนื้อนาง ลากขึ้นไปบนเรือนอย่างเร็ว
แสงคำจะตาม ม่อนดอยรวบตัวแสงคำที่ดิ้นรนไว้เต็มแรง คำฝายเข้าไปช่วยจับตัวแสงคำ
“มันจะทำร้ายเนื้อนาง”
“พ่อเลี้ยงไม่ทำร้ายผู้หญิง ถ้าแกเข้าไปช่วยเนื้อนางตอนนี้ มันยิ่งเหมือนราดน้ำมันลงบนกองไฟ”
คำฝายละล้าละลัง ห่วงเนื้อนางที่ถูกณไตรลากเข้าเรือนไป
แสงคำโมโห หันมาชกเข้าหน้าธรรพ์กระเด็นล้มลงไปคลุกฝุ่นอีก
“มันโกหก คนอย่างเนื้อนางไม่มีวันปล่อยตัว มีแต่มันจะรังแกเนื้อนาง”
“คุณธรรพ์บอกความจริงมาให้หมด เมื่อคืนนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมคุณถึงมาอยู่กับเนื้อนาง”
คำฝายถามร้อนใจ ธรรพ์มองขอความเห็นใจจากทุกคน

ณไตรจ้องเนื้อนางที่ยืนเผชิญหน้ากัน
“ทำไมต้องเป็นธรรพ์ น้องชายฉัน ทำไม เนื้อนาง”
เนื้อนางยังไม่ทันตอบ ณไตรเขย่าร่างเนื้อนางด้วยความผิดหวัง
“คราวเจ้าแสนพรหม เธอปฏิเสธ แสงคำ เธอก็ปฏิเสธ แต่คราวนี้ ฉันเห็น ฉันเห็นเต็มสองตา...เธอกับธรรพ์...ในปางของฉัน”
“ทำไมคุณไม่เชื่อใจเนื้อนาง ไม่ฟังเนื้อนางบ้าง เรื่องจริงคือเนื้อนางถูกหลอกให้มาเจอคุณแขไขที่นี่”
“ใครหลอกเธอ”
“เนื้อนางไม่รู้ คุณแขไขทะเลาะกับเนื้อนาง แล้วเนื้อนางก็ถูกตีหัวจนสลบ”
“ที่นี่ไม่มีแขไข ไม่มีใครนอกจากเธอ กับไอ้ธรรพ์ที่นอนอยู่ตรงนั้น”
ณไตรชี้ไปบนที่นอนแววตาทั้งเจ็บทั้งโกรธ
“ทำไมเนื้อนาง ทำไมทรยศความไว้ใจ ความรักของผมได้ถึงขนาดนี้”
ณไตรก้าวเดินเข้าหา หน้าโกรธจัดดุร้าย เนื้อนางถอยหนี มองณไตรด้วยแววตาเสียใจ
“เนื้อนางไม่ใช่คนที่ทรยศความรักของคุณ ถ้าเนื้อนางจะทำจริงๆ ไม่ต้องที่นี่ ในเรือนนี้...ในบ้านหิมวัตที่คุณอยู่ เนื้อนางจะทำชั่วลับหลังคุณเมื่อไหร่ก็ได้”
เนื้อนางพูดด้วยความอัดอั้นเรื่องธรรพ์กับแขไข ณไตรทั้งโกรธทั้งโมโห
เนื้อนางน้ำตาคลอ ณไตรไม่อยากเห็นให้ใจอ่อน หันหลัง ผลักประตูเดินออกไป
เนื้อนางน้ำตาหยดออกมาด้วยความเสียใจ

ธรรพ์ยืนอยู่ตรงข้ามคำฝาย แสงคำ ม่อนดอย เล่าทุกอย่างด้วยสีหน้าไม่รู้เรื่องจริงๆ
“ฉันง่วง แล้วก็นอนหลับไปที่บ้าน รู้ตัวอีกที ก็ตอนที่พี่ณไตรมา”
ณไตรก้าวลงบันไดมายืนตรงข้ามธรรพ์
“แกจะให้ฉันเชื่อเหรอว่า แกกับเนื้อนางถูกพามาที่เรือนนี้”
เนื้อนางลงบันไดมา คำฝายรีบไปยืนข้างเนื้อนาง
“พ่อเลี้ยงอย่ามาด่วนโทษกันง่ายๆ เนื้อนางกับคุณธรรพ์มาที่นี่ตอนไม่มีใครอยู่ ฉัน แสงคำ ม่อนดอย ไม่มีใครอยู่เลย...เรื่องนี้มันมีพิรุธ”
“ถ้าคุณไม่เชื่อเรา ก็ขอให้ตามคุณแขไขมาเล่าความจริงเมื่อคืนทั้งหมด”
ด้านหลัง วันดีวิ่งมาอย่างเร็วพร้อมกับบุญลือ ตรงมาที่กลุ่มณไตร
“คุณณไตร...คุณแขไขอยู่ที่นี่ใช่ก่อ”
ทุกคนมองวันดีกับบุญลือที่วิ่งมาหยุดตรงหน้าณไตร วันดีมองไปที่ธรรพ์
“คุณธรรพ์ เนื้อนาง พ่อเลี้ยง อยู่กันครบ ขาดแต่...คุณแขไข” วันดีหันไปทางณไตร “คุณแขไขล่ะเจ้า คุณแขไขไม่ได้อยู่ที่บ้าน ตอนนี้คุณหนูร้องใหญ่แล้ว”
เนื้อนางพอได้ยินคำว่าคุณหนู ก็รีบหันไปทางวันดี
“ป้าวันดี รีบพาเนื้อนางกลับไปหาคุณหนูก่อน”
“ไม่ต้อง ห้ามเธอแตะต้องเด็กอีก”
“ที่เนื้อนางจะกลับบ้านหิมวัต ไม่ใช่เพราะอาลัยอาวรณ์ที่นั่น แต่เนื้อนางต้องให้คุณหนูกินนม ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาหาคนผิด คุณสองคนพี่น้องควรจะตามหาว่าคุณแขไขเธอหายไปไหน”
เนื้อนางหันไปทางวันดี
“กลับบ้านหิมวัตก่อน เร็ว”
เนื้อนางเดินนำไปกับคำฝาย
วันดีมองเหตุการณ์ตรงหน้าแล้วหันกลับไป แอบสบตากับบุญลือ สมใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน

ธรรพ์หันมาขอร้องณไตร
“พี่ณไตร ตามหาแขไขก่อนเถอะ”
“แสงคำ เรียกคนงานมาทั้งหมด เราจะตามหาแขไข...ม่อนดอย เอาปืนมาให้ฉัน”
ม่อนดอยกับแสงคำวิ่งออกไป ณไตรยืนอยู่กับธรรพ์
ธรรพ์ถอยห่าง กลัวอารมณ์พี่ชายที่แทบจะฆ่าทุกคนได้ยามนี้

ฝ่ายศรีวัลลายืนหน้าตากังวลอยู่ตรระเบียง ด้านหลังจันตาที่กำลังว้าวุ่นหนัก
“คุณหนูร้องจนหน้าเขียวหน้าเหลืองแล้วนะเจ้า แม่นาย”
“แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง ให้นมเองงั้นเหรอ แกล่ะ แกก็ลองให้นมแกดูมั่งสิ”
“ผัวยังบ่เกิด ลูกก็บ่มี จะให้จันตาเอาน้ำนมจากไหน”
จันตาบ่นบ้าเบาๆ มองแม่นายที่สีหน้าหงุดหงิดใจ

ณไตร ม่อนดอย แสงคำ ธรรพ์ บุญลือเดินมาในป่า มีคนงานตามหลังอีก 4 บุญลือมองธรรพ์ที่ท่าทางอ่อนแอที่สุดแล้วเสนอขึ้น
“คุณธรรพ์รอฟังข่าวที่เรือนพักรับรองดีกว่ามั้ยครับ”
“ฉันไม่รอ ฉันจะช่วยหาแขไข”
ณไตรมองธรรพ์อย่างชังน้ำหน้า หันไปทางม่อนดอย
“ม่อนดอย นายไปกับฉัน ที่เหลือแยกกันหา”
ณไตร ม่อนดอย แยกไปอีกทาง คนงานตามไป 2 คน
แสงคำเดินนำแยกไปอีกทาง บุญลือมองเป็นห่วงธรรพ์ แต่ธรรพ์ไม่สนเดินเร็วตามแสงคำไป
บุญลือรีบเดินตามไปกับคนงานอีก 2 คน

เนื้อนางกับคำฝายเดินเร็วรี่เข้ามาในบ้านหิมวัต วันดีที่เดินนำหน้าหันมาบอก
“ไปรอที่ห้องพ่อเลี้ยง เดี๋ยวป้าจะพาคุณหนูไปให้”
วันดีเดินแยกไป คำฝายเดินแยกไปไปทางห้องณไตร ถามเนื้อนางขึ้นด้วยความสงสัย
“เนื้อนาง ตั๋วเห็นหน้าคนที่ตีหัวตั๋วหรือเปล่า”
“ไม่เห็นจ้ะ มันมืดมาก แล้วเค้าก็มาด้านหลัง”
“ใครมันคิดชั่ว สร้างเรื่องบัดสี”
เนื้อนางนึกขึ้นได้ “พี่คำฝาย ก่อนเนื้อนางจะไปที่ปาง ป้าวันดีเป็นคนมาบอกว่าอ้ายแสงคำตกหลังช้าง อาการเป็นตายเท่ากัน”
“เออ...ใช่ ป้าวันดีก็ให้พี่ลงไปซื้อของในเมือง”
สองคนมองสบตากัน สีหน้าไม่สบายใจ

ที่ปางหิมวัต ณไตรวิ่งมากับม่อนดอยและคนงานอีก 2 คน ณไตรตะโกนเรียก
“แขไข แขไข ได้ยินมั้ย...แขไข ผมมาช่วยแล้ว”
“คุณแขไข ได้ยินแล้วตอบหน่อย” ม่อนดอยตะโกน
ณไตรกับม่อนดอย และคนงานพากันตะโกนเรียกหาแขไข

แสงคำเดินนำมองหา ธรรพ์ตามหลัง บุญลือตามหลังมากับคนงาน
“แขไข...แขไข คุณอยู่แถวนี้หรือเปล่า”
ธรรพ์ร้องเรียก บุญลือคอยเดินตามใกล้ธรรพ์ แสงคำหยุดมองแล้วพูดขึ้น
“ฉันจะไปดูทางเหว”
บุญลือได้ยินก็ขัดขึ้นทันที
“ฉันว่าคุณแขไม่ได้หลงไปที่เหวหรอก น่าจะทางป่าโน้นมากกว่า” บุญลือสั่งคนงาน “พวกแกล่วงหน้าไปดูสิ”
บุญลือจงใจสั่งคนงานให้เดินไกลออกไปอีกทาง แสงคำยังยืนยัน
“ฉันว่าแยกกันหาดีกว่า ฉันจะไปดูทางเหวให้แน่ใจ”
“ฉันไปด้วย”
จังหวะนี้ สายตาบุญลือมองไปด้านหลังแสงคำ พบว่าต่างหูมุกกับกำไลข้อมือมุกของแขไขตกอยู่ ตอนที่วิ่งหนี
บุญลือกลัวแสงคำกับธรรพ์ที่หันรีหันขวางจะหันไปเห็น ก็รีบพูดเร่งขึ้น
“แสงคำ...แกพาคุณธรรพ์ไปชายป่าทางโน้นก่อน ทางมันไม่ลำบากเหมือนทางไปเหว รีบไปสิ เผื่อคุณแขไขเธอจะเดินหลงไปแถวนั้น”
แสงคำเห็นธรรพ์จะตามไปให้ได้ ก็ตัดสินใจไปทางที่ง่ายกว่าอย่างที่บุญลือบอก

บุญลือมองจนทั้งคู่ออกไปไกล แล้วรีบพุ่งไปหยิบต่างหูมุกกับกำไลข้อมือมุกของแขไขขึ้นมามอง แล้วเก็บใส่กระเป๋ากางเกงอย่างเร็ว

เย็นแล้วเนื้อนางยืนอยู่ใกล้คำฝาย ด้านหลังบนเตียงคือทารกที่หลับสนิท สีหน้าเนื้อนางครุ่นคิดสงสัย

“คุณแขไขก็คงถูกหลอกไปที่ปางเหมือนกัน”
“ตั๋วสงสัยป้าวันดีใช่ก่อ”
“แล้วป้าวันดีจะหลอกทุกคนไปทำไม”
“เรื่องนี้มันต้องมีคนวางแผน แล้วมันก็ต้องเป็นคนในบ้านหิมวัต”
“คุณแขไขกลับมาเมื่อไหร่ เราจะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่สร้างเรื่องใส่ร้ายเนื้อนางกับคุณธรรพ์”
สายตาเนื้อนางมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง

ตกตอนกลางคืน ธรรพ์เดินตามแสงคำ กับ บุญลือ ทุกคนถือคบไฟส่องไปทั่วๆ ในความมืด
“แขไข แขไขได้ยินผมมั้ย แขไข”
บุญลือทำเป็นตะโกนเรียก “คุณแขไข พวกเรามาช่วยแล้วครับ”
ธรรพ์มองไปรอบๆ สายตายังไม่หมดหวัง มีเพียงบุญลือที่ลอบยิ้มร้าย เพราะรู้ว่าหาให้ตาย ก็ไม่มีใครได้เจอแขไขอีกแล้ว

ฟากณไตรสะพายปืน ถือคบไฟนำมากับม่อนดอย และคนงานอีก 2 คน
“นี่เราก็แทบจะพลิกป่าหาแล้วนะ พ่อเลี้ยง”
ณไตรมองเห็นอาการทุกคนเริ่มล้า แต่แววตาณไตรยังเชื่อมั่น
“อย่าเพิ่งหยุด แขไขอาจจะเตลิดหลงไปไกล แต่ยังไงก็ไม่พ้นป่านี้แน่”
ณไตรเดินนำไปอย่างไม่ยอมแพ้ ม่อนดอยกับคนงานเดินโผเผตามไป

เช้ามืดณไตรเดินกลับมาที่เรือนเนื้อนางกับม่อนดอย และคนงานทั้ง 2 คน อีกด้านแสงคำ ธรรพ์ เดินมากับบุญลือ คนงาน 2 คน
ทั้งหมดต่างมีท่าทางเหนื่อยอ่อนจากการตามหาแขไขทั้งคืน บุญลือรีบรายงานณไตรก่อน
“ไม่เจอคุณแขไขเลยครับ ผมหาจนทั่วแล้ว”
สีหน้าณไตรไม่ดี ชักเริ่มกังวลและไม่สบายใจ
“ผลัดเวรกัน ตามหาต่อไปอย่าหยุด เจอตัวแขไขเมื่อไหร่ รีบพาไปบ้านหิมวัต”
ณไตรปลดปืนยาวส่งให้ม่อนดอย แล้วหันมาทางธรรพ์
“ส่วนแก...กลับไปกับฉัน
ธรรพ์มองเกรงพี่ชาย เพราะรู้ว่ากำลังจะต้องกลับไปเจอเรื่องใหญ่ที่บ้าน
แสงคำ กับม่อนดอยมองกังวล ที่ณไตรกับธรรพ์กำลังกินแหนงแคลงใจกันเรื่องเนื้อนาง

ต่อมาไม่นาน ณไตรกับธรรพ์ยืนอยู่คนละด้าน ตรงหน้าศรีวัลลามองลูกชายสองคนอยู่ จันตา วันดียืนด้านหลัง สีหน้าจันตาร้อนใจตรงข้ามกับวันดีที่เรียบนิ่ง
“เพราะนังผู้หญิงกาลีอย่างเนื้อนางมาเหยียบที่นี่ หิมวัตถึงได้มีแต่เรื่อง” แม่นายสบถออกมาหลังรู้เรื่องจากณไตรหมดแล้ว
เนื้อนางเดินออกมา เผชิญหน้ากับทุกคน โดยมีคำฝายตามมา อยู่ด้านหลัง
ศรีวัลลาตรงเข้าตบหน้าเนื้อนางด้วยความโมโห
“แกหลอกล่อณไตรคนเดียวยังไม่พอ นี่แกยังหลอกให้ตาธรรพ์ เสียคนอีก”
เนื้อนางกุมแก้มมองแม่นายอย่างทรนง
“พวกหิมวัต เหมือนกันทุกคน ดีแต่ดูถูกคนที่ด้อยกว่า” เนื้อนางหันไปทางณไตร “คิดว่าตัวเองถูกที่สุด”
ธรรพ์ยืนกราน “แม่นายครับ ผมกับเนื้อนางขอยืนยันว่าเราไม่ได้มีอะไรกันอย่างที่พี่ณไตรเห็น”
“พอได้แล้วธรรพ์ แกควรจะยอมรับผิด” ณไตรตวาด
“ถ้าคุณธรรพ์จะยอมรับผิด ก็ต้องไม่ใช่เรื่องเนื้อนาง”

เนื้อนางหันไปมองธรรพ์เขม็ง ธรรพ์มีสีหน้าไม่ดี

แม่นายศรีวัลลาทนฟังไม่ได้ ตวาดลั่น

“แกไม่ต้องมาโยนความผิดให้ลูกชายฉัน แกหลอกตาธรรพ์ ยั่วยวนตาธรรพ์ให้ไปหาแกที่ปาง”
เนื้อนางเถียงลั่น “ไม่จริง เนื้อนาง คุณแขไข พี่คำฝาย แล้วก็อาจจะคุณธรรพ์ด้วย พวกเราถูกหลอกไปที่ปาง”
“แกจะแถไปถึงไหนเนื้อนาง ใครจะหลอกคนตั้ง 4 คนได้” ศรีวัลลาไม่เชื่อ
คำฝายโพล่งขึ้น “ป้าวันดี! ป้าวันดีหลอกทุกคน”
ทุกคนหันไปมอง วันดีแสร้งทำหน้าตาตื่นตกใจ
“คุณพูดเรื่องอะไร ป้าบ่รู้เรื่องเลยเจ้า”
“ป้าวันดีเป็นคนเก่าคนแก่ที่นี่อย่าพูดพล่อย คำฝาย” ณไตรเอ็ด
เนื้อนางยืนยัน” พี่คำฝายพูดเรื่องจริง ฉัน พี่คำฝายถูกป้าวันดีหลอกไปที่ปาง ตอนคุณแขไขเจอฉัน คุณแขไขก็บอกว่าถูกหลอกมาเหมือนกัน”
“คุณเนื้อนาง...ป้าดีกับคุณทุกอย่าง ป้าทำอะไรบ่ถูกใจคุณหรือเจ้า ถึงได้ใส่ร้ายป้าอย่างนี้”
วันดีบีบน้ำตาร่วงเผาะน่าสงสาร ณไตรมองเนื้อนางตาลุกวาวด้วยความโกรธ
“ผิดซ้ำ ผิดซาก ผิดแล้วยังหน้าด้าน โยนความผิดให้คนอื่น เนื้อนาง ฉันจะทนเธอไม่ไหวแล้ว”
“เนื้อนางก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน คุณกับทุกคนมารุมด่า โยนความผิดให้เนื้อนางไม่มีเหตุผลที่จะต้องนอนกับคุณธรรพ์ เพราะเนื้อนางไม่เคยรักคุณธรรพ์”
แม่นายพูดอย่างสะอิดสะเอียน “ผู้หญิงอย่างแกไม่ต้องการความรัก แกอิจฉาหนูแขที่เค้ามีลูก คนอย่างแกไม่สนใจหรอกว่าพ่อของลูกจะเป็นใคร ขอแค่เป็นผู้ชายรวยๆ ที่นามสกุล หิมวัต”
เนื้อนางโต้ “ความคิดต่ำๆ อย่างนั้น ไม่เคยมีอยู่ในหัวเนื้อนาง”
ณไตรพูดแทบเป็นตวาด “หยุดว่าแม่นาย”
“พวกคุณก็หยุดใส่ร้ายเนื้อนางสักที คุณไม่สอบสวน ไม่เคยมีความยุติธรรม คิดแต่ว่าเนื้อนางจ้องจับผู้ชาย เนื้อนางเป็นคน...ไม่ใช่สัตว์ที่สมสู่ไม่เลือก”
เนื้อนางเสียงแข็ง จดสายตามองจ้องไปที่ธรรพ์ตลอดเวลา
“ตั้งแต่อยู่ที่นี่ เนื้อนางเห็นแล้วว่าคนบ้านหิมวัตไม่ได้สูงส่ง ดีวิเศษไปกว่าคนงานในปาง พวกคุณก็ทำเลว หลบซ่อนความผิด ได้เก่งเหมือนคนอื่น”
ธรรพ์ไม่กล้าสบตาเนื้อนาง เพราะรู้อยู่แก่ใจเรื่องแขไข เนื้อนางเลื่อนสายตาไปที่แม่นาย
“เกิดมารวย เกิดมาในที่ดี แต่กลับมีจิตใจต่ำ คอยจ้องแต่เหยียดหยามคนด้วยกันเอง”
ศรีวัลลามองเนื้อนางด้วยความโกรธเป็นที่สุด เนื้อนางมาหยุดสายตาที่ณไตร
“ความรัก ความจริงใจมันไม่มีความหมายสำหรับพวกคุณ แต่อย่าคิดว่าเนื้อนางจะยอมรับผิด ในสิ่งที่ไม่ได้ทำ เนื้อนางจะอยู่ที่นี่ รอให้คุณแขไขกลับมา แล้วเราจะได้รู้ความจริงทุกเรื่อง รู้กันสักทีว่าคนผิดคือใครกันแน่”
เนื้อนางหันกลับไป คำฝายเดินตาม ธรรพ์มีสีหน้าเครียดมาก เพราะกลัวเนื้อนางพูดเรื่องแขไข
ณไตรมองไปที่ป้าวันดี วันดียังแกล้งสะอึกสะอื้น
“ทำไมคุณเนื้อนางถึงจงเกลียดจงชังป้าด้วย”
“เนื้อนางอ้างว่าเจอแขไข แขไขกลับมาเมื่อไหร่ เราจะได้รู้ความจริง”

ณไตรยืนหน้าเครียดอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง และบรรยากาศแสนกดดันของบ้านหิมวัต

อ่านต่อหน้า 2

เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 11 (ต่อ)

อีกฟาก แสงคำ ม่อนดอย กำลังกินข้าวอยู่ที่โรงอาหารปาง ประกายยืนกลุ้มอยู่ด้วย

“ป่านนี้ยังไม่เจอคุณแขไข หรือว่าจะโดนโจรจับไปเรียกค่าไถ่”
“ถ้าเรียกค่าไถ่ ป่านนี้ก็ต้องมีจดหมายมาเรียกเงินแล้ว แต่นี่ไม่มีอะไรสักอย่าง” ม่อนดอยว่า
“รีบกิน ไอ้ม่อนดอย เดี๋ยวออกไปหาอีกรอบ”
ม่อนดอย แสงคำรีบกินข้าว ประกายมองแล้วบ่นออกมาอีก
“นี่ถ้าฉันไม่มัวแต่ดูหนัง ดูรำวงจนสว่าง เรื่องมันก็คงไม่ยุ่งขนาดนี้”
ห่างออกไป บุญลือที่นั่งกินข้าวอยู่อีกด้าน ลอบมองสามคนยิ้มร้ายพอใจที่ไม่มีใครเจอแขไข

ณไตรเดินมาหน้าห้องที่ประตูเปิดอยู่ มองเข้าไปเห็นเนื้อนางที่กำลังเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ทารกน้อย มีคำฝายคอยช่วย เนื้อนางหันมาเห็นณไตร ก็ปล่อยให้คำฝายทำต่อ เดินออกมาที่ณไตร
“ฉันจะไปนอนห้องอื่น” ณไตรเอ่ยขึ้น
“ที่จริงคุณคงอยากจะโยนเนื้อนางออกไปจากที่นี่”
“ใช่...ฉันรังเกียจเนื้อตัวเธอ รังเกียจหน้าสวยๆ เกลียดคำพูดหวานๆ แววตาร้อยมารยาที่เธอใช้ หลอกผู้ชายทุกคน ถ้าหาแม่นมให้ตาหนูได้เมื่อไหร่ ฉันจะลากเธอออกไปด้วยมือฉันเอง”
เนื้อนางน้ำตาร่วงกับทุกคำพูดและแววตาเกลียดชังของณไตร
ณไตรวูบไปเมื่อเห็นน้ำตาของเนื้อนาง แต่เนื้อนางหน้าเชิด ปาดน้ำตาอย่างเร็ว
“อย่าเพิ่งไล่เนื้อนางเลย รอให้ความจริงทั้งหมดมันเปิดเผยก่อน แล้วคุณจะรู้ว่าความเจ็บที่คุณกำลังเจอเรื่องเนื้อนาง มันเล็กน้อยเหลือเกินกับความจริงที่สำคัญที่สุด”
ณไตรฉงน “ความจริงเรื่องอะไร”
เนื้อนางไม่พูด สะบัดหน้าหันหลังเข้าห้องปิดประตูใส่ณไตร
ณไตรได้แต่ยืนมองเจ็บใจ
“ผู้ร้ายปากแข็ง”

ฟากธรรพ์ยืนน้ำตาไหลอยู่ตามลำพังด้วยความกดดันและความทุกข์เรื่องแขไข วันดีค่อยๆ เดินออกมา คุกเข่าลงมองธรรพ์ด้วยความสงสารจากใจจริง
“โธ่...คุณธรรพ์ของป้า”
“ผมไม่มีอะไรกับเนื้อนางจริงๆ”
“ถึงคุณธรรพ์จะพูดความจริงแค่ไหน ก็บ่มีใครเชื่อหรอกเจ้า ไม่ใช่เพราะคุณธรรพ์เป็นคนบ่ดี เนื้อนางต่างหากผู้หญิงใจง่ายคนนั้น ที่คิดทำเรื่องนี้ขึ้นมา” วันดีใส่ร้ายเนื้อนาง
“เนื้อนางน่ะเหรอ”
ธรรพ์มองวันดีเขม็ง เห็นวันดีหน้าตาจริงจัง รีบใส่ไฟเนื้อนางต่ออีก
“ป้าเคยบอกคุณธรรพ์แล้วว่าเนื้อนางสงสัย คอยแอบดู แอบถามเรื่องคุณกับคุณแข เพราะมันไม่หวังดีกับคุณธรรพ์ มันคงอยากได้เงินก้อนใหญ่ ถึงได้วางแผนกับพวกในปาง หลอกคุณธรรพ์ไปนอนด้วยให้พ่อเลี้ยงเห็น”
ธรรพ์มองวันดีที่ปั้นหน้าจริงใจ
“แล้ววันนี้มันก็มาขู่คุณธรรพ์สารพัด คุณธรรพ์อย่าไปสงสาร อย่าไปหลงกลเนื้อนางมันนะเจ้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณธรรพ์ต้องยืนยันว่าบ่ได้ทำอะไรผิด เชื่อป้านะเจ้า คุณธรรพ์กำลังถูกเนื้อนางกับพวกของมันกลั่นแกล้ง”
ธรรพ์มองวันดีเห็นสีหน้าจริงใจ ทำให้ธรรพ์เชื่อมั่นว่าวันดีเป็นคนเดียวที่ห่วงใยเขาอยู่จริงๆ

ฝ่ายเนื้อนางยืนมองไปนอกหน้าต่าง สายตาใช้ความคิด ด้านหลังทารกน้อย มีคำฝายคอยดู
“ป่านนี้ทำไมยังไม่เจอคุณแขไข”

ทางด้านบุญลือก้าวมามองลงไปที่ก้นเหวเบื้องล่าง สีหน้าบุญลือตกใจที่ไม่เห็นร่างแขไขอยู่ตรงนั้นแล้ว

คืนนั้นวันดียืนกราดเกรี้ยวอยู่ในมุมมืดลับตาคน จ้องบุญลือที่ยืนอยู่
“แกอย่าให้พลาดนะ บุญลือ ไม่งั้นแผนทุกอย่างมันจะพังหมด”
“ไม่ต้องห่วง พี่วันดี เสือคงคาบศพแขไขไปกินแล้ว รออีกสักสองวัน ฉันจะจัดฉากให้ทุกคนเจอศพแขไขเอง”
“ดี จะต้องไม่เหลือใครเป็นพยานเรื่องเนื้อนางกับคุณธรรพ์”
แววตาวันดีรำลึก หวนย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่วางแผนทั้งหมด

ตอนนั้นธรรพ์รู้สึกง่วงจนวางแก้วชา วันดีที่ยืนใกล้ แกล้งถามขึ้น
“คุณธรรพ์เป็นอะไรเจ้า”
“ง่วง...ง่วงมาก”
ธรรพ์บอกแล้วก็ฟุบหน้าลงกับโต๊ะด้วยความง่วงงุนไปทันที
วันดีมองแล้วเขย่าร่างธรรพ์เบาๆ ธรรพ์หลับสนิท วันดีหันไปมองทางบันได คนงานที่ปิดหน้ารออยู่ วิ่งเข้ามา แบกร่างธรรพ์ออกไป วันดีมองซ้ายขวารีบตามไปอย่างเร็วและเงียบกริบ
บุญลือแบกร่างเนื้อนางขึ้นบันได เข้ามาในเรือน วันดีตามติดแล้วปิดประตูลง บุญลือวางร่างเนื้อนางที่ถูกตีจนสลบลงข้างๆ ร่างธรรพ์ที่ถูกคนของวันดี เอามานอนรอไว้แล้ว
บุญลือรีบถอดเสื้อผ้าธรรพ์ ส่วนวันดีรีบถอดเสื้อผ้าเนื้อนางออก เสื้อผ้าของทั้งสองคนถูกทิ้งลงบนพื้น จากนั้นวันดีเอาผ้าห่มคลุมร่างเนื้อนางกับธรรพ์ แล้วจับท่าทางให้สองคนเบียดชิด กอดกันอย่างที่ณไตรเข้ามาเห็น

คิดแล้ววันดีคลี่ยิ้มร้ายออกมา มองไปไกล ตาเป็นประกายวาววับ
“หมดทั้งแขไข หมดทั้งเนื้อนาง ไม่เหลือคนที่จะสร้างปัญหาให้คุณธรรพ์”
วันดีหันมองบุญลือด้วยรอยยิ้มมั่นใจในแผนสุดท้าย

“ตอนนี้ก็แค่รอให้โทรเลขของฉันไปถึงมือคนสำคัญ”

เช้าวันหนึ่ง หลังเกิดเหตุร้ายสองวัน คุณหญิงมาลัยที่มีโทรเลขในมือ พรวดเข้ามาตรงหน้าศรีวัลลา ที่นั่งเครียดอยู่ตรงระเบียง นายพลยศกรตามหลังมา

“ลูกสาวฉันหายไปทั้งคน ใจคอคนบ้านหิมวัตจะไม่บอกให้รู้ นี่ถ้าไม่ได้โทรเลขฉบับนี้ ฉันจะได้ข่าว จะได้เห็นหน้าลูกสาวฉันอีกมั้ย”
มาลัยชูโทรเลขในมือ ณไตรถามขึ้นทันที
“ใครโทรเลขไปบอกคุณ” ณไตรสงสัย
วันดีอยู่ด้วย ทำสีหน้าเรียบ แววตาซื่อใส ไร้พิรุธ
“ก็ผู้หวังดีน่ะสิ เค้าคงทนไม่ได้ที่จะเห็นลูกสาวฉันต้องตกเป็นเหยื่อคนบ้านหิมวัต”
กลุ่มณไตรสีหน้าสงสัย แต่มาลัยไม่เปิดฉากให้ใครถามต่อ กวาดตามองไล่ตั้งแต่ แม่นาย ธรรพ์ ณไตร
“ลูกแขของฉันยังมีความหมายกับคนที่นี่อยู่หรือเปล่า”
ยศกรถามขึ้น “ป่านนี้แล้ว ทำไมถึงหาลูกแขไม่เจอ”
“ณไตรก็ให้คนงานออกหาทุกวัน ทั้งในปาง ในเมือง หาจนทั่วทั้งจังหวัด” แม่นายบอก
“ตำรวจล่ะ ทำไมไม่แจ้งให้ตำรวจมาค้นปาง อ๋อ หรือว่ากลัวความผิดที่ทำให้ลูกสาวฉันหายไป” มาลัยโวยวาย
“ผมไม่ได้กลัวความผิด แต่ผมกลัวคุณแขไขจะเสียชื่อเสียง เราพยายามตามหาอยู่ ไม่เคยนิ่งนอนใจ” ณไตรหงุดหงิดแล้ว
ยศกรย้อน “ชื่อเสียง...ห่วงชื่อเสียงของตัวเองมากกว่าล่ะมั้งณไตร เรื่องที่เธอไม่ยอมแต่งงานกับแขไข มันก็ทำลายชื่อเสียงครอบครัวฉันมากพอแล้ว นี่ยังชีวิตลูกสาวฉันอีกทั้งคน”
มาลัยโพล่งขึ้นมา “หรือว่าพวกคุณ ฆ่าลูกแข”
ทุกคนฟังแล้วตกใจกับคำพูดมาลัย
“พวกเราไม่เคยทำร้ายคุณแข” ณไตรเน้นคำ “ไม่เคยคิด ไม่เคยทำ ที่คุณแขหายไป เราก็เป็นห่วงมาก”
“แล้วลูกฉันหายไปไหน โธ่ ลูกแข ต้องมาทนตกระกำลำบากคนเดียว ถูกโขกสับมากแค่ไหน ก็ไม่มีใครช่วย แล้วนี่ยังมาหายตัวไป...ไร้ร่องรอย”
มาลัยเริ่มฟูมฟาย ยศกรเข้ามาประคองเมีย
“ฉันอยากเจอลูก เอาลูกสาวฉันคืนมา คุณคะ คุณต้องอย่ายอมนะคะ”
“ฉันจะไม่ทนกับคนที่นี่อีกแล้ว หาลูกแขของฉันให้เจอ เราจะพาแขไขกลับพระนคร ไม่อย่างนั้น อย่าได้คิดเลยนะว่า หิมวัตจะอยู่กันอย่างเป็นสุข ฉันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”
ทุกคนในบ้านหิมวัตล้วนสีหน้าอึดอัดใจ ยกเว้นวันดีที่ลอบยิ้มแววตาสะใจอยู่คนเดียว

เนื้อนางอุ้มทารกน้อยเดินเล่นอยู่ในสวน มีคำฝายอยู่ใกล้ มาลัยกับยศกรเดินออกมา พอมาลัยเห็นเนื้อนางกำลังอุ้มทารกก็สงสัย ถามขึ้นทันที
“แกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงเนื้อนาง แล้วแกอุ้มใคร หลานชั้นใช่มั้ย”
เนื้อนางหันไปเห็นมาลัยที่กำลังเดินปรี่มาหา ก็รีบส่งทารกให้คำฝาย แล้วก้าวเข้ามาขวางไม่ให้มาลัยเข้า
ใกล้ทารก เพราะกลัวอารมณ์โกรธของมาลัย พยายามพูดด้วยดีๆ
“เนื้อนางเป็นแม่นมให้คุณหนูจ้ะ”
“ใครอนุญาตให้แกเป็นแม่นมหลานฉัน อ๋อ...นี่คงคิดว่า เป็นแม่นมแล้วอีกหน่อยก็ไต่เต้าขึ้นมาเป็นเมีย แทนลูกสาวฉันใช่มั้ย”
เนื้อนางตกใจกับคำพูดหยามหยันนั้น คำฝายทนไม่ไหว พูดขึ้นแทน
“เนื้อนางเป็นเมียพ่อเลี้ยงอยู่แล้ว แขไขต่างหาก ที่ไม่ได้เป็น”
มาลัยกรี๊ดลั่น “อ๊าย...แก แกแย่งผัวลูกสาวฉัน”
เนื้อนางยังไม่ทันตั้งตัว มาลัยตบเปรี้ยงเข้าหน้าอย่างแรง จนเนื้อนางกระเด็น
ณไตรเดินมาเห็นเหตุการณ์ก็รีบห้าม
“หยุดตบตีกันในบ้านผม”
ณไตรรีบเข้าไปประคองเนื้อนางขึ้นมา มาลัยเห็นณไตรประคองเนื้อนางก็ยิ่งทนดูไม่ได้
“แก นังเนื้อนาง นังสารเลวนังหน้าไม่อาย แกทำมารยาสาไถยแย่งผัวลูกสาวฉัน”
ณไตรสวนออกมา “ผมไม่เคยเป็นสามีแขไข”
“ไม่เป็น แล้วแขไขจะมีลูกได้ยังไง” ยศกรย้อนแย้ง
ณไตรไม่อยากพูด ยศกรถามขึ้นด้วยความโกรธ
“ยังเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือเปล่า ทำลูกสาวฉันท้องแล้วไม่ยอมรับ”
“เพราะผมเป็นลูกผู้ชาย ผมถึงพูดได้แค่ว่า ผมไม่ใช่สามีแขไข ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องแขไขหายตัวไป”
ณไตรปล่อยมือจากเนื้อนาง แล้วถอยห่างเนื้อนางมองด้วยความน้อยใจ
“ไปสิ ณไตร ไปหาลูกแข เมียเธอ แม่ของลูกเธอให้เจอ อย่ามัวเสียเวลาอยู่ที่นี่ฉันอยากเห็นความตั้งใจของเธอที่จะช่วยลูกสาวฉัน”

ณไตรมองยศกรอย่างท้าทาย ในขณะที่มาลัยจ้องเนื้อนางอย่างจงเกลียดจงชัง

ดาวเด่นมาถึงปางหิมวัต ก็วิ่งเร็วรี่มาที่หน้าเรือนเนื้อนาง ประกายกำลังถูเรือนมองลงมา ดาวเด่นจ้องหน้าประกายเขม็ง ประกายสงสัย เพราะไม่เคยเห็นหน้าดาวเด่นมาก่อน

“มาหาใคร คนงานใหม่เหรอแกน่ะ”
“ฉันไม่ใช่คนงาน”
แสงคำเดินมาจากอีกด้านเห็นดาวเด่นยืนอยู่ก็เรียก
“ดาวเด่น”
ดาวเด่นหันไป พอเห็นเป็นแสงคำเดินมา ก็พุ่งเข้าไปผลักอก
“นายเอาพี่สาวฉันไปซ่อนไว้ที่ไหน”
แสงคำยัวะ “ซ่อนบ้าอะไร”
“นายกับเนื้อนางเอาพี่สาวฉันไปซ่อน ที่ไหนสักที่ในปางนี้”
ม่อนดอยวิ่งมาจากทางเรือนผู้จัดการ
ดาวเด่นยังคงคาดคั้นแสงคำอยู่ “บอกมา แสงคำ นายเอาพี่สาวฉันไปซ่อนที่ไหน บอกมา”
แสงคำปัดมือดาวเด่นอย่างแรง จนร่างบางของดาวเด่นเซ
“แสงคำไม่รู้เรื่องด้วย คุณดาว เค้าช่วยเราหาคุณแขไขมาตั้งแต่แรก” ม่อนดอยบอก
ประกายมองดาวเด่นตาคว่ำ “ใครเอาพี่สาวเธอไปซ่อน แขไขกระเซอะกระเซิง หายไปไหนก็ไม่รู้เนี่ย เดือดร้อนกันทั้งปาง ไม่มีใครได้ทำการทำงาน มัวแต่ตามหาผู้หญิงคนเดียว”
“ตามหาทุกวันแล้วทำไมยังไม่เจอ” ดาวเด่นไม่เชื่อ
“คุณครับ ปางนี้มันก็กว้าง ป่ารอบปางยิ่งกว้างเข้าไปใหญ่ เราก็อยากรู้เหมือนกันว่าคุณแขไขเธอหายไปไหน” ม่อนดอยบอกอีก
“พวกนายไม่ได้ห่วงพี่สาวฉันจริงๆ พวกนายอยากให้พี่สาวฉันหายไป เนื้อนางจะได้อยู่กับพี่ณไตร” ดาวเด่นพาล
“นี่ มาทีหลัง ไม่รู้อะไรหุบปากไว้ดีกว่า”
แสงคำก้าวมายืนข่มร่างเล็กของดาวเด่น ดาวเด่นจ้อง ไม่ยอมแพ้
“ฉันไม่ง้อพวกนายหรอก ฉันจะหาพี่แขให้เจอเอง”

ณไตรเดินนำยศกรกับมาลัยเข้ามาพอดี ได้ยินคำพูดดาวเด่นก็เอ่ยเตือน
“ใจเย็นๆ ครับคุณดาว เราทั้งหมดจะมาช่วยกันหาคุณแขอีกครั้ง”
ณไตรพยายามพูดให้สติดาวเด่นที่กำลังเป็นห่วงพี่จนพาลไปหมด
มาลัย ยศกรมองจ้องพวกเนื้อนางอย่างรังเกียจ แสงคำมองดาวเด่นอย่างไม่พอใจที่ถูกดาวเด่นกล่าวหาว่าเอาแขไขไปซ่อน

ณไตรสะพายปืนเดินมากับดาวเด่น ด้านหลังเป็นคนงาน 2 คน
“พี่แข พี่แข ดาวเอง”
ณไตรเดินนำไป คอยสอดตามองหาความผิดปกติ
“คุณแข ถ้าได้ยินเสียงก็ตอบด้วย”
“เราไม่ได้หลงใช่มั้ย”
“ไม่หลง เราเดินมาจากทางนั้น” ณไตรว่า
“งั้นเดินไปอีก พี่แขต้องอยู่ทางโน้นแน่ๆ”
ดาวเด่นเดินลุยหญ้า ตรงไปอีกทาง ด้วยความเป็นห่วงพี่สาว

แสงคำกับม่อนดอยวิ่งมองหาไปรอบๆ กับคนงาน อีกด้านของป่า
“ถ้าเกิดไม่เจอคุณแขไขจริงๆ คุณดาวเด่นคงเสียใจมาก ไหนจะพ่อแม่คุณแขไขที่มาถึงปางอีก”
“แขไขไม่เคยอยู่ในป่า นี่มันก็หลายวันแล้ว ทำไมถึงไม่เจอสักที” แสงคำตั้งข้อสังเกต
“แกคิดเหมือนฉันหรือเปล่าวะ แสงคำ ป่านนี้แล้ว แขไขอาจจะตายแล้ว”
แสงคำพูดขึ้นทันที “ข้าไม่อยากให้แขไขตาย ถ้าได้ตัวแขไขกลับมา เนื้อนางจะพ้นผิด เรื่องที่อยู่กับคุณธรรพ์ ดาวเด่นก็ต้องขอโทษที่หาว่าเราเอาตัวแขไขไปซ่อน”
แสงคำพูดแล้วปีนต้นไม้ใหญ่ตรงหน้า ขึ้นไปมองหาแขไขด้วยความหวังว่าต้องเจอ

ยศกรแยกมาหากับบุญลือ กำลังเดินเข้าไปในป่าลึกทึบ ด้านหลังมีคนงานชาย 2 คน บุญลือคอยมองระวังให้ยศกร
“ลูกแขจะหลงมาในป่าลึกขนาดนี้ตามลำพังได้ยังไง” ยศกรแปลกใจ
“นั่นสิครับ ผมว่าเราไปอีกทางกันดีมั้ยครับ”
บุญลือลอบยิ้ม แกล้งเดินนำยศกรไปอีกทาง

ณไตรเดินนำ ดาวเด่นเริ่มเหนื่อย ปาดเหงื่อ ณไตรหันมามองดาวเด่น
“คุณดาวพักก่อนเถอะ”
“ฉันไม่พัก ฉันจะหาพี่แขให้เจอ”
ณไตรเห็นแววตาดื้อของดาวเด่นก็ปลดกระติกน้ำที่เอวให้
“จิบสักหน่อย”
ดาวเด่นไม่ยอมรับกระติกน้ำ มองณไตรด้วยสายตาเจ็บใจ
“คุณใจร้ายมาก” ณไตรมองดาวเด่น “พี่แขรักคุณ ยอมอยู่ที่นี่เพื่อคุณ แต่คุณกลับปล่อยให้คนมาทำร้ายพี่แข”
“ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมแขไขถึงมาที่ปางกลางดึก”
“ฉันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่อย่างนึงที่ฉันแน่ใจ พี่แขต้องเสียใจมากที่คุณให้เนื้อนางมาเลี้ยงลูกพี่แข”
“ผมให้ตาหนูหิวนมไม่ได้ แล้วตาหนูก็ติดเนื้อนางมาก คุณดาว..ผมเข้าใจ คุณคิดว่าผมใจร้าย ไม่ใช่ว่าผมจะไม่สงสารแขไข แต่ความสงสารของผมก็เปลี่ยนเป็นความรักไม่ได้”
“ทำไม พี่แขดีกว่าเนื้อนางทุกอย่าง”
“ไว้คุณโตเป็นผู้ใหญ่มีความรักเมื่อไหร่ คุณจะตอบคำถามนี้ได้ด้วยตัวเอง”

ดาวเด่นเบือนหน้าหนี ไม่ยอมเข้าใจ ด้วยอารมณ์โกรธเพราะห่วงพี่สาวจนพาลพาโล

ฟากมาลัยนั่งดมยาดมอยู่ข้างเรือนต้นไม้ ยศกรคอยบีบนวดมือให้กำลังใจเมีย บุญลือยืนอยู่ห่างออกมา

“ป่านนี้ลูกแขจะเป็นยังไงบ้าง”
“ใจดีๆ ไว้คุณ อย่างน้อยเราก็รู้ว่าแขไขต้องอยู่ที่ปางนี่” ยศกรปลอบเมีย
มาลัยสะดุดหู “ใคร ใครมันจับตัวลูกแขไปหรือเปล่าคะ”
บุญลือสบช่องใส่ร้ายเนื้อนาง “ผมได้ยินว่าคืนนั้นคนสุดท้ายที่อยู่กับคุณแขไข คือเนื้อนาง”
“ไหนแกเล่ามาสิ แกได้ยินว่าอะไรอีก”
“เนื้อนางบอกกับทุกคน ว่าทะเลาะกับคุณแข แล้วเธอก็กลับเรือน ไม่ได้สนใจว่าคุณแขจะทำอะไร” บุญลือแกล้งทำสีหน้าลำบากใจขณะเล่า “อย่าให้คนอื่นรู้นะครับว่าผมมาบอกเรื่องนี้ท่านนายพลกับคุณหญิง ผมเองก็เป็นห่วงคุณแขไขมาก กลัวว่าจะมีคนพยายามทำร้ายเธอ”
บุญลือทิ้งท้าย แล้วทำเป็นเดินออกไป มาลัยหันมาทางยศกร
“ไม่มีใครปริปากบอกเราเลยเรื่องที่เนื้อนางอยู่กับแขไขเป็นคนสุดท้าย โดยเฉพาะณไตร คงกลัวว่าเราจะลากเมียมันเข้าคุก”
“ถ้าเนื้อนางอยู่กับแขไขเป็นคนสุดท้าย เนื้อนางก็คือคนที่น่าสงสัยที่สุด”
มาลัยมีสีหน้าเจ็บแค้นใจ
บุญลือหลบมอง แววตาสาสมใจที่ทำให้มาลัยกับยศกรสงสัยเนื้อนางได้

เย็นนั้นเนื้อนางกำลังถือตะกร้าขวดนมที่ล้างแล้วจะเอาไปให้ทารกน้อย แม่นาย จันตาก้าวออกมามอง สายตาศรีวัลลามีแต่ความเกลียดชังเนื้อนาง
“คนที่หายไปควรจะเป็นแก ไม่ใช่แขไข ฉันรู้จักกำพืดแกดี เนื้อนาง แกมันนิสัยเดียวกับแม่ สำส่อน ใฝ่สูง”
เนื้อนางโกรธย้อนกลับ “อย่าว่าแม่เนื้อนาง แม่เนื้อนางเป็นคนดี ไม่เคยบงการชีวิตใคร ไม่เคยโหดเหี้ยมไร้ความปรานีเหมือนคุณ”
“นังปากสามหาว แกกล้าว่าแม่นาย”
จันตาตบหน้าเนื้อนางซ้ายขวา เนื้อนางหน้าสะบัด ตะกร้าขวดนมหลุดมือเนื้อนาง จันตายังไม่หนำใจ เข้าไปกระชากเนื้อนาง เนื้อนางดิ้น
“ก้มลงกราบขอโทษแม่นายเดี๋ยวนี้”
เนื้อนางมองตาวาวไม่ยอม จันตาจับตัวเนื้อนางเหวี่ยงไปกระแทกต้นไม้ เนื้อนางเจ็บ ศรีวัลลามองเยาะ
“ฉันจะทำให้แกเจ็บเจียนตายยิ่งกว่านี้ ถ้าแกยังไม่เลิกปั่นหัวลูกชายของชั้นทั้งสองคน”
แม่นายจ้องเนื้อนางอย่างอาฆาตแล้วหันเดินออกไป จันตามองเยาะเชิดหน้าเดินตาม เนื้อนางมองตาแม่นาย แววตาเจ็บทั้งตัวทั้งใจ

เนื้อนางเดินมาอีกทาง หยุดวางตะกร้า แตะแขนที่เจ็บเพราะถูกกระแทก
ธรรพ์ที่ยืนคิดอยู่ ได้ยินเสียง ก็หันไปมอง เห็นรอยมือที่แก้มเนื้อนาง ก็ถามขึ้น
“เนื้อนาง แก้มเธอไปโดนอะไรมา
เนื้อนางรีบเบี่ยงตัวหลบ ไม่อยากให้ธรรพ์เห็น แต่ธรรพ์มองที่แขน เห็นแดงเป็นจ้ำ
“ที่แขนด้วย”
เนื้อนางพยายามดึงแขนไปด้านหลัง แต่ธรรพ์ไม่ยอม ดึงแขนเนื้อนางมาจับไว้
“มีคนทำร้ายเธอ ใคร...แม่นายหรือเปล่า”
เนื้อนางดึงแขนกลับ เดินเข้าใกล้ มองสบตาธรรพ์
“ไม่ต้องมาห่วงฉัน ฉันถามจริงๆเถอะ คุณธรรพ์ คุณห่วงคุณแขไขบ้างมั้ย”
“ห่วงสิ ฉันห่วงแขไขมาก แต่ฉันมันไม่เก่งเหมือนพี่ณไตรที่ถือปืนวิ่งตามหาแขไข”
“คุณไม่ต้องเป็นคนเก่ง แต่คุณต้องเป็นคนกล้ามากกว่านี้ ถ้าคุณห่วงคุณแขไข คุณต้องพูดความจริงทั้งหมด ความจริงเท่านั้นที่จะทำให้ชีวิตคุณแขไขไม่ต้องตกนรก เหมือนที่ผ่านมา”
เนื้อนางมองธรรพ์แล้วเดินออกไป ธรรพ์หันมองตาม คิดหนัก
ณไตรยืนอยู่ตรงระเบียงเรือนใหญ่ มองเห็นธรรพ์กับเนื้อนางด้านล่างมาตั้งแต่ต้น
ณไตรมองจ้องธรรพ์ แล้วหันหลังเดินออกไปด้วยแววตากระด้าง

เนื้อนางเดินเข้ามาวางตะกร้า นั่งลง สายตาหม่นหมอง ณไตรเข้าห้องมาปิดประตูเสียงดัง เนื้อนางหันไปมอง
“พอไม่มีผมอยู่ในบ้าน คอยแต่จะหลบไปพลอดรักกันทุกครั้งใช่มั้ย”
“คุณพูดเรื่องอะไร”
ณไตรพุ่งเข้ามากระชากแขนเนื้อนางเต็มแรง เนื้อนางเจ็บร้องออกมา
“โอ๊ย เนื้อนางเจ็บ”
ณไตรหวงหึงจนพาลสุดขีด “เมื่อกี้ตอนไอ้ธรรพ์จับ คุณเจ็บหรือคุณมีความสุขฮะ เนื้อนาง บอกผมสิ”
“อย่าหาเรื่องเนื้อนางเลย”
“ผมเห็นคุณกับไอ้ธรรพ์ มันจับแขน มันห่วงคุณ แล้วคุณจะปฏิเสธอะไรอีก ทำไมเนื้อนาง แค่ที่นอนกับมันในปาง ยังสุขไม่พอ เพราะผมไปขัดจังหวะใช่มั้ย ถึงต้องมาลักลอบเป็นห่วงเป็นใย หรือว่ากำลังนัดแนะออกไปด้วยกันอีก”
เนื้อนางโกรธสวนกลับ “ถ้าเนื้อนางจะทำ คุณไม่มีวันห้ามเนื้อนางได้”
“เนื้อนาง”
เนื้อนางมองจ้อง น้อยใจณไตรตอบประชดไปทันที
“คุณบอกเองว่าเนื้อนางเก่งเรื่องยั่วผู้ชาย คุณคิดว่าใครที่เข้าใกล้ เนื้อนางก็ต้องมีอะไรด้วยทุกคน คุณรู้จักเมียดีขนาดนี้ แล้วคุณจะมาเค้นถามอะไรเนื้อนางอีก”
“เพราะผมหวังว่าคุณจะกล้ายอมรับกับผม”
“เนื้อนางถูกตัดสินไปแล้ว ไม่มีอะไรต้องยอมรับอีก”
ณไตรผลักเนื้อนางลงบนที่นอนอย่างแรง
“เสียแรงที่ผมรัก ทุ่มเทหัวใจให้คุณ ผมเห็นคุณเป็นนางฟ้าในหัวใจผม ไม่เคยรู้เลย...ว่าหน้าสวยๆของคุณที่แท้มันก็ฉาบสันดานมักง่ายเอาไว้ ผู้หญิงอย่างคุณเป็นอะไรไม่ได้หรอกเนื้อนาง เป็นเมียที่ดีไม่ได้ เป็นแม่คนไม่ได้ เพราะคุณมันคือกากี”
เนื้อนางตกตะลึงที่ถูกณไตรประณามอย่างรุนแรง ณไตรมองอย่างรังเกียจแล้วหันหลังให้ เนื้อนางถอนสะอื้น
ณไตรได้ยินเสียงก็คิดจะหันกลับไป เนื้อนางสะอื้นแรงขึ้นอีก ณไตรกำหมัดแน่นตัดสินใจอย่างหนักหน่วง
เนื้อนางมองแผ่นหลังณไตร ณไตรไม่หันกลับมามอง ก้าวเดินออกไป

เนื้อนางปล่อยโฮ ร้องไห้สะอึกสะอื้นปิ่มว่าจะขาดใจกับคำประณามหยามเหยียดของณไตร

อ่านต่อหน้า 3

เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 11 (ต่อ)

ฝ่ายดาวเด่นยืนอยู่หน้าเรือนรับรองมองไปไกลด้วยสีหน้ากังวล แสงคำเดินเข้ามา

“ดึกแล้ว ทำไมไม่อยู่ในเรือนรับรอง ออกมายืนมืดๆ ค่ำๆ คนเดียว มันอันตราย”
“ทำไม จะจับฉันไปอีกคนเหมือนจับพี่แขเหรอ”
“เธอไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่รู้ว่าเค้ามีเรื่องอะไรกันมั่ง เงียบๆ ไว้บ้างเถอะ”
“นายก็บอกมาสิ ว่าก่อนที่พี่แขหายไป เกิดอะไรขึ้น พี่แขทะเลาะกับเนื้อนางใช่มั้ย”
“เอะอะก็โทษแต่เนื้อนาง”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเนื้อนาง คนที่นี่ก็คงเต็มใจตามหาพี่แขมากกว่านี้” ดาวเด่นบอก
แสงคำรำคาญ “ตามหาโว๊ย ตามจนเดือดร้อน ไม่ได้กินได้นอนกันไปทั้งปางแล้ว”
“ถ้าเป็นพี่นายบ้าง เป็นคนที่นายรัก เป็นเนื้อนาง นายจะมายืนด่าฉันแบบนี้มั้ย”
ดาวเด่นมองสู้สายตาแสงคำ
“ลำบากแค่ไหน ฉันจะหาพี่แขให้เจอ แล้วพาพี่แขไปจากที่นี่ ฉันจะไม่ให้พี่แขทนอยู่อีกแล้ว รู้ไว้ด้วย พวกนายมันไม่มีหัวใจ”
ดาวเด่นด่าว่าใส่หน้าแสงคำอย่างรุนแรง แสงคำเสียใจ

เช้าวันนี้ แสงคำสะพายปืนออกมาจากในเรือน ม่อนดอยเดินมาจากอีกด้าน
บุญลือเดินเร็วรี่ ตรงมาที่แสงคำกับม่อนดอย ตะโกนบอกเสียงดัง
“ไอ้แสงคำ ไอ้ม่อนดอย เร็วโว๊ย”
แสงคำ ม่อนดอยได้ยิน ก็รีบวิ่งออกมาหาบุญลือ
“เจอแขไขแล้วใช่มั้ย”
“ไม่รู้ว่าใช่คุณแขไขหรือเปล่า แต่ชาวบ้านเพิ่งเจอรอยเท้าเสือกับศพผู้หญิง”
“ทางไหน รีบไปเหอะ” ม่อนดอยรีบถาม
บุญลือวิ่งนำ แสงคำกับม่อนดอยที่ร้อนใจ รีบตามไปทันที

บริเวณปากเหวในป่า บุญลือเดินนำแสงคำกับม่อนดอยมา แสงคำมองทางแล้วทักขึ้น
“ตรงเหวนี่ วันก่อนแกบอกว่าไม่มีอะไร”
“ก็ปากเหวไม่มี ชาวบ้านเจอศพที่ก้นเหว”
บุญลือเดินนำแสงคำกับม่อนดอย คอยมองไปด้านล่าง จนถึงจุดที่เอาศพมาทิ้ง
“โน่น...นั่นไง ศพผู้หญิง”
แสงคำ ม่อนดอยยืนอยู่ที่ปากเหว มองลงไป ตามที่บุญลือชี้ สองหนุ่มตกใจเมื่อเห็นร่างๆ หนึ่งนอนเปลือยคว่ำหน้าอยู่
“รีบไปบอกพ่อเลี้ยงมาที่นี่เร็ว” แสงคำบอก

ณไตรวิ่งเร็วรี่สะพายปืนมาด้วย ด้านหลังดาวเด่น และยศกรวิ่งตามติด
“เจอลูกแขแล้วใช่มั้ย”
“ที่ไหน เจอพี่แขที่ไหน”
“ใกล้ๆ ปากเหว” ณไตรบอกสั้นๆ แล้ววิ่งนำไปทันที

ดาวเด่นยืนข้างยศกรด้านบนปากเหว มองลงไปด้านล่าง
ณไตรกับแสงคำกำลังโรยตัวด้วยเชือกลงไป บุญลือ ม่อนดอย กับคนงานคอยดูเชือกที่ผูกติดต้นไม้ให้สองคน
ดาวเด่นมองลุ้น ยศกรเองก็สีหน้ากังวล ณไตร แสงคำลงไปถึงด้านล่าง ทุกคนด้านบนมองลุ้น
ณไตรเดินใปใกล้ศพที่พื้น แสงคำตามมาด้านหลัง
ณไตรมองสภาพศพแหลกเหลว มองสภาพหน้าไม่ออก เป็นก้อนเนื้อฉุแตก ดำคล้ำ สายตาณไตรที่หันกลับมามองทุกคน มีแต่ความเสียใจ ยศกรใจหายวาบ
“ลูกแข”
ดาวเด่นมอง เสียงละล่ำละลัก
“ไม่ใช่พี่แข ต้องไม่ใช่พี่แข”
ณไตรสีหน้าสลด เอ่ยบอกแสงคำ
“เอาศพขึ้นไป”
แสงคำเอาผ้าดิบที่ติดตัวลงมา กางออก ณไตรแหงนหน้ามามองดาวเด่นกับยศกรด้วยแววตาเสียใจ
ดาวเด่นมองเห็นท่าทางณไตร ก็ถึงกับทรุด ยศกรกอดลูกไว้ ดาวเด่นสะอื้นปล่อยโฮออกมา
“ไม่ ไม่ใช่พี่แข พี่แขยังไม่ตาย

เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นอันน่าสงสารของดาวเด่น ดังก้องไปทั้งแนวไพร

ต่างหูมุกกับกำไลข้อมือมุก ในมือณไตร ถูกชูให้ทุกคนเห็น

“เราได้สองอย่างนี้จากศพ”
“นี่มันของที่ลูกแขใส่ติดตัว โธ่...ลูกแข...ลูกรักของแม่”
มาลัยแทบลมจับ ศรีวัลลาหน้าถอดสี จันตาคอยพัดวีให้
“แขไข...ไม่ได้ถูกทำร้ายใช่มั้ยครับ” ธรรพ์ประคองเสียงไม่ให้สั่น
“เราดูไม่ออก เพราะศพกำลังเน่า ไม่เหลืออะไรที่เหมือนเดิมเลย”
มาลัยปล่อยโฮ พิงร่างไปทางยศกรที่กอดปลอบเมียไว้ ดาวเด่นหันขวับมาทางณไตร
“เพราะคุณ...คุณปล่อยให้เนื้อนางฆ่าพี่แข”
ณไตรยังไม่ทันตอบ ยศกรใส่ตามมา
“เนื้อนางวางแผนฆ่าแขไข ลูกสาวฉัน”
คำฝายที่กำลังเดินขึ้นมาใกล้ ได้ยินมาลัยแผดเสียงขึ้น
“เนื้อนางมันอยู่กับลูกแขเป็นคนสุดท้าย มันนั่นแหละที่ฆ่าเนื้อนาง ท่านนายพล เอาตำรวจมาจับเนื้อนางเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
คำฝายได้ยินก็ตกใจ รีบหลบออกไป มาลัยจ้องไปที่ณไตรด้วยความโมโหสุดขีด
“ต้องจับมัน”

เนื้อนางกำลังพับเสื้อของทารกน้อย คำฝายวิ่งเข้ามาดึงแขนเนื้อนาง
“เนื้อนาง...ตั๋วอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว”
เนื้อนางตกใจ “อะไรกัน เนื้อนางไม่เข้าใจ ทำไมจ๊ะ”
“พวกมันรวมหัวกันจะพาตำรวจมาจับเนื้อนาง มันหาว่าเนื้อนางฆ่านังแขไข”
เนื้อนางมองคำฝายด้วยสีหน้าและแววตาตกใจ

ณไตรยืนอยู่ตรงหน้ามาลัยที่ตอนนี้มีแต่ความโกรธ วันดีก้าวเข้าหลบมาฟังอยู่อีกมุมหนึ่งด้วยรอยยิ้มสะใจทุกอย่าง
ณไตรมองสู้สายตาเกลียดชังของมาลัย ยศกร และดาวเด่น
“เราทุกคนยังไม่รู้ความจริงเลยว่า เนื้อนางทำร้ายแขไข”
ยศกรสวนออกมา “ยังจะมีหน้าปกป้องมันอีกหรือ ณไตร ถ้าเธอไม่จัดการเอามันเข้าคุก ครอบครัวเราก็ไม่ต้องเกี่ยวข้องอะไรกันอีก”
“ไม่ต้องรู้จัก ไม่ต้องเอ่ยชื่อหิมวัตให้เป็นเสนียดชีวิต หลานฉันลูกแขไข ฉันก็จะเอาไปเลี้ยงเอง” มาลัยโวยลั่น
ธรรพ์เสียงแข็ง “ไม่ได้ ตาหนูต้องอยู่ที่นี่”
ศรีวัลลาก็ไม่ยอม “อย่าเอาหลานชั้นไป”
“ฉันไม่ให้อยู่” มาลัยเสียงกระด้าง
“พี่ณไตร ตาหนูต้องอยู่ที่นี่ อย่าให้ตาหนูไป”
ธรรพ์มองขอร้องพี่ชาย ณไตรเอ่ยขึ้นอย่างเด็ดขาด
“ผมจะเลี้ยงตาหนู ลูกของผมเอง ตาหนูต้องอยู่ที่หิมวัต”
“หิมวัตที่มีแต่คนเลือดเย็น ทุกลมหายใจมีแต่ความอำมหิต” ดาวเด่นพูดขึ้น มองจ้องณไตร “พวกหิมวัตไม่เคยปกป้องพี่แข พวกคุณเห็นชีวิตพี่แขเป็นแค่กาฝาก”
ดาวเด่นหันมามองที่แม่นาย
“คุณให้ความหวังพี่แข เพราะคุณเกลียดเนื้อนาง คุณแค่หลอกใช้พี่แขให้กำจัดเนื้อนางออกไปจากลูกชายคุณ” ดาวเด่นเลื่อนสายตามองไปยังธรรพ์ “ส่วนคุณ...คุณธรรพ์ คุณมันอ่อนแอ แค่ปกป้องพี่แขคุณยังทำไม่ได้เลย”
ธรรพ์หลบตาดาวเด่น รู้แก่ใจว่าดาวเด่นพูดถูกทุกอย่าง ดาวเด่นมองจ้องหน้าณไตรอีกครั้ง
“ความรักของคุณกับเนื้อนางจะไม่มีวันมีความสุขบนคราบน้ำตา บนความทุกข์ของพี่แข ตั้งแต่นี้ต่อไป วิญญาณพี่แขจะสาปแช่งคุณกับเนื้อนาง”
ณไตรมองดาวเด่นที่กำลังผิดหวังด้วยสายตานิ่ง อดทนทุกอย่าง

ดาวเด่นน้ำตาไหลอาบแก้ม ในหัวใจเต็มไปด้วยความเกลียดชังทุกคนในบ้านหิมวัต

ระหว่างนั้น เนื้อนาง กับคำฝาย วิ่งลงเนินหญ้ากันมาอย่างรวดเร็ว สองสาวมีย่ามเสื้อผ้าคนละใบ

“เราจะหนีพวกหิมวัตได้เหรอจ๊ะ พี่คำฝาย พวกเค้าต้องตามล่าตัวเนื้อนาง”
“ยังไงเราก็จะไม่อยู่ให้พวกมันโยนความผิดมาให้ ตั๋วไม่ได้ฆ่าแขไข ตั๋วไม่ใช่ฆาตกร”
คำฝายย้ำอย่างเชื่อใจเนื้อนาง แล้ววิ่งนำมาที่รั้ว คำฝายแง้มประตูดูลาดเลา เนื้อนางแทรกตัววิ่งออกไปทั้งสองคน

ด้านมาลัยแผดเสียงขึ้นต่อหน้าทุกคนด้วยความเกลียดชัง
“นังเนื้อนางนั่นแหละ ฆาตกร ไปลากตัวมันออกมารับโทษ ณไตรเธอต้องจัดการเรื่องนี้ ลูกแขต้องไม่ตายฟรี”
“เนื้อนางอยู่ที่ไหน” ยศกรถาม
จันตารีบบอก “ทางนี้เจ้า”
“ไม่ต้อง ผมไปพาเนื้อนางออกมาเอง” ณไตรบอกเสียงดัง
“ดาวจะไปกับคุณ”
“รีบไป ยายดาว เอาตัวเนื้อนางกับคนของมันมาที่นี่ เราจะจับมันส่งตำรวจทั้งคู่” ยศกรเร่ง
ณไตรหันหลัง เดินออกไปทางห้องพัก ดาวเด่นตามติด ศรีวัลลาหันไปสั่งจันตา
“แกไปช่วยณไตร จับตัวนังคำฝาย”
จันตารีบตามไป ธรรพ์มองความวุ่นวายตรงหน้าด้วยสายตาเครียด

เนื้อนาง คำฝายเดินเร็วแกมวิ่งกันมาที่หน้าประตูทางเข้า
“พี่จะไปบอกให้ไอ้แสงคำ กับม่อนดอยช่วยพาเราหนี”
“ไม่ได้นะพี่ คำฝาย อย่าให้อ้ายแสงคำกับม่อนดอยเดือดร้อน ใครที่รู้เรื่องเราหนี จะถูกเอาผิดไปด้วย”
เนื้อนางเร่งเท้าเดิน คำฝายรีบตามไป

ณไตรเข้าห้องมา แต่ไม่เห็นเนื้อนาง ดาวเด่น จันตาตามมามองหา
“ไหนล่ะ เนื้อนาง”
จันตาเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า “ไม่มีเสื้อผ้าเหลืออยู่เลยเจ้า”
“เนื้อนางหนีไปแล้ว” ดาวเด่นหันขวับมองณไตร “มีคนช่วยให้เนื้อนางหนี”
“อย่าพูดจาเอาแต่อารมณ์ คุณดาว ไม่มีใครปล่อยเนื้อนางหนีทั้งนั้น”
“แล้วเค้าจะหายไปไหน วันก่อนเค้าบอกว่าจะอยู่ที่นี่ ไม่หนีไปไหน แล้ววันนี้ล่ะ คงมีคนกลัวเนื้อนางจะติดคุก ถึงถ่วงเวลาให้”
ดาวเด่นจ้องณไตรแล้ววิ่งออกไป จันตารีบตามไป ณไตรหงุดหงิด
“เนื้อนาง เธอหนีทำไม”

เนื้อนางกับคำฝายมาถึงเรือนที่ปางตอนเย็น เวลานี้เนื้อนางกำลังดึงรูปที่ถ่ายกับตาบนฝาเรือน มากอดไว้ในอก คำฝายมองชะเง้อไปด้านล่างแล้วเร่ง
“เนื้อนาง รีบเก็บของเถอะ เดี๋ยวมีคนมาเจอ”
ไม่ทันขาดคำประกายวิ่งขึ้นเรือนมา คำฝายตกใจ
“คำฝาย เนื้อนาง มาที่นี่ทำไม รู้หรือยังเค้าเจอศพแขไขแล้ว”
“ก็เพราะอย่างนี้แหละถึงต้องรีบมาเก็บของพ่อแม่แขไขจะเอาตำรวจมาจับเนื้อนาง เค้าคิดว่าเนื้อนางหลอกแขไขมาฆ่า”
ประกายตกใจ “ตายๆๆๆ ฆ่าคนตายนี่ติดคุกหัวโตแน่ๆ แต่เนื้อนางไม่ได้ฆ่าแขไขนี่”
“ไม่ได้ฆ่าแต่แม่แขไขเกลียดเนื้อนางเข้าไส้ มีหวังพวกมันแกล้งให้เนื้อนางติดคุกจนตาย” คำฝายโมโห
เนื้อนางห่วงคุณหนูขึ้นมาอีก “คุณหนูล่ะ พี่คำฝาย ถ้าเนื้อนางไป คุณหนูจะกินนมที่ไหน”
ประกายบอก “ช่างมันเหอะ คนรวยๆ เดี๋ยวเค้าก็หาแม่นมได้ ห่วงตัวเองก่อนเถอะ เนื้อนาง”
“แกจะไปกับข้าด้วยหรือเปล่า ประกาย” คำฝายถาม
“ไปไหนล่ะ”
“ไม่รู้โว้ย ยังคิดไม่ออก แต่ต้องไปเดี๋ยวนี้”
คำฝาย กับประกายมอง เห็นเนื้อนางสีหน้ากังวล ตัดสินใจอย่างหนัก

ณไตรยืนอยู่ตรงหน้าทุกคนที่จ้องมองมา มาลัยสั่งด้วยความโกรธ
“ไปจับมันมาให้ได้ มันจะหนีไปซุกหัวที่ไหนได้นอกจากที่ปาง”
“พวกคุณอยู่ที่นี่เถอะ ผมจะไปพาตัวเนื้อนางกลับมา” ณไตรว่า
“จับตัวไม่ใช่พาตัว” ศรีวัลลาสั่ง
ยศกรเอ่ยขึ้น “เราจะไปด้วย เนื้อนางไม่ต้องกลับมาที่นี่ เราจะพาเนื้อนางไปสถานีตำรวจเลย”
“ท่านนายพลครับ ผมรู้ว่าทุกคนกำลังเสียใจเรื่องแขไข แต่ขอผมสอบสวนเรื่องทั้งหมดก่อน” ณไตรย้ำ
มาลัยแว้ดใส่ “จะสอบสวนอะไรอีก ก็มีแต่เนื้อนางคนเดียวที่มันอยากจะฆ่าลูกแข”
“เนื้อนางยืนยันว่าไม่ได้ทำ แล้วมีเรื่องที่ธรรพ์ไปปางคืนนั้นด้วย ทุกคนเป็นผู้ต้องสงสัย มากเท่าๆกัน”
ธรรพ์นิ่วหน้าไม่สบายใจ วันดีกังวลวูบขึ้นมา แต่ก็ปรับให้ปกติได้โดยเร็ว ไม่ให้มีพิรุธ
“ถ้าหลักฐานทุกอย่างชี้ไปที่เนื้อนาง ผมก็ไม่มีวันช่วยเค้าจากข้อหาฆ่าคนตายได้ แต่ถ้าไม่ใช่ ชื่อเสียงของท่านนายพลกับคุณหญิง ก็จะถูกสังคมประณามว่ารังแกคนที่ต่ำต้อยกว่า”

ณไตรอธิบาย มองกลุ่มมาลัยด้วยสายตาขอร้อง

ค่ำนั้น ขณะที่เนื้อนาง คำฝาย ประกายพากันหิ้วของติดตัวมา ทั้งหมดเดินเร็วจะออกจากปาง จู่ๆ มีแสงไฟหน้ารถสาดมาจากไกลๆ เนื้อนางสังหรณ์ใจวาบ

“พ่อเลี้ยง”
คำฝายรีบดึงแขนเนื้อนางไปหลบในพุ่มไม้ทึบ ประกายวิ่งตามไปหลบด้วย สามคนซ่อนตัวเงียบในความมืด
ณไตรขับรถมาอย่างเร็ว เนื้อนางมองจ้องเห็นณไตรกำลังผ่านไป น้ำตาเอ่อเมื่อมองเห็นชายคนรักที่กำลังจะต้องจากกันอย่างไม่รู้ชะตากรรมข้างหน้า รถณไตรผ่านทะยานผ่านไปโดยเร็ว
คำฝายรอจนแสงไฟรถลับตา ก็ดึงเนื้อนางรีบวิ่งออกไป ประกายตามไปติดๆ เห็นร่างสามคนวิ่งหายลับไปในความมืด

แสงคำรีบลงมาจากเรือนเนื้อนาง ณไตร บุญลือยืนรออยู่ด้านล่าง
“รูปหมื่นหล้า เสื้อผ้าหายไปหมด”
“แสดงว่าเนื้อนางกลับมาที่นี่ ก่อนจะหนีไป”
ม่อนดอยวิ่งมาจากอีกทาง ร้องบอก
“ประกายก็หายไปด้วย”
ณไตรสีหน้ากังวล บุญลือรีบพูดขึ้น
“ต้องจับเนื้อนางให้ได้ เนื้อนางฆ่าคุณแขไข”
ณไตร แสงคำ ม่อนดอยหันขวับมองบุญลือ
“อย่าพูดหมาๆ เนื้อนางไม่มีทางฆ่าแขไข” แสงคำเสียงเข้ม
“แล้วศพคุณแขไขที่เจอล่ะ ไม่ใช่เนื้อนางทำ แล้วจะใคร” บุญลือไม่ลดละ
“ไม่มีหลักฐานก็อย่าปรักปรำกัน เรื่องคืนนั้น ไม่มีใครรู้จริงสักคน” ม่อนดอยว่า
“หยุดเถียงกันสักที ตอนนี้ต้องตามหาตัวเนื้อนาง คำฝาย ประกายให้เจอก่อน แล้วฉันจะสอบสวนทุกคนว่าคืนนั้น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ณไตรกวาดตามองม่อนดอย แสงคำ และบุญลือด้วยสายตาคมกริบ

รุ่งเช้า เนื้อนาง คำฝาย ประกายอยู่ในเสื้อผ้าชุดเก่า หน้าตาเหนื่อยอ่อนล้าไม่ได้นอนมาทั้งคืน สามสาวนั่งกันอยู่ในร้านอาหารข้างทาง คำฝายระแวงมองไปรอบๆ เนื้อนางเอ่ยถามขึ้น
“ถ้าเนื้อนางเล่าเรื่องทั้งหมดกับตำรวจล่ะ พี่คำฝาย”
“ตั๋วจะเป็นคนดี คนซื่อ ไปถึงไหนเนื้อนาง ลูกสาวนายพลตายทั้งคน พ่อแม่คุณแขไขเค้าก็เกลียดตั๋วอยู่แล้ว ทีนี้ล่ะเค้าจะเอาเรื่องไม่ให้ตั๋วได้ผุดได้เกิดอีกเลย”
คำฝายหงุดหงิด เนื้อนางสีหน้ากังวล ประกายมองเห็นใจ
“เนื้อนางเป็นคนดี คนซื่อมันไม่ผิดหรอก จะผิดก็ตรงที่ทุกวันนี้คนเลวมันมีโอกาสมากกว่าคนดี”
คำฝายหมั่นไส้ “บ่นมากนัก ฉลาดมากนัก แกไม่ต้องไปกับพวกฉันก็ได้นะ นังประกาย”
“ฉันไม่ได้อยากมาตกระกำลำบากกับแกสักหน่อย ที่ออกมาด้วยเพราะว่าฉันเบื่อปางไม้แล้วไม่มีแสงสี วันๆเห็นแต่ขี้ช้าง ฉันเหม็น ฉันเบื่อ”
คำฝายค้อนตาคว่ำ “เอ็งนี่ กะล่อน เอาตัวรอดได้ทุกเรื่อง”
“ใช่ซี้ คนฉลาดอย่างฉัน โอกาสลอยมาตรงหน้า ก็ต้องคว้าไว้”
“แล้วไหน แกมีที่ให้ฉันสองคนไปหลบมั้ย”
“ตอนนี้...ยังไม่มี”
“ปัดโถ่ นึกว่าพามาด้วยแล้วจะได้เรื่อง”
คำฝาย กับประกายค่อนขอดกันไปมา เนื้อนางมองด้วยสีหน้ากังวล ว่าจะหนีไปไหน
ระหว่างนี้ที่ถนนหน้าร้าน เห็นรถของณไตรขับมา โดยมีม่อนดอยคอยช่วยมองไปรอบๆ รถณไตรกำลังจะแล่นผ่านหน้าร้านไป เนื้อนางขยับตัว หันไปทางหน้าร้าน รถณไตรแล่นผ่านไปพอดี ในจังหวะเดียวกับเนื้อนางมองออกไปด้านนอก คิดหาทางหนี

ณไตรขับรถวนไปดูอีกหลายแห่ง ม่อนดอยคอยช่วยมองหา สองคนเดินตามเข้าออกหลายซอย สุดท้ายณไตรจอดรถตรงริมถนนมองไปรอบๆ สายตามีแต่ความกังวลใจ

เนื้อนางกำลังนั่งคิด เจ้าของร้านคอยมองมา คำฝายดูดโอเลี้ยง สะกิดเนื้อนาง
“ไปกันเถอะ อย่าอยู่ที่นี่นานๆเลย เดี๋ยวมีคนเห็นแล้วเอาไปบอกพ่อเลี้ยง”
“ไปไหนกันดีล่ะ พี่คำฝาย เนื้อนางยังนึกไม่ออกเลยว่าจะมีใครที่เราจะไปขอพึ่งได้”
ประกายเอ่ยขึ้น “หรือจะไปกราบกรานพึ่งบารมีผัวเก่าข้าเจ้าแสนพรหม”
คำฝายด่า “เอ็งอยากไปตกนรกรอบที่สอง สาม สี่ ห้า ก็เชิญเลย ข้ากับเนื้อนางไม่ไป”
ประกายค้อนคำฝาย เนื้อนางตัดสินใจลุกขึ้น
“งั้นก็ไปตายเอาดาบหน้า ถ้ายังพอมีโชคมีวาสนา เราก็คงได้เจอคนดีๆ บ้าง”
เนื้อนางลุกหันหลังไป แล้วชะงัก มองตกใจ เห็นบุญน่าน กับบัวตองเข้าร้านมา
เนื้อนาง คำฝาย และประกาย มองผัวเมียวงสะล้อเหมือนฟ้าส่งมาโปรด

สามสาวปักหลักอยู่ในร้านอาหารที่เดิม บุญน่าน บัวตองนั่งกินข้าว เนื้อนาง คำฝาย ประกาย นั่งล้อมสองสามีภรรยา
“ฟ้าช่างเมตตาพวกเราให้ได้เจอน้าบุญน่าน กับ น้าบัวตองคนงาม” คำฝายประกบ
บัวตองค้อน “ทีงี้ล่ะ ลิ้นเคลือบน้ำตาลเชียว”
“คือพวกฉันอยากของานทำ” คำฝายบอก
บุญน่าน กะบัวตอง หยุดมองสามคนที่กอดห่อผ้า พร้อมรอยยิ้มหวานออดอ้อน
“ขอทำงานอะไรก็ได้จ้ะน้า ให้พอมีข้าวกิน มีที่นอน” เนื้อนางว่า
“เดี๋ยวๆ เนื้อนาง ไหนเค้าว่า เอ็งเป็นเมียพ่อเลี้ยงเจ้าของปาง ไอ้หนานไตรคนนั้น” บัวตองทัก
“นั่นน่ะสิ เค้าว่ามีลูกมีเต้ากันด้วย” บุญน่านว่า
“เนื้อนางเลิกกับพ่อเลี้ยงแล้วจ้ะ”
บัวตองตกใจ “เนื้อนาง แกจะบ้าหรือเปล่า ผัวทั้งหล่อ ทั้งรวย ไม่เหมือนไอ้เฒ่าบุญน่าน แกจะเลิกทำไม มีผัวดี สบายไปทั้งชาติ”
“พ่อเลี้ยงมันได้เมียใหม่ เนื้อนางก็เลยตกอับ ถึงต้องพึ่งน้าสองคน”
คำฝายค้อนประกายที่พูดตรง แล้วหันมาฉอเลาะบุญน่าน บัวตอง
“นะจ๊ะ น้าบุญน่าน น้าบัวตอง ผู้มีใจเมตตากรุณา กว้างใหญ่ไพศาลดุจแม่น้ำปิง วัง ยม น่าน มารวมกัน”
“ข้าไม่รู้จะให้ทำอะไรหรอกนะ แถมมากันตั้งสาม”
เนื้อนาง คำฝาย ประกายฟังคำตอบบัวตองแล้วสีหน้าไม่ดี

บุญน่าน บัวตองเดินนำ มีเนื้อนาง คำฝาย ประกายที่เดินตามตื๊อมาถึงหน้ารั้วบ้านคณะบุญน่าน
“เนื้อนางฟ้อนได้นะจ๊ะ ให้เนื้อนางฟ้อนเถอะนะน้า”
“โอ๊ย พวกข้าเลิกวงสะล้อไปนานแล้ว จะรับนางฟ้าอย่างเอ็งมาทำไม” บัวตองบอก
ประกายอ้อน “รับเถอะจ้ะ รับไปทำกับข้าว กวาดบ้าน ถูบ้าน ขัดส้วม ขัดหม้อขัดไห ขัดขี้ไคลก็ได้”
“ข้าก็อยากจะช่วยพวกเอ็ง โดยเฉพาะเนื้อนาง แต่ว่า...” บัวตองดูจะหนักใจมาก
บัวตอง กะบุญน่านหันมองหน้ากัน เนื้อนางจับสังเกตแล้วถามขึ้น
“มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ น้าบุญน่าน น้าบัวตอง”
บุญน่านบอก “มีแน่ แล้วพวกเอ็งก็คิดไม่ถึงด้วย”

เนื้อนาง คำฝาย และประกายมองหน้ากันด้วยความสงสัย

อ่านต่อหน้า 4

เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 11 (ต่อ)

แลเห็นสามสาวคู่ปรับเจ้าเก่าของเนื้อนาง รัญจวน กำปุ้ง สร้อยฟ้า แต่งตัวสวยก้าวออกมากลางลานบ้านบุญน่าน และยืนเชิดอยู่ตรงหน้า เนื้อนาง คำฝาย ประกาย สามดาวยั่วยืดอกมองเนื้อนางกับพวกด้วยสายตาเวทนา

“เป็นยังไง เมียพ่อเลี้ยง ดูสภาพนี่ก็คง...ตกอับ ตกกระป๋อง” รัญจวนเปิดปากเสียดสี
กำปุ้งด่าแดกดัน “ตกสวรรค์ดังโครม”
สามคนหัวเราะสะใจ คำฝายเดือดปุดๆ บุญน่าน บัวตองมองคู่ปรับสองฝ่ายแล้วพูดขึ้น
“นี่ล่ะที่ข้าจะบอกเอ็ง ข้ารับนางสามคนนี้มาอยู่ในคณะข้าแล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอก น้าบุญน่าน ขึ้นชื่อว่าพวกผีสามป่าช้า อยู่ที่ไหน พวกมันก็ต้องตามมาหลอกมาหลอน”
รัญจวนฉุน “ตกอับแล้วยังปากดี ที่นี่ไม่ต้อนรับพวกแก”
บัวตองไม่พอใจเสียงดังขึ้น “เดี๋ยว นังรัญจวน ตกลงใครเป็นหัวหน้าคณะ”
“ก้อต้องคุณพ่อบุญน่าน คุณแม่บัวตองสิจ๊ะ แต่คุณพ่อคุณแม่น่ะเป็นคนดี ไม่กล้าไล่พวกมัน”
“ให้พวกเราไล่มันเองจ้ะไป ไป ไปซะ” สร้อยฟ้าไล่ทันที
กำปุ้งโถมตัวผลักคำฝาย เนื้อนาง ประกายไม่ยอม ดันกำปุ้งออก
“อ้าว เฮ้ย หมาหมู่หยั่งงี้ ก็สวยซี้”
บุญน่าน กะบัวตองร้องเสียงหลง “เฮ้ย หยุด ข้าบอกให้หยุด”
สองฝ่ายถอยมาตั้งหลัก แต่ยังจ้องกัน
“เจอหน้าทีไร กัดกันไม่มีเว้น เดี๋ยวข้าก็ไล่ส่งมันทั้งสองพวกเลยนี่ขนาดเพิ่งเจอหน้ากัน หูข้าจะแตกแล้ว”
บัวตองหันมาทางผัว “รับเนื้อนางไว้เถอะ”
“คุณแม่บัวตองขา พวกมันทำงานเก่งไม่ได้ครึ่งกำปุ้งเลยสักคน”
“พวกเนื้อนางอาจจะยังไม่เก่ง แต่ที่แน่ๆ เค้าสวยกว่าพวกเอ็งสามคนรวมกัน”
บัวตองหันไปมองบุญน่านอย่างรู้กัน บุญน่านพยักหน้าตกลงใจ
“เอ้า ก็ได้ๆ ข้าจะรับพวกเนื้อนางมาทำงานด้วย แต่บอกก่อนนะ ใครหาเรื่อง รำคาญหู คอยแต่จะแง่งๆ แยกเขี้ยวกัดกัน ข้าไล่ออกทันที”
บุญน่านสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด สองฝ่ายพากันสงบนิ่ง มีแต่สายตาที่จ้องกันกรุ่นๆ

บุญน่าน กับบัวตองเดินพาเนื้อนาง คำฝาย ประกายเข้ามาในบ้าน
“อยู่ที่นี่ ต้องช่วยกันทำงาน เอ็งสามคนต้องรำต้องเต้นให้ได้อย่างที่คนอื่นเค้าทำ” บัวตองบอก
คำฝายตาเหลือก “เต้นด้วยเหรอน้า เต้นอะไร”
“ไม่ต้องกลัว ข้ามีครูคอยสอนให้ เอ้า!! นังแมงมัน”
“ขา....คุณพ่อบุญน่าน”
กลุ่มเนื้อนางมองไป เห็นแมงมันครูสอนเต้นสอนรำก้าวขาออกมายืนโพสในเสื้อผ้าสีสันบาดตา แต่งหน้าจัด
“สอนพวกเนื้อนางด้วยว่าคณะเราต้องเต้นต้องรำยังไง”
บุญน่าน บัวตองสั่งแมงมัน แล้วเดินขึ้นบันไดเรือนไป
พวกเนื้อนางมองแมงมันแล้วส่งยิ้มไปให้ก่อน แมงมันมองเชิดๆ ตามนิสัยขี้หมั่นไส้คนที่สวยกว่า
“หน้าตาขี้เหร่แบบนี้ ท่าทางจะหัวทึบ สอนยากสอนเย็น”
คำฝายปากไวประชดกลับ “คงต้องสวยแบบพี่แมงล่ะสินะ ถึงจะมัน”
“แน่นอน! ชั้นแมงมัน สวย ดี ลีลาชนะเลิศ”
แมงมันไม่พูดเปล่า หมุนตัว โชว์สเต็ปท่ายาก จบลงที่ท่าฉีกขา
คำฝาย ประกาย เนื้อนางมองตะลึงอึ้งไปทั้งแถบ
“ตะ...ต้องเต้นท่าแหกแข้งแหกขานี่จริงๆ เหรอ” ประกายตกใจ
แมงมันบอกหน้าตาย “เปล่า อันนี้ฉันอยากอวด”
เนื้อนางยิ้มแย้ม “พี่แมงมันช่วยสอนพวกเราด้วยนะจ๊ะ”
แมงมันเชิด “ย่ะ ใครจะขึ้นเวทีได้ ก็ต้องผ่านมือฉันปลุกปั้นทั้งนั้นแหละ”
“นี่ถ้าเป็นผู้ชายก็คงปลุกปล้ำ กินหัวกินหางกินกลางตลอดตัว” คำฝายประชดอีก
“ย่ะ แถมก้างก็ไม่เหลือให้แมวเลีย อย่านึกว่าชั้นไม่ได้ยินนะ ปากหมา ตาผี จมูกมด หูค้างคาวเยี่ยงชั้น หล่อนพึงระวัง”
“จ้า...จ้า จะระวังทุกฝีก้าวเลยจ้ะ เจ้แมงมัน”
คำฝายแอบค่อนขอด แมงมันมองหมั่นไส้ เนื้อนางส่งยิ้มให้อย่างผูกมิตรเต็มที่

ณไตรเพิ่งกลับเข้ามาในบ้านหิมวัต มองมาลัยที่ตอนนี้มีแต่ความโกรธ โมโห โวยขึ้นท่ามกลางทุกคน
“จับตัวมันมาไม่ได้ แล้วเธอจะกลับมาทำไม ณไตร ฉันบอกแล้วว่าเรื่องนี้ต้องให้ตำรวจจัดการ หายหัวไปทั้งวันทั้งคืน ยังไม่ได้เรื่อง”
ณไตรพยายามข่มอารมณ์ไม่โต้กลับมาลัยที่เอาแต่โมโห
“ผมอยากให้เราฟังจากปากเนื้อนางก่อน ว่าทำเรื่องทั้งหมดลงไปเพราะอะไร”
“เธอจะให้ฉันฟังคำสารภาพของฆาตกรอีกทำไม ผู้หญิงต่ำทรามอย่างนี้ ฉันไม่ขอฟังคำแก้ตัวของมัน” ยศกรบอก
ณไตรโต้ “เนื้อนางกับแขไขมีปัญหากันมาตั้งแต่แรก แล้วทำไมเนื้อนางอยู่ๆ ถึงต้องมาฆ่าแขไขตอนนี้ด้วยล่ะครับ”
“พอแล้ว ณไตร แค่นี้หิมวัตก็แทบจะหมดศักดิ์ศรีที่ต้องรับหญิงชั่วอย่างเนื้อนางเข้ามาในบ้าน”
ศรีวัลลาตวาด มาลัยกับยศกรลุกขึ้น
“ฉันไม่รออีกแล้ว ถ้าคนที่นี่ไม่มีปัญญา ฉันจะให้คนของฉันที่พระนครมาตามล่าตัวฆาตกรเอง”
มาลัยประกาศกร้าว “ฉันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ฉันจะทำลายชื่อเสียงหิมวัตให้พังพินาศ”
จากนั้นมาลัยกับยศกรเดินออกไปทันที ดาวเด่นมองจ้องไปที่ณไตร
“แต่ละวัน แต่ละนาที ฉันจะรอให้เนื้อนางถูกจับตัวได้ ไม่ว่าจะหนีไปไกลแค่ไหน บาปกรรมที่เค้าทำกับพี่แข จะลงโทษให้เนื้อนางมีแต่ความทุกข์ ความทรมาน”
ดาวเด่นเดินตามมาลัยกับยศกรออกไป แม่นายศรีวัลลาเครียดหนัก

ณไตรมองตามดาวเด่นที่มีแต่ความผิดหวัง และโกรธแค้น

ด้านเนื้อนาง คำฝาย ประกายอยู่ในห้องพัก ประกายกับคำฝายช่วยกันปัดหมอนปูที่นอน กางมุ้ง

เนื้อนางกำลังรื้อห่อผ้า หยิบรูปถ่ายคู่กับณไตรวันแต่งงาน เป็นภาพกอดกันอย่างหวานชื่นออกมามอง ด้วยสายตาเศร้า ก่อนจะรีบเก็บรูปซ่อนไว้ในห่อผ้าตามเดิม ไม่ยอมให้คำฝายกับประกายรู้ว่ากำลังเสียใจมากเพียงใด

อีกฟากศรีวัลลามองเข่นเขี้ยว ณไตรกับธรรพ์ที่ยืนตรงหน้า
“พัง ชื่อเสียงตระกูลที่ฉันรักษามา ต้องพังลงเพราะนังเนื้อนาง”
ณไตร กับ ธรรพ์มองแม่นายที่กำลังโมโหมาก
“อย่าเอาแต่ด่าเนื้อนางสิครับแม่นาย ผมจะต้องสืบหาความจริงให้ได้”
“นังเนื้อนางมันมีอะไรดี พวกแกสองคนถึงต้องไปยุ่งเกี่ยวกับมัน” ศรีวัลลามองณไตร “คนพี่ก็รักแทบจะตายแทน” แล้วมองมาที่ธรรพ์ “คนน้องรู้ว่าต่ำ ก็ยังเกลือกกลั้วกับมัน”
ธรรพ์ก้มหน้าหลบตาด้วยความละอาย
“ทำแต่เรื่องบัดสีกันทั้งนั้น รู้มั้ยว่าฉันผิดหวังแกสองคนมากแค่ไหน แล้วต่อไปนี้ฉันจะไม่ดูดำดูดีพวกแกอีก”
ธรรพ์สีหน้าสลด แต่ณไตรยังยืนเฉย เชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป
“ความหวังเดียวของฉันคือตาหนู หลานฉันจะต้องโตมาดีกว่าแกสองคน”
ศรีวัลลาหันหลังเดินออกไป จันตารีบเดินตาม
ณไตรมองเห็นธรรพ์หน้าเจื่อน ก็ยิ่งหงุดหงิด หันไปทางวันดี
“ป้าวันดี ตามผมไปที่ปาง ผมต้องรู้ความจริงคืนนั้นทั้งหมด”
วันดีมองณไตรเห็นสายตาดุดันเฉียบขาด

บนเรือนพักณไตรที่ปางหิมวัตตอนนี้ แสงคำ ม่อนดอย บุญลือ วันดี ยืนอยู่ตรงหน้าณไตร
ณไตรมองจ้องวันดี “เนื้อนางกับคำฝายบอกว่าถูกป้าหลอก”
“บ่จริงเลยเจ้า ป้าบ่ได้หลอกอะไรใคร คำฝายมันขอลงไปซื้อของในเมืองเองป้าก็อยู่ดูแลบ้าน จะมีก็แต่เนื้อนาง...”
“เนื้อนางทำไม”
“ตอนลงไปเก็บผ้าอ้อมคุณหนู ป้าเห็นเนื้อนางทะเลาะกับคุณแขไข คุณแขไข เธอว่าเนื้อนางแย่งทุกอย่างไปจากเธอ เนื้อนางก็เลยตอบว่า...”
ณไตรคาดคั้น “พูดมาสิ ป้าวันดี อย่ามัวอ้ำอึ้ง”
“เนื้อนางบอกว่า เธอจะแก้แค้นคุณแขไข เธอจะเอาทุกอย่างของคุณแขไข มาเป็นของเธอให้หมด”
แสงคำทนฟังไม่ไหว “โกหก โตมาด้วยกันมาทั้งชีวิต ยังไม่เคยเห็นเนื้อนางแค้นใคร”
“ป้าจะโกหกทำไมละ”
ณไตรมีสีหน้าเครียด ใช้ความคิดอย่างหนัก
“เรื่องธรรพ์กินชาแล้วหลับไปล่ะ”
“ป้าไม่รู้จริงๆเจ้า ป้าทำงานบ้าน แล้วก็ดูคุณหนูอยู่”
ณไตรหันไปทางบุญลือ “วันนั้น นายใช้ม่อนดอย แสงคำลงไปส่งของในเมืองทำไม”
“ผมไม่ได้ใช้สองคนนี้ไปไหน”
แสงคำ กับม่อนดอยหันขวับมามองบุญลือที่พลิกลิ้น ม่อนดอยยัวะมาก
“อ้าว ไอ้หน้าตัวเมีย โกหกหน้าด้านๆ แกใช้ฉันกับแสงคำลงไปในเมือง แกตั้งใจจะเปิดทางให้มีเรื่อง”
“อย่าปากพล่อยนะ ม่อนดอย ฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วย ฉันมีพยานเป็นคนงานทั้งปาง แล้วแกล่ะ มีกันอยู่แค่สองคน จะอ้างยังไงก็ได้”
บุญลือรีบหันไปทางณไตร
“ผมทำงานเสร็จ ก็เข้าไปทำบัญชีที่เรือนพัก สักพักก็หลับไป ยังสงสัยว่าทำไมคืนนั้นผมถึงหลับเป็นตาย เป็นไปได้หรือเปล่าครับว่า ผมโดนวางยาจากพวกเนื้อนาง”
แสงคำ กับม่อนดอยมีสีหน้าเจ็บใจ ณไตรมองบุญลือด้วยแววตาสงสัย

ส่วนในบ้านวงสะล้อคณะบุญน่าน เนื้อนาง ประกาย คำฝาย กำลังหัดรำตามที่แมงมันสอน แมงมันหันมา คำฝายกระโดกกระเดก แมงมันคว้าพัดฟาดลงบนมือ
“โอ๊ย จะฆ่ากันหรือไง อิแมงกระแท้” คำฝายโวย
แมงมันเอาพัดตบผัวะลงกับปากคำฝาย คำฝายถึงกับกุมปาก
“ชั้นชื่อแมงมัน ทั้งสวยทั้งมันเขย่าหัวใจ นี่นังคำฝาย รำนะยะไม่ใช่ตำน้ำพริกมือไม้ให้มันอ่อนช้อย ไม่ใช่ยกขึ้นทิ่มหน้าพรวดๆ”
คำฝายเจ็บปาก จนเถียงไม่ออก เนื้อนางรีบหันไปขอกับแมงมัน
“พี่แมงมันจ๋า พี่คำฝายไม่เคยหัดรำ มือไม้ยังแข็ง เดี๋ยวเนื้อนางกับประกายจะช่วยซ้อมให้ รับรองจ้ะว่าต้องรำสวยแน่ๆ”
แมงมันมองค้อนตาขวาง “นึกว่าปากหวาน แล้วฉันจะใจอ่อนล่ะสิ เกลียดนัก พวกออกรับแทน”
ประกายรีบเข้ามาประจบต่อแทนเนื้อนาง
“อู๊ย นังคำฝายมันแข็งทื่อเป็นสากกะเบืออย่างนั้น จะไปออกรับแทนมันทำไม ฉันเกรงใจ๊ เกรงใจว่าพี่แมงมันจะเสียเวลา จะเหนื่อยด้วย ต่อท่าอื่นกันเลยดีกว่าจ้ะ”
“ท่ามันยากนะ...ง่ายๆฉันทำไม่เป็น” แมงมันคุยเขื่อง
คำฝายยังไม่เลิกปากเสีย “แกล้งทำให้ยาก จะได้ดูเก่งล่ะสิ”
“เอ๊ะ อีนี่ ตบล้างน้ำสักทีดีมั้ย”
แมงมันเงื้อมือ เนื้อนางรีบบังคำฝายไว้
“ต่อท่าอื่นกันดีกว่าจ้ะ”
ประกายหยิกคำฝายไม่ให้พูด คำฝายอยากจะเถียงใจจะขาด เนื้อนางหันมาทำตาดุใส่ คำฝายเลยยอมหยุด
แมงมันต่อท่ารำ เนื้อนาง กับประกายรำกันสวย ส่วนคำฝายรำไปหน้างอไป

รัญจวน กำปุ้ง สร้อยฟ้าที่แอบดูอยู่ หัวเราะคิกคักสะใจ แต่ไม่กล้าออกเสียง

ฟากณไตรยังอยู่ที่เรือนพักในปาง มองจ้องบุญลือที่อยู่ตรงหน้า

“ทำไมพวกเนื้อนางต้องวางยานายด้วย บุญลือ”
“เพราะถ้ามีผม เนื้อนางกับพวกก็ทำร้ายคุณแขไขไม่ได้”
ม่อนดอยด่า “ไอ้บ้า ฉันจะจงเกลียดจงชังอะไรคุณแขไขนักหนาวะ”
ณไตรมองไปทางม่อนดอย บุญลือรีบย้ำ
“จริงๆ นะครับ ผมว่าคนที่น่าสงสัยเรื่องวางยาคุณธรรพ์ก็มีแต่เนื้อนางกับคำฝาย สองคนนั้นพาคุณธรรพ์มาที่นี่ จัดฉากใส่ร้ายคุณธรรพ์ แล้วก็ฆ่าคุณแขไข”
แสงคำโมโห “ถ้ารู้ทุกอย่างดีขนาดนี้ แสดงว่ามึงนั่นแหละที่เป็นคนวางแผน จะด้วยเหตุผลอะไร กูไม่รู้ รู้อย่างเดียว มึงเลว มึงใส่ร้ายเนื้อนาง”
แสงคำพุ่งเข้าไปชกบุญลือ วันดีตกใจร้อง “ว้าย”
“หยุดก่อน แสงคำ”
แสงคำชกบุญลือไปอีกหมัด แล้วถอยออกมา ม่อนดอยดึงแสงคำไว้แล้วหันไปทางณไตร
“มันน่าสงสัยหรือเปล่า ทำไมเนื้อนางต้องนอนกับคุณธรรพ์ ในเมื่อเนื้อนางรักพ่อเลี้ยง อยู่กับพ่อเลี้ยง เนื้อนางก็มีความสุขดีอยู่แล้ว”
“ผู้หญิงเลี้ยงไม่เชื่องอย่างเนื้อนาง ก็เคยทิ้งพ่อเลี้ยงไปอยู่กับเจ้าแสนพรหม ใครๆก็รู้”
แสงคำฉุนขาด ยกเท้าถีบเข้ากลางอก บุญลือก้นจ้ำเบ้าไปกับพื้นอีกที
ม่อนดอยรีบยึดแสงคำไว้ให้ห่างบุญลือ ณไตรหันไปมองบุญลือด้วยความโกรธ
“แกไม่ต้องออกความเห็นเรื่องเนื้อนาง ฉันถามแค่ไหน ตอบแค่นั้น”
วันดีเลียบเคียง “พ่อเลี้ยงจะเชื่อใครหรือเจ้า ถ้าเนื้อนางไม่ผิด ไม่ได้ร่วมมือกับคำฝายทำร้ายคุณแขไข แล้วจะหนีกันไปทำไม”
“เนื้อนางต้องหนี เพราะมันมีพวกจ้องจะโยนความผิดให้” แสงคำบอก
วันดีบีบน้ำตาทันที “ป้าจะโยนความผิดให้เนื้อนางทำไม ตอนท้องป้าก็ดูแลเธออย่างดี รักเธอ สงสารเธอ ไม่นึกเลย เธอจะตอบแทนด้วยการทำลายชื่อเสียง เอาเรื่องเสื่อมเสียมาให้ตระกูลหิมวัต”
วันดีสะอื้นหนัก ณไตรยิ่งอึดอัด ลำบากใจ

ขณะที่เนื้อนาง คำฝาย ประกาย กำลังรำตามที่แมงมันสอน สร้อยฟ้า กำปุ้ง รัญจวนยังยืนแอบมองอยู่
“จัดการมันก่อนเลยมั้ยคะ คุณพี่ ตัดไฟซะตั้งแต่ต้นลม อย่าให้มันตีเสมอมาแข่งกับพวกเรา” กำปุ้งว่า
“นี่แกดูถูกตัวเองมากเลยนะ นังกำปุ้ง สวยๆ อย่างเรา ยืนเฉยๆ ยังชนะพวกมันเลย” รัญจวนคุยโต
“ก็มีแต่อีกำปุ้งนั่นแหละที่จะแพ้มัน เนื้อนางน่ะมันสวย ดูสิ...ยิ่งมีผัวยิ่งสวย
“ข้ามั่นใจความสวยของข้ามากกว่า”
รัญจวน สร้อยฟ้าเบะปาก
“นังโง่ โง่ โง่สองคน ขืนไปหาเรื่องเนื้อนางตอนนี้ มันก็ได้คะแนนสงสารไปหมดน่ะสิ”
รัญจวนเดินเชิดสะบัดไปก่อน กำปุ้ง สร้อยฟ้าจำใจต้องเดินตาม

แมงมันสอนคำฝายรำ คำฝายรำตัวแข็ง แมงมันเอาพัดฟาดผัวะลงที่เอว
“ให้มันอ่อนช้อย อ่อนหวานน่ะทำได้มั้ย เอวนะยะ ไม่ใช่เสาเรือน ถึงจะโค้งไม่ได้”
คำฝายหันมาทางเนื้อนางกับประกาย บ่นบ้าเบาๆ
“ตีจนหลังจะหักแบบนี้ ใครจะรำได้”
“อดทนหน่อยน่ะพี่คำฝาย”
“อย่าบ่น ไม่มีที่ไปแล้ว”
ประกายดุ คำฝายมุบมิบ แมงมันมอง คำฝายรีบหันมาฉีกยิ้ม รำตัวอ่อน
“งามก่อเจ้า เอวอ่อน มืออ่อนหรือยังเจ้า”
แมงมันฟาดผัวะลงที่เอวคำฝายอีกที คำฝายสะดุ้ง
“อันนี้ตีเพราะหมั่นไส้ ไม่เกี่ยวกับรำ”
คำฝายกัดฟันทน มองเนื้อนาง และประกายที่ส่งสายตาเอาใจช่วยเต็มที่

ณไตรกลับบ้านมา กำลังยืนอยู่ตรงระเบียง ใช้ความคิดเรื่องที่ได้ฟังมาทั้งหมด ธรรพ์เดินมามองพี่ชาย
“ให้ผมช่วยอะไรบ้างมั้ยครับ พี่ เรื่องตามหาเนื้อนาง”
“ไม่ต้อง”
ณไตรสวนทันที แล้วหันมองจ้องน้องชาย แววตายังกรุ่นเรื่องที่เห็นเนื้อนางกอดกับธรรพ์
“เนื้อนางเป็นเมียฉัน แล้วถ้าเนื้อนางกลับมาเมื่อไหร่ อย่าให้ฉันเห็นแกเข้าใกล้ผู้หญิงของฉันอีก”
ธรรพ์เห็นแววตาพี่ชายก็รู้ว่ายังโกรธ จึงรีบถอยออกไป ณไตรมองไปไกล ทั้งกังวลทั้งคิดถึงเนื้อนาง

คืนนั้นเนื้อนางกับคำฝายกำลังกวาดลานบ้าน ประกายยกขยะจากในบ้านมาทิ้งริมรั้ว แล้วบ่นขึ้น
“นี่เราต้องทนทำงานหนักอย่างงี้ไปถึงเมื่อไหร่”
“เอาน่า เดี๋ยวมีงาน เอ็งก็ได้แต่งตัวสวยๆ”
“แล้วถ้าพ่อเลี้ยงมาเจอล่ะ ฉันจะติดคุกด้วยมั้ย”
“เบาๆ หน่อย ประกาย อย่าให้ใครรู้ว่าเราหนีมา”
เนื้อนางเตือน ประกายหน้าตาเบื่อ
“ถ้าเกิดเราไม่ได้ขึ้นเวทีล่ะ มาเจอพวกรัญจวนที่นี่ ฉันว่าลางไม่ดีแล้วล่ะ”
“ข้าไม่ยอมแพ้ นังป้ารัญจวนหรอก แรงมาก็แรงไป”
“ฉันขอนะ พี่คำฝาย อย่ามีเรื่องกันไปทุกที่ ถ้าเราอยู่คณะน้าบุญน่านได้เราจะมีที่อยู่ มีข้าวกิน มีงานทำไปอีกนาน”
“เออๆ ก็ได้ๆ ลองทำตัวเป็นจิ้งจกเปลี่ยนสีดูที คงไม่ตาย” ประกายว่า
เนื้อนางฟังแล้วเบาใจ เงยขึ้นมองดาวบนฟ้า
“ไม่ว่าชีวิตวันนี้มันจะมืดมิดแค่ไหน เราต้องอดทนทำดีต่อไป ความดีเท่านั้นที่จะเป็นแสงสว่าง คุ้มภัยให้ชีวิตเรา”

คำฝายกับประกายมอง เนื้อนางยิ้มอย่างมีกำลังใจให้ทุกคน

เช้าวันใหม่ ณไตรยืนตรงหน้า แสงคำ ม่อนดอย และบุญลือ สายตาณไตรมองจ้องที่บุญลือ

“ฉันให้เวลาแกถึงเย็นนี้ เก็บของ แล้วย้ายออกไปจากปาง”
“ผมไม่ได้ทำผิด ผมไม่ได้ฆ่าคุณแขไข ไล่ผมทำไม”
“แกผิดที่ปล่อยให้เกิดเรื่องในปาง ในฐานะผู้จัดการ แกไม่มีสิทธิ์แก้ตัวว่านอนหลับ ทุกอย่างในปางคือความรับผิดชอบของแก”
“งั้นก็ไล่มันสองคนด้วย”
“ฉันเชื่อว่าแสงคำ ม่อนดอยไม่รู้เรื่องที่แขไขตาย”
บุญลือแค้น “พ่อเลี้ยงเข้าข้างมัน”
“ใช่ ฉันเข้าข้างคนที่ฉันรู้จักนิสัยใจคอดี เพราะฉันเจอสองคนนี้หลังคืนที่เกิดเรื่อง เช้ามืดวันนั้นพวกเค้ากำลังกลับมาที่ปาง”
“พ่อเลี้ยงไม่ยุติธรรม พ่อเลี้ยงเห็นแก่เนื้อนาง พ่อเลี้ยงช่วยปกป้องฆาตกร”
แสงคำชี้หน้าบุญลือ “ถ้ามึงให้ร้ายเนื้อนางอีกคำเดียว มึงจะไม่ได้ออกจากปางนี้เลย ตายคาตีนกูอยู่ตรงนี้แหละ”
บุญลือเห็นแสงคำโกรธจัด ก็รีบวิ่งออกไป เห็นณไตรเป็นทุกข์หนัก ม่อนดอยมองด้วยความเข้าใจและเห็นใจ
“เราจะช่วยกันตามหาเนื้อนางนะ พ่อเลี้ยง”
“ตราบใดที่หนี เนื้อนางก็จะกลายเป็นคนผิด ถ้าเนื้อนางทำอย่างที่ทุกคนประณามจริงๆ ฉันก็ขอให้ได้ยินจากปากเนื้อนางเอง”
ใบหน้าณไตรเศร้า น้ำเสียงระทมขมขื่นเพราะรักมาก จึงทุกข์มากกว่าทุกคน

เนื้อนางกำลังนั่งซักชุดรำของวงอยู่หลังบ้าน บัวตองเดินมาใกล้เนื้อนาง
“เอ็งตัดใจจากพ่อเลี้ยงได้แน่เหรอ เนื้อนาง” เนื้อนางหยุดงานในมือ หันมามองบัวตอง
“ที่ถามไม่ใช่ว่าจะขับไสไล่ส่งหรอกนะ กลัวว่าพอทนลำบากไม่ได้ ก็จะหนีกลับไปเป็นเมียพ่อเลี้ยงอีก”
“เนื้อนางไม่ทิ้งที่นี่หรอกจ้ะ น้าบัวตอง เนื้อนางกลับไปไม่ได้แล้ว”
เนื้อนางเสียงเศร้าพูดขึ้น บัวตองมองด้วยความสงสาร
“เนื้อนางกับพ่อเลี้ยงณไตร เราไม่ควรรักกันตั้งแต่แรก”
“เฮ้อ...เศรษฐีกับผู้หญิงจนๆอย่างเรา...จะมีผู้ชายที่ไหนมารักจริง”
เนื้อนางฟังแล้วกลั้นน้ำตา บัวตองแตะไหล่อย่างเห็นใจ
“ไม่เป็นไรหรอก เนื้อนาง เอ็งยังสาว ยังสวย จะมีผู้ชายมาให้เลือกอีกเยอะ”
“เนื้อนางไม่อยากมีความรักแล้วจ้ะ ความรักไม่เคยให้อะไรเนื้อนางเลย นอกจาก...น้ำตา”
เนื้อนางเอ่ยคำแล้วน้ำตาหยดรินลงมาด้วยความเศร้า

เย็นนั้นณไตรยืนต่อหน้า แสงคำ ม่อนดอยและคนงาน ที่หน้าเรือนสำนักงานของปาง
“ต่อไปนี้ที่นี่จะมีผู้จัดการคนใหม่ ชื่อ แสงคำ”
ม่อนดอยกับคนงานเฮ แสงคำยิ้มให้กับทุกคน
“ขอให้ทุกคนทำงานร่วมมือร่วมใจกันเหมือนที่ผ่านมา อยู่กันอย่างพี่อย่างน้อง ซื่อสัตย์ จริงใจต่อกัน”
ณไตรกวาดตามองคนงานทุกคน
“แล้วก็อีกเรื่องสำคัญมาก ถ้าใครเจอเนื้อนาง คำฝายหรือ ประกาย ไม่ว่าใครคนใดคนหนึ่ง ขอให้รีบมาบอกฉัน ม่อนดอย หรือแสงคำ ฉันจะมีรางวัลให้”
ณไตรมองไปที่คนงาน ในใจหวังว่าจะทำให้เจอเนื้อนางได้เร็วขึ้น

สองพี่น้องนัดเจอกันที่ร้านอาหารในเวียงตอนกลางคืน
ตรงโต๊ะห่างจากสายตาคน บุญลือพูดขึ้นด้วยความเจ็บใจ วันดีมองอยู่ตรงข้าม
“นี่เหรอรางวัลที่ฉันควรจะได้ ไอ้พ่อเลี้ยงณไตรมันไล่ฉันออก”
“แต่ทุกอย่างสำเร็จตามแผนของเราแล้ว เนื้อนางกลายเป็นฆาตกรฆ่าแขไข ไม่กล้ากลับมาที่นี่อีก”
บุญลือมองพี่ วันดีเอ่ยปลอบ
“แกหลบไปสักพักก่อน บุญลือ หาที่อยู่ใหม่แล้วจดหมายมาบอก พี่จะส่งเงินไปให้แกใช้เอง”
“ฉันยังไม่ไปไหน จนกว่าจะได้เห็นปางหิมวัตมันวุ่นวาย”
“แกจะทำอะไร”
“ฉันอยากจะเอาคืนไอ้พ่อเลี้ยงณไตรมันบ้าง มันกับพวก ไอ้ม่อนดอย ไอ้แสงคำ รวมหัวกันไล่ฉันยังกับหมูกับหมา ถ้าฉันอยู่ไม่ได้ พวกมันก็อย่ามีความสุขกันเลย”
วันดีมองน้องชาย เห็นแววตาบุญลือเจ็บแค้นใจมาก

ขณะเดียวกัน ณไตรเดินมาหยุดหน้าเรือนเนื้อนาง แสงคำเดินตามมาด้านหลัง
“นายย้ายมาอยู่ที่นี่ซะ แสงคำ จนกว่าเราจะได้ตัวเนื้อนางกลับมา”
“ฉันจะดูแลทุกอย่างไว้รอเจ้าของเรือนตัวจริง” แสงคำว่า
“ฉันรู้ว่าเนื้อนางไม่ใช่คนเหี้ยมโหดขนาดฆ่าแขไขได้” ณไตรบอก
“แล้วเนื้อนางก็ไม่ใช่คนที่จะปล่อยตัว นอนกับคุณธรรพ์ด้วย”
ณไตรมองแสงคำที่แววตาเชื่อมั่นในตัวเนื้อนาง
“พ่อเลี้ยงต้องเชื่อใจเนื้อนาง ผู้หญิงคนเดียวที่รักพ่อเลี้ยงมากกว่าชีวิตตัวเองก็คือ เนื้อนาง”

แสงคำบอกแล้วเดินขึ้นเรือนไป ทิ้งให้ณไตรตกอยู่ในความทุกข์ความเศร้าที่ต้องพรากจากเนื้อนางอีกครั้ง

อ่านต่อตอนที่ 12
กำลังโหลดความคิดเห็น