เนตรนาคราช ตอนที่ 1
เมื่อ 500 ปีก่อน ชายคนหนึ่งถือคบไฟนำหน้าชายฉกรรจ์ท่าทางเข็มแข็งเป็นนักสู้ 2 คน พร้อมชายอีก 4 คนเข้ามาในถ้ำลึกลับแห่งหนึ่ง ชาย 4 คน จับคู่ ช่วยกันยกหีบสี่เหลี่ยมโบราณขนาดศอกครึ่งสูงหนึ่งศอกตามมา
ทั้งหมดเดินตามซอกหลืบถ้ำแคบๆ จนกระทั่งมาถึงที่โล่งกว้างแห่งหนึ่ง เพดานถ้ำสูง มีลำแสงส่องลงมายังพื้น ซึ่งมีแอ่งน้ำกว้างขนาด 15 ศอก โดยรอบ น้ำนิ่งสงบ คงเป็นเพราะฝนตกผ่านช่องเพดานถ้ำด้านบนมานานนับหลายร้อยปี เซาะจนเป็นแอ่งลึก
ชายถือคบกราดไฟสูงขึ้นให้เห็นทั่วบริเวณ แล้วส่งกระบอกทองเหลืองให้น้องชาย
“ข้าทำแผนที่ไว้เราจะได้กลับมาที่นี่เมื่อถึงเวลา เจ้าเก็บไว้ให้ดี”
น้องชายรับมาเก็บไว้ในย่ามของตน พี่ชายหย่อนหีบลงไปในแอ่งน้ำ ชายทั้งสี่ขยับตัว แต่แล้วทันใดนั้น ชายฉกรรจ์นับสิบคนพรวดเข้ามา พร้อมด้วยพวกถือคบไฟอีกหลายดวง ชายฉกรรจ์ดุดันเดินเข้ามา ชายพี่น้องต่างกระชากดาบออกมา น้องชายตวัดสายตาไปยังคนถือคบ
“ไอ้เลวชาติ ไอ้คนคด”ชายคนถือคบ รีบไปยืนกับฝ่ายที่เข้ามาใหม่ ชายหัวหน้าพูดขึ้น
“ส่งเนตรนาคราชมาให้พวกข้า”
“ข้ามีแต่ความตายให้พวกเจ้า”
พี่ชายสบัดมือ มีดสั้นพุ่งไปปักอกชายถือคบคนทรยศอย่างแม่นยำ จนตาเหลือกทรุดลง
“ฆ่ามัน”
หัวหน้าร้องตะโกน พวกชายฉกรรจ์บุกเข้าจู่โจมพี่น้องทั้งสอง สองฝ่าย ต่างต่อสู้กันอย่างดุเดือด ฝ่ายตรงข้ามล้มตายด้วยฝีมือของสองพี่น้อง แต่แล้ว หัวหน้าโบกมือ ให้พวกอีก 5 คน โผล่เข้ามาพร้อมด้วยธนู แล้วปล่อยลูกธนูออกไปราวกับห่าฝน ปักร่างของสองพี่น้องสองบาดเจ็บ แต่กระนั้น สองพี่น้องก็ยังบุกฆ่าพวกมันล้มตายไปอีกหลายศพ จนพวกมันบุกรุมล้อมเข้ามาจนมืดมิด
ร่างของชายสองพี่น้องนอนอยู่บนพื้น เท้าหลายคู่ก้าวเดินผ่านไปยังหีบที่พวกมันยกเข้ามาวางตรงหน้า
หัวหน้าร้องสั่ง
“เปิดหีบ ข้าอยากเห็นเนตรนาคราชมานานแล้ว”
ลูกน้องใช้ขวานจามตรงกุญแจหีบ จนกุญแจหลุดกระเด็น หีบเปิดออก มีผ้ายันต์สีแดงปิดอยู่ด้านบน พวกมันแกะออกเป็นเหมือนปากถุงผูกเชือกไว้
“อยู่ในถุงยันต์นาย”
“เปิดถุงยันต์ออก”
น้องชายพยายามเงยหน้าขึ้นมา ส่งเสียงแหบแห้ง
“อย่า”
แต่ช้าไปแล้ว ถุงถูกเปิดออก แสงจ้าสาดออกมา สำแสงพุ่งใส่เพดานถ้ำ จนเพดานถ้ำถล่มลงมา เกิดเป็นไฟลุกทั่วทั้งถ้ำ พวกมันส่งเสียงร้องกันโหยหวน ถูกไฟลุกท่วม ถ้ำถล่มทลายจนทุกอย่างมืดสนิท
ณ เวลาปัจจุบัน ในกรุงเทพฯ ดร.มานพ หมุนกระบอกทองเหลืองในมือไปมา ตรวจดู อย่างพิจารณาแล้วขยับไปเทียบกับหนังสือโบราณเล่มใหญ่ตรงหน้า ซึ่งมีรูปของกระบอกทองเหลืองวาดอยู่ มีตัวหนังสืออธิบายยุบยิบไปหมด ดร. มานพ เคร่งเครียด กระบอกทองเหลืองมีอักขระโบราณต่างๆ เหมือนเป็นคำปริศนา เขาหยิบหนังสือมาดูแล้วพลิกไปอีกหน้าหนึ่ง เป็นรูปขาวดำพญานาคกำลังโกรธอยู่เหนือน้ำ ดวงตาสาดแสงไปทั่ว ใต้รูปภาพมี ตัวหนังสือเขียนไว้เป็นภาษาไทยโบราณ เนตรนาคราช
รถหรูขับเข้ามาในโกดังสินค้า จอดลงตรงหน้าโกดัง อัศวินในชุดสูทของบอดี้การ์ด ลงมาจากรถ เปิดประตูหลังให้กาญจนาในชุดกางเกงสูท มาดนักธุรกิจสาว ในคราบของผู้ซื้อ ถือกระเป๋าเอกสารลงมาจากรถ มือปืนสองคนเดินเข้ามารับและโบกมือเชื้อเชิญให้ทั้งสองเข้าไปข้างใน
ทั้งหมดเดินเข้าไปด้านในโกดัง ชายนักธุรกิจคนหนึ่ง พร้อมลูกน้อง 10 คน ยืนอยู่หลังโต๊ะ บนโต๊ะมีกล่องยาวเหมือนกล่องใส่ดาบวางอยู่ ข้างๆ กล่อง มีแลบทอปคอมพิวเตอร์วางอยู่
“คุณเม่ยฟาง ยินดี”
กาญจนากับอัศวินกราดสายตามองพวกมันจำนวนมาก นักธุรกิจจึงพูดขึ้น
“ผมเป็นคนครอบครัวใหญ่ คนเยอะเป็นธรรมดา หวังว่าคุณเม่ยฟางคงไม่ถือสา”
กาญจนาพยักหน้าให้ แล้วเดินไปที่กล่องยาวที่วางอยู่ตรงโต๊ะ อัศวินเดินตามไปยืนใกล้ๆ
“จัดโต๊ะได้สวยดี”
“ของแพงมันก็ต้องมีไสตล์หน่อย”
กาญจนาชี้มือไปที่กล่องเป็นเชิงขอดู นักธุรกิจชายแบมือออกมา กาญจนาส่งกระเป๋าเอกสารมาตรงหน้า สมุนออกมารับแล้วเปิดออก
ข้างในเต็มไปด้วยธนบัตรดอลล่าร์ที่จัดเป็นปึกๆ เรียงไว้ นักธุรกิจยิ้มพอใจ
“เชิญครับ”
กาญจนาเปิดฝากล่องออก ด้านในมีดาบญี่ปุ่นอยู่ในฝักทองคำประดับเพชร เธอค่อยๆ ยกขึ้นมาพิจารณา “พระแสงดาบญี่ปุ่นฝักทองคำลงยาประดับเพชร ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้า
อยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแด่สมเด็จเจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์ เป็นลักษณะดาบญี่ปุ่นฝักทองคำลงยาประดับเพชร”
“สายตาแหลมคม ทำธุรกิจกับคนฉลาดๆ ค่อยสบายใจหน่อย เบื่อพวกโง่ๆ ความรู้ น้อยๆ สมองน้อยเต็มที”
กาญจนาพยักหน้าอย่างพอใจ อัศวินกราดสายตามองพวกมันทุกคน กาญจนาวางดาบลงกลับในกล่อง
“แต่ยังไงก็ต้องขอแสกนตรวจดูก่อน เพื่อความมั่นใจ”
“เชิญ”
กาญจนาหันไปทางอัศวิน ขอเครื่องมือ อัศวินยกมือขึ้นสองข้าง
“ผมจะหยิบเครื่องแสกน”
นักธุรกิจยกมือส่งสัญญาณ พวกมันต่างยกปืนขึ้นมาจ่อที่อัศวิน นักธุรกิจยิ้มแล้วพยักหน้าให้ อัศวิน เอื้อมมือเข้าไปในอกเสื้อแล้วค่อยดึงเครื่องแสกนออกมา ลักษณะขนาดมือถือทั่วไป ยกให้พวกนั้นดู แล้วส่งให้กาญจนา กาญจนารับมา พวกนั้นค่อยๆ ขยับปืนลง อัศวินมองโดยรอบ จับตำแหน่งพวกนั้นทุกคน
กาญจนาเอาเครื่องแสกน แสกนที่ตัวดาบ ก่อนเงยหน้าขึ้นมองนักธุรกิจ
“สามนาที ทางโน้นจะส่งผลกลับมาว่าเป็นของจริงหรือของปลอม”
“อืม ทันสมัยดี ผมไม่ยักรู้ว่ามีเครื่องแบบนี้ด้วย”
“สมัยนี้คนโกงมันเยอะ ไว้ใจใครไม่ได้”
ชายนักธุรกิจพยักหน้า ไม่สนใจ ลอบกราดสายตามองพวกสมุน พวกนั้นต่างขยับปืนในมือ อัศวินมองอย่างระวัง เสียงเครื่องดัง กาญจนามองผลที่ส่งมา แล้วส่งเครื่องกลับให้อัศวิน อัศวินรับมาแล้วเก็บใส่กระเป๋าเสื้ออย่างเดิม นักธุรกิจจ้องกาญจนาเขม็ง ตั้งใจรอฟัง กาญจนาเครียด
“ของปลอม”
“คุณว่าปลอมก็ไม่ต้องเอาไป แต่ผมไม่คืนเงินให้คุณแน่ๆ”
สมุนยกปืนกราดไปที่อัศวินและกาญจนา กาญจนายิ้ม
“งั้นขอแสกนอีกรอบ ถ้าคุณไม่ว่า”
“ได้ อีกครั้งเดียว จบ”
กาญจนาพยักหน้า ยื่นมือไปทางอัศวิน อัศวินยกมือแล้วมองนักธุรกิจ นักธุรกิจพยักหน้าอนุญาต อัศวินสอดมือเข้าไปหยิบเครื่องแสกน แล้วดึงออกมา แต่กลับเป็นปืน ไม่ใช่เครื่องแสกน เขายิงปืนใส่พวกมันตามตำแหน่งที่หมายตาไว้แล้ว พวกมันล้มไป 2 คน อัศวินดีดตัวเข้าหานักธุรกิจ ล็อคคอเอาไว้ พวกมือปืนชะงัก ไม่กล้ายิง วินาทีนั้น อัศวินตวัดปืนยิงสมุนทรุดไปอีก 2 คน
“ทิ้งปืนลงให้หมด”
นักธุรกิจตะโกน
“ทิ้งปืนซิวะ”
ลูกน้องทิ้งปืน
“เตะทิ้งมาทางนี้”
อัศวินสั่ง พวกมันเตะปืนมาที่เท้าของอัศวินกับกาญจนา ทั้งสองเตะปืนของพวกมันกระจัดกระจายไป
“แกถูกจับในฐานะขโมยมรดกวัตถุของไทย”
“ของปลอมพี่ ของปลอม”
กาญจนายกกล่องดาบโอบไว้แล้วเดินเข้ามา ยิ้มให้พวกมัน
“ชิ้นนี้อาจจะปลอม แต่แกนั่นแหละตัวดี ที่ทำให้ชิ้นอื่นๆ ตกไปอยู่ในมือของคนต่างชาติ”
“ปล่อยผมเถอะครับ ผมมีรถหรูให้พี่ขับเล่น จะเอาอะไรบอก โรสรอยซ์ เบนซ์ เฟอ พอร์ช หรือ เงิน”
กาญจนาตบผัวะ นักธุรกิจหน้าหัน
“คนอย่างพวกแกต้องจับตอนให้หมด ไม่ให้มีลูกมีหลาน ฟังฉันให้ดี ฉันจะไม่หยุดที่แก ฉันจะตามเล่นงานลูกหลานของแก แม้แต่หางก็ไม่ให้กระดิก”
นักธุรกิจฮึดพรวดสะบัดถูกปืนของอัศวินกระเด็นไป แล้วพรวดไปหาลูกน้อง
“เฮ้ย จัดการ”
ลูกน้องเข้ามาหาอัศวิน อัศวินดีดตัวออกไปหาพวกมัน เริ่มต่อสู้กัน พวกมันคนหนึ่งเข้ามาหากาญจนา กาญจนาฟาดมันด้วยกล่องดาบจนฟุบไป กาญจนาถอยระวัง จ้องมองอัศวินต่อสู้กับพวกมันอย่างใจเย็น พลางกรอกเสียงไปที่วิทยุที่ซ่อนไว้
“กำลังเสริมเคลื่อนตัวได้”
เวลาผ่านไป อัศวินก็เล่นงานพวกมันจนหมอบทรุดไปหมด ทันใดนั้นกำลังตำรวจก็เข้ามา
“เอาตัวไป”
ตำรวจลากตัวพวกนั้นออกไป อัศวินหันมายิ้มให้กาญจนา
“เดี๋ยวนี้เก่งขึ้นมากนะ นิ่งสงบไม่เหมือนก่อน”
“กาญเชื่อฝีมือพี่ ยังไงก็ผ่าน”
ทั้งสองยิ้มให้กัน
อัศวินกับกาญนานำดาบมาให้ ดร. มานพ ตรวจดูอย่างละเอียด ดร.มานพยิ้มด้วยความทึ่ง
“พวกมันปลอมได้เหมือนจริงๆ ขอบใจมากนะอัศวินที่ขจัดไอ้พวกคนเลวพวกนี้”
“ด้วยความยินดีครับ ดีที่มี ดร. กาญจนา นักโบราณคดีผู้เชี่ยวชาญไปด้วย เรื่องก็เลยง่ายหน่อย”
“ไม่จริงหรอกค่ะ คุณพ่อยังดูเกือบไม่ออก ดีที่หนูมีเครื่องแสกนช่วยคอนเฟิร์มว่าปลอม”
ดร. มานพ วางดาบกลับลงไปในกล่อง
“อย่างน้อยก็เอามาเป็นของจำลอง ใช้แสดงในงานให้เด็กรุ่นหลังได้รู้จัก เก่งมากลูกกาญ”
“ลูกแค่ไปตรวจของ พี่อัศวินซิคะเก่งที่สุด”
“เอาล่ะถือว่าภารกิจของเราจบได้สวยงามอีกครั้งหนึ่ง”
ทั้งหมดต่างหัวเราะสนุกสนาน
ทั้งสามออกจากห้องทำงานดร.มานพ มานั่งที่ห้องรับแขก
“พูดถึงภารกิจ ได้ข่าวยายรัตน์บ้างมั้ย อัศวิน สามปีแล้วนะที่ยายรัตน์ไม่กลับบ้าน”
“รัตนากรอยู่หน่วยภารกิจลับสุดยอด ไม่มีใครทราบว่าใครอยู่ที่ไหน ผมไม่มีสิทธิ์ทราบได้
เลยครับ”
ดร.มานพ กังวล กาญจนาส่งยิ้มปลอบใจ
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะคุณพ่อ พี่สาวหนูเก่งที่สุด เก่งกว่าพี่อัศวินอีก”
“อ้าว ไหนว่าพี่เก่งที่สุดไง”
“เออน่า เก่งทั้งคู่ก็แล้วกัน”
ทั้งหมดต่างขำ
“ผมต้องขอตัวก่อนนะครับคุณอา”
“โอเค พรุ่งนี้เจอกัน กินข้าวฉลองกันหน่อย”
“คุณพ่อสั่งอาหารมาจากโรงแรมนะคะพี่อัศวิน”
“ถ้ายังงั้นผมไม่พลาดอยู่แล้ว”
ทั้งหมดต่างยิ้มให้กัน
ท้องฟ้ายามค่ำคืน รัตนากรยืนบังคับเครื่องร่อนผ่านไปบนยอดตึก มีไฟกลมสองดวงใหญ่ สาดเป็นลำไปมาบนท้องฟ้า พวกมือปืนยืนอยู่บนหลังคาตึก 2-3 คน พวกมันเงยขึ้นมาเห็นเครื่องร่อนตรงไฟพอดี คาดไม่ถึง รีบขยับปืน แสงไฟสาด รัตนากรชัก ปืนสั้นเก็บเสียงยิงออกไป พวกนั้นร่วงลงมาบนหลังคาตึก
บนหลังคาตึก เครื่องร่อนถูกขยับออกไป ของรัตนากรในชุดปฏิบัติการก้าวออกมาจากด้านหลัง ตรงหน้ามีเข็มขัดอุปกรณ์โรยตัว เธอปลดเป้เล็กๆ ออกจากหลังแล้ววางไว้ใกล้เครื่องร่อน เคลื่อนตัวมาที่ริมตึก ดึงขอจากอุปกรณ์โรยตัว เอาขอเกี่ยวกับระเบียงตึกแล้วขยับจนแน่น ขยับขาข้ามระเบียงตึก แล้วห้อยตัว
ลงมาตรงหน้าต่างบานหนึ่ง ปลดที่ตัดกระจกออกมาทาบกับกระจกหมุนตัดเป็นกลมใหญ่ โหนตัวถีบโครม กระแทกหลุดเข้าไปด้านใน แล้วปล่อยตัวเข้าไปด้านใน ผ่านรอยกลมของกระจก
รัตนากรเปิดประตูเข้ามาในห้องเป้าหมาย ส่องไฟฉายดู เห็นโต๊ะทำงานตัวหนึ่ง มีคอมพิวเตอร์
จอใหญ่ตั้งอยู่ เธอปราดเข้าไป พิมพ์ที่คีย์บอร์ด จากนั้นหยิบเครื่องเก็บข้อมูลขนาดจิ๋วเสียบเข้าไปโหลดข้อมูลทั้งหมดอย่างรวดเร็ว แต่แล้วประตูเปิดโครมออก พวกมือปืนพรวดเข้ามาพร้อมอาวุธ
มือปืนกราดปืนมาที่โต๊ะ แต่พบกับความว่างเปล่า จึงเดินเข้าไปที่โต๊ะ เห็นคอมพิวเตอร์เปิด และกำลังโหลดอยู่ พวกมันหันกลับแต่ช้าไป รัตนากรอยู่ตรงหน้า คว้าปืนพวกมันคนหนึ่งตบโครมกระเด็นไป อีกคนหนึ่งหันกลับมา รัตนากรคว้าปืนทันแต่มันเหนี่ยวไก เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว
รัตนากรทิ้งตัวลงตวัดมันข้ามหัวไปกระแทกเฟอร์นิเจอร์พังโครม พวกมันตวัดปืนใส่
แต่ช้าไป ปืนจากมือรัตนากรดังขึ้น พวกนั้นดิ้นเจ็บปวด รัตนากรพรวดเข้าไปที่โต๊ะ หน้าจอบอกว่าโหลดเสร็จพอดี เธอรดึงเครื่องเก็บข้อมูลจิ๋วออกมา เสียงคนเข้ามา 2 คน รัตนากรหันกลับ
ยิงปืนออกไป ทั้งสองฟุบลง รัตนากรก้าวข้ามพวกนั้นออกไป
รัตนากรเดินออกมา ปืนในมือสาดใส่พวกมันที่โผล่มาตามจุดต่างๆ ดิ้นไป แล้วเธอก็รีบไปที่ บันไดหนีไฟ พวกมือปืนนับสิบวิ่งตามไป รัตนากรวิ่งขึ้นบันไดมา แต่แล้วหยุด หันกลับไปยิงพวกมัน พวกมันร้องทรุดไปสามสี่คน ที่เหลือยิงสาดขึ้นมา เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว รัตนากรรีบวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้าอีกครั้ง กระสุนตามมาติดๆ
ประตูดาดฟ้าเปิดผลัวะ รัตนากรพุ่งออกมา แล้ววิ่งไปที่มุมตึก คว้าร่มชูชีพที่วางไว้ข้างๆ เครื่องร่อนขึ้นสวมอย่างรวดเร็ว พวกมันออกมานับสิบ รัตนากรม้วนตัว สาดกระสุนออกไป พวกมันล้มระเนระนาด ที่ยังเหลืออยู่สาดกระสุนเข้าใส่รัตนากร รัตนากรดีดตัวขึ้นมาหลบกระสุน แล้วพุ่งข้ามดาดฟ้า หายไปในความมืด พวกมันพุ่งตามไปสาดกระสุนใส่
“ส่องไฟ”
พวกมันคนหนึ่งไปที่โคมไฟส่องตาม แล้วสาดกระสุนตามเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ร่มรัตนากรกางพรึบ
ร่อนลงจากตึกสูง พวกมันส่องไฟตามแล้วสาดกระสุนตาม พวกมันคนหนึ่งหยิบวิทยุขึ้นมา
“ร่มลงห่างไปสามช่วงตึก”
รัตนากรร่อนลงมายังตึกเป้าหมาย รถเก๋งสองคันของพวกนั้นตามไป รัตนากรวิ่งมาที่มุมลานจอดรถ กระชากผ้าใบออก รถมอเตอร์ไซด์ดูคาเต้จอดอยู่ เธอคว้าหมวกกันน็อค แต่แล้วเห็นรถของพวกมันเข้ามาในลานจอดรถ รัตนากรยิ้ม ตวัดปืนยิงระเบิดขึ้นมาจากข้างรถ ยิ้มเยือกเย็น
พวกมันเบรคพรืด พรวดออกมาจากรถ ต่างชักปืนขึ้นมา กราดไปที่รัตนากร แต่ต้องตกใจเมื่อ
รัตนากรเหนี่ยวไก ระเบิดพุ่งออกมา รถของพวกมันระเบิดตูม ไฟท่วม รัตนากรขับรถตัวเองออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรายงานไปทางวิทยุ
“มิชชั่น คอมพลีท”
วันรุ่งขึ้น ดร.มานพ กาญจนา อัศวิน มารวมตัวกันอยู่ที่บ้านของดร.มานพ พร้อมกับชนแก้วฉลองกัน
“ดื่มให้กับผลงานของเธอสองคน”
“ขอบคุณค่ะคุณพ่อ”
“ขอบคุณครับคุณอา”
กาญจนาตักอาหารให้
“พี่อัศวินทานเยอะๆ นะคะ จานเด็ดจากโรงแรมชั้นหนึ่ง”
“รับรองไม่เหลือ”
“ฉลองอะไรกันอยู่คะ”
ทุกคนหันไปตามเสียง เห็นรัตนากรยืนอยู่ รัตนากรวิ่งเข้าหา ดร. มานพ กับ กาญจนา สามพ่อลูกต่างกอดกัน อัศวินจ้องรัตนากรไม่วางตา
จากนั้นทั้งสี่ก็ชนแก้วกันอีกครั้ง
“ขอต้อนรับรัตนากรที่กลับมาอย่างปลอดภัย”
“ขอบคุณค่ะ”
“สามปีผ่านไปไวเหมือนโกหก พี่รัตน์สวยขึ้นนะคะ”
“พี่ว่าเราขุดของโบราณมากไปแล้วยายกาญ เห็นอะไรสวยไปหมด”
ทั้งหมดต่างหัวเราะกัน รัตนากรหันมองอัศวิน ซึ่งได้แต่ยิ้มมองไม่พูดอะไร
“ไง พี่อัศวิน เอาแต่ยิ้มไม่ได้เจอกันสามปี พูดไม่เป็นแล้วเหรอ”
“สามปีเท่านั้นเองเหรอ พี่นึกว่าสิบปีแล้วซะอีก”
ทุกคนต่างยิ้มขำ ต่างตักอาหารกินกัน อัศวินจ้องตากับรัตนากรยิ้มให้กัน
ทั้งสี่คนเดินเข้ามานั่งในห้องรับแขก ทำตัวสบายๆ
“พ่อขอขอบใจอัศวินมาก ในเวลาสามปีที่ผ่านมา เธอช่วยให้เราได้มรกดกสำคัญของชาติกลับมาหลายชิ้น จับตัวการได้หลายคน”
“ด้วยความยินดีครับ”
“เหลือชิ้นสำคัญอีกชิ้นหนึ่ง เนตรนาคราช”
“ยังตามหาเนตรนาคราชกันอยู่อีกเหรอคะ” รัตนากรแปลกใจ
“ใช่ คืบหน้ามากแล้วด้วย”
“แต่เนตรนาคราชไม่ใช่เป็นมรดกของชาติ เป็นเพียงตำนานมากกว่า” รัตนากรแย้ง
“มีตำนานในอดีตเคยกลายเป็นจริงมาแล้ว แต่ก็อย่างว่า พี่รัตน์เป็นคนสมัยใหม่ ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้”
“โอเค คุยเรื่องอื่นดีกว่า”
“สงสัยต้องต่อวันหลังแล้วครับ วันนี้ขอตัวก่อน”
กาญจนา รัตนากร เดินออกมาส่งอัศวินที่หน้าบ้าน
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะพี่อัศวิน”
“ได้ตลอดเวลา”
โทรศัพท์มือถือดังขึ้น กาญจนารับสาย
“สวัสดีค่ะ คุณวีรกิจ เดี๋ยวนะคะ กาญส่งแค่นี้นะคะ พี่อัศวิน คุยกับพี่รัตน์ไปก่อน”
“แฟนโทรมาล่ะก็ ลืมพี่เลย”
“แน่อยู่แล้ว”
กาญจนายิ้มแล้วเดินออกไป
“ยัยกาญมีแฟนแล้วเหรอคะ”
“ขอโทษนะครับ คุณหายไปสามปี คิดว่าทุกอย่างหยุดอยู่กับที่เหรอไง”
รัตนากรยิ้มแล้วเข้ามาใกล้ ควงแขนอัศวินเดินไปที่รถ เมื่อมาถึงรถ อัศวินจ้องรัตนากรตาเป็นประกาย
“อะไร”
“เปล่า แค่ดูว่าแก่ลงไปหรือยัง”
“โห ตัวเองนั่นแหละ แก่”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
“ขอบคุณพี่อัศวินนะคะที่ช่วยดูแลคุณพ่อกับน้องกาญเรื่องมรดกของชาติ”
“อืม ถือว่าช่วยชาติอีกรูปแบบหนึ่ง”
“เรื่องเนตรนาคราช รัตน์ว่าพี่อัศวินฟังหูไว้หูจะดีกว่า เท่าที่จำได้คุณพ่อติดตามเรื่องนี้ได้สิบปีแล้วมั้ง รัตน์ไม่เชื่อว่าจะมีจริง”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ถ้ามีจริง พี่ก็จะตามคืนมาให้ได้”
“หนีภารกิจไปทำงานให้คุณพ่อแบบนี้ ระวังจะถูกหัวหน้าเล่นงานนะคะ”
อัศวินยิ้มยักใหล่จ้องรัตนากรนิ่ง
“กลับมาคราวนี้ จะอยู่นานแค่ใหน”
“ยังไม่แน่ใจค่ะ อยากมีภารกิจกับพี่อีก เหมือนตอนจบใหม่ๆ หนุกดี”
“ไม่หนุกหรอก เราน่ะบ้าเกินไป พี่ขี้เกียจลุ้น”
ทั้งสองยิ้มให้กัน
“พี่ไปก่อนนะ”
“ค่ะ เจอกันพรุ่งนี้ ที่สนามซ้อม”
“อะไร เพิ่งกลับมา จะซ้อมเลยเหรอ”
รัตนากรยิ้มยักใหล่ ทั้งสองต่างมองกันด้วยความดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง อัศวินขึ้นรถขับออกไป
ตอนค่ำ รัตนากรรื้อข้าวของในกระเป๋าอยู่ในห้อง เสียงเคาะประตู กาญจนาเดินเข้ามา
“รู้สึกแปลกจัง ที่เห็นพี่เดินอยู่ในห้อง พี่หายไปนานมากเกิน กาญคิดถึงพี่รัตน์ม้ากมาก”
กาญจนาเข้ามากอดรัตนากร
“อย่าโม้ คิดถึงแฟนจนไม่มีเวลาคิดถึงพี่มากกว่า”
กาญจนายิ้ม
“ใครเหรอ นายคนนี้”
“ไม่ต้องยุ่งเลย พี่อัศวินซักถามสอบสวนไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องถึงมือพี่รัตน์
ทั้งสองต่างขำ
“ขุดกระดูกเหมือนกันหรือเปล่า”
“โน เป็นนักธุรกิจ”
“โห ต้องรีบพามาให้พี่รู้จักโดยเร็ว นักธุรกิจไว้ใจไม่ได้ บทจะโกงล่ะก็ เก่งกว่าคนธรรมดาหลายเท่า หยุดไม่อยู่”
“เสียใจด้วยค่ะ ตอนนี้อยู่เมืองนอก”
“หนีคดีเหรอ”
กาญจนาเหล่มอง ทั้งสองต่างขำ
“แล้วพี่รัตน์ล่ะ มีแฟนหรือยัง”
“โอย มีแต่ภารกิจล่ะไม่ว่า หนุ่มที่ใหนจะมาจีบ”
“พูดเหมือนพี่อัศวินเลย พอถามก็บอกว่าไม่มีสาวคนใหนจะมาสน”
รัตนากรหยุดฟังนิดหนึ่ง แล้วรีบจัดเข้าของต่อ
“สงสัยสองคนนี้ต้องขึ้นคานแน่ๆ”
สองสาวหัวเราะกัน รัตนากรตาเป็นประกาย
“กู๊ดไนท์ นะคะ”
“กู๊ดไนท์ค่ะ”
กาญจนาเดินออกไป รัตนากรเดินไปที่โต๊ะ หยิบภาพขึ้นมาดู มีรูปถ่ายของเธอ อัศวิน และกาญจนา โดยอัศวิน
โอบคนทั้งสองไว้คนละข้าง
รัตนากรยิ้ม จ้องไปที่อัศวิน
อ่านต่อหน้า 2
เนตรนาคราช ตอนที่ 1 (ต่อ)
ตอนดึก ดร. มานพ กตรวจดูกระบอกทองเหลืองขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งนิ้ว ยาวประมาณคืบกว่า มีหนังสือหลายเล่มเปิดอยู่ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ดร.มานพเงยหน้าก็เห็นรัตนากร เดินเข้ามาใกล้
“ดึกแล้วนะคะคุณพ่อ”
“อืม มิน่าชักง่วง”
ทั้งสองต่างยิ้ม รัตนากรมองกระบอกทองเหลืองอย่างสนใจ
“อะไรคะคุณพ่อ”
“กระบอกใส่แผนที่”
“เนตรนาคราชอีกแล้ว”
“ใช่ แผนที่บอกเส้นทางไปสู่เนตรนาคราช”
“คุณพ่อเอามาจากใหนคะเนี่ย”
“พ่อได้มาจากเขตสามเหลี่ยมทองคำ”
“อูว ใกล้แม่น้ำโขง ที่มาของเรื่องเนตรนาคราชซะด้วย”
“ใช่แล้วลูก”
ดร.มานพ นึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ครั้งนั้น เขากับกาญจนา พร้อมด้วยทีมงานขุด 3 คน นั่ง
รถตู้เข้ามาจอดบริเวณตลาด ดร.มานพ กับ กาญจนา ในชุดเครื่องแบบสีกากีภาคสนาม สะพายย่าม ก้าวลงมาพร้อมทีมงานสำรวจชายสองหญิงหนึ่งวัยเดียวกันกับกาญจนา
“เดินเล่นหาอะไรทานกันตามสบาย ประมาณสักชั่วโมงครึ่ง กลับมาเจอกันที่รถ”
ดร.มานพบอก ทุกคนต่างแยกย้ายชวนกันไปเดินเล่น
“เราไปแถวตลาดของเก่าดีกว่าลูกเผื่อว่ามีอะไรดี”
“ทานก่อนนะคะ หนูหิวแล้ว”
“โอเค”
กาญจนาควงแขน ดร. มานพ ไปที่หน้าอาหารร้านหนึ่ง
“ร้านนี้แหละลูก มีแต่คนเก่าแก่ อาจจะมีใครเอาของเก่ามาขายก็ได้”
“งั้นเราลุยเลย”
ทั้งสองต่างขำแล้วเดินเข้าไปในร้านอาหารท้องถิ่น
คนเสิร์ฟนำอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะของ ดร.มานพ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังมาจากด้านนอก แล้วชายคนหนึ่งก็พรวดคว่ำเข้ามาที่โต๊ะกระเด็นมาฟุบที่โต๊ะของ ดร.มานพ กาญจนาร้องเบาๆ ตกใจ ดร.มานพรีบประคองชายคนนั้นเอาไว้ ซึ่งด้านหลังมีเลือดเต็มไปหมด
ชายฉกรรจ์สี่ห้าคนเข้ามาในร้าน เอาปืนกราดไปมา คนในร้านร้องกรี๊ดกร๊าดบ้างวิ่งหนี บ้างหลบใต้โต๊ะ ชายสองคนพรวดเข้ามาดึงร่างชายที่ถูกยิงหงายขึ้น หน้าตาเป็นคนจีน ดร.มานพชกชายฉกรรจ์โครมจนกระเด็นไป อีกคนก้าวเข้ามายกปืนหมายฟาดดร.มานพ แต่กาญจนาชกโครมกระเด็นออกไป
เสียงปืนดังขึ้นอีก ดร.มานพ และ กาญจนา หยุด เคนเดินออกมาจากด้านหลังลูกน้อง ใบหน้ามีแผ่นหนังปิดลูกตาข้างหนึ่งไว้
“ไอ้นี่ขโมยบางอย่างของผมมา คุณสองคนอย่าเกี่ยวจะดีกว่า”
ชายสองคนเข้ามาที่ชายบาดเจ็บ จับร่างหงายพาดบนโต๊ะ ตรวจค้นร่างกายและย่ามของชายคนนั้น
อย่างถี่ถ้วน ที่เหลือเอาปืนกราดมาที่ ดร. มานพ กับ กาญจนา เป็นเชิงห้ามเคลื่อนไหว ลูกน้องหันมาทางเคน พร้อมชูกระบอกทองเหลืองยาวศอกหนึ่งขึ้นมา ดร.มานพกับกาญนาจ้องกระบอกทองเหลืองอย่างพิจารณา
เคนยิ้มอย่างพอใจ โบกมือ ชายสองคนลากชายผู้เคราะห์ร้ายออกไป เคนจ้อง ดร. มานพกับกาญจนา แล้วออกไป พวกมันต่างถอยไปจนหมด กาญจนารีบเข้ามาหาดร. มานพ
“คุณพ่อเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“พ่อไม่เป็นอะไรหรอกลูก ลูกล่ะ”
“หนูไม่เป็นไรค่ะ”
ทั้งสองนั่งลงที่โต๊ะอย่างเดิม
“คุณพ่อเห็นกระบอกทองเหลืองนั่นหรือเปล่าคะ”
“เห็นซิลูก ตามบันทึกที่เรามีอยู่ นั่นคือกระบอกทองเหลืองที่เก็บแผนที่นำไปสู่เนตรนาคราช”
“แสดงว่าเรื่องราวของเนตรนาคราชอาจเป็นความจริง”
“เห็นแบบนี้แล้ว พ่อเชื่อว่าเรื่องราวของเนตรนาคราชเป็นความจริงแน่นอน เราต้องหาทางเอามาให้ได้”
ทั้งสองพรวดพราดออกไปดู แต่พวกนั้นหายกันไปหมดแล้ว
สองพ่อลูกต่างมองกันอย่างเสียดาย
รถตู้วิ่งเข้ามาจอดตรงหน้าบ้านดร.มานพ คนขับลงมาเปิดประตู กาญจนาลงมาก่อน ดร. มานพตามลงมา
“ขอบคุณมาก”
“ขอบคุณนะคะ”
ทั้งสองขยับตัวเดินเข้าบ้าน คนขับรถหันจะปิดประตู
“เดี๋ยวครับท่าน”
ทั้งสองหันมา คนขับรถหยิบย่ามในรถออกมา พลางปิดประตู
“ท่านลืมย่ามครับ”
คนขับรถส่งย่ามให้ กาญจนายื่นมือออกไปรับ แล้วส่งให้ ดร.มานพ
“อินเดียนน่าโจนส์ ลืมย่ามได้ยังไงคะ”
ทั้งสองต่างขำกัน แต่แล้วกาญจนาขยับย่ามขึ้นลง
“มีอะไรเหรอคะ หนักผิดปรกติ”
“ก็แค่แปรงปัดผง กับ แว่นขยาย”
“ไม่น่าจะหนักแบบนี้”
กาญจนาส่งย่ามให้ ดร.มานพ
“เอ หนักจริงๆ ด้วย”
ดร.มานพเปิดย่ามออก เขาตะลึงงัน หยิบของออกมาจากย่าม เป็นกระบอกทองเหลือง
ท่อนหนึ่ง ทั้งสองถึงกับจ้องหน้ากันอย่างแปลกใจ ต่างจ้องมองกระบอกทองเหลืองอีกครั้งอย่างพิจารณา
“แต่พวกมันเอาจากคนตายไปแล้วนี่คะ”
“เราอาจจะโชคดีกว่าที่คิด”
ทั้งสองต่างจ้องกระบอกทองเหลืองอย่างตื่นเต้น
ดร.มานพนึกมาถึงตรงนี้ แล้วกลับมาคุยกับรัตนากรต่อ
“หนูว่าอาจจะเป็นความบังเอิญมากกว่า”
“หรืออาจจะเป็นเรื่องจริง”
ทั้งสองต่างยิ้ม
“ยังไงหนูก็ไม่เชื่อว่าเนตนาคราชเป็นเรื่องจริง กู๊ดไนท์ดีกว่าค่ะ”
ดร. มานพพยักหน้า รัตนากรหอมแก้มพ่อ
“พ่อดีใจที่ลูกกลับบ้าน”
“ค่ะ”
“อยู่นานๆ นะลูก”
“ค่ะ”
รัตนากรเดินออกไป ดร.มานพเปิดหนังสือค้นคว้าต่อ
ณ สนามยิงปืนหน่วยพิเศษ รัตนากรยิงกระสุนเข้าใส่เป้า ถัดมาช่องต่อไป คืออัศวิน ยิงกระสุนเข้าใส่เป้าเช่นเดียวกัน สักครู่อัศวินเดินมายังช่องของรัตนากร
“อืม มือไม่ตกเลยนี่”
“พี่ก็เหมือนกัน”
“อีกรอบมั้ย”
“ได้เลย แต่ไปที่สนามจู่โจมดีกว่า”
ทั้งสองมาที่สนามจู่โจม ซึ่งเป็นตึกเก่าๆ ทันใดนั้นคนร้ายถือปืนโผล่มาจากมุมตึก ทั้งสองต่างยิงเปรี้ยง พวกมันดับไป ทันใดนั้นพวกมันโผล่มานับสิบ ทั้งสองต่างช่วยกันกราดยิงใส่ เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว พวกมันทรุดกันไปตามๆ กัน
ทั้งคู่ขึ้นไปบนบันได พวกมันโผล่มาสาดกระสุนใส่ ทั้งสองเข้าไปหลบที่กำแพง ต่างส่งซิกกัน อัศวินกราดปืนออกไป รัตนากรพรวดออกไปยังกำแพง อีกจุดหนึ่งพวกมันโผล่มาสองคน อัศวินยิงสกัดพวกมันล้มคว่ำไปหมด แล้วเคลื่อนตัวไปสมทบกับรัตนากร ต่างพยักหน้าให้กัน
รัตนากรโผล่ออกไปบ้าง อัศวินเคลื่อนตัวไปข้างหน้า พวกคนร้ายโผล่มา รัตนากรยิงกราดพวกมันคว่ำไปจนหมด ทั้งสองขึ้นบันไดไปยิงคนร้ายอีกสองสามคนคว่ำไปจนหมด ทั้งสองเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง เจอคนร้ายล็อคคอตัวประกันไว้ พร้อมปืนในมือจ่ออยู่ที่ส่วนหัวของตัวประกัน รัตนากร กับ อัศวินจ้องปืนไปที่พวกมัน คนร้ายตะโกน
“ทิ้งปืน”
อัศวินใช้สายตาส่งซิกให้รัตนากร รัตนากรค่อยๆ วางปืนลง แต่อัศวินยังจ้องปืนที่มันอยู่
“แกคิดว่าจะรอดเหรอ”
“ไม่ต้อ...”
ก่อนที่คนร้ายจะพูดจบ อัศวินเหนี่ยวไกเปรี้ยง กระสุนเข้าแสกหน้าคนร้ายหงายไป ตัวประกันปลอดภัย รัตนากรกับอัศวินต่างมองหน้ากัน เสียงปรบมือดังขึ้น พวกคนร้ายทั้งหลายต่างเดินกันเข้ามา ดึงหน้ากากออก คนร้ายที่จับตัวประกันลุกขึ้นมาพร้อมถอดหน้ากากต่างยิ้มตบมือ อัศวินเคลื่อนเข้ามาใกล้รัตนากร
“จำไว้ เวลาคนพูด สมองจะไม่มีโอกาสสั่งการไปที่นิ้ว นั่นคือเวลาที่เรายิง”
“ขอบคุณค่ะ”
รัตนากรกับอัศวินเดินมายังหน้าห้องประชุมหน่วยพิเศษ ต่างยิ้มให้กัน อัศวินเคาะประตู ทั้งสองก้าวเข้ามาในห้องบังคับการ ผบ.ภิรมย์ นั่งอยู่ มีจอขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้า
“ไงคุณอัศวิน ได้ข่าวว่ายุ่งทั้งงานหลวงงานราษฎร์ เป็นอินเดียนน่าโจนส์ล่าของโบราณอย่างนั้นเหรอ”
“ช่วยชาติเหมือนกันก็เลยอาสาครับ”
“ตราบใดที่ภารกิจไม่เสีย ผมก็ไม่ว่าอะไร”
“คุณอัศวินยังคงมีผลงานดีเด่นอยู่ค่ะ”
“ดี เพราะผมกำลังจะมอบภารกิจใหม่ให้กับคุณสองคน”
รัตนากรกับอัศวินมองหน้ากัน ยิ้มอย่างพอใจ
“อย่าเพิ่งยิ้ม ผมบอกว่าสองคนแต่ไม่ใช่ด้วยกัน”
รัตนากรกับอัศวินหันมามอง ผบ.ภิรมย์ เป็นตาเดียว
“หมายความว่ายังไงครับท่าน”
“เราสองคนเป็นทีมที่จบภารกิจได้สมบูรณ์ที่สุด”
“ใช่ แต่คุณหายไปสามปี”
“แต่เราก็ยังมั่นใจค่ะ ว่าทำได้”
“ผมรู้”
รัตนกรกับอัศวินต่างยิ้มออก
“งั้นผมกับคุณรัตนากร”
“เสียใจด้วย คุณรัตนากรต้องลุยเดี่ยว เพราะงานนี้ต้องเป็นผู้หญิงเท่านั้น”
“หัวหน้าก็รู้ว่าถ้าเป็นงานอ่อยเหยื่อดิฉันปฏิเสธแน่นอน”
“ รู้น่า แค่เป็นงานคุ้มกันภรรยาของอัยการฮ่องกงที่กำลังจะคว่ำพวกมาเฟีย”
รัตนากรกับอัศวินต่างมองหน้ากัน ผบ.ภิรมย์พยักหน้าให้เจ้าหน้าที่ ภาพบนจอปรากฏ
“นี่คือเป้าหมายรหัสชื่อ มิเชล งานนี้ต้องประกบติดชนิดเข้าห้องน้ำต้องเข้าด้วย ผมถึงต้องส่งคุณรัตนากรไปคนเดียว ทางการกลัวว่าพวกมาเฟียจะมาจับเป้าหมายไปเพื่อข่มขู่ให้ถอนฟ้อง”
รัตนากรกับอัศวินเริ่มเข้าใจ
“แล้วผมล่ะครับ”
“ของคุณคือจับเป็นหรือตายพ่อค้าอาวุธต่างชาติ ที่มากบดานที่พัทยา”
“นานๆ ฉายเดี่ยวก็ดีเหมือนกัน”
“อย่าฝัน คุณทำงานกับคู่หูคนใหม่ พรุ่งนี้คงได้เจอกัน”
รัตนากรยิ้มขำ อัศวินหันมาเหล่ใส่รัตนากร
ที่บ้านสวนลึกลับของเคนในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ สมุนยืนรายล้อมนอกบ้าน ตามจุดต่างๆ สมุนสองสามคนนั่งเล่นไผ่กันอยู่ที่ห้องพัก โดยเปิดโทรทัศน์ทิ้งไว้ มีรายงานข่าวในเวลานั้นพอดี
“เป็นที่น่ายินดีที่ทางการจับคนร้ายรายใหญ่ที่ลักลอบนำมรดกของชาติออกไปขายให้กับชาวต่างชาติได้อีกรายหนึ่ง นักข่าวภาคสนามของเรากำลังสัมภาษณ์ ดร.มานพ ผู้อยู่เบื้องหลังการนำมรดกสำคัญมีค่า
กลับสู่แผ่นดินหลายต่อหลายชิ้นแล้ว”
ภาพ ดร.มานพเดินเข้าตึกสำนักงานมรดกแห่งชาติ นักข่าวรายล้อมสัมภาษณ์
“ท่านทำสำเร็จได้ยังไงคะ”
“เรามีอาสาสมัครจากหน่วยพิเศษคอยช่วยเหลืออยู่ครับ”
“บางครั้งทราบว่า คนซื้อมีอิทธิพล หรือเป็นมาเฟีย น่าจะมีอุปสรรคอยู่บ้าง”
“ผมบอกได้แต่เพียงว่า อาสาสมัครของเราก็มีฝีมือ เก่งไม่ย่อยเหมือนกันครับ”
นักข่าวต่างหัวเราะกัน
“ขอตัวก่อนนะครับ”
ดร.มานพออกไป ท่ามกลางนักข่าวที่รุมล้อม
ในห้องรับแขกภายในบ้านพักของเคน กระเป๋าเอกสารใบใหญ่ถูกเปิดขึ้น ภายในเต็มไปด้วยเงิน เคน ยิ้มอย่างพอใจ ลุกขึ้นจับมือกับชายคนหนึ่ง
“ยินดีที่ได้ทำธุรกิจกันอีก”
“แน่นอน ยาบ้าที่คุณจัดหา ทั้งดี ทั้งราคายุติธรรม”
“ดี แล้วพบกัน”
ชายคนนั้นกับมือปืนเดินออกไป เคนเดินไปมองกระเป๋าอีกใบหนึ่งที่เปิดอยู่แล้วเช่นกัน ยิ้มอย่างพอใจ
“เอาไปเก็บเว้ย”
สมุน 4-5 คน ต่างเข้ามาเอากระเป๋าไปเก็บ เคนยิ้มโบกมือ สาวๆ สามสี่คนวิ่งเข้ามานั่งลงที่โซฟาคนละด้าน เคนโอบกอดอย่างสนุกสนาน สมุนเข้ามารายงาน
“พี่เคน เจอไอ้แก่นั่นอีกแล้วครับ”
“ไอ้แก่”
เคนแค้น นึกถึงเรื่องในอดีตเมื่อ 10 ปีก่อน ที่ร้านอาหาร ครั้งแรกที่เขาได้เจอกับดร.มานพ
“ชายคนนี้ขโมยของผมมา คุณอย่าเกี่ยวจะดีกว่า”
ชายสองคนเข้ามาที่ชายบาดเจ็บ จับร่างหงายพาดบนโต๊ะ ตรวจค้นร่างกายและย่ามของชายผู้ตาย
อย่างถี่ถ้วน ที่เหลือเอาปืนกราดมาที่ ดร. มานพกับ กาญจนา เป็นเชิงห้ามเคลื่อนไหว ลูกน้องสองคนหันมาทางเคน พร้อมด้วยชูกระบอกทองเหลืองยาวศอกหนึ่งขึ้นมา ดร.มานพกับกาญนาจ้องกระบอกทองเหลืองอย่างพิจารณา
ในรังของเคน ชายที่ถูกจับ ถูกลูกน้องเคนต่อยจนยับเยิน
“ป่านนี้มันยังไม่ยอมบอกเลยพี่”
เคนจ้องสายตาเยือกเย็น เดินเข้ามาใกล้
“เอ็งเอาแผนที่ของจริงไปไว้ที่ใหน”
ชายคนนั้นไม่ยอมบอก เคนกระชากมีดออกมา
“ข้าจะควักชิ้นส่วนของเอ็งที่ละชิ้น จนกว่าเอ็งจะตาย”
เคนก้าวเข้าประชิด ชายคนนั้นตาเหลือกด้วยความกลัว
“อยู่กับคนในร้านอาหารที่สามเหลี่ยมทองคำ”
“ไอ้บ้าเอ๋ย ป่านนี้มันถึงใหนแล้ว”
เคนโมโหขว้างมีดเข้าใส่ชายคนนั้นจนทรุด แล้วตายไป
“ไอ้แก่ ไม่ว่าเอ็งจะเป็นใคร นานแค่ใหน ข้าต้องหาเอ็งให้ถึงที่สุด เอ็งไม่มีวันพ้นข้าไปได้”
สมุนของเคนต่างออกไป เคนเต็มไปด้วยความโกรธ จนถึงปัจจุบัน เคนยังแค้นอยู่
“ไอ้แก่ ผ่านไปสิบปีในที่สุดข้าก็พบเอ็งจนได้”
ดร.มานพ เดินมาตามทางเดินในองค์กรมรดกไทย จนมาถึงหน้าประตูหนึ่ง เคาะประตูแล้วเปิดเข้าไป ทนายสมพงษ์วัยใกล้เคียงกับดร.มานพ รออยู่ก่อนแล้ว สมพงษ์ยืนขึ้นอย่างตื่นเต้น
“คณะกรรมการมั่นใจว่า เนตรนาคราช มีจริง และพร้อมที่จะตั้งกองทุนเพื่อออกสำรวจ ถ้าแผนที่ของท่านเป็นของจริงตามที่ท่านบอก”
“จริงแน่นอนผมรับรองร้อยเปอร์เซ็นต์”
“คณะกรรมการและผู้ให้ทุนทุกคนต้องการจะพบกับท่านทันทีที่ท่านพร้อมจะนำแผนที่เสนอ”
“ผมขอเวลาตรวจสอบอีกระยะหนึ่ง”
“อะไรที่ทำให้ท่านมั่นใจว่าเป็นของจริง”
“เพราะผมพบแผนที่อันนี้ที่สามเหลี่ยมทองคำ จากเหตุการณ์นี้ ผมมั่นใจได้อย่างแน่นอน”
สมพงษ์ กับ ดร.มานพเดินออกมาทางด้านนอกห้องโถงขององค์กร
“แล้วผมจะคอยฟังข่าวดีครับ”
“รับรองว่าผมจะรีบแจ้งให้ทราบทันที”
เจ้าหน้าที่เดินเข้ามา
“คุณกาญจนามารออยู่แล้วครับ”
“ขอบคุณมาก”
กาญจนาขับรถให้ดร.มานพนั่งมาตามทาง
“ขอบใจนะลูกที่อุตส่าห์มารับพ่อ”
“ด้วยความเต็มใจค่ะ”
ทั้งสองต่างขำกัน แต่แล้วกาญจนาสังเกตว่ามีรถตามมา
“มีอะไรเหรอลูก”
“มีรถตามมาค่ะ”
“ลูกแน่ใจเหรอ”
“แน่ใจซิคะ พี่อัศวินเคยสอนให้ดูบ่อยๆ ค่ะ เดี๋ยวหนูจัดการเอง”
กาญจนาพูดจบก็ค่อยๆ จอดรถลงข้างทาง สายตามองไปทางกระจกหลัง เห็นพวกมันจอดห่างออกไป
“รอเดี๋ยวนะคะ”
“ระวังตัวหน่อยนะลูก”
กาญจนายิ้ม เอามือล้วงไปใต้เบาะ ดึงปืนสั้นออกมา
“หนูมีเพื่อนไปด้วยค่ะ”
กาญจนาลงจากรถ ถือปืนแนบลำตัว แล้วเดินไปที่รถคันที่จอดอยู่ แต่พอจะเข้าใกล้มันก็หักหัวรถพรวดออกไป กาญจามองตามว่าเป็นใคร
ที่ร้านอาหาร อัศวินกับรัตนากรชนแก้วกัน
“อย่าลุยมาก อย่าบ้า เข้าใจ๋”
“พี่ก็อย่าหลงคู่หูคนใหม่จนลืมน้องล่ะ”
“หลงได้ไง คู่หูคนใหม่เป็นผู้ชาย”
“สมัยนี้ว่าไม่ได้”
ทั้งสองต่างขำกัน
หลังจากทานอาหารเสร็จ อัศวินขับรถมาส่งรัตนากรที่บ้าน ทั้งคู่ยืนคุยกันต่อที่หน้าบ้าน อัศวินถามขึ้น
“เดินทางเมื่อไหร่”
“พรุ่งนี้”
“ทางโน้นจัดส่งพยานและเจ้าหน้าที่มาที่นี่แสดงว่าไอ้มาเฟียฮ่องกงนี่ต้องร้ายมาก ขอย้ำว่า อย่าประมาท”
“รับทราบ”
ทั้งสองยิ้มให้กัน รัตนากรขยับตัวออกให้อัศวินเปิดประตูขึ้นรถ อัศวินโบกมือให้แล้วถอยรถออกไป
รัตนากรเดินเข้ามาในบ้าน เห็นไฟห้องทำงานของ ดร.มานพเปิดอยู่ จึงเดินเข้าไปหา เห็นพ่อ กำลังทำงานอยู่
“อัศวินกลับไปแล้วเหรอลูก”
“ค่ะ”
“เนตรนาคราชอีกแล้ว”
“เอาน่า พ่อเชื่อของพ่อก็แล้วกัน”
รัตนากรเดินเข้าไปใกล้ มองที่โต๊ะ เห็นกระบอกทองเหลืองเก่าแก่ของดร.มานพ วางอยู่ใกล้ ตำราหนังสือ มีรูปพญานาคอยู่ในน้ำ สายตาส่องแสงสาดไปตรงหน้าซึ่งลุกเป็นทะเลเพลิง มีรูปบ้านเมืองและ
มนุษย์รางเลือนปรากฏในทะเลเพลิง เธอจ้องที่รูปในหนังสือ
“ทุกอย่างลงตัวตามตำนาน พ่อใกล้ความจริงแล้วลูก”
รัตนากรยิ้ม เพราะไม่เชื่อว่าจะเป็นจริง ดร.มานพเปิดหนังสือให้ดู มีรูปวาดกระบอกทองเหลือง แล้วนำไปเปรียบเทียบกัน
“ดูนี่ซิลูก เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน”
“แล้วมีแผนที่อยู่ข้างในจริงหรือเปล่าคะ”
“พ่อยังหาทางเปิดไม่ได้เลย รหัสซับซ้อนมาก”
“ก็แค่ตัดส่วนบนที่ปิดออก”
“กระบอกทองเหลือง มีอายุกว่า 500 ปี แผนที่อยู่ข้างในอาจจะอยู่ในสภาพที่กรอบหรือแห้ง เปิดไม่ถูกวิธีอาจทำลายแผนที่ได้”
“ฮืม จริงของคุณพ่อ”
“ตำนานว่ามนุษย์ขโมยดวงตาของพญานาคตัวเมียไป ตัวผู้ตื่นจากจำศีล อาละวาดหนัก คลื่นไฟคลื่นน้ำท่วมทำลายมนุษย์ที่อยู่ริมแม่น้ำจนหมดสิ้น”
รัตนากรจ้องรูปภาพยิ้มๆ ไม่เชื่อนัก
“ต้องรีบหาดวงตาส่งคืนพญานาคตามเวลาที่กำหนดไว้ เพื่อไม่ให้มนุษย์ถูกทำลาย”
“อะไรทำนองนี้ ถ้าลูกมีเวลาพ่อจะเล่าให้ฟัง”
“เอ่อ ค่ะ แต่วันนี้รัตน์ต้องขอตัวก่อน รัตน์มีภารกิจเดินทางพรุ่งนี้ค่ะ คงไม่ได้เจอคุณพ่อสองสามวัน”
“ปลอดภัยกลับมานะลูก”
“ขอบคุณค่ะ”
รัตนากรเดินออกไปจากห้อง ดร.มานพ หันกลับไปหยิบกระบอกทองเหลืองขึ้นมาพิจารณา
คืนนั้น รัตนากรจัดกระเป๋าอยู่ แล้วหยิบปืนขึ้นมาตรวจดู กาญจนาเดินเข้ามา ยิ้มแซว
“โห มาดเข้ม”
“ยังไม่นอนเหรอ”
“เกือบแล้ว ได้ยินเสียงพี่กลับมาพอดี ภารกิจอีกแล้วเหรอคะ”
“อืม”
“คุณพ่อทราบแล้วเหรอยังคะ”
“จ้ะ เพิ่งคุยกับท่านมา เราน่ะ อย่าพลอยเป็นไปด้วยมากนักเรื่องเนตรนาคราช พี่ไม่อยากให้คุณพ่อเสียสุขภาพกับเรื่องที่”
“ไร้สาระ”
“พี่ไม่ได้หมายความว่ายังงั้น”
“กาญไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ แต่กาญคิดว่ามีคนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงถึงขนาดให้คนตามดู”
“มีคนตามกาญเหรอ หนุ่มตามมาจีบหรือเปล่า”
“ไม่ได้ตามกาญหรอกค่ะ กาญเห็นพวกนั้นตอนไปรับคุณพ่อ”
“อืม พี่ไม่อยู่ซะด้วย พรุ่งนี้รีบบอกพี่อัศวินเร็วที่สุด”
“กาญก็คิดไว้แล้วค่ะ แต่พี่รัตน์ไม่ต้องห่วง ไปทำภารกิจของพี่ให้สบายใจ ทางนี้กาญจัดการได้ค่ะ”
“เก่งมาก”
ทั้งสองยิ้มให้กัน
บ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านบริเวณกว้างสวยงามเหมือนรีสอร์ท แต่หลบอยู่ในหมู่ต้นไม้ ห่างจากถนนทางเข้าบ้านระยะหนึ่ง มีประตูเหล็กป้องกัน มีเจ้าหน้าที่สองสามนายทั้งไทยและฮ่องกง ยืนถือปืนระวังอยู่ด้านหน้า
รัตนากรขับรถเข้ามาจอดตรงหน้าประตู เจ้าหน้าที่ทั้งหมดถือปืนจ้อง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเข้ามาตรวจ
“รัตนากร เจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษ”
รัตนากรส่งบัตรประจำตัวให้ เจ้าหน้าที่รับมาตรวจดูส่งคืนให้ พร้อมนำเครื่องตรวจจับลายมือยื่นมาตรงหน้า รัตนากรเอามือทาบลงไปบนจอ เจ้าหน้าที่ดึงกลับแล้วจ้องดู ก่อนจะพยักหน้า เจ้าหน้าที่เปิดประตูให้รัตนากรขับรถผ่านเข้าไป
รัตนากรจอดรถข้างๆ รถที่จอดอยู่แล้วสองสามคัน ก้าวลงมาจากรถก็เห็นเจ้าหน้าที่สามคน ถือปืนกลยืนอยู่หน้าบ้านปืน จ้องมา รัตนากรหยุด คนหนึ่งพูดสื่อสารอยู่
“รับทราบ”
เจ้าหน้าที่ทั้งสาม ผ่อนคลายหย่อนปืนลง เปิดทางให้รัตนากรก้าวเข้าไปยังประตูหน้าบ้าน
เจ้าหน้าที่สองคนพารัตนากรเข้ามาในห้องรับแขก มิเชล หญิงสาวชาวจีนฮ่องกงนั่งอยู่พร้อม
บอดี้การ์ดชาวฮ่องกงสองคน ยืนคอยระวังอยู่ข้างๆ มิเชลมองมาที่รัตนากร
“หวังว่าเธอคงมีฝีมืออย่างที่ทุกคนบอก”
รัตนากรยิ้มไม่ตอบ แต่แล้วทันใดนั้น เงาวูบมาทางด้านหลัง รัตนากรหมุนตัวกลับ มีดสั้นพุ่งเข้ามา รัตนากรหลบวูบแล้วหมุนตัวเหวี่ยงคนร้ายปลิวกระเด็นไป อีกสองคนถือดาบสั้น จู่โจมเข้ามา แต่รัตนากรโชว์ฟอร์มเด็ดจัดการกับสามคนนั่นภายในเวลาแค่สามสี่กระบวนท่า ทั้งหมดทรุดลงกับพื้น
“ไม่เลวนี่”
รัตนากรหน้าเรียบเฉย
อัศวินเดินมาตามทางเดินในหน่วยพิเศษ ผ่านเจ้าหน้าที่หลายนายจนมาถึงห้องประชุม เจ้าหน้าที่หน้าห้องทำความเคารพ อัศวินพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปในห้อง ผบ.ภิรมย์ นั่งอยู่กับชายหนุ่มผู้หนึ่ง
“คุณอัศวิน เชิญพบกับคู่หูคนใหม่ของคุณ”
อัศวินเดินเข้ามา จ้องหน้าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า
“นี่คือคุณภาคภูมิ”
ภาคภูมิลุกขึ้นยืน พร้อมทักทาย
“ผมจำคุณได้ครับ คุณได้ทุนไปอบรมที่ FBI ก่อนผมปีหนึ่ง”
“อืม ดีครับ”
“เอาล่ะ คุณสองคนเตรียมตัวให้พร้อม ผมจะแจ้งภารกิจให้คุณทราบทันทีที่ผมได้ข้อมูล”
อัศวินกับภาคภูมิต่างมองหน้ากัน ต่างลุกขึ้นทำความเคารพ เดินออกไปจากห้อง แล้วพากันไปดื่มกาแฟคุยกันที่ห้องรับรอง ภาคภูมิพูดขึ้น
“ยินดีที่ได้มีโอกาสมาร่วมงานกันอีก”
“เช่นกันครับ”
ภาคภูมิยกนาฬิกาขึ้นดู
“ผมต้องขอโทษนะครับ ต้องขอตัวก่อน ดีใจที่ได้พบกันอีก”
“ครับ เชิญครับ”
ภาคภูมิลุกออกไป โทรศัพท์ดังขึ้น อัศวินรับสาย
“ว่าไงจ๊ะน้องกาญ มีคนตามเรา โอเค เดี๋ยวพี่จัดการให้”
อัศวินวางสาย สีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
ต่อจากตอนที่แล้ว
ที่เซฟเฮ้าส์ของมิเชล รถเก๋งสองคันเข้ามาจอด เจ้าหน้าที่สามนายต่างขยับปืนเตรียมพร้อม เจ้าหน้าที่มาที่ประตูแล้วขอตรวจ แต่คนขับชักปืนขึ้นมายิง เจ้าหน้าที่ล้มลงทันใดนั้นพวกมันโผล่ออกมาจากรถกราดยิงใส่เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ดิ้นและล้มฟุบลงหมด คนร้ายมาเปิดประตู
บ้าน รถสองคันขับเข้าไปอย่างรวดเร็ว
เจ้าหน้าที่สามคนยืนระวังอยู่หน้าบ้าน รัตนากรเดินออกมา
“ทางด้านหน้าเป็นยังไงบ้าง”
“เรียบร้อยดีครับ”
“ลองเช็คดูอีกที”
“แต่ผมเพิ่งเช็คไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วครับ”
“ช่วยเช็คให้หน่อย”
เจ้าหน้าที่ไม่พอใจแต่ยกวิทยุขึ้น
“จุด B เรียก จุดA”
ไม่มีเสียงตอบ
“จุด B เรียก จุด”
เจ้าหน้าที่ล้มลงเพราะโดนปืนเก็บเสียง รัตนากรชักปืนออกมา เจ้าหน้าที่ที่เหลือต่างขยับตัว กราดปืนไปมา เห็นเงาวูบวาบเข้ามารอบด้าน รัตนากรยกข้อมือกรอกเสียงสั่งการอย่างรวดเร็ว
“มีผู้บุกรุกร่วมสิบ คุ้มกันเป้าหมาย”
รัตนาวิ่งเข้าไปในบ้าน ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้น เจ้าหน้าที่ดิ้นล้มลง คนหนึ่งเหนี่ยวไกกราดปืนยิงไปที่เงาของมันที่ล้อมเข้ามารอบด้าน แต่แล้วก็โดนยิงล้มลงไป
รัตนากรรีบเข้ามาในบ้าน เห็นพวกเจ้าหน้าที่สามสี่คน เตรียมพร้อมถือปืนอยู่
“ยิงก่อนถาม”
เจ้าหน้าที่พยักหน้า ทันใดนั้นได้ยินเสียงปืนเปรี้ยง เสียงมิเชลกรีดร้องมาจากด้านใน
“มิเชล”
รัตนากรรีบวิ่งเข้าไปในห้องอย่างระวัง
“มิเชล”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบ รัตนากรเคลื่อนตัวเข้าไปด้านใน ก็พบเจ้าหน้าที่คนหนึ่งถูกยิงนอนอยู่ที่พื้น อีกคนหนึ่งล็อคคอมิเชลไว้ข้างหน้า ถือปืนอยู่ข้างหลัง แล้วร้องบอกรัตนากร
“ทิ้งปืน”
“แกคิดว่าจะรอดเหรอ”
“นางนี่ตายก่อน”
“ฉันไม่สน แต่แกตายแน่”
คนร้ายเริ่มไม่แน่ใจ
“แกจะเอาเท่าไหร่”
“แกอย่าพูดมา...”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง รัตนากรเหนี่ยวไกเปรี้ยง คนร้ายหงายหลังล้มตึง มิเชลยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
“คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
“ฉันไม่เป็นไร”
“เราต้องรีบ”
ทันใดนั้นเสียงปืนสนั่นมาจากข้างนอก รัตนากรหันขวับอย่างรวดเร็ว
คนร้าย 3 คน พรวดเข้ามา เห็นมิเชลยืนอยู่ตรงหน้าคนเดียว พวกมันมองอย่างแปลกใจ แต่แล้ว รัตนากรก็โผล่มาจากมุมบ้าน ยิงคนร้ายทรุด คนร้ายโผล่มาอีกด้านหนึ่ง พุ่งชนรัตนากรหลุดกลิ้งออกมา เกิดการต่อสู้ประชิดตัวอย่างดุเดือด รัตนากรเตะต่อยรวดเร็ว คนร้ายคว่ำไป แต่แล้วพวกมันอีกสามคนก็เข้ามาในห้องรับแขก รัตนากรพุ่งตัวคว้าปืนที่พื้น คนร้ายพูดขึ้น
“ทิ้งปืน”
คนร้ายจ่อปืนอยู่ที่มิเชล ไม่สนปืนในมือของรัตนากร รัตนากรจำต้องทิ้งปืน คนร้าย 2 คน รีบเข้ามาจับรัตนากร
ที่บาร์แห่งหนึ่งในพัทยา ฝรั่งเป้าหมาย นั่งกินเบียร์อยู่กับสาวสองคน พร้อมด้วยมือปืนอีกสามสี่คน ต่างคุยกันสนุกสนาน พนักงานเดินถือถาดเครื่องดื่มเอาเบียร์มาวางให้ ฝรั่งมาเฟียหนึ่งขวด แล้วเดินมาเสิร์ฟที่โต๊ะของอัศวินกับภาคภูมิ ในคราบนักเที่ยว แล้วเดินออกไป อัศวินกับภาคภูมิมองไปที่โต๊ะฝรั่งเป้าหมาย อัศวินกระซิบเบาๆ
“ไอ้นั่นแน่นอน ตรงตามรูปเป๊ะ”
อัศวินใช้โทรศัพท์ทำเป็นถ่ายรูปภาคภูมิ แล้วส่งให้ดู ภาคภูมิรับมาดู เห็นเป็นรูปฝรั่งเป้าหมายจากแฟ้ม
บันทึกข้อมูลคู่กับรูปใหม่ที่อัศวินแอบถ่ายไว้เปรียบเทียบกัน
“อืม ฉันนี่หล่อเหมือนกันนะ”
ภาคภูมิกดภาพเปลี่ยนเป็นรูปตัวเองขึ้นมาแทนแล้วส่งคืนให้
“เป้าหมายเคลื่อนตัวแล้ว”
ภาคภูมิหันไปก็เห็นพวกฝรั่งเป้าหมายเดินออกไปนอกร้าน ทั้งสองรีบตามไป รถคันหนึ่งแล่นมาจอดรับเป้าหมายกับพวกออกไป ทั้งสองมองหน้ากัน แล้วเดินออกไป
รถของฝรั่งเป้าหมาย เข้าไปด้านในสนามกอล์ฟ ซึ่งด้านหลังติดหาด อัศวินขี่รถสกูตเตอร์
ผ่านไป ตามด้วยภาคภูมิ ขี่ผ่านสนามกอล์ฟไป
สองคู่หูยืนอยู่ตรงชายหาด อัศวินส่องกล้องมองอยู่ ภาคภูมิพูดขึ้น
“ไอ้พวกนี้รวยจริงๆ มันซื้อสนามกอล์ฟบังหน้า”
“ด้านหลังติดทะเล เข้าทางนั้นน่าจะง่ายกว่า”
อัศวินส่งกล้องให้ภาคภูมิ ภาคภูมิส่องดู
“อืม ยามเพียบ อย่างน้อยสี่คน โผล่เข้าไปโล่งๆ แบบนั้น โดนส่องก่อนถึงฝั่งชัวร์”
“ไม่หรอกน่า อาจจะมีเรือนักเที่ยวหลงไปก็ได้”
“อืม อาจจะ”
“เราไปหาเรือกันดีกว่า”
อัศวินเดินออกไป ภาคภูมิรีบตาม
อ่านต่อหน้า 3
เนตรนาคราช ตอนที่ 1 (ต่อ)
มือปืนสองสามคนยืนระวังอยู่ตรงด้านหลังของตึก คนหนึ่งสังเกตเห็นเรือเร็ววิ่งควันขโมงเข้ามา ตรงชายหาด จึงมองอย่างสนใจ
อัศวิน และ ภาคภูมิ ยืนอยู่บนเรือเร็ว
“พี่เล่นบุกกลางวันแสกๆ เลยเหรอ”
“ถ้าเป็นกลางคืนแล่นเข้ามาแบบนี้ ถูกพวกมันยิงเละไปแล้ว”
คนร้ายสามคนยืนถือปืนอยู่ในลักษณะพร้อม รอเรือเร็วที่ค่อยๆ วิ่งเข้ามา ควันขึ้นขโมง จนถึงบริเวณเครื่องเรือ เรือเข้ามาเทียบ มือปืนเดินเข้าไปบอก
“หาดส่วนตัว ไปจอดที่อื่น”
“ขอจอดตรวจเครื่องแป๊บเดียวพี่” อัศวินอ้อนวอน
“บอกให้ไปจอดที่อื่น”
ทันใดนั้นอัศวินชักปืนมาจากด้านหลัง พร้อมๆ กับภาคภูมิ คนร้ายตกใจ
“ไง งกนักเหรอ”
“ขยับเป็นตาย”
อัศวินกระโดดลงจากเรือ เข้ามาหามือปืน ภาคภูมิคอยระวังพวกมันอยู่บนเรือ
“พวกเอ็งสองคนอยู่ที่นี่ เอ็งพาข้าเข้าไปในบ้าน”
อัศวินบังคับพาลูกสมุนเดินออกไป
“เอ็งสองคนขึ้นมาบนเรือ”
สมุนสองคนเดินมาที่เรือ
“ปืน”
ทั้งสองคนโยนปืนขึ้นมาบนเรือ แล้วค่อยๆ ปีนขึ้นมาบนเรือในที่สุด ภาคภูมิยืนตรงพวงมาลัย
“เอ็งสองคนนั่งลง แล้วนิ่งที่สุด”
พวกนั้นนั่งลงตรงมุมท้ายเรือ ภาคภูมิยิ้มอย่างพอใจ
สมุนพาอัศวินมาที่หน้าตึก พวกมันสองคนยืนอยู่
“ดีๆ นะเพื่อน ขืนส่งซิก เอ็งดับก่อน”
“พาใครมาวะ” สมุนคนหนึ่งถามขึ้น
“เรือมันเสีย น้ำมันเครื่องรั่ว ข้าจะพามันไปเอาน้ำมัน”
“ไอ้บ้าเอ๊ย นายสั่งห้ามคนแปลกหน้าเข้ามา”
ทันใดนั้น อัศวิน ชักปืนขึ้นมาจ่อหน้ามัน
“จำพี่ไม่ได้เหรอน้อง พวกเอ็งจะให้ข้ายิงทิ้ง หรือหันหลังมาให้ข้าทุบกบาล”
ทั้งสามคนรีบหมุนตัวหันหลังให้ อัศวินทุบโครม
ภายในตึก สมุน 5 คน นั่งบ้างยืนบ้างอยู่ในห้องรับแขก อัศวินโผล่เข้ามา สมุนคนหนึ่งตวัดปืน แต่ช้าไป ถูกอัศวินยิงเข้าเสียก่อน ที่เหลือต่างไหวตัว ขยับปืน แต่อัศวินสาดกระสุนเข้าใส่จนล้มไป คนหนึ่งยิงใส่อัศวินเสียงปืนดังขึ้น ฝรั่ง นักค้าอาวุธ โผล่ออกมา สีหน้าตื่น
“นาย หลบเข้าไปก่อน”
ฝรั่งหลบเข้าไปปิดประตูโครม สมุนต่างกระจายกำลัง ยืนระวังหน้าห้อง หัวหน้ากรอกเสียงสั่งการ
“มีคนบุกรุก”
เสียงสัญญาณดังสนั่น
อัศวินวิ่งขึ้นบันใด สาดกระสุนปืนใส่สมุน ที่โผล่กันตามมุมต่างๆ จนกระทั่งถึงชั้นบน เจอกับ ห้าคนสุดท้าย ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องของฝรั่งค้าอาวุธ พวกมันหลบมุมสาดกระสุน แต่ก็ถูกอัศวินสาดยิงคว่ำหมดทุกคน อัศวินรีบไปที่หน้าประตูห้อง ถีบประตูโครมเข้าไป ก็พบฝรั่งค้าอาวุธ เอาปืนจ่อหลังหญิงสาวสองคนอยู่
“gun down”
อัศวินถือปืนส่องสายตานิ่ง ทันใดนั้นฝรั่งค้าอาวุธก็ยิงผู้หญิงคนหนึ่งคว่ำไป หญิงอีกคนหนึ่งกรีดร้องด้วยความตกใจ
“shut up”
หญิงสาวเอามือปิดปากตัวเองสะอื้นไม่ให้เสียงลอดออกมา
“อันที่จริงตั้งใจจะมาจับเป็น แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว แกต้องตาย”
อัศวินยิงเปรี้ยง ฝรั่งหงายหลังไป หญิงสาวยืนตัวสั่น
อัศวินเดินมาที่ชายหาด ภาคภูมิยังคุมตัวสองคนนั่นรออยู่
“เกิดอะไรขึ้น เป้าหมายล่ะ”
“ตายแล้ว”
อัศวินโดดขึ้นเรือ สมุนสองคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก อัศวินสตาร์ทเครื่อง แล้วค่อยๆ ออกเรือ
“เอ็งสองคนเลิกซะ คราวหน้าถ้าเจออีกเอ็งดับ”
“หรือพวกเอ็งจะลองอยู่ในคุกดูก่อน”
สมุนสองคนส่ายหน้า แล้วรีบโดดลงจากเรือไป อัศวินออกเรือไปอย่างรวดเร็ว ภาคภูมิพูดขึ้น
“หมดไปอีกหนึ่งไอ้พวกค้าอาวุธ”
“เดี๋ยวมันก็มากันอีก บ้านเราเข้าง่าย ออกง่าย”
ทันใดนั้นเสียงปืนดังสนั่นมา กระสุนเฉี่ยวทั้งสองไป ภาคภูมิหันไปเห็นพวกมันขี่เจ็สกีตามมาสามสี่คัน
“สงสัยพวกมันคงแค้นส่งคนตามมา”
“งั้นเอาเลย เดี๋ยวจะหาว่าผมสนุกอยู่คนเดียว”
“ด้วยความยินดี”
ภาคภูมิปรี่ไปที่ข้างเรือ คว้าปืนยิงเร็วขึ้นมาประทับ
“อยากเล่นก็จัดให้”
ภาคภูมิสาดกระสุนออกไป ถูกพวกมันร่วงไปสองสามคน ที่เหลือเริ่มบิดเครื่องหนี ไม่ตามมา
“เย้ ค่อยมันหน่อย”
อัศวินยิ้ม เร่งเรือพุ่งออกไป
หลังเสร็จภารกิจ อัศวินและภาคภูมิเข้ามาพบผบ.ภิรมย์
“คุณปล่อยให้ตัวประกันตาย นี่คือคำให้การของหญิงสาวที่รอดมาได้”
“ผมไม่มีทางเลือก ถ้าผมวางอาวุธ ผมเองก็คงไม่รอด”
เสียงเคาะประตู เจ้าหน้าที่เข้ามาส่งรายงานให้แล้วออกไป ผบ.ภิรมย์ เปิดแฟ้มอ่านข้อความสีหน้าดีขึ้น
“ผู้หญิงสองคนเป็นผู้ร่วมสมคบกับเป้าหมาย เป็นคนหาแหล่งกบดานให้พวกมัน”
“ดีครับ”
อัศวินหันมาขยิบตากับภาคภูมิ
“เอาล่ะ เอาล่ะ ผมรู้ว่าผมโวยวายไปหน่อย แต่ผมเองก็ถูกเล่นงานมา”
“บางทีท่านน่าจะจับตาดูคนที่เล่นงานท่านนะครับ ใครจะไปรู้เผื่อว่า”
“ไปได้แล้วคุณ อยู่ดีๆ จะให้ผมซวย”
อัศวินยิ้มแล้วเดินออกไปกับภาคภูมิ ผบ.ภิรมย์ ส่ายหน้า ถอนใจ
รัตนากรกับมิเชลถูกใส่กุญแจมือนั่งอยู่บนเก้าอี้ ในโกดังเก็บของ
“นี่เหรอฝีมือยอดแห่งหน่วยพิเศษ”
“คุณยังไม่ตายไม่ใช่เหรอ”
“ฉันไม่น่ายอมให้ลูกสาวนักโบราณคดีมาคุ้มกันฉันเลย”
รัตนากรมองหน้ามิเชลจับพิรุธ
“เธอนึกว่าฉันจะไม่อ่านประวัติเธอหรือไง”
รัตนากรยิ้มไม่ตอบ สายตากราดมองรอบๆ
“ได้ข่าวว่าพ่อเธอกำลังบ้าตามหาอะไรอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ต้องไปถามพ่อฉันเอง”
รัตนากรจับตามองมิเชลหาพิรุธ มิเชลเหมือนรู้ตัว ทำไม่รู้ไม่ชี้
“เราจะรอดมั้ยนี่”
“แน่นอน”
มิเชลมองรัตนากรหยั่งเชิง รัตนากรยิ้มให้ ทันใดนั้น มาเฟียฮ่องกงคนหนึ่ง ท่าทางเป็นหัวหน้า
ก็เข้ามากับลูกน้องสองคน แล้วพูดกับมิเชล
“ดูซิว่าสามีแกจะกล้าตัดสินให้เจ้านายฉันติดคุกหรือเปล่า”
มิเชลจ้องเขม็ง เยือกเย็น
“สามีแกต้องการจะพูดกับแกเพื่อความมั่นใจ”
สมุนสองคนหิ้วแขนของมิเชลขึ้นมา แล้วลากออกไป รัตนากรจ้องพวกมันเขม็ง แต่ทางด้านหลัง เธอกำลังดึงผิวหนังปลอมที่ปิดไว้ตรงข้อมือออก มีลวดเส้นหนึ่งซ่อนอยู่ หัวหน้ามาเฟียหันมาพูดกับรัตนากร
“ฉันจะส่งชิ้นส่วนของแกกลับไปให้นายของแก”
รัตนากรยิ้มให้ มาเฟียโบกมือเรียกสมุน
“เก็บมันซะ”
สมุนชักปืนขึ้นมา
กาญจนาตรวจเอกสารของโบราณต่างๆ อยู่ในห้อง เสียงเคาะประตู เธอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นอัศวิน
ยืนอยู่
“พี่อัศวิน มาทำไมเนี่ย”
“มาหาคนเลี้ยงข้าว”
“ได้ไง พี่ต้องเลี้ยงถึงจะถูก”
“เผอิญโชคดีพาเจ้ามือมาด้วย”
“ใครคะ”
อัศวินหันไปกวักมือ ภาคภูมิเดินเข้ามา
“น้องกาญ สวัสดีพี่ภาคภูมิ”
“สวัสดีค่ะ”
ภาคภูมิรับไหว้ ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
ตอนเย็น ทั้งสามพากันมาที่ร้านอาหาร
“คุณภาคภูมิรู้จักพี่รัตน์หรือเปล่าคะ”
“ยังไม่มีโอกาสได้พบเลยครับ”
“คุณภาคภูมิอยู่หน่วยต่างประเทศ เพิ่งจะย้ายมาทำภารกิจที่หน่วยของพี่จ้ะ”
“เลยถูกพี่อัศวินหลอกให้มาเลี้ยงข้าว”
ทั้งหมดต่างหัวเราะกัน
“อยากเรียนวิชาก็ต้องลงทุนหน่อย แต่ผมเต็มใจครับ”
“เดี๋ยวพอกาญสั่งจานที่สองแล้วจะเสียใจ”
ทั้งหมดต่างขำ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อัศวินรับสาย
“ครับ รับทราบ ผมมีเรื่องด่วน คุณภาคภูมิฝากส่งน้องสาวผมกลับบ้านด้วย”
“ยินดีครับ”
“พี่ไปก่อนนะกาญ”
อัศวินลุกออกไป ภาคภูมิ กับ กาญจนาต่างมองหน้ากันอย่างกังวล
“คุณอัศวินบอกผมเรื่องที่คุณมีคนตาม ก็เลยให้ผมมาช่วยดูน่ะครับ”
“อ้อ ขอบคุณค่ะ”
“คุณคงตกใจ นึกว่าเป็นนัดบอดแน่เลย”
กาญจนายิ้มขำ
อัศวินเข้ามาพบ ผบ.ภิรมย์ ที่ห้อง อย่างรีบร้อน
“เกิดเรื่องอะไรเหรอครับ”
“ทางฮ่องกงแจ้งมาว่าพวกมาเฟียได้ตัวเป้าหมายไปแล้ว อัยการกำลังรอรายระเอียดอยู่ รัตนากรก็เงียบหายไป”
“ผมขออาสาติดตามตัวครับ”
“ไม่ทันการแล้ว อัยการต้องขึ้นศาลภายในสองชั่วโมง เราต้องรออย่างเดียว หวังว่า รัตนากรจะติดต่อมาเร็วที่สุด”
“ผมมั่นใจว่ารัตนากรต้องทำได้ครับ”
“ผมอยากให้คุณเตรียมพร้อมรอคำสั่งผม ในกรณีที่ต้องตามเอาตัวรัตนากรกลับมา”
ภายในโกดังเก็บของ มือปืนสองคนเล็งปืนมาที่รัตนากร รัตนากรขยับตัวเตรียมพร้อม
“เดี๋ยว”
ชายชาวจีนใส่สูทเดินเข้ามากับหัวหน้า ตรงเข้ามาหารัตนากร
“นึกไม่ถึงว่าเราจะโชคดี ได้พบกับยอดฝีมือของหน่วยพิเศษ แล้วก็ลูกสาวของ ดร.มานพ นักโบราณคดีที่มีชื่อเสียง แบบว่าซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง”
“รีบเข้ามากราบแล้วก็ไขกุญแจมือซะ”
ชายจีนเดินเข้ามาตบหน้ารัตนากรผัวะ ยิ้มเยาะ
“ตบหนึ่ง ต้องคืนสอง”
ชายคนนั้นตบหน้ารัตนากรอีกผัวะ พลางแบมือไปข้างหลัง หัวหน้ามาเฟียส่งปืนให้
“ได้ข่าวว่าพ่อแกมีแผนที่ค้นหาของโบราณ ฉันจะเอาแกไปแลกกับแผนที่”
“สงสัยแกจะต้องผิดหวัง”
รัตนากรยิ้ม เธอตวัดมือซ้ายตบผัวะเข้ากกหูชายจีน แล้วคว้าแย่งปืนมาได้อย่างรวดเร็ว ตวัดปืนไปที่หัวหน้ามาเฟียที่ยืนอยู่ด้านหลัง หัวหน้ามาเฟียขว้างมีดสั้นพุ่งเข้าใส่รัตนากร เธอเอี้ยวตัวหลบมีด
แล้วยิงเปรี้ยงจนกระเด็นดับไป รัตนากรคว้าชายคนนั้นขึ้นมาบัง ลูกน้องอีกสองไม่กล้ายิง รัตนากรยิงพวกมันจนดับ ดันชายจีนออกห่าง ตบผัวะๆ สี่ครั้งด้วยมือที่กำปืนอยู่ จนเลือดกลบปาก
“ตบสอง ต้องคืนสี่ มิเชลอยู่ไหน”
รัตนากรจับคอเสื้อของชายนักธุรกิจให้เดินนำไปข้างหน้า ปืนในมือกราดไปมา ผ่านไปจนเห็นสมุนสามสี่คนยืนอยู่ ตรงหน้าห้อง พวกมันตวัดปืนตรงมาเมื่อเห็นรัตนากรดันชายนักธุรกิจเข้ามา
“บอกให้พวกมันทิ้งปืน”
นักธุรกิจพยักหน้าให้สมุน พวกสมุนต่างทิ้งปืน
“มิเชล”
“ไปพามิเชลมา”
สมุนคนหนึ่งเข้าไปในห้อง แล้วพามิเชลออกมา รัตนากรดันชายนักธุรกิจผ่านพวกสมุน พลางหมุนตัวเอาชายคนนั้นบังตัวไว้
“มิเชล ตามมา”
มิเชลรีบมาทางด้านหลังของรัตนากร รัตนากรถอยหลังโดยมีชายนักธุรกิจเป็นที่กำบัง พวกสมุนได้แต่ยืนจ้อง ทำอะไรไม่ถูก
ทางด้านนอกโกดัง มิเชลวิ่งออกมาก็ต้องหยุด เจอสมุนยืนขวางอยู่สองสามคน มีรถจอดอยู่สองสามคัน รัตนากรยิงปืนใส่พวกมัน อีกด้านหนึ่งเอาตัวชายนักธุรกิจบังพวกสมุนที่ตามมา
“ทิ้งปืน แล้วถอยมารวมกันตรงนี้”
สมุนต่างทำตาม ตีวงมารวมกันด้านหนึ่ง
“มิเชลรถ”
มิเชลรีบเข้าไปในรถ สตาร์ทเครื่อง รัตนากรยิงขาพวกสมุนทรุดกันระนาว แล้วยิงที่ยางรถคันที่จอดอยู่
ตบโครมไปบนท้ายทอยของชายนักธุรกิจ แล้วรีบเข้าไปที่รถ
“ฉันขับเอง”
มิเชลขยับตัวไปที่นั่งอีกด้านหนึ่ง รัตนากรเข้าไปนั่งแทน ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ชายนักธุรกิจมองตามด้วยความแค้น
ตอนค่ำ รถของภาคภูมิเข้ามาจอดที่หน้าบ้านกาญนา เขาลงมาเปิดประตูรถให้หญิงสาว
“ขอบคุณค่ะ”
“ด้วยความยินดีครับ”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ภาคภูมิรับสาย
“ครับ เรียบร้อยครับ ครับ ได้ครับ”
ภาคภูมิวางสาย
“คุณอัศวินโทรมาเช็ค ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“เชิญค่ะ”
ภาคภูมิกลับเข้ารถ ถอยออกไป กาญจนายิ้มโบกมือให้
อัศวินอยู่ในห้องปฏิบัติการของหน่วยพิเศษ ตรวจอาวุธปืนและอุปกรณ์ต่างๆ ภาคภูมิเดินข้ามา
“เจ้าหน้าที่ของเราถูกจับไป เราต้องเตรียมพร้อมชิงตัว นั่นสัมภาระของคุณผมเตรียมไว้ให้แล้ว”
“ครับ”
ภาคภูมิเดินไปตรวจสัมภาระอาวุธ เสียงเคาะประตู ผบ.ภิรมย์เปิดประตูก้าวเข้ามาในห้อง
“รัตนากรติดต่อกลับมาแล้ว”
“แล้วเป้าหมายล่ะครับ”
“ปลอดภัย หน่วยพิเศษส่งคนไปสมทบแล้ว พรุ่งนี้เช้าเดินทางกลับ น่าจะปลอดภัยกว่า”
อัศวินยิ้มโล่งอก
ตอนค่ำ อัศวินกับภาคภูมินั่งดื่มกาแฟที่ห้องพักของหน่วยพิเศษ ภาคภูมิพูดขึ้น
“นึกว่าจะได้ลุยกันอีกแล้ว”
“อืม โชคดีเจ้าหน้าที่ของเราปลอดภัย”
“ที่ผมเตรียมตัว รู้สึกว่าคุณจะเอ่อเกรียนมากเลย ใครเหรอครับ”
“พี่สาวยัยกาญ คุณรัตนากร”
“อ้อ ผมเคยได้ยินชื่ออยู่บ้าง ลือกันว่าลุยน่าดู”
“เอาไว้จะแนะนำให้รู้จัก”
ทั้งสองยิ้มให้กัน
กาญจนาเดินเข้ามาในห้องทำงานของ ดร.มานพ
“วันนี้มีใครตามมาอีกหรือเปล่าลูก”
“ไม่เห็นพวกมันค่ะ มันคงเห็นว่ามีชายหนุ่มมาด้วยสองคน”
“อืม ลูกสาวพ่อเสน่ห์แรงอยู่แล้ว”
“มีอะไรคืบหน้ามั้ยคะ เรื่องแผนที่”
“ยังเลยลูก”
“งั้นเดี๋ยวลูกมาช่วยอีกคน”
“ถ้าเหนื่อยก็ไม่ต้องนะลูก”
“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ เดี๋ยวมานะคะ”
กาญจนาออกไป ก่อนจะกลับมาอีกครั้ง พร้อมหอบหนังสือเข้ามาด้วย
“หนูเอามาจากห้องสมุดที่ทำงานค่ะ”
“อืม ดี หนังสือที่นี่ถูกพ่อค้นดูจนเกือบหมดแล้ว ว่าจะไปเอาที่สมาคมมาเหมือนกัน”
“เราจะค้นกันอีกสองชั่วโมงพอนะคะ พี่รัตน์บ่นว่าคุณพ่อนอนดึกมากไปแล้ว”
“โอเค”
ทั้งสองเริ่มค้นคว้าหาข้อมูล กลางโต๊ะคือกระบอกทองเหลืองตั้งอยู่ดูลึกลับน่ากลัว
ยามดึก บริเวณเซฟเฮาส์ลึกลับ เจ้าหน้ายืนอยู่ด้านหน้าสามสี่คน อยู่ในลักษณะคุมเข้ม คนหนึ่งยกนาฬิกขึ้นดู แล้วเดินเข้าไปที่หน้าประตู เคาะเบาๆ แล้วเปิดประตูเข้าไป รัตนากรนั่งอยู่กับมิเชล รัตนากรถือปืนพร้อมในมือ
“รายงาน ทุกอย่างเรียบร้อย”
รัตนากรพยักหน้าพลางเก็บปืนเข้าซอง หันมาพูดกับมิเชล
“อัยการสามีคุณ ส่งพวกมันเข้าคุกไปแล้ว คุณนอนพักได้ตามสบาย หน่วยเสริมจะมารับพวกเราแต่เช้า”
มิเชลยิ้มเยาะ “ยังอีกหลายชั่วโมงกว่าจะเช้า เวลาเหลือเฟือสำหรับพวกมัน”
“ดูเหมือนเธอจะรู้จักพวกมันดี”
มิเชลเงียบไป
“พวกมันเป็นพวกไหนเหรอ ถึงรู้เรื่องเกี่ยวกับดร.มานพกับฉัน แล้วก็แผนที่ที่ดร.มานพค้นคว้าอยู่”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง”
“เธอยังรู้เลยว่าฉันเป็นลูกสาว ดร.มานพ”
“ฉันก็แค่อ่านประวัติของเธอเท่านั้นเอง ฉันง่วงแล้ว ไปนอนดีกว่า”
มิเชลเดินออกไป รัตนากรมองตามจับพิรุธ
ตอนดึก ดร.มานพเดินไปเดินมา ในมือถือหนังสือเล่มหนึ่ง จ้องมองอย่างสนใจ กาญจนาเปิดหนังสือเล่มหนึ่งไปมาแล้วหยุดเงยหน้าขึ้นมองพ่อ
“คุณพ่อจำเรื่องในร้านอาหารที่สามเหลี่ยมทองคำเมื่อสิบปีก่อนได้มั้ยคะ”
“ได้ซิลูก วันที่เราได้กระบอกแผนที่มา”
“ค่ะ คุณพ่อจำหัวหน้าพวกมันได้มั้ยคะ”
“ไอ้คนที่ตาปิดข้างหนึ่ง แบบโจรสลัดใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะ มีบันทึกในหนังสือเล่มนี้ น่าแปลกมาก ที่หมู่บ้านหนึ่งในอดีตเกือบ 500 ปีมาแล้ว
ทายาทที่เป็นชาย เกิดมามักจะมีตาบอดข้างหนึ่ง ลือว่าเป็นอาถรรพ์ที่บรรพบุรุษไปขโมยดวงตาพญานาคมา”“มีจริงเหรอลูก”
กาญจนารีบอ่านให้ฟัง
“บรรพบุรุษจึงสั่งให้ทายาทตามหาดวงตาพญานาคไปคืนเพื่อเป็นการล้างอาถรรพ์ที่สืบทอดมา”
“ดวงตาพญานาค เนตรนาคราช”
“เนตนาคราช เริ่มเป็นจริงขึ้นมาทุกทีแล้วค่ะคุณพ่อ”
ทั้งสองต่างมองหน้ากันอย่างตื่นเต้น
ตอนเช้า ที่หน่วยพิเศษ ขบวนรถสองคันจอดอยู่หน้าตึก รัตนากร กับ มิเชล เดินออกมาจากตึกพร้อม กับ ผบ.ภิรมย์ และ เจ้าหน้าที่ของฮ่องกงสองสามนาย ทั้งหมดหยุดที่หน้ารถ
“ขอบใจ”
รัตนากรพยักหน้ารับ เจ้าหน้าที่เปิดประตูให้ มิเชลขึ้นรถไป ผบ.ภิรมย์จับมือกับหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของฮ่องกง ทั้งหมดขึ้นรถออกไป รัตนากรมองอย่างครุ่นคิด ก่อนเข้าไปปรึกษากับผบ.ภิรมย์ที่ห้อง
“ดิฉันคิดว่าภารกิจคุ้มกันคราวนี้ มีบางอย่างผิดปรกติ”
“หมายความว่ายังไงผิดปรกติ”
“มิเชลไม่มีท่าทางหวาดกลัวพวกนั้นเลย”
“ถ้าคุณมีสามีเป็นอัยการคุณต้องห้าวพอควร ผมไม่เห็นว่าจะผิดปรกติตรงไหน”
รัตนากรนิ่ง ก่อนยิ้มพยักหน้ารับ
“อย่าคิดมากน่า ไปได้แล้ว มีคนรอที่จะพบคุณอยู่”
รัตนากรได้แต่ยิ้ม
ในห้องพักของหน่วยพิเศษ อัศวินเดินไปเดินมา รอคอย ประตูเปิดออก รัตนากรก้าวเข้ามา ทั้งสองโผเข้ากอดกัน แต่แล้วก็ค่อยถอยออกจากกัน
“โทษที พี่ดีใจที่รัตน์ปลอดภัยกลับมา”
“ทำไมเดี๋ยวนี้รัตน์กอดพี่ไม่ได้เหรอ”
รัตนากรยิ้ม
อ่านต่อหน้า 4
เนตรนาคราช ตอนที่ 1 (ต่อ)
อัศวินยิ้มทัก
“เราโตเป็นสาวแล้ว เดี๋ยวคนแถวนี้ เขาจะมองไม่ดี เราน่ะจะเสียหาย”
รัตนากรเหล่ เข้ามาคล้องแขนอัศวิน
“รัตน์ไม่สนหรอก อ๋อ ที่แท้กลัวหญิงไม่มาสน อ้อ ใช่แล้ว ยัยกาญบอกไว้เหมือนกัน”
“บอกอะไร เว่อร์น่า”
“ได้ คราวหลังรัตน์จะระวังตอนกอดพี่วิน”
“พูดมาก เราต้องไปตรวจร่างกายไม่ใช่เหรอ”
“ไปส่งหน่อยได้ปะ”
รัตนากรเดินควงแขนอัศวินออกไปเหมือนเดิม
อัศวินและรัตนากรนั่งรอ พลางคุยกันอยู่ที่ห้องพยาบาลของหน่วยพิเศษ
“รัตน์แน่ใจเหรอ”
“มิเชล สนใจเรื่องคุณพ่อ พวกมันสนใจเรื่องแผนที่เนตรนาคราช”
“พวกมันคงอาจเห็นแฟ้มประวัติของรัตน์ก็เลยฉวยโอกาสสอบถามสืบสวนมากกว่า”
รัตนากรคิด
“รัตน์บอกเองว่าเนตรนาคราชเป็นแค่ตำนาน”
รัตนากรพยักหน้า
“ไม่น่าจะมีใครสนใจถึงกับวางแผนซับซ้อน ดึงทางการฮ่องกงมาเกี่ยวข้องกับหน่วยพิเศษของเรา
ใหนจะทั้งอัยการทั้งมาเฟีย พี่ว่าไม่มีทางเป็นไปได้หรอก”
“น้อยไป เดี๋ยวนี้เงินซื้อได้ทุกระบบ โดยเฉพาะประเทศด้อยพัฒนาทั่วโลก”
“อย่าเว่อร์น่า”
“เฮ้อ บางที่รัตน์อาจจะคิดมากไปเอง”
เสียงเคาะประตู เจ้าหน้าที่หญิงก้าวเข้ามา
“เชิญผู้กองรัตนากรเช็คสภาพร่างกายได้แล้วค่ะ”
“ขอบคุณมาก”
เจ้าหน้าที่หญิงยิ้มให้อัศวินก่อนที่จะเดินออกไป
“อ้า เห็นนะ สาวเหล่น่ะ”
อัศวินเอามือยันหัวรัตนากรเบาๆ ให้หงายไป แล้วลุกขึ้น รัตนากรลุกขึ้นเช่นเดียวกับอัศวิน ก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นดู
“กว่าจะเสร็จ”
“พี่รอจ้ะ”
“ลองไม่รอดิ”
รัตนากรเดินออกไป อัศวินยิ้มออารมณ์ดี
ผู้ช่วยของ เฮนรี่ เจมส์ เดินนำชายสองคนเข้ามาหาเฮนรี่ ในห้อง
“มาแล้วครับ”
เฮนรี่หันกลับมา
“Did they get the map”
ผู้ช่วยหันไปแปลให้อีกฝ่ายฟัง
“พวกเอ็งได้แผนที่มาหรือเปล่า”
ชายคนหนึ่งพยักหน้า
“Let me see.”
“เจ้านายจะขอดู”
ชายอีกคนหยิบกระบอกทองเหลืองออกมาจากกระเป๋าสะพาย มีลักษณะคล้ายกับของดร.มานพ
“ในกระบอกนี้บรรจุแผนที่เส้นทางที่จะนำไปพบเนตนาคราช ตามที่ท่านหาอยู่”
เฮนรี่รับมา
“Is it real?”
“แน่ใจนะว่าของจริง”
“จริงแน่นอน”
“Yes, sir”
เฮนรี่พยักหน้าอย่างพอใจ
“Good.”
เฮนรี่พยักหน้า ผู้ช่วยเดินไปหยิบกระเป๋าเอกสารบรรจุเงินที่อยู่บนโต๊ะเดินเข้ามาตรงหน้าชาย
สองคน แล้วเปิดให้ดูข้างใน มีเงินอยู่เต็ม ชายสองคนพยักหน้า ผู้ช่วยปิดกระเป๋าแล้วส่งให้ ชายคนหนึ่งรับมาแล้วไปยืนกระซิบกับชายผู้ช่วย
“บอกแล้วว่าไอ้หรั่งมันโง่ มันรู้ที่ใหนว่าของจริงหรือของปลอม”
ผู้ช่วยกับชายสองคนต่างลอบยิ้มให้กัน เฮนรี่ยิ้ม
“ขอตัว” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น
“เชิญ”
เฮนรี่ตอบเป็นภาษาไทย ชายสองคนคาดไม่ถึง รวมทั้งผู้ช่วยด้วย
“คุณ พูดไทยได้”
“แน่นอน”
“ท่านๆ. คือผม”
“ลาก่อน”
เฮนรี่ชักปืนขึ้นมา ลั่นไกอย่างเยือกเย็น สมุนวิ่งเข้ามา
“เอาไอ้สองคนนี่กับกระบอกแผนที่ไปทิ้งที่กองขยะ ให้คนเห็นชัดๆ จะได้ไม่มีใครกล้า เอาของปลอมมาขายข้าอีก”
ที่บ้านหรูชานเมือง หน้าบ้านมีประตูรั้ว ด้านในมีมือปืนประจำอยู่สองคน รถหรูสองคันวิ่งเข้ามา มือปืนเปิดประตูอย่างรวดเร็ว รถสองคันวิ่งเข้าไปด้านใน ไปจอดที่หน้าตัวบ้าน ซึ่งมีมือปืนสิบคนยืนเฝ้าอยู่อย่างเข้มงวด จินหัว อายุประมาณ 30 ปี คอยอยู่แล้ว มือปืนที่นั่งอยู่ด้านหน้า รีบลงมาเปิดประตูให้ เจิ้งซา ชายจีนอายุประมาณ 60 ปี ท่าทางเย็นชา ก้าวลงมาจากรถ ขณะที่รถหรูคันหลัง มีหญิงสาวจีน วัย 22 ปี ซึ่งก็คือ มิเชล หรือ หลิน ก้าวลงมา พร้อมด้วยบอดี้การ์ดอีกสองคน
ภายในห้องประชุม จัดไว้แบบจีน เจิ้งซาเดินตรงไปที่เก้าอี้ตัวใหญ่ หลินไปนั่งเก้าอี้ทางด้านซ้าย บอดี้การ์ดสองคนยืนอยู่ด้านข้างใกล้ๆ กับหลิน ทางด้านขวาของชายสูงอายุ มีมือปืนยืนอยู่หนึ่งคน จินหัวยืนคอยต้อนรับยืนอยู่ตรงหน้า พลางโค้งคำนับ
“ขอต้อนรับท่านเจิ้งซา สู่สำนัก ขอต้อนรับ คุณหนูหลิน สู่สำนัก”
เจิ้งซาพยักหน้าช้าๆ
“เนตนาคราช มีจริง รายงานว่ามีแผนที่ที่จะนำไปสู่เนตรนาคราช ปรากฏ”
“เชื่อถือได้แค่ไหน”
“สายของเรารายงานว่าเป็นไปได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ จากผู้เดียวที่ติดตามค้นคว้าและรู้เรื่องนี้มากที่สุด”
“ดร.มานพ” หลินตอบ
“หลิน ลูกสาวข้าจะเป็นคนดูงานเรื่องนี้”
หลินยิ้มเยือกเย็นไม่แพ้เจิ้งซาผู้เป็นพ่อ
“จินหัวขอรับคำสั่ง”
เจิ้งซาพยักหน้ารับ เยือกเย็น
เจิ้งซาก้าวออกมาจากบ้าน พร้อมหลิน จินหัว ทั้งหมดมาหยุดตรงรถหรูสองคันเดิมที่จอดอยู่ เจิ้งซาหันมามองหลิน
“หลินจะไม่ทำให้เตี่ยผิดหวังอีกค่ะ ลูกสาว ดร.มานพมีฝีมือคาดไม่ถึง”
เจิ้งซาเหลือบมองหลินเย็นชา หลินรีบเงียบทันที
“จินหัว ข้าต้องการรู้ทุกอย่าง”
“ครับท่าน”
มือปืนมาเปิดประตูรถ เจิ้งซา ก้าวขึ้นรถ ออกไป หลินถอนใจเฮือก
รัตนากรกลับมาบ้าน ดร.มานพอ้าแขนรับลูกสาวอย่างโล่งใจ ที่รัตนากรกลับมาอย่างปลอดภัย
“กลับมาแล้วเหรอลูก”
“ค่ะ”
“มีเรื่องตื่นเต้นจะเล่าให้พ่อฟังหรือเปล่า”
รัตนากรลอบสบตากับหน้าอัศวิน
“ไม่มีค่ะ”
“รัตน์เก่งอยู่แล้วครับ”
“ดี พ่อล่ะนอนไม่ค่อยหลับทุกครั้งที่ลูกมีภารกิจ”
“หนูว่าพ่อนอนไม่หลับเรื่องเนตนาคราชมากกว่า”
ทั้งหมดหัวเราะกัน
ตอนเย็น ดร.มานพ พาอัศวินกับรัตนากร เข้ามาที่ห้องอาหารของบ้าน ซึ่งจัดสำรับไว้เรียบร้อยแล้ว โดยมีพนักงานโรงแรมคอยบริการอยู่สองสามคน อัศวินเห็นแล้วแปลกใจ
“ฉลองอะไรครับคุณอา”
“ฉลองที่เนตรนาคราช ได้ทุนสำหรับการออกค้นหาแล้ว ทันทีที่พ่อพร้อม”
“ขอแสดงยินดีด้วยครับ”
รั“ค่ะ คุณพ่อหนูแสดงความยินดีด้วย แม้ว่าหนูจะไม่เชื่อก็ตาม”
“เอาน่า การฉลองเป็นเรื่องดี ฉลองทุกอย่างไปเลย ฉลองเรื่องที่ลูกรัตน์ของพ่อกลับ มาอยู่บ้าน ฉลองที่พวกเราเป็นคนดี ไม่มีใครด่า ไม่มีใครไล่ มีชีวิตอยู่อย่างสมศักดิ์ศรีในสังคม”
รัตนากรกับอัศวินต่างยิ้ม
“ยัยกาญยังไม่มาอีกเหรอคะ”
“กำลังมาแล้วลูก”
“ใครนินทากาญคะ”
กาญจนาเดินเข้ามากับภาคภูมิ แล้วตรงเข้ามากอดพี่สาว
“อืม อาการครบสามสิบสอง”
“มือชั้นนี้แล้ว”
“พี่รัตน์ รู้จักพี่ภาคภูมิค่ะ”
“สวัสดีครับ ตัวจริง ดูไม่ดุอย่างที่ได้ยิน”
“ยังได้ยินไม่หมดมั้งคะ”
ภาคภูมิยิ้มจ้องรัตนากรไม่วางตา อัศวินขัดจังหวะ
“นั่งกันได้แล้วครับ ผมหิว”
“เอาเลย ทานกันได้แล้ว”
ทั้งหมดต่างแยกย้ายกันนั่งเก้าอี้ แต่รัตนากรยังยืนอยู่
“อ้อ พี่อัศวินคะ มาช่วยรัตน์เลือกไวน์หน่อย”
รัตนากรพูดจบก็เดินเข้าไปในครัว อัศวินลุกเดินตามไป
รัตนากรเดินเข้ามาในครัว อัศวินเดินตามเข้ามา รัตนากรก็หยุดหันมาถาม
“ทำไมคุณภาคภูมิไปรับยายกาญ ยายกาญมีแฟนแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ใจเย็นน่า น้องกาญบอกว่ามีคนตาม พี่ก็เลยให้คุณภาคภูมิเค้าช่วยระวังให้ก็เท่านั้นเอง”
“อ้อ รัตน์จำได้แล้ว sorry”
“คุณภาคภูมิเขาก็รู้ว่าน้องกาญมีแฟนแล้ว หรือว่าเราสน”
รัตนากรยิ้มลอยหน้าลอยตา
“Are you crazy”
รัตนากรพูดจบก็เดินผ่านอัศวินกลับเข้าไปที่โต๊ะอาหาร แถมยังแกล้งผลักเบาๆ อีก อัศวินอดยิ้มขำไม่ได้
เมื่อทุกคนทานอาหารค่ำเสร็จ ก็คุยกันไปเรื่อยๆ ภาคภูมิถามรัตนากรอย่างสนใจ
“ได้ยินว่ามีภารกิจที่โดดร่มลงจากตึกเลยหรือครับ”
“บอกไม่ได้ค่ะ classify “
“บอกได้ แต่นายต้องถูกเก็บ”
“ผมยอมให้คุณรัตน์เก็บอยู่แล้ว”
ภาคภูมิพูดกึ่งเล่น ทุกคนยิ้มขำกัน แต่สายตาภาคภูมิจ้องสบตารัตนากร รัตนากรรู้ได้ทันทีว่าภาคภูมิ สนใจเธอ
“ระวังนะพี่ภาคภูมิ พี่รัตน์พูดจริงทำจริง”
“ใช่ ถามอีกคำถูกเก็บแน่”
ทั้งหมดต่างขำกัน รัตนากรยิ้ม แล้วใช้ซ่อมจิ้มแคนตาลูป สีหน้าเข้ม สายตายังอยู่ที่ภาคภูมิ แล้วค่อยป้อนเข้าปากตัวเอง
“ดุแบบนี้เดี๋ยวไม่มีใครมาขอนะลูก”
ทุกคนต่างหัวเราะขำกัน อัศวินลอบมองภาคภูมิกับรัตนากร
รัตนกรกับกาญจนา โบกมือให้รถสองคันที่ค่อยๆ เคลื่อนออกไปจากประตูบ้าน ทั้งสองเดินโอบกันเข้ามาบ้าน
“กาญดีใจที่พี่รัตน์ปลอดภัยกลับมา”
“Me too”
ทั้งสองต่างขำกัน
“ดูท่าพี่ภาคภูมิสนพี่รัตน์นะ”
“รู้มากขนาดนั้นเลยเหรอจ๊ะ”
“ก็เล่นเหล่ซะขนาดนั้น ใครจะไม่รู้ล่ะ กาญว่า พี่อัศวินกะจะจับคู่ให้พี่รัตน์แน่เลย”
“พี่อัศวินชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน คราวหน้าจะอัดให้น่วม”
ทั้งสองต่างหัวเราะคิกคักกัน
ตอนดึก ดร.มานพอ่านหนังสืออยู่ รัตนากรเดินเข้ามาหา
“ยังไม่นอนอีกเหรอคะคุณพ่อ”
“อืม คงอีกสักพักน่ะลูก”
“นอกจากคุณพ่อแล้วมีคนสนใจเรื่อง เนตรนาคราชมากน้อยแค่ไหนคะ”
ดร.มานพ เงยหน้าขึ้นมองลูกสาวอย่างแปลกใจ
“เกิดอยากรู้อะไรขึ้นมาล่ะ”
“แค่สงสัยเท่านั้นค่ะ ว่ามีคุณพ่อคนเดียวหรือมีคนอื่นอีก”
“มีอีกซิลูก มีคนพร้อมให้ทุนพ่อในการค้นหา เนตรนาคราชหลายรายทีเดียว ทั้ง อเมริกา และ จีน”
รัตนากรตาเป็นประกาย นึกถึงเรื่องที่เคยมีชายชาวจีนมาถามเธอ ตอนที่ถูกจับตัวไป
“นึกไม่ถึงว่าเราจะโชคดี ได้พบกับยอดฝีมือของหน่วยพิเศษแล้วก็ลูกสาวของ ดร.มานพ นักโบราณคดีที่มีชื่อเสียงแบบว่าซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง”
“รีบเข้ามากราบแล้วก็ไขกุญแจมือซะ”
สมุนมองรัตนากรอย่างไม่พอใจ
รัตนากรครุ่นคิดถึงเหตุการณ์วันนั้น แล้วถามดร.มานพ
“ทางศูนย์ประกาศขอทุนหรือว่ามีคนเสนอเข้ามา”
“พ่อเองก็ไม่รู้ แต่พ่อเชื่อว่ามีนักโบราณคดีที่สนใจและอยากรู้เกี่ยวกับเนตรนาคราชมากทีเดียว”
“ตอนนี้ไปถึงไหนแล้วคะ”
“แค่หารหัสลับเปิดกระบอกบรรจุแผนที่ให้ได้”
“รัตน์ไม่รบกวนคุณพ่อแล้วค่ะ กู๊ดไนท์นะคะ”
“กู๊ดไนท์”
รัตนากรเดินออกไป ดร.มานพยิ้มสุขใจ แล้วหันไปจ้องที่กระบอกทองเหลืองตรวจข้อมูลกับหนังสือต่อ
วันรุ่งขึ้น รัตนากรกำลังฝึกยิงปืนอยู่ สียงภาคภูมิดังเข้ามา
“ฝีมือสุดยอด”
รัตนากรหันมา เห็นภาคภูมิยืนอยู่ทางด้านหลังของเธอ
“ฉันขอบอกว่าอย่าคิด”
ภาคภูมิอึ้งไปนิด
“คิดอะไรครับ”
“คุณภาคภูมิ ดิฉันยังไม่มีเวลาสนใจใคร”
“แต่พี่อัศวินบอกว่าคุณยังไม่มีแฟน แล้วผมก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ”
รัตนากรเริ่มหงุดหงิด ภาคภูมิยังยิ้ม อัศวินเดินเข้ามา
“อะแฮ้ม ยิงเป้าหรือจะยิงกันเอง”
รัตนากรหันมา เห็นอัศวินยืนอยู่
“รัตน์กำลังท้าคุณภาคภูมิว่าใครยิงเป้าแพ้ต้องเลี้ยงค่ะ”
ภาคภูมิยิ้มไม่ได้พูดอะไร
“เสียใจด้วยนะ คงต้องรอวันหลัง ผบ.ภิรมย์ ให้ผมมาตามทุกคนไปพบ”
“เชิญคุณภาคภูมิค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
ภาคภูมิเดินออกไป รัตนากรหันมาทางอัศวิน
“มีภารกิจเหรอคะ”
“เยส”
รัตนากรผลักอกอัศวินดังตึ้บ แล้วเดินออกไป
“เฮ้ หาเรื่องเหรอ”
รัตนากร ภาคภูมิ และอัศวิน นั่งอยู่ในห้องประชุม โดยมีผบ.ภิรมย์ กำลังพูดถึงรายละเอียดของภารกิจให้ฟัง
“มีมาเฟียชาวเอเซียพี่น้องสองคน งานของพวกคุณสองคน คือจับเป็นหรือตายมาเฟียตัวพี่ เจ้าพ่อค้ามนุษย์ข้ามชาติ อิทธิมันครอบคลุมทั้งหมดในอาเซี่ยน”
รัตนากรกับอัศวินต่างสบตากัน
“ส่วนคุณภาคภูมิตามล่าน้องชาย ตัวการใหญ่ค้าโคเคนระดับโลก จากอาเซี่ยนยันยุโรป อเมริกา
รายละเอียดถูกส่งไปที่ไฟล์ของพวกคุณแล้ว”
ภาคภูมิพยักหน้ารับ
“เชิญได้”
ทั้งหมดออกจากห้องไป
“รัตน์ไปเตรียมตัวก่อน โชคดีค่ะคุณภาคภูมิ”
“ขอบคุณครับ”
“พี่อัศวิน เดี๋ยวเราเจอกัน”
“โอเค”
รัตนากรแยกตัวไปอีกด้านหนึ่ง อัศวินกับภาคภูมิต่างเดินไปด้วยกัน
อัศวินกับภาคภูมิต่างตรวจอาวุธของตนอยู่ในห้องปฏิบัติการ ที่เต็มไปด้วยสัมภาระของแต่ละคน
“คุณรัตน์เท่ห์น่าดู”
“อืม ขาลุย”
“คุณอัศวินช่วยเป็นพ่อสื่อให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ ผมปลื้มสุดๆ”
“หา”
อัศวินถึงกับอึ้งไป
“ผมขอโทษครับ ผมไม่ทราบจริงๆ”
“ไม่ทราบเรื่องอะไร”
“ไม่ทราบว่าคุณอัศวิน เอ่อ กับคุณรัตนากร”
“เฮ้ย เราโตมาด้วยกัน ก็เลยสนิทกัน คุณอย่าคิดมาก”
ชายหนุ่มสองคนสบตากัน อัศวินตีหน้าเฉย
“งั้นผมฝากตัวด้วยนะครับ พี่อัศวิน”
ภาคภูมิยิ้มแล้วเดินจากไป อัศวินมองอย่างหงุดหงิดใจ
ตอนเย็น อัศวินกับรัตนากรขี่มอเตอร์ไซค์ในชุดปฏิบัติการสีดำ จ้องมองบ้านหรู แล้วบิดรถลงเขาไป
ด้านหน้าของบ้าน มีมือปืนยืนเรียงรายเฝ้าอยู่สามสี่คน บนระเบียงชั้นบนมีมือปืนยืนระวังอยู่สองคน
ระหว่างนั้น เงาสองเงาเคลื่อนเข้าไปทางพุ่มไม้ด้านหน้าอย่างรวดเร็ว มือปืนขยับตัว แต่เสียงปืนจากชายลึกลับดังขึ้น มือปืนสองสามคนล้มลงไป แต่แล้วสองสามคนโผล่มาอีกด้านหนึ่ง กราดปืนกลใส่ เสียงปืนดังสนั่นเ เงาร่างของคนพุ่งแยกกันไปคนละทาง แล้วม้วนตัวขึ้นสาดกระสุนใส่มือปืน มือปืนยิงตอบโต้
เสียงปืนดังสนั่นมาถึงห้องชั้นบน มือปืนเข้ามาในห้อง หัวหน้ามาเฟียออกมาจากห้องนอน
“เร็วเข้า ออกไปทางด้านหลัง ฮ.กำลังมารับ”
มือปืนนำหัวหน้ามาเฟีย ออกไปจากห้อง
มือปืนสาดกระสุนเข้าใส่ อัศวินกับรัตนากร แยกกันออกไปคนละจุด อัศวินออกมาเป็นตัวล่อ พวกมัน
กราดกระสุนเข้าใส่ ในขณะที่รัตนากรม้วนตัวออกมาด้านหนึ่ง ปล่อยกระสุนใส่มือปืน พวกมันทรุด สองคนส่งซิกกัน ต่างรีบเข้าไปในบ้าน
ทั้งสองเข้ามาในห้องรับแขก สาดกระสุนใส่พวกมือปืนคว่ำไป แล้วรีบขึ้นไปชั้นบน มือปืนยิงลงมา อัศวินกับรัตนากรโดดหลบ รัตนากรโยนระเบิดแก๊สน้ำตาส่งให้อัศวิน อัศวินโยนขึ้นมาเข้าหามือปืน พวกมันต่างหลบกันจ้าละหวั่น
อัศวินกับรัตนากรวิ่งขึ้นมาชั้นบน ทั้งสองสาดกระสุนใส่สมุนจนล้มระเนระนาด เสียงปืนดังสนั่น ทั้งสองต่างปราดเข้าไปตรวจดูตามห้องต่างๆ อัศวินเข้าไปห้องหนึ่ง ว่างเปล่า รัตนากรเข้าไปห้องหนึ่ง โทรทัศน์เปิดอยู่ มีเสียงผู้หญิงสองคนตบตีกัน รัตนากรยิงตูมเข้าที่โทรทัศน์
“เชื่อเลย”
รัตนากรรีบออกไปจากห้อง เจออัศวินข้างนอก
“เคลียร์”
“เคลียร์”
ทั้งสองรีบออกไป
อัศวินกับรัตนากรออกมาทางหลังบ้าน แต่แล้วมือปืนโผล่มาบนหลังคายืนกราดกระสุนใส่ ทั้งสองตีลังกาแล้วตั้งตัวกราดยิงใส่มือปืนบนหลังคา คว่ำไป
เสียงปืนดังสนั่น พวกมือปืนพาหัวหน้ามาเฟียขึ้นมาลานยอดเขาหลังบ้าน เสียงเฮลิคอปเตอร์ดังมาแต่ไกล แต่ยังมองไม่เห็น พวกมือปืนต่างยืนบังหัวหน้ามาเฟียไว้
พวกมือปืนจ้องปืนตรงทางขึ้นมาบนลานยอดเขา แล้วพูดขึ้น
“มือสังหารถูกเก็บแล้ว”
หัวหน้ามาเฟีย ถอนใจ พวกมือปืนต่างมองหน้ากัน
“ขึ้นมาได้”
หัวหน้ามือปืนอนุญาตสองคนขึ้นมาบนลาน ที่ใหล่และขาของพวกมันรอยบาดเจ็บปรากฏ
พวกมือปืนต่างมองสภาพของพวกมัน
“พวกเอ็งทำได้ดี”
ขณะนั้นเอง อัศวิน กับ รัตนากร ก็โผล่หน้าออกมาจากด้านหลังของมือปืน พวกมือปืนสาดกระสุน
เข้าใส่ รัตนากรกับอัศวินคว้าสองตัวที่ยืนอยู่บังกระสุนไว้ แล้วยิงกราดใส่พวกมือปืนคว่ำไปจนหมด
เหลือหัวหน้ามาเฟียยืนตัวสั่นอยู่คนเดียว รัตนากรกับอัศวินก้าวเข้ามา จ้องหน้าพิจารณา
“แย่แล้ว”
“ตัวปลอม”
อัศวินทุบโครม จนตัวปลอมล้มคว่ำไปแล้วทั้งสองวิ่งไปที่ขอบลาน เห็นรถกำลังวิ่งออกมารับหัวหน้ามาเฟียตรงหน้าบ้าน
“เร็วเข้า”
ทั้งสองรีบลงไปจากเนิน
อ่านต่อตอนที่ 2 / 09.30 น.