เนตรนาคราช ตอนที่ 7
เวจางวิ่งฝ่าดงไม้พุ่มไม้อย่างเร่งรีบ แล้วโผล่ออกมา ผ่านทีมงานของพวกมันที่ระวังยามอยู่ เข้าไปยังลานด้านในซึ่งเฮนรี่กับโจซิง และอังโซะนั่งดื่มกันอยู่
“พวกโจรมันมาหาขบวนเดินทางทำไม” เฮนรี่ถามทันที
“ไม่ได้มาหาครับ แต่มาเอาเรื่อง”
“ยุ่งแล้วไง”
“พวกมันคนหนึ่งไปยิงพวกโจรตาย”
“กฏห้ามฆ่ากัน มิน่า”
โจซิงเข้าใจทันที เฮนรี่เครียด
“ความจริงก็ดี ปล่อยให้พวกโจรฆ่าพวกมัน แล้วเราก็เข้าไปสวมรอย ฝังพวกมัน ยึดเอาแผนที่มา เดินทางต่อ สบายใจ” โจซิงพูดขึ้น
เฮนรี่ยิ้มเยาะ “มันคงไม่ง่ายแบบนั้น พวกมันต้องมีแผนสองรองรับ”
“พวกโจรเยอะมาก พวกมันไม่มีทางแหกวงล้อมออกไปได้” เวจางออกความเห็น
เฮนรี่ยิ้มหัวเราะขำ
“พวกนายรู้จัก มิสเตอร์อัศวิน น้อยไปซะแล้ว”
“หรือไม่เราก็ไปดักเล่นงานพวกมัน ตอนมันฝ่าพวกโจรออกมา” โจซิงเสนอ
“ปัญหาก็คือ ถ้าเราหาแผนที่ไม่พบ เท่ากับว่าทุกอย่างจบสิ้น”
ทุกคนถึงกับเงียบไป เฮนรี่ครุ่นคิด
“ตกลงเราจะเอายังไง” โจซิงถามขึ้น
“เวจาง ท่านไปคอยดู มีอะไรรีบกลับมารายงาน”
เวจางกระดกกระติกน้ำสองอึก แล้วเดินออกไป เฮนรี่ครุ่นคิดวางแผน
ที่ลานพัก ฝ่ายโจรและพวกของอัศวินเข้าประจันหน้ากัน หัวหน้าโจรยืนอยู่บนรถ มีพวกมือปืนยืนขนาบข้างรถ
ทางด้านอัศวิน ทุกคนต่างเตรียมพร้อม ตามที่วางแผน
“ทั้งสองฝ่ายออกมาได้” หัวหน้าโจรประกาศ
ชาติก้าวออกไป แต่แล้วพี่ชายของคนตาย ก้าวออกมาสามคน ฝ่ายอัศวินต่างขยับตัวพร้อมรับสถานการณ์
“ไหนว่าเป็นการดวลมีดตัวต่อตัว” อัศวินท้วง
“พี่ชายคนตายมีสามคน ต่างก็ต้องการแก้แค้น พวกเอ็งออกมาสามคนก็แล้วกัน”
อัศวินกับอิทธิก้าวออกไปยืนคู่กับชาติ รัตนากรกับโรส ต่างลอบสบตากันตามแผน
“โชคดีที่พวกท่านทั้งหมดไม่ใช่ญาติของคนตาย”
“เริ่มได้”
ทั้งสองฝ่ายต่างแยกกันจับคู่ ต่างเริ่มสู้กัน กาญจนาหน้าเครียดคอยดูชาติ วีรกิจเห็นเข้าก็ไม่พอใจ พรานเมิงลอบสบตากับนพดลและพรานโก๊ะ นพดลกับพรานโก๊ะพยักหน้า พรานเมิงสบตากับนายอง นายองพยักหน้าและเข้ามายืนใกล้กาญจนา
เฮนรี่ส่องกล้องทางไกลดู แล้วหันไปมองโจซิง กับ อังโซะ และ เวจาง ทีมงานหนึ่งคนถือปืนยาวมี
กล้องติด ยืนอยู่ใกล้ๆ เวจาง
“คนของเราซุ่มพร้อมอยู่ในราวป่า พร้อมปฏิบัติการ มีพรานอองข่านคอยนำทาง” เวจางรายงาน
“ดี เริ่มแผน”
ทีมงานโยนปืนให้เวจาง เวจางเดินมาส่งให้อังโซะ อังโซะรับมาตรวจดู ยิ้มเยือกเย็น
อัศวินกับชาติ และอิทธิ ต่อสู้กับพวกมันอย่างดุเดือด รัตนากรกับโรสต่างมองหัวหน้าตาไม่กระพริบ กาญจนาตกใจทุกครั้งที่มีดเฉี่ยวชาติอย่างหวาดเสียว วีรกิจมองแค้นใจ นายองซึ่งอยู่ใกล้กาญจนาสังเกตเห็น อาการของวีรกิจ
อัศวินโชว์ฝีมือเหนือกว่า พี่ชายคนตายเริ่มเสียเปรียบ เป็นภาพปรากฏอยู่ในกล้องส่องทางไกลของหลิน หลินยิ้มอย่างพอใจ
“ฝีมือเยี่ยม”
หยกกับปิงยืนอยู่ข้างๆ พร้อมด้วยสาวกมังกรทองอีกห้าคน หลินมองอย่างตื่นเต้น
อัศวินหลบมีดที่แทงมา หมุนตัวคว้ามีด ทุ่มมันข้ามหัวไป มันกระแทกพื้นบิดตัวไปมา ลุกไม่ขึ้น อัศวินตวัดมือขว้างมีดปักลงดินตรงข้างๆ หน้าของมัน แล้วหันมามองหัวหน้าโจร หัวหน้าโจรพยักหน้าเป็นเชิงยอมรับ
ในขณะที่อิทธิเจอคนฝีมืออ่อนที่สุด ต่อสู้โชว์ลวดลายอยู่พักหนึ่ง ก็จัดการกับมันได้ อิทธิก้าวมายืนคู่กับอัศวิน มองระวังพวกมัน
ชาติถอยหลบมีด เสียหลักเข้าไปในกลุ่มโจร ถูกพวกมันจับผลักออกมาจนถลาเข้าหาคู่ต่อสู้ เสียจังหวะ
ใกล้เกินไป คู่ต่อสู้ตวัดมีดเข้าใส่ ถอยไม่พ้น ถูกปาดเฉี่ยวที่ท้องเสื้อขาด เลือดซึมออกมา พวกโจรต่างเฮ กาญจนาเม้มปากแน่น จ้องตาไม่กระพริบ
โจรได้ใจบุกเข้าหาชาติ แทงพรวด ชาติเอามือปัดแล้วชกด้วยด้ามมีด มันกระเด็นไปยังกลุ่มพวกโจร พวกโจรจับให้มันตั้งหลักได้ มันเข้ามาใหม่ สุดท้ายชาติชนะ มันนอนแผ่ ชาติขว้างมีดปักที่พื้นตรง หว่างขาของมัน เสียงพวกมันต่างตกใจงึมงำ ชาติหันไปทางหัวหน้าโจร อัศวินก้าวออกมา
“กฏคือห้ามฆ่ากัน พวกเรารู้ จึงไม่ได้คิดแหกกฎ ไม่ยังงั้นไอ้สามคนนี้ดับไปแล้ว”
หัวหน้าพยักหน้า แต่แล้วโจรที่สู้กับชาติคว้ามีดที่ชาติขว้างปักไว้ที่พื้นขึ้นมาแล้วพรวดเข้าหาชาติ แต่แล้วเสียงปืนดังเปรี้ยงสนั่น โจรหมุนคว้างล้มลงตาย อัศวินหันขวับไป เห็นแสงแว่บสะท้อนจากเลนซ์กล้องปืนกระทบแดด
“ไอ้ เฮนรี่”
อังโซะยิ้มเยือกเย็น โยนไรเฟิลให้เวจาง เฮนรี่ยิ้มอย่างพอใจ
“พวกเอ็งเล่นไม่ซื่อ” หัวหน้าโจรท้วง
“ไม่ใช่พวกของข้า พวกข้าอยู่ที่นี่ครบทุกคน”
“พวกเอ็ง ต้องตายหมด”
ทันใดนั้น อิทธิโดดเข้าหารัตนากรกับโรส ย่อตัวยื่นเข่าออกมา รัตนากรกับโรส วิ่งเข้าหาอิทธิ รัตนากรเหยียบที่หัวเข่า โรสเหยียบที่มือสองข้างของอิทธิที่แบออกมารอรับ ทั้งสองดีดตัวตีลังกาลงไปยืนที่หน้ารถพร้อมๆ กัน โรสยืนตรงคนขับ รัตนากรยืนตรงหน้าของหัวหน้าพอดี พวกมือปืนสองคนยืนเกาะข้างรถ ตะลึง ขยับตัวตวัดปืนขึ้นมา ก็เจอรัตนากรกับโรสเตะปืนของมันแต่ละคน
กระเด็นหลุดออกไป พร้อมปืนในมือของสองสาวตวัดออกมา ต่างจ่อที่หัวหน้าโจร
พวกเฮนรี่ที่มองอยู่คาดไม่ถึง เฮนรี่เครียด
หลินเอากล้องลงหน้านิ่ง
“นังสองคนนี่ฝีมือร้ายกาจ”
รัตนากรกับโรส กราดปืนไปมา อีกข้างหนึ่งยังจ่อที่หัวหน้าเหมือนเดิม อัศวิน ชาติ อิทธิ มองทุกคน ในมือขณะนี้มีปืนทั้งสองข้าง กราดไปมา
“พวกข้าบริสุทธิ์ หรือท่านหัวหน้า ว่ายังไง” อัศวินถาม
“พวกเอ็งไม่มีวันรอดจากที่นี่ไปได้”
“เอ็งก็เหมือนกัน”
รัตนากรขยับปืนจิ้มเข้าที่หน้าอกหัวหน้าโจร พวกโจรไม่กล้าขยับ ต่างมองหัวหน้า
“พวกเรา ยืนรออะไรอยู่” อัศวินร้องบอก
นพดลและทุกคนเริ่มเคลื่อนตัวถอยออกไปที่ราวป่าอย่างรวดเร็วโดยมีทีมงานคอยระวังหลังตามที่วางแผนไว้
“นี่มันถิ่นข้า พวกเอ็...”
เสียงปืนดังเปรี้ยงจากปืนของโรส หูของมันมีเลือดออกซิบๆ พวกสมุนได้แต่ขยับตัว
“พี่พูดทีไร น้องตกใจทุกที ทางที่ดีอย่าพูดดีกว่า” โรสพูดกวนๆ
เคนยืนอยู่บนเนินห่างออกไป ถือกล้องส่องทางไกลมองอยู่ หัวเราะชอบใจ
“น้องโรสของข้าเก่งจริงๆ”
มือข้างหนึ่งของมันยกขึ้นกระดิกนิ้วทั้งห้า เหล้าขวดหนึ่งเข้ามาอยู่ในมือ เคนมองกล้องไปหัวเราะไป
อัศวินมองจนทุกคนลับตาหายเข้าไปในราวป่าแล้ว
“เห็นทีจะต้องเชิญท่านไปส่งเรา”
อัศวินกับชาติ และอิทธิ เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้รถ อิทธิกระชากคนขับลงมาแล้วพรวดขึ้นไปนั่งแทน
อัศวินกับชาติพรวดไปทางด้านหลัง กดหัวหน้าลงข้างหน้า รัตนากรกับโรสหมุนไปยืนตรงบันได โรสยืน
ตรงข้างคนขับ รัตนากรยืนข้างหัวหน้าโจร ต่างหันตัวออกกราดปืนใส่พวกมัน อิทธิเคลื่อนรถพรวดออกไป
พวกมันได้แต่ยืนมอง ทำอะไรไม่ได้
อิทธิจอดรถ ทุกคนลงจากรถ
“ท่านจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ไม่ใช่พวกเราที่ยิงคนของท่าน ท่านส่งคนไปดูบนเนินด้านหลังจากลานพักของพวกเราท่านก็จะรู้”
อิทธิยิงเปรี้ยงๆ ไปที่ยางของรถ
“ขออภัยเป็นอย่างสูง”
“ทางที่ดีท่านอยู่ดูแลชุมโจรของท่านจะดีกว่า ไม่จำเป็นต้องตามพวกเรา”อัศวินบอก
“นอกจากว่าท่านอยากให้น้องสาวเรายิงหูของท่านอีกข้างหนึ่ง” รัตนากรขู่
“ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง” โรสยิ้มรับ
“พวกเอ็งอาจจะต้องผ่านมาทางนี้อีก ข้าจะรอคิดบัญชีกับพวกเอ็ง”
“อย่ารอเลยพี่ พวกเราอาจจะไม่รอดกลับมาก็ได้” ชาติพูด
อัศวินกับทุกคนต่างยิ้มขำ หัวหน้าโจรแปลกใจ
“ถ้ารอดกลับมา พวกฉันขอเลี้ยงเหล้าทุกคน หลังจากนั้นค่อยว่ากัน” อัศวินประกาศ
ทุกคนต่างขำกัน แล้วก็พากันเดินออกไป หัวหน้าโจรอดพยักหน้ายอมรับไม่ได้ ว่าพวกอัศวินไม่กลัวตายจริงๆ
พรานเมิงนำทางทุกคน กาญจนา นายอง ตามหลัง วีรกิจ ตามด้วยนพดล กับพรานโก๊ะ ปลายแถวมีทีมงานทั้งห้า ถือปืนระวังปิดท้ายขบวน ต่างก็มีสัมภาระของตัวเอง
“นี่ เราพักกันหน่อยได้มั้ย”
นายองหันมามองวีรกิจ
“พักไม่ได้ คุณอัศวินบอกว่าให้ไปให้ไกลที่สุด”
“อะไร ทำไมจะพักไม่ได้ คนเหนื่อย จะไม่ให้พักได้ยังไง”
กาญจนาหยุดกึก
“คุณวี เราไม่ได้มาทัวร์ เหนื่อยแล้วจะได้หยุด มีคนกำลังตามล่าเรา ที่สำคัญมีคนเสี่ยงชีวิตเพื่อให้เรารอด อยู่ๆ คุณจะมาหยุดได้ยังไง”
“แต่ผม”
“งั้นคุณพักได้ หายเหนื่อยแล้วค่อยตามไป เราเดินทางกันต่อ”
กาญจนาพูดจบ เดินตามพรานเมิงซึ่งนำไปไกล มีนายองตามติด นพดล กับ พรานโก๊ะ เดินมาหยุดตรงหน้าวีรกิจ
“ถ้าคิดจะพักจริงๆ ผมแนะนำให้หลบเข้าไปในแนวป่าลึกเข้าไปอีกหน่อยจะดีกว่า”
พรานโก๊ะแบกเครือกล้วยมาด้วย ยื่นกล้วยส่งให้ วีรกิจอารมณ์เสีย พรานโก๊ะรีบเดินออกไป
“ผมคิดว่าอีกสักพัก พวกของคุณอัศวินคงตามมาทัน พรานเมิงทำเครื่องหมายไว้แล้ว”
นพดลพูดจบก็เดินต่อ ทีมงานที่ตามหลังห้าคนเดินผ่านวีรกิจไป มีเสียงหัวเราะเบาๆ ระหว่างพวกทีมงาน วีรกิจฮึดฮัดไปมา เมื่อเห็นไม่มีใครหยุดจึงรีบเดินตามไป
เฮนรี่เดินไปเดินมา
“ป่านนี้พวกมันไปถึงไหนแล้ว เรามัวแต่ นั่งรอฟ้าดินอยู่ที่นี่”
อังโซะนั่งนัวเนียอยู่ข้างๆ โจซิง เฮนรี่หันมามองพรานอองข่าน
“ว่าไงพราน”
“พายุมาแน่นอน พวกมันไปไม่ได้ไกล เผลอๆ ตายกันหมด ไม่ต้องเสียเวลาตาม”
โจซิงได้แต่จ้องพรานอองข่าน พูดไม่ออก เฮนรี่ยักไหล่
“ถ้าพายุไม่มา ค่อยว่ากันที่หลัง”
เฮนรี่ส่งสายตาให้โจซิง โจซิงยิ้มเยือกเย็น พรานอองข่านไม่ได้สนใจพวกมัน
พรานเมิงเดินมาหยุดตรงชายป่า ตรงหน้ามีเขาลูกย่อมๆ พรานเมิงแหงนหน้ามองท้องฟ้า กาญจนากับนายองเดินตามมาทัน
“ไง พ่อ หลงล่ะซิ”
กาญจนาเอามือหยิกนายองเบาๆ นายองร้องโอย
“พูดกับพ่อดีๆ หน่อย วันหนึ่งพ่อไม่อยู่แล้วจะเสียใจ”
“ทำไมต้องต้องเสียใจ นายองรักพ่อ พ่อก็รักนายอง ใช่มั้ยพ่อ”
“มันปากเก่งแบบนี้ล่ะคุณกาญ อย่าถือสามันเลย เด็กมันไม่มีใครสั่งสอน”
“ความจริงนายองพูดถูก พวกเราพูดกันเพราะๆ แต่บางคนก็ไม่ได้สนใจที่จะทำให้พ่อแม่สบายใจ”
นายองยิ้มแป้น
“ถ้าพี่กาญสอน หนูก็จะลองดู”
กาญจนายิ้ม นพดลกับพรานโก๊ะเดินเข้ามา กาญจนามองไปทางด้านหลัง
“กำลังเดินตามมา”
นพดลบอก กาญจนาพยักหน้าว่าหมายถึงวีรกิจ
“นึกแล้ว”
“อะไรพ่อ”
“พายุมาแน่นอน เราช้าไม่ได้”
ทุกคนจ้องที่กาญจนา ให้ตัดสินใจว่าจะรอวีรกิจหรือไม่ กาญจนากัดฟัดตัดสินใจ แต่แล้ววีรกิจก็โซเซโผล่มา แล้วหยุดพิงต้นไม้หอบเหนื่อย โดยไม่สนใจว่าจะมีคนรอหรือท้องฟ้ามืดมิด
“พรานเมิงนำ”
พรานเมิงนำออกไป
“พี่หมอ”
“ได้ พี่จัดการเอง”
“พี่กาญ”
นายองลากกาญจนาออกไป นพดลหันไปสั่งทีมงาน ทีมงานสองคนพยักหน้า เดินย้อนกลับไปที่วีรกิจ วีรกิจยืนขึ้น
“ผมยังเหนื่อยอยู่ ไม่ไปไหนทั้...”
ทีมงานคนหนึ่งต่อยเข้าใส่ปลายคางวีรกิจโครม อีกคนรับไว้ได้ ทั้งสองคนช่วยกันหิ้วปีกวีรกิจลากพรวดผ่านนพดลกับพรานโก๊ะไป “น่าจะให้ยานอนหลับอย่างแรง” พรานโก๊ะแซว
นพดลยิ้มแล้วออกเดินไป
พรานเมิงวิ่งอย่างรวดเร็ว ท้องฟ้าเริ่มมืดมิด พรานเมิงหยุดเอามีดฟันต้นไม้เป็นรูปกากบาท แล้วหันไปเรียกทุกคนที่กำลังตามมา
“เร็วเข้า เราต้องมุ่งหน้าขึ้นที่สูง หาถ้ำให้ได้”
พรานเมิงออกวิ่งนำทุกคนต่อไป กาญจนา นายอง นพดล พรานโก๊ะ วิ่งตามมา พร้อมด้วย
ทีมงานสองคนลากวีรกิจผ่านไป
อิทธิยืนอยู่ตรงหน้าต้นไม้ที่มีรอยกากบาท อัศวิน รัตนากร โรส ชาติ อยู่ห่างออกไป
“ทางนี้”
ทุกคนวิ่งเข้ามาหาอิทธิ อัศวินแหงนหน้ามองท้องฟ้า
“พายุมาอย่างที่พรานเมิงบอกไว้”
อิทธิเดินออกไป ทุกคนต่างตามออกไป
สายฟ้าวิ่งจากท้องฟ้าลงมาที่พื้น เสียงฟ้าผ่าเปรี้ยง กาญจนากับนายองสะดุ้งตามประสาผู้หญิง ต่างยิ้มให้กัน ทุกคนยืนรวมกลุ่มกันอยู่ วีรกิจยังสลบ โดยมีทีมงานหิ้วปีกอยู่ทั้งสองข้าง
“พ่อ หายไปใหน ทำไมนานจัง”
พรานเมิงโผล่ออกมาจากราวป่าเชิงเขา
“ทางนี้”
ทุกคนต่างรีบออกไป นพดลหยุดให้ทุกคนผ่าน ตวัดปืนขึ้นมา แล้วยิงขึ้นฟ้า เปรี้ยง เงียบไม่มีเสียงตอบ
นพดลยิงไปที่ต้นไม้อีกหนึ่งเปรี้ยง แล้วออกวิ่งตามไป
อิทธิหยุดเงี่ยหูฟัง ทุกคนวิ่งตามมาถึง
“ว่าไง” อัศวินถามร้อนใจ
“เหมือนได้ยินเสียงปืน” อิทธิบอก
ทันใดนั้นฟ้าแลบแปลบ ตามด้วยเสียงฟ้าร้อง
“นั่นไงเสียงปืนของคุณ”
อิทธิเหล่เดินไปมากราดสายตารอบ รัตนากรแหงนหน้ามองท้องฟ้า
“ถ้าฝนตกรอยคงหายหมด”
ทุกคนต่างหันมาทางอิทธิ อิทธิกราดสายตาไปมาหาร่องรอย แล้วรีบออกไป ทุกคนต่างมองหน้ากันแล้วออกตามไป
อ่านต่อหน้า 2
เนตรนาคราช ตอนที่ 7 (ต่อ)
ท่ามกลางฟ้าที่มัวลง สายฟ้าแว่บ ฟ้าร้องตลอดเวลา
“ทางนี้เร็วเข้า”
ทุกคนต่างวิ่งมายังพรานเมิงที่รออยู่หน้าถ้ำ เสียงฟ้าร้อง บวกกับสายฟ้าแลบหลายครั้ง
“ผมเข้าไปตรวจเรียบร้อย กว้างพอที่จะพักหลบได้สบาย นายองเอ็งนำทุกคนไป”
“มาพี่กาญ”
นายองเดินนำเข้าไปในถ้ำ
“พี่หมอ”
นพดลพยักหน้า หันไปโบกมือให้ทีมงานพาวีรกิจตามนายองเข้าไป กาญจนาตามเข้าไป
“พรานเมิงเข้าไปก่อน ฉัน พรานโก๊ะกับทีมงานจะแยกกันออกไปดักคอยพวกเรา” นพดลบอก
“ก็ได้ แต่อย่าไกลนัก ถ้าพายุมา ฟ้ามืด แค่ห้าก้าวสิบเก้าก็หลงได้ ผมจะลองย้อนกลับไปดูพวกนั้นเอง”
“เวลาพายุมา ผมยิงปืนเป็นสัญญานจะได้มั้ย” นพดลถาม
“ก็ได้ พายุทำท่าแบบนี้ ไอ้พวกนั้นคงไม่กล้าตามมา”
พรานเมิงพูดจบก็เดินย้อนกลับไป นพดลหันมาสั่งการ
“พวกทีมงานลองแยกออกไปคอยพวกเราอย่าไกลมาก ทำเครื่องหมายไว้ด้วย จะได้กลับถูก”
ทีมงานสามคนพยักหน้ารับ แล้วแยกกันออกไป
“พรานโก๊ะอยู่กับฉันที่นี่”
“โอเค”
ทีมงานสองคนเดินออกจากปากถ้ำมาหานพดล
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะ”
“ครับ”
“คุณสองคนแยกออกไปรอพวกเรา อย่าให้ไกล เดี๋ยงจะหลง”
ทีมงานสองคนเดินกันออกไป เสียงฟ้าร้อง ฟ้าแล่บดังครืนๆ ฟ้ามืด ลมเริ่มแรง นพดลเครียด
ภายในถ้ำ กาญจนาค่อยๆ ใช้ผ้าชุบน้ำซับตามใบหน้าของวีรกิจ
“ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่สลบ แถมยังไม่ต้องเดินอีกด้วย อยู่เฉยๆ เดี๋ยวก็ฟื้น” นายองบอก
กาญจนายิ้ม “คนเราถ้าช่วยกันได้ ไม่เลือก เป็นเรื่องดี”
นายองทำหน้ามุ่ยใส่วีรกิจ
“บางคนน่าช่วย บางคนไม่น่าช่วย เฮ้อ ไม่พูดดีกว่า”
นายองบ่นแล้วเดินไปนั่งพิงผนังถ้ำห่างออกไป กาญจนายิ้ม แล้วหันมาเช็ดหน้าให้วีรกิจต่อ
“พี่กาญ”
“ไหนว่าจะไม่พูดไง”
“พี่กาญ”
กาญจนายิ้มหันไปจนได้ แต่แล้วก็คาดไม่ถึง ร่างกายเย็น เพราะตรงหน้าคือ งูจงอางตัวใหญ่ ชูคอสูงเท่าคนยืนโผล่ มาจากหลังก้อนหินอยู่ตรงหน้าของนายอง ซึ่งนั่งนิ่งไม่กล้าขยับตัว กาญจนาได้แต่จ้อง ทำอะไรไม่ถูก
สายฟ้าแลบ ส่งเสียงดังสนั่น รัตนากรรีบเข้ามา หน้าตาตื่น เหมือนสัมผัสอะไรบางอย่างได้
“ยัยกาญ
อัศวิน ชาติ อิทธิ รีบเข้ามา
“เป็นอะไร ทำไมหน้าซีด” อัศวินร้อนใจ
รัตนากรกราดสายตาไปมาร้อนรน
“ยัยกาญ”
อัศวินเห็นหน้าตาร้อนรนของรัตนากรแล้วถามว่ากาญจนาเป็นอะไร
“ไม่ทราบค่ะ รู้ว่าบางอย่างไม่ดีเกิดขึ้น”
งูจงอางตัวมหึมาจ้องนายองเขม็ง นายองไม่กล้าขยับตัว กาญจนาค่อยๆ เลื่อนมือไปที่ปืนข้างเอวอย่างช้าๆ งูจงอางส่ายหัวยกสูง ตาจ้องที่นายอง กาญจนาเหงื่อผุดเต็มใบหน้า มือที่ดึงปืนออกจากซองสั่นระริก ตาจับจ้องที่งูจงอาง แต่แล้ววีรกิจ ครางขึ้นมาเบาๆ กาญจนารีบเอามือปิดปากเขาไว้ ไม่ให้ส่งเสียง
นายองตาโตลุ้นกลัวว่าวีรกิจจะส่งเสียง วีรกิจค่อยลืมตาขึ้นมา พอเห็นงูจงอางก็ตาเหลือก จะขยับตัว กาญจนากดมือ พูดรอดไรฟัน
“อย่าขยับ”
วีรกิจนิ่งลงทันควัน แต่กาญจนายังกดมือไว้ที่วีรกิจเหมือนเดิม เธอขยับมือค่อยๆ ยกปืนขึ้นมามือสั่นระริก งูจงอางขยับหัวไปมา นายองจ้องแทบจะไม่หายใจ นิ้วของกาญจนา ค่อยเคลื่อนเข้าไปในโกร่งไก ตาจ้องอยู่ที่หัวของงูจงอาง
“โอย สั่นแบบนี้จะโดนหรือเนี่ย สาธุ” นายองใจเสีย
นิ้วของกาญจนาค่อยๆ เหนี่ยวไก มือยังสั่นอยู่ เสียงพรานโก๊ะดังขึ้น
“ทุกคนอยู่นิ่งๆ ครับ อย่าดุกดิก”
นายองเห็นพรานโก๊ะ ยิ่งผวาหนัก พรานโก๊ะยังแบกเครือกล้วยอยู่บนบ่า
“โอย นายพรานเอ๋อ มาทำไม”
กาญจนาผ่อนหายใจโล่งอกเพราะเคยเห็นฝีมือรักษาพิษงูมาแล้ว เธอค่อยๆ ลดปืนลง พรานโก๊ะเดินเข้าไปยืนบังนายอง งูจงอางชูคอสูง พรานโก๊ะยกมือพนมสวดมนต์พึมพำ งูจงอางค่อยๆ ย่อตัวลง แล้วในที่สุดก็เลื้อยกลับเข้าไปในถ้ำ วีรกิจลุกขึ้นมา หน้ายังซีดเผือด พรานโก๊ะยิ้มระรื่น
“ไม่มีอะไรครับ ท่านหนีพายุหลบเข้ามาเหมือนกันน่ะครับ แบ่งๆ กันอยู่”
นายองกับกาญจนาต่างถอนใจโล่งอก พรานโก๊ะแบกเครือกล้วยเดินไปนั่งพิงผนังถ้ำ เด็ดกล้วยกินสบายอารมณ์ ไม่มีใครสนใจวีรกิจ
นพดลยืนอยู่หน้าถ้ำ คอยดูคนอื่นๆ ท่ามกลางสายฟ้าแล่บและเสียงฟ้าร้อง ทีมงานทั้งห้าคนต่างพากันกลับมา
“ยังไม่เห็นมีใครเลยครับ จะออกไปไกล กลัวว่าจะกลับไม่ถูก”
“ไม่เป็นไร เรารออยู่ที่นี่ พรานเมิงอาจจะเจอพวกนั้นก็ได้”
วีรกิจพูดกับกาญจนาอย่างไม่พอใจ
“คนของคุณทำร้ายผม”
“คุณทำให้การเดินทางล่าช้า และทำให้ทุกคนตกอยู่ในอันตราย”
“คุณก็ห่วงแต่เรื่องเดินทาง นี่ถ้าเกิดผมบาดเจ็บเดินไม่ไหว คุณคงยิงผมทิ้ง”
นายองนั่งพิงผนังถ้ำใกล้พรานโก๊ะ เหล่วีรกิจ แล้วพึมพำ
“น่าจะทิ้งไว้ในป่า”
พรานโก๊ะยิ้มชอบใจ
“ถ้ากาญคิดแบบนั้น คุณไม่ได้ยืนพูดอยู่ตรงนี้”
กาญจนาเดินไปนั่ง หยิบเป้ขึ้นมาตบเบาๆ แล้ววางลง เอนตัวลงนอนหลับตาลงไม่สนใจ
วีรกิจ วีรกิจเถียงไม่ออกได้แต่ฮึดฮัด นายองเหล่อย่างไม่พอใจ
“กล้วยมั้ยคุณ”
วีรกิจเห็นพรานโก๊ะส่งกล้วยให้ ยิ่งหงุดหงิดเสียอารมณ์ มองไปก็เห็นกาญจนานั่งตรวจตราเส้นทางการเดินทางอยู่ ไม่สนใจเขา วีรกิจแค้น นายองสังเกตเห็นอย่างชัดเจน จับตาดูอย่างไม่พอใจ
อิทธินำทุกคนมาถึงจุดหนึ่ง เห็นรอยกากบาทอยู่บนต้นไม้ และเหนือไปเป็นรอยกระสุนปืน
“ดูนั่นรอยกระสุนปืน”
“คนยิงปืนจริงๆ มีนายได้ยินอยู่คนเดียว” อัศวินบอก
“งั้นเราลองยิงดู พวกนั้นอาจอยู่ใกล้ๆ” รัตนากรเสนอ
“ถ้ามีพวกโจรตามมา มันก็คงได้ยินเหมือนกัน” โรสท้วง
“เราลองหาเครื่องหมายกากบาทดูก่อนดีกว่า ถ้าไม่เจอจริงๆ แล้วค่อยใช้ปืน” ชาติแนะ
“รีบหน่อยก็ดี ฝนตกลงมาละก็ยุ่งแน่” อัศวินเตือน
อิทธินำออกไป ทุกคนตาม ท่ามกลางเมฆที่เริ่มจะมืด หนาขึ้น แสงฟ้าแลบ และฟ้าร้อง ดังไม่ขาดสาย
พรานเมิง มุ่งหน้าย้อนกลับไปทางเดิม ในขณะที่อิทธินำทุกคนตามอย่างเร่งรีบ แต่แล้ว อิทธิยกมือขึ้นมา ทุกคนหยุด ต่างเคลื่อนตัวเข้าหาที่กำบัง
“มีความเคลื่อนไหว”
ทุกคนรู้เชิงต่างเตรียมพร้อมกราดสายตาโดยรอบ ทันใดนั้นก็เห็น หัวหน้าชุมโจรกับลูกน้องนับสิบ ซุ่มตัวเรียงรายอยู่ในราวป่าด้านหน้า
“พวกมันมาดักหน้าเราได้ยังไง” รัตนากรสงสัย
“ที่นี่ถิ่นของพวกมัน” โรสบอก
“กัดไม่ยอมปล่อยจริงๆ อุตส่าห์ปล่อยให้รอด” อัศวินเจ็บใจ
“แบบนี้ต้องปล่อยไป” ชาติบอก
“อืม ใช่ ไปแล้วไปลับ” อัศวินรับลูก
ทันใดนั้นอัศวินหันตัวขวับ ปืนตวัดไปตรงหน้า เช่นเดียวกับทุกคนเกือบจะพร้อมๆ กัน สีหน้าเคร่งเครียด ปืนในมือพร้อมลั่นไก
“ซามู” รัตนากรร้องขึ้น
ซามูยิ้มยกมือเป็นสัญญาณให้เงียบแล้วออกนำไป อัศวินส่งซิกให้ทุกคนตามซามู ส่วนตัวเองหันไประวังพวกโจรจนทุกคนออกไปหมด อัศวินจึงเคลื่อนตัวออกไป
ซามูหยุดรอจนทุกคนเดินมาถึง เขาทำมือไม้ชี้ไป ชาติถ่ายทอดอาการของซามูให้ทุกคนฟัง
“ตรงไปอีกครึ่งชั่วโมง ถ้ำอยู่ข้างหน้า”
ขาดคำ รัตนากรก็วิ่งพรวดออกไปอย่างรวดเร็ว คนอื่นได้แต่มองตามสงสัย
“คุณรัตน์เป็นห่วงยัยกาญ”
อัศวินพูดจบก็รีบเดินตามไป ทุกคนออกเดินตาม เหลือชาติหันมาทางซามู
“ขอบใจเพื่อน”
ซามูพยักหน้า แล้วถอยหลังเดินห่างออกไป พลางทำไม้ทำมือเหมือนกินน้ำ
“เออ ข้าติดเหล้าเองขวดหนึ่ง”
ซามูยิ้มแล้วหันหลังวิ่งเข้าแนวป่าไป ชาติยิ้มขำ แต่แล้วเห็นเงาออกมาจากแนวป่าอีกด้านหนึ่งดุ่มเข้ามา เขาตวัดปืนจ้องที่ร่างตะคุ่ม พร้อมเหนี่ยวไก จนร่างนั้นใกล้เข้ามา
“ผมเองครับ”
ชาติยิ้มออกเก็บปืน เมื่อเห็นเป็นพรานเมิง
“รีบไปเถอะครับ ฝนกำลังมา”
ทั้งสองเดินออกไป
รัตนากรวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ด้วยความห่วงใยน้องสาว เริ่มมีสิ่งลี้ลับทำให้เธอสัมผัสได้ถึงกาญจนาอย่างไม่เคยมีมาก่อน
นพดลกับทีมงานต่างระวังอยู่หน้าปากถ้ำ
“มีคนมา”
ทีมงานบอก ทุกคนต่างแยกย้ายกันระวัง
“มีคนเดียวครับ”
ทั้งหมดเห็นเงาตะคุ่มของคนๆ หนึ่งกำลังวิ่งตรงใกล้เข้ามา
“ยัยรัตน์ ทุกคน พวกเราเอง คุณรัตนากร”
นพดลรีบออกไปหา
“ทางนี้ ยัยรัตน์”
นพดลโบกมือให้กับรัตนากร รัตนากรวิ่งมาถึงหน้าถ้ำ นพดลยิ้มให้ ยังไม่ทันได้พูดอะไร
“พี่หมอ ยัยกาญล่ะ”
“ข้างใน”
รัตนากรรีบเข้าไป นพดลแปลกใจ สั่งทีมงานให้รีบตามเข้าไปดู
“มีคนมาอีกแล้วครับ”
นพดลหันขวับกราดตามอง ก็เห็นพรานเมิง เดินออกมาจากราวป่า สักครู่ก็เห็น อัศวิน อิทธิ ชาติ โรส เดินตามกันออกมา เขายิ้มโล่งใจ
รัตนากรรีบเข้ามาในถ้ำ เห็นกาญจนานอนอยู่ ตกใจ โผเข้าไปจับตัวน้องสาว
“ยัยกาญ ยัยกาญ”
กาญจนาลุกขึ้นมา สองพี่น้องจ้องหน้ากัน
“เกิดอะไรขึ้น”
“เอ่อ คือ พี่”
กาญจนาจ้องอย่างแปลกใจ แล้วหันไปทางหน้าถ้ำ
“พี่อัศวิน”
กาญจนาวิ่งไปหาอัศวิน รัตนากรถอนใจโล่งอก ที่น้องสาวไม่เป็นอะไรแม้ว่าจะน้อยใจนิดๆ ที่น้องสาวไม่สนใจเธอ นายองเข้ามากอดรัตนากร
“พี่รัตน์”
รัตนาหันมากอดนายอง น้อยใจที่คนอื่นคิดถึงเธอมากกว่าน้องสาว
กาญจนากับอัศวินเดินออกมาคุยกันหน้าถ้ำ
“ที่แท้เราเจองูนี่เอง มิน่า”
“มิน่า อะไรคะ กาญจะเจอเนื้อคู่เหรอ”
“พี่สาวเรานะซิ อยู่ๆ ก็หน้าซีด พึมพำแต่ยัยกาญ ยัยกาญ พอถาม ก็บอกว่าไม่รู้ ต้องรีบ”
กาญจนานึกถึงเมื่อสักครู่ที่รัตนากรเข้ามาเขย่าตัวเธอ
“แบบนี้เอง”
“ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องเป็นสิ่งที่พิเศษ กาญควรจะหายโกรธพี่รัตน์ได้แล้ว”
“กาญจะพยายามค่ะ ขอเวลากาญอีกหน่อย”
อัศวินยิ้มพอใจ
ภายในถ้ำ ทุกคนต่างแยกย้ายกันนั่งตามมุมต่างๆ กาญจนาอยู่มุมหนึ่ง วีรกิจยังคนนั่งหน้าเครียดอยู่ใกล้ๆ มองกาญจนา เห็นเธอนั่งตรวจบันทึกเส้นทางอยู่ เขาเลื่อนตัวลงนอนกอดอกหลับตาลง กาญจนาชำเลืองมอง รู้ตลอดเวลา แต่ยังไม่พร้อมจะคุยด้วย เธอมองไปที่รัตนากรซึ่งนั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง มีนายองอยู่ข้างๆ นายองทำไม้ทำมือเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง รัตนากรชำเลืองมาทางกาญจนา ทั้งสองต่างสบตากัน
ฝนตกลงมา ท้องฟ้ามืดมิด เฮนรี่บอกกับทีมงานทุกคน
“ทีนี้ทุกคนคงเชื่อฝีมือพรานอองข่าน พายุมาจริงๆ”
“หวังว่าพวกมันคงไม่ตายด้วยพายุซะก่อน” โจซิงเปรย
“พรุ่งนี้ก็หยุด” พรานอองข่านบอก
ทุกคนหันมองหน้ากัน
“งั้นเราก็ตามพวกมันได้” โจซิงถาม
พรานอองข่านพยักหน้า ยกแกแฟขึ้นจิบไม่สนใจใครอีก โจซิงกับเฮนรี่ต่างสบตากัน โจซิงอารมณ์เสียเดินออกไปข้างนอก เฮนรี่เดินตามไป
“ผมชักรำคาญ ไอ้พรานนั่นแล้วนะบอส น่าจะบอกเรื่องพายุว่ามาวันเดียวหยุด เล่นกั๊กแบบนี้ เท่ากับพวกเราเหมือนอยู่ในกำมือ”
“ทำไงได้ ไม่มีใครรู้เส้นทาง”
“ไอ้เวจางแกะรอยเก่งอยู่แล้ว ยังไงก็ตามพวกมันได้ ไม่ต้องใช้พราน”
“เกิดพวกมันเป็นไข้ป่าตายกันหมด แล้วทิ้งแผนที่ไว้ให้เรา หรือว่าเราบังเอิญแย่งแผนที่ได้ ใครจะเป็นคนนำทาง”
โจซิงเงียบไป
อ่านต่อหน้า 3
เนตรนาคราช ตอนที่ 7 (ต่อ)
ตอนค่ำ อัศวินเดินเข้ามาในถ้ำ ลงนั่งข้างๆ พรานเมิง
“นับว่าเราหลบได้ทันท่วงที ต้องขอบใจพรานเมิง”
“ผมดูแล้วคืนนี้น่าจะผ่านไปหมด น่าเสียดาย”
“น่าเสียดายอะไรพ่อ”
“ถ้าพายุมาสักสองสามวัน ไอ้พวกที่ตามเรามาคงถอย”
“แบบนี้พอพายุหยุด พวกมันก็มาถึงนี่ได้” รัตนากรถาม
“ครับ หรือบางทีถ้าพวกมันบ้าพอมันอาจฝ่าพายุมาก็ได้ เผลอๆ พวกมันรู้ว่ามีถ้ำอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำไป”
ทุกคนต่างมองหน้ากันเคร่งเครียด
“ทุกคนพักผ่อนให้พอ พรุ่งนี้ต้องมีเรื่องให้ลุ้นกันอีก อิทธิคืนนี้นายอยู่ช่วยฉัน เปลี่ยนให้ทีมงานได้พัก”
ชาติกับอิทธิพยักหน้า
“ฉันอยู่ด้วย”
อิทธิมองโรส โรสยักไหล่ นายองมองโรสว่าซ่าเกินไปแล้ว
“ขอบคุณครับ” อัศวินบอก
โรสยักไหล่ว่าโอเค แล้วมองอิทธิ ต่างสบตากัน รัตนากรมองกาญจนากับวีรกิจ เห็นทั้งสองคนยังคงมึนตึงกันอยู่
นายองเข้ามานั่งกับพรานเมิง บ่นๆ
“ยัยป้าทำซ่าอีกแล้ว”
“เอ็งนี่ ชอบยุ่งกับคุณโรสจริงๆ”
“โธ่เอ๊ย ทำเก่ง นายองก็เฝ้าได้ ใครๆ ก็เฝ้าได้”
“บ่นอะไรเหรอ นายอง”
อัศวินเดินเข้ามา
“เอ่อ คือ บ่นพ่อน่ะจ้ะ”
นายองลุกเดินออกไปหน้าตาเฉย อัศวินขำ นั่งลงข้างๆ พรานเมิง
“เราต้องมีแผนรองรับ เผื่อพวกมันรู้จักถ้ำนี้ อย่างที่พรานเมิงคาดการณ์”
“ผมจะลองเข้าไปด้านในเผื่อมีทางออกอีกด้านหนึ่ง”
“ดี เนียนๆ อย่าให้คนอื่นตื่นเต้น”
“ครับ”
พรานเมิงลุกเดินออกไป รัตนากรเดินเข้ามา นั่งข้างๆ อัศวิน
“แพลน บี”
“อืม กำลังคิดอยู่ พี่คิดว่า ขบวนเดินทางของเราใหญ่เกินไป ชักช้า ยากต่อการป้องกัน เราควรจะ
แยกขบวนออก”
“แต่ว่า”
“พี่รู้ว่ารัตนห่วงยัยกาญ แต่แยกกันอาจทำให้ยัยกาญและทุกคนปลอดภัยขึ้น”
“แบ่งทีมออกจากขบวนสองทีม ทีมหนึ่งล่อให้หลงทิศทาง และ ทีมหนึ่งก่อกวน”
“ถูกต้อง”
“น่าจะเวิร์ค”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
คืนนั้น อัศวินบอกต่อหน้าทุกคนถึงแผนต่อไป ว่าเขาจะแบ่งขบวนใหญ่ออกเป็น 3 ขบวน วีรกิจตื่นเต้น“ผมกับคุณรัตนากรหนึ่งขบวน เพื่อคอยสกัดกั้น และล่อให้พวกมันออกนอกเส้นทาง”
“เพราะสิ่งนี้”
รัตนากรชูกระบอกแผนที่ขึ้นให้ทุกคนดู
“คุณโรสกับคุณอิทธิหนึ่งขบวน เพื่อคอยก่อกวน สืบข่าว และประสานงาน ระหว่างทุกกลุ่ม เนื่องจาก
ชำนาญในการแกะรอยเดินทางได้คล่องตัวกว่าทุกคน”
โรสพยักหน้า อิทธิชำเลืองมองโรสแว่บหนึ่ง
“ที่เหลือนำทางโดยพรานเมิง จนกว่าจะถึงจุดหมายที่หนึ่งตามกำหนดในแผนที่ โดยมีคุณชาติเป็นผู้นำขบวน”
ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย
“แต่หลังจากนั้น กาญต้องมีแผนที่เพื่อกำหนดเส้นทางต่อไป”
“เป็นหน้าที่ของคุณอิทธิและคุณโรสที่จะต้องหาเราให้พบและนำคุณรัตนากรมาให้ถึงจุดนัดหมาย”
“เป็นแผนที่ดี ขบวนใหญ่จะเดินทางได้สบายขึ้น ปลอดภัยขึ้น ส่วนสองขบวนย่อยจะคล่อง ตัวขึ้นทั้งรับและรุก” ชาติเห็นด้วย
“งั้นตามแผนได้เลย ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป” อัศวินบอก
อิทธิเดินมาหาโรส
“คุณติดแหงกกับผมอีกแล้ว เสียใจด้วยนะครับ”
“หน้าที่คือหน้าที่ ไม่เห็นมีอะไรต้องดีใจหรือเสียใจ”
“ที่ผมบอกว่าเสียใจ เพราะรู้ว่าคุณไม่ชอบหน้าผม”
“หน้าที่ก็คือหน้าที่ ไม่จำเป็นต้องชอบหรือไม่ชอบ ฉันไม่หาเรื่องทะเลาะกับคุณเหมือนนางเอกละครน้ำเน่าหรอกน่า”
“โอเค ตามนั้น”
โรสยิ้มให้แล้วเดินออกไป อิทธิมองตามยักไหล่ หันไปอีกทาง ก็เจอนายองพอดี
“ว่าไงนายอง”
“หนูแค่มาลา เผื่อหลงไม่ได้เจอกันอีก”
อิทธิยิ้มเอามือยีหัวนายอง
“คิดมากน่า ต้องเจอซิ ถึงหลงพี่ก็ต้องหานายองให้เจอ”
นายองยิ้มตาลอย อิทธิเดินออกไป นายองยิ้มแล้วหันไปทำหน้าหงิกใส่โรส
สายฝนสาด พายุยังคงพัดแรง ทีมงานห้าคนแยกย้ายกันตามจุดอยู่หน้าถ้ำ ผลัดกันคอยระวังเวรยาม อิทธิกับโรสเดินออกมาหน้าถ้ำมาที่ทีมงานคนหนึ่ง
“บอกพวกเราไปพักกันได้ คืนนี้จะมีคนรับช่วงต่อถึงเช้า”
ทีมงานพยักหน้าหันไปยกมือส่งซิก ทีมงานที่เหลือต่างพากันเข้าไปในถ้ำ อิทธิกับโรสมอง
หน้ากัน
“ฉันระวังทางซ้าย คุณขวา”
“โอเค”
โรสเดินออกไป อิทธิมองตาม ทำหน้าล้อว่าโรสได้แต่สั่ง
ชาติเดินมาหานพดลซึ่งนั่งใกล้กับพรานโก๊ะ
“คุณชาติเลยต้องรับหน้าแทนเจ้าหมอนั่น”
นพดลโบ้ยหน้าไปทางวีรกิจ ซึ่งนั่งอยู่ตรงมุมของเขา ไม่สนใจใคร ไม่สำนึกว่าตนก่อเรื่อง
“ฝีมือเฉียบขาดจริงๆ อยากกินอะไรบอก” พรานโก๊ะยิ้มพอใจ“ตอนนี้แค่พี่หมอทำแผลให้ก็พอ”
“หา”
“ซู่ว เบาดิ ผมไม่อยากให้ใครรู้”
นพดลพยักหน้า เป็นเชิงเข้าใจ
“ขอดูแผลหน่อย”
ชาติค่อยๆ ดึงเสื้อขึ้นมาเห็นรอยมีดบาดตรงครึ่งหน้าท้องยาวมาทางด้านสะโพกขวา
“ถูกพวกมันผลักเข้าไปหาคมมีด”
“ไอ้พวกลอบกัด” พรานโก๊ะโกรธ
“เดี๋ยวจะให้ยาแก้ปวดกินก่อน ตอนทุกคนหลับแล้วค่อยทำแผล”
ชาติยิ้มพยักหน้า นพดลขยับไปหยิบยาในเป้ มองว่าทุกคนไม่สนใจ จึงส่งยาให้ชาติ แต่รัตนากรเห็นพอดี ยิ่งนพดลทำท่าพิรุธ รัตนากรยิ่งอ่านออก เห็นชาติกำลังกินยา รัตนากรคาดการณ์ได้ แต่ทำไม่รู้เรื่อง เพื่อรักษาหน้าชาติไว้
“ยาจะทำให้ง่วง หลับไปเลย ไม่ต้องห่วงเรื่องแผลพี่จะคอยไปตรวจดู”
ชาติพยักหน้ายิ้มให้
กาญจนาตรวจเส้นทางเดินทางเสร็จก็เก็บกระดาษเข้าเป้ หันไปทางวีรกิจซึ่งขยับตัวลุกขึ้นมานั่ง แล้วหันมามองพอดี กาญจนาถอนใจ เดินไปหา
“คุณเป็นไงบ้าง”
“นี่คุณจะมาเล็คเช่อร์ผมอีกเหรอ”
“กาญเป็นห่วงนะคะ”
วีรกิจมองไม่ค่อยแน่ใจ
“ยิ่งต่อจากนี้ไป ทุกอย่างจะเริ่มเข้มข้นขึ้น”
“ผมว่าคุณกับพวกคุณ ทำให้ตัวเองอยู่ในอันตรายมากกว่า ผมเลยพลอยซวยไปด้วย แถมคุณรวมหัวกับพวกนั้นมาโกรธผม”
กาญจนาจ้องวีรกิจนิ่ง ฝืนยิ้ม
“โกรธน่ะมีบ้าง แต่กาญยังอยู่ข้างคุณเสมอ”
วีรกิจทำไม่สนใจจะฟัง
“แต่คุณก็ทราบแล้วว่าเราไม่ได้มาท่องป่าปิคนิกกัน จากนี้ไป ถ้าคุณก่อเรื่องให้คนอื่นเดือดร้อนอีก กาญจะเล่นงานคุณ”
วีรกิจคาดไม่ถึง กาญจนายิ้มเครียดแล้วลุกออกไป
พายุพัดแรง ฝนยังตกหนักกระหน่ำ สายฟ้าแล่บ พร้อมเสียงฟ้าร้องดัง อิทธิระวังอยู่หน้าถ้ำ อัศวินกับรัตนากรเดินเข้ามาหา
“คุณโรสล่ะ”
“ผมเห็นว่าไม่มีอะไร เลยให้เข้าไปพัก ต้องไล่ถึงจะยอม กวนน่าดู”
ทั้งหมดต่างขำกัน
“ฝนตกแบบนี้ พวกมันคงบ้าถ้าบุกมา” รัตนากรเดา
“หรือไม่ก็ต้องแค้นสุดๆ ความแค้นทำให้คน ทำได้ทุกอย่าง”
“พี่ว่ารัตน์ไปพักเอาแรงดีกว่า เผื่อไว้”
“นายด้วย ฉันคอยระวังเอง”
“แน่ใจนะเพื่อน”
“เออน่า”
“โอเค”
อัศวินกับรัตนากรเดินเข้าไปหในถ้ำ อิทธิยิ้ม กราดสายตาฝ่าสายฝนออกไป
ระหว่างเดินเข้ามาในถ้ำ อัศวินเอ่ยถามรัตนากร
“ถามหน่อย”
“อะไรคะ”
“อยู่ๆ กลายเป็นคนมีญาณพิเศษรู้ว่ายัยกาญมีอันตรายได้ยังไง”
รัตนากรหยุดเดินคิดอึดใจ
“รัตน์ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ เพิ่งจะรู้สึกตอนเดินทางนี่แหละค่ะ”
อัศวินฟังอย่างสนใจ
“ค่อยๆ เริ่มรู้สึกทีละนิด แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร มาคราวนี้แรงมาก แปลกจริงๆ”
“คงเป็นเพราะที่นี่มีอันตรายรอบตัว รัตน์เป็นห่วงยัยกาญมากก็ได้”
“คงยังงั้นมั้งคะ”
อัศวินยิ้มให้ มองไปทางทีมงานที่รวมกันอยู่ห่างออกไป
“พี่จะไปทักทายกับทีมงานซะหน่อย”
“ค่ะ”
อัศวินแยกไปทางทีมงาน ทักทายพูดคุย รัตนากรมองชื่นชมในความมีน้ำใจของเขา
รัตนากรเดินมาที่ของเธอภายในถ้ำ นั่งลงคว้าเป้ออกมา ดึงปืนสำรองออกมาสำรวจทำความสะอาด กาญจนาเดินเข้ามาหา รัตนากรยิ้มให้น้องสาวก่อน
“กาญขอดูแผนที่หน่อย จะตรวจดูเส้นทางเพื่อความมั่นใจ”
รัตนากรพยักหน้า กาญจนานั่งลงข้างๆ รัตนากรปลดกระบอกแผนที่ออกส่งให้ กาญจนาดึงแผนที่
ออกมา ค่อยๆ กางตรวจดูอย่างระมัดระวัง
“เอ่อ ทำไมกาญไม่ลอกแผนที่ทั้งหมดเลยล่ะ จะได้ไม่ต้องดูบ่อยไม่ต้องกลัวขาดหรือเสียหาย”
“แผนที่ไม่ยอมค่ะ”
รัตนากรชะงัก ไม่เข้าใจ
นพดลตรวจยาต่างๆ อยู่ พรานโก๊ะสะกิด โบ้ยหน้าไปทางรัตนากรกับกาญจนา นพดลมองตาม เห็นสองคนนั่งคุยกัน ต่างยิ้ม พยักหน้ากัน อัศวินเดินนั่งลงมาข้างๆ นพดล
“ไงหมอ สองคนนั่นคุยกันแล้ว”
“ดีว่ะ”
ทั้งสองยิ้มให้กัน พรานโก๊ะส่งกล้วยให้อัศวิน
“ไม่ไหวพราน กินจนจะเป็นลิงอยู่แล้ว”
นพดลขำ พรานโก๊ะเกาหัว สงสัยว่าทำไมพวกนี้ไม่ชอบกินกล้วย
กาญจนากับรัตนากรยังนั่งคุยกันต่อ
“คือกาญลองแล้ว แต่แผนที่เหมือนถูกอากาศนานไม่ได้ เริ่มเปลี่ยนสี กาญเลยต้องรีบเก็บ ครั้งหนึ่ง
ดูได้อย่างมาก 15 นาที ลอกได้ทีละส่วน เพิ่งได้แค่จุดหมายแรกเอง”
“อ้าว ถ้าเกิดแผนที่หายก็ไปไม่ถึงน่ะซิ”
“ค่ะ”
รัตนากรอึ้งไป คาดไม่ถึง
“แต่ไม่ควรให้ใครรู้”
รัตนากรพยักหน้า กาญจนาเอาแผนที่เก็บเข้ากระบอกอย่างระมัดระวัง แล้วส่งให้พี่สาว
“อยู่กับพี่รัตน์ ไม่หายหรอก”
รัตนกรยิ้ม
“เอ่อ ยัยกาญ”
กาญจนาหันมา
“กาญขอเวลาอีกหน่อย”
“คือ รู้สึกว่าคุณชาติจะได้แผลจากการดวลแทนคนของเรานะ”
กาญจนาตกใจ แล้วพยักหน้ารับ ขยับตัวจะเดินออกไป
“เดี๋ยว”
กาญจนาหยุดหันมา
“คุณชาติคงไม่ยากให้ใครรู้”
กาญจนาพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ แล้วเดินออกไป รัตนากรเอากระบอกแผนที่สะพายเก็บอย่างเดิม โดยไม่ทันสังเกตว่ากระบอกแผนที่ มีแสงขึ้นมาวูบหนึ่งแล้วดับลงไป
กลางดึก กองไฟมอด แต่แล้วก็มีฟืนเข้ามาเติมอีกหลายท่อน จนไฟสว่างขึ้นมาอีก เป็นฝีมือของพรานเมิง กับ พรานโก๊ะ
“น่าจะพอถึงเช้า เรานอนพักเอาแรงกันดีกว่า” พรานเมิงบอก
“ข้าสังหรณ์ใจว่าอาจจะต้องตื่นก่อนน่ะซิ”
“เอ็งคาดการณ์ได้ใกล้เคียงกับข้า”
ทั้งสองต่างลุกขึ้นเดินออกไป กาญจนานอนอยู่ ขยับตัวตื่นขึ้นมา เห็นทุกคนหลับอยู่ จึงลุกออกไป
ชาตินอนอยู่ รู้สึกตัว เพราะมีมือมาตรวจที่แผลแต่ยังหลับตาอยู่
“ขอบคุณครับพี่หมอ ผมไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ”
“ดูซะหน่อยดีกว่าค่ะ เพื่อความมั่นใจ”
ชาติลืมตาขึ้นทันที
“คุณกาญจนา”
กาญจนายิ้มให้ ค่อยๆ ตรวจบาดแผลอย่างเบามือ ชาติได้แต่เงียบ จ้องหน้าสวยๆ ของเธอ จนกาญจนาตรวจเสร็จ แล้วเอามือแตะที่หน้าผาก
“ไม่มีไข้ ดีค่ะ”
“ครับ”
“นอนพักเถอะค่ะ”
ชาติยิ้ม แล้วหลับตาลงเพราะฤทธิ์ยา กาญจนารู้สึกว่าชาติเจ็บตัวเพราะเธอ
อิทธิยืนอยู่หน้าถ้ำ มองฝ่าสายฝนออกไป ฝนเริ่มเบาบางลง โรสเดินเข้ามา
“พายุกำลังจะผ่านไป”
“ครับ”
“ถ้าคุณง่วงฉันรับช่วงต่อได้นะ”
“ผมว่าคุณนั่นแหละไปนอนต่อได้เลย”
ทันใดนั้นเสียงปืนดังเปรี้ยง เสียงคนร้อง แล้วทรุดลง ทั้งสองหันไป เป็นฝีมือของอัศวิน
“หลบเร็ว” อัศวินร้องบอก
อิทธิดันโรสออกไปที่โขดหินหน้าปากถ้ำ กระสุนถูกหินปากถ้ำกระจุย อัศวินพุ่งเข้ามาแทนที่ สาดกระสุนออกไป เสียงดังสนั่น เสียงร้องของคนดังขึ้น เงาของพวกมันฝ่าสายฝนเข้ามา แสงแปลบปลาบของสายฟ้า ทำให้เห็นพวกมันนับสิบ กระจายกันเต็มพื้นที่ กระสุนปลิวเข้ามาราวกับห่าฝน อัศวินพุ่งเข้าไปหลบตรงโขดหินปากถ้ำ หันไปหาอิทธิกับโรสที่หลบอยู่อีกข้างหนึ่ง
“คุณโรสบอกทุกคนให้ทำตามแผน”
โรสพรวดเข้าไปข้างใน อิทธิโผล่ออกไปสาดกระสุนเข้าใส่พวกมัน พวกมันล้มลงไป
“มันรู้ว่าเราอยู่ที่นี่อย่างพรานเมิงว่าจริงๆ”
ขาดคำเสียงปืนก็ดังสนั่นขึ้นมาจากด้านนอก กระสุนปลิวมาถูกปากถ้ำกระจุย
โรสวิ่งเข้ามาก็เห็นทุกคนพร้อมอยู่แล้ว
“ทุกคนรู้ว่าควรจะทำยังไง” รัตนากรบอก
“ทางนี้ครับ”
พรานเมิงสาดไฟฉาย นำออกไป กาญจนาหันมามองรัตนากร รัตนากรพยักหน้าให้ กาญจนาพยักหน้าตอบ นายองดึงกาญจนาให้ตามไป วีรกิจตามติดตื่นกลัว นพดล พรานโก๊ะและชาติตบท้าย
“ฝากยัยกาญด้วยค่ะคุณชาติ”
“ไม่ต้องห่วงครับ”
รัตนกรพยักหน้าเป็นเชิงขอบคุณ ชาติกราดแสงจากไฟฉายตามแถวเข้าไปในถ้ำ รัตนากรหันมาทางโรส
“แล้วอย่าลืมออกมาตามหาพี่ล่ะน้องสาว”
“แน่อยู่แล้วพี่สาว”
“แล้วพี่จะรีบส่งคุณอิทธิเข้ามา”
โรสยิ้ม รัตนากรยิ้มแล้วพุ่งออกไป โรสปราดไปที่เป้ของตนหยิบไฟฉายออกมาตรวจดูความเรียบร้อย หยิบเป้ของอิทธิมาตรวจดูความเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว
อ่านต่อหน้า 4
เนตรนาคราช ตอนที่ 7 (ต่อ)
อัศวินสาดกระสุนสกัดพวกโจรที่ปรากฏอยู่ท่ามกลางสายฝน อิทธิกำลังสาดกระสุนใส่
ฝ่าสายฝนออกไป พวกมันยิงสาดเข้ามาเสียงปืนดังสนั่น กระสุนถูกหน้าถ้ำกระจุย พวกมันเริ่มบุกเข้ามาใกล้ปากถ้ำ เสียงปืนสนั่นออกมาอีก รัตนากรตามออกมาสาดกระสุนใส่พวกมัน
พลางไปหลบข้างๆ อิทธิ
“คุณอิทธิ เชิญ”
อิทธิถอยเข้าไปในถ้ำ
“โชคดีครับ”
“แล้วเจอกันเพื่อน”
อัศวินโบกมือ อิทธิพุ่งหายเข้าไปในถ้ำ รัตนากรกับอัศวินต่างยิงสกัดพวกมัน
อิทธิเข้ามาในถ้ำ โรสก็โยนเป้กับไฟฉายให้ อิทธิเปิดไฟสาดเป็นลำเข้าไปด้านในถ้ำ ขณะที่โรสเขี่ยกองไฟให้ดับลง แล้วตามอิทธิไป
อัศวินกับรัตนากรสาดกระสุนใส่พวกมันล้มคว่ำเสียงร้องระงม อึดใจพวกมันก็เงียบเสียงลง
ทั้งสองต่างมองหน้ากัน
“พี่ว่า พวกมันตายหมดแล้ว”
“เว่อร์ พวกมันพักรอบุกตอนเช้ามากกว่า”
“งั้นเราพักกันมั่ง”
อัศวินขยับตัวลงไปนั่งพิงโขดหิน รัตนากรยิ้มขยับตัวนั่งเบียดชายหนุ่ม อัศวินขยับแขนมาโอบรัตนากรไว้ให้พิงที่อก
“เหมือนตอนเราออกภารกิจที่อิรักเลย นั่งรอเวลาให้พวกมันบุก ผิดตรงที่ภารกิจสามวันห้าวันจบ งานนี้คงอีกยาว”
“อย่าบ่น พี่นั่นแหละตัวนำ แถมยังมาลากรัตนมาด้วย”
อัศวินยิ้มขำไม่พูดอะไร รัตนากรเหล่ อดเอาศอกกระทุ้งไม่ได้ อัศวินร้องเบาๆ
ตอนเช้า อัศวินพิงโขดหินหลับอยู่ มีมือมาสัมผัสใบหน้าอย่างแผ่วเบานุ่มนวล เขาขยับตัวแต่ยังไม่ลืมตา
“พวกมันมากันแล้วเหรอ”
รัตนากรยิ้ม
“อืม เยอะด้วย”
อัศวินลืมตาขึ้นมาอย่างขี้เกียจ เคลื่อนตัวไปที่หินที่ใช้เป็นที่กำบัง มองไปข้างหน้า เห็นหัวหน้าสั่ง
พวกมันกระจายกำลังออก ล้อมหลายจุด รัตนากรเข้ามายืนข้างๆ อัศวินจ้องพวกมัน
“เผลอหลับแพลบเดียว หนุ่มๆ มากันแต่เช้าเลยนะ”
“ทำไงได้ น้องสาวเสน่ห์แรง”
ทั้งสองต่างจ้องพวกมันที่เริ่มเคลื่อนตัวขึ้นมาใกล้ปากถ้ำ
“แบบนี้ ก็ต้องเสิร์ฟอาหารเช้าชุดพิเศษ”
อัศวินคว้าเป้ แล้วล้วงหยิบระเบิดมือขึ้นมาสองสามลูก
“ไข่ต้มอัศวิน”
รัตนากรขำ ตวัดปืนขึ้นมาเตรียมพร้อม ต่างจ้องพวกมันอย่างใจเย็น
พรานเมิงใช้มีดทำเครื่องหมายกากบาทไว้ตรงต้นไม้ แล้วเดินนำทุกคนออกไป นายองจูงกาญจนาตามไป วีรกิจเดินตาม นพดล พรานโก๊ะ ชาติกับทีมงานคุมหลัง ต่างเร่งฝีเท้าหายเข้าไปในแนวป่า
เสียงระเบิดดังสนั่นที่หน้าถ้ำ พวกมันกระจายร้องเสียงหลง อัศวินกราดยิงร่วงลง แต่พวกมันมีเยอะ เริ่มล้อมใกล้เข้ามา กระสุนยิงเฉี่ยวใกล้ตัวอัศวินกับรัตนากรทุกที
“เราถอยเข้าไปในถ้ำดีกว่า”
“กู๊ดไอเดีย เรามืด มันสว่าง ส่องได้จะๆ”
“พี่ยิงคุม เราเข้าไปก่อน โก โก โก”
อัศวินยิงกราดพวกมัน รัตนากรพุ่งเข้าไปที่ปากถ้ำ หลบหลังก้อนหินแล้วหันกลับมายิงพวกมัน พวกมันหลบกันวุ่นวาย
“นาว”
อัศวินถอยเข้ามาในถ้ำ รัตนากรยิงกราดอีกสองสามชุดแล้วถอยไปหลบอยู่ตรงโขดหินด้านใน ต่างจ้องปืนมายังด้านหน้าพร้อมสกัดพวกมัน
ขบวนของเฮนรี่ พรานอองข่าน ทุกคน อยู่บนเนินเขา ทีมงาน 10 คน เวจางเข้ามารายงาน
“พวกโจรไล่ต้อนพวกมันเข้าไปในถ้ำ”
“ปล่อยให้พวกมันฆ่ากันไปก่อน”
“ข้าว่าถ้ำต้องมีทางออกด้านหลัง ป่านนี้พวกมันไปกันลิบแล้ว”
โจซิงหันมามองพรานอองข่าน เช่นเดียวกับ เฮนรี่และทุกคน
“บอกตอนนี้อย่าบอกดีกว่า”
“ข้าเพียงแต่เดา ถ้ำส่วนมากมีทางเข้ากับทางออก พวกเอ็งอยากรอให้พวกมันฆ่ากันตายเอง จะมาโทษข้าไม่ได้”
“งั้นเชิญท่านพรานนำทางพวกเราไปหาพวกมันหน่อย”
พรานอองข่านกราดสายตามองทุกคน แล้วเดินนำออกไป โจซิงกระชากปืนขึ้นมา เฮนรี่ปราม
“ใจเย็นไว้ก่อน เรามีพรานคนเดียว”
เฮนรี่เดินตามออกไป โจซิงมองพรานระงับอารมณ์ เวจางเดินเข้ามาตบไหล่โจซิง ทั้งสองเดินตามไป
อัศวินกับรัตนากรซุ่มอยู่ตรงโขดหินใกล้กัน สายตาจ้องไปยังด้านนอก เห็นเงาวูบวาบผ่านมาตรงปากทางเข้าถ้ำ ทันใดนั้นพวกโจรเข้ามาสามสี่คน แต่หน้าถ้ำเป็นพื้นที่โล่ง เงาของพวกมันปรากฏเด่นชัดเป็นเป้านิ่ง
“เอาแค่เจ็บก็พอ” อัศวินบอก
“จัดให้”
อัศวินกับรัตนากรปล่อยยิงปืนออกไป พวกโจรทรุด ร้องครวญคราง ต่างรีบคลานออกไปอย่างทุลักทุเล อัศวินกับรัตนากรต่างยิ้มให้กัน
“หวังว่าคงหยุดมันได้พักหนี่ง”
หัวหน้าชุมโจรหน้าตาเคร่งเครียด พวกมันร่นถอยมาไม่เป็นขบวน
“รายงาน”
“ทางเข้าด้านหน้า คือนรก มีแต่ตายกับตาย”
“เราล้อมมัน ให้มันอดตายอยู่ในถ้ำ”
“เอาไฟสุมไล่พวกมันออกมา”
หัวหน้าสั่ง พวกโจรต่างแยกย้ายกันออกไป
อัศวินกับ รัตนากร นั่งระวังพวกโจรอยู่
“เงียบแบบนี้เดี๋ยวได้เรื่องแน่”
ทั้งสองขยับตัวตรวจอาวุธปืน
“กระสุนเหลืออีกสองชุดไม่ถึง 30 นัด” อัศวินบอก
“เหมือนกัน”
“ยิงประหยัดกระสุนให้มากที่สุด”
“ดีนะที่พรานเมิงสำรวจเส้นทางออกไว้แล้ว”
“พวกมันรู้จักที่นี่ คิดว่าพวกมันจะไปดักรอเราอยู่หรือเปล่าคะ”
“ค่อยลุ้นกันทีหลัง”
ทันใดนั้นทั้งสองต่างได้กลิ่นควันไฟ
“กำลังสงสัยอยู่เหมือนกันว่าเมื่อไหร่ มันจะใช้วิธีนี้” อัศวินพูดขึ้น
“ไปกันได้แล้วมั้ย”
“โอเค”
ทั้งสองค่อยๆ เคลื่อนตัวลึกเข้าไปในถ้ำอย่างรวดเร็ว
หัวหน้าโจรกับสมุนล้อมหน้าถ้ำ พวกมันจ้องรอให้มีคนออกมา
“ควันขนาดนี้ ฉันว่าพวกมันตายกันหมดแล้วมั้ง”
หัวหน้าครุ่นคิด
“ดับไฟก่อนเว้ย”
พวกโจรต่างรีบดับไฟ
“เข้าไปลากศพพวกมันออกมา”
พวกโจรต่างแห่กันเข้าไปในถ้ำ สักพักก็ออกมารายงานหัวหน้า
“ฉันว่าพวกมันหนีเข้าไปตายกันข้างใน”
“ไอ้โง่ พวกมันออกกันไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เหลือไอ้สองตัวนี่ถ่วงเวลาพวกเรา”
พวกโจรต่างมองหน้ากัน
“พวกเอ็งรออะไร”
สมุนต่างบุกลึกเข้าไป หัวหน้าแค้น
อัศวินกับรัตนากรเดินกราดสายตารอบๆ มองหาเครื่องหมาย
“ป่านนี้พวกมันคงรู้แล้วว่าถูกหลอก”
รัตนายิ้ม
“นั่นค่ะ เครื่องหมาย”
ทั้งสองเดินเข้าไปก็พบเครื่องหมายบากตรงต้นไม้ ชี้ไปยังทิศทางด้านหน้า
“ดีมาก เราตามเครื่องหมายไป”
“อ้าว ไหนว่าเราจะล่อให้พวกมันห่างจากขบวน”
“ถูกต้อง พี่ให้พรานเมิงทำเครื่องหมายทิศตรงข้าม เรารู้กันแค่สองคน”
“โห ร้ายมาก”
“แท็งคิว“
“แล้วคุณโรสกับคุณอิทธิ”
“คุณโรสกับคุณอิทธิ แกะรอยเก่งทั้งคู่ จะเดินทางแยกกันหรือด้วยกัน ทิ้งรอยให้พวกที่ตามขบวนสับสน”
“รู้กันแค่สามคน”
“บางอย่างไม่จำเป็นต้องให้ทุกคนรู้”
อัศวินยิ้ม เอามีดลบรอยเครื่องหมายให้แนบเนียนไม่มีพิรุธ รัตนากรมองปลื้ม อัศวินเสร็จแล้วกางมือออกเป็นเชิงชวนให้ออกเดิน รัตนากรเดินเข้าไปใกล้ อัศวินโอบไหล่หญิงสาวพากันเดินไป
เฮนรี่อยู่บนเนินเขา บอกกับทีมงาน
“มันเล่นแยกออกเป็นสามกลุ่ม นับว่ายังมีเชิง”
เฮนรี่เดินไปมาครุ่นคิด
“ได้ เราจะเล่นกับพวกมัน เวจาง จัดคนตามแผนที่ ไปชิงมาให้ได้”
เวจางพยักหน้ารับ
“ผมกับที่เหลือจะตามขบวนใหญ่ไป”
โจซิงกับอังโซะต่างมองหน้ากัน พวกมันพร้อมที่จะเชือดทุกคนที่ขวางหน้า
“แล้ว อีกสองคน”
“คงเป็นตัวล่อตัวชน เราไม่ต้องไปสนใจ ทำตามที่ผมบอก”
โจซิง เวจาง จับมือกัน อังโซะเข้ามาจับมือด้วย
“จัดการมันให้ได้ แล้วรีบตามขบวนไป”
โจซิงสั่ง เวจางพยักหน้าหันไปมองเฮนรี่
“ระวังไอ้เฮนรี่ให้ดี ตอนแรกให้เราจัดการทุกอย่าง ตอนนี้ตามมาประกบ เอาโน่น เอานี่ อ้างโน่นนี่ เปลี่ยนแผนตลอด ไว้ใจไม่ได้”
“ไม่ต้องห่วง ข้ารู้ เรื่องมากก็เฉือดซะ เอ็งไปเอาแผนที่มาให้ได้ก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากันที่หลัง”
ทั้งสามคนต่างยิ้มให้กัน เวจางพยักหน้าให้ทีมงานสองคน แล้วรีบเข้าไปในป่า ทีมงานสองคนตามไป
หัวหน้าโจรกับพวกออกมาจากถ้ำ มาถึงต้นไม้ที่มีเครื่องหมายอยู่ ซึ่งเป็นต้นเดียวกับที่อัศวินกับรัตนากรเห็น
“พวกมันทำเครื่องหมายให้ไอ้สองคนที่สกัดเราตามไป”
“พี่ มีรอยไปทางนี้”
หัวหน้ายิ้ม “รอยจางมาก มันพยายามกลบรอย แต่พลาดจนได้ ใครจะคิดบัญชีกับไอ้สองคน มาทางนี้ ใครจะคิดบัญชีกับคนอื่น ไปทางโน้น”
อิทธิกับโรส ส่องกล้องดู เห็นขบวนของชาติพักอยู่ และกราดไปรอบๆ
“ยังไม่เห็นพวกไอ้เฮนรี่ หรือ พวกโจร”
“ถ้าโชคดีมันอาจตามคุณอัศวินกับคุณรัตน์ไปตามแผน แต่ถ้ามันตามมาทางนี้ เราค่อยหาทางก่อกวนพวกมัน”
ทั้งสองเก็บกล้อง
พรานเมิงนำทุกคนมาหยุดตรงที่แห่งหนึ่ง แล้วเดินเข้ามาหาชาติ
“เราพักกันตรงนี้ได้ครับ ทำเลตั้งรับดี”
“ทีมงานเช็คพื้นที่”
ทีมงานที่เหลืออยู่ห้าคน ต่างแยกกันออกไประวังโดยรอบ
“เราจะพักที่นี่ครึ่งชั่วโมง”
กาญจนากับวีรกิจต่างนั่งลงพัก
“ครึ่งชั่วโมง หายใจยังไม่ทั่วเลย “
กาญจนชำเลืองมองแต่ไม่พูดอะไร
“แยกกันเดินทาง เชอะ”
พรานเมิง นายอง นพดล พรานโก๊ะ ชาติ ได้ยิน
“พวกคนเก่งๆ แยกกันไปหมด เหลือแต่พรานแก่สองคน เด็กผู้หญิง แล้วก็ทีมงาน”
“พี่อัศวินมีประสบการณ์ทางด้านภารกิจมานักต่อนัก คุณไม่ต้องห่วงเรื่องอื่น แค่พยายามอย่าให้เกิดเรื่องก็พอ”
กาญจนาลุกออกไป วีรกิจไม่พอใจ
ชาติยืนกราดตามองรอบ นพดลเดินเข้ามา
“แผลเป็นไงมั่ง”
“โอเคแล้วครับ”
“แหงล่ะ มีพยาบาลคอยไปดู”
“คุณกาญจแกคงรู้สึกว่าติดค้างผมอยู่ เรื่องที่ผมรับสู้แทน เอ่อ”
“นั่นน่ะซิ ทำไมถึงรับแทนล่ะ น่าจะปล่อยให้ไอ้หมอนั่นมันรับผิดชอบ”
“เอ่อ คือว่าผม”
“บอกคนโน้นดีกว่า”
นพดลโบ้ยหน้า กาญจนากำลังเดินเข้ามา นพดลมองไป เห็นวีรกิจกำลังจ้องอยู่ จึงยืนอยู่ด้วย ไม่รีบเดินออกไป กาญจนาเดินเข้ามาถึงพอดี นพดลทัก
“ไม่สบายเหรอน้อง”
“แผลเป็นยังไงบ้างคะ”
กาญจนายิ้มให้ชาติ
“ดีขึ้นมากครับ ต้องขอบคุณที่คุณกาญช่วยตรวจดู”
“ดิฉันมากกว่าที่ต้องขอบคุณคุณชาติ ที่เอ่อ”
“เอ้าขอบคุณกันอยู่นี่แหละ ไม่เห็นมีใครขอบคุณเรามั่ง”
ทั้งสามต่างยิ้มกัน วีรกิจมองสังเกต ไม่พอใจ
อัศวินกับรัตนากรเดินมาด้วยกันตามเส้นทาง ต่างเดินกันไปคุยกันไป อัศวินใช้มีด กวัดแกว่งกิ่งไม้แกล้งทิ้งรอยไปด้วย
“ลบเครื่องหมายจนเนียน แบบนี้พวกมันจะตามเรามาถูกเหรอคะ”
“ไอ้เฮนรี่มีพรานเก่งนำทาง ไอ้พวกโจรก็ชำนาญพื้นที่ ถ้าลบไม่เนียนมันต้องรู้ทันว่าเราตั้งใจให้พวกมันตาม”
“โห คล่องขึ้นเยอะเลยเนี่ย ที่แท้แอบไปคุยกับพรานเมิงนี่เอง”
“เราเคยแต่มิชชั่นในเมืองหลวง เจอป่าก็ต้องเรียนรู้กันหน่อย”
“ระวังนะ พรานเมิงจะยกลูกสาวให้”
“อ้าว หาเรื่องให้พี่อีกแล้ว”
รัตนากรขำ อัศวินดันหัวรัตนากรเบาๆ แล้วดึงเข้ามาแกล้งล็อคคอไว้ รัตนากรยิ้ม อัศวินเอียงเข้ามาใกล้กระซิบเบาๆ
“มีคนแอบตามดูเราอยู่”
“ไม่เกินสาม”
“อืม”
“เอาไงดี”
“เจอตำแหน่งได้เปรียบค่อยลงมือ”
“โอเค”
อัศวินยิ้มแล้วแกล้งหัวเราะ รัตนากรหัวเราะด้วย ทั้งสองเดินโอบกันไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขณะนั้นเอง ชายฉกรรจ์สามคนลักษณะคล้ายพราน ต่างมีปืนยาวอยู่ในมือ คนหนึ่งสูงวัย แปลกกว่าคนอื่น คือมีผ้าคาดปิดตาช้างหนึ่ง ซึ่งเป็นข้างเดียวกับเคน
ชายสูงอายุยกมือเป็นสัญญาณให้อีกสองคนตามเขาไป
อ่านต่อตอนที่ 8