xs
xsm
sm
md
lg

เนตรนาคราช ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เนตรนาคราช ตอนที่ 6

รัตนากรหลับอยู่ ฝันเห็นภาพเหตุการณ์เมื่อ 500 ปีก่อนอีก เธอสะดุ้งตื่น ขยับตัวมองรอบๆ เห็นทุกคนหลับ เธอลุกออกไปที่ลานระเบียงบ้าน เห็นอัศวินยืนอยู่กับอิทธิและชาติ เธอจึงบเดินไปหา ขณะนั้นอิทธิกำลังบ่นอัศวินอยู่

“ฉันบอกนายแล้วไงว่านอนให้สบาย”
“ฉันรู้ แต่มันตื่นขึ้นมาเอง”
“นั่นก็อีกราย”
ชาติโบ้ยไปทางรัตนากร
“เชิญครับคุณรัตนากร ตื่นขึ้นมาเองใช่มั้ยครับ”
รัตนากรยิ้ม “มีใครบุกเข้ามาเหรอคะ”
“ยังครับ”
“แต่ใหนๆ คุณสองคนก็ตื่นกันแล้วนี่ ผมขอตัวไปนอนก่อน” ชาติบอก
“ผมด้วยเหมือนกัน”
ชาติกับอิทธิต่างยิ้ม รีบชิ่งกันออกไปด้านในค่าย
“เพื่อนพี่อัศวินสองคนนี่ร้ายจริงๆ มั่วนิ่มเลย”
“พวกมันชอบกวนแบบนี้ล่ะ ถ้าเราขึ้นนอน มันก็โผล่ออกมาเอง ไหนๆ ก็ไหนๆ เราออกไปตรวจรอบนอกกันดีกว่า”
รัตนากรพยักหน้ารับ

ชาติคุยกับอิทธิบริเวณเต็นท์ที่พัก
“สองคนนั่นเดินออกไปไหนวะ เดี๋ยวก็หลงหรอก” ชาติห่วง
“ฉันรู้นิสัยไอ้อัศวินดี มันคงออกไปตรวจรอบนอก ไม่ไปใหนไกลหรอก”
“ได้ข่าวว่านายเจอสาวคนที่ช่วยนาย”
“อืม ที่สำคัญเคยโผล่ไปช่วยไอ้อัศวินกับคุณรัตนากรเหมือนกัน”
“อุตะ”
“เอ็งดัดจริตอุตะกับเขาด้วย”
“แค่อยากลองว่ะ ตกลงผู้หญิงคนนี้มิตรหรือศัตรู”
“ยังไม่มีใครรู้”
อิทธิเครียด

อัศวินกับรัตนากรเดินสำรวจไปรอบๆ
“แล้วพี่อัศวินตื่นมาทำไม หรือว่ามีอะไรผิดปรกติ”
“แค่ตื่นขึ้นมาเฉยๆ เรานั่นแหละ ตื่นขึ้นมาทำไม”
“ฝันไปน่ะค่ะ เลยตื่น”
อัศวินหยุดเดินหันมามองสงสัยแต่ไม่ถาม
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
อัศวินจ้องตั้งใจฟัง
“ค่ะ เกี่ยวข้องกับเนตรนาคราช พอใจยัง”
“คงบังเอิญอย่างที่รัตน์ว่าน่ะ อย่าคิดมาก”
“ไม่ต้องมาทำเป็นแกล้งพูด พี่อัศวินคิดว่าเนตรนาคราชเกี่ยวกับรัตน์อยู่แล้ว”
“พี่ไม่อยากจะยัดเยียดน่ะ”
อัศวินหยุดพูดสายตาเปลี่ยนเป็นระวังภัย
“มีความเคลื่อนไหว”
เสียงดังฟึบ รัตนากรหมุนตัวใช้มือตะปบเงาเล็กๆ ที่วิ่งเข้ามาที่ลำคอของอัศวิน พอแบมือออกเป็นลูกดอกขนาดเล็ก ที่สำคัญปักตรงฝ่ามือของรัตนากรพอดี อัศวินกระชากรัตนากรหมุนตัวหลบมาด้านหนึ่ง เงาสองร่างพรวดเข้ามา อัศวินหมุนตัว จระเข้ฟาดหางเข้าใส่ ร่างสองร่างถอยออกอย่างมีเชิง อัศวินหันกลับมาทางรัตนากรซึ่งบัดนี้สายตราพร่ามัวแล้วทรุดลง อัศวินรับไว้ได้ แต่แล้วเงาสองเงาดีดตัวเข้ามาล้อมอัศวินไว้อัศวินรีบวางรัตนากรลง เห็นคนสองคนซึ่งก็คือหยกและปิง
“ฝีมือแบบนี้ น่าจะเป็นพรรคมังกรทอง”
“แผนที่” ปิงพูดขึ้น
“ได้”
อัศวินบุกเข้าใส่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด
“ลูกดอบอาบยาพิษถ้าช้า ตาย”
“แผนที่ เร็วเข้า”
“ถ้าไม่อยากตาย เอายาถอนพิษมา”
หยกกับปิงต่างมองหน้ากันคาดไม่ถึง อัศวินโดดเข้าใส่ จู่โจมดุเดือดรุนแรง ปิงกับหยกต้านทานอย่างสุดฤทธิ์ อัศวินหมุนตัวล็อคไว้ได้ ประกายสีเงินเงาวับ มีดจ่อที่กระเดือกของหยก
“ยาถอนพิษ”
ปิงตัดสินใจ
“ช้ายิ่งเข้าลึก”
เสียงหยกร้องดังขึ้น
“ลูกดอกยาสลบธรรมดาไม่มีพิษ”
อัศวินยิ้มเสียงหยกร้องดังขึ้นมาอีก
“เรื่องจริง สาบานได้”
“ถ้าไม่จริง เอ็งตายแน่”
ทั้งหมดหันไปเห็นอิทธิกับชาติยืนอยู่คนละด้าน อัศวินเหวี่ยงหยกไปให้ชาติ ชาติคว้าล็อคคอไว้ได้ อัศวินตวัดมือปล่อยมีดพุ่งเข้ามาปักที่หัวไหล่ของหยก หยกร้องคราง อัศวินรีบไปประคองรัตนากรมาไว้ในอ้อมอก ชาติกระชากมีดสั้นออกมาจากไหล่ของหยก
“ขืนดิ้นถูกข้าเชือดแน่”
“ยาสลบอย่างช้าครึ่งชั่วโมงฟื้น”
อัศวินจ้องหน้าปิงสีหน้าเยือกเย็น ปิงสะดุ้งถอยออก หันไปมองหยกซึ่งถูกชาติล็อคคอ

ในมือชาติชูมีดสั้นให้ดู ทั้งสองคนได้แต่มองหน้ากัน

รัตนากรลืมตาขึ้นมาก็เห็นอัศวินจ้องอยู่ เธอกระพริบตาถี่

“รัตน์หลับไปครึ่งชั่วโมง ลูกดอกยาสลบ”
“อืม ความจริงก็ดี ได้หลับเต็มอิ่ม”
อัศวินประคองรัตนากรขึ้นมา รอบตัวไม่มีใคร
“พวกมันไปไหนหมดแล้ว”
“ไม่ต้องสนใจพวกมัน”
“รัตน์ไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
“ไม่ต้องทำซ่า พี่อุ้มไปส่ง พี่รู้ว่าหัวเรายังหมุนอยู่”
รัตนากรยิ้มพยักหน้า
“ใครสอนให้เอามือคว้า มีแต่หลบให้พ้น”
“มันฉุกละหุกกลัวโดนพี่น่ะซิ”
“คราวหลังห้าม แต่ก็ขอบใจ”
รัตนากรยิ้ม เอาหัวพิงไหล่ปล่อยให้อัศวินอุ้มไปแต่โดยดี ชาติกับอิทธิกระชากปิงกับหยกออก
มากจากราวป่า ต่างมีปืนจ่อที่หลังของมันทั้งสองคน
“พวกเอ็งโชคดีที่ชุมโจรมีกฎไม่ให้ฆ่ากัน พวกข้าไม่อยากมีเรื่องกับชุมโจร”
“ไม่ยังงั้นเอ็งสองคนดับไปแล้ว”
“เอ็งสองคนถ้าไม่มีปืนก็คงไม่เก่งอย่างนี้”
อิทธิเอาปืนตีหัวปิงจนคะมำไป
“พูดมาก เอาไว้เจอกันคราวหน้า ไอ้ตูดหมึก คืนนี้ข้าง่วง”
อิทธิผลักปิงออกไป ขณะที่ชาติผลักหยกออกไป
“รีบไปก่อนที่ปืนกูจะลั่น”
“กฎชุมโจร” หยกย้ำ
“เดี๋ยวกูก็ยิงซะหรอก เกลียดเป็นบ้า ไอ้พวกเลวที่ชอบเอากฏมาอ้าง ยังไม่ไสหัวไปอีก”
ปิงกับหยกมองกวนๆ แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปในป่า

อัศวินอุ้มรัตนากรเข้ามาที่เต็นท์ว่างของเขา
“นอนที่เต็นท์นี่แหละ ขึ้นไปข้างบนเดี๋ยวมีคนถามโน่นนี่ไม่ต้องนอนกัน”
“แล้ว”
“รีบเข้าไปเร็วๆ ไม่ต้องถามมาก”
รัตนากรยิ้มแล้วก้มมุดเข้าไปในเต็นท์ อัศวินยืนขึ้น ถอนหายใจ มองไปรอบๆ เห็นอิทธิกับชาติยืนยิ้มอยู่
“อยู่ดีไม่ว่าดี ตื่นมาหาเรื่อง”
อิทธิกลั้นขำ อัศวินอดยิ้มไม่ได้
“พรานเมิงบอกว่าฝนอาจจะตก นี่ก็ใกล้เช้าแล้วยังไม่มีฝน เราอาจโชคดี ไม่ต้องติดแหงกอยู่ที่นี่”
อัศวินพูดจบ ฟ้าแว่บแลบแปลบปลาบ
“เฮ้ย นายพูดที่เดียวฟ้าแลบ ฝนตั้งเค้าเลย อย่าพูดดีกว่าว่ะ”
ทุกคนต่างมองท้องฟ้าที่ส่งแสงแปลบๆ

ปิงกับหยกก้มหน้าไม่กล้าสบตาหลิน ซึ่งจ้องด้วยความโกรธ
“ทำไงได้ ฝีมือพวกแกมีแค่นี้”
ปิงกับหยกค่อยโล่งใจ
“ไปพักได้ ดูแผลให้เรียบร้อย”
ปิงกับหยกออกไป หลินครุ่นคิดวางแผน

ตอนเช้า ทุกคนต่างมารวมตัวที่ลานหน้าบ้านซึ่งมีเสบียง กาแฟ
“ฝนไม่เห็นตกเลยพ่อ”
“เอ็งอย่าพูดมาก เอ็งไม่เห็นท้องฟ้าเรอะ ครึ้มมืดแบบนั้น”
“เห็น แต่ไม่เห็นฝน”
“นายองมาอยู่กับพี่มา อย่าไปกวนพ่อเขา” รัตนากรตัดบท
“เราควรจะรออีกสามวัน ให้พายุผ่าน ฟ้าจะเปิด เดินทางได้ปลอดภัยไม่ทิ้งรอยให้พวกมันเห็นเราง่ายๆ”
“ใช่ เดินทางไปตอนนี้เกิดฝนตกยิ่งซวยกันเข้าไปใหญ่”
ทุกคนต่างมองวีรกิจว่าไม่ต้องพูดก็ได้ นพดลยิ้มให้พรานโก๊ะ พรานโก๊ะส่ายหน้าเซ็ง
“เรารอตามที่พรานเมิงบอก”
อัศวินสั่ง ทุกคนต่างเห็นด้วย นายองลอบมองอิทธิทุกครั้งที่มีโอกาส ซึ่งก็ไม่พ้นสายตาของรัตนากร
“เอาล่ะ ทุกอย่างลงตัว ฉันจะออกไปดูข้างนอกซะหน่อยว่ามีพวกไหนโผล่หัวออกมามั่ง” อัศวินบอก
“ที่บาร์เหมาะที่สุด น่าจะมีหลายหัวรวมกันอยู่ที่นั่นไ ชาติเสนอ
“ไปด้วย” รัตนากรบอก
“ฝากนายสองคนอยู่ที่นี่” อัศวินสั่ง
“ถ้าเจอสาวลึกลับบอกด้วยว่าผมคิดถึง”
อิทธิพูดขำๆ รัตานากรยิ้ม
“พรานโก๊ะ เราเดินหาสมุนไพรกันดีกว่า”
“ได้”
นพดลกับพรานโก๊ะลุกออกไป
“สองคนนี่เข้าขากันจริง” ชาติเปรย

“อย่าหลงนะพี่หมอ พรานโก๊ะกลับบ้านตัวเองยังไม่ถูกเลย” อิทธิแซว

อิทธิเดินทักทีมงานที่ยืนระวังอยู่ตามจุด นายองวิ่งเข้ามาหา

“พี่อิท ฉันไปด้วยซิ อยู่นี่เบื่อจะตาย เดี๋ยวโดนพ่อดุอีก”
“ได้ แต่อย่าดื้อวิ่งหลงไปไหน เดี๋ยวเป็นอะไร พรานเมิงจะมาโทษพี่”
“โห รุ่นนี้แล้ว นายองแกะรอยเป็นน่า ยิงปืนก็ได้ ไล่ฟันนักเลงมาแล้ว”
“โอเค งั้นตามมา”
อิทธิกับนายองพากันเดินมุ่งหน้าไปในป่า

กาญจนาเดินออกมาเห็นวีรกิจยืนอยู่บนระเบียง
“ดูวิวอยู่เหรอคะคุณวี”
“กำลังดูว่าสองคนนั่นเขาจะไปไหน”
“คุณอิทธิกับนายองคงออกไปตรวจรอบๆ มั้งคะ คุณวีเบื่อ เราจะไปเดินเล่นก็ได้นะคะ”
“ดีเหมือนกันครับ จะได้มีเวลากับคุณกาญหน่อย ช่วงนี้เราไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกันเลย”
“ค่ะ การเดินทางมีแต่เรื่อง”
วีรกิจยิ้ม เดินมาจูงมือกาญจนา ทั้งสองเดินลงมาจากบ้าน ก็เจอชาติพอดี
“สวัสดีค่ะคุณชาติ”
“ไปเดินเล่นกันเหรอครับ”
“ค่ะ ได้มั้ยคะ”
“ได้ครับแต่อย่าให้ห่างมากนะครับ ยังไงที่นี่ก็เป็นชุมโจร อะไรก็เกิดขึ้นได้ ถึงจะมีกฏที่ห้ามฆ่ากัน แต่ก็อาจมีเรื่องได้ทุกเมื่อ”
“ผมดูแลคุณกาญได้ ขอบคุณ”
“เชิญครับ จำไว้นะครับ มีเรื่องกับใคร ก็ช่วยเบาๆ มือหน่อย อย่าให้ถึงตาย”
ชาติยิ้มให้กาญจนาแล้วเดินออกไป วีรกิจหมั่นไส้ จูงกาญจนาออกไป

อิทธิเดินมาในป่ากับนายอง
“พ่อบอกว่าเพราะฉัน พี่เกือบไม่ให้พ่อมาด้วย พ่อสั่งไว้ให้ทำตัวดีๆ ไม่ยังงั้นถูกไล่กลับ”
“ไม่ใช่เพราะว่าพี่รังเกียจอะไรหรอก แต่มันอันตราย พี่เป็นห่วงมากกว่า”
นายองยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำว่าเป็นห่วง คิดไปเองตามประสาเด็ก
“ฉันจะทำตัวให้ดีที่สุดเลย”
“ดีมาก”
นายองยิ้ม ทันใดนั้นอิทธิเอามือโอบนายองหมุนตัวเข้าไปในป่า แล้วหลบนิ่งอยู่หลังซุ้มไม้หนา
“เงียบที่สุด มีคน”
นายองตื่นเต้น ไม่ใช่เพราะกลัวคน แต่เพราะอิทธิโอบ อิทธิสั่งเสร็จก็ปล่อยนายอง มองไปรอบๆ
เห็นคนกลุ่มหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่ข้างหน้า
“อยู่ที่นี่ พี่จะไปดูข้างหน้า”
“แต่นายอง”
“ไหนว่าไม่ดื้อไง”
นายองเงียบ พยักหน้า อิทธิยิ้มพอใจ แล้วออกไปอย่างรวดเร็ว เงียบเชียบ นายองมองทึ่ง

อิทธิคืบคลานเข้าไป ก็เห็นรถสองคันจอดอยู่ มีชายฉกรรจ์นับสิบ วรชัยเดินไปมา เหมือนกำลังรอใครอยู่ แล้วเดินไปหาลูกน้องที่ยืนระวังอยู่
“เองแน่ใจนะว่าบอกตำแหน่งคุณโรสถูก”
ลูกน้องพยักหน้า วรชัยเดินห่างออกมา อิทธิอยู่ไกลเกินไป มองไม่ชัด ไม่ได้ยินเสียงการพูดจา
“ไอ้หมอนี่เป็นใครกันแน่”
อิทธิขยับตัวจะเข้าไปใกล้แต่แล้วก็เห็นพวกชายฉกรรจ์มีความเคลื่อนไหว ชายคนหนึ่งเข้าไปรายงาน อิทธิเลยหลบอยู่ที่เดิม
“คุณโรสมาแล้วครับ”
อิทธิเห็นวรชัยขยับตัว ทันใดนั้นโรสวิ่งเข้ามากอดวรชัย
“พี่ชัย”
โรสหอมแก้มอีกหนึ่งฟอด
“นึกว่ามาไม่ถูกซะแล้ว”
“รุ่นนี้แล้ว”
อิทธิจ้องมองอยู่
“ที่แท้ไอ้หมอนี่นัดสาวไว้”
อิทธิจ้องแล้วยิ้มขยับตัวจะถอยออก แต่แล้วก็ตาโตเมื่อเห็นหน้าหญิงสาวชัดเจน เขาคาดไม่ถึงจนเหยียบกิ่งไม้ส่งเสียงดังออกไปนิดหนึ่ง รีบก้มหลบ เห็นสถานการณ์ปรกติ ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะไม่รู้ตัว
“ที่แท้มีแฟนแล้วนี่เอง เลยทำเป็นเฉย”
อิทธิจ้องมองอย่างหงุดหงิด เห็นโรสควงแขนวรชัยเดินไปยังจุดที่พักใกล้แนวไม้
“โรสได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว”
“อืม”
“เดี๋ยวโรสจะแวบไปดู พี่วรชัยทำเฉยอยู่นี่ก่อน”
“โอเค”
วรชัยแกล้งหยุด โรสแกล้งเดินเลยผ่านเข้าไปจนลับสายตาอิทธิ
“ไปไหนแล้ว”
อิทธิมองหา
“มีแฟนแล้วก็บอกได้ ไม่เห็นต้องทำเฉยเลย ยังกะเราสน ก็แค่อยากจะขอบใจเท่านั้นเอง”
มีเสียงกริ๊ก อิทธิหยุดนิ่งโมโหตัวเอง มัวแต่มองหาสาวจนเผลอ ค่อยๆ หันมา ถึงกับสะอึกเพราะเป็นโรสถือปืนจ้องมา
“นายคิดจะทำอะไร”
“ฉี่”
โรสขยับปืน
“ผมจะฉี่ คุณคิดจะแอบดูเหรอไง”
“หยุดอย่าขยับ”
อิทธิกับโรสหันไปเห็นนายองยืนถือปืนจ้องมาที่โรส โรสเหล่อิทธิ
“นายองเก็บปืน”
นายองเห็นโรสหน้าตาดี เริ่มหงุดหงิด
“เรื่องอะไร ให้ยัยป้านี่เก็บก่อนซิ”
โรสเหล่อิทธิแล้วตวัดปืนเก็บเข้าทางข้างหลัง พลางเอามือท้าวเอวจ้องหน้านายอง ฉุนที่เรียกป้า อิทธิเดินเข้ามาหานายองพลางเอามือกันปืนนายองลง
“นายองไปรอพี่ตรงโน้นก่อน”
นายองหงุดหงิดมองโรสแล้วเดินออกไป
“ที่แท้หลอกเด็ก”
โรสพูดจบก็พรวดหายเข้าไปในป่า
“เดี๋ยว”

โรสหายไปแล้ว อิทธิเซ็ง

นายองยืนหน้ามุ่ยอยู่ พอเห็นอิทธิเดินมาคนเดียวค่อยยิ้มออก อิทธิตีหน้าเฉยเดินผ่านไป นายองรีบเดินคู่มาด้วย

“ยัยป้าไปแล้วเหรอ”
“เรากลับกันได้แล้ว”
“อ้าว ทำไมรีบกลับ”
“ก็เราดื้อนี่ พูดอะไรไม่ค่อยฟัง ขืนไปต่อเดี๋ยวยุ่ง”
อิทธิก้าวแซงออกไป นายองรีบวิ่งตาม

ขบวนของโจซิง มาถึงทางเข้าชุมโจร ผ่านชุมโจรเข้าไปตามตลาดชุมโจร กราดสายตาไปทั่ว พวกโจรต่างมองอังโซะที่ยืนคู่มากับโจซิง แต่เมื่อเจอกับสายตาของโจซิง บางคนก็ต้องหลบไป
“ไปที่บาร์เลยเว้ย”
โจซิงสั่ง พวกมันต่างเฮ ขบวนรถมุ่งตรงไปที่บาร์

ขบวนรถของโจซิงเข้ามาจอดหน้าบาร์ชุมโจร มีพวกโจรยืนจับกลุ่มกันหนาแน่น โจซิงนำพวกมันแหวกทางเข้าไป บางคนมองอังโซะ ก็ถูกโจซิงผลักหงายไป พวกโจรขยับ แต่พวกเวจางกับทีมก็เข้ากัน โจซิงเข้ามาก็แปลกใจเพราะเฮนรี่นั่งอยู่ที่โต๊ะมุมหนึ่งของบาร์ พร้อมบอดี้การ์ดสองคน โจซิงเดินเข้าไปหา
“คุณเฮนรี่ คุณอุตส่าห์มาส่งเราถึงนี่”
“ผมคิดว่าจะไปด้วย”
โจซิง อังโซะ เวจางต่างมองหน้ากัน
“ผมอยากจะสนุกด้วยก็เท่านั้นเอง เผื่อว่าขาดเหลืออะไร จะได้ไม่ต้องเสียเวลา ผมสั่งได้เลย”
“ไหนล่ะพรานนำทาง”
“ใจเย็น ได้เจอแน่ ตอนนี้กินเหล้าให้หายเหนื่อยก่อน”

พรานเมิงกับนายอง นั่งอยู่ข้างกองไฟที่ย่างไก่ป่า นพดลนั่งใกล้ๆ กับพรานโก๊ะ นายองนั่งกินไก่ไปคุยกับทุกคน
“พี่หมอมียาซันแทนมั่งหรือเปล่า”
“ไม่มีหรอก แค่ยาอย่างอื่นก็ขนมาไม่ไหวแล้ว”
“เอ็งไม่เคยใช้ซันทงซันแทน ถามทำไม”
“แหมพ่อ ก็พี่หมอเขาเป็นคนกรุง พี่สาวสองคนก็หน้าตาสวย ผิวดี ฉันก็อยากรู้น่ะดิ”
“เอ็งอย่ายุ่งกับคุณหมอเขามาก”
“ของข้ามีนะ ถ้าสน”
ทุกคนต่างหันมามองพรานโก๊ะ
“จริงเหรอพรานโก๊ะ”
“จริงซิ เอาโคลนมาผสมกับสมุนไพร พอกหน้าเข้าให้ กันแดดได้ทั้งวัน”
“หยี หน้าดำทั้งวันเนี่ยนะ”
ทุกคนต่างยิ้มขำ
“ก็เอ็งอยากกันแดดไม่ใช่เรอะ ในป่าในดง ไม่มีใครเขามองหน้าเอ็งหรอก”
“พ่อเนี่ย ไม่รู้เรื่อง อ้า พี่อิทกับพี่ชาติมา”
อิทธิกับชาติเดินเข้ามา
“กาแฟมั้ยพี่”
“ดีเหมือนกัน”
นายองรีบเอาถ้วยกาแฟไปให้ทั้งสองคน แล้วยกหม้อกาแฟเทให้เรียบร้อย เอาหม้อกาแฟตั้งเก็บที่เดิมแล้วเดินไปนั่งข้างๆ อิทธิ
“พรานเมิงแน่ใจแค่ไหนไอ้เรื่องพายุเนี่ย” อิทธิถาม
“เก้าสิบในร้อย”
“นายองว่าพ่อมั่วไปยังงั้นเอง ไม่รู้จริงหรอก”
“อ้าว”
ทุกคนต่างขำนายองกับพรานเมิง

ทิวทัศน์สวยงามอยู่ตรงหน้า กาญจนามองอย่างปลอดโปร่งใจ สูดหายใจลึกเข้าปอด วีรกิจเข้ามาสวมกอดทางด้านหลัง กาญจนาสะดุ้งเล็กน้อย วีรกินก้มลงหอมแก้ม กาญจนาค่อยๆ เบี่ยงตัวหนี
“คุณวีอย่าค่ะ”
“โธ่กว่าเราจะได้อยู่กันตามลำพัง”
“อันตรายรอบด้าน ไม่เหมาะหรอกค่ะ”
“ผมว่าคุณมัวแต่ยุ่งเรื่องเดินทางมากไปแล้ว ไม่สนใจผมเลย”
“คุณวี กาญบอกแล้วว่า การเดินทางเที่ยวนี้มีอันตราย ไม่ได้มาปิกนิกกุ๊กกิ๊กกัน”

วีรกิจเสียอารมณ์ ไม่พูด เดินออกไป กาญจนารำคาญ มองวิวตรงหน้าสูดหายใจ ข่มความโกรธ
 
อ่านต่อหน้า 2

เนตรนาคราช ตอนที่ 6 (ต่อ)

อัศวินกับรัตนากรเข้าไปในบาร์ ก็มีแต่พวกโจรนั่งกันอยู่เต็ม

“พวกนี้ตื่นมาก็ซัดเหล้ากันเลย”
รัตนากรยิ้ม ทั้งสองเดินไปนั่งที่โต๊ะ บาร์แมนโบกมือให้เพราะวันก่อนได้เงินไปปึกหนึ่ง โจรหญิงเสิร์ฟเข้ามา
“ถ้ามีกาแฟกับน้ำส้มก็จะดีมาก”
“เพิ่งมีตั้งแต่เมื่อวาน แต่แพงกว่าเหล้า”
“ได้เลย”
เสียงเฮนรี่ดังขึ้น
“คิดเงินที่นี่”
อัศวินกับรัตนากรหันไป เฮนรี่ลงนั่งตรงข้ามทั้งสอง
“มาสั่งงานหรือว่าจะไปด้วย” รัตนากรถามขึ้น
“ไหนๆ ก็มาแล้วนี่ จะกลับก็น่าเสียดาย”
เฮนรี่หันไปทางโต๊ะของพวกโจซิงกับอังโซะและเวจางที่นั่งอยู่
“ไอ้พวกนั้นมีแต่กำลัง ไม่มีสมอง ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ผมไม่อยากให้งานเสีย”
อัศวินแกล้งยิ้มโบกมือให้โจซิงกับทุกคน พวกมันต่างตีหน้าตาย
“เราออกเดินทางเมื่อไหร่ คงไม่ได้คุยกันแบบนี้”
“ผมรู้กฏที่นี่ดี ห้ามฆ่ากัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เราต้องกอดคอเป็นเพื่อนกัน” เฮนรี่บอก
รัตนากรยิ้ม “คุณคิดจะชิงแผนที่”
“อยู่เฉยๆ รอพายุมันผ่านไป น่าเบื่อ คุณว่ามั้ย”
อัศวินกับรัตนากรชำเลืองดูเฮนรี่แล้วกราดตารอบ ขณะนี้พวกเฮนรี่ยืนปิดทางออกทั้งหมด โจซิงส่งยิ้มมา
“ผมอาจจะแหกกฎที่นี่ ฆ่าคุณก็ได้ เงินผมเยอะ โยนลงไป ขี่คร้านไอ้พวกนี้จะรีบตะครุบ ผมว่ามันไม่สนหรอกว่าคุณจะตาย”
“คุณพูดเหมือนคนที่ผมเคยรู้จัก คิดว่าเงินซื้อได้หมด”
“ตอนนี้ใช้เงินอยู่ในนรก” รัตนากรบอก
“อู้ว น่ากลัว ใจเย็นน่า ผมไม่ทำหรอก มันง่ายไป ไม่สนุก”
อัศวินกับรัตนากรต่างมองหน้ากัน
“ความจริงถ้าคุณเฮนรี่อยากสนุก เราก็น่าจะสนองนะ” รัตนากรบอก
อัศวินพยักหน้า ทันใดนั้นรัตนากรกับอัศวินก็ถีบเก้าอี้ของเฮนรี่ไถไปที่โต๊ะของพวกมัน เฮนรี่ยิ้มอึดใจ
“แผนที่”
เท่านั้นเองเวจางก็ยืนพรวดขึ้นมา อัศวินกับรัตนากรถีบโต๊ะพร้อมกัน โต๊ะพุ่งเข้าใส่เวจาง พลางดีดตัวยืนขึ้น เวจางเตะโครมโต๊ะแตกกระจาย พวกมันที่ล้อมอยู่พรวดเข้ามา รัตนากรส่งมือให้อัศวิน อัศวินคว้าไว้แล้วเหวี่ยงตัว ปลายเท้ารัตนากรกวาดเตะพวกมันกระจายออกไปกองกับพื้น
รัตนากรยิ้ม ขยับสายคล้องแผนที่ให้เข้าที่ เฮนรี่จ้องมองกระบอกแผนที่ พวกสมุนที่กระจายออกไปตั้งตัวได้เข้ามาอีก
“โจซิง ผมไม่ได้เห็นฝีมือคุณนานแล้ว”
“พวกเอ็งถอยไป”
พวกสมุนที่ถูกรัตนากรเตะกราดขยับตัวถอยออกไป โจซิงดีดตัวเข้าหาอัศวิน เวจางพุ่งเข้าหารัตนากร การต่อสู้สูสี ไม่มีใครแพ้ชนะ หลินก้าวออกมาจากฝูงชน ดูการต่อสู้ด้วยความทึ่ง สายตาจับอยู่ที่อัศวิน เฮนรี่โบกมือ พวกลูกน้องกลับเข้ามารุมอัศวินกับรัตนากรอีก โจซิงกับเวจางหันมามองเฮนรี่ไม่สบอารมณ์ เหมือนดูถูก
ฝีมือ
“บอส ผมจัดการได้”
“ผมไม่อยากเสียเวลา”
“นั่นน่ะซิ สู้รุมแบบหมาหมู่ไม่ได้”

เสียงวรชัยดังขึ้น ทั้งหมดหันไปเห็นวรชัยกับโรสยืนอยู่ พร้อมด้วยมือปืนพรึ่บ

อัศวินกับรัตนากรต่างลอบสบตากัน รัตนากรมองโรส โรสพยักหน้าให้เป็นเชิงว่าพวกเดียวกัน

โจซิงกับเวจางขยับ เฮนรี่สั่ง
“พวกเรากลับ สนุกแค่หอมปากหอมคอ”
เฮนรี่แหวกลุ่มทุกคนออกไป โจซิงกับเวจาง และอังโซะ มองอัศวินและรัตนากร ยิ้มเยาะว่าโชคดีที่มีคนมาช่วย แล้วเดินผ่านไป วรชัยกับโรส จ้องอย่างเอาเรื่อง อัศวินกับรัตนากรหันมาสบตาวรชัยกับโรส
“มีเรื่องทีไร เราต้องได้พบกัน” รัตนากรพูดขึ้น
โรสยิ้ม “ดวงสมพงษ์มั้ง”
“ผมอัศวิน”
“ผม วรชัย น้องสาวผม โรส เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
อัศวินสบตากับรัตนากร แต่แล้วมีมีดเล่มหนึ่งปลิวมาปักอยู่ตรงกลางระหว่างสองฝ่าย ทุกคนหันขวับไปมอง ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของเคน เคนเรียกให้ลูกน้องเข้ามาเก็บมีด แล้วเขาก็เดินเข้ามาหา
“สวัสดีครับพี่ชัย น้องโรส”
วรชัยกับโรสพยักหน้ารับ เคนหันมาทางอัศวิน
“อืม คุ้นๆ หน้า เคยเจอกันหรือเปล่า”
“อาจจะ ผมเป็นคนหน้าโหล”
รัตนากรขำออกมาคิกหนึ่ง เคนหันมาทางหญิงสาว
“ฮัลโหล บิวตี้ฟูล”
โรสขำออกมา ลูกน้องเคนขำออกมาด้วย ที่นายพูดภาษาอังกฤษ เคนฉุนหันไปสะบัดมีดออกจากมือ ปักที่หัวรองเท้าของลูกน้องคนหนึ่ง จนร้องลั่น เคนหัวเราะชอบใจ ทันใดนั้นก่อนที่ใครจะคาดคิด วรชัยพุ่งเข้าหาเคน ชกโครมเข้าให้ที่ปลายคาง เคนหมุนแล้วแล้วร่วงผลอย วรชัยรับมันไว้ได้ พวกลูกน้องเคนขยับตัว
“อย่าคิด”
ลูกน้องของเคนต่างสงบลง รัตนากรกับอัศวินต่างลอบสบตากันไม่เข้าใจ โรสยิ้มใจเย็น
“มาเอาลูกพี่เอ็งไป”
วรชัยสั่งเสียงเข้ม

เวลาต่อมา รถของอัศวินและวรชัยขับเข้ามาจอดในป่า อัศวิน รัตนากร วรชัย และโรส ต่างลงจากรถ เผชิญหน้ากันอีกครั้ง
“ที่นี่ค่อยคุยกันสะดวกหน่อย” วรชัยบอก
“เชิญ” อัศวินพูดเปิดทาง
“ผมกับโรส เป็นทายาทของผู้ที่ติดตามหาเนตรนาคราชเพื่อจะนำไปคืนเจ้าของ”
รัตนากรเริ่มตั้งใจฟังเพราะตัวเองเริ่มจะเชื่อเรื่องราวของเนตรนาคราชขึ้นมาบ้างจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
“แล้ว ไอ้เคน” อัศวินถาม
“เคนก็คือทายาทของผู้ที่ติดตามหาเนตรนาคราชเหมือนกัน”
“แต่คงไม่คิดจะเอาไปคืน”
“แสดงว่าคุณเคยเจอกับเคนมาแล้ว”
อัศวินพยักหน้า โรสเล่าต่อ
“ในอดีตบรรพบุรุษเราเป็นฝ่ายป้องกัน บรรพบุรุษนายเคนเป็นฝ่ายที่ไปขโมยมา”
“กรรมตามสนองทำให้ทายาทที่เกิดมาตาบอดข้างหนึ่ง” วรชัยเล่าเสริม
“บรรพบุรุษเลยสั่งให้ลูกหลานเอาเนตรนาคราชไปคืน” อัศวินย้อนถาม
“ยังกะหนังกำลังภายใน” รัตนากรเปรียบเปรย
วรชัยยิ้ม “ผิดตรงที่หนังกำลังภายใน ไม่มีพญานาคที่ตื่นจากจำศีลขึ้นมาเผาผลาญมนุษย์ให้วอดวายหมดสิ้นจากแผ่นดิน”
อัศวินกับรัตนากร จ้อง อ่านเกมวรชัยและโรส

ระหว่างที่อัศวิน รัตนากร วรชัยและโรสคุยกัน เฮนรี่ก็ใช้กล้องส่องทางไกลดูความเคลื่อนไหวของทั้งสี่
“พวกมันคุยอะไรกัน” เฮนรี่แปลกใจ
“ถ้าพวกมันร่วมมือกัน งานของเราก็จะยากขึ้น” โจซิงกังวล
เฮนรี่ไม่สนใจ จ้องผ่านกล้องต่อไป

ทั้งสี่คนยังคงคุยกันต่อ
“ที่เล่ามาทั้งหมดจุดประสงค์คือ” อัศวินถามขึ้น
“ผมอยากจะให้โรสเดินทางไปกับคุณ ช่วยคุณอีกแรงหนึ่ง เพราะเวลาเหลือน้อยเต็มที คุณน่าจะรู้”
อัศวินกับรัตนากรต่างมองหน้ากัน มองวรชัยกับโรสอย่างพิจารณา
“แล้วเรื่องนายเคน”
“ไอ้เคนมันบ้าบอ เดายากว่ามันจะอยู่ฝ่ายใหน วันดีคืนดี มันอาจจะอยู่ฝ่ายเรา”
“หลังจากนั้นสองชั่วโมงอาจจะเป็นศัตรูเรา” โรสเสริมพี่ชาย
“เราโตมาด้วยกัน เห็นแก่ความเป็นมิตรของสองตระกูล ไม่อยากแตกหักกับมัน นอกจากจำเป็นจริงๆ”
อัศวินกับรัตนากรต่างครุ่นคิด

เฮนรี่เห็น อัศวิน รัตนากร วรชัย และโรส ต่างแยกกันไปขึ้นรถ อัศวินเคลื่อนออกไป วรชัยขับรถไปอีกทาง เพราะทั้งสองจอดรถหันหัวรถไปคนละทาง
“เยส ดีมาก ต่างคนต่างไป”
แต่แล้ววรชัยตีวงอ้อมกลับมาตามรถของอัศวินไป
“โน โน โน”
“นึกแล้วว่าพวกมันต้องร่วมมือกัน”
เวจางกับอังโซะต่างยิ้มให้กัน เพราะเดาถูก เฮนรี่เอากล้องลง“สำหรับผมไม่มีคำว่ายาก หรือ ง่าย มีแต่ ได้ กับ ได้”

เฮนรี่ยืนยัน

ที่ค่ายพัก ชาติกราดสายตาไปมา เห็นพรานโก๊ะเดินแบกกล้วยเข้ามาเครือหนึ่ง พรานโก๊ะขยับกล้วยเป็นเชิงถามว่าจะเอามั้ย ชาติยิ้มส่ายหน้า พรานโก๊ะเดินผ่านชาติไปทางพรานเมิง กับนายองที่กำลังตรวจปืนอยู่
 
พรานโก๊ะยื่นเครือกล้วยไปตรงหน้า พรานเมิงตัดออกไปหวีหนึ่ง พยักหน้าให้เป็นเชิงขอบใจ
พรานโก๊ะเดินต่อ ผ่านกาญจนากับวีรกิจที่นั่งอยู่ห่างกัน เพราะวีรกิจยังโกรธกาญจนาที่ตำหนิตน กาญจนานั่งกอดอกหน้ามุ่ย วีรกิจก็หน้าบึ้ง แต่สายตาลอบมองนายองซึ่งนั่งกับพรานเมิง พรานโก๊ะจับสังเกต เดินมานั่งกับนพดลซึ่งกำลังจัดโน่นนี่อยู่ อิทธิเดินเข้ามา เด็ดกล้วยไปลูกหนึ่งแล้วเดินผ่านไป ไม่บอกไม่กล่าว พรานโก๊ะเด็ดกล้วยแล้วขว้างตามหลัง อิทธิหันกลับมารับขวับ ยกให้ดูว่าขอบใจ พรานโก๊ะเหล่ค้อน

อิทธิเดินเข้ามา ผ่านทีมงานที่ยืนระวัง เขาโยนกล้วยให้ ทีมงานรับไว้ อิทธิเดินเข้ามาหาชาติ
“ว่าไงเพื่อน”
“ไอ้อัศวินกับคุณรัตนน่าจะกลับมาได้แล้ว”
“คิดมากน่า สองคนนั่นฝีมือขั้นเทพ นั่นไง มาโน่นแล้ว”
ทั้งสองมองไป ชาติขยับตัวหรี่ตามอง นายองเดินเข้ามา
“ดูอะไรกันเหรอ”
ชาติกับอิทธิไม่ได้สนใจนายอง มองไปข้างหน้า นายองมองบ้าง แต่ไม่เห็นอะไร เริ่มหงุดหงิด
“นายคิดเหมือนฉันหรือเปล่าเพื่อน” ชาติถาม
“อืม ไปคันเดียว แต่กลับมาสองคัน”
นายองหงุดหงิด “ไม่เห็นมีอะไรมาเลย”
ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงเครื่องเบาๆ มาแต่ไกล ชาติกับอิทธิต่างมองหน้ากัน
“ธรรมดา ไม่มีการไล่บี้”
“มันไปพาใครมาวะ”
“เฮ้อ พูดอะไรกันไม่รู้เรื่อง”
นายองบ่นแล้วเดินออกไป ทั้งสองต่างจ้องไปข้างหน้า คอยดูเหตุการณ์อย่างใจเย็น สักครู่ก็เห็นรถสองคนวิ่งตรงดิ่งเข้ามา ทั้งสองมองอย่างสงสัย จนรถของอัศวินมาถึงก่อน แล้วจอดลงตรงหน้าทั้งสอง
“คุณอิทธิ ดูซิใครมา”
อิทธิเห็นรถของวรชัยเข้ามาจอดต่อท้าย วรชัยและโรสอยู่บนรถ อิทธิถึงกับพูดไม่ออก
“ตามมาเพื่อน”
อัศวินเคลื่อนรถเข้าไปในลาน วรชัยขับรถตาม อิทธิจ้องโรสขณะที่รถผ่านไป สองฝ่ายประสานสายตากัน
“ยุ่งแล้วซิ”
ชาติยิ้มตบไหล่เบาๆ แล้วเดินออกไป อิทธิมองตามถอนใจ

อัศวินแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับโรสและวรชัย ทุกคนต่างโบกมือบ้าง พยักหน้าบ้างตามถนัด
“ดีใจที่ได้พบกันอีก คุณวรชัยสบายดี” อิทธิทัก
“สบายดีครับ ขอบคุณ”
อิทธิมองโรส โรสพยักหน้าให้ รัตนากรสบตาอิทธิ แล้วยิ้ม
“คุณโรสจะเดินทางไปกับเราด้วย”
อิทธิพยักหน้าให้โรสเป็นเชิงต้อนรับ
“ผมจะเตรียมพร้อมรอเนตรนาคราชกลับมา ตรงจุดที่จะคืนเจ้าของเดิม และแบ่งกำลังส่วนหนึ่ง กระจายกำลังคอยติดตามสนับสนุนโรสอยู่รอบนอก”
อัศวินกับรัตนากรต่างสบตากันเช่นเดียวกับอิทธิและชาติ เพราะนึกว่าโรสจะมาด้วยคนเดียว โรสสังเกตเห็นรีบอธิบาย
“ไม่ต้องห่วง พวกนั้นจะโผล่มาเมื่อฉันส่งสัญญาณเท่านั้น”
“หวังว่าคุณคงไม่ส่งสัญญาณตอนที่พวกเราหลับ” อิทธิแซว
โรสยิ้ม “อย่าขี้เซาก็แล้วกัน”
ทั้งหมดต่างยิ้มขำ กาญจนากับวีรกิจต่างจ้องโรสอย่างสนใจ กาญจนาทึ่งในบุคคลิกของโรส วีรกิจทึ่งในหุ่นและความสวยของโรส
“โชคดีครับทุกคน” วรชัยอวยพร

ตรงจุดที่พรานเมิงกับนายองพัก สองพ่อลูกนั่งคุยกัน
“ยัยป้านั่นมาที่นี่ทำไมน่ะพ่อ”
“ป้าไหนวะ”
พรานเมิงมองไปยังกลุ่มของอัศวินที่ล้อมวงคุยกันอยู่
“ก็ผู้หญิงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ พี่รัตน์น่ะ”
“เฮ้ย ป้าที่ไหนวะ ยังสาวอยู่เลย สวยด้วย”
“เฮ้ย พ่อเนี่ย”

นายองเดินออกไป พรานเมิงงงๆ

วรชัยกับโรสยืนคุยกันพักหนึ่ง โรสก็เข้าไปกอดพี่ชาย วรชัยขึ้นรถขับออกไป โรสมองตาม อิทธิมองอยู่

“ฝากดูแลคุณโรสด้วยนะ”
รัตนากรบอกยิ้มๆ อิทธิเขิน
“ท่าทางคงไม่ให้ผมเข้าใกล้มากกว่า”
“คุณอิทธิรู้จักคุณวรชัยมาก่อน”
“อ๋อ เราเคยเจอกันครับ คุณวรชัยกับคุณโรสไปช่วยผมไว้จากพวกนักเลง”
“รู้จักกันแล้วจะกลัวอะไร ใจถึงหน่อย”
รัตนากรมองอิทธิ แล้วโบ้ยหน้าไปทางโรส อิทธิตรงไปหาโรส โรสหันมา
“อ้อ คุณ”
“ผมขอถามเพื่อความแน่ใจหน่อยนะครับ คุณเป็นคนเดียวกันกับที่เคยช่วยผมในร้านอาหารที่สามเหลี่ยมทองคำหรือเปล่า”
“คุณความจำเสื่อมเหรอ”
“แปลว่าใช่”
โรสเอียงคอมอง
“พี่ชายคุณกับผมก็เคยเจอกัน เพราะพี่ชายคุณจำผมได้”
โรสรำคาญ เริ่มออกเดิน อิทธิเดินตาม
“แล้ววันนั้นที่บาร์ ทำไมคุณทำเหมือนไม่รู้จักผม”
โรสหยุดเดิน
“ฉันจำได้ว่าฉันทักตอบคุณนะ”
“เอ่อ คือ.”
“แบบนั้นไม่ใช่เรียกว่ารู้จักเหรอ”
“คือผม เอ่อ คิดว่ามันน่าจะ”
“แบบนี้เหรอ”
โรสเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ หน้าชิดกับอิทธิ
“สวัสดีค่ะ คุณอิทธิขา”
อิทธิอึ้งไม่กล้าขยับหน้า โรสถอยออกมา
“ฉันช่วยคุณ เพราะฉันไม่ชอบพวกนักเลง ไม่ใช่เพราะพิศวาสคุณ คุณเจอฉัน คุณทักฉัน ฉันทักคุณ จากนั้นต่างคนต่างไป ก็ถูกแล้วนี่ หรือว่าต้องให้ฉันนอนกับคุณ”
อิทธิอึ้งไป
“ชิลน่า”
โรสเดินออกไป อิทธิมองตามพยักหน้าตามหลังประมาณว่า ก็ได้ จะเอาแบบนั้นก็ได้

อัศวินเดินโอบกาญจนาคุยกันมา
“กาญคิดยังไงที่พี่ให้คุณโรสมาด้วย”
“พี่อัศวินเป็นหัวหน้า มีสิทธิ์เต็มร้อย แล้วกาญก็ชอบคุณโรสด้วย”
“คุณโรสเคยแอบช่วยเราหลายหนแล้ว แต่ยังไงเราก็ต้องคอยดูกันไป”
“เราจะเริ่มเดินทางได้เมื่อไหร่คะ”
“พี่เชื่อว่าพรานเมิงจะบอกเราเมื่อถึงเวลา”
กาญจนาหยุดเดิน
“ตามแผนที่ เรายังไม่ได้เริ่มเข้าเขตเลยนะคะ”
“แล้วพี่จะหาทางเร่งทำเวลา เมื่อเราออกเดินทาง”
กาญจนากังวล

อัศวินกับกาญจนาเดินมาถึงบ้านพัก เห็นวีรกิจยืนอยู่ตรงระเบียงบ้าน
“พี่จะไปดูพวกเราทางด้านโน้น”
“ค่ะ”
อัศวินเดินแยกออกไป วีรกิจลงมาหากาญจนา
“เอ่อ ผมขอโทษที่แสดงอาการไม่เหมาะสม”
“แล้วก็แล้วกันไปเถอะค่ะ กาญเข้าใจว่าคุณวีรกิจอึดอัด แต่กาญก็อยากจะบอกอีกครั้งว่า การเดินทางครั้งนี้ ไม่ใช่ปิคนิค เป็นเรื่องเป็นเรื่องตาย”
“ก็ผมขอโทษแล้วไง”
“ขอโทษอย่างเดียวไม่ได้หรอกค่ะ คุณวีรกิจต้องเข้าใจด้วย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุที่จะมีผลกระทบต่อสวัสดิภาพของทุกคนอีก”
“คุณกาญพูดเหมือนผมไม่ใช่คู่หมั้นของคุณกาญ”
“คำว่าคู่หมั้น ไม่ได้ให้สิทธิคุณวีจะทำอะไรก็ได้ ผิดก็คือผิด”
กาญจนาเดินขึ้นบ้านไป วีรกิจฮึดฮัดไม่พอใจ เดินออกไปอีกด้านหนึ่ง

รัตนากรเดินมาหาโรสซึ่งนั่งตรวจอุปกรณ์อาวุธของตัวเองอยู่
“แบบนี้ใครเข้ามาจบแน่”
โรสยิ้มเก็บอาวุธเข้าเป้สัมภาระ
“พวกผู้หญิงเราพักบนบ้าน พวกผู้ชายพักที่ลาน ยกเว้นคุณวีรกิจ ขอพักข้างบนกับยัยกาญ เจ้าของขบวน”
“เส้นใหญ่”
ทั้งสองขำ
“เราก็แค่ไม่อยากให้ยัยกาญลำบากใจ”
“อย่าห่วงฉันดีกว่า ฉันจะพักที่ลานนี่ละค่ะ”
“แน่ใจ”
“อืม”
“งั้นมา ฉันจะแนะนำให้รู้จักทุกคน”
ทั้งสองเดินออกไป

นายองจ้องไม่พอใจหลังจากที่รัตนากรกรพาโรสมาแนะนำให้ทุกคนรู้จัก พรานเมิงขยับตัวลุกขึ้น
“ข้าจะออกไปหาไก่ป่ามาย่างกินสักหน่อย เองจะไปมั้ยฎ
“ไม่”
“อารมณ์ไม่ดีแต่วันเลยนะเอ็ง”

นายองไม่พูด แต่ค้อนฟึดฟัด พรานเมิงมองตามสายตานายองไป ก็เข้าใจว่าทำไมลูกสาวอารมณ์ไม่ดี อดขำไม่ได้
 
อ่านต่อหน้า 3

เนตรนาคราช ตอนที่ 6 (ต่อ)

หลังจากพาโรสไปแนะนำกับทีมงานเสร็จ ทั้งสองเดินมาหยุดอยู่ตรงลานหน้าบ้าน

“ก็คงเท่านี้ล่ะค่ะ เหลือยัยกาญกับวีรกิจ”
โรสยิ้มพยักหน้า
“งั้นฉันขอตัวก่อน เชิญคุณโรสตามสบาย”
“ค่ะ”
รัตนากรหันหลังเดินออกไป
“เดี๋ยวค่ะ”
รัตนากรหันมา
“คงไม่รังเกียจที่จะเรียกคุณว่าพี่สาว”
รัตนากรยิ้ม “ด้วยความยินดีน้องสาว”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน รัตนากรพยักหน้าอย่างพอใจ
รัตนากรเข้ามาก็พบกาญจนา กำลังตรวจเส้นทางอยู่ กาญจนาเงยหน้าขึ้นมา ทั้งสองต่างพยักหน้าให้กันแว่บหนึ่ง รัตนากรเดินออกไป กาญจนาเงยหน้ามอง ถอนใจแล้วทำงานต่อ
รัตนากรเดินออกมา ไม่เห็นใคร เลยถือโอกาสลงมาจากบ้าน กราดสายตาไปมา เห็นความเคลื่อนไหวอยู่รอบนอก จึงรีบเข้าไปในป่า

พรานเมิงเดินเข้ามาที่ลานพักหน้าบ้าน ถือไก่ป่ามาสองสามตัว พรานโก๊ะกับนพดลเห็น
“โห ไก่ป่า จับได้ไง ไม่ได้ยินเสียงปืน” นพดลร้องทัก
“ความลับบอกกันไม่ได้”
“ไม่เป็นไร มีให้กินอร่อยๆ ก็พอแล้ว”
“ผมก็แค่เสียบไม้ย่าง อร่อยหรือเปล่า ไม่รู้เหมือนกันครับ”
“งั้นข้าเอง ข้าทำอร่อย” พรานโก๊ะเสนอตัว
“เอาเลย พราน“
นายองเดินเข้ามา
“ยัยป้าคนนั้น เขาจะไปไหนน่ะพ่อ”
ทุกคนหันไปมอง เห็นโรสเดินออกไป พรานเมิงกราดสายตารอบ เห็นทีมงานอยู่ตามจุดต่างๆ
“มีหน่วยระวังอยู่รอบ คงไม่เป็นไรหรอก คุณอัศวิน คุณชาติ หายไปใหนกันหมด”
“พากันออกไปดูรอบนอก มีคุณกาญอยู่บนบ้าน”
“หนูเห็นคุณวี เดินอยู่แหมบๆ แต่ไม่รู้ไปไหนแล้ว”
“คุณโรสได้ข่าวว่าฝีมือไม่เบา ไม่น่าต้องห่วง ไม่ยังงั้นคุณอัศวินต้องสั่งไว้แล้วว่าห้ามออกไปไหน”
“ยังไง ยัยป้าก็ไม่ควรหาเรื่อง”
“เอ็งไม่ต้องสอดมากหรอก นายอง”
“พ่อ เนี่ย”
นายองเดินงอนไป
“ต้องอร่อยนะพรานโก๊ะ” พรานเมิงบอก
“ทำเป็นเหรอเปล่า อร่อยแน่นะ”
พรานโก๊ะเหล่ นพดลหัวเราะชอบใจ

รัตนากรเคลื่อนตัวเข้าไปในป่าอย่างช้าๆ ชายฉกรรจ์สองคน เคลื่อนตัวห่างออกไป รัตนากร เคลื่อนตัวตามไปดูอย่างระมัดระวัง ชายสองคนเคลื่อนตัวรวดเร็ว รัตนากรตามใกล้เข้าไป

อิทธิขับรถเข้ามาจอดที่ตลาดชุมโจร ทั้งหมดลงมาจากรถ อัศวินหันไปบอกชาติกับอิทธิ
“เช็คดูหน่อย ว่าพวกไอ้เฮนรี่ กับแก๊งมังกรทองทำอะไรกัน ถือว่าเดินเล่นชิลๆ เจอ กันที่นี่ภายในหนึ่งชั่วโมง ระวังตัวด้วย”
“ห่วงแต่ไอ้อิทธิน่ะซิ”
“ห่วงเรื่องอะไรเพื่อน”
“ก็ใจมันไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว ตั้งแต่มีสมาชิกใหม่ร่วมเดินทางด้วยฎ
อัศวินกับชาติต่างยิ้มขำ อิทธิตีหน้าขรึม
“โอ๊ย ขำ”
อิทธิชี้ไปที่ชาติ ทำนองว่าให้ระวัง เขาจะบอกเรื่องกาญจน ชาติหุบยิ้ม อิทธิเดินแยกออกไป อัศวินไม่ทันสังเกตเข้ามาตบไหล่ชาติ
“ระวังตัวด้วย”
อัศวินเดินออกไป ชาติถอนใจอดขำไม่ได้

รัตนากรเคลื่อนตัวอย่างระมัดระวัง สายตาสอดส่าย ในที่สุดก็เห็นชายฉกรรจ์สองคนเข้าไปรวมกลุ่มกับ
คนกลุ่มหนึ่งร่วมสิบ รัตนากรมองรอบๆ ก็เห็นชายคนหนึ่งอยู่ในกลุ่มที่เธอจำได้
“นายเคน ตอนนี้นายอยู่ฝ่ายไหนกันแน่”
เสียงดังเป๊าะ รัตนากรหันขวับ แล้วกลิ้งตัวหลบ มีดเดินป่าฟันฉับลงมาโดนกิ่งไม้ใหญ่ดังตึบ มีดติดกิ่งไม้ เจ้าของมีดดึงไม่ออก รัตนากรเงื้อหมัด มันตาเหลือก เธอยิงหมัดโครม มันล้มตึงหมดสติไป

เคนตบชายฉกรรจ์สองคนที่รัตนากรตามมา กระเด็นลงมากับพื้นทีละคน
“ข้าให้ไปดูพวกมัน ดันไปพามันกลับมา ไอ้เซ่อ”
“ไอ้นี่เจอ แต่ไม่ได้เรื่อง ถุย”
“ก็ ก็ ฉันออกไปฉี่ พกแต่มีดเดินป่าก็เลย เสียท่า แต่ฉันจำมันได้นะพี่”
เคนมองอย่างไม่เชื่อ
“ใคร”
“คนที่พี่บอกว่า บิวตี้ อะไร ฟูลๆ น่ะพี่”
พวกสมุนมันต่างหัวเราะ เคนตบเปรี้ยง
“อย่าเสือกล้อข้าอีก เหล้าเว้ย”

ขวดเหล้าลอยมา เคนคว้าไว้ได้ ครุ่นคิด

อัศวินเดินเข้ามาในบาร์ มีโจรยืนอยู่สองสามคน วางเงินลงปึกหนึ่ง บาร์แมนรีบเข้ามา “ครับพี่”

“ได้ข่าวว่ามีน้ำส้ม”
เสียงพวกโจรที่ยืนอยู่หัวเราะขำ แล้วหันมา อัศวินยิ้มให้ พวกมันหยุดมองแล้วหันกลับไปคิกคักกันต่อ
“มี แต่สำหรับผู้หญิงเท่านั้น”
บาร์แมนบอก มีเสียงขำแว่วๆ มาอีก
“งั้นฉันขอแก้วหนึ่ง
อัศวินหันไป หลินยืนอยู่กับหยกและปิง อัศวินยิ้มให้ กราดตามองหยกกับปิง แล้วทัก
“ไหล่เป็นยังไงมั่ง”
หยก ปิง ขยับตัว หลินยกมือห้ามไว้ ทั้งหมดประสานสายตากัน จ้องอัศวินอย่างพอใจ เดินเข้ามายืนใกล้ บาร์แมนเอาน้ำส้มมาวางตรงหน้าหลิน
“เชิญ ฉันเลี้ยง”
“พี่ชาย”
อัศวินเรียก ชายบาร์รีบเข้ามา เอาแก้วเป๊กวางลงตรงหน้าอัศวิน
“เชิญ ผมเลี้ยงดีกว่า”
“คิดจะมอมฉันเหรอ”
อัศวินยิ้มยื่นมือไปหยิบแก้วน้ำส้ม แต่แล้วหลินสะบัดมือจิ้มมาตรงหน้า อัศวินหลบคว้ามือไว้ได้ หลินปัด กลายเป็นสู้กัน มือปัดกันไปปัดกันมา สุดท้ายอัศวินจับข้อมือหลินไว้ได้ แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งหยิบแก้วน้ำส้ม หลินยิ้ม ใช้มืออีกข้างหนึ่งคว้าแก้วเป๊ก แล้วระทวยเข้ามาเกือบซบอก หน้าเกือบติดกัน จ้องตากันอึดใจ หลินกระดกพรวดเดียวหมด อัศวินยกแก้วน้ำส้มจิบ แล้วดันหลินออกไป
“ผมสงสัยว่าคุณจะขโมยแผนที่ไปทำไม ในเมื่อคุณไม่ใช่คนถิ่นนี้ ไม่ชำนาญทาง”
“เรียกร้องความสนใจมั้ง”
อัศวินจ้องเฉยไม่ตอบ
“มีแผนที่อยู่ในมือ ย่อมมีคนต้องการคบด้วย งานสะดวกมากขึ้น มีคนให้ความร่วมมือ”
“คราวหน้า คนของคุณอาจจะไม่ได้กลับมา”
อัศวินเดินผ่านหลินออกไป หยกกับปิงขยับตัว หลินห้ามดุดัน
“ไม่ต้อง ห้ามแตะเป็นอันขาด”
หยกกับปิงมองหน้าหลิน คาดไม่ถึง
“คนนี้ของฉัน”
หลินยิ้มตาวาว

เฮนรี่ เวจาง โจซิง และอังโซะ เดินออกมาจากโรงแรมของเฮียเป๋ง อังโซะหยุด โจงซิงหันมาบอก
“ไปด้วยกัน”
“ขี้เกียจ จะนอน”
“อย่าคิด อย่าให้รู้”
อังโซะยิ้มกวน พยักหน้า โจซิงเดินออกไป

อิทธิเดินเข้ามาในโรงแรม เฮียเป๋งร้องทัก
“อาอิกทิ ไอ้หยา หรือไปพักที่ใหน ไม่มาพักโรงแรมอั๊ว”
“มีคนพักเต็มแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ เป็งฝาหรั่ง คนเยอะแยะ”
“ก็ดีแล้วนี่”
“แล้วลื้อมาทำไม หาผู้หญิงเหรอ”
“ไอ้บ้า เดี๋ยวโดนฎ
ทันใดนั้นอังโซะมากระชากไหล่อิทธิหันกลับมา ทั้งสองจ้องกันอึดใจ อังโซะมองเฮียเป๋งสายตาดุดัน เฮียเป๋งสะดุ้ง รีบออกไป อังโซะยิ้มให้อิทธิ แล้วโผเข้าใส่ชายหนุ่ม ปล้ำจูบนัวเนีย อิทธิดันออกห่าง
“เฮ้ ผมไม่ใช่ผู้ชายใจง่ายนะคุณ”
อังโซะผมเผ้ายุ่ง ยิ้มตาหวานฉ่ำ
“ฉันมีเรื่องที่นายอยากจะรู้”
ทั้งสองจ้องกันอึดใจ

ประตูห้องโรงแรมเปิดผัวะ อังโซะลากอิทธิเข้ามาในห้อง หมุนมาถึงหน้าเตียง เธอผลักอิทธิลงไปที่เตียง ตวัดถอดแจ็คเก๊ตของเขาออกไปจากตัว
“เดี๋ยว ไหนว่ามีเรื่องจะบอกไง”

ชาติเดินสำรวจรอบๆ ตลาดชุมโจร เห็นพวกโจรเดินกันขวักไขว่ แล้วเห็นโจรมุงหน้าร้านอาหารอยู่
จึงขยับตัวจะเข้าไป ทันใดนั้น ซามูโผล่พรวดมาตรงหน้า
“ไอ้”
ซามูพยักเพยิดให้ตามมันไป พลางนำแหวกพวกโจรมุงเข้าไป ชาติรีบตามไปอย่างรวดเร็ว ตรงหน้าคือโจรสามคนกำลังรุมชายกลางคนหนึ่งคนแต่งตัวคล้ายพราน ชาติมองอย่างสนใจ พรานชกคนหนึ่งกระเด็นไปตรงโต๊ะทำกับข้าวโครม อีกคนเข้ามาทางด้านหลัง พรานหันไปเอาด้าม
ปืนโบราณกระแทกหน้ามันหงายไป แต่แล้วคนที่ล้มลงไปที่โต๊ะทำกับข้าวโผล่พรวดขึ้นมาพร้อมด้วยมีดอีโต้ ฟันฉับเข้าให้ที่กลางหลังพราน
พรานหันกลับมายืนมองหน้ามัน มันฟันเข้าอีกที่หน้าอก ไม่เข้า มันเงื้อฟัน พรานเอามือรับข้อมือของมันไว้ได้ ชกโครม มันกระเด็น มีดอยู่ในมือพราน พรานตามติด ฟันฉับเข้าให้ที่ไหล่ของมัน เป็นแผลฉกรรจ์ พวกมันสองคนพรวดเข้ามา พรานหันไป มันสองคนเบรคกึก แล้วเผ่น คนที่โดนฟันเผ่นตาม พรานยิ้มเครียด นั่งลงเอามีดสับตั้งไว้บนโต๊ะ พลางยกแก้วน้ำขึ้นดื่มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โจรมุงเริ่มสลายตัว ซามูดึงชาติหลบไปอีกด้านหนึ่งทำไม้ทำมือ
“เอ็งพาข้ามาดูคนต่อยกัน”
ซามูทำหน้าเบื่อ แล้วชี้ ชาติหันกลับไป ก็เห็นเฮนรี่ กับ เวจาง และโจซิง เข้ามานั่งลงที่โต๊ะของพรานอองข่าน

“ไอ้เฮนรี่”

อิทธิอยู่ในห้องของโรงแรมกับอังโซะ

“อยากรู้ก็เฉยไว้”
“โน โน โน”
ทันใดนั้น อังโซะเข้ามากระแทกล้มไปบนเตียง เห็นแสงวับ อิทธิเอามือรับไว้ได้ อังโซะถือมีดจิ้มอยู่เกือบถึงหน้าอก อิทธิออกแรงต้านไว้
“เฮ้ย เมื่อกี้ยังพิศวาสอยู่เลย”
“หมดอารมณ์”
อังโซะกดแรงดันมีดลงมาอีก อิทธิพลิกตัวออก อังโซะเสียหลักให้อิทธิหมุนมาอยู่ด้านบน มือยังจับข้อมือที่ถือมีดแน่น อังโซะดิ้น อิทธิชกโครมเข้าให้ อังโซะอึด เตะอิทธิโครม ทั้งสองเริ่มต่อสู้กันอย่างดุเดือด
เสียงดังโครมครามลงมาถึงข้างล่าง เฮียเป๋งสะดุ้ง
“ไอหยา มันลักกังดุเดือก จิงๆ”
อิทธิกับอังโซะสู้กัน อึดใจ อิทธิก็ชกเข้าให้ อังโซะลอยไปหมดสติอยู่บนเตียง
“โห รักต้องเชือดเหรอเนี่ย ฟิ้ว”

อัศวินกับชาติ รออยู่ที่รถ กราดสายตาไปมา
“มาแล้ว”
อิทธิรีบเดินเข้ามา
“ทำไมช้าเพื่อน”
“ไอ้เป๋งนะซิ รายงานไม่ยอมจบ” อิทธิพูดหน้าตาเฉย
“ไปคุยต่อที่ค่าย”
อัศวินโดดขึ้นรถ ชาติ กับ อิทธิ ขึ้นตามนั่งหลัง ชาติหันมามอง
“หน้าใสเลยนะเพื่อน ไอ้เป๋งหรือว่าสาววะที่รายงาน”
“เฮ้ย บ้าน่า”
อัศวินยิ้มกับชาติ ต่างยิ้มขำคิกคัก อิทธิผลักหลังชาติจนหน้าคะมำ

เฮนรี่พาพรานอองข่านมาแนะนำให้ทุกคนรู้จัก
“พวกเราทุกคน นี่คือพรานอองข่าน”
โจซิง เวจาง อังโซะ ต่างพยักหน้าให้พรานอองข่าน เฮนรี่ผายมือให้ พรานอองข่านนั่งลง
“ผมมีเรื่องสงสัยพราน ว่าพวกนั้นทำไมถึงหยุดอยู่ที่นี่ แทนที่จะเดินทางออกไป” เฮนรี่ถามขึ้น
“มันอาจจะรอพวกเราก็ได้” โจซิงพูดขำๆ
พวกมันต่างหัวเราะกัน เฮนรี่ไม่ขำด้วย พรานอองข่านยิ้มเยาะ
“พายุกำลังมา อาจจะผ่านไป หรือไม่ผ่าน เดินทางออกไป ไม่ใช่เรื่องดี พรานที่นำทางพวกมันนับว่าพอมีวิชาอยู่”
“หวังว่าคงไม่เก่งเท่ากับท่าน”
โจซิงพูดเป็นเชิงถามว่าพรานอองข่านเก่งแค่ไหน พรานอองข่านจ้องโจซิงไม่หวั่น
“ก็ไม่แน่ เราอาจจะพาท่านหลงอยู่ในป่าก็ได้”
โจซิงถึงกับเงียบ พรานอองข่านพูดเป็นเชิงขู่
“พรานอองข่านมีฝีมือขั้นระดับรับรองได้จากคนที่ผมรู้จัก พวกเราไม่ต้องห่วง”
เฮนรี่รีบแก้ต่างให้พวกโจซิง พรานอองข่านหน้านิ่ง ไม่สนใจใคร โจซิงมองพรานอองข่าน เก็บ
ความแค้นไว้ในใจ เฮนรี่มองสังเกต อ่านออก แต่นิ่งไว้

โรสเดินตรวจเหตุการณ์อยู่ในป่า เห็นความเคลื่อนไหวอยู่ด้านนอก จึงค่อยเคลื่อนตัวไปอย่างระมัดระวัง ถึงจุดหนึ่ง หยุดซุ่ม มองออกไป แต่แล้วหยุดนิ่ง รับรู้ได้ว่า มีคนอยู่ทางด้านหลัง โรสหันหลังกลับ เห็นวีรกิจยืนอยู่
“ผมเอง”
โรสเก็บปืน
“นายคิดจะทำอะไร อยากตายเหรอ”
“ผมเห็นคุณออกไปไกลค่าย ก็เลยตามมาดู”
“นายกลับไปดีกว่า”
โรสไล่ แต่แล้วเห็นสีหน้าวีรกิจตาเหลือกตื่นเต้น โรสรีบหันกลับไป ก็เจอกับกลุ่มชายฉกรรจ์สามคน
“หลงทางกันเหรอจ๊ะ”
โรสหน้านิ่ง วีรกิจหันหลังจะกลับ แต่ก็เจอชายอีกสองคนกันไว้ ชายทั้งหมดต่างเคลื่อนตัวล้อมเข้ามา
โรสขยับตัวพร้อม วีรกิจถอยกลับมาใกล้โรส สองฝ่ายต่างจ้องพร้อมที่จะห้ำหั่นกัน โรสหน้าเข้ม

รถของอัศวินขับเข้ามาจอด ทั้งหมดลงจากรถ
“ไง หนุ่มๆ ได้เรื่องอะไรบ้าง”
ทั้งหมดหันไปก็เห็นรัตนากรเดินเข้ามา
“รอบนอกเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ เรียบร้อย ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เอ๊ะ คุณอิทธิน่าใสเชียว สงสัยแอบไปเจอสาว”
อิทธิสะอึกพูดไม่ออก
“เห็นมะ ฉันบอกแล้ว ไอ้หน้าใส”
อัศวินกับชาติต่างหัวเราะออกมาจนได้ รัตนากรพลอยยิ้มไปด้วย อิทธิเหล่พูดไม่ออก
ร่างชายฉกรรจ์ลอยไปกระแทกพื้น ที่เหลือบุกเข้าหาโรส โรสเคลื่อนไหวรวดเร็ว วีรกิจจะกระชากปืนแต่โดนชกโครมร่วงผลอยหลับไป โรสต่อยเตะพวกมัน พวกมันกระเด็นเข้าไม่ติด โรสสู้ดุดัน ในที่สุดพวกมันก็ทรุดหมด ต่างเริ่มคลานค่อยๆ ประคองกันลุกขึ้นแล้วค่อยเดินจากไป
 
โรสมองตามยิ้มขำ วีรกิจเพิ่งขยับตัวลุกขึ้นมาได้ มองพวกมันด้วยความแค้น

รัตนากรคุยกับอัศวิน ชาติ และอิทธิ

“ที่แท้ไอ้เฮนรี่ก็เตรียมพรานของมันพร้อมเหมือนกัน”
“ไอ้ซามูบอกว่าเป็นพรานเก่าเก่งมีวิชา ผมเองก็เห็นมากับตา” ชาติบอก
อัศวินกับรัตนากรต่างมองกัน เป็นเชิงรับรู้ข้อมูล
“ผมเจอพวกมังกรทอง คิดชิงแผนที่เพื่อใช้เป็นเครื่องต่อรอง” อัศวินเล่า
อิทธิอึกอัก “ผมก็ เอ่อ ก็ ไม่เจอใคร แต่ไอ้เป๋งบอกว่าไอ้เฮนรี่พักที่โรงแรม ยอดรวมราวๆ ยี่สิบกว่าคน”
"นายเคน ส่งคนมาดูเรา รัตน์ตามออกไปดู ไม่มีทีท่าจะก่อเรื่อง”
ต่างพยักหน้ารับ ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้นเปรี้ยงๆ ทุกคนหันไปทางเสียงปืน กาญจนาออกมาตรงระเบียงบ้าน
“พี่อัศวิน คุณวีไม่อยู่ค่ะ”
“คุณโรส” รัตนากรนึกขึ้นได้

วีรกิจยิงสาดเข้าไปในป่า เสียงปืนดังสนั่น โรสโดดเข้ามาใกล้ ตบโครมแล้วแย่งปืนไป วีรกิจเซ
“คุณจะบ้าเหรอ ยิงคนข้างหลัง มีที่ไหน”
วีรกิจมองหน้าโรสด้วยความแค้น โรสจ้อง อารมณ์เสีย วีรกิจจ้องตอบไม่พอใจ

โรสกับวีรกิจกลับมาที่พัก โรสจ้องวีรกิจสายตาเย็นชา
“พวกมันบุกเข้ามาเล่นงานเราก่อน ผมยิงพวกมันผิดตรงไหน”
รัตนากร อัศวิน กาญจนา ยืนรายล้อมอยู่ กาญจนายืนห่างออกไป อึดอัดใจ
“ผิดตรง กฎที่นี่ ห้ามฆ่ากัน” อัศวินบอก
“ก็ยังไม่เห็นมีใครตาย”
ชาติกับอิทธิเดินเข้ามา
“ว่าไง” อัศวินถามขึ้น
“มีกองเลือดอยู่ลึกเข้าไปในป่า”
“ท่าทางโดนเต็มๆ” อิทธิคาด
อัศวินจ้องวีรกิจ เก็บอารมณ์
“ขออย่าให้มีใครตายก็แล้วกัน”
วีรกิจฮึดฮัด คิดว่าตัวเองไม่ผิด ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียด รัตนากรมองกาญจนา กาญจนาได้แต่ถอนใจ

กาญจนากับวีรกิจแยกตัวมาที่บ้านพัก กาญจนาโกรธไม่พูดด้วย
“ในฐานะคู่หมั้น คุณจะไม่ให้อภัยผมเลยเหรอ”
“ได้ ฉันให้อภัยคุณ”
วีรกิจเข้ามาใกล้ “ขอบคุณครับ”
“แต่ในฐานะผู้ร่วมเดินทาง ไม่ใช่ในฐานะคู่หมั้น”
“แต่ผมเป็นคู่หมั้นของคุณ”
“ฐานะคู่หมั้นคงต้องหยุดไว้ก่อน เพราะคุณใช้มันทำแต่สิ่งผิดๆ สิ้นสุดการเดินทาง เราค่อยคุยเรื่องนี้กันใหม่”
กาญจนาเดินออกไป วีรกิจไม่พอใจ

อัศวิน รัตนากร ชาติ อิทธิ และโรส คุยกันอยู่ในป่า
“คืนนี้พวกมันอาจจะกลับมาเล่นงานพวกเรา มาตรการป้องกันต้องเข้มข้น”
อัศวินบอกกับทุกคนซึ่งยืนล้อมวงฟังอยู่
“ผมกับชาติจัดการได้” อิทธิยืนยัน
“อาจไม่พอ ทุกคนน่าจะมีส่วนร่วม” รัตนากรแนะ
อัศวินมองอิทธิกับชาติ
“ผมว่าคุณรัตน์พูดถูก”
อัศวินยืนยัน มองทุกคน ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย
“ผมจะเป็นตัวยืนเดี่ยว คอยประสาน ที่เหลือแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ ละสอง ใครมีไอเดียยังไงเสนอมา”
“รัตน์กับคุณโรส คุณชาติกับคุณอิทธิ”
โรสยิ้มพยักหน้า ชาติกับอิทธิมองกันแล้วยักไหล่โอเค
“อืม อย่าหาว่าผมเรื่องมาก ขอเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่งได้มั้ย ไม่ใช่ดูถูกฝีมือ แต่ปล่อยให้หญิงอยู่กันเอง มันเขินๆ ใครรู้เข้าเสียหมด”
รัตนากรกับโรสต่างมองหน้าอัศวิน โรสยักไหล่ รัตนากรยิ้ม
“ได้ค่ะคุณสุภาพบุรุษ คุณโรสเชิญ”
“ใครก็ได้ค่ะ” โรสบอก
รัตนากรมองอิทธิ เป็นเชิงว่าอย่าช้า อิทธิเห็นตัดสินใจรวดเร็ว
“ผม”
อิทธิประสานตากับโรส ทักทายยิ้มให้ โรสพยักหน้า สายตาว่างเปล่า
“ผมโชคดีอีกแล้ว คุณรัตน์กับผม”
ชาติชำเลืองมอง อัศวินเหล่ รัตนากรยิ้ม

ตอนค่ำ อัศวินเดินตรวจรอบๆ ลานด้านใน ผ่านทีมงานที่ยืนระวังเป็นจุด
“คืนนี้ระวังเป็นพิเศษ”
“ครับผม”
อัศวินเดินผ่านออกไปยังลานที่ทุกคนพักกันตรงกลาง พรานโก๊ะกับนพดล นั่งทำโน่นนี่กันอยู่ นพดลเงยหน้าขึ้น จับสังเกตได้เหมือนกันว่าคืนนี้มีบางอย่างเข้มข้นกว่าทุกคืน
“พรานโก๊ะ สบายดี” อัศวินถาม
“สบายดี”
“ว่าแต่นายเถอะ เดินหน้าเครียดแบบนี้ ปวดหัว หรือ ว่านอนไม่หลับ”
“สงสัยจะนอนไม่ค่อยหลับ เตรียมยานอนหลับอย่างแรงเผื่อไว้ด้วยก็แล้วกัน”
“โอเค”
พรานโก๊ะมองอัศวินยิ้มให้ อัศวินยิ้มให้พรานโก๊ะ แล้วเดินออกไป
“มียานอนหลับอย่างแรงด้วยเหรอหมอ”
นพดลยิ้ม ดึงปืนออกมาจากซอง แล้วขึ้นลำกล้องตรวจดู
“เอาสักเม็ดมั้ย”
พรานโก๊ะตาโต พยักหน้าว่าเข้าใจ
“อ๋อ ไม่ไหว แบบนี้แรงจริงๆ ไม่ตื่นแหงๆ”

ทั้งสองขำๆ
 
อ่านต่อหน้า 4

เนตรนาคราช ตอนที่ 6 (ต่อ)

พรานเมิงกับนายองนั่งตรวจอาวุธของตนอยู่ อัศวินเดินเข้ามา

“พรานเมิง คิดว่าเราจะเดินทางได้เมื่อไหร่”
“ขอดูเช้าพรุ่งนี้ ถ้าพายุสลายตัว ก็น่าจะเดินทางได้”
“ไม่ทันการ ผมจะออกเดินทางบ่ายพรุ่งนี้”
“แต่ว่า เสี่ยงนะครับ”
“เราไม่มีทางเลือก แล้วก็ คืนนี้ตอนนอน เปิดตาไว้ข้างหนึ่งก็ดี”
อัศวินเดินออกไป พรานเมิงกังวล กราดสายตารอบ เห็นทีมงานเดินระวังตามจุดอย่างเข้มข้น ไม่เหมือน
คืนก่อนๆ เขาแหงนหน้าดูท้องฟ้า
“ดูอะไรพ่อ”
“คืนนี้ห้ามเอ็งออกไปป้วนเปี้ยนที่ไหนอีก มีอะไรเอ็งอยู่ติดหลังพ่อจำไว้”
“ทำไมเหรอพ่อ”
“เอ็งอย่าถามมาก”
นายองสงสัย หงุดหงิด

โรสกับอิทธิเดินมาถึงจุดเหมาะสม มีขอนไม้ใหญ่ขวางเป็นกำบัง รอบๆ มีพุ่มไม้บังมิดชิด โรสเหวี่ยงเป้ลงพื้น
“คุณระวังรอบแรก”
โรสนั่งพิงหลับตาเฉย อิทธิยืนมองว่าไม่ต้องเครียดขนาดนั้นก็ได้ แต่โรสหลับตาไปแล้ว อิทธิได้แต่เหล่ แล้วลงนั่งข้างๆ ขยับปากจะถามอะไร แต่แล้วก็ส่ายหัวว่าไม่ถามดีกว่า สายตากวาดรอบๆ มองไปข้างหน้า จับความเคลื่อนไหวรัดกุม โดยไม่ได้สังเกตว่าโรสแอบหรี่ตามอง ลอบยิ้มแว่บหนึ่งแล้วหลับตาลงต่อ

รัตนากรกับชาติเดินมาถึงจุดเหมาะสม ทั้งสองต่างนั่งลงประจำที่ มองรอบๆ
“ผมว่าคืนนี้อาจได้ออกกำลังแน่”
“เหรอคะ”
“เลือดที่ผมเห็นค่อนข้างมาก คิดว่าพวกมันกลับไปตายรังชัวร์”
“อะไรจะเกิดขึ้นคะ ถ้ามีการผิดกฎแบบนี้”
“โทษถึงตายตกไปตามกัน”
รัตนากรเครียด ชาติก็กังวล

ค่ำคืนผ่านไป อิทธิกราดสายตามองรอบๆ ยังไม่มีความเคลื่อนไหว ชำเลืองมองโรสแว่บหนึ่ง เห็นโรสนั่งอยู่ในท่าเดิม ตายังหลับอยู่เหมือนเดิม เขาอดยิ้มไม่ได้ แต่แล้วก็สัมผัสความเคลื่อนไหว เห็นเงาวูบวาบ เคลื่อนไหวในราวป่า แว่บๆ แล้วหยุดนิ่งลง อิทธิขยับตัวมองรอบๆ สีหน้าเคร่งเพราะทุกอย่างเงียบตามเดิม หันมามองโรสแว่บหนึ่ง โรสนิ่งสงบ อิทธิยิ้ม ขยับตัวระวัง

เวลาเดียวกันนั้นชาติกับรัตนากรนั่งคุยกันเรื่องกฎของชุมโจร
“เคยมีโจรกลุ่มหนึ่ง ประมาณห้าคนตามล่าคู่แค้นมาถึงนี่ ไม่รู้กฎจับตายคู่แค้น สุดท้ายถูกโจรทุกคนร่วมมือกันจัดการ ต้านไม่ไหวตายหมด”
“แบบนี้เข้าทางพวกเฮนรี่กับมังกรทองชัวร์”
“พวกโจรไม่มีใครรู้เรื่องแผนที่ หรือเนตรนาคราช พวกมันรอให้เราดับ แล้วอ้างว่าเป็นพวกเรา อาสาจัดการเรื่องศพ ค้นเอาแผนที่ ออกเดินทางต่อสบายใจ”
รัตนากรพยักหน้าเห็นด้วย แต่แล้วสีหน้าเปลี่ยนเป็นระวัง
“มีการเคลื่อนไหว”
ทั้งสองต่างขยับตัวเข้าจุดซุ่ม มองไปรอบๆ เห็นความเคลื่อนไหววูบวาบรอบนอก
“มากันเพียบ”
รัตนากรประเมินจากประสบการณ์

อิทธิเห็นความเคลื่อนไหววูบวาบอีก เขายิ้ม สายตาจับจ้อง แต่แล้วเห็นมือโรสวางทาบตรงหัวไหล่ อิทธิยังคงมองข้างหน้า ไม่ได้หันมา
“คุณพักได้”
อิทธิหันมาพยักหน้า แล้วเคลื่อนตัวออกไปขยับเป้ตน พิงแล้วหลับตาเฉยเหมือนกัน โรสมองแว่บแล้วลอบยิ้ม แต่แล้วสีหน้าเปลี่ยน เคลื่อนตัวเข้าจุดซุ่ม มองรอบๆ อย่างระมัดระวัง อิทธิหรี่ตามองลอบยิ้มเช่นกัน โรสมองไปมา แล้วยิ้ม อ่านเหตุการณ์ออกเช่นกัน ชำเลืองมองอิทธิ เหล่เล็กน้อยว่าเขาทำเป็นไม่บอกเธอ

รัตนากรกับชาติระแวดระวังอยู่ด้วยกัน
“แปลก พวกมันได้แต่ล้อม ไม่เคลื่อนตัวเข้ามา”
ชาติกราดตามองรอบๆ อีกครั้ง
“คุณรัตน์พักเถอะครับ แบบนี้สบายใจได้ พวกมันยังไม่ลงมือคืนนี้แน่นอน”
“อืม เงียบสนิท น่าจะเป็นอย่างคุณชาติคาดการณ์”
รัตนากรหันมาตบเป้ของตัวเอง จัดให้เข้าที่ เอนหลังพิง
“ไม่รู้ทางคุณอิทธิกับคุณโรสเป็นยังไงบ้าง”
“ป่านนี้จีบกันสบายไปแล้ว”
“แล้วคุณชาติล่ะ ไม่คิดจีบดูมั่งเหรอ”
“ไม่อยากดวลมีดกับนายอิทธิ”
รัตนากรยิ้ม เอนหลังพิงขอนไม้ ผ่อนคลาย แต่แล้วทันใดนั้น เธอดีดตัวขึ้น ตวัดมือคว้ามีดสั้นจากต้นขา สะบัดมือไปยังพุ่มไม้ตรงหน้า ชาติดีดตัวขึ้นตวัดปืนขึ้นมากราดจ้องอย่างรวดเร็ว
ชาติกับรัตนากรต่างถือปืน จ้องไปยังพุ่มไม้ตรงหน้า ต่างสบตาส่งซิก แต่แล้วมีเสียงนกร้องดังขึ้น ชาติหงุดหงิด ผิวปากเป็นเสียงนกตอบไป รัตนากรรู้เชิง ยิ้มแล้วเก็บปืน สักครู่ซามูก็โผล่ออกมา ถือเป้ ตรงเป้มีมีดของรัตนากรปักอยู่ ซามูยิ้มฟันขาว ชาติเหล่ รัตนากรยิ้มขำ
รัตนากรกับชาติต่างมองซามู ที่เดินใกล้เข้ามา ซามูยื่นเป้มาตรงหน้า รัตนากรยิ้ม ดึงมีดมาเก็บไว้อย่างเดิม ซามูทำนิ้วสองนิ้วที่ตา แล้วชี้กราดออกไปด้านนอกรอบๆ
“ข้ารู้แล้ว ขอบใจ”
ซามูยิ้ม
“หายหัวไปเลย ข้าสั่งอะไรเอ็งไว้ จำได้หรือเปล่า”
ซามูพยักหน้าทำมือทำไม้กับชาติ แล้วหันมายิ้มให้รัตนากร ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าไปในลานที่พัก
“มีอะไรเหรอคะ”
“อ๋อ อัศวินฝากผมให้คอยระวังคุณกาญจนาเป็นพิเศษ ผมก็เลยให้ซามูคอยประกบคุณกาญจนาอีกแรงหนึ่ง มันกลับหายหัวไป”
รัตนากรขำเบาๆ ชาติยิ้ม
“ขอบคุณนะคะที่คอยช่วยดูยัยกาญ”
“ก็ ก็ เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”

รัตนากรยิ้มให้ จับสังเกต ชาติยิ้มตอบ อึกอัก เขิน รัตนากรพอจะอ่านออก แต่ทำเฉยๆ

กาญจนาอยู่บนบ้านพัก ตบเป้ของตนให้เข้าที่ ค่อยๆ ดึงปืนออกมาตรวจความเรียบร้อย หันไปทางวีรกิจซึ่งนั่งพิงฝาสีหน้าบอกบุญไม่รับเพราะถูกกาญจนาตำหนิ

“คุณควรตรวจปืนให้เรียบร้อย พวกมันอาจจะกลับมาตามหาคนยิงเพื่อนมันก็ได้”
วีรกิจกอดอกทำไม่สนใจ กาญจนามองอย่างอ่อนใจ ขยับตัวพิงเป้ เสียงดังกึกกัก กาญจนาขยับตัว มือแตะที่ด้ามปืน แต่แล้วเป็นนายอง
“นายอง ง่วงหรือยัง มานอนนี่”
“นายองไม่ง่วง แต่จะบอกว่า คืนนี้พ่อให้นายองนอนใกล้ๆ พ่อ”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“พ่อบอกไม่ให้ถาม แต่นายองรู้ แบบนี้ทีไร ได้บู๊ทุกที ว่าแต่พี่กาญรู้อะไรมั่งเหรอเปล่า”
“ไม่ต้องถามมาก ไปอยู่กับพ่อไป”
นายองยิ้มให้กาญจนา ตวัดหางตามองวีรกิจแว่บ
“นายองว่า ต้องมีคนก่อเรื่อง ทำให้ทุกคนเดือดร้อนแน่ๆ”
วีรกิจไม่พอใจ
“นายองไปดีกว่า”
นายองเดินออกไป วีรกิจฮึดฮัด กาญจนาทำเฉยไม่สนใจ

ตอนดึก ฝีเท้าย่องผ่านพุ่มไม้ไปยังที่รัตนากรกับชาติซุ่มอยู่ ใกล้เข้าไปจนเห็นรัตนากรกับชาติอยู่ในสายตา รัตนากรนั่งพิงต้นไม้ ชาติกราดสายตามองพวกมันไปทางด้านหน้า รัตนากรขยับตัวเล็กน้อย สัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหว
“ย่องแบบนี้ ระวังเจอดีนะคะ”
เสียงฝีเท้าก้าวออกมา เป็นอัศวินนั่นเอง
“มีอะไร” ชาติถาม
“ฉันออกไปดูพวกมันมา พวกเราไม่ต้องเสียเวลามาเฝ้าพวกมัน ไปนอนพักเอาแรงดีกว่า”
“คุณชาติก็คิดว่าอย่างนั้นเหมือนกัน”
“ฉันจะไปบอกนายอิทธิกับคุณโรส เดี๋ยวเจอกันในค่าย มีเรื่องต้องคุยวางแผนกัน”
“ย่องให้ดีนะเพื่อน”
“คุณอิทธิน่ะพอรู้กัน แต่คุณโรสไม่แน่”
“รับทราบ”
อัศวินเคลื่อนตัวออกไป
“เราไปกันเถอะครับ”
ทั้งสองต่างเก็บสัมภาระ
“ทางนี้ครับ”
“เดี๋ยวค่ะ”
ชาติมองหน้ารัตนากร
“แบบนี้แปลว่ามีเรื่องแน่ๆ”
รัตนากรยิ้ม

อิทธิยังนั่งพิงขอนไม้หลับตาเหมือนเดิม โรสกราดสายตาไปข้างหน้ารอบๆ อีกครั้ง เห็นเงาวูบวาบเคลื่อนไหวอยู่ข้างหน้า
“รู้แล้วน่า ว่ามากันเยอะ”
อิทธิยังหลับตา แต่พูดขึ้น
“พวกมันไม่เข้ามาหรอกครับ คุณพักก็ได้”
“ฉันตื่นแล้วตื่นเลย”
“ผมว่าคุณไม่ได้หลับมากกว่า”
โรสยิ้ม แล้วหันกลับนั่งพิงขอนไม้ ไม่ได้สนใจพวกข้างนอก เหล่อิทธิ
“กลัวผม”
“กลัวคุณ”
“กลัวผมหลับยามไงครับ”
โรสยิ้ม
“ฉันว่าคุณน่ะกลัวฉันมากกว่า เลยไม่กล้าหลับเหมือนกัน”
“ครับ กลัวคุณปล้ำผม”
โรสขำ
“ฝันมั้ง”
อิทธิขยับตัว ลืมตา ยกมือให้โรสเงียบ ชี้มือไปทางด้านข้างของที่ซุ่ม โรสพยักหน้ารู้เชิง ทั้งสองค่อยๆ ยืนขึ้น ต่างกระชากมีดออกมาแทบจะพร้อมกัน รู้ว่าต้องเก็บพวกมันให้เงียบที่สุด ทันใดนั้นมีดเล่มหนึ่งปักตรงขอนไม้ระหว่างคนทั้งสองอย่างแม่นยำ ทั้งสองต่างขยับตัว อิทธิดึงมีดออกจากขอนไม้
“นึกว่าใคร นายอัศวิน”
โรสยิ้มเก็บมีด อัศวินเดินเข้ามาใกล้ อิทธิส่งมีดคืนให้
“ฉันออกไปดูพวกมันมา เราเจอศึกหนักแน่นอน”
“เห็นหัวหน้าของมันมั้ยคะ”
“คิดจะเก็บหัวหน้ามันไม่ง่าย พวกมันรัดกุมมาก ผมซุ่มดูอยู่พักหนึ่ง ไม่เห็นมัน เลยต้องถอยกลับมา”
“เอาไงดีเพื่อน”
“ถ้าไม่มีทางเลือกก็ต้องหักออกไป”

อิทธิกับโรสต่างมองหน้ากัน

รัตนากรเดินควงแขนชาติ มุ่งหน้าไปยังทิศของตลาดชุมโจร ออกไปยังที่พวกมันล้อมอยู่

“คุณรัตนากรทำแบบนี้นายอัศวินตื้บผมแน่ๆ”
“ก็เราแค่จะไปตลาด ลองเชิงพวกมันดูหน่อย เผื่อจะได้เจอหัวหน้าพวกมัน”
“ได้เจอแน่”
ขาดคำ เงาของชายฉกรรจ์สิบกว่าคนพรวดเข้ามาขวางไว้ ทั้งสองหยุด
“เอ็งสองคนคิดจะไปใหน”
“จะพาแฟนไปหาเหล้ากิน ใช่มั้ยจ๊ะ”
ชาติพยักหน้ายิ้มให้พวกมัน
“พวกเอ็งออกไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“ชุมโจร ไม่มีกฏห้าม ใครจะไปไหนก็ได้ ข้าไม่สน”
รัตนากรเดินออกไป พวกมันเข้ามาล้อม รัตนากรยันโครม พวกมันกระเด็นออกไป เท่านั้นเอง พวกมันก็แห่กันรุมเข้ามา รัตนากรกับชาติลุยกับพวกมัน พวกมันกำลังเสียเปรียบ เสียงปืนดังขึ้น ทุกคนหยุด รัตนากรกับชาติหันไป เห็นหัวหน้าโจรยืนอยู่ท่ามกลางมือปืนห้าคนที่จ้องปืนมายังทั้งสองคน
“กลับไป”
“ทำไมต้องกลับ ไหนว่าชุมโจรมีอิสระทุกอย่าง” รัตนากรย้อน
“ตอนนี้มีคนตาย เกิดจากพวกของเอ็ง ระหว่างนี้ห้ามพวกเองออกจากพื้นที่ จนกว่าเรื่องจะชัดเจน กฎของที่นี่ใครก็รู้ว่าห้ามลงมือกันถึงตาย”
รัตนากรกับชาติ มองหน้ากัน
“โห ขนาดห้ามลงมือถึงตายนะเนี่ย พวกข้าเกือบไม่รอด”
“กฎที่นี่ห้ามคนอื่นมาฆ่ากันตาย แต่พวกข้ามีสิทธิฆ่าคนที่ฝ่าฝืน”
“พูดได้ฉลาดมาก จบด็อกเตอร์มาเหรอวะ”
รัตนากรกับชาติต่างจ้องพวกมัน แล้วค่อยๆ ถอยออกไป

รัตนากรกับชาติกลับมาถึงที่พัก อธิบายเรื่องที่ไปเจอหัวหน้าโจรให้อัศวินฟัง
“รัตน์ก็แค่จะหาตัวหัวหน้าพวกมัน แล้วก็ทดสอบดู ว่ากฎพวกมันน่าเชื่อถือได้แค่ไหน”
อัศวินจ้องหน้ารัตนากรนิ่ง แล้วมองมาทางชาติ
“คุณรัตน์ทำได้ดี เราเจอหัวหน้าพวกมัน มั่นใจว่าพวกมันไม่เข้ามาคืนนี้”
“ถึงยังไงก็เสี่ยงอยู่ดี คราวหลังอย่าทำอีก”
รัตนากรเอามือจับที่หน้าอกตำแหน่งหัวใจ แล้วโค้งให้อัศวินเป็นเชิงว่า เจ้าค่ะ โรสยิ้ม อิทธิยิ้มไปด้วย
“อ่านจากเหตุการณ์แล้ว พวกมันคงไม่ปล่อยพวกเราออกไปจากที่นี่” อัศวินบอก
“นอกจากว่าเราจะส่งตัวคนยิงให้มัน” โรสพูดขึ้น
อัศวินกับรัตนากรถึงกับนิ่งไป

อัศวินกับรัตนากรเดินคุยกันมาตามลำพัง
“รัตน์ว่าทุกคนมีสิทธิ์รู้ว่าพวกเขาจะเสี่ยงชีวิตเพราะอะไร พี่อัศวินในฐานะหัวหน้าต้องตัดสินใจ”
“จะให้พี่ส่งคนไปตายไม่ได้ แม้ว่าคนๆ นั้นจะเป็นนายวีรกิจก็ตาม แล้วก็ไม่ใช่เพราะนายวีรกิจเป็นคู่หมั้นของยัยกาญด้วย ใครก็แล้วแต่ พี่ไม่ส่งออกไปตายเด็ดขาด”
“รัตน์รู้ค่ะ”
ทั้งสองต่างจ้องตากัน ลึกซึ้งชั่ววูบ
“ทุกคนมารวมกันแล้ว”
อัศวินกับรัตนากรหันไปเห็นชาติยืนอยู่
“คิวนาย”
อัศวินถอนใจ เดินผ่านชาติออกไป รัตนากรกับชาติต่างเดินตาม

ทุกคนมารวมกันพร้อมทีมงาน
“มีพวกเราทำผิดกฎของชุมโจร ถึงขั้นร้ายแรง ทางชุมโจรถือว่าเราทุกคนต้องรับผิดชอบ นอกจากเสียว่าเราจะส่งตัวผู้กระทำผิดออกไป”
ทุกคนต่างฮือฮา กาญจนาหน้านิ่ง วีรกิจหน้าซีด
“ผมในฐานะหัวหน้า จะไม่ยอมส่งใครให้พวกมันทั้งนั้น ใครที่คิดว่าไม่ต้องการเกี่ยวข้อง ก้าวออกมา ผมจะเจรจาให้พวกโจรปล่อยตัวไป”
เงียบสนิทไม่มีใครก้าวออกมา วีรกิจยังตื่นเต้นพยายามทำเฉย กาญจนานิ่ง
“ดี ถือว่าเราร่วมเป็นร่วมตายกันตั้งแต่วินาทีนี้”
พรานโก๊ะยกมือขึ้น
“ว่าไงพรานโก๊ะ”
“ผมเอาไก่ป่าของพรานเมิงย่างสมุนไพร ใครหิวก็เชิญได้เลย”
ทุกคนต่างมองหน้ากัน ต่างยิ้มให้กัน ไม่มีใครหวั่นไหว นอกจากวีรกิจที่อารมณ์เสียเพราะกลัว
“พรุ่งนี้ในระหว่างที่ฉันเจรจากับพวกมัน ต้องมีใครคนหนึ่งพร้อมที่จะเก็บมัน ถ้าเหตุการณ์เข้าขั้นวิกฤต” อัศวินบอก
“ฉันขอกด like ให้คุณรัตนากร” อิทธิเสนอ
“เห็นด้วย” อิทธิย้ำ
รัตนากรเฉย เช่นเดียวกับโรส
“ผมเห็นด้วยเพราะพวกมันคงไม่คิดว่าผู้หญิงจะมีฝีมือ แต่ขอบวกคุณโรสเข้าไปอีกคนนะครับ”
“ยินดีค่ะ พี่รัตน์ก่อน โรสซ้ำ”
สามหนุ่มต่างมองหน้ากันอย่างพอใจ
“ทันที่ที่เกิดเรื่อง หมอ พรานโก๊ะ พรานเมิง รีบพากาญจนา นายอง วีรกิจ ฝ่าวงล้อมของพวกมันออกไป ผมจะให้ทีมงานเป็นหัวหอกตลุยเปิดทางให้”
ทีมงานต่างพยักหน้า
“พรานเมิงพาทุกคนไปจากชุมโจรให้ไกลที่สุด ทิ้งเครื่องหมายไว้ พวกเราจะหาทางไปสมทบเอง ไม่ต้องรอ ทุกคนต้องปฏิบัติตามนี้อย่างเคร่งครัด”
อัศวินชำเลืองมองวีรกิจ วีรกิจไม่พอใจ ทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“ใครฝ่าฝืน ไอ้หมอ นายจัดการได้”
นพดลพยักหน้า
“ตกลงตามนั้น คืนนี้นอนหลับฝันดีทุกคน”
ทุกคนแยกย้ายกันไป กาญจนาเดินเข้ามาหาอัศวิน
“กาญขอบคุณพี่อัศวินนะคะ เรื่องคุณวีรกิจ”
“อย่าคิดมาก ไม่ว่าใครพี่ก็ทำเหมือนกัน”
“พี่อัศวินเป็นผู้ชายที่ดีที่สุด”
“ชมแบบนี้จะหาแฟนให้พี่เหรอ”
สองคนต่างหัวเราะกัน
“ถ้าเนตรนาคราชมีจริง พรุ่งนี้ขอให้พวกเราผ่านชุมโจรออกไปได้”
“พี่มั่นใจว่าทุกอย่างจะต้องจบลงด้วยดี”
“กาญก็หวังว่ายังงั้น กู๊ดไนท์ค่ะ”
“กู๊ดไนท์”

กาญจนาเดินออกไป อัศวินได้แต่ถอนใจ กังวล

เช้าวันใหม่ หลินคุยวางแผนกับปิงและหยก

“ถ้าขบวนเสียท่า เราจะเข้าช่วย” หลินบอก
“ทำไมต้องช่วย เราน่าจะฉวยโอกาสชิงแผนที่”
หลินมองสายตาเยือกเย็น ปิงกับหยกเงียบไป
“เรามีกำลังน้อย เราไม่ใช่คนที่นี่ เราจะคอยตามเท่านั้น การชิงแผนที่ทำเพื่อการต่อรอง ถ้าขบวนเดินทางถูกทำลาย เราก็ยากที่จะไปถึง เนตรนาคราช”
“ขออภัยในความโง่ของเรา” ปิงรับรู้
“บอกให้ทุกคนเตรียมพร้อม รอคำสั่ง”
หยกกับปิง ถอยออกไป

ที่ค่าย เคนหัวเราะชอบใจ เมื่อฟังสมุนรายงาน
“ดี ให้พวกชุมโจรเล่นงานพวกมันซะบ้าง”
“แต่คุณโรสอยู่กับพวกมันนะครับ”
เคนอึ้งไปนิด
“อะไรวะ”
“นายลืมแล้วเหรอ นายโดนพี่วรชัยชกโครมหลับผล็อย แล้...”
“เอ็งไม่ต้องพูดมาก มิน่าคางกูเจ็บ”
พวกสมุนต่างหัวเราะกัน
“อืม คงจะปล่อยให้น้องโรสเป็นอันตรายไม่ได้”
“ได้ข่าวมาว่า มันจะให้คนก่อเรื่องดวลมีดกับพี่ชายไอ้คนตาย จบแล้วจบเลยไม่มีเรื่อง”
เคนหัวเราะชอบใจ
“เอ็งมันไอ้พวกโลกสวย โจร ยังไงมันก็เป็นโจร ไว้ใจไม่ได้ ดูตัวอย่างจากพวกเอ็งเป็นต้น พรุ่งนี้เตรียมลุย”
พวกมันรีบถอยกันออกไป

ตอนสาย หัวหน้าชุมโจรกับพวกมาพบพวกของอัศวินที่ค่าย เพื่อคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
“กฎต้องเป็นกฎ ใครเป็นคนฆ่าไอ้นี่ต้องชดใช้ ไม่ยังงั้นตายกันหมด”
วีรกิจหน้าเสีย เหงื่อตก กาญจนายืนอยู่ข้างๆ อัศวิน รัตนากร ชาติ อิทธิ โรส ยืนประจันหน้ากับพวกโจร โดยมีพรานเมิงกับนายอง พรานโก๊ะ นพดล อยู่ด้านหลัง ทุกคนมีอาวุธปืนพร้อม
“มันเป็นอุบัติเหตุ เพราะพวกท่านล่วงล้ำเข้ามาในค่ายของเรา มันถึงได้เกิดเรื่อง” อัศวินพูดขึ้น
เสียงพวกโจรงึมงำกันให้แซด
“ในเมื่อเป็นอุบัติเหตุ ไม่ใช่ศัตรูตามล่ากันมา กฎก็คือให้ครอบครัวคนตายมีสิทธิทวงชีวิตด้วยการต่อสู้กับคนผิด” หัวหน้าโจรบอก
“คนที่ทำให้น้องข้าตาย ออกมา”
“เราจะรับผิดชอบเอง” อัศวินพูดขึ้น
“ไม่ได้ ต้องคนที่ก่อเหตุเท่านั้น” หัวหน้าโจรค้าน
ชาติก้าวออกไปเผชิญหน้า
“ข้าเอง ข้าเป็นคนก่อเหตุ”
กาญจนา รัตนากรคาดไม่ถึง วีรกิจโล่งใจ อัศวินหันมามองชาติ แล้วพยักหน้าให้ รัตนากรชำเลืองมองวีรกิจ วีรกิจทำไม่รู้เรื่อง รัตนากรมองอย่างสมเพช กาญจนามองวีรกิจหมดศรัทธา
“ต้องสู้กันถึงตายไปข้างหนึ่ง เอ็งรอดหรือตายก็ถือว่าจบ พวกเอ็งไปกันได้” หัวหน้าโจรบอกกติกา
“ในเมื่อท่านอยากให้ข้าทำบาป ข้าก็ไม่มีทางเลือก” ชาติย้ำบอก
พวกโจรต่างโห่ ไม่พอใจ หัวหน้าโจรยกมือห้าม พวกมันสงบลง
“ดี ให้เวลาทั้งสองฝ่ายได้เตรียมตัว ร่ำลากับครอบครัวพรรคพวก พรุ่งนี้เช้าเริ่มต่อสู้ที่ลานกลางชุมโจร”อัศวินและทุกคนต่างเครียด
“พวกเอ็งอย่าหนีก็แล้วกัน”
อัศวินยิ้ม “พวกพี่อย่าเปลี่ยนคำพูดก็แล้วกัน”
อัศวินจ้องไม่หวั่นไหว

กาญจนาแยกตัวมาคุยกับชาติ ด้วยความร้อนใจ
“ดิฉันเสียใจที่ทำให้คุณชาติต้องอยู่ในฐานะลำบาก”
“ไม่ลำบากเลยครับ ผมมีเรื่องแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว เหตุผลสำคัญคือผมอยากจะเห็นเนตรนาคราชด้วยครับ”
กาญจนาพยักหน้ารับ แต่รู้ว่าชาติพูดเพื่อให้ตนสบายใจ
“ดิฉันเชื่อค่ะ ว่าคุณชาติสามารถช่วยพวกเราให้ผ่านพ้นไปได้ จนได้พบเนตรนาคราชอย่างแน่นอน”
ชาติยิ้ม “ผมว่าผมโกหกได้เนียนแล้วนะครับ แต่คุณกาญโบ้ยกลับมาได้เนียนกว่าผมอีก”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน เพราะรู้ดีว่าต่างก็พูดกลบเกลื่อนให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
“ผมว่าคุณกาญทำใจให้สบาย ไปพักเถอะครับ พรุ่งนี้จะได้มีแรงเชียร์ผมหรือไม่ก็วิ่งหนีพวกมัน”
กาญจนายิ้มให้กับมุกของชาติ เป็นเชิงให้กำลังใจ ว่าตนเองไม่กลุ้มไม่กลัว
“คุณชาติก็เหมือนกัน”
กาญจนาเดินกลับไปบ้านพัก ชาติมองตาม ปลื้ม ที่กาญจนาอุตส่าห์ยิ้มได้ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน
“แบบนี้ฉันสู้ขาดใจเลยเพื่อน”

เสียงอิทธิดังเข้ามา ชาติไม่หันไปมอง อิทธิเดินเข้ามายืนเคียงข้าง ชาติเหล่ แล้วเดินออกไป แถมผลักอกให้หนึ่งที อิทธิยิ้มชอบใจ
 
อ่านต่อตอนที่ 7
กำลังโหลดความคิดเห็น