สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 11
ชาวบ้านต่างพากันมากราบหลวงพ่อคำเกลี้ยงในโบสถ์ ขั้นเทพ เมษา ไมค์ โจ๊กเกอร์ และปึก เดินเข้ามาก้มลงกราบพระ เมษามองไปที่หน้าพระหลวงพ่อคำเกลี้ยง
“หลวงพ่อคะ ขอให้อำนาจบารมีของหลวงพ่อ ช่วยดลบันดาลให้หนูหาทางจัดการกับคนชั่วได้สำเร็จด้วยเถอะค่ะ”
ทั้งสี่ก้มลงกราบพระ
ขั้นเทพนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ริมบึงน้ำ โยนหินลงน้ำ ครุ่นคิด เมษาเดินเข้ามาส่งข้าวโพดปิ้งให้
“คิดอะไรอยู่คะ”
“ผมกำลังคิดว่าถ้าเราจะจับผู้การสถิตย์ยุทธให้ได้ เราต้องหาทางเข้าให้ถึงตัวมัน”
“คุณช่วยขยายความหน่อยได้มั้ยคะ ฉันไม่เข้าใจ”
“เราต้องหาของที่มันอยากได้ เอาไปขายให้ถึงมือผู้การสถิตย์ยุทธโดยตรง แล้วเมื่อมันตกลงซื้อขายกับเรา นั่นล่ะเราถึงจะจับมันได้”
“แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่ามันอยากได้อะไร”
“หลวงพ่อคำเกลี้ยง”
“หมายถึงคุณจะเอาเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงไปขายให้มันงั้นหรือ”
“ใช่”
“แต่เราจะเอาไปได้ยังไง ในเมื่อ”
“เราก็ต้องขโมย”
“อะไรนะ เราจะขโมยเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงงั้นหรือ”
“ใช่ ผมเชื่อว่าไอ้เควิน สมิธ กับ ผู้การสถิตยุทธมันต้องอยากได้เศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงแน่”
เมษาอึ้ง
ปึกกับไมค์ โจ๊กเกอร์ กำลังตักอาหารเข้าปาก ถึงกับชะงัก เมื่อได้ยินสิ่งที่ขั้นเทพบอก
“ขโมยเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยง”
“จุ๊ จุ๊ จุ๊ อย่าเสียงดังไป”
“เราจำเป็นต้องทำ เพราะไม่อย่างงั้นเราจะไม่สามารถจับตัวไอ้เควิน สมิธ กับ สถิตย์ยุทธได้”
“พวกเราจะต้องไปตัดเศียรหลวงพ่อหรือคะ หนูปึกทำไม่ได้หรอกค่ะ”
“เขายังไม่ได้เชื่อมเศียรไม่ใช่หรือ เราแค่ยืมออกไปล่อจับโจร ฉันคิดว่าหลวงพ่อคำเกลี้ยงท่านคงยินดี”
“ใช่ พอเราจับผู้การสถิตย์ยุทธกับเควิน สมิธ ได้ เราก็จะเอามาคืน”
“แต่เราจะขโมยยังไง ตอนนี้ที่วัดเขามียามคอยเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงนะ”
“ฉันคิดแผนไว้แล้ว”
ทุกคนมองหน้าขั้นเทพ
เวลาต่อมา ทั้งสี่เดินคุยกันถึงแผนการที่วางไว้
“หนูปึกอีกแล้วหรือคะ”
“ใช่ เธอเหมาะที่สุดที่จะเอายาสลบไปให้ยามที่เฝ้าหลวงพ่อคำเกลี้ยง”
“แล้วถ้าหนูปึกถูกจับได้ขึ้นมาล่ะผู้กอง”
“ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าเป็นฝีมือของหนูปึก เพราะหนูปึกเป็นคนนำเศียรพระกลับมาคืน” เมษาช่วยอธิบาย
“ถูกต้อง”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ กับปึกพยักหน้าคล้อยตามในเหตุผล
“แล้วรายละเอียดของแผนเป็นยังไงผู้กอง”
“ไม่มีอะไรมาก ตอนเย็น ก่อนที่เขาจะปิดโบสถ์ หนูปึกต้องไปที่วัด ทำทีเป็นว่าจะไปไหว้พระ แล้วเอาขนมที่ใส่ยาสลบไปให้ยามที่นอนเฝ้ากิน แค่นี้ทุกอย่างก็จบ”
ปึกมองหน้าไมค์ โจ๊กเกอร์
“เอาไงหนูปึก”
“จะเอาไง ก็ต้องทำล่ะ”
“มันต้องอย่างนี้สิหนูปึก”
เมษายกมือให้ ปึกยกมือตีตอบ ขั้นเทพยกมือให้ไมค์ โจ๊กเกอร์
“ไมค์ ขอมือหน่อย”
ไมค์ โจ๊กเกอร์ ฝืนตีมือกับขั้นเทพอย่างกังวล เป็นห่วงปึก
ตอนเย็น ใจและสิงปิดหน้าต่างโบสถ์ ปึกเดินเข้ามาพร้อมดอกบัวไหว้พระและถุงเต้าฮวย
“หวัดดีจ้ะน้าใจ น้าสิง”
“อ้าวหนูปึก นี่จะมาไหว้พระหรือ”
“จ้ะ เมื่อบ่ายหนูไปเก็บดอกบัวในบึง เห็นบัวสวยเลยจะเอามาถวายพระ”
“เอา มา มา หลวงพ่อคำเกลี้ยงคงจะดีใจมากที่ศิษย์เอกนำดอกบัวมาถวาย”
“พวกเราเป็นหนี้บุญคุณเอ็งนะหนูปึก”
“อย่าพูดอย่างงั้นเลย ฉันถือว่าเป็นหน้าที่ของพวกเราที่มีหน้าที่ต้องปกป้องหลวงพ่อคำเกลี้ยง อ้อ เกือบลืมแน่ะ เมื่อกี้แวะตลาด หนูซื้อเต้าฮวยน้ำขิงเจ้าอร่อยมาฝากน้าใจกับน้าสิง ดึก ๆ จะได้ไม่หิว”
“เออ ขอบใจ ดึก ๆ มันชอบท้องร้องอยู่เรื่อย”
“นี่เลยคนล่ะถุง”
“แล้วนี่มาคนเดียวหรือ เพื่อน ๆ ตำรวจล่ะ”
“อยู่บ้านแม่ ขอไหว้พระหน่อยนะ”
“เออ ตามสบาย”
ปึกเดินไปที่องค์พระ ใจกับสิงเดินไปปิดหน้าต่างบานอื่น ปึกมองซ้ายขวาเห็นใจกับสิงไม่ได้มองมา จึงแอบเปิดกลอนหน้าต่างบานหนึ่งออก แล้วก้มลงกราบพระ ลุกเดินไปหาใจกับสิง
“ฉันไปล่ะน้าใจ น้าสิง เฝ้าหลวงพ่อให้ดีนะ อย่าหลับเวรยามล่ะ เดี๋ยวคนมันจะมาลักลอบขโมยเศียรไปอีก”
“ไม่มีทาง ใครขืนเข้ามาขโมยต้องเจอลูกซองนี่”
สิงยกปืนลูกซองโชว์
“มันต้องอย่างนี้สิ ฉันไปล่ะ อย่าลืมกินเต้าฮวย”
“เออ ไม่ลืมหรอก เดี๋ยวค่ำ ๆ ก็กินแล้ว”
ปึกเดินออกไป ใจปิดประตูตามหลัง ปึกหันมองกลับไปแล้วยกมือไหว้
“เจ้าประคู้น หลวงพ่อ อย่าโกรธหนูปึกเด้อ”
ปึกถอนใจเดินออกไป
ปึกกลับมาบ้าน ขั้นเทพ ไมค์ โจ๊กเกอร์ และเมษา รออยู่
“ว่าไงหนูปึก”
“เรียบร้อยจ้ะ”
“แน่ใจนะว่าเขาจะกินเต้าฮวยน่ะ”
“รับรองค่ะ ของฟรีไม่มีใครไม่กิน”
“แล้วเราจะลงมือเมื่อไหร่ผู้กอง”
“หลังสามทุ่ม”
“หนูปึกว่าสี่ทุ่มดีกว่าค่ะ เพื่อความแน่นอน”
“ฉันเห็นด้วยกับหนูปึกนะ สี่ทุ่มดีกว่า”
“ได้ ไม่มีปัญหา”
ขั้นเทพตอบตกลง
ตอนค่ำ สิงกับใจเทเต้าฮวยกินกัน
“แหม ถ้าน้ำขิงร้อนซะหน่อยก็จะดีนะน้าใจ”
“แน่ะ มีกินยังบ่นอีก หรือว่าเอ็งไม่อยากกิน ไม่กินเอามาให้ข้า”
“โธ่น้าใจก็ ฉันพูดเล่น เอา โรยปาท่องโก๋ซะหน่อย”
“ขอบใจ”
ใจตักเต้าฮวยเข้าปาก สิงตักกินด้วย
เวลาผ่านไป ขั้นเทพ เมษา ไมค์ โจ๊กเกอร์ และปึก มาซุ่มมองไปที่โบสถ์
“กี่โมงแล้ว”
“อีกสิบนาทีสี่ทุ่ม”
“หวังว่ายามสองคนคงหลับนะ”
“ฉันว่าหลับแล้วล่ะ ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนี่”
“งั้นก็ไปเถอะ”
ทั้งสี่ย่องเข้าไปข้างโบสถ์
อ่านต่อหน้า 2
สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 11 (ต่อ)
ขั้นเทพย่องไปแง้มหน้าต่าง โผล่หน้าเข้าไป เห็นใจกับสิงนั่งหลับอยู่ใกล้หน้าประตู เขาปีนขึ้นโดดเข้ามาในโบสถ์ เมษาตามเข้ามา ปึกตามเมษา ไมค์ โจ๊กเกอร์ เหวี่ยงกระเป๋าสำหรับใส่เศียรพระส่งให้ แล้วปีนตามเข้ามาเป็นคนสุดท้ายปิดหน้าต่าง
ใจกับสิงหลับแข่งกันกรน ขั้นเทพเดินเข้ามาดู เมษาตามเข้ามา
“เป็นไงคะ”
“หลับสนิท”
“อย่าช้าเลย เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
ขั้นเทพเดินไปด้านหลังองค์พระ หยิบเก้าอี้มาปีนขึ้นไปยืนดึงสไบเฉียงที่ห่อองค์พระออก
แล้วถอดเศียรพระส่งให้ไมค์ โจ๊กเกอร์ ปึกมองอย่างกังวล
“ระวังนะพี่ไมค์”
“ไม่ต้องห่วง”
ไมค์ โจ๊กเกอร์รับเศียรพระมาใส่กระเป๋า
“ไป”
ทั้งหมดขยับจะเดินไปที่ประตู แต่แล้วต้องสะดุ้ง
“เฮ้ย นั่นพวกเอ็งทำอะไรวะ”
เสียงใจดังขึ้น ทั้งสี่สะดุ้ง ชะงัก มองหน้ากัน ถอยไปแอบหลังองค์พระ
“กูถามว่าพวกเอ็งทำอะไร คิดจะขโมยเศียรหลวงพ่อหรือไง”
ปึกมองพรรคพวกอย่างตกใจ
“เอาไงดี”
“อยู่เฉย ๆ”
ขั้นเทพค่อย ๆ โผล่หน้าออกไปมอง เห็นใจหลับบ่นละเมอ
“อย่าคิดขโมยนะโว้ย ข้ายิงจริง ๆ นะ”
“ว่าไง” เมษาร้อนใจ
“สงสัยจะละเมอ”
“หัวใจเกือบจะวาย”
“ถ้าน้าใจตื่นมาเห็นหนูปึกล่ะก็ ชาวบ้านฆ่าหนูปึกแน่”
“ไปเถอะ”
ทั้งสี่ย่องผ่านใจกับสิงออกไป
ตอนเช้า น้อยกับชัยเปิดประตูโบสถ์เข้ามา เพื่อจะเปลี่ยนเวรยาม ทั้งสองชะงักเห็นสิงกับใจยังหลับสนิท
“อ้าว นี่ยังไม่ตื่นอีกหรือ น้าใจไอ้สิง”
ใจกับสิงขยับตัวงัวเงีย
“นี่มันเช้าแล้วหรือวะ”
“นี่น้าใจกับไอ้สิงเพิ่งตื่นหรือ”
“ข้าเพิ่งเผลอหลับไป”
“อ้าว ถ้าเอ็งสองคนหลับแล้วใครเปิดประตู ข้ากับไอ้น้อยเข้ามา ประตูมันไม่ได้ล็อคนะ”
ใจกับสิงมองหน้ากันอย่างงุนงง
“หา ประตูไม่ล็อคหรือ”
น้อยมองไปที่องค์พระอย่างตกตะลึง
“น้าชัยดูนั่นสิ”
น้อยชี้ไปที่องค์พระ ชัยกับใจและสิงมองตาม ชัยตะลึง เห็นองค์พระไม่มีเศียร
“หา เศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงหายไป”
“ไอ้สิง น้าใจ นี่หมายความว่าไง”
“ข้า ข้าไม่รู้”
“ฉันก็ไม่รู้”
“ไปบอกผู้ใหญ่เร็ว ไอ้น้อย”
น้อยวิ่งออกไป ใจกับสิงมองหน้ากันอย่างตกใจ
น้อยวิ่งตะโกนลั่นวัดออกไปจากโบสถ์
“ผู้ใหญ่ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
ชาวบ้านต่างมาที่โบสถ์ ยืนล้อมใจกับสิง ผู้ใหญ่บ้านเริ่มได่สวน
“ข้าว่าเอ็งสองคนบอกมาซะดี ๆ ว่าเอ็งสองคนเอาเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงไปใช่มั้ย”
“โธ่ ผู้ใหญ่ ฉันสาบานตรงนี้เลย ถ้าฉันเอาไปขอให้ฟ้าผ่า”
“งั้นใครเอาไป ถ้าเอ็งบอกว่าเอ็งล็อคประตูแล้ว ก็ต้องไม่มีใครเข้ามาได้สิวะ”
“ใช่ ฉันว่าเราต้องโดนมอมยาแน่ ๆ”
“มอมยาอะไร พวกเอ็งอย่ามาปั้นเรื่อง”
“ไม่นะผู้ใหญ่ ฉันว่าเราต้องโดนมอมยาจริง ๆ ไม่งั้นจะหลับถึงสว่างหรือ”
“แล้วใครที่มันมอมยาเอ็ง”
ใจกับสิงมองหน้ากัน
“หนูปึก”
“พวกเอ็งพูดจาบ้าอะไร”
“ไม่บ้านะ ก็เมื่อวานเย็นก่อนปิดโบสถ์หนูปึกมันมาไหว้พระ แล้วก็เอาเต้าฮวยน้ำขิงมาให้เรากิน”
“จริงด้วยน้าใจ พอเรากินน้ำขิงเราก็ง่วงหลับไป ต้องเป็นอีหนูปึกแน่ ที่วางยาพวกเราแล้วเอาเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงไป”
“ไอ้บ้า อีหนูปึกมันจะเอาไปทำไม ในเมื่อมันเป็นคนเอาเศียรหลวงพ่อกลับคืนมาที่บ้านเรา”
“ใช่ ข้าว่าเอ็งสองคนพูดจาเลอะเทอะใหญ่แล้ว”
ปึกเดินเข้ามา แกล้งทำเป็นตใจ
“มีเรื่องอะไรกันหรือลุงผู้ใหญ่ ฉันได้ยินว่ามีคนขโมยเศียรหลวงพ่อไป”
“เอ็งมาก็ดีแล้ว ไอ้ใจกับไอ้สิง มันบอกว่าเอ็งมอมยามันแล้วเป็นคนเอาเศียรหลวงพ่อไป”
“ฉันเนี่ยนะ”
“ก็มีแต่เอ็งคนเดียวที่เข้ามาแล้วเอาเต้าฮวยมาให้พวกเรากิน” ใจโวย
“ฉันถามพวกเราหน่อยเถอะ ถ้าฉันจะขโมยเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงไป ฉันจะเอามาคืนทำไม เก็บไว้ที่กรุงขั้นเทพไม่ดีกว่าหรือ”
ชาวบ้านพยักหน้าเห็นด้วยกับปึก
“ข้าก็พูดเหมือนเอ็ง” ผู้ใหญ่บ้านยืนยัน
“ใช่ พวกเราก็บอกมันแล้ว ว่าพวกมันพูดจาเลอะเทอะ”
“แล้วเราจะทำยังไงลุงผู้ใหญ่” ปึกถามกลบเกลื่อน
“อันดับแรกก็ต้องเอาตัวมันสองคนไปสอบสวนก่อน ไป ไป”
ชาวบ้านเข้ามาหิ้วตัวใจกับสิงออกไป ผู้ใหญ่เดินนำไป ชาวบ้านออกไปจากโบสถ์ ปึกมองตามยกมือไหว้องค์พระ
“ลูกช้างขอโทษเด้อหลวงพ่อ ลูกช้างจำเป็นอีหลี ขอให้บารมีของหลวงพ่อ ช่วยให้หมู่เฮาเฮ็ดงานนี้ได้สำเร็จด้วยเถิ้ด สาธุ”
ปึกยกมือท่วมหัว
สถิตย์ยุทธเซ็นเอกสารอยู่ที่ห้องทำงาน แล้วส่งคืนให้ตำรวจหญิง
“เดี๋ยวสารวัตร”
“คะ”
“ผู้กองเมษาเขาติดต่อหาคุณบ้างมั้ย”
“เมื่อสองวันก่อนเธอเพิ่งโทรมาคุยค่ะ เห็นบอกว่าจะไปอยู่ต่างจังหวัดกับผู้กองขั้นเทพ”
“เขาสองคนจะไปอยู่ต่างจังหวัดงั้นหรือ”
“ค่ะ เธอบอกว่าผู้กองขั้นเทพมีที่ดินอยู่ที่เพชรบูรณ์ ก็เลยจะไปทำไร่กัน”
“หมายความว่าเขาจะเลิกอาชีพตำรวจงั้นหรือ”
“เห็นว่าอย่างงั้นนะคะ”
“ถ้าเขาโทรมาอีก บอกว่าผมขอแสดงความยินดีด้วย”
“ค่ะ”
ตำรวจก้มคำนับแล้วเดินออกไป สถิตย์ยุทธแสยะยิ้มเหี้ยม
“ฉันเคยบอกแล้วไงว่าเธอกับไอ้ขั้นเทพไม่มีทางชนะฉันได้หรอก ขอให้โชคดีกับชีวิตชาวไร่”
อ่านต่อหน้า 3
สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 11 (ต่อ)
เสวีมาวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า ที่สวนสาธารณะ แล้วหยุดบิดตัวมองซ้ายขวา ขั้นเทพสวมหมวกใส่แว่นนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่เก้าอี้ข้างสนามหันหลังให้
“ผมอยู่นี่ครับ”
เสวีเหลือบมองแล้วเดินเข้ามาลงนั่งที่เก้าอี้ด้านหลังขั้นเทพ ทั้งสองหันหลังคุยกัน
“เป็นไง ไปพักผ่อนสนุกมั้ย”
“ดีครับ”
“ที่คุณบอกว่ามีแผนเด็ดจะจัดการกับสถิตย์ยุทธ แผนเป็นยังไง”
“ผมจะเอาเศียรพระหลวงพ่อคำเกลี้ยงกลับมาล่อซื้อไอ้สถิตย์ยุทธอีกครั้งครับ”
“เอางั้นหรือ”
“ครับ เพราะมันเป็นวิธีเดียวที่เราจะจับมันได้พร้อมของกลาง เที่ยวนี้ผมว่ามันดิ้นไม่หลุดแน่”
“แล้วเศียรพระล่ะ คุณจะขอยืมจากวัดงั้นหรือ”
“ไม่ครับ ผมขโมยมาเรียบร้อยแล้ว”
“หา”
“ถ้าเราจะจับมันต้องแนบเนียน ตอนนี้ชาวบ้านกำลังปล่อยข่าวว่าเศียรพระหลวงพ่อคำเกลี้ยงถูกขโมยไป อีกไม่ช้าก็ต้องเข้าหูสถิตย์ยุทธกับเควิน สมิธ”
“แต่มันอาจจะรู้นะว่าเป็นแผนของคุณ”
“ผมให้ผู้กองเมษาปล่อยข่าวว่าเธอกับผมออกจากวงการไปอยู่เพชรบูรณ์”
“แล้วคุณจะเอาใครเป็นตัวกลางที่ไปล่อซื้อ”
“ผมกำลังหาคนที่สถิตย์ยุทธมันจะไว้ใจ”
“ต้องรัดกุมหน่อยนะ เพราะสถิตย์ยุทธมันไม่โง่”
“ครับ”
“ถ้าต้องการให้ผมช่วยอะไรก็บอกแล้วกัน”
“ขอบคุณครับ”
เสวีลุกเดินออกไป ขั้นเทพปิดหนังสือพิมพ์มองซ้ายขวาลุกเดินออกไปอีกทาง
ขั้นเทพนำเศียรพระหลวงพ่อคำเกลี้ยงมาไว้ที่บ้านของเขา แล้วปรึกษากับเมษา ไมค์ โจ๊กเกอร์ และปึก ถึงแผนการต่อไป
“แผนขั้นต่อไปเราต้องหาตัวกลางที่จะเชื่อมต่อกับสถิตยุทธให้ได้”
“หมายถึงคนที่จะเอาพระไปขายงั้นหรือคะ”
“ใช่ เราต้องหาใครสักคนที่สถิตย์ยุทธกับเควิน สมิธ ไว้ใจและกล้าที่จะซื้อของด้วย”
“ฉันพอจะรู้จักคนในวงการพระเถื่อนบ้าง แต่ไม่แน่ใจว่าไอ้สถิตย์ยุทธมันจะเชื่อใจรึเปล่า”
“นั่นล่ะคือปัญหา คุณล่ะเม พอจะมีไอเดียอะไรบ้างมั้ย”
“ตอนที่พ่อกับแม่อยู่ ฉันก็ไม่ได้สนใจว่ามีใครบ้างที่ทำธุรกิจนี้กับพ่อ”
“เสียดายจังเลยค่ะ หนูปึกเคยเห็นคนเข้าออกไปมาที่บ้านบ่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจ”
เมษาฟังปึกแล้วชะงัก
“ใช่แล้ว มีคนหนึ่งที่ฉันเคยเห็นมาหาพ่อสองสามครั้ง”
เมษานึกถึงโต
“ฉันเคยถามพ่อแต่พ่อบอกว่าเขามายืมเงิน แต่ดูจากหน้าตาท่าทางแล้ว ฉันว่าเขาไม่ใช่คนดี”
“คนที่เคยเดินสวนกับคุณเมใช่มั้ยคะ”
“ใช่ รู้มั้ยเขาชื่ออะไร”
“ชื่อโตค่ะ ตอนคุณเมไม่อยู่เขาก็มาบ่อย ๆ นะคะ”
“โตงั้นหรือ”
ขั้นเทพเปิดคอมพิวเตอร์ไล่ดูรายชื่อผู้ต้องสงสัยลักลอบค้าเศียรพระ เห็นชื่อโต ท่าขนอม จึงกดเข้าไปดูประวัติ ว่าชื่อ นายวัชระ เกียรติบุญ อายุ 45 ปี เมษาเห็นรูปโต
“ใช่ คนนี้แหละค่ะ”
ขั้นเทพอ่านรายละเอียดประวัติ
“เคยต้องโทษคดียักยอกทรัพย์ ปี 2551 ปัจจุบัน เป็นนายหน้าค้าวัตถุโบราณ”
“แล้วเราจะเอาไงผู้กอง”
“ก็ต้องไปคุยกับมัน”
“ถ้ามันไม่ร่วมมือกับเราล่ะคะ” ปึกถาม
“ถ้ามันไม่ร่วมมือ มันก็ต้องเข้าไปนอนในคุก”
เมษามองหน้าขั้นเทพ ขั้นเทพพยักหน้าให้
โตเดินออกจากอพาร์ตเมนท์จะไปที่รถ ขั้นเทพเดินเข้าไปหา โตชะงักมอง
“ขอโทษครับ คุณโต ท่าขนอม รึเปล่า”
เมษาใส่แว่นดำเดินเข้ามาด้วย
“ใช่ครับ มีธุระอะไรไม่ทราบ”
“ผมมีเรื่องอยากให้คุณช่วยหน่อย”
“เรื่องอะไรครับ”
เมษาถอดแว่นกันแดดออก โตมองชะงัก
“เอ๊ะ นี่คุณ คุณเป็นลูกสาวคุณวัฒนารึเปล่า”
“ใช่”
โตมองหน้าขั้นเทพ มองเมษา เริ่มระแวง
“คุณมีอะไรกับผม ถ้าจะมาถามเรื่องพ่อคุณ ผมไม่เกี่ยวนะ”
โตขยับจะไป ขั้นเทพคว้าแขนไว้
“บอกแล้วไงเรามีเรื่องอยากให้คุณช่วย”
“เรื่องอะไร”
“เดี๋ยวก็รู้”
“แต่ผมไม่ไป”
โตสะบัดแขนเดินหนี เมษาออกมาขวาง
“ถอย ผมบอกก่อนนะผมไม่อยากมีเรื่อง”
โตขยับเดิน เมษาจับบิดแขน โตร้อง ฟันศอกใส่เมษา เมษาหลบ โตจะวิ่ง เมษาถีบขาพับ
โตล้มลง แล้วลุกจะหันมาเล่นงานเมษา ขั้นเทพจับมือโตบิดไพล่หลัง
“โอ๊ย ผมยอมแล้ว”
“ถ้าแกขืนลูกเล่นฉันหักแขนแกเดี๋ยวนี้”
ขั้นเทพใส่กุญแจมือโต
“ไป”
ขั้นเทพกระชากลากโตออกไป
ขั้นเทพพาโตมาที่บ้านของเขา
“บอกผมได้รึยังว่าจับผมมาเรื่องอะไร”
“ฉันต้องการให้นายเอาของไปขายให้ผู้การสถิตย์ยุทธ”
“ผู้การสถิตย์ยุทธ”
“ใช่ อย่าบอกว่าไม่รู้จักนะ”
“รู้ แต่ผมไม่เคยขายของถึงตัวเขา ทุกครั้งก็ขายผ่านพ่อคุณเท่านั้นเอง”
“แต่คราวนี้นายต้องขายเขาโดยตรง”
“นี่พวกคุณจะทำอะไรกัน”
“ก็จะจับผู้การสถิตย์ยุทธน่ะสิ”
“จะให้ผมเป็นตัวล่อซื้องั้นหรือ”
“ถูกต้อง”
“ผมไม่เล่นด้วยหรอก ขืนทำอย่างนั้นผมก็ตายฟรี”
“แต่ถ้านายไม่ช่วยเหลือเรา นายก็ต้องเข้าคุก”
“ข้อหาอะไร”
“นายเอาของผิดกฎหมายมาขายพ่อฉันตั้งหลายอย่าง อย่างน้อย ๆ ก็สองครั้งที่ฉันเห็นนายเอาของมาขายกับพ่อ”
“อย่างต่ำ ๆ นายก็ต้องอยู่ในคุกสามปี แล้วถ้าเราหาหลักฐานเพิ่มได้ ก็อาจจะเพิ่มเป็นสิบปี” ขั้นเทพขู่
“เรื่องหลักฐานไม่ต้องห่วง ฉันจะหามาแฉให้”
“นี่ น้าโต ฉันว่าน้าควรจะร่วมมือกับพวกเรานะ” ปึกกล่อม
“ถ้าฉันร่วมมือฉันจะได้อะไร”
“ฉันจะลบคดีต่าง ๆ ของนายทิ้ง”
“แค่นั้นน่ะหรือ”
“หรือว่าอยากเข้าไปนอนในคุกโดยไม่ได้อะไรเลย” เมษาขู่
โตมองหน้าทุกคน
อ่านต่อหน้า 4
สวยร้ายสายลับ ตอนที่ 11 (ต่อ)
สถิตย์ยุทธนั่งกินกาแฟอยู่ที่เซฟเฮาส์ ลูกน้องเข้ามารายงาน
“ผู้การครับ คุณเควินมาหาครับ”
“เชิญเขาเข้ามา”
เควิน สมิธ เดินเข้ามาอย่างร้อนใจ
“มีอะไรหรือคุณเควิน มาแต่เช้า กาแฟมั้ย”
“ขอบคุณ ผมได้ข่าวว่า”
“หลวงพ่อคำเกลี้ยงหายไปจากวัด”
“ผู้การนี่รู้ไปซะทุกเรื่อง”
“คุณยังอยากได้อีกหรือ”
“ก็บอกแล้วไงถ้าหาได้ก็ดี”
“เมื่อคืนผมเพิ่งโทรถามพรรคพวกดู เข้าบอกไม่รู้ใครเอาไป”
“สืบให้ผมหน่อยแล้วกัน”
“ได้”
เสียงโทรศัพท์มือถือสถิตย์ยุทธดังขึ้น เขาหยิบมาดูเบอร์มองแปลกใจ
“ใครวะ ฮัลโหล”
โตพูดโทรศัพท์ โดยมีพวกขั้นเทพอยู่กันครบ
“หวัดดีครับผู้การ”
“นั่นใคร”
“ผมโต ท่าขนอม ครับ”
“เรารู้จักกันหรือ”
“ผมรู้จักท่าน แต่ท่านไม่รู้จักผมหรอกครับ ผมเคยขายของให้กับคุณวัฒนาน่ะครับ”
“แล้วไง”
“ผมได้ของร้อนมา ไม่ทราบว่าท่านสนใจรึเปล่า”
“คุณรู้นะว่าผมเป็นตำรวจ มาพูดอย่างนี้กับผมได้ยังไง”
“มิได้ครับ ผมเห็นว่า คราวที่แล้วคุณวัฒนาก็สั่งของจากผมแล้วบอกว่าท่านสนใจ”
“แล้วมันคืออะไร”
“เศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงครับ”
“เศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงงั้นหรือ”
เควิน สมิธ ชะงัก วางขนมปังลงอย่างสนใจ
“ครับ”
“หมายความว่าตอนนี้ของอยู่กับคุณงั้นหรือ”
“ใช่ครับ ผมได้มาอย่างฟลุค ๆ น่ะครับ เห็นว่าเป็นของร้อนไม่อยากถือไว้นาน แต่ถ้าท่านไม่สนใจผมก็ขอโทษด้วยครับ”
“ช้าก่อน ถ้าของอยู่กับคุณจริงก็เอาของมาให้ผมดู”
“ท่านจะให้ผมเอาของไปให้ที่ไหนครับ”
“อีกชั่วโมงผมจะโทรหาคุณ ผมจะบอกว่าเจอกันที่ไหน”
“ครับ” โตปิดโทรศัพท์
“มันบอกว่าอีกชั่วโมงให้ผมโทรหา”
ขั้นเทพพยักหน้าพอใจ
สถิตย์ยุทธปิดโทรศัพท์
“เมื่อกี้คุณพูดถึงเศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงหรือ”
“ใช่ มันบอกว่ามันชื่อโต ท่าขนอม ของอยู่กับมัน”
“แล้วเราไว้ใจมันได้หรือ มันเป็นสายตำรวจรึเปล่า”
“ไม่น่า ผมเคยได้ยินวัฒนาพูดถึงชื่อมันบ่อย ๆ”
“แน่ใจนะว่า ตำรวจไม่ได้มาซ้อนแผนจับเราอีก”
“ตำรวจที่ไหนอีก”
“ก็ไอ้ผู้กองขั้นเทพกับลูกสาววัฒนา แถมยังมีผู้การเสวีอีก”
“สองคนนั้นมันไปใช้ชีวิตเป็นชาวไร่ชาวนาแล้ว ส่วนไอ้เสวี ตอนนี้มันก็ไปทำคดีอื่นแล้ว”
“ถ้าผู้การคิดว่าปลอดภัย ผมก็ไม่มีปัญหา แล้วมันบอกราคามั้ยว่าเท่าไหร่”
“ยัง ตอนนี้อยู่ที่คุณแล้วล่ะว่าจะซื้อผมเท่าไหร่”
“ผู้การนี่เขี้ยวยาวจริง ๆ”
“บิสสิเนสคือบิสสิเนส”
สถิตย์ยุทธยกกาแฟดื่ม เควิน สมิธ เหลือบมองอย่างรู้ทัน
เวลาผ่านไป ขั้นเทพ เมษา ไมค์ โจ๊กเกอร์ และ ปึก มองโทรศัพท์อย่างรอเวลา
“ไม่อยากเชื่อเลยนะผู้กองว่าอีกไม่กี่อึดใจเราก็จะจับตัวไอ้ผู้การสถิตย์ยุทธกับไอ้เควิน สมิธ ได้อีกครั้ง”
“คนชั่วไม่ว่ายังไงมันก็ต้องทำชั่วอยู่ดี”
“น้าโตแน่ใจนะว่าผู้การสถิตย์ยุทธจะมารับของเองจริง ๆ” ปึกถาม
“เท่าที่ฉันคุยกับเขา เขาพูดเหมือนกับเขามาแน่”
“ขอให้มาจริงเถอะ ฉันจะจับมันด้วยมือฉันเอง” เมษามาดมั่น
“หวังว่าเที่ยวนี้คงไม่มีอะไรพลิกล็อคนะ”
“ฉันสัญญา ฉันจะไม่กลับคำให้การอีก”
“ผมไม่ได้หมายถึงคุณเม ผมหมายถึงว่าตอนนี้เราวางแผนรัดกุมดีแล้ว ไม่น่ามีอะไรผิดพลาด”
“มันต้องไม่มีอะไรพลาดแล้วสิพี่ไมค์ เพราะตอนนี้เรากำลังรอเวลาให้ปลาฮุบเหยื่อ”
เสียงโทรศัพท์มือถือดัง โตจะรับ ขั้นเทพยกมือห้าม แล้วหยิบหูฟังใส่ พยักหน้าให้โต โตหยิบโทรศัพท์กดรับ
“ฮัลโหล”
“ฟังให้ดีนะ อีกชั่วโมงไปเจอกันที่...แต่นายไปคนเดียวนะ เอาของไป แล้วรออยู่ที่ใต้ศาลา ถ้าฉันเห็นคนอื่นมากับนายด้วยล่ะก็ นายตาย”
“เดี๋ยวครับผู้การ”
“มีอะไร”
“ผมยังไม่ได้บอกราคาท่านเลยนะครับว่าผมจะขายเท่าไหร่”
“ว่ามา”
“ผมขอห้าล้านครับ”
“มากไป ฉันให้นายได้มากสุดแค่ล้านหนึ่ง”
“ถ้าอย่างงั้นผมคง”
“งั้นล้านห้า”
“ไม่ไหวครับท่าน เศียรหลวงพ่อคำเกลี้ยงใครก็อยากได้นะครับ ถ้าออกไปต่างประเทศผมว่าไม่ต่ำกว่าสิบห้าล้านแน่ เอาเป็นว่าถ้าไม่ได้ถึงสามล้านผมยกเลิก”
โตมองหน้าขั้นเทพ ขั้นเทพกับเมษาพยักหน้า
“ตกลงสามล้าน”
“แต่ท่านอย่าว่าผมนะครับ ผมขอเงินสดนะครับ”
โตทำทีบอกอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“ได้ นายจะได้เงินสดสามล้าน แต่นายรู้นะว่าถ้านายตุกติกกับฉันล่ะก็ นายตายสถานเดียว”
“ผมทราบครับ”
“อีกชั่วโมงเจอกัน”
สถิตย์ยุทธปิดโทรศัพท์
ขั้นเทพดีดนิ้วอย่างพอใจ หันบอกเมษา
“ใช่ผู้การสถิตย์ยุทธจริง ๆ ด้วย”
“มันนัดเจอที่ไหนคะ”
ขั้นเทพบอกที่หมายให้ฟัง
โตขับรถกระบะสี่ประตูเข้ามาจอด บริเวณที่นัดหมาย หยิบปืนขึ้นสไลด์ แล้วพูดกับขั้นเทพผ่านไมค์ที่ติดกับเสื้อ
“ผมกำลังจะลงไปพบมันแล้วครับผู้กอง ถ้ามีปัญหาผมจะพูดคำว่าขอยกเลิกก่อน ถ้าผมย้ำว่าขอยกเลิกก่อน ผู้กองต้องออกมาช่วยผมทันทีนะ”
ขั้นเทพใส่หูฟังพยักหน้ารับรู้ เมษา ไมค์ โจ๊กเกอร์ และปึก นั่งอยู่ด้วย
“มันว่าไงคะ”
“มันบอกว่าถ้ามีอะไรผิดปกติมันจะพูดว่าขอยกเลิกก่อน แล้วขอให้เราเข้าช่วยเหลือมันทันที”
“มันคงกลัวตายล่ะสิ”
“พูดยังกะว่าตัวเองไม่กลัวงั้นล่ะพี่ไมค์”
“ไม่มี คนอย่างพี่ไม่กลัวอยู่แล้ว”
“ขี้โม้” ปึกมองค้อน
เมษากับขั้นเทพยกกล้องส่องทางไกลขึ้นดู
โตเปิดประตูลงจากรถ เดินมาหยุดมองรอบ ๆ บริเวณ รถกระบะสีดำสี่ประตูอีกคันขับเข้ามา ตามด้วยรถเบนซ์ดำ ขับตามเข้ามาจอด ชายฉกรรจ์หน้าเหี้ยมสี่คนในรถกระบะเปิดประตูลงจากรถทั้งสี่มีอาวุธปืนครบมือ กวาดตามองรอบ ๆ แยกย้ายกันยืนล้อมโต โตมองหวาด ๆ ชายในรถเบนซ์คนหนึ่งเปิดประตูลงจากรถเดินเข้ามาหาโต
“คุณโต ท่าขนอม ใช่มั้ย”
“ใช่ครับ แล้วผู้การสถิตย์ยุทธล่ะครับ”
“ของที่เอามาอยู่ไหน”
“อยู่ในรถ”
“พาผมไปดูหน่อย”
“แต่ผมตกลงกับผู้การสถิตย์ยุทธไว้นะครับ”
“ผู้การให้ผมมาตรวจเช็คของก่อน”
“งั้นก็ได้”
อ่านต่อตอนที่ 12