ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 12
สายวันนี้ โก่งกับโก๊ะเอาขนมที่กระแตทำ มาฝากขายกับแม่ค้าที่ตลาดเจ๊ทรงงาม
“เย็นๆ จะมารับขนมที่เหลือคืนนะจ๊ะ” โก๊ะบอก
โก่งกับโก๊ะหันกลับมาจะเดินออกตลาด เห็นฟ้าประทานมากับเจ๊ทรงงามและตุ้มเดินเข้ามา ฟ้าประทานชะงัก หยุดเดิน ฝ่ายโก่งกับโก๊ะไม่พอใจฟ้าประทานที่ทิ้งคณะไป เลยแกล้งเดินไปชนไหล่ฟ้าประทาน โก่งบอกกับฟ้าประทานว่า
“ข้าจะรอดู คณะของเอ็งจะไปได้ซักกี่น้ำ”
ฟ้าประทานมองแม่ค้าจัดขนมที่โก่งเอามาส่ง วางขายบนแผง
“ปรามาสคนอื่น ไม่ดูตัวเองเลยนะพี่โก่ง ตกต่ำขนาดต้องทำขนมมาฝากขายชิ้นกี่บาท ผมจะช่วยอุดหนุน สงสาร”
“หึย ไอ้วัวลืมตีน”
โก๊ะยัวะ จะต่อยปากฟ้าประทาน
ตุ้มเอ่ยขึ้น “โก๊ะ ชั้นขอล่ะ”
โก่งกับโก๊ะเห็นแก่ตุ้ม ไม่เอาเรื่องฟ้าประทาน ยอมกลับไป
“อย่าใส่ใจคนพาลเลยนะจ๊ะฟ้าประทาน เที่ยงนี้อยากกินอะไรจ๊ะ เจ๊จะซื้อให้”
เจ๊ทรงงามควงฟ้าประทานเดินจ่ายกับข้าว ตุ้มเดินตามหลังหน้าหงิกหน้างอหึงผัว
ทั้งสามคนกลับจากตลาด ไปจ่ายกับข้าวมา เจ๊ทรงงามวางอำนาจสั่งตุ้ม
“ไปทำกับข้าว ชั้นหิวแล้ว”
“เจ๊ก็ทำสิเอง”
เจ๊แว้ดใส่ “นี่หล่อน ชั้นเมตตากรุณาอุเบกขาให้หล่อนอยู่บ้านก็ดีเท่าไหร่แล้ว หล่อนต้องตอบแทนบุญคุณชั้น ทำงานบ้าน ทำกับข้าวให้ชั้นกิน”
ตุ้มลอยหน้าบอก “ถูบ้าน กวาดบ้าน ล้างจาน ทำกับข้าว ชั้นทำไม่เป็นซักอย่าง”
“อ้าว แล้วตอนอยู่บ้านครูเทียม ใครทำยะ”
ตุ้มบอก “กระแต”
“ครูเทียมตามใจหล่อนจนนิสัยเสีย ชั้นจะดัดนิสัยหล่อนเอง ไปทำกับข้าวเดี๋ยวนี้”
“ก็บอกแล้วไงทำไม่เป็น”
ฟ้าประทานปวดหัว “อย่าทะเลาะครับ...ผมไปทำเอง”
ฟ้าประทานเซ็งมาก หิ้วถุงกับข้าวเข้าครัวเพื่อตัดปัญหา เจ๊ทรงงามมองตุ้มอย่างชังน้ำหน้า ตุ้มก็มองอีเจ๊อย่างไม่ชอบเช่นกัน
ต่างจากที่บ้านครูเทียม ทั้งหมดนั่งล้อมวงกินข้าวกับพื้น ตรงชานเรือนอย่างอบอุ่น เที่ยงนี้พร้อมพงศ์ซื้อเนื้อทอดมาฝากบ้านลิเก ทุกคนกินเนื้อทอดอย่างเอร็ดอร่อย ยกเว้นหลง กินแต่ผักจิ้มน้ำพริก
พร้อมพงศ์เอาใจลูกบอกกับหลง “ไม่กินเนื้อล่ะ ของโปรดไม่ใช่เหรอ คราวก่อนกินเอาๆ”
หลงพูดเย็นชากับพ่อ ยังโกรธพ่ออยู่ “วันนี้ไม่อยากกินครับ”
“เอ็งไม่กิน งั้นข้าสวาปามเอง”
กำจายตักเนื้อทอดมาหลายชิ้น
ครูเทียมตีมือกำจาย “กินเหลือให้คนอื่นมั่ง ไอ้โก่งกับไอ้โก๊ะยังไม่ได้กิน แล้วนี่มันสองคนไปไหน”
“ชั้นให้เอาขนมไปส่งที่ตลาด สงสัยไปขี่รถร่อนต่อจ้ะปู่”
จอมนางถามขึ้น “ลุงพงศ์ซื้อเนื้อทอดเจ้าไหนจ๊ะ เนื้อไม่เหนียวดี”
“มีรถเข็นมาขาย ลุงเห็นน่ากิน เลยเหมามาทั้งถาด”
“ผมอิ่มแล้วครับ”
หลงลุกไปเลย ไม่กินเนื้อทอดของพ่อซักชิ้น พร้อมพงศ์มองตามลูกชายที่เดินเอาจานไปล้างในครัว
อยากไปเคลียร์กับมัน
พงศ์เทพสวมบทหลงต่อ กวาดเศษอาหารในจานทิ้งถังขยะ พร้อมพงศ์ตามเข้ามา อิ่มแล้วเหมือนกัน
“เทพ เอ็งอย่างอนพ่อเป็นเด็กเลยน่า ไม่ยอมกินของที่พ่อซื้อให้”
หลงเมินพ่อ ไม่พูดกับพ่อ
“ที่พ่อแอบไปหาเสี่ยเต๊ก เพราะพ่อหวังดีกับเอ็ง อยากให้เสี่ยมาอุ้มสมเอ็งไปแต่งงานกับเหมยฮัว พ่อทนเห็นเอ็งลำบากอยู่บ้านลิเกไม่ได้”
หลงล้างจาน ไม่คุย ไม่เถียงกับพ่อ ทำเหมือนพ่อไม่มีตัวตน
“นี่เอ็งโกรธพ่อจริงเหรอวะ”
หลงไม่ตอบ ตีหน้าขรึมใส่ พร้อมพงศ์ชักกังวล ถ้าลูกชายโกรธจริงขึ้นมาจะทำยังไง
ภายในโถงบ้านเสี่ยเต๊กวันเดียวกัน เหลียนฮัว เหมยฮัว และอาจง ช่วยกันเลือกสีทาบ้านในแคตตาล็อก จะตกแต่งห้องเด็กอ่อนให้ลูกในท้องเหมยฮัว
“สีชมพูนี้หวานจัง เหมยชอบ” เหมยฮัวชี้
“ลูกในท้องคุณหนูอาจเป็นผู้ชายก็ได้นะคะ อาจงว่าทาห้องสีฟ้า กลางๆ ดีค่ะ”
เสียงรถเสี่ยแล่นเข้าบ้าน ทั้งหมดชะเง้อดู
“เสี่ยหายไปทั้งคืน กลับบ้านเอาบ่าย” อาจงเปิดหมวกทันที
เหมยฮัวรับลูกยุส่ง บิวต์หม่าม้าขึงขัง
“เตี่ยเจ้าชู้ตั้งแต่หนุ่มจนแก่ หม่าม้าอดทนมาเป็นสิบปี ควรพอได้แล้ว หม่าม้าต้องว่าเตี่ยมั่ง”
อาจงช่วยบิวต์ “เสี่ยใช้ความหัวโบราณของคุณเหลียน มาเอาเปรียบคุณเหลียนให้ยอมรับเรื่องเสี่ยมีอีหนู”
“คิดเหรออั๊วไม่ช้ำใจ”
เสี่ยเต๊กเข้าบ้านมาพอดี เหลียนฮัวลุกพรวด เผชิญหน้าผัว เสี่ยเต๊กแปลกใจ หน้าตาท่าทีแข็งกร้าวของเมีย
“ลื๊อเป็นผีกองกอยรึไง อยู่ๆ ก็ลุกพรวด”
เหลียนฮัวเสียงแข็งใส่ผัว “เมื่อคืนเสี่ยไปนอนไหนมา”
“มันเรื่องของอั๊ว”
“อั๊วทนให้เสี่ยมีอีหนูมานานแล้ว วันนี้เสี่ยต้องเลิก เสี่ยต้องอยู่บ้าน ทำตัวเป็นพ่อที่ดีของลูก เป็นสามีที่ดีของอั๊ว”
เสี่ยเต๊กยัวะ แผดเสียงด่าเมีย “ลื๊อไม่มีสิทธิ์บงการชีวิตอั๊ว อย่ามาทำให้อั๊วโมโหด้วย เวลาอั๊วของขึ้น แล้วมันลงยาก”
เหลียนฮัวชักกลัวผัว หันไปมองลูกสาวให้ช่วย อ้าว...เหมยฮัวกับอาจงหายหัวไปแล้ว ทิ้งแคตตาล็อกสีทาบ้านไว้ให้ดูต่างหน้า
เหลียนฮัวกลัวผัว เปลี่ยนท่าที “มีอีหนูก็มีไปซิ ไม่เกี่ยวกับอั๊ว”
เหลียนฮัวชิ่งไป เสี่ยเต๊กหน้ามู่ทู่ เมียเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก
เสี่ยเต็กเห็นแคตตาล็อกสีทาบ้าน สงสัยใครกันจะแต่งบ้านใหม่
เหลียนฮัวเดินมาหาลูกสาวกับอาจง ที่ห้องอาหาร
“เหมย อาจง ยุให้ลุย แล้วทิ้งไปหน้าตาเฉยเลยนะ”
“ก็พวกเรากลัวเตี่ยอ่ะหม่าม้า”
เสี่ยเต๊กถือแคตตาล็อตสีทาบ้านมา
“ใครจะทาสีบ้านใหม่”
“อั๊วจะทำห้องให้หลาน”
พอเหลียนฮัวพูดถึงลูกในท้องเหมยฮัว เสี่ยเต๊กก็ของขึ้น !
“ให้มันนอนกับแม่มัน! แล้วถ้าแม่มันอยากทำห้องใหม่ให้ลูก ก็ให้ผัวออกเงินไม่ใช่เงินเตี่ย!”
“เสี่ยโกรธอาเหมย อั๊วเข้าใจ แต่เสี่ยพาลโกรธหลานที่ยังไม่เกิดมา มันไม่ถูก” คุณนายเสียงเขียว
“อั๊วไม่อยากได้หลานคนนี้ เกิดมาอั๊วก็ไม่เลี้ยง”
เหลียนฮัวรักหลาน พอผัวด่าถึงหลาน ก็ของขึ้น
“เสี่ยใจดำ! เกลียดแม้กระทั่งหลานที่ยังไม่ลืมตาดูโลก”
“ก็อั๊วโมโหแม่มัน”
เหลียนฮัวสบถใส่ “งี่เง่า”
เสี่ยเต๊กสะดุ้งโหยง ตั้งแต่แต่งงานอยู่กินกันมา เหลียนฮัวไม่เคยกล้าด่าตนสักคำ เหมยฮัวกับอาจงก็ทึ่ง เหลียนฮัวกล้าแข็งข้อกับเสี่ยจอมโหดแล้ว
“แน่จริงลื๊อด่าอั๊วอีกทีสิ”
“เสี่ยงี่เง่า! ไร้เหตุผล! ทำตัวพาลพาโลเหมือนเด็กไม่รู้จักโต”
เสี่ยเต๊กโดนเมียด่าเป็นชุด อึ้งรับประทาน
เหลียนฮัวเครื่องจุดติดแล้ว ใส่ไม่ยั้ง “อั๊วรักหลานอั๊ว อั๊วจะตกแต่งห้องไว้รอรับขวัญหลาน เสี่ยจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย อั๊วไม่สน! เครนะ”
“ไม่เครโว้ย แม่กับลูกสาว ปัญญาอ่อนพอกัน อั๊วไปนอนกกอีหนูให้สบายใจดีกว่า”
เสี่ยเต๊กเดินยัวะออกไปเลย
เหมยฮัวออกอาการชื่นชมแม่มาก “หม่าม้าสุดยอด ทำเอาเตี่ยหนีไปเลย”
“คุณนายเจ๋งมากค่า”
เหลียนฮัวยิ้มปลื้มตัวเองว่าทำได้ เรากล้าต่อกรกับผัว
ต่อมาเหลียนฮัวตามอาจงที่เอานมร้อนมาให้คุณหนูในห้องนอน เหมยฮัวกำลังเปิดเช็คข้อความในไลน์ว่าแฟนตอบกลับมาหรือยัง
แล้วเหมยฮัวก็ออกอาการตื่นเต้นดีใจสุดๆ “เค้าอ่านข้อความในไลน์แล้ว”
“ใครลูก”
“แฟนเหมยค่ะ เหมยส่งข้อความบอกให้เค้าโทรกลับ เค้าเพิ่งเปิดไลน์อ่านเมื่อกี้”
ทันใดนั้นมีสายเข้าโทรศัพท์มือถือเหมยฮัว
“เค้าโทรมาแล้ว” เหมยฮัวลนลานไม่กล้ารับโทรศัพท์ “ถ้าเค้าไม่ยอมรับลูกในท้องเหมยล่ะ”
“ต้องรับซีคะ” อาจงปลอบบอก
“เหมยกลัวเค้าหาว่าเหมยท้องกับคนอื่น”
“อย่าตีตนไปก่อนไข้ คุยกับเค้าก่อน รับโทรศัพท์เร็วๆ เดี๋ยวเค้าวาง”
เหมยฮัวทำใจก่อนกดรับสาย เหลียนฮัวกับอาจงลุ้นสุดขีด
เหมยฮัวลุ้นแฟนจะรับลูกในท้องมั้ย “เหมยรอคุณโทร.กลับมา”
มีเสียงจากเครื่องอัตโนมัติ “วันนี้ดวงคุณเป็นอย่างไร เช็คได้ทันทีที่ 1900 1900 886”
เหมยฮัวร้องขึ้น “สายดูดวง”
“โธ่เอ๊ย หม่าม้าลุ้นแทบลืมหายใจ” คุณนายเซ็ง
“เค้าอ่านข้อความแล้ว ไม่โทร.กลับเหมย แสดงว่า เค้าไม่อยากติดต่อกับเหมย เค้าไม่รักเหมยแล้ว”
เหมยฮัวร้องไห้ฮือๆ เหลียนฮัวกอดปลอบลูกสาว อาจงสงสารคุณหนูมาก
“หม่าม้า เหมยท้องไม่มีพ่อ ฮือๆๆๆ”
“มีสิ เหมยยังมีพงศ์เทพเป็นตัวสำรอง รอรับเป็นพ่อลูกในท้องเหมยอยู่” คุณนายบอกอย่างมุ่งมั่นมาดหมาย
กลางดึกวันเดียวกัน พงศ์เทพเก็บมาดไอ้หลงไว้ชั่วคราว แวะมามาหาเจ๋งที่บ้าน พอเข้าบ้านมาก็โดนขี้จิ้งจกตกใส่บ่า
“จิ้งจกทักทายพี่” พงศ์เทพว่าขำๆ
เจ๋งกำลังง่วน รีดเสื้อยืดที่จะขายอยู่ “โดนขี้จิ้งจกตกใส่ เค้าว่าจะซวยนะพี่”
“ชีวิตพี่มันซวยมาตั้งแต่โดนหาว่าทำเหมยท้องแล้วล่ะ ช่วงนี้ขายดีมั้ยเจ๋ง”
“เรื่อยๆ พี่ เราน่าจะสกรีนลายเสื้อใหม่ๆ นะพี่”
“สกรีนแบบที่มีไปก่อน ช่วงนี้พี่ไม่มีเวลาคิดคำเจ๋งๆ ตารางฝึกลิเกพี่ แน่นเอี๊ยดพี่มาบอกเอ็ง ช่วงนี้พี่แอบออกมาช่วยเอ็งไม่ได้บ่อยๆ พี่เหนื่อย”
“ลุงพงศ์บอกว่าบ้านลิเกปั้นพี่เป็นพระเอก แล้วโครงการเปิดร้านเสื้อยืดของเราล่ะพี่ ยังจะทำอยู่มั้ย”
“ทำสิ อาชีพลิเกเลี้ยงตัวเองไม่ได้ ที่พี่มุ่งมั่นฝึกเป็นพระเอกลิเกก็เพื่อช่วยคณะเทียมฟ้าให้อยู่รอด พอครูเทียมมีพระเอกใหม่ พี่ก็เลิก” พงศ์เทพบอกจริงจัง
ระหว่างนี้พร้อมพงศ์เก็บชุดนอนจากราวตากผ้าหลังบ้าน เห็นลูกชายมาก็ยิ้มแต้ให้ แต่พงศ์เทพไม่ยิ้มตอบพ่อ
“พี่กลับบ้านลิเกนะเจ๋ง”
“เทพ เอ็งจะตัดพ่อตัดลูกกับพ่อจริงๆ เหรอ”
หลงไม่ตอบหน้าพ่อก็ไม่มอง
พร้อมพงศ์เหรอหรา ตัดสินใจใช้ไม้ตาย มุกประจำตัว
“เอ็ง...เอ็งไม่รักพ่อแล้ว ฮือๆๆๆ”
พร้อมพงศ์หนีเข้าห้องนอน ยินเสียงร้องไห้โฮดังลอดออกมา
“พี่เทพ พี่โกรธลุงจริงเหรอ”
“เจ๋ง พี่เหลือพ่ออยู่คนเดียว ไม่ว่าพ่อทำให้พี่เดือดร้อนแค่ไหน พี่ก็ให้อภัยพ่อได้พี่แกล้งโกรธพ่อน่ะ ให้พ่อรู้สึกซะมั่ง ได้เลิกทำลายชีวิตพี่”
เสียงร้องไห้ของพร้อมพงศ์ดังมาจากในห้องนอน ดังลั่นบ้าน โฮๆๆๆๆ
“แหมะ เหมือนฟังละครวิทยุ”
พงศ์เทพกับเจ๋งหัวเราะกัน ปล่อยให้พร้อมพงศ์แกล้งร้องไห้อยู่ในห้องไปตามถนัด
พร้อมพงศ์แกล้งร้องไห้อยู่สักพักแล้ว แต่ลูกชายไม่เข้ามาง้อซะที เลยแง้มประตูแอบดูลูกชาย พบว่าในโถงบ้าน มีเพียงไอ้เจ๋งยืนรีดเสื้อยืดอยู่คนเดียว ลูกชายกลับไปแล้ว
“ไอ้เทพไปแล้ว มันโกรธเราจริงๆ ลูกมันตัดเราแล้ว”
พร้อมพงศ์ใจหายปิดประตูห้องลง ซึมไปเลย
ตอนกลางวันในวันถัดมา ครูเทียมลากกล่องออกมาจากที่เก็บ เป็นกล่องอายุหลายสิบปี ที่ชายชราเก็บของมีค่าไว้ในกล่องใบนี้
ครูเทียมเปิดฝากล่อง เผยให้เห็น ชุดพระเอกลิเกทรงเครื่อง อายุนับสิบปี สภาพเก่า สีผ้าซีด โดยภายในกล่องใหญ่ ยังมีกล่องใบเล็กๆ เก็บเครื่องทรงลิเกเข้าชุดอยู่ด้วย
ครูเทียมหยิบชุดพระเอกลิเกทรงเครื่องออกมาจากกล่อง อย่างเบาๆ ทะนุถนอมชุด มองชุดแล้ว คิดถึงเจ้าของชุดนี้
ขณะที่หลงอ่านกลอนลิเก มีจอมนางช่วยติวอยู่ข้าง ๆ สักครู่ ครูเทียมถือชุดพระเอกลิเกทรงเครื่องเก่าแก่มา จอมนางจำชุดนี้ได้ เป็นชุดของใคร
“หลงเอ๊ย นี่ชุดของพระเอกเก่าคณะข้า ข้าให้เอ็งใส่ชุดนี้”
ครูเทียมและจอมนางต่างมองชุดลิเกอย่างหวงแหน สุดแสนรัก หลงเห็นสายตาปู่กับหลานที่มองชุด ก็รู้ว่าชุดนี้มีความหมายมาก
“ชุดนี้ต้องสำคัญกับครูเทียมกับจอมมาก ผมไม่ใส่ดีกว่าครับ กลัวทำเสียหาย”
“นี่ชุดของลูกชายข้า พ่อจอม” ครูบอก
หลงทึ่ง อึ้ง “ชุดของพ่อจอม”
“จ้ะ พ่อชั้นใส่ชุดนี้เล่นลิเกประจำ”
“ลูกชายข้ารูปร่างใกล้เคียงกับเอ็ง ตัวสูง แขนขายาว เอ็งน่าจะใส่ได้” ครูมองหลง
“พ่อต้องดีใจ มีคนทำให้ชุดของพ่อ กลับมามีชีวิตอีกครั้ง”
ครูเทียมส่งชุดลิเกให้หลง หลงเห็นครูเทียมกับจอมนางยิ้มให้ ท่าทางเต็มใจยกชุดนี้ให้ตนทั้งคู่ หลงจึงรับชุดมา
อีกฟาก เจ๊ทรงงามหิ้วชุดมีผ้าคลุมเข้ามาในบ้าน ฟ้าประทานกับตุ้มกำลังซ้อมรำลิเก
“ได้ชุดมาแล้วจ้ะ”
ฟ้าประทานยิ้มกว้าง ดีใจเป็นที่สุด ชุดลิเกลูกบทที่ใฝ่ฝันอยากใส่มาตลอด ตัดเสร็จแล้ว
ฝ่ายครูเทียมกับจอมนางรอหลงไปลองใส่ชุดลิเกของพ่อจอมนาง สักครู่หลงเดินมาในชุดลิเกทรงเครื่องชุดเก่าแก่ แต่งขึ้นมาก แลดูมีสง่า รัศมีพระเอกลิเกเปล่งประกาย
ครูเทียมกับจอมนางมองหลงด้วยแววตาชื่นชม
อ่านต่อหน้า 2
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 12 (ต่อ)
ฟากฟ้าประทานดูตัวเองในกระจกอย่างชื่นชมสาสมใจ ลูบไล้ชุดลิเกลูกบทในฝัน ปักคริสตัลระยิบระยับไปมา ตุ้มกับเจ๊ทรงงามเข้ามามองฟ้าประทานอย่างชื่นชม รัศมีพระเอกเจิดจ้า
ครูเทียมกับจอมนางช่วยกันใส่เครื่องทรงให้หลง เครื่องทรงทุกชิ้นล้วนเป็นของเก่า ทำด้วยเงิน ประดับด้วยเพชรลิเก
ตุ้มกับเจ๊ทรงงามช่วยกันแต่งองค์ทรงเครื่องให้ฟ้าประทาน สวมเครื่องประดับศีรษะ คาดข้อมือ เข็มขัด เครื่องประดับทุกชิ้นปักด้วยคริสตัลแวววาว ระยิบระยับ
ครูเทียมสวมยอดลิเกให้หลงเป็นชิ้นสุดท้าย เมื่อหลงแต่งชุดลิเกทรงเครื่องพร้อมเครื่องทรงเต็มยศ หลงยิ่งดูสง่างาม รายละเอียดของชุดและเครื่องทรง เป็นงานฝีมือละเมียดวิจิตรบรรจงจากช่างชั้นบรมครู
ฟ้าประทานแต่งองค์ทรงเครื่องครบชุด ชุดลิเกลูกบทของฟ้าประทาน อลังการวาวแวว ด้วยคริสตัล รายละเอียดชุดและเครื่องประดับทันสมัย เป็นของใหม่ ต่างกับชุดลิเกทรงเครื่องของหลงที่ดูเข้มขลังลิบลับ
ฟ้าประทานยืนอกผายไหล่ผึง ภาคภูมิใจที่ได้สวมใส่ชุดลิเกลูกบท
หลงก้มมองตัวเองใส่ชุดลิเกทรงเครื่อง ชื่นชมในงานปักทั้งชุด ดูละเอียดลออมาก
“ผมรู้สึกถึงความขลังของชุด ของเครื่องทรง”
“ชุดลิเกทรงเครื่องเป็นชุดโบราณ มีคุณค่า งานปัก งานช่างเงินทำเครื่องทรงหาคนรุ่นนี้ทำไม่ได้อีกแล้ว”
จอมนางมองพี่หลงใส่ชุดลิเกทรงเครื่องของพ่อ แล้วพาให้คิดถึงพ่อจับใจ จนจอมนางน้ำตาคลอ
หลงสังเกตเห็น
จอมนางหลบมานั่งเหม่อมองสายน้ำ คิดถึงพ่อที่จากไปนานแล้ว หลงมาหาจอมนาง ยังใส่ชุดลิเกทรงเครื่องของพ่อจอมนางอยู่
จอมนางมองชุดที่หลงใส่ “เห็นชุด แล้วชั้นนึกถึงพ่อ”
“เล่าเรื่องพ่อให้ฟังหน่อยซีครับจอม”
“พ่อชั้นรูปหล่อมาก ตัวสูงเหมือนพี่หลง พ่อเป็นขวัญใจแม่ยก ชั้นเห็นพ่อได้พวงมาลัยเต็มคอ”
“จอมต้องภูมิใจในตัวพ่อมากนะครับ”
“จ้ะ” จอมนางหน้าสลดลง “ตอนชั้นอยู่ป.4 พ่อกับแม่ไปเล่นลิเกที่อ่างทอง รถคว่ำระหว่าง
ทาง ปู่บอกว่า พ่อกับแม่ชั้นถูกจ้างไปเล่นลิเกให้เทวดาบนสวรรค์ดู ชั้นมีเวลาอยู่กับพ่อกับแม่น้อยเหลือเกิน ชั้นอยากกอดพ่ออีกครั้ง”
หลงสงสารจอมนางยิ่งนัก “กอดชุดของพ่อแทนได้มั้ยครับ”
จอมนางพยักหน้า แล้วโผกอดชุดพ่อที่หลงใส่อยู่ จอมนางแนบหน้ากับชุดพ่อ กอดหลงอยู่นิ่งนานหลงยืนเฉยให้จอมนางกอด โดยไม่ฉวยโอกาสใดๆ
เพลงรักดังก้องกังวานขึ้นในใจสองหนุ่มสาว
ต่อมา หลงกับจอมนางซ้อมร้องลิเกด้วยกัน หลงกับจอมซ้อมร้องลิเกบทเข้าพระเข้านาง เกิดประทับจิตอินจัด จนจิ้นกันนอกจอ สบตากันวิบวับ
กระแตมาเห็นหลงกับจอมนางกำลังอินกันอยู่ในบทพระนางก็ยิ้มแซว
“อินกันเหลือเกินนะจ๊ะ”
หลงกับจอมนางรู้สึกตัว ตีหน้าเฉยทันที
“คนเค้าเข้าถึงบทบาทจ้ะพี่กระแต” จอมนางแก้ต่าง
“เห็นพี่โก่งกับโก๊ะมั้ย พี่จะวานให้เอาขนมไปส่งที่ตลาด”
“พี่โก่งกับโก๊ะไปช่วยงานบวชที่วัดครับ กลับเย็น”
“อ้าว แล้วชั้นจะเอารถที่ไหนไปส่งขนม มอเตอร์ไซค์ไม่อยู่”
หลงเลยอาสา “พี่ขับรถตู้ไปให้ครับ”
กระแตกับจอมนางเดินเข้ามาในตลาด มีหลงเดินตาม กระแตเอาขนมกล้วยมาฝากขายเพิ่ม เดินผ่านแผงเสื้อยืดเจ๋ง เจอหวานใส่ตามระเบียบ
“คุณกระแต มาจ่ายตลาดสิครับ ผู้หญิงเป็นแม่บ้านแม่เรือน สมัยนี้หายาก”
“หายากก็ไม่ต้องหา”
“พี่กระแตทำขนมขาย เอาขนมมาส่งจ้ะ” จอมนางตอบแทน
“อุ๊ย ขนมของคุณกระแต เจ๋งขอเหมาหมดเลยนะคร้าบ”
เจ๋งคว้าหูถุงขนมกล้วย จะซื้อยกถุง
“ไม่ขาย” กระแตตวัดเสียงใส่
“อยากอุดหนุนอ่ะ”
เจ๋งกับกระแตแย่งถุงขนมกล้วยกัน สุดท้ายเจ๋งทำถุงขาด ขนมกล้วยตกพื้น เปื้อนหมด
จอมนางตะลึง กระแตโกรธมาก “ขนมชั้นเปื้อนหมดเลย”
เจ๋งตกใจมาก “ขอโทษครับ”
หลงโมโหลืมตัวดุเจ๋ง “เล่นไม่เข้าเรื่องน่าเจ๋ง”
“ไม่ได้ตั้งใจอ่ะพี่”
หลงสั่ง “เก็บขึ้นมาเช็ดให้สะอาด”
“ครับพี่”
เจ๋งทำตามคำสั่งพี่เทพโดยดี จอมนางกับกระแตจับสังเกต ดูออกว่าเจ๋งเกรงใจและเชื่อฟังหลงมาก ไม่เหมือนคนที่เพิ่งรู้จักกัน
กระแตเอาขนมมาส่งแม่ค้า 1 มีหลงกับจอมนางเดินตามมาอยู่ใกล้ๆ กระแตบอกขอบคุณกับแม่ค้า
“ขอบใจนะจ๊ะ ไม่คิดค่าฝากขาย”
แม่ค้า 1 ยิ้มแย้ม “ช่วยๆ กันน่ะกระแต”
กระแตหันไปมองหลงที่ยืนคุยหัวเราะหัวใคร่กับแม่ค้า 2 ที่เป็นแฟนลิเกหลง
“จะขึ้นเล่นเป็นพระเอกเมื่อไหร่จ๊ะพ่อหลง ได้เตรียมพวงมาลัยไปคล้องคอ”
หลงคารมคมคายใส่แม่ค้า “ขอแบงก์พันล้วนๆ นะครับ ใบยี่สิบ ใบร้อย โดนคอแล้วคัน ยิบๆๆๆๆ”
แม่ค้า 2 หัวเราะคิกคัก ชอบอกชอบใจ
กระแตเอ่ยขึ้น “พี่ชักเห็นด้วยกับจอม พี่หลงกับอีตาเจ๋งน่าจะรู้จักกันมาก่อน อีตานั่นดูเกรงใจพี่หลง”
“ฮื่อ” จอมนางไม่อยากจับผิดหลงเหมือนเคย ด้วยตอนนี้เกิดอาการจิ้น กับพี่หลงอย่างแรงไปแล้ว เลยบอกตัดบท “ไปซื้อกับข้าวกันเถอะจ้ะ ได้รีบกลับบ้าน ให้พี่หลงซ้อมต่อ”
จอมนางผละจากกระแตไปหาหลง
กระแตมองตามน้องอย่างแปลกใจ
“ยังไงกันเนี่ยจอม เหมือนไม่อยากจับผิดพี่หลงแล้ว”
เสี่ยเต๊กอยู่ที่บ้าน โทร.คุยสายกับเบิ้ม กรอกเสียงด่ากลับไป
“บางไทรมันกว้างซักขนาดไหนเชียววะ หาพงศ์เทพไม่เจอซะที”
เบิ้มกะพลยืนอยู่ไม่ไกลกับแผงเสื้อยืดเจ๋งในตลาดบางไทรนัก เบิ้มคุยสายรายงานเสี่ยเต๊ก
“พวกผมเจอคนชื่อพงศ์เทพหลายคนแล้วครับ แต่ไม่ใช่ลูกเฮียพงศ์ซักคน”
“มันต้องใช่ซักคน หาต่อไป ไม่เจอพงศ์เทพ พวกลื๊อไม่ต้องกลับกรุงเทพฯ”
เสี่ยวางสายด้วยความโมโห “มีลูกน้องกี่คนๆ ไม่ได้เรื่องซักคน”
เบิ้มวางสายเสี่ย หันมาบ่นกับพล “เสี่ยคิดว่ามันง่ายนักรึไง ทั้งอำเภอ หาคนแค่คนเดียว”
“ไปหาอะไรกินก่อนเว้ย เดี๋ยวค่อยหาลูกเฮียพงศ์ต่อ” พลว่า
เจ๋งอยู่ที่แผงเสื้อยืด เห็นจะๆ ว่า เบิ้มกับพลตัวเป็นๆ เดินอยู่หน้าตลาด
“เฮ้ย! ลูกน้องเสี่ยเต๊กนี่หว่า...ตายละเหวย พี่เทพ”
เจ๋งรีบวิ่งโกยแนบกลับไปหาพงศ์เทพในตลาด
เจ๋งวิ่งมาตามหาหลง จนเห็นหลงเดินหิ้วกับข้าวตามหลังสองสาวอยู่ เจ๋งจะไปบอกหลงตรงๆ ก็ไม่ได้ เดี๋ยวความลับแตก เจ๋งทำเป็นเดินคนละล็อกกับพี่เทพของมัน กวักมือเรียก หลงหันไปเห็นเจ๋ง สายตาถามว่ามีอะไร?
เจ๋งทำปากบอก “ลูกน้องเสี่ยมา” โดยไม่มีเสียง
หลงงง อ่านปากไอ้เจ๋งไม่ออก มันพูดอะไรของมัน
เจ๋งร้อนใจ ชี้ให้ดูที่หน้าตลาด ตรงจุดที่เห็นสองลูกน้องเสี่ยยืนอยู่เมื่อกี้ หลงมองตามที่เจ๋งชี้ ไม่เห็นมีอะไร
ที่ไม่เจอเพราะเบิ้มกับพลเดินตามหาพงศ์เทพตามร้านข้าว จังหวะหนึ่งพลมองเข้าไปในตลาด เห็นพงศ์เทพคาตา
“ลูกเฮียพงศ์อยู่นั่น”
คราวนี้หลงไม่ต้องรอให้เจ๋งบอกใบ้ เพราะเห็นเองแล้วว่าเบิ้มกับพลอยู่หน้าตลาด!
ไวเท่าความคิด หลงตะโกนลั่น “หนู...หนูตัวเบ้อเริ่ม”
จอมนางกับกระแตวงแตก วิ่งหนีหนูจ้าละหวั่น หลงไปหลบหลังแผงขายของทำทีเป็นกลัวหนู
“ว้ายๆๆๆ หนูอยู่ไหนอ่ะจอม”
“ไม่เห็นจ้ะ”
สองสาวพากันกระโดดเหยงๆ กลัวโดนตัวหนู
หลงย่อตัวเลียดต่ำหลังแผงขายของ แอบย่องหนี แล้ววิ่งออกไปนอกตลาด
เบิ้มกับพลเห็นหลงวิ่งโกยอ้าวออกจากตลาดต่อหน้า
“ไปนู้นแล้ว”
เบิ้มชี้บอกพล สองคนวิ่งเร็วตามหลงไป
ส่วนในตลาดจอมนางกับกระแตคลายความกลัวหนูลงแล้ว
“มันไปแล้วล่ะพี่กระแต” จอมนางมองหาหลงแต่ไม่เจอ “พี่หลงเตลิดไปไหนเนี่ย อะไรจะกลัวหนูขนาดน้าน”
จอมนางกับกระแตช่วยกันเหลียวหาทั่วตลาด แต่หาหลงไม่เจอ
อ่านต่อหน้า 3
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 12 (ต่อ)
หลงกลับมาสวมบทบาทพงศ์เทพ วิ่งหนีเบิ้มกับพลมานอกตลาด โดยหิ้วถุงของติดมือมาด้วย เบิ้มกับพลวิ่งไล่จี้ตามมาติดๆ
เบิ้มตะโกนบอกพล “จับมันให้ได้”
เจ๋งวิ่งไล่ตามหลังสุด “พี่เทพ ผมมาช่วยแล้วพี่”
เจ๋งโกยอ้าว ไล่ตามกันไปเป็นพรวน
พงศ์เทพวิ่งหนีเลี้ยวเข้าซอยข้างตลาด เบิ้มกับพลวิ่งตามเข้ามาในซอย งงที่พงศ์เทพหายไปไร้วี่แวว
พลเง็งกว่าเพราะตามมาติดๆ “มันเพิ่งวิ่งเข้ามานี่หว่า ไม่น่าหายไปเร็วขนาดนี้”
เบิ้มมองหา มั่นใจว่าพงศ์เทพต้องอยู่ในซอยนี้แหละ จนเห็นมีรถตู้จอดอยู่ 1 คัน เบิ้มยิ้ม พงศ์เทพต้องซ่อนอยู่ใต้ท้องรถตู้ เบิ้มพยักหน้าให้พลไปดักอีกฝั่งของรถตู้
เบิ้มชักปืนออกมา ค่อยๆ ก้มดูใต้รถตู้ แต่พงศ์เทพไม่อยู่ใต้ท้องรถตู้
“ไม่อยู่ มันดำดินหายไปเหรอวะ”
ที่แท้ พงศ์เทพนอนราบเกาะอยู่บนหลังคารถตู้ เจ๋งวิ่งตามเข้าซอยมา
“จับน้องมัน เอาไปขู่พี่มัน” เบิ้มบอก
“ซวยแล้ว”
เจ๋งเข้าเกียร์ถอยหลังหนีไม่ทัน โดนเบิ้มกับพลรุมจับตัว เบิ้มยังใช้ปืนขู่ เจ๋งแหกปากร้อง
“ไม่หนี! อย่ายิง!”
พงศ์เทพอยู่บนหลังคารถ ได้ยินว่าเบิ้มมีปืน ก็ใจหายวาบ ต้องช่วยเจ๋ง เขามองหาอาวุธสู้ พลันเห็นขวดพริกไทยในถุงที่หลงหิ้วติดมือมา
พงศ์เทพกระโดดตุ้บลงจากหลังคารถตู้
เบิ้มกัด “อ้อ เป็นไอ้แมงมุมอยู่บนหลังคานี่เอง”
“ปล่อยน้องผมไป มาจับผมนี่”
พงศ์เทพทำเป็นยืนเฉยให้เบิ้มกับพลมาจับโดยดี แต่พอสองคนเข้าใกล้ พงศ์เทพที่กำขวดพริกไทยในมือ ก็สาดผงพริกไทใส่หน้าสอดคน เข้าหน้าเข้าตา โดนไปเต็มๆ
พลร้องลั่น “โอ๊ย แสบ”
เบิ้มกับพลแสบร้อนสุดๆ ลืมตาไม่ได้ สองคนฉวยโอกาสวิ่งหนี
พงศ์เทพกับเจ๋งวิ่งหนีมาหลบมุมแถวตลาด
“มันไม่ตามมาแล้วล่ะ เราโดนลูกหลงยังขนาดนี้” พงศ์เทพขยี้ตา แสบตาเอาการเหมือนกัน
เจ๋งทั้งแสบตาทั้งจาม “ฮัดเช้ย...พริกไทยเข้าจมูก เสี่ยเต๊กรู้แล้วว่าพี่อยู่บางไทร เพราะลุงพงศ์แท้ๆ คาบข่าวไปรายงาน”
“เรื่องถนัดของพ่อพี่ล่ะ ทำลายชีวิตพี่ ฮัดเช้ย...เจ๋ง ช่วงนี้อย่าออกมาขายของ กบดานอยู่ในบ้านซักพัก”
“ครับพี่”
“พี่ต้องรีบกลับไปหาจอมนาง รายนั้นก็คอยจับผิดพี่ตลอด”
“พี่จะบอกจอมนางว่ายังไง พี่หายไปไหนมา”
“ระหว่างเดินกลับไป พี่จะคิดวิธีหลอกเนียนๆ เอ็งรอตรงนี้ ให้พี่ไปก่อน กลับไปพร้อมกัน ได้โดนสอบปากคำเหมือนพี่เป็นฆาตกรต่อเนื่อง”
พงศ์เทพย้อนกลับไปที่ตลาดก่อน ส่วนเจ๋งอยู่รอตามพี่เทพสั่ง
จอมนางกับกระแตเดินหาหลงจนทั่วตลาดไม่เจอ สองสาวเดินวนกลับมาหากัน
“เจอพี่หลงมั้ยจอม”
“ไม่จ้ะ”
“วิ่งเตลิดไปถึงไหนนะ ตัวออกสูงชะลูด กลัวหนูตัวนิดเดียว”
หลงเดินมาหาสองสาว กลิ่นพริกไทยคลุ้งมาเลย
จอมนาง กระแตฉุนกลิ่นพริกไท “ฮัดเช้ย” ทั้งคู่
หลงโกหก “ตอนพี่วิ่งหนีหนู ทำขวดพริกไทยในถุงตกแตก พริกไทยหกใส่พี่นี่พี่ไปซื้อขวดใหม่มาให้ครับ”
หลงยื่นขวดพริกไทยขวดใหม่ให้จอมนางกับกระแตดูเป็นหลักฐาน กระแตเหล่มองไม่ค่อยเชื่อคำพูดหลงนัก ส่วนจอมนางนิ่งเฉย ไม่แสดงอาการว่าจับผิดหลงอีก
“ซื้อของครบแล้ว กลับบ้านกันเถอะจ้ะ”
หลงมองระแวงจอมนาง ทำไมวันนี้ไม่จับผิดเขา
“พี่หลงมีปัญหาอะไรจ๊ะ”
“เปล่าครับ รีบกลับก็ดีครั”
ทั้งสามคนออกจากตลาด กระแตเดินรั้งท้าย สงสัยท่าทีจอมนางต่อหลงเปลี่ยนไป
กลับถึงบ้านสองสาวเข้าครัวจัดของที่ซื้อจากตลาดใส่กล่องใส่ตู้ กระแตมองจับผิดจอมนาง
จอมนางรู้ตัวว่าถูกจ้องจับผิด “หน้าชั้นมีลายแทงสมบัติเหรอพี่กระแต จ้องอยู่นั่นแหละ”
กระแตหยั่งเชิงน้องสาว “จอมรู้สึกยังไงกับพระเอกคู่ขวัญคนใหม่จ๊ะ”
“พี่กระแตถามทำไมจ๊ะ”
“ก็จอมไม่เห็นจ้องจับผิดพี่หลงเหมือนเคย อะไรน้า ทำให้จอมของพี่เปลี่ยนไป”
กระแตยิ้มล้อน้องสาว จอมนางหลุดเขินออกมา
“แหม ใครจะไปจับผิดทุกช็อตจ๊ะ มันก็มีเบื่อบ้างอะไรบ้าง”
“เหรอ...เป็นเพราะเบื่อ” กระแตยิ้มล้อไม่เลิก
จอมนางค้อนควักพี่สาว ล้ออยู่นั่นแหละ
หลงอยู่หน้าห้องครัว ได้ยินกระแตแซวจอมนาง ก็อมยิ้มกรุ้มกริ่ม หลงก็มีใจให้จอมนางเช่นกัน
ครูเทียมฝึกหลงร้องลิเก หลงร้องลิเกบทโศก แต่ร้องออกมาได้ไม่โศกเศร้า ร้องไปอมยิ้มไป เพราะกำลังจิ้นกับนางเอก
“บทโศกนะเว้ยไอ้หลง ไม่ใช่บทเข้าพระเข้านาง ร้องซะหวานเชียว”
“ขออีกรอบครับครู”
หลงร้องลิเกบทโศก ก็ออกมาแนวหวานอีก ตามอารมณ์หลง ณ ตอนนี้
“สำเนียงเอ็งมันหวานชัดๆ จอมร้องบทโศกให้หลงฟังดูเป็นตัวอย่าง” ครูบอก
จอมนางร้องบทโศก แต่ก็ออกมาแนวหวานเหมือนหลง เพราะกำลังจิ้น อินกับหลง
“นี่เอ็งติดเชื้อหลงมารึไง ร้องบทโศกออกมาซะหวานเจี๊ยบ พักแป๊บนึงให้เอ็งสองคนรวบรวมสมาธิ แล้วค่อยร้องใหม่”
ครูเทียมส่ายหัว ลุกออกไป หลงกับจอมนางยิ้มให้กัน ออกอาการเขินกันนิด ๆ
ฟากเสี่ยเต๊กคุยสายกับเบิ้มอยู่ในบ้าน
“เจอตัวพงศ์เทพแล้ว ดีมาก”
เบิ้มยืนหันข้างคุยกับเสี่ยอยู่มุมหนึ่งในตลาดเจ๊ทรงงาม
“แต่มันหนีรอดไปได้ครับเสี่ย”
“ไอ้ๆๆๆ ไอ้ลูกน้องเฮงซวย ทำงานไม่เคยสำเร็จ จับพงศ์เทพไม่ได้ พวกลื๊อก็นอนตายให้หนอนไชอยู่ที่บางไทรนั่นแหละ”
เสี่ยเต๊กวางสายจากเบิ้ม โมโหสุดๆ
ด้านเบิ้มหันหน้ามาหาพล พบว่าหน้าเบิ้มแดงเถือกเพราะฤทธิ์พริกไท
“ไปหาโรงแรมนอนกันเว้ย เราต้องอยู่บางไทรอีกยาว”
ส่วนพลอาการหนักกว่าเบิ้ม ต้องเอาผ้าก๊อซปิดตา
“ลูกเฮียพงศ์แสบเหมือนพ่อไม่มีผิด สาดพริกไทเข้าตาเต็มๆ”
พลน้ำตาไหลไม่หยุด ต้องคอยเอาทิชชู่ซับน้ำตาตลอดเวลาแลดูน่าขัน
อ่านต่อหน้า 4
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 12 (ต่อ)
ฟ้าประทานควงเจ๊ทรงงามมาเลือกซื้อเครื่องเสียงชุดใหญ่ในร้านที่ตัวเมืองอยุธยา ทรงงามหน้าแหยๆ ไม่อยากลงทุนซื้อ ประสาคนขี้ตืด
“เจ๊ครับ เราลงทุนครั้งเดียว ใช้ได้เป็นสิบปีนะครับ คุ้มสุดคุ้ม”
“แต่เจ๊ว่า เช่าเอา คุ้มกว่านะจ๊ะ เจ๊สนิทกับร้านเช่าเครื่องเสียง ต่อราคาได้ด้วย”
“ลิเกทุกคณะ มีเครื่องเสียงของตัวเอง ขนาดคณะจนๆ อย่างเทียมฟ้า ยังมีแล้วคณะลิเกเศรษฐีอย่างเรา ต้องเช่าเค้า เสียหน้าแย่เลยครับ”
เสียงโทรศัพท์มือถือมีสายเข้า ฟ้าประทานดูเบอร์หน้าจอ เป็นตุ้มโทรมา จึงไม่รับสาย
ตุ้มอยู่ในโถงบ้านทรงไทย โทร.หาผัว แต่ฟ้าประทานไม่รับสาย ตุ้มหน้าหงิก
“ฟ้าประทานต้องอยู่กับอีเจ๊ จกผัวชั้นไปไหนแต่หัววัน”
ตุ้มโทร.จิกอีก แต่ฟ้าประทานก็ไม่รับ
ภายในร้านเครื่องเสียงตอนนี้ ฟ้าประทานออดอ้อนเจ๊ทรงงามขนานใหญ่
“มีเครื่องเสียงอยู่ที่บ้าน ผมได้ร้องลิเกให้เจ๊ฟังทุกวันไงครับ เสียงกระหึ่มเหมือนปิดวิกเล่นจริง”
ทรงงามบิวท์ขึ้น “เจ๊ก็จะได้ดูฟ้าประทานเล่นลิเกเป็นการส่วนตัวทุกคืน”
“ทั้งคืนด้วยครับ” ฟ้าประทานทำตาหวานปิ๊งๆ ใส่อีก เจ๊เลยฟิน ระทวย กิ้วก้าวเป็นการใหญ่ ฟ้าประทานยิ้มกว้าง เจ๊ทรงงามหลอกง่าย
เมื่อผัวไม่รับ ตุ้มเลยโทร.เข้ามือถือเจ๊ทรงงาม
ทรงงามไม่รู้เป็นตุ้มโทร.มาเลยกดรับ “เจ๊ทรงงามพูดจ้า”
ตุ้มกรอกเสียงใส่ทันที “เจ๊ขโมยผัวชั้นไปไหน”
ทรงงามปรี๊ด หันมาบอกกับฟ้าประทาน “ขอเจ๊ไปเคลียร์เดี๋ยวนะจ๊ะ คู่อริโทร.มา”
เจ๊ทรงงามออกไปหน้าร้าน กะไปโทร.เฉ่งนังตุ้ม ฟ้าประทานไม่เอะใจว่าเป็นสายตุ้ม เลยเดินดูเครื่องเสียงต่ออย่างสบายใจ
เจ๊ทรงงามออกมาคุยสายหน้าร้านเปิดฉากด่าตุ้ม “เลิกพูดได้แล้วว่าฟ้าประทานเป็นผัวหล่อน พ่อฟ้าประทานเป็นว่าที่ผัวใหม่ชั้นย่ะ”
ตุ้มด่ากลับเจ๊ทรงงาม
“เสียทองเท่าหัว ชั้นไม่ยอมเสียผัวให้ใคร! เจ๊จะงาบผัวชั้น ข้ามศพชั้นไปก่อน”
“เมื่อไหร่หล่อนจะสำเหนียกซะที หล่อนน่ะเป็นส่วนเกิน ชั้นกับฟ้าประทาน เราเป็นหุ้นส่วนชีวิตกัน เรามีธุรกิจด้วยกัน นี่เราควงกันมาซื้อเครื่องเสียง”
“เครื่องเสียง ซื้อไปทำไม คณะไหนๆ เค้าก็เช่าเอา”
“อ้าวเหรอ” ทรงงามหน้าเหรอหรา ได้ข้อมูลที่ถูกต้องจากตุ้มโดยไม่คาดคิด วางสายใส่ตุ้ม
ตุ้มแทบเต้นที่โดนเจ๊วางสายใส่
“เจ๊ อีเจ๊” ตุ้มแค้น กดโทร.ไปอีก แต่เจ๊ทรงงามไม่รับ เลยเลิกโทร.ด้วยท่าทีหงุดหงิดงุ่นง่าน
เจ๊ทรงงามกลับเข้ามาในร้าน ฟ้าประทานยืนยิ้มร่ารออยู่กับคนขาย
“ผมเลือกได้แล้วครับเจ๊ เอาเครื่องเสียงชุดนี้ คนขายบอกว่าระบบเสียงดีสุด”
“ในฐานะที่เจ๊ลงเงิน เจ๊ขอเป็นคนตัดสินใจ เจ๊จะเช่าเครื่องเสียงจ้ะ”
ฟ้าประทานฉงน “ทำไมอยู่ๆ เจ๊เปลี่ยนใจครับ”
เจ๊ทรงงามสบโอกาส โบ้ยตุ้ม “เมื่อกี้นังตุ้มโทร.มา เจ๊เลยถามเรื่องเครื่องเสียง นังตุ้มบอกว่าอย่าซื้อ”
ฟ้าประทานหน้าตึงเปรี๊ยะ ไม่ได้โกรธทรงงาม แต่โกรธตุ้ม
กลับถึงบ้าน ฟ้าประทานต่อว่าตุ้มทันที
“ทีหลังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ก็อย่าเที่ยวแนะนำคนอื่น”
“ชั้นไม่ได้บอกว่าอย่าซื้อ อีเจ๊น่ะ...ตอแหล” ตุ้มหันมามอบความ ตอแหล ใส่หน้าเจ๊เข้าให้
ทรงงามกรี๊ด “อ๊ายย นังตุ้ม อาศัยบ้านชั้น ยังจิกด่าชั้นอีก ฟ้าประทาน เจ๊ไม่ทนแล้ว นังตุ้มต้องไสหัวไปจากบ้านเจ๊”
ตุ้มไม่สน “ชั้นจะไปก็ต่อเมื่อผัวชั้นไปด้วย”
“ฟ้าประทานไม่ใช่ผัวหล่อนแล้ว เลิกโมเมซะที”
ตุ้มย้อน “แล้วฟ้าประทานเป็นผัวเจ๊รึไง ถึงหวงนักหวงหนา”
ฟ้าประทานกุมขมับ ปวดตับ ต้องทนอยู่กับผู้หญิงสองคนที่แสนขี้หึง และชอบตีกัน
คืนนี้ที่บ้านครูเทียม กระแตปักชุนเสื้ออยู่บนเตียง จอมนางเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เข้าห้องมา
กระแตละงานในมือ หันมาพูดจริงจังกับน้องสาว “จอม ตอนจอมจับผิดพี่หลง พี่เฉยๆ ไม่รู้สึกว่าพี่หลงทำอะไรให้พี่ไม่ไว้ใจ แต่ตอนเนี้ย พี่ชักกังวล”
“พี่กระแตคิดว่าพี่หลงเป็นคนไม่ดีเหรอจ๊ะ”
“เปล่า สำหรับพี่ ต่อให้พี่หลงมีลับลมคมนัยแค่ไหน พี่ก็ยังเชื่อว่าพี่หลงเป็นคนดีเพราะคนไม่ดี ไม่ทุ่มเท ตั้งใจช่วยเรากอบกู้คณะหรอก ที่พี่กังวลเพราะห่วงจอม”
จอมนางฉงน “ห่วงชั้น”
“ผู้ชายน่ะ ไม่มีใครเพอร์เฟกต์ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก พี่หลงก็ต้องมีข้อเสีย แล้วยิ่งถ้าพี่หลงมีแฟนอยู่แล้วที่กรุงเทพฯ จอมของพี่ไปชอบ...”
จอมนางสวนออกมา “ชั้นไม่ได้คิดอะไรกับพี่หลง” คิดหาคำอ้าง “ที่ชั้นไม่จับผิดพี่หลงเหมือนแต่ก่อน เพราะจับผิด ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา พี่หลงเอาตัวรอดได้ทุกที”
กระแตมองเหล่ไม่เชื่อน้องสาว “เอาเถอะ พี่ไม่คาดคั้นจอมว่าคิดยังไงกับพี่หลง พี่ขอแค่ให้จอมระวังตัวระวังใจ พี่ไม่อยากเห็นน้องสาวพี่ ต้องเจ็บปวด”
กระแตปักชุนเสื้อต่อ จอมนางไปประแป้งหวีผมหน้ากระจก ยอมรับว่าแอบกังวลอยู่ลึกๆ ในใจ ถึงชอบหลงมากแค่ไหน ความรู้สึกไม่ไว้ใจยังกรุ่นๆ อยู่ตลอดเวลา
คืนเดียวกันที่บ้านเสี่ยเต๊ก เหลียนฮัวกับอาจงทำสมุนไพรจีนมาให้เหมยฮัวดื่มบำรุงครรภ์
“ดื่มให้หมดค่ะคุณหนู ลูกในท้องคุณหนูจะได้แข็งแรง” อาจงยิ้ม
เหมยฮัวหน้าเศร้า “สงสารลูก ไม่มีใครยอมรับเป็นพ่อ”
เหลียนฮัวบอกอย่างเห็นแก่ตัว “พ่อตัวจริงไม่รับ เรายังมีพ่อตัวสำรอง อาเทพ เหมย ลูก หม่าม้าถามจริงๆ ถึงเวลาต้องตบแต่งกับอาเทพ เหมยจะอยู่กับผู้ชายที่ไม่ได้รักได้เหรอลูก”
“ถ้าเหมยมีสิทธิ์เลือกผู้ชายเพียงคนเดียวในโลกนี้ มาทำหน้าที่สามีจำเป็น เหมยก็เลือกพี่เทพค่ะ พี่เทพนิสัยดี อยู่ใกล้แล้วอบอุ่น สบายใจ”
“ผู้ชายดีๆ อย่างคุณพงศ์เทพ ไม่มีแฟนเหรอนะคะ” อาจงเอ่ยขึ้นในจังหวะหนึ่ง
เหมยฮัวมั่นใจ “พี่เทพยังโสด”
“ต่อให้มีแฟน ก็ต้องเลิกมาแต่งงานกับเหมย ทั้งหม่าม้าทั้งเตี่ยไม่ยอมให้เหมยเสียชื่อเสียง”
เหลียนฮัวหน้าเข้ม มาดร้ายยังกะเจ้าแม่ ไงเสียต้องหาผัวให้ลูกสาวให้จงได้
วันถัดมาพร้อมพงศ์แบ่งส้มใส่ถุง กะจะเอาไปให้ลูกชายที่บ้านลิเก เจ๋งออกจากห้องนอน เห็นลุงพงศ์กำลังจะไปข้างนอก
“ห้ามออกไปนะลุง”
พร้อมพงศ์งง ฉุนนิดๆ “ทำไมวะ”
“เมื่อวานลูกน้องเสี่ยเต๊กโผล่มาที่ตลาด พี่เทพสั่งให้เรากบดานซักพัก”
แทนที่จะสลดพร้อมพงศ์กลับยิ้มร่าดีใจ “เสี่ยเชื่อเรา ไอ้เทพอยู่บางไทร ส่งลูกน้องมารับมันไปแต่งงาน ฮูเร่ เราจะรวยกันแล้วโว้ย”
เจ๋งค้อน “ดีใจเข้าไปลุง เดี๋ยวพี่เทพแกก็โกรธลุงไปยันชาติหน้าหรอก”
“นี่ลุงจะไปง้อมัน เอาผลไม้ที่มันชอบกินไปให้ มันไม่ใจแข็งกับพ่อหรอก”
พร้อมพงศ์มาดมั่น จะออกไป ถูกไอ้เจ๋งขวางประตู
“หลีก”
เจ๋งไม่หลีก พร้อมพงศ์ยื้อยุดกับไอ้เจ๋ง อีกฝ่ายไม่ให้ออก อีกฝ่ายจะออกไป
พร้อมพงศ์ร้องขึ้น “ลูกน้องเสี่ยมาหน้าบ้าน”
เจ๋งหลงเชื่อ หันไปมอง พร้อมพงศ์เลยหลุดรอดเจ๋งมาได้
“เอ็งต้องฝึกปรือฝีมืออีกเยอะไอ้เจ๋ง” ลุงจอมกะเล่นร่าเริงบันเทิงใจมาก “ไอ้เทพจะได้เป็นลูกเขย
เศรษฐีแล้วโว้ย พ่อก็ตกโกดังข้าวสารไปด้วยโว้ย”
พร้อมพงศ์หัวเราะร่าไป เจ๋งส่ายหัว ลุงพงศ์ไม่เคยเปลี่ยน หน้าเงินคงเส้นคงวา
ทุกคนพักผ่อนอยู่ที่ศาลาริมน้ำ พร้อมพงศ์เอาส้มมาฝากบ้านลิเก โก่งกับโก๊ะปอกส้มกิน หลงนั่งเฉย ไม่กิน พร้อมพงศ์หยิบส้มส่งให้ลูกชาย หลงเก๊กหน้าขรึมใส่พ่อ ส่ายหน้าไม่กิน
พงศ์เทพสวมมาดเข้มฟอร์มโกรธพ่ออยู่ พร้อมพงศ์จ๋อยไป
ครูเทียมตำหนิ “หลง ผู้ใหญ่ให้ของ ต้องรับ”
หลงรับส้มจากพ่อ “ผมไม่อยากกิน ปอกให้ครูกินนะครับ”
“ข้าปอกเอง”
ครูเทียมหยิบเอาส้มจากหลงมาปอก ปรากฏว่ามือขวาครูสั่นเพราะโรคพาร์กินสัน ทำให้ครูเทียมปอกส้มไม่ถนัด ลำบากลำบน หลง โก่ง และโก๊ะ มองสงสารครู
“ชั้นปอกให้จ้ะครู” โก่งบอก
“เฮ้ย ข้าไม่ได้มือด้วน ปอกได้”
ครูเทียมพยายามปอกเปลือกส้มเอง ซึ่งใช้เวลานานโข คนอื่นๆ มองลุ้น เอาใจช่วย โก๊ะถึงกับน้ำตาคลอเบ้า สงสารครูจับจิตจับใจ
“ไอ้โก๊ะ ข้าไม่ได้จะตาย ไม่ต้องร้องไห้”
ครูเทียมปอกส้มได้แค่ครึ่งลูก “กินครึ่งลูกก็พอ”
ครูแกะกลีบส้มกิน ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรที่ปอกเปลือกส้มด้วยความยากลำบาก หลง โก่ง โก๊ะ ต่างหากที่สงสารครู ซึมกันทั้งบาง
ส่วนพร้อมพงศ์สงสัยมาก มือขวาครูเทียมเป็นอะไร ทำไมถึงสั่นจนปอกเปลือกส้มแทบไม่ได้
ต่อจากนั้น ครูเทียมหลงสอนหลงร้องลิเก ในบทพระเอก อยู่ในห้องโถงบ้าน หลงร้องกลอนลิเกบทพระเอกไปอย่างตั้งใจ
ครูเทียมยังไม่ถูกใจ ด้วยหลงยังร้องไม่ได้ดั่งใจ “ร้องให้มัน กัดหู หน่อยซีวะ”
หลงงงกับคำพูดนั้น “อืม...กัดหู ใครครับ”
ครูเทียมหัวเราะพลางอธิบาย “ไม่ใช่ กัดหู หมายถึง ร้องให้เสียงเข้าไปในหู เสียงร้องเอ็งมันลอยๆ
ไม่กัดหูข้าเลย”
“อ๋อ” หลงขำ “ผมขออีกเทกนะครับ คราวนี้ จะร้องให้ กัดหู ครูเลยครับ”
หลงร้องลิเกอีกรอบ คราวนี้ร้องดีขึ้น เสียงร้องเริ่มกัดหู
ส่วนที่หน้าห้องโถง พร้อมพงศ์มองหลงกับครูเทียมอยู่ห่างๆ พร้อมพงศ์ยังคาใจใคร่รู้ มือขวาครูเทียมเป็นอะไรถึงได้สั่น กำจายยกน้ำมาจะเอาไปให้หลง
พร้อมพงศ์เลียบเคียงถามขึ้น “กำจาย มือขวาครูเทียมเป็นอะไร เห็นสั่นไม่หยุด”
กำจายหน้าซึมเศร้า “ครูเทียมโชคร้าย อยู่ๆ ก็เป็นโรคพาร์กินสัน”
“เป็นพาร์กินสัน” พร้อมพงศ์สงสารครูเทียม “แล้วครูจะเล่นลิเกได้เหรอ”
“นานๆ ครูแกจะขึ้นเล่นซักครั้ง แต่ปัญหาก็คือ ครูใช้มือขวาตีระนาดไม่ได้ เสียงเพี้ยนหมด ครูแกชอบตีระนาดซะด้วย กลางค่ำกลางคืน ครึ้มอกครึ้มใจลุกขึ้นมาตี” ยิ่งพูดกำจายก็ยิ่งสงสาร พูดอย่างเศร้าใจ “เสียงระนาดของครูเทียม ไม่เพราะพริ้งเหมือนเดิมอีกแล้ว”
กำจายเอาน้ำไปให้หลงกับครูเทียม ครูชราผู้แสนอารีใช้มือซ้ายหยิบแก้วน้ำ
พร้อมพงศ์มองครูเทียมต้องใช้มือซ้ายถือแก้วน้ำ สงสารครูจับใจ
ขณะที่เจ๋งเช็ดถูบ้านอยู่ เห็นพร้อมพงศ์เดินซึมกลับเข้ามา
“คนละอารมณ์กับตอนขาไปเลยลุง พี่เทพไม่หายโกรธสิ”
“ลุงสงสารครูเทียม เป็นโรคอะไรไม่เป็น มาเป็นโรคพาร์กินสัน รักษาไม่หาย”
เจ๋งอึ้ง “ครูเทียมป่วยเหรอ พี่เทพไม่เห็นเล่าให้ฟัง”
“ลิเกที่รำไม่ได้ ตีระนาดไม่ได้ ตีฉิ่ง ตีตะโพนไม่ได้ ก็เหลือแต่จิตวิญญาณความเป็นลิเก”
พร้อมพงศ์เศร้ามาก ด้วยเป็นคอลิเกขนานแท้
“ลุงจะเศร้าอะไรขนาดนั้น ลุงไม่ได้สนิทกับครูเทียมแกซะหน่อย”
“เจ๋ง เอ็งไม่ใช่คอลิเกเหมือนลุง เอ็งไม่เข้าใจหรอก คนลิเกเปรียบเหมือนเทวดานางฟ้า ลอยลงมาจากสวรรค์ มาร่ายรำให้มนุษย์ปุถุชนบนโลกดู ลุงมีความสุข อิ่มเอมใจทุกครั้งเวลาดูลิเก ตอนนี้เทวดาองค์นึงกำลังจะตกสวรรค์ ลุงสะเทือนใจ”
พร้อมพงศ์ซึม สงสารครูเทียมจากใจจริงๆ
ทางด้านเบิ้มกับพลขี่รถตระเวนตามหาพงศ์เทพ ผ่านหน้าบ้านครูเทียม เบิ้มแลเห็นป้ายชื่อ “คณะลิเกเทียมฟ้า”
เบิ้มบอก “ไอ้พล หยุดรถ”
พลหยุดรถหน้าบ้านครูเทียม
“เฮียพงศ์เป็นแฟนลิเก อาจรู้จักลิเกบ้านนี้ หนีมาอาศัย”
พลจอดรถแอบข้างทาง เบิ้มกับพลแอบปีนข้ามรั้วเข้าบ้านครูเทียมไปในทันที
อา...บัดนี้อันตรายกำลังคืบคลานเข้าใกล้พงศ์เทพแล้ว
อ่านต่อตอนที่ 13