xs
xsm
sm
md
lg

ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 11

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 11

สายแล้ว อากาศเริ่มร้อนมากขึ้น บรรดาลูกศิษย์ครูเทียมมานั่งรับลมที่ศาลาท่าน้ำ เอามือโบกพัดกันเหยงๆ ครูเทียมกับจอมนางเอาน้ำเย็นมาให้

“โทษทีนะพวกเอ็ง ไฟยังไม่มา เปิดพัดลมไม่ได้”
ชาย 1 ถาม “นั่งรับลมธรรมชาติ เย็นสบายดีครับครู พิธีไหว้ครูเริ่มกี่โมงครับ”
ครูเทียม บอก “11 โมงครึ่ง”
“ดื่มน้ำเย็น ๆ ให้ชื่นใจจ้ะ”
ครูเทียมช่วยจอมนางหยิบแก้วน้ำส่งให้ลูกศิษย์ มือขวาครูสั่น จนทำแก้วน้ำหล่นแตกเพล้ง !
“โดนแก้วบาดเปล่าจ๊ะปู่”
“ไม่ แก้วมันลื่นน่ะ”
จอมนางก้มเก็บเศษแก้ว ครูเทียมรีบซ่อนมือขวาไว้ข้างหลังมือครูสั่นมากขึ้นกว่าที่เคย

พิธีการช่วงสายกำลังจะเริ่ม ครูเทียมไปรับพราหมณ์จากรถหน้าบ้านพาเข้ามาในเต๊นท์ทำพิธีหน้าบ้าน คนในงานหยุดคุยกันทันที ต่างพากันก้มกราบกับพื้นด้วยความเคารพเลื่อมใสท่านพราหมณ์
พิธีการเริ่มด้วยพราหมณ์อ่านโองการอัญเชิญเทวดา หลงรับหน้าที่ดูแลเครื่องเสียง จัดไมโครโฟนให้พราหมณ์พูด
“ขออัญเชิญเทวัญชั้นฟ้า แลฤาษีทั้ง 108 องค์ จงเสด็จจากฟากฟ้า”
ปรากฏว่าไมโครโฟนไม่ดัง คนนั่งหลังไม่ได้ยิน ฟ้าประทานนั่งอยู่ในกลุ่มแขก ส่ายหน้า
“อนาถแท้ บ้านงานโดนตัดไฟ”
ครูเทียมหันมาต่อว่าจอมนาง
“ไฟฟ้ายังไม่มาติดมิเตอร์อีกหรอ”
จอมนางหน้าเสีย “ชั้นจะโทร.ไปตามอีกรอบจ้ะ”
พลันไฟมาพรึบ พัดลมติด คนในงานยิ้มออก โล่งใจแทนครูเทียม
หลงขยับไมโครโฟนไปตั้งใกล้พราหมณ์แล้วถอยกลับไปนั่งในแถว
พราหมณ์อ่านโองการต่อ “ขออัญเชิญพระพรหมผู้มีฤทธิ์ ผู้สถิตสถาพรบนชั้นฟ้า ขอเชิญเหล่าทวยเทพองเทวา เสด็จลงมาอำนวยพรแก่ศิษยานุศิษย์ ผู้ร่ำเรียนศิลปาการ ให้เชี่ยวชาญนาฏศิลป์”
คนในงาน ต่างประนมมือ ตั้งจิตมั่นถวายความเคารพแก่ครูบาอาจารย์
พิธีไหว้ครู ดำเนินไป มีพราหมณ์นำทำพิธีอย่างถูกขั้นตอน เสร็จการอ่านโองการอัญเชิญครู
ก็ถวายเครื่องสังเวย แล้วมีการรำถวายมือ จากนั้น ลาเครื่องสังเวย แล้วนำมาสู่พิธีครอบครู ที่ทุกคนรอคอย
“ข้าพเจ้าขอยกกรชุลี เคารพทวยเทพเทวดา ครูบาอาจารย์ข้าพเจ้าตกแต่งบายศรีไว้พร้อมสรรพ ศีรษะสุกร ไก่ เป็ด และเหล้าขาวขนมต้มแดงต้มขาวพร้อมสรรพ และอาหารอันโอชะอีกมากมาย ขอครู
เชิญรับเครื่องสังเวย ณ กาลบัดนี้เทอญ”
ครูเทียมนั่งใกล้ๆ พราหมณ์ และคอยส่งเครื่องสังเวยให้พราหมณ์ ครูหยิบจานใบเล็กๆ น้ำหนักเบาส่งให้ก่อน สีหน้าครูวิตกกังวล เกรงมือขวาที่สั่นจะทำเครื่องสังเวยหล่น
ใบหน้าคนในงาน ทุกคนต่างมีสีหน้าเคร่งขรึม ตั้งจิตมั่นในพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ของคนลิเก เลยไม่มีใครสังเกตสีหน้าอาการวิตกกังวลของครูเทียม แม้แต่จอมนาง
ถึงคราวต้องส่งหัวหมูให้พราหมณ์ ครูเทียมควบคุมมือขวาไม่ได้ ด้วยจานหัวหมูหนักอึ้ง จังหวะที่ส่งหัวหมูให้พราหมณ์นั้นเอง ครูเทียมประคองถาดไม่ไหว ถาดเอียงไปมา คนในงานลุ้น หัวหมูจะตกลงพื้นเอา
ไวเท่าความคิด หลงปราดมาช่วยประคองถาดไม่ให้หัวหมูหล่น ช่วยส่งถาดหัวหมูให้พราหมณ์สังเวยพ่อแก่
คนในงานถอนหายใจเฮือก โล่งอกกันเป็นแถว ครูเทียมยิ้มขอบใจหลง

จอมนางเพ่งมองมือปู่อย่างฉงนฉงาย ทำไมถึงไม่มีเรี่ยวแรง ประคองถาดใส่หัวหมูยังไม่ไหว

หลังเสร็จสิ้นพิธีถวายเครื่องสังเวย เป็นการรำถวายมือ ฟ้าประทานเป็นคนแรกที่ออกไปรำ เก๋ นางเอกลิเกออกไปเป็นคนที่สอง

ตุ้มหึงไม่เก็บมันแล้ว ออกไปรำตรงกลาง กั้นระหว่างฟ้าประทานกับเก๋
กระแตหันมาทางโก่ง สุมหัวเม้าท์ทันที
“นังตุ้มมันไม่กลัวของเข้าตัวรึไง ต่อหน้าพ่อแก่ ยังแสดงกิริยาไม่เหมาะสม”
“มันทำอะไรผิด ก็ออกไปรำถวายมือ” โก่งงง
กระแตไม่อยากเล่าเรื่องตุ้มกับฟ้าประทาน วันนี้วันมงคล กระแตออกไปรำ ตามด้วยกำจาย
หลงหันมาถามโก๊ะ
“เค้าออกไปรำกันทำไมน่ะโก๊ะ”
“รำถวายพ่อแก่ เทพเทวา ครูบาอาจารย์จ้ะพี่”
จอมนางมองปู่อย่างเป็นห่วง
“มือปู่เป็นอะไรจ๊ะ เหมือนไม่มีเรี่ยวแรง”
“ไปรำกันเถอะจอมเอ๊ย”
ครูเทียมตัดความเลี่ยงตอบ อกไปรำ จอมนางไปรำข้างๆ ปู่ สายตาจับจ้องมือขวาปู่ ตอนตั้งวงรำ
มือขวาครูเทียมสั่นชัดเจน จอมนางเห็นแต่ถามไถ่ปู่ไม่ได้ กำลังรำอยู่

พราหมณ์ทำพิธีลาเครื่องสังเวย
“โอม ขอทวยเทพเทวดากลับคืนสู่ชั้นฟ้าสุขาวดี ด้วยอาหารอันโอชาที่ข้าพเจ้าถวายนี้ จะนำไปกินไปใช้ให้เกิดประโยชน์ภายภาคหน้า เป็นที่อิ่มหนำ สำราญอุราแก่ศิษยานุศิษย์ทั้งหลายทั้งปวง”

มาถึงพิธีกรรมสุดท้ายคือพิธีครอบครู ดนตรีไทยบรรเลงคลอระหว่างครอบครู คนทยอยมาถวายขันใส่ดอกไม้ธูปเทียนแก่พราหมณ์ พราหมณ์เจิมหน้าผาก และครอบเศียรพ่อแก่ให้

งานเลิกแล้วอย่างเรียบร้อย ครูเทียมยืนส่งแขกชุดสุดท้าย จอมนางเกาะปู่แจ ด้วยเป็นห่วงปู่
“ปีหน้าเจอกันนะ”
“ครับครู”
เห็นบรรดาลูกศิษย์ลาครูกลับไปหมดแล้ว จอมนางสบโอกาสเซ้าซี้ถามอย่างห่วงใย
“ปู่บอกชั้นมา มือปู่เป็นอะไร ทำไมถึงสั่น”
“ไปช่วยปู่เก็บของ”
ครูเทียมกลับเข้าตัวบ้าน จอมนางไม่สบายใจ ปู่ไม่ยอมบอกซะที

ต่อมาครูเทียมอัญเชิญพ่อแก่มาตั้งที่เดิม ครูไหว้ขมาพ่อแก่อีกครั้ง
“ลูกขอขมาที่เกือบทำเครื่องสังเวยหล่น ขอพ่อแก่ยกโทษ ลูกไม่ได้ตั้งใจเป็นเหตุวิสัยด้วยร่างกายลูกไม่เอื้ออำนวย”
ครูเทียมก้มกราบพ่อแก แล้วหันมาหาหลานสาวที่นั่งหน้าไม่สู้ดี รอฟังคำตอบจากปู่
“เห็นท่าวันนี้ ปู่ไม่บอก เอ็งต้องนอนตาค้างถึงเช้า”
จอมนางพยักหน้า อยากให้ปู่บอกซะที เป็นห่วงปู่จะแย่อยู่แล้ว
ครูเทียมนิ่งครู่หนึ่ง ก่อนตัดใจบอกหลาน “ปู่ป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน”
“พาร์กินสัน”
จอมนางช็อก นิ่งงันไป จากนั้นความรู้สึกเสียใจก็ถาโถมแล่นลิ่วเข้ามาในหัวใจ จอมนางร้องไห้โฮ
“ไม่เอาลูก วันนี้วันมงคล อย่าร้อง”

ครูเทียมเช็ดน้ำตาให้จอมนางที่หยุดร้องไห้ไม่ได้แล้ว ทั้งเสียใจ ห่วงใย และสะเทือนใจมาก

อ่านต่อหน้า 2

ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 11 (ต่อ)

ฝ่ายกระแตกับโก๊ะช่วยกันล้างจานกองพะเนินอยู่หลังครัว เจ๋งมาถึงก็นั่งยองๆ ช่วยล้าง กระแตเงียบกริบไม่ขับไล่ไสส่งเจ๋งสักคำ

“แหม คราวนี้ ไม่ไล่ผมนะครับ”
“กลัวเสียน้ำใจน่ะ โก๊ะ ไปช่วยน้ากำจายเก็บของในห้องโถง ในเต๊นท์”
กระแตลุกหนีไป เจ๋งหน้าเหวอ อยากมาอยู่ใกล้ๆ แต่กระแตดันหนี
“นี่แค่ครึ่งนึงนะ เดี๋ยวยกจานมาให้อีก”
โก๊ะหัวเราะขำ ตามกระแตไป เจ๋งหน้ามู่ทู่ หลงยกจานมาให้เจ๋งเพิ่ม
“โทร.หาพ่อพี่ได้หรือยัง”
“ลุงพงศ์ไม่รับโทรศัพท์”
“หายไปไหนทั้งวัน”
พงศ์เทพวิตกกังวล อดคิดร้ายไม่ได้ว่า พ่อแอบไปหาเสี่ยเต๊กที่กรุงเทพฯ หรือเปล่า

ช่วยงานบ้านลิเกเสร็จ พงศ์เทพตามเจ๋งมาบ้านเช่าพร้อมพงศ์ สองหนุ่มเห็นรถจอดอยู่
“ลุงพงศ์กลับมาแล้ว”
พงศ์เทพเดินไปที่รถเปิดดูเข็มไมล์พลางบอกเจ๋ง
“พ่อพี่ติดนิสัย กดเซ็ตเข็มไมล์ทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน”
พงศ์เทพอ่านเข็มไมล์บนหน้าปัดรถยนต์ “วันนี้รถวิ่งไป 2 ร้อยกว่าโล...พ่อไปกรุงเทพฯ”
ระหว่างนี้ พร้อมพงศ์ออกมาหน้าบ้าน หลงใส่พ่อทันที
“พ่อหักหลังผม! พ่อแอบไปหาเสี่ยเต๊ก”
พร้อมพงศ์ยัวะ “เอ็งกล้าว่าพ่อหักหลังเหรอ! พ่อน่ะ หวังดีกับเอ็ง อยากให้เอ็งร่ำรวย เป็นลูกเขย
เสี่ย นี่พ่อเกือบโดนลูกน้องเสี่ยกระทืบ”
นั่นไง! พงศ์เทพเครียดทันที “ลูกน้องเสี่ยสะกดรอยตามพ่อมาหรือเปล่า”
“มันไม่มาบางไทรหรอก เสี่ยหาว่าพ่อโกหก ว่าเอ็งไม่ได้อยู่บางไทรจริง”
“พ่อบอกเสี่ยว่าผมอยู่บางไทร”
“เออ เสี่ยได้เอาราชเกยมารับเอ็งกลับไปแต่งงานที่กรุงเทพฯ ไง”
พงศ์เทพโมโหพ่อสุดๆ แค้นใจ ทำมือทำไม้ เหมือนอยากจะบีบคอพ่อ ไอ้เจ๋งเชียร์
“เอาเลยพี่ ผมอนุญาต”
“พ่อ ผมขอลาออกจากความเป็นลูกพ่อ...ชั่วคราว! พ่อเห็นผมเป็นลูกเมื่อไหร่ เราค่อยกลับมาเป็นพ่อลูกกันเหมือนเดิม”
พงศ์เทพโมโหสุดขีด หันตัวเดินกลับออกไปอย่างฉุนเฉียว
“สมใจมั้ยลุง เสียทั้งเงินเสียทั้งลูก”
“เทพมันขอลาชั่วคราวเว้ย ไม่ได้ถาวร”
พร้อมพงศ์ไม่อนาทรร้อนใจ คิดว่าเรื่องเล็ก

พงศ์เทพกลับมาสวมบท หลงกลับมาบ้านลิเก หน้าตาโกรธขึ้ง ปนน้อยใจพ่อ เจอจอมนางดักรออยู่ตรงประตูรั้ว หลงรีบปรับสีหน้าเป็นปกติ เวลานี้จอมนางไม่สนใจจับผิดพี่หลง ในหัวคิดแต่อาการป่วยของปู่
“น้ากำจายบอกว่าพี่ออกไปข้างนอกกับพี่เจ๋ง ชั้นมาดักรอ มีเรื่องจะคุยกับพี่จ้ะ”
หลงมองระแวง ว่าจอมนางจะจับไต๋อะไรเขาอีก

จอมนางพาหลงมาคุยในห้องนอนตัวเอง แถมปิดล็อคประตู พาให้หลงยิ่งคิดหนัก จอมนางต้องจับไต๋เขาได้แน่ ๆ จึงรีบชิงอธิบายก่อน
“เจ๋งเป็นแขก พี่เลยเดินไปส่งเจ๋งที่บ้านลุงพงศ์ครับ”
“ขอบใจพี่หลงมากนะจ๊ะที่เป็นธุระพาปู่ไปหาหมอ”
หลงโล่งอกหายเกร็ง จอมนางไม่ได้จับผิดตัวเอง
“ปู่บอกชั้น พี่เทียวรับเทียวส่ง ไปนั่งรอปู่ที่โรงพยาบาลครึ่งค่อนวัน”
“พี่ขอโทษที่ไม่บอกจอม ครูเทียมขอให้พี่ปิด กลัวจอมรู้แล้วไม่สบายใจ”
“หมอบอกว่าอาการปู่เป็นยังไงบ้างจ๊ะ”
จอมนางนึกเสียใจขึ้นมาอีก เริ่มสะอื้นอีก
หลงจับบ่าจอมนางบอกอย่างคนผ่านร้อนหนาวมากกว่า
“จอมต้องเข้มแข็ง คนป่วยต้องการกำลังใจ อย่าร้องไห้ให้ครูเทียมเห็น ครูต้องเสียใจที่ทำหลานเสียน้ำตา”
จอมนางพยักหน้า เหมือนเด็กเชื่อฟังผู้ใหญ่
“อาการครูยังไม่หนักมาก แต่ปัญหาคือ ครูไม่ยอมไปหาหมอ จอมต้องเกลี้ยกล่อมครูให้ไปเอายามากิน”
จอมนางพยักหน้าลูกเดียว เวลานี้เชื่อฟังพี่หลงทู๊กอย่าง
“จำไว้นะครับ อยากร้องไห้ ให้มาร้องกับพี่ คิดซะว่า พี่เป็นพี่ชาย ที่รักและเป็นห่วง พร้อมอยู่เคียงข้างจอมเสมอ”
หลงพูดจบจอมนางก็ปล่อยโฮทำนบน้ำตาแตก หลงสงสารจอมนางจับใจ ดึงหัวจอมนางมาซบกับอก ให้จอมนางร้องไห้ระบายความรู้สึก จอมนางร้องสะอึกสะอื้นน่าสงสาร หลงลูบผมจอมนางเบาๆ ปลอบประโลม

จากนั้นไม่นาน จอมนางเรียกทุกคนยกเว้นตุ้มกับฟ้าประทาน มารวมกัน เพื่อบอกอาการป่วยของครูเทียมให้รับรู้
“ชั้นมีข่าวร้ายมาบอก ปู่เป็นโรคพาร์กินสัน”
กระแตตกใจ พวกกำจายทำหน้าเง็ง
“โรคอะไรนะ” โก่งโพล่งขึ้น
“ปากินสั้น...ครูเป็นโรคเกี่ยวกับการกินเหรอจอม ชื่อโรคมันบอก”
จอมนางที่เศร้าๆ อยู่ ยังอดขำโก๊ะไม่ได้
“ให้พี่หลงอธิบายแล้วกัน”
“โรคพาร์กินสันคือโรคเกี่ยวกับสมอง สมองควบคุมร่างกายไม่ได้ ทำให้มือสั่น ขาสั่น ตัวสั่น ดำรงชีวิตลำบากครับ”
“มิน่า ครูถึงเกือบทำหัวหมูตกในพิธี” โก่งนึกออก
“ปู่เป็นได้ยังไงจ๊ะ” กระแตถาม
“โรคนี้ไม่มีสาเหตุที่แน่นอนครับ”
“ปู่ทำตัวไม่เหมือนคนป่วย เพราะฉะนั้น พวกเราก็อย่าปฏิบัติกับปู่ เหมือนปู่เป็นคนป่วย ช่วยดูแลปู่เท่าที่จำเป็น ส่วนเรื่องไปหาหมอ กินหยูกกินยา ชั้นกับพี่หลงจะดูแลเอง”
กำจายเอ่ยขึ้น “ก็อย่างที่ครูเทียมพูด วันนี้วันมงคล ให้คิดดี ทำดี พูดแต่สิ่งดีๆ ครูต้องหายอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของพวกเราไปอีกนานแสนนาน”

ชาวคณะยิ้มให้กำลังใจกันและกัน

ตกกลางคืน ฟ้าประทานเก็บเสื้อผ้าข้าวของใส่กระเป๋า เตรียมตัวสำหรับพรุ่งนี้ที่จะไปจากบ้านครูเทียม ตุ้มชวนทะเลาะอยู่ข้างๆ

“ชั้นเปลี่ยนใจไม่ไปแล้ว จะอยู่กับครูเทียม ฟ้าประทานก็ต้องอยู่”
ฟ้าประทานไม่เถียงกับตุ้มเสียเวลาเปล่า ตุ้มอาละวาด รื้อเสื้อผ้าฟ้าประทานออกจากกระเป๋า จนฟ้าประทานหมดความอดทนกับตุ้ม
“ในเมื่อตุ้มบีบให้ผมเลือก ผมก็จะเลือกระหว่างตุ้ม กับความฝันของผม...ผมเลือกเดินตามฝันตัวเอง”
ตุ้มงง “หมายความว่ายังไง”
“เราเลิกกัน”
“ฟ้าประทานพูดเพราะโมโห”
“ผมคิดมานานแล้ว ถึงเวลาต้องเด็ดขาดซะที เราจบกันแค่นี้ตุ้ม” ฟ้าประทานเสียงเข้ม
“ฟ้าประทานทิ้งชั้น ชั้นจะป่าวประกาศให้คนในบ้านรู้ เราเป็นผัวเมียกัน”
“พรุ่งนี้กระแตก็แฉเราแล้ว”
ตุ้มสวนขึ้น “ชั้นจะบอกเจ๊ทรงงาม”
“ผมตั้งใจจะบอกอยู่แล้ว ว่าตุ้มกับผม...เป็นแฟนเก่า”
ตุ้มน้ำตาร่วง โกรธมาก “เป็นผัวเป็นเมียกันมาตั้งหลายปี จะทิ้งไปกันง่ายๆ อย่างนี้เหรอ”
“จำไว้เป็นบทเรียนนะตุ้ม ผู้ชายบางคน ไม่ใช่ลูกไก่ในกำมือ พอถูกบีบมากๆ ก็ดิ้นรนจนเป็นอิสระ และไม่กลับมาหาเจ้าของมืออีก”

ตุ้มทรุดลงนั่งกอดเข่าร้องไห้สะอึกสะอื้น ฟ้าประทานไม่แคร์ เก็บเสื้อผ้าต่อ

ขณะเดียวกัน จอมนางมานอนเฝ้าปู่บนพื้นข้างเตียง จอมนางหลับไปแล้ว แต่ครูเทียมไม่หลับ คิดเรื่องที่ลูกศิษย์ครูเทียมบังเอิญรู้เรื่องฟ้าประทานจะแยกคณะ

“ฟ้าประทานไปสั่งชุดลิเกลูกบท ที่ร้านประจำที่ผมตัด”
ครูเทียมถามเสียงแผ่ว “เมื่อไหร่”
“หลายวันแล้วครับ ช่างตัดบอกว่า ฟ้าประทานเร่งจะเอาชุดภายในเดือนนี้”
คิดแล้ว ครูเทียมช้ำใจจนข่มตาหลับไม่ลง

เช้านี้จอมนางวิ่งหาครูเทียมด้วยความเป็นห่วง จนเจอปู่โปรยข้าวนกอยู่ตรงนอกชาน
“ปู่ ชั้นตกใจหมดเลย ตื่นมาไม่เห็นปู่”
ครูเทียมหน้าระบายยิ้ม “ปู่ไม่หนีออกจากบ้านหรอก หนีเที่ยวล่ะ พอทำเนา”
จอมนางเห็นปู่สดใสอารมณ์ดี ก็พลอยสบายใจไปด้วย
“จอมเอ๊ย พอฟ้าประทานตื่น ให้มันไปหาปู่ที่ห้อง”
“อย่าบอกฟ้าประทานเรื่องอาการเจ็บป่วยเลยจ้ะ ไม่เห็นใจหรอก”
“เอ็งตามมันมาให้ปู่แล้วกัน”
ครูเทียมหันไปส่งเสียงเรียกนก หน้าตาสดชื่น แม้ว่ามือที่หยิบข้าวโปรยให้นก จะมีอาการสั่นด้วยโรคพาร์กินสัน ทว่าครูก็ไม่กังวล จิตใจกลับเบิกบาน ทำตัวไม่เป็นคนเจ็บป่วย

ครูเทียมกลับขึ้นบ้าน ออกมานั่งตรงนอกชาน พยายามใช้มือขวาที่สั่นเทา เขียนเติมกลอนลิเกในปึกกระดาษกลอนลิเก จอมนางพาฟ้าประทานมาหาปู่
“อ้าว มาแล้วหรอ เอ วันนี้เอ็งตื่นเช้าผิดวิสัย” ครูเทียมมองฟ้าประทานอย่างเอ็นดู เหมือนเขายังเป็นเด็กเล็กๆ “แต่เล็กจนโต เอ็งนอนตื่นสายโด่ง ข้าต้องเอาไม้เรียวไปปลุกเอ็งมาซ้อมลิเก”
ฟ้าประทานเกร็งนิดๆ ต่อการเอ่ยลาครูเทียมที่เลี้ยงดูมา ไม่ใช่เรื่องง่าย
“ครูครับ ผมมีเรื่องจะบอกครู ผม..คือ...อ่า...”
ครูเทียมส่งสมุดกลอนลิเกให้ฟ้าประทาน
“ข้าแก้ไขบางบทบางตอนให้ทันสมัยขึ้น”
ฟ้าประทานรับบทมาอ่านชื่อเรื่องกลอนลิเก “เกียรติศักดิ์นักสู้...”
“กลอนลิเกเรื่องนี้ ข้าแต่งให้เอ็งโดยเฉพาะ...เกียรติศักดิ์นักสู้ เป็นเรื่องที่สร้างชื่อเสียงให้เอ็ง ข้าก็มีแต่กลอนลิเกเรื่องนี้ ให้เป็นของขวัญกับคณะของเอ็ง”
จอมนางกับฟ้าประทานหน้าเหรอหราพอกัน ตกใจที่ครูเทียมรู้เรื่องนี้
“ขอให้คณะลิเกของเอ็งเป็นขวัญใจผู้ชม เล่นที่ไหน คนดูแน่นวิกงานเข้ามาไม่ขาดสาย แม่ยกรักถล่มทลาย เป็นพระเอกลิเกดังแห่งยุค”
ฟ้าประทานตื้นตัน พูดกับครูจากใจอันแท้จริง “ชาตินี้ ผมไม่มีวันลืมพระคุณครูเทียมครับ”
ว่าพลางฟ้าประทานก้มกราบเท้าครูเทียมอย่างนบนอบ ครูเทียมลูบหัวมองลูกศิษย์คนโปรดด้วยแววตาเอื้อเอ็นดูเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

ชาวคณะเทียมฟ้ายืนดูฟ้าประทานยกกระเป๋าเสื้อผ้าหลายใบใส่รถ ครูเทียมกับจอมนางปลงใจได้
ไม่ถือโทษโกรธฟ้าประทาน แต่คนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น กำจาย โก่ง โก๊ะ และกระแตมองฟ้าประทานอย่างไม่พอใจ
จู่ๆ ตุ้มหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าตามมา
“ตุ้ม อย่าไปเลย คนอกตัญญู ไม่ใช่คนดี” กระแตบอก
ตุ้มลงนั่งกับพื้น กราบเท้าครูเทียม
“ครูยกโทษให้ชั้นนะจ๊ะ ชั้นต้องไปกับฟ้าประทาน เราสองคนเป็น...”
ครูเทียมมองตุ้ม พยักหน้าอย่างเมตตา “กระแตบอกข้าแล้ว ไปเถอะ ผัวเมียควรอยู่ด้วยกัน”
“เราเลิกกันแล้วครับครู ตุ้มอยู่ที่นี่แหละ ผมจะไปอยู่บ้านเจ๊ทรงงาม” ฟ้าประทานบอกอย่างตัดเยื่อใยสิ้น
โก่งโมโห “เอ็งมันเลวมาก เนรคุณคน แล้วยังทิ้งเมีย”
ขาดคำโก่งต่อยหน้าฟ้าประทานเปรี้ยง โก๊ะจะต่อยฟ้าประทานซ้ำ กำจายห้ามไว้
“มือเอ็งจะสกปรกเปล่าๆ ไอ้โก๊ะ”
“ตุ้ม ฟ้าประทาน เอ็งสองคนตกลงกันเอง อยากอยู่บ้านนี้ต่อ ข้าก็ไม่ขัดข้อง”
ครูเทียมกับจอมนางเดินออกไป ไม่อยากยุ่งเรื่องผัวเมีย กำจาย โก่ง และโก๊ะตามไป เหลือแต่กระแตที่มองจ้องอยากรู้ตุ้มจะตัดสินใจยังไง
“ผมขอให้ตุ้มเจอผู้ชายที่พร้อมแต่งงาน ถึงวันนั้น แจกการ์ดผมด้วยล่ะ”
ฟ้าประทานขึ้นรถขับไป ทิ้งตุ้มไว้โดยไม่แยแส ตุ้มหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าวิ่งตามรถฟ้าประทานไป
“รอชั้นด้วย”
ฟ้าประทานไม่หยุดรถ ตุ้มวิ่งตามจนพ้นสายตากระแต
“โธ่ถังนังตุ้ม ไม่รักตัวเองเลย”
กระแตตามไปชะเง้อมองตามด้วยความเป็นห่วง

พวกกำจายกลุ้ม จับกลุ่มสุมหัวปรึกษาหารือกันถึงอนาคตคณะลิเก
“ไม่มีพระเอก ไม่มีนางร้าย ก็เหมือนไม่มีคณะลิเก”
“จ้างพระเอกมาเล่น ก็ไม่มีเงินอีก” โก่งว่า
โก๊ะบ่น “จัดพิธีไหว้ครู นึกว่าจะมีสิ่งดีๆ เข้ามา กลับเกิดเรื่องแย่ๆ ครูเทียมป่วยไอ้ฟ้าประทานทิ้งคณะไป เฮ้อ...ต้องไปสะเดาะเคราะห์แล้วไอ้โก๊ะ”
หลงมองแล้ว อยากสร้างบรรยากาศเฮฮา เลยร้องเพลงออกแขก แต่งเนื้อเองด้นกลอนสดๆ ท่าทางน่าขัน
“หึย...ทำกูกลุ้มหนักกว่าเดิม”
กำจายค้อนด้วยความหมั่นไส้ แย่งฉิ่งจากมือหลงไม่ให้มันตี

ครูเทียมคิดครุ่นแก้ปัญหาให้คณะเทียมฟ้า หลังจากพระเอกฟ้าประทานกับนางร้ายตุ้มทิ้งคณะไปแล้ว ต้องหาคนมาเล่นแทนไม่อย่างนั้น ก็ต้องยุบคณะทิ้ง

หลงซ้อมฟันดาบอยู่คนเดียว พวกกำจายนั่งกลุ้มไม่เลิก
“ทุกปัญหามีทางแก้ครับ เดี๋ยวเราก็ผ่านไปได้ มาซ้อมลิเกกันเถอะ”
ครูเทียมเดินใบหน้าระบายยิ้มมาแต่ไกล
“จอมกับกระแตล่ะ”
“อยู่ในครัวจ้ะ” โก๊ะบอก
“ไปเรียกมาที” ครูสั่ง
โก๊ะขยับแหกปากตะโกนเรียก “จอม...กระแต ครูเรียก”
“ไม่ตะโกนใส่รูหูข้าซะเลยล่ะไอ้โก๊ะ” ครูค่อน
“ขี้เกียจเดินจ้ะ” โก๊ะยิ้ม ทำหน้าทะเล้น

สักครู่จอมนางกับกระแตเดินมาหาปู่ หน้าตาซึมกะทือพอๆ กับพวกน้ากำจาย
“คณะเราไม่มีพระเอก ก็รับงานไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องหาพระเอกใหม่”
“ตกพระเอกได้ เหมือนตกปลาคลองหน้าบ้านก็ดีซีจ๊ะ ชั้นจะตกมาทั้งฝูง” จอมนางเย้า
“ปู่ขอตัวเดียว เอ๊ย คนเดียวพอ คนนี้ ปู่เห็นแววมาซักพักแล้ว รูปหล่อหน้าหยกเสียงดี ท่วงท่าสง่า” ระหว่างพูดครูเทียมค่อยๆ หันมองหลง “เสน่ห์มันก็แพรวพราว”
ทุกคนหันมองหลงตามครูเทียม หลงยังอึ้งๆ ไม่แน่ใจ ว่าหมายถึงตัวเองหรือเปล่าหว่า?
“ข้าหมายถึงเอ็งนั่นแหละ ไอ้หลง ข้าจะปั้นเอ็งเป็นพระเอกลิเก”

ชาวคณะตาวาว เห็นดีเห็นงามด้วยทุกคน ยิ้มออกกันทั้งคณะ ส่วนหลงหน้าเหวอ?

อ่านต่อหน้า 3

ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 11 (ต่อ)

ทางด้านฟ้าประทานขับรถออกมาตามถนนในซอยบ้านครูทียม มองกระจกหลัง เห็นตุ้มหอบกระเป๋าวิ่งตามมาอย่างทุลักทุเล ก็นึกสงสาร จึงหยุดรถ ตุ้มรีบมาขึ้นรถ

“กลับไปเถอะตุ้ม ตุ้มไปอยู่กับผมไม่ได้ ผมไม่ได้บอกเจ๊ทรงงามไว้” ฟ้าประทานบอก
“เราก็ไปบอกเจ๊พร้อมกัน เจ๊รับไม่ได้ เราก็ไปเช่าบ้านอยู่กันเอง” ตุ้มว่า
“ผมไม่มีเงินเช่าบ้าน”
“งั้นเราก็อยู่บ้านเจ๊ ชั้นไม่แคร์เจ๊ทรงงามหรอก”
ฟ้าประทานยื่นเงื่อนไข “แต่ผมแคร์ ถ้าตุ้มจะไปอยู่ด้วย ตุ้มต้องทำตามเงื่อนไขผม ห้ามทำตัวเป็นเมียผม ผมจะบอกเจ๊ทรงงามว่าตุ้มเป็นเมียเก่า”
ตุ้มยอมทุกอย่างเพราะรักมากเหลือเกิน “ชั้นแอบไปหาฟ้าประทานตอนกลางคืนได้มั้ย”
“ไม่ได้”
“แอบจับมือได้มั้ย”
“ก็ไม่ได้”
ตุ้มซึมไปเลย
ฟ้าประทานเอ่ยขึ้น “ตุ้มทำไม่ได้หรอก กลับไปอยู่กับครูเทียมเถอะ”
“ชั้นทำได้จ้ะ ชั้นจะเป็นแค่เมียเก่า อยู่ห่างๆ คอยดูแลฟ้าประทาน” ตุ้มฮึดอะไรก็ยอมแล้ว ส่งสายตาวิงวอน “ให้ชั้นไปด้วยนะ ชั้นอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีฟ้าประทาน”
สุดท้ายฟ้าประทานใจอ่อน “ให้ไปด้วยก็ได้ แต่ตุ้มต้องทำตามเงื่อนไข”
“จ้ะ ชั้นสัญญา”
ฟ้าประทานพอใจที่ตุ้มตกปากรับคำด้วยดี ขับรถพาตุ้มมุ่งหน้าไปยังบ้านทรงไทยของเจ๊ทรงงามทันที

เช้าวันถัดมา หลังจากครูเทียมจะปั้นหลงเป็นพระเอกลิเก ครูก็ต้องเคี่ยวหลงอย่างหนัก จอมนางตื่นแต่เช้า จัดการเปลี่ยนบอร์ดงานเป็น... “ตารางฝึกพี่หลง” จอมนางเขียนตารางฝึกมาถึงบรรทัดสุดแล้ว

ไล่ดูตั้งแต่บรรทัดแรกดังนี้คือ 7 โมงเช้า ตื่นนอน / 8 โมง กินข้าว ห้ามกินน้ำเย็น / 9 โมงถึงเที่ยง ฝึกร้อง / เที่ยงถึงบ่ายโมง พักกินข้าว / บ่ายโมงถึงห้าโมงเย็น ฝึกรำ / ห้าโมงเย็นถึงหนึ่งทุ่ม ทบทวนบทเรียนประจำวัน / สองทุ่ม เข้านอน
หลงอ่านตารางฝึกแล้วอึ้ง หนักเอาเรื่องเลยเย้าเล่น
“จอมครับ พี่ผ่านออดิชั่น ได้เข้าบ้านเดอะสตาร์เหรอครับ”
จอมนางวางหน้าเข้มจริงจังเวอร์ “พี่หลงทำเป็นเล่น แต่ชั้นเอาจริง”
ครูเทียมเอ่ยขึ้น “หลง เอ็งมาฝึกลิเกตอนโต ข้าถึงต้องเคี่ยวเอ็งหนักกว่าคนอื่น ข้ากำลังจะสร้างปรากฏการณ์ในวงการลิเก ปั้นพระเอกลิเกภายในเวลาไม่กี่เดือน เทียมฟ้ารอไม่ได้ เราต้องมีพระเอก จะได้มีงาน”
ครูเทียมและชาวคณะมองหลงอย่างฝากความหวังไว้ที่เขาคนเดียว
“ความเป็นความตายของเทียมฟ้า ขึ้นอยู่กับเอ็ง”
“ข้ารู้ว่าหนัก ว่าเหนื่อย ขอให้เอ็งอดทน ทำเพื่อพวกเรา” กำจายให้กำลังใจ
โก่งบอก “ชีวิตข้า อยู่ในมือเอ็งแล้วนะหลง”
“ปากท้องชั้น ขึ้นอยู่กับพี่แล้วนะพี่” โก๊ะว่า
กระแตยิ้ม “พี่หลงต้องทำให้ได้ เพื่อความอยู่รอดของคณะเทียมฟ้า”
จอมนางปิดขบวนพร้อมยิ้มหวานๆ “พวกเราเชื่อในตัวพี่นะจ๊ะ”
คำพูดทุกคนทำให้หลงรู้สึกกดดัน หากล้มเหลว ฝึกไม่ไหว หรือเขายอมแพ้ ชาวคณะเทียมฟ้าก็ต้องแพ้ไปด้วย

ครูเทียมส่งกลอนลิเกให้หลง เป็นปึกกระดาษเก่าคร่ำ ที่ครูเขียนกลอนเรื่องนี้มานานแล้ว
“ศึกรักศักดินา...ข้าแต่งเรื่องนี้มาเป็นสิบปี ไม่ได้เล่นมานานแล้ว เอามาปัดฝุ่นใหม่ เพราะเห็นว่าเนื้อเรื่องเหมาะกับเอ็ง”
หลงเปิดกลอนลิเกดูคร่าวๆ พบว่าเนื้อร้องเยอะมวาก... กระดาษหนาเป็นปึกๆ
“อืม... ผมต้องท่องทั้งหมดนี่เลยเหรอครับ”
“พี่เล่นเป็นพระเอก ก็ท่องเฉพาะบทพระเอกซีจ๊ะแหม”
ครูเทียมบอก “เอ็งฝึกร้องกับจอม ให้จอมช่วยนำ”
พระเอกลิเกป้ายแดง ฝึกร้องกลอนลิเกกับจอมนาง หลงกลัวจำเนื้อไม่ค่อยได้ เลยเกร็ง ร้องผิดหลายหน จอมนางกับครูเทียมให้หลงร้องใหม่จนกว่าจะได้

โดยการฝึกช่วงแรกๆ นี้ ครูเทียมกับจอมนางให้หลงฝึกร้องอย่างเดียว ยังไม่ให้รำประกอบร้อง เพราะหลงยังไม่เก่ง

หลงฝึกร้องกลอนลิเกมาหลายชั่วโมงแล้ว จนเสียงแหบแห้ง หยิบแก้วน้ำกินเป็นระยะๆ หน้าตาท่าทางทั้งเหนื่อย ระคน กังวล กลัวทำได้ไม่ดี แต่ใจสู้

เที่ยงวัน หลงฝึกร้องลิเกมาตั้งแต่เช้า จนคอแห้ง เข้ามาในครัวกะจะเปิดกระติกกินน้ำเย็นให้ชื่นใจ
เสียงกระแตดังขึ้น “หยุดนะ”
หลงสะดุ้ง เกือบทำแก้วตก กระแตเพิ่งกลับมาจากจ่ายตลาด กอดกระติกน้ำไม่ให้หลงแตะ
“ปู่ห้ามพี่กินน้ำเย็น กินแล้วเสียงเสีย”

“ขอจิบซักนิดนะครับกระแต พี่คอแห้งเป็นผง”
“ไม่ได้จ้ะ พี่ต้องปฏิบัติตามตารางฝึกอย่างเคร่งครัด”
หลงหน้าม่อย กำจายกระแอมกระไอเข้ามา เสียงยังแหบแห้ง ด้วยเส้นเสียงมีปัญหา กำจายจะเปิดกระติกกินน้ำเย็น กระแตไม่ให้
“น้าก็กินไม่ได้”
“ข้าร้อน อยากกินน้ำเย็นให้ชื่นใจ”
“เหมือนผมเลยครับ”
“น้ำเย็นทำให้เสียงเสีย น้าเสียงแห้งอยู่ ต้องกินน้ำธรรมดา”
“โดนตั้งกฎเหมือนผมด้วย”
หลงกับกำจายเซ็งกระแต เคร่งครัดกฎระเบียบน่าดู

ตกช่วงบ่าย หลงฝึกรำไม่มีการร้อง มีกำจายรับหน้าที่สอนรำถวายมือ โดยรำนำแล้วให้หลงรำตาม หลงรำไม่ถูก โก่งกับโก๊ะช่วยจับมือ จับขาหลงให้ถูกท่า
โก๊ะจับมือหลงให้โค้ง “มือหรือไม้กระดานเนี่ยพี่”
“เอ็งไปทำน้ำข้าวมาให้มันแช่มือ มือได้อ่อน ๆ” กำจายสั่งโก๊ะ
“ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก รุ่นนี้ น้ำข้าวเอาไม่อยู่แล้วพี่กำจาย ต้องน้ำมือเรานี่แหละ”
โก่งพูดจบก็ใช้มือตัวเอง ดัดมือหลงให้โค้ง
หลงร้องลั่น “โอ๊ย”
โก๊ะดัดมือหลงอีกข้าง หลงแหกปากดังกว่าเดิม เจ็บจริง กำจายมองเทรนเนอร์กับลูกศิษย์เดอะสตาร์แล้วขำก๊าก

ขณะเดียวกันเสี่ยเต๊กโทร.คุยกับลูกน้องอยู่ในโถงที่บ้าน กำลังกรอกเสียงด่าลูกน้องใส่โทรศัพท์
“ไอ้โง่ ไม่มีรูปเฮียพงศ์ให้เค้าดู ก็บอกยี่ห้อรถ สีรถ รุ่นรถที่เฮียพงศ์ขับซี่”
ฝ่ายเบิ้มกับพลอยู่กับเจ้าของอู่ตามนามบัตร เบิ้มคุยสายกับเสี่ยอยู่
“ผมลืมนึกไปครับเสี่ย” เบิ้มถามเจ้าอู่ซ่อมรถ “ผู้ชายคนนั้นขับรถ...” เบิ้มบอกยี่ห้อรถ รุ่น และสีรถของพร้อมพงศ์ถามย้ำว่า “ใช่หรือเปล่า”
เจ้าของอู่พยายามนึก ตอนพร้อมพงศ์แวะเอารถเติมน้ำยาแอร์ บ่นกับช่างว่า
“ไม่ติดว่าต้องไปเจอรถติด อากาศร้อนตับแตกที่กรุงเทพฯ ไม่เติมหรอก เปลืองตังค์”
เจ้าของอู่นึกออก “มีรถรุ่นนั้นสีนั้นมาเติมน้ำยาแอร์ เจ้าของรถท่าทางงกมาก บ่นใหญ่ น้ำยาแอร์
แพง”

เบิ้มรายงานเสี่ยเต๊กไปตามสาย “เจ้าของอู่บอกว่ามีรถคล้ายรถเฮียพงศ์มาซ่อมครับเจ้าของรถงกมาก”
“งั้นเฮียพงศ์ชัวร์ รัศมีความงกแผ่กระจาย ไอ้เบิ้ม เอ็งกับไอ้พลอยู่ที่บางไทรนั่นแหละ ไม่ต้องกลับกรุงเทพฯ ควานหาตัวลูกชายเฮียพงศ์ให้เจอ แล้วลากคอมันมาหาอั๊ว” เสี่ยวางสายลูกน้อง คำรามในลำคอ “ลื๊ออยู่ใต้จมูกอั๊วนี่เองพงศ์เทพ บางไทร อยุธยา หนีไปไม่ไกลอย่างที่คิด”

เสี่ยเต๊กกระหยิ่มยิ้มย่อง มั่นใจว่าต้องเจอพงศ์เทพ และนำตัวมารับโทษ แต่งงานกะอาหมวยท้องโตในเร็ววัน

อ่านต่อหน้า 4

ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 11 (ต่อ)

เวลานี้ ฟ้าประทานหน้าตาแช่มชื่นอยู่ที่บ้านทรงไทยของเจ๊ทรงงาม ได้เป็นเจ้าของคณะลิเกอย่างที่ฝันไว้ วันนี้ฟ้าประทานเรียกลูกคณะมาซ้อมเป็นวันแรก บอกลูกคณะอย่างภาคภูมิใจ

“คณะของผมชื่อ ฟ้าประทาน บุตรแดนสรวง หมายถึง ผม ฟ้าประทาน เป็นบุตรจากสวรรค์ ถูกส่งลงมาเป็นพระเอกลิเกขวัญใจมหาชน”
เจ๊ทรงงามลุกมาแสดงตัว ยืนข้างฟ้าประทาน อย่างกับเป็นเมีย
“ส่วนชั้น เจ๊ทรงงาม เจ้าของคณะร่วมจ้ะ”
“ลิเกเรื่องแรกที่เราจะเล่น ชื่อเรื่อง...เกียรติศักดิ์นักสู้ เป็นเรื่องที่สร้างชื่อให้ผม”
ตุ้มแจกกลอนลิเกเรื่อง “เกียรติศักดิ์นักสู้” โดยซีร็อกซ์มาแจกครบทุกคน ตุ้มไม่ถูกกับเก๋นางเอกลิเก ซึ่งเป็นกิ๊กเก่าฟ้าประทาน เลยแกล้งไม่แจกบทให้
ถูกฟ้าประทานเอ็ดเอา “อย่ารวนน่าตุ้ม”
ตุ้มมองค้อนฟ้าประทาน ยอมแจกกลอนลิเกให้นางเอก
“ผมเขียนตรงหัวกระดาษไว้ ใครเล่นเป็นตัวละครชื่ออะไร เราต้องซ้อมกันหนักหน่อยนะ ผมอยากรีบเปิดตัวคณะให้ได้ภายใน 3 เดือน เก๋ฝึกท่องบทนี้ก่อนนะ”
“บทไหนจ๊ะ” เก๋ทำเป็นหาไม่เจอ
ฟ้าประทานเปิดกลอนลิเกให้เก๋ท่อง เจ๊ทรงงามเหล่ หวงฟ้าประทานคอยยืนประกบข้างตลอด ส่วนตุ้มดูฟ้าประทานคุยกับนางเอกลิเก โดยมีเจ๊ทรงงามยืนประกบ บ่นเบาๆ กับตัวเอง
“เจอทั้งแม่ยก เจอทั้งกิ๊กเก่า กรรมของนังตุ้ม”

คณะฟ้าประทานซ้อมลิเกเรื่อง เกียรติศักดิ์นักสู้ ถึงบทเข้าพระเข้านาง ฟ้าประทานกับเก๋ ตุ้มนั่งดูการซ้อม หน้าบูดบึ้ง หึงผัว
ถึงบทตุ้มต้องเล่นคู่กับนางเอก ตุ้มร้องคู่กับเก๋ แต่แกล้งจำกลอนลิเกไม่ได้ เพื่อให้เก๋ต้องร้องหลายรอบ

ฟ้าประทานรู้ทันตุ้มพูดดักคอ “ทำตัวเป็นมืออาชีพหน่อยตุ้ม”
“วันนี้ชั้นไม่มีอารมณ์ซ้อมแล้ว”
ตุ้มงอน สะบัดสะบิ้งไปไม่ยอมซ้อม เจ๊ทรงงามหมั่นไส้นังร้าย ตามไปฉะ

ตุ้มเข้ามาในห้องพัก ทิ้งตัวนั่งบนเตียง หงุดหงิดอารมณ์เสีย เจ๊ทรงงามตามเข้ามาเฉ่ง รื้อเสื้อผ้าตุ้ม เอายัดใส่กระเป๋าเสื้อผ้า
“อย่ายุ่งกับของ ๆ ชั้นนะเจ๊” ตุ้มโมโห
“บ้านชั้นไม่ใช่สถานสงเคราะห์ หล่อนได้อยู่ฟรี ในเมื่อหล่อนไม่ทำงาน ไม่ยอมซ้อมลิเก หล่อนก็ไม่มีสิทธิ์อยู่”
ฟ้าประทานตามเข้ามา
ตุ้มหันไปฟ้อง “ฟ้าประทาน เจ๊ทรงงามจะไล่ชั้นออกจากบ้าน”
“ฟ้าประทานเห็นใจเจ๊นะจ๊ะ เจ๊ไม่อยากอยู่ร่วมบ้านกับเมียเก่าฟ้าประทาน”
ตุ้มกลัวโดน อเปหิ ออกจากบ้าน บีบน้ำตาให้ฟ้าประทานสงสาร
ทรงงามไม่สน “ไปเล่นบทโศกในวิกลิเกเถอะย่ะ”
“เจ๊ครับ ผมกับตุ้ม เราจบกันไปแล้ว ตอนนี้ตุ้มเป็นแค่ลูกคณะผม”
ตุ้มฟังแล้วสะเทือนใจ ตอนนี้ฟ้าประทานเห็นตนเป็นเพียงลูกคณะ
“ในฐานะที่ผมเป็นหัวหน้าคณะ ต้องดูแลลูกคณะให้ดี ไม่ให้ใครว่าลับหลังได้ ทิ้งให้ลูกคณะลำบาก ตุ้มไม่มีที่ไป ให้ตุ้มอยู่บ้านนี้เถอะนะครับ”
ทรงงามฮึดฮัด “เจ๊จะหาห้องเช่าให้ตุ้มอยู่”
“ครูเทียมเลี้ยงคนไว้ในบ้าน ภาพลักษณ์เป็นคนมีเมตตา คนลิเกเลยรัก นับถือผมอยากเป็นที่นับหน้าถือตาเหมือนครูเทียม ไล่ตุ้มออกไป ภาพพจน์ผมต้องเสียหาย” ฟ้าประทานอ้อน
เจ๊ทรงงามใจจำยอม กัดฟันพูด “ก็ได้! ให้แม่นี่อยู่บ้านเจ๊ก็ได้”
เจ๊ทรงงามไม่ได้อย่างใจ กระฟัดกระเฟียดออกไป ฟ้าประทานจะตามไป ตุ้มจับมือฟ้าประทานไว้
“ฟ้าประทาน ที่ฟ้าประทานไม่ไล่ชั้นไป เพราะยังรักชั้นอยู่ใช่มั้ยจ๊ะ”
ตุ้มสบตาฟ้าประทาน หวังจะได้คำตอบที่อยากได้ยิน ว่ายังรัก ฟ้าประทานไม่ยอมตอบคำถามตุ้ม เดินหนีออกไป ทำเอาตุ้มซึมไปเลย
ฟ้าประทานออกมายืนหน้าประตู รำพึงเบาๆ
“ตุ้ม ผมไม่มีเยื่อใยกับตุ้ม ก็ปล่อยให้เจ๊ทรงงามไล่ตุ้มไปแล้ว”
ฟ้าประทานแววตาอ่อนโยนลงเมื่อไม่ได้อยู่ต่อหน้าตุ้ม

ตกตอนกลางคืน ครูเทียมเดินเข้ามาในห้องฟ้าประทาน เพราะคิดถึงเจ้าของห้อง เตียงนอนไม่มีหมอน ไม่มีผ้าปู เจ้าของห้องไปจากบ้านหลังนี้แล้ว ครูสะท้อนใจ คิดถึงและเป็นห่วงฟ้าประทาน จอมนางเข้ามาหาปู่ เห็นปู่ซึม ก็รู้ว่าคิดถึงฟ้าประทาน
“ฟ้าประทานคงไม่คิดถึงปู่ เหมือนที่ปู่คิดถึงฟ้าประทานนะจ๊ะ”
“มันเป็นธรรมดา ผู้ใหญ่มักคิดถึงเด็กที่เลี้ยงดูมา แต่เด็ก พอโตขึ้น ไปมีชีวิตของตัวเอง ก็ลืมมือที่เคยอุ้มชู”
จอมนางกอดประจบ เอาใจปู่ “ชั้นไม่เคยลืมปู่จ้ะ”
“ก็เอ็งอยู่กับปู่ทุกวัน ปู่เห็นหน้าเอ็งจนเบื่อ”
จอมนางยิ้มแฉ่ง รู้ว่าปู่พูดเล่น
“ปู่จ๋า เราให้พวกน้ากำจายมานอนห้องนี้มั้ยจ๊ะ นอนรวมกันห้องข้างล่างตั้ง 4 คน เบียด...”
ครูเทียมขัดขึ้น “ปู่อยากเก็บห้องนี้ไว้ก่อน”
“ตามใจปู่จ้ะ ไปนอนเถอะจ้ะ”
จอมนางปิดไฟ พาปู่ออกไป ครูเทียมไม่วายหันมามองห้อง อาลัยอาวรณ์ คิดถึงเจ้าของห้อง

ต่างจากฟ้าประทานที่ไม่ได้คิดถึงครูเทียมและบ้านลิเกแม้แต่น้อย รู้สึกแฮปปี้กับห้องนอนใหม่หรูหรา ติดแอร์เย็นฉ่ำ ฟ้าประทานยิ้มย่องมองแอร์ที่อยากได้มานาน
“นอนสบายกว่าอยู่บ้านครูเทียมร้อยเท่าแอร์เย็นฉ่ำ”
ขณะที่ฟ้าประทานนอนตากแอร์สบายอารมณ์บนเตียง มีเสียงเคาะประตูหน้าห้อง 3 ที ก๊อกๆๆ
“ต้องเป็นตุ้ม” ฟ้าประทานไม่ลุกไปเปิดประตูให้
ตุ้มในชุดนอน เคาะประตูห้องฟ้าประทานอีกรอบ ก๊อกๆๆ แต่ฟ้าประทานไม่ยอมมาเปิดประตูให้
สักครู่ เจ๊ทรงงามในชุดนอนย่องมาห้องฟ้าประทาน ปะหน้าตุ้มที่มาก่อนก็ค้อนควัก
“มาทำอะไรยะ”
“แล้วเจ๊ล่ะ มาทำอะไร” ตุ้มย้อน
“มา...อืม...มาคุยเรื่องคณะ”
ตุ้มค้อน ย้อนกลับปากดีใส่ “เที่ยงคืนเนี่ยนะ เจ๊ ชั้นขอพูดจากใจจริงเลยนะ อายุอย่างเจ๊น่ะ ควรเข้าวัดเข้าวา ไม่ใช่ดอดเข้าห้องผู้ชายดึกๆ ดื่นๆ ปูนนี้แล้ว ปลงสังขารซะมั่ง”
“หนอยนังตุ้ม! อาศัยบ้านชั้นอยู่ แล้วยังปากดีใส่ชั้นอีกแน่ะ”
เจ๊ทรงงามโกรธ เอามือบีบปากตุ้ม แต่ตุ้มดึงมือเจ๊ออก สองสาวสู้กัน หยิกหน้า บิดหู ดึงผมกันท่าทางน่าขำ

เจ๊ทรงงามกับตุ้มตบตีดันกันไปมา ตัวกระแทกผนังบ้าน เสียงดังปึงปัง

ฟ้าประทานอยู่บนเตียงในห้อง ได้ยินเสียงปึงปังจากหน้าห้อง เขาถอนใจเฮือก รู้ทันทีว่าตุ้มกับเจ๊ทรงงามตีกัน

“เป็นเรื่องแล้วไง”
ฟ้าประทานเปิดประตูผัวะออกมา เห็นตุ้มกับเจ๊ทรงงามกำลังจิกหัวกัน ฟ้าประทานเข้าห้าม โดนลูกหลง เจอเล็บสาวๆ ข่วนหน้า
“โอ๊ย”
ตุ้มตกใจ “เป็นแผลหรือเปล่า”
เจ๊ทรงงามตกใจไม่ต่างกัน “เลือดออกมั้ยจ๊ะ”
ฟ้าประทานขอร้อง “ผมขอละ อย่าตีกัน กลับไปนอน”
ตุ้มกับอีเจ๊ทรงงามค้อนกันขวับๆ แยกย้ายกันกลับห้อง
ฟ้าประทานมองตาม ยกมือแตะใบหน้าตรงที่ถูกเล็บข่วน เจ็บนิดๆ

กลางดึกวันนี้หลงตั้งอกตั้งใจฝึกลิเกทั้งวัน ดึกดื่นก็ยังไม่นอน เอากลอนลิเกมาหัดร้องคนเดียว หลงหัดร้องกลอนลิเก แต่ดันร้องผิด
“จำบทนี้ไม่ได้ซะที” นึกแล้วรู้สึกท้อ “ต้องเป็นพระเอกลิเกในไม่กี่เดือน ซุปเปอร์แมนยังทำไม่ได้”
หลงจะเลิกซ้อม ปิดปึกกระดาษบทกลอนลิเก จะกลับไปนอน พลันหลงนึกถึงความหวังชาวคณะเทียมฟ้าที่ฝากหวังที่ตน
เสียงชาวคณะดังก้องเข้ามาในโสตประสาท
เริ่มจากครูเทียม “ความเป็นความตายของเทียมฟ้า ขึ้นอยู่กับเอ็ง”
น้ากำจายว่า “ข้ารู้ว่าหนัก ว่าเหนื่อย ขอให้เอ็งอดทน ทำเพื่อพวกเรา”
โก่งบอก “ชีวิตข้า อยู่ในมือเอ็งแล้วนะหลง”
ตามด้วยโก๊ะ “ปากท้องชั้น ขึ้นอยู่กับพี่แล้วนะพี่”
และกระแต “พี่หลงต้องทำให้ได้ เพื่อความอยู่รอดของคณะเทียมฟ้า”
สุดท้ายเป็นจอมนาง “พวกเราเชื่อในตัวพี่นะจ๊ะ”
หลงสำนึกถึงความรับผิดชอบ การทำเพื่อคนอื่นบอกกับตัวเองว่า
“เราหนีร้อนมาพึ่งเย็นที่บ้านลิเก ทุกคนดีกับเรามาก วันนี้บ้านลิเกมีปัญหา เราต้องตอบแทนบุญคุณ ช่วยให้บ้านลิเกผ่านช่วงวิกฤต เราต้องเรียนลัดเป็นพระเอกลิเกให้ได้”
ด้วยต้องการทดแทนบุญคุณทุกคนบ้านลิเก ทำให้หลงมุ่งมั่นฝึกซ้อมร้องลิเก เปิดปึกกระดาษกลอนลิเก หัดร้องต่อ
คราวนี้หลงหัดร้องลิเกอย่างมุ่งมั่นตั้งใจมากๆ

รุ่งเช้ากระแตห่อขนมกล้วยอยู่ในครัว โก่งกับโก๊ะเป็นลูกมือช่วย สักครู่กำจายเดินเข้ามาเมียงมอง
“พวกเอ็งทำอะไรน่ะ”
“ขนมกล้วยจ้ะ จะเอาไปฝากขายที่ตลาด หาเงินค่ากับข้าว ค่าน้ำ ค่าไฟ”
“เอ็งนี่ขยันนะกระแต ไม่เคยอยู่ว่างๆ” จำกายไอแคกๆๆ เจ็บคออย่างเก่า
“พี่กำจายน่าจะไปโรงพยาบาลกับครูเทียม ให้หมอดูคอ ไอไม่เลิกซะที” โก่งเป็นห่วง
“ข้ามีเงินค่าหยูกยาซะที่ไหน”
“หลวงเค้ารักษาฟรีจ้ะน้า” โก๊ะบอก
“ยาบางตัวมันก็ไม่ฟรีเว้ย แล้วนี่ใครพาครูไปหาหมอ”

ขณะเดียวกัน เป็นหลงกับจอมนางที่พาครูเทียมมาโรงพยาบาล หมอตรวจมือขวาครูเทียมข้างที่สั่น แล้ววินิจฉัยอาการ
“ที่มือขวาสั่นมากขึ้น เพราะไม่กินยาครับ” หมอบอก
“แสดงว่า กินยาแล้ว มือปู่จะหายสั่นใช่มั้ยจ๊ะ”
หมออธิบาย “โรคพาร์กินสัน เป็นแล้วไม่หายครับ การกินยาช่วยควบคุมไม่ให้อาการรุนแรงขึ้นเท่านั้น”
“ต่อไปนี้ปู่ต้องกินยาตามหมอสั่ง ห้ามหยุดกินเป็นอันขาด” จอมนางดุปู่ จริงจัง
“ปู่รู้แล้ว”
“หมอครับ พอรับยาแล้ว ให้ครูเทียมกินยาเลยได้มั้ยครับ”
“ได้ครับ”

สามคนอยู่ตรงโถงรับยา ครูเทียมกินยารักษาโรคพาร์กินสันทันที
ครูเทียมพูดเล่นขำๆ “ยาเทวดาแท้ๆ กินปุ๊บ มือสั่นน้อยลงทันที”
“จริงหรอจ๊ะ”
หลงกับจอมนางใจตรงกัน จับมือขวาครูเทียมหมับ เพื่อพิสูจน์ มือหลงกับมือจอมนางจับมือครูเทียมพร้อมกัน เลยกลายเป็นทั้งคู่จับมือกัน มือหลงอยู่บนมือจอมนาง
ทั้งคู่ต่างตกใจที่จับมือกัน แต่ไม่เอามือออก หลงกุมมือจอมนางไว้อย่างนั้นโดยมือครูเทียมอยู่ล่างสุด
หลงสบตาจอมนางนิ่ง จอมนางเขิน เป็นฝ่ายหลบตาหลงก่อน หลงเผลออมยิ้มเอ็นดู สองคนเคลิ้มจนลืมไปว่า ครูเทียมอยู่ตรงนี้ด้วย
ครูเทียมเกิดหวงหลานสาวกะทันหัน เลยแกล้งสั่นมือขวาแรงๆ ให้ไอ้หลงมันรู้สึกตัว หลงรีบปล่อยมือจอมนางทันที

ครูเทียมพูดทีเล่นทีจริง “หลงเอ๊ย มือข้าสั่น แต่ขาไม่สั่น ยังเตะคนได้นะ”
หลงหัวเราะกลบเกลื่อนความผิด ดันจับมือหลานสาวเค้าต่อหน้าปู่ ส่วนจอมนางเขิน ไม่กล้ามองหน้าปู่ ไม่กล้ามองหน้าพี่หลง
ครูเทียมเห็นกิริยาจอมนาง ก็รู้ว่าหลานสาวจอมแสบชอบไอ้เจ้าหลงเข้าให้แล้ว

ไม่นานต่อมา หลงกับจอมนางพาครูเทียมกลับมาจากโรงพยาบาล จอมนางหิ้วถุงยาลงจากรถ กระแตกับกำจายมารับหน้า ครูเทียมอยากรู้อาการป่วย
“หมอว่ายังไงบ้างจ๊ะ มือปู่จะหายสั่นมั้ย”
“ไม่หาย หมอให้ยามากิน พอบรรเทาอาการ”
“สั่นข้างเดียว ก็ยังดีกว่าสั่นทั้งสองข้างนะครู”
“มือข้าสั่นทั้งสองข้างเมื่อไหร่ ข้าจะไปรับจ้างเขย่าติ้ว หาลำไพ่พิเศษ”
“ปู่นี่น้า ชอบพูดเล่นอยู่เรื่อย 11 โมงกว่าแล้ว พี่หลงมีเวลาหัดร้องลิเกอีกครึ่งชั่วโมง ลุยกันเลยจ้ะ”

ต่อจากนั้น จอมนางสอนหลงร้องลิเก สองคนร้องบทเข้าพระเข้านาง มีครูเทียมกับกำจายดูหลงซ้อม กระแตไปตลาดแล้ว
“ดูหลงมันตั้งใจมากนะจ๊ะครู”
“สุนทรภู่ว่าไว้ อันเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน ข้าขอให้ใจของเจ้าหลงไม่เลี้ยวลดเหมือนเถาวัลย์ ขอให้มีใจซื่อตรง เป็นคนดีอย่างแท้จริง”
กำจายมองไม่เข้าใจ ครูเทียมพูดจากำกวมชอบกล

ครูเทียมมองหลงกับจอมนางอย่างอดกังวลไม่ได้ ห่วงหลานสาวที่อาจต้องผิดหวังเสียใจเพราะหลง ไอ้หนุ่มหลงทางความจำเสื่อม!

อ่านต่อตอนที่ 11
กำลังโหลดความคิดเห็น