ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 10
โก๊ะคดข้าวใส่จาน ราดกับข้าวที่เหลือนิดหน่อย ส่งจานให้กำจายที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านหิวซก กำจายมองจานข้าวบ่นอุบ
“ไรวะ เหลือให้ข้าแค่เนี้ย”
“เมื่อเช้ามีกับข้าวแค่ 2 อย่าง แทบไม่พอกิน แบ่งไว้ให้น้าก็ดีถมแล้ว น้าแว้บไปไหนมา” โก๊ะบอก
“ข้าไปสืบเรื่องฟ้าประทานกับเจ๊ทรงงาม สองคนนั่นมีความลับ”
“มันไม่มีอะไรในกอไผ่หรอก แค่ฝ่ายหญิงอยากเคลม ฝ่ายชายก็อยากหลอกเงิน”
“เออนี่น้า ชั้นได้ยินตุ้มคุยโทรศัพท์กับฟ้าประทาน ว่าจะย้ายไปอยู่ด้วยกัน แล้วที่เด็ดสุด เจ๊ทรงงามจะซื้อเรือนหอให้มันสองคน...โง่จริงๆ” โก่งคุ้ยฟุ้ง
“เอ็งนั่นแหละโง่! เจ๊ทรงงาม หวงฟ้าประทานอย่างกับแม่หมาลูกอ่อนหวงลูก ไม่มีทางซื้อเรือนหอให้หรอก”
“ชั้นก็ได้ยินนะพี่กำจาย ตุ้มถามฟ้าประทานว่า เจ๊ทรงงามยอมลงเงินให้แล้วเหรอ”
“ลงเงินให้...นังตุ้มมันอาจหมายถึงอย่างอื่น”
กำจายครุ่นคิด ขมวดคิ้วนิ่วหน้า หมายถึงอะไรหว่า? โก่งกะโก๊ะส่ายหน้า ที่กำจายไม่ยอมเชื่อ
ฝ่ายพร้อมพงศ์มาเลือกซื้อกับข้าวไปให้ลูกชายที่บ้านลิเก
“ร้านนี้ไม่มีของชอบไอ้เทพเลย”
พร้อมพงศ์ไปเดินดูกับข้าวร้านอื่น
บ้านลิเกกำลังเตรียมงานบูชาครู หลงฉีกใบตอง ให้จอมนางกับกระแตห่อใบตองเป็นกรวย ทำบายศรีบูชาครู กระแตนั้นเก่งการเรือน คล่องแคล่วกว่าจอมนาง
ครูเทียมเข้าพากับพร้อมพงศ์ ที่หิ้วกับข้าว หิ้วขนม มาเต็มมือ
“พงศ์หิ้วของกินมาฝากอีกแล้ว”
หลงยิ้มขอบคุณพ่อ รู้ว่าพ่อตั้งใจซื้อของกินมาให้เขา
“ลุงซื้อขนมมาด้วย กินกันเลยนะ”
“ชั้นเอาไปใส่จานให้จ้ะ”
กระแตลุกมารับถุงกับข้าวถุงขนม หิ้วคนเดียวไม่หมดหันมาทางหลง
“พี่หลงช่วยทีจ้ะ”
หลงช่วยกระแตหิ้วถุงเข้าครัวไป
“ทำบายศรีรับขวัญใครจ๊ะหนู”
“บายศรีบูชาครูจ้ะ”
“พรุ่งนี้ที่บ้านจัดงานบูชาครู เชิญพงศ์มางานด้วยนะ ไม่ได้เป็นลิเก ก็บูชาครูได้เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต”
“ผมมาแน่ครับ”
พร้อมพงศ์มองตามลูกชาย อยากไปคุยด้วย
หลงกับกระแตช่วยกันแกะขนมใส่จาน พร้อมพงศ์มาช่วยแกะ
“ลุงพงศ์ไม่ต้องจ้ะ ซื้อมาให้แล้วยังจะมาช่วยใส่จานให้อีก”
พร้อมพงศ์หาเหตุให้กระแตออกไป จะคุยกับลูก “หนู ลุงปวดท้อง มียาธาตุมั้ย”
“มีจ้ะ ชั้นไปหยิบให้”
กระแตออกไป พงศ์เทพรู้ทันพ่อ “ให้กระแตออกไป พ่อมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมครับ”
พร้อมพงศ์พูดจริงจัง “เทพ เอ็งทนอดอยากได้ แต่พ่อทนเห็นเอ็งอดอยากไม่ได้กลับกรุงเทพฯเถอะ”
“แล้วไปเกาะเสี่ยกินน่ะเหรอพ่อ ผมยอมอดอยากดีกว่า พ่อไม่ต้องซื้อของกินมาให้ผมอีกนะ เก็บเงินไว้กินไว้ใช้ของตัวเองเถอะ ผมรู้ พ่อไม่ค่อยมีตังค์”
“เอ็งไม่อยากเกาะเสี่ยกิน ก็ช่วยเสี่ยทำงาน” พร้อมพงศ์ไม่ลดละ
“คุมบ่อน คุมบาร์ ทวงหนี้ชาวบ้าน งานสุจริตทั้งน้าน” พงศ์เทพประชด
กระแตเอายาธาตุมาให้พร้อมพงศ์ สองพ่อลูกเลยต้องเลิกคุยกัน
“แก้วเดียวก็พอนะจ๊ะ ไม่หายค่อยกินอีกแก้ว”
กระแตเทยาธาตุใส่แก้วให้ พร้อมพงศ์จำต้องซดยาธาตุเพื่อไม่ให้กระแตสงสัย
ด้านฟ้าประทานขับรถพาเจ๊ทรงงามกลับมาส่งบ้านตอนค่ำ
“พรุ่งนี้ผมจะมารับเจ๊ไปเต็นท์รถนะครับ เราต้องซื้อรถตู้คณะ”
เจ๊ทรงงามไม่อยากเสียตังค์ “เช่าเค้าไปก่อนเถอะจ้ะ”
“เดินสายรับงาน เสียค่าเช่ารถเดือนนึงหลายหมื่น เท่ากับค่าผ่อนรถนะครับ”
“เจ๊รู้จักพวกวินรถตู้ พอคุยราคาเหมาให้ได้”
ฟ้าประทานดึงดันจะซื้อรถตู้ให้ได้ “เข้าไปคุยในบ้านกันเถอะครับ ผมจะนวดหลังให้เจ๊ด้วย วันนี้พาเจ๊นั่งรถไปตระเวนดูของทั้งวัน เจ๊คงเมื่อยน่าดู”
“ต้องนวดให้เจ๊หายเมื่อยน้า ไม่หายล่ะก็ เจ๊ไม่ปล่อยกลับบ้าน” อีเจ๊ยิ้มกริ่มตาเป็นประกายวิบวับ
“หมอนวดแผนไทยคนนี้ บริการเต็มที่คร๊าบ”
เจ๊ทรงยิ้มแต้ควงแขนฟ้าประทานเข้าบ้าน
ส่วนที่บ้านลิเกเทียมฟ้า ครูเทียมสอนพร้อมพงศ์ตีระนาด ตีไล่คู่ 8 นั่นคือการตีลูกระนาดที่ห่างกัน 8 ลูก โดยตีไล่เป็นคู่ๆ หลงเฝ้าพ่ออยู่ด้วย ป้องกันพ่อแฉ พร้อมพงศ์ตีระนาดผิดคู่
ครูเทียมร้องขึ้น “เพี้ยน”
“สอนผมตีเป็นเพลงเลยไม่ได้เหรอครับครู” พร้อมพงศ์บอก
“ตีไล่คู่ 8 ไม่ได้ ก็ตีระนาดเป็นเพลงไม่ได้”
จู่ๆ ไฟดับพรึบทั้งบ้าน แสงจากถนน และแสงจันทร์ทำให้พอมองเห็นกัน
“ผมไปดูคัทเอ้าท์ให้ครับ” หลงขยับ
จอมนางบอกหน้าจ๋อย “ไม่ต้องจ้ะพี่หลง ชั้นไม่ได้จ่ายค่าไฟ บ้านโดนตัดไฟน่ะจ้ะ”
“เมื่อเช้าปู่ให้เงินเอ็งไปจ่ายค่าไฟ ลืมเหรอ”
“เปล่าจ้ะ ชั้นเก็บเงินไว้เป็นค่ากับข้าว คิดว่าหลวงยังไม่น่าจะตัดไฟเร็วๆ นี้”
หลงกับจอมนางจุดเทียนมาตั้งให้แสง
“เอาเทียนไปให้คนอื่นเหรอยัง” ครูถามหลานสาว
“ให้แล้วจ้ะปู่”
“โทษทีนะพงศ์ มาเที่ยวบ้านครู เจอวันที่น้ำประปาไม่ไหล มาวันนี้ไฟดับอีก”
พร้อมพงศ์ฝืนยิ้ม “ไม่เป็นไรครับครู”
ครูเทียมตีระนาดให้พร้อมพงศ์ฟัง
“จุดเทียนฟังเสียงระนาดแล้ว...ฟินมั้ย”
“แหม...รู้ศัพท์แสงวัยรุ่นด้วยนะปู่”
ครูเทียม หลง จอมนาง หัวเราะครืน พร้อมพงศ์ขำไม่ออก มาเห็นลูกชายลำบาก ทั้งบ้านโดนตัดน้ำตัดไฟ แถมไม่มีจะกิน พร้อมพงศ์หันมามองหน้าพงศ์เทพในแสงเทียน สงสารลูกชายจับใจ
พร้อมพงศ์กลับมาบ้านตอนกลางคืน เอาแต่นั่งซึมกะทือ สงสารลูกชายอยู่บ้านลิเกแสนลำบาก เจ๋งกำลังแฮปปี้ นับเงินที่ขายเสื้อยืดได้ ไม่ทันดูท่าทางลุง
“วันนี้เสื้อขายดีมากลุง ลุงไปไหนมา ผมกลับมาบ้านไม่เจอ”
“ลุงว่าบ้านเราลำบากแล้ว บ้านลิเกลำบากกว่าหลายเท่า”
เจ๋งงง “ลุงบ่นไรเนี่ย”
“ถ้าเทพมันไม่มีทางเลือก ลุงจะไม่บ่นเลย แต่นี่มันมี มันยอมแต่งงานกับเหมยฮัว มันก็อยู่สุขสบายอย่างกับราชา มันเลือกอยู่ที่นี่ มันก็อยู่เหมือนยาจก”
“ถึงเป็นยาจก แต่พี่เทพแกก็สุขใจนะลุง”
“ลุงอาจเป็นพ่อที่ไม่ดีซักเท่าไหร่ เลี้ยงลูกมาแบบแกนๆ หาเงินซักหน้าไม่ถึงหลัง แต่ลุงไม่เคยให้เทพอดอยาก ไม่เคยให้บ้านโดนตัดน้ำตัดไฟ เวลาเห็นลูกลำบาก คนเป็นพ่อก็สะเทือนใจ พ่อแม่ทุกคนอยากเห็นลูกมีชีวิตที่ดี มีหลักฐานมั่นคง เมื่อเทพเลือกทางผิด ลุงก็อาจต้องเป็นคนเลือกให้มัน”
พร้อมพงศ์หน้าตาซีเรียส พูดจริงจัง อยากโทร.ไปบอกเสี่ยเต๊กให้มาจับลูกชายกลับไปแต่งงาน
กลางดึก พร้อมพงศ์ข่มตานอนไม่หลับ สงสารลูกชาย พร้อมพงศ์นึกถึงความลำบากของลูกที่บ้านลิเก ตั้งแต่ตอนพงศ์เทพหิ้วถังน้ำจากคลองมาเทใส่ตุ่ม ท่าทางเหน็ดเหนื่อย
ตอนครูเทียมบอก “บ้านน้ำโดนตัดน่ะ เพิ่งไปจ่ายค่าน้ำเมื่อเช้า พรุ่งนี้ประปาถึงมาต่อมิเตอร์ วันนี้ต้องตักน้ำในคลองขึ้นมาใช้ก่อน”
พร้อมพงศ์มองลูกชายกระมิดกระเมี้ยนอาบน้ำริมคลอง ด้วยความสงสาร
แถมไฟบ้านครูเทียมดับ
“โทษทีนะพงศ์ มาเที่ยวบ้านครู เจอทั้งวันที่น้ำประปาไม่ไหล มาวันนี้ไฟดับอีก”
พร้อมพงศ์สะเทือนใจสุดจะประมาณ ลูกชายอยู่อย่างอัตคัดขัดสน ตัดสินใจเด็ดขาด ต้องดึงลูกออกมาจากบ้านลิเกให้ได้
อ่านต่อหน้า 2
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 10 (ต่อ)
เช้าวันนี้ บ้านลิเกเตรียมงานไหว้ครู ทุกคนใส่ชุดขาว ครูเทียมอัญเชิญพ่อแก่มาตั้งบนแท่น โดยโต๊ะหมู่บูชาถูกจัดเรียบร้อยแล้ว โก่งกับโก๊ะ ช่วยกันทยอยยกไก่ต้ม เป็ดต้ม ออกมาจากในครัว เป็นเครื่องสังเวยเตรียมให้พราหมณ์ถวายพ่อแก่
“วางเครื่องสังเวยไว้ด้านข้าง ตอนยกถวายพ่อแก่ได้สะดวก” ครูบอก
หลงกับจอมนางเพิ่งกลับมาจากข้างนอก
“จ่ายเงินค่าไฟที่เซเว่นฯ แล้วจ้ะปู่ แต่ต้องรอการไฟฟ้าเปิด ถึงโทร.ไปตามให้มาติดมิเตอร์ไฟได้”
กำจายยกหัวหมูมาจากในครัว พลางต่อว่าจอมนาง
“เอ็งน่ะงกเงินเกินเหตุ ไม่ยอมจ่ายค่าไฟ รู้ทั้งรู้ บ้านเราจะมีงานวันนี้”
จอมนางเถียง “ใครจะไปรู้เล่าน้า เค้าจะตัดไฟเมื่อวาน”
“วันนี้วันดี วันมงคล อย่าเถียงกัน จงคิดดี ทำดี พูดดี”
ครูเทียมตัดความ พร้อมกับระบายยิ้มเต็มหน้า ขณะรับหัวหมูจากกำจาย แต่ด้วยความที่มือขวาครูเทียมสั่น อ่อนแรง จึงเกือบทำหัวหมูหล่น
กำจายตกใจร้องอุทาน “ตาเถรตก”
“ตาเถรหลังวัดแกม่องเท่งไปนานแล้ว แกมางานนี้ล่ะก็ ข้าจะเผ่นคนแรกเลย”
ทุกคนหัวเราะมุกครูเทียม โก่งมารับหัวหมูไปวางแทน หลงช่วยพวกน้ากำจายยกเครื่องสังเวยมาจากในครัว มีขนมต้มแดง ต้มขาว ผลไม้มงคล 9 อย่าง อาทิเช่น ขนุน ลูกพลับ
จอมนางมองสังเกตอย่างติดค้างในใจ ที่ปู่จัดเครื่องสังเวยโดยใช้มือซ้ายมือเดียว เหมือนมือขวาปู่มีปัญหา
กระแตยังขลุกอยู่ในครัว ใส่ชุดขาวหั่นหมูเป็นชิ้นๆ วันนี้จะทำข้าวผัดหมูเลี้ยงแขก จอมนางเข้ามาหาพี่
“ช่วยพี่ล้างผักหน่อยจอม”
จอมนางล้างผักไปคุยไป “พี่กระแตเคยสังเกตมือขวาปู่มั้ยจ๊ะ ไม่ค่อยมีแรง เมื่อกี้ปู่ยกหัวหมูไม่ไหว”
“พี่เองก็ยกแทบไม่ไหว หนักจะตาย”
“ปู่เป็นผู้ชาย ถึงแก่แล้ว ก็แรงดีกว่าผู้หญิง
จอมนางกังวลใจไม่หาย ปู่จะเป็นอะไรหรือเปล่า
ด้านหลงช่วยครูเทียมจัดเรียงจานเครื่องสังเวย แยกของคาวของหวาน โดยครูเทียมชี้นิ้วสั่ง ไม่ยกไม่จับจาน กลัวทำจานหล่น
“เอาขนมต้มมาวางข้างของหวาน”
พร้อมพงศ์กับเจ๋งเดินเข้ามา สองคนใส่ชุดขาว หลงเหล่พ่อเล็กน้อย วันงานก็ยังอุตสาห์มาเนอะ
“สวัสดีครับครู มีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับ” พร้อมพงศ์ยิ้มทัก
“ไปนั่งเฉยๆ เถอะพงศ์ เมื่อวานครูลืมบอกให้ใส่ชุดขาวมา พงศ์รู้ด้วยเหรอ งานครอบครูต้องใส่ชุดขาว”
“ไปงานครอบครูคณะลิเกมาหลายคณะแล้วครับ” พร้อมพงศ์ว่า
“ลุงพงศ์แกไปกินฟรีน่ะครับ” เจ๋งเหน็บ
“ไอ้เจ๋ง” พร้อมพงศ์หันมาบอกครูเทียม “หลานชายผมครับ ความหล่อระดับประถม แต่ฝีปากระดับมัธยม”
ครูเทียมหัวเราะ เรียกหลง “หลงเอ๊ย ไปยกพัดลมมาเปิดให้พงศ์กับหลาน”
หลงบอก “ไฟยังไม่มาครับครู”
“วันนี้มีงาน ไฟไม่มา แล้วจะทำยังไงครับ” พร้อมพงศ์ถาม
“ไปจ่ายค่าไฟแล้ว อีกเดี๋ยวไฟก็สว่างพรึบทั่วบ้าน”
ครูเทียมดูไม่กังวล มองโลกแง่ดีอยู่เป็นนิจ ครูเทียมกับหลงช่วยกันจัดแยกจานเครื่องสังเวยต่อ
พร้อมพงศ์มองพงศ์เทพด้วยสายตาเป็นห่วง ไม่อยากเห็นลูกชายลำบากอยู่บ้านลิเกอีกต่อไป
หลงยกลำโพงมาต่อ เพื่อใช้ในงานครอบครู พร้อมพงศ์เดินมาหาลูกชาย กระซิบถามหยั่งเชิงด้วยความเป็นห่วง
“เทพ บ้านลิเกอัตคัดขัดสน เอ็งทนอยู่ไหวหรอ”
“คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยากครับ”
“มันไม่ใช่แค่คับที่ มันถึงกับไม่มีน้ำประปา ไม่มีไฟฟ้าใช้”
“น้ำประปาไม่ไหล ก็ใช้น้ำในคลองซีครับ ไฟดับ ก็ใช้เทียนไขแทน โรแมนติกออก”
พร้อมพงศ์หมั่นไส้ “ไม่มีจะกิน นี่โรแมนติกมั้ย”
“คนบางไทรใจดี ไปขอข้าวสารบ้านข้างๆ ได้ กับข้าว ก็มีผัก ที่จอมปลูกไว้ จิ้มกับน้ำพริกของกระแต อร่อยสุดๆ ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ ถึงท้องผมไม่อิ่มแต่ใจผมมันอิ่มจนเรอออกมาเป็นความสุข”
พงศ์เทพยิ้มสุขใจประหนึ่งว่าชีวิตไม่ลำบากแม้เพียงสักน้อย พร้อมพงศ์ถอยห่างออกไป ให้พงศ์เทพสวมบทหลงเดินสายไฟต่อลำโพง พร้อมพงศ์เห็นหน้าลูกชายระบายยิ้ม ดูมีความสุขซะเหลือเกินก็ยิ่งมั่นใจ บอกกับตัวเองในใจว่า
“ความสุขของเอ็งกับความสุขของพ่อไม่เหมือนกัน ความสุขของพ่อ คือได้เห็นเอ็งมีชีวิตอู้ฟู่หรูหรา เทพ พ่อต้องฉุดเอ็งขึ้นจากบ่อน้ำแห้งขอดบ่อนี้ ให้เอ็งไปอยู่ในบ่อน้ำที่อุดมสมบูรณ์”
พร้อมพงศ์ไปเดินหาเจ๋ง เพื่อเอากุญแจรถ จะไปหาเสี่ยเต๊กที่กรุงเทพฯ หลงเหลือบมองพ่อแวบหนึ่ง ไม่ได้ฉุกคิดว่าพ่อจะทำสิ่งที่เป็นภัยถึงตัว ก้มหน้าเดินสายต่อลำโพง
ฝ่ายกระแตง่วนอยู่หน้าเตา ผัดข้าวผัดเต็มกระทะไว้เลี้ยงแขก เจ๋งยิ้มเดินกรุ้มกริ่มขยับมาอยู่ใกล้ๆ หยิบชามมาตีไข่ให้ กระแตแย่งชามคืนมาตีไข่เอง เจ๋งเลยหันไปผัดข้าวให้แทน
“เอ๊ะ! บอกว่าไม่ต้องช่วยไง”
“ถึงไม่ Request ก็อยากช่วยครับ กับข้าวตั้งเยอะ คุณกระแตทำคนเดียวไม่ไหว”
กระแตตะโกนเรียกน้อง “จอม มาช่วยพี่ในครัวที จอม...”
พร้อมพงศ์เข้ามาหาเจ๋ง เห็นกระแตหน้าหงิกหน้างอ ก็รู้ว่าโดนเจ๋งกวนใจ
“ไอ้เจ๋ง อย่ากวนประสาทยัยหนูนี่ มากับลุง เอากุญแจรถมาให้ลุงด้วย ลุงจะไปข้างนอก”
เจ๋งทำหน้าเซ็ง โดนพร้อมพงศ์บังคับพาออกไป สวนกับจอมนางที่เข้ามา จอมนางลอบมองจับผิดพี่เจ๋ง เจ๋งไม่รู้ตัว
“พี่กระแต ชั้นสงสัยว่าพี่เจ๋งกับพี่หลงรู้จักกันมาก่อน ชั้นเคยเห็นพี่เจ๋งให้เงินพี่หลง”
จอมนางเล่าจนเห็นเป็นภาพตอนแอบตามหลงไป แล้วเห็นเจ๋งให้เงินหลง
“เวลาพี่เจ๋งมาคุยด้วย พี่กระแตหลอกถามถึงพี่หลง ช่วยหาหลักฐานแฉสองคนนั่นให้ทีสิจ๊ะ”
“ดูปากพี่นะจอม” กระแตพูดช้าๆ ชัดๆ “ให้พี่ตายดีกว่ายุ่งกับอีตานั่น”
ว่าพลางกระแตเทไข่ราดข้าวผัดในกระทะ คลุกให้เข้ากัน ไม่สนใจคุยกับจอมนางอีก จอมนางหน้ามุ่ย ที่กระแตไม่ยอมช่วย
พร้อมพงศ์สตาร์ทรถ เจ๋งตามมาด้วย ถามเซ็งๆ
“ลุงจะไปไหน”
พร้อมพงศ์โกหกว่า “ซื้อของ”
เจ๋งสงสัย “ซื้ออะไร”
พร้อมพงศ์ฉุนเจ๋งซักไซ้อยู่นั่น “ซื้อสก็อตเทปมาปิดปากเอ็ง ถามอยู่นั่นแหละ”
พอเครื่องติดพร้อมพงศ์ขับรถออกไป เจ๋งมองเหล่ กังวลใจ ว่าลุงพงศ์จะไปไหนหว่า ไม่ยอมบอก
ฟากหลงต่อสายลำโพงเสร็จแล้ว กำลังเสียบปลั๊กไมโครโฟน เจ๋งมารายงานหลงพูดกระซิบกระซาบ
“ข่าวด่วนพี่ ลุงพงศ์โกหกว่าไปซื้อของ แอบขับรถไปไหนไม่รู้”
“วันนี้วันดี พี่ไม่อยากมองแง่ร้าย รออีกซักพัก พ่อไม่กลับมา ค่อยโทร.หา พ่ออาจไปซื้อของจริงๆ เจ๋ง ไม่จำเป็นเอ็งอย่าคุยกับพี่ จอมนางจับผิดพี่กับเอ็งอยู่”
“อื้อหือ พี่นี่ หนีเสือปะจระเข้ชัดๆ”
เจ๋งเซ็งอีกรอบ แยกตัวไป หลงมองรอบๆ ไม่เห็นจอมนาง ก็คลายกังวลในใจ
ที่แท้จอมนางยอดนักสืบ แอบดูหลงอยู่มุมหนึ่ง และเห็นเหตุการณ์ตลอด เพียงแต่อยู่ไกล เลยไม่ได้ยินว่าคุยอะไรกัน
“แอบคุยงุบงิบๆ กันสองคน รู้จักกันมาก่อนชัวร์”
จอมนางมองหลงตาคว่ำ มุ่งมั่นมาดหมาย จะจับโกหกหลงให้ได้คามือ
อ่านต่อหน้า 3
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 10 (ต่อ)
เช้าวันเดียวกัน ฟ้าประทานแต่งชุดขาวอยู่ในห้อง พยายามโทร.หานางเอกลิเก ที่จะมาร่วมคณะ แต่โทร.ไม่ติด
ยินเสียงดังจากเครื่องว่า “มือถือที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”
ฟ้าประทานจะกดโทร.หาอีก ตุ้มในชุดขาวเดินเข้ามาในห้อง ตรงมาหา ถามด้วยอารมณ์หึง
“โทร.ตามอีเจ๊ทรงงามหรอ แหม ห่างกันไม่ได้เลยนะ”
ฟ้าประทานรำคาญตุ้ม “โทร.หานางเอกที่จะจ้างมาเล่นคณะผมน่ะ โทร.มาหลายวันแล้วติดต่อไม่ได้ซะที”
ตุ้มดักคอ “ฟ้าประทานจะจ้างนางเอกคนไหนมาเล่น ต้องให้ชั้นดูตัวก่อน สวยมากไม่เอา น่ารักเว่อร์ไม่เอา เอาหน้าตากลางๆ แบบที่แต่งหน้าลิเกแล้วขึ้น ล้างหน้าออกมาแล้วบ้านๆ เห็นมาหลายคู่แล้ว พระเอกนางเอกฟินกันนอกวิกลิเก”
ฟ้าประทานฝืนยิ้มตอบเอาใจ “คณะผมก็เหมือนคณะตุ้ม ตุ้มต้องมีสิทธิ์มีเสียงอยู่แล้วจ้ะ”
ยินเสียงดนตรีไทยบรรเลงดังมาจากข้างล่าง
“อุ๊ย งานใกล้เริ่มแล้ว”
ตุ้มหันไปส่องกระจกเช็คความสวยก่อนลงไปข้างล่าง ฟ้าประทานมองตามตุ้มด้วยแววตาโกรธขึ้ง ผิดกับคำหวานที่หยอดไปเมื่อครู่นี้ ตุ้มชักล้ำเส้น เจ้ากี้เจ้าการทำตัวเป็นเจ้าของชีวิตเค้ามากขึ้นทุกวัน
นักดนตรีไทยซ้อมบรรเลงเพลงถวายพ่อแก่ เสียงดนตรีไทยสร้างบรรยากาศให้บ้านงานคึกคัก ครูเทียมเดินมาหาโก่งที่กำลังปูเสื่อเตรียมให้แขกนั่ง
“เอ็งมัวทำอะไรอยู่ ขับรถไปรับพระที่วัด”
“ฤกษ์สวดตั้ง 9 โมง นี่เพิ่ง 8 โมงเองครู” โก่งท้วง
“ไปรอพระท่านที่วัด”
“จ้ะครู” โก่งมองหาโก๊ะ “ไอ้โก๊ะอยู่ไหน” พอไม่เห็นไอ้โก๊ะเลยส่งเสื่อให้ครูเทียมเฉย แล้วเดินออกไป
“ดูมัน ถือโอกาสใช้ครู”
แขกคนแรกมาถึง คือ เจ๊ทรงงาม วันนี้เจ๊แกจัดเต็ม สวยเริด ทาปากแดงแจ๊ด กะเด่นสุดในงาน
ครูเทียมยิ้มทัก “แหมะ เห็นปากแต่ไกลเลยนะทรงงาม”
“หน้าไม่เด้งแล้ว ขอปากสวยเด้งไว้ก่อนจ้ะครู”
ฟ้าประทานกับตุ้มเดินออกมาจากในบน ครูเทียมหันไปเห็น
“ฟ้าประทาน มาต้อนรับแขก”
“เชิญครับเจ๊”
ฟ้าประทานยิ้มแป้น พาเจ๊ทรงงามมานั่งบนเสื่อที่ปูไว้ ครูเทียมปูเสื่ออีกผืน ฟ้าประทานนั่งเฉยไม่ลุกไปช่วย ตุ้มต้องไปช่วยครูปูเสื่อ
เจ๊ทรงงามกระซิบฟ้าประทาน “เราจะบอกครูเทียมเรื่องแยกคณะเมื่อไหร่”
“รอให้ผมฟอร์มคณะเรียบร้อยก่อนครับ ตอนนี้ยังขาดนางเอกลิเก”
ฟ้าประทานมองครูเทียมปู่เสื่อ ท่าทีเรียบเฉย ไม่ได้รู้สึกผิด ที่จะทิ้งครูไป
ทางด้านพร้อมพงศ์แวะเอารถเติมน้ำยาแอร์ที่อู่ข้างทางระหว่างเข้ากรุงเทพฯ พร้อมพงศ์บ่นกับช่าง
“ไม่ติดว่าต้องไปเจอรถติด อากาศร้อนตับแตกที่กรุงเทพฯ ไม่เติมหรอก เปลืองตังค์”
“น้ำยาแอร์ร้านผม ถูกสุดในบางไทรแล้วนะครับพี่...เต็มแล้วครับ”
พร้อมพงศ์ทำหน้าเซ็ง ให้เงินค่าเติมน้ำยาแอร์ 400 บาท
“นามบัตรที่ร้านครับ รถเสีย รถมีปัญหา โทร.ตามได้ 24 ชั่วโมงครับ” ช่างบอก
พร้อมพงศ์เก็บนามบัตรอู่ซ่อมรถในกระเป๋าเสื้อก้าวขึ้นรถ เจ๋งโทร.มาพอดี พร้อมพงศ์ลังเล จะรับหรือไม่รับสายไอ้เจ๋งดี
พงศ์เทพกับเจ๋งแอบมาโทร.หาพร้อมพงศ์ พงศ์เทพเป็นคนโทร. แปลกใจที่พ่อไม่รับสาย กดโทร.อีกที
พร้อมพงศ์นั่งอยู่ในรถ เตรียมจะออกมาจากอู่ มีสายโทร.เข้ามาอีก
“มันต้องโทรมาจับผิด”
พร้อมพงศ์ปล่อยให้เสียงโทรศัพท์ดัง ไม่ยอมรับ พร้อมพงศ์ออกรถ เดินทางไปกรุงเทพฯ ต่อ
สองคนอยู่ตรงมุมลับตา บ้านครูเทียม เมื่อพ่อไม่ยอมรับสาย พงศ์เทพเลยเลิกโทร. สีหน้าเริ่มกังวล
“พ่อต้องแอบไปทำอะไรซักอย่าง”
“ลุงต้องไปหาเสี่ยเต๊ก” เจ๋งมั่นใจ
“ครูเทียมสอนให้พี่มองโลกแง่ดี พ่อพี่อาจไป...ไป...ไปปล่อยแก่” หลงหรือพงศ์เทพบอก
“เอาพี่เอา อยากหลอกตัวเองก็เชิญตามสบาย ผมไปก่อนนะพี่ จอมนางจ้องจับผิดพี่กับผมอยู่ แหมพี่...โดนหลายดอกเลยเนอะ”
เจ๋งเดินออกไป หลงหน้ามุ่ยเครียดเรื่องพ่อ ถูกไอ้เจ๋งซ้ำเติมอีก
วงดนตรีไทยยังบรรเลงซ้อมอยู่ ครูเทียมยืนรอรับแขก พวกฟ้าประทาน ตุ้ม และ ทรงงาม นั่งคุยกันเบาๆ บนเสื่อ
ตุ้มมองไป แล้วสงสารครู “ครูต้องเสียใจมาก ที่เราทิ้งครูไป”
“ลูกศิษย์เก่า ๆ ครูเทียม แยกตัวไปตั้งคณะของตัวเอง คนพวกนั้นผิดหรอตุ้ม” ฟ้าประทานฉุนนิดๆ
“ลูกศิษย์คนอื่นๆ ไม่ได้กินนอนอยู่บ้านครูเหมือนเรานี่จ๊ะ เราไม่มีพ่อไม่มีแม่ ครูเทียมชุบเลี้ยงเรามา ครูเป็นญาติผู้ใหญ่คนเดียวของเรา”
“คิดถึงครู ก็กลับมาเยี่ยมเยียนครูได้ แต่ไม่เห็นจำเป็นต้องจมปลักอยู่กับครูเพื่อตอบแทนบุญคุณ”
ทรงงามเห็นด้วย “ฟ้าประทานของเจ๊พูดถูก”
ฟ้าประทานกับตุ้มมองครูเทียมที่ยืนรอรับแขก แววตาทั้งคู่ที่มองครูแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ตุ้มนั้นมองด้วยแววตาที่รู้สึกผิดต่อครูเต็มๆ ส่วนฟ้าประทานเฉยๆ
ครูเทียมยิ้มแย้มต้อนรับลูกศิษย์ที่เพิ่งมาถึง
ลูกศิษย์ชาย 1 ไหว้ ทัก “เจอกันงานไหว้ครูปีละหน ครูเทียมดูสดใสแข็งแรงขึ้นทุกปีนะครับ”
“อยากสุขภาพดีสวนทางกับอายุแบบข้า ก็อย่าคิดเยอะคิดมาก หัวเราะกับชีวิต ชีวิตก็หัวเราะกับเรา” ชายชรายิ้มร่าอารมณ์ดีเป็นที่หนึ่ง
“ครูครับ เทียมฟ้าจะเปลี่ยนไปเล่นลิเกลูกบทหรอครับ” ลูกศิษย์ชาย 1 ถาม
ครูเทียมฉงน “ใครบอกเอ็ง”
“ฟ้าประทานสั่งชุดลิเกลูกบท ที่ร้านประจำที่ผมตัด”
ครูเทียมหน้านิ่ง ถามเสียงแผ่ว “เมื่อไหร่”
“หลายวันก่อนครับ ช่างบอกว่า ฟ้าประทานเร่งจะเอาชุดภายในเดือนนี้”
“เอ็งอย่าคุยเรื่องนี้กับใครล่ะ กับฟ้าประทานก็ห้ามคุย” ครูเทียมกำชับ ลูกศิษย์ชาย 1 พลางหันไปมองฟ้าประทานกำลังคุยซุบซิบกับเจ๊ทรงงาม “ฟ้าประทานอยากเก็บเรื่องนี้ความลับ ไอ้เจ้าลูกศิษย์คนนี้อยากเล่นลิเกลูกบทมานานแล้ว คราวนี้ได้เล่นสมใจ”
ครูเทียมมองฟ้าประทานด้วยแววตาแสนเจ็บปวด เจ้าฟ้าประทาน เด็กที่ครูเลี้ยงมา รักเหมือนหลาน กำลังจะทิ้งครูไป โดยไม่บอกกล่าวครูซักคำ
ในวงการลิเกแล้ว มันคือการหักหลังครูนั่นเอง
อ่านต่อหน้า 4
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 10 (ต่อ)
ครูเทียมปวดใจหลบขึ้นมานั่งซึมในห้องนอน เสียงดนตรีไทยจากข้างล่างดังแว่วขึ้นมา ชายชราเสียใจนัก เพิ่งรู้โดยบังเอิญว่าฟ้าประทานจะทิ้งครูและคณะไป
“ข้ารู้ ซักวันเอ็งต้องไป แต่เอ็งก็น่าจะบอกกล่าวข้าซักคำ”
บรรยากาศในงานด้านล่างคึกคักมากขึ้น แขก ลูกศิษย์ลูกหามาถึงกันหลายคนแล้ว ต่างนั่งจับกลุ่มนั่งคุยกันบนเสื่อ ฟ้าประทาน เจ๊ทรงงาม และตุ้ม ซุบซิบกันอยู่ 3 คนคุยเรื่องตั้งคณะลิเก พวกนักดนตรีไทยยังซ้อมบรรเลงอยู่เป็นระยะ
กำจายจ้องอยู่ ทำทีเป็นยกน้ำมาเสิร์ฟแขก จุดประสงค์แท้จริงคือ มาแอบฟังฟ้าประทานกับเจ๊ทรงงามคุยกัน
ทรงงามกระซิบฟ้าประทานว่า “เจ๊ไม่รู้เรตค่าตัวลิเก ฟ้าประทานคุยไปเลยนะจ๊ะ”
ฟ้าประทานกระซิบตอบ “ผมต้องให้ค่าตัวสูงหน่อยนะครับเจ๊ ล่อใจให้คนมาเล่นคณะเรา”
“เราอย่าคุยเรื่องนี้กันในงานเลยนะจ๊ะ นี่บ้านงานครูเทียม เห็นแก่ครูบ้าง” ตุ้มบอก
“ครูไม่ถือหรอก หล่อนถือ ก็ย้ายไปนั่งตรงอื่น จะได้ไม่ได้ยิน”
กำจายไม่ได้ยินพวกฟ้าประทานคุย เพราะเสียงดนตรีดังกลบหมด
“หยุดเล่นซักนาทีไม่ได้หรอวะ” กำจายบอก
ครูเทียมเดินหน้าตายิ้มแย้มลงจากบนบ้าน กำจายรีบมาหาครูเทียม
“ครู ฟ้าประทานกับเจ๊ทรงงามกำลังทำบางอย่างลับหลังเรา ชั้นตามสืบมาซักพักแล้ว ไม่รู้ความลับอะไร ครูเรียกฟ้าประทานไปถามให้รู้ดำรู้แดงเลยเหอะจ้ะ ชั้นสังหรณ์ใจยังไงชอบกล”
“วันนี้วันมงคล ให้คิดแต่สิ่งดีๆ”
ครูผละจากกำจายไปทักทายแขกเหรื่อ กำจายเซ็ง ครูไม่เล่นด้วย
ครูเทียมรับแขกอยู่ใกล้ๆ ฟ้าประทาน แต่ครูไม่ได้มองฟ้าประทานเลย ไม่ต้องการให้ฟ้าประทานเอะใจ ว่าครูรู้แล้วที่เขาจะทิ้งคณะเทียมฟ้าไป
กระแตกับโก๊ะช่วยกันยกหม้อข้าว กับข้าวมาตั้งตรงโต๊ะ มุมหนึ่งของงาน
กระแตตะโกนบอก “บริการตัวเองนะจ๊ะ จานช้อนเอามาให้พร้อมแล้ว”
นักดนตรีไทยและบรรดาแขกไปเข้าแถวตักข้าวกิน เจ๋งไปต่อแถวตักข้าวกับเขาด้วย
เจ๋งจีบกระแต “กับข้าวฝีมือคุณกระแต น่ากินทุกอย่างเลยครับ”
“ชั้นตักให้นะ”
“ชะอุ๊ย บริการผมเป็นพิเศษ”
กระแตตักข้าวราดพริกน้ำปลาให้ เจ๋งหน้าจ๋อย โก๊ะขำก๊าก
“กับข้าวไม่พอ มาตักใหม่ได้นะ ฮะๆๆๆ” โก๊ะหัวร่องอหาย
ระหว่างนี้นางเอกลิเกชื่อ เก๋ มาถึงงาน ครูเทียมไปต้อนรับ
“ปีนี้ลมอะไรหอบมาล่ะเก๋ ไม่มางานบ้านครูสองปีแล้ว”
“ปีก่อนๆ ติดงานน่ะจ้ะ”
“ไปหาข้าวกิน อีกเดี๋ยวพระจะมาแล้ว”
ฟ้าประทานหันมาเห็นนางเอกลิเกหน้าหวานกำลังเข้าคิวตักข้าว
“นั่นนางเอกลิเกที่ผมพยายามติดต่อ”
ฟ้าประทานรีบลุกไปหานางเอกลิเกทันที ทิ้งให้ตุ้มนั่งหน้าบูดอยู่กับเจ๊ทรงงาม
“นังเก๋”
ทรงงามงง “เก๋ไหน”
“นางเอกลิเกที่ฟ้าประทานไปคุยด้วย เป็นกิ๊กเก่าฟ้าประทาน” ตุ้มบอก
เจ๊ทรงงามหันขวับไปมองนางเอกลิเกคนที่ว่า ความหึงหวงของเจ๊ทรงงามไม่ได้ครึ่งของตุ้ม ตุ้มจ้องนางเอกลิเกอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อนังนั่น แต่ทรงงามไม่เห็นสายตาตุ้ม
ภาพสุดท้ายที่ตุ้มเห็นฟ้าประทานกับกิ๊กเก่า คือฟ้าประทานพาเก๋เดินหายไปทางหลังบ้าน ตุ้มตา
ลุกวาว
ตุ้มหน้าบึ้งลมเพชรหึงขึ้นหน้า เดินหาฟ้าประทานจนทั่วหลังบ้าน แต่ไม่รู้หายไปไหน
“เห็นเดินมาทางนี้นี่นา”
ตุ้มหันไปมองบันไดหลังบ้าน
“หรือว่า...” ตุ้มผลุนผลันขึ้นบ้านไป
กระแตกำลังตักน้ำในตุ่มล้างมืออยู่ เห็นเข้า สงสัยว่าตุ้มรีบร้อนขึ้นบ้านไปทำอะไร
ฟ้าประทานทำหน้ากรุ้มกริ่ม หว่านเสน่ห์ เพื่อเกลี้ยกล่อม เก๋ให้ยอมมาเล่นคณะตน
“เก๋เล่นทางหวานเข้ากับผม เราสองคน จะเป็นพระเอกนางเอกลิเกแห่งยุคไงจ๊ะ” ฟ้าประทานส่งยิ้มหวานเจ้าเสน่ห์ให้เก๋
ตุ้มเปิดประตูผัวะ เห็นฟ้าประทานกำลังก้อร่อก้อติกนางเอกลิเกก็คำรามลั่น
“นังเก๋ จะแย่งผัวชั้นเหรอ”
ตุ้มจะตบเก๋ ฟ้าประทาโกรธจับมือตุ้มไว้ “บ้าไปแล้วหรอตุ้ม”
“ผัวชวนกิ๊กเก่าขึ้นห้อง เมียที่ไหนไม่เลือดขึ้นหน้า”
ฟ้าประทานมองไป เห็นกระแตอยู่หน้าห้อง ก็ตาโตตกใจสุดขีด “กระแต”
ตุ้มหันขวับมาดูข้างหลัง กระแตยืนจังก้า อยู่หน้าประตูห้อง
“เอ่อ...อืม...” ฟ้าประทานอึ้ง โดนจับได้คาหนังคาเขา ไปไม่เป็น
“ชั้นรู้อยู่แล้วล่ะ ฟ้าประทานกับตุ้มเป็นผัวเมีย แต่ปากแข็งทั้งคู่ วันเนี้ยผู้ร้ายปากแข็งจนแก่หลักฐานแล้วสินะ” กระแตมองเย้ย เป็นต่อ
ฟ้าประทานขอร้อง “อย่าบอกใครนะกระแต”
“มีหน้ามาขอความปรานีชั้นอีกแน่ะ ลักลอบได้เสียกัน ไม่เห็นหัวปู่ ชั้นจะโพนทะนาให้ทั่วเลย”
ฟ้าประทานกับตุ้มหน้าซีด
กระแตบอก “แต่ยังก่อน ยังไม่ใช่วันนี้ วันไหว้ครู ต้องทำเรื่องดีๆ เรื่องอัปมงคล บัดสีบัดเถลิงไว้ค่อยสะสางพรุ่งนี้”
กระแตเบ้ปากใส่ตุ้มกับฟ้าประทานแล้วหันตัวเดินลงไปข้างล่าง ฟ้าประทานหันไปจ้องตุ้มเขม็ง โกรธตุ้มมาก ที่ตุ้มทำความลับแตก ตุ้มก็เคืองฟ้าประทานเรื่องเก๋ จ้องกลับ
เก๋มองผ่านหน้าต่างลงไป “พระมาแล้ว ชั้นลงไปก่อนนะ”
เก๋ฉากหลบออกไปปล่อยให้ผัวเมียเค้าเคลียร์กัน ฟ้าประทานโกรธจนไม่พูดกับตุ้มซักคำ
ทางด้านพร้อมพงศ์ขับรถมาจอดหน้าบ้านเสี่ยเต๊ก ลงจากรถไปหยุดยืนมองบ้านเสี่ยทำใจ สีหน้าพร้อมพงศ์สยอง รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ
“เสี่ยจะฆ่าเราก่อนพูดจบเปล่าวะ”
เสียงอาจงดังจากด้านหนึ่ง “เฮีย”
พร้อมพงศ์สะดุ้งโหยง หันไปเห็นอาจงที่กลับมาจากจ่ายกับข้าว อาจงยิ้มแฉ่ง ดีใจมาก เฮียพงศ์มาแล้ว คุณหนูเหมยฮัวได้แต่งงานกับลูกชายเฮียพงศ์ซะที
ขณะนั้นเสี่ยเต๊กอยู่ในห้องโถง จ่ายเงินเดือนให้เบิ้มกับพล จ่ายไปคนละแค่หมื่นเดียว
“พวกลื๊อเก็บดอกเบี้ยมาให้อั๊วไม่ได้ตามเป้า ไม่มีเงินพิเศษ เอาไปแต่เงินเดือน”
อาจงเดินเข้ามา “เสี่ย มีคนมาหา”
พร้อมพงศ์กล้า ๆ กลัว ๆ เข้ามา เสี่ยเต๊กสั่งทันทีที่เห็น “จับมัน”
เบิ้มกับพลจะจับตัวพร้อมพงศ์ พร้อมพงศ์หนีไปยืนตั้งหลัก
“ฟังผมก่อนครับเสี่ย ผมรู้แล้วไอ้เทพอยู่ไหน ผมมาบอกให้เสี่ยไปจับตัวมันมาแต่งงานกับคุณหนูเหมยฮัว ตอนนี้เทพอยู่บางไทร อยุธยา”
เสี่ยเต๊กนิ่งไป พร้อมพงศ์ถอนหายใจเฮือก ไม่โดนเสี่ยทำร้าย
“ไม่เชื่อโว้ย! เฮียพงศ์เป็นเด็กเลี้ยงแกะ โกหกจนเป็นนิสัย จับเฮียพงศ์อั๊วจะทรมานให้พูด”
พร้อมพงศ์หนีเบิ้มกับพลไปทั่วห้องโถง ทั้งปีนโต๊ะ ลอดใต้โซฟา หนีอลหม่านอย่างน่าขำ
จังหวะที่พร้อมพงศ์คลานหนี นามบัตรอู่ซ่อมรถหล่นจากกระเป๋าเสื้อพอดิบพอดี พร้อมพงศ์วิ่งหนีออกไปหน้าบ้าน เบิ้มกับพลไล่ตาม เสี่ยเต๊กหยิบปืนในลิ้นชัก ใส่กระสุนโดยด่วน
พร้อมพงศ์วิ่งหน้าตั้งออกมา คว้ากระถางต้นไม้เขวี้ยงใส่เบิ้มกับพลที่วิ่งตามหลัง สกัดให้มันสองคนวิ่งช้าลง จนหนีออกประตูรั้วได้
เสี่ยเต๊กวิ่งถือปืนออกจากตัวบ้าน ขึ้นรถ
พร้อมพงศ์วิ่งหนีมาขึ้นรถ เบิ้มกับพลทุบกระจกรถให้ลงมา เหมยฮัวขับรถกลับบ้าน มีเหลียนฮัวนั่งมาด้วย
เหมยฮัวมองจากในรถเห็นพร้อมพงศ์
“พ่อพี่เทพนี่”
เสี่ยเต๊กขับรถออกมาจอดรับเบิ้มกับพล
“ขึ้นมาเร็ว”
เหมยฮัวเห็นเตี่ยถือปืนหรา เป็นห่วงชีวิตพร้อมพงศ์ ไวเท่าความคิด เหมยฮัวเอารีบเคลื่อนรถจอดขวางประตูบ้าน ไม่ให้เตี่ยออกจากบ้านได้
“เหมย ถอยไป” เสี่ยหัวเสีย
เหมยฮัวไม่ถอยรถหลบ
เหลียนฮัวเห็นก็งง “ขวางเตี่ยทำไมน่ะลูก”
“หม่าม้าไม่เห็นเหรอ เตี่ยมีปืน เตี่ยจะฆ่าพ่อพี่เทพ”
เสี่ยเต๊กบีบแตรลั่น ไล่ลูกสาวให้ถอยรถ เหมยฮัวไม่ยอมถอยรถหลบ
เสี่ยเต๊กกลับเข้าบ้าน ด่าลูกสาวสาดเสียเทเสีย
“เตี่ยไม่ได้จะฆ่ามัน เตี่ยจะจับมันมาเค้นหาที่อยู่ผัวเหมย”
เหมยฮัวหน้าซีด กลัวเตี่ย “เหมยไม่รู้นี่เตี่ย”
“มือไม่พาย แล้วยังเอาเท้าราน้ำ เก็บข้าวของไปอยู่กับอาม่าที่ฮ่องกง เตี่ยไม่ตามแก้ปัญหาให้แล้ว”
เหมยฮัวเสียใจโดนเตี่ยไล่อีก “ถ้าเตี่ยต้องการอย่างนั้น เหมยก็จะไปฮ่องกงวันนี้เลย”
“ไปแล้วไม่ต้องกลับมา ไปออกลูกที่นั่นแหละ” เสี่ยคำราม
เหลียนฮัวสุดจะทนไหว กับนิสัยผัว ที่เอะอะก็ด่าไล่ตะเพิดลูกตาหลอด
“เหมยจะไม่ไปไหนทั้งนั้น เหมยต้องอยู่กับอั๊ว”
“ลื๊อก็เก็บเสื้อผ้าไปอยู่กับลูกสาวลื๊อด้วย” เสี่ยฉุนสุดขีด
“อั๊วไม่ไป เสี่ยอับอายนัก ก็ไปซะ” เหลียนฮัวสู้ยิบตา
“กล้าไล่อั๊วเหรอ”
เสี่ยเต๊กก้าวเท้าเข้าหาเหลียนฮัวอย่างเอาเรื่อง เหลียนฮัวโมโหเอามือยันหน้าเสี่ยเต๊กจนหงายเงิบ ทุกคนตกใจ เหลียนฮัวกล้าลงไม้ลงมือกับเสี่ยครั้งแรก ขนาดตัวเหลียนฮัวยังตกใจ อั๊วทำไปได้ยังไง เสี่ยเต๊กโกรธมาก
“คุณนายขึ้นห้องเถอะค่ะ”
อาจงรีบพาเหลียนฮัวกับเหมยฮัวไปก่อนโดนเสี่ยเต๊กอาละวาด ลูกเมียไปแล้ว เสี่ยเต๊กยังโกรธ ไม่หาย เดี๋ยวนี้เมียกล้าลงไม้ลงมือ
ทั้งสามคนเข้าห้องมา อาจงรีบล็อคประตู
“ขออย่าให้เสี่ยตามขึ้นมาเล่นงานคุณนายเลย”
เหมยฮัวดีอกดีใจ “เหมยเพิ่งเคยเห็นหม่าม้าไม่ยอมเตี่ย สุดยอดเลยหม่าม้า”
“นั่นซีคะ เล่นซะให้เสี่ยหน้าหงาย อาจงช๊อบ...ชอบ”
“เมื่อกี้หม่าม้าโมโหจนลืมตัว หม่าม้าก็อึ้งตัวเอง กล้าทำไปได้ยังไง”
“หม่าม้าอยู่ใต้อาณัติเตี่ยมาทั้งชีวิต โดนเตี่ยด่าว่า กดขี่ข่มเหง เตี่ยมีผู้หญิงอื่น หม่าม้าก็อดทน ถึงเวลาลุกขึ้นมาประกาศอิสระแล้วหม่าม้า” เหมยฮัวบิ้วท์แม่
“หม่าม้าไม่ใช่นักปลดแอกนะ”
“กลัวอะไรล่ะหม่าม้า หม่าม้ามีกำลังเสริม เหมยกับอาจง”
เหมยฮัวคึกสุดขีดหันไปทางอาจง พยักหน้าเชียร์ พร้อมช่วยเหลียนฮัวฮึดสู้เสี่ยเต๊ก เหลียนฮัวหวั่นๆ ยังรู้สึกเกรงผัว
ฝ่ายเสี่ยเต๊กยัวะจัดที่โดนเมียเอามือยันหน้าหงาย ระบายอารมณ์โมโหด้วยการถีบโต๊ะถีบเก้าอี้ล้มโครมคราม
“กล้ายันหน้าอั๊วเหรอ”
เบิ้มกับพลกลับเข้ามา
“ขับรถตระเวนดูทั่วซอยแล้วครับ ไม่เจอรถเฮียพงศ์” เบิ้มรายงาน
“พวกลื๊อมันไม่ได้เรื่อง”
เสี่ยเต๊กถีบเบิ้มกับพล ล้มทั้งยืน เบิ้มล้มไปใกล้จุดที่พร้อมพงศ์ทำนามบัตรตกไว้
เบิ้มหยิบนามบัตรมาดู “เสี่ยครับ นามบัตรอู่ซ่อมรถที่บางไทร”
“แล้วไงวะ”
“เฮียพงศ์บอกว่า ลูกชายเฮียกบดานอยู่บางไทร เฮียพงศ์ทำนามบัตรนี้ตกไว้” เบิ้มบอก
“เอามาให้อั๊วดู” เสี่ยเต๊กรับนามบัตรจากเบิ้มมาดู “หรือพงศ์เทพอยู่บางไทร อยุธยาจริงอย่างที่เฮียพงศ์บอก”
เสี่ยเต๊กดวงตาลุกวาวแค้นสุดขีด เห็นลู่ทางกะจะตามล่าตัวพงศ์เทพกลับมารับโทษทัณฑ์ให้สาสม
อ่านต่อตอนที่ 11