ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 9
ไม่นานต่อมาจอมนางวางจานข้าวลง กินจนเกลี้ยง เพราะหิวจัด กระแตส่งยาแก้ปวดหัวให้กิน แล้วยกจานข้าวจะไปเก็บในครัว เจอกับหลงที่ดักรออยู่
“พี่หลง มีอะไรจ๊ะ”
หลงส่งผ้าขนหนูห่อน้ำแข็งให้กระแต
“กระแตให้จอมวางบนหัว ช่วยให้หายมึนหัวครับ”
“พี่หลงเอาไปให้จอมเองแล้วกันจ้ะ”
กระแตยกจานข้าวเข้าห้องครัวไป หลงเลยเดินไปหาจอมนางที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะ
“เวลามึนหัวเพราะโดดแดด เอาน้ำแข็งโป๊ะหัว จะช่วยให้ดีขึ้นครับ”
จอมนางระแวงว่าหลงจะมาจับผิด “ทำไมพี่ยังไม่นอน”
“ครูเทียมให้พี่ซ่อมลำโพงครับ”
“แล้วทำไมถึงรู้ว่าชั้นปวดหัวเพราะโดนแดด”
“กระแตบอกครับ”
“แล้วทำไม...”
จอมนางถามนู้น นี่ ไม่เลิก หลงเลยเอาผ้าขนหนูห่อน้ำแข็งวางโป๊ะบนหัวจอมนางให้ หลงมองจอม
นางด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย
“ไม่ถามแล้วล่ะครับ จอมไปนอนพักเถอะครับ”
จอมนางส่ายหน้าไม่อยากถามอีก จอมนางสบตาหลงที่อยู่ใกล้ๆ เห็นแววตาอบอุ่น จริงใจห่วงใยอาทร จอมนางรับรู้ได้ จอมนางยิ้ม รู้สึกดีที่พี่หลงเป็นห่วงตน
ฝ่ายหลงโบกมือหน้าโก่งกับโก๊ะ เห็นหลับสนิท รีบแอบย่องออกไปเบาๆ
หลงเดินจ้ำพรวดๆ จะไปบ้านเช่าพ่อ กำจายเดินเมาแอ๋มา เห็นด้านหลังผู้ชายคล้ายหลง
“เหมือนอ้ายหลงง เลยวะ” กำจายตะโกนเรียกเสียงแห้ง “หลง...อ้ายหลง...” จู่ๆ เสียงแหบหาย “เสียงเป็นอะไรวะ”
กำจายไม่รู้ตัวว่าเริ่มมีอาการเส้นเสียงอักเสบ เพราะดื่มเหล้าจัด
พอกำจายเรียกหลงไม่ได้ยิน เลยเข้าซอยบ้านลิเกไป
หลงกับเจ๋งช่วยกันสกรีนเสื้อยืดด้วยประโยคเด็ดคำใหม่ไอเดียหลง
“เจ๋ง พี่อยู่ช่วยเอ็งได้ถึงตี 5 กว่าๆ นะ ครูเทียมตื่นเช้า พี่ต้องรีบกลับไปเตรียมตัวซ้อมลิเก”
พร้อมพงศ์มองลูกชายทำงานงกๆ เห็นแล้วเหนื่อยแทน บ่นออกมา
“กลางวันซ้อมลิเก กลางคืนสกรีนเสื้อยืด เทพ เอ็งเป็นโรคจิตติดทำงานหนักรึไงวะ แต่งงานกับลูกสาวเสี่ย อยู่สุขสบายไม่เอา”
“ยังไม่เลิกอีกนะพ่อ เรื่องเหมยฮัวน่ะ จบได้แล้ว”
“พ่อไม่อยากเห็นเอ็งลำบาก”
“ผมยินดีลำบาก ดีกว่าโดนมองว่าเกาะผู้หญิงกิน”
เสียงท้องพงศ์เทพร้องจ๊อกๆ หิวจัด
“กระเพาะพี่จัดคอนเสิร์ตแด่น้องผู้หิวโหยเหรอพี่” เจ๋งแซว
“วันนี้พี่กินไม่อิ่มน่ะ บ้านลิเกกำลังลำบาก หาเงินไม่พอยาไส้”
พร้อมพงศ์มองแล้วนึกสงสารลูกชายจับใจ ที่ต้องมาตกระกำลำบาก ใจอยากช่วยลูก พร้อมพงศ์ถือโทรศัพท์ออกไปหลังบ้าน
กลางดึก พร้อมพงศ์ออกมาหลังบ้าน กดหาเบอร์เสี่ยเต๊ก และเจอแล้ว แต่ชะงักมือ
“เกิดโทร.ไปรายงานให้เสี่ยมาจับไอ้เทพ แล้วไอ้เทพมันหนี ก็ไม่มีประโยชน์”
พร้อมพงศ์มองไปในบ้าน เห็นพงศ์เทพขะมักเขม้นสกรีนเสื้อยืดอยู่กับเจ๋ง
“เอ็งจะทนลำบากอยู่บ้านลิเกไปถึงไหนวะเทพ ไม่คิดมั่งเลยว่าพ่อห่วงเอ็ง”
พร้อมพงศ์มองพงศ์เทพทำงานหนักด้วยสายตาเป็นห่วงและสงสารมาก อยากให้ลูกสบาย
วันถัดมา ครูเทียมสอนหลงร้องกลอนลิเก เรื่องที่จะให้หลงเล่นเป็นพระเอก หลงร้องกลอนลิเกไป หาวไป เมื่อคืนแอบหนีไปช่วยเจ๋งสกรีนเสื้อยืดทั้งคืน
“ถ้าเอ็งเป็นหนุมาน ข้าเก็บดาวเดือนได้หลายดวงแล้ว”
ครูเทียมสอนหลงร้องกลอนลิเกต่อ หลงร้องไปหาวไป หน้าตาง่วงเหงาหาวนอน
จอมนางผ่านมา เห็นหลงหัดร้องกลอนลิเกกับปู่ หน้าตาง่วงจัด
“ไปอดหลับอดนอนมาจากไหน เมื่อคืนก็เห็นหลับอุตุ”
จอมนางมองจ้องจับผิด หลงหาวไม่หยุด หาวติดๆ กัน เหมือนคนง่วงมาก ไม่ได้นอนทั้งคืน
จอมนางเดินเข้ามาหากำจาย เห็นกำจายกำลังใช้ใบตองเช็ดรางระนาดให้ขึ้นเงา
“น้า เมื่อคืนที่น้าบอกว่าเห็นพี่หลงตรงถนน แน่ใจมั้ย”
กำจายดื่มน้ำก่อนพูด “น้าเสียงแหบน่ะ...ไม่แน่ใจ”
“อ้าว” จอมนางเซ็ง
“ก็น้าเมา ยังเห็นหมาเป็นคน เห็นคนเป็นหมาเลย”
“น้านี่พึ่งไม่เคยได้”
จอมนางส่ายหน้าเซ็ง กำจายเจ็บคอ ดื่มน้ำอั้กๆๆ
จอมนางเดินตามหาหลง จนมาเห็นหลงผูกเปลกับเสาศาลาริมน้ำ นอนหลับสนิท
“เลิกซ้อมซะแล้ว”
จอมนางขยับมาดูหลงใกล้ๆ ทดสอบว่าหลับลึกแค่ไหน จอมนางดีดนิ้วตรงหน้า แต่หลงไม่ตื่น จอมนางปรบมือตรงหน้าอีก หลงก็ไม่ตื่น
“หลับลึก เมื่อคืนต้องแอบไปทำอะไรมา ถึงอดหลับอดนอน”
จอมนางจ้องหน้าหลงที่นอนหลับสนิท สงสัยหนักว่าเมื่อคืนไปไหน ทำอะไรมา?
โก่งกับโก๊ะถูกใจเสื้อสกรีนประโยคเด็ดประโยคใหม่ของเจ๋งว่า “หล่อสุดในบางไทร”
โก๊ะลองสวมเสื้อดู “เหมาะกับชั้นเลยพี่โก่ง”
“ของเอ็งมันต้อง อุบาทว์สุดในบางไทรเว้ย”
พร้อมพงศ์บอกราคา “คนบ้านใกล้เรือนเคียง ลุงลดให้ 2 ตัว 290 ตัว”
“เสื้อตัวละ 150 ลุงพงศ์ให้ 2 ตัว 290 ลดตัวละ 5 บาทเอง” โก๊ะบ่น
พร้อมพงศ์ฮึดฮัด “ทุนก็ปาไปตัวละเกือบ 150 แล้ว”
ฟ้าประทานขับรถผ่านมา โก่งเหลียวไปเห็นพอดี
“ฟ้าประทาน! มากับตุ้มเปล่าว่ะ”
“มองไม่ทันอ่ะพี่” โก๊ะว่า
โก่งบอกทันที “ตามเว้ย”
โก่งกับโก๊ะขี่มอเตอร์ไซค์ตามรถฟ้าประทาน โก๊ะลืมถอดเสื้อคืนเจ๋ง
“เฮ้ย เอาเสื้อคืนมา”
ไม่ทันแล้ว โก๊ะขี่มอเตอร์ไซค์ไปไกลแล้ว ยังไม่จ่ายค่าเสื้อ
โก่งกับโก๊ะขี่รถตามฟ้าประทานมาถึงบังกะโล ฟ้าประทานจอดรถหน้าบังกะโล เจ้าของมารับเงินค่าห้องพัก
“พี่โก่ง เราตามมาเจอเซฟเฮ้าส์ฟ้าประทานกับตุ้ม”
ฟ้าประทานกับตุ้มเดินเข้าบังกะโลไป
“ไปดูใกล้ ๆ กัน ข้าจะถ่ายคลิป มัดตัวมันสองคน เก็บเป็นความลับดีนัก”
โก่งบอก สองย่องไปใกล้บังกะโลที่ฟ้าประทานกับตุ้มเข้าพัก
ฟ้าประทานกับตุ้มเข้ามาในห้องพัก กำลังจะอาบน้ำ ได้ยินเสียงพนักงานหน้าห้อง
ซึ่งเป็นโก๊ะที่ดัดเสียงบอกไปว่า “เอาข้าวมาส่งครับ”
โก๊ะกับโก่งรอจับฟ้าประทานกับตุ้ม โก่งตั้งโทรศัพท์มือถือไว้เตรียมถ่ายรูปเด็ด ตอนฟ้าประทานมาเปิดประตู
ฟ้าประทานตะโกนออกไป “เราไม่ได้โทรสั่งข้าว”
ตุ้มบอก “มาส่งผิดหลังน่ะ”
โก๊ะยังเคาะประตู ปังๆๆๆ
ฟ้าประทานไม่พอใจมาก “เฮ้ย เคาะอยู่ได้”
เสียงเคาะประตูดังไม่หยุด ฟ้าประทานยัวะจัด จะไปเปิดประตูเอาเรื่อง
อ่านต่อหน้า 2
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 9 (ต่อ)
ในห้องพักบังกะโลตอนนี้ ฟ้าประทานยัวะจัด กำลังจะเปิดประตู ดูหนังหน้าว่าใครมาแกล้งเคาะประตูห้อง ส่วนที่หน้าห้อง พนักงาน 2 คนมาจับตัวโก่งกับโก๊ะลากออกไป
“ปล่อยข้านะว้อย”
ฟ้าประทานได้ยินเสียงโก่งแว่วๆ
“เสียงคุ้นๆ”
“เสียงใครจ๊ะ”
“ไม่แน่ใจ เสียงมันไกล”
เสียงโวยวายหน้าห้องหายไปแล้ว
“อย่าไปสนใจเลยจ้ะ”
ตุ้มไปดึงฟ้าประทานมาที่เตียง ทั้งคู่ล้มลงบนเตียง เริงเล่นกิจกรรมเข้าจังหวะตามครรลองคู่สวาท
โก่งกับโก๊ะถูกโยนออกมาหน้าบังกะโล พนักงานหันกลับเข้าออฟฟิศบังกะโล
โก๊ะทำเก่งตะโกนด่าพนักงาน “ข้าจะฟ้อง สคบ. เอ็งไล่ลูกค้า”
โก่งงง “สคบ. อะไรวะ”
โก๊ะมองโก่ง ประมาณว่าโง่เหลือเกิน อวดภูมิ “สคบ. ก็สำนักงานคุ้มครองชาวบ้านไงพี่”
“หน่วยงานนี้มีด้วยเหรอวะ เพิ่งเคยได้ยิน” โก่งงงไม่หาย
โก๊ะหงุดหงิดภารกิจนักสืบล้มเหลว “เอาไงต่อพี่โก่ง”
“กลับฐานปฏิบัติการก่อน”
โก่งกับโก๊ะขึ้นมอเตอร์ไซค์ขี่กลับไป
ฝ่ายกำจาย มาสืบความลับฟ้าประทานที่ตลาดเจ๊ทรงงาม นั่งกินขนมหวาน รอ เจ๊ทรงงามมา พลางหันไปถามแม่ค้าขนมหวาน
“วันนี้เจ๊ทรงงามมาเก็บเช่าแผงกี่โมงจ๊ะ”
“ใกล้เวลาแล้วล่ะ วันเก็บค่าเช่า อีเจ๊ไม่เคยเลท
เจ๊ทรงงามมาถึง ประกาศให้ได้ยินทั่วตลาด
“วันดีเดย์มาแล้วจ้า เตรียมเสบียงให้พร้อมห้ามเบี้ยว ห้ามหนี ห้ามแกล้งตาย ไม่งั้น ยึดแผงคืน”
กำจายจ่ายเงินค่าขนม ลุกไปหาเจ๊
“ตลาดเจ๊ของขายเยอะดีนะ” จำจายหลอกถาม “ฟ้าประทานไม่มาด้วยเหรอ เห็นตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋”
“ตัวไม่มา แต่ส่งใจมาจ้ะ”
เจ๊ทรงงามยืด เดินเก็บเงินค่าเช่าแผง กำจายเดินคลอ คุยกับเจ๊
“ฟ้าประทานชอบบ่นที่บ้านร้อน ไม่มีแอร์ เจ๊ไม่ชวนมันไปอยู่ด้วยล่ะ”
“ชวนตั้งหลายทีแล้ว ฟ้าประทานไม่ยอมมา แต่อีกไม่นาน ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปฟ้าประทานอาจจะมาอยู่บ้านเจ๊”
กำจายตาวาว “อะไรเปลี่ยนไปเจ๊”
“ก็...” เจ๊ทรงงามกำลังจะเล่าเรื่องฟ้าประทานตั้งคณะลิเก นึกได้ฟ้าประทานสั่งห้ามบอกใคร
“เจ๊อย่าบอกเรื่องผมจะตั้งคณะลิเกกับใครนะครับ เป็นความลับระหว่างสองคน”
“ก็...ฟ้าประทานใกล้ใจอ่อนให้เจ๊แล้วน่ะสิ แพ้ความดีของเจ๊”
เจ๊ทรงงามเลี่ยงไม่คุยกับกำจาย เดินหนีไปเก็บแผงค้าแถวอื่น
กำจายมองตามสายตาเต็มไปด้วยความสงสัย
“เมื่อกี้เจ๊ทรงงามเกือบจะหลุดปาก กุมความลับอะไรไอ้ฟ้าประทานหว่า”
ฟ้าประทานกับตุ้มเดินสีหน้าสุขสมอิ่มเอิบมาขึ้นรถ จะกลับกันแล้ว
“ผมส่งตุ้มที่ตลาด แล้วตุ้มนั่งมอเตอร์ไซค์เข้าบ้านเองนะ”
ตุ้มหน้าคว่ำ “ชั้นเบื่อหลบๆ ซ่อนๆ แล้ว”
“พอผมออกไปตั้งคณะของลิเก มีเงินมีทอง เราจะแต่งงานกัน ผมสัญญา”
“จ้ะ” ตุ้มยิ้มออกก้าวขึ้นรถ พนักงานมาคอยดูแล
“น้อง ใครมือบอน เคาะประตูห้องพี่”
“มีผู้ชาย 2 คนครับแอบเข้ามาครับ ไม่รู้เป็นใคร เคาะห้องพี่อยู่ห้องเดียว”
ฟ้าประทานสังหรณ์ใจ “หน้าตาเป็นยังไง”
“คนนึงหน้าไทยๆ ผิวคล้ำๆ ตัวสูงๆ อีกคนเตี้ยกว่า หน้าออกกลม มีแก้มคนที่ตัวเตี้ยใส่เสื้อยืดเขียนว่า หล่อสุดในบางไทร”
ฟ้าประทานพยายามนึก ชาย 2 คนที่ว่าน่าจะเป็นใคร
ขณะเดียวกัน กำจายด่าโก่งกับโก๊ะกระจาย
“ทำไมพวกเอ็งไม่อยู่รอหน้าบังกะโล ได้เห็นหน้าผู้หญิงที่ฟ้าประทานพาไป”
กระแตพูดขึ้นอย่างมาดหมาย “นังตุ้มนั่นแหละ ตุ๊กตาหน้ารถฟ้าประทาน ออกจากบ้านไปตั้งแต่สายๆ คอยดูนะ นังตุ้มต้องแยกกันกลับกับฟ้าประทาน เพื่อไม่ให้ใครสงสัย”
ฟ้าประทานเข้าบ้านมาพอดี ทั้งวงเงียบสนิทเลิกเม้าท์ ฟ้าประทานแปลกใจ พอฟ้าประทานเข้ามาทุกคนก็เลิกคุย ฟ้าประทานเห็นโก๊ะใส่เสื้อยืดสกรีนตัวหนังสือว่า “หล่อสุดในบางไทร”
“เมื่อเช้าโก๊ะไม่ได้ใส่เสื้อตัวนี้”
“มันแฮฟมาจากตลาด ใส่ของเค้ามาหน้าตาเฉย ไม่จ่ายตังค์”
“ชั้นลืมถอด พรุ่งนี้จะเอาไปคืน”
ฟ้าประทานมองระแวง จะใช่โก๊ะหรือเปล่าที่ไปเคาะประตูห้องบังกะโล
ตกกลางคืนตุ้มไหว้พระกราบหมอน กำลังจะเข้านอน ฟ้าประทานแอบเข้ามาหา
“นาน ๆ ที ฟ้าประทานถึงจะเข้ามาหาชั้นในห้อง อยากจูบราตรีสวัสดิ์ซีจ๊ะ”
ตุ้มยิ้มปลื้ม หลับตาพริ้ม รอให้ฟ้าประทานจูบ
“ผมสงสัยว่าโก๊ะแอบตามเราไปที่บังกะโล โก๊ะเคาะประตูห้องเรา”
“เป็นไปไม่ได้ โก๊ะไม่รู้ว่าเราแอบคบกัน”
“กระแตอาจจะบอก ผมเห็นพวกนั้นคุยกัน ตุ้ม ช่วงนี้เราต้องห่างกันซักพัก”
“ชั้นยอมเลื่อนงานแต่งงานให้แล้ว ปิดเรื่องของเราไม่ให้เจ๊ทรงงามรู้ ชั้นไม่ยอมไปมากกว่านี้ ฟ้าประทานได้คืบจะศอก ชั้นก็จะบอกเจ๊ทรงงาม ชั้นเป็นเมียฟ้าประทาน อีเจ๊ต้องไม่ลงทุนทำคณะให้ฟ้าประทาน”
“ก็ได้ๆ เราแอบไปข้างนอกกันเหมือนเดิมก็ได้ แต่ขอแค่ ตุ้มต้องระวังตัวมากขึ้น”
“เป็นหน้าที่ของฟ้าประทานต้องระวัง ไม่ใช่ชั้น”
ฟ้าประทานพยักหน้ายอมรับ ฟ้าประทานกลับออกไป
พอออกมาพ้นสายตาตุ้ม สีหน้าอาการฟ้าประทานโกรธตุ้มมาก
“เอาอนาคตผมมาขู่ ตุ้มคิดผิดมาก”
ฟ้าประทานกลับเข้าห้องตัวเอง ก่อนจะมีใครมาเห็น
คืนนั้นเจ๊ทรงงามกำลังบริหารกล้ามเนื้อใบหน้าให้เต่งตึง ขยับปากบิดเบี้ยว หน้าตาตลกๆ เสียงโทรศัพท์จากฟ้าประทานโทร.มาหา ดังขึ้น
ทรงงามรับสายโดยไม่ดูเบอร์โทร.เข้า “คุยไม่ได้ ทำหน้าตึงอยู่”
ฟ้าประทานโทร.คุยกับเจ๊ทรงงามจากในห้องนอน
“ผมฟ้าประทานครับ”
ทรงงามดี๊ด๊ารีบแก้ข้อมูล “เจ๊บริหารหน้าที่ตึงอยู่แล้ว ให้ตึงขึ้นไปอีกจ้ะ อยากให้รู้สึกเหมือนมีคนเอาสะดึงมาขึงหน้า”
“เจ๊ตัดสินใจได้เหรอยัง เรื่องลงทุนทำคณะลิเกให้ผม”
“ขอเวลาคิดอีกนิ้ดดดนะจ๊ะ”
“ตอนนี้ชาวคณะเริ่มจับผิดผม แผนแตกขึ้นมาก่อน ผมก็ต้องโดนอัปเปหิออกจากคณะ ภาพลักษณ์เสียหาย หาคนมาเป็นลูกคณะยาก เจ๊ครับ ผมขอคำตอบพรุ่งนี้นะครับ”
“แหม...ไม่เร็วไปเหรอจ๊ะ”
“เวลาไม่รอท่าครับ ไม่รีบคว้าโอกาส วันแห่งความสำเร็จก็จะหลุดลอยไปพรุ่งนี้ผมจะไปหาเจ๊ที่บ้าน ฟังคำตอบจากปากเจ๊”
เจ๊ทรงงามรับปากอย่าเสียไม่ได้ “จ้ะ”
วางสายฟ้าประทาน เจ๊ทรงงามหมดอารมณ์เลิกบริหารหน้าตึง ถอนใจเฮือกใหญ่
“พอคิดว่าจะต้องเสียเงิน หน้าเหี่ยวทันทีเลยเรา เฮ้อ...”
ส่วนฟ้าประทานวาดหวังอนาคตสวยหรู
“เราจะดังให้ครูเทียมดู เทียมฟ้าหรือจะสู้ฟ้าประทาน”
บ้านครูเทียม เวลารุ่งสาง ไฟแสงจันทร์ดับเอง
ครูเทียมตื่นเช้าตรู่เหมือนเคย ออกมารดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน พบว่าน้ำก๊อกไม่ไหล
“ก๊อกเสียรึไงเนี่ย” ครูหมุนหัวก๊อกไปมา
ฟ้าประทานในชุดนอน มีผ้าขนหนูอาบน้ำพาดบ่า โวยวายออกมาจากในบ้าน
“ครู น้ำไม่ไหล ผมอาบน้ำไม่ได้”
“เอ็งไปดูมิเตอร์หน้าบ้านสิ ตัวเลขวิ่งเหรอเปล่า”
ฟ้าประทานโวยเสียดังใส่ครูเทียม “ผมเป็นพระเอกของคณะนะครับครู ไม่ใช่เบ้ประจำคณะ”
ครูเทียมไม่ถือสา จอมนางตื่นนอนลงมาดูหน้าบ้านเพราะ ได้ยินเสียงฟ้าประทานโวยวาย
“โวยวายอะไรแต่เช้าฮึพ่อเจ้าพระคุณ เสียงดังไปสามบ้านแปดบ้าน”
“น้ำในห้องน้ำไม่ไหล”
จอมนางเดินไปเปิดก๊อกหน้าบ้านดูเพื่อความชัวร์ “โดนตัดน้ำน่ะ”
ฟ้าประทานโมโห “โดนตัดน้ำ”
“ชั้นไม่ได้จ่ายค่าน้ำ”
ฟ้าประทานต่อว่าจอมนาง “เป็นเจ้าของบ้าน ดูแลลูกบ้านไม่ดี วันนึงจะไม่มีใครทนอยู่”
ฟ้าประทานหงุดหงิดโมโหเข้าบ้าน จอมนางเซ็ง ครูเทียมเฉยๆ รับสภาพได้ ลำบากก็ลำบาก
ฟ้าประทานอารมณ์เสีย หน้าตาบูดบึ้ง แต่งตัวหล่อ จะไปข้างนอก ดมกลิ่นตัวเอง บ่นไม่เลิก
“แอร์ไม่มี กลางคืนนอนร้อนแทบตาย เหม็นเหงื่อ น้ำก็ไม่มีอาบ”
ฟ้าประทานคว้าขวดน้ำหอมราคาแพง มาฉีดพรมทั่วตัว
ด้านจอมนางรายงานสถานการณ์การเงินของที่บ้านให้ปู่รับรู้แล้ว
“ปู่ก็ชะล่าใจไม่ถามเอ็ง มีเงินเหลืออยู่เท่าไหร่ รู้ว่าเงินเกลี้ยงบัญชี ปู่จะได้ขวนขวายหาเงินมาให้”
“อย่ากู้เงินนอกระบบเลยจ้ะปู่ คิดดอกมหาโหด ใช้หนี้ยันโหลนบวช” จอมนางว่า
ระหว่างนี้ฟ้าประทานในชุดหล่อ กลิ่นน้ำหอมฟุ้งเดินลงบันไดมาจากข้างบน ครูเทียมกับจอมนางฉุนกลิ่นน้ำหอม
“อาบน้ำหอมมาเหรอวะ” ครูเย้า
“ทำไงได้ล่ะครับครู ไม่มีน้ำจะอาบ วันนี้น้ำจะไหลมั้ยจอม ถ้าไม่ จะได้ไปหาที่อาบน้ำที่อื่น”
จอมนางพูดอย่างหมั่นไส้ “ไปอยู่ที่อื่นเลยก็ได้นะ ไม่ว่า”
ครูเทียมใช้สายตาเอ็ดจอมนาง อย่าประชดแบบนี้ ฟ้าประทานหัวเสียออกไป
“ปู่จ๋า ปู่พอหยิบยืมเงินใครได้มั้ยจ๊ะ”
ครูเทียมครุ่นคิดหนัก จะหาเงินจากไหนมาจุนเจือชาวคณะ
อ่านต่อหน้า 3
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 9 (ต่อ)
ไม่นานต่อมาครูเทียมเดินมาที่มุมเก็บเครื่องทรงลิเก จอมนางพยายามกันปู่ไม่ให้เข้าไปดูตรงที่เก็บเครื่องทรงใกล้ๆ กลัวปู่รู้ว่าแอบเอารุ้งเครื่องทรงไปจำนำ
จอมนางยืนบังไม่ให้ปู่เห็นว่ารุ้งหายไป 1 อัน “ปู่จะเอาอะไรจ๊ะ ชั้นหยิบให้”
ครูเทียมงง “เล่นอะไรของเอ็ง”
“ปู่แก่แล้ว ก้มๆ เงยๆ หยิบของ เดี๋ยวหลังยอก ปู่จะให้ชั้นหยิบอะไรจ๊ะ”
ครูเทียมนึกสงสัยหลานสาว ทำตัวแปลกพิกล จะไปหยิบรุ้งใส่ยอดลิเก จอมนางกันอยู่นั่น เอียงซ้ายเอียงขวาไม่ให้ปู่เข้าไปหยิบ แต่ครูเทียมหลอกล่อหลานสาวจะไปซ้าย จะไปขวา แล้วผลุบหัวก้มดูด้านล่างอย่างว่องไว
ครูเทียมมองยอดลิเก 1 ยอด ตั้งบนกล่อง พบว่าไม่มีรุ้งใส่
“ยอดอันนั้น รุ้งหายไปไหน” ครูเทียมเสียงเขียว “ว่ายังไง ไอ้เจ้าจอม”
จอมนางหน้าเจื่อนจ๋อย จำต้องสารภาพ “ชั้น...ชั้นเอายอดไปจำนำ เอาเงินมาซื้อกับข้าวจ้ะ”
จอมนางลนลานกลัวปู่ด่า รีบยกมือไหว้ปู่ หน้าละห้อย
“ชั้นขอโทษจ้ะ”
“เอามือลง ปู่ไม่อยากไหว้เอ็ง”
จอมนางเป็นฝ่ายงง “ฮึ”
ครูเทียมยิ้มแหยๆ “ปู่ก็มาหยิบยอดลิเก จะเอาไปจำนำ”
“อ้าวปู่ ใจตรงกันเด๊ะ”
ครูเทียมหยิบรุ้งจากยอดลิเกมาหลายอัน
“จำนำอันเดียวก็พอจ้ะปู่ ติดค่าน้ำค่าไฟไม่กี่พัน”
“มีเรื่องต้องใช้เงินอีก”
หลงเดินเข้ามาหาปู่หลาน
“น้ำในห้องน้ำไม่ไหลครับ”
“หลง มาช่วยข้าหยิบรุ้งไป”
ครูเทียมหยิบรุ้งใส่ยอดลิเก 3 อัน รวมทั้งยอดลิเกที่จอมนางวางตั้งบนกล่อง ไว้เฉยๆ ไม่ได้ใส่รุ้ง จอมนางมองฉงน สงสัยปู่จะจำนำยอดทำไมตั้งหลายอัน
ครูเทียมจุดธูปไหว้พ่อแก่ หลงกับจอมนางอยู่ข้างๆ รุ้งใส่ยอดลิเก 3 อัน วางอยู่กับพื้น ยอดลิเกอีกอันวางอยู่บนตักจอมนาง
ครูเทียมมาไหว้ขอขมาพ่อแก่ “ลูกขัดสน ไม่รู้จะบ่ายหน้าไปหาใคร ขอครูบาอาจารย์เมตตากรุณาให้พึ่งพาอาศัยด้วยเถิด”
ครูเทียมปักธูปหันมาบอกจอมนาง “ยอดลิเกทุกยอด มีครู ต้องบอกกล่าวขอขมาครูก่อนเอาไปจำนำ”
“เดี๋ยวเราก็มีงาน จำนำยอดเดียวก็พอจ้ะปู่”
“เราต้องหาเงินมาจัดพิธีบูชาครู” ครูบอก
“จริงสิ ชั้นลืมไปเลย”
“ถึงปีนี้เราไม่มีเงิน ก็ต้องจัดพิธีบูชาครู ตามธรรมเนียม”
หลงถามด้วยความสงสัย “ครูเทียมจัดพิธีบูชาครูทุกปีเหรอครับ”
“ใช่ ให้ลูกศิษย์ลูกหาได้กราบไหว้ รำลึกถึงพระคุณครูบาอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชา”
จอมนางนั่งซึม ทำใจไม่ค่อยได้ “ชั้นรู้ว่าจำเป็นต้องใช้เงิน แต่ชั้นไม่อยากไปเห็นยอดลิเกของคณะ ตั้งกองรวมกับของอื่นในโรงรับจำนำ เหมือนเป็นของไม่มีค่า”
“พี่ไปจำนำคนเดียวก็ได้ครับ” หลงอาสา
กำจายเดินกระแอมกระไอมา
“มียาแก้เจ็บคอมั้ยจอม”
กำจายมองรุ้งใส่ยอดลิเก ครูเทียมเอามาตั้งทำอะไรตั้งหลายอัน
ครูเทียม หลง และกำจาย ช่วยกันขนรุ้งใส่ยอดลิเกมาไว้ในรถ จอมนางประคองยอดลิเกที่ไม่มีรุ้งประดับ ส่งให้กำจายปากบอกไม่หยุด
“ถือระวังนะจ๊ะน้า ชั้นกลัวโครงหัก หาช่างเงินซ่อมยอดไม่ได้แล้วด้วย”
กำจายเสียงแหบ จนบางคำหาย “น้าน่ะสวมยอดลิเกมาตั้งแต่เอ็งยังนุ่งผ้าอ้อม รู้น่า ถือยอดยังไง”
กำจายประคองฐานยอด ระวังไม่ให้มือโดนโครงเงินยอดลิเกที่เป็นโครงเส้นเงินบอบบาง ไอแค่กๆ อยู่นั่น
จอมนางบอก “จิบยาแก้ไอแล้ว เดี๋ยวก็หายจ้ะน้า
ครูเทียมมองกำจายอย่างเป็นกังวล เกรงเส้นเสียงกำจายมีปัญหา
“น้ากำจายนั่งหลังนะครับ ได้คอยประคองรุ้งไม่ให้ล้ม”
กำจายนั่งด้านหลัง คอยจับรุ้งใส่ยอดลิเกที่วางบนเบาะ ไม่ให้หล่น หลงขับรถออกไปช้าๆ จอมนางนั่งซึม ไม่อยากจำนำยอดลิเกเลย
ครูเทียมปลอบใจหลาน “มีเงินเมื่อไหร่ ปู่จะไปไถ่ถอนออกมา ยอดพวกนั้นเป็นสมบัติตกทอดจากต้นตระกูล ปู่ต้องส่งมอบต่อให้เอ็งดูแลรักษาต่อไป”
จอมนางยิ้มให้ปู่ รู้สึกสบายใจขึ้น
ไม่นานต่อมาหลงกับกำจายนำเอายอดลิเกมาจำนำที่โรงรับจำนำเดิมที่มากับจอมนางคราวก่อน เถ้าแก่เอารุ้งใส่ยอดลิเกไปวางบนโต๊ะ รวมกับของอื่น
“เถ้าแก่รักษายอดลิเกพวกนี้ให้ดีนะครับ ผู้หญิงที่เป็นเจ้าของ รักมาก” หลงกำชับ
“โรงรับจำนำอั๊วไม่เคยทำของลูกค้าเสียหาย” เถ้าแก่ว่า
กำจายพิมพ์ลายนิ้วมือ ปั๊มในตั๋วรับจำนำหันมาบอกหลง
“สมัยข้าเด็กๆ มีโรงรับจำนำเกลื่อนเมืองแบบทุกวันนี้ ยอดลิเกก็ไม่สูญหาย”
หลงงง “ยังไงครับน้า”
กำจายปั๊มมือไปคุยไป “ตอนลิเกทรงเครื่องเริ่มโรยราเมื่อซัก 40 กว่าปีก่อน หลายคณะเผายอดลิเกหลอมเป็นก้อนเงิน ขายปะทังชีพ คิดว่าพอมีเงิน ค่อยสั่งทำใหม่ ลืมไปว่าช่างทำยอดลิเกเก่งๆ ตายไปหมดแล้ว พอไม่มียอดลิเกใส่ ก็ต้องเลิกเล่นลิเกทรงเครื่องไปโดยปริยาย”
กำจายเช็ดรอยเปื้อนหมึกบนปลายนิ้ว เถ้าแก่เอาเงินมาให้สองหมื่นบาท สำหรับยอดลิเก 4 ยอด
กำจายนับเงิน “ครบจ้ะ 2 หมื่นบาท”
หลงสะท้อนใจ “2 หมื่นบาท กับ คุณค่างานช่างโบราณของไทย ช่างไม่สมราคาเลยนะครับ”
“ของมีคุณค่า กับ ของมีราคา มันต่างกันอย่างนี้แหละ” กำจายประชดแต่พูดซะซึ้งชวนน้ำตาไหล
ก่อนออกไป หลงกับกำจายต่างมองไปที่รุ้งใส่ยอดลิเกที่ตั้งไว้ด้านในโรงรับจำนำ แววตาทั้งคู่หวงแหนสมบัติเหล่านี้ยิ่งนัก
ขณะเดียวกันฟ้าประทานอยู่ที่บ้านเจ๊ทรงงาม กำลังโวยวายลั่นบ้าน เพราะเจ๊ยังไม่ตัดสินใจจะลงทุนทำคณะลิเกให้สักที
“ไหนเจ๊ว่าเจ๊รักผมมาก แต่ไม่ยอมลงทุนทำคณะลิเกให้ผม”
“เจ๊ไม่ได้บอกว่าไม่ทำให้ เจ๊แค่ขอเวลาคิดอีกหน่อย เงินตั้งหลายล้าน”
“ผมลำบากขนาดไม่มีอาบน้ำ เจ๊ยังทนเห็นได้ แสดงว่าเจ๊ ไม่ได้รักผมจริง” ยอดพระเอกลิเกฮึดฮัดตัดพ้อ
“โธ่ อย่าตัดพ้อเจ๊ซีจ๊ะ เห็นใจเจ๊บ้าง”
“แล้วเจ๊ล่ะครับ เห็นใจฟ้าประทานคนนี้เหรอเปล่า”
ฟ้าประทานทำหน้าบึ้งตึงโกรธขึ้ง เดินหุนหันออกไปที่ประตูบ้านจะกลับ แต่พอพ้นสายตาเจ๊แม่ยก ก็อมยิ้ม เมื่อกี้เป็นการแสดงละครชุดใหญ่ เล่นบทโกรธบีบเจ๊ให้รีบตัดสินใจ
เจ๊ทรงงามทอดถอนใจ หน้าตาละห้อยเหี่ยว ด้วยคิดไม่ตก
ฝ่ายครูเทียมเรียกหลานสาวมาหาในห้อง แบ่งเงินที่ได้จากการจำนำยอดลิเกให้จอมนางกับกระแตให้จอมนาง 5 พัน
“เอาไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟที่ค้างไว้” แล้วให้กระแตอีกหมื่นห้า “ค่ากับข้าว แล้วก็ค่าซื้อของมาเตรียมงานบูชาครู”
“ปีนี้จัดเล็กๆ นะจ๊ะปู่ เราไม่ค่อยมีเงิน”
“ครูบาอาจารย์ประสิทธิ์ประสาทวิชา ให้เรามีความรู้ทำมาหากิน ปีนึงเราจะรำลึกถึงพระคุณครูซักครั้ง ต้องทำให้สมเกียรติ”
กระแตรับคำ “จ้ะ”
“พวกชั้นไปซื้อของเลยนะจ๊ะปู่ ได้มีเวลาเตรียมงาน ไม่ฉุกละหุกเหมือนปีกลาย” จอมนางบอก
ครูเทียมพยักหน้า พอสองสาวเดินออกไปรอหลงที่หน้าบ้าน ครูเทียมหันมาทางหลง
“หลงเอ๊ย ล็อกประตูที”
หลงล็อกประตู ครูเทียมหยิบยาที่ซ่อนไว้ มือขวาครูสั่นด้วยอาการโรคพาร์กินสัน หลงจึงช่วยแกะซองยา หยิบยาให้ครู พบว่ายาเหลือชุดสุดท้าย
“ยาหมดแล้ว พรุ่งนี้ไปหาหมอเอายานะครับครู”
“ข้าไม่ไป รอมีงาน มีเงินก่อน ค่อยรักษาตัว”
“ยาพวกนี้ฟรีครับ” หลงบอก
“ยาฟรีก็จริง แต่ต้องเสียเงินค่าน้ำมันรถเข้าเมือง เก็บไว้จ่ายค่าน้ำค่าไฟดีกว่า”
“โรคพาร์กินสันต้องกินยาต่อเนื่อง ไม่งั้นอาการจะแย่ลงนะครับ”
“หยุดยาซักเดือนสองเดือน ข้าไม่ชักแหงกๆๆๆ ตายหรอกน่า”
ครูเทียมบ่ายเบี่ยงยิ้มให้หลง แต่หลงยิ้มไม่ออก เป็นห่วงสุขภาพครูมาก
ขณะที่กำจายนอนพักอยู่ในห้อง เนื่องจากมีอาการไอ เจ็บคอ ครูเทียมเข้ามาเยี่ยม
“เอาเงินไปหาหมอไปกำจายเอ๊ย”
กำจายลุกนั่ง “จิบน้ำบ่อย ๆ เดี๋ยวก็หายจ้ะครู” ว่าพลางยกแก้วน้ำมาจิบแล้วยิ้มให้ครู
ครูเทียมพูดจริงจัง “เอ็งเลิกกินเหล้าซะที เหล้ามันไม่ดีกับเส้นเสียง”
กำจายยิ้มแหยๆ “ช่วงนี้ชั้นก็เพลาๆ ลงจ้ะ พักเสียงวันสองวัน เสียงชั้นก็กลับมาเหมือนเดิมจ้ะ”
กำจายยิ้มให้กำลังใจตัวเอง ขณะที่ครูเทียมเป็นกังวลประเมินจากอาการ
จอมนางกับกระแตมาซื้อของเตรียมงานพิธีบูชาครู สองสาวเลือกซื้อใบตองไปทำบายศรี หลงหน้าตาวิตกกังวลถึงอาการป่วยครูเทียม
กระแตเห็นหลงหน้าขรึมคิดว่าเบื่อ ก็เลยบอกว่า “เบื่อ ก็ไปนั่งรอในรถก็ได้จ้ะพี่หลง”
“พี่ไม่ได้เบื่อครับ” หลงหาข้ออ้างจะไปหาเจ๋ง “พี่ไปซื้อธูปนะครับ”
“เอาเงินไปจ้ะ” กระแตควักตังค์
“ธูปไม่แพง เงินพี่พอครับ ซื้อธูปแล้วพี่ไปรอที่รถเลยนะครับ”
หลงแยกไป
จอมนางจ้องจับผิด สงสัยหลง “ชอบหาข้ออ้าง แยกตัวไปคนเดียว”
คิดแล้วจอมนางขอแอบตามหลงไป
“อ้าวจอม ไม่ช่วยพี่เลือกใบตอง” กระแตเซ็งน้อง “บ้าจับผิดอยู่นั่นแหละ”
กระแตส่ายหัว หันไปเลือกใบตองต่อ
เสื้อยืดเจ๋งขายดิบขายดี ทั้งลายที่สกรีน “คนสวยบางไทร” และ “หล่อสุดในบางไทร” เจ๋งทอนเงินให้ลูกค้า
“เร็วๆ นี้จะออกลายใหม่ ไว้มาอุดหนุนอีกนะครับ”
หลงสลัดคราบกลับมาเป็นพงศ์เทพ เดินเข้ามาหาเจ๋ง ระหว่างเดินมา คอยมองหลังตลอด เผื่อจอมนางแอบตามมา
แต่จอมนางคอยหลบไม่ให้หลงเห็น
เจ๋งอยู่ที่แผงเสื้อยืดเห็นพี่เทพของมันระแวดระวัง เลยแซว “หนีหมายจับมาเหรอพี่”
“หมายจับผิดน่ะสิ จอมนางไม่เลิกจับผิดพี่ซะที เจ๋ง เอาเงินมาให้พี่ 2 ร้อย พี่จะไปซื้อธูป บ้านลิเกจะจัดงานบูชาครู”
เจ๋งควักแบ้งค์ให้เงินพงศ์เทพไป 2 ร้อย
จอมนางแอบดู เห็นหลงเอาเงินจากเจ๋ง
“ไว้พี่จะไปช่วยเอ็งสกรีนเสื้อ พี่ไปละ อยู่นานไม่ได้ แถวนี้มีตาสับปะรดคอยจับตาดู”
หลงเดินไปอีกทาง เจ๋งขายเสื้อต่อ
“พี่หลงไปสนิทสนมกับพี่เจ๋งตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงให้เงินกัน”
จอมนางมองจ้อง ครุ่นคิดติดใจสงสัย ว่าเจ๋งรู้จักสนิทสนมกับหลงตอนไหน และมากแค่ไหน ขนาดให้เงินกัน?
อ่านต่อหน้า 4
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 9 (ต่อ)
หลงซื้อธูปเทียนเรียบร้อยแล้ว กลับมารออยู่ที่รถข้างตลาด จอมนางกับกระแตหิ้วของมาเต็มมือ เป็นของในพิธีบูชาครู เช่น ใบตองผลไม้ต่าง ๆ ไข่ และอีกสารพัด หลงมาช่วยรับของใส่รถ
“ซื้อของครบแล้ว กลับบ้านจ้ะ”
“เดี๋ยวจ้ะพี่กระแต ชั้นอยากซื้อเสื้อซักตัว”
จอมนางตีหน้าตาย ไม่ออกพิรุธว่าจะจับผิดพี่หลงกับเจ๋ง
จอมนางทำเป็นเลือกเสื้อยืดสกรีน “คนสวยบางไทร” ว่าจะเอาสีไหนดี ส่วนกระแตเชิดใส่เจ๋งที่มองมาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
“สีนี้เหมาะกับคุณกระแต” เจ๋งส่งเสื้อยืดสีหวานให้กระแต
“ชั้นชอบสีดำ” กระแตกระแทกเสียงฉุนๆ
เจ๋งยิ้ม “อุ๊ย ชอบสีดำ แสดงว่าเป็นสาวลึกลับ น่าค้นหา”
“ชั้นชอบสีดำ เพราะเป็นสีไว้ทุกข์” กระแตกระแทกคำพูดใส่หน้าเจ๋ง “ใช้ใส่ไปงานศพ”
คำว่าศพกระเด็นกระดอนเต็มหน้าเจ๋ง จนเจ๋งยิ้มหน้าเจื่อน หลงมองนิ่งๆ อมยิ้มขำๆ
จอมนางเลือกสีเสื้อไป พลางหลอกถามเจ๋ง “พี่เจ๋งรู้จักมักจี่พี่หลงได้ยังไงจ๊ะ”
หลงระแวงจอมนาง ซอกแซกถามอะไรอีกหว่า
“ก่อนมาเช่าบ้าน พี่อาศัยนอนวัด พี่หลงไปไหว้พระ เลยคุ้นๆ กันครับ”
จอมนางคิดในใจ ไม่เชื่อย่ะ “แค่คุ้นๆ กัน ไม่ให้เงินกันหรอก”
แต่พูดออกมาว่า “แล้วนี่พี่เจ๋งไม่กลับบ้านกลับช่องตัวเองเหรอจ๊ะ”
“บ้านพี่ถูกยึดครับ ตั้งใจจะปักหลักอยู่บางไทร อยู่บางไทรแล้วรู้สึก...ฟิน...ฟรุ้งฟริ้ง” เจ๋งเหล่กระแต
“ไปเถอะจอม พี่ชังน้ำหน้าคนแถวนี้”
กระแตควงแขนจอมนางออกไป หลงขยิบตาขอบใจเจ๋งที่ไม่หลุดปาก แล้วตามสองสาวไปที่รถ
เจ๋งมองกระแต ตาหวานเชื่อม “สาวบางไทร...น่ารัก ฟรุ้งฟริ้ง”
ยามเย็น ครูเทียมเดินนำพร้อมพงศ์ที่แวะมาเยี่ยมผ่านประตูรั้วจะเข้าตัวบ้าน พร้อมพงศ์หิ้วกับข้าวมาหลายถุง
“ทีหลังมาบ้านครูไม่ต้องหิ้วของติดไม้ติดมือมานะพงศ์ สิ้นเปลือง”
หลงหิ้วถังน้ำ 2 ถัง เดินมาจากคลอง เหงื่อซ่ก เสื้อผ้าเปียกชุ่มน้ำ
“ไอ้โก๊ะไปไหนไม่มาช่วย” ครูหันไปถาม
“โก๊ะหิ้วน้ำจนปวดแขน ไปเอายานวด เดี๋ยวกลับมาช่วยครับ” หลงหันมาทางพ่อ “หวัดดีครับลุง”
หลงยิ้มทักทายพ่อตามมารยาท ไม่ให้ดูสนิทกันนัก จากนั้นก็หิ้วถังน้ำไปเทใส่ตุ่ม พลางหันมองระแวงพ่อ ว่ามาไม้ไหนอีก
ครูเทียมบอกพร้อมพงศ์โดยไม่อาย “บ้านน้ำโดนตัดน่ะ เพิ่งไปจ่ายค่าน้ำเมื่อเช้า พรุ่งนี้ประปาถึง
มาต่อมิเตอร์ วันนี้ต้องตักน้ำในคลองขึ้นมาใช้ก่อน”
พร้อมพงศ์มองลูกชายเทน้ำใส่ตุ่มข้างบ้าน พลางปาดเหงื่อ บีบต้นแขนตัวเองบรรเทาอาการปวดแขน พร้อมพงศ์ถึงกับซึมไปเลย สงสารลูก ที่ต้องมาลำบากลำบน
ครูเทียมตั้งวงกินข้าวตรงโต๊ะที่ระเบียงบ้าน กับข้าวเต็มวง เพียบ กว่าทุกมื้อ
โก่งมองจ้องตาโตเท่าไข่ห่าน “ภาพหลอนเหรอเปล่าเนี่ย”
ครูเทียมแกล้งเอานิ้วจิ้มตาโก่ง
“โอ๊ยครู จิ้มลูกกะตาชั้นทำไม”
“พิสูจน์ว่าเอ็งไม่ได้เห็นภาพหลอนไง จิ้มจริง เจ็บจริง”
“อภินันทนาการจากลุงพงศ์น่ะพี่โก่ง” กระแตยิ้มบอก
“ลุงพงศ์มากินข้าวบ้านนี้บ่อยๆ นะจ๊ะ ยินดีต้อนรับทุกมื้อ” โก่งยิ้มแต้
หลงมองแปลกใจพ่อ ด้วยรู้นิสัยพ่อดีว่าขี้งกมาก ไหงซื้อกับข้าวมาฝากบ้านลิเกเพียบ
พร้อมพงศ์บอก “กินให้หมดนะ อย่าให้คนซื้อเสียน้ำใจ”
ทุกคนเริ่มกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมพงศ์คอยมองหลง กินเยอะมั้ย กลัวลูกชายไม่อิ่ม หลงเห็นสายตาห่วงใยของพ่อที่มองมา หันไปมองกับข้าวแล้วซึ้ง คิดในใจ
“พ่อซื้อของที่เราชอบมาทั้งนั้น”
หลงเข้าใจแล้ว พ่อซื้อกับข้าวมาให้เขากินนี่เอง กลัวอดอยาก หลงมองซึ้ง พร้อมพงศ์ทำเมินใส่ลูก คนในวงมัวแต่กินข้าว ไม่ได้สังเกตปฏิกิริยาระหว่างพงศ์เทพกับพร้อมพงศ์
หลังมื้อเย็น พวกผู้ชายพากันลงอาบน้ำในคลองอย่างคุ้นชิน กำจาย โก่ง โก๊ะนุ่งผ้าขาวม้า กระโดดน้ำกันตูมๆ สนุกสนาน จนน้ำกระเด็นมาโดนครูเทียมกับพร้อมพงศ์บนศาลาริมน้ำ
“เฮ้ย ข้าไม่ได้เล่นน้ำด้วยนะเว้ย”
พร้อมพงศ์มองรอบๆ อย่างสบายอารมณ์ “น้ำในคลองยังใสสะอาด อาบกินได้ ไม่เหมือนที่กรุงเทพฯ เน่าจนปลายังว่ายน้ำหนีไปจังหวัดอื่น”
หลงนุ่งกางเกงขาสั้น กับเสื้อยืด ถือขันมาอาบน้ำ
ครูเทียมเห็นก็เลยถาม “ไม่มีผ้าขาวม้าเหรอหลง”
“มีครับ แต่ผมกลัวหลุดตอนอาบน้ำ”
หลงไม่กล้าลงคลอง เอาขันตักน้ำในคลองมาอาบ เสื้อก็ไม่ถอด ฟอกสบู่มันทั้งชุด พวกกำจายแกล้ง จะดึงหลงตกคลอง หลงขืนตัวไว้ นั่งอาบน้ำริมคลอง หลงไม่ถนัดนุ่งผ้าขาวม้าอาบน้ำในคลองอย่างพวกกำจาย
“ไอ้เจ้าหลงมันต้องเป็นหนุ่มกรุงเทพฯ ไม่เคยอาบน้ำในคลอง” ครูว่า
พร้อมพงศ์มองลูกชายกระมิดกระเมี้ยนอาบน้ำในที่โล่ง ท่ามกลางสายตาหลายคน รู้ว่าลูกอึดอัดใจ เพราะไม่เคย พร้อมพงศ์มองสงสารลูก
พร้อมพงศ์อาบน้ำเสร็จออกจากห้องน้ำ พลันนึกถึงลูกชายตอน กระมิดกระเมี้ยนใส่เสื้อผ้าเต็มยศ ตักน้ำอาบริมคลอง
“เทพ บางไทรไม่ใช่ที่ของเอ็ง ที่ของเอ็งคือกรุงเทพฯ”
ดึกคืนเดียวกัน จอมนางซุ่มในมุมลับตา ดักรอจับผิดเผื่อหลงแอบหนีออกไปตอนกลางคืนอีก กระแตย่องมาข้างหลัง แตะตัวจอมนาง แกล้งให้ตกใจ
“พี่กระแต ตกใจหมดแล้ว”
“พี่ตื่นมาไม่เห็นจอม เลยลงมาดู เล่นพิเรนทร์อะไรน่ะ”
“น้ากำจายบอกว่าเห็นพี่หลงออกไปนอกบ้านตอนกลางคืน ชั้นเลยมาซุ่มดูสองคืนติดแล้ว อยากรู้ พี่หลงออกไปทำอะไร”
“ไปเชื่ออะไรกับคนเมา ขึ้นนอน เที่ยงคืนกว่าแล้ว”
ฟ้าประทานเพิ่งกลับบ้าน หน้าตายิ้มแย้มเบิกบาน วันนี้เจ๊ทรงงามยอมลงทุนตั้งคณะลิเกให้
กระแตมองค้อน จ้องจับผิดฟ้าประทาน “อยู่บ้านแม่ยกจนดึก ไม่กลัวนังตุ้มฉีกอกเอาเหรอ”
“ผมจะไปไหนกับใคร ตุ้มไม่เกี่ยว”
ฟ้าประทานรู้ทันรีบหนีขึ้นข้างบน สีหน้าไม่ชอบใจที่ถูกกระแตคอยจับผิด
“หือ ไม่เกี่ยว แกสองคนน่ะเกี่ยวกระหวัดรัดเหนี่ยวกันไปถึงไหนแล้ว” กระแตเหน็บไล่หลังไป
“พี่กระแตว่าแต่ชั้นชอบจับผิดพี่หลง พี่กระแตก็ชอบผิดฟ้าประทานกับตุ้มเหมือนกัน”
กระแตค้อนจอมนาง ยอกย้อนพี่เชื้อนะยะ
ฟ้าประทานเข้าห้องเปิดไฟ เห็นตุ้มหน้าบึ้งตึงรออยู่เมื่อไหร่ไม่รู้
“ไปไหนมา ฮึ! กลับเอาดึกดื่นเที่ยงคืน”
“เบื่อ เลยขับรถไปเรื่อยๆ เจ๊ทรงงามยักท่า ยังไม่ลงทุนตั้งคณะลิเกให้ผม”
“จะใช้วิธีไหนก็ได้ หลอกล่ออีเจ๊นั่น แต่ห้ามเอาตัวเข้าแลก” ตุ้มด่า
ฟ้าประทานโกรธตุ้มมาก ลืมตัว พูดเสียงดัง “เกินไปแล้วนะตุ้ม! ผมไม่ใช่ผู้ชายอย่างว่า”
“ก็อีเจ๊นั่นจ้องงาบฟ้าประทานอยู่ ต้องขอของแลกเปลี่ยน”
“ผมใช้คารมกล่อมเจ๊ได้ ไม่ต้องใช้อย่างอื่น”
“แล้วถ้าจนหนทางจริงๆ ฟ้าประทานจะยอมมั้ยล่ะ”
ฟ้าประทานโกรธกรุ่นๆ “ผมไม่อยากคุยกับตุ้มแล้ว ออกไป”
ตุ้มเห็นฟ้าประทานโกรธจริง จึงต้องยอมออกมา
พอออกมาหน้าห้อง ตุ้มต้องตกใจ เมื่อเห็นครูเทียมยืนมาจากหน้าห้องนอนครู
“เอ็งเถียงกันอะไรเสียงดัง”
“อ่า..ชั้น...ชั้นบังคับให้ฟ้าประทานไปอาบน้ำ พี่หลงตักน้ำใส่ตุ่มไว้ให้แล้วฟ้าประทานดื้อ ไม่ยอมอาบจ้ะ เลยเถียงกัน ขอโทษนะจ๊ะที่เสียงดังทำครูตื่น”
ตุ้มกลัวโดนครูจับได้ว่ามีอะไรกับฟ้าประทาน จึงรีบผลุบเข้าห้องตัวเองไป
ครูเทียมมองตาม เริ่มสงสัยพฤติกรรมตุ้ม
เช้าวันถัดมา ครูเทียมหมุนเปิดก๊อกน้ำดู น้ำไหลแล้ว ชาวคณะทุกคนเฮ
“ไม่ต้องดองเค็มแล้วเรา”
“ชั้นกับพี่หลงตักน้ำในคลองใส่ตุ่มในห้องน้ำให้ กระแตไม่อาบน้ำล่ะ” โก๊ะว่า
“พี่กระแตเค้าสงสารพี่หลงกับโก๊ะ เลยไม่อาบน้ำจ้ะ”
โก่งแซวเล่น “ข้าว่าเป็นข้ออ้างซะมากกว่า ขี้เกียจอาบ”
“หลง ไปเทน้ำในตุ่มในห้องน้ำออกให้หมด ข้าอาบน้ำในคลองไม่ได้ คัน” ฟ้าประทานบอกขึ้น
ทุกคนอึ้งกับนิสัยฟ้าประทาน ใช้หลงชนิดไม่เห็นหัว ฟ้าประทานเข้าตัวบ้าน หันมาบอกหลงอีก
“อ้อ เปิดน้ำก๊อกใส่ตุ่มไว้ด้วยล่ะ เดี๋ยวข้าลงมาอาบน้ำ”
ฟ้าประทานสั่งหลงแล้วขึ้นบ้านไป
ครูเทียมบอกกับหลง “คิดว่าซะมันเป็นน้องเป็นนุ่งแล้วกันนะ เราเป็นพี่ อะไรยอมได้ก็ยอมให้น้อง”
“ฟ้าประทานอายุยังน้อย ผมไม่ถือหรอกครับครู”
หลงเฉยๆ ไม่ถือสาฟ้าประทาน แต่คนอื่นๆ กลับฮึดฮัด หน้าบึ้งตึง เคืองแทน
กระแตทำกับข้าว กำจายเข้ามาตักน้ำกิน กินไปไอโขลกๆ เพราะเจ็บคอเรื้อรัง
“ยังไม่หายอีกเหรอน้า”
“งดน้ำเย็นมาหลายวัน ดีขึ้นเยอะ”
“น้าน่าจะตื่นมาเห็นฟ้าประทานใช้งานพี่หลง แหม ทำอย่างกับเป็นเจ้าขุนมูลนาย ต้องเตรียมน้ำให้อาบ”
กำจายแปลกใจ “ยังเช้าอยู่เลย ฟ้าประทานตื่นแล้วเหรอ ปกติตื่นสายโด่ง”
“ไม่รู้ ออกไปไหนแต่เช้าจ้ะ”
กำจายสงสัย ฟ้าประทานไปหาเจ๊ทรงงาม
กำจายขับมอเตอร์ไซค์ตามมาถึงหน้าบ้านเจ๊ทรงงาม เห็นรถฟ้าประทานจอดอยู่
“มันมาบ้านเจ๊ทรงงามจริงๆ สองคนนี่ต้องมีความลับอะไรบางอย่าง”
กำจายสอดตามองหาที่ซุ่มดู กะจะจับผิดฟ้าประทานกับเจ๊ทรงงามให้ได้
ฝ่ายสองคนคุยกันอยู่ในห้องโถงบ้าน ฟ้าประทานรบเร้าเจ๊ทรงงามให้ลงทุนทำคณะลิเกให้
“เงินที่เจ๊ลงทุนไป จะได้กำไรคืนมาร้อยเท่านะครับ”
“ขอเวลาเจ๊ตัดสินใจอีกสองสามวันนะจ๊ะ”
“ผมยอมมาคุยกับเจ๊ก่อน ทั้งที่เจ๊ผิด เจ๊กลับไม่ยอมอ่อนให้ผมเลย”
เจ๊ทรงงามถูกกดดันหนัก ชักเริ่มหงุดหงิด “กดดันกันเหลือเกิน เจ๊จะบ้าตายอยู่แล้ว”
ฟ้าประทานใจแป้ว เห็นเจ๊ทรงงามอารมณ์ไม่ดี เลยตัดสินใจใช้ไม้ตายสุดท้าย ร้องลิเกอ้อนขอร้องเจ๊ทรงงาม
บทร้องลิเกเป็นเนื้อหาฟ้าประทานผู้มีชีวิตแร้นแค้น ปรารถนาให้เจ๊ทรงงามยอดรักเกื้อกูล
อารมณ์เวลาร้องลิเก ฟ้าประทานเศร้าโศกเป็นที่สุดเพื่อเรียกร้องความสงสาร
ฟ้าประทานร้องลิเกจบ น้ำตาร่วงตามบทร้องเป๊ะ เจ๊ทรงงามเห็นน้ำตาลูกรักก็ใจแทบขาด เศร้า อินสุดๆ
“ช่างบาดลึกหัวใจเจ๊...ก็ได้จ้ะ เจ๊จะลงทุนทำคณะลิเกให้ฟ้าประทาน กี่ล้านเจ๊ก็ทุ่ม”
ฟ้าประทานกรีดน้ำตา กราบงามๆ ที่อกเจ๊ทรงงามยิ้มสมใจ
ไม่นานนักฟ้าสองคนออกมาขึ้นรถที่หน้าบ้าน ฟ้าประทานยิ้มหน้าบาน เจ๊ทรงงามเพิ่งยอมลงทุนทำคณะลิเกให้ และกำลังจะไปดูชุดลิเก
“ไปตอนนี้ ร้านเปิดแล้วเหรอจ๊ะ”
“ไปถึงก็ 9 โมงแล้วครับ ร้านเปิดแล้ว”
ฟ้าประทานยิ้มไม่หุบ ดีใจจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่ คอยพะนอเอาอกเอาใจเปิดประตูรถให้ เจ๊ทรงงามหยิกแก้มเอ็นดูเหลือ ฟ้าประทานขับรถพาเจ๊ออกไป
กำจายแอบซุ่มดูฟ้าประทานอยู่ไกลไม่ได้ยินสองคนคุยกัน
“ไอ้ฟ้าประทานหน้าบานเป็นกะด้ง มันดีใจอะไร เจ๊ทรงงามให้อะไรมันอีก”
ตอนสาย โก่งตีตะโพน ซ้อมร้องออกแขก โก๊ะตีฉิ่งให้จังหวะ โก่งร้องออกแขก จังหวะสนุกๆ ท่าทางน่าขำ
ตุ้มเพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ลงมาจากข้างบน
“ตะวันไม่ส่องก้นไม่ตื่นนะตุ้ม” โก่งเหน็บ
“เรื่องของชั้นน่า ฟ้าประทานออกไปไหนจ๊ะ รถไม่อยู่”
“เห็นจอมว่ามันออกไปแต่เช้าตรู่ ไม่รู้ไปไหน”
ตุ้มสังหรณ์ใจผัวต้องดอดไปหาอีเจ๊ทรงงามแน่ ตุ้มหึง เดินกดโทรศัพท์มือถือไป
“ข้าว่า ตุ้มโทร.หาฟ้าประทาน” โก่งบอก
โก่งกับโก๊ะตาวาว วางเครื่องดนตรี ลุกตามไปแอบฟังตุ้มคุยโทรศัพท์
ตุ้มเดินมาหลบมุมโทรศัพท์หาฟ้าประทาน มีโก่งกับโก๊ะตามมาแอบฟัง ตุ้มคุยโทร เสียงเขียวใส่ฟ้าประทาน
“ไปทำอะไรที่บ้านอีเจ๊แต่เช้า”
ฟ้าประทานกำลังเลือกดูชุดลิเกลูกบทอยู่ในร้านตัดชุดลิเก หน้าตายิ้มแย้มเบิกบาน เจ๊ทรงงามคุยอยู่กับช่างตัด
ฟ้าประทานคุยสายกับตุ้มอารมณ์ดี “ผมอยู่ร้านตัดชุดลิเก จะสั่งตัดชุดพระเอก”
ตุ้มตื่นเต้น “เจ๊ทรงงามยอมลงเงินให้แล้วเหรอ”
“ใช่” ฟ้าประทานไม่ค่อยคุย สนใจชุดลิเกตรงหน้ามากกว่า
ตุ้มบอก “ฟ้าประทานจะพาชั้นไปอยู่ด้วยมั้ย”
“ตุ้มต้องมาเล่นให้คณะของผมอยู่แล้ว ไว้ผมกลับบ้านจะเล่าทุกอย่างให้ฟัง แค่นี้ก่อนนะตุ้ม”
ฟ้าประทานกดยกเลิกสาย ดูชุดลิเกต่อ
“ผิดคำพูดล่ะก็ ชั้นเอาตาย” ตุ้มคำรามแล้วเดินฟึดฟัดไป
โก่งกับโก๊ะหูผึ่ง โก๊ะปะติดปะต่อเรื่องผิดๆ ถูกๆ
“ตุ้มพูดว่า จะพาชั้นไปอยู่ด้วยมั้ย จะออกไปอยู่กินกับฟ้าประทาน ผัวเมียกันชัวร์”
“มันแอบรักกันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
ส่วนที่ร้านตัดชุดลิเก ฟ้าประทานตื่นตาตื่นใจกับชุดลิเกลูกบท ปักคริสตัลแวววาว หันไปถามช่าง
“ชุดลิเกลูกบท สวยกว่าชุดลิเกทรงเครื่องนี้เป็นไหนๆ ชุดแบบนี้เท่าไหร่ครับ”
“แสนถ้วน”
เจ๊ทรงงามตาเหลือกร้องลั่น “แสนนึง”
ฟ้าประทานอ้อน “เจ๊ครับ สั่งตัดชุดลิเก ก็เหมือนเจ๊สร้างตลาด ลงทุนครั้งเดียว เก็บกินได้เป็นสิบๆ ปี ชุดลิเกก็ใช้ได้จนผมเลิกเล่น”
เจ๊ทรงงามจำต้องยอม “อ่ะ สั่งตัดเลยแล้วกัน เป็นแสนเจ๊ก็ควัก”
“ผมจะใส่ชุดลิเกอยู่บ้านให้เจ๊ดูทู้กกกวัน”
“ขอวัดตัวหน่อยจ้ะ”
ฟ้าประทานมีความสุขเหลือล้น ยิ้มทั้งตาทั้งปาก ยืนยืดให้ช่างวัดตัวอย่างสาสมใจ
อ่านต่อตอนที่ 10