xs
xsm
sm
md
lg

ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 4

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 4

เย็นลงแล้ว พระอาทิตย์กำลังตกดิน กระแตชะเง้อรอฟังข่าวปู่ ตุ้ม โก่งกำจายไม่ห่วงนัก

“ครูเทียมไปวัดแหละกระแต” ตุ้มเอ่ยขึ้น
“ปู่ไม่เคยหายไปทั้งวันแบบนี้” กระแตว่า
“คุยกับหลวงพ่อเพลินน่ะ ไอ้หลงนี่ซี่ ไม่รู้มันหลงไปไหน พวกลุงหาทั่วตลาดแล้วไม่เจอ” กำจายเป็นห่วงหลงที่หายตัวไปเช่นกัน
“เพี้ยง ขอให้มันจำทางกลับบ้านได้ทีเถ๊อะ” โก้งยกมือเหนือหัว ชะเง้อรอหลง
“พวกน้ากำจายก็น่าจะดูพี่หลงให้ดี เจอปู่แล้ว เราค่อยตามหาพี่หลง” กระแตสรุป
จอมนางกับโก๊ะขี่มอเตอร์ไซค์กลับมาพอดี
“ปู่ไม่อยู่ที่วัด”
“ชั้นถามพวกเด็กวัด ก็ไม่มีใครเห็นครูเทียม”
“ปู่ไปไหนนะ มือถือก็ไม่เอาไป”
จอมนางพึมพำ ชะเง้อมองถนนหน้าบ้าน อยากเห็นปู่เดินกลับมา ชาวคณะทุกคนชักกังวล ห่วงครูเทียมเช่นกัน

ที่แผนกระบบประสาทโรงพยาบาลบางไทร
ครูเทียมนั่งรอตรวจ หลงซื้อขนมปังกับน้ำมาให้ครูเทียมกินรองท้อง
“เงินทอนครับครู”
“ของเอ็งล่ะ”
“ผมไม่หิวครับ”
“เฮ้ย ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เที่ยง นี่สามโมงกว่าแล้ว ไปซื้ออะไรมากินเอ้า เอาไปอีกร้อยนึง” ชายชรายื่นแบงก์ร้อยให้หลง
“ผมหิ้วท้องไปกินที่บ้านได้ครับ”
ครูเทียมมองหลงอย่างพอใจในนิสัยใจคอหลง
“ข้าไม่รู้เอ็งเป็นลูกเต้าเหล่าใคร แต่พ่อแม่เอ็ง สอนเอ็งมาดี เอ็งไม่ใช่คนเห็นแก่ได้เห็นแก่กิน”
หากเจอพร้อมพงศ์ครูเทียมอาจต้องเปลี่ยนความคิดนี้
หลงยิ้มรับคำชม พลางบอก “เมื่อกี้ผมถามพยาบาล อีกชั่วโมง หมอถึงจะลง ทั้งโรงพยาบาลมีหมอระบบประสาทอยู่คนเดียว ตอนนี้ตรวจคนไข้อยู่บนตึก”
“ข้ารอไหว นั่งรอนอนรอมาสามสี่ชั่วโมงแล้ว รออีกชั่วโมงจะเป็นไรไป”
ครูเทียมบิขนมปังแบ่งให้ หลงบิออก แบ่งมากินนิดเดียว กลัวครูไม่อิ่ม

จอมนางกำลังสั่งชาวคณะให้กระจายกำลังกันตามหาครูเทียม
“น้ากำจายกับพี่โก่งไปเดินหาตามบ้าน ตุ้มกับโก๊ะไปดูตามริมคลอง ปู่ชอบไปเดินเล่น”
ฟ้าประทานขับรถกลับมา เห็นชาวคณะกำลังเคร่งเครียดทั้งแถบก็รู้สึกแปลกใจ
“มีเรื่องอะไรกัน”
ตุ้มบอก “ครูเทียมหายไปจ้ะ”
จอมนางเอ่ยขอร้องขึ้น “ฟ้าประทาน เอารถไปขับหาปู่ที่ถนนใหญ่”
“ครูจะไปทำอะไรที่ถนนใหญ่น่ะจอม”
“เผื่อปู่ไปนั่งเล่นตามศาลาริมถนน ชั้นกับพี่กระแตจะไปหาที่ตลาด ใครเจอปู่ ก็โทร.บอกกันด้วย”

จอมนางสรุป ทุกคนรีบแยกย้ายกันไปตามหาครูเทียม

ในห้องตรวจตอนนี้ ครูเทียมวางมือสองข้างบนโต๊ะ ให้หมอวินิจฉัยอาหาร มือขวาครูเทียมสั่นนิดๆ แต่มือซ้ายไม่สั่น

“มือขวาสั่นข้างเดียว กำมือขวาสิครับ”
“กำได้ไม่แน่นครับคุณหมอ ไม่ค่อยมีแรง” ครูบอก
หมอประเมินแล้ววินิจฉัยโรค “ดูจากอาการเบื้องต้น อาจเป็นโรคหลอดเลือดสมอง หรือไม่ก็โรคพาร์กินสัน”
“สองโรคที่ว่าเนี่ย โรคไหนร้ายแรงกว่ากันครับคุณหมอ”
“โรคหลอดเลือดสมอง ถ้าเป็นไม่มากก็รักษาหาย แต่โรคพาร์กินสัน ยังไม่มียารักษาให้หายขาดครับ” หมอบอก
ครูเทียมพูดติดตลก “ผมขอใช้สิทธิ์ผู้ป่วย ขอเลือกเป็น...โรคหลอดเลือดสมองครับ”
หลงกับหมอยิ้ม ที่เห็นครูเทียมยังมีอารมณ์ขัน
“หมอครับ แล้วจะรู้ได้ยังไงครับ ครูเทียมเป็นโรคอะไรกันแน่” หลงถาม
“ต้องเอ็กซเรย์สมอง” หมอบอก
ครูเทียมทวนคำ “เอ็กซเรย์สมอง”
หลงยังตกใจแทนครู
“ให้หมอนัดวันเอ็กซเรย์เลยมั้ยครับ”
“ตามสบายครับ หมอว่างวันไหน ผมก็มาวันนั้นแหละ”
ครูเทียมยังยิ้มได้ เห็นความเจ็บป่วยเป็นเรื่องธรรมดา หลงซะอีก ยิ้มไม่ออก ห่วงครูเทียมจับจิตจับใจ

มืดแล้ว หลงกับครูเทียมนั่งรอจ่ายเงินอยู่ในโถงโรงพยาบาล
“อยู่จนมืดเลย”
“รอตรวจน่ะดีแล้วครับครู ได้เจอหมอผู้เชี่ยวชาญ”
“หลงเอ๊ย มือข้าไม่สั่นแล้ว” ครูเทียมดีใจ
“อย่างที่หมอบอกน่ะครับ เวลาขยับ จะไม่สั่น อยู่นิ่งๆ จะสั่น”
“เอ็งห้ามบอกคนที่บ้านล่ะว่าข้าไม่สบาย โดยเฉพาะจอม ห้ามให้รู้เป็นอันขาด” ครูเทียมบอก
หลงท้วงไม่เห็นด้วย “ครูเทียมครับ ผมคิดว่าคุณจอมนางมีสิทธิ์รู้ว่าปู่ตัวเองป่วยนะครับ คุณจอมนางรักครูเทียมมาก ต้องอยากดูแลครู”
“จัดการเรื่องจุกจิกในคณะ จอมมันก็ยุ่งพอแล้ว”
“คนเรายุ่งแค่ไหน ก็มีเวลาให้บุพพาการีครับ” หลงว่า
“เอาไว้ฤกษ์งามยามดี ถึงเวลาที่เหมาะที่ควร ข้าจะบอกหลานข้าเอง” ครูสรุป
หลงไม่ขัดใจครูเทียม ให้ปู่กับหลานเค้าคุยกันเองละกัน
ครูเทียมเล่นมือตัวเอง ลองขยับ มือก็ไม่สั่น แต่พออยู่นิ่งๆ มือก็สั่นเองน้อยๆ หลงขำครูเทียมเห็นอาการเจ็บป่วยเป็นเรื่องสนุกซะงั้น

ทางฝ่ายชาวคณะกระจายกำลังกันตามหาครูเทียมในที่ต่าง ๆ
กำจายกับโก่ง เทียวเดินหาครูเทียมตามบ้านเรือนคนรู้จักละแวกใกล้ๆ บ้านพัก แต่ไม่มีใครเจอครู
ตุ้มกับโก๊ะเดินส่องไฟฉายตามหาครูเทียมตามริมคลอง แต่ก็ไม่เห็น
ฟ้าประทานขับรถช้าๆ มาตามถนนใหญ่ มองหาครูเทียมตามริมถนน ศาลาพัก แต่ก็ไม่เห็นครู
จอมนางกับกระแตขี่รถมอเตอร์ไซค์ ตามหาครูเทียมในตลาด วนหาหลายรอบทุกซอกซอยไม่มีวี่แววครู

จอมนางจอดรถมอเตอร์ไซค์ในตลาด หลังขี่วนหาปู่ทั่วตลาด
“ปู่ไม่ได้มาตลาด” จอมนางเริ่มใจเสีย เพราะมืดแล้ว
“ป่านนี้ปู่กลับบ้านแล้วล่ะ เรารีบกลับบ้านเหอะจอม” กระแตะบอก
“กลับบ้านไม่เจอใคร ปู่ก็ต้องโทร.หาชั้น”
จอมนางมองไปในตลาด แทบไม่มีคน เพราะตกตอนกลางคืน แม่ค้าพ่อขายตลาดต่างจังหวัด ต่างปิดแผงแยกย้ายกันกลับบ้านเข้านอนเร็ว
“ปู่หายไปไหน”

จอมนางใจหาย น้ำตาคลอ เป็นห่วงปู่จับใจ

อ่านต่อหน้า 2

ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 4 (ต่อ)

ในที่สุดหลังจากตามหาครูเทียมไม่เจอ ชาวคณะยกพลมาแจ้งความบนโรงพักสภอ.บางไทร ในตอนกลางคืน จอมนางร้อนใจ เป็นห่วงปู่มากกว่าใคร อ้อนวอนตำรวจเวรจนน่าสงสาร

“ช่วยชั้นทีเถอะจ้ะพี่ ชั้นหาปู่ไม่เจอ ปู่ไม่เคยหายไปแบบนี้ต้องเกิดอะไรขึ้นกับปู่”
จอมนางจะร้องไห้อยู่แล้ว กระแตกับตุ้มประกบข้าง ปลอบจอมนาง
“จอมต้องเข้าใจนะ ยังไม่ถึง 24 ชั่วโมง ยังรับแจ้งความคนหายไม่ได้” ตำรวจบอก
“งั้นทางตำรวจทำอะไรได้บ้างครับ” กำจายถาม
“เอางี้แล้วกัน ผมจะวิทยุแจ้งด่านทุกด่านแถวนี้ ตำรวจละแวกนี้รู้จักครูเทียมถ้าเจอ จะพาครูไปส่งบ้าน” ตำรวจเวร
“ขอบคุณมากจ้ะพี่” จอมนางไหว้ตำรวจ
แม้ตำรวจออกปากว่าจะช่วย แต่จอมนางกับชาวคณะก็ไม่คลายความวิตกกังวล ว่าครูเทียมหายไปไหน?

ชาวคณะออกจากโรงพัก นั่งอัดกันมาในรถฟ้าประทานเป็นปลากระป๋อง ฟ้าประทานจอดรถให้ทุกคนลงหน้าบ้าน จอมนางหน้าเศร้า เป็นห่วงปู่ไม่คลาย
“ทำใจให้สบายจอม เดี๋ยวตำรวจก็เจอครู ครูไปไหนไม่ไกลหรอก” โก่งปลอบ
มีรถกระบะอีกคันแล่นมาจอด แสงไฟส่องเข้าตาชาวคณะ จอมนางเพ่งมองย้อนแสงไฟ เห็นคนลงจากรถกระบะคันนั้น 2 คน
“ปู่” จอมนางวิ่งถลาไปกอดปู่ ร้องไห้
ครูเทียมงง “เป็นอะไรลูก”
“จอมตามหาปู่จนทั่วเลยจ้ะ ปู่หายไปไหนทำไมไม่บอก มือถือก็ไม่เอาไป” กระแตถามกลับ
จอมนางร้องไห้คร่ำครวญ “ปู่อย่าทำอย่างนี้อีกนะ ชั้นกลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอย”
“ไม่หรอกลูก มาๆ โอ๋ๆ”
ครูเทียมโอบกอดหลานสาว ปลอบให้หยุดร้องไห้
หลงแปลกใจ ทำไมจอมนางต้องร้องไห้ขนาดนี้ เลยกระซิบถามกำจาย
“ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เรื่องอะไรครับ”
กำจายกระซิบตอบ “พ่อแม่จอมรถคว่ำตาย จอมมันเหลือครูเทียมคนเดียว”
“แล้วกระแตล่ะครับ ไม่ใช่พี่สาวคุณจอมนางเหรอ”
“จอมมันเป็นลูกคนเดียว กระแตเป็นลูกพี่ลูกน้อง”
หลงเข้าใจแล้ว ทำไมจอมนางถึงร้องห่มร้องไห้ที่ปู่หายไป คิดในใจ
“ถ้าคุณรู้ว่าครูเทียมป่วยหนัก คุณจะเสียใจแค่ไหนนะคุณจอมนาง”
หลงมองจอมนางอย่างเป็นห่วง ผู้หญิงตัวเล็กๆ จะทนต่อการสูญเสียญาติสนิทเพียงคนเดียวได้มั้ยหนอ?

ชาวคณะอออยู่เต็มโถงบ้านครูเทียม และกำลังแกะห่อผัดไท ที่ครูเทียมซื้อมาฝากคนละห่อ จอมนางหายเศร้าแล้ว ยิ้มร่าเริง
“ร้ายจริงนะจ๊ะปู่ ซื้อของมาเซ่น เลยงอนไม่ลง”
ครูเทียมโกหก “ปู่ก็ว่าจะโทร.บอก แต่เที่ยวจนลืม ปู่เหมารถกระบะ พาหลงตระเวนเที่ยวในเมือง”
“เอ๊ะ ลุงกำจายบอกว่า พี่หลงหายไปที่ตลาด ปู่ไปเจอพี่หลงได้ยังไงจ๊ะ”
หลงช่วยแต่งเรื่องโกหก “ผมเดินหาถุงเสื้อผ้าที่ทำหล่น บังเอิญไปเจอครูเข้าครับ”
ครูเทียมเสริมเป็นปี่เป็นขลุ่ย “ปู่เห็นหลงเป็นคนต่างที่ต่างถิ่นมาอยู่ เลยพาไปดูของคู่บ้านคู่เมืองอยุธยา”
“ครูพาพี่หลงไปถนนสายไหม น่าซื้อขนมสายไหมติดมือมาซักถุงนะจ๊ะ” โก๊ะว่า
ครูเทียมด่าขำๆ “ขนมสายไหมจังหวัดสิเอ็ง เป็นของคู่บ้านคู่เมือง ข้าพาไปไหว้พระ พระใหญ่วัดพนัญเชิง วัดพระศรีสรรเพชร ไปตั้ง 9 วัด”
ตุ้มเอ่ยขึ้น “มิน่า กลับซะมืดเลย” ทุกคนพยักหน้ารับรู้
ฟ้าประทานหมั่นไส้ หาเรื่องหลง “ทำครูเสียตังค์ อยากไปไหว้พระ ก็ไปเองดิวะ”
หลงไม่เถียงกับฟ้าประทาน ไร้สาระ
หลงกับครูเทียมลอบยิ้มให้กัน จอมนางกับชาวคณะเชื่อสนิทใจ ว่าครูพาหลงไปไหว้พระ 9 วัด

พวกหลงอยู่หลังครัว กำลังจะล้างจานที่กินผัดไทเมื่อกี้ หลงเขี่ยผัดไทที่เหลือในแต่ละจานมารวมกัน
“เมื่อกี้ข้าไม่อิ่ม” กำจายทำท่าจะกินผัดไทที่เหลือ
“ผมจะเอาไปให้...” หลงไม่พูดดีกว่า
โก๊ะบอก “น้ากำจายอย่าแย่งหมากิน พี่หลงจะเอาให้ไอ้หลงหน้าบ้าน”
“ไอ้หลงมันไม่ชอบผัดไทเว้ย มันไม่กินเส้น” กำจายเถียงแทนหมาไอ้หลง
“คุยกับหมารู้เรื่องด้วย” โก่งประชด
“กับพวกเอ็งข้าก็คุยรู้เรื่อง พูดภาษาเดียวกัน”
กำจายซัดผัดไทที่เหลือ กะไม่เหลือเผื่อหมา

ขณะเดียวกัน พร้อมพงศ์กับเจ๋งออกตระเวนตามหาพงศ์เทพ จนขับรถมาช้าๆ จอดหน้าบ้านครูเทียม เจ๋งทักท้วงที่พร้อมพงศ์จะลงไปถาม เพราะเห็นว่ามืดค่ำแล้ว
“ไว้ค่อยมาถามวันหลังเหอะลุง ดึกแล้ว เค้านอนกันแล้วละ”
“ไฟยังเปิดอยู่เว้ย บ้านหลังนี้ใหญ่ ไอ้เทพอาจมาขออาศัยอยู่บ้านนี้ก็ได้”
พร้อมพงศ์ลงรถ ไปยืนเกาะรั้วบ้าน มองไปเห็นชามข้าวหมาวางอยู่มุมหนึ่ง
“มีหมาด้วยเว้ย”
พร้อมพงศ์สอดตามองหาหมา ด้วยเป็นคนกลัวหมาขึ้นสมอง

พวกหลงยังล้างจานไม่เสร็จ กำจายซัดผัดไท เหลือไว้ให้หมาหน่อยเดียว
“อ่ะ หลง เอ็งเอาไปให้ไอ้หลงหน้าบ้าน”
“ขอบคุณนะครับที่เหลือเผื่อหมา” หลงว่า
“เออ บอกไอ้หลงมันด้วย เผ็ดไปนิด ให้มันดื่มน้ำตามเยอะๆ”
หลงหัวเราะคำพูดลุงกำจาย แล้วเดินถือจานผัดไทที่เหลือออกไปให้หมาไอ้หลงหน้าบ้าน

พร้อมพงศ์ยืนชะเง้อเกาะรั้วหน้าบ้าน มองหาคนในบ้าน ไฟในบ้านยังเปิด คนในบ้านต้องยังไม่นอน เจ๋งรออยู่ในรถ
ขณะที่พร้อมพงศ์อ้าปาก จะตะโกนเรียกคนในบ้าน
เจ๋งร้องห้ามซะก่อน “อย่าเลยลุง ไปเหอะ”
หลงถือจานผัดไทที่เหลือลัดเลาะมาตามทางเดิน ตรงมายังหน้าบ้าน
พร้อมพงศ์หันไปหาด่าไอ้เจ๋งในรถ น้ำเสียงประชด
“เอ็งนัดสาวไว้รึไง ถึงรีบ”
“ทำเจ้าของบ้านตื่น โดนเค้าด่านะ”
หลงกำลังจะออกมาหน้าบ้านแล้ว
“เออๆ ค่อยมาใหม่ก็ได้วะ”
พร้อมพงศ์ขึ้นรถ ขับออกไป
คล้อยหลังรถกระบะพร้อมพงศ์เคลื่อนออกไปไม่นาน หลงก็ถือจานผัดไทมาหน้าบ้าน คลาดกับพ่อนิดเดียว

คืนเดียวกัน ที่เลาจน์เสี่ยเต๊กตอนนี้ เบิ้มกับพลรายงานเรื่องพร้อมพงศ์
“พวกผมไปดักทุกคืน เฮียพงศ์ไม่กลับบ้านเลยครับ” พลบอก
“เฮียพงศ์ต้องหนีไปอยู่กับลูก หึย...มันกะล่อนทั้งพ่อทั้งลูก”
เบิ้มเสริม “เสี่ยรู้จักเฮียพงศ์มานาน เฮียพงศ์มีญาติที่ไหนบ้างครับ พวกผมจะไปตามหา”
เสี่ยเต๊กหงุดหงิด พาลโมโห “ตอนนี้คิดไม่ออกเว้ย! คิดออกแล้วจะบอก”
เบิ้มกับพลจรลีไปก่อนโดนลูกหลงเสี่ยที่พาลหนัก บริกรสาวสวยเอากับแกล้มมาเสิร์ฟ เสี่ยเต๊กยิ้มย่อง หายหงุดหงิดเป็นปลิดทิ้ง
“น้องเชอร์รี่ มาได้จังหวะพอดีเลยจ้ะ เสี่ยกำลังหาคนปลอบใจ เสี่ยเครียด”
“หนูนวดขมับคลายเครียดให้ค่ะเสี่ย”
“คลายเครียดวิธีเนี้ย ไม่ได้ผลกับเสี่ย เสี่ยต้อง...จิ้ม”
เชอร์รี่ใส่จริตดีดดิ้น “ว้ายเสี่ยอ่ะ ลามก”
“หือ คิดอะไรน่ะหนูเชอร์รี่ เสี่ยหมายถึง เสี่ยอยากจิ้ม...ลูกกะตาหนู ฮะๆๆๆ”
เสี่ยเต๊กหยอกเย้าจิ้มตาสาวเสิร์พ หายเครียดเรื่องพงศ์เทพไปชั่วขณะ

เช้าวันถัดมา หลงต่อสายจะทำสปริงเกอร์ให้จอมนาง จะได้ไม่ต้องรดน้ำผักเอง โก๊ะเป็นลูกมือช่วยหลง
จอมนางกลัวเปลืองไฟ ตามนิสัยตระหนี่
“ไอ้สปริงเกอร์เนี่ย กินไฟมั้ยจ๊ะพี่หลง”
“นิดเดียวครับ” หลงสอนจอมนางกลายๆ ให้เข้าใจชีวิต “ชีวิตคนเรานี่ไม่แน่นอนนะครับจอม ใครจะรู้ อยู่ๆ พี่ก็โดนรถชน ความจำเสื่อม ไม่แน่วันนี้พี่ไปพายเรือเล่น พี่อาจจมน้ำตาย”
“ถ้ารู้ว่าจะตาย ก็อย่าไปพายดิพี่” โก๊ะแย้ง
“ไม่มีใครรู้วันตายตัวเองหรอกโก๊ะ ทุกคนต้องเจ็บ ต้องป่วย ต้องตาย อายุขัยเฉลี่ยมนุษย์อยู่ที่ราว 70 ปี คนที่อยู่นานเกิน 70 ถือว่าคุ้มแล้ว”
ครูเทียมแอบฟังอยู่ห่างๆ รู้ว่าหลงกำลังสอนจอมนางให้เข้าใจชีวิต
จอมนางมองจับผิดหลง “พี่หลงพูดจาเหมือนคนมีความรู้ หรือ..พี่หลงเป็นครู”
หลงถอนหายใจ เฮ้อ...จับผิดอีกแระ เลยทำเป็นก้มหน้าต่อสายสปริงเกอร์ต่อดีกว่า
“ขอบใจนะหลงที่ช่วยสอนหลานข้า”

ครูเทียมรำพึงรำพัน นึกกังวลไม่น้อยเลย หากตนเป็นอะไรไป จอมนางจะอยู่ยังไง

ครูเทียมกลับขึ้นห้อง ตั้งใจแต่งกลอนลิเก มือขวาที่จับด้ามปากกา มือสั่น แม้สั่นไม่มาก ก็ทำให้เส้นตัวหนังสือออกมายึกยือ นึกถึงตอนหมอตรวจอาการขึ้นมา

“ดูจากอาการเบื้องต้น อาจเป็นโรคหลอดเลือดสมอง หรือไม่ก็โรคพาร์กินสัน” หมอบอก
ครูเทียมถาม “สองโรคที่ว่าเนี้ย โรคไหนร้ายแรงกว่ากันครับคุณหมอ”
“โรคหลอดเลือดสมอง ถ้าเป็นไม่มากก็รักษาหาย แต่โรคพาร์กินสัน ยังไม่มียารักษาให้หายขาดครับ”
นึกแล้ว ครูเทียมมองมือขวาตัวเอง สั่นนิดๆ ยังมีอารมณ์ขัน
“เอาวะ พออาการหนัก ยุบคณะลิเกเปิดตำหนักทรงเจ้าสั่นเอง ไม่ต้องแกล้งสั่น ฮะๆๆ”
สายเข้าโทรศัพท์มือถือครูเทียมกดรับสาย
“ครูเทียมพูด”

กระแตกับตุ้มปักซ่อมชุดลิเกอยู่ในห้องโถง ปักไป ทะเลาะกันไป
“แฟนแกเป็นซุปตาร์รึไง ถึงบอกไม่ได้” กระแตถาม
“วุ้ย รำคาญอีพวกหาผัวไม่ได้ ชอบจุ้นเรื่องชาวบ้าน” ตุ้มค้อนควัก
ครูเทียมยิ้มร่าลงมาบอกข่าวดี
“มีคนโทร.มาจ้างงานแล้ว”
สองสาวเลิกทะเลาะ หันมายิ้มร่าดีใจ มีงานซะที

ชาวคณะซ้อมลิเกอยู่ตรงลานหลังบ้าน เตรียมเล่นงานบวช เครื่องดนตรีเกือบครบ มีระนาด ตะโพนครูเทียมตีฉิ่งเอง ถือฉิ่งในมือ
“งานนี้เราจะเล่นเรื่อง “เกียรติศักดิ์นักสู้” ที่แสดงในวันประกวด มาซ้อมพาทย์สำคัญก่อน พาทย์ที่พระเอกบังคับรถม้ากษัตริย์ไปล้ม พระเอกจะปลิดชีพตนเอง นางเอกมาห้ามผัว”
คนที่จะเล่นไปยืนกลางลาน
ครูเทียมกังวลอาการสั่นที่มือขวา ก้มมองมือขวาตัวเอง ที่อ่อนแรงจับฉิ่งไม่เต็มมือ
“โก๊ะ เอ็งมาตีฉิ่ง”
“ปกติครูตีเองนี่จ๊ะ”
“วันนี้มือข้ามันขี้เกียจเว้ย มันอยากอยู่เฉยๆ ซักวัน”
ฟ้าประทานหมายจะหาเรื่องแกล้งหลง บอกว่า
“ให้หลงตีสิครับครู หลงเพิ่งหัดลิเก ฝึกตีฉิ่ง ได้แม่นจังหวะ”
หลงมองระแวงฟ้าประทาน ว่าจะแกล้งกันอีกหรือเปล่า หน้าตาไม่น่าหวังดี

ครูเทียมนำซ้อมลิเกพาทย์สำคัญ เป็นฉากฟ้าประทานกับจอมนางร้องลิเก ตามด้วยพาทย์พระเอกจะปลิดชีพตนเอง และเมียมาห้าม
หลงตีฉิ่งไม่เข้าจังหวะเล้ย
ฟ้าประทานโวยลั่น “เฮ้ย คร่อมจังหวะ”
“ขอโทษครับ ขอลองอีกทีครับ”
ฟ้าประทานเริ่มร้องลิเกอีกรอบ หลงก็ตีฉิ่งคร่อมจังหวะอีก
ฟ้าประทานหงุดหงิด พูดดูแคลน “นี่เหรอวะ ว่าที่ลิเกใหม่ จังหวะมั่วไปหมด”
“ตอนฟ้าประทานหัดลิเกใหม่ๆ ก็ตีฉิ่งคร่อมจังหวะเหมือนกันแหละว้า” โก๊ะยัวะแทนหลง
ฟ้าประทานเคืองโก๊ะ “ไอ้หลงมันเป็นญาติฝ่ายพ่อเอ็งรึไงวะ ถึงเข้าข้าง”
โก๊ะสวน “ฝ่ายญาติพ่อฟ้าประทานอ่ะดิ”
“ไอ้โก๊ะ”
ฟ้าประทานจะเอาเรื่องโก๊ะ หลงเข้ามาขวางกลางสองคน

ขณะเดียวกันพร้อมพงศ์กับเจ๋งพากันมาหยุดยืนหน้ารั้วบ้านครูเทียม สอบถามตามหาพงศ์เทพ
“บ้านหลังนี้ใช่มั้ยวะ ที่เรามาเมื่อคืน”
“ใช่ลุง”
หมาไอ้หลงวิ่งมา เห่าไล่ โฮ่งๆๆ
“เฮ้ย ท่าทางดุว่ะ” พร้อมพงศ์กระโดดหนีกลัวหมากัด

ส่วนที่ลานหลังบ้านบรรยากาศตึงเครียด ฟ้าประทานผลักอกหลงให้พ้นทาง จะเล่นงานโก๊ะ
“คนที่ชอบใช้กำลัง คือคนที่มีนิสัยเยี่ยงอันธพาล” หลงเอ่ยขึ้น
“มึงด่ากูอีกแล้วนะไอ้หลง! ปากดีนักใช่มั้ยมึง”
ฟ้าประทานจะต่อยหลงอยู่แล้ว ครูเทียมร้องห้าม
“เฮ้ย หยุด”
ฟ้าประทานเกรงใจครูเทียม ไม่ต่อยหลง
“กินข้าวหม้อเดียวกัน ต้องรักใคร่สามัคคีกัน”
“ผมรักมันไม่ลงหรอกครู เห็นหน้าก็อยากตะบันหมัดแล้ว” ฟ้าประทานได้แต่ฮึดฮัด
เสียงหมาไอ้หลงเห่ากรรโชก โฮ่งๆๆๆ ดังมาจากหน้าบ้าน
“มีคนมา” จอมนางจะผละไปดู
“ไม่ต้องจอม” ครูหันมาทางหลง “หลงเอ๊ย เอ็งไม่ต้องช่วยซ้อมแล้ว ไปดูหน้าบ้าน ใครมา
“ครับครู”
หลงเดินไปแล้ว ชาวคณะยกเว้นตุ้ม มองฟ้าประทานเป็นเชิงตำหนิ ที่พระเอกคนดังชอบหาเรื่องหลง

พร้อมพงศ์กับเจ๋งโดนหมาไอ้หลงแยกเขี้ยวใส่
พร้อมพงศ์กลัวจับใจ “ในรถมีขนมเปล่าวะ เอามาให้มันกิน”
“มีลูกอม เอามั้ยลุง” เจ๋งบอก
พร้อมพงศ์เซ็งเป็ด “ให้มันอมลูกอม! ไม่ให้มันแกะกินเองซะเลยล่ะ”
หลงกำลังเดินลัดเลาะมาทางหน้าบ้าน
หมาไอ้หลงขู่กรรโชกพร้อมพงศ์กับเจ๋ง โฮ่งๆๆๆ ไม่หยุด
“ไปเหอะวะ โดนกัดไม่คุ้ม”
พร้อมพงศ์กับเจ๋งรีบเผ่นขึ้นรถ หลงออกมาถึงหน้าบ้าน ไม่ทันเห็นรถพ่อ ได้ยินแต่เสียงรถแล่นออกไป
“มีคนมาเหรอหลง”
หมาไอ้หลงกระดิกหางดิ๊กๆ เห่าตอบหลง โฮ่งๆ คงอยากจะบอกว่า ใช่ๆ
หลงไปชะเง้อดูตรงถนน ในจังหวะที่รถกระบะพร้อมพงศ์เลี้ยวหายไปตรงหัวมุมพอดี

หลงมองไปบนถนนไม่เห็นรถกระบะพ่อแล้ว ส่ายหัวสีหน้าแปลกใจ ไม่เห็นมีใคร แล้วหมาเห่าอะไรฟระ?

ฝ่ายฟ้าประทานอยู่ในห้อง หงุดหงิดโมโหไม่หาย ตั้งแต่หลงมาอยู่บ้าน อารมณ์ไม่ดีทุกวัน ตุ้มตามเข้ามาในห้อง
“ฟ้าประทาน ชั้นอยากไปนั่งรถเล่น” ตุ้มเห็นซุปตาร์ลิเกย์หวานใจหน้าบึ้งตึงก็งง “โมโหอะไรจ๊ะ”
“ก็ไอ้หลงน่ะสิ มันชอบหาเรื่อง”
“อย่าถือสาพี่หลงเค้าเลยจ้ะ เค้าความจำเสื่อม”
ฟ้าประทานพูดเสียงซีเรียส “ตุ้ม ผมรู้สึกสังหรณ์ใจชอบกล”
“สังหรณ์ใจอะไรจ๊ะ”
“ไอ้หลงมันจะมาแทนที่ผม มันหล่อ มันมีเสน่ห์”
“ไม่มีใครแทนที่ฟ้าประทานของชั้นได้หรอกจ้ะ”

ฟ้าประทานเป็นกังวลไม่หาย ด้วยว่าหลงมีคุณสมบัติความหล่อครบถ้วน

อ่านต่อหน้า 3

ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 4 (ต่อ)

ไม่นานต่อมา ฟ้าประทานในชุดหล่อกำลังจะออกไปข้างนอก ตุ้มเดินตาม ขอไปด้วย

ฟ้าประทานตัดบทสีหน้ารำคาญ “ผมไปหาเจ๊ทรงงาม ตุ้มจะไปด้วยไงล่ะ”
“ก็ถ้าฟ้าประทานไมได้โกหก ฟ้าประทานกับเจ๊ทรงงามไม่มีอะไรกัน ทำไมชั้นจะไปไม่ได้”
“ตุ้มก็รู้พวกแม่ยกเป็นยังไง เค้าหวงผม ในหมู่พวกเค้ายังตีกันแย่งผมเลย”
ฟ้าประทานเห็นรถตัวเองยางแบน ก็นึกเจ็บใจ คิดปราดเดียว รู้ว่าฝีมือใคร

ขณะที่หลงกับพวกกำจายกำลังโขกหมากรุกอยู่ศาลาริมน้ำ ฟ้าประทานมาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ต่อยหน้าหลงเปรี้ยง ! ..
ตุ้มกรี๊ด “ว้าย”
ฟ้าประทานไม่สะใจ จะต่อยหลงอีก กำจายกับโก่งจับตัวไว้
“เป็นบ้าอะไรของเอ็งวะ! ไอ้หลงมันไปทำอะไรให้เอ็ง”
“มันปล่อยยางรถผม”
หลงโต้ลั่น “ผมไม่ได้ปล่อย”
หลงหันมองโก๊ะ
“เฮ้ยพี่ ชั้นปล่อยยางรถจักรยานยังไม่เป็นเลย” คราวนี้โก๊ะมองไปยังโก่ง
“ข้าจะปล่อยหาพระแสงอะไรวะ”
เหลือคนเดียว หลง โก่ง และโก๊ะ หันมามองกำจาย
กำจายยิ้มแหยๆ บอกเสียงอ่อย “น้าเองแหละ”

ที่แท้กำจายแอบปล่อยลมยางรถเก๋งฟ้าประทานเมื่อคืน เพราะหมั่นไส้
“หวงรถนักนะเมิง”
คิดแล้วกำจายหัวเราะร่วน กลบเกลื่อนความผิด
“น้าแกล้งเล่นสนุก ๆ ฮ่า ๆๆๆ” แต่ดันไม่มีใครขำด้วย ทุกคนหัวเราะไม่ออก
“เอ็งต่อยผิดคน หลง ต่อยมันคืน” โก่งโมโหไม่หาย
“ผมไม่ตอบโต้คนใช้กำลัง ด้วยความรุนแรงครับ” หลงหันมาบอกฟ้าประทานว่า “ผมไม่ถือสาคุณแล้วกัน”
ฟ้าประทานหน้าแตก จะโวยก็ไม่ได้ เลยทำเป็นฮึดฮัดโมโหออกไป ตุ้มรีบตามผัวไปไม่ให้ผิดสังเกต

ฟ้าประทานโมโห หนีมาขึ้นรถ เจอตุ้มจะขอขึ้นรถไปด้วย
“ไม่ต้องไป”
“โมโหคนอื่นแล้วอย่าลงที่ชั้นสิ”
“ผู้หญิงนี่น่าเบื่อ”
ฟ้าประทานขับรถไปโดยไม่ยอมให้ตุ้มไปด้วย
“ไม่อยากให้ไปเป็น กขค. กับอีเจ๊ทรงงามล่ะสิ”
ตุ้มฮึดฮัด ชอกช้ำใจ มีผัวทั้งที แต่ผัวกลับมีแม่ยกเพียบ

โก่งขับรถตู้คณะมาตามถนนเล็กหน้าบ้าน ตั้งใจจะไปกินก๋วยเตี๋ยวเจ้าอร่อยกัน ถนนแถวนี้ร่มรื่น เป็นเรือกสวนซะส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีรถราวิ่ง
“ก๋วยเตี๋ยวร้านนี้อร่อยเด็ดเลยหลง กินแล้วจะติดใจ” โก่งคุย
“ผมไม่มีเงินครับ” หลงบอก
“เฮ้ย ไอ้โก่งมันเลี้ยง” กำจายว่า
โก่งร้องลั่น “เฮ้ย ใครบอก”
“ไม่ต้องเลี้ยงผมหรอกครับ ผมไปนั่งกินน้ำเปล่าก็ได้”
“ไม่ต้องเกรงใจน้ากำจายกับพี่โก่งหรอกพี่หลง ชั้นน่ะ กินฟรีประจำ” โก๊ะว่า
รถตู้คณะแล่นลัดเลาะสวนไป

ร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ ละแวกบ้านครูเทียม แต่งแบบบ้านๆ แต่ลูกค้าแน่น เต็มร้าน หลงกับพวกกำจายกำลังซัดก๋วยเตี๋ยวกันแอร่ม เผ็ดซี้ดซ๊าด
“ซี้ดด...ซู้ดดด...ซี้ดดดด...” โก๊ะซี้ดอร่อยล้ำ
“นี่ถ้าปิดตา นึกว่าดูหนังอย่างว่า” กำจายประชด
“แต่พอเห็นหน้าคนเล่น” โก่งมองหน้าไอ้โก๊ะ “เปลี่ยนแผ่นทันที”
หลง กำจาย และโก่ง หัวเราะขำโก๊ะ
“เพี้ยง ชาติหน้าขอให้เกิดมาหน้าเหมือนพี่หลง” โก๊ะว่า ปากเคี้ยวหยับๆ
“ขอบใจที่ชม ก๋วยเตี๋ยวร้านนี้อร่อยมากเลยครับ”
“เห็นมั้ย กินแล้วติดใจ” โก่งว่า
ป้ายหน้าร้านเห็นชื่อร้าน “ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกบางไทร อร่อยสุดในสามโลก”

พร้อมพงศ์กับเจ๋งขับรถตระเวนตามหาพงศ์เทพไม่ลดละ ตั้งแต่เช้ายันบ่าย
“หาข้าวกินเหอะลุง หิวแล้ว” เจ๋งเอ่ยขึ้น
“เที่ยงค่อยกิน ตามหาไอ้เทพก่อน”
“บ่ายโมงกว่าแล้วลุง”
“อ้าวเหรอ ลุงไม่ได้ดูนาฬิกา”
เจ๋งมองออกไปเห็นป้ายโฆษณาร้านก๋วยเตี๋ยวน้ำตกริมถนน “ก๋วยเตี๋ยวน้ำตกบางไทร อร่อยสุดในสามโลก”
“ไปกินก๋วยเตี๋ยวกันลุง อร่อยสุดในสามโลกจริงหรือเปล่า”
พร้อมพงศ์ขับรถตามป้ายทางไปร้านก๋วยเตี๋ยว

หลงกำลังกินก๋วยเตี๋ยวอย่างเอร็ดอร่อย พอหันไปหน้าร้านเห็นพ่อกับไอ้เจ๋งเดินเข้าร้านมา หลงแทบวูบ ตะเกียบหลุดมือ
พร้อมพงศ์กำลังจะหันมาทางหลง หลงแกล้งปัดที่ใส่ตะเกียบหล่นแล้วรีบก้มลงเก็บพร้อมพงศ์เลยไม่เห็น
กำจายด่าเสียงดัง “ซุ่มซ่ามจริงเอ็ง”
เจ๋งมองมา ตาเหลือก เมื่อเห็นพงศ์เทพกำลังก้มเก็บตะเกียบบนพื้น
เจ๋งรีบบอกพร้อมพงศ์ “ไปตามหาพี่เทพต่อเหอะลุง”
พร้อมพงศ์งง “เอ็งบอกหิวไง”
“ไม่หิวแล้ว ไปๆ ลุง เร็วๆ”
“แต่ลุงหิว”

พร้อมพงศ์เดินอาดๆ ไปหาโต๊ะนั่ง แต่ดันเลือกโต๊ะติดกับโต๊ะหลง เจ๋งรีบแย่งนั่งเก้าอี้ ฝั่งตรงข้ามหลง บังคับกลาย ๆ ให้พร้อมพงศ์ต้องนั่งหันหลังให้หลง
หลงเหลือบมอง เห็นพ่อนั่งติดอยู่ข้างหลังนี่เอง
พร้อมพงศ์สั่งเจ้าของร้าน “เล็ก ชิ้น ตก ชามนึง”
เจ้าของร้านบอก “เขียนใส่กระดาษเลยจ้ะ”
พร้อมพงศ์จดใส่กระดาษ “ของเอ็งเอาอะไรเจ๋ง”
“เหมือนลุง” หลงเก็บอาการตื่นเต้น เพราะพี่เทพของมันนั่งข้างหลังลุงพงศ์นี่เอง
จู่ๆ พร้อมพงศ์เอ่ยขึ้น “เสี่ยเต๊กแปลกว่ะ”
หลงสะดุ้งเล็กน้อย แม้แค่ได้ยินชื่อเสี่ยเต๊ก ก็สยอง
“แปลกยังไงลุง”
“ไม่โทร.ไล่บี้ลุง เรื่องไอ้เทพ”

พร้อมพงศ์ส่งกระดาษสั่งก๋วยเตี๋ยวให้เจ้าของร้าน

ฟากเสี่ยเต๊กอยู่ในห้องนอนที่บ้าน แต่งตัวหล่อ กำลังฉีดน้ำหอม เหลียนฮัวเข้ามาหา มองเหล่เพราะหึงผัว

“นัดใครไว้เสี่ย ผู้หญิงเหรอเปล่า”
“เรื่องของอั๊ว” เสี่ยขึ้นเสียงใส่
เหลียนฮัวจ๋อย “เสี่ยโทร.ถามเฮียพงศ์หรือยัง เจออาเทพมั้ย”
“โทร.ไป เฮียพงศ์ก็โกหก คุยกันตัวต่อตัวดีกว่า จับง้างปากพูด”
เสี่ยเต๊กหน้าบึ้ง นึกถึงพร้อมพงศ์ทีไร ของขึ้นทุกที

ฟากเจ้าของร้านยกชามก๋วยเตี๋ยวมาให้พร้อมพงศ์กับเจ๋ง เจ๋งปรุงก๋วยเตี๋ยว ท่าทางระแวงตลอดเวลา กลัวพร้อมพงศ์เห็นพงศ์เทพ
หลง หรืองพงศ์เทพ กำลังก้มลงจะเขียนข้อความบนกระดาษ ที่ใช้เขียนสั่งก๋วยเตี๋ยว
“สั่งอีกเหรอวะ” กำจายสงสัย
หลงอึกอัก พูดก็ไม่ได้ เพราะขืนพูด พ่อที่นั่งข้างหลังต้องจำเสียงได้ หลงเลยแกล้งไอแค่กๆๆ ฟอร์มว่ามีอะไรติดคอ
“เอ้าพี่เอ้า” โก๊ะรินน้ำให้หลงกลั้วคอ
“สั่งอีก ก็เอากระดาษไปให้เค้า” กำจายบอก
หลงส่ายหน้า ไม่ได้สั่งก๋วยเตี๋ยวเพิ่ม
โก่งงงท่าทีแปลกๆ นั้น “เป็นอะไรของเอ็งวะ”
หลงแกล้งไอแค่กๆๆๆ จะได้ไม่ต้องพูด

พร้อมพงศ์ได้ยินเสียงคนข้างหลัง ไอแค่กๆๆๆ
“ไม่อยากติดหวัดเว้ย” พร้อมพงศ์หัวเสีย รีบเขยิบเก้าอี้ให้ออกห่าง
เจ๋งเสียววาบ กลัวลุงหันไปเห็นพงศ์เทพ แต่พร้อมพงศ์ไม่ได้มอง ก้มหน้ากินก๋วยเตี๋ยวลูกเดียว
“ไม่สั่งเพิ่ม งั้นก็กลับ”
พวกกำจายลุกเดินไปจ่ายเงิน
หลงใช้โอกาสนั้นขยิบตาให้เจ๋งดูมือ พลางขยำกระดาษที่เขียนข้อความไว้ ทิ้งลงพื้น ก่อนจะลุกตามพวกกำจายออกไป
เจ๋งกับพร้อมพงศ์ “ผมไปดู มีน้ำอะไรบ้าง”
เจ๋งทำทีเป็นลุกไปตู้แช่น้ำดื่ม แอบหยิบกระดาษที่พงศ์เทพขยำทิ้งขึ้นมาอ่าน
“บ่าย 3 ไปเจอพี่ที่วัดบางในใหญ่ พี่จะรออยู่ข้างโบสถ์”
เจ๋งฉีกกระดาษทิ้ง กันพร้อมพงศ์มาเจออีก

ไม่นานต่อมา หลงรออยู่ข้างโบสถ์ละแวกบ้านครูทัยมแล้ว รอสักครู่ก็เห็นเจ๋งวิ่งมาหา
“พี่เทพ ผมอยู่ได้ไม่นานนะพี่ หลอกลุงว่ามาเข้าห้องน้ำ ลุงรออยู่ในรถ”
“พ่อรู้ได้ยังไง พี่อยู่บางไทร”
“เรื่องมันยาวน่ะพี่ พี่ดูสบายดีนะ คนที่อยู่กับพี่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็นใครอ่ะพี่”
“คนบ้านที่พี่ไปอาศัยอยู่ นิสัยดีมาก พี่โชคดี มาเจอคนดีๆ” หลงยิ้มแย้ม
“ลุงตามมาแล้ว พี่จะหนีไปที่อื่นต่อเหรอเปล่า”
“ยัง ยกเว้นพ่อเจอพี่แล้ว พ่อรายงานเสี่ยเต๊ก พี่ก็ต้องไป”
“พ่อพี่น่ะ จ้องจะขายพี่กินท่าเดียว”
เจ๋งเซ็งมองพงศ์เทพอย่างเห็นใจ

ทางด้านพร้อมพงศ์แวะมาล้างมือที่ห้องน้ำ พอเสร็จก็ตะโกนเรียกเจ๋งดังลั่น
“ไอ้เจ๋ง เสร็จยังวะ”
ชาย 1 ออกจากห้องส้วม
“ขอโทษครับ นึกว่าหลาน”
พร้อมพงศ์สำรวจทุกห้องเปิดประตูดู แต่ไม่มีเจ๋ง
“ไอ้เจ๋งไม่ได้อยู่ในห้องน้ำ มันไปไหน”

สองคนยังคุยกันอยู่ข้างโบสถ์ หลงเอ่ยขึ้น
“ตอนนี้พี่รอดูสถานการณ์ ถ้าเสี่ยเต๊กเลิกตามฆ่าพี่ พี่ก็กลับบ้าน ถ้าเหมยบอกเสี่ยว่าพี่ไม่ใช่พ่อลูกในท้องเหมย พี่ก็กลับบ้าน”
“เฮ้อ...อยู่ๆ ชีวิตพี่ก็ขึ้นอยู่กับความเมตตาของคนอื่น”
“เกิดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ดีนะเจ๋ง พี่ได้หยุดมั่ง ทำงานหนักหัวไม่วางหางไม่เว้นมาตลอด”
“มองอย่างนี้ก็ดีพี่ สบายใจดี”
“คิดซะว่า พี่ลาพักร้อน”
“บ้านที่พี่ไปอาศัยอยู่ อยู่ตรงไหนพี่”
“อธิบายไม่ถูก เป็นบ้านหลังใหญ่ๆ อยู่ริมน้ำ”
เจ๋งเอะใจ “ไอ้บ้านที่รั้วสีเขียว ตัวบ้านสีขาว”
“ใช่ๆ หลังนั้นแหละ”
“ผมกับลุงไปดูมาแล้ว เจอหมาเห่าไล่ เลยเผ่นกันมาก่อน หมาช่วยพี่ไว้แท้ๆ เลย”
“เอ็งอย่าให้พ่อพี่กลับไปบ้านนั้นอีกเป็นอันขาด พี่ไม่อยากหนีไปอยู่บ้านอื่น คนบ้านนั้นดีกับพี่มาก”
“ลุงไม่ไปอีกแล้วล่ะพี่ แกกลัวหมากัด ผมต้องไปแล้ว เดี๋ยวลุงสงสัย”
“ฝากพ่อด้วยนะเจ๋ง”
“ได้เลยพี่” เจ๋งวิ่งออกไป

พร้อมพงศ์เดินตามหาเจ๋งมาตามทางเดินในวัด จนมาเจอกัน
“ลุง! ผมบอกให้รอที่รถไง” เจ๋งบ่นกลัวพร้อมพงศ์เจอกังพงศ์เทพ
“ลุงไปห้องน้ำ ไม่เจอเอ็ง เอ็งไปไหนมา”
เจ๋งโกหก “ไหว้พระ”
พร้อมพงศ์ฉุน “ข้ารีบตามหาไอ้เทพ เอ็งก็มาเอ้อระเหยอีก”
“แว้บไปไหว้พระแป๊บเดียวเอง”
พร้อมพงศ์กับเจ๋งเดินกลับไปทางเดิม

หลงแอบอยู่มองพ่อกับเจ๋งที่เดินไปอย่างโล่งอก

อ่านต่อหน้า 4

ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 4 (ต่อ)

บ่ายคล้อยจวนค่ำ บรรยากาศรอบบ้านครูเทียมร่มรื่น อากาศเย็นสบาย ด้วยบ้านที่ติดกับคลอง

หลงนอนเล่นเอกเขนกอยู่บนเสื่อ ลมพัดมาเย็นสบาย หลงปล่อยใจปล่อยกายพักผ่อน ชีวิตตึงเครียดมานาน
“การได้พัก มันสบายอย่างนี้นี่เอง”
หลงเห็นจอมนางเดินไปทางท่าน้ำ แก้เชือกผูกเรือจึงร้องตะโกนถาม
“ไปไหนครับจอม”
“ไปวัดจ้ะ”

หลงพยายามพายเรือให้พ้นท่าน้ำ แต่พายไม่เป็น เรือวนเป็นวงกลมอยู่แถวท่าน้ำ
“เจ้าภาพนัดชั้นไปคุย 4 โมงเย็น” จอมนางประชด “ทุ่มนึงชั้นจะถึงวัดมั้ยจ๊ะพี่หลง”
“พี่ก็พายงัดแล้ว”
“นั่นไม่เรียกว่างัดจ้ะ ต้องพูดว่า...แงะ พี่เอาพายแงะน้ำ”
“งั้น พี่ไม่พายแงะแล้ว ให้จอมพายงัดแล้วกันครับ”
หลงส่งไม้พายให้ จอมนางพายงัด นำเรือล่องออกจากท่า หลงอยากพายเรือเป็น มองวิธีการพายงัดของจอมนาง

หลงกับจอมนางนั่งเรือพายมาสองต่อสอง มีจอมนางเป็นคนพาย หลงนั่งหัวเรือ หันหน้ามาทางจอมนาง จ้องเอาๆ ดูจอมนาง ที่กำลังพายงัดๆ เพลิน
“หันหน้าไปพี่ จ้องอยู่ได้”
“พี่อยากพายเรือเป็น”
“ไปให้น้ากำจายหัดให้”
“จอมพายเรือเก่ง”
หลงไม่ยอมหันหน้าหนี แถมยังมองจอมนางพายเรือไม่วางตา จนจอมนางเขิน พอเห็นจอมนางเขิน หลงก็แกล้งจ้องตาไม่กะพริบ คราวนี้จอมนางจ้วงพายเป็นการใหญ่แก้เขิน หลงอมยิ้ม ยัยตัวแสบ เวลาเขิน น่ารักดี
หลงกับจอมนางนั่งเรือพายไปตามลำคลองสวยในบรรยากาศยามเย็น

จอมนางพาหลงมาหาเจ้าภาพที่จ้างคณะเทียมฟ้ามาเล่นลิเก เจ้าภาพรออยู่ในวัดแล้ว
“หวัดดีจ้ะลุง”
จอมนางไหว้ลุงเจ้าภาพ หลงไหว้ตาม
“แฟนเหรอ” ลุงถาม
จอมนางหลุดเขิน “คนในคณะจ้ะ”
“ลูกสาวลุง รุ่นเดียวกับเรา จะแต่งงานเดือนหน้าแล้วนะ จอมล่ะ เมื่อไหร่จะมีข่าวดี”
“ยังหาแฟนไม่ได้เลยจ้ะ”
“ก็อย่าเลือกมากนักซี่”
จอมนางเปลี่ยนเรื่องไม่คุยเรื่องผู้ชายแล้ว “ปู่ให้ชั้นมาถาม ลุงจะให้เล่นลิเกถึงกี่ทุ่ม เอาเครื่อง
ดนตรีกี่ชิ้น เอาแบบเต็มวงเลยมั้ย”
จอมนางกับชายวัยกลางคนไปนั่งคุยกัน หลงมองจอมนาง รำพึงด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
“ยังโสด”
หลงชอบจอมนาง ผู้หญิงคนนี้น่ารัก เป็นธรรมชาติมาก

คุยงานเสร็จ จอมนางพายเรือพาหลงกลับจากวัด เอาเรือพายเทียบท่าน้ำ
“เวลาขึ้นอย่างเกร็งนะพี่ เดี๋ยวเรือโคลง”
หลงขึ้นท่าน้ำไปก่อน ยื่นมือมาฉุดจอมนางขึ้น จอมนางลืมตัวจับมือหลงหมับ หลงช่วยฉุดจอมนางขึ้นจากเรือ
“ขอบใจจ้ะ” จอมนางเขินใหญ่ ดึงมือออก “วานผูกเรือด้วยนะจ๊ะพี่หลง”
จอมนางเขินจัด รีบเดินจ้ำหนีหลงเข้าบ้านไปเลย
หลงมองตามจอมนาง ยิ้มกรุ้มกริ่ม “น่ารักชะมัด”
หลงยิ้มตาหวาน ยิ่งรู้จัก ยิ่งชอบจอมนางมากขึ้นทุกวัน

ตกกลางคืน กระแตหลับไปนานแล้ว แต่จอมนางนอนไม่หลับ คิดถึงแต่หลง
ตั้งแต่ตอนจอมนางปิ๊งหลง เจอกันครั้งแรก จนเมื่อตอนค่ำ จอมนางเผลอจับมือหลง เขินหลง
จอมนางบอกเตือนตัวเองในใจ “เราไม่ควรชอบพี่หลง พี่หลงอาจไม่ใช่คนดี”
จอมนางถอนหายใจท่าทางกลัดกลุ้ม จะห้ามใจตัวเองยังไงล่ะเนี่ย เผลอใจชอบพี่หลงไปซะแระ

อีกห้อง พวกกำจายหลับสนิท หลงนอนคิดถึงจอมนางเช่นกัน
นับตั้งแต่ตอนปิ๊งจอมนาง เจอกันครั้งแรก จนเมื่อตอนเย็นจอมนางพายเรือให้หลงนั่ง หลงแกล้งจ้องให้จอมนางเขิน สุดท้ายจอมนางเผลอจับมือหลง เขิน หนีเข้าบ้าน หลงนอนยิ้มสุขใจ นับวันจอมนางยิ่งน่ารักจุงเบย

หลายวันถัดมา เสี่ยเต๊กยืนหน้าถมึงทึงอยู่หน้าบ้านพร้อมพงศ์ สั่งให้เบิ้มกับพลเดินไปดูหลังบ้านมา
“ประตูหน้าต่างปิดทุกบานเลยครับเสี่ย” เบิ้มรายงาน
เสี่ยเต๊กประกาศกร้าว “งัดบ้านมัน”
เบิ้มกับพลลงมืองัดบ้านพร้อมพงศ์ทันควัน
ระหว่างนี้ พลเมืองดีคนข้างบ้านเดินผ่านมา เห็นบ้านพร้อมพงศ์กำลังถูกงัดก็รีบกดโทร. แจ้งตำรวจทันทีเช่นกัน

“คุณตำรวจคะ”

ไม่นานต่อมาเสี่ยเต๊กถูกตำรวจคุมตัวขึ้นโรงพักสน.ท้องที่เกิดเหตุ เบิ้มกับพลก็โดนด้วย เสี่ยเต๊กแหกปากโวยวายลั่นสน.

“ผมไม่ผิด! ผมงัดบ้านลูกหนี้ตัวเอง”
“ธนาคารยึดบ้าน ยังต้องใช้หมายศาล ขอเข้าบ้านเลยครับ ผมต้องตั้งข้อหาคุณ” ตำรวจเจ้าของคดีบอก
“พวกคุณรู้มั้ยผมเป็นใคร! ผมเสี่ยเต๊ก! ผมรู้จักนักการเมืองระดับประเทศ ผมสั่งเด้งคุณทั้งโรงพักยังได้!”
“เอาไปขังให้สำนึก” ตำรวจหัวหน้าสั่ง
“คุณจับผมเข้าห้องขังไม่ได้ ผมรวยเป็นพันล้าน”
เสี่ยเต๊ก เบิ้ม และพล ถูกคุมตัวหายเข้าไปในห้องขัง
เสียงเสี่ยเต๊กแหกปากดังออกมาจากข้างใน “คุกเมืองไทยมีไว้ขังหมานะโว้ย ไม่ได้ขังคนรวยปล่อยอั๊ว”

ขณะที่หลงกับจอมนาง เล่นกับหมาไอ้หลงอยู่หน้าบ้าน จู่ๆ มีรถตำรวจจอดหน้ารั้ว ตำรวจ 1 มาหาจอมนาง
“อ้าวพี่ มาทำอะไรจ๊ะ”
“บังเอิญผ่านมาน่ะ วันนั้นที่ครูเทียมหายไป ครูไปไหน”
“หนีไปเที่ยวในเมืองจ้ะ ปล่อยแก่” จอมนางยิ้ม
ครูเทียมเดินออกมาหาตำรวจ 1 ยิ้มทักอย่างคุ้นเคยกัน “ก็ว่าได้ยินเสียงคุ้นๆ”
ตำรวจ 1ไหว้ “สวัสดีครับครู จอมฟ้องว่า ครูแอบไปปล่อยแก่”
“ไปฟังมัน ไร้สาระ”
ตำรวจ 1 มองหลงอย่างแปลกหน้า “ลิเกใหม่เหรอครับ”
“หลงทางมาน่ะ ความจำเสื่อม จำบ้านช่อง ชื่อเสียงเรียงนามตัวเองไม่ได้”
ตำรวจ 1 บอก “พาไปโรงพักสิครับ”
“เค้ามีแต่แจ้งความคนหายนี่จ๊ะ นี่คนหาย หายมาอยู่ที่นี่” จอมนางท้วง
ตำรวจ 1 บอกอีก “เช็คได้จอม ญาติพี่น้องเค้าอาจลงประกาศตามหาไว้ที่โรงพักไหนซักแห่ง ข้อมูลทุกโรงพักออนไลน์ เชื่อมกันทั่วประเทศ”
หลงหน้าเสีย เกรงว่าไปโรงพักแล้วเจอพ่อประกาศตามหา ก็ต้องหนีต่อ

ไม่นานนัก ตำรวจ 1 จอมนาง ครูเทียม ช่วยกันดูรูปประกาศคนหายบนจอคอมพิวเตอร์บนโรงพัก สภอ.บางไทร เทียบกับใบหน้าหลงตัวจริง จอมนางจ้องรูปหน้าคนหายบนจอคอมพิวเตอร์
“ไม่มีประกาศคนหายคนไหน หน้าเหมือนพี่หลง”
หลงยิ้มอยู่ในใจ แต่ทำฟอร์มเศร้า “ญาติพี่น้องลืมผมไปแล้วล่ะครับ ไม่ตามหาผม”
“ชั้นมีธุระคุยกับพี่ตำรวจ พี่หลงช่วยไปซื้อน้ำมะนาวปั่นที่ร้านหน้าโรงพักให้ทีจ้ะ ชั้นหิวน้ำมาก”
“ได้ครับ น้ำมะนาวปั่นนะครับ”
หลงออกไปแล้ว
ครูเทียมมองเหล่รู้ทันหลานสาว “คิดจะทำอะไรจอม ไล่พี่หลงเค้าออกไป”
จอมนางบอกกับตำรวจกะปู่ “ชั้นเคยดูหนัง พอปั๊มลายนิ้วมือ จะขึ้นประวัติอาชญากร ชั้นอยากรู้ พี่หลงเป็นอาชญากรเหรอเปล่า”
ครูเทียมไม่เห็นด้วย “จับหลงปั๊มลายนิ้วมือ มันเกินไปนะจอมเอ๊ย”
“ปู่ไม่อยากรู้เหรอ พี่หลงเป็นโจรเหรอเปล่า เราจะได้อยู่กับพี่หลงอย่างสบายใจไง” จอมนางโน้มน้าวปู่
ครูเทียมใคร่ครวญครุ่นคิด “เอ้า ตรวจสอบดูก็ได้”
ตำรวจ 1 บอก “นายหลงไม่ใช่ผู้ต้องหา ตำรวจไม่มีสิทธิ์จับปั๊มนิ้วมือครับ”
“ชั้นคุยกับพี่หลงเองจ้ะ”
จอมนางทำหน้าเจ้าเล่ห์ มั่นใจว่างานนี้หลงเสร็จ โดนแฉบนโรงพักบางไทรมันนี่แหละ

ต่อมาหลงถูกตำรวจ 1 จับปั๊มลายนิ้วมือ จอมนางพูดอยู่ข้างๆ ครูเทียมไม่สบายใจนัก เห็นว่าทำกับหลงเกินไปหน่อย
จอมนางเลยโกหก “พี่ตำรวจจะเอาลายนิ้วมือพี่หลง ไปตรวจกับลายนิ้วมือคนหายช่วยตามหาญาติให้พี่หลงน่ะจ้ะ”
“หวังว่าจะเจอนะครับ” หลงคิดในใจว่า “รู้ทันหรอกน่ายัยตัวเล็กจะเช็คประวัติอาชญากร เช็คให้ตายก็ไม่เจอหรอก ไม่เคยทำผิดกฎหมาย”
พอเสร็จสิ้นกระบวนความ หลงขยับมานั่งรอห่างๆ ขณะจอมนางกับครูเทียมลุ้น ผลประวัติลายนิ้วมืออาชญากรของหลง
ตำรวจ 1 ตรวจจนแน่ใจ แล้วบอก “นายหลงไม่มีประวัติอาชญากร ไม่เคยมีคดีติดตัว”
ครูเทียมคลายกังวลยิ้มออก “หลงไม่ใช่ขโมยขโจรที่ไหนหนีมา ปู่สบายใจขึ้นเยอะ”
จอมนางไม่วางใจ และไม่ยอมแพ้ง่ายๆ “อย่าเพิ่งวางใจไปจ้ะปู่ พี่หลงอาจหนีเงื้อมมือตำรวจไปได้ ไม่ต้องคดี”
ตำรวจ 1 บอก “พี่ขอถ่ายรูปนายหลงไว้ จะอัพโหลดรูปลงเว็บไซต์ของทางตำรวจ”
จอมนางงง “เอาลงทำไมจ๊ะ”
“ถ้าญาตินายหลงไปแจ้งความ จะเห็นรูปนายหลงในประกาศคนหาย”
“ถ่ายเลยพี่! ให้ญาติตามมาเจอ ชั้นอยากรู้ พี่หลงเป็นใคร”
จอมนางดี๊ด๊า ไม่เลิกรา มีวิธีจับผิดหลงได้เรื่อยๆ

ถัดจากนั้น หลงยืนให้ตำรวจ 1 ถ่ายรูป หน้าตรง มีจอมนางคอยกำกับ
“ยิ้มหน่อยพี่หลง ไม่ได้ถ่ายรูปทำประวัติผู้ต้องหา”
หลงฝืนยิ้ม ไม่ได้อยากถ่ายรูป ด้วยกลัวว่าจะต้องเปิดเผยตัวเอง
จอมนางพึมพำ “เหมือนไม่อยากเอารูปลงประกาศ”

จอมนางมองจับพิรุธ สงสัยหลงเต็มประตู เพราะอาการแบบเนี้ย เหมือนอาจไม่อยากให้ใครรู้ หรือมาเจอว่าอยู่ไหน

อ่านต่อตอนที่ 5
กำลังโหลดความคิดเห็น