ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 2
วินาทีที่โลกหยุดหมุน ปล่อยให้พงศ์เทพกับจอมนางยืนสบตากันปิ๊งๆๆ เป็นรักแรกพบในกันและกันอยู่นั้น
“ผี”
เสียงดังลั่นของโก่งฉุดกระชากให้สองหนุ่มสาวออกจากภวังค์แห่งรักแรกพบนั้น
จอมนางได้สติถอยกรูดห่างจากพงศ์เทพ
โก่งตาเหลือกชี้หน้าพงศ์เทพ พูดปากคอสั่น “อะๆๆ ไอ้โก๊ะขับรถชนผู้ชายคนนี้ตายที่กรุงเทพฯ เฮี้ยนน่าดู ตายปุ๊บ! มาหลอกปั๊บ!”
พงศ์เทพมองโก่งตาขุ่น ชนเค้าแล้วหนี ยังหาว่าเค้าเป็นผีอีก
“ไม่เห็นเหมือนผีเลย ดูมีเนื้อมีหนัง” กระแตโผล่มา
ตุ้มพยักพเยิด “นั่นสิ หล่ออีกต่างหาก”
พงศ์เทพแจกยิ้มหล่อจากใจหนุ่มกรุงให้ “ผมเป็นคนครับ ไม่เชื่อมาจับตัวผมดูก็ได้”
แต่ไม่มีกล้าใครลองมาจับตัวพงศ์เทพ จอมนางปิ๊งไอเดีย ก้มหยิบหินก้อนเล็กๆ บนพื้น ปาใส่ตัวพงศ์เทพ
“โอ๊ย”
จอมนางบอกทันที “คน” พลางพยักหน้าบอกทุกคน พิสูจน์ให้แล้วว่า...เป็นคน
พงศ์เทพเหล่จอมนาง ยัยตัวเล็กนี่แสบน่าดู
โก๊ะดีใจสุดๆ “เย้ๆๆ ไอ้โก๊ะไม่ตกนรกแล้ว ไม่ได้ทำใครตาย ไชโย ส้า...ธุ”
จอมนางถามแทนทุกคน “คุณเป็นใคร มาอยู่หลังรถกระบะชั้นได้ยังไง”
พงศ์เทพใคร่ครวญครุ่นคิดหนัก ในสถานการณ์นี้ ควรเอาตัวรอดอย่างไงหนอ
เหตุการณ์ตอนพงศ์เทพถูกกล่าวหาว่าทำเหมยฮัวท้องผุดขึ้นมาชวนให้สยอง
เสี่ยเต๊กแผดเสียงใส่ว่า “มึง...ทำลูกกูท้อง”
จู่ๆ เหลียนฮัวก็ช่วยยัดเยียดอีกแรง “อาเทพ! อย่าคิดนะว่าอั๊วไม่เห็น ลื๊อแอบมาหาเหมยดึกๆ ดื่นๆ หลายครั้งแล้ว ที่อั๊วไม่เคยพูด เพราะเห็นแก่หน้าลูก”
“คนอย่างเสี่ยเต๊ก ใครหยาม มันต้องตาย! กูจะฆ่ามึง ไอ้เทพ!”
ตามมาด้วยเหตุการณ์เบิ้มยิงปืนใส่ยางรถพงศ์เทพ จนพงศ์เทพต้องวิ่งข้ามรั้วหนีตาย
พงศ์เทพครุ่นคิดหนัก ขืนกลับกรุงเทพฯ ก็คงซี้แหง ตายสถานเดียว
จอมนางจ้องหน้า “เอ้า ว่ายังไงคุณ”
สุดท้ายพงศ์เทพตัดสินใจเอ่ยออกไปว่า “ผม...จำชื่อตัวเองไม่ได้ครับ”
หลังจากพงศ์เทพหลอกจอมนางและชาวคณะว่าจำตัวเองไม่ได้ เขาก็ถูกพาตัวเข้าบ้าน ให้ครูเทียมซักประวัติ มาสักครู่หนึ่งแล้ว
“จำนามสกุล จำชื่อพ่อแม่ตัวเองก็ไม่ได้ งั้นเอางี้ ไอ้โก๊ะขับรถชนพ่อหนุ่มที่กรุงเทพฯ แสดงว่าพ่อหนุ่มเป็นคนกรุงเทพฯ บ้านอยู่ฝั่งกรุงเทพฯ หรือ ฝั่งธนฯ”
พงศ์เทพแสร้งนึก “จำไม่ได้ครับ”
ตุ้มมองพินิจ เห็นพงศ์เทพใส่เสื้อเชิ้ต นุ่งกาเกงสแลค “แต่งตัวดี น่าจะเป็นคนมีฐานะนะจ๊ะครู”
ครูเทียมถามอีก “เอ้อ แล้วอาชีพล่ะ ทำอาชีพอะไร”
พงศ์เทพทำเป็นพยายามนึก “จำไม่ได้ครับ”
โก่งออกความเห็น “ตอนโดนรถชน หมอนี่ล้ม หัวกระแทกพื้นสลบไป สงสัยเลยความจำเสื่อมจ้ะครู”
ครูเทียมแสนดีหันมาตำหนิโก่งกับโก๊ะ “เอ็งสองคนนี่น่าจับส่งตำรวจนักเชียว ขับรถชนคนแล้วหนี”
“ตอนนั้นชั้นตกใจจัดน่ะจ้ะครู” โก๊ะไหว้พงศ์เทพ “กราบขอโทษนะจ๊ะพี่”
พงศ์เทพไม่ได้โกรธมากมาย “ฮื่อ...แต่อย่าทำแบบนี้อีกล่ะ ชนคนแล้วต้องรับผิดชอบ”
จอมนางเอ่ยขึ้น “เราจะทำยังไงกับผู้ชายคนนี้นี่ดีล่ะปู่”
พงศ์เทพมองจ้องครูเทียม ลุ้นว่าชายสูงวัยคนนี้ จะไล่เค้าไป หรือ ให้เขาอาศัยพักพิงหนอ
ครูเทียมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอารีว่า “อยู่ด้วยกันซะที่นี่นะพ่อหนุ่ม ความจำกลับมา ก็ค่อยกลับบ้าน”
“ขอบคุณมากครับ”
พงศ์เทพไหว้ครูเทียม สบายใจแล้วตู มีที่ซุกหัวนอน
คืนนั้น พงศ์เทพ ที่ครูเทียมตั้งชื่อให้ใหม่ว่า หลง กับโก่งช่วยกันปูที่นอนของพงศ์เทพในห้องพักชาวคณะชายนั่นแหละ กำจายเมาแอ่นกลับมา
กำจายมองพงศ์เทพเป็นโก๊ะ “อ้าว อ้าย...โก๊ะ ปายดัดฟันมาเหรอวะ หล่อเชียวนะเมิง”
กำจายไม่อาบน้ำ นอนเลย
โก๊ะฉุดลุงให้ลุกขึ้น “ไปอาบน้ำก่อนดิลุง ตัวลุงเหม็นเหล้า”
กำจายโวยลั่น “เฮ้ย เหล้าบ้านเอ็งสิเหม็น หอมจะตาย...”
โก่งแนะนำกับพงศ์เทพ “นั่นลุงกำจาย โรงเหล้าเคลื่อนที่ นอนห้องนี้ทำใจหน่อยนะ กลิ่นเหล้ากระจายแทบทุกคืน”
พงศ์เทพบอก “มีที่ซุกหัวนอนก็บุญแล้วล่ะครับพี่”
จอมนางเข้ามา ในมือถือชุดเสื้อผ้ามาให้พงศ์เทพ
“ปู่ให้เอามาให้ น่าจะใส่ได้”
“ขอบคุณมากครับ”
พงศ์เทพรับเสื้อผ้าไปวาง จอมนางไม่ไว้ใจมองจับผิด หลงทาง ความจำเสื่อมแน่เหร้อ?
กระแตตีหมอน กำลังจะเข้านอนกัน จอมนางเดินกลับมา
“พี่กระแต ชั้นว่าผู้ชายคนนั้นไม่ได้ความจำเสื่อมหรอก ท่าทางออกสติดี”
“สติดี กับ ความจำเสื่อม มันคนละอย่างกันนะจอม” กระแตแย้ง
“ล้มหัวฟาดฟื้น แต่หัวไม่แตก แสดงว่าล้มไม่แรง ไม่น่าถึงกับทำให้ความจำเสื่อม” จอมนางคิด
“นี่ เราจะหาเรื่องแกล้งเค้าล่ะสิ อย่าเชียวนะจอม พี่สงสารเค้า จำบ้านช่องจำชื่อตัวเองก็ไม่ได้”
จอมนางหมั่นไส้ในความแสนดี “พี่กระแตนี่ เชื่อคนง่ายน่าดู”
กระแตเบื่อจะเถียง ล้มตัวนอน
จอมนางหน้ายุ่งเป็นยุงตีกัน คิดหาทางจับผิดพงศ์เทพ
ในความมืด กำจาย โก่ง และ โก๊ะ หลับเป็นตายไปแล้ว พงศ์เทพยังนอนลืมตาโพลง นึกถึงเหตุการณ์ระทึกขวัญเมื่อหัวค่ำ โดยเฉพาะตอนพวกเสี่ยเต๊กกับลูกน้องตามล่าหมายชีวิตเข้ามาในหอประชุม
“หามันให้เจอ! กูจะฆ่ามัน!”
พงศ์เทพยังสยองไม่หายเกือบตายแล้ว
“พรุ่งนี้ทุกอย่างต้องดีขึ้นน่า”
พ่อหนุ่มคิดบวกพยายามทำใจให้สบาย ค่อยๆ ผล็อยหลับไป
เช้าวันถัดมา ชาวคณะผู้หญิงนำโดยกระแต ช่วยกันยกสำรับอาหารมาตั้งที่นอกชาน เห็นตุ้มนั่งตะไบเล็บไม่ช่วยอะไร กระแตเลยเหน็บตุ้มเข้าให้
“อู๊ย แม่คุณนาย นั่งกินนอนกิน วันๆ ไม่ช่วยหยิบจับอะไร”
“ก็ชั้นไม่ใช่นังกะลาก้นครัวอย่างใครบางคนนี่” ตุ้มปรายตามองกระแต
ตุ้มฉุนนิดๆ “ด่าชั้นเหรอ ดี งั้นเย็นนี้ ชั้นจะผัดแกลบให้แกกิน”
ครูเทียมเดินเข้ามาทักขึ้นอย่างอารมณ์ดี
“นางยักษ์สองตนตีกันอีกแล้วเว้ยเฮ้ย”
กระแตกับตุ้มเกรงใจครูเทียม เลิกทะเลาะกันทันควัน
“ปู่มาช้าอีกนิ้ด ได้ดูมวยหญิงแล้วจ้ะ”
โก่ง โก๊ะ กำจาย พาพงศ์เทพมา เขาอยู่ในชุดหล่อ เสื้อผ้าทันสมัย ดูเท่อีกด้วย
“อื้อหือ หล่อกว่าเมื่อคืนอีก ออร่ากระจาย” ตุ้มว่า
“หล่อเท่าลุงกำจาย....มั้ยวะ” กำจายถาม
“ไม่เท่าหรอกจ้า ลุงกำจาย... น่ะ หล่อไม่ได้ครึ่งของเค้า” ตุ้มหักมุมตอนจบ
กำจายค้อน “เออ เดี๋ยวข้าไปทำหน้าที่เกาหลีกลับมา แล้วอย่ามาง้อแล้วกัน”
“พาชั้นไปเกาหลีด้วยนะลุง ชั้นจะไปเอาฟันเข้า” โก๊ะว่า
“ข้าทำให้เดี๋ยวนี้เลย”
กำจายเอาช้อนมาเคาะฟันโก๊ะ โก่งช่วยจับแกล้งโก๊ะเป็นที่สนุกสนานก่อนมื้อเช้า
จอมนางแอบมองเหล่พงศ์เทพ หล่อจุงเบย
พงศ์เทพ หันมามองจอมนางตาซื่อตาใส จอมนางรีบเมินหน้าหนี พงศ์เทพอมยิ้ม รู้หรอกน่า เมื่อกี้ยัยตัวเล็ก เธอแอบมองช้านน
ที่บ้านพร้อมพงศ์ ในกรุงเทพฯ เช้าวันเดียวกัน พร้อมพงศ์ในชุดสูทโก้ อันเป็นชุดเก่งออกงาน ชะเง้อรอลูกชายอยู่หน้าบ้าน
เจ๋งพูดลอยๆ “เฮ้อ สมัยนี้ยังมีคลุมถุงชนอีก ยุคจิ๋นซีรึไงนะ”
“เอ็งไปเห่าในบ้านไป”
พร้อมพงศ์กระวนกระวาย ลูกชายยังไม่กลับมาตั้งแต่เมื่อคืนจนเช้า แถมวันนี้พงศ์เทพต้องแต่งงานกับเหมยฮัวอีกตามบัญชาของเสี่ยเต๊ก
ส่วนที่บ้านครูเทียม ในอยุธยา ทั้งหมดกินข้าวเช้า สำรับจัดเป็น 2 วง วงหนึ่ง มีครูเทียม จอมนาง กระแต ตุ้ม ชาวคณะที่เหลือนั่งอีกวง กับข้าวล้วนเป็นเมนูผัดผัก และวิญญาณ หมู แอนด์ ไก่
กำจายเหน็บขึ้น “ไอ้จอมมันใจบุญเนอะ ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ดูสิ มีแต่ผัก”
จอมนางเย้า “กินผักแล้วแข็งแรง ลุง”
กำจายว่า “เอ็งไม่ต้องห่วงสุขภาพลุงนักหรอก ปล่อยให้ลุงอ่อนแอมั่งก็ได้”
ครูเทียมหันมาทางพงศ์เทพ “ท่าเราจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน ครูจะตั้งชื่อให้ ได้เรียกหากันได้”
“ให้ชื่อเทพสิจ๊ะครู” ตุ้มภูมิใจเสนอ
พงศ์เทพนิ่ง ที่ตุ้มพูดชื่อเล่นตัวเอง
ตุ้มพูดต่อ “มาจากกรุงเทพฯ ก็ต้องชื่อ..เทพ”
พงศ์เทพลอบถอนหายใจโล่งอกเบาๆ ตุ้มไม่ได้รู้เรื่องตน
ครูเทียมถาม “ชอบชื่อเทพมั้ย”
“ผมว่า ไม่ค่อยเข้ากับผมเท่าไหร่ครับ” พงศ์เทพว่า
จอมนางเอ่ยขึ้น ตั้งใจจะแกล้งเล่น “หลงทางมา ก็ให้ชื่อ...หลง สิจ๊ะปู่”
พงศ์เทพดันเห็นงามเอาด้วย “ชื่อหลงก็ดีครับ เหมาะกับผม”
จอมนางหัวเราะคิก ชาวคณะหัวเราะตาม แม้แต่ครูเทียมก็หัวเราะ
พงศ์เทพตีหน้างง “ขำอะไรกันน่ะโก๊ะ”
“ไม่เอาพี่ ไมไหวจะขำ” โก๊ะขำหัวเราะก๊ากๆๆ ไม่หยุด
โก่งกอดคอหมับ ยินดีกับพงศ์เทพ “เข้าใจเลือกว่ะ...ไอ้หลง ฮ่าๆๆๆ”
พงศ์เทพไม่เข้าใจ ชาวคณะขำอะไรกัน กำจายช่วยเฉลย
กำจายโยนวิญญาณหมูไปข้างล่าง “หลงเอ๊ย มากินเร็ว หลง...”
ด้านล่าง หมาวิ่งสั่นหางดิกๆๆๆ มากินหมู
“อ๋อ” พงศ์เทพเข้าใจแล้ว ว่าเขาขำอะไรกัน
“พวกเอ็งเลิกหัวเราะได้แล้ว” แต่ครูเองยังขำไม่เลิก บอกพงศ์เทพ “หมาตัวเนี้ย หลงทางมา จอมมันเลยเลี้ยงไว้ อย่าถือสาหลานสาวครูนะ มันแสบมาแต่เกิดแล้ว”
พงศ์เทพไม่โกรธแถมยิ้มเอ็นดูจอมนาง “ผมก็รักหมาครับ ชื่อเหมือนหมา ก็น่ารักดี”
ครูเทียมเลยตามเลย “เอ้า ชอบชื่อหลง ก็ตามใจ พวกเอ็งเรียกเค้าว่าพี่หลงล่ะ เค้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว”
“พี่หลง” กระแตยิ้มเป็นมิตรกับหลง
ระหว่างนี้มีชายคนหนึ่งกำลังขึ้นบันไดเรือนมา
ครูเทียมหันไปเห็นร้องทัก “อ้าวเสี่ย”
พงศ์เทพสะดุ้งโหยงตายห่า เสี่ยเต๊กมา!!
“มาแต่เช้าเลย” ครูทักต่อ
ปรากฏว่าไม่ใช่เสี่ยเต๊ก แต่เป็นเสี่ยแถวบ้านครูเทียม
เสี่ยลงนั่งข้างครูเทียม “มายินดีกับครูน่ะ ได้ยินว่าเข้ารอบลิเกชิงแชมป์ประเทศไทย”
พงศ์เทพส่ายหัว ถอนใจโล่งอก ตกใจหมด นึกว่าเสี่ยเต๊ก
จอมนางลอบมองจับผิดพงศ์เทพอยู่ คาใจว่าเมื่อกี้หลงตกใจอะไรนักหนา
อีกฟากหนึ่ง ที่ห้องโถงภายในคฤหาสน์โอฬารตระการตาของเสี่ยเต๊ก เตรียมทำพิธีสู่ขอตามธรรมเนียมจีน ญาติๆ มากันบ้างแล้ว
เหลียนฮัวเดินรับแขก แล้วเดินเลยมาหาเสี่ยเต๊กที่มุมห้อง เสี่ยเต๊กโทรศัพท์อยู่ หน้าตาถมึงทึง
“เฮียพงศ์ไม่รับสายอั๊ว”
เหลียนฮัวครุ่นคิด “เมื่อชั่วโมงก่อน เฮียพงศ์ว่าออกจากบ้านมาแล้ว หรืออาเทพจะเบี้ยวงานแต่ง”
“มันกล้าเบี้ยว มันก็ตาย”
เสี่ยเต๊กคำรามหน้าเหี้ยม
ขณะที่พร้อมพงศ์กับไอ้เจ๋งกำลังจะโกยแนบเผ่นหนี
เจ๋งมองไปหน้าบ้าน “ไม่ทันแล้วลุง”
ด้วยว่าที่หน้ารั่วบ้าน รถเสี่ยเต๊กแล่นมาจอดอย่างแรง
“เอาไงลุง”
“ออกหลังบ้านเว้ย”
พร้อมพงศ์กับเจ๋งเผ่นไปทางประตูหลังบ้าน
แต่เมื่อพร้อมพงศ์กับเจ๋งเผ่นหอบชีวิตออกมาหลังบ้าน เจอเบิ้มที่วิ่งอ้อมจากหน้าบ้านมาดัก
เบิ้มบอกน้ำเสียงเหี้ยม “เสี่ยรู้ว่าเฮียต้องหนี เลยให้ผมมาดัก”
พร้อมพงศ์จะวิ่งหนีไปอีกทาง เบิ้มขู่ ด้วยการเปิดชายเสื้อให้เห็นปืนเหน็บเอว
พร้อมพงศ์กับเจ๋งผวาเฮือก ไม่กล้าหนี
สองคนนั่งจ๋องอยู่ในห้องโถง เสี่ยเต๊กจ้องหน้าพร้อมพงศ์ อย่างกับมัจจุราชจ้องปลิดวิญญาณ
“ผมให้โอกาสครั้งสุดท้าย เฮียบอกมา ลูกชายเฮีย อยู่ไหน”
พร้อมพงศ์กลัวปากคอสั่น “ไม่รู้ครับ”
“ปากแข็งนัก”
เสี่ยเต๊กฉวยปืนที่เอวเบิ้ม ยิงขาพร้อมพงศ์ เสียงปืนดัง แชะ!
พร้อมพงศ์หลับตาปี๋ นึกว่าโดนยิงแล้ว พอลืมตาดู อ้าว... ไม่โดนว่ะ
“โดนกระสุนซักนัด เฮียคงนึกได้ ลูกอยู่ไหน
เสี่ยเต๊กยิงขาพร้อมพงศ์อีกที เหมือนเดิม เสียงปืนดัง แชะ เสี่ยเต๊กโมโหยิงขาพร้อมพงศ์อีกนัด ก็เหมือนเดิม เสียงดัง แชะ
“เฮียใส่พระดีอะไรเนี่ย” เสี่ยอึ้งทึ่งงง
พร้อมพงศ์บอก “ไม่ได้ใส่ครับ”
เสี่ยเต๊กไม่เชื่อ “ไม่มีทางที่กระสุนจะขัดลำกล้อง 3 นัดติด เฮียใส่พระอะไร”
พร้อมพงศ์ยืนกราน “ไม่ได้ใส่จริงๆ ครับ”
เบิ้มตัดสินใจบอก “เอ่อ...เสี่ยครับ ไม่ได้ใส่...กระสุนครับ”
เสี่ยเต๊กยัวะสุดขีด “แล้วทำไมมึงไม่ใส่ไว้”
“กลัวปืนลั่นครับ” เบิ้มว่า
“หึย ไอ้ปัญญาอ่อน”
เสี่ยเต๊กเซ็งโครตๆ เขวี้ยงปืนใส่เบิ้ม
“เอามันไปเผานั่งยาง”
พร้อมพงศ์ตาเหลือก รีบบอก “เสี่ย...ถ้าผมตาย ก็ไม่มีใครตามหาไอ้เทพให้เสี่ยนะครับ ผมเป็นคนเดียวที่รู้ มันน่าจะหนีไปไหน”
“ผมให้เวลาเฮีย 2 วัน เอาพงศ์เทพไปส่งผมที่บ้าน ถ้าเฮียผิดคำพูดละก็ เฮียตาย”
เสี่ยเต๊กวาดหน้าเหี้ยมยิ่งกว่าเคยเหี้ยม พร้อมกับถลึงตาใส่ พร้อมพงศ์กลัวจับจิต ก้มหน้างุด
อ่านต่อหน้า 2
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 2 (ต่อ)
งานแต่งถูกจัดขึ้นที่ห้องโถคฤหาสน์เสี่ยเต๊ก เหมยฮัวในชุดเจ้าสาวสีแดงตามประเพณีจีนโบราณ ใบหน้าสวยเศร้าหมอง เพราะถูกบังคับแต่งงาน เหลียนฮัวกระสับกระส่ายรอฟังข่าวจากผัว ใจร้อนเป็นไฟ
พอเสี่ยเต๊กโทร.เข้ามือถือเหลียนฮัวรีบรับสาย
“ตามอาเทพมาได้แล้วใช่มั้ยเสี่ย” เหลียนฮัวนิ่งฟัง หน้าซีดลง “อั๊วจะโกหกญาติๆ เจ้าบ่าวอาเหมยรถคว่ำ ต้องเลื่อนงานแต่ง” แล้ววางสายไป
เหมยฮัวได้ยินที่แม่คุย “พี่เทพไม่มาก็ดีแล้ว พี่เทพไม่ควรต้องรับผิดชอบเหมย หม่าม้า เหมยจะบอก
ความจริงเตี่ย พี่เทพไม่ใช่พ่อลูกในท้องเหมย”
“งั้นไอ้พ่อตัวจริงเป็นใคร”
เหมยฮัวเงียบ
“ผู้ชายคนนั้นมีครอบครัวแล้วใช่มั้ย เหมยถึงบอกไม่ได้...มันชื่ออะไร”
เหมยฮัวส่ายหน้า ไม่บอก
เหลียนฮัวโกรธลูกสาว “เหมยไม่บอก หม่าม้าก็ไม่ให้เหมยบอกเตี่ยเรื่องอาเทพท้องก่อนแต่ง เตี่ยยังโกรธขนาดนี้ ถ้าท้องไม่มีพ่อ เตี่ยต้องเอาเหมยตาย”
“เชื่ออาซ้อนะคะคุณหนู ให้คุณพงศ์เทพรับไปก่อน ดีกว่าคุณหนูท้องไม่มีพ่อ” อาจงกล่อม
“พี่เทพเป็นพี่ชายที่แสนดีของเหมย ตอนเด็กๆ เหมยไม่มีเพื่อนเล่น พี่เทพก็มาเล่นด้วย ตอนเหมยสอบเข้ามหา’ลัยไม่ได้ พี่เทพก็พาเหมยไปเลี้ยงข้าวให้เหมยหายเศร้า คนดีๆ อย่างพี่เทพไม่ควรต้องเดือดร้อนเพราะคนเลว ๆ อย่างเหมย”
เหลียนฮัวหงุดหงิดโมโหลูกมาก นังตัวดีอยากบอกเตี่ยก็ตามใจ
เมื่อเสี่ยเต๊กกลับเข้าบ้านมา กลัดกลุ้มใจเรื่องลูกสาวต่อ
เหมยฮัวกล้าๆ กลัวๆ ขณะเข้ามาหาเตี่ย เหลียนฮัวกับอาจงตามมาด้วย
เหมยฮัวคุกเข่าหน้าเสี่ยเต๊ก “เตี่ย...เหมยขอโทษ”
เสี่ยเต๊กโมโหไม่หาย “เตี่ยไม่อยากเห็นหน้าลื๊อ”
เหมยฮัวตั้งใจจะบอกความจริง “เตี่ย...พี่เทพน่ะ...คือ...พี่เทพเค้า”
“ยังดีที่ผัวลื๊อเป็นพงศ์เทพ เทพมันเป็นคนดี ขยันขันแข็ง ไม่หน้าเงินเหมือนพ่อมัน ได้มันเป็นลูกเขยก็ดี เตี่ยมีคนรับช่วงกิจการต่อ”
เหลียวฮัวฟังแล้วงง “อ้าวเสี่ย อยากได้อาเทพเป็นลูกเขย แล้วเมื่อวานไปไล่ยิงอาเทพทำไม”
“ก็อั๊วโมโห! มันหยามหน้าอั๊ว”
เหมยฮัวถามหยั่งเชิง “เตี่ย...อืม...ถ้าพ่อในลูกน้องเหมย ไม่ใช่ลูกพี่เทพล่ะ”
เสี่ยเต๊กบอกโดยไม่ต้องคิด “มันได้ตายอย่างหมาข้างถนนไง!” เสี่ยฟังทะแม่งๆ “อย่าบอกนะ ไอ้เทพไม่ใช่ผัวลื๊อ มันยังไงกันเหมย ผัวลื๊อเป็นใคร เตี่ยได้เอากระสุนปืนไปให้กินถูกคน”
เหมยฮัวเสียววาบ “ถึงกับต้องฆ่ากันเลยเหรอเตี่ย”
“เตี่ยจะหั่นมันเป็นชิ้นๆ ด้วย!...ใครทำลื๊อท้องกันแน่เหมย ไอ้เลวนั่นเป็นใคร”
เหมยฮัวรีบบอก “พี่เทพค่ะ พี่เทพเป็นพ่อลูกในท้องเหมย พี่เทพแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์”
“แล้วลื๊อพูดขึ้นมาทำไม ถ้าผัวลื๊อไม่ใช่พงศ์เทพ”
“เหมยอยากแน่ใจ เตี่ยยอมรับพี่เทพ”
“ลื๊อสองคนไปแอบรักกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
เหมยฮัวโกหกล้วนๆ “สองสามเดือนแล้วเตี่ย เหมยเองแหละ ไม่ให้พี่เทพบอกเรื่องของเรา เหมยกลัวเตี่ยไม่ยอมรับพี่เทพ พี่เทพเป็นลูกหนี้เตี่ย”
เสี่ยเต๊กโมโห “ลื๊อนี่มันโง่บรม เตี่ยไม่ได้อยากได้ลูกเขยรวย เตี่ยอยากได้ลูกเขยขยันขันแข็ง มาช่วยเตี่ยทำงาน ลื๊อก็เตรียมตัวแล้วกัน อีก 2 วัน เฮียพงศ์จะพาเทพมาแต่งงานด้วย”
“ค่ะเตี่ย”
เหมยฮัวทำหน้าตาบ้องแบ๊วให้เตี่ย โกหกตาใส
เหมยฮัวนอนซมอยู่ในห้อง อาจงเอายาบำรุงมาให้
“ไก่ตุ๋นยาจีนค่ะคุณหนู บำรุงร่างกาย พอคุณหนูท้องแก่ อาจงจะต้มจับซาไทเป้า ให้กินนะคะ ได้คลอดง่าย”
“ขอบใจมากอาจง...อาจง เหมยรู้สึกผิดต่อพี่เทพจังเลย แต่เหมยบอกเตี่ยไม่ได้ พ่อลูกในท้องเหมยเป็นใคร เตี่ยต้องไปฆ่าเค้าตาย”
“คุณหนูพูดแบบนี้ แสดงว่าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนดี เสี่ยถึงจะไปฆ่า...ใครคะ” อาจงซัก
เหมยฮัวเงียบ ไม่ยอมบอก
“คุณหนูต้องรักผู้ชายคนนั้นมาก ถึงปกป้องขนาดนี้”
เหมยฮัวเหมือนเดิมทุกประการ...ไม่พูดสักแอะ
ที่ลานซักล้างข้างครัวบ้านครูเทียมตอนนี้ โก๊ะกำลังจะล้างจานกองพะเนินที่ชาวคณะกินข้าวเมื่อเช้า เห็นหลงเดินเข้ามาดโก๊ะทัก กะจะให้ช่วยล้างจาน
“พี่หลง อยู่ว่างๆ ช่วยชั้นทำงานมั้ยพี่”
โก๊ะยื่นสก๊อตไบรท์ให้หลง ยิ้มกริ่ม หมายจะใช้หลงล้างจาน แต่หลงรู้ทัน ไม่ยอมโดนหลอกใช้งาน
หลงมองจาน ทำหน้ามึน “ล้างยังไงน่ะโก๊ะ”
“โหพี่ ความจำพี่เสื่อมถึงขนาดนี้เลยเหรอ ชั้นทำให้ดูนะ ขั้นแรก เทน้ำยาล้างจานในน้ำ ตีให้เป็นฟอง อ่ะ พี่ทำต่อ” โก๊ะบอก
“เศษอาหารที่เหลือในจานล่ะ ทำไงกับมัน” หลงแกล้งถาม
“กวาดทิ้ง แล้วก็ล้าง จานกับข้าวมันมัน พี่ต้องล้างให้เกลี้ยง ถูแรงๆ แบบนี้”
โก๊ะหลงกล โชว์ใหญ่โดยล้างให้ดูไปแล้ว 2 ใบ
“แล้วจานข้าวล่ะ ล้างยังไง”
“ถูนิดเดียวก็พอพี่ มันไม่มัน” โก๊ะถูกหลอกให้ล้างจานไปอีกหลายใบ
หลงซักอีก “ล้างน้ำยาแล้วไงต่อ”
“ก็ล้างน้ำใส แล้วเอาไปคว่ำ” โก๊ะล้างไปอีก 3-4 ใบ
“หลายขั้นตอนชะมัด โก๊ะทำให้พี่ดูอีกที”
“เริ่มจากถูอย่างนี้นะพี่”
โก๊ะถูกหลอกให้ล้างจานไปเรื่อยๆ หลงมอง อมยิ้มขำเอ็นดูไม่ได้ดูถูก หลอกง่ายจริงวุ๊ย
หลงจะออกไปโทรศัพท์กลับบ้านสืบข่าวพ่อ จึงค่อยๆ ย่อง ถอยหลังออกไปเงียบ โก๊ะลางจานเพลิน
พวกผู้หญิงปักซ่อมชุดลิเกอยู่ในโถงบ้าน มุมที่จอมนางนั่งอยู่ หันไปทางหน้าบ้านพอดี จอมนางเห็นหลงกำลังแอบออกไป ท่าทางมีพิรุธ
หลงแอบออกไปนอกรั่วบ้าน มองซ้ายมองขวา กลัวใครมาเห็น
จอมนางสงสัย หลงแอบไปไหน?
พงศ์เทพพาตัวเองมาอยู่ในตู้โทรศัพท์สาธารณะละแวกบ้านครูเทียมแล้ว กดเบอร์มือถือเจ๋งครบทุกตัว รอจนปลายสายรับ
“เจ๋ง พี่เอง”
ขณะเดียวกันเจ๋งคุยกับหลงอยู่ที่ห้องโถงบ้าน
“พี่เทพ! พี่อยู่ไหนน่ะ ลุงพงศ์กำลังโทรหาพี่ตามบ้านเพื่อนๆ พี่”
เจ๋งมองไปยังพร้อมพงศ์ที่ยืนหลังอยู่หน้าบ้าน ดูออกว่ากำลังคุยโทรศัพท์ง่วนอยู่
พงศ์เทพ หรือ หลง คุยสายกับเจ๋งต่อ
“เสี่ยทำอะไรพ่อพี่หรือเปล่า” เขากังวล นึกห่วงพ่อ
เจ๋งเงียบไปชั่วขณะ ว่าจะบอกพงศ์เทพดีมั้ยว่าเสี่ยขู่ฆ่าพร้อมพงศ์หากลูกไม่กลับมา
“พ่อพี่เป็นอะไรหรือเปล่าเจ๋ง”
เจ๋งตัดสินใจพูดปด “โห...พี่เทพ ไม่รู้จักนิสัยพ่อตัวเองรึไง พ่อพี่น่ะ ปลาไหลรุ่นแรกรุ่นดั้งเดิม ลุงแกกะล่อนเอาตัวรอดจากเสี่ยมาได้ สบายๆ ไร้รอยขีดข่วน”
ทว่าพอพร้อมพงศ์หันหน้ากลับมา พบว่าใบหน้ามีรอยฟกช้ำ บวมปูด สภาพโดนซ้อมจนน่วม
โดยก่อนหน้านี้ ก่อนเสี่ยเต๊กกลับ ได้สั่งให้ไอ้เบิ้มซ้อมพร้อมพงศ์เป็นการสั่งสอน ไอ้พลจับเจ๋งไว้ ไม่ให้ช่วยพร้อมพงศ์
“รู้ว่าพ่อไม่เป็นไร พี่ก็สบายใจ”
พงศ์เทพคลายยิ้ม ค่อยหายเป็นห่วงพ่อ
“หนีไปให้ไกลเลยนะพี่ ไอ้เสี่ยบ้านั่น จะจับพี่แต่งงาน”
พงศ์เทพตกใจ “แต่งงาน”
“ใช่พี่ วันเนี้ยแหละ วันแต่งงานพี่ เสี่ยรีบร้อนจัดงาน กลัวลูกสาวท้องไม่มีพ่อ”
“เสี่ยเต๊กบ้าไปใหญ่แล้ว ตอนนี้พี่มีทางเลือก 2 ทาง ยอมแต่งงาน...หรือไม่ก็ ยอมตาย”
“พี่ตายไม่ได้นะพี่ พี่ตาย แล้วผมกับลุงจะอยู่ยังไง” เจ๋งร้องลั่น
“เออ พี่ไม่ตายง่ายๆ หรอก พี่มีทางออกฉุกเฉิน พี่จะกบดานไปเรื่อยๆ จนกว่าเสี่ยเต๊กจะหายบ้าเจ๋ง ระหว่างนี้พี่ฝากพ่อด้วยนะ ไว้พี่จะโทร.หาอีก”
“ตอนนี้พี่อยู่ไหน อ้าว...วางหูซะและ”
หลงวางหูโทรศัพท์ หันมาเห็นจอมนางยืนจ้องอยู่แล้ว หลงอดระแวงไม่ได้ว่าจอมนางได้ยินที่เขาคุยกับเจ๋งเมื่อกี้หรือเปล่า
“โทร.หาใครน่ะพี่หลง”
“อ๋อพี่...พี่ลองมากดโทรศัพท์ดูครับ เผื่อจำเบอร์บ้านได้
จอมนางซัก “แล้วจำได้มั้ยจ๊ะ”
“โทร.ไปผิดบ้านน่ะครับ”
จอมนางดักคออีก “แต่คุยตั้งนานเนอะ”
“พี่ถามให้แน่ใจน่ะ ว่าใช่บ้านพี่เหรอเปล่า จอมมาโทรศัพท์เหรอครับ”
“จ้ะ”
หลงหลบให้จอมนางเข้าตู้โทรศัพท์
“พี่กลับบ้านก่อนนะ”
หลงเดินกลับ หน้าตาระแวงจอมนาง ว่าตามมาจับผิดเหรอเปล่า
“พี่หลงต้องคุยกับคนรู้จัก”
เมื่อจับไม่ได้ จอมนางหน้าตาเจ้าเล่ห์ คิดแผนจับผิดหลงใหม่
จอมนางกลับเข้าห้องพัก วุ่นวายอยู่กับการรื้อของในลิ้นชัก จนกระแตเข้ามาเห็น
“หาอะไรจอม พี่ช่วย”
“เจอแล้วจ้ะ”
จอมนางหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นเก๋ากึ๊ก ออกมาจากลิ้นชัก
“พี่กระแตเอาไปให้พี่หลงทีจ้ะ”
“เอ้า อยากให้ ก็เอาไปให้เองสิ”
จอมนางบอก “เดี๋ยวพี่หลงสงสัยชั้น”
กระแตไม่ไว้ใจ เสียงดุ “จอม...จะเล่นพิเรนทร์อะไรอีกเนี่ย”
“พอพี่หลงใช้โทรศัพท์เครื่องนี้โทร.ไปหาคนรู้จัก ชั้นก็จะโทร.กลับไป ทีนี้แหละก็มีหลักฐานจับคนโกหก” จอมนางวาดแผนการณ์
“พี่หลงเค้าไม่ได้โกหกหรอก เค้าความจำเสื่อมจริงๆ” กระแตว่า
จอมนางคร้านจะทะเลาะ รีบตัดบท “อ่ะๆ พี่หลงความจำเสื่อมจริงก็ได้ แต่...ถ้าพี่หลงเป็นโจรล่ะ เราป้องกันไว้ก่อนก็ไม่เสียหายอะไรนี่” จอมนางจอมแก่น หันมาใช้ลูกอ้อน “นะๆ พี่กระแตนะ เอามือถือไปให้พี่หลงนะ นะจ๊ะ”
กระแตยอมรับมา ค้อนจอมนาง วุ่นวายจริงยัยน้องคนนี้
ไม่นานต่อมากระแตยื่นโทรศัพท์มือถือให้หลง เป็นมือถือเครื่องที่จอมนางยอดนักสืบให้มา
“อภินันทนาการเติมเงินให้แล้วนะจ๊ะพี่”
“พี่ไม่ใช้หรอกครับ ไม่รู้จะโทร.หาใคร”
กระแตโน้มน้าว “เกิดอยู่ๆ ความจำพี่กลับมา พี่ได้โทร.ไปหาคนที่บ้านไง เอาไปเถอะจ้ะ”
“ขอบคุณมากนะครับ” หลงรับโทรศัพท์มือถือจากกระแต
จอมนางแอบดูอยู่มุมหนึ่ง ยิ้มกริ่มสมใจ เสร็จชั้นแน่ไอ้พี่หลง
อ่านต่อหน้า 3
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 2 (ต่อ)
กำจายกับโก๊ะเล่นหมากรุกอยู่ศาลาริมน้ำ โก๊ะโง่ คิดช้า จนกำจายเซ็งหาปุ่มบนหัวโก๊ะ
“ลานอยู่ไหนวะ จะไขให้เร็วขึ้น”
โก่งกับหลงเดินมาสมทบ กำจายเอ่ยปากชวน
“โก่ง เอ็งมาเล่นแทนมา ข้าเบื่อรอไอ้โก๊ะ”
“ให้หลงเล่นดีกว่า” โก่งหันไปชวนหลง “ซักตา หลง ฝึกสมอง เผื่อช่วยให้ความจำกลับมา”
“ตาเดียวนะครับ”
หลงนั่งแทนที่โก๊ะ แต่แกล้งจำไม่ได้ เล่นไม่เป็น “นี่ม้าใช่มั้ยครับ”
“เรือ...” กำจายบอกเซ็งๆ “ไอ้โก่ง เอ็งมาเล่นเหอะ”
ฟ้าประทานตื่นสายโด่ง เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ค้นตู้เสื้อผ้า หาเสื้อตัวเก่งไม่เจอ
“หายไปไหนวะ”
เสียงหัวเราะของพวกลุงกำจายที่เล่นหมากรุก ดังลั่นมาจากข้างล่าง
“หัวเราะใส่โทรโข่งรึไง”
ฟ้าประทานหงุดหงิด ชะโงกหน้าผ่านหน้าต่างมองไปที่ศาลาริมน้ำ จะบอกพวกลุงกำจายให้เบาเสียง แต่สะดุดสายตาเมื่อเห็นหลงใส่เสื้อตัวเก่งของตัวเอง ฟ้าประทานโมโหปนงง
“ใครวะ”
หลงกับโก๊ะดูกำจายกับโก่งโขกหมากรุก ฟ้าประทานเดินดิ่งมาเอาเรื่องหลง
“เอาเสื้อข้าคืนมา”
หลงงง ด้วยไม่รู้จักฟ้าประทาน
“ตัวนี้ข้าเพิ่งซื้อ ยังไม่ได้ใส่”
“ผมไม่รู้ว่าเสื้อคุณ ขอโทษครับ ผมจะไปถอดให้” หลงหันตัวจะเดินเข้าบ้านไปเปลี่ยน
“ถอดตรงนี้แหละ เสื้อตัวตั้งเป็นพัน ข้าหวง” ฟ้าประทานจะจับหลงถอดเสื้อ
“พูดกันดีๆ ก็ได้คุณ”
หลงผลักฟ้าประทานออก แต่ออกแรงมากผลักไปหน่อย จนฟ้าประทานล้ม
“ขอโทษครับ”
ฟ้าประทานโกรธ ลุกขึ้น ผลักหลงเต็มแรง หลงซึ่งยืนอยู่ริมน้ำโดนผลัก เซไปไม่กี่ก้าวก็ตกน้ำตูม!
โก่งตกใจ “ไอ้หลง”
ครูเทียมกับจอมนางมองออกมาจากในบ้านเห็นหลงตกน้ำ รีบออกไป พวกกำจายช่วยกันฉุดหลงขึ้นจากน้ำ จอมนางกับครูเทียมมาถึง
“ทำหลงทำไมฮึฟ้าประทาน”
“หลงไหนผมไม่รู้จัก มันขโมยเสื้อผมดูสิ เสื้อผมเปียกหมดเลย”
“ชั้นหยิบเสื้อฟ้าประทานมาเอง เมื่อคืนฟ้าประทานกลับดึก ชั้นเลยถือวิสาสะหยิบเสื้อในตู้ว่าจะบอกตอนเช้า ฟ้าประทานก็ตื่นสาย” จอมนางบอก
ฟ้าประทานไม่กล้าว่าจอมนาง
“หลงเพิ่งเข้ามาอยู่ใหม่น่ะ...ขอโทษพี่เค้าซะ” ครู่สั่ง
ฟ้าประทานไม่ยอม “มันไม่ใช่พี่ผม”
“เอ็งอาวุโสน้อยกว่า ต้องมีสัมมาคารวะ ขอโทษพี่หลงเค้า เอ็งทำเค้าตกน้ำตกท่า”
“ผมขอโทษก็ได้ แต่ผมไม่เรียกว่าพี่” พระเอกลิเกกลั้นใจพูด เสียงห้วน “ขอโทษ”
ฟ้าประทานเดินยัวะออกไป
หลงมองตามฟ้าประทาน เพิ่งมาเจอคนไม่เป็นมิตรในบ้านหลังนี้เป็นรายแรก
ตลาดสดทรงงาม เป็นตลาดขนาดกลาง ยังไม่คึกคักนักเพราะเพิ่งเปิดขาย โดยในตลาด เจ๊ทรงงามเดินเก็บค่าเช่าแผง มาถึงแผงแม่ค้าเจ้าหนึ่ง
“กระเป๋าเงินชั้นหายจ้ะเจ๊”
ทรงงามรู้ทัน “แหม มาเก็บเงินค่าเช่าแผงทีไร กระเป๋าหายทุกทีเลยนะ งั้น...พรุ่งนี้ ไม่ต้องมา
ขายแล้ว”
“อยู่นี่เอง” แม่ค้าเจอกระเป๋าตังค์ทันที รีบควักให้เงินเจ๊
ฟ้าประทานขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าตลาด เจ๊ทรงงามยิ้มแป้น เดินส่ายตูดนวยนาดไปหาฟ้าประทาน
ฟ้าประทานหน้าบูด อารมณ์เสียเรื่องหลงเอาเสื้อไปใส่
“หงุดหงิดอะไรมาจ๊ะ” เจ๊ถาม
“ครูเทียมรับคนใหม่มา มันเอาเสื้อผมไปใส่ เสื้อตัวที่เจ๊ซื้อให้ล่าสุดนั่นแหละครับ” ฟ้าประทานฟ้อง
“ใครอยากได้ให้เค้าไป เดี๋ยวเจ๊ซื้อให้ใหม่”
ฟ้าประทานหายหงุดหงิดทันควัน ยิ้มอ้อนเจ๊ “เจ๊ครับ ที่เรานัดกันไว้”
“เจ๊เบิกเงินมาแล้ว”
เจ๊ทรงงามตบกระเป๋า ในนั้นมีเงินสดๆ แสนกว่าบาทอยู่เต็ม
เจ๊ทรงงามพาฟ้าประทานมาซื้อรถยนต์ที่เต๊นท์รถมือสอง ฟ้าประทานเดินดูหมดทุกคันแล้ว
“ไม่โดนใจซักคันเลยครับเจ๊ ซื้อป้ายแดงเลยดีกว่า”
ทรงงามอึ้งไปชั่วขณะ “ที่เคยมาดูกันฟ้าประทานชอบคันนี้นี่จ๊ะ เจ๊เบิกเงินมาแสนแปด ตามราคารถ”
ฟ้าประทานโน้มน้าว “เจ๊คร้าบ รถป้ายแดงแพงขึ้นไม่กี่แสนเอง ไม่ต้องซ่อมบ่อย เหมือนรถมือสอง”
ทรงงามบ่น “ป้ายแดงคันตั้งห้าหกแสน”
“ใครเค้าซื้อรถด้วยเงินสดกันครับเจ๊ เค้ากู้กัน กู้ไฟแนนซ์”
“เกิดมาเจ๊ไม่เคยกู้ไฟแนนซ์ ไม่เอาหรอก”
“เจ๊สัญญากับผม ถ้าผมเข้ารอบลิเกชิงแชมป์ประเทศไทย เจ๊จะซื้อรถให้”
“ก็รถคันนี้ไงจ๊ะ เห็นใจเจ๊เถอะนะ ช่วงนี้เจ๊ช็อต เอาเงินสดไปลงทุนทำตลาดหมด รอเจ๊ถอนทุนคืนก่อนน้า รถคันเป็นล้าน เจ๊ก็ซื้อให้”
ฟ้าประทานจำใจรับ “เอาคันนี้ก็ได้ครับเจ๊”
“งั้นเจ๊ไปทำสัญญาซื้อขายนะจ๊ะ”
ทรงงามเข้าส่วนสำนักงานไปกับคนขาย ฟ้าประทานมองตามเซ็งๆ อยากได้รถป้ายแดงมากกว่า
ไม่นานต่อมา ฟ้าประทานขับรถมือสองที่เพิ่งซื้อมาจอดหน้าบ้าน กดแตรเรียกทุกคนออกมาดู ชาวคณะและหลงได้ยินแตรสนั่น พากันออกมาหน้าบ้าน
ฟ้าประทานยิ้มอวด “รถผม เจ๋งปะ”
จอมนางรู้ทัน “เฮ้อ...งานนี้เจ๊ทรงงามกระเป๋าฉีก”
ฟ้าประทานแถไปขุ่นๆ “เมื่อคนเค้าเต็มใจให้ เราก็ต้องเต็มใจรับจ้ะจอมใครอยากไปนั่งรถเล่นบ้าง”
ตุ้มบอกคนแรก “ชั้นจ้ะ”
ชาวคณะยกเว้นครูเทียม จอมนาง กับ กระแต แย่งกันขึ้นรถ ตุ้มแย่งนั่งหน้าได้
ฟ้าประทานบอกตุ้มเสียงขุ่น “ลงมา”
ตุ้มหน้าเสียงลงจากรถ
ฟ้าประทานส่งเสียงหวาน “จอมจ๋า เชิญจ้ะ”
ตุ้มหน้าหงิก
“วุ้ย นั่งรถตู้คณะมันกว่าเยอะ กระเทือนทุกหลังเต่า เข้าบ้านกันเถอะปู่” จอมนางเหน็บ
ครูเทียมเตือน “เอ็งอย่าซิ่งล่ะ ขับระวัง ๆ”
จอมนาง ครูเทียม และกระแต กลับเข้าบ้าน ไม่ได้เห่อรถเก๋งฟ้าประทาน กำจายย้ายก้นไปนั่งเบาะหน้า
“ไปลองรถกันเล้ย”
ฟ้าประทานหันมาเย้ยหลง “ข้าไม่ให้เอ็งนั่งรถข้าหรอก ฮึ” แล้วขับรถไปเลย
หลงส่ายหัว ที่ฟ้าประทานหาเรื่องเหมือนเด็กๆ หันหลังกลับเข้าบ้าน เหลือตุ้มยืนอยู่คนเดียว ท่าทางน้อยใจมาก ที่ฟ้าประทานไม่ให้ไปลองรถด้วย
ตกกลางคืน ฟ้าประทานเข้าห้องมา แต่พอเปิดไฟปุ๊บก็ต้องตกใจและถึงกับสะดุ้งสุดตัว เมื่อเห็นตุ้มนั่งอยู่บนเตียงในห้องแล้ว
“มาทำอะไรมืดๆ”
ตุ้มตัดพ้อต่อว่าทันที “ทำไมฟ้าประทานไม่ให้ชั้นนั่งหน้า ไปให้จอมนั่ง ชั้นเป็นเมียฟ้าประทานนะ”
ฟ้าประทานตาโต กลัวใครมาได้ยิน “ชู่ว์วว เบาๆ”
ที่แท้สองคนลอบคนกัน โดยไม่มีใครในคณะรู้
“ชั้นไม่ทนอีกแล้ว ชั้นอยากให้ทุกคนรู้เรื่องของเรา...ฟ้าประทาน เราแต่งงานกันเถอะ” ตุ้มระเบิดออกมา
“แต่งงาน!” ฟ้าประทานอึ้ง อยู่ๆ ผู้หญิงบังคับให้แต่งงาน “แค่ไม่ให้นั่งหน้า งอนขนาดนี้เลยเหรอจ๊ะตุ้ม”
“ไม่ใช่...ชั้นคิดมาซักพักแล้ว ชั้นอยากมีลูก อยากมีครอบครัว ตอนแม่มีชั้นแม่ก็อายุเท่านี้”
“เราคุยกันเข้าใจแล้วนี่ตุ้ม ผมต้องปิดเรื่องของเราไว้ก่อน ให้แม่ยกรู้ไม่ได้ว่าผมมีแฟนแล้ว”
ตุ้มไม่สน “ช่างพวกแม่ยกสิ ฟ้าประทานรักชั้นจริง ก็ต้องแต่งงานกับชั้น ชั้นไม่อยากรอแล้ว 4 ปีแล้วนะ ที่เราแอบคบกัน”
“ตุ้มจ๋า ผมรักตุ้มมาก มากเกินกว่าจะพาตุ้มไปกัดก้อนเกลือกิน ตอนนี้ผมมีแค่รถ ยังไม่มีบ้าน แต่งงานแล้ว เราจะไปอยู่ไหนกันล่ะจ๊ะ”
ตุ้มไม่ฟัง “อย่าเอาความไม่พร้อมมาอ้างเลย ฟ้าประทานไม่ได้คิดแต่งงานกับชั้นต่างหาก”
“ไม่จริงนะตุ้ม”
ตุ้มทั้งเสียใจ ทั้งน้อยใจลุกเดินออกไป ฟ้าประทานตามตุ้มไปถึงหน้าห้อง แต่กลัวคนมาเห็น เลยรีบกลับเข้าห้อง
กระแตเดินอยู่ในความมืด ได้ยินเสียงร้องไห้กระซิกๆ เบาๆ กระแตก้าวขาไม่ออก คิดว่าคงโดนดีเข้าให้แล้ว! กระแตค่อยๆ หันไปมองทางเสียง เห็นเงาผู้หญิงตะคุ่มๆ กำลังนั่งกอดเข่าร้องไห้ กระแตเพ่งมองจนเห็นถนัดตา
“นังตุ้ม”
ตุ้มได้ยินเสียงหันมามอง กระแตตกใจเห็นตุ้มร้องไห้
“แกเสียใจอะไร”
“ไม่ต้องยุ่ง”
ตุ้มเดินเชิดหน้าไป
“อย่างกับอยากยุ่งตายแหละ อีนังคุณนายบ้านนอก”
ปากด่า แต่แววตากระแตเป็นห่วงตุ้ม
พวกกำจายหลับแล้ว แต่หลงยังนอนไม่หลับ
“โทร.หาเหมยดีมั้ย”
หลงคิดไม่ตก เอาโทรศัพท์มือถือที่กระแตให้ มากดไปกดมา เหมือนโทร.หาใครซักคน
ฉากชีวิตสงบงามยามเช้าของคนต่างจังหวัด ครูเทียมกับจอมนางใส่บาตรอยู่ที่ท่าน้ำ พระท่านให้ศีลให้พรจบก็พายเรือไป ยามเช้าวันนี้เงียบสงบมาก เงียบจนได้ยินเสียงใบพายแหวกน้ำ
หลง โก่ง โก๊ะ เดินตรงมาหน้าตาสดใสมา
“ที่นี่พระยังพายเรือบิณฑบาตอีกนะครับ” หลงเอ่ยถาม
“มาวันละรูปน่ะ ให้ชาวบ้านที่อยู่ริมน้ำใส่บาตร” ครูบอก
หลงหาวหวอดๆ โก่งหันมาเห็น
“สมควรง่วงล่ะเอ็ง เมื่อคืนพี่เห็นเอ็งกดโทรศัพท์ทั้งคืน”
จอมนางหูผึ่งตาวาว หลงใช้มือถือที่ให้ไป โทร.หาคนรู้จักแล้ว
จอมนางคิดแผนล่อหลงออกจากบ้าน “โก๊ะ พาพี่หลงพายเรือไปเที่ยววัดสิ พี่หลงน่าจะชอบ”
“ขี้เกียจพายอ่ะพี่จอม” โก๊ะว่า
ครูเทียมดันเห็นงามด้วย “เอ็งพายเรือพาหลงไปจอม โก่ง เอ็งนั่งไปเป็นเพื่อนด้วย”
จอมนางออกตัว “ชั้นต้องช่วยพี่กระแตทำกับข้าวจ้ะปู่ พี่โก่งก็ได้ พายเรือพาพี่หลงไป”
“เดี๋ยวพี่ว่าจะซักผ้า” โก่งอิดออดไม่อยากไป
“กลับมาซักก็ได้ พี่หลงมาอยู่ต่างที่ต่างถิ่น ต้องไปไหว้พระ ให้พระคุ้มครอง”
จอมนางว่าพลางแก้เชือกผูกเรือพาย
“ใครจะลงก่อนจ๊ะ”
สุดท้ายโก่งกับโก๊ะพายเรือพาหลงไปวัด จอมนางยิ้มแป้น ทางสะดวกแล้ว
จอมนางเข้าห้องมา พบว่ากำจายยังเมาหลับอยู่
“หือ...กลิ่นเหล้าหึ่ง”
จอมนางค้นตามที่นอนหลงหาโทรศัพท์มือถือ ขณะกำลังหาอยู่กำจายพลิกตัวมา จอมนางกลัวโดนจับได้ ตั้งท่าจะออกไป กำจายละเมองึมงำๆ แต่ไม่ตื่น สุดท้ายจอมนางเจอมือถือหลง รีบกดดูเบอร์ที่หลงโทร.ออก แต่กลับไม่มีการโทร.ใดๆ
“พี่หลงไม่ได้โทรหาใครนี่ พี่โก่งมั่วแล้ว”
ฟากหลงอยู่ในเรือที่กำลังพายไปวัด เขาอมยิ้ม รู้ทันว่าจอมนางคงกำลังค้นโทรศัพท์
หลงคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ ที่แท้เขานอนกดโทรศัพท์ เล่นเกมในมือถือ
ไม่เท่านั้น ตอนหลงรับโทรศัพท์จากกระแต เขาลอบยิ้ม รู้ทันว่าเป็นแผนจอมนาง
จอมนางทำหน้าเซ็ง เก็บโทรศัพท์มือถือไว้ที่เดิม
ต่อมาไม่นาน จอมนางอ่านบัญชีรายรับรายจ่ายประจำเดือนให้ปู่ฟังอยู่ในบ้าน
“ค่าไฟหมื่นหก ค่าน้ำสองพันสองค่าน้ำมันรถหมื่นเก้า ค่ากับข้าว...”
“พอๆ ไม่ต้องสาธยาย บอกยอดรวมปู่มาเลย”
จอมนางเล่นลิ้น “ทำใจดีๆ ไว้นะปู่ ชั้นจะบอกล่ะนะ จะบอกแล้วน้า...”
ครูเทียมกระแทกเสียงรำคาญ “เออ”
“ยอดรวมค่าใช้จ่ายเดือนที่แล้วคือ...แต่น แตน แต๊น”
ครูเทียมเขกหัวจอมนาง ดังโป๊ก!
“ไม่ใช่หวยออก”
“แหม ก็ลุ้นให้ปู่ตื่นเต้นไง...เดือนก่อนบ้านเรามีรายจ่าย...ห้าหมื่นเจ็ดพันสามร้อยยี่สิบแปดบาท กับอีกสองสลึงจ้ะ”
“แล้วรายรับล่ะ”
“เดือนก่อนเราไม่มีงาน เลยมีแต่รายจ่าย ไม่มีรายรับ”
ครูเทียมเล่นมุก “แต่น แตน แต๊นนน...เดี๋ยวเดือนหน้าก็มีงาน”
“แล้วยิ่งถ้าเราชนะเลิศลิเกชิงแชมป์ประเทศไทยนะปู่ งานเราต้องแน่น คิวงานชนกันโครมๆ”
“อีกไม่นานเราก็สบายแล้วจอมเอ๊ย”
“รวยเห็นๆ จ้ะปู่”
สองปู่หลานยิ้มให้กัน ชีวิตนี้ยังมีความหวัง
เช้านั้นชาวคณะยกเว้นฟ้าประทาน ล้อมวงกินข้าวอยู่ตรงนอกชาน มีกับข้าวแค่สองอย่าง ผัดผัก กับไข่เจียว
กำจายมองกับข้าวแล้วเหน็บจอมนางขึ้น “จอม...เอาดินโป่งมาให้ลุงกินเลยมั้ย”
“เอ้า กินแล้วดีนะลุงกำจาย ดูช้างดิ กินแล้วตัวโต๊โต” จอมนางว่า
หลงขำจอมนาง คิดได้นะ จอมนางเห็นพอดี
“ขำอะไรพี่หลง”
“ขำช้างตัวโต๊โตครับ” หลงบอก
“ชั้นพูดถูกมั้ยล่ะพี่กระแต”
“ถูกที่สุด” กระแตเห็นด้วย
ครูเทียมเอ่ยขึ้น “ครูจะบอกให้ กับข้าวแต่ละมื้อเนี้ย สอนให้เห็นสัจธรรมชีวิต”
ตุ้มสงสัย “ยังไงจ๊ะครู”
“มีน้อยก็ใช้น้อย มีมากก็ใช้มาก” ครูบอก
โก่งสอดขึ้น “แล้วถ้าไม่มีเลยล่ะครู”
“ก็ไม่มีจะกินยังไงล่ะวะ” ครูเทียมว่า
โก๊ะตักแบ่งไข่เจียว
“เอาไปซะเยอะเชียวไอ้โก๊ะ” กำจายตักแบ่งไข่เจียวคืนจากจานโก๊ะ
หลงมองภาพชาวคณะกระเหม็ดกระแหม่แบ่งกันกินด้วยความซึ้งใจ
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 2 (ต่อ)
หลังมื้อเช้า หลงหลบมานั่งกลุ้มใจในชะตาชีวิตตัวเองอยู่ในศาลาท่าน้ำ นึกถึงความซวยมหาซวยที่มาเยือนเรือนชีวิต โดนใส่ร้ายว่าทำผู้หญิงท้อง แถมโดนนักเลงไล่ยิงเกือบตาย
ภาพเบิ้มยิงยางรถพงศ์เทพ เสียงปืนดังปัง! ผุดขึ้นมาหลอกหลอนอีกครา
ขณะที่หลงกำลังนึกถึงตอนโดนไล่ยิง ก็มีเสียงอีกปัง! ดังข้างๆ หู
“เฮ้ย” หลงตกใจสุดขีด นึกว่าเป็นเสียงปืน ผวาเฮือก หน้าตาตื่นตระหนก
ที่แท้เป็นโก่งตีถุงเป่าลม เสียงดังปัง แกล้งหลงเล่น
“โทษทีหลง พี่ไม่คิดว่าเอ็งขี้ตกใจขนาดนี้”
“จิตอ่อนกว่าชั้นอีกนะเนี่ย” โก๊ะเย้า
หลงแก้ตัวไป “พี่เพิ่งโดนรถชน เลยขวัญผวาง่าย”
จอมนางเดินถือกุญแจมอเตอร์ไซค์เดินมาหา
“ไปตลาดกันจ้ะพี่หลง”
กำจายแปลกใจ “เอามันไปทำไม เดี๋ยวมันก็ไปหลงทาง หาทางกลับบ้านครูเทียมไม่ถูก”
“ที่ชั้นชวนพี่หลงไปเนี่ย จะพาพี่หลงไปสำรวจเส้นทาง เผื่อพี่หลงออกไปไหนคนเดียวได้กลับบ้านถูก ไปนะจ๊ะพี่หลง”
จอมนางยิ้มตาใสซื่อให้หลง แต่ทว่าในใจคิดแผนร้าย
“ต้องเก็บศัตรูไว้ใกล้ตัว เผลอหลุดขึ้นมาล่ะก็ จะได้รู้ว่าเป็นใคร”
หลงมองระแวงจอมนาง แล้วทำเป็นยิ้มตาใสซื่อ รู้ทันหรอกน่า จะชวนเค้าไปเพื่อจับผิดใช่ม้า
ตลาดบางไทร ในตอนกลางวันวันนี้ ไม่คึกคักมาก แต่ก็ไม่เงียบเหงา ร้านรวงมีทั้งที่เป็นตึก และเรือนแถวไม้เก่าแก่ เป็นตลาดประจำอำเภอ มีป้ายบอกว่าที่นี่คือ...ตลาดบางไทร จังหวัดอยุธยา
จอมนางขี่มอเตอร์ไซค์พาหลงมาจอดหน้าร้านข้าวหมูแดงเจ้าอร่อย ลูกค้านั่งอยู่หลายโต๊ะ หน้าร้านมีเตาปิ้งหมูสะเต๊ะ
2 คนลงรถแล้ว จอมนางหันมายิ้มบอกหลง “หมูสะเต๊ะเจ้านี้อร่อยมาก” พลางยิ้มทักทายเจ้าของร้านอย่างมักคุ้นกัน “เหมือนเดิมจ้า หมูสะเต๊ะ 10 ไม้”
หลงทักท้วง “จะพอเหรอครับ ที่บ้านอยู่กันตั้งหลายคน”
จอมนางไล่นับนิ้ว “ก็มีชั้น พี่กระแต ตุ้ม น้ากำจาย พี่โก่ง โก๊ะ มีพี่หลงเพิ่มมาอีกคนเป็น
7 ที่เหลือ 3 ไม้ ก็ให้ปู่กิน”
“คุณฟ้าประทานล่ะครับ” หลงแปลกใจ
“รายนั้นน่ะ ให้ไปหลอกรับประทานแม่ยกเอา”
หลงยิ้มขำจอมนาง ที่ด่าว่าฟ้าประทานหลอกแดกแม่ยก
จอมนางบอกกับเจ้าของร้าน “เดี๋ยวมาเอานะจ๊ะ...ไปซื้อของกันพี่หลง”
จอมนางเดินนำไป หลงเหลียวมองรอบๆ ตลาดบางไทร เห็นผู้คนไม่พลุกพล่านมาก บรรยากาศน่าอยู่น่าอาศัยดี
จอมนางแวะร้านขายของชำ ซื้อซองเมล็ดพันธุ์ผัก พอจะจ่ายเงินก็ต่อราคาแหลกลาญ
“ซื้อกันประจำ ซองละ 10 บาทแล้วกันเฮีย 10 ซอง ก็ 50”
เฮียร้องลั่น “เอ้ย ต้องร้อยนึงสิ”
จอมนาง ต่อ “อ่ะๆ ให้ 60 ก็ได้”
“80” เฮียบอก
จอมนางไม่ยอม “70 บอกผ่านขาดตัว ห้ามต่อแล้ว”
เฮียถูกต่อจนงง “ใครเป็นคนขายกันแน่ อ่ะๆ 70 ก็ 70 เฮียไปเอาของใหม่หลังร้านให้” เฮียหายไปหลังร้าน
หลงขำจอมนางอีกแระ “กะเอาร้านเค้าเจ๊งเลยนะครับ”
“แค่นี้เฮียแกก็กำไรถมเถแล้ว” จอมนางยิ้มหวาน หลอกล่อชวนคุย “พี่หลงชอบกินผักอะไรที่สุดจ๊ะ”
“คะน้าครับ ก้านมันกรอบดี”
“ตอนอยู่บ้านที่กรุงเทพฯ พี่หลงต้องผัดผักคะน้ากินประจำ” จอมนางตาวาว ลุ้นให้หลงตอบ
หลงรู้ทัน ไหลไปเนียนๆ “เอ...ตอนอยู่บ้าน พี่ชอบกินอะไรน้า...อืม...จำไม่ได้ครับพี่เดินไปดูของนะครับ”
หลงเดินไปดูของในร้าน เหลือบมองจอมนาง แล้วอมยิ้ม ส่ายหน้านิดๆ รู้ว่าจอมนางคอยจับผิดตนตลอดเวลา
จอมนางหน้านิ่วคิ้วขมวดมองหลง ดูไม่ออกว่าคำพูดเมื่อกี้โกหกหน้าตาย หรือ ความจำเสื่อมจริง?
ต่อมาหลงกับจอมนางย้อนกลับมาร้านข้าวหมูแดง มาเอาหมูสะเต๊ะที่สั่งไว้ จอมนางหิ้วถุงที่ซื้อของมาด้วย เมื่อมาถึงเจ้าของร้านบอก
“ยังไม่เสร็จเลยจอม ลูกค้าสั่งเยอะ”
“รอได้จ้ะ”
เจ้าของร้านยกจานหมูสะเต๊ะไปให้ลูกค้านั่งโต๊ะ หลงมองตามไปเห็นชัดๆ จำแม่นว่าเป็น เบิ้ม กับ พล! ที่เป็นคนสั่งหมูสะเต๊ะจานนั้น
หลงหน้าซีดตกใจ รีบฉากหลบ ไม่ให้เบิ้มกับพลที่อยู่ในร้านเห็น
จอมนางแปลกใจท่าทีนั้น “ตกใจอะไรพี่หลง”
“พี่...พี่เพิ่งนึกได้ว่าพี่ลืมซื้อของสำคัญน่ะครับ พี่ไปซื้อก่อนนะครับ”
“ชั้นไปด้วยจ้ะ” มีหรือจอมนางยอดนักสืบจะปล่อยผู้ต้องสงสัยไปลำพัง
“พี่จะไปซื้อ...อืม...กางเกงใน” หลงบอก
“อุ้ย...พี่ไปคนเดียวแล้วกันจ้ะ ร้านเสื้อผ้าอยู่ตรง...”
หลงรีบร้อนไป ไม่ฟังจอมนางบอกทาง จอมนางมองตามสงสัย รีบร้อนเกิ๊น
เบิ้มกับพลกินหมูสะเต๊ะอย่างมูมมาม แป๊บเดียวหมด
“เก็บเงินเลย” เบิ้มบอก
หลงวิ่งออกจากร้านข้าวหมูแดง หลบเบิ้มกับพล มาไกลพอประมาณหนึ่งแล้ว จึงหยุดพักเหนื่อย หน้าตายังตื่นกลัวไม่หาย “โลกจะกลมอะไรขนาดนี้”
หลงพักเหนื่อยได้แป๊บเดียว เหลียวมองห่างออกไป เห็นเบิ้มกับพลกำลังเดินมา
“อุตส่าห์หนีแล้ว”
หลงหันรีหันขวาง จะหลบตรงไหนดี สุดท้ายปีนขึ้นท้ายรถกระบะชาวบ้าน นอนราบ หมอบหลบ
กรรม! รถเบิ้มจอดอยู่หลังรถกระบะคันนี้ หลงโผล่หน้าขึ้นดูเกือบโดนจับได้ รีบหดหัวลง
มีคนโทร.เข้าโทรศัพท์มือถือ เบิ้ม รับสาย
“ครับเสี่ย”
หลงหมอบต่ำอยู่ท้ายรถกระบะคันข้างๆ ได้ยินเบิ้มคุยโทรศัพท์กับเสี่ยเต๊กก็สะดุ้งโหยง สยองแล้ว
เสี่ยเต๊กหน้าบึ้งตึงเป็นยักษ์ ขณะโทร.คุยสายกับเบิ้มอยู่ในคฤหาสน์
“เจอตัวมันมั้ย”
เบิ้มอยู่ที่ตลาดบางไทร
“เจอญาติมันครับ ผมฝากญาติมันไปบอก ไม่ใช้หนี้เสี่ยมันได้ลงไปนอนในโลง”
เบิ้มโคตรโหด หลงหน้าซีด
“ขากลับ พวกลื๊อแวะไปทักทายเฮียพงศ์ ถามว่าเจอลูกเหรอยัง”
“ได้ครับเสี่ย” เบิ้มวางสาย
เสี่ยเต๊กวางสายพึมพำออกมาด้วยความแค้นหน้าอย่างเหี้ยม
“ถ้าเฮียตามหาลูกชายไม่เจอล่ะก็ ได้ตายก่อนลูก”
เบิ้มรอจนพลขึ้นรถเรียบร้อย ก็ขับรถไป หลงถอนใจเฮือกรอดตายหวุดหวิด
“เฮ้อ...เกือบไปแล้ว”
ขณะที่หลงกำลังจะลงจากท้ายรถกระบะ เจอจอมนางที่เดินตามหา ตามจับผิด หลงเลยต้องนอนราบหลบบนท้ายรถกระบะต่อ
จอมนางดันมาหยุดยืนข้างรถกระบะบ่นกะตัวเอง
“หรือพี่หลงหนีไปแล้ว”
จอมนางเดินไปอีกทาง หาหลงต่อ
“ยัยตัวเล็กนี่ก็จับผิดทุกฝีก้าว”
หลงรอจนจอมนางเดินลับกายไป ถึงได้ลงจากท้ายรถกระบะ เดินไปคนละทางกับจอมนาง หลงรีบไปหาซื้อกุงเกงลิง เพื่อไม่ให้จอมนางสงสัยมากกว่านี้
พอจอมนางย้อนกลับมาจากตามหาหลง ก็เห็นหลงรออยู่หน้าร้านข้าวหมูแดงแล้ว จอมนางแปลกใจ พี่หลงไม่ได้หนี
“หายไปไหนมาครับจอม”
“พี่หลงนั่นแหละหายไปไหน ชั้นไปหาที่ร้านเสื้อผ้า ไม่เจอ” จอมนางมองจับผิด
“พี่ไปได้ของที่ร้านของชำครับ” หลงยกถุงใส่กางเกงในให้ดูเป็นหลักฐาน
จอมนางไม่ได้อยากดูกางเกงในผู้ชาย “ยี้...เป็นพวกชอบโชว์เหรอพี่”
หลงยิ้มบอก “พี่จ่ายเงินค่าหมูสะเต๊ะแล้ว จะซื้ออะไรอีกมั้ยครับ”
“ไม่จ้ะ กลับบ้านเลย”
จอมนางขึ้นมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่หน้าร้าน หลงขึ้นซ้อน จอมนางมีหน้าตาสงสัยไม่หาย ส่วนหลงอมยิ้ม จอมนางจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน จอมนางสตาร์ทเครื่องขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้านไป
พอมาถึงบ้านครูเทียม จอมนางลงมือปลูกผักทันที โดยแบ่งเนื้อที่ข้างบ้านมุมหนึ่ง ทำเป็นแปลงผักเล็กๆ ไว้กินเอง หลงช่วยจอมนางลงเมล็ดพันธุ์ผักในหลุม แต่ดันโปรยซะหลายเมล็ด
“ลงเมล็ดสองเมล็ดก็พอจ้ะพี่” โดนจอมนางจับผิดอีกแล้ว คราวนี้วิเคราะห์หลง “พี่ต้องไม่ใช่
คนสวน ปลูกผักไม่เป็น ไหนแบมือสิจ๊ะ”
หลงทำตามอย่างว่าง่าย แบมือให้จอมนางดู
จอมนางก้มจ้องมือหลง “มือบ๊างบาง พี่หลงต้องไม่ใช่พวกใช้แรงงาน ต้องเป็น...อืม..พวกหนุ่มออฟฟิศ”
หลงทึ่ง “ดูมือก็รู้เลยเหรอครับ”
จอมนางจับมือหลงสัมผัสเบาๆ “ด้านนิดหน่อย อืม..หรือทำงานส่งของ”
หลงอมยิ้ม ถูกสาวน้อยน่ารักจับมือ
จอมนางรู้ตัว รีบปล่อยมือหลง ออกอาการเขิลล “ชั้นลงเมล็ดเอง พี่รดน้ำเหอะจ้ะ”
“ได้ครับ”
หลงรดน้ำแปลงผักที่ลงเมล็ดแล้ว จอมนางแอบมองหลง เซ็งตัวเองที่ดันเผลอไปจับมือหลง ยิ่งคิดก็ยิ่งเขิน
จอมนางยิ้มกริ่ม เดินเข้ามาในบ้าน นึกถึงตอนที่จับมือหลงเมื่อครู่นี้
“มือบ๊างบาง พี่หลงต้องไม่ใช่พวกใช้แรงงาน ต้องเป็น...อืม..พวกหนุ่มออฟฟิศ”
“ดูมือก็รู้เลยเหรอครับ”
จอมนางจับมือหลงสัมผัสเบาๆ “ด้านนิดหน่อย อืม..หรือทำงานส่งของ”
หลงอมยิ้มกริ่ม ถูกสาวจับมือ จอมนางรู้ตัว รีบปล่อยมือ ออกอาการเขิล
กระแตเข้ามามองเหล่
“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรน่ะจอม”
จอมนางหุบยิ้ม “พี่กระแต เมื่อกี้ชั้นจับ..เอ้ย...ดูมือพี่หลง มือบาง แต่ด้านหน่อยๆ พี่หลงต้องทำงานหนักประมาณนึง อาจเป็นแมสเซ็นเจอร์ แล้วที่โทรศัพท์กลับไป ต้องโทร.ไปออฟฟิศ”
กระแตระอา “เลิกเล่นได้แล้วจอมไปช่วยพี่ทำกับข้าว”
จอมนางหน้ามุ่ย ที่กระแตไม่เชื่อซะที
ที่กรุงเทพฯ คืนเดียวกันนี้
พร้อมพงศ์กับเจ๋งขับรถกลับบ้าน หลังไปตามพงศ์เทพมาทั้งวัน
“พรุ่งนี้จะไปตามหาพี่เทพที่ไหนอีกอ่ะลุง บ้านญาติ บ้านเพื่อน ไปมาหมดแล้ว”
“ลุงจนปัญญาแล้ววะ เทพ...เอ็งทิ้งพ่อได้ลงคอ”
พร้อมพงศ์คร่ำครวญ แถมด้วยการร้องไห้กระซิกๆ
“พี่เทพไม่ได้ทิ้งลุง พี่เทพหนีแต่งงาน” เจ๋งท้วงทันที
“ก็นั่นแหละ ลุงอยากให้มันแต่งงาน มันไม่ยอมแต่ง มันไม่นึกถึงหัวอกพ่อบ้างเลย ฮือๆๆ”
“เดี๋ยวพี่เทพก็กลับมา ลุง”
“มันไม่กลับแล้ว มันลืมพ่อคนนี้ไปแล้ว” คราวนี้พร้อมพงศ์ปล่อยโฮ
เจ๋งสงสารพร้อมพงศ์มาก “พี่เทพบอกว่า เสี่ยเต๊กหายบ้า พี่เทพก็กลับบ้าน”
ที่แท้เมื่อครู่พร้อมพงศ์แกล้งร้องไห้ หลอกเจ๋ง
“ลุงคิดไม่ผิด ไอ้เทพต้องโทร.หาเอ็ง มันอยู่ไหน”
“โหลุง ลุงนี่สวดยอดกะล่อนเลย” เจ๋งเซ็งเป็ด
พร้อมพงศ์คาดคั้น “บอกลุงมา ไอ้เทพอยู่ไหน ลุงจะไปลากคอมันกลับบ้าน”
“ผมไม่รู้พี่เทพอยู่ไหน”
“อย่าโกหกลุง”
“ผมไม่ได้โกหก ผมโทร.กลับไปเบอร์ที่พี่เทพโทร.มา ไม่มีคนรับ เดาว่า พี่เทพโทร.จากตู้สาธารณะ”
“เอาเบอร์มาให้ลุงดู”
“เบอร์นี้” เจ๋งให้ดูเบอร์ที่พงศ์เทพโทร.มาหาวันก่อน
พร้อมพงศ์ดูเบอร์ “ขึ้นด้วย 035 ไอ้เทพหนีไปต่างจังหวัด! แต่ก่อนลุงเป็นเซลส์ จำรหัสทางไกลได้ทุกจังหวัด” กะล่อนลายครามพยายามนึก “035 จังหวัดอะไรบ้างหว่า...อ่างทอง สุพรรณ...อีกจังหวัดอะไรวะ ช่างมัน ไปเท่าที่จำได้ก่อน”
เจ๋งเง็ง “ไปไหนลุง”
“ก็ไปตามไอ้เทพสิวะ เอ็งไปเก็บเสื้อผ้า เราจะไปตอนนี้เลย”
พร้อมพงศ์บอกด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ต้องตามหาไอ้ลูกชายตัวดีให้เจอ
ฟากหลง ยังไม่หลับหรี่ตาดู พบว่าทั้งห้องหลับหมดแล้วจึงลุกขึ้น เดินมาพูดลาเสียงเบากับพวกกำจาย
“อันตรายมาใกล้ตัว ผมต้องไป ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยดูแลผม”
หลงหวนนึกถึงวันแรกที่เจอจอมนาง
ตอนกระโดดลงจากท้ายรถกระบะ ลงมายืนตรงหน้าจอมนางพอดี ห่างกันราว 1 เมตรเศษ พงศ์เทพมองนิ่ง ผู้หญิงอะไร โคตรน่ารัก ตาใสแป๋วเหมือนตุ๊กตา น่าเอ็นดู
หลงเผลอยิ้ม “ไว้ผมจะกลับมาหาคุณ”
หลงค่อยๆ ย่องออกไป มาที่หน้าบ้านแล้ว
ฟ้าประทานเห่อรถ เช็ดถูทำความสะอาดอยู่ภายในรถ ตรงหน้าบ้าน และเห็นหลงกำลังเปิดประตูรั้ว
“เฮ้ย เอ็งจะไปไหน”
หลงตกใจที่สุดท้ายก็โดนจับได้!
อ่านต่อตอนที่ 3