เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 1
กลางป่าลึก ในอาณาบริเวณของปางไม้หิมวัต ลำธารสวยน้ำใสสะอาดสายนั้น ไหลทอดยาวลงมาจากเขาสูงเขียวชอุ่ม สายน้ำไหลเอื่อย สอดประสานเสียงนกร้องก้องไพร บอกเวลายามเช้า ท่ามกลางแสงแดดอ่อนอุ่น ดอกไม้ป่าปลิดปลิวจากขั้ว ล่องลอยอยู่ในสายลม
แลเห็นหนังสือ Jungle Book ของ Rudyard Kipling ในมือเรียว และได้ยินน้ำเสียงอันแสนสดใสไพเราะของ เนื้อนาง ในวัย 18 ปี ที่กำลังอ่านย่อหน้าแรกของนิยายเล่มโปรดเล่มนี้
“This is the hour of pride and power, Talon and tusk and claw.”
แดดส่องลงมาไล้ร่างเล็กนวลเนียนที่นอนเอนกาย ชูหนังสืออ่านอยู่บนหลังเจ้าพลายน้อยช้างแสนรู้
“Oh, hear the call!--Good hunting all ,That keep the Jungle Law!”
พลายน้อยยกงวงสะบัดน้ำ ละอองฝอยกระจายในอากาศ กระเซ็นใส่ใบหน้าสวยหวานงามงด เนื้อนางคลี่รอยยิ้มแรกแย้ม ขณะพลิกร่างมากอดคอพลายน้อยไว้อย่างคล่องแคล่ว พลางหัวเราะเสียงใสอย่างรู้ทัน
“จะแกล้งให้เราตกอีกล่ะสิ พลายน้อย”
พลายน้อยสะบัดงวงไล่แมลง ใบหูของมันสะบัดโดนมือเนื้อนาง หนังสือที่ถืออยู่หล่นจากมือตกน้ำไป
เนื้อนางตกใจมากร้องเรียกชื่อ “อ้ายแสงคำ อ้ายแสงคำ เสียงดังลั่น
แสงคำทะลึ่งตัวขึ้นจากน้ำ เผยอกแกร่งกำยำเรือนร่างบึกบึน ในมือมีปลาที่ก้มลงไปจับได้ด้วยมือเปล่า เนื้อนางกอดคอพลายน้อยอยู่ ชี้ไปที่หนังสือที่กำลังไหลไปตามกระแสน้ำ
“หนังสือของเนื้อนาง”
แสงคำได้ยินแค่นั้น ก็ปล่อยปลาจากมือ กระโจนพุ่งไปคว้าหนังสือที่กำลังลอยไหลไปตามสายน้ำ เนื้อนางปีนลงจากพลายน้อย วิ่งลุยน้ำไป แสงคำพุ่งสุดตัว และคว้าหนังสือสุดปลายแขน
เนื้อนางวิ่งมาถึง แสงคำหันมาชูหนังสือเปียกน้ำตรงหน้า เนื้อนางรีบคว้าหนังสือมา แล้วกางแขนเข้ากอดแสงคำด้วยความสนิทสนมอย่างพี่ชาย
“น่ารักที่สุดในปางต้องอ้ายแสงคำ พี่ชายคนเก่งของเนื้อนาง”
แสงคำแววตาเป็นประกาย ยิ้มกว้าง แบกเนื้อนางร่างเล็กขึ้นนั่งบนไหล่กว้างของเขา
“อ่านหนังสือต่อเถอะ เนื้อนาง”
เนื้อนางยิ้ม “ไม่อ่านแล้ว อ้ายแสงคำชอบบ่นว่าฟังไม่ออก”
แสงคำยิ้มเขินอาย “ฟังบ่ออก แต่เสียงเนื้อนางเพราะ อ่านเถอะ...อ้ายอยากฟังเสียงเนื้อนางตลอดชีวิต”
แสงคำยิ้มชื่น หมุนร่างเนื้อนางไปรอบๆ อย่างเอาใจ เนื้อนางยิ้มหวานถือหนังสือในมือ กางแขนรับลม ราวนกน้อยผู้มีแต่อิสรเสรี ทั้งคู่เริงร่าอยู่ท่ามกลางบรรยากาศสวยงามยามเช้า
ที่ข้างโรงครัวในปางหิมวัต ในเวลาต่อมา หนังสือเปียกน้ำถูกวางลงบนตะแกรงยาวตรงบริเวณนั้น เนื้อนางกางหนังสือผึ่งแดด หวังจะตากให้แห้ง จู่ๆ สร้อยฟ้า ลูกสาวควาญ วัยเดียวกับเนื้อนาง ก็ยืนมือมาหยิบหนังสือ กระชากออกไป
เนื้อนางเหลียวขวับ เห็นสร้อยฟ้ากับพวกที่เป็นสาวรุ่นอีก 2 คน ลอยหน้าใส่
“กระแดะอ่านหนังสือนอก อ่านไม่ออกแต่ชอบถือโก้ๆ...โง่แล้วอวดฉลาด”
รัญจวน แม่ครัวใหญ่ วัยกลางคน รูปร่างหน้าตาสะสวยพริ้งเพรา เดินลอยหน้ามากับ กำปุ้ง ลูกมือผู้ที่ชอบแต่งตัวเลียนแบบรัญจวนทุกกระเบียด แต่จัดหนัก เว่อร์วัง กว่าหลายเท่า
“อิสร้อยฟ้า เอ็งไม่รู้อะไร ก็อย่าไปว่าเนื้อนางมัน” รัญจวนเน้นเสียงตอนท้าย “กระแดะ”
กำปุ้งดัดจริตดีดดิ้นจัดเต็มมากกว่า “เนื้อนางมันบ่ใช่แม่หญิงแบบพวกเรา เพราะมันเป็นลูกฝาหรั่ง”
สร้อยฟ้ากับพวกแกล้งรับลูกจากกำปุ้ง หัวเราะขึ้นทันที
“อิเนื้อนาง ลูกฝาหรั่งตาน้ำข้าว หัวทอง ถูกพ่อทิ้ง”
กำปุ้งเสริมอีก “ลูกฝาหรั่งถูกพ่อทิ้ง”
ไม่ทันขาดคำ คำฝายโผล่เข้ามาปากระบุงใส่กำปุ้งโดนจังๆ กำปุ้งวี้ดว้าย
“พ่อเนื้อนางจะเป็นไผ มันหนักหัวกบาลพวกเอ็งนักหรือไง อิสร้อยฟ้า อิกำปุ้ง"
คำฝาย เป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่โตมากับเนื้อนาง ปรี่เข้ามาสีหน้าเอาเรื่อง
คนงานหญิงในปางทั้งสาวทั้งแก่ได้ยินเสียงเอะอะ พากันวิ่งมาดู
รัญจวนยัวะ “เอ็งกล้ากับคนของข้าเหรอ อิคำฝาย”
“กล้าไม่กล้า มือฉันก็ปาไปแล้วล่ะ พี่รัญจวน”
“เนื้อนางมันพี่มันน้องแท้ๆ ของเอ็งที่ไหน ตาควาญหมื่นหล้าเก็บเด็กกำพร้าอย่างเอ็งมาเลี้ยง เพราะจะให้เป็นขี้ข้าหลานสาวตัวเองน่ะสิ” รัญจวนด่าว่า
คำฝายโต้ “เป็นขี้ข้าเนื้อนางก็ดีกว่าขี้ข้าแม่ครัวอย่างพี่ ฉันไม่อยากเหมือนลูกมือขี้อิจฉา นังสลิ๊ดปิ๊ดป๊อด!!”
กำปุ้งโกรธ “อิคำฝาย แกว่าใคร สลิ๊ดปิ๊ดป๊อด”
“จั๊ดง่าวขนาด ก็ด่าแกน่ะสิ” คำฝายด่าเป็นชุด “อิกำปุ้ง อิแมงมุมพิษ อิสลิ๊ดปิ๊ดป๊อด”
กำปุ้งกรี๊ด “อ๊าย...มันด่าเรา แรดค่ะคุณพี่รัญจวน”
ขณะพูดคำว่าแรดกำปุ้งหันไปทางลูกพี่ จนรัญจวนผงะ คนงานหญิงพากันหัวเราะ
เนื้อนางเอ่ยขึ้น “พอแล้วพี่คำฝาย เถียงไปก็เหมือนน้ำรดหัวตอ”
กำปุ้งไม่ยอมหยุด “ว้าย นังลูกฝรั่งพ่อทิ้ง มันด่าเราซ้ำค่ะ มันว่าคุณพี่เป็นหัวตอ”
คำฝายด่าอีก “อิกำปุ้ง เก็บปากมอมๆ ไว้กินจิ้นดีกว่า”
“อิง่าวคำฝาย ข้าไม่ชอบกินจิ้นโว๊ย”
“ไม่ชอบกินจิ้น งั้นกินเกิบกู”
คำฝายแยกเขี้ยว ยกเท้า ถกผ้าซิ่น ถีบกำปุ้งโครม กำปุ้งกรี๊ด รัญจวนคว้าคอคำฝายช่วย คำฝายดิ้น
“มีลูกพี่ช่วยนักใช่มั้ย เนื้อนาง อิลูกฝรั่งพ่อทิ้ง”
สร้อยฟ้าหมั่นไส้ จะฉีกหนังสือ เนื้อนางพุ่งเข้าไปดึงคืน สร้อยฟ้ายื้อกลับ กระชากหนังสือเนื้อนางขาด
เนื้อนางใจหายวับ “หนังสือของฉัน”
คำฝายหันมาเห็น “อิสร้อยฟ้า เอ็งฉีกหนังสือเนื้อนาง”
คำฝายโมโห สะบัดรัญจวนกระเด็น พุ่งเข้ากระโดดถีบสร้อยฟ้าล้มลงกับพื้น กำปุ้งกระโดดเข้าเกาะหลัง ล็อคคอคำฝาย
คราวนี้เนื้อนางสุดทน หันไปคว้าหม้อที่ตากแดดอยู่ ครอบหัวกำปุ้ง แล้วเอาสากบนพื้นฟาดลงที่หม้อ แล้วเหวี่ยงกำปุ้งไปกระแทกต้นไม้ ดึงหม้อออกจากหัว หน้าตามึนจัด เข่าอ่อน ร่วงลงไปกองกับพื้น
คำฝายโมโห หันไปผลักสร้อยฟ้าอย่างแรง สร้อยฟ้ากระเด็นไปชนพวกกับรัญจวนเซแซดๆ
“เข้ามา ใครอยากมีเรื่องอีก เข้ามา...อิคำฝายจะตบปากด้วยสากเรียงตัว”
รัญจวนชี้หน้าเนื้อนาง “ข้าจะฟ้องผู้จัดการปาง ว่าพวกเอ็งหาเรื่อง”
“รีบขี่ช้าง จีบปาก แล่นไปฟ้องเลย เพราะผู้จัดการคนเก่าถูกย้ายไปดอยอื่นปู้น” คำฝายไม่กลัว
“คนเก่าย้าย ข้ารอฟ้องคนใหม่ก็ได้โว๊ย!!! เดี๋ยวผู้จัดการปางคนใหม่เปิ้นก็มาถึงแล้ว” กำปุ้งว่า
เนื้อนาง และ คำฝาย ยืนเผชิญหน้า ฝ่ายรัญจวน กำปุ้ง และสร้อยฟ้า แบบไม่พอใจกันเต็มที่
ขณะเดียวกัน รถจี๊ปคันหนึ่งวิ่งมาตามถนนในปางไม้ สองข้างทางเป็นกองไม้สักที่เตรียมรอลาก ล่องน้ำลงพระนครตั้งสูงเรียงราย
รถจี๊ปคันนั้นวิ่งเข้ามาจอด ชายที่อยู่ด้านหลังคนขับยืนขึ้นมองไปที่กองไม้สัก
ฝ่ายแสงคำเดินเข้ามาในบริเวณเรือนพักคนงานชาย หมื่นหล้า ควาญช้างเก่าแก่ของปางหันรีหันขวาง เอ็ดเอา
“พาเนื้อนาง หลานข้าไปเที่ยวเล่นอีกล่ะสิ บ่ต้องเอาใจมันให้มากนัก อีกหน่อยมันจะเหลิง”
แสงคำยิ้ม “พ่ออุ๊ยหมื่นหล้ามีอะไรให้ข้าทำหรือเปล่า”
“คอยดูความเรียบร้อยด้วยแสงคำ วันนี้ผู้จัดการปางคนใหม่เปิ้นจะมา”
ม่อนดอย คนงานหนุ่มท่าทางกวนๆ ขี่จักรยานฉวัดเฉวียนผ่านมา หมื่นหล้าหันไปสั่ง
“ม่อนดอย เอ็งออกไปรอที่ปากทางสิ เผื่อผู้จัดการปางคนใหม่ท่านจะหลงหาทางเข้าไม่เจอ” หมื่นหล้าสั่ง
“คนเมืองก็อย่างงี้ เซอะๆซะๆ ลำบากไอ้ม่อนดอยทุกที”
ม่อนดอยบ่น แล้วปั่นจักรยานออกไปเร็วรี่ แสงคำยิ้มมองตาม หมื่นหล้าหันไปเร่งทุกคน
“เอ้า...ไป เร่งมือเตรียมงานให้เรียบร้อย ผู้จัดปางคนใหม่เปิ้นกำลังจะมา”
ด้านหลังกองซุงขนาดใหญ่ริมถนนในปาง ชายฉกรรจ์ 6 คน มีปืนในมือครบ กำลังคุยกันอยู่หลังกองไม้สูงนั้น
ชาย 1 เอ่ยขึ้น “วันนี้มันมีงานต้อนรับผู้จัดการปางคนใหม่ ไม่มีใครมาเฝ้าแถวนี้ ไป...รีบลากไม้พวกมันออกไป”
เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้น “จะขโมยไม้ในปางหิมวัต มันไม่ง่ายอย่างที่พวกเอ็งคิด”
ชายฉกรรจ์ทั้ง 6 หันไปมอง พอเห็นว่าเป็น หนานไตร ยืนผงาดค้ำหัวอยู่บนซุงท่อนใหญ่ ชาย 1 ยกปืนจะยิง หนานไตรไวกว่า โดดลงมาเตะเสย น็อคกลางอากาศเป็นคนแรก
ชายฉกรรจ์ที่เหลือ คนผงะ ชาย 2 ชาย 3 ยิงเปรี้ยง หนานไตรม้วนตัวหลบแล้วลุกขึ้นถีบเตะรวดล้มลงทั้ง 2 คน ปืนกระเด็นลงพื้น
ชาย 4 จะยิงใส่ หนานไตรก้มหลบพุ่งเข้าไปคว้าปืนบนพื้น หันมายิงสวน โดนเข้าเหนืออก ร่างกระเด็นไปอีกหนึ่ง
ชาย 1ตะโกนก้อง “ยิงมัน”
ชาย 3 คนกระหน่ำยิงไม่ยั้ง
หนานไตรยิงสวนแต่ต้านไม่ไหว วิ่งพุ่งหายเข้าไปในราวป่าข้างทาง ชาย 3 คนวิ่งตามทันที
ด้านรัญจวนยืนสั่งกลุ่มคนงานหญิงทำบายศรีอยู่บนเรือนกลาง คำฝายกับเนื้อนางช่วยกันจัดดอกไม้อยู่ห่างออกไป
สะล้อวงบุญน่าน กับ บัวตอง สองผัวเมียกำลังเล่นอยู่อีกด้าน สร้อยฟ้าซ้อมฟ้อนรำแต่ท่วงท่าดูไม่สวยงามเอาเลย
บุญน่านบ่น “มือไม้ทำไมมันแข็งแบบนี้วะ สร้อยฟ้า”
บัวตองบอก “ฟ้อนนะจ๊ะฟ้อน...ให้มันอ่อนช้อยหน่อย ไม่ใช่หลังตรงเป็นฝากระดาน”
สร้อยฟ้าหน้างอ “สะล้อน้ามันเล่นไม่ได้เรื่องต่างหาก ฉันน่ะ ฟ้อนสวยที่สุดแล้ว”
“ฟ้อนก็บ่เป็น ครูพักลักจำ ผู้จัดการปางคนใหม่เห็นเข้า เปิ้นคงหัวเราะ นึกว่ามีงวงช้างมาแกว่งตรงหน้า” คำฝายเย้ย
บุญน่าน บัวตองกับวงสะล้อหัวเราะขบขัน สร้อยฟ้าถลึงตามองคำฝาย
บุญน่านยิ้มๆ “เออ หรือว่าจะเอาช้างในปางมาหัดฟ้อนต้อนรับผู้จัดการคนใหม่”
“ปั้ดโถะ น้าบุญน่าน...หัดช้างตอนนี้มันจะทันที่ไหน คนฟ้อนสวยอยู่ตรงนี้ทั้งคน...นี่...เนื้อนางไง”
เนื้อนางปราม “พี่คำฝาย”
“หรือไม่จริง แม่ตั๋วเป็นช่างฟ้อนงามที่สุดในคุ้มเจ้าหลวง ตั๋วมีเลือดแม่ ตั๋วถึงฟ้อนสวยกว่าใครทั้งปางนี้”
สร้อยฟ้าแขวะ “ถ้ามีเลือดแม่ ก็แสดงว่า หวังสูง อยากเป็นคุณนายเมียฝรั่ง แต่สุดท้ายก็...ถูกเฉดหัวทิ้ง”
เนื้อนางลุกพรวด มองสร้อยฟ้าตาวาว เอาเรื่อง
“ถ้ายังไม่หยุดพูดถึงพ่อแม่ฉัน ฉันจะหักแขน ให้เธอฟ้อนอวดใครไม่ได้อีก”
เห็นเนื้อนางพูดน้ำเสียงเอาจริง สร้อยฟ้าชักเกรง รัญจวนเสียงดังมาจากอีกด้าน
“หยุดเถียงกันได้แล้ว น้าบัวตอง น้าบุญน่าน รีบหัดอิสร้อยฟ้าฟ้อนซะ” รัญจวนปรายตามองเนื้อนาง “เอ้าๆ เร่งมือทำบายศรีพิธีผูกขวัญ เสร็จแล้วจะได้ไปแต่งเนื้อแต่งตัวให้งามๆ ผู้จัดการปางคนใหม่มาถึง ท่านจะได้ชื่นใจว่าพวกเฮาเต็มอกเต็มใจรอรับเปิ้น”
กำปุ้งสอดขึ้น พนมมือท่วมหัว “คุณพระคุณเจ้า อีกำปุ้งขอเลยนะคะ ขอผู้จัดการที่หล่อล่ำบึ๊กนมแน่น บั้นท้ายแอ่น ตึงเปรี๊ยะ โสดๆ สดๆ ให้ตกถึงท้องกำปุ้งสักคนเถอะ เพี้ยง”
คำฝายมองหมั่นไส้กำปุ้ง ส่วนเนื้อนางหันไปทางสร้อยฟ้าที่เชิดหน้าอย่างไม่ชอบใจ
ฟากหนานไตรวิ่งเร็วรี่หนีมาในป่า ด้านหลัง ชายฉกรรจ์ 3 คนกำลังไล่ล่ายิงใส่ เสียงปืนดังสนั่นป่า
หนานไตรมองเห็นเนินสูง ด้านล่างเป็นหิน ชายฉกรรจ์วิ่งมา มองกระหยิ่ม คิดว่าจะจับตัวหนานไตรได้
หนานไตรบ้าบิ่น หันมาเดินถือปืน เข้าหา เหนี่ยวไกยิงชายฉกรรจ์ที่ชะล่าใจ โดนขาล้มไปอีก 2
ชาย 1 กับหนานไตรเดินจ่อปืนเข้าหากันแบบวัดใจ สองคนเหนี่ยวไกพร้อมกัน เสียงปืนดังแชะ ปืน 2 กระบอก กระสุนหมด
หนานไตรทิ้งปืนลงพื้น พุ่งเร็วชกชาย 1 คว่ำ แล้วตามไปกระทืบกลางหลัง ชาย 1 ลุกได้ก็เหวี่ยงหมัดสู้ แต่หนานไตรหลบว่องไว ชาย 1 ถีบ หนานไตรปืนหลุดมือ
ชาย 1 ตัดสินใจพุ่งเข้ากลางตัวล็อคกลางตัว หนานไตรเหวี่ยงแต่ชาย 1 ไม่ปล่อย หนานไตรหันไปมองทางเนินสูงแล้วคำราม
“มึงแน่ใจนะว่าไม่ปล่อย”
หนานไตรล็อคชาย 1 แล้วพาวิ่งพุ่งลงไปที่เนิน ชาย 1 ร้องลั่นป่า นึกไม่ถึงว่าหนานไตรจะบ้าระห่ำขนาดนี้
ร่างหนานไตรกับชาย 1กลิ้งตกลงจากเนินสูงลงมา
หมื่นหล้านำกลุ่มควาญช้าง โดยมีแสงคำอยู่ด้านหน้าสุด เดินเข้ามายังเรือนกลางปาง
แลเห็นชุดบายศรีในพิธีผูกขวัญสวยงาม ตั้งอยู่กลางเรือน วงสะล้อบุญน่าน บัวตองเตรียมพร้อม
ฝั่งหนึ่งคือกลุ่มคนงานหญิง มีคำฝาย รัญจวน กำปุ้ง และสร้อยฟ้า
ครั้นพอแสงคำมองไปในกลุ่มไม่เห็นเนื้อนางก็ถามคำฝาย
“คำฝาย...เนื้อนางล่ะ”
“เนื้อนางเหม็นหน้าอิสร้อยฟ้า เลยทำขันโตกอยู่ในครัว”
แสงคำได้ยินแล้ว รีบเดินแยกลงไปอีกทาง ตรงไปหาเนื้อนาง
บุญน่าน กับบัวตองนั่งรอนาน ออกอาการกระสับกระส่ายแล้วบ่นขึ้น
“คันมือคันไม้อยากจะเล่นแล้ว ตกลงจ้างสะล้อข้ามานั่งตบยุงฟรีๆ ใช่มั้ย
“หุบปากเลยไอ้บุญน่าน เค้าจ่ายมาแล้วทุกบาททุกสลึง...” บัวตองด่าแล้วหันไปยิ้มหวานกับทุกคน) “เล่นคร๊า ยังไงก็เล่น เล่นไม่หยุด เล่นสนุก เล่นยันเช้าเลยเจ้า...”
รัญจวนหมั่นไส้ “จะรีบไปไหน น้าบุญน่าน เสียงสะล้อยังไม่ดังสักตึ๊ง แหม งานก็ไม่ค่อยมี ยังจะเล่นตัว”
“ปากเหม็นเน่าแล้วนังรัญจวน สะล้อบุญน่าน บัวตอง งานล้นงานแน่น เจ้าภาพแย่งตัวกันเจ็ดวัดเจ็ดวา”
รัญจวนเหน็บต่อ “ผีเจ็ดป่าช้า”
กำปุ้งเสริม “แย่งกันเอาผีไปโยนลงหลุม”
บุญน่านมองหมั่นไส้ อยากจะดีด รัญจวน กะ กำปุ้งคนละป๊าบ
คำฝายท่าทางอยากรู้ ขยับหันไปถามหมื่นหล้า
“พ่ออุ๊ย ป่านนี้ ผู้จัดการคนใหม่เปิ้นยังมาบ่ถึง หรือว่ารถตกเหวตกเขา”
“อิคำฝาย!! ปากเอ็งนี่น่าจะเลาะไปสับทำลาบปากแล้วโยนให้ช้างกิน”
หมื่นหล้าดุเอา คำฝายเม้มปาก ไม่กล้าพูดต่อ
ทุกสายตาเหลียวมองไปรอบๆ สอดตามองหา ต่างรอคอยด้วยท่าทีกระวนกระวาย
เนื้อนางอยู่ในครัว กำลังย่างไส้อั่วบนเตาไฟอ่อนๆ แสงคำเดินเข้ามาซ้อนด้านหลัง
“หอมจนลืมไม่ลง”
เนื้อนางหันไปมอง ยิ้มทักเมื่อเห็นแสงคำที่มองทอดสายตามา
“ไส้อั่วจิ้นหมูใกล้จะเสร็จแล้ว”
เนื้อนางหน้ามัน ยกแขนขึ้นซับเหงื่อที่หน้าผาก แสงคำเห็นดึงแขนเนื้อนาง เอามือลูบเหงื่อเม็ดเล็กๆบนหน้าผากเนื้อนางให้เอง
“อ้ายแสงคำมาชิมให้หน่อยจ้ะว่าอร่อยหรือเปล่า”
เนื้อนางหันไปบิไส้อั่วที่วางพักไว้บนเตาเป็นชิ้นเล็กๆ ยื่นมาป้อน แสงคำยิ้ม ประคองมือเนื้อนาง ยื่นจนไส้อั่วเข้าปาก
“รสมือเนื้อนาง อ้ายไม่มีลืม อร่อยที่สุดในปางนี้”
แสงคำมองทอดสายตาลึกซึ้ง เนื้อนางยิ้มสดใสที่ได้รับคำชม
ฝ่ายฟากหนานไตรกับชาย 1 กลิ้งตกหลุนๆ จากเนินลงมา ม่อนดอยกำลังขี่จักรยานมาตามทาง เห็นสองร่างที่กลิ้งลงมาที่กลางถนนพอดี
ร่างหนานไตรกับชาย 1 กลิ้งกระเด็นกันไปคนละทาง
ม่อนดอยหยุดรถไม่ทัน พุ่งชนเข้าร่างชาย 1 ที่นอนกองบนพื้น ม่อนดอยรีบทิ้งรถ วิ่งมาดู
“ตาย ตายหรือเปล่า เฮาบ่ได้ขับจักรยานชนคนตายเน้อ”
หนานไตรที่ฟุบอยู่ ลุกขึ้นยืน โดยไม่มีท่าทีเจ็บเนื้อเจ็บตัว ม่อนดอยเห็นเข้าก็ตกใจ
“ตั๋ว ตั๋วเป็นไผ...หรือว่า ...ผี!!!”
หนานไตรปัดเนื้อปัดตัว ยิ้มมองด้วยไมตรี ส่วนม่อนดอยมองจ้องแววตาตื่นๆ
ชุดบายศรีที่จัดไว้สวยงาม ตั้งเด่นอยู่บนเรือนกลางปาง ทุกคนกระสับกระส่าย ด้วยตั้งแต่สายจนเย็นย่ำ ยังไร้วี่แววผู้จัดการคนใหม่
“ผู้จัดการคนใหม่เปิ้นไม่มาแล้วล่ะ หมื่นหล้า หรือไม่...เปิ้นก็หนีกลับไปแล้ว” รัญจวนว่า
“หรือว่าเจอเสือเจอช้างกลางทาง ปางนี้มันก็ไกลไกล้ไกลจากเวียง ขนาดพวกเฮาถูกจ้างมาเล่นบ่อยๆ ยังบ่อยากมา” บุญน่านเอ่ยขึ้น
บัวตอง เถียงทันที “มาจ้ะ ไกลสุดหล้าฟ้าเขียวก็มา ขอแค่ค่าจ้างงามๆ หนักกระเป๋า”
รัญจวนลุกขึ้น ท่าทางอารมณ์เสีย
“ไม่ฟงไม่ฟังแล้ว ไป กลับเรือน อิกำปุ้ง ไปทาเล็บให้ข้า”
กำปุ้งลุกพรวดตาม คนงานหลายคนลุกตาม จะเดินออกไป คำฝายมองหมื่นหล้าเป็นเชิงถาม หมื่นหล้าถอนใจ
“เก็บข้าวเก็บของกันให้เรียบร้อยล่ะ”
ขณะทุกคนลุกขึ้นจะออกไป เสียงม่อนดอยดังแหลมระรื่นขึ้นมาว่า
“มาแล้ว ผู้จัดการปางคนใหม่มาแล้ว”
ทุกคนตกใจ กระตือรือร้น หันไปมองทางด้านหน้าเรือน หลายคนทยอยลงจากเรือนลงไปดู
สร้อยฟ้าคว้าพานสร้อยมะลิหมับ เตรียมคล้องให้ผู้จัดการ หวังเอาหน้า
“หลบไป อิกำปุ้ง ข้าจะเอาดอกไม้ไปรับผู้จัดการปางคนใหม่”
สร้อยฟ้าผลักกำปุ้ง แต่ถูกกำปุ้งกระแทกกลับ สร้อยฟ้ากำลังแหวกคน แย่งลงบันไดเสียหลัก ล้มพับลง
คำฝายเดินเร็วรี่ลงเรือนมา เห็นสร้อยฟ้าแล้วหมั่นไส้ เลยแกล้งเหยียบพลาดลงบนขาสร้อยฟ้า
“โอ๊ย”
สร้อยฟ้าล้มพับอยู่ตรงนั้น ไม่ทันทุกคนที่พากันลงไปยืนรอรับด้านหน้า
หมื่นหล้า คำฝาย รัญจวน กำปุ้ง บุญน่าน บัวตอง ตลอดจนคนงานทุกคนลงมายืนมองรถจี๊ป ที่เบาะหลังมีจักรยานของม่อนดอย ม่อนดอยโผล่ขึ้นมาจากที่นั่งข้างคนขับ เกาะกระจก ยืดตัวตะโกน
“ผู้จัดการปางคนใหม่มาแล้ว”
ทุกคนมองจ้อง
ทันทีที่รถรอด หนานไตรกระโดดลงจากรถ ทุกคนมองตื่นตะลึงกับชายหนุ่มรูปหล่อ ร่างสันทัด บึกบึนตรงหน้า
“นี่ฉันฝันไป หรือว่าตายแล้วขึ้นสวรรค์ ถึงได้เจอเทพบุตร” รัญจวนเพ้อออกมา
กำปุ้งระริกระรี้ “พระท่านเห็นใจกำปุ้งแล้ว ส่งมาตามคำขอทุกอย่าง หล่อล่ำบึ๊ก นมแน่น บั้นท้ายแอ่น ตึงเปรี๊ยะ”
สร้อยฟ้าเขยกขาเดินมา แหวกคนเข้ามาดู “ของชั้น คนนี้อีสร้อยฟ้าจอง ใครแย่ง แม่ตบ”
ขนาดบัวตองก็เป็นไปด้วย “ข้าขอกลับไปเป็นสาว มีผัวใหม่ได้มั้ย”
บุญน่านหันขวับมามองเมียตาเขียว “ตลบเหนียงลากพื้น ขึ้นไปพาดบ่าก่อนเถอะ อีแก่”
รัญจวน กำปุ้ง และผู้หญิงทุกคนในปางที่ยิ้มละเมอกับผู้จัดการปางหนุ่มหล่อคนใหม่
หนานไตรยิ้มทัก “สวัสดีครับ ขอโทษทุกคนด้วยที่ผมมาช้า พอดีไปเจอพวกลักลอบขโมยไม้ เลยต้องจับตัวส่งตำรวจ”
ฟังแล้วทุกคนต่างมีสีหน้าตกใจ แต่หนานไตรกลับยิ้มสบายๆ
ระหว่างนี้แสงคำเดินกลับมาจากโรงครัว หยุดยืนมองหนานไตรที่กำลังแนะนำตัว
“ผมชื่อ หนานไตร มาเป็นผู้จัดการคนใหม่ของปางไม้หิมวัต”
หนานไตรแนะนำตัว น้ำเสียงดังกังวาน สำทับด้วยรอยยิ้มหล่อ ทุกอิริยาบถของเขาหยุดทุกสายตาให้มองมาอย่างหลงใหล ชื่นชม ทั้งแถบ
อ่านต่อหน้า 2
เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 1 (ต่อ)
เย็นลงมากแล้ว ขณะที่เนื้อนางกำลังเอาน้ำลูบเนื้อตัวอยู่ที่หน้าเรือน จู่ๆ คำฝายวิ่งมาดึงแขนเนื้อนาง
“อะไรกัน พี่คำฝาย”
“พ่ออุ๊ยหมื่นหล้าให้มาตามตั๋ว อิสร้อยฟ้ามันตกบันได ขาแพลง ฟ้อนรับผู้จัดการปางคนใหม่บ่ได้แล้ว”
“ฉันฟ้อนไม่ได้หรอก พี่คำฝาย ยังไม่ได้ซ้อมเลย”
“บ่ต้องซ้งต้องซ้อมแล้ว เนื้อนาง ตั๋วเป็นลูกช่างฟ้อน ตั๋วต้องทำได้”
คำฝายดึงแขนเนื้อนางออกไปทันที
ที่เรือนกลางของปาง หนานไตรยืนมอง หมื่นหล้ากับทุกคนยืนตรงหน้าเพื่อแนะนำตัว
“ผมหมื่นหล้า หัวหน้าควาญช้างที่นี่ครับ”
หนานไตรยกมือไหว้ หมื่นหล้ายิ้มในความมีมารยาทของหนานไตร
“ผม แสงคำ หัวหน้าคนงาน”
หมื่นหล้ายิ้ม “เป็นควาญช้างด้วยครับ ศิษย์เอกของผม”
หนานไตรยิ้มให้แสงคำ แสงคำยิ้มตอบอย่างผู้น้อย รัญจวนรีบแถมาใกล้หนานไตร
“รัญจวนใจค่ะ หรือจะเรียกรัญจวนสวาท ก็ยินดีเจ้า อาหารอร่อยทั้งหมดในปางนี่ ฝีมือรัญจวนนะคะ คุณหนานไตรอยากทานอะไร ไทย จีน ฝรั่ง แขก อาหารเหลาหรืออาหารพื้นเมือง รัญจวนพร้อมบริการเช้ายันดึกค่ะ”
สร้อยฟ้าเจ็บขาอยู่ก็พยายามกระเถิบมาใกล้ “สร้อยฟ้าค่ะ ลูกสาวควาญ ช่วยทำงานในปาง”
กำปุ้งรีบเสนอหน้า “กำปุ้งค่ะ ภาษากลางก็เรียกว่า น้องแมงมุม ดูแลรับใช้ได้ทุกอย่าง คุณหนานไตรจะไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อเปลี่ยนผ้า” พลางยื่นหน้าไปสูดกลิ่นใกล้อกหนานไตร “ให้เนื้อตัวหอมๆ เลยมั้ยคะ กำปุ้งจะตักน้ำให้อาบ”
“ไม่ต้อง กำปุ้ง หน้าที่ข้า”
รัญจวนกระชากกำปุ้งเซแซดๆ ไปชนสร้อยฟ้า
หนานไตรมองยิ้มขำ ม่อนดอยถามเสียงหมั่นไส้
“จะฆ่ากันให้ตายวันนี้เลยมั้ย น้ารัญจวน อิสร้อยฟ้า อิกำปุ้ง เดี๋ยวข้าจะได้ไปเอาขอสับช้างมาให้คนละอัน เอาให้รู้ไปเลยว่าใครหนังเหนียวกว่าช้าง”
“ไว้สับปากแกก่อนสิ ไอ้ม่อนดอย”
หมื่นหล้าห้าม “พอๆ คุณหนานไตรเปิ้นปวดแก้วหูแล้ว” พลางหันไปสั่ง “ม่อนดอยพาคุณหนานไตรไปอาบน้ำอาบท่า แต่งตัวใหม่ที่เรือนผู้จัดการ” ชายชรายิ้มกับหนานไตร “เดี๋ยวจะได้มางานเลี้ยงคืนนี้”
หนานไตรยิ้มมองทุกคนด้วยความสดชื่น
ตกตอนกลางคืน งานเลี้ยงต้อนรับผู้จัดการคนใหม่เริ่มขึ้น หนานไตรในเสื้อผ้าอาภรณ์ชุดใหม่ นั่งเด่นอยู่ด้านหน้า คนงานชายหญิงนั่งแยกกันซ้ายขวา เสียงกลองจังหวะเร้าใจดังขึ้น
แสงคำนำควาญช้างหนุ่มร่างกายกำยำ 5 คน ออกมาร่ายรำด้วยท่วงท่าแบบโบราณ
หนานไตรมองด้วยสายตาชื่นชม จนการแสดงจบลง หนานไตรตบมือ แสงคำกับควาญช้างคำนับแล้วเดินออกไปทางด้านข้าง
หนานไตรก้มลงตักอาหารในขันโตกกิน
“ขันโตกนี่อร่อยดี”
ม่อนดอยยิ้ม “อร่อยก็กินเยอะๆ เลยครับนายหนานไตร”
“ฝีมือรัญจวนเองค่ะ” รัญจวนยิ้มบอก
คำฝายขัดขึ้น “ขี้จุ๊ ขันโตกพวกนี้ เนื้อนางเป็นคนทำ”
รัญจวนหันขวับถลึงตาใส่คำฝายที่ขัดขึ้น
“แล้วเนื้อนางนี่ใครกัน...ผมยังไม่เจอเลย”
ยังไม่ทันจะมีใครตอบ เสียงดนตรีจากวงสะล้อบุญน่าน บัวตองดังขึ้น หมื่นหล้าที่นั่งใกล้หนานไตรที่สุดเอ่ยแนะนำขึ้น
“ต่อไปเป็นฟ้อนแง้นครับ”
ร่างเนื้อนางในชุดฟ้อนแง้น ค่อยๆ เลื่อนเข้ามาจากด้านข้าง แต่ตรงมุมที่หนานไตรนั่งยังเห็นไม่ชัด
หนานไตรไม่สนใจฟ้อน ยังก้มหน้ากินอาหารในขันโตก จนเมื่อร่างเนื้อนางฟ้อนใกล้เข้ามา หนานไตรกำลังตักลาบกิน แต่พอหันมาเห็นร่างเนื้อนาง ก็ชะงัก ตะลึงแล วางช้อน ขยับตัวมอง
หนานไตรมองเห็นร่างสวยของเนื้อนางกำลังฟ้อนด้วยท่วงท่างดงาม สะกดทุกสายตาให้มองเป็นตาเดียว
แสงคำขยับออกมาด้านข้างเรือนกลางปาง มองร่างสวยงามของเนื้อนางด้วยแววตาหลงใหล คำฝาย กับหมื่นหล้ายิ้มปลื้ม มองเนื้อนางที่กำลังฟ้อน
ส่วนสร้อยฟ้า รัญจวน และกำปุ้ง พากันสะบัดพรืดไปอีกทาง
เนื้อนางฟ้อนสวยงาม จนถึงท่าสำคัญ
หนานไตรถึงกับยืดตัวมองร่างงามของเนื้อนางที่กำลังหงายร่างไปด้านหลัง หัวจรดกับพื้นได้อย่างอ่อนช้อย
“สวย...สวยเหลือเกิน”
แสงคำซึ่งมายืนอยู่ด้านข้างเวที เห็นท่าทางของหนานไตรที่สนใจเนื้อนางมากๆ ก็มีสีหน้าเครียดขึ้นทันที
หนานไตรจับตามองทุกท่วงท่าของเนื้อนางที่หงายตัวกลับขึ้นมายืนช้าๆ จบการฟ้อน เนื้อนางยิ้มสวยงาม อ่อนหวานให้คนดู หนานไตรลุกขึ้น ปรบมือดังกว่าใคร
เนื้อนางยกมือไหว้ลา หนานไตรก้าวยาวๆ ตรงมาหาเนื้อนางทันที ทุกคนมองอย่างตกใจ
“ฟ้อนได้สวยมาก ไม่เคยเห็นใครฟ้อนได้สวยเท่านี้อีกแล้ว”
เนื้อนางหน้าตาตื่น ด้วยคิดไม่ถึงว่าหนานไตรจะชมตรงๆ
หนานไตรหันไปดึงช่อเอื้องที่ประดับอยู่ข้างๆ ตัว ยื่นให้เนื้อนางที่มีสีหน้าอายฉายชัด
“ถ้าไม่รังเกียจ ผมอยากให้รับดอกไม้นี่เป็นของรางวัลก่อน พรุ่งนี้ผมจะหารางวัลที่ดีกว่านี้มาให้... คุณชื่อ...” หนานไตรรอคำตอบ
แสงคำมองจ้องตาขุ่น พวกรัญจวน กำปุ้ง และสร้อยฟ้า มีสีหน้าอิจฉาชัดแจ้ง
หนานไตรยื่นช่อเอื้องไปตรงหน้า เนื้อนางยื่นมือไปรับไว้
“ฉันชื่อ เนื้อนาง ขอบคุณมากค่ะ”
เนื้อนางหลบสายตาคมของหนานไตร แล้วรีบถอยหลังออกไป
หนานไตรก้าวจะตาม หมื่นหล้าชิงพูดขึ้นเป็นเชิงเตือน
“ต่อไปจะเป็นพิธีบายศรีผูกขวัญ หนานไตร ผู้จัดการปางคนใหม่”
หนานไตรได้ยินเสียงหมื่นหล้า ก็หยุดเท้า เดินกลับมานั่งลงที่เดิม
แสงคำมองหนานไตรที่แสดงท่าทางสนใจเนื้อนางชัดเจน แล้วเดินหลบออกไป
ไม่นานต่อมา เนื้อนางเดินถือช่อเอื้องมาตามทางในปาง สีหน้าเขินอาย เมื่อนึกถึงสายตาหนานไตร
“ไม่นึกว่าผู้จัดการปางมาใหม่ จะเป็นคนหนุ่ม” แสงคำว่า
“เค้าชื่ออะไรจ๊ะ อ้ายแสงคำ”
“ไม่รู้ อ้ายบ่ได้สนใจ หรือว่าเนื้อนางสนใจเปิ้น ถึงขนาดเอาดอกไม้มาให้ ใกล้ชิดนัก”
“เค้ามาเป็นนายใหม่ของพวกเรา ก็ต้องสนใจสิจ๊ะ”
แสงคำมองเนื้อนางที่ตอบด้วยแววตาจริงใจ
“คนเมือง...จะทนลำบากกลางป่ากลางดอยได้สักกี่วัน”
แสงคำเปรยออกมาอย่างขัดใจ เนื้อนางยิ้มอย่างไม่รู้ความนัยของแสงคำที่ไม่พอใจหนานไตร
ค่ำคืนนั้น ม่อนดอยหมุนตะเกียงเจ้าพายุท่าทีชำนาญ แสงสว่างส่องไปทั่วห้อง บนเรือนพักหนานไตร
“ที่นี่เราจะดับเครื่องปั่นไฟตอน 3 ทุ่มครับนาย”
ม่อนดอยบอกหนานไตร แต่หนานไตรไม่สนใจ หันมาถามม่อนดอยเสียงอยากรู้
“เนื้อนางเป็นใคร พ่อแม่พี่น้องอยู่ที่ไหน...เค้าเป็นคนของปางนี้ใช่มั้ย”
“ถามเป็นชุดยังกะขบวนรถไฟ”
ม่อนดอยเห็นสายตาคมกริบของหนานไตร แล้วรีบตอบ
“เนื้อนางก็เป็นหลานสาวพ่ออุ๊ยหมื่นหล้า”
“แล้วไงอีก”
ม่อนดอยงง “แล้วไง...นายหนานไตรถามตรงๆ เลยดีกว่าครับ อยากรู้อะไร”
“แฟน...คู่รัก...มีมั้ย”
“คู่รักของเนื้อนาง...ไม่มีหรอกครับ”
หนานไตรยิ้มออกมาทันที ม่อนดอยพูดต่อ
“ก้อพ่ออุ๊ย หมื่นหล้าแกหวงหลานสาวอย่างกะจงอางหวงไข่ ใครจีบไม่ดูตาม้าตาเรือ แกปั้ดเอาขอสับช้างเจาะกบาลแยก”
หนานไตรหุบยิ้มลงทันที
ทางด้านเนื้อนางปูที่นอนให้หมื่นหล้า ผู้เป็นตา หมื่นหล้านั่งมองหลานสาวคนเดียวด้วยสายตาพิเคราะห์ พลางเอ่ยขึ้น
“เนื้อนาง อย่าอยู่ใกล้ผู้จัดการปางคนใหม่ หนานไตรเปิ้นเป็นคนเมือง”
เนื้อนางหันมอง แววตาสงสัยฉงนฉงาย คำฝายเดินถือผ้าห่มเข้ามาวาง พูดขึ้นยิ้มๆ
“พ่ออุ๊ยกลัวคนเมืองขี้จุ๊ มาหลอกให้เนื้อนางช้ำใจ”
เนื้อนางแย้งพาซื่อ “เค้าจะมาหลอกเนื้อนางทำไมละพี่คำฝาย”
คำฝายยิ้ม “ก็ดูสายตาเปิ้นตอนเอาช่อเอื้องมาให้ หวานเยิ้มเหมือนจะกลืนกินตั๋ว”
หมื่นหล้าส่งเสียงปราม “อิคำฝาย อยากให้ข้าเลาะปากเอ็งนักใช่มั้ย”
“กลัวแล้วจ้ะ พ่ออุ๊ย”
คำฝายรีบเอาผ้าห่มคลุมตัว ทำเสียงกรนทันที เนื้อนางมองหมื่นหล้าที่สายตารักและหวง
“เนื้อนาง อย่าอยู่ใกล้คุณหนานไตร อย่าทำตัวสนิทสนม เค้าเป็นนาย เราเป็นข้า”
เนื้อนางกอดหมื่นหล้า “จ้ะ ตา...เนื้อนางจะอยู่ห่างๆ คุณหนานไตร”
“จำไว้นะเนื้อนาง...คนเมืองเปิ้นไม่เหมือนเรา เปิ้นมาแล้วเปิ้นก็ไป เหมือนนายห้างฝรั่งพ่อเอ็ง”
เนื้อนางมองเห็นแววตาชอกช้ำของผู้เป็นตา
“จันทร์เป็งแม่เอ็งเป็นตัวอย่าง ช่างฟ้อนในคุ้มหลวง งามจนผู้ชายจะฆ่ากันตาย แต่สุดท้าย พ่อเอ็งก็ทิ้งมัน กลับเมืองฝรั่งไปแล้วหายหัว ทิ้งเมียทิ้งลูก จันทร์เป็งแม่เจ้ามันถึงตรอมใจตาย ถ้ารักตา สัญญาสิเนื้อนาง อย่าอยู่ใกล้คุณหนานไตร
พูดเรื่องนี้แล้ว หมื่นหล้ามีสีหน้าเจ็บช้ำยิ่งนัก เนื้อนางยิ้มกอดตาไว้อย่างเอาใจ
“จ้ะ สัญญา เนื้อนางจะไม่ใกล้ชิด จะไม่ทำตัวสนิทสนมกับคุณหนานไตร”
เนื้อนางยิ้มแล้วหันไปหรี่ตะเกียงน้ำมันก๊าดดับลง
เช้านี้ หนานไตรก้าวพรวดๆ มากลางลานในปาง ด้วยท่าทีกระฉับกระเฉง เขาขึ้นมายืนขอนไม้ใหญ่ มองลงไปที่คนงานชายทุกคน
“ถึงผมจะเป็นคนใหม่ของปางหิมวัต แต่คิดว่าเราคงทำงานด้วยกันได้ ไม่มีปัญหา”
หนานไตรกวาดตามองทุกคน แล้วมาหยุดสายตาที่หมื่นหล้า
“ผมรู้ว่าที่นี่ พ่ออุ๊ยหมื่นหล้า ควาญช้างที่เก่งที่สุด เป็นคนสำคัญของพวกเรา”
หมื่นหล้าอมยิ้มน้อยๆ เมื่อได้ยินหนานไตรให้เกียรติ แสงคำ มองหนานไตรสีหน้านิ่ง
“ผมเป็นคนมาใหม่ พร้อมฟังคำแนะนำทุกอย่าง” หนานไตรว่า
คนงานหลายคนยิ้ม แต่ละคนค่อยๆ รู้สึกดีกับหนานไตร
“แต่สิ่งที่ผมยึดมั่นและขอร้องว่ามันจะต้องไม่เกิดขึ้นในปางหิมวัต คือการตัดไม้เถื่อนและทำลายป่า”
คนงานหุบยิ้มลงหลายคนทันที หนานไตรมองสังเกตเห็น
“เราจะตัดไม้ตามสัมปทานที่หลวงอนุญาตเท่านั้น แล้วจะปลูกเพิ่มให้มากกว่าที่ตัดไป ป่าไม้คือทรัพยากรที่สำคัญเท่าชีวิต พวกเราจะไม่เป็นคนทำลายสมบัติของแผ่นดิน”
ยินเสียงอึกทึกดังมาจากในโรงครัว พบว่ารัญจวนที่เอาทัพพีเคาะหม้อข้าว กำปุ้งยกหม้อแกงมาวาง รัญจวนหันไปเรียกคนงานชายที่กำลังเดินมาที่โรงอาหาร
“มากินเร็ว มากินข้าว แล้วรีบไปทำงาน”
คนงานชายพากันเดินมาต่อแถว รับอาหารที่กำปุ้งตักให้
หนานไตรเดินมาต่อแถวพร้อมคนงาน รัญจวนรีบเข้าไปดึง
“คุณหนานไตร ไม่ต้องต่อแถวค่ะ”
รัญจวนเข้าประชิดตัว ดึงแขนหนานไตร มาทางโต๊ะอาหารด้านหน้าที่จัดไว้ มีแจกันดอกไม้สวยงาม
“ผู้จัดการปางนั่งโต๊ะนี้นะคะ รัญจวนเตรียมอาหารพิเศษไว้ให้แล้ว”
รัญจวนดึงหนานไตรนั่งลงท่ามกลางสายตาริษยาของสร้อยฟ้าและพวกคนงานหญิง กำปุ้งกัดผ้าเช็ดโต๊ะ มองเขม่นลูกพี่ด้วยสายตาเคือง
“ชะ...เกิดเป็นกา หล่อนจิกคาบไปต่อหน้าต่อตาคนงามอย่างชั้น”
“เรียกหนานแสดงว่าบวชแล้ว พร้อมมีลูกมีเมีย” สร้อยฟ้าบอก
“กำปุ้งก็พร้อมมีสามีเป็นตัวเป็นตนมานานแล้วค่ะ คุณหนานไตร”
หนานไตรมองอาหารเต็มโต๊ะที่จัดไว้อย่างดี รัญจวนยิ้มทอดสายตาให้ท่า หนานไตรมองเลยไปเห็นเนื้อนาง คำฝาย เดินมากับกลุ่มคนงานหญิง
“ฝีมือรัญจวนที่คุณหนานไตรชมว่าอร่อย”
“ขอบใจมากนะ” หนานไตรตักกับข้าวใส่จาน “ที่เหลือเอาไปแบ่งกันกินเถอะ วันนี้ผมอยากรู้จักคนงานทุกคน”
หนานไตรถือจานข้าว ลุกขึ้นพรวด เดินตรงไปที่โต๊ะเนื้อนางกับคำฝาย รัญจวนมองตามตาค้าง กำปุ้ง สร้อยฟ้าวิ่งมาข้างรัญจวน
“ว้าย คุณพี่ขา ปล่อยให้รอดปากเหยี่ยวปากกาไปได้ยังไงคะ คาบคาปากอยู่แท้ๆ”
รัญจวนเต้นเร่าๆ แต่ทำอะไรไม่ได้
หนานไตรถือจานข้าวมาเดินลงมานั่งที่โต๊ะ ข้างๆ เนื้อนางทันที
“ผมนั่งด้วยคนนะ”
เนื้อนางตกใจ ขยับถอยห่าง คำฝายมองเขม็ง
“ไม่ต้องกลัว ผมไม่ชอบทำตัวเป็นเจ้านาย ลูกน้อง อยู่กันง่ายๆ สบายๆ ดีกว่า เมื่อวานคุณฟ้อนสวยมากนะ เนื้อนาง”
“ผู้จัดการชอบเหรอคะ”
“ชอบครับ อยากดูอีก...เนื้อนาง เดี๋ยวผมไปตักอาหารให้นะ”
เนื้อนางลุกขึ้น ถอยห่างหนานไตรทันที หนานไตรมองแปลกใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่หิว”
“ไม่หิวอะไร ก็ตั๋วชวนเค้ามากินข้าว” คำฝายว่า
“ตอนนี้ไม่หิวแล้ว ไป...พี่คำฝาย ...ไปทำงาน”
คำฝายลูบท้องหน้าม่อย “แต่ข้าหิว”
เนื้อนางกระชากคำฝายให้ลุกขึ้น หนานไตรลุกตาม
“เนื้อนาง”
เนื้อนางไม่รอ เดินออกไปเลย คำฝายวิ่งตาม
หนานไตรมองตาม รัญจวน สร้อยฟ้า และกำปุ้งปรี่เข้ามาทันที
“ไม่ต้องไปสนใจมันหรอกค่ะ เนื้อนางมันไม่เหมือนผู้หญิงแถวนี้ ชอบทำตัวแปลกกว่าคนอื่น”
หนานไตรท้วง “ผมก็เห็นเค้าปกติ”
“คุณหนานไตรมาใหม่ จะรู้อะไรล่ะคะ เนื้อนางมันชูคอเพราะถือว่าพ่อมันเป็นฝรั่ง แต่ที่จริงแม่มันน่ะถูกทิ้ง ตรอมใจตาย หมื่นหล้าน่ะอุตส่าห์หวังว่าหลานจะได้ดิบได้ดีไปเป็นแหม่มเมืองฝรั่ง สุดท้ายก็โตมาตามป่าตามดอย” รัญจวนใส่ใหญ่
กำปุ้งเสริม “คำฝายนั่นก็เด็กกำพร้าค่ะ หมื่นหล้าเอามาเลี้ยงให้เป็นขี้ข้าเนื้อนาง คุณหนานไตรมาใหม่ อยากรู้จักใครลึกซึ้งถึงต้นตระกูล ถามพวกเราได้นะคะ”
สามสาวยิ้มทอดสะพาน แต่หนานไตรหันไปมองตามเนื้อนางอย่างสนใจมากกว่า
เนื้อนางเดินมาเทเสื้อผ้าคนงานกองโตลงตรงลาน พร้อมจะซัก แล้วหันไปดุคำฝาย
“วันหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ พี่คำฝาย ไม่งั้นฉันจะฟ้องตา”
“พี่ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ตั๋วต่างหากทำน่าเกลียด วิ่งหนีคุณหนานไตรมาเค้าจะหาว่าเราเกลียดเค้า”
“เค้าจะคิดยังไง ก็เรื่องของเค้า แต่ตาสั่งแล้ว ห้ามเข้าใกล้”
“พ่ออุ๊ยหมื่นหล้าก็เห็นตั๋วเป็นเด็กวันยังค่ำ กลัวแต่ตั๋วจะถูกหลอก คนเมืองอาจจะไม่ขี้จุ๊เหมือนกันทุกคนก็ได้” คำฝายย้อนแย้ง
“ยังไงฉันก็เชื่อตา พี่คำฝายก็ต้องเชื่อด้วย เรารู้จักคุณหนานไตร เพราะว่าเค้าเป็นนายเราเท่านั้น”
เนื้อนางกำชับคำฝายด้วยสายตาจริงจัง
หลังมื้อเช้า หนานไตรนั่งบนรถจี๊ปตรวจไปรอบๆ ปาง มีม่อนดอยขับให้
“ปางนี้กว้างนะครับ นายอยากรู้อะไรถามม่อนดอยได้ทุกเรื่อง”
“นายอยู่ที่นี่นานแล้วเหรอ ม่อนดอย”
“ตั้งกะปู่ของปู่ของปู่ อยู่จนออกจากปางก็หลงเลยครับ”
หนานไตรหัวเราะม่อนดอย
“นายหนานไตรล่ะครับ ทำไมถึงย้ายมาอยู่กลางป่ากลางดอย ลำบากนะครับ ผู้จัดการคนไหนถูกย้ายมาก็อยู่ไม่ทน ...ท่าทางนายก็จะเป็นคนในเวียง”
หนานไตรยิ้ม “ฉันก็คงอยากเป็นหนานไตรที่เจอความลำบาก มากกว่าอยู่อย่างเศรษฐีในเวียงล่ะมั้ง”
“อูย คิดประหลาดนะนายเนี่ย”
หนานไตรหันไปเบื้องหน้า ยิ้มมองไปไกล นึกถึงเหตุผลที่ทำให้มาที่ปางนี้
ขณะเดียวกันที่บ้านหิมวัติ ในเวียง ตอนกลางวัน แม่นายศรีวัลลาเยื้องย่างลงมาจากด้านบนด้วยมาดนางพญา มีจันตา คนรับใช้ใกล้ชิด ตามมาด้านหลัง
“ณไตรกล้าท้าทายคำสั่งแม่อย่างฉัน คิดจะหนีไปซ่อนตัวในปางไม้ นึกเหรอว่าชั้นจะไม่มีทางลากตัวลูกชายคนโตกลับมา”
“คุณณไตรเธออาจจะอยากทำงานจริงๆ ก็ได้นะคะ แม่นาย”
“ณไตรเป็นลูกแกเหรอ จันตา ถึงได้รู้นิสัยมันดีกว่าชั้น”
จันตาหัวหดทันที
“ณไตรเอางานมาอ้างเพราะตั้งใจจะหนีนัดดูตัววันนี้”
ธรรพ์ ชายหนุ่มท่าทางอบอุ่นเดินออกมาจากด้านหน้าบ้าน ได้ยินเสียงแม่ก็ยิ้มนำมาก่อน
“พี่ไตรคงไม่ได้ตั้งใจหนีหรอกครับ คุณแม่”
แม่นายศรีวัลลาหันขวับไปมองลูกชายคนรอง
“ก็คุณปู่เพิ่งมีคำสั่งนี่ครับ ให้พี่ไตรเข้าไปลองทำงานที่ปาง” ธรรพ์ว่า
“แล้วทำไมพี่ชายแกต้องเชื่อปู่ ระหว่างแม่กับปู่ที่นอนเป็นผักเน่า พี่ชายแกต้องฟังแม่นะ ธรรพ์”
ธรรพ์เงียบลงไม่กล้าเถียงให้ศรีวัลลาอารมณ์ขุ่นมัวหนักขึ้นไปอีก
“จะให้แม่แบกหน้าไปตอบท่านนายพลกับคุณหญิงมาลัยว่ายังไง เค้ากำลังพาลูกสาว ว่าที่สะใภ้คนสวยมาถึงที่นี่ วันนี้”
ที่ประตูใหญ่ บัวผุด คนรับใช้สาวรุ่นเดินเข้ามา
“มากันแล้วค่ะ ท่านนายพลกับคุณหญิงมาลัย”
“เห็นมั้ยล่ะ ผลงานพี่ชายตัวดีของแก ดื้อด้าน หัวแข็ง ฉันอุตส่าห์เลือกลูกสาวผู้ดีมาประเคนให้ถึงที่”
หางเสียงแม่นายศรีวัลลาสะบัดอย่างไม่พอใจ ก่อนจะปรับสีหน้า เชิดยิ้ม เดินคอตั้ง รีบออกไปต้อนรับ มีธรรพ์ จันตา และบัวผุดตามออกไปติดๆ
รถคันใหญ่ของบ้านที่ไปรับแขก แล่นเข้ามาจอดลงที่หน้าเรือนใหญ่ บ้านหิมวัต ศรีวัลลากับธรรพ์ยืนมอง
เมื่อรถจอดสนิท ธรรพ์เดินไปเปิดประตูให้กับคุณหญิงมาลัยลงจากรถ นายพลยศกรสามีลงมาจากอีกด้าน แม่นายศรีวัลลายิ้มกว้างเมื่อเห็นครอบครัววิชิตภูบาลของเพื่อนรัก
“สวัสดีค่ะ ท่านนายพล คุณหญิงมาลัย”
ธรรพ์ไหว้นอบน้อม นายพลยศกรกับคุณหญิงมาลัย ทั้งคู่รับไหว้ มาลัยทักธรรพ์เสียงตื่นเต้น
“ตายแล้ว พ่อณไตร ป้าไม่เห็นตั้งหลายปี เป็นหนุ่มหล่อขนาดนี้แล้ว”
แม่นายท้วง “คนนี้ไม่ใช่ณไตรค่ะ นี่ตาธรรพ์ ลูกชายคนเล็ก”
“อ้าว คิดว่าจะได้เจอหลานณไตร”
แม่นายสีหน้าบึ้งตึง เมื่อได้ยินนายพลยศกรถามถึงลูกชายคนโต ธรรพ์ตอบแทนให้
ธรรพ์ยิ้มตอบอ่อนโยน “พอดีพี่ไตรมีงานด่วนในปาง ต้องไปจัดการน่ะครับ”
ประตูรถด้านหลังเปิดออก แลเห็นแขไข ลูกสาวคนโตคุณหญิงกับท่านนายพลก้าวลงมา ธรรพ์มองความสดใส สวยงามดั่งหงส์ของแขไข
“ลูกแขไขมาไหว้คุณน้าศรีวัลลา”
แขไขไหว้แม่นายอย่างอ่อนหวาน ศรีวัลลามองปลื้ม
“พี่ธรรพ์ ...ลูก”
แขไขไหว้ธรรพ์ชดช้อย ธรรพ์รับไหว้ ยิ้มทักทายอย่างเจ้าบ้านที่ดี
“ดีใจมากจริงๆ นะคะ ได้ต้อนรับครอบครัวคุณพี่กับหลานๆ หนูแขไขนี่ ยิ่งโต ยิ่งสวย”
แขไขยิ้มอาย แม่นายกับคุณหญิงมองสบตาอย่างรู้กัน เรื่องคิดจะจับคู่ลูกชายคนโตกับลูกสาว
จันตาหันไปสั่งบัวผุด คนงานหญิงกับคนงานชายทยอยยกกระเป๋าเข้าไปในบ้าน
จังหวะนี้ ดาวเด่น เด็กสาววัย 16 ใส่แว่น หน้าตาบึ้งตึง ขาวซีดคล้ายคนอมโรค มีรอยแผลอีสุกอีใสบนหน้า เดินลงมาคนสุดท้าย
นายแม่ศรีวัลลากับธรรพ์มองด้วยความแปลกใจ คุณหญิงมาลัยรีบอธิบาย”
“เกือบลืม...ดาวเด่นค่ะ หลานสาว เค้าขอมาเที่ยวเมืองเหนือด้วย”
ดาวเด่นยืนหน้าตาบึ้งตึง ดูไม่มีอัธยาศัยหรือเป็นกันเองกับใครทั้งสิ้น
ภายในห้องนอนแขก แขไขกำลังจิบชามองไปด้านนอก คุณหญิงมาลัยกับนายพลยศกรชื่นชมความสวยงามโอ่โถงของห้อง ดาวเด่นยืนอยู่ตรงกลาง พูดโพล่งขึ้น
“หนูไม่ใช่หลาน หนูก็เป็นลูกคุณแม่เหมือนกัน”
คุณหญิงมาลัยอารมณ์เสียขึ้นทันทีที่ได้ยินลูกสาวคนเล็ก
“ฉันบอกกี่ครั้งแล้ว ดาวเด่น อย่าเรียกฉันว่าแม่ ฉันยกเด็กขี้โรคอย่างแกให้เป็นลูกคุณป้าหญิงไปแล้ว แกต้องฉันเรียกว่าคุณหญิงน้า”
“คุณหญิงก็อย่าดุยายดาวนักเลยน่ะ ลูกก็คงลืมๆ ไปบ้าง” ท่านนายพลปราม
“ลืมไม่ได้สิคะ หมอดูท่านเตือนนักเตือนหนาว่าจะให้พ้นเคราะห์ ก็ต้องยกลูกให้คนอื่น รู้อย่างงี้ฉันไม่น่าพาแกมาด้วยเลย พาลูกแขมาคนเดียวก็ดีแล้ว”
“แม่อยากพาพี่แขมาหาสามี” ดาวเด่นโพล่งขึ้นอีก
ทุกคนตกใจกับคำพูดดาวเด่น
“ยายดาว แกนี่มันพูดจาขวานผ่าซาก สอนไม่จำ”
แขไขรีบวางถ้วยชา เดินเข้ามาใกล้น้อง
“น้องดาวอย่าพูดแบบนี้นะคะ ไม่เพราะเลย”
ดาวเด่นอ่อนลงให้กับแขไข “ดาวพูดจริงๆ ก่อนมา ดาวได้ยินแม่คุยกับพี่แข”
”นี่แกแอบฟังผู้ใหญ่คุยกันได้ยังไง”
คุณหญิงฉุนคว้าตัวดาวเด่นมาฟาดลงไปที่ก้น ดาวเด่นเจ็บแต่ไม่ร้องสักคำ นายพลยยศกรรีบดึงดาวเด่นออกห่าง
“พอเถอะน่า คุณหญิง นี่ก็ลูกคนนึงเหมือนกัน”
“ลูกชัง”
คุณหญิงมาลัยว่า แล้วเดินหนีไปอีกห้อง ดาวเด่นก้มหน้า แขไขรีบเข้ามาปลอบน้อง
“วันหลังอย่าเถียงคุณแม่นะคะ น้องดาว”
“พาน้องออกไปดูวิวที่ระเบียงเถอะ แขไข” ยศกรบอก
แขไขรีบดึงดาวเด่นออกไปที่ระเบียงห้องอย่างเอาอกเอาใจ
แม่นายศรีวัลลาเดินอยู่ในสวนสวยด้านล่างกับธรรพ์
“แกต้องคอยดูแล เอาใจใส่หนูแขไข ว่าที่พี่สะใภ้ให้ดีนะ ธรรพ์ นายพลยศกรกับคุณหญิงมาลัยเค้ามีบุญคุณกับครอบครัวเรา ท่านนายพลเคยช่วยให้พ่อแกรอดตาย”
“คุณพ่อเคยมีเรื่องกับใครหรือครับ พวกปางไม้ หรือว่าพวก...”
แม่นายขึ้นเสียง “ไม่ต้องถาม แกรู้แค่ว่า ครอบครัวนี้มีบุญคุณกับพ่อเราก็พอแล้ว แม่ไม่อยากจะพูดถึงอดีต ระหว่างนี้แกต้องดูแลหนูแขไขแทนณไตรไปก่อน”
ธรรพ์หันไปมอง พบว่าที่ระเบียงแขไขยิ้มสวยงาม กำลังชวนดาวเด่นมองบรรยากาศสวยงามรอบๆ
“แล้วก็เรียกพี่ชายตัวดีของแก กลับมาที่นี่ให้เร็วที่สุด”
ธรรพ์หันกลับมามองแม่นายที่สั่งน้ำเสียงฉุนๆ
อีกฟาก ที่ปางหิมวัต หนานไตรเดินมาในโรงครัวเงียบๆ มองเห็นเนื้อนางกำลังทำลาบคั่วอยู่ที่ครัวหลังบ้าน เนื้อนางไม่เห็นว่าเป็นหนานไตร คิดว่าเป็นคำฝายก็เอ่ยสั่ง
“พี่คำฝายหยิบเครื่องในทอดให้หน่อยจ้ะ”
หนานไตรหยิบถ้วยเครื่องในทอดส่งให้ เนื้อนางหันมารับ พอเห็นเป็นหนานไตรก็ตกใจ
“คุณหนานไตร”
เนื้อนางรับถ้วยเครื่องในทอดวางลงทันที หนานไตรเดินเข้ามาใกล้ ถามเสียงนุ่ม
“ทำอะไร น่ากินจัง”
ว่าพลางหนานไตรชะโงกมาดูใกล้ เนื้อนางถอยห่าง
“ทำไมต้องคอยหนีผมล่ะ เนื้อนาง ผมอยากรู้จักทุกคน อยากเป็นเพื่อนกับคุณ”
“เราเป็นเพื่อนกันไม่ได้ค่ะ คุณเป็นนาย ฉันเป็นคนงาน”
“ใครบอกให้คุณคิดแบบนี้”
“ฉันโตแล้วค่ะ คิดเองได้”
หนานไตรยังไม่ทันคุยต่อ คำฝายวิ่งถือกระจาดผักที่ไปเก็บกลับมาเป็นเครื่องแนมลาบคั่วเข้ามา
“อ้าว...คุณหนานไตร มาชิมลาบคั่วของเนื้อนางเหรอคะ”
“ท่าทางเนื้อนางจะหวงมากน่ะ คำฝาย”
หนานไตรทำเป็นมองไปที่เนื้อนางยิ้มๆ
“ไม่หวงหรอกค่ะ เนื้อนางทำลาบคั่วอร่อยที่สุดในปาง คุณหนานไตรรู้จักมั้ยคะ สุดยอดพญาของกิ๋น ยกหื้อลายหื้อหลู้ แต่ถ้าพวกผู้ชายในปางนี้ จะต้องเป็สามล.”
หนานไตรฉงน “ล.อะไรมั่ง”
“ก้อล.ลาบ ล.หลู้ ล.เหล้า”
คำฝายกับหนานไตรหัวเราะ แต่เนื้อนางไม่ขำด้วย
“พี่คำฝายทำต่อแล้วกัน ฉันจะไปซักผ้า”
เนื้อนางเดินออกไปเลย คำฝายหัวเราะค้าง หนานไตรมองตาม นัยน์ตาวาววับไม่พอใจ
เนื้อนางเดินหนีมาที่ลำธาร ด้วยสีหน้าหงุดหงิด
แสงคำกำลังอาบน้ำพลายน้อยอยู่ มองเห็นเนื้อนางก็พูดขึ้น
“พลายน้อย เจ้ารู้มั้ยวันนี้ใครทำเนื้อนางของแสงคำหน้าบึ้ง”
เนื้อนางเห็นแสงคำก็เยื้อนยิ้ม เดินลงไปใกล้
หนานไตรที่เดินตามมา พอเห็นแสงคำอยู่ด้วย ก็หลบมองทั้งคู่
เนื้อนางแตะข้างลำตัวพลายน้อย แสงคำหยิบหนังสือนิยายภาษาอังกฤษ Jungle Book ของ Rudyard Kipling ออกมาจากในย่ามส่งให้เนื้อนาง
“อ้ายเจอหนังสือเล่มนึง”
เนื้อนางรับมามองแล้วอมยิ้ม
“นี่อ้ายแสงคำแอบไปซื้อมาจากในเวียงเหรอจ๊ะ”
“เห็นเล่มเก่ามันตกน้ำ อ้ายก็บ่รู้หรอกว่ามันเรื่องอะไร” แสงคำยิ้มเขิน “เนื้อนางก็รู้ จะหนังสือไทยหรือหนังสือฝรั่ง อ้ายก็อ่านบ่ออก”
“ก็อ้ายแสงคำมีเนื้อนางคอยอ่านให้แล้วนี่จ้ะ ขอบใจนะจ๊ะ มีแต่อ้ายแสงคำคนเดียวที่รู้ใจเนื้อนาง”
หนานไตรมองเห็น และได้ยินทุกอย่างก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที เพราะเนื้อนางไม่เคยแย้มยิ้มกับเขาเช่นนี้
แสงคำยิ้มชื่นใจ อุ้มเนื้อนางส่งให้ขึ้นบนหลังพลายน้อย หนานไตรมองจ้องแสงคำที่จับเอวเนื้อนางยกตัวขึ้นด้วยความใกล้ชิด เนื้อนางนั่งบนหลังพลายน้อยแล้ว พลิกหนังสืออ่านออกเสียงใส
“This is the hour of pride and power, Talon and tusk and claw.”
แสงคำถอดเสื้อซักลงไปในลำธาร ยิ้มแย้มฟังอย่างเพลิดเพลิน
หนานไตรมองจ้องด้วยแววตาโมโห หันหลังกลับออกไปทันที
กลับมาถึงเรือน หนานไตรโดดขึ้นรถจี๊ป ม่อนดอยวิ่งตามถาม
“นายจะไปไหนครับ ใกล้ค่ำแล้ว มันจะอันตราย”
หนานไตรไม่ตอบ เร่งเครื่องรถแรง รถทะยานออกไป ทิ้งให้ม่อนดอยสำลักควัน บ่นเสียงดัง
“คนอะไร...ใจร้อนยังกะไฟ”
ค่ำแล้ว ภายในบ้านหิมวัต ตอนนี้ ธรรพ์เดินนำแขไขและดาวเด่นที่เดินตามหลัง
“พรุ่งนี้ผมจะพาไปขึ้นดอย...ชมดอกไม้ แล้วก็ปิกนิกที่น้ำตกนะครับ”
“เราจะไปถึงปางไม้มั้ยคะ”
“คุณแขไขอยากไปเหรอครับ”
“คุณแม่เล่าว่า บ้านหิมวัตมีปางไม้ที่ใหญ่ที่สุด แขไขไม่เคยเห็นปางไม้ ปางช้างเลย”
“ทางไปมันลำบากนะครับ”
ดาวเด่นสอดขึ้น “ลำบากแค่ไหน คุณหญิงน้าก็สั่งพี่แขไขว่าต้องไปให้ได้”
แขไขปราม “น้องดาว
ธรรพ์มองดาวเด่นที่พูดห้วนๆ แบบมะนาวไม่มีน้ำ แล้วยิ้มอย่างใจเย็น
“งั้นเราเตรียมตัวสักวันสองวัน แล้วผมจะพาไป วันนี้เชิญคุณแขไขกับน้องดาวเด่นพักผ่อนก่อนนะครับ”
ธรรพ์ยิ้มแล้วเดินแยกไปทางห้องนอน แขไขหันมาทางน้อง
“น้องดาว วันหลังอย่าพูดไม่เพราะแบบนี้ อย่าพูดว่าพี่อยากเจอคุณณไตร”
ดาวเด่นไม่สนใจแขไข แต่มองเลยไปเห็นคนที่เปิดประตูผลุบเข้าไปในห้องด้านหลัง
“นั่น ...ใคร เข้าไปในห้องแล้ว”
แขไขหันไปมอง ท่าทางหวาดกลัว ดึงแขนน้อง
“กลับไปห้องนอนกันเถอะ”
“อาจจะเป็นขโมย”
ดาวเด่นหน้าตาอยากรู้ รีบเดินตามไป แขไขมองกลัวๆ แต่ก็ห่วงน้อง รีบตามไปด้วย
ดาวเด่นเปิดประตูห้องสมุดอย่างเบามือ แล้วเลื่อนตัวเข้ามาในห้องมืด แขไขตามเข้ามา ได้ยินเสียงกุกกักทางตู้หนังสือ แขไขดึงมือน้องรั้งไว้ ดาวเด่นไม่สน สะบัดมือออก สีหน้าอยากรู้
ดาวเด่นเพ่งมอง เห็นร่างสูงยืนอยู่ที่หน้าตู้ แขไขเลื่อนมือไปคว้าแจกันบนตู้ไว้เผื่อเป็นอาวุธ ร่างสูงหันขวับมา
เสียงใครคนนั้นถามขึ้นว่า “ใครน่ะ”
พร้อมกันนั้นร่างสูงเดินพรวดเข้ามา แขไขตกใจ เงื้อแจกันขึ้น จะตี
ไฟเปิดสว่างทั้งห้อง แขไขตกใจผงะกับร่างสูงที่ก้าวมาตรงหน้า จนเซไปด้านหลัง
ร่างสูงของหนานไตร หรือณไตรแห่งบ้านหิมวัตโอบช้อนหลังแขไขไว้ก่อนจะเซล้มลงไป
แขไขมองหนานไตรที่อยู่ระยะประชิดด้วยสายตาตกตะลึง ใจเต้นหน้าร้อนผ่าวกับความหล่อบึกบึน
“พี่ไตร”
ดาวเด่นเหลียวไปมองธรรพ์ที่เป็นคนเข้ามาเปิดไฟ
หนานไตรปล่อยแขไข ถอยออกห่าง แขไขรีบทรงตัว ยืนข้างดาวเด่น
“แขขอโทษค่ะ แขไม่ทราบ...คิดว่าเป็นพวกย่องเบา”
หนานไตรมองไปทางธรรพ์ เหมือนจะให้อธิบายถึงผู้หญิงสองคนนี้
“ลูกกับหลานคุณหญิงน้ามาลัยครับ เพิ่งมาถึง คุณแขไข กับ คุณดาวเด่น”
หนานไตรเอ่ยขึ้น “ขอโทษนะครับที่ทำให้ตกใจ พอดีผมกลับมาเอาของ”
“เป็นเจ้าของบ้าน ทำไมไม่เปิดไฟ”
ดาวเด่นถามห้วน หนานไตรหันไปมองยิ้มๆ ตอบทีเล่นทีจริง
“เพราะเจ้าของบ้านไม่อยากให้คนอื่นเห็นล่ะมั้ง ว่ากลับมา”
แขไขมองหนังสือในมือหนานไตรนิ่ง หนานไตรหันไปทางธรรพ์
“ฉันไปละ”
“พี่บึ่งรถมาจากในปาง เพื่อมาเอาหนังสือเล่มนี้เล่มเดียว”
“ใช่”
หนานไตรพยักหน้า ไม่สนใจสองสาว และกำลังจะเดินออกไป ท่ามกลางความงุนงงของแขไขกับดาวเด่น
หนานไตรหันกลับมา “ธรรพ์ แกห้ามบอกแม่นายเด็ดขาด ว่าฉันมาบ้าน”
ธรรพ์ยังไม่ทันตอบอะไร หนานไตรก็ก้าวออกจากห้องไปโดยเร็ว แขไขมองตามอึ้งๆ
อ่านต่อหน้า 3
เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 1 (ต่อ)
สองสาวกลับเข้าห้องนอนรับรองแขก ดาวเด่นมองจ้องแขไขที่ยามนี้นัยน์ตาวาววับด้วยความตื่นเต้น เป็นปลื้ม ชนิดปิดไม่มิด
“พี่ณไตรทั้งหล่อ ทั้งสมาร์ท”
“คนนี้ใช่มั้ย ที่คุณหญิงน้าจะให้พี่แขไขแต่งงานด้วย”
แขไขยิ้มหวาน “ใช่...ลูกชายคนโตของแม่นายศรีวัลลา”
ดาวเด่นบอกตามที่เห็น “แต่เค้ากลับปางไม้ไปแล้ว ไม่เห็นจะสนใจพี่เลย”
“ไม่ต้องรีบหรอก เดี๋ยวก็ต้องได้เจอกันอีก” แขไขยิ้ม “คุณแม่สอนมาหมดแล้ว”
“เรื่องจับผู้ชา” ดาวเด่นว่า
แขไขชักไม่พอใจ “ดาวเด่น...อย่าพูดหยาบคาย แม่อยากให้พี่มีคู่ชีวิตที่สมกันต่างหาก”
“ดาวเด่นไม่ชอบ พี่แขแต่งงานเมื่อไหร่ ดาวเด่นก็จะเป็นหมาหัวเน่า”
ดาวเด่นเบะปาก อารมณ์น้อยใจประสาเด็กกลัวถูกทิ้ง แขไขกอดปลอบน้อง
“ไม่หรอกจ้ะ พี่ก็ยังรักน้องเหมือนเดิม แต่งงานกันแล้ว พี่จะให้พี่ณไตรพาน้องดาวไปรักษาตัวที่เมืองนอกนะ”
ดาวเด่นยังไม่รู้สึกดีขึ้น เพราะหวงพี่สาว ตรงข้ามกับแขไขที่ยิ้มหวานนัยน์ตาเจิดจ้าเต็มไปด้วยความฝัน
รุ่งเช้า ขณะที่เนื้อนางกำลังตักน้ำในลำธาร หันมาเจอหนานไตรเดินตรงเข้ามาหา
เนื้อนางถอยหนีไม่ทัน หนานไตรยื่นหนังสือ Pride and Prejudice ของ Jane Austen ส่งให้เนื้อนาง
“เมื่อคืนผมจัดของบนเรือน เจอมันตกอยู่ในตู้ เห็นเป็นภาษาอังกฤษ เลยเอามาให้คุณ”
หนานไตรโกหกหน้าตาย เนื้อนางมองหนังสือ ไม่กล้ารับ หนานไตรดึงมือเนื้อนางมาเอาหนังสือวางลงไปในมือ เนื้อนางจะดึงมือกลับ หนานไตรกุมมือเนื้อนางไว้
“อ่านให้ผมฟังหน่อยสิ เนื้อนาง”
“ปล่อยมือฉันก่อนค่ะ”
“บอกก่อนสิ ว่าจะอ่านให้ผมฟัง”
หนานไตรมองรุกเร้าด้วยสายตา กุมมือเนื้อนางที่จับหนังสือแน่นสืบเท้าเดินเข้าใกล้ เนื้อนางรีบรับปาก
“ค่ะ ฉันจะอ่านให้คุณฟัง”
หนานไตรยอมปล่อยมือ เนื้อนางมองหนังสือ หนานไตรทำเป็นขยับ เอียงคอเข้ามามองใกล้ๆ
“เค้าเขียนว่ายังไง”
เนื้อนางหันไปเห็นหนานไตรเข้ามาใกล้โดยไม่ทันรู้ตัว ก็ขยับถอยห่างออก
“วันนี้ฉันต้องรีบไปช่วยในครัว วันหลังฉันค่อยอ่านให้ฟังนะคะ”
เนื้อนางได้โอกาสหันหลังจะหนี หนานไตรก้าวพรวดเดียว ดึงไหล่เนื้อนางหันมาเผชิญหน้า
“ทำไมคุณต้องคอยหนีผม เนื้อนาง ผมทำให้อะไรให้คุณไม่พอใจ”
เนื้อนางก้มหน้าหลบลงต่ำ “เปล่าค่ะ”
“มองตาผมสิ เนื้อนาง แล้วบอกว่าทำไมคุณต้องคอยหนีหน้าผม”
เนื้อนางก้มต่ำ หนานไตรเชยคางเนื้อนางขึ้นมาช้าๆ เนื้อนางมองสบตาหนานไตร
“ผมจริงใจกับคุณ อยากเป็นเพื่อนกับคุณ”
เนื้อนางแววตาตื่นกลัว หนานไตรมองจ้องลึกลงไปในดวงตาเนื้อนาง
แสงคำก้าวเข้ามาเห็นเนื้อนางใกล้ชิดกับหนานไตร ความหึงแล่นเป็นริ้วๆ ทั่วร่าง
“เนื้อนาง”
เนื้อนางหันไป “อ้ายแสงคำ”
เนื้อนางผละตัวออกจากหนานไตร แสงคำเดินมายืนข้างเนื้อนางทันที
หนานไตรมองสายตาแสงคำก็รู้ว่าต่างไม่พอใจกัน
จังหวะนี้แสงคำเอื้อมมือไปกุมมือเนื้อนางอย่างชิดเชื้อ “พ่ออุ๊ยหมื่นหล้าให้มาตาม”
หนานไตรมองแสงคำที่กุมมือเนื้อนาง แล้วพูดขึ้นทันที
“ผมอยากเป็นเพื่อนกับเนื้อนาง”
แสงคำเหลียวขวับมาทันที “คุณมาใหม่ ยังไม่รู้ว่าเราต้อนรับเพื่อนกันยังไง”
“ก็บอกผมสิ แสงคำ ผมจะได้รู้ว่าคนในปางนี้ จะยอมรับผมเป็นเพื่อนหรือเปล่า”
เนื้อนางมองหนานไตรกับแสงคำที่จ้องตากัน โดยไม่สบายใจ
ลานหน้าเรือนใหญ่กลางปางตอนนี้ เสียงกลองตีโดยคนงานชายดังกระหึ่มเป็นจังหวะเร้าใจ
บรรดาคนงานชายหญิง ยืนล้อมรอบวงดู เนื้อนางยืนข้างคำฝาย
รัญจวน กำปุ้ง สร้อยฟ้าวิ่งหน้าเริด แหวกคนงานเข้ามายืนตรงข้าม
“นี่มันอะไร ทำไมต้องให้คุณหนานไตรมาสู้ในลานด้วย”
“หุบปากเหอะน่า อิสร้อยฟ้า เรื่องของป้อจายเค้า” คำฝายด่า
“คุณหนานไตรเค้ามาเป็นนาย บ่ใช่มาเป็นควาญ เป็นขี้ข้า” รัญจวนด่ากลับ
เนื้อนางขยับเข้าไปหาหมื่นหล้า บอกอย่างไม่สบายใจ
“อ้ายแสงคำท้าคุณหนานไตร”
“ไม่ต้องห่วงหรอก เนื้อนาง ถ้าคุณหนานไตรอยากเป็นผู้นำของพวกเรา เปิ้นก็ต้องทำให้ทุกคนยอมรับในความเก่งของเปิ้น”
หนานไตรกับแสงคำเดินออกมากลางลาน จากคนละด้าน คนงานชายส่งเสียงเฮ เมื่อเห็นสองคนเผชิญหน้ากัน
หมื่นหล้าขยับออกมาตรงกลาง บอกกติกา
“ที่นี่มีประเพณีของหมู่เฮา ใช้วัดว่าป้อจายคนไหนแข็งแกร่ง เหมาะจะเป็นผู้นำที่แม้แต่สัตว์ทุกตัวในป่านี้ จะต้องยอมก้มหัวให้”
เสียงกลองให้สัญญาณดังขึ้น หนานไตรกับแสงคำเดินเข้าหากัน
สองคนเอาหมัดมาชนกัน เสียงกลองตีดังเป็นสัญญาณอีกหนึ่งที ทั้งคู่ผละออกจากกัน แสงคำฉวยจังหวะชกหมัดสวนไปก่อน หนานไตรตาไวหลบได้
ท่าการต่อสู้ด้วยมือเปล่าของแสงคำเป็นการต่อสู้ด้วยท่วงท่ามวยโบราณ ส่วนหนานไตรหลบว่องไวแล้วสวนกลับอย่างมวยสากล กองเชียร์ผู้ชายเฮ ม่อนดอยเชียร์หนานไตร เนื้อนางมองสีหน้าไม่สบายใจ
จังหวะหนึ่งแสงคำกระโดดตวัดขาเตะกลางอากาศ หนานไตรหลบไม่ทัน โดนซ้ายขวากลางลำตัว กระเด็นลงไปคลุกฝุ่น
“พอแล้ว ไอ้แสงคำ เดี๋ยวคุณหนานไตรตาย”
รัญจวนร้องเสียงดัง กำปุ้ง สร้อยฟ้าหน้าตาเดือดร้อนแทน
หนานไตรลุกเร็ว แสงคำยิ้มหยันกำหมัด หนานไตรพุ่งเข้าเตะแสงคำหลบได้ว่องไวแล้วเข้าจับล็อคแขน หนานไตรพลิกไปด้านหลัง หนานไตรแก้ด้วยการจับแสงคำคว่ำแล้วทุ่มลงพื้น
สองคนต่างผละมาตั้งหลักใหม่ เนื้อตัวชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อไหลตามมัดกล้ามของคนทั้งคู่
เนื้อนางมองอยู่ ด้วยสีหน้าไม่ดี กลัวว่าจะมีคนบาดเจ็บ
เสียงกลองตีดังรัวเร้าใจ หนานไตรกับแสงคำ พุ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้าม กระโดดเตะกันกลางอากาศ หนานไตรและแสงกล้าต่างโดนลูกถีบของอีกฝ่าย สองคนกระเด็นกลิ้งล้มลงไป แสงคำลุกขึ้นได้ก่อน จะลุยเข้าไปซ้ำหนานไตร
หมื่นหล้าตะโกนก้อง “พอ”
แสงคำเงื้อหมัดค้าง เกือบจะชกเข้าหน้าหนานไตรอยู่แล้ว หนานไตรกับแสงคำจ้องตากัน เนื้อนางร้องห้าม
“อ้ายแสงคำ อย่า”
แสงคำหันมามองเนื้อนางแล้วจำต้องลดมือลง ถอยห่างออกมา
หนานไตรลุกขึ้น สร้อยฟ้า รัญจวน และกำปุ้งพากันเข้าไปใกล้แตะเนื้อแตะตัวหนานไตรด้วยความเป็นห่วง
แสงคำคว้าแขนเนื้อนาง หันหลังกลับพาเดินออกไป หนานไตรขยับหนีพวกรัญจวน มองด้วยสายตาหึงหวงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
หนานไตรเดินหุนหันขึ้นมาบนเรือน หยุดยืนตรงระเบียงด้วยความหงุดหงิด ม่อนดอยตามมาเร็วรี่ พวกรัญจวน สร้อยฟ้า กำปุ้ง พากันถือผ้าซับเหงื่อ ลูกประคบเข้ามาหา รัญจวนเสนอหน้าเป็นคนแรก
“ช้ำไปทั้งแขนเลย รัญจวนทายาให้นะคะ คุณหนานไตร”
สร้อยฟ้าไม่ยอม “สร้อยฟ้าประคบให้ดีกว่า”
“ยานวดดีที่สุดค่ะ” กำปุ้งปิดขบวน
“ไม่ต้อง” สามสาวสะดุ้ง หนานไตรตะเพิดเสียงแข็ง “ออกไปให้หมด”
สามสาวตกใจ ชะงักค้างทั้งแถบ หนานไตรตวาดซ้ำ
“ถ้าไม่เรียก ห้ามใครขึ้นมาบนเรือนนี้อีก”
“ไปเร็ว ไป เดี๋ยวนายเตะตกเรือน”
ม่อนดอยดันหลังผู้หญิงสามคนวี้ดว้ายลงจากเรือนทันที
หนานไตรลุกขึ้น ด้วยสีหน้าเจ็บใจ เมื่อนึกถึงภาพแสงคำจูงแขนเนื้อนางออกไป
“ม่อนดอย”
“ครับ...ครับ นาย”
“แสงคำเป็นใคร มาจากไหน”
“นาย นายจะฆ่าแสงคำเหรอครับ”
ม่อนดอยตกใจ เมื่อมองเห็นหนานไตรมีท่าทีเจ็บแค้นแสงคำเอามากๆ
ฝ่ายแสงคำดึงแขนเนื้อนางลากมาตามทาง อย่างมีอารมณ์
“หนานไตรไม่ใช่คนดอยอย่างพวกเรา อย่ารักเค้า เนื้อนาง อย่ารักหนานไตร เค้าจะทำให้เนื้อนางเสียใจ”
“อ้ายแสงคำ เนื้อนางเจ็บ”
แสงคำตกใจรีบปล่อยแขนเนื้อนาง
“อ้ายขอโทษ”
“ไว้ใจเถอะอ้ายแสงคำ เนื้อนางจะรักษากาย รักษาใจไว้ให้ดี ไม่ยอมให้ใครมาว่า ผู้หญิงดอยถูกหลอกได้ง่ายๆ”
เนื้อนางเบี่ยงตัวแล้วเดินห่างออกไป แสงคำได้แต่มองตาละห้อย
หมื่นล้าเดินเข้ามา แสงคำหันไปเห็น
“พ่ออุ๊ย ข้าไม่เคยคิดว่าเนื้อนางเป็นน้องสาว”
“ความรักมันเรื่องหัวใจของคนสองคน ข้าจะบังคับใจเนื้อนางได้ยังไง”
“ข้ารักเนื้อนางมากกว่าน้อง ข้าสัญญา ไอ้แสงคำคนนี้ จะไม่ทอดทิ้งเนื้อนาง จะไม่ทำให้เนื้อนางน้ำตาตก เหมือนที่นายฝรั่งทิ้งแม่หญิงจันทร์เป็ง ข้าสัญญา ข้าจะรักจะเทิดทูนเนื้อนางไว้กลางใจจนลมหายใจสุดท้าย”
หมื่นล้ามองแสงคำให้สัญญาด้วยแววตามั่นคง
เนื้อนางเครียดเหลือเกิน เดินมาหยุดริมลำธาร ทอดสายตามองไปยังม่านน้ำตกด้วยสีหน้ากังวล คำฝายเดินเข้ามาใกล้
“เนื้อนางไม่ได้อยากมีความรัก”
“ดีแล้วล่ะ บ่ตันเข้าป่าก็หันเสือเสียแล้ว เสือสองตัวเสียด้วย”
เนื้อนางฉงนคำพูดคำฝาย “เสือสองตัว”
“ตัวนึงชื่อแสงคำ ตัวนึงชื่อหนานไตร”
“อย่าพูดอย่างนี้ พี่คำฝาย คุณหนานไตรเค้าเป็นนาย”
“แล้วคนเป็นนายมันบ่มีหัวใจ รักผู้หญิงไม่ได้เหรอ”
“เค้าไม่ได้รัก เค้าเห็นเนื้อนางหนี เค้าก็แค่อยากล้อเล่น อยากเอาชนะเรา”
คำฝายมองจ้อง เนื้อนางเมินเฉย ไม่อยากคิด ไม่อยากพูดถึงหนานไตร
หนานไตรเดินเข้ามาในโรงอาหาร คนงานที่กำลังกินข้าวคุยกันเงียบลงทันที รัญจวน สร้อยฟ้า กำปุ้ง พยายามแย่งกันจะเข้าไปหาหนานไตร แต่หนานไตรไม่สนใจ เดินตรงมาที่โต๊ะแสงคำ เอ่ยขึ้น
“ฉันขอแก้มือ เมื่อไหร่ก็ได้”
แสงคำวางช้อน เงยหน้ามองนิ่ง คนงานพากันมองว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“เก็บแรงไว้ทำงานในปางดีกว่า คุณหนานไตร ที่นี่ปางไม้ ไม่ใช่เวทีมวยที่คุณจะมาอวดฝีมือ และไม่สมควรที่ผมจะอวดดี ทำร้ายคนเป็นนาย”
แสงคำลุกเดินออกไป หนานไตรมองเจ็บใจ หันหลังเดินกลับไปทางเรือนตัวเอง
รัญจวน สร้อยฟ้า และกำปุ้งเปิดฉากเมาท์ทันที
“เห็นมั้ย นังเนื้อนางเหมือนแม่มันไม่มีผิด ชอบทำให้ผู้ชายฆ่ากันตาย” กำปุ้งเปิดประเด็น
รัญจวนหมั่นไส้ “แกเกิดทันแม่มันหรือ กำปุ้ง”
“ไม่ทันแต่หนูฉลาดค่ะ หัดซอกแซก ถามคนเก่าๆแก่ๆ เดี๋ยวก็รู้เรื่องเอง” กำปุ้งว่า
สร้อยฟ้าเหน็บ “สอดรู้สอดเห็นว่างั้น”
กำปุ้งค้อนควัก “ย่ะ ชอบมาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่เลย”
เสียงคำฝายดังขึ้น “ชอบเหลือเกินนะ สอดเสือกเรื่องชาวบ้านเนี่ยะ อิกำปุ้ง อิสลิ๊ดปิ๊ดป๊อด”
กำปุ้งหันไปเห็นคำฝายเดินปรี่เข้ามา
“หยุดนะ อิคำฝาย อย่ามาหาเรื่องแถวนี้”
คำฝายจะปรี่เข้าไปเอาเรื่อง ม่อนดอยรีบดึงคำฝายไว้
คำฝายฮึดฮัด “ปล่อย วันนี้ขอตบมันสักฉาด”
“เอาซี้ แม่จะราดด้วยน้ำร้อน เอาให้ร้องเอ๋ง วิ่งออกไปไม่ทันเลย” รัญจวนท้า
ม่อนดอยรีบดึงคำฝายออกห่าง มาด้านนอกโรงอาหาร
“ออกมาก่อน หนึ่งต่อสาม เดี๋ยวจะขี้เหร่ยิ่งกว่านี้”
พวกรัญจวน กำปุ้ง และสร้อยฟ้าหัวเราะเยาะไล่หลังคำฝายไป
คำฝายสะบัดห่างม่อนดอยอย่างฉุนเฉียว ม่อนดอยกระซิบกระซาบบอกคำฝาย
“รู้หรือเปล่า นายหนานไตรเค้าซักเรื่องเนื้อนางกับแสงคำละเอียดยิบ”
คำฝายตื่นเต้น “เปิ้นชอบเนื้อนางใช่ก่อ”
ม่อนดอยพยักหน้า “มั้ง”
คำฝายซัดผัวะกลางหลังม่อนดอย “มั้ง”
“ก็มั้งไง ตั้งแต่อยู่มา ยังไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนฝ่าด่านขอสับช้าง ของพ่ออุ๊ยหมื่นล้าไปได้สักคน”
คำฝายฟังแล้วพยักหน้าเห็นด้วย
หนานไตรก้าวมายืนมองเนื้อนางที่นั่งอยู่หน้าเรือน เห็นเนื้อนางนั่งสีหน้าไม่สบายใจ โดยในมือเนื้อนางถือหนังสือ Pride and Prejudice หนานไตรมองแล้วยิ้ม กำลังจะเดินเข้าไป แต่หมื่นหล้าเดินเข้ามาจากทางหนึ่ง หนานไตรรีบหลบหลังต้นไม้ใหญ่ เนื้อนางมองหมื่นล้า สายตากังวล
“มีเรื่องจนได้นะ”
เนื้อนางอธิบาย “เนื้อนางไม่ได้อยากให้อ้ายแสงคำผิดใจกับคุณหนานไตรเลยนะจ๊ะ ตา”
“หนังสือเล่มนี้”
เนื้อนางมองหนังสือในมือ
“คุณหนานไตรให้เนื้อนาง”
หมื่นหล้าหยิบหนังสือ แล้วเหวี่ยงทิ้งไปในพงหญ้า หนานไตรมองเคืองแต่ทำอะไรไม่ได้ เนื้อนางได้แต่มองตามหนังสือด้วยความเสียดาย
“อย่ารับอะไรมาจากคุณหนานไตรอีก”
หมื่นหล้าสั่งด้วยเสียงโมโห แล้วไอขึ้น เนื้อนางตกใจ รีบประคองหมื่นหล้านั่งลง
“เนื้อนาง ตาเองก็ไม่รู้จะอยู่ปกป้องเจ้าได้อีกนานมั้ย” ชายชราไอหนักขึ้น “จำไว้ ถ้าไม่อยากถูกทิ้งเหมือนแม่ อย่ามอบใจให้คนเมือง”
หมื่นหล้าไอเสียงดังอยู่อย่างนั้น เนื้อนางกอดตาไว้ด้วยความเป็นห่วง
“จ้ะ เนื้อนางจะไม่ทำให้ตาผิดหวัง จะไม่ทำให้ตาอายคน”
เนื้อนางกอดหมื่นหล้าไว้ น้ำตาคลอ หนานไตรลอบมองอยู่ เข้าใจสาเหตุทั้งหมด
งานเลี้ยงต้อนรับครอบครัววิชิตภูบาลจัดเป็นปาร์ตี้บาร์บีคิวริมลำธารสวย แลเห็นธรรพ์กำลังนั่งเล่นกีตาร์ ร้องเพลงรักฝรั่งหวานซึ้ง เสียงร้องของธรรพ์ทุ้มนุ่ม แขไขยิ้มฟังเพลิน
ดาวเด่นกินบาร์บีคิวที่จันตา และบัวผุด นำมาเสิร์ฟบนโต๊ะนายพลยศกร แม่นายศรีวัลลา กับคุณหญิงมาลัยมองธรรพ์เล่นกีตาร์แล้วคุยกันอย่างกระหยิ่มใจ
“เสียดายนะคะ หลานณไตรทำงานหนักอยู่ในปาง ไม่งั้นคงได้มาปิคนิกกับลูกแข”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ คุณพี่ อีกไม่กี่วันพอณไตรทนไม่ได้ ก็ต้องรีบออกมา โดยเฉพาะถ้ารู้ว่าหนูแขไขคนสวยอยู่ที่นี่”
“หลานณไตรเรียนมาก็ตั้งสูง จบถึงเมืองนอกเมืองนา ทำไมให้ทำงานตามป่าตามดอยแบบนั้นละคะ ตระกูลหิมวัตเองก็มีธุรกิจในพระนครตั้งหลายอย่าง”
“ณไตรเค้ามีความคิดเป็นตัวของตัวเอง ก็พ่อเลี้ยงอินถา ปู่เค้าน่ะสิคะ คอยให้ท้ายตั้งแต่เด็ก ถึงได้ดื้อ ไม่ฟังใคร ผิดพี่ผิดน้อง”
“โชคดีนะคะ หลานธรรพ์นี่ท่าทางรักแม่ ห่วงแม่มาก” คุณหญิงชม
แม่นายยิ้ม “ยังดีค่ะที่ธรรพ์ไม่เหมือนณไตร”
แม่นายกับคุณหญิงหันไปมองทางธรรพ์ ที่กำลังร้องเพลง แขไขยิ้มชื่น สายตาลึกซึ้งมองมายังธรรพ์ที่กำลังร้องเพลงรัก
ธรรพ์ทอดสายตามองมายังแขไขที่งดงามยิ่งนักเหมือนนางไม้ในบรรยากาศธรรมชาติ ที่ทำให้ทุกสิ่งตรงนั้นสวยงามไปหมด
หนานไตรขับรถจี๊ปเร็วราวกับจะบินมาตามทางในปาง ฝุ่นตลบ จู่ๆ ม่อนดอยโผล่พรวดออกมาจากข้างทาง วิ่งมากางแขนขวางไว้ หนานไตรเบรคกึก เสียงล้อเบรคดังสนั่น ม่อนดอยมองรถที่หยุดห่างแค่คืบ แล้วกลืนน้ำลายเสียววาบ
“นายจะไปไหนอีกครับ มันกำลังจะมืด”
หนานไตรมองเฉยไม่ตอบ
“ผมก็ไม่อยากเสี่ยงตาย เอาตัวมาขวางล้อรถนายบ่อยๆหรอกครับ เสียวไส้ แต่พวกควาญบอกว่าช่วงนี้มีเสืออาละวาด”
หนานไตรหยืบปืนข้างเบาะออกมาให้ม่อนดอยเห็น
“ปืนแค่นั้น จะล้มไอ้ยักษ์ลงเหรอครับ”
หนานไตรเลื่อนปืนมือเดียว ชูขึ้นฟ้า แล้วยิงปัง ปัง ปัง ม่อนดอยตกใจ วิ่งเตลิด หนานไตรพุ่งรถออกไปเร็ว ม่อนดอยได้แต่มองตาม
“เกือบไปแล้วไอ้ม่อนดอย เกือบสูญพันธุ์แทนเสือซะแล้ว”
ค่ำลง ปาร์ตี้เลี้ยงรับรองครอบครัววิชิตภูบาล ริมลำธาร ยังคงดำเนินต่อไป ธรรพ์กำลังเอาบาร์บีคิวจากเตาใส่จาน แขไขเดินเข้ามาช่วยแล้วถามขึ้นด้วยรอยยิ้มสดใส
“พี่ธรรพ์คะ พี่ณไตรชอบทานอะไรคะ คราวหน้าแขจะได้เตรียมทำไว้”
แม่นายที่ยืนไม่ห่างนัก ได้ยินก็หันไปมองธรรพ์กับแขไขที่คุยกัน
ธรรพ์ยิ้ม “ท่าทางอย่างพี่ไตร คุณแขลองเดาดูสิครับ”
“แขเจอแค่แป๊ปเดียว ยังไม่ได้คุยด้วยเลยสักคำ...แขเดาไม่ถูกหรอกค่ะ”
“นี่หนูแขไขเจอกับณไตรแล้วเหรอ เมื่อไหร่”
แขไขมองแม่นายถามขึ้น ธรรพ์ตกใจนิดเดียว รู้ว่าปิดไม่ได้แล้ว เลยรีบหาเหตุผล
“พี่ไตรกลับมาเอาปืนน่ะครับ”
“แล้วทำไมไม่ค้าง”
“ที่ปาง ช้างกำลังตกลูกครับ”
“ณไตรเป็นสัตวแพทย์ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงต้องคอยดูช้างตกลูก”
ศรีวัลลาวางหน้าปั้นปึ่ง ธรรพ์เอาจานบาร์บีคิวมาวางให้ แล้วแตะแขนแม่นายอย่างเอาใจ
“พี่ไตรฝากความคิดถึงถึงแม่นายด้วยนะครับ บอกว่างานเสร็จแล้วจะรีบกลับบ้าน”
“ก็ใช้แกมาพูดแทนทุกที”
แม่นายศรีวัลลาหันไปทางแขไข เปลี่ยนสีหน้าและน้ำเสียงอ่อนลงทันที เยื้อนยิ้มพลางเอ่ยถาม
“หนูแขเจอณไตรแล้ว เป็นยังไงบ้างจ๊ะ ลูกชายน้าคนนี้มันไม่ค่อยจะเหมือนชาวบ้าน”
“แขว่าพี่ณไตรเก่งมากเลยค่ะ ทั้งเก่งทั้งฉลาด”
แขไขเอ่ยชมจากใจ ดาวเด่นที่นั่งอยู่ใกล้ได้ยินแล้วไม่ชอบใจ
แม่นายมองรอยยิ้มอ่อนหวาน และท่าทีเขินอายของแขไข ด้วยสายตาพึงพอใจ
ถัดจากนั้นไม่นาน แขไขยืนอยู่ตรงหน้าแม่ที่หน้าตาแช่มชื่นเบิกบาน เมื่อรู้เรื่องแขไขได้เจอณไตรแล้ว
“คราวหน้า ลูกต้องทำให้พี่ณไตรหลงรักลูกให้ได้”
“นี่คุณหญิงสอนลูกให้มันดีๆหน่อย ลูกเราไม่ใช่ผู้หญิงชาวบ้านร้านตลาด ถึงต้องเร่จับผู้ชายรวยๆ”
“ก็เพราะมันมีแต่ผู้หญิงจนๆ ใฝ่สูง กล้าเอาตัวเข้าแลก ในพระนครน่ะสิคะ ฉันถึงต้องสอนลูกให้รู้จักเลือกสิ่งที่ดีที่สุด”
ท่านนายพลสีหน้าไม่พอใจ คุณหญิงภริยาสะบัดหน้าใส่
“หรือคุณอยากเห็นลูกเราลำบาก เป็นสะใภ้ตระกูลหิมวัต รับรองสบายไปทั้งชาติ”
“พี่ณไตรเค้าไม่เหมือนพี่ธรรพ์ ไม่เหมือนเลยค่ะ แม่ พี่ณไตรเค้าดูสมาร์ท ดาร์คทอลแฮนด์แฮนซั่ม เหมือนดาราหนังคาวบอย”
“จริงเหรอคะ ดีค่ะ ลูก ผู้ชายแบบนี้สิถึงจะปกป้องผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเราได้”
“จะทำอะไรก็คิดถึงหน้าผมด้วย” นายพลยศกรติง
ดาวเด่นขัดขึ้น “คงจะห้ามยากนะคะ คุณหญิงน้าอยากได้ลูกเขยรวยๆ”
คุณหญิงฉุน ตะเพิดส่ง “ดาวเด่น แกไปนอนห้องโน้นเลยนะ ห้องคนใช้ก็ได้ ไปให้พ้นๆ หน้าฉัน”
ดาวเด่นหลบมุม แขไขมองสงสารน้อง
คุณหญิงมาลัยรีบจับประคองหน้าลูกสาวคนโตกลับมาสั่งสอน
“เดี๋ยวแม่จะสอนให้ว่าทำยังไงพี่ณไตรถึงจะหลงรักลูกแข คนสวยของแม่จนโงหัวไม่ขึ้น”
แขไขมองแม่ด้วยแววตาเป็นประกายตื่นเต้น ดูออกว่าหญิงสาวหลงรักณไตรเต็มทรวงไปแล้ว
ค่ำคืนนั้น หนานไตรตบประตูเรือนเนื้อนางเสียงดัง ปัง ปัง ปัง
“เนื้อนาง...ผมเอง”
ด้านในเงียบ ยังไม่มีใครเปิดออก หนานไตรตบซ้ำแรงๆ ตะโกน
“เนื้อนาง เปิดประตู”
หนานไตรทุบดังอีกสองสามที เนื้อนางแง้มประตูออกมามอง
หนานไตรบอก “ให้ผมเข้าไปหน่อย”
“ไม่ได้ค่ะ มืดแล้ว มีงานอะไร ค่อยมาสั่งพรุ่งนี้ตอนเช้า”
“ผมไม่ได้มาสั่งงาน เปิดประตู ผมต้องเข้าไปเดี๋ยวนี้”
หนานไตรไม่ยอมท่าเดียว ดันประตูเปิดเข้าไป แต่เนื้อนางดันกลับจะปิดให้ได้ หนานไตรออกแรงดันอีกที ประตูเปิดกว้าง หนานไตรเข้าประชิดเกือบชนเนื้อนางที่ขวางประตู
“ผมไม่ได้มาคนเดียว”
เนื้อนางมองไปเห็นหมอทัตเทพ ยืนถือกระเป๋ารักษาคนไข้อยู่ด้านหลัง
เวลานี้หมื่นหล้ากำลังนอนให้หมอทัตเทพตรวจอาการไข้ หนานไตรนั่งตรงข้ามกับเนื้อนาง
“ผมได้ยินว่ามีหมอมารักษาคนในหมู่บ้านฟรี”
หมอทัตเทพหันมามองหนานไตรด้วยสายตาเหมือนจะย้อนถามว่า แกพูดอะไรวะ? หนานไตรตีหน้าเฉยๆ
“ผมเลยไปพาหมอมารักษาหมื่นหล้า”
“ผมไม่เป็นอะไรมาก”
คำฝายเอาน้ำร้อนมาวางให้หมอทัตเทพลวกเข็มฉีดยา หมอทัตเทพยิ้มมองหมื่นหล้า
“ฉีดยาหน่อยนะครับ ไข้จะได้ลด”
หมอทัตเทพฉีดยา หมื่นหล้า และคำฝายมองเสียวๆ
เนื้อนางกุมมือตาไว้ไม่ปล่อย พอเงยขึ้นมา ก็เห็นสายตาหนานไตรที่มองทอดนิ่งตรงมาที่ตัวเอง
อยู่แล้ว เนื้อนางหลบสายตาคมกริบคู่นั้นที่จ้องเอาจ้องเอา
ต่อมาไม่นาน ทัตเทพเดินมามองหนานไตรที่เท้าแขนมองฝ่าความมืดไปทางเรือนเนื้อนาง
“ฉันเนี่ยะนะ หมอมารักษาฟรีในหมู่บ้าน”
“เออสิวะ”
“แกไปลากฉันออกมาจากห้องตรวจที่โรงพยาบาล หอบฉันมายังกับพายุ เพื่อรักษาควาญช้างคนเดียว แกนี่เป็นเอามาก ณไตร”
“บอกว่าให้เรียก หนานไตร ที่นี่ฉันคือหนานไตร ผู้จัดการปาง ไม่ใช่ณไตร”
“ทำไมต้องปิดบังชื่อตัวเอง แกมันณไตร เจ้าของที่นี่ทั้งหมด ไม่ใช่แค่หนานไตร ผู้จัดการปางต๊อกต๋อย”
หนานไตรยัวะ “ณไตรอีกคำ ฉันเตะแกตกเรือนแน่ ไอ้หมอทัตเทพ”
ทัตเทพเซ็ง “เออๆ...หนานไตร ก็หนานไตร นี่ถ้าแม่นายรู้ว่าฉันเป็นไปกับแกด้วย ฉันถึงขั้นโดนด่าเปิดเปิง ลืมนามสกุล”
“แกก็ปิดปากให้สนิทซีวะ”
“ทุกเรื่องใช่มั้ย โดยเฉพาะเรื่องหลานสาวคนสวยของควาญช้าง”
“เออ...ฉลาดแล้ว”
ทัตเทพยิ้มขำ หนานไตรมองไปแสงวับแวมทางเรือนเนื้อนาง
“ฉันอยากรู้ว่าเค้าจะใจแข็ง หนีฉันไปได้อีกนานแค่ไหน”
ทัตเทพเย้า “โอ้...จริงจังขนาดนี้”
หนานไตรหันมา ทัตเทพมองสายตาเพื่อนออกทันที
“อย่านะไอ้ไตร แม่นายไม่ปล่อยให้แกมีเมียเป็นสาวชาวดอยแน่”
“แม่นายไม่เคยบงการชีวิตฉันได้ เหมือนบงการไอ้ธรรพ์”
“แต่นี่เรื่องใหญ่ แกคือทายาทตระกูลหิมวัต ปู่แก พ่อเลี้ยงอินถา ไหนจะแม่นายศรีวัลลาอีก...ไม่มีใครยอมให้แกพาสะใภ้ชาวดอยเข้ามาในตระกูล”
ทัตเทพเตือนอย่างคนรู้จักครอบครัวหนานไตรอย่างดี แต่แววตาหนานไตรไม่แคร์ มีแต่ความมั่นใจในตัวเอง
แม่นายศรีวัลลาตื่นแต่เช้า เดินนำธรรพ์เข้ามาในสวนสวยบ้านหิมวัต เอ่ยถามเสียงเข้ม
“ปางไม้นั่นมันมีอะไรดี พี่ชายแกถึงไม่ยอมออกมา”
“แม่นายก็รู้นี่ครับ พี่ไตรเค้าชอบเรื่องท้าทาย ยิงนก ตกปลา ล่าสัตว์ นิสัยเค้าไม่ชอบอยู่เฉยๆ นั่งเฝ้าโต๊ะในสำนักงาน”
“แกก็แก้ตัวให้พี่ชายตั้งแต่เด็กจนโตนะ ธรรพ์ ฉันไม่สนว่าณไตรจะชอบอะไร เพราะฉันจะเลือกทุกอย่าง ให้คนที่ฉันรัก ด้วยมือของฉันเอง”
ธรรพ์มองแม่นายที่มีสีหน้าเป็นเชิงกำชับและบังคับ
“วันนี้ไปเอาตัวพี่ชายแกออกมาจากปาง แม่จะให้ณไตรเจอหนูแขไข แล้วจะได้คุยเรื่องงานหมั้นงานแต่งให้เสร็จไปเลย”
ธรรพ์มองนิ่ง สีหน้าไม่ค่อยมั่นใจว่าจะทำได้อย่างที่แม่นายสั่ง
อ่านต่อหน้า 4
เพลิงฉิมพลี ตอนที่ 1 (ต่อ)
วันเดียวกัน หนานไตรมองเนื้อนางที่นั่งตรงข้าม โดยหมอทัตเทพกำลังฉีดยาให้หมื่นหล้าอีกเข็ม คำฝายมองหมอตาปรอย ทัตเทพยิ้มให้ คำฝายเขิน อายม้วน
“ไปหาหมอในเวียงทีไร ไม่เคยเจอหมอหนุ่มๆ ยิ้มหวานๆ แบบนี้สักเทื้อ”
ทัตเทพหัวเราะ คำฝายปิดหน้าเขิน
“หน้าอย่างเอ็ง หมอเค้าเห็น ก็พากันวิ่งหนีทั้งโรงพยาบาล” หมื่นหล้าด่าอย่างหมั่นไส้
คำฝายค่อนขอด “แหม...พอได้ยาหมอ เสียงด่าชัดแจ๋วเลยนะพ่ออุ๊ย”
“ทำกับข้าวเสร็จหรือยัง”
“เสร็จแล้ว พ่ออุ๊ยจะกินเลยมั้ย”
หมื่นหล้าบอก “ข้าจะให้ยกขันโตกขึ้นไปให้คุณหนานไตรกับคุณหมอบนเรือนใหญ่”
หนานไตรเกรงใจ “ไม่เป็นไร หมื่นหล้า ผมกินตรงนี้ก็ได้”
“ไม่เหมาะสม” ชายชราว่า
“ผมไม่ถือ”
หนานไตรตอบตัดบทดื้อๆ เนื้อนางมองหนานไตรท่าทีอึดอัดที่เขาไม่ยอมเชื่อหมื่นหล้า
“แต่ผมถือ ขอสูมาเต๊อะ”
หมื่นหล้าพูดขึ้นเสียงจริงจัง หนานไตรต้องฟัง
“คุณเป็นนาย แค่พาหมอมารักษาผมถึงนี่ ก็เมตตามากแล้ว อย่าให้พวกเราต้องอึดอัด ต้องถูกคนอื่นนินทา ว่าไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง”
“ผมไม่ได้สูงกว่าทุกคนที่นี่ เราเป็นคนเหมือนกัน ผมมีหน้าที่เป็นผู้จัดการ ดูแลทุกอย่างในปางนี้ ดูแลให้ทุกคนกินอิ่ม นอนหลับ ทำงานอย่างมีความสุขแล้วผมก็คิดว่าผมทำถูก ที่พาหมอมารักษา หมื่นหล้า ควาญที่ทุกคนในปางให้ความนับถือสูงสุด”
หมื่นหล้าฟังแล้วเถียงไม่ได้อีก เนื้อนางมองหนานไตรด้วยสายตาซาบซึ้งใจ
หนานไตรเดินมากับเนื้อนาง คำฝายเดินบิด ส่งตาหวานให้หมอทัตเทพตลอด
“ผมให้ยาไว้แล้ว ทานให้ครบนะครับ อย่าให้ขาดสักมื้อ” หมอทัตเทพกำชับ
เนื้อนาง และคำฝายยกมือไหว้หมอ
“ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ”
“ขอบคุณ” หมอทัตเทพมองเพื่อน “หนานไตรดีกว่าครับ...เค้าเป็นห่วงหมื่นหล้ามาก”
เนื้อนางมองไป หนานไตรมองทอดสายตามาที่เนื้อนางอยู่แล้ว
แสงคำถือกิ่งสมุนไพรเดินมา พอเห็นหนานไตรยืนอยู่ ก็เดินเร็วเข้ามายืนข้างเนื้อนาง
“อ้ายเอาสมุนไพรมาให้หมื่นหล้า เห็นวันก่อนบ่นว่าปวดเมื่อย”
“เอากลับไปเถอะ พ่ออุ๊ยหายแล้ว หมอทัตเทพเปิ้นเป็นหมอเทวดาลงมาจุติในใจคำฝาย”
คำฝายชมหมอทัตเทพแล้วอายม้วน
แสงคำหันไปมองเนื้อนาง
“เอามาก็ได้จ้ะ อ้ายแสงคำ วันหลังเนื้อนางจะต้มให้ตากิน”
เนื้อนางรับสมุนไพรจากมือแสงคำ หนานไตรมองจ้อง
“อ้ายขอไปดูพ่ออุ๊ย” แสงคำบอก
เนื้อนางหันหลังเดินนำไป หนานไตรมองตาม
“คำฝาย ไปด้วยสิ”
“คำฝายจะรอส่งหมอทัตเทพ”
หนานไตรมองจ้องเพื่อนเป็นเชิงบอก ทัตเทพรีบหันไปทางคำฝาย
“ผมไปแล้วนะครับ”
ทัตเทพเดินไปเลย คำฝายงง หนานไตรย้ำอีกที
“คำฝายรีบไปดูหมื่นหล้าสิ”
หนานไตรสั่งแต่ตามองแสงคำที่เดินไปกับเนื้อนาง
คำฝายมองตามสายตาหนานไตร แล้วรีบหันหลัง วิ่งตามไป
หนานไตรมองตามไปอย่างเคืองขุ่น ที่เห็นเนื้อนางให้ความสนิทสนมกับแสงคำเต็มที่
หมอทัตเทพกำลังเดินมาขึ้นรถที่หน้าเรือนพัก มองเห็นหนานไตรที่เดินตามมาหน้าบอกบุญไม่รับ
“แกหึงควาญช้างคนนั้นเหรอวะ ไหนจะยังตาของเนื้อนางที่ตั้งป้อมไว้สูงลิบลิ่ว เพราะว่าแกเป็นคนเมือง ไม่ใช่คนที่นี่อย่างพวกเค้า”
หนานไตรตัดบท “แกจะรีบกลับโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ ไอ้หมอทัตเทพ”
“ใช้เสร็จ ก็ไล่ส่ง ดีจริงๆ เพื่อนรัก” ทัตเทพเดินเข้าใกล้ “แกไม่ใช่หนานไตรอย่างที่แกอยากเป็น แกคือพ่อเลี้ยงณไตร จากตระกูลหิมวัต วันนึงทุกคนที่นี่ก็ต้องรู้ความจริง”
ทัตเทพเดินไปขึ้นรถ คนงานขับออกไปส่ง หนานไตรฟังแล้วยิ่งหงุดหงิด
ทางด้านแม่นายศรีวัลลายืนมองดาวเด่นที่นอนป่วยซม ไข้ขึ้น โดยมีแขไขคอยกุมมือใกล้ๆ ธรรพ์ยืนอยู่ข้างแม่นายที่เอ่ยเสียงเรียบ แฝงความไม่พอใจไว้
“เสียดายนะคะ ธรรพ์อุตส่าห์เตรียมรถจะพาหนูแขไปที่ปาง”
คุณหญิงมาลัยชักสีหน้า มองเมิน ท่านนายพลเอามืออังหน้าผากดาวเด่นอย่างเป็นห่วง
“ไปเลยดีกว่าค่ะ ไม่ต้องห่วงยายดาวเด่นหรอก ขี้โรค กระเสาะกระแสะอย่างนี้ทุกที” คุณหญิงเรียก “แขไข”
แขไขมองแม่ คุณหญิงมาลัยจ้องเป็นเชิงสั่ง
“ไปที่ปางเถอะจ้ะ...ไม่ต้องห่วงดาวเด่น”
ดาวเด่นเห็นแววตาดุของคุณหญิงแล้วดึงมือพี่ไว้ ไม่ยอมปล่อย แขไขมองน้อง เห็นแววตาดาวเด่นขอร้องเต็มที่ ธรรพ์มองแขไขที่ลำบากใจ
“รอให้น้องดาวเด่นหายก่อนดีกว่าครับ คุณแขจะได้สบายใจ”
คุณหญิงกับแม่นายชักสีหน้าไม่ค่อยพอใจ ธรรพ์มองสงสาร ดูออกว่าแขไขห่วงน้องมาก
ขณะที่หนานไตรกำลังตรวจดูบัญชีอยู่บนเรือน แลเห็นคนงานชายแบกท่อนไม้เดินผ่านหน้าเรือนไปหลายคน
“ม่อนดอย...คนงานพวกนั้นจะเอาไม้ไปไหน”
ม่อนดอยชะเง้อมอง
“ไม่รู้เหมือนกันครับ นายว่าเค้าจะเอาไปทำอะไรล่ะครับ”
หนานไตรไม่สนใจคำถามม่อนดอย วิ่งลงจากเรือน
“อ้าว นายนะนาย ม่อนดอยถามอะไรก็ไม่ตอบอีกแล้ว”
ม่อนดอยบ่นแล้วรีบวิ่งตามไปแทบไม่ทัน
หนานไตรเดินเร็วรี่ตามมา จนเห็นแสงคำกำลังตั้งเสาสี่ด้าน ปลูกโรงเรือนเล็กๆ อยู่กับเหล่าคนงานชาย โดยมีเนื้อนางคอยช่วยส่งค้อน ส่งตะปู คำฝายหันมาเห็นหนานไตรกับม่อนดอยก็รีบวิ่งมาหา
“อ้ายแสงคำกำลังสร้างโรงเรียนให้ละอ่อนน้อย”
“ใครสั่งให้สร้าง” หนานไตรเสียงขุ่น
“บ่มีไผสั่งหรอกค่ะ คำฝายได้ยินเนื้อนางคุยกับแสงคำ”
หนานไตรมอง คำฝายทำเป็นกระซิบกระซาบ
“พอเนื้อนางบอกว่าอยากเป็นครู อ้ายแสงคำก็เลยไปบอกพวกควาญมาช่วยกันสร้างโรงเรียน”
หนานไตรฟังแล้วเดินเร็วรี่เข้าไปทันที ม่อนดอยมองสยอง พูดกับคำฝาย
“เดือด...งานนี้มันเดือดปุดๆ”
คำฝายงง “ใคร...ใครต้มน้ำร้อน”
“โธ่ คำฝาย ...รู้จักมั้ย ฉันเปรียบเทียบ ตอนนี้อารมณ์นายหนานไตร ปุดๆ ร้อนยิ่งกว่าน้ำเดือดแล้ว”
เนื้อนางหน้าเสียเมื่อ หันไปเห็นหนานไตรเดินเข้ามามองแสงคำกับพวกกำลังทำงาน
“ไม่เคยรู้ว่าคุณอยากเป็นครู”
“อยากเป็น แต่ไม่มีโอกาสหรอกค่ะ ฉันจบแค่มอศอสาม ไม่ได้เรียนต่อ ที่จริงพ่ออยากให้ฉันเรียนสูงๆ พ่อบอกว่าความรู้จะทำให้เราไม่ตกเป็นทาสใคร”
“พ่อคุณเป็นคนดีมาก”
“คุณหนานไตรไม่ว่าใช่มั้ยคะ ถ้าอ้ายแสงคำจะสร้างโรงเรียนให้ละอ่อนน้อยลูกคนงาน”
หนานไตรยังไม่ทันตอบ กำปุ้ง สร้อยฟ้า และรัญจวนวิ่งนำมา
“นี่ทำอะไรกัน คุณหนานไตรสั่งให้สร้างเหรอคะ”
เนื้อนางมองว่าหนานไตรจะพูดอะไร หนานไตรยิ้ม
“ครับ มีโรงเรียนเล็กๆ ในปาง...เด็กๆจะได้เรียนหนังสือ เนื้อนางจะได้เป็นครู”
หนานไตรทอดสายตามองไปยังเนื้อนางนิ่งนาน เนื้อนางมองด้วยสายตาขอบคุณที่หนานไตรไม่ขัดขวาง
แขไขเดินออกมาจากในห้องพัก หยุดยืนอยู่มุมหนึ่งในบ้านหิมวัต ท่าทางเหนื่อยๆ ธรรพ์เดินถือถ้วยชามา พร้อมรอยยิ้ม
“ขอโทษนะคะ พี่ธรรพ์เลยไม่ได้ไปปางไม้”
“ไม่เป็นไรหอกครับ อาการน้องดาวเด่นสำคัญกว่า”
แขไขหน้าเศร้า ธรรพ์มองสงสาร ยื่นแก้วชาให้แขไข
“ชาร้อนน่ะครับ ผมเอามาให้เผื่อคุณแขจะได้สดชื่น”
“แขไม่ชอบทานชา มันขม”
ธรรพ์หน้าเจื่อนลง แขไขเห็นรีบยิ้มเอาใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ธรรพ์ชงมาแล้ว แขชิมหน่อยดีกว่า”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปเปลี่ยนเป็นน้ำผลไม้มาให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ แขทานได้”
แขไขกับธรรพ์ต่างยึดยื้อแก้วชา แขไขดึงแรง แก้วชาหลุดมือตกพื้น น้ำชาร้อนๆหกรดไปโดนมือธรรพ์
“ตายแล้ว น้ำร้อนลวกมือพี่ธรรพ์หรือเปล่าคะ”
ธรรพ์สะบัดมือรีบแก้ตัวทันที “ไม่ร้อนเท่าไหร่ครับ
แขไขมองไม่เชื่อนัก
เวลาผ่านไป โรงเรือน โรงเรียนเล็กๆ สร้างง่ายๆ ตั้งเสามุงหลังคาจนแล้วเสร็จ หนานไตรกับแสงคำยืนกันคนละด้านของโรงเรียน สองสายตามองไปที่เนื้อนางเป็นจุดเดียว เนื้อนางยืนอยู่ด้านหน้า กำลังสอนเด็กๆ ลูกคนงานร้องเพลง
“เด็กชายคำกวัก เกิดมาจากภูเขา ภูมิลำเนาเป็นชาวดอย ตัวผอมๆ น้อยๆ จ่อยๆ ไม่รู้จักโต โอ้โห พุทโธ ธัมโม สังโฆ โตแต่หัวพุงโรก้นปอด”
เด็กๆ พากันร้อง และทำท่าตาม เสียงดังสดใส กำปุ้ง สร้อยฟ้า และรัญจวนพากันเบะปาก หมั่นไส้
“ดัดจริตอยากเป็นแม่พิมพ์ของชาติ”
กำปุ้งสะบัดหน้าเจอคำฝายเงื้อมือ กำปุ้งเงื้อตอบ
“ตบมันเลย กำปุ้ง” รัญจวนบอก
“อยากโดนตบหน้าเบี้ยวให้ละอ่อนมันหัวเราะ ก็เข้ามาเลย”
ม่อนดอยรีบเข้ามาขวาง ทำท่าเหมือนที่เนื้อนางสอนเด็กๆ
“เด็กชายคำกวัก เกิดมาจากภูเขา ภูมิลำเนาเป็นชาวดอย ตัวผอมๆ น้อยๆ จ่อยๆ ไม่รู้จักโต โอ้โห พุทโธ ธัมโม สังโฆ โตแต่หัวพุงโรก้นปอด”
กำปุ้งกับคำฝายตบผัวะลงไปที่หน้าม่อนดอยคนละด้าน ร่างม่อนดอยถึงกับร่วงลงคาที่
หนานไตรมองเนื้อนางที่สอนเด็กๆ ร้องเพลง แสงคำยิ้มเยาะข้ามมาทางหนานไตร
หนานไตรมองรอยยิ้มที่แสงคำมองมาแล้วรู้สึกร้อนใจ ทนไม่ได้
ที่เก้าอี้สนามในสวนสวยบ้านหิมวัตยามนี้ ธรรพ์มองแขไขที่กำลังทายาแก้พองให้ลงบนมือ
“แสบมั้ยคะ”
“ไม่แสบครับ”
แขไขยิ้มสดใส “นี่ถ้าพี่ธรรพ์มือเจ็บเพราะแข แขคงรู้สึกผิดมากเลยค่ะ”
ธรรพ์มองรอยยิ้มสดใสของแขไขอย่างประทับใจ
จู่ๆ ร่างสูงของหนานไตรเดินเข้ามา แขไขหันไปมอง สีหน้าตื่น ดีใจมาก
“พี่ณไตร”
ธรรพ์หันไปมองอย่างแปลกใจ หนานไตรมองน้องชายแล้วถามขึ้น
“ตกใจมากเหรอ ธรรพ์”
ธรรพ์ยิ้มเย้า “ยิ่งกว่าเห็นผีกลางวันแสกๆ อีกครับ”
หนานไตรหันไปมองทางแขไข แล้วยิ้มให้ แขไขถึงกับเขิน ทำตัวไม่ถูก
“กลับมาได้แล้วเหรอ ณไตร แม่กำลังคิดถึงลูกพอดี”
หนานไตรหันไปมองเห็นแม่นายศรีวัลลาที่ก้าวออกมา รอยยิ้มแม่นายทำให้หนานไตรหนาวๆร้อนๆ
ในห้องแม่นายศรีวัลลาบนเรือนใหญ่ หนานไตรปฏิเสธคำสั่งแม่เด็ดขาด
“ผมไม่แต่งงานกับแขไข”
“เมื่อไหร่แกจะเลิกต่อต้านแม่ ณไตร”
“ผมไม่ได้ต่อต้านแม่ครับ ผมอยากทำงาน”
“แม่ก็ไม่ได้ห้ามแกให้หยุดทำงานนี่ ดีเสียอีก แกจะได้มีเมียคอยดูแลทีนี้แกจะทุ่มกับงานมากแค่ไหน แม่ก็ไม่ว่า”
“ผมไม่ได้รักน้องแข”
“ฉันไม่ว่าหรอก ที่แกยังไม่รักหนูแขไข ก็แกเพิ่งเจอกับเค้า”
หนานไตรมองแม่นายที่ยิ้มให้
“แกไม่ต้องกลับไปที่ปางอีกแล้วนะ อยู่ที่นี่ ทำความสนิทสนมกับหนูแขไขซะ ฉันจะไปหาฤกษ์หายามงานหมั้น งานแต่งกับคุณหญิงมาลัยเอง”
“แม่นาย! ผมไม่แต่งงานกับแขไข ผมไม่เคยรัก ไม่เคยรู้จักแขไข ไม่มีเหตุผลที่แม่นายจะจับผมคลุมถุงชน”
“ฉันเป็นแม่นาย เป็นคนดูแลอาณาจักรหิมวัตแทนพ่อแกที่ตายไปแล้ว เพราะฉะนั้นฉันจะเป็นคนเลือกสะใภ้ที่จะมาอยู่ร่วมตระกูลด้วยตัวชั้นเอง เอาสิ ณไตร ถ้าแกกลับไป ฉันจะสั่งคนไปเผามันทั้งปาง ดูสิ แกจะหนีไปซุกตัวที่ไหนได้อีก”
หนานไตรมองไม่พอใจ หันหลังเดินออกไป สวนกับธรรพ์ที่เดินเข้ามา
ธรรพ์มองสีหน้าแม่นายก็รู้ว่ากำลังโกรธจัด
“ฉันนึกแล้วว่าพี่ชายแกต้องไม่ยอมง่ายๆ”
“ให้เวลาพี่ไตรหน่อยนะครับ แม่นาย ผมจะพูดกับพี่ให้เอง”
“ดีที่แม่มีแกนะ ธรรพ์ แกเป็นลูกชายที่ไม่เคยทำให้แม่เดือดร้อนใจเลย”
ธรรพ์ยิ้ม แม่นายกำชับสั่งธรรพ์
“ไปคุยเรื่องหนูแขไขกับณไตรให้แม่ด้วย ยังไงแม่ก็ต้องได้หนูแขไขมาเป็นสะใภ้คนโต”
แม่นายสั่ง ธรรพ์มองอย่างหนักใจ
หนานไตรเดินเร็วเป็นพายุออกมาในสวน สีหน้าโมโหสุดขีด เห็นกระถางต้นไม้ใบเล็ก ก็ทุ่มลงกับพื้น กระถางตกแตกกระจาย
แขไขเดินเข้ามาเห็นก็ตกใจ “พี่ณไตร”
หนานไตรหันไปมองแขไข แล้วยืนตรง ระงับอารมณ์
“ขอโทษครับ เดี๋ยวผมจะเรียกบัวผุดมาเก็บ”
หนานไตรทำท่าจะเดินออกไป แขไขเดินตาม
“พี่ณไตรทะเลาะกับแม่นายมาเหรอคะ”
หนานไตรหันมามองด้วยสายตาคมปลาบ แขไขรีบอธิบาย
“แขไขไม่ได้แอบฟังนะคะ แขไขได้ยินเสียงดังออกมา”
หนานไตรฝืนยิ้ม เปลี่ยนเรื่อง
“อยู่ที่นี่ นายธรรพ์ดูแลน้องแขดีมั้ยครับ มันพาไปเที่ยวน้ำตกหรือยัง”
“ไปแล้วค่ะ ที่จริงวันนี้เรากำลังจะไปที่ปางไม้”
“อย่าไปเลยครับ” หนานไตรห้าม แขไขหน้าเสีย
“ที่นั่นไม่มีอะไรน่าสนุกสำหรับน้องแข”
หนานไตรยิ้มให้แขไขนิดเดียวแล้วเดินออกไปเลย แขไขมองตามสีหน้าผิดหวัง ดาวเด่นที่แอบอยู่ ขยับออกมา
“คุณณไตรเค้าไม่อยากแต่งงานกับพี่”
แขไขหันไปมองแล้วดุน้องทันที
“อย่ารู้มาก น้องดาว”
“ใครๆ ก็ดูออก”
“น้องดาว! กลับไปนอน ไม่สบายอยู่ใช่มั้ย”
“กลับบ้านเถอะ พี่แข ในพระนครมีผู้ชายที่ชอบพี่แขตั้งหลายคน ทำไมต้องมาง้อคนที่เค้าไม่อยากแต่งงานด้วย”
“กลับเข้าห้องไป”
แขไขเสียงแข็งใส่น้อง ดาวเด่นรู้ว่าพี่สาวโกรธมาก ก็รีบหันหลังกลับเข้าไป แขไขมองหน้าเชิด
สองแม่ลูกคุยกันอยู่ตรงมุมหนึ่งในบ้านหิมวัต คุณหญิงมาลัยกุมมือลูกสาวไว้ สีหน้าไม่ยอมแพ้
“แม่พาลูกแขขึ้นมาถึงนี่ เรื่องอะไรจะกลับไปให้อายคนทั้งวงสังคม ว่าเราไม่ได้แต่งงานกับพวกหิมวัต”
“พี่ณไตรไม่รักแข แขไม่วิ่งตามผู้ชายนะคะ แม่”
“ลูกไม่ต้องทำอะไรเลย แขไข ลูกสาวของแม่จะต้องสูงสง่าสมกับเป็นลูกหลานเจ้าพระยา ศรีวัลลาต่างหากที่เป็นหนี้บุญคุณครอบครัวเรา เค้าจะต้องดึงณไตรลงมากองแทบเท้าลูกสาวแม่”
แขไขมองแม่แล้วคลี่ยิ้มอย่างมีความหวัง
ฝ่ายหนานไตรก้มลงกราบแทบเท้า พ่อเลี้ยงอินถา ที่นอนป่วยอยู่บนเตียง พ่อเลี้ยงอินถาพอเห็นหน้าหลานรักก็น้ำตาคลอ
“ณไตร หลานเองเหรอ”
ณไตรขยับมาใกล้ พ่อเลี้ยงอินถาลูบหัวหลานรัก ธรรพ์ยืนอยู่อีกด้านของเตียง มองภาพพี่ชายกับคุณปู่ด้วยรอยยิ้ม
“ธรรพ์บอกผมว่าคุณปู่อาการดีขึ้น”
“ธรรพ์...มันเหมือนบุรุษพยาบาล คอยมาเยี่ยมปู่แทนแม่แก”
อินถาเริ่มหอบ หนานไตรเตือน
“คุณปู่พักก่อนนะครับ”
“ณไตร”
อินถาจับมือหลานรักไว้ ธรรพ์มองปู่ที่ฝากฝังความหวังไว้ที่พี่ชาย
“ดูแลทุกอย่างของเราให้ดี อย่าให้ตกเป็นของคนอื่น”
วันดีแม่บ้านสาวใหญ่อีกคนเดินถือถาดยาเข้ามา กับจันตาที่ถือถาดอาหารมองสังเกตอาการอินถา
อินถาหอบรุนแรง ธรรพ์รีบเรียกหายา
“ยาแก้หอบของคุณปู่”
วันดีหันไปล้วงยาจากลิ้นชัก ส่งให้ธรรพ์
“คุณปู่ พ่นยาก่อนนะครับ”
อินถาปัดมือธรรพ์ออก แล้วมองณไตร
“รักษาสมบัติของเราไว้ให้ดี ณไตร”
“ครับ คุณปู่”
พ่อเลี้ยงอินถาออกอาการหอบรุนแรงอีก ธรรพ์เข้ามาเอายาพ่น อินถาพยายามปัดมือ แต่ธรรพ์ทำอย่างนุ่มนวลจนอินถาสูดยาเข้าไปในที่สุด
ธรรพ์มองแล้วถอยห่าง ส่งยาให้วันดีที่หมอบรอ
จันตามองทุกเหตุการณ์อย่างจับสังเกตแล้วผลุบหายออกไป
อินถาผ่อนลมหายใจและหลับลง หนานไตรมองปู่ด้วยความรักและเป็นห่วง
ถัดจากนั้น แม่นายศรีวัลลามองจันตาที่ขยับเข้ามาใกล้ จีบปากจีบคอรายงาน
“จันตาแอบดูอยู่เจ้า คุณณไตรไม่ยอมเข้าใกล้คุณแขไขเลย พอออกจากห้องพ่อเลี้ยงอินถา ก็เข้าห้องเก็บตัวเงียบ”
“แกได้ยินหรือเปล่าว่าพ่อเลี้ยงอินถามันพูดอะไรกับณไตร”
“พ่อเลี้ยงสั่งให้คุณณไตรดูแลสมบัติทุกอย่าง อย่าให้ตกไปถึงมือคนอื่น”
“มันคงเห็นฉันเป็นคนอื่น กลัวว่าฉันจะแย่งมรดกที่แบ่งให้หลานรัก ถึงได้คอยเสี้ยมสอนให้ลูกชายแข็งข้อกับฉัน ฉันล่ะเกลียดมันนัก ไอ้พ่อเลี้ยงอินถา เมื่อไหร่มันจะตายๆไปซะที นอนเป็นผักเน่า เปลืองค่ารักษาอยู่ได้!! จันตา”
“ขา แม่นาย”
“คอยดูณไตรไว้ สั่งคนงานทุกคน อย่าให้ณไตรหนีออกไปนอกบ้านได้อีก”
“เจ้าค่ะ แม่นาย”
จันตารับคำแม่นายที่สายตากร้าว หวังว่าจะบังคับลูกชายให้แต่งงานกับคนที่เลือกไว้ให้จงได้
หนานไตรยืนกอดอกมองไปนอกหน้าต่าง วันดีเดินถือถาดอาหารว่างเข้ามา หนานไตรหันมาเห็นวันดีก็ยิ้มให้
“ฝากคุณปู่ด้วยนะครับ ป้าวันดี”
“โถ คุณหนูไม่ต้องฝาก ป้าก็ต้องดูแลท่านอย่างดีที่สุดอยู่แล้วเจ้า พ่อเลี้ยงอินถาท่านเป็นร่มไม้ใหญ่ให้นกกาอย่างป้ามาตลอดชีวิต”
วันดีมองหนานไตรด้วยสายตาซาบซึ้ง หนานไตรยิ้มขอบคุณ
แดดยามเย็นสาดไปทั่วโรงเรียนหลังเล็กๆ ในปาง กลางแสงอัสดง เนื้อนางทอดสายตามองเหม่อไปไกล มีเด็กๆพากันวิ่งเล่นไปรอบๆ
“เหนื่อยมั้ย คุณครูเนื้อนาง” แสงคำหยอกล้อ
เนื้อนางยิ้มเขินอาย “อย่าล้อเนื้อนางสิ อ้ายแสงคำ”
คำฝายกับม่อนดอยเดินเถียงกันเข้ามา
“แกไม่รู้ได้ไง เป็นคนสนิทหนานไตรแท้ๆ นายไปไหนมาไหน ทำไมไม่บอกแกไว้”
“อ้าว ตกลงนี่ฉันเป็นนายหรือเป็นขี้ข้า นายเค้าจะมาบอกฉันทำไม”
“คุณหนานไตรไม่อยู่เหรอ”
แสงคำเหลียวมองเนื้อนางที่ถามขึ้น
“หายไปตั้งแต่บ่ายแล้ว เนื้อนางมัวสอนหนังสือน่ะสิ เลยไม่รู้” คำฝายว่า
“เค้าก็คงมีธุระของเค้า”
“หรือว่าจะไปแอ่วสาว” คำฝายว่า
แสงคำมองจับสังเกต เห็นเนื้อนางมีสีหน้าเฉยๆ ก็โล่งใจ
“จริงด้วย นายนะนาย ไปแอ่วสาวดอยอื่น ไม่มีชวนกันเลย”
ม่อนดอยทำท่าหงุดหงิด คำฝายมองหมั่นไส้
เนื้อนางหันไปมองทางอื่น ซ่อนความรู้สึกอยากรู้เรื่องหนานไตรไว้ไม่ยอมให้แสงคำหรือใครๆ เห็น
ยามเย็น หนานไตรเดินเล่นอยู่ในสวน ปล่อยใจคิดถึงปางไม้ ธรรพ์เดินเข้ามา หนานไตรหันมองสีหน้าน้องชายก็เดาออกทันที
“คิดจะมากล่อมฉันแทนแม่นายล่ะสิ”
“ที่จริงพี่ไตรจะหนีไป ไม่กลับมาบ้านเลยก็ได้นี่ครับ”
“ที่ฉันกลับมา ไม่ใช่ว่าจะมาดูหน้า ว่าที่เจ้าสาวที่แม่นายยัดเยียดให้หรอก บุญคุณมันควรจะตอบแทนกันด้วยวิธีอื่น ไม่ใช่เอาตัวเข้าไปแต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รัก”
“พี่พูดเหมือนมีผู้หญิงที่รักอยู่แล้ว”
หนานไตรเงียบไป ธรรพ์มองพี่ชาย
“คุณแขเธอก็เป็นคนดีนะครับ”
“ความดีกับความรัก มันคนละเรื่อง”
“พี่ไตรไม่ลองให้โอกาสคุณแขหน่อยเหรอครับ ไม่เสียหายอะไรเลย ถ้ามีอะไรไปกันไม่ได้ ก็ถือว่าได้เปิดโอกาสรู้จักกันแล้ว”
“แกนี่มันกล่อมฉันได้ทุกทีจริงๆ ไอ้ธรรพ์”
ธรรพ์ยิ้มขัน ไม่ทันเห็นว่าแววตาหนานไตรมีแผนบางอย่าง
“พรุ่งนี้ฉันจะลองพาน้องแขออกไปเที่ยวในเวียง ดูสิว่า เราจะเข้ากันได้แค่ไหน”
ค่ำคืนนี้แสงจันทร์ส่องลงมา สว่างไปทั่วบริเวณเรือนพักคนงานที่ปลูกเรียงกัน
ยินเสียงสะล้อดังล่องลอยมา ใต้แสงตะเกียงเจ้าพายุ เนื้อนางกำลังนั่งชุนผ้า มีคำฝายนั่งใกล้
แสงคำกับม่อนดอยเดินเล่นดนตรีกับชายหนุ่มคนอื่นๆ มายังเรือนพักคนงานหญิงมีสาวๆ มานั่ง คอยให้ชายหนุ่มมาแอ่ว มาพูดคุยด้วย
เสียงสะล้อของหนุ่มที่เล่นดนตรีนำมาก่อน ฟังหวานแว่วไพเราะเพราะพริ้ง
แสงคำเดินมานั่งลงตรงหน้าเนื้อนาง ที่ชุนผ้าอยู่ เนื้อนางเงยหน้ามองแสงคำ คำฝายเล็งอยู่ขยับมาใกล้ไม่ยอมให้แสงคำได้อยู่กับเนื้อนางสองต่อสอง
เสียงเพลงสะล้อแอ่วสาวในปาง ดังล่อยลอยไปทั่วทั้งดอยสูง
ในขณะเดียวกัน หนานไตรเดินออกมาในสวน จะแหงนหน้ามองพระจันทร์ แต่ในหางตาเห็นแขไขในชุดนอนเบาบางยืนอยู่
หนานไตรจะถอยกลับ แขไขหันมาเห็นก็รีบชวนคุย
“แขไม่เคยเห็นพระจันทร์ดวงโตขนาดนี้มาก่อนเลยค่ะ”
หนานไตรจำต้องเดินมาทางแขไขไม่ให้เสียมารยาท
“บนดอย พระจันทร์ดวงใหญ่กว่านี้อีกครับ”
แขไขหันมองหนานไตร สายตาตัดพ้อ
จันตาที่แอบซุ่มมองอยู่ด้านหนึ่ง ถอยย่องจะกลับเข้าไปรายงานแม่นาย แต่เจอวันดีที่เดินผ่านมาหยุดมอง
“มองหาพระแสงอะไร วันดี”
“แกล่ะ จันตา มาแอบมองเจ้านายคุยกันหาพระแสงอะไร”
“ฉันจะฟ้องแม่นาย อย่านึกว่าคุณณไตรจะปกป้องแกได้ แม่นายต่างหากที่ใหญ่สุดในบ้านนี้”
จันตาวิ่งหายเข้าไปด้านใน วันดีมองตามด้วยสายตาเยือกเย็น แล้วหันกลับมามองทางหนานไตร
กับแขไขที่ยืนมองพระจันทร์อยู่ด้วยกัน แล้วค่อยๆ หลบออกไป
แขไขมองหนานไตรแล้วถามขึ้นน้ำเสียงงอนๆ
“ที่ปางไม้คงสวย สงบ จนพี่ณไตรไม่อยากกลับมาที่นี่”
“ครับ ที่นั่นมีแต่ความสงบ มีความสวยงามที่เรานึกไม่ถึง”
หนานไตรหันมา เห็นสายตาตัดพ้อของแขไข ก็เปลี่ยนเรื่องคุย
“พรุ่งนี้ น้องแขอยากไปเที่ยวในเวียงมั้ยครับ มีร้านอาหารพื้นเมืองอร่อยๆ มีร้านผ้าไหมสวยๆ”
“พี่ณไตรจะพาแขไปเที่ยวเหรอคะ” แขไขเนื้อเต้น
“ครับ...พี่จะพาน้องแขไปเที่ยว”
แขไขฟังด้วยสีหน้าสุดปลื้ม หนานไตรยิ้มหล่อซ่อนแผนการร้ายบางอย่างไว้ในใจ
เช้าวันถัดมา แขไขสะอื้นโฮออกมาต่อหน้าทุกคน ธรรพ์มองอย่างสงสาร คุณหญิงมาลัยถามเสียงสูงขึ้นทันที
“ว้าย ตาย ๆ ๆ ร้องห่มร้องไห้อะไรมากมายขนาดนั้นคะลูก พี่ณไตรพาไปซื้อของหรือไปงานศพกันคะ”
แขไขเล่าไปสะอื้นไปต่อหน้าแม่นายกับคุณหญิง
“พี่ณไตรพาแขไปซื้อของ แล้วก็ส่งแขขึ้นรถ บอกให้กลับมาคนเดียว”
คุณหญิงที่ฟังอยู่ ลุกพรวด กระชากเสียง หันไปถามแม่นายศรีวัลลา
“หา ทิ้งลูกสาวสุดที่รักของดั๊นนะคะคุณ”
“แย่มาก ทำไมณไตรถึงไม่ให้เกียรติหนูแขเลย”
“พี่ณไตรพาแขไปซื้อของตั้งหลายอย่าง ให้แขช่วยเลือกซื้อสมุด ของเด็กเล่น” แขไขว่า
แม่นายสงสัย “ของเด็กเล่น”
ธรรพ์รีบบอก “พี่ไตรคงจะเอาไปบริจาค”
“ไม่ใช่ค่ะ พี่ณไตรไม่ได้เอาไปบริจาค พี่ณไตรบอกแขว่าในปางไม้มีโรงเรียนมีครูผู้หญิงสอนหนังสือ”
แขไขเล่าด้วยสีหน้าเจ็บใจเป็นอย่างมาก
ที่โรงเรียนในปางเวลานี้ หนานไตรกำลังแกะกล่องหนังสือ ของเล่น เสื้อผ้าเด็ก มีม่อนดอย กะ คำฝายช่วยกันแจกเด็กที่เข้าแถวรอรับ กำปุ้ง สร้อยฟ้า และ รัญจวนพากันช่วยแกะกล่อง พากันแย่งหาของดีๆ
เด็กคนหนึ่งรับหนังสือแล้วทำหล่นพื้น หนานไตรกับเนื้อนางก้มลงเก็บหนังสือพร้อมๆ กัน สายตาหนานไตรสบตากับเนื้อนาง มือหนานไตรแตะบนมือเนื้อนางที่จับหนังสือพอดี
เนื้อนางรีบชักมือออก หนานไตรส่งหนังสือให้เด็ก เนื้อนางมองแล้วถามขึ้น
“คุณหายไปในเวียง ไปซื้อหนังสือ ซื้อของเล่นมาให้เด็กๆ เหรอคะ”
“ผมเห็นโรงเรียนยังไม่มีสมุด หนังสือ กลัวครูคนใหม่จะสอนได้ไม่เต็มที่”
หนานไตรมองเนื้อนางด้วยสายตาลึกซึ้ง จนเนื้อนางต้องหลบสายตา
“อีกหน่อยฉันคงต้องฝากคุณซื้อหนังสือเรียนของฉัน”
“คุณอยากลงไปเลือกเองมั้ย เนื้อนาง ผมจะพาไป”
เนื้อนางหันกลับมามองหนานไตรที่ทอดเสียงถาม
จังหวะนี้ มีคนงานชายวิ่งหน้าตาตื่นมาจากอีกด้าน
“เสือ...เสือมันลงมาคาบลูกช้าง แสงคำกำลังตามล่ามันในป่า”
ทุกคนตกใจ หนานไตรรีบหันไปสั่งม่อนดอย
“ม่อนดอย ไปเอาปืนมาเร็ว”
ม่อนดอยวิ่งเร็วออกไปทันที
สร้อยฟ้าห้าม “อย่าไปนะคะ คุณหนานไตร เสือมันจะขบเอา”
“จริงด้วยค่ะ ให้พวกควาญมันล่าเสือน่ะดีแล้ว” กำปุ้งว่า
รัญจวนเสริม “คนไม่มีอาคม...ยิงมันไม่ได้หรอกนะคะ เสือมันมีวิญญาณ”
ทุกคนทำท่ากลัว แต่หนานไตรไม่สนใจ
“ผมจะไม่ปล่อยให้คนงานไปเสี่ยงอยู่ฝ่ายเดียว ผมมีหน้าที่รักษาดูแลที่นี่ มากกว่าทุกคนซะด้วยซ้ำ”
ม่อนดอยวิ่งกลับมา เอาปืนส่งให้ หนานไตรรับไว้
“ม่อนดอย เอาคำสั่งฉันไปบอกทุกคน สั่งปิดปาง อย่าให้ใครเข้าออก ระวังทุกด้าน”
หนานไตรหันไปทางคนงานชาย
“พาฉันไป เร็ว”
หนานไตรวิ่งออกไปกับคนงานชาย
คำฝายบ่น “โธ่เอ้ย คุณหนานไตร ใจร้อนไม่เคยฟังใคร คุณพระคุณเจ้า อย่าให้เสือมันทำอะไรคุณหนานไตรคนดีของพวกเราเลย”
สร้อยฟ้า กำปุ้ง และรัญจวนพากันพนมมือตามคำฝายไปด้วย เนื้อนางขยับเดินตามไปมองด้วยสายตาเป็นห่วง
ระเบิดลงตูมใหญ่ที่บ้านหิมวัต แม่นายศรีวัลลาหันมาสั่งเสียงนิ่ง แต่แววตาเต็มไปด้วยความโกรธ ทุกคนรู้สึกได้
“เอารถออกเดี๋ยวนี้ ฉันจะพาหนูแขไปเที่ยวปางไม้ ไปดูหน้าครูผู้หญิงที่ณไตรพูดถึง”
ธรรพ์ฟังแล้วสีหน้าไม่ดีนัก รู้ได้ถึงความยุ่งยากที่พี่ชายกำลังต้องเจอ
ฝ่ายฟากหนานไตรวิ่งตามคนงานชายลัดเลาะมาในป่า คนงานมองรอยเท้าเสือ แล้ววิ่งนำไปก่อน หนานไตรถือปืนวิ่งตามหลัง มองไปรอบๆ ด้วยความระวัง
เสียงเสือคำรามดังมาจากด้านหลัง หนานไตรหันไปเห็นเสือตัวใหญ่กระโจนผ่านหน้าไป หนานไตรหมอบลง เล็งปืนไปทางพุ่มไม้ที่เสือวิ่งหลบเข้าไป
บนต้นไม้ตอนนี้ แสงคำนั่งอยู่บนนั้นอย่างเงียบกริบ จ่อปืนเล็งลงมาที่หัวหนานไตรพอดิบพอดี
อ่านต่อตอนที่ 2