xs
xsm
sm
md
lg

ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 6

สุมทุมพุ่มไม้มุมหนึ่ง กิ่งไม้ถูกแหวกออก ดาวแอบมองไปที่หาญกับเดือน ณ ศาลาท่าน้ำ

"อีนี่อีกแล้วนะ อีกำเริบใฝ่สูง อ่อยคุณหาญอีกแล้วนะมึง...อีเดือน"
ดาวอิจฉามาก อยากเป็นคนที่คุยกับหาญตรงนั้น ดาวมองแล้วคิดจะทำให้ได้อย่างนั้นบ้าง แล้วหลบไป

เดือนเล่นเพลงจบ ปลายตาชำเลืองรู้ว่าหาญมองใบหน้าตนเองอยู่ เดือนเขิน รีบเก็บซอ จะไป
"จันทร์ล่วงไปมากโข น้ำค้างหยดแล้ว คุณหาญรีบขึ้นเรือนเถิดเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะไม่สบาย"
"เจ้าจะรีบหนีเราล่ะสิ ไม่ต้องมาทำเป็นห่วงเราหรอก"
"ดึกแล้ว อยู่กันลำพังหากใครมาเห็นเข้า คุณหาญจะเสียงามเจ้าค่ะ"
หาญขำเล็กๆ
"เจ้าต่างหากที่ต้องกังวล ชายหญิงอยู่สองต่อสอง มิรู้หรือว่าหมายความเยี่ยงไร"
เดือนก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย หน้าแดงก่ำ
"แม้ในแสงจันทร์ เราก็เห็นว่าเจ้าหน้าแดง"
เดือนซื่อใสจับใบหน้าตนเองซึ่งร้อนผ่าว ทำตัวไม่ถูก
"บ่าว...เอ้อ ไม่สบายแน่ๆ บ่าวขอตัวเจ้าค่ะ"
"เรามียารักษาอาการไม่สบายของเจ้า"
เดือนงงไป หน้ายังแดงไม่หาย ยิ่งสบตาหาญยิ่งรู้สึกใจเต้นรัว หน้าร้อนผ่าวยิ่งขึ้น หาญแอบขันในความใสซื่อของเดือน หาญจับมือเดือนข้างหนึ่ง วางขวดน้ำปรุงในมือเดือน
"ยาใจ"
เดือนตะลึงงัน
"น้ำปรุง"
"เราเห็นเจ้าพินิจอยู่นาน"
เดือนเขิน อึ้งไป ทำตัวไม่ถูก หาญจับมือเดือน เปิดขวดน้ำปรุง ยกขวดน้ำปรุงในมือเดือนไปใกล้จมูกเดือน ส่วนตนเองก็ยื่นจมูกไปใกล้เพื่อดมด้วยกัน
"กลิ่นนี้เจ้าชอบใช่หรือไม่"
เดือนเขินหนักตอบไม่ถูก ได้แต่พยักหน้า หาญมองหน้าเดือนสื่อความนัย
"เราก็ชอบ"
หาญดมน้ำปรุง แต่จมูกก็ใกล้แก้มเดือน
เดือนหัวใจเต้นรัว รีบยอบตัวลงต่ำ กระพุ่มมือจะกราบหาญ
"บ่าวขอบพระคุณคุณหาญเจ้าค่ะ"
หาญรีบจับตัวเดือนขึ้นก่อนที่เดือนจะกราบ
"ขอให้เจ้าใช้น้ำปรุงนี้แทนคำขอบใจก็พอ"
เดือนเขินจัด เก็บซอแล้วผละจากหาญ รีบมาจากศาลาท่าน้ำ หาญมองตามเดือน อย่างมีความสุข

ในเรือนนอน ดาวหลับอยู่ทางหนึ่ง เดือนเข้ามา สีหน้ามีความสุข เห็นดาวหลับอยู่ เดือนจึงค่อยย่อง ทำตัวเบาเพราะเกรงใจเพื่อน เดือนวางซอที่หลังตู้เรียบร้อย มองขวดน้ำปรุงในมือ ชื่นใจที่สุด เดือนมองหาที่เก็บ แต่ยังหาที่เหมาะสมไม่ได้
มีเสียงชื่นร้องดังก่อนตัวมาถึง
"นังดาวนังเดือน มาช่วยกันหน่อยเว้ย"
ชื่นเข้ามา เห็นเดือนยังไม่นอน แต่ดาวนอนอุตุอยู่ทางหนึ่ง
"แม่เบาๆหน่อยจ้ะ ดาวมันนอนแล้ว เดี๋ยวมันตื่น"
"ตื่นก็ดีสิ จะได้มาช่วยกันกวนน้ำตาลมะพร้าว พรุ่งนี้คุณแก้วจะทำขนมแต่เช้า"
"ฉันช่วยแม่เองจ้ะ ไม่ต้องปลุกดาวหรอก ให้ดาวนอนไปเถอะ คงเหนื่อยมาทั้งวัน"
ชื่นมองไปทางดาว เห็นว่านอนสบายใจเฉิบ และตนเสียงดังขนาดนี้ดาวก็ไม่มีทีท่าจะตื่น
"วันๆไม่เห็นมันทำงานอะไรหนักหนา หนอย เสียงดังขนาดนี้ยังไม่ตื่นมาช่วยกันนะอีนี่"
"น่าแม่ ปล่อยดาวนอนไปเถอะ ฉันช่วยแม่เองจ้ะ"
ชื่นหน่ายดาว ออกไปจากเรือน เดือนมองขวดน้ำปรุง เหน็บไว้ที่ชายพกเอว เก็บไว้กับตัวอุ่นใจกว่า แล้วตามแม่ออกไป
ดาวนอนรอจังหวะ แอบลืมตามอง เห็นว่าเดือนกับชื่นออกไปแล้ว ดาวลุกขึ้น มองไปที่ซอ ยิ้มร้าย

หาญดมมือตัวเอง ราวกับว่ายังได้กลิ่นน้ำปรุงและกลิ่นของเดือน
"นี่กลิ่นน้ำปรุงหรือกลิ่นเจ้านะ แม่เดือน"
พลัน มีเสียงซอดังแว่ว แต่ไม่ไพเราะอ่อนหวาน หาญฟังแล้วขำ
"แม่เดือน เพลงซอของเจ้าใยช่างกระด้างเยี่ยงนี้"
หาญไปที่หน้าต่าง มองออกไปด้านนอก

ที่ลานครัวจุดไต้สว่างไสว ชื่นกำลังใส่ฟืนที่เตา มีกะทะใบบัวใบใหญ่วางอยู่ ทาสอื่นๆช่วยกันเทน้ำตาลลงในกระทะใบบัว เสียงสั่งงานล้งเล้งประสาทาส
"เฮ้ย เบาๆหน่อย พวกเอ็งก็ น้ำตาลหกลงพื้น ข้าจะให้พวกเอ็งเลีย" ชื่นบอก
"คนนะ ไม่ใช่หมา ข้าไม่เลียน้ำตาลตกพื้น" มั่นบอก
เดือนใช้ไม้พายกวนน้ำตาลในกระทะใบบัว
"พี่มั่นก็เบาๆสิจ๊ะ แม่ชื่นจะได้ไม่เอ็ด"
มั่นเชิดใส่ชื่น เอาไม้พายมาช่วยเดือนคนน้ำตาล
"ข้าไม่ต่อคำกับน้าชื่นแล้ว ข้าช่วยลูกน้าชื่นดีกว่า"
มั่นอยู่ข้างๆเดือน ชื่นเงื้อดุ้นฟืนจะตี มั่นเขยิบออกห่างเดือนนิดนึง เดือนหัวเราะที่มั่นยั่วแม่ตัวเอง
บริเวณหน้าต่างห้องหาญ หาญมองเห็นเดือนกับมั่นดูสนิทกัน ก็ชักหมั่นไส้ ยิ่งได้ยินเสียงซอที่ถูกระแทกกระทั้น ยิ่งแยงหูหาญ ทำให้เขารู้สึกรำคาญใจมากขึ้น
"ใครมาสีซอ น่ารำคาญจริง"

หาญกลับไปนอนที่เตียง พยายามหลับตา ท่ามกลางเสียงซอแยงหู หาญเอาหมอนปิดหู ไม่อยากได้ยินไม่อยากเห็น

บริเวณศาลาท่าน้ำ ดาวถูซอ ไม่มีความไพเราะสักนิด ถูไป ชำเลืองไป หวังว่าหาญจะมา แต่ก็ไม่มีวี่แวว

"ทำไมคุณหาญยังไม่มาอีกนะ"
มีเสียงกรอบแกรบเหยียบใบไม้ ดาวคิดว่าเป็นหาญเดินมา ก็หันกลับมาทำทีตั้งใจสีซอ
เท้าคู่หนึ่งเดินเข้ามายังพื้นศาลาอย่างแผ่วเบา ดาวขยับเนื้อตัวเล็กน้อย ให้ผ้าคลุมไหล่หลุดออก มีมือผู้ชายวางลงที่ไหล่ ดาวสะดิ้ง มือลูบไล้เรื่อยต่ำลงไปอีก
"นายท่านเจ้าขา" พอดาวหันมาก็ตกใจ "ไอ้เมฆ !"
เมฆยิ้มกระหาย จะรวบตัวดาวเข้ามา
"จ๋าจ้ะ นังดาว"
ดาวถีบโครม ยันเมฆออกจากตัว
"ออกไปห่างๆข้า ไอ้เมฆ ขยะแขยง"
"อ้าว นังดาว เมื่อกี๊ยังแอ่นไหล่รับมือข้าอยู่เลย ทำไมทำท่ารังเกียจเสียล่ะ"
"ก็ข้ารังเกียจเอ็ง อี๊ ต่ำ ไปเลยนะ ไปไกลๆเลย"
"แหม ข้าจะเสวนาหน่อยก็ไม่ได้ เห็นเอ็งมาสีซอ ก็นึกว่ารอใคร"
"จะสีซอรอใครก็เรื่องของข้า ไม่เกี่ยวกับเอ็ง"
"เกี่ยวสิ เสียงซอเอ็งแยงรูหูชาวบ้านทั้งใต้หล้า ที่เรือนครัวให้ข้ามาดู เกิดเสียงดังไปถึงเรือนใหญ่จะรบกวนนายท่าน"
ดาวเจ็บใจ รู้ว่าไม่เพราะ เลยกระแทกกระทั้นเก็บซอ ลุกขึ้น
"อีพวกหูไม่ถึง เอ็งก็อีกคน ไอ้เมฆ ไอ้เสร่อ สะเออะเข้ามาทำไมไม่รู้ โว้ยๆๆ"
ดาวกระทืบเท้าออกไป
"โถ อีดาวบนดิน สำคัญตัวสูงส่งไปเถอะเอ็ง ไม่นานหรอก
ข้าจะสอยเอ็งลงมาเชยชม"
เมฆมองตามดาวตาเป็นมัน ไม่ได้กินวันนี้แต่วันหน้าต้องได้นังดาวให้ได้

ในเรือนครัว เดือนช่วยชื่นขูดมะพร้าวอยู่ เดือนเอื้อมมือจะหยิบมะพร้าวมาขูด แต่มะพร้าว โดนดาวเตะกระเด็นไป แล้วกระทืบเท้าโครมๆ ด้วยความหงุดหงิด
"เฮ้ย วางอะไรเกะกะจริงเว้ย"
ชื่น เอื้อย มั่น และทาสอื่นๆช่วยกันทำงานครัวอยู่ ไม่พอใจ
"เฮ้ย เป็นบ้าอะไรนังดาว" มั่นถาม
"ไหนพี่ชื่นว่ามันหลับไปแล้วไง นี่ไปแรดไหนมา ห๊า นังดาว ทำไมไม่มาช่วยงาน" เอื้อยว่า
ดาวไม่ตอบ เดินผ่านเรือนครัวออกไปทางเรือนนอน ชื่นมองตาม หมั่นไส้ไม่พอใจ
"อีนังนี่ ทำเป็นหลับใส่ ที่แท้ก็อู้งาน"
เดือนมองตามดาว ที่ถือซอของเดือนไปด้วย
"นั่นมันซอของข้านี่นา"
"เออ จริง ! นังดาวมันเอาซอของเอ็งไปทำอะไร"
เดือนมองตามดาว งง ไม่เข้าใจ

พระนครแถบสำเพ็ง รถลากวิ่งจากถนนใหญ่ เลี้ยวเข้าตรอกสำเพ็ง
ในตรอกสำเพ็ง หน้าร้านรวงแขวนโคมเขียว แดง อร่ามตา นักเที่ยวลงจากรถเดินเข้าโรงน้ำชาโรงหนึ่ง นักเที่ยวอื่นๆคึกคักทั้งตรอก ท่ามกลางแสงจันทร์สาดส่อง และแสงโคมแดงหน้าสำนัก มีเสียงเพลงซอเอ้อหูดังกังวานก้องอยู่

ที่หอจันทร์ฉายฟ้าหยาดในชุดจีนโบราณบางเบา สีซอเอ้อหูอยู่บนยกพื้นกลางโรงน้ำชา นักเที่ยวต่างมองฟ้าหยาดเป็นตาเดียว บางคนเมา ถือถุงอัฐมาแกว่งอยู่ข้างหน้าฟ้าหยาด แต่เธอไม่สนใจ สายตาเหม่อมองออกไปนอกโรงน้ำชา เว่ยชิงดูแลกิจการอยู่มุมหนึ่ง สังเกตเห็นอาการเหม่อ
"นังฟ้าหยาด เหม่ออะไรของมัน"
เว่ยชิงตบพัดรัวๆ ให้ฟ้าหยาดรู้ตัว ฟ้าหยาดเห็นสัญญาณนั้นก็กลับมาตั้งใจสีซอ นักเที่ยวยื่นมือมาจะไล้ลูบขาฟ้าหยาด
"อีหนู ขออั๊วล้วงสักทีสองทีสิวะ"
ฟ้าหยาดตวัดขาจนเห็นรอยผ่าของชุด แหวกขาขึ้นแล้วเหวี่ยงกลับไปนั่งพับเพียบอีกฝั่ง นักเที่ยวตะลึง กึ่งว่าจะโดนฟ้าหยาดใช้ขาเฉี่ยวหัว กึ่งว่าเหมือนจะตาลุกซู่ที่ได้เห็นอะไรวอบแว่บ
เว่ยชิงเอาใจนักเที่ยวอยู่มุมหนึ่ง ฟ้าหยาดแผลงฤทธิ์ เว่ยชิงรู้ทัน
"ไอ่หยา ลูกค้าคนนี้ทำอะไรให้นังฟ้าหยาดไม่พอใจแน่ๆ จะโดนเตะก้านคอยังไม่รู้ตัว"
นักเที่ยวเมา ไม่รู้ว่าตัวเองแทบจะโดนก้านคอ ฟ้าหยาดยิ้มหวานเยิ้มให้
"เปิดโอกาสแล้วไม่ยื่นมือคว้า หมดเวลาเจ้าค่ะ"
ฟ้าหยาดลุกออกไปจากเวที นักเที่ยวยังดื้อด้าน คว้ากระโปรงจนขาดแคว่ก แหวกไปถึงไหนๆ เว่ยชิงเห็นไม่ได้การรีบเข้ามากันท่า
"อุ๊ยตาย ท่านเจ้าขา ปรารถนาสิ่งใดค่อยพูดค่อยจา"
"ข้าอยากได้นังนี่มาทำเมีย" ลูกค้าบอก
"คืนนี้ข้าไม่มีอารมณ์"
ลูกค้าจะโวยวาย เว่ยชิงหน้าเสียหันมาทำหน้าดุ ฟ้าหยาดแก้สถานการณ์เพราะเห็นนักเที่ยวอื่นมองตนเป็นตาเดียว เนื่องจากตอนนี้ชุดขาดจนเกือบโป๊
"นายท่านทั้งหลาย โปรดเห็นใจข้า"
ฟ้าหยาดหมุนตัวไปยั่วนักเที่ยวรอบโรงน้ำชา
"เสื้อผ้าถูกกระชากขาดเยี่ยงนี้ ไหนเลยจะมีหน้าบำรุงบำเรอความสุขท่านทั้งหลายได้ หากข้าได้อัฐเฟื้องสำหรับค่าเสื้อชุดใหม่ ข้ามิลังเลจะถอดชุดขาดทิ้งเสียตรงนี้"
สิ้นเสียงฟ้าหยาด นักเที่ยวต่างหยิบถุงอัฐโยนให้ทันที เว่ยชิงรีบรับตรงนั้นตรงนี้
ฟ้าหยาดยิ้มหวาน กระตุกปมเชือกที่รัดชุดออก ชุดคลี่ลง จังหวะนั้น ฟ้าหยาดกระตุกผ้าคลุมไหล่ของเพื่อนนางโลมที่อยู่ใกล้กันมาบังร่างกายทันที ชุดที่ขาดร่วงลงพื้น แต่ฟ้าหยาดก็มีผ้าพันร่าง พอยั่วเห็นเนื้อนวลเล็กน้อยเท่านั้น ทั้งโรงน้ำชาก็มีแต่เสียงฮือฮา ฟ้าหยาดยิ้มหวานส่งท้ายก่อนจะหลบหายไปหลังม่านร้าน

เว่ยชิงหอบถุงอัฐรีบตามเข้าไป
 
อ่านต่อหน้า 2

ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 6 (ต่อ)

ฟ้าหยาดรังเกียจบทบาทตัวเองเมื่อครู่ รีบหาเสื้อมาคลุม ไม่ได้อยากจะเปลือยโป๊ เว่ยชิงเข้ามา ปลาบปลื้ม ดีใจ นับถุงเงิน

"เจ๊ก หงอ ซา สี่ ไฮ้ ! ลื้อมันเก่ง เจ๋งเป้งจริงฟ้าหยาด ที่แสดงเมื่อกี๊ ไปฝึกมาจากไหน ไร้เทียมทานจริงลื้อนี่"
"ไม่ได้ฝึก มารยาแต่กำเนิด"
เว่ยชิงแสลงหู เงยหน้าจากนับถุงอัฐมองฟ้าหยาด
"ลื้อเป็นอะไรหือฟ้าหยาด หงุดหงิด เหม่อลอย ทำยังกับ..."
เว่ยชิงเริ่มเดา ฟ้าหยาดค่อยคลี่ยิ้ม คิดว่าเว่ยชิงจะเข้าใจ
"ลื้อกำลัง....มี"
"ฉันกำลัง....มี"
ฟ้าหยาดจะตอบ ยิ้มเขิน เว่ยชิงโพล่งออกมา
"ลื้อกำลังมีระดู"
"โอ๊ย อาเว่ย"
"แน่เลย ลื้อกำลังมีระดู เลือดจะไปลมจะมา หงุดหงิด โมโหลูกค้า"
"อาเว่ยอยากคิดอย่างนั้นก็ตามใจ แต่คืนนี้ฉันไม่ออกไปต้อนรับใครแล้วนะ"
ฟ้าหยาดตัดบท ไปเหม่ออยู่ที่หน้าต่างมองจันทร์ เพียงเท่านั้นเว่ยชิงก็พอรู้ทันที
"ลื้อหมายปองผู้ชายอยู่....ใคร"
ฟ้าหยาดหันมา ยิ้มในหน้า สีหน้าเขิน มีความสุขไม่เสแสร้ง
"คุณชายคนหนึ่ง สุภาพ อ่อนน้อม รูปงาม นามว่าหาญ"
"หาญ ? หาญไหน อย่าบอกนะว่าคุณหาญ แห่งใต้หล้า"
ฟ้าหยาดยิ้มกว้างกว่าเดิม นัยน์ตาเพ้อฝัน เว่ยชิงแทบเป็นลม
"ไม่ได้เด็ดขาด ห้ามลื้อรักผู้ชายคนนั้นเด็ดขาด"
"ทำไมต้องห้ามฉันด้วยอาเว่ย ฉันถูกชะตากับเขา หากมีวาสนา ฉันก็อยากจะร่วมหอกับคุณหาญ"
"ไม่ได้ !"
เว่ยชิงไม่อาจทนฟังได้ ตบหน้า ฟ้าหยาดตกใจไม่เคยโดนเว่ยชิงตบมาก่อน เว่ยชิงก็อึ้ง เสียใจเช่นกัน แต่ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ห้าม
"อั๊วสั่งเด็ดขาด ไม่ให้ลื้อหมายปองผู้ชายคนใดก็ตามจากใต้หล้า ไม่ได้เด็ดขาด"
เว่ยชิงออกไป
ฟ้าหยาดมองตามอย่างไม่เข้าใจ กุมแก้มด้วยความเจ็บปวด เจ็บหัวใจ น้ำตาไหลเผาะ

เว่ยชิงออกจากห้องฟ้าหยาด มือไม้สั่น เดินทรงตัวแทบไม่อยู่ นึกถึงความหลัง ได้แต่รำพึง
"กรรมพรากผัวคนอื่นมันตามมาแล้วอีบุหงา"
เว่ยชิงดูกลัดกลุ้ม

เช้าวันใหม่ ที่เรือนหลังใหญ่ บุหงามายืนคอยแสนอยู่มุมหนึ่ง รอ รอ แล้วแสนก็ไม่ลงมา
"อีเจียม เอ็งขึ้นไปดูที ท่านเจ้าสัวตื่นหรือยัง"
"เจ้าค่ะ"
เจียมจะก้าวขึ้น เอื้อยเดินลงมานำหน้าพวงแก้ว มากันท่าเจียม
"หลีกไปอีเอื้อย"
"กูไม่หลีก มีปัญหาอะไรไหม"
พวงแก้วหยุดอยู่ มองหน้าบุหงา จ้องหน้ากันจงเกลียดจงชัง ลิ่วล้อตีกันเป็นทัพหน้า
"ไม่หลีกใช่ไหม"
เจียมเบียดขึ้นไป เอื้อยยันออก
"กูไม่ให้ขึ้น อ๊าย"
เอื้อยโดนเจียมเบียด เจียมกระชากเอื้อยเหวี่ยงลงบันไดจนกลิ้งตกบันได 3 ขั้นเบาะๆ เจียมผลักเอื้อยไปยืนขวางอยู่ พวงแก้วมองเหยียด
"คุณพี่จะลงมือต่อตีกับไพร่ก็เอาสิคะ อีเจียม มึงไม่ต้องเกรง ขึ้นไปตามท่านเจ้าสัวมาหาข้า"
"แม่บุหงาช่างไม่มีมารยาท หนำซ้ำยังคิดว่าผู้อื่นจะต่ำทรามอย่างตัว"
บุหงาปรี๊ดขึ้น ก้าวขึ้นบันไดไปเผชิญหน้า
"คุณพี่"
"เอาเถอะ หากหล่อนจะสมองตื้อ มิรู้การควรไม่ควร จงใช้บ่าวไพร่ไปปลุกท่านเจ้าสัวเสีย หากท่านเจ้าสัวไม่พอใจ หล่อนอาจจะโดนลดชั้นไปอยู่เรือนไพร่ ส่วนนังเจียมคงโดนโบยหวายแค่หลังลาย คงไม่ระคายหนังหนาๆของพวกหล่อนกระมัง"
เจียมขนลุกซู่ กลืนน้ำลาย ปอดแหกทันที ด้วยความกลัว เจียมจับมือบุหงาจะดึงออกไป
"คุณบุหงาเจ้าคะ บ่าวว่าไว้มาใหม่ดีกว่าเจ้าค่ะ"
บุหงาสะบัดมือเจียมออก อย่างไม่กลัว
"หุบปากอีเจียม ขู่แค่นี้ ข้าไม่กลัวหรอกเว้ย"
"ข้าไม่ได้ขู่หล่อนนะแม่บุหงา เพราะหากจะขู่ ข้าเอาเรื่องสายฝนลูกสาวหล่อนที่ไปเฝ้าผู้ชายอยู่โรงม้าไปบอกท่านเจ้าสัวไม่ดีกว่ารึ"
"ไม่จริง !คุณพี่ขู่ข้า"
"แต่เช้า หล่อนเห็นหน้าลูกสาวหล่อนหรือยังล่ะ"
บุหงาอึ้งไป มองหน้าเจียม เจียมพยักหน้าว่าจริง บุหงาอึ้งตะลึง
พวงแก้วมองหน้าเจียม อย่างหยามเหยียด
"หลีกไป นังเจียม"
เจียมเงอะงะ เอื้อยได้ที กระชากเจียมลงบันได เจียมเหวอล้ม มือคว้าแขนบุหงามาด้วย
"ว้าย...คุณบุหงาช่วยบ่าวด้วย"
บุหงาเสียหลักโดนลากลงมานั่งทับเจียมที่กลิ้งตกบันไดมากองอยู่กับพื้นชั้นล่าง

พวงแก้วเดินผ่านทั้งสองคน ยิ้มเหยียด สะใจที่สุด บุหงามองตามอย่างเจ็บใจ เจ็บแค้น แต่ก็เอะใจเรื่องสายฝน

โรงม้าของใต้หล้า ม้าหนุ่มกล้ามเนื้อกำยำตัวนั้น สายฝนกำลังลูบแผงคอม้าอยู่ แต่สายตาชะม้ายตามองแผงอกเปลือยของหยกที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม

"ม้าหนุ่มตัวนี้ แผงอกตึงยิ่งนัก ข้าปรารถนาจะขี่มันอย่างยิ่ง"
เช็ดตัวม้าอยู่อีกคอกหนึ่ง มองสายฝน แล้วยิ้มเยาะ
"เอ้อ น้องสายฝนพูดอะไรน่ะครับ" หยกว่า
"สายฝนพูดจริงๆนะคะพี่หยก แลเห็นความบึกบึนเยี่ยงนี้ ใครจะอดใจไหว"
สายฝนยื่นมือลูบกล้ามเนื้อม้า ไล่เลยมาใกล้แผงอกหยก
"เป็นสาวเป็นนาง เปิดเผยกริยาอยากควบม้าจนตัวสั่น พี่นับถือความกระสันของน้องสายฝนจริงๆ" กล้าบอก
"ก็สายฝนอยากขี่ม้านี่....เอ๊ะ พี่กล้าหลอกด่าสายฝนใช่ไหม"
กล้าหัวเราะพรืดอย่างกลั้นไม่ได้เพราะสายฝนเพิ่งรู้ตัว สายฝนตกใจกับความโง่ของตัว
"แอร๊ย ! พี่กล้า พี่หาว่าสายฝนกระสันสวาทกับม้าอย่างนั้นหรือ"
"โธ่ น้องสายฝน ไม่ใช่อย่างนั้นครับ" หยกบอก
"แค่นี้ก็ไม่เข้าใจ เมื่อเช้าทานข้าวหรือขี้เลื่อยจ๊ะน้อง"
สายฝนกรี๊ดๆ จนม้าตื่น หยกต้องจับสายบังเหียนม้าไว้
"เบาๆครับน้องสายฝน ม้าตื่นหมด"
สายฝนไม่หยุด
"แอร๊ย ไอ้พี่กล้า ไอ้บ้า พี่ด่าสายฝน พี่หยกจ๋า ดูไอ้พี่กล้าสิ ปากร้าย ปาก..."
"บอกให้เงียบไม่เงียบใช่มั้ย"
กล้าหยิบฟ่อนหญ้าที่จะให้ม้า ม้วนเป็นก้อน

บุหงารีบเดินมา ใจก็ไม่อยากเชื่อ เจียมรีบตาม
"ข้าไม่อยากเชื่อ นังสายฝนตัวดีมันตื่นแต่เช้าไปเฝ้าผู้ชายที่โรงม้าดั่งคุณพี่ว่าจริงรึ"
"บ่าวก็ไม่อยากจะแจ้งคุณบุหงาเลยเจ้าค่ะ...แต่"
"ไม่ ข้าไม่เชื่อ ข้าต้องไปดูให้เห็นกับตา"
บุหงารีบไป เจียมถอนหายใจเดี๋ยวแม่จะเจอลูกสาวแด๊ดแด๋อยู่แถวนั้นแน่นอน

สายฝนยังแว้ดๆต่อไป ม้าตื่น หยกพยายามลูบม้าเพื่อปลอบ
"ม้าตื่นก็เอาหญ้าให้ม้ากิน มาโทษสายฝนทำไม พี่กล้านิสัยไม่ดี ปาก....อึ้ก !"
กล้าใช้ฟ่อนหญ้าอุดปากสายฝน
"บอกให้เงียบไม่เงียบ ต้องโดนอุดปากแบบนี้"
บุหงาและเจียมเข้ามา ตกใจ
"อะไรกันน่ะ สายฝนทำไมเป็นแบบนี้ คุณกล้าทำอะไรหน่ะ"
สายฝนอู้อี้ยังไม่เอาหญ้าออกจากปาก
"พี่กล้าเอาหญ้าอุดปากสายฝน"
กล้าและหยกพยายามกลั้นเสียงหัวเราะ บุหงาหน้าตึง ลูกสาวเป็นตัวโง่และตัวตลก
"โอ๊ย ! คายหญ้าก่อนสินังสายฝน"
บุหงาดึงหญ้าออกจากปากสายฝน สายฝนฟ้องๆๆ
"พี่กล้าหาว่าสายฝนกระสันสวาทม้า สายฝนไม่ได้อยากขี่ม้าจริงๆซะหน่อย สายฝนหมายถึงพี่หยก อุ๊บ !"
"อีลูกบ้า !"
สายฝนตกใจปิดปากตัวเอง บุหงาทนไม่ได้ จิกหัวกลับ
"กลับเรือนเดี๋ยวนี้"
"โอ๊ย แม่ ปล่อยฉัน ปล่อย....ฉันยังไม่ได้ทำอะไรพี่หยกเลย แอ๊ย แม่..."
หยกถอนหายใจ ทำตัวไม่ถูก มองบุหงาลากสายฝนออกไป กล้าหัวเราะเยาะบุหงา พอหันมาเห็นสีหน้าหยก กล้าก็อึ้งไป

บุหงาลากสายฝนผ่านมาหน้าเรือนใหญ่ พวงแก้วและเอื้อยยืนอยู่ พวงแก้วยิ้มเย้ยอย่างสะใจ
"ถึงกับฉุดกระชากลากถูกันเชียวรึ แม่บุหงา"
"ไม่ใช่เรื่องของคุณพี่"
พวงแก้วเบือนหน้าไปทางเอื้อย ทำเป็นว่าไม่ได้พูดกับบุหงา
"โบราณว่าฤดูเหมันต์หมาแมวเป็นสัด เจ้าของควรขังล่ามไว้ให้ดี"
"คุณพี่ ! มันจะมากเกินไปแล้ว"
"ข้าไม่ได้พูดกับหล่อน ข้าบอกนังเอื้อยมันต่างหาก"
"แม่ จะเดือดร้อนทำไม แม่ก็ไม่ได้เป็นหมาเป็นแมวติดสัดเหมือนพวกมันหนิ"
"อีสายฝน !"
บุหงาอยากจะกรี๊ด ลากสายฝนผ่านหน้าเรือนใหญ่อย่างเร่งรีบเนื่องจากขายหน้าสุดๆ พวงแก้วมองตาม ถอนหายใจอย่างหนักอก
"ท่านเจ้าสัวหนอท่านเจ้าสัว คว้าอิหยำฉ่ามาเป็นเมีย ด่างพร้อยตั้งแต่แม่มันยันลูก ข้าจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนคว้าของต่ำมาประดับใต้หล้าอีก"
พวงแก้วหนักใจกลับเข้ายังเรือนใหญ่

ภายในเรือนเล็ก บุหงาเปิดประตูดังโครม ! เข้ามา อีกมือกระชากสายฝนแล้วเหวี่ยงเข้าห้อง
"แม่ ! ฉันเจ็บนะ"
ฉาด ! บุหงาตบหน้าสายฝนด้วยความเจ็บปวดใจและแค้นพวงแก้ว
"นังลูกไม่รักดี แร่ไปคุยกับผู้ชายแต่เช้าไม่พอ แกยังทำฉันขายหน้าต่อหน้าอีแก้ว"
"ก็อีคุณท่านมันปากเสียก่อนนี่ แม่จะไปฟังมันทำไม"
"มันด่าแกกระทบฉัน ยังไม่รู้ตัวอีก อีลูกโง่"
"คุณท่านด่ากระทบกระเทียบสายฝน เพราะสายฝนเป็นลูกแม่ ลูกของหญิงนางโลม หญิงหยำฉ่าบำเรอผู้ชายอย่างแม่ไงล่ะ"
บุหงาตบสายฝนอีกครั้ง เลือดขึ้นหน้าด้วยความเจ็บปวด
"ฉันไม่เคยคิดจะเป็นแม่แก ไม่ได้อยากเป็นแม่แกเลยอีสายฝน แกน่าจะตายๆไปตั้งแต่วันที่แกเกิดมา ฉันไม่น่าปล่อยให้แกโตขึ้นมาทิ่มแทงให้ฉันปวดใจอย่างนี้"
"ทำไมแม่ไม่ฆ่าฉันเสียเลยล่ะ แม่ปล่อยฉันโตมาทำไม ฉันจะได้ไม่ต้องทนกับปากนังผู้ดี จะชอบพี่หยก ไอ้กล้าก็มากันท่า ชีวิตฉันทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง"
สายฝนน้ำตาไหลพราก โตมาแม่ก็ไม่ค่อยรักมีแต่ด่าทอตบตี แถมยังโดนพวงแก้วด่ากระทบกระเทียบตลอดเวลา ครั้นจะชอบผู้ชายก็โดนกล้ากันท่าไม่รู้ทำไม สายฝนได้แต่อัดอั้นตันใจ
บุหงานิ่ง มองสายฝน บุหงาจังงังในใจตัวเอง ความจริงที่ต้องเผชิญทุกวันคือ ทั้งหล่อนและลูกโดนพวงแก้วจิกกัด บุหงาเบาลง ใช้น้ำเย็นและหวังจะใช้สายฝนเป็นมือไม้
"สายฝน...ในเมื่อแกเป็นลูกฉัน แกถูกอีแก้วกับลูกมันดูถูกดูแคลนมาตลอด แกต้องสู้"
สายฝนเห็นความเคียดแค้นของแม่ปะทุอยู่ในดวงตา
"จำคำฉันไว้ สายฝน เราแม่ลูก จะไม่มีวันเป็นแพ้ เราต้องเป็นใหญ่ในใต้หล้า ใครที่มันเหยียบย่ำกระทำเรา มันสมควรได้รับบทเรียนตอบแทนอย่างสาสม"
สายฝนปาดน้ำตา หยุดสะอื้น สายฝนเห็นด้วยที่ชีวิตนางต้องได้ ต้องมี ต้องเป็นอย่างที่ต้องการทุกอย่าง ใครขวางมันจะต้องเจอดี

สายตาแรงกร้าวของบุหงา ฉายว่าใจพร้อมทะยานสู่ความเป็นใหญ่
 
อ่านต่อหน้า 3

ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 6 (ต่อ)

เวลาต่อเนื่องมา หยกพาม้าเข้ากรงเรียบร้อยแล้ว ปิดคอกม้า หันมากล้ามายืนอยู่ด้านหลัง ใกล้มาก

"พี่หยกเป็นอะไรหรือครับ"
"คุณกล้า"
หยกเลี่ยงไปทางหนึ่ง กล้าอึ้งคิดว่าเป็นเพราะตัวเอง
"พี่หยกเบือนหน้าหนีข้า หากข้าทำอันใดให้พี่หยกหมองใจ ข้าจะไม่อยู่ให้พี่เห็นหน้าอีก"
กล้าเดินออกจากโรงม้า หยกตกใจ รีบดึงมือกล้าไว้ กล้าและหยกมองหน้ากัน ใจเต้นตึงตัง มือไม้สั่นจนต้องปล่อยมือกันและกันด้วยความเขินในใจ
"ไม่ใช่เพราะคุณกล้าดอกครับ"
"ไม่ใช่เพราะข้า แล้วเหตุอันใดทำให้พี่หยกดูอึดอัดคับข้องเล่าครับ"
"พี่จะพูดได้ยังไง ในเมื่อน้องสายฝนเป็นน้องสาวคุณกล้า เธอแสดงกิริยาเยี่ยงนั้น ครั้นพี่จะบ่ายเบี่ยงก็เกรงใจน้องกล้า จะหาว่าพี่ตัดไมตรี"
กล้าใจชื้น โล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
"เรื่องนั้นเอง พี่หยกแสดงออกตามใจตนสิครับ หากว่าพี่หยกมีใจให้น้องสายฝน"
กล้าดักคอ อยากรู้แต่ไม่อยากถาม
"โอว...ไม่นะครับน้องกล้า พี่ไม่เคยเสน่หาน้องสายฝนเลยแม้แต่นิด"
"เช่นนั้น พี่หยกจะเก็บไมตรีไว้ให้ผู้ใดเล่าครับ"
"พี่จะมอบไมตรีให้ใครได้ แต่เล็กจนโตพี่หยกมีเพื่อนเล่นเพียงน้องกล้าคนเดียว"
กล้าและหยกยิ้มให้กัน กล้าโล่งใจที่สุด อย่างน้อยตอนนี้ก็มั่นใจว่าหยกไม่ได้ชอบสายฝน กล้าเขิน ตัดบท
"ไปร้านกันเถอะครับ เดี๋ยวจะสาย"
สองคนคนยิ้มออกไป

พวงแก้วมองเจ้าสัวแสนรับประทานอาหาร เธอดูควบคุมสั่งการทุกอย่าง แสนทานอิ่ม แก้วเลื่อนจานแสนส่งให้เอื้อยรับไปเก็บ
"หล่อนช่างเป็นแม่เรือนใหญ่ สั่งการทุกอย่างในบ้านเรียบร้อย ไม่รู้ข้าโดนแม่แก้วแอบควบคุมสั่งการใดบ้างนะ"
พวงแก้วรู้ว่าโดนเหน็บ
"อิฉันไม่กล้าดอกเจ้าค่ะท่านเจ้าสัว"
เดือนและดาวมาคอยรับใช้ เดือนส่งถาดน้ำชาให้
"น้ำชาเจ้าค่ะนายท่าน คุณแก้ว"
แสนมองมองตามกิริยานิ่มนวลพริ้มเพราะของเดือน พวงแก้วมองอยู่นิ่งๆ เดือนหลบหน้าหลบตาอย่างรู้การควรไม่ควร รีบออกไป
ดาวเข้ามาเสิร์ฟถาดขนม เสียงอ่อนเสียงหวาน ชะม้ายตาเล็กน้อย
"ขนมหวาน เคียงน้ำชา เจ้าค่ะนายท่าน คุณแก้ว"
แก้วเห็นสายตาแสนมองดาว ก็ไม่พอใจ กระแอมเบาๆ ดาวรู้ตัว คลานออกไป
"สองคนนี้ ยิ่งโตเป็นสาว ผิวพรรณหมดจด ไม่บอกไม่รู้นะว่าเป็นลูกทาส"
เดือนได้ยินแบบนั้นก็เสียวหลังวาบ รีบกระเถิบตัวไปอยู่ใกล้เอื้อย แก้วชำเลืองมองเห็นว่าเดือนไม่อยากใกล้แสน ส่วนดาวยิ้มหวานกับแสน
"นังเดือนนังดาว ลูกทาสในเรือน อิฉันกับท่านเจ้าสัวก็เห็นมันมาแต่เล็ก ท่านเจ้าสัวคงไม่ดึงอีลูกทาสมากลั้วคอเล่นใช่ไหมเจ้าคะ"
"แม่แก้วนี่ยังไง ธาตุไฟเข้าแทรกแต่เช้าหรือ เห็นข้าเป็นสมภารกินไก่วัดไปได้ ข้าไม่กินเรี่ยราดใกล้ตัวหรอกน่า นอกเรือนมีถมถืด"
"ท่านเจ้าสัว !"
แสนวางผ้าเช็ดมือ ทำเป็นฉุนเฉียว แต่จริงๆโดนจับไต๋ได้ เลยต้องตัดบท พวงแก้วหงุดหงิด หันมาเจอดาวที่ยังลอยหน้า ไม่มีก้มงุดเหมือนเดือน พวงแก้วหยิ่งโมโห คิดหาทางกำราบ

เดือนนั่งสงบเสงี่ยมอยู่ พวงแก้วจ้องมองดาวและเดือนอยู่นาน จนทั้งคู่หายใจไม่ทั่วท้อง
"นังดาว นังเดือน พวกเอ็งสองคนอายุเท่าไหร่แล้ว"
"ย่างยี่สิบเจ้าค่ะ" เดือนบอก
"เต็มสาวแล้วสินะ พร้อมจะออกเรือนมีผัวแล้วกระมัง"
พวงแก้วเหน็บเบาๆ ดาวเขิน เพราะหัวสมองก็คิดเรื่องพรรค์นั้นแถมยังไม่รู้ตัวว่ากำลังโดนปราม
เดือนร้อนใจไม่คิดเรื่องอย่างนั้น
"มิได้เจ้าค่ะ บ่าวยังไม่พร้อมแลยังไม่คิดเรื่องนั้นเจ้าค่ะ" เดือนบอก
"แล้วเอ็งล่ะ นังดาว เอ็งคิดการณ์ข้างหน้ากับชีวิตเอ็งเยี่ยงไร"
"การณ์ข้างหน้าจะเป็นเยี่ยงไรบ่าวก็หารู้ไม่ สุดแท้แต่บุญพาวาสนาส่งเจ้าค่ะ"
"คนทุกคนก็มักใหญ่ใฝ่ดีกันทั้งนั้น สุดแต่ใครจะหาหนทาง บ้างก็ขวนขวายด้วยวิริยะการงาน บ้างใช้ทางลัดไต่เต้าเกาะผู้มีอำนาจ หรือทอดกายใช้เนื้อหนังมังสาเป็นที่นาเบิกทาง"
พวงแก้วเสียงเข้มจ้องหน้าดาวและเดือน ขู่ให้รู้ว่า อย่ายุ่งกับผัวตน !
"พวกเอ็งคิดว่าเป็นขี้ข้าอยู่ในบ้านสมควรจะมักใหญ่จะใช้เต้าไต่แบบนั้นรึ"
"ไม่เจ้าค่ะ ไม่สมควร บ่าวไม่เคยแม้แต่จะคิด แต่นังลูกทาสสาวๆคนอื่น" ดาวว่า
ดาวแปรสายตาไปทางเดือน ทำนองว่าอีเดือนคิดเจ้าค่ะ
"มันก็ไม่แน่นะเจ้าคะ อาจจะอยากเป็นนังเล็กๆหวังสุขสบายภายหน้าก็ได้เจ้าค่ะ"
เอื้อยมองหน้าทำตาดุใส่ดาว เพราะรู้ว่าดาวหมายจะให้พวงแก้วเข้าใจว่าเป็นเดือน
"เอ็งคิดเยี่ยงนั้นรึ แล้วเอ็งเล่า นังเดือน"

เดือนก้มลงกราบ

เดือนก้มลงกราบ

"บ่าวเป็นลูกทาสในเรือนเบี้ยแห่งใต้หล้านี้ เกิดมาก็รับใช้ท่านเจ้าสัวกับคุณท่านมาแต่เล็กแต่น้อย บ่าวไม่เคยคิดอกตัญญูเยี่ยงนั้นเจ้าค่ะ บ่าวเป็นทาส อย่างไรก็เป็นทาสวันยังค่ำเจ้าค่ะ"
พวงแก้วยิ้มเย็น หัวเราะหึๆในคอ รู้ว่าเดือนกับดาวไม่ถูกกันและรู้ว่าควรกำราบใครอย่างไร
"คนใฝ่ดีก็ต้องได้ดี ยิ่งในรัชกาลนี้ ในหลวงทรงเมตตาไพร่ฟ้าประชาราษฎร์ ทรงโปรดให้ตราพระราชบัญญัติพิกัดเกษียณอายุลูกทาส ตามประกาศนั้น พวกเอ็งจะเป็นไทแก่ตัวเมื่ออายุ 21"
"ถึงเป็นเสรีชน แต่ยังหากยังยากจนไม่มีที่ดินทำกิน ไหนเลยจะเงยหน้าได้เจ้าคะ บ่าวคงขอรับใช้คุณท่านต่อไปเจ้าค่ะ" เดือนว่า
"พวกเอ็ง เหล่าลูกทาสในใต้หล้าทั้งหลาย หากเอ็งประพฤติตัวดี ข้ากับท่านเจ้าสัวจะเมตตา แต่หากผิดเผยอกำเริบเสิบสาน ชีวิตข้างหน้าจะต่ำตมเช่นไร ข้าไม่รู้ด้วย"
"บ่าวไม่มีทางกำเริบแน่เจ้าค่ะ บ่าวขอรับใช้ท่านเจ้าสัวกับคุณท่านไปจนวันตาย ขอคุณท่านเมตตาบ่าวด้วยเจ้าค่ะ" ดาวว่า
พวงแก้วยิ้มอย่างพอใจที่กำราบไว้แต่เนิ่นๆ เดือนนั่งนิ่ง ในขณะที่ดาวประจบดูท่าทางเอี้ยมเฟี้ยม

ในเรือนครัว ดาวกระแทกตัวลงนั่ง เลิกประดิษฐ์ท่าเอี้ยมเฟี้ยมเรียบร้อยต่อหน้าพวงแก้ว ซึ่งเป็นมารยาออกไปจนสิ้น
"เฮอะ...ขนาดข้ายังไม่ทันจะได้เป็นเมียท่านเจ้าสัวเลย คุณท่านต้องเรียกไปด่า แล้วเกิดข้าได้เป็นเมียนายน้อยทั้งสอง มีหวังแม่ผัวลูกสะใภ้ไม่ลงรอยกัน"
ชื่นและเอื้อยอ้าปากค้าง เอื้อยทนไม่ได้ ก้มหากะลามะพร้าว
"โอ๊ย กูขอเอากะลาเคาะปากหมาๆของนังนี่ทีเถอะวะ"
เอื้อยคว้ากะลาเข้ามา ดาวกระโดดผลุงไปทางหนึ่ง
"เอ๊ะ น้าเอื้อย ฉันแค่คิด ผิดตรงไหน อีเดือนมันก็คิดเหมือนกัน"
"นังนี่ เอ็งจะประจบสอพลอก็ทำไป ทำไมต้องพูดให้ร้ายนังเดือน ห๊า"
"ฉันรู้นะ นังเดือนมันหาทางอ่อยคุณหาญ อยากเป็นเมียคุณหาญจนตัวสั่น"
"หนอย นังดาว มึงเผยออยากเป็นเมียคุณหาญไปคนเดียว อีหน้าด้าน มาเลย อีดาว มาให้กูตบให้หายกำเริบ"
เดือนขวางเอื้อยไว้ จับมือเอื้อยเชิงขอ
"น้าเอื้อยจ๋า ข้าขอเถอะจ้ะ อย่าลงไม้ลงมือเลย นังดาวคงไม่ได้ตั้งใจพูด"
เดือนพยายามแก้ตัวให้ดาว ดาวหลบพ้นวิถีตบ ลอยหน้าใส่เดือน
"ข้าตั้งใจ ! ใครบ้างอยากดักดานไปจนตาย ถึงเป็นไทแล้ว แต่ไม่มีอัฐ มันก็ดักดานสถานเดียวกัน ข้าไม่เอาด้วยหรอก"
เมฆเข้ามาขวางดาวให้อีกทางหนึ่ง
"น้าเอื้อยไม่ต้องกังวล นังดาวนี่...ว่าที่เมียฉัน เดี๋ยวฉันกำราบอาการคันของมันเอง"
ดาวยี้ใส่ ผลักเมฆออกไปห่างตัว
"ไอ้เมฆ ไอ้ขี้ครอก ใครจะเอาเอ็งทำผัว อย่างข้าต้องได้ผัวเป็นเจ้าเป็นนาย มียศมีศักดิ์"
"ฝันไปเถอะเอ็ง คนเดินดิน กินกันเองนี่แหละวะ ข้าว่า ระริกระรี้อย่างเอ็งต้องโดนอะไรสากๆอย่างข้า"
"ถุย ! เป็นเมียเอ็ง เป็นเมียหมายังดีกว่า"
"โห เอ็งช่างพูดจาน่ารัก ถูกใจข้าจริงๆนังดาว"
เมฆจะจับคางเย้า ดาวโมโห เพราะต่อสู้กับเอื้อยไม่ได้ เลยมาลงกับเมฆทั้งหมด ยันโครม เมฆหงายท้อง
"เฮอะ ใครเป็นเมียไอ้เมฆ มีหวังช้ำใจ ทั้งเหล้าทั้งยา พนันขันต่อ ตีไก่แทงถั่ว พวกเอ็งไม่ต้องไปยุ่งกับมันน่ะดีแล้ว นังดาวนังเดือน แล้วก็หยุดคิดใฝ่สูงเรื่องคุณๆทั้งหลายด้วย อีกหน่อยคุณท่านก็ให้แต่งงานกับผู้ดีมีสกุล สมน้ำสมเนื้อกัน"
ชื่นตัดรำคาญ วงครัวสงบลง ดาวฉุน ปึงปังไปทางหนึ่ง เมฆมองตามดาวได้แต่ฝากไว้ก่อน เดือนเจียมตัวเศร้าลง รู้ตัวดีว่าไม่มีทางได้คู่ควรกับหาญ

เดือนเก็บดอกอัญชัญอยู่มุมหนึ่ง สีหน้าซึมไป มือเด็ดดอกอัญชัญ แต่ใจนึกถึงคำพูดชื่น
"หยุดคิดใฝ่สูงเรื่องคุณๆ ทั้งหลายด้วย อีกหน่อยคุณท่านก็ให้แต่งงานกับผู้ดีมีสกุลสมน้ำสมเนื้อกัน"
หาญเข้ามา เห็นเดือนเหม่อ เลยยื่นมือจะปลิดดอกอัญชัญ แต่มือยื่นไปใกล้จะโดนหนอนที่เกาะอยู่บนต้นไม้ หาญจับมือเดือนไว้
"เจ้าทำอะไร"
เดือนได้สติ รีบดึงมือออกจากมือหาญ
"เด็ดดอกอัญชัญเจ้าค่ะ"
"จริงหรือ"
หาญมองไปที่หนอน เดือนมองตาม เห็นหนอน ตกใจ
"ว้าย !"
เดือนเลี่ยงไปทางหนึ่ง หนีทั้งหนอน หนีทั้งหาญ หาญตามไปคุยแก้สงสัย
"เจ้าเหม่อคิดเรื่องอะไรอยู่หรือ"
"คิดเรื่อง..."
เดือนมองหน้าหาญ เพราะเมื่อครู่ตนคิดเรื่องหาญนั่นเอง แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของชื่น เดือนรีบเก็บงำอารมณ์
"ไม่ได้คิดเจ้าค่ะ ไม่มีสิ่งใดต้องคิด หากคุณหาญไม่มีสิ่งใดจะให้บ่าวรับใช้ บ่าวขอตัวเจ้าค่ะ"
มั่นเดินผ่านมา เดือนรีบผละไปหามั่นทันที
"อ้าวพี่มั่น มาตามหาข้าหรือจ๊ะ ที่ข้าจะให้พี่มั่นช่วยปอกมะพร้าวให้ไง"
มั่นงง ว่านัดกันตอนไหน มั่นเห็นหาญ คิดว่าเดือนต้องพูดเพื่ออะไรสักอย่าง มั่นจึงจำเออออพยักหน้าไปกับเดือน

หาญชะงัก มองเดือนเดินไปกับมั่น มั่นช่วยรับกระจาดดอกอัญชัญไปจากเดือน
 
อ่านต่อหน้า 4

ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 6 (ต่อ)

มั่นปอกมะพร้าวไป มองหน้าเดือนที่กำลังล้างดอกอัญชัญ

" เมื่อครู่เอ็งพูดปด ข้ากับเอ็งไม่ได้นัดแนะกันทั้งสิ้น เอ็งมีอะไรหรือเปล่านังเดือน"
"ไม่มีจ้ะพี่มั่น"
"แน่นะ แล้วที่คุณท่านเรียกเอ็งไปพบ"
"อ๋อ ไม่มีอะไรจ๊ะ คุณท่านว่า พวกเราลูกทาสที่เกิดในรัชกาลพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน ที่เกิดปีมะโรง จะได้ลดค่าตัวทุกปี เมื่อครบ 21 จะได้เป็นไท ส่วนคนเกิดก่อนนั้น อัตราค่าตัวจะลดลงทุกปี"
มั่นยกมือประนมท่วมหัว ดีใจเรื่องเป็นไท และโล่งใจ
"สาธุ เป็นบุญของพวกเราลูกทาส ตอนแรกข้าก็นึกเป็นห่วงเพราะแอบได้ยินเขาพูดกันว่า พวกเอ็งโดนคุณท่านเรียกไปเอ็ดเรื่องท่านเจ้าสัว"
เดือนแอบขำ
"ข้าก็ไม่อยากเป็นเมียบ่าวของท่านเจ้าสัวแสนดอกจ้ะพี่มั่น"
"เฮ้อ นังเดือนเอ๊ย ข้าเห็นเอ็งมาแต่เกิด รักเอ็งอย่างน้องแท้ๆ ในฐานะพี่ชาย หากข้าจะเป็นรั้วเป็นกำแพงให้เอ็งไม่เสียนวลแก่ชายใดง่ายๆ ข้าก็ยินดี"
"ขอบใจจ้ะพี่มั่น แม่ชื่นก็ว่าผูกสายสิญจน์รับพี่มั่นมากินนมแต่แรกคลอด เพราะแม่พี่ไม่มีน้ำนม จะว่าไปเราก็เหมือนพี่น้องแท้ๆนะจ๊ะ"
"เยี่ยงนั้น หากเห็นข้าเป็นพี่ เอ็งมีอะไร ก็บอกข้านะนังเดือน"
เดือนยิ้มกว้าง พยักหน้ารับคำจากมั่น มั่นลูบหัวเดือน มีแต่สายตาที่เมตตาเอ็นดูอย่างน้องสาวแท้จริง

กลางเรือนใต้หล้า ถาดน้ำตาลมะพร้าว แป้งข้าวเจ้า แป้งมัน ไข่เป็ด มะพร้าวขูด กะทิ น้ำดอกอัญชัญ ดอกอัญชัญ ถ้วยตะไลสำหรับทำขนม
พวงแก้วหยอดส่วนหน้าขนมลงในถ้วยตะไลที่มีส่วนแป้งที่นึ่งไว้เรียบร้อยแล้ว หาญเดินเข้ามา เห็นเดือนและมั่นช่วยกันอยู่ ดูสนิทสนม
หาญชายตามองเดือน แต่ทำเป็นคุยกับแม่
"คุณแม่ทำขนมอะไรหรือขอรับ"
"ขนมบุหลันดั้นเมฆจ้ะ"
"บุหลันดั้นเมฆ"
"สมัยแม่เด็กๆอยู่ในรั้วในวัง คุณท้าวคุณท่านสอนกันมา อุปมาขนมนี้ดั่งบุหลันลอยแหวกเมฆขึ้นส่องแสงจ้ากลางฟ้าสีน้ำเงินนี้อย่างไรล่ะจ๊ะ"
"ที่แท้คือดวงเดือนฝ่าเมฆนี่เอง...กระผมขอชิมหน่อยนะขอรับ"
หาญพูดคำว่าเดือน แล้วแอบชำเลืองมองเดือนไปด้วย หาญเอื้อมมือจะหยิบขนมจากตะไลที่ยังไม่หยอดหน้า ซึ่งมีแต่แป้งสีน้ำเงินดอกอัญชัญ ซึ่งอยู่ตรงหน้าเดือน
"ยังร้อนอยู่นะเจ้าคะคุณหาญ"
หาญหยิบ ร้อนมาก ตะไลร่วงจากมือ มั่น เอื้อยแอบหัวเราะ พวงแก้วยิ้ม
"โอ๊ย ร้อน"
"นังเดือนมันก็เตือนแล้ว ขนมก็ยังไม่เสร็จด้วยซ้ำ ยังไม่ได้หยอดหน้าเลย"
"ถาดโน้นแน่ะเจ้าค่ะ เสร็จแล้ว ไอ้มั่น หยิบให้คุณหาญหน่อยปะไร" เอื้อยบอก
"กินอย่างเดียวไม่ได้ ต้องออกแรงด้วย"
"คุณแม่จะทำขนมตั้งมากมายไปทำไมขอรับ"
"พ่อคุณ ทำเป็นจำไม่ได้ อีกสองวันจะวันเกิดเจ้า แม่เลยซ้อมมือให้คล่อง ถึงวันนั้นจัดงานใหญ่ อาหารคาวหวานเลี้ยงแขกมากมายจะได้ไม่มีบกพร่อง"
"ไม่เห็นต้องทำให้ใหญ่โตเลยขอรับคุณแม่ แค่วันเกิด เป็นวันที่ลูกต้องกราบตักแม่ เพราะเจ็บท้องแทบขาดใจด้วยซ้ำ"
"เจ้าโตขึ้นเป็นคนดี เป็นศรีแก่วงศ์ตระกูลเยี่ยงนี้ แม่ลืมความเจ็บนั้นไปสิ้นแล้ว ชื่นใจของแม่"
พวงแก้วปลื้มใจ ดึงหาญมาหอม เดือนแอบด้วยความชื่นชม
"วันนั้นแม่เชิญเจ้าสัว ขุนน้ำขุนนางมากมาย ที่สำคัญแม่อยากให้ลูกได้รู้จักใครคนนึงเป็นลูกสาวผู้ดีมีตระกูล หากวันหนึ่งข้างหน้าจะดองกัน แม่จะได้จัดงานมงคลในใต้หล้า"
"หากคุณแม่จะจัดงานมงคล ลูกว่าไม่ต้องถึงลูกหรอกขอรับ เพราะลูกยังไม่ได้คิดแต่หากเป็นงานของ..."
หาญมองเดือนกับมั่น อยากรู้ว่าสนิทกันแค่ไหน
"งานของใครเจ้าคะ ใครจะมีงานมงคล" เอื้อยถาม
"หากเป็นงานมงคลของไอ้มั่นกับเดือนล่ะขอรับนายแม่ หากทาสในเรือนเรามีใจชอบพอกัน เราก็ทำพิธีตบแต่งให้ ถือเป็นมงคลแก่ใต้หล้าได้เหมือนกันนะขอรับ"
เดือนตกใจ ไม่คิดว่าหาญจะพูดและคิดเช่นนั้น
เอื้อยและมั่นเริ่มหัวเราะกัน พวงแก้วอมยิ้ม
"ว่าไงนังเดือน เอ็งกับไอ้มั่นชอบพอกันแต่เมื่อใด"
มั่นหัวเราะไม่หยุด
"แม่เอื้อย ไอ้มั่น พวกเอ็งขันอะไรหนักหนา"
"ก็ขันคุณหาญสิเจ้าคะ ช่างไม่ประสาเล้ย" เอื้อยว่า
"นายน้อยขอรับ บ่าวกับนังเดือนเห็นกันมาแต่เล็ก มันก็เหมือนน้องเหมือนนุ่ง บ่าวไม่ได้คิดกับนังเดือนเยี่ยงนั้นดอกขอรับนายน้อยไม่ต้องลำบากจัดงานแต่งให้บ่าวดอกขอรับ"
"ข้าจะรู้ไหมล่ะ เห็นสนิทกัน"
"ไว้บ่าวพึงใจอีคนไหน บ่าวจะแจ้งนายน้อยคนแรกขอรับ"
หาญแอบโล่งใจ พลอยผสมโรงหัวเราะไปด้วย เดือนก้มหน้างุดด้วยความอึดอัด เศร้าใจที่หาญเข้าใจผิด

เดือนเอาเข่งขนมที่เต็มไปด้วยตะไลซึ่งหยอดขนมแล้ว เอามานึ่ง ใส่ฟืน เขี่ยดุ้นฟืนไปมา ทอดถอนใจ
ดาวเข้ามา เห็น อยากจะเยาะ
"ทอดถอนใจ เป็นอะไรมากหรือเปล่านังเดือน"
"เปล่า"
"ข้าก็นึกว่าป่วย ใกล้ตาย จะได้เตรียมฟืนไฟไว้สุมขอนตอนจะเผาเอ็ง"
"ข้าไม่มีอารมณ์จะต่อล้อต่อเถียงเอ็งหรอก"
ดาวงง วันนี้เดือนดูเศร้าไป
"เอ็งมีอะไรก็บอกข้าได้นะนังเดือน ให้ข้าด่าก็ยังดีกว่าอึดอัดคนเดียวใช่ไหมล่ะ"
เดือนนึกว่าดาวหวังดี แต่ความจริงคือดาวอยากรู้อยากเห็น
"เกี่ยวกับคุณหาญหรือเปล่า"
เดือนอึกอัก ดาวจับพิรุธได้ ยิ่งต้องเค้นเดือนให้ได้
"ว่าไง เกี่ยวอะไรกับคุณหาญหรือเปล่า"
"เอ้อ..."
"อีเดือน ถ้าเอ็งไม่บอก ถือว่าไม่เป็นเพื่อนกัน"
"คุณหาญเข้าใจผิดว่าข้ากับพี่มั่นพึงใจกัน คุณหาญเปรยว่าจะจัดงานให้ ทำไมคุณหาญคิดเยี่ยงนั้นก็ไม่รู้"
ดาวแอบดีใจ แต่ทำตีหน้าเนียนเมื่อเดือนหันมา
"เหรอ คุณหาญก็คงเห็นเอ็งกับไอ้มั่นสนิทกันกระมัง"
"แต่ข้ากับพี่มั่นไม่ได้คิดอะไรเยี่ยงนั้น"
"โฮ้ย เรื่องแบบนี้ใครๆก็เข้าใจผิดได้ แต่เอ็งอย่าได้แก้ต่างแก้ตัวเชียวนะ เรื่องแบบนี้ต้องนิ่งๆไว้ อีกหน่อยคุณท่านก็รู้เอง"
"ไม่เป็นหรอก เพราะ..."
ดาวสำทับ ทำเป็นหวังดี แทบจะตีปีกออกไป เดือนจะบอกความจริง แต่ดาวก็เดินออกไปแล้วไม่ฟังให้จบ
"อ้าว...ไปซะแล้ว ข้าจะบอกว่าพี่มั่นแก้ความเข้าใจผิดคุณหาญแล้วเท่านั้น"

เดือนส่ายหน้า ไม่ได้คิดอะไร เพียงแต่ดาวที่ฟังไม่หมดเท่านั้น

ภายในห้องเก็บของ ซึ่งมีชั้นไห กระปุกดินเผาตั้งเรียงอยู่บนชั้น เดือนนึกถึงแต่หาญ หยิบขวดน้ำปรุงทีเหน็บไว้ที่เอวขึ้นมาดม มอง

"คุณหาญทำไมเข้าใจข้าผิดไปเช่นนั้น"
หาญเข้ามา ปิดประตูงับไว้ หาญยิ้มกว้างเพราะตอนนี้สบายใจแล้วที่เดือนกับมั่นไม่ได้คิดอะไรกัน
เดือนตกใจ หันไปมอง แต่ทำเป็นหันมา หาไหนั้นนี้ มือกำขวดน้ำปรุงแน่น กลัวหาญเห็น
"ไหปูนแดง อยู่ไหนนะ"
"เจ้าหาอะไรรึ เราช่วย"
"มิเป็นไรดอกเจ้าค่ะ คุณหาญไม่ต้องช่วยอะไรบ่าวดอกเจ้าค่ะ อีกอย่างที่บ่าวจะบอก ต่อไปไม่ต้องคิดจะจัดงานแต่งใดๆให้ บ่าวไม่รบกวนเจ้าค่ะ"
"เราขอโทษ เราเข้าใจเจ้าผิดไป"
เดือนตกใจที่หาญขอโทษตน แต่ตกใจกว่าเพราะหาญเข้ามาใกล้มากขึ้น
"คุณหาญ"
"มีอะไรที่เราไม่เข้าใจกันอีกนะ ที่ข้าเจอกับหญิงนางโลมที่ร้านน้ำปรุง ข้าก็ไม่ได้ล่วงเลยใดๆกับนาง ส่วนงานมงคลใดๆ ก็จะไม่มีเกิดขึ้น เพราะข้าไม่ได้พึงใจหญิงใดๆที่คุณแม่จัดหาให้ นอกจาก..." หาญมองเดือน
"คุณหาญบอกบ่าวทำไมเจ้าคะ"
เดือนหันหน้าหนี เขินมาก หาญขยับมาใกล้
"เพื่อให้เจ้าคลายความสงสัยในตัวข้า"
"บ่าว...ไม่เคยแม้แต่คิดเจ้าค่ะ"
"เจ้าไม่คิดถึงข้าเชียวรึ เยี่ยงนั้น เจ้าจะหยิบขวดน้ำปรุงที่ข้าให้ไว้ขึ้นมาดูทำไมกัน"
เดือนเขินจัด หาญจับมือเดือนขึ้นมาดู ในมือเดือนมีขวดน้ำปรุงอยู่ เดือนทำอะไรไม่ถูก ตอบไม่ได้ ขมริมฝีปากเพราะเขินมากจนพูดไม่ออก หาญมองริมฝีปากเดือน เขาโน้มใบหน้าเดือนเข้ามา จุมพิต เดือนตกใจ!

ดาวนั่งเพ้ออยู่มุมหนึ่ง สะใจที่หาญเข้าใจผิดเดือน
"สมน้ำหน้าอีเดือน ต่อให้เอ็งกับไอ้มั่นไม่ได้เป็นอะไรกัน ข้าจะทำให้พวกเอ็งมีอะไรกันให้ได้ เยี่ยงนั้นคุณหาญจะไม่มีวันชายตามองเอ็งเด็ดขาด อีเดือน"
ดาวยิ้มร่ากับแผนการณ์ตัวเอง พอสายตาดาวมองไปทางห้องเก็บของใกล้ครัว เห็น เดือนออกมาจากห้องเก็บของ มือกำของสิ่งใดอยู่ สีหน้าเดือนดูอมยิ้มเขินๆ รีบเดินไปทางซ้าย
"อีเดือน ! มันเป็นอะไร"
ส่วนหาญเดินออกมาจากห้องเดียวกัน แต่เลี้ยวไปทางขวา สีหน้าอมยิ้ม เขิน มีความสุขเช่นกัน ดาวกำหมัดแน่น
"คุณหาญ กับ อีเดือน ! ไม่จริง ไม่จริง"

เดือนใจเต้นไม่เป็นส่ำ แอบมาสงบใจที่ท่าน้ำ หยิบขวดน้ำปรุงขึ้นมาดูด้วยความสุขใจ ดาวเข้ามาเห็น แย่งขวดน้ำปรุงไปจากมือเดือน
"นี่อะไร...ขวดน้ำปรุง คุณหาญให้เอ็งมาเหรอ"
"คืนข้าเถอะนะดาว น้ำปรุงนั่นของข้า"
"ของเอ็ง เอ็งเอามาจากไหน คุณหาญให้เอ็งใช่ไหม"
"ข้า....ข้า"
"เอ็งยั่วคุณหาญ"
ดาวตบหน้า เดือนตะลึง อึ้ง
"เอ็งใช้มารยาหลอกล่อให้คุณหาญให้ของเอ็ง"
"ข้าเปล่านะดาว เอามานะ น้ำปรุงของข้า เอาคืนมา"
เดือนเข้ามาแย่ง ไม่ยอมเพราะกลัวโดนตบอีก ดาวไม่ให้ เกิดการยื้อแย่ง ในที่สุดดาวเลี่ยงหลบ ยื่นมือออกไปที่ชายน้ำ จับขวดน้ำปรุงหมิ่นเหม่
"เอ็งอยากได้ก็เข้ามาเอาสิ"
"อย่านะดาว เอ็งก็รู้ว่าข้าว่ายน้ำไม่เป็น"
"ช่วยไม่ได้ ในเมื่อเอ็งอยากได้ เอ็งก็ลงไปงมเอาแล้วกัน"
"อย่านะดาว"
ดาวยิ้มร้าย เขวี้ยงขวดน้ำปรุงไปกลางน้ำ ขวดน้ำปรุงมีน้ำปรุงไม่เต็มแต่ขวดปิดสนิท ทำให้ลอยน้ำได้
เดือนน้ำตาร่วงเผาะ กลัว ไม่กล้าลงน้ำ
"เอ็งทำอย่างนี้ทำไม"
"อยากได้ก็ไปเอาคืนมาสิ แต่จมน้ำตายไม่รู้ด้วยนะ"
เดือนมองขวดน้ำปรุง มือเอื้อมคว้า ไต่ลงบันไดชั้นล่างสุด แต่มือหนึ่งจับบันไดไว้ อีกมือยื่นออกไปก็ยังไม่ถึง
"ขวดน้ำปรุงของข้า"
"สมน้ำหน้า"
ดาวยกขา อยากจะถีบใจจะขาด ดาวยันเท้าออกไป ยังไม่ทันโดน เดือนก็โผลงน้ำไปแล้ว ดาวตกใจ
"อีโง่ อีบ้า เดี๋ยวได้ตายเพราะหวงของแน่เอ็ง"
เดือนว่ายน้ำไม่เป็น เริ่มสำลักน้ำ ผลุบๆโผล่ๆ ขวดน้ำปรุงลอยอยู่ไกลออกไป เดือนพยายามแต่ว่ายไม่เป็นไปไม่ถึงขวด

เสียงบ่าวไพร่โวยวาย
"มีคนตกน้ำ"
พวงแก้ว เอื้อย มั่นมองไปทางเสียงร้อง
เดือนผลุบโผล่อยู่กลางน้ำ
มั่นร้อง
"นังเดือน"
มั่นรีบวิ่งออกไป

หาญมาถึงท่าน้ำ บ่าวไพร่อยู่ริมฝั่งกำลังตะลึง ดาวยืนอึ้งอยู่ ทำอะไรไม่ถูก พอเห็นหาญ ดาวรีบร้อง
"ช่วยด้วยเจ้าค่ะ อีเดือนจมน้ำ อีเดือนตายแน่แล้ว อีเดือนตายแน่"
มั่นวิ่งเข้ามา จะถอดเสื้อก่อนลงน้ำ
เดือนที่กลางน้ำ คว้าขวดน้ำปรุงได้ ยิ้ม แต่หมดแรง
"น้ำปรุงของคุณหาญ"
เดือนหมดแรง จมน้ำบุ๋งๆลงไป หาญซึ่งอยู่ที่ท่าน้ำ ตกใจมาก
"เดือน !"
หาญตัดสินใจพุ่งลงไป มั่นถอดเสื้อเสร็จ แต่ยังไม่ทันลง หาญลงไปแล้ว

หาญอุ้มเดือนขึ้นมาที่ท่าน้ำ พวงแก้ว เอื้อย ตกใจมาดู เห็นว่าเดือนยังไม่ฟื้น
"นังเดือน ! อย่าเป็นอะไรนะเอ็ง นังเดือน ฟื้นสิ"
"โอ๊ย ตายแล้ว ทำยังไงดี ใครช่วยมันได้บ้าง"
"ต้องผายปอดขอรับคุณแม่"
ทุกคนงงว่าผายปอดคืออะไร หาญไม่รีรอเพราะเห็นเดือนแน่นิ่งไป ไม่แคร์สายตาคนเพราะเป็นห่วงเดือนมากที่สุด หาญบีบจมูกเดือน
"คุณหาญเจ้าคะ เดี๋ยวอีเดือนก็ไม่หายใจพอดี คุณหาญจะทำอะไรเจ้าคะ"

หาญก้มลง เป่าปากให้เดือน ท่ามกลางความตะลึงของดาว เอื้อย มั่น บ่าวไพร่ พวงแก้วอึ้งไป
 
อ่านต่อตอนที่ 7
กำลังโหลดความคิดเห็น