xs
xsm
sm
md
lg

คุณผีที่รัก ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คุณผีที่รัก ตอนที่ 8

สำนักอาจารย์เทพยามค่ำคืน...คามินนั่งฟุบอยู่ เลิกคลุ้มคลั่งแล้ว แต่ยังไม่เป็นมิตร เกี๊ยงยืนดูอยู่ ช็อกๆ
 
“แก...ออกมาจากสุสานรถได้ไง”
อาจารย์เทพเดินตามมา ทำแผลที่ถูกมีดแทงแล้ว
“มันสิงแกออกมา”
“สิงผม จารย์อย่าล้อเล่นน่า” เกี๊ยงทบทวนความจำ “ผมจำได้ว่า เราไปจับมันที่สุสาน แล้วผมก็ถูกมันจับตัว ส่วนจารย์หนีเอาตัวรอดไป...เฮ้ย นี่แสดงว่า ผมจับมันกลับมาได้ใช่มั้ย ฝีมือผมใช่มั้ย สุดยอด”
อาจารย์เทพถีบเกี๊ยงจนคะมำถลาไปแทบชนกับคามิน เกี๊ยงร้องจ๊าก ลนลานถอยหนี
“เมื่อไหร่จะเลิกคิดว่าตัวเองเก่ง...ดูนี่” อาจารย์เทพโชว์รอยแผล “มันสิงแกเพื่อมาฆ่าฉัน โชคดีที่มันไม่ลึกมาก”
เกี๊ยงอึ้ง
“นี่...เกี๊ยงทำร้ายจารย์เหรอ”
“ไม่ใช่แก แต่เป็นมัน...และมันต้องชดใช้ด้วยการเป็นทาสรับใช้ฉัน”
คามินจ้อง แววตากร้าว ไม่ยอม

น้ำมนต์เล่าเรื่องพีระ ให้เพื่อนๆฟัง
“คุณผีพีระโหดร้ายอย่างนั้นเลยเหรอแก” พิมพ์ดาวถาม
“เขาเล่าว่าเขาเห็นภาพตัวเองทำร้าย แล้วก็บีบคอเหมือนกับจะฆ่าคนให้ตาย มันก็น่าจะจริงนะ เพราะเขาหงอยไปมาก”
“คงจะช็อคที่รู้ว่าจริงๆแล้วเป็นพวกนิยมความรุนแรงสินะ หึๆ” อัฐชัยแอบสะใจ
“โถ รูปหล่อ ตัวร้าย และมีปมชีวิต...ต้องไปปลอบ” ลูกโปร่งจะร่อนไปหา
เอมี่จิกหัวไว้ ชี้ไปที่น้ำมนต์
“น้อยๆหน่อย แฟนคนนี้จ้ะ”
“แหม พี่เอมี่ หนูก็แค่ขำๆ”
น้ำมนต์ยิ้มแหะๆไป อัฐชัยไม่สบอารมณ์นัก
“น้ำมนต์ แล้วที่บอกว่าคุณผีพีระไปเห็นภาพตัวเองจะฆ่าคนที่บ้านคุณเมสินี เขาเกี่ยวอะไรกับบ้านนั้นเหรอ”
น้ำมนต์เครียด จำเป็นต้องเล่าทุกอย่างให้ทุกคนฟัง

พีระจะเดินไปหาพวกน้ำมนต์ แต่อยู่ๆก็มีคนมากระชากจากด้านหลัง พีระหันกลับมา พบว่าเป็นแมนสรวงที่กระชากคอเสื้อ
“นายรู้มั้ยว่าน้ำมนต์ปฏิบัติตัวกับฉันยังไง เขาขู่ฉัน มนุษย์ขู่กรรโชกยมทูตให้ทำตามคำสั่ง มันหยามกันชัดๆ แล้วถ้าท่านทูตใหญ่รู้”
“ท่านทูตใหญ่” พีระงง
“มันคือชื่อย่อของท่านผู้เป็นใหญ่ในหมู่ยมทูต ถ้าท่านทูตใหญ่รู้ว่าฉันถูกมนุษย์ตัวเล็กๆแบล็กเมล์ ฉันต้องถูกลงโทษแน่”
“น้ำมนต์ขู่อะไรนาย”
“ก็ขู่จะแฉเรื่องที่ฉันตามจีบ...”
แมนสรวงเกือบหลุดปาก รีบชะงักไว้ พีระเอะใจ หรี่ตามอง
“จีบใคร”
“ไม่มี”
“เจ๊เอมี่ใช่มั้ย”
แมนสรวงปากปฏิเสธ แต่ตัวบิดม้วน เขินมาก
“เฮ้ย...บ้าแล้ว ฉันไม่ได้ชอบ มันผิดกฎ ผิดจรรยาบรรณ คนกับยมทูตรักกันไม่ได้ แค่คิดก็ผิดแล้ว”
พีระจะอ้าปากพูดเบรค แต่แมนสรวงเขินพูดต่อไม่หยุด
“ที่สำคัญ วัยของเราห่างกันเกินไป เอมี่เพิ่งจะสามสิบนิดๆ แต่ฉันแปดสิบแปดแล้ว ฉันไม่อยากถูกหาว่ากินเด็ก ที่พูดนี่ไม่ได้อยากกินนะ ไม่ชอบเลยจริงๆ”
พีระยืนมอง
“นี่เหรออาการคนไม่ชอบ จ้า ไม่ชอบจ้า...”

ทุกคนตกใจเมื่อรู้เรื่อง ร้องออกมาพร้อมกัน
“คุณเมสินีฆ่าคุณผีพีระ”
น้ำมนต์พยายามอธิบาย
“ชู่ว์ๆ ฉันกับพีระแค่สงสัย แต่ยังไม่มีหลักฐาน”
เอมี่ไม่เชื่อ
“ไม่มีทาง คุณเมสินีใจดีจะตาย ไม่มีทางที่เขาจะทำเรื่องร้ายแรงอย่างนั้น เจ๊เอาหัวเป็นประกัน”
พิมพ์ดาวกับลูกโป่งยืนยันพร้อมกัน
“ฉันเห็นด้วย”
“ผมว่ามันน่าจะกลับกันเป็นนายพีระคิดฆ่าคุณเมสินีมากกว่า” อัฐชัยแย้ง
เอมี่ พิมพ์ดาว ลูกโป่ง พูดพร้อมกัน
“จริง”
แต่แล้วพวก 3 สาวชะงัก รีบปิดปาก เผลอตัวไป พิมพ์ดาวรีบแก้
“เราไม่ได้ว่าพีระไม่ดีนะ ก็แกเล่าว่าพีระเขาอารมณ์รุนแรงยังกับจะฆ่าคนได้”
เอมี่กับลูกโป่งรีบเสริม
“ช่าย”
น้ำมนต์โบกมือ
“โอเคๆ จะเชื่อหรือไม่ก็ไม่เป็นไร แต่ขออย่างนึง อย่าเอาเรื่องของพีระไปบอกกับคุณเมสินีหรือคนอื่นๆเด็ดขาด”
น้ำมนต์ชัดเจนหนักแน่น ทุกคนพยักหน้ารับไป อัฐชัยไม่ชอบท่าทีห่วงพีระมากของน้ำมนต์

“น้ำมนต์ดูห่วงพีระมากนะ”

เกี๊ยงเดินถือธงอาจารย์เทพเดินออกจากตัวสำนักมาหา คามินรับรู้ถึงการมา
“ผีอย่างแก ต้องถูกทรมาน”
เกี๊ยงเอาธงอาจารย์เทพสะบัดฟันอากาศตรงหน้าคามิน...เกิดเป็นรอยแผลที่เนื้อของคามิน
“พูดมาว่ายอมเป็นทาสจารย์เทพ แล้วฉันจะหยุด...พูด”
เกี๊ยงฟาดฟันไม่หยุด คามินเจ็บ แต่อดทน เก็บความแค้นเอาไว้ อาจารย์เทพออกมายืนมองจากตัวบ้าน

คอนโดสูงที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้ สูงตระหง่าน วังเวง บรรยากาศน่าขนลุก น้ำมนต์ อัฐชัย พิมพ์ดาว เอมี่ ลูกโป่งก้าวเข้ามายืนมองคอนโดนั้นอย่างมุ่งมั่น พร้อมจะลุยผีในสถานที่นี้ ทุกคน แหงนหน้ามอง มั่นใจ ฮึกเหิมสุดๆ แต่แล้วอยู่ๆมีแมวดำกระโดดลงมาจากต้นไม้มายืนตรงหน้า ทุกคนกรี๊ดเสียจริตทันที โดดกอดกันไปมา
“อ๊ายๆ”
พีระกับแมนสรวงตามมาด้านหลัง มองอย่างระอา
“เดินมากันอย่างเท่ แต่จบเห่เพราะแมวตัวเดียว”
พีระส่ายหัว ขำๆ แล้วเดินตามพวกน้ำมนต์ไป แต่แมนสรวงยังยืนอึ้งอยู่ที่เดิม ก้าวขาไม่ออก เพราะรู้ดีว่าแมวตัวนั้นคือท่านทูตใหญ่
“มะ แมว...”
มีเสียงแมวร้องดังมาจากข้างๆ แมนสรวงหันไปมอง ต้องผงะ แมวดำตัวนั้นนั่งจ้องหน้าเขาอยู่ แมนสรวงซีด

ทุกคนเดินเกาะกลุ่มกันเข้ามาในตึก ถือไฟฉายส่องไปมา น้ำมนต์ พิมพ์ดาว ลูกโป่งทาปากแดงแปร๊ด
“ทำไมพี่ต้องให้พวกเราทาปากแดงขนาดนี้ด้วย” พิมพ์ดาวถามอย่างสงสัย
เอมี่เล่าให้ทุกคนฟังอยู่
“เพราะมันคือจุดเริ่มต้นความเฮี้ยนแบบลืมโลกของคอนโดแห่งนี้ ว่ากันว่า มีคนงานก่อสร้างฉุดหางเครื่องสาวมาข่มขืนฆ่าที่นี่...หางเครื่องสาวทั้งสามคน เป็นเพื่อนรักกันมาก ผ่านงานเต้นมาด้วยกันเป็นร้อย ร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกัน หลายเวลา หลายกลม หลายแบน...แต่แล้ววันนึง พญามัจจุราชก็มาเยือนพวกเธอ พวกมันมองพวกเธออย่างหื่นกระหาย...พวกมันหื่นกระหายมาก...หื่นกระหายมากๆ...
แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเพื่อนรักสองคนหักหลังเพื่อนด้วยการปล่อยให้เธอถูกพวกมันฉุดกระชากไปเพื่อหนีเอาตัวรอด เธอจึงถูกพวกมันยัดเยียดตราบาปให้ อย่างหื่นกระหายมาก...เธอสู้ มันจึงทำร้ายเธอ แล้วเธอก็ขาดใจตายสนองให้กับตัณหาของผีร้ายในคราบมนุษย์เมื่อเวลาเที่ยงคืน แปดนาที...การถูกเพื่อนรักหักหลัง ทอดทิ้งให้เธอถูกข่มขืนฆ่า ทำให้หางเครื่องสาวเคียดแค้นเพื่อนรักทั้งสองมาก...
ตั้งแต่นั้น ทุกคืน ตอนเวลาเที่ยงคืนแปดนาที วิญญาณของหางเครื่องสาวคนนี้จะปรากฏกาย และล่อลวงหญิงสาวปากแดงทุกคน ให้ต้องมีอันเป็นไป...หลังจากเหตุการณ์นั้น เคยมีผู้หญิงลวงมาถูกฆ่าตายที่นี่อีกทั้งหมด สิบเอ็ดคน”
ทุกคนโพล่งออกมาพร้อมกัน
“สิบเอ็ดคน”
“และทุกคนปากแดงทั้งหมด”
น้ำมนต์ พิมพ์ดาว ลูกโป่งสยอง เพราะพวกตนก็ทาปากแดงมา พีระมองอย่างเข้าใจ
“อย่างนี้นี่เองถึงให้สามคนนี้ทาปากมาซะแปร๊ด...เอามาล่อผี”
“ตอนนี้ กี่โมงแล้ว” น้ำมนต์รีบถาม
เอมี่หยิบมือถือขึ้นมา โชว์ให้ดูหน้าจอที่เป็นรูปนาฬิกา แสดงเวลา 00.07น. แล้วมันก็เปลี่ยนเป็น 00.08น.ทันที พร้อมกับเสียงเพลงที่ตั้งเตือนเอาไว้ดังขึ้น
“เที่ยงคืน...แปดนาทีพอดี”
ไม่ทันขาดคำ เสียงหมาหอนดังมา ทุกคนสยอง พีระอึ้ง
“โห...หมาหอนตรงเวลาเป๊ะเลย”
อัฐชัยปลอบทุกคน
“ไม่มีอะไรหรอกน่า ตั้งสติกันหน่อย”
มีเสียงคร่ำครวญฟังไม่เป็นภาษาดังมา ลูกโป่งหน้าตื่น
“เสียง...เสียงใคร”
“นั่น”
น้ำมนต์ชี้ไปที่บันไดขึ้นชั้นบน เห็นเท้าคนยืนอยู่ที่ขั้นบนสุดโดยที่ส่วนบนยังอยู่ในความมืด ค่อยๆก้าวลงมา ค่อยๆเผยให้เห็นร่างกายมากขึ้น ทุกคนสยอง หลบหลังอัฐชัยที่ส่องไฟฉายไปที่มัน พยายามทำใจดีสู้เสือ ปกป้องทุกๆคน แล้วมันก็วิ่งลงมาทั้งตัว คำราม คือไตปลานั่นเอง
“แฮ่”
ทุกคนกรี๊ด แต่แล้วน้ำมนต์เป็นคนแรกที่วิ่งเข้าไปรุมอัดไตปลา
“ว้าก”
คนอื่นๆทยอยเข้าไปรุมด้วย
“ว้ากๆ”
ไตปลาปัดป้องแล้วต้องถอยหนี พร้อมกับรีบร้องห้าม

“อย่าๆ พี่ไตปลาเอง พี่ไตปลา”
 
อ่านต่อเวลา 17.00น.



ดาดฟ้าคอนโดร้าง...แมนสรวงเดินเข้ามาอีกด้าน มองหาไปรอบๆ รอบแรกที่ผ่านไป ไม่เห็นอะไร แต่พอวนกลับมาอีกที ปรากฏแมวดำตัวเดิมนั่งมองเขาอยู่ที่ขอบกำแพง
 
“ท่านยมใหญ่”
“เรียกชื่อฉันให้เต็มๆ”
“ท่านยมทูตผู้เป็นใหญ่ในโลกแห่งจิต วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก โกสต์”
แมนสรวงเผลอฮัมเพลง Unchained Melody ท่อนฮุค ทันใด เกิดเสียงแมวขู่ คำราม พร้อมตะปบดังมาจากทั่วสารทิศรอบตัวเขา แมนสรวงตกใจยกมือปิดป้องตัวเองเพราะกลัวจะถูกทำร้าย จนสะดุดล้มลงไปนอนกับพื้น เขาจะลุก แต่อยู่ๆแมวดำกระโดดขึ้นมานั่งบนอก แมนสรวงผงะ
“ไอ้เด็กไม่ได้เรื่อง ฉันเคยบอกแกแล้วว่าห้ามช่วยเหลือวิญญาณพร่ำเพรื่อ แต่แกก็ยังทำ ห้ามปรากฏกายให้มนุษย์เห็นพร่ำเพรื่อ แต่แกก็ยังทำ ห้ามปล่อยให้คนกับผีมีความรัก แต่แกก็ยังทำ แกทำทุกอย่างที่ผิดกฎ อยากจะลองดีใช่มั้ยยมทูตแมนสรวง”
“ไม่ๆๆครับ เอ่อ คือ เรื่องห้ามช่วยเหลือ ห้ามปรากฏกาย ผมยังพอทำได้นะครับ แต่เรื่องห้ามไม่ให้คนกับผีรักกัน ผมไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ”
“งั้นร้อยปีที่เป็นยมทูตมาก็เสียเปล่า นายควรจะต่อวีซ่ายมทูตไปอีกสักร้อยปี”
“ไม่ต่อครับ ไม่ๆ ผมจัดการได้ครับๆ”
“นี่คือการเตือนครั้งสุดท้าย ครั้งต่อไปเจอดีแน่...เมี้ยว”
แมวดำหายไป แมนสรวงเครียด จะจัดการยังไงดี

ไตปลาสะบัดเนื้อตัวที่โดนรุมกระทืบ เปื้อนฝุ่นและเคล็ดขัดยอก น้ำมนต์ต่อว่า...
“เล่นอะไรไม่รู้เรื่องนะพี่ไตปลา น่าจะโดนให้หนักกว่านี้”
“ยังมาโทษพี่อีก พวกเธอนั่นแหละ ปล่อยให้พี่มารออยู่ได้ตั้งนาน กว่าจะมา แล้วนี่ทาปากแดงกันทำไม”
“แต่งมาล่อผีค่ะ” ลูกโป่งโพล่งออกมา
“ผี”..เอ่อ ไม่ได้กลัวนะ” ไตปลาชะงักไปนิดก่อนจะหยิบสร้อยพระออกมา “อ้อ แล้วพวกเธอก็อย่าลืมซึมซับอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเอาไปใช้ในละครเวทีด้วยนะ จะได้ไม่เสียเปล่าที่มา”
ด้านหนึ่ง เท้าของผีหญิงสาวนั่งห้อยเท้าอยู่ แต่ไม่เห็นตัว พีระเห็นแว่บ รีบหันไปมอง แต่ไม่เจออะไรแล้ว แปลกใจ น้ำมนต์หันมาถามอย่างสงสัย
“มองอะไร”
“เปล่า” พีระส่ายหน้า
อัฐชัยเห็นน้ำมนต์หันไปคุยกับพีระอีกแล้ว ไม่พอใจๆ

อัฐชัยเตรียมกล้องอยู่ แต่สายตายังมองไปที่น้ำมนต์ ที่นั่งพูดอยู่อีกด้านคนเดียว
“น้ำมนต์ทำอะไร”
“ต่อบทให้คุณผีพีระอยู่” พิมพ์ดาวบอก
อัฐชัยไม่พอใจ ฮึดฮัด พิมพ์ดาวสังเกต

พีระคุยกับน้ำมนต์
“สรุปว่าผมไม่มีบทต้อพูดใช่มั้ยล่ะ ก็แค่ทำตามคำสั่งของคุณ งั้นคุณก็จำไปสิ แล้วจะให้ผมทำอะไรก็บอก”
“ขี้เกียจ”
“เอ้า เงินค่าตัวผมก็ไม่ได้ ผมยกให้คุณหมดเลย”
“อย่าพูดพล่อยๆนะ ฉันเอาจริงนะ”
น้ำมนต์หัวเราะขำกับพีระ อัฐชัยเข้ามาขัด
“พร้อมถ่ายหรือยัง”
“ไป”
น้ำมนต์ลุกจะไป พีระลุกตาม แต่หางตาไปเห็นอะไรแว่บๆอีก มองไป แต่ไม่เห็นอะไรแล้ว พีระแปลกใจ...เสี้ยวหน้าของหญิงสาวที่ผมปรกหน้าโผล่มาที่กรอบหน้าต่าง ปากสีแดงแปร๊ดสดมากๆ

น้ำมนต์อยู่หน้ากล้องกับพีระ
“สวัสดีค่ะคุณผู้ชม เทปแรกของรายการผีผจญผี รายการล่าผี ที่ฉีกทุกขนบ รื้อทำลายทุกประวัติศาสตร์รายการผี ด้วยคอนเซ็ปต์ที่ว่า ใครจะพาไปสัมผัสประสบการณ์ขนหัวลุกได้ดีเท่ากับผี ไม่มีอีกแล้ว ใช่ค่ะ ผู้ที่ให้เกียรติมาเป็นพิธีกรสร้างความสยองด้วยตัวเอง ก็คือเขา...”
พีระก้มหยิบแปรงทาสีเก่าๆที่ถูกทิ้งไว้ขึ้นมา พร้อมกับฮัมเพลงโบกแปรงทาสี เต้นเลื้อยไปมา
“แต่แตแต๊ดแต้ แต่แตแต๊ดแตแต่แต๊”
อัฐชัยถือกล้องถ่ายอยู่ มองผ่านจอในกล้อง เห็นแปรงทาสีลอยไปมาเอง ไตปลาเห็นแปรงลอยได้ก็ ตกใจ
“เฮ้ย”
ไตปลาเกือบหลุดเสียงดัง แต่ลูกโป่งปิดปากไว้ก่อน
“ชู่ว์...”
น้ำมนต์พยายามไม่ขำ พีระพูดวรรคทองของรายการ
“คืนนี้...ผี...ชวนคุณไปล่าผี ถ้ากล้าก็ตามมา”
เอมี่ตะโกนขึ้น
“คัท”
ไตปลาที่อัดอั้นอยู่แล้ว ก็กรีดร้องออกมา
“ผี...ผี...ผี”
ไตปลาจะเป็นลม ลูกโป่งกับพิมพ์ดาวดูแล น้ำมนต์หันต่อว่าพีระทันที ขำๆกัน
“เต้นท่าอะไรของนาย ทุเรศ ประสาท ปัญญาอ่อน...ยัง ยังไม่หยุดอีก”
“ก็ไม่มีใครเห็นผมสักหน่อย”
พีระเข้าไปเต้นยั่วน้ำมนต์ใหญ่ อัฐชัยไม่พอใจ ฮึดฮัด

“โอเค ต่อไปแยกถ่ายเจาะเลย จะได้เร็ว” เอมี่สั่งงาน

น้ำมนต์ พิมพ์ดาว ลูกโป่งเปลี่ยนชุดมาเป็นชุดหางเครื่อง พิมพ์ดาวถามเอมี่อย่างไม่เข้าใจ
 
“ทำไมเราต้องใส่ชุดหางเครื่องด้วย พี่จะให้เราทำอะไร”
น้ำมนต์เห็นเอมี่หยิบมือถือออกมา
“พี่คงไม่ได้คิดจะเปิดเพลง...คงไม่ใช่อย่างที่หนูคิดใช่มั้ยคะ”
“เกรงว่าจะใช่”
เอมี่กดเปิดเพลง หางเครื่อง ให้ดังขึ้นมา ลูกโป่งหวาดๆ
“ใส่ชุดหางเครื่อง เปิดเพลงหางเครื่อง เต้นหางเครื่อง ในคอนโดร้างที่มีผีหางเครื่องสิงสถิต ไม่มีอะไรน่ากลัวเล้ย”
เอมี่ถือกล้องถ่าย
“ต้องท้าทายผีอย่างนี้แหละ คนดูชอบ...เร็วๆ ถ้าถ่ายเสร็จเร็ว เจอผีเร็ว ก็ได้กลับบ้านเร็ว”
“กลัวจะได้กลับบ้านเก่ามากกว่า” ลูกโป่งสยอง

อัฐชัย ไตปลาอยู่กับพีระอีกด้าน ไตปลาก้มเอาหน้าแนบกับพื้น หาเหลี่ยมมุมตามประสาผู้กำกับหนัง
“นี่ๆ พี่ว่ามุมนี้สวย ถ่ายผ่านเศษซากปรักหักพังไป ได้ฟีลดิบๆดี”
“ถ้าจะก้มขนาดนี้ ไม่ขุดพื้นลงไปเลยล่ะครับ” พีระส่ายหน้า
“ผมวางไว้เอามุมง่ายๆ คนดูชอบดูง่ายๆมากกว่า” อัฐชัยขัดขึ้น
ไตปลาเงยขึ้นมาจากพื้น ตัวเปื้อนฝุ่น
“แต่มุมนี้สวยกว่า ศิลปะกว่า”
“ศิลปะกว่ามั้ยไม่รู้ แต่ศิลเปรอะเปื้อนนี่ชัวร์เลย เต็มๆ” พีระเซ็งๆ
“อย่าเถียง...นักศึกษาวิชาการละครกับผู้กำกับหนังพันล้าน ควรจะเชื่อใคร” ไตปลาเสียงเข้ม
“ควรเชื่อพี่ถ้าเป็นงานของพี่...แต่นี่งานผม” อัฐชัยไม่สน
พีระถือท่อนไม้เข้ามาขวางกลาง
“หยุดๆ จะเถียงกันอีกนานมั้ย”
“เฮ้ย ผี...ผี...ผี”
ไตปลาตกใจ ถอยไปหลบมุมพนมมือ อัฐชัยบอกกับพีระ
“ตามฉันมา”
พีระงง ทิ้งท่อนไม้ลงพื้น ตามอัฐชัยไป ไตปลายังสยองกลัวผีอยู่ หันมาอีกทีพบว่าตัวเองอยู่คนเดียวแล้ว

น้ำมนต์ พิมพ์ดาว ลูกโป่งเงอะงะ ไม่กล้าเต้น เอมี่สั่ง
“เต้นสิ”
“มันจะไม่ท้าทายไปหน่อยเหรอพี่เอมี่” น้ำมนต์หวาดๆ
“ขนาดเราท้าทายขนาดนี้ ยังไม่เห็นจะมีอะไรผิดแปลกโผล่มาให้เราเจอเลย สงสัยต้องจัดฉากอีกแน่ๆ เอ้า เต้นๆ”
สามสาวเต้นไป เป็นสเต็ปง่ายๆ เต้นไปกลัวไป เอมี่ถือกล้องถ่ายเก็บภาพ

อีกด้าน...อัฐชัยเดินนำมา พีระตามมา
“มาหรือยัง”
พีระเตะก้อนหินให้กลิ้งแทนคำตอบ
“จะถ่ายอะไรก็ถ่ายเร็วๆ”
“เลิกยุ่งกับน้ำมนต์ซะ” อัฐชัยพูดขึ้น
“หา...” พีระชะงัก
“น้ำมนต์เป็นแฟนฉัน ถึงตอนนี้จะไม่ยอมรับว่าเป็นแฟน แต่ก็ไม่มีใครเหมาะกับน้ำมนต์เท่าฉันอีกแล้ว และฉันก็มาก่อน จีบน้ำมนต์ก่อน คนมาทีหลังก็ควรจะถอยไป”
“ตกลงว่าไม่ได้เรียกมาถ่าย แต่เรียกมาเคลียร์เรื่องส่วนตัว”
“ฉันขอถามนายครั้งสุดท้าย อย่างลูกผู้ชาย จะตกลงกันดีๆหรือต้องให้ฉันใช้กำลัง”
“จะใช้กำลังกับผีเนี่ยนะ มองฉันนายยังไม่มีปัญญามองเลย...จะทำอะไรได้”
ไตปลาวิ่งตามเข้ามา โวยวาย กลัวผี
“อัฐชัย นายทิ้งพี่ได้ยังไง ใจร้ายมาก”
ว่าแล้วอัฐชัยก็ทำท่าว่าถูกสิ่งที่มองไม่เห็นลากไปกระแทกกับผนัง กระแทกซ้ำๆ
“โอ๊ย...”
พีระงง เพราะมองไปไม่เห็นวิญญาณอะไร เห็นแต่อัฐชัยทำตัวเอง แล้วก็ตาโตไม่อยากเชื่อว่าอัฐชัยจะใช้ไม้นี้ ไตปลาเงอะงะ
“เฮ้ย อะไร ใครทำนาย...ผี...ผี...ผี”

อัฐชัยยังกระแทกไม่หยุด

คุณผีที่รัก ตอนที่ 8 (ต่อ)

น้ำมนต์ พิมพ์ดาว ลูกโป่งยังเต้นต่อ เอมี่มองสามสาวเต้นอย่างพอใจ แล้วหันไปกดเร่งเสียงเพลงให้ดังขึ้นอีก แล้วหันกลับมามองอีกที แต่ปรากฏว่ามีสาวที่สี่ยืนก้มหน้าให้ผมปรกหน้าอยู่ปลายแถว แล้วเงยหน้ามาจ้อง ตาโต
 
“ว้าย”
เอมี่ตกใจ ร้อง ปิดตา ไม่กล้ามอง สามสาวชะงัก หยุดกึก มองกันไปมา ลูกโป่งสงสัย
“อะไร พี่เห็นอะไร”
“ตรงนั้น” เอมี่ชี้ไป
น้ำมนต์มองตามไป ไม่เห็นมี
“ตรงนั้นไม่มีอะไร”
น้ำมนต์หันกลับมา พบว่าผีสาวอยู่ข้างๆ
“แต่ตรงนี้...มี”
ทุกคนผงะ ตาโตค้าง ไม่กล้าไหวติง

อัฐชัยกระแทกครั้งสุดท้าย แล้วทิ้งตัวหมอบฟุบไปกับพื้น
“พีระ ฉันพูดอะไรผิด ทำไมนายต้องทำร้ายฉันด้วย”
“เฮ้ย นายทำตัวเองชัดๆ แล้วมาใส่ความฉันเพื่ออะไร” พีระโวย
อัฐชัยหันไปหาไตปลา
“พี่ไตปลา พี่เห็นใช่มั้ยว่าผีพีระทำร้ายผม”
“ผี...ผี...ผีพีระ ที่มากับพวกเราเหรอ”
“ใช่ เป็นพยานให้ผมด้วยนะ”
“ได้ๆ”
“อ๋อ นี่นายจะให้ไตปลาเป็นพยานว่าฉันทำร้ายนายงั้นเหรอ”
พีระกระชากคอเสื้ออัฐชัยขึ้นมา
“อยากให้ฉันทำร้ายจริงๆใช่มั้ย”
ทันใด เสียงกรี๊ดของพวกผู้หญิงดังมา พีระชะงัก
“เสียงพวกผู้หญิง”

พวกผู้หญิงพากันวิ่งหนีไปตามมุมต่างๆของคอนโด แต่พอไปทางไหน ก็จะถูกผีสาวโผล่มายืนขวางหน้าเอาไว้ทุกทาง พวกผู้หญิงผงะ ต้องวิ่งถอยกลับ แล้วหนีขึ้นไปชั้นบนเรื่อยๆ

พีระปล่อยมือจากอัฐชัย จะรีบไปดูพวกน้ำมนต์ แต่อัฐชัยทิ้งตัวล้มลงกับพื้น แล้วแอคติ้งว่าถูกทำร้ายเจ็บมากๆ ดิ้นไปดิ้นมาราวถูกเตะ
“โอ๊ยๆ พอแล้วๆ”
“อัฐชัย...แก...ไอ้ผีร้าย ทำไมแกใจร้ายอย่างนี้” ไตปลาหน้าตื่น
“เฮ้ย นี่ ข้างบนเกิดเรื่องอะไรไม่รู้ นายยังมีหน้ามาใส่ร้ายฉันอีกเหรอ”
พีระไม่สนใจอัฐชัย รีบขึ้นไปข้างบน แมนสรวงโผล่มามองแอคติ้งของอัฐชัยอยู่
“ไอ้นี่ มันท่าจะรักน้ำมนต์จริง งั้นก็ช่วยขัดขวางให้สำเร็จนะ พีระจะได้ตั้งใจหาทางกลับเข้าร่างหน่อย”

พวกผู้หญิงวิ่งขึ้นมาบนดาดฟ้าทั้งหมด มาเจอกันเองก็ตกใจกันเอง กรี๊ด ผีสาวเดินบันไดตามมา ทุกคนถอยกรูไปรวมกันที่มุมด้านหนึ่ง น้ำมนต์ยืนหน้าสุด ผีสาวค่อยๆก้าวเข้ามา พวกน้ำมนต์ก้าวถอย ผีสาวก้าว คนถอย เอมี่หันไปมองด้านหลัง พบว่าใกล้จะสุดขอบแล้ว อันตราย
“เขาจะฆ่าเรา จะผลักเราให้ตกคอนโด”
ทุกคนผงะ กลัว น้ำมนต์มองผีสาวแล้วถามขึ้น
“คุณ...ต้องการอะไร”
“พวกแก...”
“พวกเราลบหลู่คุณใช่มั้ย เราขอโทษ อยากให้เราทำบุญหรือถวายสังฆทานไปให้หรือเปล่า เรายินดี”
“พวกแก...พวกแก...เต้นผิดจังหวะ”
“หา...”
น้ำมนต์งง ไม่เชื่อหูตัวเอง
“จังหวะมันต้องอย่างนี้”
ผีสาวเต้นให้ดู แต่เต้นช้าเนิบๆแบบผี เพียงแต่ลงจังหวะ น้ำมนต์งง คาดไม่ถึง ขำๆ คนอื่นๆยังคงกลัว พิมพ์ดาวหน้าตื่น
“น้ำมนต์ แกหัวเราะทำไม มีอะไร หรือแกถูกผีสิง”
พีระวิ่งตามขึ้นมาถึง เห็นผีสาวเต้นหางเครื่องให้พวกน้ำมนต์ดูอยู่ ก็งงๆ

เอมี่กดเปิดเพลง แล้วหยิบกล้องถ่าย พิมพ์ดาว ลูกโป่ง น้ำมนต์เต้นหางเครื่อง โดยมีผีสาวเป็นคนนำเต้น ทุกคนมองท่าจากน้ำมนต์
“ผีก็เหมือนกับคน มีทั้งดีและไม่ดีปะปนกัน ถ้าเราจะแยกแยะ ใช้ตามองอย่างเดียวคงไม่พอ เราต้องลดอคติด้วย แล้วเราอาจจะเห็นความน่ารักของเขาก็ได้” น้ำมนต์แนะ
พิมพ์ดาวเสริม
“เหมือนคุณพี่ผีสาวที่แค่อยากมาสอนให้เราเต้นถูกจังหวะ”
“พรุ่งนี้ฉันคงต้องไปทำบุญหน่อยแล้ว” ลูกโป่งยังหวดๆ
“เอาน่า ทำให้พี่เขามีความสุขหน่อย เผื่อเขาจะได้ไปผุดไปเกิด หรือไม่ก็ตอบแทนแกด้วยตัวเลขตรงๆสักสองสามตัว” น้ำมนต์พูดขำๆ
แต่แล้วทันใด มีเสียงอัฐชัยกับไตปลาโวยวายดังมา พีระรู้ทันทีว่าอัฐชัยยังไม่เลิกใส่ร้ายตนอีก
“ยังไม่เลิกใช่มั้ย”
พีระพุ่งออกไปก่อนเลย พวกน้ำมนต์ตามไป

อัฐชัยทำทีว่าถูกลากขึ้นมาที่บันได ไตปลาโวยวาย
“แกจะเอาอัฐชัยไปไหน”
“พี่ไตปลา ช่วยด้วย เขาจะทำร้ายผม”
ไตปลาตัดสินใจเข้าไปจับตัวอัฐชัย ยื้อแย่ง ยื้อไปยื้อมา พอดีพีระวกกลับมา
“ถ้าพวกนายยังไม่เลิก ฉันจะเล่นพวกนายจริงๆแล้วนะ”
แต่พอดี อัฐชัยยื้อกับไตปลาแล้วเผลอชนไตปลาโดยไม่ได้ตั้งใจ จนไตปลาเสียหลัก เซไปทางบันไดที่ยังสร้างไม่เสร็จ ไม่มีราวกั้น ไตปลาจะตกบันได ผวา ใช้มือกวักๆอากาศ
“เฮ้ยๆ”
อัฐชัยจะเข้าคว้าตัว แต่ไม่ทัน ไตปลาร่วงลงไป ตกใส่โครงไม้ จนมันแตกกระจาย โครม อัฐชัยอึ้งว่าซวยแล้ว ไม่คิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุ
“พี่ไตปลา...”
“นั่นไง คนที่ทำร้ายคนอื่นมีแต่นายคนเดียวอัฐชัย” พีระถอนใจ
อัฐชัยรีบวิ่งเข้าไปดูไตปลา ว่าเป็นอะไรมากมั้ย ไตปลาโอดโอย ระบม ทันใด มีเสียงพวกน้ำมนต์มาจากฉันบน
“อัฐชัย เกิดอะไรขึ้น อัฐ”
อัฐชัยเห็นท่าไม่ดี ไม่รู้ทำไง เลยตัดสินใจ ล้มลงไปเคียงข้างไตปลา ส่งเสียงโอดโอยแบบเจ็บระบมอีกคน
“โอ๊ย”
น้ำมนต์ลงมาเห็นสภาพอัฐชัยกับไตปลาก็ตกใจ

“อัฐชัย พี่ไตปลา”

พิมพ์ดาวกับลูกโป่งประคองไตปลาออกมาด้านหน้าคอนโดร้าง ไตปลามีอาการเจ็บที่เท้า น้ำมนต์ประคองอัฐชัย ที่แสร้งว่าเจ็บที่แขน
 
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมนายกับพี่ไตปลาถึงตกบันไดลงมาได้” น้ำมนต์ถามอย่างแปลกใจ
“ไม่มีอะไรหรอก” อัฐชัยมองรอบๆอย่างระแวง
“ไม่มีอะไร แล้วมองอะไร ทำท่าระแวงเหมือนกลัวใครจะมาทำร้าย” เอมี่มองสงสัย
“มันน่ะสิ...ผี...ผี...ผีพีระ” ไตปลาโพล่งออกมา
ทุกคนงง ไม่อยากเชื่อ
“ผี...ผี...ผีพีระทำร้ายพี่ ทำร้ายอัฐชัย ทั้งบีบคอ ทั้งเหวี่ยง จับกระแทก แล้วยังถีบตกบันไดลงมาอีก เขาจะฆ่าพวกเรา”
“หา...” ทุกคนหน้าตื่น
อัฐชัยแอบยิ้มสมใจ น้ำมนต์หันมามองพีระ
“ฝีมือนายจริงๆเหรอ”
พีระเซ็ง ขี้เกียจตอบ

สำนักอาจารย์เทพ...เกี๊ยงยังคงฟาดธงใส่คามินไม่หยุด แต่เริ่มช้าลงมาก เพราะเกี๊ยงกลับเป็นฝ่ายเหนื่อยเสียเอง คามินยังคงนั่งซึมซับความเจ็บปวดเอาไว้
“ช้านี่ไม่ใช่เพราะเหนื่อยหรือเมื่อยนะ แต่จารย์สอนให้เน้นคุณภาพไม่เน้นปริมาณ จะดื้อไปถึงไหน ยอมเป็นทาสจารย์เทพซะทีสิเว้ย”
เกี๊ยงฟาด ครั้งนี้คามินยกแขนข้างนึงขึ้นป้อง แรงพลังสะท้อนแขนไปโดนโต๊ะเก่าๆตรงนั้นจนมันแตกหัก เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เกี๊ยงจะฟาดต่อ แต่อยู่ๆคามินพูดออกมา
“ฉันยอมแล้ว”
เกี๊ยงหยุดทันทีเพราะแขนล้ามาก
“โหย”
อาจารย์เทพยิ้ม คิดว่าคามินยอมแล้ว กำลังจะเดินเข้ามา แต่อยู่ๆคามินผวาไปคว้าท่อนไม้แหลมนั้นมา แล้วเงื้อจะพุ่งไปที่อาจารย์เทพ แต่ฉับพลันรอยอักขระที่คอเปล่งแสง คามินผวาเฮือก แล้วตัวก็ค้างแข็งอยู่ในท่าที่กำลังจะพุ่งท่อนไม้แหลมใส่อาจารย์เทพ คามินขยับไม่ได้ เพราะถูกอาคมของ อาจารย์เทพตรึงร่างกายเอาไว้
“ฉันไม่มีอารมณ์เล่นกับแกแล้ว ถ้าไม่ยอมเป็นทาส งั้นฉันจะสาปส่งแกไปนรกเอง”
อาจารย์เทพร่ายคาถา แล้วเป่าพ่วงออกมา เกิดเป็นพลังอาคมที่ท่อนไม้แหลมที่คามินถืออยู่ แล้วอาคมของอาจารย์เทพก็สะกดให้มือของคามินเปลี่ยนทิศเป็นจะเอาท่อนไม้แหลมที่ฉาบไปด้วยอาคม แทงท้องตัวเอง คามินไม่สามารถบังคับมือตัวเองได้
“ฉันให้โอกาสแกครั้งสุดท้าย จะมาเป็นทาสฉันหรือลงนรก”
คามินหวาดเสียว ปลายแหลมของท่อนไม้กำลังจะจิ้มท้องแล้ว

ร้านเจ๊แมวเช้าวันใหม่...เจี๊ยบรู้เรื่องผีก็ตกใจ
“น้องน้ำมนต์เลี้ยงผี”
เจ๊แมวกำลังอธิบายให้เจี๊ยบฟัง โดยมีงอแงเกาะหนึบเพราะกลัวผีมาก
“ใช่ค่ะ หนูเห็นกะตา” งอแงยืนยัน
“เจ๊ไม่รู้นะว่าน้ำมนต์เลี้ยงผีเพื่ออะไร แต่ถ้าต้องอยู่ละแวกบ้านเดียวกับคนเลี้ยงผี เจ๊ทนไม่ได้”
“เจ๊จะไปเอาหมอผีมาปราบ”
“เจ๊จะไปขอหวย”
พิมพ์ดาวเดินออกมาพอดี
“น้องดาว...ในฐานะเพื่อนสนิท ช่วยยืนยันทีว่าน้ำมนต์เลี้ยงผีจริงหรือหลอก”
“เอ่อ คือ...” พิมพ์ดาวอึกอัก
“เห็นมั้ยว่าจริง” เจ๊แมวแทรกทันที
“ยังไม่ได้ตอบ” เจี๊ยบโวย
“อึกอักอย่างนี้ก็แปลว่าจริงนั่นแหละ แต่ไม่อยากบอกออกมา”
“หนูไม่ทราบค่ะ” พิมพ์ดาวตัดบท
พิมพ์ดาวจะชิ่งหนีออกไป แต่อัฐชัยเดินเข้ามา แขนข้างหนึ่งเข้าเฝือกอ่อนไว้
“มีผีที่บ้านน้ำมนต์จริงๆครับ”
“หา...” เจี๊ยบ เจ๊แมว งอแงร้องพร้อมกัน
“ผมแค่พูดไม่เข้าหูเขาหน่อยเดี๋ยว ผลที่ได้ก็นี่” อัฐชัยโชว์เฝือก “ฝีมือเขาครับ”
“ห๊า” เจี๊ยบ เจ๊แมว งอแงหน้าตื่น
“เขาอาจอยู่แถวนี้ก็ได้”
“เฮ้ย”
ทั้งสามคนสยอง กลัว พิมพ์ดาวมองอัฐชัยอย่างไม่ชอบใจ น้ำมนต์กับข้าวต้มเข้ามาในร้าน
“คุยอะไรกันอยู่คะ”
ทุกคนพอเห็นน้ำมนต์เข้ามาก็พากันตกใจร้องจ๊าก แยกย้ายกันไป น้ำมนต์งงๆ

บ้านน้ำมนต์...พีระบ่นให้แมนสรวงฟัง
“ฉันควรจะทำยังไงกับนายอัฐชัยดี”
“จากที่ฟังนายเล่ามา นายกำลังถูกอัฐชัยจัดฉากใส่ร้ายให้กลายเป็นผีใจร้ายในสายตาน้ำมนต์...ดีแล้ว”
“เฮ้ย ดียังไง”
ระหว่างนั้น แจ๊วเดินคุยโทรเข้ามานั่งร่วมวงด้วย แต่แจ๊วไม่เห็นผี
“น้องข้าวต้มออกไปกับน้ำมนต์แล้วก็ไม่บอก ค่ะๆ”
แจ๊ววางสาย แล้วรีบลุก แต่เผลอทำถั่วหกเกลื่อน
“ว้าย ตายๆ”
แจ๊วรีบร้อนไปหาไม้กวาด แมนสรวงหันมาอธิบาย
“ดีตรงที่นายจะได้อยู่ห่างๆน้ำมนต์ไง เพราะมันเป็นไปได้ที่พอความทรงจำกลับมา นิสัยและทัศนคติเก่าๆก็จะกลับมาด้วย เหมือนเวลาที่คนทำงานวุ่นๆแล้วไม่รู้ตัวว่าลืมกินข้าว แต่พอนึกได้เท่านั้นแหละ หิวเลย”
แจ๊วเอาไม้กวาดกลับมา รีบกวาดเศษถั่ว แต่ดันมากวาดตรงจุดที่พีระและแมนสรวงนั่งคุยกันอยู่ พีระกับแมนสรวงต้องยกเท้าขึ้นมาบนโซฟา เพื่อเปิดทางให้แจ๊วทำความสะอาด
“แต่ถ้าฉันจำทุกอย่างได้ ฉันไม่มีทางร้ายกับน้ำมนต์แน่”
พูดจบแจ๊วตามมากวาดเศษถั่วที่ค้างอยู่บนเบาะโซฟา พีระกับแมนสรวงต้องขยับลุกไปยืน
“อย่ามั่นใจ อนาคตนายไม่มีวันรู้”
แจ๊วมากวาดตรงที่พีระและแมนสรวงยืนตลอด จนทั้งสองต้องเดินหลบหลีกไป คุยกันไป
“ฉันรู้ รู้ว่าน้ำมนต์ดีกับฉันมาก ฉันจะจำทุกอย่าง จะไม่มีวันลืมบุญคุณที่น้ำมนต์ช่วยฉันเด็ดขาด”
“นายมีสิทธิ์เลือกเหรอว่าจะจำหรือลืม”
“หมายความว่าไง”
ระหว่างนี้ แจ๊วนั่งยองก้มๆ จะหยิบของที่ใต้โซฟา เอื้อมมือข้างหนึ่งเข้าไป ใช้มืออีกข้างดันโซฟาอย่างลำบากๆเพราะโซฟาหนัก แมนสรวงอึกอัก ไม่อยากพูดไปมากกว่านี้
“ไม่มีอะไร”
“มี...มีแน่ๆ พูดออกมา พูด...”
แมนสรวงเผลอจับอีกด้านของโซฟา แล้วยกขึ้นมา กลายเป็นว่าพีระกับแมนสรวงช่วยกันยกโซฟาขึ้นมาจนลอย
“บอกว่าไม่มีก็ไม่มีเซ่”
แจ๊วโล่งใจที่มีคนช่วยยกโซฟา
“เอ้อ ขอบใจนะที่ช่วย” แต่แล้วแจ๊วก็ผงะ “โซฟาลอยได้”

แจ๊วกรี๊ด พีระกับแมนสรวงตกใจรีบทิ้งโซฟาลงที่เดิม แจ๊วสลบไป

แมนสรวงเดินแยกมา พีระไล่ตามถาม
 
“ตอบฉันมาว่านายพยายามจะบอกอะไรฉัน”
“ฉันบอกได้แค่ว่า ถ้าไม่อยากทำให้เรื่องมันยุ่งยาก ตัดอารมณ์ความรู้สึกออกไปซะ เหลือแค่อย่างเดียวคือตามหาร่างของนายให้เจอ”
“นายย้ำเรื่องนี้กับฉันหลายทีแล้วนะ ทำไม ถ้าฉันจะมีอารมณ์แล้วมันเป็นปัญหายังไง ตอบมา”
“ก็เพราะว่าสุดท้ายแล้วนายจะล...”
แมนสรวงพูดไม่ทันจบประโยค แมวดำตัวเดิมก็กระโดดเข้ามาอยู่ในสายตาพอดี
“แมว”
แมนสรวงผงะ แล้วหายตัวไปทันที พีระโวย
“กลับมาก่อนสิวะ เฮ้ย”

ร้านเจ๊แมว...น้ำมนต์ดูอาการบาดเจ็บของอัฐชัย
“ดีนะที่ไม่ถึงกับหัก ยังไงฉันต้องขอโทษแทนนายพีระด้วยนะ แล้วฉันจะไปบอกให้เขามาขอโทษนายด้วยตัวเองอีกที”
“ไม่ต้องๆ ต่างคนต่างอยู่ดีแล้ว” อัฐชัยทำท่ากลัวมาก
“เขาทำให้นายกลัวขนาดนี้เลยเหรอ”
พิมพ์ดาวยืนดูอยู่ด้วย หมั่นไส้ เพราะรู้ว่าอัฐชัยอ้อนน้ำมนต์อยู่
“แอคติ้งน่ะสิ เจ็บนิดเดียวแต่เล่นละครซะเว่อร์”
อัฐชัยไม่สนใจพิมพ์ดาว
“เรื่องนี้เราไม่ติดใจหรอก เราห่วงน้ำมนต์มากกว่า เราไม่ได้อยากคิดมากนะแต่เราอยากให้น้ำมนต์ระวังตัวไว้หน่อย มันเป็นไปได้มั้ยว่า พอพีระจำอะไรได้ นิสัยเก่าๆของเขาก็จะกลับมา อย่างที่เขาจำได้ว่าตัวเองเคยบีบคอราวกับจะฆ่าคน เขาก็เลยมีท่าทีรุนแรงขึ้นอย่างนี้”
น้ำมนต์อึ้ง

ข้าวต้มนั่งรอกินอาหารเช้าอยู่
“เจ๊แมวคร้าบ เค้าจะกินโกโก้ร้อนกับปาท่องโก๋วันนี้นะคร้าบ”
เจ๊แมวกับเจี๊ยบยังยืนเหม่อคุยกันเรื่องผี
“เจี๊ยบ...บ่ายนี้หวยออก แกคิดว่าในสถานการณ์ตึงเครียดอย่างนี้ เราควรอยู่ให้ห่างผีที่บ้านน้ำมนต์ดีมั้ย”
“ผีน่ากลัวก็จริง แต่เจ๊รู้มั้ยว่าอะไรน่ากลัวกว่าผี”
“หนังหน้าแกไง”
“ใช่...เอ๊ย ไม่ใช่ ที่น่ากลัวกว่าผี ก็คือ...”
“เวลาหิวแล้วคนขายเอาแต่เม้าท์ไม่เลิก” ข้าวต้มเดินมาบอก
“ถ้าอยากกินกลับไปนั่งเลย” เจ๊แมวชี้กระบวย
“คร้าบ” ข้าวต้มจ๋อย
“สิ่งที่น่ากลัวผีก็คือเวลาท้องหิวแต่ไม่มีเงิน”
เจี๊ยบแกะขนมที่ขายในร้านเจ๊แมวกินไปด้วย
“แกกำลังจะบอกว่า...”
“ผมไม่มีเงิน”
เจี๊ยบยังหน้าด้านหยิบปาท่องโก๋กินอีก น้ำมนต์เดินพุ่งกลับเข้ามา
“ข้าวต้ม กินไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่กลับบ้านไปจัดการไอ้ผีตัวแสบก่อน เดี๋ยวมา”
น้ำมนต์ไป พวกเจ๊แมวหูผึ่ง เจ๊แมวกับเจี๊ยบพูดพร้อมกัน
“ไปจัดการผี”

สำนักอาจารย์เทพ...เกี๊ยงเอาแผ่นมาร์ส์กหน้ามาพอกหน้าให้อาจารย์เทพที่นั่งกึ่งนอนอย่างสบายใจ ในขณะที่คามินนั่งทรุดอยู่ที่หน้าประตู
“หน้าที่แกมีอย่างเดียว คือให้แกจับตัวไอ้ผีพีระมาให้ฉันทรมานและกำจัดวิญญาณมันด้วยมือฉัน”
“พีระ...ไอ้วิญญาณบริสุทธิ์ มันเป็นของฉัน ถ้าจะกำจัดมันก็ยกให้ฉันเสพพลังของมันดีกว่า”
“เดี๋ยวๆ ผีพีระยังบริสุทธิ์อยู่ แล้วแกก็อยากจะเปิบบริสุทธิ์มัน” เกี๊ยงพูดแล้วขนลุก
อาจารย์เทพคว้าของแถวนั้นเคาะกะโหลกเกี๊ยง
“ไม่ใช่เว้ย...ฉันเคยพูดให้แกฟังแล้วไง วิญญาณบริสุทธิ์คือวิญญาณที่อยู่กึ่งกลางระหว่างเป็นผีกับเป็นคน เป็นวิญญาณที่พลัดหลุดออกจากร่าง ต้องหาทางกลับสู่กายหยาบให้ได้ เพื่อกลับมามีชีวิตอีกครั้ง”
คามินแววตามุ่งมั่น
“แต่ถ้าฉันได้เสพพลังของมัน ฉันก็จะกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง ด้วยร่างกายของมัน”
“ที่เด็กนักศึกษาพวกนั้นตามหาร่างพีระ ก็เพราะมันรู้ว่าพีระจะกลับเข้าร่างได้ หึๆ ไอ้พีระมันมีมูลค่ามากกว่าที่คิดนะเนี่ย หึๆ”

อาจารย์เทพสะใจ ร้ายกาจ

บ้านน้ำมนต์...พีระจาม ฮัดเช้ย
 
“ใครคิดถึงเราน้า”
น้ำมนต์เดินพุ่งเข้ามาหา เรียกเสียงเข้ม
“นายพีระ”
“คิดถึงผมหรา...”
“นายต้องไปขอโทษอัฐชัยเดี๋ยวนี้”
“ทำไมต้องไป ผมไม่ได้ทำอะไรผิด”
“อัฐชัยแขนหักอย่างนั้น ยังบอกว่าไม่ได้ทำอีกเหรอ”
“ใช่...” พีระยื่นหน้า พูดชัดๆเน้นๆ “ผม ไม่ ได้ ทำ”
น้ำมนต์ฮึดฮัด

หน้าบ้าน เจ๊แมวลากงอแงมา โดยมีเจี๊ยบกับข้าวต้มมาด้วย
“แม่จะมาบ้านพี่น้ำมนต์ทำไม หนูกลัว” งอแงกลัว
“ไม่ต้องกลัวนะลูกนะ ดูแม่สิ ยังไม่กลัวเลย”
“แล้วที่คออะไรครับ”
ข้าวต้มชี้ให้ดูที่สร้อยพระเต็มคอของเจ๊แมว
“อ่ะๆ แม่ให้งอแงห้อยเอาไว้นะ อดทนหน่อยนะลูก ที่แม่ทำก็เพื่อลูกนะ วันนี้แม่จะต้องได้ค่าเทอม ค่ากวดวิชาของหนู ลูกต้องเอาความสามารถทางคณิตศาสตร์มาช่วยแม่ด้วยนะ”
“อ่ะ อุปกรณ์ รับไป” เจี๊ยบเอากระป๋องแป้งมาแจก
“ชู่ว์ๆ มาแล้วๆ”
ข้าวต้มชี้ให้ดูว่าน้ำมนต์เดินออกมาทางนี้พอดี

น้ำมนต์เดินตามตื๊อพีระที่เดินเลี่ยงหนีมา
“คนทำผิดก็ต้องกล้ารับผิด ไม่ใช่เรื่องน่าอายหรือเสียศักดิ์ศรีเลยถ้าจะพูดว่าขอโทษ”
“ผมไม่ได้อาย แต่ผมไม่ได้ทำ เพื่อนคุณทำตัวเอง”
“ถ้าจะปัดความรับผิดชอบก็ช่วยคิดเหตุผลที่ดีกว่านี้ได้มั้ย”
“ไม่เชื่อก็เรื่องของคุณ”
พีระจะหันเดินหนีไป แต่ชะงักเพราะพวกเจ๊แมวพากันออกมาขวาง เจ๊แมวพูดเบาๆ
“เขาอยู่นี่ใช่มั้ย”
“ค่ะ” น้ำมนต์งงๆ
“ตามสบายๆ เหมือนไม่มีพวกเราอยู่นะ”
พวกเจ๊แมวทำตัวเบาๆพูดเบาๆ ไม่อยากให้รบกวนน้ำมนต์กับพีระมาก พยายามมองหาตำแหน่งพีระจากสายตาน้ำมนต์
“ฉันให้โอกาสนายตัดสินใจอีกที”
“อีกร้อยทีผมก็ไม่ไป”
ทันใด เจ๊แมวกับเจี๊ยบโรยแป้งฝุ่นไปจุดที่พีระอยู่ แป้งฟุ้งตลบ พีระตกใจ
“เฮ้ยๆ อะไรเนี่ย”
น้ำมนต์หน้าตื่น
“ทำอะไรกันคะ”
“ตามสบายๆ เหมือนไม่มีพวกเราอยู่” เจ๊แมวยิ้ม
เจี๊ยบก้มดูรอยแป้งที่หล่นลงไปกับพื้น กวักมือเรียกเจ๊แมว
“เจ๊แมวๆ นี่ๆ”
เจ๊แมวกับงอแงไปก้มดูรอยแป้งที่พื้น
“เห็นมั้ย”
เจ๊แมวตีเป็นตัวเลขทันที
“เจ็ด หก ศูนย์”
“หก แปด เจ็ด” ข้าวต้มแย้ง
งอแงเถียงข้าวต้ม
“ไม่ใช่ เก้า ศูนย์ ศูนย์ หนึ่งต่างหาก”
พีระกับน้ำมนต์พอรู้ว่าคนพวกนี้มาหาเลขเด็ด ก็ส่ายหน้า เดินหนีออกไปจากบ้าน พวกเจ๊แมวยังง่วนกับเลขเด็ดไม่เลิก เจี๊ยบชี้ไป
“ตรงนี้...สองสองสอง เบอร์ตอง สวยแจ่ม เด็ดสุด”

น้ำมนต์ตามพีระมาหน้าบ้าน
“ต้องทำยังไงนายถึงจะยอมไปขอโทษเพื่อนฉัน”
“ต้องทำยังไงคุณถึงจะเชื่อว่าผมไม่ได้ทำ”
“ถ้าฉันเชื่อ แล้วนายจะไปขอโทษอัฐชัยมั้ย”
“ถ้าเชื่อ ก็ต้องไม่บังคับให้ผมไปขอโทษสิ”
“ฉันไม่อยากให้นายกับเพื่อนฉันบาดหมางกัน ฉันจะช่วยนายได้ยังไงถ้าเพื่อนๆฉันเหม็นขี้หน้านาย ฉันถึงต้องบังคับ เข้าใจมั้ย เลิฟมีเลิฟมายด็อกน่ะ”
“เลิฟมีเลิฟมายด็อก ถ้ารักฉันให้รักหมาของฉันด้วย”
“ฉันไม่ได้จะบอกว่าเพื่อนๆฉันเป็นหมานะ”
“แต่ตั้งใจจะบอกผมว่า ถ้ารักคุณให้ยอมทำเพื่อคุณใช่ป่ะ”
น้ำมนต์อึ้ง เขิน
“ก็...”
“บอกเหตุผลนี้แต่แรก ก็ยอมไปนานแล้ว”
พีระยิ้มให้ น้ำมนต์งงๆ เขินๆ หันหน้าหนี อาย จะเดินหนี แต่พีระคว้ามือเอาไว้
“จะกลับเข้าบ้านทำไม พาผมไปขอโทษเพื่อนคุณสิ”

พวกเจ๊แมวยังง่วนกับการก้มหน้ามองหาเลข เด็กๆจ้องเพ่งลงไปใกล้ๆกับพื้นมากๆ เจ๊แมวเอาแว่นขยายมาส่อง แล้วรีบจดตัวเลขลงสมุด แจ๊วที่เพิ่งตื่นจากการสลบเดินงัวเงียเรียกสติตัวเองออกมา
“ข้าวต้มก็ไม่อยู่ แล้วทำไมโซฟาลอยได้”
แต่แล้วแจ๊วชะงัก เพราะเห็นคนกำลังง่วนทำอะไรกันที่พื้นอยู่
“ทำอะไรน่ะ”
เจ๊แมว เจี๊ยบ งอแง ข้าวต้มเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกัน ทุกคนหน้าขาวโพลนเพราะคลุกแป้งมา ดูไม่ต่างหากผี
“ผะ...ผี”
แจ๊วสะดุ้งโหยงจะวิ่งหนี แต่ลื่นฝุ่นแป้ง ไถลจะล้ม แต่มีคนเข้ามารับเอาไว้ได้พอดี เห็นเป็นเจี๊ยบหน้าขาวโพลนแต่ยิ้มแฉ่ง ทั้งสองคนใกล้ชิดกัน
“คนนึงลื่น อีกคนเข้ามารับได้ทัน เราสองคนนี่อย่างกับพระเอกนางเอกละครโทรทัศน์เลยนะครับ”
แจ๊วผงะ ตาเหลือก แล้วก็หมดสติไปเลย

“คงจะตะลึงในความหล่อของเรา หึๆ”

คุณผีที่รัก ตอนที่ 8 (ต่อ)

แมวดำนั่งนิ่ง สงบๆ แมนสรวงยืนอยู่ สารภาพผิด
 
“ผมไม่ได้ตั้งใจจะหลุดปากบอกพีระว่าเขาจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างทันทีที่ฟื้น ผมรู้ว่ามันคือความลับ แต่อารมณ์มันพาไป แล้วจริงๆผมจะพูดให้เป็นปริศนาว่า เฮ้ พีระ พอนายฟื้นแล้ว นายจะลืมทุกสิ่งทุกอย่าง เหรอ” แมนสรวงแถไป
แมวดำจากหนึ่งตัว มีแมวดำอื่นๆตามมาสมทบอีก บ่งบอกว่าไม่เชื่อแมนสรวง
“ฉันไม่ได้บอกว่าจะลืมแน่ๆ แต่บอกว่า จะลืมเหรอ ก็แปลว่าอาจจะลืมหรือไม่ลืมก็ได้ ไปคิดเอาเอง ไม่ต้องมาถาม มาเซ้าซี้ หรือข่มขู่ เพราะยังไงฉันก็ไม่บอกเด็ดขาด”
แมวมาสมทบเรื่อยๆ และเริ่มส่งเสียงขู่ฟ่อๆ แมนสรวงเห็นภาพแมวที่มากขึ้น ซีด รู้ว่าแถไม่รอด
“ไม่เชื่อสินะครับ”
แมนสรวงรู้ชะตากรรมตัวเอง ลงนอนไป
“เชิญคุณลงทัณฑ์บัญชา ให้สมอุราให้สาแก่ใจ”
ฝูงแมวกระโจนเข้าใส่แมนสรวง พร้อมเสียงแมวขู่ฟ่อๆ ดุดัน

สำนักอาจารย์เทพ...เกี๊ยงถูกอาจารย์เทพพามาที่ด้านหน้า
“ฉันมีเรื่องอยากให้แกช่วยสักอย่าง”
“จริงเหรอครับจารย์ เกี๊ยงยินดีมากครับ เกี๊ยงชอบที่จะได้ทำตัวเป็นประโยชน์ จะให้เกี๊ยงช่วยอะไรครับ”
“ช่วยพาคามินไปหาพีระ”
“หา...ผมเหรอ จารย์จะให้อาคมควบคุมคามินกับเกี๊ยงใช่มั้ยครับ สุดยอด เกี๊ยงจะตั้งใจจำอาคมให้ได้ครับ”
“ไม่ต้องจำอะไร แกแค่อยู่เฉยๆ”
“อ้าว แล้วผมจะพามันไปได้ไงอ่ะจารย์”
“ให้มันสิงร่างแกไป”
ทันใด คามินพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว วืบๆ เข้าไปสิงร่างเกี๊ยงทันที เกี๊ยงผวาเฮือก คอตก พอเงยหน้ามาอีกทีแววตาก็เปลี่ยนเป็นเลือดเย็น
“จับวิญญาณพีระมาให้ฉันทรมาน แล้วฉันสัญญาว่าจะให้แกได้เสพพลังของมัน แต่ถ้าแกคิดหักหลังฉัน แกได้ตกนรกไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่”

อัฐชัยเดินเข้ามาในมหาวิทยาลัย พิมพ์ดาวที่เดินมาด้วยท่าทางอึดอัด อยากถามให้หายสงสัย แต่ก็กลัวๆกล้าๆ
“วันหยุดทั้งที อาจารย์ดันนัดสอนชดเชยอีก แต่ก็ดี เพราะยังไงวันนี้เราก็ต้องมาซ้อมละครอยู่แล้วเนอะ”
พิมพ์ดาวนิ่งๆไป
“ดาว คิดอะไรอยู่”
พิมพ์ดาวมอง ตัดสินใจถาม
“อัฐ...ที่บอกว่าพีระทำร้ายนาย ไม่ใช่เรื่องจริงใช่มั้ย มันเป็นแผนการของนายที่จะทำให้น้ำมนต์ตีตัวออกห่างจากพีระ ใช่มั้ย”
อัฐชัยมองซ้ายขวา
“เฮ้ย...ดาว แก...ดูออกได้ไง”
“แปลว่าจริง แล้วแขนก็ไม่ได้เจ็บใช่มั้ย”
พิมพ์ดาวเข้ามาตีแขน
“เฮ้ย แกโคตรนั่งอยู่ในใจฉันเลย อ่านขาดมาก ไม่มีเพื่อนคนไหนรู้จักฉันดีเท่าแกอีกแล้ว...อย่างนี้ฉันต้องแสดงให้แนบเนียนขึ้น แล้วแกก็อย่าบอกน้ำมนต์นะ”
“ฉันจะบอก”
พิมพ์ดาวเดินหนี อัฐชัยวิ่งตามมาขวาง
“ดาว ที่ฉันทำ ไม่ใช่เพื่อความสนุกสะใจของตัวเองนะ”
“เหรอ ไม่ใช่ว่านายอยากให้น้ำมนต์ทะเลาะกับพีระแล้วมาคบนายแทนงั้นเหรอ ถึงฉันจะเชียร์นาย แต่วิธีนี้มันไม่ถูกต้อง”
“แกไม่ได้ยินที่น้ำมนต์เล่าเหรอ สิ่งที่พีระจำได้จากการไปบ้านคุณเมสินีคือเขาเห็นตัวเองพยายามจะฆ่าคน แกคิดว่าตอนมีชีวิตพีระเป็นคนยังไง แล้วจะให้ฉันปล่อยเพื่อนรักไปคบกับคนอย่างนี้เหรอ”
“พีระอาจไม่ใช่คนอย่างนั้นก็ได้”
“งั้นแกก็มาช่วยฉันพิสูจน์สิ ถ้าพีระดีจริง แล้วน้ำมนต์ยังยืนยันจะรักกับพีระจริง ฉันก็จะยอมแพ้ จะไม่ขัดขวางอีกต่อไป แกช่วยฉันนะดาว”
พิมพ์ดาวอึกอัก แม้จะไม่เห็นด้วย แต่ก็สงสารเห็นใจอัฐชัย
“ตกลง...ยัยดาวจะช่วยแก”
อยู่ๆลูกโป่งก็เข้ามาตอบตกลงแทนซะงั้น พิมพ์ดาวอึ้ง
“เฮ้ย ลูกโป่ง...”
“แกไปเตรียมการได้เลย แล้วจะให้ช่วยอะไรก็มาบอก”
“จริงนะ ขอบใจพวกแกมากๆ”

อัฐชัยดีใจ กอดลูกโป่งที กอดพิมพ์ดาวที แล้วดีใจวิ่งแยกออกไป พิมพ์ดาวจ้องลูกโป่งเอาเรื่อง

ม้านั่งในมหาวิทยาลัย...ลูกโป่งเดินมานั่ง หยิบกระเป๋าเตรียมแต่งหน้า พิมพ์ดาวตามตื๊อ
 
“แกไม่ต้องมาว่าฉันเลย จริงๆแกควรจะขอบใจฉันด้วยซ้ำนะดาว”
“ขอบใจแกเรื่อง”
“ที่ฉันตอบตกลงแทนไง รู้มั้ยว่ามันได้ประโยชน์ตั้งสามต่อ ข้อแรก คือเราก็ได้พิสูจน์ว่าพีระกับน้ำมนต์รักกันจริงหรือเปล่า เพราะบอกตามตรง ฉันยังไม่ค่อยเชื่อว่าคู่นี้รักกัน...หรือแกเชื่อ”
“ฉันก็เหมือนกัน แล้วข้อสองคือไร”
“ถ้าคู่นั้นไม่ได้รักกันจริง แสดงว่า ฉันก็ยังมีหวังจะครุคริงุงิในตัวคุณผีสุดหล่อ” ลูกโปร่งเขินตัวเอง “คริๆ”
พิมพ์ดาวถอนใจ
“ยัยเพี้ยนเอ๊ย”
“ส่วนข้อสุดท้าย ถ้าคู่นั้นจริงใจกันจริงๆ อัฐชัยก็จะได้ตัดใจจากน้ำมนต์ แล้วคนที่จะได้ครุคริงุงิยิ่งกว่าใครเพื่อนก็คือ...” ลูกโปร่งยิ้มครุคริ
พิมพ์ดาวรู้ว่าหมายถึงตน
“เอ่อ มองฉันทำไม”
พิมพ์ดาวอึกอักไป ลูกโป่งยิ้มอย่างรู้ทัน

บ้านน้ำมนต์...แจ๊วค่อยๆลืมตาขึ้นมา ปริบๆภาพที่เห็นภาพแรกคือ เจี๊ยบยิ้มเผล่รออยู่
“ตื่นแล้วเหรอครับ”
“อ๊าย...ผี”
แจ๊วถีบเจี๊ยบจนหงายเงิบไป แล้วแจ๊วกระโดดไปหาที่ตั้งหลัก เจี๊ยบล้มไป ร้องลั่น ข้าวต้มรีบอธิบาย
“ไม่ใช่ผีครับพี่แจ๊ว นั่นพี่เจี๊ยบ นี่ข้าวต้ม ดูดีๆสิครับ”
“อุตส่าห์ไปล้างหน้ามาแล้วยังคิดว่าผีอีกเหรอ ยัยตาถั่วลิสง ดูสิ คนอุตส่าห์ช่วย ขอบคุณมาซะจุกเลย”
“อ้าว ไม่ใช่ผี...แต่” แจ๊วนึกขึ้นได้ “แต่พี่เห็นโซฟามันลอยได้ แล้วตอนนั้นเธอไม่อยู่ แล้วใครทำ ถ้าไม่ใช่...”
“พี่พีระ” ข้าวต้มบอก
“ใคร” แจ๊วงงๆ
เจี๊ยบโผล่มาข้างๆ
“ก็ผีไง...ผีที่อยู่บ้านนี้ไง”
“ผี...”
แจ๊วชกเจี๊ยบเข้าไปอีกเปรี้ยง
“ผมไม่ได้มีพลังวิเศษหรอกครับ เป็นฝีมือของพี่พีระทั้งนั้น” ข้าวต้มอธิบาย
“ฝีมือผีงั้นเหรอ”
เสียงกริ่งดังมา แจ๊วสะดุ้ง เตะเจี๊ยบเข้าไปอีกอั้ก
“โอ๊ย”

แจ๊วเดินออกมามองๆ ข้าวต้มตามมา แจ๊วค่อยๆเห็นว่าคนที่ยืนกดกริ่งอยู่หน้าบ้าน คือ เกี๊ยงใบหน้า เย็นชา แววตากระด้าง เหี้ยม เงาของคามินคำรามซ้อนทับอยู่ในหน้าของเกี๊ยง

มหาวิทยาลัย...อัฐชัยกำลังจะเดินเข้าห้องเรียน น้ำมนต์ที่เดินเข้ามา รีบวิ่งมาตาม
“อัฐ...เรียนคลาสนี้จบแล้ว มีคน ไม่สิ มีผีอยากคุยด้วย”
“พีระ”
น้ำมนต์ชี้ไปที่อีกด้านสุดปลายทางเดิน เห็นพีระยืนอยู่ โบกมือส่งจูบให้อัฐชัย
“อ้อ ลืมไปว่านายไม่เห็นเขา พีระอยากมาขอโทษเรื่องเมื่อคืน ไปๆ เข้าเรียนก่อน”
น้ำมนต์เข้าห้องไป อัฐชัยมองไปที่พีระ ยิ้มอย่างสนุกสะใจ แล้วเดินตามเข้าห้องเรียนไป

อัฐชัยเดินนำเข้ามาในห้องน้ำ พีระเดินตามมา งงๆ
“ทำไมต้องให้ฉันตามมาขอโทษในห้องน้ำด้วย”
“เข้ามาหรือยัง”
“มาแล้ว” พีระเอื้อมมือไปเปิดก๊อกน้ำ
อัฐชัยเห็นก๊อกน้ำไหลเอง รู้ว่าพีระมาแล้ว หยิบมือถือออกมาวางที่อ่างล้างมือ เปิดหน้าจอที่เป็นรูปไมโครโฟน
“ต้องใช้สื่อกลางใช่มั้ยฉันถึงจะได้ยิน อ่ะ มีอะไรจะขอโทษก็ว่ามาเลย”
พีระแตะมือถือ
“เรื่องเมื่อคืนนี้ ฉันรู้ว่านายเป็นห่วงน้ำมนต์ และที่ผ่านๆมาคงจะมีเรื่องค้างคาใจกับฉันมาก เอาเป็นว่า ถ้าอะไรที่ฉันเคยทำไม่ดีด้วย ฉันขออโหสิกรรม หวังว่าเราจะไม่มีปัญหาต่อกันอีก เข้าใจนะ”
“ฉันเข้าใจทุกอย่าง ไม่ถือโทษโกรธเคืองอะไร จบแล้วใช่มั้ย ออกไปได้แล้ว”
อัฐชัยตัดบทจบเอาดื้อๆ พีระงงๆ

น้ำมนต์กับพิมพ์ดาว ยืนรออยู่ด้านหน้าห้องน้ำชาย พีระออกมาก่อน น้ำมนต์ถามทันที
“เป็นไงบ้าง”
“เรียบร้อย อัฐชัยบอกว่าไม่โกรธอะไร เข้าใจดี...พอใจแล้วนะ งั้นผมไปห้องสมุดนะ จะไปหาอ่านข่าวเกี่ยวกับการก่อตั้งสถานีพราวด์สักหน่อย”
“แล้วทำไมอัฐชัยไม่ออกมาอีก”
“ขี้ต่อมั้ง”
พีระเดินแยกไป น้ำมนต์กำลังจะตามไป แต่อยู่ๆมีเสียงอัฐชัยเรียกมา
“น้ำมนต์”
น้ำมนต์หันกลับไป พบว่าอัฐชัยยืนอยู่ในสภาพเปียกไปหมดทั้งตัว น้ำมนต์อึ้ง
“อัฐ...เกิดอะไรขึ้น ใครทำนาย”
“อัฐผิดเอง อย่าไปว่าพีระเลย”
“ผิดยังไงก็ไม่ควรต้องทำขนาดนี้”
น้ำมนต์รีบเดินตามพีระไป สวนกับพิมพ์ดาวที่เดินเข้ามา อัฐชัยยิ้ม พิมพ์ดาวมองสภาพอัฐชัย ทึ่งๆ

“โอ้โห แผนของแกยังกะนางร้ายในละคร”

น้ำมนต์วิ่งตามพีระมา ตะโกนเรียก
 
“ไอ้ผีนิสัยเสีย”
“หือ...” พีระงงๆ
“ปากบอกว่าจะมาขอโทษ แต่กลับทำอีกอย่าง อย่างนี้เรียกว่า แย่ ไม่เป็นลูกผู้ชาย ไม่มีศักดิ์ศรี”
“เดี๋ยวๆ มาด่าผมทำไม ผมทำอะไรผิด”
“ก็น่าจะรู้ว่าทำอะไร”
“ผมไม่รู้” พีระหน้าเหวอ
“ฉันไม่คิดเลยว่านายจะนิสัยเสียอย่างนี้ กลับไปขอโทษอัฐชัย ครั้งนี้ฉันจะอยู่เป็นพยานด้วย ไป”
“ผมก็ขอโทษไปแล้วไง จะเอาอะไรอีก ผมไม่สนว่าเขาบอกคุณยังไง แต่ผมทำตามที่ผมพูดไว้แล้ว ถ้าคุณไม่เชื่อ ผมก็ไม่รู้จะทำไงเหมือนกัน”
พีระเดินหนีไป น้ำมนต์ฮึดฮัดแค้นๆ

พิมพ์ดาวโยนผ้าขนหนูให้อัฐชัย
“เอ้า เช็ดหัวซะ เดี๋ยวก็ไม่สบายพอดี”
“ทีหลังโยนใส่หน้าเลยก็ได้นะ”
อัฐชัยเผลอตัวเอามือข้างที่ห้อยเฝือกไปหยิบผ้าขนหนูจะมาเช็ดหัว
“แกคิดจริงๆเหรอว่า ที่แกพยายามจะทำให้น้ำมนต์รู้สึกว่าพีระเป็นผีร้าย ซาดิสต์ รักความรุนแรง มันจะได้ผล”
“ต้องได้สิ หยอดไปทีละนิดๆ พอไอ้พีระทนถูกใส่ความไม่ได้ มันก็จะแสดงความเป็นนักเลงอันธพาลออกมา น้ำมนต์ก็จะรับไม่ได้ ทะเลาะกัน แตกหัก เลิกคบ”
“แล้วถ้าน้ำมนต์รู้ว่านายทำตัวอย่างนี้ เคยคิดมั้ยว่าจะเป็นยังไง บอกเลยว่าถ้าเป็นฉัน...มีเลิกคบ”
อัฐชัยอึ้ง เจื่อนไป
“บ้า ไม่หรอก น้ำมนต์ไม่เลิกคบฉันหรอก”
“คิดแล้วสบายใจก็เชิญ”
พิมพ์ดาวเดินออกไป พอดี น้ำมนต์เดินเข้ามาจากอีกด้าน มาหาอัฐชัย
“อัฐ...”
อัฐชัยตกใจ รีบเก็บแขนห้อยเฝือกอ่อนทันที แล้วส่งเสียงโอดโอย อ้อน
“อัฐ...ฉันขอโทษแทนพีระด้วยนะ ช่วงนี้เขาได้รู้เรื่องที่มาที่ไปของตัวเองมากไปหน่อย เลยค่อนข้างเครียด อย่าไปถือสาเขาเลย”
“ผมไม่ถืออยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง”
“มา ฉันเช็ดให้”
น้ำมนต์เช็ดหัวให้ อัฐชัยรู้สึกดี พิมพ์ดาววกกลับมามอง ทั้งลำบากใจ ทั้งเศร้าใจ
“ฉันทำทุกอย่างเพื่อนาย แต่นายทำเพื่อน้ำมนต์ เฮ้อ”

แจ๊วมองเกี๊ยงหัวจรดเท้า
“มาหาใครคะ”
“น้ำ...”
แจ๊วรีบดักคอ
“ถ้าจะขายเครื่องกรองน้ำ ไม่ต้องค่ะ”
“ไม่ใช่ว่ามีแล้วนะครับ แต่ไม่มีตังค์” ข้าวต้มเสริม
“คือ...”
“ประกันอุบัติเหตุ ประกันชีวิต ประกันสุขภาพก็ไม่ซื้อค่ะ” แจ๊วดักคอ
“ไม่ใช่ว่ามีแล้วนะครับ แต่ไม่มีตังค์”
“น้ำ...”
แจ๊วสวนทันที
“น้ำดื่มน้ำอัดลมอะไรก็ไม่ซื้อ...”
แจ๊วตัดบทอีก เกี๊ยงเลยสวนด้วยการคำรามทันที
“แฮ่...”
แจ๊วชะงัก เกี๊ยงยังแยกเขี้ยวยิงฟันค้างไว้ พยายามจะพูดออกมา ข้าวต้มเพิ่งจะมองหน้าชัดๆ
“พี่แจ๊วๆ หน้าพี่เขาคุ้นๆนะ เหมือนเคยเจอ”
“น้ำ...มนต์ อยู่...”
เกี๊ยงยังพูดไม่จบ แจ๊วแทรกทันที
“เข้าบ้านเถอะ พวกโรคจิตแน่ๆ”
แจ๊วพาข้าวต้มเข้าบ้านไป ปล่อยเกี๊ยงยืนคำรามเก้อ แยกเขี้ยวยิงฟันค้างอยู่

ห้องซ้อมละคร...อัฐชัยแยกมารับสายที่มุมหนึ่ง
“ฮัลโหล...แจ๊ว...ว่ายังไง”
แจ๊วแอบมาพูดโทรศัพท์ที่มุมหนึ่งบ้านน้ำมนต์
“ทำไมคุณอัฐไม่บอกก่อนว่าน้องน้ำมนต์เลี้ยงผีไว้คะ รู้มั้ยว่าแจ๊วหัวใจจะวายตายอยู่แล้ว...แจ๊วจะไม่ทำงานที่บ้านนี้แล้วค่ะ แจ๊วขอลาออก”
“ฉันจะจ่ายเงินเดือนเธอเป็นสองเท่า”
“แจ๊วอยู่ต่อก็ได้ค่ะ เพื่อคุณอัฐคนเดียวเลยนะคะ ไม่เกี่ยวกับเงิน”
“ดี เธอต้องอยู่คอยช่วยส่งข่าวให้ฉัน”
อัฐชัยวางสาย ไตปลาเข้ามาถึงพอดี ใช้ไม้เท้าค้ำยันเข้ามา แค่เท้าแพลง ยังพอกะเผลกๆเดินได้ ตะโกนเรียกพวกนักแสดงที่รออยู่ให้มาซ้อมๆ

“มาซ้อมๆ”

ไตปลาอธิบายฉากที่จะซ้อมให้ทุกคนฟัง พิมพ์ดาว อัฐชัย น้ำมนต์ พีระ และนักแสดงอื่นๆนั่งอยู่ด้วยกัน
 
ไตปลาบรรยายเหตุการณ์ไปด้วย นักแสดงซ้อมไปด้วยเลย
“เหตุการณ์ก็คือ หลังจากที่นางทาสเยื้อนพยายามจะช่วยหาหลักฐานการฆาตกรรมให้ท่านเจ้าคุณ แต่ระหว่างทางกลับถูกกลุ่มคนใจโฉด 3 คนคิดจะทำมิดีมิร้าย ผีท่านเจ้าคุณเลยมาช่วย นักแสดงพร้อมนะ”
“วันนี้โจรมีแค่ 2 คนค่ะ พอดีน้องโกดังไปผ่าฟันคุด” น้ำมนต์พูดขึ้น
“ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวพี่ซ้อมคิวแทนก่อน แล้วพวกเธอช่วยจำไปบอกเพื่อนด้วยนะ แล้วก็ผีท่านเจ้าคุณล่ะ ตอนลูกโป่งติดต่อให้พี่มากำกับ บอกว่ามีเทคนิคพิเศษที่เหมือนผีจริงๆ ไหน พี่ขอชมหน่อยสิ”
นักแสดงสมทบหันมาถาม
“นั่นสิคะ/ครับ”
น้ำมนต์ พิมพ์ดาว อัฐชัยมองหน้ากันไปมา ไตปลารอ
“เทคนิคพิเศษที่พวกเธอคุยนักคุยหนา คืออะไร”
อยู่ๆไฟดับพรึ่บ พวกไตปลาสะดุ้งเล็กน้อย พีระยืนกดปิดเปิดไฟอยู่ตรงนั้น กดรัวๆต่อ พรึ่บๆ แล้วพีระก็เดินไปคว้าไม้ค้ำยันของไตปลามาถือควงอย่างเมามัน ราวกับเป็นผู้ควงคฑา ไตปลาตาเหลือก
“ว้าก”
ไตปลากับนักแสดงคนอื่นๆที่ยังไม่ชินกับพีระต่างพากันสะดุ้ง ตกใจจ๊าก กระโจนถอยไปกอดรวมกัน
“เทคนิคพิเศษที่เหมือนผีจริงๆ ก็คือใช้ผีของแท้ มีลิขสิทธิ์ ไม่ใช่ผีที่โหลดฟรีตามอินเตอร์เนท” พีระบอก

ไตปลาผมหัวตั้ง ขณะกำกับการแสดง
“นางทาสเดินมาทางนี้ ส่วนพวกโจรมาจากทาง...”
อยู่ๆวิทยุเครื่องเสียงที่ใช้ซ้อมละครติดขึ้นมาเอง เป็นเสียงซ่าๆ พวกไตปลาสะดุ้ง พีระเป็นคนเปิด น้ำมนต์หันไปดุ
“อยู่เฉยๆได้มั้ย”
“ผมก็แค่อยากสร้างความสนิทสนมกับทุกคนก่อนซ้อมละคร” พีระจับวิทยุแล้วฮัมเมโลดี้หลอนๆแบบเมโลดี้รายการผี “หื่อหื้อ หื่อหือ”
ไตปลาหวาดหวั่น
“สะ...เสียง...เสียงเขาเหรอ”
“หื่อหื้อ หากว่าเรากำลังสบาย จงปรบมือพลัน”
ทุกคนยังงงๆ พีระไม่ชอบใจนัก ร้องใหม่
“หากว่าเรากำลังสบายจงปรบมือพลัน”
พวกไตปลาปรบมือทันที แปะแปะ พีระยิ้ม อัฐชัยหมั่นไส้บ่นกับพิมพ์ดาว
“มันจะเล่นอีกนานมั้ย”

เจี๊ยบวิ่งเข้ามารวมกลุ่มกันกับเจ๊แมวและชาวบ้านอีก 2-3 คน รุมวิทยุลุ้นผลการออกสลาก เจ๊แมวยกมือพนมท่วมหัว
“ลูกเสี่ยงตายบุกบ้านผีสิงแล้ว ขอให้คุ้มกับที่เสี่ยงด้วยเถอะ เจ็ด หก ศูนย์”
“ขอให้เบอร์ตองนำโชค...สองสองสอง”
เสียงประกาศรางวัลดังมา กำลังประกาศเลขท้าย 3 ตัว ทุกคนลุ้น เกี๊ยงเดินเข้ามาหยุดมอง
“น้ำมนต์อยู่ไหน”
แต่ไม่มีใครสนใจเกี๊ยง ทุกคนลุ้นหวยอยู่ เกี๊ยงเลยแหวกเข้าไปกดปิดวิทยุ...ทุกคนหน้าเหวอ
“เฮ้ย”
เกี๊ยงโยนวิทยุทิ้ง ทุกคนร้องลั่น
“เฮ้ย”
“น้ำมนต์อยู่ไหน”
ทุกคนหันมาจ้องเกี๊ยงด้วยอาการโกรธมาก ที่บังอาจมาขัดจังหวะสำคัญสุดๆในชีวิต
“แกกล้าดียังไงถึงมาขัดจังหวะรวยพวกฉัน”
เจี๊ยบจะเข้าไปเอาเรื่อง แต่กลับถูกเกี๊ยงคว้าหมั่บที่คอ เจี๊ยบผงะ เกี๊ยงบีบและยกจนเจี๊ยบตัวลอยขึ้น ทุกคนงง ตกใจ เกี๊ยงถามเสียงเหี้ยม
“น้ำมนต์อยู่ไหน”
“อยู่...มะ...หา...ลัย”
เกี๊ยงทิ้งเจี๊ยบลงไป แล้วเดินจากไป พวกเจ๊แมวงงๆ รู้สึกอันตราย เจ๊แมวหันมาถาม
“มันเป็นใคร”

ห้องซ้อมละคร พิมพ์ดาวเดินมาแล้วถูกไตปลากับนักแสดงชาย 2 คนในบทบาทโจรยืนขวาง
“ว้าย”
ไตปลาเล่นบทโจรไปกำกับไปด้วย
“ถูกโจรตั้ง 3 คนรุม...ตกใจแค่นี้เองเหรอ...ตกใจให้ใหญ่กว่านี้อีก ละครเวทีนะ เล่นใหญ่ๆ”
“ค่ะ” พิมพ์ดาวเล่นใหญ่ขึ้น “ว้าย...ว้าย...ว้าย...ใหญ่พอยังคะ”
“ดี...นางทาสรู้ว่าอยู่ก็ตายแน่ เลยตัดสินใจเตะโจร 1ทางซ้ายที”
พิมพ์ดาวเตะ
“ผลักโจร 2 คนทางขวาที”
พิมพ์ดาวผลักไตปลาแล้ววิ่งหนี แต่กลับถูกโจร 3 ดึงแขนไว้ พิมพ์ดาวจะวิ่ง แต่นักแสดงเป็นโจร 3 คว้าแขนไว้
“โอ๊ย” พิมพ์ดาวนึกได้เองว่าไม่ใหญ่พอ เลยเล่นใหญ่ขึ้น “เอ๊ย...โอ๊ย...”
ไตปลากำกับต่อ
“ระหว่างที่นางทาสเสียท่านั้นเอง อยู่ๆท่านเจ้าคุณก็โผล่มามุมด้านนั้น”
อัฐชัยขึ้นไปยืนบนเก้าอี้อีกมุมเวที
“ปล่อยนางเยื้อน ปล่อย”
“ท่านเจ้าคุณโกรธมาก ควันจะมา ฟ้าจะผ่าเปรี้ยงปร้าง แล้วอัฐชัยก็หลบไป แล้วทันใด ผีท่านเจ้าคุณก็มากระชากเสื้อโจร 3 จากด้านหลั...”
ไตปลาพูดไม่ทันคาดคำ โจร 3 ก็ถูกพลังบางอย่างกระชากถอยหลังและล้มไปนั่งก้นจ้ำเบ้า ต่อหน้าต่อตาทุกคน แล้วถูกลากวนไปรอบๆห้อง ไม่หยุด พวกไตปลาสยอง ถอยไปกองรวมกันมุมเดิม น้ำมนต์เห็น พีระคือคนที่ลากนักแสดงคนนั้นจากด้านหลัง ลากไปไม่หยุด อย่างเมามัน สนุกสนาน มากๆ พีระส่งเสียงฮู้ฮ้า สุดๆน้ำมนต์ตะโกน
“หยุดเล่นซะที ลากน้องถังทองไปมาอย่างนั้น เขาเจ็บนะ”

พีระชะงัก น้ำมนต์โมโหมาก

คุณผีที่รัก ตอนที่ 8 (ต่อ)

น้ำมนต์เดินออกมาสงบสติอารมณ์ด้านนอกห้องซ้อม
 
“เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมต้องโมโหผมขนาดนี้ด้วย”
“ฉันไม่อยากจะโทษว่าเป็นเพราะนายจำเรื่องของตัวเองได้ เลยทำให้ตัวนายเปลี่ยนไปนะ แต่ตอนนี้นายชักจะทำอะไรรุนแรงขึ้นจริงๆ”
“ผมเนี่ยนะรุนแรง”
“ที่นายทำกับน้องถังทองแล้วก็อัฐชัย ไม่เรียกแรงอีกเหรอ”
“อัฐชัย...สรุปนี่คุณคิดว่าเป็นฝีมือผม”
“แล้วมันใช่มั้ยล่ะ”
“ผมบอกไปแล้วว่าไม่ใช่ แต่คุณไม่เชื่อ งั้นก็ไม่ต้องเชื่อ แล้วคอยดูนะ ผมจะโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งกว่านี้ให้คุณดู”
พีระเดินหนีไป น้ำมนต์ยิ่งหงุดหงิด
“อย่ามาพูดประชดนะ”

ห้องซ้อมละคร...ไตปลากำกับต่อ พีระถือท่อนไม้อยู่
“พอโจร 3 ถูกลาก...สมมติว่าลากไปเสร็จแล้ว ก็จะเป็นคิวบู๊นิดหน่อย ผีท่านเจ้าคุณก็หยิบท่อนไม้ขึ้นมาจัดการกับโจร 2 คน คิวเป็นอย่างนี้นะ ฟาด 1 ฟาด 2 ฟาด 3 แล้วนายก็ถอยหนี จากนั้นโจร 2 จะเข้ามาด้านหลัง”
ไตปลามาด้านหลัง พีระหันกลับมาพร้อมเหวี่ยงไม้ แต่ไตปลายังอยู่นอกระยะรัศมี เลยไม่หวาดเสียวมาก
“ไม่ๆ ไม่ต้องเหวี่ยงไม้ อันตราย แค่หันมาเฉยๆแล้วถือไม้ขู่ก็พอ แล้วโจร 2 ก็กลัว วิ่งหนีไปเอง”
พีระทำใหม่ หันกลับมาใหม่ ทำท่าขู่
“โอเค ทวนคิวนี้อีกที”
พีระคว้าไม้ ฟาด1-2-3 โจร 1 ถอยหลบไป ไตปลาเข้ามาด้านหลัง พีระหันกลับมาขู่ ไตปลาถอยหนีไป
“เยี่ยม พักแป๊บนึง เดี๋ยวซ้อมฉากนี้ใหม่อีกที”

อีกด้านของมหาวิทยาลัย อัฐชัยเดินเข้ามาหาน้ำมนต์ที่ง่วนอยู่กับบทละครอยู่
“แก้บทอยู่เหรอน้ำมนต์ อ่ะ น้ำเย็นๆ”
“ขอบใจนะ”
“เอ้อ พีระอยู่ตรงไหนเหรอ เราจะได้อยู่ห่างๆ ไม่อยากให้เขาอารมณ์เสียเพราะเราอีก”
น้ำมนต์ชี้ไปอีกด้าน พีระนอนกระดิกเท้าสบายใจอยู่
“เขานอนอยู่ตรงนั้น แต่นายทำตัวตามปกติเถอะ ไม่ต้องไปแคร์หรอก”
อัฐชัยมีแผน

พีระกำลังนอนทบทวนคิวบู๊ของตัวเองอยู่พึมพำไปมา สบายอารมณ์
“ฟาดหนึ่ง สอง สาม แล้วหันมาชูไม้ขู่ ฟาดหนึ่ง สอง สาม แล้วหันมาชูไม้ขู่”
อยู่ๆอัฐชัยลากพิมพ์ดาวมาหยุดแถวๆตำแหน่งที่พีระนอนอยู่ ทำท่าลับๆล่อๆ
“ดาว...รู้แล้วอย่าบอกใครนะ ตะกี้พี่ไตปลามาฝากให้ฉันไปบอกพีระว่าคิวบู๊ท่านเจ้าคุณเปลี่ยน จากฟาดหนึ่งสองสาม แล้วหันมาชูไม้ขู่ เปลี่ยนเป็นฟาดหนึ่งสองสาม แล้วหันมาฟาด แล้วพี่เขาจะถอยหลบเอง”
“แล้วมาบอกฉันทำไม ไปบอกน้ำมนต์ให้บอกพีระสิ”
“ฉันบอกแกไว้ แกจะได้ไม่ตกใจ...แต่ฉันไม่บอกพีระหรอก จะปล่อยให้โดนพี่ไตปลาด่าเล่นๆ หึๆ เธอก็เงียบๆไว้นะ รู้กันสองคน”
พีระได้ยินทุกอย่าง
“คิดจะหักหลังฉันเหรอ”

ห้องซ้อมละคร มหาวิทยาลัย ทุกคนกลับมารวมตัวในห้องซ้อม ไตปลาเข้ามาทีหลัง มาถึงก็รีบร้อน
“โทษทีๆ เข้าห้องน้ำนานไปหน่อย มาๆ ขอซ้อมฉากเมื่อกี้อีกที คราวนี้เอาเต็มที่เหมือนแสดงจริงเลยนะ น้ำมนต์ถ่ายคลิปให้พี่ดูทีนะ” ไตปลาส่งกล้องมือถือให้น้ำมนต์ “ประจำที่”
ทุกคนเตรียมพร้อม อัฐชัยลอบมองไปจุดที่พีระอยู่ แล้วมองพิมพ์ดาว แล้วยิ้มๆ พีระเห็นอาการอัฐชัย รู้ทันทุกอย่าง
“สามสี่ เริ่ม”
พิมพ์ดาวเดินออกมาก่อน แล้วโจร 3 คนก็ออกมาล้อมดักไว้
“ว้าย”
พิมพ์ดาวเตะโจร1 ผลักโจร2 แล้วจะหนี แต่โจร3 มาจับตัวไว้ พีระเข้ามากระชากโจร3จากด้านหลัง แล้วลากไปอย่างรวดเร็ว เหวี่ยงออกไป แล้วพีระหยิบไม้มาควงๆ
“เข้ามาเลย”
อัฐชัยยิ้ม ถึงช่วงที่รอแล้ว พีระเข้าไปหาโจร1 ฟาดตามที่ซ้อม ฟาดหนึ่งสองสาม แล้วก็หันกลับมา แต่ครั้งนี้พีระกลับเงื้อไม้สุดแขนจะฟาดใส่ไตปลา ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ไตปลาวิ่งเข้ามาพอดี ไตปลาผงะ ที่เห็นไม้พุ่งมา ตกใจ พีระเหวี่ยงไม้ฟาดตรงไปที่หน้าไตปลาเต็มๆ พลั่ก พวกน้ำมนต์ตกใจ ไตปลาล้มคว่ำไปในท่าที่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาป้องกันใบหน้าไว้พอดี มีเลือดออกที่ข้อมือที่ใช้รับไม้ พีระอึ้ง ช็อก
“พี่ไตปลา”
น้ำมนต์และนักแสดงอื่นๆรีบเข้าไปดูไตปลา พีระอึ้งงง
“ทำไมไม่หลบ”
น้ำมนต์เข้ามาต่อว่า
“นายฟาดไม้ทำไม ที่เราซ้อมมันไม่มีฟาด”
“อ้าว ก็...”
“อย่าเพิ่งพูดเลย พาพี่ไตปลาไปทำแผลก่อนเถอะ”
ทุกคนวุ่นวายกับการดูแลไตปลา พีระยืนอึ้ง

“ก็...ก็ผมได้ยิน...” พีระนึกขึ้นได้ว่าถูกหลอก “อัฐชัย...”

ทุกคนกำลังรีบพาไตปลาไปที่ห้องพยาบาล แต่อยู่ๆพลังบางอย่างก็มาดึงอัฐชัยเอาไว้ อัฐชัยถูกดันๆไปจนหลังกระแทกกับกำแพง พีระคือคนที่กระชากอัฐชัยมานั่นเอง ยื่นหน้าเข้ามาเอาเรื่องใกล้
 
“นายแกล้งฉัน...นายจงใจหลอกให้ฉันทำร้ายผู้กำกับ”
น้ำมนต์ชะงัก หันกลับมามอง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะพีระ”
น้ำมนต์มาผลักพีระออก
“เพื่อนคุณหลอกให้ผมทำร้ายผู้กำกับ”
อัฐชัยแสร้งไม่รู้เรื่อง
“เขาเป็นอะไรเหรอน้ำมนต์ ทำไมต้องทำร้ายผม ผมไม่รู้เรื่องด้วยเลยนะ”
“พูดอย่างนี้ได้ไง” พีระโกรธ
“หยุดระรานเพื่อนฉันซะที ถ้านายอยากจะอันธพาลก็ไปอันธพาลที่อื่น ที่นี่คือมหาวิทยาลัย เป็นแหล่งรวมคนมีการศึกษา มีวุฒิภาวะ ไม่ควรมีพวกฝักใฝ่ความรุนแรงอย่างนายมาปะปน”
พีระถึงกับอึ้ง ผงะ พูดไม่ออกไปเลย ผิดหวัง
“ทำไมพูดงี้”
อัฐชัยยิ้ม

เกี๊ยงเดินเข้ามาหยุดมองพีระและพวกน้ำมนต์
“ไอ้พีระ”
เกี๊ยงยืนหน้าตาน่ากลัว ดุร้าย อยู่ๆมีลูกบอลลอยมาแต่ไกล เกี๊ยงยกมือขึ้นรับ โดยไม่ได้หันไปมอง รับได้อย่างแม่นยำ ถือบอลเอาไว้ในมือ บีบ จนบอลฟีบคามือ นักบอลชายวิ่งเข้ามา
“ขอบอลคืนด้วยครับ”
เกี๊ยงทิ้งบอลลงพื้น ลูกบอลฟีบไปคามือ
“อ้าว เฮ้ย” นักบอลคว้าไหล่ดึงมา “ทำงี้ได้ไงวะ”
นักบอลดึงเกี๊ยงหันกลับมาแล้วต้องผงะ เพราะสายตาเกี๊ยงเป็นสายตาผีคามิน น่ากลัวมาก แล้วอยู่ๆนักบอลก็กระเด็นออกไป เหมือนถูกถีบ ทรุดไป เกี๊ยงหันกลับมาอีกที พวกพีระ น้ำมนต์หายไปหมดแล้ว

ลูกโป่งที่รู้ข่าวแล้ว วิ่งแตกตื่นมาแต่ไกล พอเข้ามาในห้องพยาบาล ก็เห็นเพื่อนๆยืนบ้างนั่งบ้าง แต่ละคนท่าทีซึมๆ มองไปด้านใน เห็นไตปลานอนอยู่ที่เตียง หันหน้าไปอีกด้านลูกโป่งไม่เห็นหน้าไตปลาเพราะไตปลาหันไปมองพยาบาลทำแผลให้อยู่ ลูกโป่งช็อก นึกว่าตาย
“พี่ไตปลา...ไม่นะ...โถ พี่ไตปลา เห็นกันอยู่หลัดๆ ไปที่ชอบๆนะพี่”
ไตปลาหันหน้ากลับมามอง
“ยังไม่ตาย”
“อ้าว”
พยาบาลทำแผลเสร็จ
“อ้ะ เสร็จแล้วค่ะ”
ไตปลายกแผลที่มือมาดู
“มือก็แผล หน้าก็แผล ได้แผลเต็มตัวเลย กำกับหนังดีๆไม่ชอบ ชอบจะมาหาเรื่องเจ็บตัว”
ไตปลาโอดครวญ ทุกคนเริ่มหวั่นๆที่จะทำงานร่วมกับผีพีระ ถังทองหันมาถามๆน้ำมนต์กับลูกโป่ง
“พี่น้ำมนต์ พี่ลูกโป่ง...ไหวมั้ยอ่ะผีตัวนั้นอ่ะ ถังทองกลัว”
“นั่นจิ วันดีคืนดีเขาจะทำร้ายซูชิมั้ยอ่ะคะ” ซูชิเห็นด้วย
นักแสดงอื่นๆส่งเสียง
“ใช่ๆ นั่นสิๆ”
ทุกคนเริ่มกลัวพีระ ลูกโป่งอึกอัก ปลอบๆไป น้ำมนต์เครียด

น้ำมนต์เดินหงุดหงิดออกมาด้านนอก
“พีระ...นายอยู่ไหน ออกมาคุยให้รู้เรื่อง ถ้าไม่ออกมาฉันจะไม่เรียกว่าพีระ แต่จะเรียกนายว่า ภาระ”
ลูกโป่งตามออกมา พิมพ์ดาว อัฐชัยตามมาด้วย
“น้ำมนต์...อย่าไปดุเขา คุยกันดีๆว่าเกิดอะไรขึ้น ยังไงเราก็ยังต้องพึ่งเขาในละครนะ”
“พึ่งได้เหรอ ดูเขาทำสิ พี่ไตปลาเจ็บ นักแสดงคนอื่นก็เสียขวัญหมด ถ้าเกิดมีใครถอนตัวตอนนี้ จะไปหาใครมาแทนก็ไม่ทันแล้ว”
พิมพ์ดาวขัดขึ้น
“ไม่หรอก เดี๋ยวฉันช่วยคุยกับพวกนักแสดงให้ พวกนั้นน่าจะเข้าใจ”
“ใช่ๆ” ลูกโป่งเสริม
“แล้วนี่พีระไปไหนแล้ว” อัฐชัยถาม
“ทำผิดแล้วก็หายหัว ถ้าไม่โผล่มาเคลียร์ก็ไม่ต้องโผล่มาเลยนะ”
ทันใด มือถือของน้ำมนต์ดังขึ้น
“ฮัลโหลค่ะพี่เอมี่...คะ ภายในคืนนี้ ค่ะๆ หนูจะรีบไปค่ะ” น้ำมนต์วางสาย “พี่เอมี่โทรมาขอให้ไปช่วยตัดต่อรายการใหม่ คุณเมสินีขอดูพรุ่งนี้เช้า...คืนนี้ต้องเสร็จ”
“คืนนี้...”
ทุกคนตกใจ ปนเหนื่อยล่วงหน้า

สระว่ายน้ำของมหาวิทยาลัย...พีระนอนคิดอยู่บนแผ่นกระดานสปริงบอร์ดที่ยื่นออกไปกลางสระว่ายน้ำทบทวนเรื่องราว
“อัฐชัย จงใจใส่ร้ายเราต่อหน้าน้ำมนต์ มันทำให้เราดูเป็นผีชอบใช้ความรุนแรง อ้อ มันอยากให้น้ำมนต์เกลียดเรา มันจะได้มาดูแลน้ำมนต์แทน นี่มันกำลังเปิดสงครามกับเราชัดๆ”
เกี๊ยงเดินเข้ามาหยุดมองพีระจากด้านหลังแววตาเหี้ยม พีระนึกขึ้นได้ ลุกนั่งพรวด
“ไม่ๆ เราจะมางอนไม่ได้ ยิ่งมันอยากให้เราเลิกคบกัน เรายิ่งต้องหนักแน่น ไม่งอน ไม่งี่เง่า ต้องไม่ให้มันสมหวัง”
เกี๊ยงกำลังจะขยับเข้าไปหาพีระ แต่อยู่ๆมีเสียงนักบอลชายดังเรียกไว้ก่อน
“เฮ้ย ไอ้รูปหล่อหุ่นนายแบบ”
เกี๊ยงชะงัก หันกลับมา พบว่าเป็นนักบอลคนเดิม กับพรรคพวกนักบอลอีก 4 คน ทุกคนยืนอยู่ในท่าทางหน้าตาที่ตั้งใจจะมาหาเรื่องสุดๆ จะล้างแค้นให้เพื่อนที่โดนเล่นงาน เกี๊ยงไม่มองคนพวกนี้อยู่ในสายตา หันกลับไปหาพีระ แต่พบว่าพีระไม่อยู่แล้ว
“เมื่อกี้แกซ่านักเหรอ”
เกี๊ยงแค้นที่คนพวกนี้มาทำให้เสียโอกาส หันกลับมาด้วยดวงตาอำมหิต วาวดวงแสงสีแดงของผี

อัฐชัยเอารถมารับเพื่อนๆ ทุกคนทยอยขึ้นรถไป น้ำมนต์กำลังจะขึ้น แต่พีระมาขวางไว้ก่อน
“จะไปไหน”
“โผล่หัวออกมาได้แล้วเหรอ”
“ถามว่าจะไปไหน ผมไปด้วย”
“ไม่ต้อง...นายไม่ต้องไปไหนมาไหนกับฉันอีก ฉันไม่ชอบคนพาลอย่างนาย”
“น้ำมนต์...คนบางคนพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เรามีปัญหากัน เราต้องไม่ตกเป็นเหยื่อตามแผนของเขานะ”
“ฉันไม่ได้มีปัญหากับนายเพราะคนอื่น แต่ฉันมีปัญหากับนายเพราะตัวนายเอง ถ้าแค่นี้ยังคิดไม่ได้ ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดด้วยแล้ว”
“น้ำ...” พีระอึ้ง
น้ำมนต์ตัดบท
“พอ...กลับไปทบทวนพฤติกรรมตัวเอง คิดได้เมื่อไหร่ค่อยมาพูดกัน”
น้ำมนต์ขึ้นรถไป ปิดประตูใส่ อัฐชัยยิ้มๆที่น้ำมนต์เริ่มบาดหมางกับพีระแล้ว แล้วจึงออกรถไป พีระประชดๆ
“คิดว่าอยากตามไปนักหรือไง ตามสบายเล้ย”

พีระเซ็งๆที่ถูกน้ำมนต์เข้าใจผิด

พวกนักบอลลอยกระเด็นตกลงไปในสระน้ำทีละคนๆ ตู้ม ตู้ม ตู้ม เกี๊ยงกำลังจับคนสุดท้ายทุ่มโยนลงมาในสระ...ตู้ม พวกนักบอลโผล่จากน้ำ ต่างสยองๆ
 
“ไอ้พีระ แกหนีฉันไม่รอดหรอก”
เกี๊ยงแววตาอำมหิต

ภายใน สถานีพราวด์ยามค่ำคืน...พิมพ์ดาว อัฐชัย ลูกโป่งเดินเข้ามาด้านในสถานี เอมี่รีบออกมาหาทันที
“มาซะที พี่ตัดต่อคนเดียวจนตาลายหมดแล้ว มาช่วยกันหน่อยเถอะ”
พิมพ์ดาวเสียงอ่อย
“พอดีมีเรื่องวุ่นวายที่มหาลัยนิดหน่อยค่ะ”
“แล้วรถก็ติดด้วย” ลูกโป่งเสริม
อัฐชัยเข้ามาบอกอีกคน
“พวกเรารีบมาที่สุดแล้วจริงๆนะครับ”
“พี่เอมี่พักก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวพวกเราช่วยตัดต่อให้เอง แล้วพี่ค่อยมาตรวจอีกทีตอนเสร็จแล้ว”
น้ำมนต์บอก เอมี่ยิ้ม
“จ้ะๆ...เอ๊ย เดี๋ยวๆน้ำมนต์ แล้วคุณผีของเธอมาด้วยหรือเปล่า พี่ไม่อยากอยู่คนเดียวถ้ารู้ว่ามีผีอยู่”
“เขาไม่มาหรอกค่ะ ถ้ามาหนูก็จะไล่กลับไป ผีไม่มีจิตสำนึก”
น้ำมนต์ยังโมโหพีระไม่เลิก อัฐชัยยิ้มๆ

พีระเดินกลับมาที่หน้าบ้านน้ำมนต์
“มนุษย์ไร้จรรยาบรรณ...อยากให้ผู้หญิงรัก แทนที่จะเอาชนะใจด้วยความดี แต่กลับใส่ร้ายใส่ความได้แม้กระทั่งผี”
แต่อยู่ๆแมนสรวงโผล่เข้ามา หน้าตามีรอยขีดข่วนของกรงเล็บแมวเต็มไปหมด
“ถ้าอุปสรรคมันเยอะก็ตัดใจเถอะ”
“แกหุบปากไปเลย แล้วนี่ ไปฟัดกับแมวที่ไหนมา”
“เพราะนายนั่นแหละ ฉันถึงเป็นยังงี้” แมนสรวงโวยวายใส่ “เพราะนายหมกมุ่น ระริกระรี้ ว้อนท์จะเอาแต่เรื่องรักใคร่ จนฉันเกือบหลุดปากบอกความลับกับนาย ถึงโดนลงโทษยังงี้”
“ความลับอะไร”
“ก็เรื่องที่นาย...” แนสรวงนึกได้ “เฮ้ย...บอกไม่ได้”
พีระคาดคั้น
“นายมีความลับเรื่องอะไร เกี่ยวกับฉันและน้ำมนต์ ใช่มั้ย”
“ฉันขอเตือนนายเป็นครั้งสุดท้าย ตั้งใจหาทางกลับเข้าร่าง อย่าไปให้ความสำคัญกับเรื่องไม่มีแก่นสาร เพราะท้ายที่สุดแล้ว มันจะกลายเป็นอากาศไม่มีอะไรให้นายจับต้องได้...จบ ฉันจะไม่ยุ่งเรื่องของนายอีกแล้ว” แมนสรวงไหว้สวยงาม “สวัสดี”
แมนสรวงหายไปเลย พีระข้องใจมีคำถาม
“เฮ้ย อะไรจะกลายเป็นอากาศ จับต้องไม่ได้ หมายความว่ายังไง...ไอ้ยมทูต”
ข้าวต้มวิ่งออกมา
“พี่พีระๆ พี่กลับมาแล้ว มาเร็วๆ ทุกคนรออยู่”
“ทุกคน” พีระงงๆ

ด้านหน้าสถานีพราวด์...ผียามหน้าสถานี ยืนเขม็งทำหน้าที่ยามอย่างแข็งขัน ผียามเห็นเกี๊ยงเดินเข้ามาตามลำพังตรงมา ผียามแปลกใจ ไม่แน่ใจว่าเกี๊ยงคือคนหรือผี เพราะสัมผัสได้ถึงพลังงานผีในตัวเกี๊ยง จนกระทั่งเกี๊ยงเดินเข้ามาใกล้ ผียามยกมือขึ้นห้ามเดินต่อ เกี๊ยงหยุด ตรงหน้าผียาม แล้วค่อยๆยิ้ ผียามแปลกใจ คามินเดินออกมาจากร่างของเกี๊ยง ผียามผงะ คามินคว้าคอผียาม แล้วจัดการดูดพลังซะ ผียามสลายหายไป เกี๊ยงล้มหมดสติไปตรงนั้น คามินมองเข้าไปในสถานีสีหน้าเหี้ยม พร้อมมากำจัดวิญญาณพีระ

ข้าวต้มลากพีระเข้ามาในบ้าน พบว่าเจ๊แมว งอแง เจี๊ยบ แจ๊วอยู่ที่บ้านพร้อมหน้า ทุกคนเตรียมของมาเซ่นให้กับพีระ พวกน้ำดื่ม ผลไม้ ขนมหวาน เพราะถูกหวยกันถ้วนหน้า
“พี่พีระมาแล้ว”
เจ๊แมว งอแง เจี๊ยบ แจ๊วขยับไปยืนเบียดออกันที่ด้านหนึ่ง ทำทีว่าไม่กลัว ทั้งๆที่ข้างในกลัวมาก
"มีอะไรกันข้าวต้ม ทุกคนมาทำไม” พีระถามอย่างไม่เข้าใจ
“มาขอบคุณที่พี่ทำให้พวกเขาถูกหวยน่ะสิครับ”
“หา...พี่ไม่ได้ทำอะไรเลย” พีระหน้าตื่น

ในห้องตัดต่อ...จอคอมเป็นภาพการถ่ายทำที่คอนโดร้างช่วงที่พวกน้ำมนต์กำลังเต้นหางเครื่อง น้ำมนต์กับอัฐชัยอยู่ที่หน้าจอทำงานอย่างติดพัน ส่วนพิมพ์ดาวกับลูกโป่งยืนมองอยู่
“ฉันว่ามันเต้นกันอย่างเดียวไม่ได้บรรยากาศน่ากลัวเลย ใส่อินเสิร์จภาพบรรยากาศมาใส่หน่อยสิ จะได้บิ้วท์คนดูให้ขนหัวลุก เรามีภาพอะไรบ้าง”
“ภาพเศษกระดาษปลิวเองทั้งๆที่ไม่มีลม” อัฐชัยออกความเห็น
“ใช่เลย”
ทันใด กระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะตัดต่อตรงนั้นก็ปลิวหล่นจากโต๊ะลงมา พิมพ์ดาวกับลูกโป่งเห็นพอดี อึ้ง มองหน้ากัน พยายามไม่คิดอะไร อัฐชัยมองจอภาพ
“แล้วก็ภาพท่อนไม้ที่อยู่ๆมันก็เคลื่อนที่เองช้าๆ”
“ใช่เลย” น้ำมนต์พยักหน้า
อยู่ๆเก้าอี้ทำงานที่ว่างอยู่ตัวนึง ก็ค่อยๆหมุนรอบตัวเองช้าๆ ต่อหน้าต่อตาพิมพ์ดาวกับลูกโป่ง คราวนี้ทั้งสองสาวผงะมาก เริ่มหน้าซีด อัฐชัยพูดขึ้น
“แล้วก็ภาพประตูปิดเอง”
“ใช่เลย” น้ำมนต์พยักหน้า
คราวนี้พิมพ์ดาวกับลูกโป่งหันไปมองที่ประตูรอ แล้วมันก็ค่อยๆปิดและเปิดเข้ามาเอง ช้าๆเงียบๆ ทั้งสองคนสยองมาก ปากสั่น ถามกันเองให้แน่ใจ
“ใช่มั้ย”
“ใช่แน่”
น้ำมนต์หันมา
“ใช่เช่ยอะไรกันพวกแก”
“พวกแกลองพูดสิ ว่าจะอินเสิร์จภาพอะไรลงไปบิ้วท์คนดูอีก” ลูกโป่งถาม
“ก็ว่าจะใส่เสียงหมาหอน” อัฐชัยบอก
ทันใด เสียงหมาหอนดังขึ้นมาจริงๆ ทุกคนผงะไปด้วย ลูกโป่งหวาดๆ
“บิ้วท์พอยัง”
“ฉันพอแล้ว” พิมพ์ดาวกลัวๆ
ลูกโป่งถามน้ำมนต์กับอัฐชัย
“ถ้าพวกแกยังไม่พอ...เอาอะไรอีกดี...ไฟดับมั้ย”
ทันใด ไฟในห้องนั้นดับพรึ่บ ทุกคนตกใจ พิมพ์ดาวกับลูกโป่งกอดกันกลม น้ำมนต์กับอัฐชัยสยองๆ
“ใจเย็นๆ ไม่มีอะไรหรอกน่า ก็แค่ไฟตกเฉยๆ เดี๋ยวไฟก็มา” อัฐชัยปลอบ
ทันใด หน้าจอคอมตัดต่อสว่างขึ้นมาซะงั้น เป็นหน้าจอฟ้า อัฐชัยรีบบอก
“นั่นไง ไฟมาแล้ว”
น้ำมนต์สงสัย
“แล้ว...ทำไมคอมติดแต่อย่างอื่นไม่ติด คอมมีไฟได้ยังไง”
พิมพ์ดาวกับลูกโป่ง พูดพร้อมกัน
“ใช่เลย”
แล้วภาพก็ไหวๆเหมือนจะเปลี่ยนจากหน้าจอฟ้าเป็นอะไรสักอย่าง น้ำมนต์หันมาบอกอัฐชัย
“เร่งเสียง”
อัฐชัยกดเพิ่มเสียง มีเสียงครืดๆคราดๆคล้ายเสียงคำรามคำพูดในลำคอแต่ฟังไม่เป็นภาษา ทุกคนสยอง
“พอ...ไม่ฟังแล้ว”
พิมพ์ดาวเอื้อมไปกดปิดสวิทต์ปิดหน้าจอ แต่ปรากฏว่าปิดแล้ว หน้าจอก็ยังไม่ดับ
“ปิดสวิทต์แล้ว ทำไมไม่ดับ” พิมพ์ดาวอึ้ง
ทุกคนมองที่จอ รอลุ้นว่าจะมีภาพอะไร แต่อยู่ๆเอมี่โผล่เข้ามา
“ขออยู่ด้วย”
ทุกคนที่กำลังลุ้นหน้าจอคอมพากันตกใจ ร้องลั่น
“ว้าย / เฮ้ย”

ทุกคนแตกตื่นวิ่งหนีออกนอกห้องไป

หน้าห้องตัดต่อ...ทุกคนกรุกันออกมา เอมี่วิ่งตามมา
 
“หยุดๆ นี่พี่เอมี่เอง”
ทุกคนชะงัก รวมกันที่มุมหนึ่ง
“พี่เอมี่ ไม่ใช่ผี ไม่ต้องกลัว”
ทุกคนตั้งสติๆ
“เจอผีพีระมาแล้วไม่รู้ตั้งกี่หน ไฟดับแค่นี้ยังจะกลัวกันอีก เว่อร์”
เสียงประตูปิดกระแทกเอง...ปัง เอมี่สะดุ้ง
“ว้ายๆ” เอมี่ผวาไปรวมกลุ่ม

ทางเดินภายในสถานี ในความมืดที่มีแสงสว่างเป็นระยะๆจากไฟสำรอง ร่างของคามินเดินมาตามทาง หน้าเหี้ยม
ทุกคนเกาะกลุ่มกันเดินไปตามทาง
“พี่รับปงรับปากคุณเมสินีแล้วว่าพรุ่งนี้จะมีเทปรายการให้ดู ยังไงคืนนี้ก็ต้องสงต้องเสร็จ...เราต้องสู้...สู้มั้ย” เอมี่ถามอย่างฮึกเหิม ทุกคนเสียงเหี่ยว
“ไม่สู้...”
“ไม่สู้ก็ต้องสู้...แล้วนี่ยามเยิมหายหงหายหัวไปไหนมงไหนหมด รู้อยู่ว่าพวกเรามาทำงงทำงาน แทนที่จะรีบมาชงมาช่วยหาไฟหาเฟยให้เราทำงงทำงานได้ต่อดันหายหงหายหัวซะได้”
พิมพ์ดาวขัดขึ้น
“ทำไมพี่เอมี่ต้องพูดคำสร้อยตะลงตลอดด้วย”
“รู้เลยว่า...พี่เอมี่ไม่กลัวเลย” อัฐชัยประชดๆ
อยู่ๆน้ำมนต์หันไปอีกด้านเห็นเงาใครบางคนเดินผ่านแว่บไปอีกด้าน
“นั่นใคร”
ทุกคนหันขวับกลับมาทิศเดียวกับน้ำมนต์ทั้งหมด สยอง เอมี่หวาดหวั่น
“อย่าล้อลงล้อเล่น”
น้ำมนต์พยายามมอง แต่ไม่เห็นแล้ว

ทุกคนเดินมาตามทางที่น้ำมนต์เห็นใครบางคนแว่บผ่านไป พิมพ์ดาวถามอย่างไม่เข้าใจ
“เราจะเดินตามเขามาทำไม”
“อาจจะเป็นยามก็ได้” น้ำมนต์ออกความเห็น
“แล้วถ้าไม่ใช่ยาม แต่เป็น...” พิมพ์ดาวหวาดๆ
“ไม่องไม่เอา ไม่พงไม่พูด อะรงอะไรที่พงที่พูดแล้วทำให้ขวัญเขวินเสีย อย่าพูด” เอมี่ห้ามเสียงสั่น
ระหว่างที่คุยกัน มีใครบางคนลอยผ่านไปมาแว่บๆตลอด อัฐชัยพูดขึ้น
“บางทีอาจเป็นผีที่เรารู้จักก็ได้”
ทุกคนมองหน้าอัฐชัย
“หมายความว่าไง”
“ไม่อยากมองในแง่ร้ายนะ แต่อดคิดไม่ได้ว่าอาจจะเป็นฝีมือของพีระ”
ทุกคนอึ้งๆ เหวอ เพิ่งจะคิดถึงพีระขึ้นมา
“ตั้งแต่พีระค้นพบว่าตัวเองเคยเป็นคนโหด เราก็เจอแต่เรื่องแรงๆ เขาทำร้ายพี่ไตปลา ทำร้ายฉัน ถูกบังคับให้มาขอโทษ แล้ววันนี้น้ำมนต์ก็ไม่ให้ตามมานี่อีก เค้าอาจจะแค้น เลยแอบตามมาเอาคืน”
“ไม่จริง นายอย่าจับแพะชนแกะ” พิมพ์ดาวเถียง
คามินลอยโผล่มาที่ด้านหลังของทุกคน แต่ไม่มีใครเห็น อัฐชัยส่งสายตาจ้องพิมพ์ดาวเป็นเชิงดุที่กล้ามาขัดคอกัน
“ก็น้ำมนต์กับพีระเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ มันก็อาจเป็นไปได้”
“แฟนไอ้พีระเหรอ”
คามินหันไปจ้องน้ำมนต์ทันที ทันใด ไฟทางเดินบริเวณนั้นติดๆดับๆ วูบวาบๆ ทุกคนตกใจ สยอง เกาะกลุ่มกันเอาไว้ แล้วอยู่ๆไฟทุกอย่างก็สว่างขึ้นพรึ่บ สว่างเป็นปกติ เอมี่งงๆ
“อ้าว ไฟมาแล้ว”
โดยไม่รู้ตัว พวกน้ำมนต์ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องๆหนึ่ง แล้วทันใด ประตูห้องนั้นก็เปิดออกเอง อะไรบางอย่างกระชากน้ำมนต์เข้าไปในห้องนั้นอย่างรุนแรงรวดเร็ว แล้วประตูก็ปิดลง ปัง ทุกคนตกใจ
“น้ำมนต์”
ทุกคนพยายามจะเปิดประตู แต่เปิดไม่ออก ทุบเรียก โววาย

น้ำมนต์ถูกเหวี่ยงเข้ามาในห้อง พอตั้งหลักได้ พยายามมองว่าใครหรืออะไรที่ลากตนเข้ามา มีเสียงโวยวายจากภายนอกดังมาตลอด
“พีระ...นายใช่มั้ย”
น้ำมนต์มองหาไปรอบๆ ทำใจดีสู้เสือ ระหว่างนั้น คามินลอยแว่บผ่านไปทางนั้นทีทางนี้ที น้ำมนต์เห็นทางหางตาตลอด หันขวับไปมา แต่ก็ไม่เห็นจังๆ
“หยุดแกล้งพวกฉัน ทำอย่างนี้คิดเหรอว่าฉันจะอภัยให้นาย ไม่มีทาง”
แต่แล้วคามินโผล่มาด้านหลังของน้ำมนต์ ยืนจ้อง แล้วใช้ต้นแขนล็อคคอน้ำมนต์ทันที น้ำมนต์ดิ้นไม่หลุด มองไม่เห็นว่าอะไร มองไปที่กระจกเงาเห็นร่างใครบางคนยืนอยู่จางๆ แต่ไม่เห็นหน้า น้ำมนต์กำลังจะตาย

อัฐชัยที่ถอยไปตั้งหลัก แล้ววิ่งเข้าชนประตู แต่ก็ไม่เปิด อัฐชัยเจ็บเอง ลูกโป่งกับพิมพ์ดาววิ่งกลับมา
“หายามไม่เจอ” ลูกโป่งบอกอย่างร้อนใจ
พิมพ์ดาวโชว์ท่อนเหล็ก
“เอานี่พังประตูได้มั้ย”
อัฐชัยคว้าเหล็กมา
“เอามา”
อัฐชัยเงื้อเหล็กจะตีไปที่ประตู แต่พอดีประตูเปิดออก เป็นน้ำมนต์ยืนอยู่ แต่อัฐชัยยั้งมือไม่ทัน ฟาดลงไป น้ำมนต์ยกมือจับเหล็กเอาไว้ได้ด้วยมือเดียว อัฐชัยตกใจ ปล่อยมือ น้ำมนต์ทิ้งเหล็กร่วงพื้นไป พิมพ์ดาวมองอึ้งๆ
“น้ำมนต์ แกไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”
น้ำมนต์ผลักพิมพ์ดาวออก เซไปชนอัฐชัยกับลูกโป่งเกือบจะล้มไปกันหมด แล้วน้ำมนต์จะเดินไป
“เดี๋ยว จะไปไหน”
เอมี่คว้าแขนน้ำมนต์ดึงให้หันกลับมา แต่พอหันมากลับกลายเป็นใบหน้าผีคามินแทน ตาแดงน่ากลัว เอมี่ผงะ
“ว้าย”
น้ำมนต์เดินแยกไป ลูกโป่งหันมาถามเอมี่
“พี่เอมี่ร้องทำไม มีอะไร”

น้ำมนต์เดินมาตามทาง แววตาเย็นชา ไร้อารมณ์ น้ำมนต์ถีบประตูห้องๆหนึ่งเข้าไป พวกเอมี่ตามหลังมาห่างๆ มองอย่างงุนงง เอมี่บอกทุกคน
“เข้าไปในห้องส่งแล้ว”
“น้ำมนต์จะทำอะไร” อัฐชัยแปลกใจ
แต่พอตามจะเข้าไป ปรากฏว่าประตูเปิดไม่ออก เข้าไม่ได้ ป้ายออนแอร์ไฟแดงติดขึ้นมา

น้ำมนต์อยู่ที่ห้องส่ง ฉากด้านหลังเป็นรายการข่าว เขียนว่า “ข่าวด่วนชั่วโมงนี้” มีโลโก้สถานีติดประกอบ น้ำมนต์จ้องไปกล้องที่ไฟแดงขึ้นแล้วนิ่งๆ

ในบ้านชาวบ้าน...พ่อแม่ลูกกำลังล้อมวงจะกินข้าวกัน อยู่ๆทีวีในจอที่ทีแรกเป็นภาพการ์ตูนก็กลายเป็นภาพน้ำมนต์ในรายการข่าว แม่แปลกใจ
“อุ๊ย จะข่าวด่วนอะไร”

กลุ่มเพื่อนวัยรุ่นแว้นสก๊อย กำลังร้องคาราโอเกะกันอยู่ อยู่ๆภาพก็กลายเป็นหน้าน้ำมนต์ ทุกคนงง
“ใครอ่า แหล่ม”

ผับแอนด์เรสเตอร็อง ที่มีจอทีวีสำหรับลูกค้า ลูกค้าที่อยู่ในเสื้อบอล กำลังเชียร์บอลกันอยู่ ทุกคนต่างมองน้ำมนต์ในจอ งุนงง เจ้าของร้านหยิบรีโมทมากดเปลี่ยน ก็กดไม่ได้ เจ้าของร้านงงเปลี่ยนช่องไม่ได้
พวกอัฐชัยที่อยู่ด้านนอก มองไปเห็นทีวีภายในองค์กรก็ติดขึ้นมา เป็นรูปน้ำมนต์เช่นกัน ทุกคนมองจอนั้น พิมพ์ดาวไม่เข้าใจ
“น้ำมนต์จะทำอะไร”
ภาพจอทีวีตามสถานที่สำคัญๆต่างๆ กลายเป็นภาพน้ำมนต์หมด ผู้คนละแวกนั้นพากันงง ชี้ชวนกันดู

ในห้องส่ง น้ำมนต์เริ่มพูดออกมา
“สวัสดีชาวโลก...ไม่มีอะไรมาก ตามหาพีระ...แกต้องมาหาฉัน...มาหาฉัน...มาหาฉัน”
ผู้คนที่ดูน้ำมนต์แถลง แล้วงง ข่าวอะไรของเขา พีระไหน

บ้านน้ำมนต์...งอแงอยู่กับแจ๊ว อุ้มพระไว้ ข้าวต้มถือลูกบอลพลาสติก แบบเป่าลมเล่นในสระน้ำ ข้าวต้มโยนบอลไปในอากาศ แล้วลูกบอลนั้นก็ลอยหยุดนิ่งกลางอากาศ แล้วมันก็เริ่มหมุนๆ พีระใช้สองมือจับลูกบอลหมุนๆ สีหน้าเซ็งสุดขีด
“เหมือนโชว์แมวน้ำเล่นลูกบอลมั้ย”
“พี่ยอมทำเพื่อให้เรามีเพื่อนเล่นหรอกนะ ฮึ่ม” พีระเซ็ง
ข้าวต้มส่งหยิบห่วงฮูล่าฮู้ปให้งอแงถือ เพื่อล่อพีระจะให้โดดลอด
“งอแงถือห่วงไว้” ข้าวต้มถือไม้เคาะพื้น “เร็วๆ”
พีระอึ้ง คาดไม่ถึง แต่ก็จำใจอุ้มลูกบอลกระโดดลอดห่วง งอแงเริ่มขำออก
“เห็นมั้ยงอแง พี่พีระไม่ได้น่ากลัว เขาเป็นผีดีที่ฝึกมาจนเชื่องแล้ว...เอ้า โดดอีก”
พีระยังไม่ทันโดด ก็เจอเจ๊แมว เจี๊ยบ แจ๊วเอาแป้งโปรยใส่ สามคนรีบก้มหาเลขเด็ดต่อไป แบบไม่แคร์ผี
“คนพวกนี้เป็นอะไรกันเนี่ย”
งอแงโยนบอล พีระรับ งอแงดีใจ แต่แล้วพีระชะงัก เพราะภาพในทีวีก็กลายเป็นภาพน้ำมนต์เช่นกัน พีระอึ้ง
“น้ำมนต์”
ข้าวต้มหันมองทีวี
“พี่น้ำมนต์...พี่น้ำมนต์ออกทีวี เป็นคนอ่านข่าวแล้ว”
พีระ เห็นภาพน้ำมนต์ถูกซ้อนด้วยหน้าคามิน
“สวัสดีชาวโลก...ไม่มีอะไรมาก ตามหาพีระ แกต้องมาหาฉัน...มาหาฉัน...มาหาฉัน”
พีระรู้ว่านั่นคือคามินก็ช็อค
“คามิน”

ด้านหน้าสถานีพราวด์...เกี๊ยงที่หลับฟุบอยู่ที่เดิม ค่อยๆได้สติขึ้นมามองรอบๆ
“สถานีพราวด์...เรามาหลับตรงนี้ได้ยังไง ก็จารย์เทพให้” เกี๊ยงตาโต “ให้ผีคามินสิงร่างเรา...งั้นมันก็พาเรามาที่นี่”
เกี๊ยงหันไปมองด้านในสถานี เห็นน้ำมนต์กำลังเดินออกมา เกี๊ยงมองจ้อง แล้วทันใด น้ำมนต์ก็หันมามองตอบแต่ภาพที่เกี๊ยงเห็นในร่างน้ำมนต์คือคามิน เกี๊ยงผงะ
“นั่น...ไอ้คามิน...”
น้ำมนต์เดินผ่านเกี๊ยงไป พวกเอมี่วิ่งออกมาตาม ส่งเสียงเรียกดังมาก่อน เกี๊ยงรีบหลบ
“น้ำมนต์ เดี๋ยว / รอก่อน / จะไปไหน”
แท็กซี่มาพอดี น้ำมนต์โบก แล้วขึ้นไป พวกเอมี่ตามไม่ทัน อัฐชัยแปลกใจ
“น้ำมนต์จะไปไหน”
“อัฐ เอารถไปตามเร็ว” พิมพ์ดาวร้อนใจ
อัฐชัยหากุญแจ แล้วนึกได้
“กุญแจรถอยู่ในห้องตัด”
ทุกคนเซ็งที่ตามไปไม่ได้ เกี๊ยงแอบมองอยู่ สะใจว่าเสร็จแน่

ในแท็กซี่ น้ำมนต์นั่งนิ่ง แววตาเย็นชา ไม่สื่อสารกับใคร คนขับแท็กซี่เหลือบมองผ่านกระจกหลังเป็นระยะๆ
 
แต่แล้วก็กลับเห็นใบหน้าน้ำมนต์เป็นคามินที่นั่งอยู่คนขับแท็กซี่ผงะ กลัว รีบขับไป น้ำมนต์แววตาเหี้ยม


จบตอนที่ 8 
กำลังโหลดความคิดเห็น