ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 5
ใต้หล้ายามเช้าวันใหม่ เหล่าทาสต่างทำงานของตน บางคนกวาดใบไม้ บางคนถูเรือน บางคนกระเดียดกระจาดผักใส่เอวเดินผ่านราวผ้า มุ่งหน้าไปทางเรือนครัว
มุมหนึ่งที่เรือนใหญ่ หาญยืนมองทาสของเรือนใต้หล้าอยู่ หาญจับตาไปที่ลานตากผ้า เห็นเดือนบิดผ้าให้หมาดน้ำ แล้วสะบัดออก แสงแดดยามเช้าจับต้องละอองน้ำสะบัดจากผ้า
มีละอองน้ำเกาะใบหน้า เดือนดูยิ้มแย้ม มีความสุขกับงานที่ทำ ภาพงามนี้ หาญมองอยู่อย่างติดใจ
ที่ราวผ้าหลายราว มีผ้าตากเต็มหลายผืน เดือนยกผ้าขึ้นตากบนราว คลี่ผ้าให้กว้างออก ทางด้านหลัง ผ้าที่ตากแล้ว ยวบยาบ มีมือยื่นจากผ้ามาจับบ่าเดือน
เดือนหันขวับทันที
"ใคร"
เดือนหันหลัง ผ้าไหว ไม่เห็นใคร ที่ผ้าด้านตรงข้าม มีมือยื่นผ่านผ้ามาจับไหล่เดือนอีกข้าง พร้อมเสียงขู่
"โอ่วะ"
เดือนตกใจสะดุ้ง หันขวับไป ชนหาญที่แหวกผ้าเข้ามาดักแกล้งอย่างจัง
"ว้าย"
เดือนผงะถอยหลังด้วยความตกใจ ขาขัดกัน เสียหลัก หาญรีบรวบตัวเดือนไว้ ยิ้มร่วน
"ขวัญอ่อนจริง แม่เพลงซอ"
"คุณหาญ !"
เดือนและหาญสบตากัน พลันต่างรู้สึกหัวใจเต้นแรงอย่างประหลาด สายตาที่สบกันนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ผูกพันตั้งแต่เยาว์วัย
เดือนตั้งสติได้ รีบผละตัวออก
"คุณหาญมาไม่ให้สุ้มให้เสียง"
"เจ้านี่ขวัญอ่อนไม่เปลี่ยน เราแกล้งเจ้าแบบนี้มาแต่เล็กจนโตยังไม่ชินอีก"
"คุณหาญช่างสรรหาวิธีการแกล้งบ่าวทุกวันนี่เจ้าคะ"
เดือนเดินเลี่ยงไปทางหนึ่งด้วยความเขิน
อีกมุมหนึ่ง ใกล้ลานตากผ้า ดาวกำลังเอาไม่ตีผ้า แต่ไม่ได้ตั้งใจ มองนกมองไม้ไปเรื่อย พลัน สายตาเห็นเดือนที่ราวตากผ้า ที่ช่องว่างระหว่างผ้าสองผืน เห็นเดือนดูยิ้มแย้ม หันหน้ายิ้มอยู่คนเดียว หลังม่านผ้า เหมือนมีคนหนึ่งอยู่ด้วย ดาวสงสัย ตีผ้าแรง
"อีเดือนคุยกับใครวะ"
ดาวฟาดผ้าพั่บๆ เก็บความสงสัยไม่อยู่ ทิ้งงาน แอบย่องไป
หาญขยับตามเดือน ทำเสียงอ่อนลงอีก
"ขอโทษ หากเราทำให้เจ้าไม่พอใจ"
เดือนหัวใจไหววาบ รีบปฏิเสธด้วยเกรงจะไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจนทำให้หาญต้องขอโทษ
"คุณหาญอย่าเอ่ยเยี่ยงนั้นเจ้าค่ะ ไม่มีสิ่งใดที่คุณหาญต้องขอโทษทาสอย่างบ่าว"
"เช่นนั้น เราจะพูดอะไรได้ ถ้าไม่ขอโทษ ก็ขอชมได้ไหม"
"ชม ? ชมเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ"
"นอกจากเป็นเพลงซอแล้ว เจ้ายังรำสวย เมื่อวันก่อน รำเสี่ยงมาลัย เจ้ารำสวยมาก"
"ความงามที่แท้ล้วนมาจากคุณท่าน แม่ของคุณหาญดอกค่ะ เป็นคุณท่านที่เมตตาให้บ่าวฝึกรำตั้งแต่เยาว์วัย จึงรำพอดูได้"
"พอดูได้ ? ไม่มั้ง รำสวยติดตาเชียวล่ะ เสียอย่างเดียว"
"มีที่เสียด้วยหรือเจ้าคะ"
"เสียตรงที่ เจ้าไม่เสี่ยงมาลัยมาให้เรา"
หาญพูดยิ้มๆ เดือนหน้าแดงก่ำ หลบสายตา หาญขยับมาใกล้
"รำเสี่ยงมาลัย ตามเรื่องราวท่านว่า เป็นจังหวะที่นางรจนาเลือกคู่ นางจึงเสี่ยงมาลัยให้ชายที่นางต้องใจ...เราไม่ยักได้มาลัยนั้นบ้าง"
เดือนอึ้ง อยากจะสบตาหาญเพราะได้ยินเสียงอ่อนโยนนั้น แต่ใจก็คิดถึงคำพูดแม่นายได้
พวงแก้วหันมากำราบดาวและเดือน ในวันนั้นว่า
"ลูกหาญข้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถึงเวลาที่ข้าจะหากุลสตรีคู่ควร ลูกหลานน้ำพระยา มาเป็นศรีภรรยาแก่ลูกหาญ พวกเอ็งว่าดีไหม นังดาว นังเดือน"
เดือน เจียมตัวลงอย่างมากบอกกับหาญว่า
"บ่าวเป็นลูกทาส จะทำการใดๆก็เพื่อรับใช้เจ้านายของตนเท่านั้น และบ่าวก็จะยินดียิ่งนักหากได้เห็นคุณหาญรับมาลัยรักจากแม่หญิงที่คู่ควรกับคุณหาญเจ้าค่ะ"
เดือนสบตา ยิ้ม จริงใจ เทิดทูน แต่แฝงความห่างเหินอย่างทาสที่ไม่อาจเอื้อมกับเจ้านาย เดือนเก็บตะกร้าผ้าแล้วเดินจากไป
หาญยืนงงอยู่เพียงลำพัง
อีกมุมหนึ่ง เดือนพ้นราวตากผ้ามา เจอดาวมาดักอยู่ เดือนตกใจ
"ดาว !"
"ทำไมเอ็งต้องตกใจด้วยนังเดือน"
"ข้า...ก็ข้าตกใจ"
"เอ็งตกใจเพราะเอ็งมีเรื่องปิดบังข้าใช่ไหม เมื่อกี๊เอ็งคุยกับใคร คุณหาญเหรอ"
"ข้า...เอ่อ"
"คุณหาญมาที่นี่ คุณหาญมา"
ดาวแหวกผ้าหาหาญ ถลกผืนนั้น ถึงผืนนี้ แหวกผืนโน้น พลางแว้ดๆใส่
"เอ็งคุยกับคุณหาญใช่ไหมนังเดือน อย่าให้ข้ารู้นะ"
มั่นยื่นผ้าผืนหนึ่งผลักที่หัวดาวอย่างแรง
"โอ๊ย..."
"เอ็งรู้แล้วจะทำไม นังดาว"
มั่นแหวกผ้าผืนหนึ่งออก มั่นเป็นคนแกล้งผลักหัวดาวด้วยความหมั่นไส้
"โอ๊ย ไอ้มั่น เอ็ง เอ็ง"
"ชี้หน้าข้า จะทำไม คิดจะสั่งข้างั้นเหรอ เฮอะ นังดาวเอ๊ย เอ็งเป็นใครจะสั่งห้ามคนนั้นคนนี้ไม่ให้คุยกับใคร หรือเอ็งคิดจะห้ามคุณหาญไม่ให้มาคุยกับนังเดือนมัน"
"ก็นายท่านสำทับไม่ให้ลูกทาสคิดกำเริบใฝ่สูง ข้าก็แค่จะเตือนนังเดือนไม่ให้ตีสนิทกับคุณหาญ"
"จุ๊ๆ ข้าละขอบใจแทนนังเดือนที่เอ็งหวังดีกำราบมัน แต่ข้าว่าเอ็งน่าจะบอกตัวเองก่อน ภาษิตว่ายังไงนะ ข้าได้ยินคุณหาญท่อง...อ้อ ตักน้ำใส่กะโหลก ชะโงกดูเงา"
"อ๊าย ไอ้มั่น ไอ้ขี้ข้าม้าคร่อก ไอ้ลูกกรอกนังเดือน ปกป้องมันไปเถอะ ดูแลกันไปมาคงได้เสียเป็นเมียผัวกันสักวัน"
"อีดาว เอ็งพูดให้ดีนะ ข้ากับนังเดือนเป็นเพื่อนกันมาแต่เด็ก เอ็งก็เหมือนกัน โตมาด้วยกันก็เห็นกันอยู่ ยังจะคิดอกุศล นังดาวเอ๊ย ปากเจาะกะลาเน่าไม่เคยเปลี่ยน"
ดาวตวัดแขนขึ้น มือกำแน่น มั่นขยับตัวยักไหล่ไปมา กล้ามเป็นมัดกระตุกแบบคนมีพละกำลังเต็มเปี่ยม ดาวเงื้อง่า แต่ไม่กล้าลงมือ ได้แต่ชี้หน้าฝากไว้
"ไอ้มั่น ! ไอ้ขี้ข้านังเดือน ฝากไว้ก่อนเถอะ"
ดาวกระทืบเท้าออกไป เดือนมองตาม ถอนหายใจแล้วส่ายหน้ากับมั่น
ดาวกลับมาที่ลานซักผ้า กระทืบเท้า เตะโน่นนี่โครมคราม เตะผ้ากระเจิง
"ไอ้มั่น อีเดือน...มึง"
ดาวเตะกาละมัง เจ็บเท้า ยิ่งเจ็บใจ
"โว้ย ทำไมกูต้องเกิดมาเป็นแบบนี้ด้วย...ถ้ากูเกิดเป็นลูกท่านหลานเธอ กูก็ไม่ต้องมาทำบ้าอะไรพวกนี้ โว้ยๆๆ"
ดาวกระทืบเท้าเหยียบผ้า เตะทิ้ง โวยวาย ดูเคียดแค้นกับสภาพชีวิต
เดือนพ้อมั่น แต่มั่นส่ายหน้าระอาใจ
"พี่ไม่น่าไปว่าดาวมันเยี่ยงนั้นเลย"
"เอ็งก็นะนังเดือน อมพระนิ่งไว้ ให้นังดาวมันโขกสับมาแต่เล็กจนโต ทำไมเอ็งไม่ตอบโต้มันบ้าง"
"ข้ากับดาวก็เพื่อนกันนะจ๊ะพี่มั่น โตมาด้วยกัน มีอะไรก็ช่วยเหลือพึ่งพา"
"ช่วยเหลือ เป็นเอ็งละมากกว่าที่ช่วยมัน ยอมมัน นี่ก็งานของมันใช่ไหม"
เดือนพยักหน้า แล้วตากผ้าต่อไป มั่นรีบช่วยเดือน
"แล้วคุณหาญมาหาเอ็งจริงๆรึ"
"จ้ะ"
มั่นมองเดือนด้วยความสงสัย
"มาคุยกับเอ็งเรื่องอะไร...ตอนข้ารับใช้คุณหาญอยู่กับนายท่าน ได้ยินว่านายท่านจะให้เอ็งกับข้าไปตลาดด้วย"
เดือนรีบกลบเกลื่อนความสงสัยของมั่น
"จ้ะ คุณหาญคงจะมาพูดด้วยเรื่องนี้จ้ะ"
"แล้วทำไมคุณหาญต้องมาบอกเอ็งเอง ในเมื่อนายท่านใช้ข้าให้มาบอกเอ็งแล้ว"
"ไม่รู้สิจ๊ะ เออ ข้าว่ารีบตากผ้าเถอะจ้ะ เสร็จแล้วจะได้รีบไปรับใช้นายท่าน"
เดือนแก้ตัวไปได้ มั่นยิ้มกว้าง ไม่คิดอะไร
หาญเดินกลับมา สีหน้ายังเก็บความสงสัยที่เดือนพูดไว้ แต่แล้วหาญเห็นเดือนอยู่กับมั่น ท่าทางสนิทสนมกัน ช่วยกันตากผ้า หาญชะงัก อึ้ง มอง แต่ไม่เดินเข้าไป
เรือนหลังเล็ก บุหงามองหน้าตัวเองในกระจก สีหน้าเก็บซ่อนความรู้สึก
"ความลับต้องเป็นความลับ"
ที่มือของบุหงามีผ้าพันแผล กลางผ้ามีรอยเลือดซึมออกมา
บุหงามองปิ่นดอกโบตั๋นที่หักวางอยู่หน้ากระจก
"ทางโปร่งแล้วเจ้าค่ะ"
บุหงาหันไป เจียมแง้มประตูเข้ามา
"ท่านเจ้าสัวออกไปร้าน ส่วนนังคุณแก้วก็จะไปไหนไม่รู้เจ้าค่ะ ทางสะดวกเจ้าค่ะ"
"ข้าต้องรู้ให้ได้ว่าปิ่นดอกโบตั๋นมาอยู่ที่นี่ได้เยี่ยงไร"
"คุณบุหงากลัวว่าจะมีคนในใต้หล้ารู้ความลับว่าคุณบุหงาเคยเอาลูกสาวไปทิ้งไว้ที่หอจันทร์ฉายรึเจ้าคะ"
เจียมหน้าซื่อขยายความเสียงดัง พรั่งพรูออกมาด้วยคิดว่าฉลาดที่นึกออก
พลั่ก ! บุหงายันโครม ถีบเจียมหงายหลัง
"อีพล่อย !"
"คุณบุหงาเจ้าขา บ่าวแค่ถาม"
บุหงาเข้าไปบีบปากเจียม
"มึงห้ามพูดเรื่องนี้ออกมาอีก ถ้าใครได้ยิน มึงกะกูมีหวังตายแน่ มึงอย่าลืมสิ อีตาดมันเป็นผีเพราะฝีมือใคร ถ้ามึงปากพล่อยอีก เรื่องรู้ไปถึงทางการ มึงติดคุกตะแลงแกงไม่ได้ออกมาแน่อีเจียม"
"คุณบุหงา ! บ่าวสัญญาเรื่องนี้จะต้องเป็นความลับเจ้าค่ะ"
"เรื่องลูกผู้หญิงชิงนรกเกิดนั่นต้องเป็นความลับ ถ้ามึงทำใบ้ไม่ได้ กูจะทำให้มึงเป็นใบ้"
เจียมรีบตบปากตัวเอง
"อีเจียมผิดไปแล้วเจ้าค่ะ อีเจียมจะไม่พูด เรื่องนี้จะเป็นความลับ มันจะไม่หลุดออกจากปากอีเจียมแน่เจ้าค่ะ"
บุหงาคลายความเคียดแค้นจากเจียม แต่ยังไม่วายข้องใจต้องคลี่คลายความสงสัยของตน นางมองไปที่ปิ่นดอกโบตั๋นหัก
"ข้าต้องรีบจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด"
บุหงาห่อปิ่นดอกโบตั๋นแล้วเหน็บเข้าชายพกผ้านุ่ง เปิดประตูเรือนออกข้างนอก
บุหงานั่งอยู่บนรถลาก เจียมเดินตาม บุหงารู้ว่าบ่าวไพร่มองอยู่ เลยสั่งคนลากรถ
"ไปสำเพ็ง...ข้าจะไปซื้อผ้า"
บ่าวไพร่มองตามรถลากที่ล้อหมุนออกไป
กลางถนนเล็กๆสายหนึ่งกลางพระนคร พวงแก้วนั่งอยู่บนรถลากคันหน้า เอื้อยเดินตามค่อนข้างกระหืดกระหอบ หาญนั่งอยู่บนรถลากคันหลัง หาญเห็นเอื้อยเหนื่อย
เดือนและมั่นเดินตามมา เดือนสะดุดหิน เกือบเสียหลัก มั่นตกใจ
"เดือน ! เอ็งเจ็บหรือเปล่า"
"ไม่เป็นไรจ้ะพี่มั่น ฉันไม่เจ็บเท่าไหร่"
หาญสะดุดตาที่มั่นดูเป็นห่วง ใกล้ชิดสนิทสนมกับเดือน แต่เขาก็ห่วงเดือนที่ดูจะเจ็บขา
"เอ็งเดินไหวแน่นะ มาข้าหิ้วตะกร้าให้"
"ขอบใจจ้ะพี่มั่น ข้าเดินไหวจ้ะ"
เดือนเดินกะเผลกเล็กน้อย
หาญเป็นห่วง สงสาร แต่พูดอะไรกับเดือนตรงๆไม่ได้เพราะพวงแก้วชำเลืองมาดูเดือนอยู่
"ช้าลงหน่อยได้ไหม วิ่งราวม้าป่า ท้องไส้เราปั่นป่วนไปหมด"
คนลากรถยิ้มร่า ลากช้าลง เอื้อยหายใจหอบ หันมายิ้มกับหาญ
"โอย เป็นพระคุณเจ้าค่ะคุณหาญ ช้าลงก็ดี ไม่งั้นบ่าวจ้ำตามไม่ทัน รถลากหรอกเจ้าค่ะ"
"ฉันเห็นแก่แม่เอื้อยนั่นแหละ อนิจจังวัฏสังขารา"
"แก่ ว่าตรงๆก็ได้เจ้าค่ะ แต่บ่าวไม่ยอมรับว่าแก่หรอกเจ้าค่ะ"
หาญหัวเราะกับเอื้อย ราวกับว่าการที่ให้รถช้าลงเพราะเห็นแก่เอื้อย แต่แท้จริง หาญเป็นห่วงเดือน
หาญแอบมองเดือน เห็นว่า มั่นช่วยประคอง หาญขัดหูขัดตา
"เฮ้ย รีบไปดีกว่า ข้าใจร้อน"
คนลากรถงง แต่เร่งฝีเท้า เอื้อยงงเหมือนกัน เร่งฝีเท้าขึ้น มั่นช่วยประคองเดือนที่กัดฟันเดินตามอย่างรวดเร็ว แต่เดือนทนเจ็บไม่พูดไม่บ่น
อ่านต่อหน้า 2
ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 5 (ต่อ)
ทั้งหมดเดินผ่านผู้คนตามท้องตลาด พวงแก้วเชิดคอระหงประสาผู้ดีเก่าและมีแต่ความภาคภูมิใจเพราะลูกชายที่เดินข้างตนนั้นมีแต่คนจำได้
ชาวบ้านละแวกนั้นไหว้พวงแก้วและหาญ ยกย่องถ้วนหน้าสืบมาจากความมั่งคั่งและเป็นที่นับหน้าถือตาทั้งพระนคร
"นายท่าน คุณหาญ มาตรวจร้านหรือขอรับ"
"อย่าเรียกว่าตรวจเลยจ้ะ กระผมมาช่วยงานแบ่งเบาภาระพ่อ ส่วนแม่ก็มาซื้อของเหมือนลุงๆป้าๆนั่นแล"
พวงแก้วพึงพอใจลูกชาย ชาวบ้านต่างชื่นชม ทักทาย เดือน มั่น เอื้อย อ่ำ เดินตาม เดือนกะเผลกเล็กน้อย หาญแอบเหลียวมองด้วยความเป็นห่วงเป็นระยะ คล้อยหลังพวงแก้วที่ทักทายผู้คน หาญชะลอฝีเท้าคุยกับเดือน
"ขาเจ้าเป็นเยี่ยงไร"
"สะดุดหินขาแพลงนิดหน่อยเจ้าค่ะ แต่พี่มั่นคอยช่วย พอให้ทุเลาไปบ้างเจ้าค่ะ"
มั่นยิ้มรับ หาญหงุดหงิดกับลูกตาแสนซื่อของเดือน เพราะออกแนวหวง
"อ่อนแอเยี่ยงนี้ไม่สมกับเป็นคนของใต้หล้า เจ้าควรช่วยเหลือตนเองให้มากมิใช่รังจะเป็นภาระแก่ผู้อื่น"
เดือนงง
"เจ้าค่ะ แต่พี่มั่นก็ไม่ใช่คนอื่น"
"เจ้าควรเดินเองไม่ให้ใครจับ"
เดือนและมั่นงง มองหาญ หาญแก้เกี้ยว เสียงเข้มกลบเกลื่อน
"ข้าหมายถึง เกิดเป็นคน จะเป็นนายเป็นบ่าวก็ต้องพึ่งตนเอง"
"เจ้าค่ะคุณหาญ บ่าวจะไม่ให้เกิดขึ้นอีกเจ้าคะ พี่มั่นขอบใจนะ ฉันเดินเองได้"
เดือนพยายามเดินเอง มั่นก็ไม่ช่วยเพราะกลัวเดือนเดือดร้อน
หาญแอบอมยิ้ม สบายใจขึ้นมาหน่อยที่เดือนไม่ต้องเกาะแขนมั่นให้รำคาญลูกตา
แสนดีดลูกคิดไปมา สีหน้ายิ้มแย้มคิดว่าตนเองรู้ทัน
"ท่าวันนี้แม่แก้วจะว่าง จึงได้มาคุมข้าถึงที่ร้าน"
แสนและพวงแก้วยิ้มแก่กัน มีอารมณ์หยอกเย้ากันบ้าง ช่วงนี้ความสัมพันธ์ดีมากเพราะยี่สิบปีนี้ หาญและกล้าเป็นลูกชายที่ดีและเก่งนำมาแต่ความเจริญสู่ตระกูล
"ท่านเจ้าสัวก็สัพยอกอิฉันเกินไป เห็นท่านเจ้าสัวกับลูกกล้าทำงานเหนื่อยหนัก อิฉันอยากจะมาเยี่ยมยามให้เห็นหน้า เผื่อจะชื่นใจ"
"นี่ล่ะ เขาเรียกมาคุมทางอ้อม หล่อนนี่ฉลาดนักแม่แก้ว ลูกชายหล่อนก็ฉลาดเฉลียวเรียนรู้งานไว"
แสนชำเลืองมองไปทางกล้าที่เรียนงานบัญชีจากหยก พวงแก้วดีใจที่แสนเหมือนจะคลี่คลายความกังวลขึ้งเครียดเรื่องชะตาของกล้าบ้างแล้ว
"กล้าเป็นอย่างไรบ้างหยก " พวงแก้วถาม
"น้องกล้าเรียนรู้บัญชีไวมากขอรับ อาเจ็กยังเคยชมว่าน้องกล้าคงจะได้หัวการค้ามาจากท่านเจ้าสัว"
"ไม่ได้พบซินแสนเทียนเสียนาน คงต้องฝากหยกไปเรียนเชิญท่านมาร่วมงานฉลองมงคลตาหาญ"
ทั้งหมดได้ยินถึงกับตกใจ กล้าและหาญ งง เดือนอึ้ง เอื้อย อ่ำ มั่นแทบจะอ้าปากค้าง
"งานมงคลของน้องหาญ" กล้าว่า
"คุณหาญจะมีเมีย" มั่นบอก
หาญแอบหันมามองเดือน ส่ายหน้าปฏิเสธว่า อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะ
"คุณแม่ขอรับ ลูกยังไม่พร้อมจะมีภรรยา"
เจ้าสัวแสนหัวเราะลั่น พวงแก้วอมยิ้ม แล้วเฉลย
"คุณพ่อหมายถึงครบรอบวันเกิดเจ้า แม่กับพ่อจะทำบุญใหญ่ ฉลองให้ที่เจ้าครบ 20 บริบูรณ์"
"โอย บ่าวก็นึกว่าต้องเตรียมทำที่นอนฟูกหมอนใบใหม่ให้บ่าวสาวเสียแล้ว"
"ฟุ้งน้ำลายไปใหญ่แล้วนังเอื้อย ไปเถอะเรา ข้าต้องซื้อหาข้าวของทำอาหารคาวหวานมากมาย"
เดือน เอื้อย มั่นและอ่ำ ขยับตัวจะตามแก้วออกจากร้าน หาญก็ทำท่าจะไปด้วย
"ไอ้มั่น เอ็งไปคัดถั่วงาในร้านเตรียมไว้ ลงบัญชีให้เรียบร้อยด้วย อย่าให้เสียระบบค้าขายของท่านเจ้าสัว"
"เอ้อ...บ่าวทำไม่เป็นขอรับ" มั่นบอก
"มาเถอะ เราช่วยเอง"
หยกพามั่นเข้าไปในร้าน กล้ามองตาม ไม่พอใจแต่เก็บอารมณ์ไว้ ทั้งหมดจะตามพวงแก้วไป แสนสั่งอ่ำ
"ไอ้อ่ำ เอ็งไปเตรียมข้าวสาร 30 กระสอบ ยี่ปั๊วเมืองพระประแดงจะมาซื้อวันนี้ ลูกค้าของเจ้าแน่ะหาญ อยู่รับเขาหน่อยนะ"
"ขอรับ"
หาญเสียดายที่ไม่ได้ไปกับแม่ มองตามเดือนจนลับตา
"อยากไปจ่ายตลาดกับผู้หญิงหรือเรา"
"เปล่าขอรับคุณพ่อ"
หาญแอบชำเลืองมองเดือนด้วยความเป็นห่วง
ภายในลานครัว ดาวขูดมะพร้าวอยู่ เมฆแอบมองอิริยาบทของดาว มันไล่สายตาดูมือขาวๆที่จับมะพร้าวขูดกับกระต่าย ไล่เรื่อยตามลำแขนถึงบ่าและอกที่กระเพื่อมตามจังหวะขยับออกแรง เมฆคิดอะไรกับดาว
ดาวรู้ตัว เงยหน้าขึ้นเห็นเมฆมองอยู่
"ไอ้เมฆ เอ็งมองอะไร"
"แล้วเอ็งคิดว่าข้ามองอะไร"
เมฆยียวนทั้งกิริยาและสายตา ดาวเขวี้ยงกะลามะพร้าวใส่ เมฆหลบ
"ไปเลยนะเอ็ง ไปหาเอาข้างหน้า ไม่งั้นก็ตะกายฝาดับฝันเอ็งซะ"
"นังดาว ปากดีหยั่งงี้ ระวังเหอะ ข้าจะเอาความเป็นผัวอุดปากเอ็ง"
ดาวลุกขึ้น เขวี้ยงกระต่ายขูดมะพร้าว โครม ! เมฆหลบทัน เป็นจังหวะเดียวกับชื่นเข้ามาห้าม ชื่นใช้ไม้ฟืนเคาะหัวเมฆ
"ไอ้เมฆ ออกไปเลยนะ อย่ามาทำรุ่มร่ามกับลูกข้า"
"นังดาวไม่ใช่ลูกน้าชื่นเสียหน่อย มันแว้ดๆจะกินหัวน้าชื่นยังจะปกป้องมันอีก"
"ไม่ใช่ลูกข้าก็เลี้ยงมาเหมือนลูก ถึงมันจะแว้ดๆดื้อด้าน ข้าก็ไม่ชอบให้ใครมาทำกับมันเยี่ยงนี้"
เมฆจำต้องเกรงชื่นซึ่งเป็นใหญ่ในครัว ดาวโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ผ่อนลมหายใจไปกระแทกตัวนั่งมุมหนึ่ง
"โว้ย ทำไมข้าต้องเกิดมาเป็นอย่างนี้"
"อย่างไหนก็เอาดีได้ เอ็งก็อย่าเปิดทางให้ใครแล้วกัน"
"ไอ้เมฆมันกลัดมันนัก ทำไมมันไม่ไปแทะเล็มนังเดือนมันมั่ง"
"อ๊าว นังนี่ ข้าอุตส่าห์เป็นห่วง นี่ยังไพล่หาขี้ไปป้ายนังเดือน"
"แล้วนังเดือนมันไปไหนล่ะ"
"มันตามไปรับใช้คุณท่านกับคุณหาญที่ตลาดสำเพ็ง"
"นังเดือนไปตลาดกับสำเพ็งกับคุณหาญ อ๊าย ทำไมข้าไม่ได้ไป ทำไมเป็นนังเดือน ทำไมไม่เป็นข้า"
ดาวโวยวาย หงุดหงิดออกไปไม่ช่วยงาน ชื่นมองตามอย่างระอา
เจ้าของร้านกระวีกระวาดห่อของให้ แต่ของยังไม่ครบ
"นังเดือน เอ็งรอรับเทียนอบกับบรรดาของหอมให้ครบตามจำนวน นับเลขเป็นใช่ไหม ข้าเคยสอนแล้วนี่"
"ได้เจ้าค่ะ"
"นังเอื้อยไปเถอะ ยังมีหลายสิ่งหลายร้าน"
พวงแก้วออกไปกับเอื้อย
เดือนรอของในร้าน ระหว่างนั้นเดือนดมกลิ่นน้ำปรุงกลิ่นนั้นกลิ่นนี้ ชื่นใจ อยากได้แต่ไม่มีอัฐซื้อ จึงได้แต่ดม ที่หน้าร้าน หาญเข้ามามองเดือนดมน้ำปรุงอยู่ก็อมยิ้ม และเดินเข้ามาอยู่ด้านหลัง
"เจ้าชอบกลิ่นใดหรือ"
เดือนตกใจวาบ อึ้ง หันไป
"คุณหาญ !"
"เราทำให้เจ้าตกใจอีกแล้ว"
เดือนกะเผลกห่างออกจากหาญ
"ข้อเท้าเจ้าเป็นเยี่ยงไร"
"ไม่เป็นไรมากเจ้าค่ะ"
หาญเข้าหาเดือนแล้วนั่งลง จะเอื้อมมือไปที่ข้อเท้า
"คุณหาญ จะทำอะไรเจ้าคะ"
"ขอเราดูข้อเท้าเจ้าหน่อย"
เดือนตกใจตาลุกโต มือหาญจับที่ข้อเท้า เสียงเจ้าของร้านเข้ามาพอดี
"ของได้แล้วจ้ะ"
เจ้าของร้านเดินเข้ามา เดือนทำตัวไม่ถูกจึงรีบผละจากหาญไปหาเจ้าของร้าน
"ขอบใจจ้ะ"
เดือนนับของ ทำเป็นไม่สนใจหาญ หาญรู้สึกเก้อไป ลุกขึ้นทำเป็นดูของอย่างอื่นในร้าน ดมน้ำอบน้ำปรุง
ด้านนอกร้าน ชาวบ้านที่กำลังจับจ่ายซื้อของต่างเหลียวมองกลุ่มนางโลมที่เดินเฉิดฉายเข้ามาในตลาด ทุกสายตามองฟ้าหยาดที่สวยสะพรั่งโดดเด่นกว่านางโลมคนอื่น ชาวบ้านผู้หญิงซุบซิบ สีหน้าไม่ชอบ แต่ผู้ชายมองแทบตากลับ
ชาวบ้านญ. 1 ว่า "นังฟ้าหยาด"
ชาวบ้านญ.2 ว่า "เขาว่ามันเป็นดาวแห่งหอจันทร์ฉาย"
ฟ้าหยาดได้ยิน หันไปยิ้มให้หญิงชาวบ้าน
"ขอบคุณที่ชมนะจ๊ะพี่สาว ข้าเองก็ไม่คิดว่าข้างามจนหญิงทั้งพระนครอิจฉาเยี่ยงนี้"
ฟ้าหยาดยิ้มเยิ้ม ชาวบ้านอึ้งไป ไม่คิดว่าฟ้าหยาดจะฉอเลาะหวานปนแสบได้ขนาดนี้ ฟ้าหยาดหัวเราะสะใจ เดินมาถึงร้านน้ำปรุง
นางโลม1 ว่า
"ข้าว่าต่อไปจะใช้น้ำอบกลิ่นกุหลาบ เค้าว่าเป็นกลิ่นเย้ายวนใจบุรุษ เจ้าว่าอย่างไรฟ้าหยาด"
หญิงนางโลมต่างหยุดที่ร้านน้ำปรุง หยิบน้ำอบแป้งร่ำขึ้นดม ชี้ชวนกันจะซื้อ ฟ้าหยาดหยุด ดมบ้าง แล้วพลันมองเข้าไปร้าน เห็นหาญกำลังดมน้ำปรุงอยู่
"นายท่านผู้นั้น"
ฟ้าหยาดตาวาวมุ่งไปที่หาญทันที
หาญดมน้ำปรุงอยู่ เดือนอยู่ห่างออกไปกำลังนับของกับเจ้าของร้าน จึงดูเหมือนว่าไม่ได้มาด้วยกัน
ฟ้าหยาดยื่นมือมาจ่อตรงจมูกหาญที่กำลังดมน้ำปรุง
"ท่านว่ากลิ่นนี้หอมหรือไม่เจ้าคะ"
"แม่นาง !"
เดือนเห็นสาวสวยมาทักหาญก็แอบมอง
"ท่านว่าบังเอิญหรือชะตาที่พัดพาให้ข้ามาพบนายท่าน"
"ข้าไม่นึกว่าจะพบแม่นางที่นี่"
"อา...ท่านจำข้าได้ ข้าคือคนที่มอบปิ่นให้กับท่าน"
หาญจำได้ แต่ทำหน้าไม่ถูกเพราะเอาปิ่นดอกโบตั๋นให้สายฝนไปแล้ว
"ใยท่านมาเลือกน้ำปรุงเพียงลำพังล่ะคะ มีคนบอกข้าว่า หากชายใดเลือกน้ำปรุง แสดงว่าชายคนนั้นกำลังมีรัก จริงหรือไม่เจ้าคะ"
เดือนกำลังหยิบของใส่ห่อ ก็ชะงักมือ หันไปเห็นฟ้าหยาดยิ้มกับหาญ ดูสวยหล่อสมกันเหลือเกิน
หาญเห็นไปเห็น เดือนรีบหลบตา
"ข้าก็กำลังหาน้ำปรุงที่ปรุงด้วยรัก แต่ท่าจะต้องรอบางคนมาปรุงให้"
เดือนได้ของครบพอดี รวบห่อกระดาษ รีบเดินผ่านหาญและฟ้าหยาดไปจากร้าน
หาญมองตามจะเดินตาม แต่ฟ้าหยาดกันทางไว้
"หากข้าเสนอจะช่วยปรุงรักให้ล่ะเจ้าคะ"
หาญจำหยุดเป็นมารยาท ฟ้าหยาดยิ้มหวาน
เดือนรีบหอบข้าวของออกจากร้าน ขากะเผลกแต่แข็งใจเดิน นึกตรอมและเจียมตัวเองที่ไม่ได้สวยและดูดีคู่ควรกับหาญ เดือนมัวแต่ชำเลืองไปมองที่ร้านน้ำอบ จนเกือบชนกับมั่น
"พี่มั่น"
"เป็นอะไรนังเดือน รีบจ้ำมา หนีอะไร ขาหายเจ็บแล้วรึ"
"ไม่เจ็บเท่าไหร่แล้วจ้ะ นายท่านล่ะจ๊ะ"
"นายท่านยังเลือกของไม่ครบ พี่ต้องเอาของบางส่วนไปเก็บที่ร้านก่อนแล้วจะต้องกลับไปหิ้วอีกหลายอย่าง"
"งั้นก็รีบไปเถอะจ้ะ"
เดือนรีบไป ไม่อยากเห็นบาดใจ
อ่านต่อหน้า 3
ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 5 (ต่อ)
หาญอยากจะออกจากร้านขายเครื่องหอมไทย ตามเดือน แต่มีมารยาทพอไม่แหวกออกไป ฟ้าหยาดยิ้มหวานเยิ้ม
"นายท่านไม่ตอบข้า...เอ หรือเรายังไม่สนิทแนบแน่นกันเพียงพอ เยี่ยงนั้น เพื่อเป็นการทำความรู้จักกัน นายท่านช่วยเลือกน้ำปรุงให้ข้าได้ไหมเจ้าคะ"
หาญจำต้องรักษามารยาท ใจอยากจะชิ่งหนี จึงสุ่มจิ้มชี้อันหนึ่งไปมั่วๆ
"กลิ่นนี้"
ฟ้าหยาดยิ้มพราว รีบหยิบน้ำอบกลิ่นที่หาญชี้ขึ้นสูดดมเต็มแรง แต่กลิ่นแรงมาก จมูกแทบแตก
"กลิ่นแรงเยี่ยงนี้เหมาะแก่ข้าหรือเจ้าคะ"
หาญไม่ได้สนใจว่ากลิ่นเป็นอย่างไร เพราะสายตามองออกไปนอกร้านตลอดเวลา
เดือนเดินออกไปกับมั่น หาญอยากจะออกไป ฟ้าหยาดรั้งแขนไว้
"เดี๋ยวสิเจ้าคะนายท่าน ข้ายังไม่รู้จักชื่อแซ่ของนายท่านเลย"
"ข้าชื่อหาญ อยู่ที่ ใต้หล้า"
"ใต้หล้า !? ข้า...ฟ้าหยาด...ยินดีที่ได้รู้จักนายท่าน และยินดีรับใช้ด้วยเจ้าค่ะ"
หาญไม่ตอบรับ จะรีบผละไป ฟ้าหยาดรั้งแขนไว้ แต่หาญก็ดึงออกอย่างสุภาพ
"ยินดีที่ได้รู้จักแม่นาง"
ฟ้าหยาดจะพูดต่อ แต่หาญไม่ฟังรีบออกไป ฟ้าหยาดมองตามยิ่งชอบหาญมากขึ้น
"บุพเพสันนิวาสหรือกระไร ที่ทำให้ข้าได้มาพบกับท่าน....หาญ"
ฟ้าหยาดยิ้ม หัวใจพองโต
พวงแก้วและเอื้อยเลือกซื้อของอยู่ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็แปลกใจ
"นังบุหงา"
บุหงานั่งรถลากไปทางตรอกจันทร์ฉาย เจียมวิ่งหอบตามมา พวงแก้วขยับตัวไปทางหนึ่ง แอบมอง เอื้อยรีบตาม
"เอ็งเห็นเหมือนข้าใช่ไหมนังเอื้อย"
"นังคุณบุหงากับนังเจียมเจ้าค่ะ"
"มันมาทำอะไรที่หอจันทร์ฉาย ฮึ หรือปูนนี้มันยังไม่เลิกเป็นนางโลม"
พวงแก้วหัวเราะเยาะ ความสงสัยทำให้ขาขยับจะก้าวเดินตามไปดูให้เห็นกับตา เอื้อยรั้งแขนนายไว้
"อย่าเลยเจ้าค่ะคุณท่าน เดี๋ยวใครเห็นมันจะไม่งาม ตรอกนั้นมีแต่ของคาวต่ำตม คุณท่านอย่าเปลืองตัวลงไปแปดเปื้อนเลยเจ้าค่ะ"
พวงแก้วรับฟัง พยักหน้าเห็นด้วย เปลี่ยนใจหยุดไม่เข้าไป ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้
ภายในหอจันทร์ฉาย เว่ยชิงกำลังต้อนรับขับสู้กับลูกค้า นางโลมหลายนางดูแลบรรดาชายนักเที่ยว
บุหงาก้าวเท้าเข้ามา สวยผุดผาดและท่าทางวางตัวอย่างมีอำนาจ เจียมรออยู่มุมหนึ่งหน้าร้าน นางกวาดตามองท่ามกลางลูกค้าชายและเหล่านางโลม เห็นเว่ยชิงกำลังหัวร่อต่อกระซิกระริกระรี้กับลูกค้า บุหงารีบก้าวเท้าไปหาเว่ยชิง
เว่ยชิงกำลังจะป้อนสุราลูกค้า มือบุหงากระชากจอกออกจากมือเว่ยชิง
"บังอาจ !" เว่ยชิงหันขวับไป "เอ็ง..."
"ใช่ ข้าเอง"
เว่ยชิงยิ้มกว้างด้วยความยินดี
"ต๊าย ! คุณบุหงาแห่งอาณาจักรใต้หล้ามาถึงหอจันทร์ฉายได้อย่างไร ร้อยวันพันปีไม่เคยเวียนแวะมา เหตุใดวันนี้จึงโผล่มาหาข้าได้"
"หากไม่มีเรื่อง ฉันก็ไม่อยากกลับมาเหยียบที่นี่หรอก"
"เรื่อง ? เรื่องอะไร หล่อนพูดอะไรนังบุหงา ไม่เห็นรึว่าทำลายความเปรมปรีดิ์ของลูกค้าข้า"
บุหงาประชิดตัวเว่ยชิง เสียงเข้มแกมขู่
"เจ้ก็รู้จักฉันดี คนอย่างอีบุหงาทำได้ทุกอย่าง ถ้าเจ้ไม่อยากเสียลูกค้าหมดร้าน ก็ไปคุยกับฉัน เดี๋ยวนี้ !"
บุหงาและเว่ยชิงจ้องหน้ากัน เว่ยชิงเห็นว่าบุหงามาแรงต้องมีเรื่องแน่และกลัวร้านวินาศ เธอจึงพยักหน้าตกลง
มุมหนึ่งในที่ลับตาคน บุหงาทุบโต๊ะโครม แล้ววางปิ่นดอกโบตั๋นลงที่โต๊ะ
"นี่มันอะไร !"
เว่ยชิงงง
"ปิ่นหัก ! แล้วยังไง"
"เจ้ต้องการเท่าไหร่ถึงจะปิดเรื่องในอดีตของฉันทั้งหมดได้"
"ฮ่ะๆ เรื่องแค่นี้กระตุกหางหล่อนจนต้องออกมาโวยวายกับฉันเหรอ"
"คนอย่างฉันไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาฉุดลงต่ำได้หรอกนะ อย่าดึงฉันลงไปอีก"
เว่ยชิงหัวเราะ
"ต๊าย แม่ดอกฟ้าบุหงาทองคำ ได้ดิบได้ดีแล้วลืมกำพืดรึ หล่อนลืมไปแล้วหรือว่าใครขัดสีฉวีวรรณส่งหล่อนถวายพานให้ท่านเจ้าสัว ใครกันที่เลี้ยงลูกของ..."
บุหงาวางห่อเงินลงตรงหน้าเว่ยชิงทันที
"อัฐเท่านี้คงพอที่ให้เจ้อยู่ได้อีกนาน ฉันให้อีเจียมส่งให้เจ้ตลอดทุกเดือนอยู่แล้ว นี่ถือว่าเป็นก้อนพิเศษ"
เว่ยชิงฉวยเงินมาแกะดู ตาวาว
"อีกอย่าง ฉันขอสั่งไม่ให้นางหน้าไหนบริการท่านเจ้าสัว ท่านจะต้องเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น"
"ฮะๆ อีบุหงา ส่องกระจกดูบ้างปะไร ตอนนี้เอ็งก็ตกที่นั่งเหมือนนังคุณนายแก้ว เมื่อหมดความสาวก็กลัวว่าจะรั้งผัวไว้ไม่ได้"
"เจ้ ถือว่าฉันขอแล้วกัน อย่าให้อีนังคนไหนยุ่งกับเจ้าสัว หรือแม้แต่คนของใต้หล้า ไม่ว่าใครก็ตาม"
"อาเว่ยชิง ข้ากลับมาแล้ว ข้าเจอนายท่านจากใต้หล้าด้วยล่ะ"
บุหงาหันขวับ ได้ยินทั้งหมด อยากรู้เป็นใคร !?
ฟ้าหยาดเข้ามา มองบุหงาด้วยสายตาใสซื่อ บ้องแบ๊ว
"ฟ้าหยาด !"
"ฟ้าหยาด ?"
"เด็กที่อั๊วเก็บมาเลี้ยงเมื่อยี่สิบปีก่อน"
เว่ยชิงพูดแค่นั้น บุหงารู้ทันทีว่าฟ้าหยาดเป็นลูกสาว แม่ลูกเพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก !
บุหงาตกใจในความสาว สวยสะพรั่งของฟ้าหยาด จนเธอเดินเข้าไปใกล้
"เมื่อกี๊หล่อนพูดว่าพบใคร"
"นายท่านจากใต้หล้า...ทำไมล่ะ มันใช่เรื่องของป้าเหรอ"
บุหงาหูอื้อ ไม่รู้ว่านายท่านจากใต้หล้าจะเป็นใคร แต่ความกังวล ความกลัว ความหวาดหวั่นเรื่องอัปมงคลทั้งหลาย บุหงาจิ้มหน้าผากฟ้าหยาด สั่งเสียงเด็ดขาด
"ห้ามยุ่งกับคนของใต้หล้า"
"อะไร ป้าเป็นใครมาสั่งฉัน เกี่ยวอะไรด้วย"
"ใต้หล้าเป็นของข้า คนของใต้หล้าก็เป็นของข้า หล่อนห้ามมายุ่งเกี่ยว อีเด็กเหลือขอ"
ฟ้าหยาดโดนผลักไป งง ทำไมนังป้าคนนี้อยู่ๆก็เดินมาด่า บุหงาจ้องดุ แล้วเดินออกไป
"อาเว่ยชิง ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร"
เว่ยชิงไม่ตอบ ได้แต่กังวลว่าต่อไปอาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่ๆ
เว่ยชิงเดินหนีฟ้าหยาดเข้าห้อง แต่ฟ้าหยาดตามมาถาม
"บอกมาสิอาเว่ย นังผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เป็นเพื่อนอาเว่ยเหรอ แล้วทำไมต้องมาต่อว่าฉันด้วย"
เว่ยชิงอึกอัก ตัดสินใจจะบอกความจริงหรือไม่บอกดี ฟ้าหยาดดักหน้าดักหลัง ปะเหลาะถาม
"อาเว่ย ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เขาทำเหมือนรู้จักอาเว่ยดี แถมมองเหมือน...เหมือนรู้สึกยังไงกับฉันก็ไม่รู้"
"ฟ้าหยาด...ผู้หญิงคนนั้น"
"เป็นใครเหรออาเว่ย ฉันว่าฉัน....ไม่ชอบหน้านางเท่าไหร่"
เว่ยชิงถอนหายใจพรวด ตัดสินใจไม่บอก
"เออ ไม่ชอบก็ไม่ต้องรู้หรอก อย่าสนใจเลยว่าเขาจะเป็นใคร"
ฟ้าหยาดเซ็ง ย่นหน้าใส่เว่ยชิง
"ใช่สิ ชีวิตฉันมีแต่เรื่องที่ไม่เคยรู้ พ่อแม่เป็นใครก็ไม่รู้ ทำไมถึงต้องมาอยู่ที่โรงน้ำชาก็ไม่รู้ ถามทีไรอาเว่ยก็ไม่เคยบอก"
เว่ยชิงได้จังหวะเลยทำเป็นโกรธกลบเกลื่อน ฟ้าหยาดจะได้ไม่ถามอีก
"เออ อาเว่ยของลื้อมันไม่ดี ไอ้โรงน้ำชานี่ก็ไม่ดี แต่โรงน้ำชาหยำฉ่านี่ไม่ใช่เหรอที่เลี้ยงลื้อมาจนโต ทำไมจะต้องอยากรู้เรื่องนั้นเรื่องนี้ เรื่องพ่อเรื่องแม่ อั๊วเลี้ยงไม่ดีหรือไง"
ฟ้าหยาดเบาลง อ้อนเว่ยชิง
"แก่แล้วงอน ไม่สวยนะอาเว่ย"
"นังนี่"
เว่ยชิงเงื้อมือ ฟ้าหยาดยิ้มร่า เย้า
"ฉันรู้น่า อาเว่ยมีบุญคุณกับฉันมาก ฉันถึงตั้งใจหาเงินให้อาเว่ยตลอดยังไงล่ะ ถ้าฉันเห็นว่าที่นี่ไม่ดี ฉันหนีไปนานแล้ว"
"แหมๆ เก่งนักนะ ไหนลองทำให้ได้ตามปากว่าสิ อั๊วกำลังอยากต่อเติมโรงน้ำชา แขกเยอะเต็มร้าน ไหนลองสิ วันนี้จะได้กี่อัฐเฟื้อง"
ฟ้าหยาดพยักหน้า ออกไปแต่โดยดี
"ฟ้าหยาด อั๊วจะบอกลื้อได้ยังไงว่า บุหงามันเป็นแม่ลื้อ อั๊วจะบอกได้ยังไง ในเมื่ออีแม่ใจมารมันคิดจะฆ่าลื้อตั้งแต่เกิดแล้ว !"
เว่ยชิงทรุดลงนั่ง ทอดถอนใจสงสารฟ้าหยาดเพราะบอกเรื่องแม่ที่แท้จริงไม่ได้
เวลาเย็น รถลากมาจอดหน้าที่ใต้หล้า พวงแก้วลงจากรถ เอื้อย อ่ำ ยกของเดินตามแก้วเข้าไปในใต้หล้า
รถลากของหาญเข้ามาจอด เดือนถือของตามมาพร้อมกับมั่น หาญลงจากรถลาก เห็นเดือนถือของพะรุงพะรัง อยากจะช่วย แต่เป็นนายทำเช่นนั้นจะไม่งาม
"ไหวหรือเปล่าแม่เดือน"
"ไหวเจ้าค่ะ คุณหาญสั่งสอนบ่าวให้อดทนพึ่งตนเอง ไม่พึ่งใคร ข้าวของแค่นี้ บ่าวหิ้วได้เจ้าค่ะ"
หาญอึกอัก ในใจไม่ได้คิดเช่นนั้น เป็นห่วงอยากช่วยแต่บอกไม่ได้ มั่นถือของเข้าไป หาญเห็นปลอดคนรีบเดินตามเดือนไป
"แม่เดือน ทำไมเจ้าต้องคอยหลบหน้าเราตลอด"
"ทำไมบ่าวต้องหลบหน้าคุณหาญด้วยเจ้าคะ คุณหาญเป็นนาย จะเรียกบ่าวรับใช้เมื่อใดก็ย่อมได้"
"คำก็นาย สองคำก็บ่าว จริงๆเราเป็นเพื่อนกันนะ เราเล่นกับเจ้ามาตั้งแต่เด็ก"
เดือนถึงกับเงยหน้ามองหาญ แต่ทำตัวไม่ถูก
อีกมุมหนึ่ง ดาวมาแอบเฝ้าอยู่แถวหน้าเรือน เห็นหาญกับเดือนคุยกัน ดาวรีบมาแอบดูใกล้ๆ
"หรือว่าเดือนไม่เห็นเราเป็นเพื่อน"
"บ่าวไม่ใช่เพื่อนคุณหาญเจ้าค่ะ บ่าวเป็นทาสในเรือนคุณหาญ มีหน้าที่รับใช้คุณหาญ บ่าวขอตัวไปช่วยคุณท่านก่อนนะเจ้าคะ"
"เดือน...แม่เดือน"
หาญเรียกจะรั้งไว้ แต่เดือนก้มหน้างุดรีบผละไป หาญยืนเก้อ ถอนหายใจไม่รู้จะทำอย่างไร
ที่มุมหนึ่ง ดาวทิ้งใบไม้แถวนั้นด้วยความเจ็บแค้น
"นังเดือนนะนังเดือน เมื่อเช้าก็คุยกับคุณหาญ ตกเย็นยังทำชะม้ายอ้อยสร้อยกับคุณหาญอีก อีนี่มันต้องมักใหญ่ใฝ่สูงอยากได้คุณหาญจนตัวสั่น...อีกากี"
ดาวกระชากใบไม้กำแน่นด้วยความแค้น
บนถนนลูกรังทางมาใต้หล้า กล้าและหยกนั่งรถลากคันเดียวกัน รถลากผ่านถนนลูกรังกระเด้งกระดอนเล็กน้อย กล้าและหยกนั่งเบียดกันเพราะทางขรุขระ เนื้อตัวโดนกัน กล้าจะขยับออกห่าง แต่ก็ไม่มีที่ทางให้ขยับ ทั้งเก็บความไม่พอใจที่เห็นหยกไปดูแลมั่นไว้เงียบๆ
"น้องกล้านั่งไม่ถนัดหรือครับ"
กล้าเสียงห่างเหิน
"ทางขรุขระ ฉันเกรงพี่หยกจะอึดอัด"
"ไม่เลย น้องกล้าต่างหาก นั่งสบายเอาขาพาดตักพี่ก็ได้นะ"
หยกจับขากล้าให้ขยับนั่งพาดขาเกยกันนิดๆหน่อยๆ
"ไม่เป็นไรครับ กล้านั่งได้"
หยกและกล้านั่งเบียดกันไปในรถ ต่างคนต่างรู้สึกอะไรบางอย่าง กล้าเบือนหน้าไปทางอื่น ไม่อยากมองหน้า หยกรู้สึกว่ากล้าเสียงแข็งผิดหู
พอถึงใต้หล้า กล้าลงจากรถ แต่เซ หยกยื่นมือจะให้จับ กล้าจับแขนหยก
"ขอบคุณพี่หยกที่มาส่ง"
"พี่ก็มาส่งกล้าตลอดอยู่แล้ว ว่าแต่ น้องกล้าเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ตั้งแต่น้าแก้วมาที่ร้าน น้องกล้าก็ไม่ค่อยคุยกับพี่อีก"
"เปล่านี่ กล้าก็เห็นพี่หยกคุยอยู่กับไอ้มั่นตลอด กล้าเลยคิดว่าพี่หยกอาจจะไม่มีอารมณ์คุยกับกล้าอีก"
"โธ่ เรื่องนี้เอง พี่หยกสั่งงานไอ้มั่นดอกครับ ไม่มีอะไรมากมาย คนที่พี่มี...อารมณ์...อยากคุยด้วย ก็มีแต่น้องกล้าคนเดียว"
หยกพูดเสียงอ่อน กล้าทำเป็นเมินๆ มึนๆ เดินเลี่ยงไปทางหนึ่ง
หยกอดไม่ได้ เด็ดยอดไม้ ย่องไปข้างหลังกล้า แยงยอดไม้ที่ใบหูของกล้า กล้าจั๊กกะจี๋ หัวเราะออกมา
"พี่หยก ! กล้าขนลุกไปหมดแล้ว"
อ่านต่อหน้า 4
ชิงรักหักสวาท ตอนที่ 5 (ต่อ)
อีกมุมหนึ่ง ห่างหน้าใต้หล้าไปไม่ไกล รถลากของบุหงากำลังลากมา บุหงามองมา เห็นหยกกับกล้าคุยเล่นกันอยู่หน้าใต้หล้า มีรถลากจอดรออยู่ห่างออกไป คนลากรถเอาหมวกเจ็กปิดหน้าหลับรอ จึงไม่เห็นว่ากล้ากับหยกเล่นอะไรกัน
"คณบุหงาดูสิคะ คุณกล้ากับคุณหยก ดูสนิทกันจริง"
บุหงามองอย่างพิจารณา
รถลากของบุหงาแล่นเข้ามาจอด เจียมวิ่งตามมา บุหงาเห็นกล้าและหยกพูดคุยหยอกล้อกันอยู่ เลยลงมาเหน็บ
"อุ๊ยตาย เล่นอะไรกันหรือคะคุณกล้า คุณหยก...ได้ยินว่าขนลุก"
"น้าบุหงาถามเพราะอยากรู้จริงๆ หรือเพราะเป็นนิสัยอยากรู้อยากเห็นล่ะครับ" กล้าถาม
"คุณกล้า ! คำพูดคำจาเชือดเฉือนยิ่งกว่าผู้หญิง นี่คงได้แม่มาเต็มๆกระมัง"
"ได้เชื้อผู้ดีน่ะหรือครับ...ก็จริงนะ"
หยกกระแอม ไม่อยากให้กล้าต่อปากต่อคำกับบุหงา
"น้องกล้าครับ ยังไงน้าบุหงาก็เป็นผู้ใหญ่กว่า พี่ว่าเข้าบ้านเถอะ"
"ครับพี่หยก"
กล้าพยักหน้ายิ้มให้หยก ก่อนจะผละจากกัน บุหงาเห็น ยิ่งเหน็บแนม
"แหม่ ดูท่าจะเชื่อฟังเป็นห่วงเป็นใยกันดี ถ้าคุณกล้าเป็นสาวเป็นแส้แล้วสนิทกับคุณหยกขนาดนี้ น้าอดคิดไม่ได้ว่า คงอยู่ในโอวาทกันและกันไปนานแล้วนะคะ"
กล้าและหยกหน้าตึงทันที
"ผมคงไม่ง่ายอย่าง..." กล้าหยุดแค่นั้น
เสียงสายฝนดังขัดจังหวะ
"พี่หยกขา"
สายฝนวิ่งเข้ามา ถึงเนื้อถึงตัว จับแขนหยก กล้ามองที่สายฝน สายตายิ้มเยาะบุหงา
บุหงาหน้าชา ที่ลูกสาววิ่งมาเกาะผู้ชายต่อหน้า
"นังสายฝน"
"กลับมาแล้วหรือจ๊ะ"
"ก็เห็นอยู่นี่ไง ยังจะถามอีก"
"ฉันไม่ได้ถามแม่ ฉันถามพี่หยก"
กล้าหัวเราะร่วน บุหงาเสียหน้า รีบผละเข้าบ้านพร้อมเจียมทันที สายฝนอ่อยหยกเต็มที่ กล้าเมิน กลั้นยิ้มทางหนึ่ง
"พี่หยกจ๋า สายฝนไม่ได้เห็นหน้าพี่หยกหลายวัน สายฝนคิดถึง"
"ว่ายังไงล่ะครับพี่หยก ตอบน้องสายฝนไปสิครับ" กล้าบอก
"พี่...เอ้อ"
"พี่หยกทำงานมาเหนื่อยทั้งวัน เข้าไปดื่มน้ำดื่มท่าที่เรือนสายฝนก่อนไหมจ๊ะ"
"เย็นมากแล้ว พี่กลับก่อนดีกว่าครับ ไปนะครับน้องกล้า น้องสายฝน"
หยกจะไป แต่สายฝนรั้งแขนไว้ แต่แล้วทำเป็นเสียหลัก
"ว้าย พี่หยกอ่ะ สายฝนไม่ปล่อยให้พี่ไป อุ๊ย..." สายฝนถลาไปแนบหยก
"กรรม ! น้องสายฝน ช่างไม่อายฟ้าอายดิน" กล้าบอก
"ชายหญิงแนบชิดกัน มันผิดตรงไหน"
"เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะหาว่าพี่ไม่ดูแลน้องสายฝนให้ดี"
กล้าจับแขนหยกออกจากมือสายฝน
หยกรีบขอตัว
"พี่กลับล่ะครับ"
หยกเดินไปขึ้นรถลาก ออกไป
สายฝนจะรั้งแต่ไม่ทัน เลยหน้าเป็นจวัก หันมาแว้ดๆใส่กล้า
"พี่กล้า ทีหลังอย่ามาหักหน้าน้องแบบนี้ต่อหน้าพี่หยกนะ"
"พี่ไม่ได้ทำเสียหน่อย น้องสายฝนหน้าหักหน้างอเอง ดูสิ หน้าหักอย่างจวักตักแกง"
"แอร๊ย พี่กล้า...ห้ามว่าน้องแบบนี้ต่อหน้าพี่หยกด้วย เพราะน้องชอบพี่หยก"
กล้าอึ้ง
"ได้ยินไหม น้องชอบพี่หยก"
"แต่พี่คิดว่า พี่หยกเขาคงไม่ชอบผู้หญิงอย่างสายฝน"
"แอร๊ย ! ทำไม ผู้หญิงอย่างสายฝนเป็นยังไง"
กล้าแตะแก้มสายฝนเบาๆ ยิ้มๆ แล้วบอก
"หนา...หนาเกินงาม"
กล้าหัวเราะหึๆ เดินจากไป สายฝนจับหน้าตัวเอง คิดไปคิดมา เพิ่งคิดออก
"หนา...หน้าหนา พี่กล้าว่าสายฝนหน้าหนา แอร๊ย... ไอ้พี่กล้า !"
สายฝนกรีดร้อง กระทืบเท้าเร่าๆ กล้าได้ยิน ยังหัวเราะไล่หลัง สายฝนยิ่งเจ็บใจหนักขึ้น
กล้ายังยิ้มสนุกติดใบหน้าเดินเข้าบ้าน หาญเห็นเข้าจึงทัก
"อะไรหนอทำให้พี่กล้ายิ้มกว้างได้ขนาดนั้น"
"น้องสายฝนน่ะ พี่เย้าแค่นิดๆหน่อยๆ คงไปโดนต่อมปรี๊ดแตกอยู่หน้าบ้าน ป่านนี้คงยังยืนกระทืบเท้าจนอิฐแตกไปแล้วมั้ง"
"ที่แท้ก็แกล้งน้องสายฝนอีกแล้ว ฉันก็นึกว่าพี่ไปสำราญมา"
พวงแก้วเดินเข้ามา เดือนหอบข้าวของตามมาพร้อมเอื้อย ได้ยินเข้าพอดี
"เจ้าไปสำราญอันใดมา"
สองพี่น้องไม่อยากให้แม่รู้เรื่องความสำราญที่แสนให้อ่ำพาทั้งคู่ไป ทั้งคู่จึงเสไปเรื่องอื่น
"คุณแม่ให้แม่เดือนหอบข้าวของมามากมาย จะทำการใดหรือขอรับ ลูกจะช่วย"
"ลูกกล้า ลูกหาญ พวกเจ้าไปสำราญอันใดมา"
หาญรีบกอดแก้ว ปะเหลาะหวังจะเบี่ยงเบนความสนใจแก้ว
"ไม่มีอะไรขอรับคุณแม่ พี่กล้าเขาสำราญใจที่ได้แกล้งน้องสายฝนน่ะขอรับ"
"อย่าคิดว่าแม่ไม่รู้ ไอ้อ่ำมันไปปูดกับแม่เอื้อยเรื่องที่คุณพ่อของลูกให้ลูกไปเที่ยวผู้หญิงหยำฉ่า"
สองพี่น้องตกใจที่พวงแก้วรู้ หาญยิ่งตกใจกว่าเพราะเกรงว่าเดือนจะเข้าใจผิด
เดือนได้ยินเต็มๆ เงยหน้ามองหาญ
"แล้วแม่เอื้อยก็เอามาฟ้องแม่...โธ่" กล้าบอก
"ลูกไปเที่ยวหญิงช็อกการี ยังจะให้แม่สบายใจ"
"มิใช่ขอรับ พี่กล้ากับลูกไม่ได้เกินเลยอะไร พวกเราไปตามคำสั่งคุณพ่อ แต่ก็ไม่ได้ชอบ ไม่ได้อะไรๆขอรับ "
"ไอ้...อะไรๆ นี่มันอะไรๆเจ้าคะคุณกล้า คุณหาญ"
"ฉันกับน้องหาญก็ไม่ได้ไปมีอะไรๆกับผู้หญิงพวกนั้นน่ะสิ"
"ลูกกับพี่กล้าไม่พึงใจกับเรื่องเหล่านั้นดอกขอรับ พวกเราไปแล้วก็รีบกลับ ไม่ได้เกินเลย"
"ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว แม่เพียรสอนพวกเจ้ามา อยากให้ลูกทั้งสองของแม่ได้คนที่คู่ควร อย่าให้ต้องแบ่งเรือนจนเป็นทุกข์ เหมือนแม่ที่ต้องทนเห็นคุณพ่อของลูกเอาผู้หญิงชั้นต่ำอย่างนั้นมาทำเมีย"
"ลูกสัญญาขอรับ ลูกจะไม่ใฝ่ใจผู้หญิงพวกนั้น" กล้าบอก
"ลูกของแม่ต้องได้กับผู้หญิงที่ดี มีสกุล จึงจะคู่ควร"
พวงแก้วโอบลูกทั้งสองมาแนบตัว ทั้งสองคนซบที่ไหล่แม่ แก้วลูบหัวลูกทั้งสอง คิดว่าลูกเข้าใจที่ตนตั้งความหวังไว้ ขณะที่หาญแอบมองเดือนที่เขารู้สึกพึงใจ
แสนนั่งอยู่หัวโต๊ะตัวใหญ่ กินข้าว พวงแก้วและบุหงาอยู่ทางซ้ายและขวา พร้อมกับลูกของแต่ละนาง
กล้ากับหาญสบตากัน เพราะเห็นสายตาแม่ที่แข็งกระด้างเนื่องจากรู้เรื่องที่แสนให้ลูกๆไปเที่ยวซ่อง
กล้าตักกับข้าวเอาใจแม่
"คุณแม่ขอรับ แกงคั่วหอยขมหน่อยนะขอรับ"
"แม่ไม่ชอบหอยขม แสลง ตักให้คุณพ่อของลูกสิ คงชอบ อ้อ ตักให้แม่บุหงาด้วยก็ดี ของคาวๆ เข้ากัน"
บุหงาตวัดตาสู้ แต่คราวนี้นางยังไม่รู้ว่า พวงแก้วจะมาไม้ไหน มีเรื่องอะไร แสนเริ่มรู้สึกถึงความอึดอัด
"มีอะไรก็กินๆไปเถอะน่า กล้าไม่ต้องตักให้พ่อ"
"ขอรับ"
กล้าและหาญมองหน้ากัน รู้ว่าบรรยากาศเริ่มมึนตึงขึ้นเรื่อยๆ
สายฝนปั้นปึ่งงอนกล้า และยังมีเรื่องกับบุหงาจนหน้าคว่ำใส่กัน ทำกิริยากระแทกกระทั้น
แสนถาม
"สายฝน เป็นอะไร วางช้อนโครมๆราวกับบ่าวไพร่ ลูกเป็นแม่หญิงแบบไหนกัน"
"ก็แบบนี้แหละเจ้าค่ะคุณพ่อ แบบคุณแม่บุหงานี่ไงคะ"
บุหงาบิดเอวสายฝน สายฝนไม่เก็บอาการ
"โอ๊ย แม่ ฉันเจ็บนะ"
"นี่ไม่ค่อยได้อบรมกิริยามารยาทลูกเลยรึบุหงา"
พวงแก้วได้ที
"แม่บุหงาคงไม่มีเวลาหรอกค่ะท่านเจ้าสัว วันๆคอยแล่นออกไปที่โน่นที่นี่วนเวียนอยู่แถว ตรอกหยำฉ่าโรงน้ำชากาลี"
บุหงาหน้าชาวาบ
"คุณพี่แก้วพูดเกินไปนะเจ้าคะ"
"แล้วที่หล่อนไปโรงน้ำชาวันนี้ล่ะ เป็นอย่างไร สำราญดีไหม"
สายฝนปากดี
"แม่ไปสำราญที่โรงน้ำชาเหรอ เค้ามีแต่ผู้หญิงให้ความสำราญผู้ชายที่โรงน้ำชา"
พวงแก้วสะใจ เพราะเหมือนสายฝนด่าแม่ตัวเอง
"เงียบนะสายฝน"
"หล่อนไปที่นั่นทำไม บุหงา" แสนถาม
"นิ่งทำไมล่ะแม่บุหงา....อิชั้นไม่เข้าใจจริงๆ ท่านเจ้าสัวก็ส่งเสริมลูกไปสำราญกับผู้หญิงพรรค์นั้น ส่วนแม่บุหงาก็ไม่ลืมรากเหง้าต้องแวะไปสูดกลิ่นกำพืดเก่าหรือกระไร ทำไมเจ้าคะ เมื่อไหร่ใต้หล้าจะหมดจากเรื่องคาวๆพวกนี้เสียที"
"มันจะมากไปแล้วนะคุณพี่"
บุหงาขึ้นเสียง แก้วเชิดหน้าท่าทางจะไม่ลงกันง่ายๆ บุหงาโกหกเล่นละครกับแสน
"บุหงาไปที่นั่นจริงค่ะท่านเจ้าสัว แต่ไปซื้อชา บุหงาเองก็ไม่เคยคิดว่าคุณพี่จะคิดเล็กคิดน้อยถึงเพียงนี้"
"ใครจะไปรู้ แม่บุหงาอาจจะคันต้องหาที่เกา ในที่เก่า"
บุหงาเจ็บจี๊ด อยากจะลงไม้ลงมือกับพวงแก้ว แล้วพลันสายฝนก็ราดน้ำมันเข้ากองไฟอีกโครม
"ว้าย นายแม่ด่าแม่บุหงาว่าแพศยา"
บุหงาเหลืออดตบหน้าสายฝนผัวะ
"นังสายฝน หุบปาก"
"แม่บุหงา หล่อนกล้าทำกิริยาชั้นต่ำต่อหน้าท่านเจ้าสัวได้เยี่ยงไร"
"คนเป็นแม่จะสอนลูกที่มันปากพล่อยก็ย่อมได้ หรือคุณพี่ก็พล่อยอีกคน"
พวงแก้วและบุหงาแทบจะถลกหนังกัน แสนรำคาญ เหนื่อยหน่าย ตวาดเสียงดัง
"พอได้แล้วแม่บุหงา"
"คุณพ่อต้องจัดการแม่นะคะ"
"แกก็ปากดี สายฝน"
แก้วเชิดเริ่ด แสนหันมาเล่นงาน
"แม่แก้วก็เหมือนกัน จะรื้อฟื้นเรื่องเก่าขึ้นมาทำไม ลูกก็นั่งกันสลอน อย่าลืมว่าแม่บุหงาก็เป็นเมียข้าอีกคน ว่ากระทบแม่บุหงาก็เหมือนว่าข้าด้วย ส่วนหล่อน แม่บุหงา จะตบจะตีกันไปทำที่อื่น หรือไม่ว่าใครก็ตามที่ตบตีกัน มีเรื่องร้อน ก็เท่ากับเผาเรือน หากเรือนมันร้อน ข้าอยู่ไม่สุข ข้าจะไปหาความสำราญที่อื่น"
แสนตวาดก้อง พวงแก้วและบุหงาร้องพร้อมกัน
"ไม่ได้นะเจ้าคะท่านเจ้าสัว"
"หุบปาก ! รำคาญ"
แสนลุกออกจากโต๊ะไป ลูกเต้าวงแตกหน้าม้านไปตามๆกัน แก้วและบุหงามองหน้ากันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ หาญถอนหายใจ ดูไม่ค่อยมีความสุขกับสภาพแบบนี้
กลางคืนต่อเนื่องมา หาญนอนไม่หลับ เดินไปเดินมาอยู่หน้าเรือน กล้าผ่านมาเห็น เข้าไปทัก
"กลุ้มใจล่ะสิน้องพี่"
"ใครๆเขาก็พูดกันว่า อิจฉาเราสองคน เกิดมาเป็นลูกท่านเจ้าสัวแสนผู้มั่งคั่ง สืบเชื้อสายพระน้ำพระยาจากแม่ แล้วเหตุใดข้าจึงไม่รู้สึกตัวพองคับอกเยี่ยงนั้น เลยขอรับ เหตุใดข้าจึงไม่มีความสุขเสียเลย" หาญว่า
"ใต้หล้ากว้างใหญ่ไพศาล แต่ความสุขไม่ได้เกี่ยวกับความร่ำรวย บ้านจะใหญ่หรือเล็ก หากใจไม่สุขเสียแล้ว อยู่ตรงไหนก็ไม่สุข"
"เป็นพี่กล้าจะทำเช่นใดขอรับ"
"พี่เห็นแม่เป็นทุกข์มาตลอด พี่จึงปณิธานตั้งมั่นไว้ว่า พี่จะไม่เป็นอย่างคุณพ่อ เจ้าจงรักและหาคนที่เจ้ารักและรักเจ้าอย่างแท้จริง บ้านกว้างแค่ไหน แต่หัวใจเจ้ามีคนที่รักเจ้าคนเดียวก็อุ่นพอแล้ว"
กล้าตบบ่าหาญ เดินเข้าห้องนอนตนเองไป
หาญนิ่งคิดกับคำพูดทิ้งท้ายของกล้า พลันเขาได้ยินเสียงซอด้วงอ่อนหวานดังขึ้น หาญยิ้มออกมา
เดือนนั่งอยู่ศาลาริมน้ำ มองพระจันทร์พลางสีซอด้วง หาญเดินมาเงียบๆ ฟังอยู่มุมหนึ่งที่ศาลา
เดือนเล่นเพลงจบ เก็บซอ หันกลับมา เห็นหาญมามองอยู่
"คุณหาญ"
"เพลงเจ้าไพเราะยิ่งนัก ขอบใจนะ"
"ขอบใจ...ขอบใจบ่าวทำไมเจ้าคะ"
"เพลงของเจ้าปลอบประโลมใจข้า"
หาญเข้ามานั่งใกล้ๆ เดือนสังเกตเห็นว่าสีหน้าหาญไม่สู้ดี
"บ่าวไม่ทราบว่าคุณหาญไม่สบายใจด้วยเรื่องอันใด แต่หากเพลงซอนี้จะช่วยให้คุณหาญหายหมองใจได้บ้าง บ่าวก็ยินดีเจ้าค่ะ"
เดือนชักคันซอออก เตรียมจะเล่นอีก
หาญยิ้มอ่อนโยน รู้สึกดีมากที่เดือนช่างสังเกตและเอาใจใส่
"เป็นบุญหูที่ข้าได้ฟังเพลงซอจากเจ้า แล....เป็นบุญตาที่ได้พิศดวงหน้าเจ้า ท่ามกลางแสงจันทร์ฉายเยี่ยงนี้"
เดือนเขินจัด หลบตาเริ่มบรรเลงเพลงซอ หาญนั่งมองเดือน ฟังเพลงซออย่างอิ่มเอม
หนุ่มสาวนั่งคู่กันที่ท่าน้ำ ความรักเบ่งบานอย่างเงียบๆท่ามกลางแสงจันทร์นวลอร่ามนั้น
อ่านต่อตอนที่ 6