ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 3
หลงตกใจไปชั่วขณะหนึ่งที่โดนฟ้าประทานจับได้ แล้วตั้งสติรีบฟอร์มทำเนียน โดยไม่มีพิรุธใดๆ
“ผมจะไปกินข้าวที่ตลาดน่ะครับ หิว” หลงบอก
“ข้าเห็นเอ็งทำลับๆ ล่อๆ เอ็งต้องขโมยของในบ้าน แล้วหนี” ฟ้าประทานไม่เชื่อ พุ่งมาจับตัวหลง “เอ็งขโมยอะไรไป”
“ผมไม่ใช่โจรนะครับ”
ฟ้าประทานแหกปากร้องตะโกนลั่น “ขโมย! ขโมย!”
“เอ้ยคุณ! เข้าใจผิดแล้ว”
หลงพยายามสะบัดให้หลุด แต่ฟ้าประทานก็จับไว้ซะแน่น ไม่ยอมปล่อย
เสียงเอะอะของฟ้าประทาน ปลุกชาวคณะให้ตื่นมากันพร้อมหน้า และทำการสอบสวนหลงอยู่กลางห้องโถงบ้าน สภาพแต่ละคนหน้าตางัวเงีย หลงยืนให้ฟ้าประทานค้นตัวโดยดี แต่ไม่เจออะไรในตัวหลง
“บอกแล้ว ผมไม่ได้ขโมย”
ฟ้าประทานจ้องหน้าหลง “แล้วเอ็งทำลับๆ ล่อๆ ทำไม”
“ที่ผมเดินย่องๆ เปิดประตูเสียงเบาๆ เพราะผมกลัวคนในบ้านตื่น”
“หลงมันมีมารยาท” โห่งว่ากระทบฟ้าประทาน “เอ็งดันหาว่ามันเป็นขโมย”
“ก็ใครจะไปรู้เล่า แอบออกไปดึกๆ ดื่นๆ”
จอมนางมองเหล่ สงสัยหลงมาก และไม่เชื่อคำพูดหลงนัก
ครูเทียมเอ่ยขึ้น “หลงเอ๊ย ข้าวในบ้านก็มี ทีหลังไม่ต้องออกไปกินข้างนอก”
“กับข้าวเหลือนิดเดียวครับครู ผมอยากเก็บไว้ให้คนในบ้านกินพรุ่งนี้” หลงบอก
กำจายเอ่ยขึ้น “ต้องโทษไอ้จอม เขียมกินนัก หลงมันเลยหิวกลางดึก”
จอมนางฉุน “เอ้า ชั้นไปเกี่ยวอะไรด้วยล่ะน้า”
โก๊ะหาวหวอดๆ อ้าปากกว้าง ทำให้ฟันยิ่งเหยิน น่ากลัว “ไปนอนได้ยังอ่ะ”
ตุ้มบ่น “เห็นหน้าโก๊ะเมื่อกี้แล้วนอนไม่หลับเลย”
กระแตหมั่นไส้ “หูย อีหน้าสวย อีหน้านางงาม อีงามหน้า”
ตุ้มฮึดฮัดจะด่ากระแต ครูเทียมห้ามทัพ
“เอ้าๆ ตีกันอีกแล้วเว้ย แยกย้ายกันกลับห้องใครห้องมัน ก่อนจะเกิดสงคราม”
ชาวคณะต่างแยกย้ายส่ายตูดกันกลับไปนอน
“ไปไอ้หลง ข้าพาไปกินข้าวในครัว มีเกลือเหลืออยู่กระปุก จะเอาคลุกกับข้าวให้”
กำจายเหน็บแนมจอมนางแล้วพาหลงเดินไปทางครัวหลังบ้าน หลงเออออไปกับกำจาย ทั้งที่ไม่หิว
ครูเทียมกำลังจะนอน จอมนางมาหาปู่ บอกเรื่องที่สงสัยอย่างมั่นใจ
“ปู่ ชั้นว่าเมื่อกี้ พี่หลงจะหนี”
“อะไรของเอ็ง จอม”
“ชั้นสงสัยว่าพี่หลงไม่ได้จำเสื่อม”
“อยู่นิ่งๆ นะจอมเอ๊ย” ครูเทียมแหกตาจอมนางดู พลางบอก “อ้าปากกว้างๆ”
จอมนาง “อ้า...” ตาม
“ตาไม่เหลือง ลิ้นไก่ก็ไม่แดง ไม่ได้ป่วยนี่หว่า”
จอมนางเซ็ง “โธ่ปู่ ไม่เชื่อชั้นเหมือนพี่กระแตอีกคนแล้ว ปู่ฟังนิดนะจ๊ะ ชั้นให้มือถือเครื่องเก่าพี่หลงไป พอพี่หลงโทร.หาใครเมื่อไหร่ ชั้นจะโทร.กลับไปเบอร์นั้น ทีนี้ชั้นก็เปิดโปงพี่หลงได้”
“เอ็งเล่านิทานกล่อมปู่ไปเรื่อยๆ นะ” ครูเทียมพริ้มตาหลับผล็อยไปเลย
“ชั้นฉีกหน้ากากพี่หลงได้เมื่อไหร่ ปู่อย่ามาชมชั้นแล้วกัน”
จอมนางเซ็งมากที่ปู่ไม่เชื่อ ฮึดฮัดออกไป
แต่พอหลานสาวออกไป ครูเทียมก็ลืมตา แววตาชายชราครุ่นคิด เพราะอันที่จริงก็สงสัยว่าหลงโกหกว่าความจำเสื่อม เพียงแต่ครูไม่พูด
ธรรมชาติยามเช้าละแวกบ้านครูเทียมแสนสดชื่น น้ำในลำคลองใสสะอาด ต้นไม้ร่มรื่น นกเกาะบนกิ่งไม้ ส่งเสียงร้องจิ๊บ ๆ
ครูเทียมมักตื่นเช้าสุดในบ้าน เช้าตรู่วันนี้กำลังโปรยข้าวแห้งให้นกกิน หลงเดินเข้ามาหา ครูเทียมทัก
“ตื่นเช้าจริงหลงเอ๊ย”
“อากาศดีจังนะครับ”
หลงมองธรรมชาติรอบบ้านครูเทียม อันร่มรื่นน่าอยู่
“เล่นลิเกตั้งครึ่งค่อนชีวิต กว่าข้าจะมีเงินซื้อที่ปลูกบ้านหลังนี้” ครูตั้งใจบอกเตือนสติหลงเป็นนัย “ สมัยตอนคณะรุ่งๆ บ้านนี้อยู่กันเป็นสิบชีวิต คนไหนนิสัยไม่ดี ลักเล็กขโมยน้อยอยู่แป๊บๆ สันดานก็ออก ข้าก็ไล่ไป”
หลงนึกเอะใจ ว่าครูเทียมกำลังบอกอะไรหรือเปล่าหนอ
ครูเทียมมองหลง ใบหน้าเปี่ยมเมตตา “คนดีจริงน่ะหลงเอ๊ย อยู่ที่ไหนใครเค้าก็รักก็เอ็นดู แต่ถ้าเนื้อแท้เป็นคนเลว ไปไหนใครเค้าก็ชิงชัง”
หลงรู้แล้ว ว่าครูเทียมกำลังบอกเตือนตน
“ที่ครูพูด ถูกต้องทุกอย่างครับ”
“โบราณเค้าถึงว่าไง คนดี ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ แต่ตกบันได เจ็บนะโว้ย ฮะๆๆ”
ครูเทียมหัวเราะขำมุกตัวเอง พลางมองหลงอย่างเมตตา พ่อครูลิเกให้เวลา ให้โอกาสหลงแสดงความดีให้ทุกคนเห็นเป็นประจักษ์
หลงเข้าใจความคิดชายชรา มองครูเทียมอย่างนับถือและเลื่อมใส ชายชราผู้นี้ชอบพูดติดตลก หากแต่เป็นคนลึกซึ้งมากกว่าสิ่งที่แสดงออกมา
หลงหยิบข้าวตากแห้ง ช่วยครูเทียมโปรยข้าวให้อาหารนกสีหน้าสุขล้น
ทางด้านพร้อมพงศ์ออกตระเวนตามหาลูกชายจากรหัสโทร.ทางไกล มีไอ้เจ๋งเป็นสารถี สองคนรอนแรมมาถึง ตลาดแห่งหนึ่งในจังหวัดสุพรรณ และกำลังให้ชาย 1 เจ้าของร้าน ดูรูปพงศ์เทพในโทรศัพท์มือถือ
“ลูกชายผมหายไปจากบ้านเป็นอาทิตย์แล้วครับ”
“ไม่เคยเห็นเลยครับ”
พร้อมพงศ์หน้าม่อย ผิดหวัง
เจ๋งเอ่ยขึ้น “ลุงพงศ์ ผมว่าตามหาไปเรื่อยๆ แบบเนี้ย เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร”
พร้อมพงศ์ปิ๊งไอเดีย “เฮ้ย ใช่แล้ว”
เจ๋งงง “ใช่อะไรลุง”
“ลุงเพิ่งนึกอะไรออก ไอ้เจ๋ง เอ็งกดไปเบอร์ที่ไอ้เทพโทร.หาเอ็งดิ๊”
เจ๋งงงอีก “โทร.ทำไมอ่ะ”
“เออน่า”
เจ๋งทำตามที่พร้อมพงศ์บอก โทร.กลับไปเบอร์ตู้โทรศัพท์สาธารณะที่พงศ์เทพโทร.มาหา
ที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะละแวกบ้านครูเทียมที่หลงเคยใช้โทร.หาเจ๋ง
โทรศัพท์ดัง กริ๊ง กริ๊งไม่หยุด เด็กชายวัย 5 ขวบ ที่วิ่งเล่นอยู่กับน้องวัย 2 ขวบ ใกล้ๆ ตู้โทรศัพท์ ตัดสินใจรับสายแบบงงๆ
“ใครอ่ะ”
ที่ตลาดในสุพรรณ พร้อมพงศ์ดีใจ ที่มีคนรับสาย
“ไอ้หนู บ้านหนูอยู่จังหวัดอะไรลูก”
เด็ก 1 ไม่บอก
พร้อมพงศ์ถามอีก “หนูอยู่หมู่บ้านอะไรลูก”
เด็ก 1 ไม่บอก
“หนูไปตามพ่อแม่มาคุยกับลุงทีลูก”
เด็ก 1 กวักมือเรียกน้องตัวเล็กมาคุย
เด็ก 2 คุยโทรศัพท์พูดไม่ชัด “โหลย...”
พร้อมพงศ์หงุดหงิด “ไอ้หนู ไปตามพ่อแม่มาคุยกับลุง”
เด็ก 2 “โหลยๆๆๆๆๆๆ” อยู่นั่น
เด็ก 1 เอาหูโทรศัพท์มาคุยเอง เล่นทายคำ “ปลาอะไรเอ่ย ปีนต้นไม้ด้าย”
“ลุงทายถูกแล้วต้องตามพ่อแม่มานะ ปรากฏว่าเป็น...ลิง” พร้อมพงศ์ภูมิใจ ถูกชัวร์
เด็ก 1 บอก “ม่ายช่าย”
พร้อมพงศ์แถ “ปรากฏว่าเป็นแมว แมวมันมีอุ้งเล็บ ปีนต้นไม้ได้”
“ม่ายช่าย...ปรากฏว่า...เป็นหนูเอง หนูชอบปีนต้นไม้ ฮะๆๆๆ”
เด็ก 2 คนหัวเราะคิกคัก แล้ววิ่งไล่ตีกันต่อ ทิ้งหูโทรศัพท์ห้อยต่องแต่งอยู่ ไม่ได้วางหูคืนแป้น
พร้อมพงศ์โมโห “ฮึ่ย ไอ้เด็กลิง”
จังหวะนี้ถนนข้างตู้โทรศัพท์ที่อยุธยา มีรถกระจายเสียงแล่นผ่านช้าๆ ประกาศเสียงผ่านลำโพง
“19-20-21 ตุลาคมนี้ เชิญเที่ยวงานวัดบางในใหญ่ อยุธยา มีหนังกลางแปลง ม้าหมุน ชิงช้าสวรรค์ 19 20 21 เมษา เจอกันที่วัดบางในใหญ่นะครับพ่อแม่พี่น้อง”
พร้อมพงศ์ได้ยินเสียงประกาศทางโทรศัพท์ และได้ยินชื่อวัดชัดเจน ทำให้รู้พิกัดพงศ์เทพ
พร้อมพงศ์รีบหันมาถามชาย 1 “วัดวัดบางในใหญ่ไปทางไหนครับ”
ชาย 1 ส่ายหัว “ไม่เคยได้ยินชื่อเลย”
ชาย 2 รู้จัก “วัดที่หลวงพี่น้ำอบเคยจำพรรษาไง เคยไปให้ท่านรดน้ำมนต์หนนึง”
พร้อมพงศ์ตาโตตื่นเต้น “วัดที่ว่านี่อยู่ตรงไหนครับ”
ชาย 2 บอก “บางไทร อยุธยา”
พร้อมพงศ์ตื่นเต้นดีใจร้องลั่นรถ “ไอ้เทพอยู่บางไทร”
พร้อมพงศ์ตาลุกวาว หมายมาดว่าจะไปตามไล่จับไอ้ลูกชายตัวแสบ มาแต่งงานเป็นลูกเขยเสี่ยเต๊กให้จงได้
ทางฝ่ายหลงเป็นกังวล และเป็นห่วงพ่อที่กรุงเทพฯ มาก กลัวเสี่ยเต๊กเล่นงาน หลงลังเลเล็กน้อย ก่อนตัดใจใช้โทรศัพท์มือถือที่จอมนางให้มา กดมือถือโทร.หาไอ้เจ๋ง
พร้อมพงศ์กับเจ๋งแวะกินข้าว ที่ร้านอาหารตามสั่งข้างทาง ระหว่างทางจากสุพรรณไปอยุธยา ทั้งสองคนสั่งข้าวกันแล้ว
พร้อมพงศ์เอ่ยขึ้น “ลุงไปห้องน้ำ”
พอพร้อมพงศ์ลุกไป ก็มีสายโทร.เข้าโทรศัพท์มือถือเจ๋งพอดี เจ๋งเห็นเบอร์แปลกๆ แต่ก็รับสาย
“ฮัลโหลเจ๋งพูดครับ”
หลงอยู่ในห้องนอนชาวคณะชาย บ้านครูเทียม
“พี่เองเจ๋ง เสี่ยเต๊กตามรังควานพ่อพี่เหรอเปล่า”
“เสี่ยน่ะ ไม่รังควานลุง แต่ลุงน่ะ ตามรังควานพี่อ่ะดิ นี่ลุงพงศ์ขับรถตามหาพี่อยู่” เจ๋งเสียงจ๋อยๆ “พี่เทพ ผมขอโทษ ลุงพงศ์จับได้แล้วว่าพี่โทร.หาผม”
หลงรู้ทันที “พ่อแกล้งร้องไห้ บิ้วท์อารมณ์เอ็งสิ”
“สุดๆ พี่ เอาตุ๊กตาทองไป 7 ตัวเลย”
“พ่อรู้ก็ดีแล้ว เจ๋ง พี่กลัวพ่อคิดว่าพี่ทิ้ง พี่ฝากบอกพ่อ” หลงหรือพงศ์เทพ พูดจริงจัง ด้วยความรักพ่อมาก “ต่อให้พี่กลับบ้านไม่ได้ตลอดชีวิต พี่ก็ไม่ทิ้งพ่อ พี่จะหาลู่ทางทำมาหากิน ส่งเงินไปให้พ่อ พี่จะเลี้ยงพ่อให้สุขสบาย ไม่ว่าพี่อยู่ที่ไหนก็ตาม”
ขณะเดียวกัน จอมนางเอาข้าวมาให้หมา เจอกำจายเมาจัด เดินแอ่น ตุปัดตุเป๋ เข้ามา
กำจายร้องเพลงประจำตัว หมากัด
“เมาแต่หัววันเลยนะน้า”
จอมนางทัก แล้วช่วยประคองกำจายเข้าบ้าน
จอมนางประคองกำจายที่เมาปลิ้นเดินแทบไม่ไหวมาถึงหน้าห้อง
“ลุงเป็นอดีตพระเอกลิเกเก่านะโว้ยยย หล่อคอด...คอด”
จอมนางขำ “แต่ปัจจุบัน เมาคอด...คอด”
กำจายแหกปากร้องออกแขกลิเก
หลงกำลังคุยโทรกับเจ๋ง ได้ยินเสียงกำจายแหกปากร้องออกแขกอยู่หน้าห้อง เลยรีบบอกเจ๋ง
“พี่ต้องวางแล้ว”
“ผม เซฟเบอร์พี่ไว้นะ ได้โทร.ไปหา”
“เอ็งห้ามโทร.หาพี่เด็ดขาด ผู้หญิงที่ให้มือถือพี่ จ้องจับผิดพี่อยู่”
“ได้ๆ พี่ ผมจะไม่โทร.”
หลงวางสายจากเจ๋งก่อน เมื่อจอมนางประคองกำจายเข้ามา จึงไม่ทันเห็นหลงวางสายมือถือ
“ช่วยหน่อยจ้ะพี่หลง”
หลงช่วยจอมนางประคองกำจายมาลงนอน
“ขอบจาย...มากเด็กๆ”
ขาดคำ กำจายเมาอ้วกแตกออกมารดเลอะที่นอน
จอมนางเซ็ง “โธ่น้า”
ฝ่ายพร้อมพงศ์ กลับมาจากห้องน้ำก็จ้องจับผิดเจ๋ง เพราะเห็นจากไกลๆ ว่าเจ๋งคุยโทรศัพท์อยู่
“เอ็งคุยโทรศัพท์กับใคร”
“หึย ไม่ได้คุย ลุง”
“ตอนเดินมา ข้าเห็นเอ็งคุย ไอ้เทพต้องโทร.มา” พร้อมพงศ์คว้ามือถือเจ๋งมากดดู “เบอร์ล่าสุดเบอร์อะไรวะ”
“ผมคุยกับเด็ก” เจ๋งพยายามแย่งโทรศัพท์คืน
พร้อมพงศ์ไม่ให้มือถือคืน “หน้าเน่าปากหมาอย่างเอ็งเนี่ยนะ มีแฟน ...เจอแล้ว เบอร์ล่าสุด”
พร้อมพงศ์กดโทร.กลับไปทันที เจ๋งหน้าเสีย ซวยแระ พี่เทพต้องด่ากรูแน่ๆ
อ่านต่อหน้า 2
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 3 (ต่อ)
ส่วนในห้องหลง ขณะที่หลงกับจอมนางกำลังช่วยกันถอดผ้าปูที่นอนเลอะอ้วกกำจาย เสียงโทรศัพท์มือถือหลงดัง
หลงตกใจ ซวยแล้ว คิดว่าเป็นเจ๋งโทร.กลับมา หลงจะหยิบมือถือ แต่จอมนางยอดนักสืบไวกว่า คว้าโทรศัพท์ได้ก่อน
และอ้างว่า “นี่เบอร์ชั้นเดิม เผื่อเพื่อนชั้นโทร.มาจ้ะ”
จอมนางกดรับสาย หน้าตาตื่นเต้น ที่กำลังจะฉีกหน้ากากหลงได้แล้ว
หลงหน้าเสีย ความลับกำลังจะแตกดังโพละ!
พร้อมพงศ์อยู่ที่ร้านข้าวริมทาง พอปลายสายรับรีบพูดถามทันที
“เทพ เอ็งอยู่ไหน”
จอมนางคุยสายอยู่ในห้องหลงงง “เทพไหนจ๊ะ”
พร้อมพงศ์เง็ง “นั่นใครน่ะ”
“แล้วนั่นใคร” โทรศัพท์ตัดไปเฉยๆ จอมนางเซ็ง “เอ้ย...แบ็ตหมด”
หลงอมยิ้ม งานนี้รอดเพราะดวงดีโดยแท้
จอมนางพยายามกดเปิดโทรศัพท์มือถือ “ติดซี่ ติด มีแบ็ตเหลือนิดนึงก็ยังดี”
ส่วนที่ร้านข้าว พร้อมพงศ์เองก็พยายามกดโทรกลับเบอร์เดิม
“ติดสิวะ ปัดโธ่เอ๊ย...มันปิดมือถือหนี”
พร้อมพงศ์หงุดหงิด ไอ้ลูกชายตัวดี ไม่ยอมคุยด้วย
ด้านจอมนางยังพยายามเปิดมือถือให้ได้ กดอยู่นั่นแหละ
หลงพูดยิ้มๆ “แบ็ตหมดเกลี้ยงแล้วล่ะครับ”
จอมนางค้อนจวับ ระฆังช่วยไอ้พี่หลงไว้แท้ ๆ
จอมนางเดินลิ่วๆ ถือโทรศัพท์มือถือหลงมาที่ท่าน้ำ หลงตามติด ว่ายัยตัวเล็กจะหาเรื่องจับผิดอะไรอีก กระแตซักผ้าห่มอยู่ตรงบันไดท่าน้ำ
“พี่กระแต ยังเก็บที่ชาร์จมือถือเครื่องนี้ไว้เปล่า”
“หึ” กระแตส่ายหน้า
“งั้นชั้นไปตลาดเดี๋ยวนะ ไปซื้อที่ชาร์จมือถือรุ่นนี้”
หลงเอ่ยขึ้น “ผมไม่ใช้แล้วล่ะครับคุณจอม”
จอมนางรีบร้อนเดิน แต่ดันไปสะดุดแผ่นไม้ ล้มคว่ำ!
กระแตตกใจ “จอม!”
โทรศัพท์มือถือกระเด็นหลุดจากมือจอมนาง หลงกับกระแตช่วยกันฉุดจอมนางลุกขึ้น
“มือถือล่ะ”
ทุกคนช่วยกันมองหาบนสะพานท่าน้ำ แต่ไม่เจอ
“ตกน้ำไปแล้วล่ะครับ” หลงลอบยิ้ม
จอมนางมองไปในคลอง “อยู่นั่น”
ที่แท้โทรศัพท์ตกอยู่บนกอสวะกอเล็กๆ ในคลอง จอมนางเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์บนกอสวะ
กระแตบอก “หาไม้มาเขี่ยเหอะจอม”
“เดี๋ยวมันลอยไปจ้ะ” จอมนางยอดนักสืบยื่นสุดแขน “ฮึบ”
เกิดเสียงตู้มมดังสนั่น ร่างจอมนางตกน้ำ
หลงตกใจ “คุณจอม”
โทรศัพท์มือถือก็ตกจากกอสวะ เพราะแรงกระเพื่อมจากตัวจอมนางที่ตกน้ำลงไปนั่นเอง
จอมนางผลัดเสื้อผ้าแล้วหลังจากตกน้ำตกท่า กระแตช่วยเช็ดผมให้ไปบ่นไป
“ไงล่ะ กรรมตามทัน จ้องจับผิดพี่หลงเค้านัก”
“มาสมน้ำหน้ากันอีกพี่กระแต” จอมนางบ่นท่าทีหงุดหงิด “ถึงงมขึ้นมา มือถือก็ช็อต โทร.ออกไม่ได้แล้วเลยไม่รู้ ผู้ชายที่โทร.มาเป็นใคร”
“โทรผิดน่ะ เค้าถามหาคนชื่อเทพ บ้านเราไม่มีคนชื่อเทพ” กระแตว่า
“ก็พี่หลงไง พี่หลงอาจชื่อเทพ”
กระแตเซ็งคร้านจะเถียง “เล่นต่อไปนะน้องเอ๊ย คราวหน้าไม่ตกน้ำ อาจตกตึกแทน พี่ไปซักผ้าห่มต่อ”
กระแตลุกออกไป จอมนางเช็ดผมเอง หน้ามุ่ย โมโหตัวเอง เซ็งชะมัด กำลังจะจับผิดหลงได้แล้วเชียว
ฝ่ายหลงเหม่อมองสายน้ำเบื้องหน้า พลางครุ่นคิดในใจ
“กลับบ้านไม่ได้ จะทำมาหากินอะไรดี”
เสียงจอมนางดังขึ้น “คิดอะไรอยู่จ๊ะพี่เทพ”
หลงไม่หลงกล ไม่หันตามเสียงเรียกชื่อ
จอมนางทำทีเป็นกำลังคุยโทรศัพท์
“แหมๆ ทำเป็นไม่ได้ยินนะพี่เทพ”
จอมนางพยายามหลอกล่อไม่ลดละ แต่หลงก็ไม่หันไปหา
“พี่เทพ เมื่อไหร่พี่เทพจะกลับบ้านตัวเองจ๊ะ”
หลงส่ายหน้าน้อยๆ คิดในใจ “เออนะ ไม่หันไปหา ก็ยังหลอกล่ออยู่นั่นแหละ”
“ไว้คุยกันวันหลังนะจ๊ะพี่เทพ”
จอมนางเซ็ง ที่อีกฝ่ายไม่หลงกล เลิกหลอกล่อหลง มองด้านหลังหลง ชักลังเลหรือพี่หลงไม่ได้ชื่อเทพ และเขาความจำเสื่อมจริง ๆ
จอมนางออกไป แผนนี้ไม่ได้ผล หลงเห็นจอมนางเงียบเสียง จึงค่อยๆ หันไปมอง เห็นหลังจอมนางเดินไปไวๆ
หลงมองตามจอมนางอย่างเอ็นดู “แสบอย่างที่ครูเทียมว่าไว้จริงๆ”
หลงยิ้มท่าทางชอบอกชอบใจความแสบของจอมนาง
อีกฟากหนึ่ง เสี่ยเต๊กนั่งเช็ดปืน หน้าถมึงทึงอยู่ในโถงคฤหาสน์ เช็ดปืนไป นึกถึงพงศ์เทพไป
“หน็อยไอ้เทพ ทำลูกกูท้องแล้วทิ้ง”
เหลียนฮัวกับอาจงจะพาเหมยฮัวไปข้างนอก เหมยฮัวหงอ ไม่ค่อยกล้าคุย สบตากับเตี่ย
“เสี่ย อั๊วพาเหมยไปฝากท้องนะ”
“ไม่ได้” เสี่ยเต๊กลุกพรวด ในมือยังถือปืนมั่น
พวกผู้หญิงสยอง กลัวเสี่ยเต๊กจะยิงทิ้ง
“วางปืนก่อนเสี่ย เดี๋ยวลั่น” เหลียนฮัว
เสี่ยเต๊กเก็บปืนใส่กล่อง บอกอย่างฉุนเฉียวเกี้ยวกราด
“ไม่ได้แต่งงาน ไปฝากท้อง คนเค้าก็รู้สิ ลูกสาวอั๊ว ท้องไม่มีพ่อ”
คำว่า...ท้องไม่มีพ่อ! แทงใจดำเหมยฮัวนัก อาหมวยหน้าเศร้า
เหลียนฮัวเห็น สงสารลูกสาวจับใจ “พูดอะไรรักษาน้ำใจลูกมั่งสิเสี่ย”
เสี่ยเต๊กย้อน “แล้วลูกมันรักษาหน้าอั๊วมั้ย”
อาจงกล้าๆ กลัวๆ กระอึกกระอักถาม “เอ่อ...เสี่ยคะ คุณหนูแพ้ท้องมาก ให้กินสมุนไพรก็ไม่ดีขึ้น
ต้องกินยาหมอค่ะ”
เสี่ยเต๊กหันขวับมาด่าอาจง “ลื๊อเป็นหมอรึไง สู่รู้! เหมยแต่งงานกับไอ้เทพแล้ว ค่อยให้ไอ้เทพพาเหมยไปฝากท้อง เมียท้องก็ต้องให้ผัวมันพาไปฝากท้อง”
เหลียนฮัวพยักหน้าเป็นเชิงบอกเหมยฮัว กับอาจงว่า กลับขึ้นข้างบนเหอะ พวกผู้หญิงยกขบวนกลับขึ้นห้องไป
เสี่ยเต๊กนั่งลง เช็ดปืนต่อ แววตามหาโหด
“มึงไม่รับผิดชอบลูกกูนะไอ้เทพ มึงได้กินลูกตะกั่ว”
เสี่ยเต๊กหน้าตากระเหี้ยนกระหือรือ กำปืนแน่น อยากฆ่าพงศ์เทพให้แดดิ้น
เมื่อกลับเข้าห้อง เหมยฮัวเกิดแพ้ท้องขึ้นมา กำลังอาเจียนใส่ถังขยะ อาจงลูบหลังลูบตัวให้อยู่ เหลียนฮัวห่วงลูกสาวมาก
“ยาแก้แพ้ท้องก็เอาไม่อยู่ ไปหาหมอก็ไม่ได้ หม่าม้าจะช่วยเหมยยังไงดีนะ”
เหมยฮัวเงยหน้าจากถังขยะ “เหมยอ่านในอินเตอร์เน็ต ตอนท้องใหม่ๆ จะแพ้ท้องมากสามสี่เดือนผ่านไป ก็ดีขึ้นค่ะ”
“หม่าม้าไม่ได้ห่วงแค่เหมย หม่าม้าห่วงหลานในท้องด้วย เหมย...เหมยบอกเตี่ยไปเถอะ พ่อตัวจริงของลูกเหมยเป็นใคร ถ้าไอ้ผู้ชายคนนั้นมันไม่ยอมรับเตี่ยก็ต้องทำใจ พาเหมยไปฝากท้องเอง” เหลียนฮัวกล่อมอีก
“เตี่ยไม่ทำใจหรอกหม่าม้า เตี่ยต้องไปฆ่าเค้า”
“เสี่ยไม่ฆ่าหรอกค่ะ ยังไงซะ ก็เป็นพ่อของหลาน อย่างมากก็ส่งคนไปซ้อม” อาจงว่า
“ไปซ้อมเหมยก็ไม่ยอม” เหมยฮัวพูดหน้าหมองเสียงเศร้า “ถึงเค้าไม่รักเหมย แต่เหมยก็รักเค้า เหมยไม่ยอมให้เค้าเจ็บตัว”
เหลียนฮัวค้อนควัก ชักหงุดหงิดลูกสาว “ห่วงแต่คนอื่น ไม่ห่วงตัวเองเลย”
เหมยฮัวก้มหน้าอ้วกต่อ เหลียนฮัวทั้งรักทั้งห่วงลูกสาวคนเดียว สะท้อนใจที่ช่วยอะไรลูกไม่ได้เลย
ไม่นานต่อมา เสี่ยเต๊กกับลูกน้องคู่ใจทั้งสอง พากันมาอยู่หน้าบ้านพร้อมพงศ์ พลตะโกนเรียกมาครู่หนึ่งแล้ว
“เฮีย...เฮียพงศ์”
“เฮียพงศ์ไม่อยู่หรอกครับเสี่ย รถก็ไม่อยู่” เบิ้มว่า
“นอกจากลูกเฮีย เห็นยังมีเด็กผู้ชายอีกคนอยู่ด้วยกัน” พลบอก
เบิ้มตั้งข้อสังเกต “เรียกตั้งนาน ไม่ออกมา แสดงว่าไม่มีใครอยู่บ้าน”
เสี่ยเต๊กฟังแล้วยิ่งแค้น “มันหายหัวไปทั้งพ่อทั้งลูก! ไอ้เบิ้ม ไอ้พล เฝ้าหน้าบ้านมันไว้มันกลับมาเมื่อไหร่ ลากคอไปหาอั๊ว”
เสี่ยเต๊กตาวาว ใบหน้าเหี้ยม จดสายตามองบ้านที่ปิดเงียบของพร้อมพงศ์ คิดแค้นอยู่ในใจ
“หนีกูไปกันหมด”
ขณะเดียวกันรถกระบะเก่าๆ ปุโรทั่งของพร้อมพงศ์ขับรถจากสุพรรณบุรีเข้าสู่อยุธยาแล้ว กำลังแล่นผ่านป้ายต้อนรับเข้าสู่อยุธยา
พร้อมพงศ์ขับรถช้าๆ สอดตาหาป้ายวัดบางในใหญ่ โดยพร้อมพงศ์ขับมาตาม ป้ายเชิญชวนเที่ยวงานวัดที่แปะตามรายทาง
“ดูดีๆ นะเว้ยเจ๋ง ลุงไม่อยากขับเลย”
“นั่นทางเข้าวัด ลุง” ไอ้เจ๋งชี้ป้ายชื่อวัด
พร้อมพงศ์เลี้ยวรถเข้าวัดทันที
ต่อมาไม่นาน พร้อมพงศ์ให้หลวงพี่ที่กวาดลานวัดอยู่ดูรูปพงศ์เทพในโทรศัพท์มือถือ
“อาตมาไม่เคยเห็นลูกชายโยม”
พร้อมพงศ์ซักไซ้ไม่ลดละ “มันอาจแอบมานอนตามศาลาวัดครับ”
“คนจรเข้ามานอน อาตมาก็เห็น ขอให้ตามหาลูกเจอนะโยม”
พร้อมพงศ์กับเจ๋งไหว้ลาหลวงพี่สีหน้าผิดหวัง หลวงพี่หันไปกวาดลานวัดต่อ
“ลุง ผมว่าพี่เทพไม่ได้อยู่แถวนี้หรอก กลับกรุงเทพฯ เหอะ”
“มันโทรศัพท์จากตู้แถวนี้ ตัวมันก็ต้องอยู่แถวนี้ ไปขับรถตระเวนหามัน”
พร้อมพงศ์กับเจ๋งขึ้นรถ ขับไปต่อ
เวลาผ่านไป พร้อมพงศ์ตระเวนขับรถตามหาพงศ์เทพทั่วอำเภอบางไทร มีจอดรถแวะถามชาวบ้าน ถามเจ้าของร้านค้าริมถนนเป็นระยะ
พร้อมพงศ์ขับรถตามหาพงศ์เทพจนมืดค่ำ เริ่มเหนื่อยล้า จอดรถเข้าข้างทาง
“กลับกรุงเทพฯเหอะลุง ผมขับให้” เจ๋งเอ่ยขึ้น
พร้อมพงศ์ยัวะ “วะไอ้นี่ บอกให้กลับกรุงเทพฯอยู่ได้ ลุงรู้นะ เอ็งไม่อยากให้ลุงเจอไอ้เทพ”
“ก็ผมสงสารพี่เทพ อยู่ ๆ ถูกบังคับให้แต่งงาน โดนนักเลงไล่ยิงอีก”
“มันยอมแต่งงาน ก็ไม่โดนลูกน้องเสี่ยไล่ยิง...ความโง่ จะทำให้มันตาย”
เจ๋งย้อนเอา “ความโลภ...จะทำให้ลุงบ้า”
“เดี๋ยวปั้ด จับหัวกระแทกคอนโซลให้หายโง่อีกคน ไปหาที่นอนกัน”
พร้อมพงศ์ออกรถไปหาที่พัก เจ๋งส่ายหัวเซ็งลุง หน้าเงินอิ๊บอ๋าย
รุ่งเช้าวันถัดมา หลงอาบน้ำทาบท่าเสร็จ ลงมาที่ห้องโถง ไม่เห็นใคร ยินเสียงฉิ่งดังมาแว่วๆ
“ใครตีฉิ่งแต่เช้า” หลงเดินตามเสียงฉิ่งไป
เสียงฉิ่งเปี่ยมมนต์ขลังนำทางหลงมา ตามเสียงนั้นไปยังลานบ้าน
เขาเห็นจอมนางกำลังสอนเด็กๆ นุ่งโจงกระเบนสีแดงรำลิเกอยู่ มีครูเทียมตีฉิ่งให้จังหวะ
หลงไปนั่งบนแคร่ข้างครูเทียม จอมนางมองหลงแว้บเดียว เวลานี้ต้องตั้งใจสอนเด็กๆ จึงไม่สนใจหลงนัก
จอมนางบอกกับเด็ก “ตั้งวงแขนสูงๆ จ้ะ”
หลงถามครูเทียม “มีคอร์สสอนรำลิเกด้วยนะครับ”
“คอร์สอะไรกัน สอนฟรี ถ้าคนคิดเกม ทำเกมลิเกให้เด็กเล่น ข้าก็ไม่ต้องสอนให้เหนื่อย อนุรักษ์ลิเกไว้ในเกมนั่นแหละ” ชายชราว่า
“เหมือนเกม Cookie Run นะครับครู”
ครูเทียมงง “คลุกขี้อะไรของเอ็ง”
“ช่างมันเถอะครับ”
หลงมองจอมนางสอนเด็กๆ รำลิเกอย่างสนใจ
“ดีนะครับ สอนเด็กๆ ให้ไม่ลืมวัฒนธรรมไทย”
ครูเทียมมองหลง เห็นท่าทางเขาสนอกสนใจลิเกไม่น้อย แถมมองจ้องเด็กๆ หัดรำไม่วางตา กระทั่งครูเทียมเอ่ยขึ้นในจังหวะหนึ่ง
“หลงเอ๊ย หัดลิเกมั้ย”
หลงหันขวับมองครูเทียมเป็นเชิงถามว่า เอาจริงเหรอครู?
ครูเทียมพยักหน้ายิ้มให้หลงเป็นเชิงตอบว่า เออ...ครูเอาจริงว่ะ
อ่านต่อหน้า 3
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 3 (ต่อ)
ชาวคณะแห่มาดูหลงทำพิธีฝากตัวเป็นลูกศิษย์ครูเทียมตามธรรมเนียมในห้องทำพิธีของบ้าน หลงไม่ได้จริงจังกับการหัดลิเก แต่ก็ให้ความเคารพพิธีศักดิ์สิทธิ์ของคนลิเก หลงถวายดอกไม้จุดธูปเทียนไหว้ “พ่อแก่”
ครูเทียมกล่าวคาถาบูชาพ่อแก่นำ หลงกล่าวคาถาบูชาตามครูเทียม พอไหว้พ่อแก่แล้ว หลงก็หันมาไหว้ครูเทียม
“ผมขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิษย์ครูเทียม วอนครูเมตตาสอนวิชาผมนะครับ”
หลงวางพวงมาลัยในมือครู ครูเทียมจับมือหลง
“ร้องตามครูนะ” ครูเทียมร้องตามพิธี
หลงร้องตามจนจบ แล้วก้มกราบเท้าครู ครูเทียมลูบหัวหลง เป็นอันเสร็จพิธีรับหลงเป็นศิษย์
ทุกคนย้ายมายังลานหลังบ้าน ฝึกรำ หลงร้องลั่นบ้าน
“โอ๊ย..!”
โก่งหมั่นไส้ “สำออยจริงเอ็ง”
โก่งกำลังจับมือหลงดัดในน้ำข้าว ตอนนี้หลงนุ่งโจงแดง แล้ว ชาวคณะขำหลง พวกเด็กๆ หัวเราะคิกคัก
“อดทนหน่อยหลงเอ๊ย ดัดนิ้วในน้ำข้าว ช่วยให้นิ้วอ่อน” ครูเทียมบอก
จอมนางเหน็บแนม “ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยากนะจ๊ะปู่”
“ดัดยาก งั้นพี่ต้องดัดแรงๆ” โก่งจัดการดัดนิ้วหลงแรงขึ้นอีก
หลงร้องลั่น “โอ๊ย”
กำจายนุ่งโจงแดงเดินเข้ามา
ครูเทียมบอกหลง “ท่ารำพื้นฐาน ให้น้ากำจายเค้าสอนไปก่อน”
“ครับครู”
กำจายคุกเข่าข้างหน้าหลง นั่งเยื้องกัน กำจายตั้งวงรำ ให้หลงรำตาม
“ร้องตามข้านะ...จ๊ะ โจ้ง จ๊ะ ทิง โจ้ง ทิง...”
หลงร้องว่า “จ๊ะ โจ้ง จ๊ะ จ๋า จ๊ะ จิง ทิง”
กำจายเซ็ง “จิงทิงบ้านนนเมิงสิ”
“ผมจำบ้านตัวเองไม่ได้ครับ” หลงย้อนหยอก
“ยังย้อนอีกนะเมิง”
ทุกคนฮาหลงกับกำจาย
ระหว่างนี้ ฟ้าประทานขับเก๋งคันงามเข้าบ้านมา พบว่าบ้านทั้งหลังเงียบเชียบผิดปกติ บีบแตรเรียกก็ไม่มีใครออกมา
“เดี๋ยวนี้ไม่มีใครมาต้อนรับ” ฟ้าประทานหน้าตึง ไม่สบอารมณ์
ฟ้าประทานเดินหาคนในบ้านงง ว่าหายไปไหนกันหมด จนกระทั่งเดินมาถึงลานหลังบ้าน เห็นกำจายกำลังสอนหลงรำลิเก
“มารุมดูมันกันนี่เอง ไม่ออกไปรับหน้าเรา”
ฟ้าประทานมองหลงอย่างเหม็นหน้า แย่งความสนใจไปหมด
“ลุงกำจายรับมันเป็นลูกศิษย์เหรอ” ฟ้าประทานถามตุ้ม ตาจ้องอยู่ที่หลง
“ไม่ใช่จ้ะ ครูเทียม”
คำพูดนั้นของตุ้มกระแทกเข้าหน้าฟ้าประทานเต็มๆ เขาไม่พอใจมาก คิดแค้นในใจ ที่ไอ้หลงมันได้เป็นลูกศิษย์ครูเทียมที่ไม่รับใครเป็นลูกศิษย์ง่ายๆ
ไม่นานต่อมา ฟ้าประทานหน้าตาเอาเรื่อง เดินนำหลงมาคุยกันในบ้าน
“ห้ามเอ็งหัดลิเก” ฟ้าประทานบอกเสียงดัง
“คุณมีปัญหาอะไรกับผมหนักหนาครับ”
“ข้าไม่ชอบหน้าเอ็ง ห้ามเอ็งเป็นลูกศิษย์ครูเทียม”
“คุณไม่มีสิทธิ์สั่งผม”
“ข้าเป็นศิษย์เอกครูเทียม ข้ามีสิทธิ์สั่งเอ็ง”
หลงมองคะเนฟ้าประทาน “เดาไม่ผิด คุณกลัวผมกลายเป็นศิษย์เอกแทนคุณ”
ฟ้าประทานมองจ้อง ดูถูกอีก “มือเอ็งแข็งอย่างกับลำปล้องไผ่ รำสวยสู้ข้าไม่ได้หรอก”
“มั่นใจว่ารำสวยกว่า แล้วจะกลัวผมทำไมล่ะครับคุณฟ้าประทาน คุณไม่ชอบผม เราก็ต่างคนต่างอยู่ อย่าระรานผมเลยครับ”
“ข้าจะต่างคนต่างอยู่ก็ต่อเมื่อ เอ็งไปอยู่ที่อื่น! ไอ้หมาหลง”
หลงเดินหนี ไม่อยากทะเลาะด้วย
“ไอ้ขี้ขลาด โดนด่านิดหน่อย หนีหางจุกตูด”
หลงหยุด หันกลับมาหาฟ้าประทาน “คนที่มักกระทำการรุนแรง คือคนอ่อนแอ อย่าแสดงตัวตนข้างในออกมาบ่อยๆ เลยครับ เสียภาพลักษณ์พระเอกลิเก”
หลงหันตัวเดินหนีไป
ฟ้าประทานยัวะสุดขีด “ไอ้หลง! กลับมาก่อน ไอ้หลง”
หลงไม่เหลียวหลัง ฟ้าประทานเจ็บใจ
ฟ้าประทานกลับเข้าห้องหงุดหงิด และโมโหไม่หาย ที่โดนหลงย้อนได้เจ็บแสบ ตุ้มยิ้มระรื่นเข้ามาหาในห้อง
“ไม่มีอารมณ์จะคุย”
“ชั้นเอาการ์ดแต่งงานมาให้ดู”
ตุ้มยื่นแบบการ์ดแต่งงานหลายแบบให้ฟ้าประทานเลือก ฟ้าประทานอึ้ง ใบ้กินไปเลย อยู่ๆ โดนผู้หญิงบังคับให้แต่งงาน
“อืม ตุ้ม...ฟังผมก่อนนะ”
“ฟ้าประทานชอบแบบไหน ชั้นชอบอันนี้” ตุ้มชี้แบบที่ชอบ
“ตุ้มจ๋า อย่ากดดันกันสิจ๊ะ รอผมอีกซัก ปีสองปีนะ” ฟ้าประทานอ้อน
ตุ้มหน้าตึง โวยลั่น “ชั้นอยากแต่งงานแล้ว ชั้นไม่รอแล้ว ถ้าฟ้าประทานไม่ยอมแต่งงานกับชั้น ชั้นจะบอกทุกคน เราเป็นผัวเมียกัน”
ฟ้าประทานเครียดอยากจะบ้าตาย อยู่ๆ ตุ้มเกิดอยากแต่งงานขึ้นมา
แถมหน้าตาตุ้มเอาจริง ดูออกว่าอยากแต่งงงานใจจะขาดแล้ว
ด้านหลงหัดลิเกไป ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ และร้องได้ถูกต้อง
“จ๊ะ โจ้ง จ๊ะ ทิง โจ้งง ทิง...โจ้ง ๆๆ ทิง”
กำจายยิ้ม “เออ ร้องถูกซะที”
ชาวคณะปรบมือเฮ ดีใจกันใหญ่
จอมนางแซว “อุ๊ตะ! แฟนคลับเยอะนะพี่หลง”
หลงขำจอมนาง พูดจายียวนน่ารักดี
ฝ่ายฟ้าประทานกอดตุ้มอยู่ในห้องพักส่วนตัวบนบ้านครูเทียม ใช้ลูกอ้อน หว่านล้อมตุ้มเรื่องแต่งงาน
“ตุ้มจ๋า ตุ้มก็รู้ ผมรักตุ้มที่สุด ตุ้มเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ผมอยากร่วมชีวิตด้วย แต่ยังไม่ถึงเวลาของเราจ้ะตุ้ม ผมยังต้องพึ่งพาแม่ยก”
“ช่างพวกแม่ยกสิ! อีก 3 เดือน วันเกิดชั้น แต่งงานวันเกิดชั้นก็ดีชั้นเกิดวันมงคล” ตุ้มยื่นคำขาด
ฟ้าประทานท้วง “เร็วไปมั้ยจ๊ะ”
ตุ้มฉุน “4 ปีมันเร็วตรงไหน เราเป็นผัวเป็นเมียกันมา 4 ปีแล้ว ฟ้าประทานไม่ยอมแต่ง ชั้นจะบอกทุกคนเรื่องของเรา”
ฟ้าประทานหน้าตื่น จำใจรับปากส่งๆ “จ้ะๆ 3 เดือนก็ 3 เดือน”
ตุ้มจ้องหน้า “รับปากชั้นแล้วนะ”
ฟ้าประทานอ้อน “จ้า สัญญาจากพระเอกลิเกคนนี้”
ตุ้มยิ้มสุขล้นเชื่อสนิทใจ “เราจะได้อยู่กันเป็นครอบครัวซะที ชั้นรอวันนี้มานานแล้วชั้นไปบอกทุกคนให้ดีใจกับเรานะ”
ตุ้มลุกเดินออกไป ฟ้าประทานนึกได้ “ตุ้ม อย่าเพิ่งบอกใคร”
ฟ้าประทานรีบตามตุ้มออกไปทันที
ขณะที่หลงหัดตั้งวงแขนรำลิเก ตุ้มเดินหน้าเริด ยิ้มแฉ่งมาหาชาวคณะ ฟ้าประทานห้ามตุ้มไม่ทัน แล้วเลยแอบอยู่ ไม่ตามเข้าไปถึงลานบ้าน
“ครูเทียมจ๊ะ ทุกคน ชั้นมีข่าวดีมาบอก...ชั้นจะแต่งงาน”
ชาวคณะร้องประสานเสียง “แต่งงาน”
ครูเทียมมองหน้าตุ้ม “เอ็งจะแต่งกับใคร ข้าไม่เคยเห็นเอ็งไปมาหาสู่ผู้ชายที่ไหน”
ฟ้าประทานหน้าซีด ทำใจรับสภาพความแตกแล้ว!
ชาวคณะจ้องตุ้มเป็นตาเดียว ว่าตุ้มมันจะแต่งงานกับใครกัน?
“อืม...แฟนชั้นเค้าคือ...คือ...คนดังจ้ะ”
คำพูดของตุ้ม ทำเอาฟ้าประทานเหมือนยกภูเขาออกจากอก ตุ้มยังปิดเรื่องฟ้าประทานเป็นความลับ
“ความที่เค้าเป็นที่รู้จัก เราเลยต้องหลบๆ ซ่อนๆ คบกันจ้ะ” ตุ้มยิ้มเขิน
จอมนางซัก “เป็นดาราเหรอ”
“ไม่เชิง” ตุ้มบอก
โก่งมองเหล่ “ผู้ชายที่หลบๆ ซ่อนๆ คบ ไม่น่าจริงใจ มันหลอกเอ็งเหรอเปล่า”
“เค้าหลอกชั้น แล้วจะแต่งงานกับชั้นเหรอพี่โก่ง” ตุ้มฉุน
โก๊ะยิ้มแป้น “ยินดีด้วยนะพี่ตุ้ม”
ตุ้มยิ้มให้ “ขอบใจโก๊ะ”
“วันก่อนชั้นเห็นแกแอบร้องไห้กระชิกๆ แกร้องเพราะแฟนเหรอเปล่า ถ้าใช่ เค้าไม่น่ารักแกจริงนะตุ้ม” กระแตเตือนอย่างหวังดี
ตุ้มโกรธ “ปากเสีย! คนรักกัน มีทะเลาะกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา เค้ารักชั้นจริง เค้าจะแต่งงานกับชั้น เราจะสร้างครอบครัวมีลูกด้วยกัน ใกล้วันแต่ง ชั้นจะพาเค้าไปกราบครูเทียมนะจ๊ะ”
ตุ้มตาลอย ยิ้มฝันหวานออกไป
ชาวคณะรวมทั้งหลง มองตามตุ้มอย่างเป็นห่วง กลัวตุ้มโดนผู้ชายไม่จริงใจหลอกเอา
ตุ้มเดินมาเจอฟ้าประทาน
“ชั้นไม่ได้พูดถึงฟ้าประทานซักคำนะ”
“ผมได้ยินแล้ว”
ฟ้าประทานยิ้มขยิบตา 2 ทีให้ตุ้มเป็นสัญลักษณ์ที่รู้กันของสองคน ตุ้มเขินใหญ่รู้ว่าหมายถึงอะไร
ผ่านไปสักระยะ 2 หนุ่มสาวอยู่ด้วยกันในห้องพัก โรงแรมม่านรูด วิมานฉิมพลี ที่เก่า
กิริยาอาการ ดูออกว่าผ่านการ Featuring เรียบร้อยแล้ว เพราะตุ้มกับฟ้าประทานนอนก่ายกอดกันอยู่บนเตียง ฟ้าประทานเกลี้ยกล่อมตุ้ม
“ทุกวันนี้ แต่งหรือไม่แต่ง ผมว่าเราก็เหมือนคู่ผัวตัวเมียกันอยู่แล้ว อยู่บ้านเดียวกัน เจอกันทุกวัน”
ตุ้มโวยทันที “งั้นฟ้าประทานก็ให้ชั้นไปนอนห้องฟ้าประทานสิ ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ มาทำอะไรกันที่นี่”
“ถึงแต่งงานแล้ว ผมก็ไม่อยากให้ตุ้มนอนห้องเดียวกับผม นั่นบ้านครูเค้า มันน่าเกลียด ตุ้มจ๋า รอให้ผมมีบ้านของตัวเองก่อนนะ เราค่อยแต่งงานกัน”
“อย่าเอาบ้านมาอ้าง! แต่งแล้วไปเช่าบ้านอยู่ก็ได้ ยังไง อีก 3 เดือนฟ้าประทานต้องแต่งงานกับชั้น”
ตุ้มปึงปังลุกไปเข้าห้องน้ำ
“โธ่เว้ย ผู้หญิงนี่น่าเบื่อชะมัด”
ฟ้าประทานหงุดหงิดมาก อุตส่าห์พามา Featuring จัดหนักจัดเต็มเอาใจ แต่ก็เกลี้ยกล่อมตุ้มไม่สำเร็จ
อีกด้านหนึ่ง หลงกับชาวคณะกินหวานเย็นอยู่บริเวณนอกชาน พลางวิจารณ์เรื่องตุ้มจะแต่งงาน
ครูเทียมเอ่ยขึ้น “พวกเอ็งไม่รู้ระแคะระคายเรื่องตุ้มมีแฟนเลยเหรอ”
โก่งบอกเป็นคนแรก “ชั้นแปลกใจอยู่นะครู ไม่ค่อยเห็นมันออกไปไหน มันจะมีแฟนได้ยังไงคนรักกันก็ต้องเจอกันบ่อยๆ”
ครูเทียมหันมาทางกระแต “กระแต แล้วที่เอ็งเห็นตุ้มร้องไห้ นานหรือยัง”
“เพิ่งไม่กี่วันนี้เองจ้ะปู่ ช่วงนี้มันก็ไม่มีปัญหาอะไร ต้องร้องไห้เพราะแฟนนั่นแหละ” กระแตมั่นใจ
ครูเทียมฟังแล้วห่วงตุ้ม “ยังไง พวกเราช่วยๆ กันดูมัน ข้ากลัวมันไปโดนเค้าหลอก”
จอมนางเดินหน้ามุ่ยมา ชูหลอดยาสีฟันแบนแต๊ดแต๋ ถาม “ใครเอาไปทิ้ง”
โก๊ะสารภาพ “ชั้นจ้ะ”
จอมนางบอกเสียงขุ่น “ยังไม่หมดเลย”
“ชั้นรีดแล้วรีดอีกเลยจอม”
“ทีหลังใช้ไอ้นี่” จอมนางเอากรรไกรตัดหลอดยาสีฟันให้ดู “ควักข้างในมาใช้ อันละไม่ใช่ถูกๆ ต้องใช้ให้หมดเกลี้ยง ชั้นเอากลับไปวางห้องน้ำ”
จอมนางเดินเม้งออกไป
กำจายหมั่นไส้ในความตระหนี่ของจอมนาง “อีกหน่อยมันต้องเอากิ่งข่อยให้แปรงฟัน”
“สะอาดดีนะเว้ย ปลอดภัยด้วย เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ” ครูเทียมมองหลง “หลงเอ๊ย ทำไมเอ็งถึงใส่ชุดซ้ำเมื่อวาน”
“ผมมีติดตัวมาชุดเดียวครับครู”
ครูเทียมมองหลงด้วยความสงสาร
ไม่นานต่อมา ครูเทียมเดินนำเข้ามาในห้อง ควักเงินให้หลง 1 พันบาท
“เอาไปซื้อเสื้อผ้า”
หลงเกรงใจ “ผมใส่ของพวกลุงกำจายได้ครับ”
“ไอ้พวกนั้นไม่ได้มีเสื้อผ้าเยอะแยะ อย่ายืมใส่เลย ไม่ต้องเอาเงินมาทอนครูล่ะ”
“ขอบคุณมากครับครู”
หลงไหว้ รับเงินมา มองครูเทียมด้วยสายตาซาบซึ้ง เคารพนับถือ ครูเทียมช่างเป็นคนดี มีเมตตาเหลือเกิน
อ่านต่อหน้า 4
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 3 (ต่อ)
หมู่มวลศิษย์ครูเทียมมาอออยู่ที่หน้าตู้เอทีเอ็มในละแวกตลาด โก๊ะยัดบัตร ATM เข้าตู้ท่าทีเงอะงะ พลางหันมาบอกหลง
“ชั้นโอนเงินให้แม่ที่สุพรรณทุกเดือนจ้ะ”
หลงยิ้มให้ “ดีแล้ว เป็นลูกต้องเลี้ยงดูพ่อแม่”
โก๊ะกดทำรายการไม่คล่องเอาเลย “รหัส ATM 1234”
“อย่าพูดโก๊ะ เดี๋ยวใครมาได้ยินแล้วขโมยบัตรไปกด” หลงบอก
“ให้ขโมยไปเหอะ มันไม่เคยมีเงินในบัญชีเกินพัน” โก่งว่า
โก๊ะอ่านข้อความบนตู้ ATM “โอนเงินภายในธนาคารเดียวกัน เอ้า กด”
ห่างออกไปไม่ไกลนัก พร้อมพงศ์กับเจ๋งที่มาตามหาพงศ์เทพอีกรอบเดินคุยกันมา
“ลุงไปกดเงินแป๊บ” พร้อมพงศ์บอก
ด้านโก๊ะ ทำรายการไม่ค่อยเป็น กดช้ามาก
“หมายเลขบัญชีธนาคารแม่” ดูหมายเลขบัญชีบนเศษกระดาษที่จดมา
ระหว่างหลงมองไป เห็นพ่อกับเจ๋งกำลังเดินมาทางนี้
หลงตกใจ แต่รีบเก็บอาการไม่ให้พวกกำจายสงสัย ตัดสินใจโกหกไปว่า
“เอ้ย ถุงผมหล่นไปใบนึง ผมไปเดินหานะครับ แล้วเดี๋ยวไปรอที่รถเลย”
“หาให้เจอนะเอ็งเสียดาย” กำจายบอก
หลงรีบก้มหน้าเดินจ้ำไป พร้อมพงศ์กับเจ๋งมาต่อคิวกด ATM โดยไม่ทันเห็นหลงหรือพร้อมพงศ์
รถตู้คณะลิเกจอดแถวท่ารถ หลงรีบร้อนเดินหนีพ่อมาที่รถตู้ จะหลบขึ้นรถ พบว่ารถล็อค
“ลืมขอกุญแจพี่โก่งมา”
หลงว้าวุ่นหนัก คอยชะเง้อมองทาง เผื่อพ่อมาทางนี้ จะได้เผ่น
ขณะเดียวกันโก๊ะยังคงกด ATM ไปไม่ถึงไหน อย่างช้าๆ ถึงช้ามาก รอบนี้ดันกดผิด
“เฮ้ย กดผิด”
โก่งงงปนเซ็ง “กดอะไรผิด”
“บัญชีธนาคารแม่” โก๊ะว่า
“กดยกเลิก เริ่มทำใหม่เลย” โก่งบอก
“กดยกเลิก” โก๊ะพูดทุกขั้นตอนการทำรายการ “บัตรออกมาแล้วใส่ใหม่”
พร้อมพงศ์ยืนรอนานชักเซ็งโก๊ะบ่นงึมงำ “ปัญญาอ่อนเปล่าวะเนี่ย”พลางหันมาทางเจ๋ง “ไว้ค่อยมากดทีหลัง”
สองคนเดินออกไป
โก๊ะเอ่ยขึ้น “รหัส ATM124”
กำจายรำคาญ “เอ็งตก 3”
“วุ้ย งงแระ”
โก๊ะบ่น เกาหัวแกรกๆ กำจายกับโก่งรำคาญเต็มทน มันจะโง่ไปถึงไหนวะ
ฝ่ายหลงยืนรอข้างรถตู้คณะ มองไปเห็นพ่อกับเจ๋งกำลังเดินมา หลงรีบอ้อมไปหลบหลังรถตู้ เพิ่งจะเห็นรถกระบะพ่อ จอดต่อท้ายรถตู้
“รถพ่อนี่หว่า ไม่ทันดู”
หลงหลบหลังรถตู้ไม่ได้แล้ว พ่อต้องเห็นแหงมๆ
พร้อมพงศ์กับเจ๋งเดินใกล้เข้ามาทุกที หลงตัดสินใจ วิ่งหนีขึ้นรถโดยสารที่จอดอยู่ พร้อมพงศ์กับเจ๋งเลยไม่เห็นหลง
หลงแอบมองพ่ออยู่บนรถโดยสาร เห็นพร้อมพงศ์ขึ้นรถกระบะ แล้วขับออกไป
“พ่อตามมาถูกได้ยังไง” หลงแปลกใจมาก
ระหว่างนี้รถโดยสารคันนั้นดันถึงคิวออกรถ หลงลงไม่ทัน ต้องนั่งไปเลยตามเลย
รถเพิ่งแล่นออกจากท่า พนักงานเดินมาเก็บค่าโดยสารที่หลง
หลงล้วงเงินในกระเป๋า แล้วนึกได้ “เอ่อ...ไม่มีเงินติดกระเป๋าเลยครับ”
พนักงานเก็บเงินด่าเสียงดังลั่นรถ “เฮ้ย ไม่ได้นั่งฟรีนะเว้ย”
“ผมขอลงตรงนี้ครับ”
ครูเทียมนั่งแถวหน้า ได้ยินเสียงหลง หันมาหา บอกพนักงานมาเก็บตังค์ค่าโดยสารที่ตน
“มาเอาค่าโดยสารที่ลุงนี่”
หลงแปลกใจ เจอครูโดยคาดไม่ถึง “ครูเทียม ไปไหนครับ” เขาย้ายไปนั่งกับครูเทียม
ไม่นานต่อมา หลงกับครูเทียมนั่งรอคิวเรียกตัวอยู่หน้าห้องตรวจ ในโรงพยาบาลบางไทร ในมือหลงหิ้วถุงเสื้อผ้ามาด้วย
“มันสั่นมาซักพักแล้ว” ครูเทียมเอ่ยขึ้น พลางยกมือขวาให้ดู หลงพบว่ามือขวาครูเทียม สั่นน้อยๆ
“ไม่สังเกตก็ไม่เห็น ครูไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ” หลงให้กำลังใจ
“เอ็งอย่าบอกจอม กับคนที่บ้านล่ะว่าข้ามาหาหมอ ข้าไม่อยากให้ทุกคนเป็นห่วงนี่ก็แอบมา” ชายชราผู้อารีบอก
หลงยิ้มรับปาก “ครับครู ผมจะไม่บอกใคร”
ถึงคิวครูพอดี พยาบาลขานชื่อ “นายเทียม บางไทรงาม”
หลงพยุงพาครูเทียมเข้าห้องตรวจ
ฝ่ายจอมนางเดินมาหาปู่ที่ห้องเปิดประตูชะโงกหน้าไปมอง
“ปู่จ๋า...” มองทั่วห้องแต่ไม่เห็นครูเทียม “อ้าวไม่อยู่ สงสัยไปวัด”
จอมนางปิดประตูลงตามเดิม
ขณะเดียวกันนั้นหมอกำลังวินิจฉัยโรค บีบมือขวาครูเทียมที่สั่นน้อย ๆ
“เจ็บมั้ยครับ”
“หมอบีบแรง ก็เจ็บสิจ๊ะ” ครูว่า
หมอยิ้ม คลายมือ “เจ็บมั้ย”
“ไม่ครับ” ครูเทียมบอก
“อาการมือสั่น เกิดจากหลายสาเหตุ หมอต้องส่งคุณไปให้ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทตรวจ”
ครูเทียมชะงัก “หมอ! ผมไม่ได้เป็นบ้า”
“ระบบประสาทไม่ใช่โรคประสาทครับครู” หลงอธิบาย
“อ๋อเหรอ”
หลงหันไปถามหมอ “หมอครับ เท่าที่ตรวจเบื้องต้น คุณหมอคิดว่าน่าจะเป็นโรคอะไรครับ”
“อาการคล้ายกับโรค...พาร์กินสัน”
หลงตกใจร้องเสียงหลง “พาร์กินสัน”
ครูเทียมไม่ได้ตกใจสักน้อย เพราะไม่รู้ว่าโรคพาร์กินสันที่หมอว่าคือโรคอะไร ร้ายแรงแค่ไหน ขณะที่หลงหน้าซีดไปถนัดตา
อ่านต่อตอนที่ 4 / 17.00 น.