ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 18
ส่วนทางด้านตุ้มยังนั่งอยู่ภายในห้อง มองสมุดบัญชีแบงก์ในมือ จมอยู่กับความหลัง หวนนึกถึงวันคืนเก่าๆ กับฟ้าประทาน ตอนเพิ่งรักกันได้เสียเป็นเมียผัวใหม่ๆ
วันนั้นฟ้าประทานกับตุ้มแอบมาจู๋จี๋กันริมทุ่งนาเขียวขจีสวยงามของบางไทร ความรักหวานชื่นโลกทั้งใบเป็นสีชมพู
“ตุ้มจ๋า ปีหน้าผมจะเริ่มเก็บเงิน สร้างอนาคตให้เราสองคน ผมจะเปิดบัญชีธนาคารเป็นชื่อเราสองคน”
“เวลาเบิกถอนเงิน จะยุ่งยากนะจ๊ะ”
“แต่มันเป็นผลดีเวลาเรากู้เงินซื้อบ้าน”
“ซื้อบ้าน”
“ผมอยากซื้อบ้าน สร้างครอบครัวกับตุ้ม ผมรักตุ้ม”
“ชั้นก็รักฟ้าประทานจ้ะ”
ตุ้มเอนตัวซบบ่าชายคนรัก ฟ้าประทานโอบกอดตุ้มไว้อย่างรักใคร่
สมุดบัญชีแบงก์เล่มนี้แท้ๆ ทำให้ตุ้มหวนนึกถึงวันคืนเก่าๆ ที่พอเวลาผ่านไปความรักกลับไม่หวานแล้วมีแต่ความช้ำชอกใจ
“แรกรักน้ำต้มผักก็ว่าหวาน แต่พอนานน้ำตาลยังว่าขม”
ตุ้มนึกเรื่องนี้แล้วถึงกับน้ำตาซึม
วันเดียวกันนี้ พร้อมพงศ์ยังคงเก็บตัวในบ้านเช่า กำลังแกะกับข้าวถุงใส่จาน จะกินมื้อกลางวันกับเจ๋ง พร้อมพงศ์เอ่ยขึ้น
“ถุงสุดท้ายแล้ว เราต้องออกไปซื้อกับข้าว”
“พี่เทพให้เรากบดานอยู่แต่ในบ้านนะลุง หลบเสี่ยเต๊ก” เจ๋งบอก
“แงะพื้นบ้านกินได้ ข้าก็ไม่ออกไปซื้อของกินหรอก เราออกไปแป๊บเดียวไม่เอารถไปให้เป็นที่สะดุดตาเสี่ย” พร้อมพงศ์ว่า
ฟากเสี่ยเต๊กยืนรออยู่ตรงหน้าโรงแรม เบิ้มกับพลไปเอารถมาจอดรับ เสี่ยขึ้นนั่งเบาะหลัง ตอนก้มตัวขึ้นนั่งรถ เกิดปวดหลัง ผลจากตกเวทีลิเกคณะฟ้าประทานเมื่อหลายวันก่อน เสี่ยเต๊กหลังเดี้ยงยังไม่หาย
“อู้ย...ยาหมอคลินิกที่ไปเอามากิน ไม่ได้เรื่อง กินแล้วไม่หายปวด”
เบิ้มเป็นห่วง “เสี่ยนอนอยู่โรงแรมมั้ยครับ พวกผมไปเอง”
เสี่ยเต๊กบอก “อั๊วไหว”
เบิ้มถามขึ้นว่า “วันนี้จะไปตามหาพงศ์เทพที่ไหนครับเสี่ย”
เสี่ยเต๊กบอกว่า “ตลาดที่พวกลื๊อเคยเจอพงศ์เทพ”
“ตลาดไหนวะพล”
“ตลาดเจ๊ทรงงามไง”
พลขับรถออกไป
ขณะเดียวกัน พร้อมพงศ์กะเจ๋งซ้อนมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาที่ตลาดเจ๊ทรงงาม พร้อมพงศ์จ่ายค่ารถเป็นแบงก์ร้อย มอเตอร์ไซค์รับมา แล้วล้วงกระเป๋าเสื้อวิน ล้วงกางเกงหาเงินทอนให้วุ่น สองคนยืนรอเงินทอน
บังเอิญรถเสี่ยเต๊กแล่นมาจอดหน้าตลาดเจ๊ทรงงาม เสี่ยเต๊กตาไวเห็นพร้อมพงศ์!
“เฮียพงศ์! ไปจับตัวมา”
พลจอดรถทันที เสี่ยเต๊กกับลูกน้องลงจากรถ
พร้อมพงศ์กับเจ๋งหันไปเห็นพวกเสี่ยเต๊กเช่นกัน
“ซวยแล้ว”
พร้อมพงศ์กับเจ๋งวิ่งหนี แต่นึกได้ว่ายังไม่ได้เงินทอน วิ่งย้อนกลับมาเอาที่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง
เจ๋งเซ็ง “โธ่ลุง! ยังงกอีก”
อีกฝ่ายหนี อีกฝ่ายวิ่งไล่ตามจับกันอุตลุด โดยเสี่ยเต๊กวิ่งรั้งท้าย เพราะปวดหลัง
ระหว่างนี้ฟ้าประทานจอดรถข้างทาง คว้ากระเป๋าที่เอามาจากบ้าน กะจะลงไปเดินหาร้านนั่ง
“นั่งร้านไหนดี เงียบๆ แต่งกลอนลิเกได้”
พร้อมพงศ์กับเจ๋งวิ่งหนี มีเบิ้ม พล ไล่ตามติดๆ ส่วนเสี่ยเต๊กวิ่งเขยกๆ ตามหลัง ทั้งหมดวิ่งผ่านฟ้าประทาน
ฟ้าประทานแค้นจำเสี่ยเต๊กได้ “นั่นเสี่ยที่ป่วนวิกลิเกเรานี่หว่า...ต้องเอาคืน”
ฟ้าประทานทำท่าจะวิ่งตามไปแล้วนึกได้
“พวกมันมีปืน อันตราย”
ฟ้าประทานกลัวตาย ไม่ไปลุยกับเสี่ยเอง ไปเดินหาคนช่วยเอาคืนเสี่ยเต๊ก
ฟ้าประทานเดินเร็วรี่มาหาตำรวจ เจอตำรวจจราจรกำลังโบกรถ
“คุณตำรวจครับ คนร้ายมีปืน! วิ่งไล่จับชาวบ้านอยู่ครับ”
“ตรงไหนครับ” ตำรวจถามหน้าตื่น
“หน้าตลาดเจ๊ทรงงาม”
ตำรวจจราจรวอ.รายงาน “ขอกำลังเสริมด่วน คนร้ายมีปืน อยู่แถวตลาดเจ๊ทรงงาม”
ฟ้าประทานวิ่งนำตำรวจกลับไปหน้าตลาด
ด้านพร้อมพงศ์กับเจ๋งวิ่งหนีสุดฝีเท้า พวกเสี่ยเต๊กไล่มากระชั้นชิด
เสี่ยเต๊กไม่อยากวิ่ง ปวดหลัง ตะโกนบอก “ยอมแพ้เหอะเฮียพงศ์”
พร้อมพงศ์ไม่ยอม โกยแหลก
ฟ้าประทานกับตำรวจจราจรวิ่งตามมาเห็นหลังพวกเสี่ยเต๊กไวๆ
“นั่นไงครับคนร้าย”
ตำรวจจราจรวิ่งไล่จับพวกเสี่ยเต๊ก ฟ้าประทานวิ่งตามไปด้วย เสี่ยเต๊กหันมาเห็นตำรวจก็แปลกใจ
“มาได้ไงวะ”
มีตำรวจสายตรวจ 2 นายเปิดหวอ ขี่รถมาดักหน้า แต่เห็นพร้อมพงศ์กับเจ๋งวิ่งหนี ดันคิดว่าเป็นคนร้าย เลยจับตัว
พร้อมพงศ์โวยลั่น “ปล่อยผม”
ฟ้าประทานบอก “ไม่ใช่ลุงคนนั้นครับ เสี่ยนี่เป็นคนร้าย”
ตำรวจสายตรวจกับจราจรหันมารุมจับพวกเสี่ยเต๊ก
เสี่ยเต๊กรีบบอก “ผมไม่ใช่คนร้าย ผมเป็นพลเมืองดี”
ตำรวจไม่เชื่อค้นตัว เอาปืนมาจากเสี่ย และ เบิ้ม
“คนดีที่ไหนพกปืน” ตำรวจ 1 เยาะ
ฟ้าประทานเสริม “คนพวกนี้ไปอาละวาด ยิงปืนขึ้นฟ้าในวิกลิเกผมครับ”
“การยิงปืนขึ้นฟ้าผิดกฎหมาย ทำคนตายได้นะคุณ” ตำรวจ 1
ตำรวจจับพวกเสี่ยเต๊กเอามือไพล่หลัง ใส่กุญแจมือ
เสี่ยเต๊กร้องโอดโอย “โอ๊ย...ปวดหลังอยู่”
ตำรวจวอ.บอก พรรคพวก “เอารถสถานีมารับผู้ต้องหา 3 คน”
พร้อมพงศ์กับเจ๋งยืนดูเสี่ยเต๊กกับลูกน้องโดนตำรวจจับและควบคุมตัว อยู่ห่างออกมา
“พระเอกลิเกคนนั้นมีเรื่องอะไรกับเสี่ยเต๊กวะ” พร้อมพงศ์งง
“เรื่องอะไรก็ช่างเหอะลุง แต่เข้าทางเรา เปิดทางให้เราเผ่น”
พร้อมพงศ์กับเจ๋งรีบไป
เสี่ยเต๊กเห็นพร้อมพงศ์หนีไปได้ต่อหน้า โครตจะเจ็บใจ
ค่ำคืนนี้ วิกลิเกคณะฟ้าประทาน บุตรแดนสรวง เปิดแสดง คนดูหน้าเวทีน้อยทุบทุกสถิติ มีทั้งหมด เพียง 5 คน
ฟ้าประทานกับเก๋ยื่นหน้าออกมาดูหน้าเวที เห็นคนดูโหรงเหรง ฟ้าประทานก็หน้าเหี่ยว
“ปกติคนดูก็น้อยอยู่แล้ว พอข่าวมีคนยิงปืนขึ้นฟ้าในวิกลิเก ชาวบ้านกลัวเลยไม่มา”
“เลยเวลาเล่นมาครึ่งชั่วโมงแล้ว ฟ้าประทานจะเอายังไงจ๊ะ เล่นหรือไม่เล่น” เก๋ถาม
จู่ๆ ตุ้มโผล่มายืนแทรกกลางระหว่างสองคน ด้วยหึงหวงผัว...เก่า ฟ้าประทานชักสีหน้ารำคาญตุ้ม
ตุ้มด่าเก๋ “นี่มันหลังเวที ไม่ต้องเล่นบทเข้าพระเข้านางกับฟ้าประทานของชั้น”
“หึงไม่เข้าเรื่องอีกแล้วนะตุ้ม”
เก๋หันกลับไปแต่งหน้า เลี่ยงการมีปัญหาในคณะ ตุ้มหันมาพูดกับฟ้าประทาน
“ออกไปเล่นเถอะจ้ะฟ้าประทาน ครูเทียมน่ะ ทั้งวิกมีคนดูคนเดียว ยังเล่นจนจบ”
“ครูถึงขาดทุนประจำไง มีคนดูแค่ 5 คน ค่าตั๋วก็ไม่พอจ่ายช่างไฟแล้ว เราไม่เล่นก็ต่อราคาช่างไฟได้”
ฟ้าประทานบอกท่าทางถือดีและขี้งก
ในที่สุดฟ้าประทานออกมาประกาศกับคนดูที่หน้าเวทีว่า
“พ่อแม่พี่น้องที่เคารพ ฟ้าประทานขอกราบขอโทษ ฟ้าประทานไม่สบายครั่นเนื้อครั่นตัวเป็นไข้” พระเอกคนดังไอแคกๆ สองสามที เพื่อให้สมจริง “ฟ้าประทานจำเป็นต้องงดเล่นคืนนี้ ไปรับเงินค่าตั๋วคืนที่หน้าวิกนะจ๊ะ”
คนดู 5 คนลุกออกไปงงๆ มีอาการไม่พอใจกันบ้าง ฟ้าประทานยืนยิ้มส่งคนดู
พอลิเกไม่เล่นแล้ว เพราะไม่มีคนดู ฟ้าประทานถือแบงก์ในมือเป็นปึก เป็นเงินค่าตัวลูกคณะ แต่พอจ่ายจริงกลับให้เงินลูกคณะคนละ 3 ร้อย ที่เหลือเก็บไว้
“ผมให้เป็นค่าน้ำมันรถ”
เก๋ไม่พอใจ “คืนก่อนก็หักค่าตัว คืนนี้ก็ให้เศษเงิน ชั้นไม่ยอม ชั้นจะเอาเงินค่าตัวเต็ม”
ลิเก 1 โวยด้วย “ปิดวิกแล้วขาดทุน ยกเลิกไม่เล่น โต้โผต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่หักเงินลูกคณะ”
ฟ้าประทานไม่แคร์ “ใครไม่พอใจ ก็ลาออกไปอยู่คณะเดิม ถ้าเค้ายังรับอยู่นะ”
เก๋ฉุนกึก “ฟ้าประทานก็รู้ คณะเดิมของชั้น มีนางเอกใหม่แล้ว ชั้นกลับไปไม่ได้”
“บทตัวโกงตัวชั้น เจ้าของคณะก็ยกให้คนอื่นไปแล้ว” ลิเก 1 ว่า
“ไม่มีทางไปก็ต้องยอมรับกติกาคณะผม เวลาขาดทุน ลูกคณะต้องร่วมรับผิดชอบ”
เก๋บ่น “ตอนไปขอให้พวกเรามาอยู่ด้วย ฟ้าประทานก็ควรบอกเงื่อนไขนี้แต่แรก”
“ใครอยากลาออก ก็เอาเงินคืนมา” ฟ้าประทานประกาศลั่น
ไม่มีใครคืนเงิน ลูกคณะจำใจสลายตัว แต่ละคนไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เช็ดล้างเครื่องสำอาง
ฟ้าประทานยิ้มกริ่มเก็บเงินค่าตัวที่เหลือใส่กระเป๋า ตุ้มมองอย่างรู้ทัน ว่าฟ้าประทานอมเงินค่าตัวลูกคณะ
ช่างไฟ ช่างเสียง เก็บอุปกรณ์ง่วนอยู่ ฟ้าประทาน ตุ้ม และเจ๊ทรงงามยืนคุยกันหน้าเวที
“เจ๊คิดคร่าวๆ ตั้งแต่เราปิดวิกมา ได้กำไรแค่คืนแรกๆ หลังจากนั้นไม่มีคนดู ขาดทุนเละเทะ”
เก๋กับลิเกลูกคณะจะกลับ ออกทางหน้าวิกลิเก ทั้งหมดเดินผ่านฟ้าประทานกับเจ๊ทรงงาม ไม่มีล่ำลาเจ๊ เพราะทุกคนไม่พอใจที่โดนหักค่าตัว
เจ๊ทรงงามไม่พอใจเช่นกันด่าขึ้นมาว่า “ไปไม่ลา มาไม่ไหว้นะยะ”
“เจ้าของคณะเอาเปรียบ ไหว้ไม่ลง” เก๋เอ่ยขึ้น
“ชั้นไปเอาเปรียบอะไรหล่อนยะ แม่เก๋”
ฟ้าประทานร้อนตัว กลัวโดนจับได้ว่าอมเงินค่าตัวลูกคณะ “ดูหมิ่นเจ้าของคณะ ผิดวิสัยคนลิเกนะเก๋ กลับไปซะ”
เจ๊ทรงงามเรียกไว้ “อย่าเพิ่งไป อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาก็ดี ชั้นอยากประกาศให้ทุกคนรับรู้ เจ๊ลงทุนทำคณะไปหลายล้าน ค่าเครื่องเสียง เครื่องไฟ รถตู้รับส่งทุกคนไปออกงาน ทุกวันนี้เจ๊ต้องแบกภาระขาดทุน ให้ทุกคนมีกินมีใช้ เห็นบุญคุณเจ๊กันให้มากๆ หน่อย”
“เจ๊ลงทุนเป็นล้าน กะอีค่าตัว...”
เก๋พูดไม่ทันจบ ฟ้าประทานชิงพูดตัดบทดุเสียงดัง “เก๋! ห้ามว่าเจ๊ทรงงาม เจ๊พูดหยกๆ ให้สำนึกบุญคุณเจ๊ ทุกคนกลับไปพักผ่อน มีงานวันไหน ผมจะโทร.บอก”
เก๋กับลูกคณะกลับไป
เจ๊ทรงงามคาใจ “นังเก๋พูดถึงค่าตัวอะไร”
ฟ้าประทานรีบโกหก “เก๋ขอค่าตัวเพิ่มน่ะครับ ผมไม่ให้ เลยพาลเจ๊...อุตส่าห์ให้ค่าตัวเต็มทุกคืน ยังเรียกร้องเพิ่มอีก”
เจ๊ทรงงามยัวะ “หนอย...แล้วมาว่าเจ๊งก นังเก๋นั่นแหละงก”
“เจ๊ครับ เรารื้อวิกเลยดีกว่าครับ ไม่มีคนมาดูแล้ว”
“เจ๊เห็นด้วยจ้ะ” เจ๊หันไปสั่งช่างไฟ “รื้อของเก็บเอาไว้ในห้องเก็บของบ้านเจ๊ เราเลิกเล่นแล้ว คืนนี้คืนสุดท้าย”
เห็นเจ๊ทรงงามเดินไปคุมช่างรื้ออุปกรณ์เครื่องเสียง เครื่องไฟ
ตุ้มรีบกระซิบเตือน “ถ้านังเก๋บอกเจ๊ทรงงามว่าโดนหักค่าตัว เจ๊ต้องรู้ ฟ้าประทานโกหก”
“อย่าเปิดโอกาสให้พูดสิ ตุ้มคอยระวังหลังให้ผมด้วยล่ะ”
ฟ้าประทานเดินไปช่วยเจ๊ทรงงามคุมงานรื้อเครื่องเสียง เครื่องไฟ
ตุ้มเครียด ทั้งกังวลและเป็นห่วงฟ้าประทาน
“ความลับแตกขึ้นมา ฟ้าประทานต้องถูกเชือดเนื้อเถือหนังไม่เหลือชิ้นดี”
กว่าจะประกันตัวเสร็จ เสี่ยเต๊กและสองสมุนกลับมาถึงโรงแรมดึกมาก เสี่ยปวดหลังล้มตัวนอนบนเตียง
“ไปนั่งหลังขดหลังแข็งบนโรงพักตั้งนานกว่าจะเคลียร์ได้”
“เฮียพงศ์ดวงดี จะโดนจับได้อยู่แล้ว มีคนมาขัดจังหวะเรา” เบิ้มบ่น
“ลื๊อสองคนไปดักที่ตลาดเจ๊...เจ๊อะไรนะ”
“เจ๊ทรงงามครับ” พลบอก
“เออ ตลาดเจ๊ทรงงาม เฮียพงศ์กับพงศ์เทพต้องไปอีก พวกเราจะทำตัวให้เหมือน จระเข้นอนนิ่งๆ อ้าปาก หลอกเหยื่อให้ตายใจ พอเหยื่อเข้ามาใกล้ก็งาบ”
“พวกผมจะไปดักที่ตลาดเจ๊ทรงงามทุกวันครับเสี่ย” เบิ้มรับคำ
“ทำตามแผนอั๊ว เราต้องได้ตัวพงศ์เทพ”
เสี่ยเต๊กยิ้มชั่ว หน้าตาร้ายกาจปนน่าขัน มุ่งมั่นมาดหมายมากว่าแผนต้องสำเร็จ
อ่านต่อหน้า 2
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 18 (ต่อ)
ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ เบิ้มกับพลไปซุ่มรอพงศ์เทพกับพร้อมพงศ์ที่ตลาดเจ๊ทรงงาม โดยที่พร้อมพงศ์กับเจ๋งเก็บตัวเงียบอยู่บ้าน กินมาม่าแทนข้าว
ส่วนหลงหรือพงศ์เทพรดน้ำต้นไม้แถวประตูรั้ว พอเสียงรถแล่นมา ก็รีบหลบ กลัวเป็นรถเสี่ยเต๊กปรากฏไม่ใช่ เป็นรถชาวบ้านละแวกนี้
อีกวัน เบิ้มกับพลมาซุ่มรอพ่อลูกตามแผนและคำสั่งเสี่ย แต่ไม่มีวี่แววทั้งคู่อีกเช่นเคย เช่นเดียวกัน พร้อมพงศ์กับเจ๋งเก็บตัวอยู่บ้านมาหลายวัน จนเซ็ง นอนเกาพุงเล่น ส่วนหลงเริ่มหัดตีระนาด โดยมีโก่งเป็นสอน
วันถัดมาเสี่ยเต๊กมาพร้อมกับเบิ้มและพล โดยจอดรถซุ่มรอตั้งแต่เช้าจนมืดค่ำ แต่ก็ไม่มีวี่แววพร้อมพงศ์กับพงศ์เทพ
ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ ไม้ตีระนาด กระทบราง กลายเป็นเสียงระนาดดังเพราะเสนาะหู คนที่ตีระนาดคือหลงนั่นเอง หลงตีถึงท่อนสุดท้าย มีโก่งดูอยู่ใกล้ ๆ
จอมนางกับครูเทียมเดินมาดูหลง ตอนนี้ครูต้องใช้ไม้เท้า ช่วยเดิน และใช้ไม้เท้าคล่องขึ้นเยอะ
“หัดอาทิตย์เดียว ตีได้ขนาดนี้ ถือว่าหัวไว” จอมนางชม
“ไม่ชมครูสอนบ้างล่ะจอม” โก่งเย้า
“หลงเอ๊ย วันนี้ข้าจะไปสอนนักเรียนรำลิเกที่โรงเรียน ว่าจะสอนบทเข้าพระเข้านาง เอ็งไปกับข้ากับจอม”
หลงกังวลไม่อยากออกไปข้างนอก กลัวเสี่ยเต๊กเจอ “ผมไม่เคยรำต่อหน้านักเรียนกลัวตื่นเต้น จำท่ารำไม่ได้ครับ”
“หน้าด้าน ลีลาพลิ้วไหวอย่างเอ็งเนี่ยนะ ตื่นเต้น” โก่งแซว
“ช่วงนี้พี่หลงเก็บเนื้อเก็บตัวจ้ะปู่ อาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่เห็นออกไปไหนเลย” จอมนางว่า
หลงแก้ตัวไปเรื่อย “ออกจากบ้านทีก็เสียเงินครับ”
“ออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างหลง”
หลงหน้าไม่สู้ดี กังวลหนัก เกรงว่าออกไปแล้วเจอเสี่ยเต๊ก
ขณะที่หลงขับรถตู้พาครูเทียมกับจอมนางเข้าเมือง ไปสอนนักเรียนรำลิเก หลงระแวดระวังคอยมองกระจกหลังตลอดๆ ว่ารถเสี่ยเต๊กแล่นตามมาหรือเปล่า จอมนางนั่งหน้าคู่หลง เห็นเขาคอยมองกระจกหลังบ่อยเกินก็นึกสงสัย “ข้างหลังมีอะไรหรอจ๊ะพี่ เห็นมองกระจกหลังบ่อย”
“การขับรถที่ดี ต้องหมั่นมองกระจกหลังครับ”
“แต่พี่มองถี่เกิน มองทุก ๆ 2 วินาที
ครูเทียมนั่งข้างหลัง เอ่ยขึ้น
“มองกระจกหลังบ่อยๆ น่ะดีแล้ว เผื่อรถชิ่งตามมา ได้หลบทัน เดี๋ยวนี้บ้านเรารถชิ่งเยอะ”
หลงไม่กล้ามองกระจกหลังบ่อยอีก เพื่อไม่ให้จอมนางสงสัย
เสี่ยเต๊กกับสองสมุนจอดรถดับเครื่องซุ่มรออยู่ที่หน้าตลาดเจ๊ทรงงาม แต่ละคนเหงื่อแตก ในรถร้อนมาก
เบิ้มเอ่ยขึ้นเป็นเชิงหารือ “เรามาซุ่มดูที่ตลาดนี้อาทิตย์นึงแล้ว ลองเปลี่ยนไปตลาดอื่นมั่งมั้ยครับเสี่ย”
เสี่ยเต๊กปาดเหงื่อ “พงศ์เทพต้องมาที่นี่ อั๊วมั่นใจ ร้อนโว้ย”
“เสี่ยให้ดับเครื่อง เลยเปิดแอร์ไม่ได้ครับ” พลว่า
“ไอ้พล ลื๊ออ่านหนังสือพิมพ์มั่ง เคยมีคนสตาร์ตรถ เปิดแอร์นอนหลับ ควันจากท่อไอเสียเข้ามาในรถ ตายคาเบาะ อั๊วร้อน กลับโรงแรมแล้ว พล อยู่ดักพงศ์เทพ”
“ครับเสี่ย” พลรับคำแต่ดันไม่ลงจากรถ
“ลงไปสิวะ จะให้อั๊วกลับมอเตอร์ไซค์รับจ้างรึไง”
พลรีบลงจากรถ เบิ้มขับรถพาเสี่ยเต๊กกลับโรงแรม
เบิ้มขับรถพาเสี่ยเต๊กมาจอดติดไฟแดง โดยที่หลงขับรถตู้มาจอดต่อท้ายรถเสี่ยเต๊ก และเขาจำได้
“รถเสี่ยเต๊ก”
จอมนางได้ยินไม่ถนัดหู “อะไรนะจ๊ะ”
“พี่พูดว่า รถติดครับ”
หลงทำทีเป็นก้มหาของบนพื้นรถ ไม่ให้เสี่ยในรถคันหน้า หันมาเห็น
“หาอะไรหลง”
หลงโกหก “ผมเพิ่งนึกได้ วันที่ผมพาครูไปโรงพยาบาล ผมทำเงินหล่นในรถครับ”
จอมนางมองจับผิดหลง วันนี้ทำตัวแปลกๆ ตั้งแต่เช้า ไฟเขียวแล้ว แต่รถคันหน้าไม่ยอมไปสักที
จอมนางบ่น “หลับรึไงนั่นน่ะ”
ที่แท้ในรถเสี่ยเต๊กตอนนี้ เสี่ยกับเบิ้มเล่นเน็ตบนโทรศัพท์มือถือเลยไม่ได้ดูสัญญาณไฟว่าเขียวแล้ว
เสียงแตรรถคันหลังดัง ปี๊นๆๆ
เสี่ยเต๊กหันขวับไปดู เห็นเป็นรถตู้เก่าๆ เสี่ยไม่เห็นหลงเพราะเขาแกล้งก้มหาของอยู่
จอมนางกดแตรรถ ดังยาว ปี๊นน...
“ไม่เอาครับจอม”
“ก็คันหน้าไม่ยอมไปซะที”
ครูเทียมเอ็ดหลาน “วัยรุ่นนี่ใจร้อนจริง รอเค้าหน่อยซีลูก”
เบิ้มออกรถ ขับเลี้ยวไป
หลงขับรถตรงมา ลอบถอนหายใจเบาๆ ที่รอดตัวมาได้ เสี่ยเต๊กไม่เห็น
ฝ่ายฟ้าประทานกับเจ๊ทรงงามมาคุยกับครูลิเกท่านหนึ่งของบางไทร ชื่อครูประจวบ เป็นเพื่อนรุ่นน้องครูเทียม จะจ้างแต่งกลอนลิเก
“ตอนผมออกจากคณะเทียมฟ้า ครูเทียมให้กลอนลิเกมาหนึ่งเรื่องครับ”
“พี่เทียมใจดี รู้จักกันมานาน ใครขอวิชา พี่เทียมให้หมด” ครูลิเกว่า
“ครับ ผมพยายามแต่งกลอนลิเก แต่แต่งไม่ได้ ต้องมาพึ่งพาวิชาครูประจวบ” ฟ้าประทานปากหวานเอาใจ “ผมได้ยินชื่อเสียงครูประจวบมาตั้งแต่เด็ก ครูแต่งกลอนลิเกเรื่องไหน ดังทุกเรื่อง เมตตาแต่งให้ผมซักสามเรื่องนะครับ”
“ตอนนี้ครูไม่ว่าง แต่งให้หลายคณะ รอปลายปีนะ ครูจะแต่งให้”
เจ๊ทรงงามขัดขึ้น “รอถึงปลายปีไม่ไหวจ้ะ คณะเราเล่นอยู่เรื่องเดียว คนดูเบื่อ”
“เอาเรื่องเดียวก่อนก็ได้ครับครู ขอภายในเดือนนี้”
“เรื่องที่ค้างอยู่ ครูต้องแต่งให้เสร็จเดือนนี้ รับปากเค้าไว้” ครูประจวบไม่ยอมท่าเดียว
ฟ้าประทานอ้อนวอน “ขอผมก่อนเถอะนะครับครู ผมเดือดร้อนมาก ปิดวิกลิเกก็ขาดทุนยับ”
“คณะอื่นๆ ก็เดือดร้อนเหมือนกัน ครูต้องช่วยคนที่มาก่อน”
ฟ้าประทานอ้อนดีๆ ไม่ได้ผล เลยใช้เงินฟาดหัว “คณะอื่นให้ครูเท่าไหร่ ผมให้มากกว่าสองเท่า”
ครูโมโหขึ้นมาทันควัน “ครูไม่เคยเรียกร้องเงินค่ากลอนลิเก แล้วแต่จะให้ ฟ้าประทานไปให้คนอื่นแต่งเถอะ”
ฟ้าประทานกับเจ๊ทรงงามหน้าเจื่อน ทำครูลิเกโกรธ แถมงานก็ไม่ได้
อีกฟาก เย็นจวนค่ำกำจายกับโก่งนั่งรอกินข้าว กำจายนั้นไอแค่กๆ เสียงแหบแห้งเจ็บคอไม่หาย สักครู่กระแตกับโก๊ะยกสำรับกับข้าวมา
“เมื่อไหร่น้ากำจายจะได้ผ่าตัดเอาติ่งเนื้อที่เส้นเสียงออกจ๊ะ”
กำจายบอกเสียงแห้ง “รอโรงพยาบาลโทรมานัดวัน ผ่าฟรี คิวยาว”
“จอมโทร.มาบอก อาจารย์ใหญ่โรงเรียนที่ปู่ไปสอนลิเก เลี้ยงข้าวเย็นปู่ จอมให้พวกเรากินกันเลย จอมกับปู่กลับมืดๆ ชั้นทำข้าวต้มให้ น้ากำจายได้กินคล่องคอ”
กำจายมองกับข้าว มีน้ำพริกกับผักจิ้ม และผัดผักวิญญาณหมู
“ติดเชื้อไอ้จอมมาสิกระแต ผัดผักสัมภเวสีหมู ขนาดวิญญาณหมูยังเร่ร่อน ไม่อยู่ในจาน”
“มีติ่งเนื้อในคอ ก็ไม่เป็นอุปสรรคนะพี่กำจาย ช่างเหน็บแนมแถมประชด” โก่งเย้า
กำจายหัวเราะ ทั้งหมดกินข้าวเย็น แบ่งๆ กัน ตักกับข้าวคนละนิดคนละหน่อย
ตกตอนกลางคืน จอมนางจัดยาให้ปู่กิน ครูเทียมเอาเงิน 2 พันให้จอมนาง
“ค่าเป็นวิทยากรสอนลิเกที่โรงเรียน อาจารย์ใหญ่ให้ปู่ครั้งละพัน ไปสอนมา 2 ครั้ง ได้ 2 พัน เอาไปใช้จ่ายในบ้าน”
“ปู่เก็บไว้กินเปรี้ยวกินหวานเถอะจ้ะ”
“ปู่ก็กินข้าวหม้อเดียวกับคนในบ้าน เอาเงินไปซื้อของมาแบ่งกันกิน”
จอมนางรับเงินมา มีคนโทร.หาครูเทียมพอดี
ครูรับสาย “ไม่ได้ส่งเสียงมาซะนานนะจวบ”
จอมนางออกไป ให้ปู่คุยโทรศัพท์
ครูประจวบโทร.คุยครูเทียม
“ชั้นโทร.หาเพื่อนเก่าๆ เพิ่งรู้ว่าพี่เทียมไม่สบาย ขอโทษที่ไม่ได้ไปเยี่ยม”
“พี่ก็ไม่ได้โทรหาจวบเลย ยังกินเหล้าเก่งเหมือนเดิมครับ”
“ลาขาดแล้วจ้ะ วันนี้ลูกศิษย์พี่ที่ชื่อฟ้าประทานมาหาชั้น จะเอาเงินฟาดหัวชั้นให้แต่งกลอนลิเกให้ ชั้นโทรไปถามเพื่อนๆ พูดเสียงเดียวกันหมด เด็กคนนี้อกตัญญู ปิดวิกชนวิกพี่เทียม ฮึ ลูกศิษย์คิดล้างครู”
ครูเทียมยังรักและห่วงภาพลักษณ์ฟ้าประทาน “ฟ้าประทานไม่ได้ตั้งใจปิดวิกชนพี่ มันบังเอิญ”
ครูประจวบของขึ้น “นี่ชั้นรู้มาว่า ฟ้าประทานเที่ยวไปหาครูลิเก ขอให้แต่งกลอนให้ ไม่มีใครรับแต่ง”
“ไม่น่าถือสาหาความเด็กกันเลย”
“ปีกกล้าขาแข็งออกมาตั้งคณะเอง ไม่เด็กแล้วล่ะพี่เทียม ชั้นไม่กวนพี่เทียมแล้ว พี่ป่วยอยู่ แล้วชั้นจะไปเยี่ยมนะพี่” ครูประจวบวางสายไป
พอวางสายจากครูลิเกรุ่นน้อง ครูเทียมก็กลุ้มใจ ห่วงใยฟ้าประทาน
“ฟ้าประทาน ข้าไม่อยากให้เอ็งเป็นคนโลภมาก โลภนัก มักลาภหาย”
คืนเดียวกัน ฟ้าประทานนั่งนับเงินสดที่อมค่าตัวลูกคณะ ได้มาหมื่นกว่าบาท
“พรุ่งนี้ต้องเอาไปเข้าแบงก์แต่เช้า เจ๊มาเจอเงิน ต้องสงสัยว่าเราอมเงินลูกคณะ”
ฟ้าประทานเอาเงินกับสมุดบัญชีใส่กระเป๋า แล้วเอามาไว้บนเตียงใกล้ตัว
ฟากจอมนางกับกระแตรวบรวมเงินทั้งหมดที่มี เพื่อดูรายรับรายจ่ายของที่บ้าน
“ปู่ให้มา 2 พัน บวกกำไรค่าขนมพี่กระแตอาทิตย์นี้พันเจ็ด ชั้นมีเงินเหลืออีก พันสาม รวมเป็น... 5,000”
“ค่าน้ำค่าไฟก็ปาไปเกือบ 3 พัน เหลือค่ากับข้าวแค่ 2พัน พอกินแค่สิ้นเดือนนี้”
“เงินเก็บเราไม่มีเหลือแล้ว ลำพังกำไรค่าขนมพี่กระแต ไม่พอใช้ในบ้าน ชั้นติดประกาศรับจ้างสอนรำ ก็ไม่มีใครโทร.มา”
“งานรำโชว์ที่โรงแรมไงจอม ผู้จัดการโรงแรมบอกว่า อาทิตย์นี้จะส่งข่าว เจ้าของโรงแรมจะจ้างเราไปรำโชว์นักท่องเที่ยวหรือเปล่า”
“พรุ่งนี้ชั้นจะให้พี่หลงโทร.ไปถามผู้จัดการโรงแรม”
จอมนางกับกระแตกลุ้มใจหนัก งานไม่เดิน เงินก็ไม่มี
อ่านต่อหน้า 3
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 18 (ต่อ)
ตอนสายวันถัดมา หลงรีบโทร.หาผู้จัดการโรงแรม มีจอมนางลุ้นอยู่ข้างๆ
“ต้องรอคำตอบปลายเดือนหน้าเลยหรอครับ”
จอมนางได้ฟังก็หน้าม่อยผิดหวัง โรงแรมให้รอคำตอบ
ผู้จัดการอยู่ตรงล็อบบี้ โทร.คุยกับหลง
“เจ้าของอยู่ดูงานต่อที่อเมริกา เลื่อนกลับเมืองไทย น้องรอหน่อยนะ”
จอมนางบอกหลง “เราต้องได้งานนี้จ้ะพี่หลง เราไม่มีเงินเหลือแล้ว มีใช้ถึงแค่สิ้นเดือนนี้เท่านั้น”
หลงหันไปคุยโทร.ต่อ เขางัดวิชาเซลส์แมน ใช้วาทศิลป์ทางธุรกิจมาเจรจา
“ผมเช็คโรงแรมแทบทุกแห่งในอยุธยา มีรำไทยโชว์นักท่องเที่ยวไม่กี่โรงแรม พี่จ้างเราไปรำลิเกโชว์เดือนนี้เลย พี่ก็สามารถใช้เป็นจุดขาย ดึนักท่องเที่ยวจากโรงแรมอื่นได้”
“พี่ก็กะจะใช้ลิเกโชว์ เป็นจุดขายนึงของโรงแรม”
“โรงแรมพี่มีนักท่องเที่ยวเข้าพักเดือนละประมาณกี่คนครับ”
“หลายร้อย”
“การที่โรงแรมพี่โชว์ลิเกช้าไปหนึ่งเดือน เท่ากับพี่สูญเสียโอกาสสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวหลายร้อยคน ซึ่งนักท่องเที่ยวเหล่านี้อาจกลับมาพักโรงแรมพี่อีก เวลามาเที่ยวอยุธยา”
“พี่ก็อยากจ้างคณะน้องมาเล่น แต่อย่างที่พี่บอก ต้องรอเจ้าของโรงแรมกลับมาตัดสินใจ”
“ก่อนเจ้าของโรงแรมพี่กลับมา ผมยังไม่รับเงินค่าจ้างก็ได้ครับ แต่พี่ช่วยพูดให้กรุ๊ปทัวร์ ให้ทิปพวกเรา พี่ไม่เสียอะไรเลย มีแต่ได้กับได้ แล้วถ้านักท่องเที่ยวประทับใจโชว์ลิเกของผม ก็เป็นความดีความชอบของพี่ ที่เลือกคณะผมไปเล่น”
“น้องมีอาชีพเสริมเป็นเซลส์หรือเปล่าเนี่ย ขายของเก่งน่าดู...น้องมาเล่นเลยก็ได้”
หลงดีใจ “จะให้พวกผมไปรำโชว์วันไหนครับ”
“มีทัวร์ลงตอนบ่ายสาม น้องพาคณะมาเล่นซัก 4 โมงเย็น วันนี้”
หลงวางสายหันมาบอกจอมนาง “เค้าให้เราไปรำโชว์วันนี้ 4 โมงเย็น เรายังไม่ได้ค่าจ้างนะครับ ได้แต่ทิป จอมไม่ต้องห่วง พวกนักท่องเที่ยวต่างชาติทิปเยอะ เพราะค่าเงินเค้ามากกว่าเรา”
จอมนางดีใจ ยิ้มแก้มปริ “พี่หลงเจรจาเก่งจังเลยจ้ะ หว่านล้อมจนเค้าให้เราไปเล่น”
“พี่หว่านล้อมทางโรงแรมให้แล้ว ต่อไปก็ตาจอม หว่านล้อมครูเทียม น้ากำจายให้ยอมไปรำลิเกโชว์”
คราวนี้จอมนางมีสีหนักใจขึ้นมา
ถัดจากนั้นจอมนางกำลังพยายามหว่านล้อมปู่ น้ากำจาย และพี่โก่ง
“รำลิเกโชว์ก็เหมือนที่ปู่ไปสอนลิเกนักเรียนที่โรงเรียนน่ะจ้ะ เป็นการเผยแพร่ลิเกทรงเครื่องให้คนทั่วไปรู้จัก”
ครูเทียมนิ่ง ขณะที่กำจายกับโก่งไม่เห็นด้วยนัก
“คนต่างชาติฟังภาษาไทยไม่ออก ได้ลุกหนีระหว่างเราเล่น เพราะฟังไม่รู้เรื่อง” โก่งแย้ง
“ชั้นจะปรับการแสดง เป็นเน้นรำ ไม่เน้นร้องจ้ะ” จอมนางว่า
กำจายย้อนถามเสียงแหบแห้ง “ไม่ร้อง มันก็ไม่ใช่ลิเกซีจอม”
“ไม่มีใครเอาอาหารไทยแท้ๆ รสเผ็ดจี๋ ไปให้ฝรั่งกินหรอกจ้ะ ต้องปรุงรสให้ถูกปากฝรั่งก่อน ชั้นจะปรับปรุงการเล่นลิเกทรงเครื่อง ให้ชาวต่างชาติดูแล้วพอเข้าใจ เรามาช่วยกันเผยแพร่ลิเกทรงเครื่องให้ชาวต่างชาติรู้จักกันเถอะนะจ๊ะ”
โก่งชักคล้อยตาม “อืม...จะว่าไป มันก็เหมือนเราอนุรักษ์ลิเกทรงเครื่องทางอ้อมนะพี่กำจาย”
“เราไม่มีงาน ลองไปรำโชว์ดูก็ได้”
พอกำจายกับโก่งตกลง ทุกคนก็หันมองครูเทียมเป็นตาเดียวกันว่า ครูจะยอมไปหรือเปล่า
ครูเทียมบอกกับจอมนาง “การได้ไปสอนนักเรียนที่โรงเรียนรำลิเก ทำให้ปู่เปิดโลกทัศน์ใหม่ ปู่พยายามรักษาลิเกทรงเครื่องไม่ให้สูญหาย ด้วยการปิดวิกเล่น แต่ไม่มีคนดู เจอทางตัน เราก็ต้องไปทางอื่น สำคัญที่เป้าหมาย คือ ลิเกทรงเครื่องอยู่ต่อไปชั่วลูกชั่วหลาน”
“เรามาเดินไปสู่เส้นทางใหม่กันนะจ๊ะ อาจเป็นเส้นทางที่ทำให้คณะเทียมฟ้าของเรากลับมารุ่งโรจน์”
ทุกคนพยักหน้า แววตามีความหวังเต็มเปี่ยม
ชาวคณะมาถึงโรงแรมในตัวเมืองอยุธยาก่อนเวลานัด โดยทางโรงแรมจัดห้องพักให้ชาวคณะใช้เป็นที่เปลี่ยนเสื้อผ้า ทุกคนแต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จแล้ว จอมนางเป็นคนเตรียมการแสดง บอกคิวชาวคณะ
“พาทย์แรก มีน้ากำจาย พี่โก่ง ชั้น และพี่กระแต น้ากำจายไม่ต้องร้อง เสียงน้าแหบแห้งอยู่ด้วย น้ารำอย่างเดียว งานนี้น้าต้องอกผ่ายไหล่ผึงกว่างานอื่นๆ นะจ๊ะ ให้นักท่องเที่ยวรู้ว่าน้าเป็นตัวเอกของเรื่อง”
ครูเทียมมองหลาน พอใจที่จอมนางซ้อมคิวลูกคณะอย่างคล่องแคล่ว ฉะฉาน แถมมีลูกเล่นลูกล่อ
“พาทย์ที่สองเป็นฉากรบ พี่หลง โก๊ะ ห้ามผิดคิว การแสดงของครั้งแรกของเราที่นี่ ต้องสมบูรณ์แบบ”
“ก่อนมา พวกเราซ้อมฟันดาบหลายเที่ยว ไม่พลาดหรอกครับจอม”
ผู้จัดการโรงแรมหันมาบอก
“อีก 10 นาทีถึงเวลาแสดงนะครับ”
ครูเทียมบอกหลาน “จอม ไหว้พ่อแก่”
“ปู่ไม่นำไหว้ล่ะจ๊ะ”
“วันนี้เอ็งนำคณะ เอ็งก็นำไหว้”
จอมนาง นำ หลง และชาวคณะไหว้พ่อแก่
“ขอบุญญาบารมีพ่อแก่ ดลบันดาลให้พวกลูกมีเสน่ห์มัดใจคนต่างบ้านต่างเมืองให้เค้ารัก เค้าชื่นชม เค้านิยมยินดี ขอให้ลิเกทรงเครื่องเป็นที่ประจักษ์แก่สายตานักท่องเที่ยวจากแดนไกล ให้พวกเค้าประทับจิตประทับใจมิรู้ลืม”
จอมนางปักธูป ควันธูปลอยฟุ้งหน้าพ่อแก่
นักท่องเที่ยวนั่งรอชมลิเกโชว์ ครูเทียมนั่งอยู่กับผู้จัดการโรงแรม เสียงระนาดเริ่มขึ้น เป็นการโชว์ฉากแรก
กำจายรับบทเป็นกษัตริย์ รำป้อเข้ามา ไม่ได้ร้องลิเกโชว์รำสวยงามอย่างเดียว ส่วนโก่งเป็นมหาดเล็กเดินตามกษัตริย์
พอกำจายนั่งลงอกผายไหล่ผึ่งตามซ้อม จอมนางกับกระแตที่เล่นเป็นนางรำ ก็ออกมารำโปรยดอกไม้ ถวายกษัตริย์
จอมนางร้องลิเกสั้นๆ ถวายพระพรกษัตริย์ ให้นำชัยในการศึกครั้งนี้กลับมา
หลังจอมนางกับกระแตรำจบ ยินเสียงย่ำกลอง ตึงๆๆๆ พร้อมเสียงรัวระนาดเร้าใจ เตรียมออกรบ
โก่งหยิบธงขึ้นมาโบกสะบัด
กำจายหยิบดาบ รำโชว์ดาบท่วงท่าฮึกเหิม แล้วยกทัพออกไป โดยมีโก่งโบกธงนำหน้า
ระหว่างรำโชว์พาทย์นี้ นักท่องเที่ยวถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอกันอย่างตื่นตา ผู้จัดการโรงแรมก็ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปโชว์ลิเกไว้
พอเล่นจบฉากแรก นักท่องเที่ยวปรบมือให้เกรียวกราว ครูเทียมยิ้มพอใจ ที่เห็นนักท่องเที่ยวให้ความสนใจลิเกทรงเครื่อง
เมื่อเริ่มแสดงฉากที่ 2 หลงในบทกษัตริย์อีกเมือง เสด็จออกท้องพระโรง เจอโก๊ะ ในบทมหาดเล็กหลับยาม หลงเล่นมุขฮาๆ กับโก๊ะ โดยเอาฉิ่งนักดนตรีมาตีข้างหูโก๊ะเปรี้ยง โก๊ะสะดุ้งตื่น
นักท่องเที่ยวหัวเราะฮา
กำจายกับโก่งบุกมาเมืองของหลง เปิดฉากสู้รบกัน เสียงรัวระนาดในฉากต่อสู้ กำจายกับโก่งฆ่าหลงกับโก๊ะตาย ชิงธงเมืองของหลงได้
จบโชว์แค่นี้ ตามที่จอมนางปรับฉากเล่น เพียง 2 ฉาก นี้
หลงและชาวคณะออกไปยืนเรียงแถวหน้ากระดาน ไหว้ขอบคุณนักท่องเที่ยวที่มาชม มีนักท่องเที่ยวลุกมาขอถ่ายรูปชาวคณะ โดยนักท่องเที่ยวให้ทิป 5 ร้อย บาท บางคนให้ 1 พันบาท
โก๊ะตาโตได้ทิป1 พันบาท ดีใจน้ำตาเล็ด “ตั้งแต่เลินลิเกมา ไอ้ก๊ะไม่เคยได้รางวัลเป็นแบงก์เทา”
“โก๊ะ วันนี้เราไม่ได้ค่าจ้างเล่น ต้องเอาทิปมารวมกันก่อน” จอมนางบอก
โก๊ะจ๋อยไปเล็กน้อย
แต่ละคนถ่ายรูปคู่กับนักท่องเที่ยวอย่างเบิกบาน ครูเทียมยิ้มแฉ่ง ดีใจ การแสดงของเทียมฟ้าเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยว
จอมนางรวบรวมเงินทิป นับต่อหน้าทุกคนในห้องที่ทางโรงแรมเปิดให้
“ทุกคนได้ทิปรวมกันเป็นเงินตั้ง 5 พันบาท”
ชาวคณะเฮ ดีใจ
ผู้จัดการโรงแรมเดินเข้ามา พร้อมกับซองเงินค่าจ้าง 3 หมื่นบาท ยื่นให้กับหลง
“ค่าจ้าง 3 หมื่น ตามที่ตกลงกันไว้”
หลงเกรงใจ “เจ้าของโรงแรมไม่รู้ว่าเรามาเล่น พี่เอาเงินส่วนตัวออกหรือเปล่าครับ ผมรับไม่ได้
หรอกครับ”
“เงินของโรงแรม พี่ถ่ายคลิปตอนเทียมฟ้าเล่นโชว์ ส่งไปให้เจ้าของโรงแรมดูที่เมืองนอก เจ้าของโรงแรมชอบมาก บอกให้เทียมฟ้ามาเล่นที่นี่ประจำ”
“คณะเราได้งานประจำแล้ว ได้ค่าจ้างเล่น วันละตั้ง 3 หมื่น” จอมนางตื่นเต้น
คราวนี้ชาวคณะเฮ ดังกว่าเดิม ใบหน้าทุกคนฉาบไปด้วยรอยยิ้ม
อ่านต่อหน้า 4
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 18 (ต่อ)
งานแรกผ่านไปด้วยดี กลับมาถึงบ้านกันแล้ว หลงกับชาวคณะช่วยกันยกกล่องใส่ชุดลิเก และ รุ้งใส่ยอดลิเก ทุกคนเดินเข้ามาในห้องโถงบ้าน หน้าตาชื่นบานแฮปปี้ เพิ่งได้งานประจำที่โรงแรมที่ตัวเมือง แถมรายได้ดี จอมนางเอ่ยขึ้น
“พวกเราวางของก่อนจ้ะ รับเงินค่าตัวก่อน”
“ยู้ฮู้.... ได้ค่าตัวกับเค้าซะที รอมาแสนนาน” โก่งยิ้มร่า
“ค่าจ้าง 3 หมื่น หักค่าวงดนตรีไป 5 พัน เหลือ 2 หมื่น 5 จ่ายค่าตัวพี่โก่ง 8 ร้อย”
จอมนางถือเงิน 2 หมื่น 5 พันบาท แบ่งเงินเป็นค่าตัวให้ชาวคณะ กำจาย 1 พัน กระแต 8 ร้อย โก๊ะ 5 ร้อย
“และคนสุดท้าย พระเอกของเรา ผู้ซึ่งขวนขวายหางานให้พวกเรา พี่หลงคนเก่ง เอาไป 2 พันจ้ะ”
“พันเดียวก็พอครับจอม ลิโกโชว์ บทพระเอกไม่เยอะ” หลงคืนจอมนางไปพันนึง
“กำจายเอ๊ย ค่าผ่าตัดเอ็งเท่าไหร่ ถ้าไม่ต้องรอคิวโรงพยาบาลรัฐบาล” ครูหันมาถามกำจาย
“ผ่าโรงพยาบาลเอกชน เป็นหมื่นจ้ะครู ชั้นรอผ่าฟรีได้”
ครูเทียมนึกบางอย่าง แล้วถามกับชาวคณะ “ข้าขอถามความสมัครใจพวกเอ็งทุกคน ใครยินดีเอาเงินค่าจ้างที่ได้วันนี้ จ่ายเป็นค่าผ่าตัดให้กำจาย”
กระแตบอกคนแรก “ชั้นรำคาญเสียงน้ากำจาย แหบเหมือนเสียงเป็ดเป็นหวัด รีบ ๆ ไปผ่าเอาติ่งเนื้อที่เส้นเสียงออกนะจ๊ะ”
กระแตคืนเงินค่าตัว 8 ร้อยบาท จอมนาง คนอื่น ๆ ก็ไม่ลังเล เอาเงินค่าตัวคืนจอมนางทั้งหมด
“ค่าผ่าตัด 2 หมื่นห้าจ้ะน้ากำจาย” จอมนางยิ้มจริงใจ ยื่นเงินให้กำจาย
“ขอบใจทุกคนมาก”
กำจายซึ้งจัด กลั้นน้ำตาไม่ไหว ร้องไห้โอ ชาวคณะมารุมโอ๋ กำจายกอดขอบคุณทุกคนแลดูเป็นคณะที่รักใคร่กันมาก
อีกฟาก ฟ้าประทานกับเจ๊ทรงงามกลุ้มใจ ปรึกษาหารือกัน งานจ้างน้อยลงไปมาก บนบอร์ดงาน มีงานจ้างแค่ 2 งาน คือ วันที่ 16 งานบุญที่อำเภอผักไห่ และ วันที่ 25 งานเปิดอาคารอบต.ที่สิงห์บุรี
“ตอนตั้งคณะใหม่ๆ งานชุกมาก ตอนนี้งานหดหายไปเยอะ เพราะอะไร”
“ของใหม่ ใครก็เห่อครับเจ๊ ตอนนี้แหละ ของจริง เจ๊อยากให้คณะเรามีงานชุกต่อเนื่อง ก็ต้องสร้างเอกลักษณ์คณะเรา ให้ไม่เหมือนใคร”
อีเจ๊ตาลุกวาว “สร้างยังไงจ๊ะ”
ฟ้าประทานวาดฝันโปรเจ็กท์ใหญ่โต “พอพูดถึงคณะฟ้าประทาน ต้องนึกถึง ความอลังการ”
ตุ้มถือตะกร้าผ้าจะเอาไปซัก ยืนฟังฟ้าประทานวาดโปรเจ็กท์ในฝัน
“เราจะเล่นลิเกแบบคอนเสิร์ต แสงสีเสียงจัดเต็ม เวทียาว 20 เมตร ฉากลิเกสูงเท่าตึก 3 ชั้น”
เจ๊ทรงงามหน้าเหี่ยว ตาเหลือก “โอ้โห ต้องลงทุนกี่ล้านถึงจะพอ เจ๊ว่า ให้คืนทุนก่อนค่อยขยับขยายนะจ๊ะ”
ฟ้าประทานเสียงแข็ง “อยากดัง ต้องกล้าทุ่มครับเจ๊”
“เจ๊ไม่ได้อยากดัง เจ๊อยากรวย”
“แต่ผมอยากดัง เจ๊ต้องดันผม”
“นี่เจ๊ดันสุดตัวแล้ว หมดเงินไปตั้งหลายล้าน ตั้งคณะให้”
ฟ้าประทานพูดขอดีๆ เจ๊ทรงงามไม่ให้ เลยทำทีเป็นโกรธ ต่อว่าเจ๊ใหญ่โต
“ใจไม่ถึง เจ๊ก็ไม่น่าชวนผมมาตั้งคณะลิเก”
เจ๊ทรงงามย้อนแย้ง “ฟ้าประทานเป็นคนชวนเจ๊นะ”
ฟ้าประทานยัวะ “นี่เจ๊หาว่าผมผิด เจ๊รับปากผม เจ๊จะทุ่มไม่อั้น”
“เจ๊ไม่มีเงินสดเหลือแล้ว”
“ไม่อยากให้เงินผม เจ๊ก็ไม่ต้องโกหกหรอกครับ มันไม่จริงใจ”
ฟ้าประทานแสร้งโมโหฉุนเฉียว คว้ากุญแจรถออกไป พอหันหลังให้เจ๊ ก็ยิ้มกริ่ม เล่นบทโกรธได้เนียนตา ส่วนเจ๊ทรงงามซึมไปเลย โดนพ่อสุดที่รักโกรธกริ้ว
ฟ้าประทานเดินยิ้มย่องออกมาขึ้นรถ ตุ้มถือตะกร้าผ้าตามออกม เตือนสติ
“แกล้งโกรธเจ๊ทรงงาม บีบให้เอาเงินมาขยายคณะ มันไม่ถูกนะจ๊ะ”
“ผู้หญิงนี่แปลก ทะเลาะกันแทบเป็นแทบตาย สุดท้ายก็เข้าข้างกัน”
“ถึงชั้นไม่ชอบเจ๊ทรงงาม แต่ที่ฟ้าประทานทำกับเจ๊ มันเกินไป ชั้นเห็นใจเจ๊”
“แล้วตุ้มไม่เห็นใจผมหรอ ถ้าคณะผมดับ พวกเทียมฟ้าต้องเยาะเย้ยผมออกมาตั้งคณะเองแล้วล้มเหลว”
“พวกเทียมฟ้าไม่ใช่คนขี้อิจฉาริษยา มีแต่จะเห็นใจต่างหาก”
“ผมไม่เชื่อ พวกนั้นเกลียดผมจะตาย ผมต้องประสบความสำเร็จ ต้องเป็นพระเอกลิเกเบอร์หนึ่งของประเทศ”
ฟ้าประทานหน้าตาขึงขัง ขับรถออกไป
“อยากเป็นเบอร์หนึ่ง ถึงขนาดทำร้ายคนที่รักฟ้าประทานได้ลงคอ”
ตุ้มเศร้าใจกับพฤติกรรมฟ้าประทาน นับวันยิ่งทำผิดมากขึ้น
โก่งกับโก๊ะดูโทรศัพท์มือถืออยู่ที่ร้านในตลาดบางไทร อยากซื้อเครื่องใหม่
“รุ่นนี้หน้ากากสวยนะพี่โก่ง”
“ค่าตัวงานหน้าออก เงินพอค่อยมาซื้อ”
ฟ้าประทานขับรถมาจอดรถริมฟุตบาท ใกล้ร้านมือถือพอดี สองคนเห็นก็เหม็นขี้หน้า
“ไอ้คนอกตัญญูมานู้น” โก่งแค้นไม่หาย
ฟ้าประทานลงรถ เห็นโก่งกับโก๊ะกำลังดูโทรศัพท์มือถือ ขอไปเยาะซักหน่อย
“มาซื้อซิมใหม่สิพี่โก่ง โก๊ะ เพราะดูท่า ไม่มีเงินถอยเครื่องใหม่”
โก่งยัวะ “อีกหน่อยเถอะเว้ย ข้าจะถอยไอโฟน”
“จะซื้อไอโฟน ฮึ เงินซื้อไอติมยังไม่มี” ฟ้าประมานมองหยัน ดูแคลน
“พวกข้าได้งานแล้วเว้ย งานในโรงแรมซะด้วย รำโชว์นักท่องเที่ยว”
ฟ้าประทานไม่เชื่อ “โม้น่าโก๊ะ”
“พวกข้าเพิ่งไปรำมาวันนี้ รำแค่ไม่กี่ฉาก ได้ค่าจ้างตั้ง 3 หมื่น ทิปอีกเป็นพัน” โก๊ะควักแบงก์พันโชว์
“ตอนเทียมฟ้าตกต่ำ เอ็งย่ำยี วันนี้เราได้ดี เอ็งอย่าหวนกลับมาแล้วกัน” โก่งด่า
จากนั้นโก่งกับโก๊ะก็เดินหนีไป
“เทียมฟ้ารำโชว์ในโรงแรม เราต้องได้งานดีกว่า”
ข่าวดีของเทียมฟ้า ยิ่งทำให้ฟ้าประทานกดดัน ต้องเหนือกว่า ดีกว่าเทียมฟ้าให้ได้
ตกกลางคืนครูเทียมไหว้ขอพรพ่อแก่
“วันนี้คณะลูกไปรำโชว์ในโรงแรม เป็นที่นิยมชมชอบของคนต่างบ้านต่างเมืองลูกภาคภูมิใจ ได้เผยแพร่ลิเกทรงเครื่องให้คนเมืองไกลรู้จัก ขอพ่อแก่ดลใจให้คนต่างชาติต่างภาษาหลงเสน่ห์ลิเกทรงเครื่องด้วยเทอญ”
กำจายเดินสีหน้าเครียดมานั่งข้างๆ ครู
“อ้าว ยังไม่นอนอีกกำจาย พรุ่งนี้เอ็งต้องไปโรงพยาบาลแต่เช้า”
“ชั้นกลัวจ้ะครู เกิดมาไม่เคยผ่าตัด เลยมาไหว้พ่อแก่ ขอให้พ่อคุ้มครอง” กำจายเสียงแหบตามเคยประนมมือไหว้พ่อแก่ “ขอพ่อแก่ปกปักษ์รักษาลูก ให้ลูกหายเจ็บหายป่วย ลูกจะได้กลับมาช่วยสานต่อลิเกทรงเครื่องให้อยู่สืบไป”
กำจายก้มกราบพ่อแก่อย่างนอบน้อม
ดึกแล้ว ฟ้าประทานยังไม่กลับบ้าน เจ๊ทรงงามกับตุ้มอยู่รอ เจ๊ซึมจ๋อยถนัดตา โดนฟ้าประทานโกรธ ตุ้มสงสารจึงพูดปลอบใจ
“ฟ้าประทานไม่โกรธเจ๊จริงหรอก อย่ากลุ้มน่า”
เสียงรถฟ้าประทานแล่นเข้ามา เจ๊ทรงงามรีบไปยืนยิ้มรอรับตรงประตูเข้าบ้าน
ฟ้าประทานเดินเข้ามา แกล้งตีสีหน้าโกรธขึ้งเจ๊อยู่
“กินข้าวมาหรือยังจ๊ะ”
“คณะเทียมฟ้าเริ่มได้งานแล้ว ผมจะแพ้ไม่ได้ คณะผมต้องได้งานดีกว่า ดังกว่า เจ๊ลงทุนขยายคณะให้ผมนะครับ”
“เจ๊ไม่มีเงินแล้วจ้ะ”
ฟ้าประทานโกรธ หนีเข้าห้องนอนทันที
“ฟ้าประทาน อย่าโกรธเจ๊เลย”
เจ๊ทรงงามกลุ้มใจ ส่วนตุ้มเห็นใจเจ๊
ขณะเดียวกัน ชาวคณะรอกำจายที่ไปผ่าตัดอยู่ในห้องผู้ป่วย สีหน้าแต่ละคนเป็นห่วงกำจาย สักครู่ใหญ่ พยาบาลเข็นกำจายเข้ามา
“คุณหมอผ่าเอาติ่งเนื้อที่เส้นเสียงออกมาแล้วนะคะ คนไข้งดใช้เสียง 1วัน และให้ทานอาหารอ่อนๆ” พยาบาลบอก
หลงถามทันที “จะรู้เมื่อไหร่ครับว่าเป็นเนื้องอก หรือ เนื้อร้าย”
“ผลชิ้นเนื้อออกพรุ่งนี้ค่ะ”
พยาบาลออกไป กำจายขึ้นเตียงนอน
“ถ้าผลออกมาน้ากำจายเป็นมะเร็งล่ะ”
โก่งตบหัวไอ้โก๊ะโป๊ก “ไอ้ปากเสีย พี่กำจายแกยิ่งใจเสียอยู่”
กำจายหน้าเครียด กลัวเป็นมะเร็ง
“น้าไม่เป็นมะเร็งหรอกจ้ะ” กระแตปลอบ
จอมนางปลอบอีกว่า ”ไม่ค่อยได้ยินใครเป็นมะเร็งเส้นเสียง น้าไม่โชคร้าย แจ็คพอตแตกหรอก”
ทุกคนช่วยปลอบ แต่สีหน้ากำจายก็ยังเครียดอยู่ดี
“คนลิเก มีพ่อแก่คุ้มครอง บุญญาบารมีพ่อแก่ ต้องปกปักษ์รักษาเอ็ง ให้กลับมามีสุขภาพแข็งแรงดีเหมือนเดิม”
พอครูเทียมยกพ่อแก่มาพูด กำจายก็คลายกังวล ประนมมือท่วมหัว
ถัดมา โก่งเดินมาส่งทุกคนที่จะกลับบ้าน
“เอารถตู้คณะกลับบ้านเถอะจ้ะครู พรุ่งนี้ชั้นเหมารถพาพี่กำจายกลับได้”
“เอ็งเอารถไว้นี่แหละ ไม่ต้องวิ่งหารถให้วุ่นวาย กำจายมันป่วยอยู่” ครูบอก
ผู้จัดการโรงแรมโทรเข้ามือถือจอมนาง พอดูชื่อคนโทรเข้า “ผู้จัดการโรงแรมโทรมา พี่หลงคุยจ้ะ”
หลงรับมือถือจอมนางมาคุยสาย “หลงพูดครับ ได้ครับ ผมจะไปถึงโรงแรมเที่ยง” เขาวางสายแล้วบอกข่าวดีชาวคณะ “พรุ่งนี้เราไปรำลิเกโชว์ มีทัวร์ฝรั่งมาลง”
“ทัวร์ฝรั่ง” กระแตตื่นเต้น
“ไฮโซกันเห็นๆ” โก๊ะยิ้มแป้น
ชาวคณะตื่นเต้นกันทุกคน
“เพราะหลงแท้ๆ คณะเราถึงมีงานต่อเนื่อง” ครูชมหลงจากใจจริง
“เพราะคณะเทียมฟ้ามีดีต่างหากครับ ผมแค่หาลูกค้าให้”
จอมนางเกิดความคิด อยากให้หลงคุยติดต่อลูกค้า
“นานทีๆ เข้าเมือง ชั้นอยากไปเดินซื้อของในห้าง พี่หลง โก๊ะ พาปู่กลับบ้านไปก่อนนะจ๊ะ พี่กระแตอยู่กับชั้น”
“อย่ากลับดึกนะลูก ทางจากตัวเมืองไปบ้านเรา เปลี่ยว”
“เย็นๆ ชั้นก็กลับแล้วจ้ะปู่”
หลงกับโก๊ะเดินประกบครูเทียมซ้ายขวา คอยระวังครูที่ใช้ไม้เท้าช่วยเดินไม่ให้ล้ม
“จอมจะไปซื้ออะไร” กระแตแปลกใจ
จอมนางยิ้มกริ่ม จะซื้อของบางอย่างให้หลง
ฟากเสี่ยเต๊กนั่งกึ่งนอนบนเตียง อาการปวดหลังยังไม่หายดี ต้องคอยเอามือแตะหลัง ยังเจ็บแปลบๆ เบิ้มกลับมารายงาน
“ไม่เจอพงศ์เทพครับเสี่ย นี่ผมให้ไอ้พลอยู่โยง เฝ้าอยู่ที่ตลาดเจ๊ทรงงามถึงมืด”
“ดีมาก” เสี่ยเอี้ยวตัวหยิบซองยาแก้ปวด เจ็บหลังแปลบ “อู้ย... เสียวแปลบ”
“ไหวมั้ยครับเสี่ย”
“ท่าอั๊วจะต้องกลับไปให้หมอประจำตัวที่กรุงเทพฯ ตรวจวะ ขยับตัวนิดเดียวก็ปวด”
“เสี่ยจะกลับวันนี้เลยมั้ยครับ”
“ออกจากบางไทรตอนนี้ ไปถึงกรุงเทพฯก็ช่วงเลิกงาน รถติดเป็นแพ ค่อยกลับพรุ่งนี้สายๆ ลื๊อหยิบยาแก้ปวดให้อั๊วที”
เบิ้มเดินหยิบยาแก้ปวดให้เสี่ยกิน เสี่ยเต๊กเซ็งมาก
“อั๊วอุตส่าห์มาตามล่าพงศ์เทพถึงบางไทร ดันตกเวทีลิเกหลังเดี้ยง ออกไปลุยเองไม่ได้”
ขณะนั้นหลงกับโก๊ะซ้อมฟันดาบ มีครูเทียมนั่งดู จอมนางกับกระแตกลับมาจากตัวเมือง จอมนางหิ้วถุงของมา 1 ใบ
“พี่หลง ชั้นซื้อมาให้พี่จ้ะ”
หลงรับถุงของมาเปิดดู ในถุงมีกล่องโทรศัพท์มือถือ รุ่นราคากลางๆ ไม่แพงนัก
“ให้พี่เอาไว้ติดต่อลูกค้า ปู่จ๊ะ ชั้นเห็นว่าพี่หลงเหมาะเป็นผู้จัดการคณะ”
หลงตกใจ “ผู้จัดการคณะ”
จอมนางบอกต่อว่า “แต่ไหนแต่ไร หัวหน้าคณะเทียมฟ้า ต้องทำหน้าที่ผู้จัดการคณะด้วย แต่ชั้นกับปู่ไม่ถนัดคุยเรื่องเงินๆทองๆ พี่หลงรับไปคุยนะจ๊ะ”
“แบ่งหน้าที่กันทำก็ดี จอมคุมซ้อม หลงคุมเงิน” ครูสรุป
“เมื่อครูเทียมกับจอมไว้ใจผม ผมก็จะทำให้ดีที่สุดครับ”
“เรามาช่วยกันกอบกู้คณะนะจ๊ะพี่หลง” จอมนางว่า
“พี่จะหาเงินเข้าคณะเยอะๆ ส่วนจอมก็หัดแต่งกลอนลิเก” หลงบอก
โก๊ะแซวใหญ่ “สองแรงแข็งขันช่วยกันนะจ๊ะคู่นี้ คนนึงก็หาบ คนนึงก็คอน” พอเห็นหลงกับจอมนางเขิน โก๊ะยิ่งแซว “อุ๊ต๊ะ...หน้าแดงเป็นลูกตำลึงเลยนะจอม”
“โก๊ะก็กำลังจะหน้าแดง แดงเพราะโดนไม้เท้าปู่ฟาด” กระแตว่า
โก๊ะหันมองครูเทียม ครูหน้าเข้มเคาะไม้เท้ากับพื้น ก๊อกๆๆ โก๊ะแซวหลานสาวครู
“อุ๊ต๊ะ หิวน้ำ ไปหาน้ำกินก่อนนะจ๊ะ” โก๊ะหน้าแหยเผ่นไปอย่างไว
“พรุ่งนี้ต้องไปเล่นลิเกโชว์ ชั้นไปคิดฉากลิเกนะจ๊ะ อยากทำให้ฝรั่งประทับใจ”
จอมนางเขินไป หลงไม่กล้ามองตามจอมนาง ด้วยเกรงใจครูเทียมที่มองหลงไม่วางตา แต่ครูเก็บอารมณ์ หลงดูไม่ออกว่าครูรู้สึกยังไงที่หลงชอบหลานสาวครู
กระแตปักกรองคอเสร็จแล้ว ครูเทียมเดินเข้ามาหา ใช้ไม้เท้าช่วยเดินคล่องมากขึ้น
“กรองคอของจอมเสร็จแล้วจ้ะปู่”
“ฝีมือปักของเอ็งยังละเอียดเหมือนเดิมนะกระแต กระแตเอ๊ย จอมเคยพูดถึงหลงให้เอ็งฟังมั่งมั้ย”
“จอมไม่เคยบอกชั้นว่าชอบพี่หลง แต่ชั้นดูน้องออกจ้ะ พี่หลงเป็นคนดีก็จริง แต่เราไม่รู้พี่หลงมีครอบครัวลูกเมียแล้วหรือยัง”
“เจ้าหลงเป็นคนมีความรับผิดชอบ ถ้ามีลูกมีเมียแล้ว มันต้องกลับไปดูแลครอบครัว ห่วงแต่คนของเรานี่สิ จะเป็นยังไง”
สุดท้ายครูเทียมกับกระแตก็กังวล เป็นห่วงจอมนางขึ้นมาอีก
อ่านต่อตอนที่ 19