ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 16
หลงโทร.ไปตามโรงแรมหลายแห่ง ที่เจ๋งหาเบอร์ได้จากกูเกิ้ล โทร.ไปที่ไหน ก็ได้รับการปฏิเสธ แต่เขาไม่หมดหวัง โทร.ไปเรื่อยๆ คิดในใจว่ามันต้องมีสักโรงแรมสนใจจ้างเทียมฟ้าไปเล่นลิเกโชว์นักท่องเที่ยว
จนมาถึงโรงแรมแห่งหนึ่งในอยุธยา เป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว ตั้งอยู่ในตัวเมือง พนักงานที่ฟร้อนท์ตรงล็อบบี้รับโทรศัพท์
“โรงแรม...” พนักงานบอกชื่อโรงแรม “ยินดีให้บริการค่ะ”
เป็นหลงที่อยู่ในบ้านเช่าพร้อมพงศ์โทร.ไปโรงแรมแห่งนี้
“ผมโทร.จากคณะลิเกเทียมฟ้าสุวรรณศิลป์นะครับ ผมอยากไปโชว์รำลิเกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่โรงแรมคุณดู ไม่ทราบ สนใจมั้ยครับ”
ระหว่างนี้ ที่โรงแรม ผู้จัดการโรงแรมมาตรวจงานตรงล็อบบี้พอดี
“คุยกับผู้จัดการนะคะ” พนักงานบอกผู้จัดการ “เค้าอยากเอาลิเกมาเล่นให้นักท่องเที่ยวดูค่ะ”
ผู้จัดการรับหูโทรศัพท์มาคุย “สวัสดีครับ ผม ดิเรก ผู้จัดการโรงแรม”
“ผมชื่อหลงครับ เป็นพระเอกลิเกคณะเทียมฟ้า คณะเราเป็นลิเกทรงเครื่องของแท้ เล่นมาตั้งแต่รุ่นก่อตั้งคณะ ก็ร่วมร้อยปี การร้อง การรำ ชุดของเราเหมือนพวกนาฏศิลป์ ชาวต่างชาติดูแล้วต้องชอบครับ”
“ผมเป็นคนอยุธยา ได้ยินชื่อคณะเทียมฟ้ามาบ้าง รู้ว่าเป็นคณะดังที่บางไทร คุณลองมาเล่นให้ดูได้มั้ยครับ”
หลงดีใจมาก “ให้ผมไปวันไหนครับ”
“พรุ่งนี้ผมไม่ว่างทั้งวัน มาวันนี้ได้มั้ยครับ”
“ได้ครับ ผมจะไปถึงซักบ่ายๆ”
“ผมจะบอกพนักงานที่ล็อบบี้ไว้ มาถึงก็แจ้งว่ามาพบผมนะครับ”
หลงหรือพงศ์เทพวางสายผู้จัดการโรงแรม ยิ้มกว้าง ดีใจยิ่งนัก อาจได้โอกาสไปเล่นในโรงแรม
“เทพ ไปรับปากเค้าว่าจะไป ปรึกษาครูเทียมหรือยัง”
คำพูดพ่อ ทำเอาหลงหุบยิ้มทันที “งานนี้ผมต้องหาคนช่วย”
หลงคิดจะให้ใครช่วยดีหนอ
ขณะที่กระแตกับโก๊ะห่อขนมอยู่ในครัว เตรียมจะเอาส่งขายที่ตลาด หลงเกลี้ยกล่อมกระแต
“วันนี้เราลองไปรำโชว์ให้เค้าดูก่อน ไม่ได้พาครูไป กระแตไปรำกับพี่ 2 คน”
กระแตปฏิเสธ “ไม่เอาล่ะจ้ะพี่หลง ชั้นกลัวโดนอย่างที่ปู่โดน”
โก๊ะช่วยหลงพูด “อย่าตีตนไปก่อนไข้สิกระแต ผู้จัดการโรงแรมอาจจะชอบก็ได้”
“กระแตอยากทำขนมขายไปทั้งชีวิตเหรอ กระแตเป็นนางลิเก ต้องอยากรำลิเกจะรำให้ใครดู ก็ถือว่าได้รำเหมือนกัน”
กระแตนิ่งคิด ชักเริ่มคล้อยตามหลง
“กระแตไม่อยากใส่ชุดนางลิเกได้รำ ได้ร้อง ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักเหรอ”
“เป็นไปได้ ชั้นอยากเล่นลิเกทุกวันเลยจ้ะ” แม่ศรีเรือนแก้มป่องบอก
“เราไม่คว้าโอกาสนี้ วันหน้าอาจไม่มีคณะเทียมฟ้า ไม่มีวิกลิเกให้กระแตเล่น ชีวิตกระแตควรอยู่ในโรงลิเก ไม่ใช่โรงครัว”
กระแตโดนหลงกล่อมซะใจอ่อน “ชั้นช่วยพี่ก็ได้ แต่งานนี้งานเดียวนะ”
“ครับ”
หลงกับโก๊ะยิ้ม ขณะที่กระแตกังวล กลัวไปรำโชว์แล้วโดนดูถูกอย่างปู่คราวก่อน
หลงกับกระแตแอบหยิบกล่องใส่ชุดลิเกและรุ้งใส่ยอดลิเก จะไปใส่รำโชว์ให้ผู้จัดการโรงแรมดู มีโก๊ะคอยดูต้นทางให้
หลงกับกระแตได้ชุดกับเครื่องทรงครบแล้ว กระแตส่งรุ้งลิเกให้โก๊ะช่วยถือ โก๊ะซุ่มซ่ามทำรุ้งหล่น เสียงดัง...แก๊ง! กระแตทำปากด่าโก๊ะไม่มีเสียง
เสียงจอมนางดังเข้ามา “ใครทำอะไรหล่นน่ะ”
กระแตรีบบอกสองหนุ่ม “เอาชุดกับรุ้งเก็บที่เดิมเร็ว”
ทั้งหมดรีบเก็บชุดกับรุ้ง แต่ไม่ทัน จอมนางเดินมาเห็นซะก่อน มองสามคนอย่างจับสังเกต
“ทำอะไรกันน่ะ”
หลงตัดสินใจบอกตามจริง “จอมครับ พี่ติดต่อโรงแรมในตัวเมือง เค้าให้เราไปรำลิเกให้ดู ถ้าพอใจ เค้าจะจ้างเรารำโชว์นักท่องเที่ยวครับ”
จอมนางฉุนกึก “พอได้แล้วพี่หลง! ความหวังดีของพี่ ทำให้ปู่ชั้นถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรี”
กระแตอธิบาย “เราไปรำโชว์ ดูลาดเลาก่อน ไม่พาปู่ไป เห็นท่าไม่ดี เราก็ไม่ไปอีกไงจอม”
“จอมต้องเคยเห็นข่าว เวลารัฐบาลจัดงานสำคัญๆ ไม่ว่าในหรือต่างประเทศมักเอารำไทยไปโชว์ชาวต่างชาติ เพราะต่างชาติชอบศิลปวัฒนธรรมไทย ไปรำโชว์ประเทศไหน ก็สร้างความประทับใจ” หลงพูดด้วยเหตุผล
กระแตเสริมอีก “จอมเคยบอกพี่ อยากไปรำโชว์เมืองนอกเหมือนพวกที่จบนาฏศิลป์”
โก๊ะช่วยอีกแรง “นี่ไงจอม ฝรั่งมาดูเราถึงบ้านเกิดเราแล้ว”
จอมนางนิ่งคิด ที่ทุกคนพูดก็ฟังเข้าท่า
“พี่ขอโอกาสครั้งสุดท้ายนะครับ งานนี้เหลวอีก พี่จะไม่ดันทุรัง พาชาวคณะไปรำโชว์ที่ไหนอีกแล้ว”
“จอมไปรำกับพวกพี่นะ ไปช่วยกันทำให้ทางโรงแรมประทับใจ”
จอมนางนิ่งคิดแป๊บหนึ่ง ก่อนถามหลง “เราจะไปยังไงกันล่ะจ๊ะ พี่โก่งเอารถตู้คณะไปไหนไม่รู้แต่เช้า”
หลงยิ้มดีใจ ที่จอมนางยอมไปด้วย
“พี่โทร.บอกลุงพงศ์ให้เอารถไปส่งเราครับ”
ไม่นานต่อมา หลง จอมนาง กระแต และโก๊ะ ยืนถือกล่องใส่ชุดลิเก และรุ้งใส่ยอดลิเก รออยู่ริมถนนละแวกบ้าน พร้อมพงศ์กับเจ๋งขับรถมารับ
“โก๊ะอยู่บ้านรับหน้าปู่นะ ปู่หลับอยู่ในห้อง ตื่นมาต้องถามว่าชั้นไปไหน”
“ให้บอกครูว่ายังไงอ่ะจอม”
“บอกว่าพวกชั้นไปตลาดแล้วกัน”
“เชิญขึ้นราชรถครับคุณกระแต”
เจ๋งยิ้มกรุ้มกริ่ม บริการเปิดประตูรถให้กระแต
“ไม่จำเป็น จะไม่ขึ้นรถคันนี้อีกเลย”
กระแตค้อนเจ๋ง แล้วขึ้นนั่งเบาะหลัง ทุกคนขึ้นรถกันไป โดยหลงนั่งหลังกับสองสาว
“เอางานมาให้ได้นะพี่หลง”
โก๊ะบอก แล้วหันเดินกลับเข้าบ้านไป
อีกฟาก ที่บ้านเสี่ยเต๊กในกรุงเทพฯ
อาจงกำลังเอาเสื้อผ้าพับแล้วมาให้เสี่ยเต๊ก ที่ช่วงนี้นอนในห้องโถง บนโซฟามีอุปกรณ์การนอนครบชุด หมอน หมอนข้าง ผ้าห่ม
เสี่ยเต๊กยังสวมชุดนอนอยู่ “ขนเสื้อผ้ามาทั้งตู้ จะให้อั๊วนอนตรงนี้ไปเป็นปีรึไง”
อาจงอมยิ้มขำ เสี่ยโดนเมียทำโทษ ให้นอนห้องรับแขก
เหลียนฮัวกับเหมยฮัว สองแม่ลูกแต่งตัวสวยเช้ง จะไปข้างนอก แม่ลูกมองไปยังเสี่ยเต๊ก
“เสี่ยทำตัวดีเป็นที่พอใจ อั๊วก็จะให้กลับไปนอนในห้องนอน” เหลียนฮัวบอก
เสี่ยเต๊กเสียงดังใส่เมียตอนท้ายแทบเป็นตวาด “เห็นอั๊วยอมให้หน่อย ข่มใหญ่เลยนะอาเหลียน...แล้วนี่จะไปไหนกัน”
เหลียนฮัวตวาดกลับ “พูดกับอั๊วดีๆ ไม่งั้นอั๊วจะ...หย่า”
เหมยฮัวหน้าเสีย “หม่าม้า เตี่ย อย่าหย่ากันนะคะ”
เสี่ยเต๊กเอ่ยขึ้น “พวกลื๊ออย่าเพิ่งไป”
“อั๊วจะไป” เหลียนฮัวglup’c-H’
“รออั๊วไปอาบน้ำก่อน อั๊วไปด้วย” เสี่ยเต๊กคว้าเสื้อผ้าที่อาจงเตรียมมาให้ เดินหงุดหงิดไปเข้าห้องน้ำ
“นึกว่าแน่ ที่แท้ก็ขอไปด้วย” เหลียนฮัวกระหยิ่มยิ้มย่อง
“อยากไปด้วย แต่เสี่ยก็ขอไว้ลายโหดซะหน่อย” อาจงว่า
สามคนหัวเราะ สถานการณ์ในครอบครัวดีวันดีคืน
ฟากครูเทียมลงจากข้างบน โก๊ะกำลังเช็ดถูบ้านอยู่หันมาเห็น
“วันนี้งีบกลางวันนานนะจ๊ะครู”
“บ้านเงียบเชียบ ไปไหนกันหมด”
“จอม พี่หลง กระแต ไปตลาดจ้ะ” โก๊ะบอกตามที่เตี๊ยมกะจอมนาง
เสียงรถตู้แล่นเข้าบ้านมา โก๊ะชะเง้อไปดู
“น้ากำจายกับพี่โก่งกลับมาแล้ว เอารถไปไหนกันมา”
สักครู่กำจายกับโก่งเข้าบ้านมา ทั้งคู่หน้าเศร้า โดยเฉพาะกำจาย ใบหน้าหม่นหมองกว่าทุกวัน
“พวกเอ็งไปไหนมาแต่เช้า” ครูถาม ตาจ้องที่กำจายตลอด
“ชั้นเห็นพี่กำจายไอไม่เลิก เลยลากไปหาหมอที่โรงพยาบาลจ้ะ หมอว่าพี่กำจายมี...” โก่งใจหาย ไม่อยากพูด
ครูเทียมซัก “กำจายมีอะไร”
กำจายบอกด้วยเสียงแหบแห้ง “ชั้นมีติ่งเนื้อที่เส้นเสียงจ้ะครู อาจเป็น...เนื้อมะเร็ง”
โก๊ะตื่นตูมตกใจ “น้ากำจายเป็นมะเร็ง”
ครูเทียมเอ็ด “เฮ้ย หมอไม่ได้บอกเป็นมะเร็ง เป็นแค่ติ่งเนื้อ หมอรักษาหายอยู่แล้ว” ปากก็ปลอบใจ
กำจาย แต่ครูเทียมก็ใจเสียไม่น้อย
“พี่กำจายต้องผ่าเอาติ่งเนื้อออกมา แล้วดูว่าเป็นเนื้อมะเร็งหรือเปล่า ผ่าฟรี ต้องรอคิว ไปผ่าโรงพยาบาลเอกชน ก็เสียตังค์” โก่งว่า
กำจายบ่นตัวเอง “ชั้นไม่น่ากินเหล้าเลย หมอว่า เหล้ามีส่วนทำให้ชั้นเป็นติ่งเนื้อที่เส้นเสียงคิดว่าจะตายเพราะตับแข็ง ดันจะตายเพราะ....มะเร็ง”
กำจายถึงกับน้ำตาคลอ นึกรักตัวกลัวตาย ทุกคนสงสารกำจาย โดยเฉพาะครูเทียม ครูรีบเดินไป ทุกคนมองตามครูเทียมรีบร้อนไปไหน
ครูเทียมมาตรงมุมเก็บเครื่องทรงในบ้าน จะเลือกเครื่องทรง หมายจะเอาไปจำนำ หาเงินค่าผ่าตัดให้กำจาย ทุกคนตามครูมา ครูมองปราดเดียวก็รู้ว่ากล่องใส่ชุดลิเก กับรุ้งใส่ยอดลิเกหายไปหลายอัน
“ชุดกับยอดลิเกหายไปไหน ข้าจะเอาไปจำนำ เอาเงินมาจ่ายผ่าตัดให้เอ็ง”
“อย่าเลยจ้ะครู ชั้นรอผ่าฟรีได้” กำจายบอก
ครูเทียมหันไปทางโก๊ะ “โก๊ะ เอ็งอยู่บ้านทั้งวัน ชุดหายไปไหน”
“อืม...จอมเอาไปจ้ะ”
ครูเทียมฉงน “จอมมันไปตลาด เอาชุดกับยอดลิเกไปทำอะไร”
“อ่า...ไม่รู้ซีจ๊ะ”
ครูเทียมงุนงง จอมนางเอาชุดกับยอดลิเกไปตลาดทำไม
ทางด้าน หลง จอมนาง และกระแต อยู่ที่ห้องๆหนึ่งของโรงแรม สามคนอยู่ในชุดลิเกทรงเครื่องเต็มยศ โชว์รำ ร้อง บทเข้าพระเข้านาง
โดยหลงเป็นโอรสกษัตริย์ รักกับองค์หญิง กระแตเป็นนางสนม พอพวกหลงรำโชว์จบ ดิเรก ผู้จัดการโรงแรมปรบมือให้
“สมกับเป็นคณะดังจากบางไทร”
พ่อยกพร้อมพงศ์ช่วยโฆษณา “เทียมฟ้าสุวรรณศิลป์ เข้ารอบประกวดลิเกชิงแชมป์ประเทศ”
ไทยด้วยนะครับ เป็นตัวเต็งอันดับหนึ่ง”
“นักท่องเที่ยวดูแล้วต้องชอบ” ดิเรกว่า
“ธรรมดาคณะผมรับค่าจ้างที่วันละ 8 หมื่น แต่นี่เป็นการเล่นโชว์ ใช้เวลาเล่นไม่นาน เครื่องเสียง เครื่องไฟ ทางโรงแรมมีให้ ผมคิดแค่ 3 หมื่นต่อวันแล้วกันครับ รวมค่าจ้างวงดนตรีไทยแล้ว”
“ขอปรึกษาเจ้าของโรงแรมก่อน ตอนนี้เจ้าของอยู่ต่างประเทศ กลับอาทิตย์หน้า” ดิเรกบอก
“บอกเจ้าของโรงแรมนะครับ เทียมฟ้าสุวรรณศิลป์จะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติประทับใจโรงแรม กลับมาพักอีกทุกครั้งที่มาเยือนเมืองไทย”
หลังจากโชว์เสร็จ หลงและทุกคนดูมั่นใจ ว่าคงมีโอกาสได้เล่นโชว์ในโรงแรมแห่งนี้
วันนี้ที่โรงแรมมีการจัดงานสัมมนาครูโรงเรียนมัธยมของอยุธยาพอดี เห็นพวกครูกำลังเช็คอินห้องพักอยู่ตรงฟร้อนท์
อาจารย์ใหญ่บ่น “เด็กสมัยนี้เล่นแต่ Facebook ดูคอนเสิร์ตเกาหลี ไม่ดูแล้วลำตัด ลิเก ผมกังวลว่า
อีกหน่อยวัฒนธรรมไทยจะถูกต่างชาติกลืน”
ครู 1 เห็นด้วย “ไม่ช้าก็เร็วล่ะครับอาจารย์ใหญ่”
ระหว่างนี้ ผู้จัดการโรงแรมพาพวกหลงมาส่งที่ล็อบบี้ จอมนางกับกระแตยังไม่ลบเครื่องสำอางแต่งหน้าจัดแบบนางลิเก อาจารย์ใหญ่ และคนในล็อบบี้เตะตา หันมองจอมนางเป็นตาเดียว
จอมนางเห็นล็อบบี้คนเยอะก็แปลกใจ “มีงานอะไรจ๊ะ”
ผู้จัดการยิ้มบอก “สัมมนาครูในจังหวัดอยุธยาครับ
“บอกเจ้าของโรงแรมนะครับ คณะลิเกเทียมฟ้าจะแสดงให้เต็มที่ ให้ตราตรึงใจนักท่องเที่ยวต่างชาติ” หลงกำชับ
ผู้จัดการยิ้มให้ “ผมจะพยายามช่วยพูดให้”
พวกหลงไหว้ลาผู้จัดการโรงแรม แล้วเดินออกไป
ผู้จัดการโรงแรมหันมาต้อนรับคณะครูที่มาสัมมนา ใบหน้ายิ้มแย้ม
“ได้กุญแจห้องพักกันหรอยังครับ”
อาจารย์ใหญ่เอ่ยขึ้น “คุณครับ ผมได้ยินคุยกัน ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดๆ เป็นนางลิเกเหรอครับ”
“ครับ อยู่คณะเทียมฟ้าสุวรรณศิลป์ เค้ามาเสนอ อยากรำโชว์ฝรั่ง”
อาจารย์ใหญ่มองตามพวกหลงไป เห็นพวกหลงกำลังขึ้นรถกระบะพร้อมพงศ์ที่จอดอยู่หน้าโรงแรม
อาจารย์ใหญ่พึมพำท่าทางสนใจคณะลิเก
“เทียมฟ้าสุวรรณศิลป์ แค่ชื่อก็ไพเราะเสนาะหู”
อ่านต่อหน้า 2
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 16 (ต่อ)
ขณะเดียวกัน ที่โรงพยาบาลที่เหมยฮัวฝากครรภ์ เหมยฮัวกับพ่อแม่นั่งรอตรวจครรภ์ เสี่ยเต๊กนั้นหน้าบูด ถึงอ่อนลงให้เมีย แต่ก็ยังเจ้าอารมณ์อยู่
“ไม่เต็มใจมา ทีหลังไม่ต้องมา”
“อั๊วไม่รู้นี่ ลื๊อจะพาเหมยมาตรวจท้อง”
เสี่ยเต๊กมองตำหนิเหมยฮัว ยังรู้สึกอับอายที่ลูกสาวท้องไม่มีพ่อ
เพื่อนเสี่ยเต๊กดันเดินผ่านมาหน้าห้อง เห็นเสี่ยเต๊กอยู่ด้านใน เลยเข้าไปทักทาย
พอเห็นเพื่อนเข้ามาหา เสี่ยเต๊กหน้าเหรอหรา ไม่ได้บอกใครว่าลูกสาวท้อง
เสี่ยเต๊กคิดปราดเดียว รีบบอก “อั๊วพาอาเหลียนมาทำกิฟต์น่ะ”
“อยากได้ลูกชายสิเต๊ก”
พยาบาลดันทำเสียเรื่อง “คุณเหมยฮัว เชิญห้องตรวจ 2 ค่ะ”
“เค้าเรียกลูกสาวลื๊อ ไม่ใช่เมียลื๊อ...เอ เหมยยังไม่ได้แต่งงานนี่” เพื่อนว่า
สามคนหน้าเสีย เพื่อนเสี่ยเต๊กดูออก รู้ตัว ไม่ควรเข้ามาทักทาย
“อั๊วไปล่ะ ไว้นัดสังสรรค์กัน” แล้วรีบเดินออกไปทันที
เสี่ยเต๊กโกรธมาก ลูกสาวทำให้เตี่ยอับอายเพื่อน อ้าปาก จะด่าลูกสาว
เหลียนฮัวชิงพูดขึ้นก่อนว่า “ห้ามด่าลูก”
เหมยฮัวหน้าจ๋อง “เตี่ย เหมยขอโทษที่ทำให้เตี่ยอับอายเพื่อน”
เสี่ยเต๊กขยับปากจะด่าลูกสาวอีก
เหลียนฮัวปรามอีก “ด่าลูก ก็หย่ากัน”
เสี่ยเต๊กยัวะ ผลุนผลันออกไป
เดินมาตามทางเดิน เสี่ยเต๊กยัวะมาก อายเพื่อนเรื่องลูกสาวท้องไม่มีพ่อ แถมยังโดนท้าหย่าอีก
“รู้ว่าอั๊วไม่อยากหย่า เลยใช้เป็นไม้ตาย หึย....เก็บกดโว้ย...”
เสี่ยเต๊กอาละวาดเตะถังขยะล้ม แล้วนึกได้กดโทร.หาเบิ้มทันที
“ไอ้เบิ้ม หาตัวพงศ์เทพเจอเหรอยัง”
เบิ้มกับพลยังอยู่ที่บางไทร และเที่ยวเดินตามหาพงศ์เทพไปตามบ้านเรือนชาวบ้าน
พลเดินไปบ้านหลังหนึ่ง เบิ้มคุยสายกับเสี่ยเต๊ก
“พวกผมลงทุนเดินดูตามบ้าน ก็ยังไม่เห็นวี่แววพงศ์เทพครับเสี่ย”
เสี่ยเต๊กคุยสายอยู่ที่โรงพยาบาล
“อีกไม่กี่เดือนลูกสาวอั๊วก็ออกลูก พวกลื๊อต้องรีบหาตัวไอ้ลูกเขยตัวแสบของอั๊วให้เจอ! อั๊วจะจับมันแต่งงาน ได้ไม่ขายขี้หน้าประชาชี”
“พวกผมจะตามหาทั้งวันทั้งคืนเลยครับเสี่ย”
เสี่ยเต๊กวางสายไป คิดแค้นพงศ์เทพขึ้นมาอีก “เทพ ลื๊อทำลูกสาวเสี่ยท้อง ทำให้เสี่ยอับอาย เจอตัวเมื่อไหร่ ต้องกระทืบซะที”
เสี่ยเต๊กอารมณ์ยังกรุ่น เตะถังขยะที่ล้มอยู่ อีกเปรี้ยงระบายอารมณ์
พร้อมพงศ์จอดรถริมฟุตบาท หลังจากขับรถพาทุกคนกลับมาจากตัวเมือง แวะกินข้าวกันที่ตัวอำเภอบางไทร
“จอมจะไปกินร้านไหน เดี๋ยวพี่ตามไป พี่จะไปซื้อใบตองมาห่อขนมพรุ่งนี้”
“ร้านแถวนี้แหละจ้ะพี่กระแต”
“ผมชอบจ่ายตลาด ไปช่วยหิ้วใบตองครับ” เจ๋งอาสา
กระแตชอบใจ “เป็นพ่อบ้านพ่อเรือนจังนะเรา”
เจ๋งเดินตามกระแตต้อยๆ กระแตอมยิ้ม เริ่มถูกใจเจ๋งทีละนิดๆ
หลง กับจอมนาง และพร้อมพงศ์เดินไปต่อ มาเจอฟ้าประทานที่เดินสวนมา
ฟ้าประทานเยาะเย้ยถากถางหลง “ดีใจได้เจอตัวจริง เทพทอง สุวรรณศิลป์ พระเอกใหม่คณะเทียมฟ้า เทพทองเปิดตัวได้อลังการมาก มีคนดูนับหัวได้ ฮะๆๆ”
หลงเฉยๆ พร้อมพงศ์กับจอมนางฮึดฮัดโมโห
“คนบางคน มันก็เป็นพระเอกได้เฉพาะในวิกลิเกแหละวะ”
ฟ้าประทานฉุน “ลุงเกี่ยวอะไรด้วย”
หลงตัดบท “ไปเถอะครับ”
“หลง ข้ามาทำธุระ แล้วเลยเอาเงินไปเข้าธนาคาร” ฟ้าประทานคุยโต หยิบเล่มบัญชีธนาคารในกระเป๋ามาอวดหลง “เปิดบัญชีไว้ 6 หมื่นบาท เอ็งล่ะ ในกระเป๋ามีเงินถึง 6 บาทมั้ย”
จอมนางหมั่นไส้ “รวยนัก ก็ทำบุญทำทานให้คนจนๆ มั่ง”
“จอมแนะนำดี” ฟ้าประทานควักเงินให้หลงยี่สิบบาท “ข้าให้ขอทานก็เท่านี้ ฮึๆๆ”
จอมนางยัวะแทนพี่หลง ต่อยกรามฟ้าประทานเต็มแรง
ฟ้าประทานโกรธ “ผมไม่ได้ถากถางจอมซักคำเลยนะ”
“พี่หลงอยู่คณะชั้น ก็เหมือนถากถางชั้น”
พร้อมพงศ์สะใจ “อู้ย เจ็บ เตร๊ง เตรง เตร่ง เตรง....ฮ่าๆๆ”
พวกหลงเดินไปไม่แยแสความร่ำรวยฟุ้งเฟ้อ ฟ้าประทานลูบกราม เจ็บไม่เบา
ฟากกระแตกับเจ๋งมาซื้อของที่ตลาด เจ๋งนั้นยิ้มแก้มแทบแตก
“สุขใจจัง คุณกระแตให้มาช่วยหิ้วของ”
“อยากเท่ ก็อย่าหิ้วล่ะ ต้องคาบ”
“คนนะ ไม่ใช่เอ๋งๆ”
คราวซวยของเจ๋ง เพราะเบิ้มกับพลขี่มอเตอร์ไซค์มาตามหาพงศ์เทพ
“น้องพงศ์เทพ”
เบิ้มกับพลรีบจอดรถ เจ๋งมัวแต่ป้อสาว เห็นทีหลัง หนีไม่ทัน ถูกเบิ้มกับพลจับตัวได้
กระแตตกใจร้องให้คนช่วย “ปล่อยเจ๋งนะ ช่วยด้วยจ้ะ”
พ่อค้าแม่ขายเห็นรูปร่างเบิ้มกะพล ไม่มีใครกล้าเข้าช่วย ต่างหาที่หลบ
“หนีไปครับคุณกระแต ไปสิครับ”
กระแตวิ่งหนีไปแล้ว
เบิ้มคาดคั้นเจ๋ง “พงศ์เทพอยู่ไหน”
“ไม่รู้เว้ย”
“บอกมา” เบิ้มเลิกชายเสื้อให้เจ๋งดูปืนที่เหน็บเอว
เจ๋งไม่กลัว “ให้ตายก็ไม่บอก”
“ท่าทางมันปากแข็งมาก เอาไงดีเบิ้ม”
เบิ้มรีบโทร.หาเสี่ยเต๊ก
ครอบครัวเสี่ยเต๊กรอจ่ายเงินค่ายาค่ารักษาที่ล็อบบี้โรงพยาบาล เสี่ยเต๊กยังอารมณ์ขุ่นมัว เรื่องเจอเพื่อนตัวเองที่มารู้เรื่องลูกสาวท้องไม่มีพ่อ
เสียงมือถือดัง เสี่ยรับสาย “บอกซิว่าข่าวดี เจอพงศ์เทพแล้ว”
เหลียนฮัวกับเหมยฮัวหูผึ่ง
เบิ้มอยู่ในตลาดบางไทร คุยสายกับเสี่ยเต๊ก พลคุมเจ๋งไว้
“จับตัวน้องชายพงศ์เทพได้ครับ มันไม่เปิดปาก พี่ชายมันอยู่ไหน”
“เอาตัวมันมากรุงเทพฯ ล่อพี่ชายมันให้มาติดกับ”
เบิ้มวางสายเสี่ยสั่งเจ๋ง “ขึ้นรถ เสี่ยให้เอาตัวแกกลับกรุงเทพฯ”
เจ๋งไม่ยอมขึ้นมอเตอร์ไซค์ โดนเบิ้มกับพลหิ้วปีกขึ้น เบิ้มขับเจ๋งนั่งกลางพลประกบหลัง รถแล่นออกไป พ่อค้าแม่ขายที่หลบอยู่ โผล่ออกจากที่ซ่อนสลอน
ฝ่ายเสี่ยเต๊กบอกเมียและลูก “เตี่ยกำลังจะได้ตัวพ่อลูกในท้องเหมยแล้ว”
“พอได้ตัวมา รีบจับอาเทพแต่งงานเลยนะเสี่ย ก่อนเหมยท้องโตจนสังเกตเห็น” เหลียนฮัวว่า
เหมยฮัวไม่ดีใจเหมือนเตี่ยกับหม่าม้า สงสารพงศ์เทพ ต้องมารับเป็นพ่อลูกของเธอ
ทางด้านกระแตวิ่งหน้าตาตื่นตามหาพวกจอมนาง ที่กินข้าวอยู่ จนเห็นจอมนาง รีบเข้ามาบอกเรื่องเจ๋ง หอบแฮ่กๆ
“มีคนจับตัวเจ๋ง”
พร้อมพงศ์ตกใจ “ใคร”
กระแตอธิบายรูปร่าง “เป็นผู้ชาย 2 คนหน้าตาโหดๆ ตัวโตๆ ขี่มอเตอร์ไซค์มา”
พร้อมพงศ์รู้ทันที “ไอ้เบิ้ม ไอ้พล”
หลงตกใจ แต่ตั้งสติได้ไวกว่าพ่อ “มันจับเจ๋งไปตรงไหนกระแต”
“แถวตลาดจ้ะ”
หลงกับพร้อมพงศ์รีบไปที่รถจะไปช่วยเจ๋ง จอมนางลูบต้นแขนกระแตปลอบขวัญพี่สาวที่ขวัญกระเจิง ตกใจอยู่
หลงกับพร้อมพงศ์วิ่งมาช่วยเจ๋งในตลาด แต่หาเจ๋งไม่เจอ หลงหันไปถามพ่อค้า
“เห็นผู้ชายถูกรุมทำร้ายมั้ยครับ ไปไหนแล้ว”
“โดนจับตัวขึ้นมอเตอร์ไซค์ไป ได้ยินว่า จะเอาตัวไปกรุงเทพฯ”
พร้อมพงศ์บอก “รีบกลับไปเอารถไล่ตาม มันยังไปไม่ไกล”
หลงกับพร้อมพงศ์รีบวิ่งย้อนกลับไปตรงที่รถกระบะพร้อมพงศ์จอดอยู่
เบิ้มกับพลดวงซวย ขี่รถมอเตอร์ไซค์มาเจอด่านตำรวจ เจ๋งนั่งกลางโดนประกบ ตำรวจโบกให้จอด
“ซ้อน 3 ผิดกฎหมายครับ ไม่สวมหมวกกันน็อคด้วย เชิญลงจากรถครับ”
สามคนลงจากมอเตอร์ไซค์ เจ๋งฉวยโอกาสหนี เบิ้มคว้าคอเจ๋งไว้
เจ๋งไหวพริบเป็นเลิศ บอกตำรวจ “พวกมันเป็นโจร มีปืนครับ”
ตำรวจ 2 คน รีบชักปืนออกมาเล็งใส่สองคน “ชูมือขึ้นสูงๆ”
เบิ้มจำต้องปล่อยมือจากเจ๋ง ชูมือขึ้นตามที่ตำรวจสั่ง เจ๋งโกยอ้าว วิ่งหนีกลับไปทางเดิม
หลงกับพร้อมพงศ์ขับรถตามหา เห็นเจ๋งวิ่งหน้าตั้งมาตามริมถนน รีบจอดรถเจ๋งกระโดดขึ้นรถทันที
“ลูกน้องเสี่ยล่ะ” หลงถาม
“โดนตำรวจซิวตัวไปแล้วพี่”
พร้อมพงศ์บอก “รีบไปจากตรงนี้เหอะเทพ”
หลงยูเทิร์นรถกลับเข้าตัวอำเภอบางไทร
จอมนางกับกระแตยืนชะเง้อรอหลงอยู่หน้าร้านเดิม ทั้งกังวล และเป็นห่วง
จอมนางเห็นรถกระบะ “พี่หลงกลับมาแล้ว”
กระแตห่วงเจ๋ง “ดูซิจอม เจ๋งอยู่ในรถหรือเปล่า”
หลงขับรถพาพร้อมพงศ์กับเจ๋งกลับมาจอดหน้าร้านข้าว เห็นจอมนางกับกระแตรอยู่
เจ๋งถามขึ้น “บอกสาวๆ ว่าไงดีพี่เทพ”
“บอกความจริงครึ่งเดียว เจ้าหนี้ส่งลูกน้องมาทวงเงิน จับตัวเอ็ง”
พอพวกหลงลงจากรถ จอมนางกับกระแตก็รีบมาหา
“โชคดี หนีรอดมาได้ คนพวกนั้นเป็นใครน่ะเจ๋ง”
เจ๋งโกหกหน้าตาย ได้อย่างสมบทบาท “ลูกน้องเจ้าหนี้ผมครับ มาทวงเงิน”
พร้อมพงศ์ร่วมด้วยช่วยโกหกงานถนัด “ลุงยืมเงินพวกปล่อยเงินกู้นอกระบบ ขาดส่งไม่กี่งวดส่งคนมาจับตัวหลานลุง จะขู่ลุงให้ใช้หนี้น่ะ”
“นักเลงพวกนั้นอาจย้อนมา เรารีบกลับบ้านกันเถอะจ้ะ” กระแตว่า
“ก็ดีครับ” หลงบอก
พวกผู้ชายขึ้นรถก่อน จอมนางดึงแขนพี่กระแตไว้ ยังไม่ให้ขึ้นรถนึกสงสัยสามคน
“พี่หลงดูสนิทกับลุงพงศ์กับพี่เจ๋งมาก ไม่เหมือนคนเพิ่งรู้จักกัน”
“นั่นสิ พี่หลงรีบไปช่วยเจ๋ง ไม่กลัวอันตรายเลย”
หลงกดกระจกรถลงเป็นการเรียกสองสาว จอมนางกับกระแตเลิกคุย ขึ้นรถ หลงขับรถกลับบ้านไป
ฝ่ายเสี่ยเต๊กกับลูกเมียเดินมาที่รถ เสี่ยแฮปปี้เหลือหลาย ได้ตัวเจ๋งแล้ว ต้องได้ตัวพงศ์เทพในไม่ช้า
“แวะกินอาหารที่ภัตตาคารกัน ฉลอง จับน้องพงศ์เทพได้”
เบิ้มโทร.มา เสี่ยเต๊กรับสายยิ้มกริ่ม
“ไม่ต้องซิ่งมาล่ะ อั๊วจะพาลูกเมียไปฉลอง อีกประมาณสองชั่วโมงถึงบ้าน”
สองคนถูกตำรวจควบคุมตัวอยู่ที่ด่าน เบิ้มกำลังคุยสายกับเสี่ย หน้าเหลือสองนิ้ว
“เอ่อ..สถานการณ์ไม่เป็นใจครับเสี่ย พวกผมขี่รถมาเจอด่านตำรวจ อืม..น้องพงศ์เทพเลยหนีไปได้”
เสี่ยเต๊กแผดเสียงด่าดังลั่น “ไอ้งี่เง่า ดันขี่รถไปหาด่านตำรวจ”
“ตำรวจจับพวกผมข้อหามีปืนเถื่อน เสี่ยช่วยมาเคลียร์ทีครับ”
“โง่นัก ก็ติดคุกให้หายโง่” เสี่ยวางสาย ยัวะสุดๆ “ไอ้ลูกน้องเฮงซวย ไปกัน 2 คน ดันปล่อยให้คนๆ เดียวหลุดมือ”
เหลียนฮัวพลอยเซ็ง “นี่น้องอาเทพหนีไปได้”
เหมยฮัวดีใจ “เอาตัวรอดเก่งเหมือนพี่เทพไม่มีผิด”
“ยังไปชมมันอีก ไม่มีเหยื่อล่อพงศ์เทพกลับมาแล้ว”
“เสี่ย ส่งลูกน้องคนอื่นไปบางไทรเถอะ เบิ้มกับพลบ้อท่า” คุณนายบอก
“ไอ้สองคนนั่น เป็นมือดีที่สุดของอั๊วแล้ว เห็นที อั๊วต้องแสดงฝีมือเอง อั๊วจะไปบางไทร”
เหลียนฮัวกับเหมยฮัวเหวอ เสี่ยเต๊กจะไปลุยที่บางไทรเอง
อ่านต่อหน้า 3
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 16 (ต่อ)
โก๊ะชะเง้อรอหน้าบ้าน ครั้นพอเห็นหลง จอมนาง กระแต เดินถือกล่องใส่ชุดลิเก รุ้งใส่ยอดลิเก โก๊ะรีบไปช่วยถือ
“ลุงพงศ์ไม่มาส่งล่ะ” โก๊ะถาม
“ไม่อยากให้ปู่ได้ยินเสียงรถ เลยให้ลุงพงศ์ส่งลงตรงปากทาง”
“จอม...ครูเทียมรู้ว่าชุดลิเกหายไป”
“โก๊ะน่าจะโทร.บอก ชั้นจะได้คิดคำโกหกปู่”
“บอกว่าเราเอาชุดไปซ่อมดีมั้ยครับ” หลงออกความคิด
“เราไม่เคยจ้างคนอื่นซ่อมชุดจ้ะ” กระแตบอก
ครูเทียมออกมาหาพอดี แต่ละคนพูดไม่ออก ไม่รู้จะโกหกครูเทียมยังไง
“เอาชุดลิเกไปทำอะไรที่ตลาด”
“อืมม” จอมนางคิดคำโกหก “เราเอาชุดกับยอดไปจำนำจ้ะปู่ แต่ชั้นเปลี่ยนใจ ไม่จำนำ กลัวไม่
มีเงินไปต่อดอก ของเดิมยังไม่ได้ไถ่ออกมา”
ครูเทียมไม่ค่อยเชื่อจอมนางนัก ครูไล่สายตามองทีละคน หน้าตาท่าทางมีพิรุธทุกคน
“เราต้องจำนำ จอม กำจายต้องใช้เงินผ่าตัด”
วันเดียวกัน กำจายบอกชาวคณะ เสียงแหบแห้ง และเจ็บคอตามเดิม แต่ท่าทีแข็งขืนจริงจังมาก
“อย่าเอาไปจำนำเชียว พรุ่งนี้มีงานเข้ามา เราจะไม่มีชุด ไม่มียอดลิเกสวม ก็เล่นลิเกไม่ได้”
“เราไม่มีงานมาเป็นเดือนๆ พรุ่งนี้ก็ไม่มีงานเข้ามาหรอก” ครูบอก
“ไม่แน่หรอกจ้ะครู เก็บชุดไว้เถอะ”
“น้าเก็บติ่งเนื้อไว้ เกิดมันกลายเป็นเนื้อมะเร็งขึ้นมาล่ะ” จอมนางห่วง
หลงเอ่ยขึ้นจากใจจริง “อย่ารอเลยครับน้ากำจาย รีบผ่าตัด”
กำจายพาล ยังเคืองหลงเรื่องพาครูเทียมไปโดนลบหลู่
“เอ็งไม่ต้องยุ่งเรื่องของข้า ครู ชั้นจะรอหมอนัดไปผ่าตัดฟรี คงไม่นานนักหรอก”
โก่งเซ็ง “พี่กำจายนี่ดื้อแท้”
กำจายตีหน้าเฉย ยังไงก็ไม่ยอมให้จำนำชุดลิเก ทุกคนห่วงกำจายมาก
กระแตคนข้าวต้มในหม้อตั้งเตา จอมนางทำกับข้าว
“พี่กระแตทำข้าวต้มให้น้ากำจายกินทุกวันนะจ๊ะ กินน้ำๆ แล้วคล่องคอ”
หลงเดินเข้ามา “น้ากำจายกินยาแก้ไอ หลับไปแล้วครับ”
กระแตถามขึ้น “พี่หลง เราต้องได้งานที่โรงแรม ถึงจะมีเงินผ่าตัดน้ากำจาย”
“เราต้องหาทางเลือกอื่นไว้ด้วยครับ พี่กำลังคิดว่า พี่จะไปเล่นลิเกข้างถนน หาเงินรักษาน้ากำจาย”
“พี่ไม่อายเหรอจ๊ะ”
“ไม่ได้ขอทานใคร ต้องอายทำไมล่ะครับ ก็เหมือนพวกเปิดหมวก แสดงริมถนน เป็นอาชีพสุจริต”
จอมนางทักท้วงด้วยความเห็นใจ “น้ากำจายด่าพี่สาดเสียเทเสีย พี่ไม่เคืองเลยหรอ”
“พี่ทำผิด โดนด่าก็ถูกแล้วครับ พี่ต้องขออนุญาตครูเทียมก่อน ครูปั้นพี่เป็นพระเอกลิเก พี่จะไปรำลิเกข้างถนน กลัวครูมองว่า เสียภาพลักษณ์พระเอก”
“ก็ลองคุยกับปู่ดูจ้ะ”
“พรุ่งนี้ค่อยคุย วันนี้ครูกลุ้มเรื่องน้ากำจายอยู่”
หลงเก็บจานใช้แล้วออกไปล้างให้
“เป็นญาติพี่น้องก็ไม่ใช่ พี่หลงมีน้ำใจช่วยน้ากำจาย”
“ชั้นไม่รู้ พี่หลงเกี่ยวข้องยังไงกับลุงพงศ์ พี่เจ๋ง แต่ต้องไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรพี่หลงเป็นคนดี คนดี อยู่ที่ไหนก็ย่อมเป็นคนดี”
จอมนางกับกระแตมองหลงอย่างชื่นชม ที่เขาช่างแสนดี
คณะฟ้าประทาน บุตรสวรรค์ ปิดวิกแสดงมาหลายคืนแล้ว แต่คืนนี้คนดูน้อยกว่าทุกวัน เจ๊ทรงงามนั่งขายตั๋วหน้าหงอย บรรดาแม่ยกหน้าเดิมๆ ของฟ้าประทานมาครบครัน
“นึกว่าพวกหล่อนจะไม่มาซะแล้ว”
เจ๊ทรงงามยิ้มแฉ่ง ฉีกตั๋วให้บรรดาแม่ยก เก็บเงินค่าตั๋วหลายร้อยใส่กล่อง
แม่ยก 1บอก “พรุ่งนี้พวกเราไม่มานะเจ๊”
ทรงงามลืมตัว เสียงดัง “ได้ยังไง ! พ่อฟ้าประทานต้องน้อยใจ แม่ยกหายเกลี้ยง”
แม่ยก 2 แจงว่า “มาดูหลายคืนติด เล่นอยู่เรื่องเดียว...เกียรติศักดิ์นักสู้ ดูจนจำได้หมด ตัวไหนออกฉากไหน”
แม่ยก 1 เสริม “ตอนพ่อฟ้าประทานอยู่คณะเทียมฟ้า เวลาปิดวิกหลายๆ คืน เห็นเล่นเรื่องไม่ซ้ำกัน พอเป็นวิกตัวเอง ทำไมถึงเล่นอยู่เรื่องเดียวล่ะทรงงาม”
ทรงงามครุ่นคิด “นี่ต้องเป็นสาเหตุที่คนดูน้อยลงทุกคืน ใครจะอยากดูลิเกเรื่องเดิมๆ”
บรรดาแม่ยกพยักหน้าเห็นด้วย
เจ๊ทรงงามกลุ้ม คนดูน้อยลง กำไรก็น้อยลง
เริ่มเล่นลิเกมาพักใหญ่แล้ว จนเข้าสู่ช่วงกลางเรื่อง แต่คนดูโหรงเหรง ที่นั่งว่างเพียบ ฟ้าประทาน ตุ้ม เก๋ เล่นลิเก บทอิจฉาริษยา ชิงฟ้าประทาน
ระหว่างตุ้มกับเก๋ ร้องลิเก ฟ้าประทานมองคนดู น้อยกว่าคืนแรกมาก ก็หงุดหงิด ไม่ได้ดั่งใจ แต่พอเข้าท่อนตัวเองต้องร้องลิเก ฟ้าประทานก็สลัดอารมณ์หงุดหงิดทิ้ง สวมบทบาทเต็มที่อย่างมืออาชีพ
ลิเกเลิกแล้ว ฟ้าประทานคิดวิธีอมเงินได้แล้ว เขาให้เงินค่าตัวลิเก แต่ทุกคนได้ค่าตัวน้อยลง
“หักค่าตัวพวกเราทำไมจ๊ะ” เก๋เป็นตัวแทนถาม
“ทุกคนก็เห็น คืนนี้ไม่ค่อยมีคนดู” ฟ้าประทานอ้าง
เก๋ท้วง “ตอนฟ้าประทานติดต่อพวกเรามาเล่น รับปากว่า จะไม่หักค่าตัว โดนยกเลิกงาน ก็จ่ายค่าตัวเต็ม”
ฟ้าประทานทำเป็นเครียด “เห็นใจผมบ้าง ผมลงทุนไปเยอะ อยากคืนทุนไว ๆ”
เก๋ย้อนแย้งอีก “แต่ฟ้าประทานสัญญากับพวกเราแล้ว”
ฟ้าประทานพูดอย่างถือดี “งานจ้าง ผมให้ค่าตัวเท่าเดิม ไม่หักเงิน อยู่คณะผม รับรองมีงานตลอดกลับไปเล่นคณะเดิม มีงานมั่งไม่มีมั่ง แย่กว่านี้นะ”
“ชั้นเอาค่าตัวเท่านี้ก็ได้จ้ะ”
เก๋กับชาวคณะรับสภาพ เก็บเงินใส่กระเป๋า แยกย้ายกันไปเก็บข้าวของเสื้อผ้า
ตุ้มกระซิบถามขึ้น “ฟ้าประทานจะบอกเจ๊ทรงงามมั้ย ว่าหักค่าตัวชาวคณะ”
ฟ้าประทานยิ้มร้าย “บอกให้โง่สิ”
“นึกแล้วเชียว ฟ้าประทานทำไม่ถูก อมเงินลูกคณะ”
ฟ้าประทานเสียงขุ่นใส่นึกเคืองตุ้ม “ไม่ชอบที่ผมทำ ก็ไปบอกทุกคนสิ”
“ประจานคนที่ชั้นรัก ชั้นทำไม่ได้หรอก”
“งั้นก็เงียบไว้”
ฟ้าประทานเดินหนีตุ้มไปหน้าเวที ตุ้มซึม รู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่ฟ้าประทานทำ
เจ๊ทรงงามหน้าม่อย นับเงินค่าตั๋ว ได้ไม่กี่พันบาท ฟ้าประทานออกจากวิกลิเก ตรงมาหาเจ๊
“เก็บค่าตั๋วได้เท่าไหร่ครับเจ๊”
“ไม่กี่พัน ค่าพวงมาลัยก็ได้หลักร้อย ฟ้าประทาน เราต้องหาเรื่องใหม่มาเล่นคนดูเบื่อเรื่องเกียรติศักดิ์นักสู้”
“ผมเข้าใจคนดูครับ เราปิดวิกมาหลายคืน เล่นเรื่องเดิมทุกคืน คนดูเลยหายผมจะไปหาครูลิเก จ้างแต่งกลอนลิเกซักเรื่อง”
“จัดมาสามสี่เรื่องเลยจ้ะ ได้จ่ายแบบเหมา ถูกหน่อย” ทรงงามว่า
“ผมจะโทร.ถามเพื่อนฝูง มีครูลิเกคนไหนว่างรับงานบ้าง”
ฟ้าประทานเอาเงินค่าตั๋วที่เจ๊ทรงงามนับเสร็จแล้วมาถือไว้ ผิดหวังที่ได้เงินค่าตั๋วน้อยกว่าที่หวัง
ที่โรงแรมในอยุธยา งานสัมมนาเสร็จสิ้นในวันถัดมา อาจารย์ใหญ่เช็คเอ้าท์อยู่ มีผู้จัดการคอยดูแล
“อาจารย์จะจัดสัมมนาอีก มาใช้บริการโรงแรมเรานะครับ”
“ครับ คณะลิเกเทียมฟ้าได้มาเล่นโชว์นักท่องเที่ยวหรือยังครับ”
“เจ้าของโรงแรมอยู่ต่างประเทศ ต้องรอกลับมาก่อน ถึงตัดสินใจครับ”
“ผมถามพนักงาน รู้ว่าคณะเทียมฟ้าเล่นลิเกทรงเครื่อง อยากรู้ว่าเป็นยังไงไม่เคยได้ยิน”
“ผมมีเบอร์โทร.ติดต่อคณะเทียมฟ้า อาจารย์โทร.ไปถามเลยครับ”
“ผมอยากไปดูเค้าเล่น บ้านเค้าอยู่ไหน”
“บางไทรครับ หาไม่ยากหรอก ชาวบ้านรู้จัก” ดิเรกบอก
กระแตกับโก๊ะกำลังจะขี่รถเอาขนมไปส่งที่ตลาด เห็นอาจารย์ใหญ่ขับรถมาจอดหน้ารั้วบ้านลิเก
“มาหาใครจ๊ะ” กระแตถาม
“ครูเทียม เจ้าของคณะเทียมฟ้าอยู่มั้ยหนู”
ถัดจากนั้น ครูเทียมนั่งคุยกับอาจารย์ใหญ่อยู่ในโถงบ้าน กระแตกับโก๊ะอยู่ด้วย อยากรู้อาจารย์มาหาครู มีธุระอะไร
“ผมเพิ่งย้ายมาเป็นอาจารย์ใหญ่ที่โรงเรียนในอยุธยาครับ ผมชอบดูลิเกแล้วก็อยากให้นักเรียน อนุรักษ์นาฏศิลป์พื้นบ้านของไทย เลยตั้งชมรมลิเกในโรงเรียน ครูเทียมช่วยไปเป็นวิทยากร สอนนักเรียนผมนะครับ”
“เคยสอนแต่ลิเก ไม่เคยสอนนักเรียน...อาจารย์เป็นคนที่อื่น รู้จักคณะเทียมฟ้าได้ยังไงครับ”
“ผมเห็นแม่หนูคนนี้” อาจารย์ใหญ่มองกระแต “ที่โรงแรม ถามผู้จัดการโรงแรม ได้ความว่าแม่หนูนี่ไปรำลิเกให้ผู้จัดการโรงแรมดู อยากรำโชว์นักท่องเที่ยว”
ครูเทียมเงียบกริบ นึกเคืองกระแต
“ขอให้ได้งานที่โรงแรมนั้นนะหนู”
กระแตไม่กล้าตอบคำพูดอาจารย์ใหญ่ ได้แต่เหลือบมองหน้าปู่ พบว่าครูเทียมหน้านิ่งมาก กระแตกับโก๊ะก้มหน้างุด รู้ว่าครูเทียมคงต้องโกรธมาก
อ่านต่อหน้า 3
ลิเก๊ลิเก ตอนที่ 16 (ต่อ)
ไม่นานต่อมา ครูเทียม กระแต และโก๊ะ เดินออกมาส่งอาจารย์ใหญ่ที่ประตูรั้วบ้าน
“ครูเทียมไปสอนลิเกให้นักเรียนผมนะครับ ผมอยากให้เด็กๆ รู้จักลิเกทรงเครื่อง” อาจารย์ว่า
ครูเทียมตอบแบ่งรับแบ่งสู้ “ขอคิดดูก่อนนะอาจารย์”
“ยังไงถ้าจะไปสอน โทร.แจ้งผม ตามเบอร์ที่ให้ไว้นะครับ ผมลาล่ะครับ”
พออาจารย์ใหญ่ลากลับ ครูเทียมก็หันมาเพ่งมองกระแตกับโก๊ะ แววตาครูดุ ทำเอาสองคนหงอ
“ใครให้พวกเอ็งไปรำโชว์ที่โรงแรม ฮึ”
“อ่า..คืออย่างงี้จ้ะปู่ พี่หลงติดต่อทางโรงแรมในตัวเมือง ให้พวกเราไปรำให้ดู ถ้าทางเค้าชอบ จะจ้างเราไปรำโชว์นักท่องเที่ยวต่างชาติจ้ะ”
“คิดแล้วเชียว ไอ้เจ้าหลงต้องมีเอี่ยว”
“พี่หลงหวังดี อยากให้คณะมีงานจ้ะครู” โก๊ะบอก
“เอ็งไม่ต้องแก้ตัวแทนมัน ไปตามหลงมาคุยกับข้าที่ศาลาท่าน้ำ”
ครูเทียมหัวเสียเล็กน้อย เดินส่ายหน้าไป กระแตกับโก๊ะหน้าแหย โดนปู่เคือง
ฝ่ายหลงนั่งซ่อมพัดลมตัวเก่าอยู่ ส่วนจอมนางปักลายดอกไม้น่ารัก บนเสื้อตัวเก่า ลายดอกไม้ที่จอมนางปัก เห็นชัดว่าฝีมือดีไม่แพ้เล่นลิเก
“จอมไปรับจ้างปักผ้าได้เลยนะครับ”
“ชั้นปักไม่เก่งเท่าพี่กระแตหรอกจ้ะ เสื้อตัวเนี้ยเก่าแล้ว จะทิ้งก็เสียดายเลยเอามาปัก ให้กลายเป็นเสื้อตัวใหม่ ไม่ต้องซื้อให้เปลืองเงิน”
“ผู้หญิงส่วนใหญ่หมดเงินไปกับเสื้อผ้า เครื่องสำอาง พี่ไม่ค่อยเห็นจอมซื้อของฟุ่มเฟือยพวกนั้น จอมเป็นผู้หญิงที่รู้จักใช้เงิน”
หลงมองอย่างชื่นชม จนจอมนางเริ่มเขินที่ถูกชมซึ่งๆ หน้า
หลงชมเพลิน “นอกจากรู้จักใช้เงินแล้ว จอมยังขยันขันแข็ง เวลาทำอะไรตั้งใจจริง จิตใจก็ดี อารมณ์ดี ใครอยู่ใกล้ๆ จอมก็มีความสุข พี่อยากรู้ ผู้ชายคนไหนน้า จะโชคดีได้ครอบครองหัวใจผู้หญิงชื่อจอมนาง”
หลงเก็บความรู้สึกพึงพอใจในตัวจอมนางไม่มิด แสดงออกมาทางสายตาว่าเขานั่นแหละที่อยากครอบครองหัวใจเธอ จอมนางเขินใหญ่จนปักผิดปักถูก
เพลงรักหวานแว่วน่าจะดังเบาๆ ในใจสองคน
กระแตกับโก๊ะมาตามหลง เห็นภาพหลงมองจอมนางตาหวานเชื่อมพอดี
“ฮั่นแน่ มาแอบฟินกันอยู่ตรงนี้เอง”
จอมนางเขิน “ฟินอะไรกันพี่กระแต ปักผ้าอยู่เห็นๆ”
โก๊ะยิ้มย่อง “เพิ่งรู้นะเนี่ย เป็นพระนางนอกวิกลิเกด้วย”
หลงเขินพอกันรีบเปลี่ยนเรื่อง “กระแตกับโก๊ะมีอะไร”
“ปู่ให้พี่หลงไปหาจ้ะ ปู่รู้แล้ว ว่าเราจะไปรำลิเกที่โรงแรม”
หลงกับจอมนางมองหน้ากัน หายฟินทันที
ที่ศาลาริมน้ำตอนนี้ หลงกำลังชี้แจงกับครูเทียม มีจอมนาง โก๊ะ และกระแตอยู่ด้วย
“จอมกับกระแตไม่อยากไปรำที่โรงแรมครับ ผมรบเร้าให้ไป”
“โทษพี่หลงไม่ได้จ้ะปู่ ชั้นเต็มใจไปเอง เพราะชั้นเห็นว่า การไปรำลิเกให้นักท่องเที่ยวดู เป็นการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทย” จอมนางว่า
กระแตเสริม “ใช่จ้ะ ชุด กับ เครื่องทรงของคณะเรา เป็นของเก่าแก่หาดูยาก ไม่มีงาน ก็ต้องเก็บไว้ในกล่องเฉยๆ สู้เอาไปอวดคนต่างบ้านต่างเมืองไม่ดีกว่าหรอจ๊ะปู่”
โก๊ะปิดท้ายว่า “จะมีลิเกซักกี่คณะ ได้รำให้ชาวต่างชาติดู ยืดได้ยันหลานบวชเลยนะจ๊ะครู”
ครูเทียมมองทุกคน “พวกเอ็งนี่สามัคคีกันดีแท้ ช่วยกันชักแม่น้ำทั้งห้า ในเมื่อพวกเอ็งเห็นดีเห็นงามคล้อยตามกัน ก็ไปรำโชว์เถอะ ข้าไม่ว่า”
ทุกคนยิ้มออก ที่ครูเทียมเปิดปากอนุญาต
“แต่...ข้าไม่ไปด้วย ข้าเป็นลิเกปิดวิก ไม่ใช่ลิเกโชว์”
ทุกคนหุบยิ้ม สุดท้ายครูเทียมก็ยังไม่ยอมรับแนวคิดการหาคนดูกลุ่มใหม่ของหลง จากนั้นครูเทียมก็ลุกออกไป
“ต้องไปส่งขนมแล้ว ไปโก๊ะ”
กระแตกับโก๊ะออกไป
จอมนางให้กำลังใจหลง “ซักวัน ปู่ต้องเข้าใจพี่ เหมือนที่พวกเราเข้าใจจ้ะ ยุคสมัยเปลี่ยน คนดูลิเกก็เปลี่ยน เราต้องหาคนดูกลุ่มใหม่ๆ”
“ครูเทียมไม่เห็นด้วยกับพี่ ก็ไม่เป็นไรหรอกครับจอม แค่ครูอนุญาตให้พี่พาคณะไปรำโชว์ พี่ก็ดีใจแล้ว”
หลงกับจอมนางยิ้มให้กำลังใจกัน
เวลานั้นกระแตกับโก๊ะเอาขนมมาส่งที่ตลาด เดินผ่านแผงเสื้อยืดเจ๋ง กระแตเลยแวะคุยถามไถ่เจ๋งเรื่องวันก่อน
“เจ้าหนี้เงินกู้ส่งคนมาจับตัวอีกหรือเปล่า”
เจ๋งโม้ ทำเก่ง “โดนผมเล่นงานไปวันก่อน ไม่กล้ามากระตุกหนวดเสืออีกแล้วล่ะครับ”
พร้อมพงศ์หมั่นไส้ “เสือหรือหมาวะ”
โก๊ะหันไปในตลาดแล้วบอกว่า “แม่ค้าโบกมือเรียกแล้วกระแต”
“ขอให้ขายดีนะจ๊ะ”
กระแตกับโก๊ะไปส่งขนมที่แผงแม่ค้าใกล้ๆ เจ๋งตาลอย มองตามกระแต
“ทำปากเก่งนะไอ้เจ๋ง ไอ้เบิ้มไอ้พลมันไม่กลัวเอ็งหรอก” พร้อมพงศ์ว่า
“รู้ แต่พวกมันต้องกลัวตำรวจ โดนตำรวจซิวไปรอบ หนีไปซุกก้นเสี่ยเต๊กที่กรุงเทพฯแล้วล่ะ ทีนี้เสี่ยจะส่งใครมาตามล่าพี่เทพ หรือยอมรามือ”
“คนอย่างเสี่ยเต๊กไม่รามือง่ายๆ หรอก เสี่ยแกเป็นพวกฆ่าได้ หยามไม่ได้เสี่ยจะมาไม้ไหนอีกเนี่ย” พร้อมพงศ์เป็นกังวลไม่ใช่น้อย
เบิ้มกับพลจอดมอเตอร์ไซค์รออยู่หน้าป้ายทางเข้าบางไทร สักครู่หนึ่งรถเก๋งคันงามของเสี่ยเต๊กแล่นมาจอด เสี่ยก้าวลงจากรถ มาดเจ้าพ่อ ตบหัวลูกน้องคนละเปรี้ยง
“ลื๊อสองคนทำงานไม่เอาอ่าว ต้องให้อั๊วมาตามหาพงศ์เทพเอง”
“บางไทรไม่ใช่เล็กๆ นะครับเสี่ย” เบิ้มคอหด
“อั๊วจะทำให้ดู ใช้สมองทำงาน เค้าทำกันยังไง ร้อนว้อย พาอั๊วไปโรงแรมก่อน”
“เราจองบังกะโลไว้ให้เสี่ยครับ ห้องติดกับห้องเรา” เบิ้มบอก
เสี่ยเต๊กโวยลั่นบางไทร “พวกลื๊อติดตามอั๊วมาตั้งหลายปี ไม่รู้นิสัยอั๊ว ไม่ใช่โรงแรม 5 ดาว อั๊วนอนแล้วคัน”
“บางไทรไม่มีโรงแรม 5 ดาวครับเสี่ย” พลบอก
“ผมเห็นมีโรงแรมนึง หรูซักหน่อย จะนำทางเสี่ยไปครับ พล ไปขับรถให้เสี่ย”
เบิ้มขี่มอเตอร์ไซค์นำ พลขับรถพาเสี่ยเต๊กไปโรงแรม เสี่ยหน้าบูด ไม่สบอารมณ์ไอ้ลูกน้องเฮงซวยทำงานไม่ได้เรื่อง
รถจอดหน้าโรงแรมระดับ 3 ดาว
ถัดมาไม่นานนัก เสี่ยเต๊กอยู่ในห้องพักแล้ว กำลังส่งปืนสั้นให้เบิ้ม
“อย่าโง่ขี่รถผ่านด่านตำรวจ ให้โดนยึดไปอีกล่ะ”
“ครับเสี่ย เสี่ยมีแผนตามหาพงศ์เทพยังไงครับ” เบิ้มถาม
“ถึงกบดาน ก็ต้องออกมาซื้อของกินของใช้ พวกลื๊อไปดักตามตลาด”
“ผมเคยเจอพงศ์เทพที่ตลาดหนนึงครับ ทำพวกผมซะแสบ เอาพริกไทยโรยใส่หน้าพวกผม” เบิ้มว่า
“พ่อลูกมันเฮี้ยวพอกัน ส่วนเฮียพงศ์หาตัวง่ายกว่าลูกชาย เฮียพงศ์ชอบดูลิเกมาก มีวิกลิเกที่ไหนในบางไทร เราก็ไปที่นั่น”
พลนึกได้ “ตอนนี้มีวิกลิเกนึง เปิดเล่นอยู่ครับเสี่ย”
“วิกอยู่แถวไหน”
สีหน้าแววตาเสี่ยเต๊กมุ่งมั่นมาดหมายเป็นอย่างมาก ว่าจะเจอพ่อลูกยอดแสบ
อ่านต่อตอนที่ 17