จันทบุรี - ฝนตกถนนลื่นทำเยาวชนอายุ 16 ปี ที่กำลังขี่ จยย.มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองจันทบุรี เสียหลักลื่นไถลชนรถยนต์กระบะที่วิ่งผ่านมา เป็นเหตุให้คนขี่ถูกโครงเหล็กยึดหม้อน้ำเสียบทะลุศีรษะเสียชีวิต ส่วนเพื่อนอีก 2 คนเจ็บสาหัส ด้านคนขับกระบะอาศัยช่วงชลมุนหลบหนี
เมื่อเวลา 10.45 น.วันนี้ (7 พ.ย.) ร.ต.อ.อภิชาติ โกเนตรสุวรรณ ร้อยเวรสถานีตำรวจภูธรเมืองจันทบุรี ได้รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถกระบะ บริเวณแยกไปรษณีย์ ถนนประชานิยม ตำบลวัดใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ในที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย และ1 ใน 3 ราย ถูกโครงเหล็กที่ยึดกับหม้อน้ำกันชนหน้ารถกระบะเสียบติดศีรษะอาการสาหัส
หลังรับแจ้งจึงประสานแพทย์เวรโรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี เจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัย นำอุปกรณ์ตัดถ่างเข้าให้การช่วยเหลือ
ในที่เกิดเหตุพบผู้ได้รับบาดเจ็บถูกโครงเหล็กที่ยึดติดกับหม้อน้ำกันชนหน้ารถกระบะโตโยต้า ไมตรีเอ็กซ์ สีเขียว หมายเลขทะเบียน บจ 5989 จันทบุรี เสียบติดคาอยู่ เจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดถ่างเพื่อตัดโครงเหล็กที่เสียบติดศีรษะของผู้ได้รับบาดเจ็บออก โดยต้องทำงานแข่งกับเวลาเนื่องจากผู้ได้รับบาดเจ็บเสียเลือดมาก และลมหายใจเริ่มอ่อนลง โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 20 นาที จึงสามารถตัดโครงเหล็กกันชนหน้าที่เสียบติดศีรษะผู้ได้รับบาดเจ็บได้สำเร็จ
แต่เนื่องจากผู้บาดเจ็บทราบชื่อ คือ นายเอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี นักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรี ได้เสียชีวิตไปก่อนหน้า ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 คน ซึ่งเป็นนักเรียนโรงเรียนเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี
พร้อมกันนี้ ในที่เกิดเหตุยังพบรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า มีโอ สีดำ หมายเลขทะเบียน 1 กก 5954 จันทบุรี ล้มคว่ำอยู่ และจากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ทราบว่า ในช่วงที่เกิดเหตุได้มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่เยาวชนอายุ 16 ปี ทั้ง 3 คน ได้ขี่รถจักรยานยนต์ซ้อน 3 ไม่สวมหมวกกันน็อกลงเนินมาด้วยความเร็วเพื่อมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองจันทบุรี แต่เมื่อมาถึงแยกไปรษณีย์ ได้มีรถยนต์กระบะผ่านมา ทำให้รถจักรยานยนต์เสียหลักลื่นไถลเข้าชนรถกระบะอย่างจัง
เป็นเหตุให้นายเอ คนขี่รถจักรยานยนต์ศีรษะกระแทกกับกันชนหน้ารถกระบะก่อนถูกโครงเหล็กที่ยึดติดกับหม้อน้ำเสียบเข้าเหนือคิ้วทะลุสมอง เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนเพื่อน 2 คน อาการสาหัส และยังไม่รู้สึกตัว
เบื้องต้น ในที่เกิดเหตุไม่พบคนขับรถยนต์กระบะแต่อย่างใด โดยตำรวจเชื่อว่าน่าจะอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามตัวคนขับรถกระบะมาทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป