เนตรนาคราช ตอนที่ 9
กาญจนาเล่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้อัศวินฟัง
“ดีที่ซามูมาช่วยไว้ทันค่ะ”
“ขอบใจมากซามู”
ซามูยิ้ม ทำมือทำไม้ แล้วเข้าป่าไป
“พี่ซามูฝีมือยอด” น่ายองชื่นชม
“แล้วพรานโก๊ะล่ะ ได้ข่าวว่าซัดพวกมันจนตัวเองกระจายไม่ใช่เหรอ”
นพดลแซว พรานโก๊ะยิ้ม
“ปืนโบราณก็แบบนี้แหละ มันถีบแรง”
ทีมงานเข้ามารายงานกับอัศวิน อัศวินพยักหน้ารับ แล้วบอกทุกคน
“เราสูญเสียทีมงานไปสอง”
ทุกคนหดหู่ใจ
“นึกไม่ถึงข่าวเรื่องเนตรนาคราชจะหลุดออกไปในหมู่ชุมโจร”
“รัตน์คิดว่าต้องมีคนจงใจปล่อยข่าวแน่นอน”
“อาจเป็นได้ มิน่าพวกมันถึงได้มาป้วนเปี้ยนให้วีรกิจยิงจนเกิดเรื่อง”
“ไม่รู้ว่าพรานเมิงกับคุณชาติจะตามพวกมันทันหรือเปล่า” กาญจนาบอกอัศวิน
“พรุ่งนี้พี่จะรีบตามไป”
“เอ่อ คือ พวกมันต้องการแผนที่”
“พี่ไม่คิดจะให้มันหรอก”
“แต่พวกมันจะฆ่าคุณวีรกิจนะคะ”
“พี่หมายความว่าจะช่วยคุณวีรกิจ โดยไม่ต้องให้แผนที่พวกมัน”
“ค่ะ”
อัศวินหันมาทางรัตนากร
“พี่ต้องขอยืมแผนที่ไปก่อน”
“ไม่เห็นต้องยืมนี่คะ รัตน์ไปด้วย”
“ไม่ได้หรอก พี่ต้องการให้รัตน์อยู่คอยดูแลทุกคนที่นี่”
อัศวินส่งสายตาไปที่กาญจนา รัตนากรเหลือบตาดูกาญจนาแว่บหนึ่ง สุดท้ายต้องพยักหน้ายอมรับเหตุผลของอัศวิน
บริเวณค่ายของหลิน หยกกับปิงคุยกับหลินเรื่องเนตรนาคราช
“คุณหนูฉลาดมากที่ปล่อยข่าวเรื่องเนตรนาคราชให้พวกชุมโจรรู้”
“คนเราน้อย ก็ต้องใช้ความฉลาดเข้าสู้ เงินซื้อได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งชีวิตคน”
“คนโง่พวกนี้ขอให้ได้รับเงิน ตายไม่ว่า”
“ดี ไม่ขอถ่ายรูปเราเอาไปติดบ้าน”
ทั้งหมดต่างหัวเราะกันอย่างสะใจ
อัศวินยังคงคุยกับทุกคนที่ค่ายพัก กาญจนาถามอัศวินเรื่องตามกลุ่มของชาติ
“แล้วพี่อัศวินจะตามคุณชาติไปได้ยังไง”
“พี่ก็พอมีฝีมืออยู่บ้าง อีกอย่างพี่มั่นใจว่า ชาติต้องทำเครื่องหมายไว้อย่างแน่นอน”
“ไม่ทันการหรอกค่ะ ให้นายองนำทางไปดีกว่า พวกเรารออยู่กับที่ไม่ได้ไปไหน” รัตนากรเสนอ
“กาญเห็นด้วยค่ะ”
กาญจนาสบตารัตนากรเป็นเชิงขอบคุณที่รัตนากรพยายามช่วยวีรกิจ
“ว่าไง นายอง ไหวมั้ย”
“สบายมาก นายองหลับตาข้างเดียวยังตามรอยพ่อได้เลย”
ทุกคนต่างยิ้มขำ
ใกล้ค่ายของเฮนรี่ ชาติกับพรานเมิงซุ่มดูอยู่ เห็นวีรกิจถูกมัดอยู่ห่างออกไปจากค่ายพวกมัน มีคนยืนเฝ้าอยู่
“แบบนี้ยังพอมีหวัง มันยังไม่คิดลงมือกับนักโทษของมัน”
“เราจะเอายังไงดี”
“รอ”
ชาติเอนตัวลงพิงต้นไม้หลับตาลง พรานเมิงงง
นายองนำอัศวินตามรอยรวดเร็ว คล่องแคล่ว อัศวินตาม
“นายอง เหนื่อยก็หยุดได้นะ”
“ไม่เหนื่อย”
นายองรีบเดินออกไป อัศวินขำ แล้วรีบตามไป
ชาติหลับอยู่ พรานเมิงเอื้อมมือมาปลุก ชาติลุกพรวดขึ้นมาเห็นสมุนของเฮนรี่คุมตัววีรกิจเข้าไปหาเฮนรี่ ซึ่งนั่งอยู่หน้าเต๊นท์หลังเล็ก เฮนรี่กับวีรกิจคุยกันพักใหญ่ เฮนรี่ก็ให้สมุนลากวีรกิจออกไปมัดที่ต้นไม้ห่างออกไป
“นึกว่ามันจะเล่นงานคุณวีรกิจซะแล้ว” พรานเมิงโล่งอก
“มันรอพวกเราให้เอาแผนที่มาแลก มันรู้ว่ามันถือไพ่เหนือกว่า”
“แล้วคุณอัศวินจะยอมให้แผนที่พวกมันเหรอครับ”
“เฮ้อ นี่ล่ะปัญหา เท่าที่รู้อัศวินไม่ให้แผนที่มันแน่ๆ แต่จะทำยังไงฉันยังไม่รู้”
“ผมไม่อยากจะพูด คุณวีรกิจชะตาขาด ช่วยไปก็เปล่าประโยชน์”
ชาติมองพรานเมิงอย่างคาดไม่ถึง
“ไม่ยักรู้ว่าพรานเมิงเป็นหมอดูรู้อนาคตผู้คน”
“ผมไม่เห็นอนาคตใครหรอกครับ แต่ลางมันออกมาจากคุณวีรกิจเอง ผมไม่เกี่ยว”
“ห้ามพูดเรื่องนี้เป็นอันขาด โดยเฉพาะกับคุณกาญจนา”
“โอย ผมไม่กล้าพูดหรอกครับ ผมอาจดูผิดก็ได้”
ชาติพยักหน้า ครุ่นคิด แต่แล้วชาติขยับตัว
“มีคนมา”
“แยกกัน”
ทั้งสองขยับตัว เสียงนกกระจิบดังขึ้น
“เดี๋ยวครับ”
ทั้งสองเงี่ยหูฟัง พรานเมิงมั่นใจ
“นายอง”
นายองกินน้ำจากกระติกแล้วส่งคืนให้พรานเมิง ชาตินั่งคุยกับอัศวิน
“แกมีแผนยังไง” ชาติถาม
“ฉันจะถือแผนที่เข้าไปแลกตัวกับนายวีรกิจ”
“งานนี้มันอาจจะยิงนายกับคุณวีรกิจพร้อมกันเลยก็ได้”
“มันไม่สนวีรกิจ และมันก็เชื่อว่าจัดการกับฉันได้ ชัวร์ ถ้าฉันตุกติก”
“ถึงยังไงก็ยังเสี่ยง ถ้าพวกมันได้แผนที่ล่ะก็จบเลย”
“ฉันจะยื้อแผนที่ไว้ก่อน จนกว่าวีรกิจจะพ้นพวกมัน เป็นหน้าที่ของพรานเมิงที่จะลากนายวีรกิจไปให้ไกลที่สุด หลังจากนั้นฉันถึงจะให้แผนที่กับไอ้เฮนรี่”
“อ้าว” นายองงง
“นายองมีลูกดอกยาสลบไม่ใช่เหรอ” อัศวินถาม
นายองนึกขึ้นได้
“ใช่”
“พอจะจัดการกับไอ้เฮนรี่ได้มั้ย” อัศวินถาม
“ได้อยู่แล้วครับ”
“โห พ่ออ้ะ ยุ่ง รู้ได้ไง มันยากนา ได้จ้ะ”
“วินาที่นั้น ไอ้เฮนรี่ทรุด พวกมันต้องสับสน ฉันเอาแผนที่คืน ฉันเผ่น ชาติ นายคอยยิงกราดใส่พวกมัน ฉันรอดมาได้ จบเกม”
“ฟังดูเหมือนแผนฆ่าตัวตายว่ะ”
อัศวินยักไหล่
“เอา เอาไงเอากัน” ชาติบอก
สมุนของเฮนรี่วิ่งจากป่าเข้ามารายงานโจซิงซึ่งนั่งอยู่กับอังโซะ โจซิงพยักหน้า แล้วเดินมาหาเฮนรี่ “ไอ้อัศวินมาแล้ว”
เฮนรี่ผลุดลุกขึ้น
“ไปลากตัวนักโทษมา”
“ข้าไม่เกี่ยวเรื่องนี้”
พรานอองข่านเดินออกไป โจซิงมองแค้น
เฮนรี่เดินเข้ามา โจซิงยืนคุมตัววีรกิจอยู่ อัศวินยืนประจันหน้า
“นึกว่าจะตามกันไป ไม่สนใจแผนที่ซะอีก”
“คนเราเปลี่ยนใจกันได้ อย่าเสียเวลาดีกว่า แผนที่แลกกับชีวิตไอ้หมอนี่”
“ปล่อยนักโทษก่อน”
“อย่าล้อเล่นน่า”
“งั้นเอางี้ คุณเดินมาหาผม เอาปืนจ่อผมไว้ พอนักโทษพ้นสายตาผม ผมก็ให้แผนที่คุณ ถ้าผมตุกติก คุณก็ยิงผมได้เลย ยังไงคุณก็ได้แผนที่อยู่ดี พวกคุณเป็นสิบ กราดปืนใส่ผมก็ไม่รอดแล้ว”
เฮนรี่มองโจซิงกับอังโซะกระซิบเบาๆ
“ทันทีที่ผมได้แผนที่มา ฆ่าพวกมันให้หมด”
โจซิง กับ อังโซะ ยิ้มเหี้ยมเกรียม
“ผมคิดว่าคุณไม่พกอาวุธจะดีที่สุด”
“แน่นอน”
อัศวินยกมือขึ้น ในมือมีแต่กระบอกแผนที่ แล้วหมุนตัวรอบให้เห็นว่าไม่มีอาวุธพกอยู่
“ได้”
เฮนรี่เดินไปหาอัศวิน อัศวินขยับตัวพร้อม กราดตาแว่บเข้าไปในป่า สื่อสารกับนายอง นายองขยับตัวพร้อม ในมือมีกระบอกสีดำสั้น เธอดึงออกม กลายเป็นกระบอกยื่นยาวออกมาอีกเกือบครึ่งเพื่อความแม่นยำ นายองหยิบลูกดอกขนนกสีดำจากย่ามสอดเข้าไปในกระบอกเป่า วางพาดบนกิ่งไม้ที่มีง่ามซึ่งเตรียมไว้แล้ว สายตาจ้องเขม็งที่เฮนรี่ซึ่งกำลังเดินใกล้อัศวินเข้าไปทุกที
เฮนรี่เดินเข้า เอาปืนจ่อที่หน้าอกของอัศวิน อัศวินถือกระบอกแผนที่ มือหนึ่งจับที่ฝากระบอก
“มีบางอย่างที่คุณไม่รู้เกี่ยวกับแผนที่”
“แล้วทำไมคุณใจดีจะบอกผม”
“แผนที่ถูกเก็บในกระบอกมานาน ถ้าถูกอากาศเกินสิบห้านาทีจะเริ่มยุ่ยสลายไป”
“อย่ามาเล่นเชิงกับผม”
“ผมบอกเพราะไม่อยากให้แผนที่เสียหาย งานนี้คุณขาดทุนมากกว่าผม”
“ความจริงผมยิงคุณตรงนี้แล้วเอาแผนที่ไปก็ยังได้”
“จริง แต่ผมจะดึงฝาออกทิ้ง ฟุบ แผนที่ไม่เหลือ”
เฮนรี่แค้น หันไปบอกโจซิง
“ปล่อยนักโทษ”
โจซิงปล่อย วีรกิจหลุดออกมา ยืนงงอยู่ด้วยความกลัว
“คุณวีรกิจมาทางนี้ เร็วเข้า”
วีรกิจรู้ตัวรีบเดินมาทางอัศวินกับเฮนรี่ยืนอยู่
“รีบเข้าไปในป่าด้านโน้นเร็วที่สุด”
“ไม่ เดี๋ยวผมหลง ผมจะรอไปพร้อมกับคุณ”
วีรกิจยืนเงอะงะ ทำให้บังวิถีลูกดอกของนายอง
“ตาบ้าเอ๋ย บังพอดี ถอยไป” นายองพึมพำ
“โอย น่าตืบจริงๆ” ชาติมองอยู่ด้วยความโมโห
“ไม่ควรมาช่วยมันล้ย” พรานเมิงเซ็ง
“คุณวีรกิจ ถ้าคุณยังไม่รีบไป ผมจะให้นายเฮนรี่ยิงคุณ แล้วแถมแผนที่ให้ฟรีๆ”
อัศวินบอก เฮนรียิ้มชอบใจ วีรกิจเลิ่กลั่ก สุดท้ายวิ่งเข้าไปในป่าตามที่อัศวินบอก
“ผมโชคดีจริงๆ ที่มีคนแบบนี้อยู่ในขบวนของคุณ”
เฮนรี่หัวเราะชอบใจ อัศวินมองไปทางนายอง นายองเป่าพรวด เฮนรี่เอามือจับที่ต้นคอ ปัดเอาลูกดอกหล่นลงไปที่พื้น
“ไอ้ยุงบ้านี่”
อัศวินเข้ามาเหยียบลูกดอกไว้พอดี ไม่ให้เฮนรี่เห็น
“แผนที่”
“เชิญ”
อัศวินส่งแผนที่ให้ พวกโจซิง กับ อังโซะ ยิ้มเหี้ยมเกรียม ขยับปืนในมือ เฮนรี่เอื้อมมือมารับไว้ จ้องมองอย่างพอใจ แต่แล้วกลับวูบเซ กระบอกแผนที่มีแสงขึ้นมาวูบหนึ่ง แต่ไม่มีใครเห็น อัศวินรีบเข้าหาเฮนรี่ คว้าแผนที่กลับมา แล้วคว้าปืนเฮนรี่ เฮนรี่ทรุดลงกับพื้น พวกโจซิงกับอังโซะ คาดไม่ถึง อัศวินรีบวิ่งเข้าป่าไปทางชาติอย่างรวดเร็ว
“มันหนีไปแล้ว”
โจซิงกับอังโซะรู้ตัว กราดปืนยิงตามอัศวิน แต่แล้วกระสุนก็ดังมาจากทางชาติ ทีมงานของเฮนรี่ทรุดไปคนหนึ่ง ร้องลั่น โจซิง กับ อังโซะ ต่างพากันหลบหาที่กำบัง ยิงไล่หลังอัศวิน อัศวินพุ่งตัวข้ามพุ่มไม้เข้าไปในแนวป่า หล่นโครมมาข้างๆ ชาติ ซึ่งกำลังหลบกระสุนอยู่
นายองวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตไปยังทิศทางที่ตกลงกันไว้ ชาติกับอัศวินโผล่มายิงสาดใส่พวกมัน ดึงความสนใจไม่ให้มันสนใจทิศทางที่วีรกิจวิ่งออกไป พวกมันเริ่มสับสน อัศวินยิงไปที่พื้นใกล้ๆ เฮนรี่ โจซิงเห็น วิ่งออกไปลากเฮนรี่เข้ามาหลบหลังต้นไม้
นายองวิ่งพรวดออกไป พรานเมิงตะโกนเรียก
“นายอง”
นายองเบรคพรืด เห็นพรานเมิงกับวีรกิจซุ่มอยู่ในดงไม้
“ไปเลยพ่อ”
พรานเมิงดันวีรกิจให้วิ่งต่อไป นายองตามไปติดๆ
เฮนรี่ถูกลากเข้ามาในค่ายพัก มึน แต่ไม่วายพูดถึงแผนที่
“ล่า มัน แผน ที่”
โจซิงดีดมือ อังโซะหันมา โจซิงส่งสัญญานมือ อังโซะพยักหน้า แล้วพาทีมงานอ้อมไปอีกด้านหนึ่งอย่างรวดเร็ว
“มันโอบล้อมเราแล้วเพื่อน” ชาติบอกอัศวิน
“ได้เวลาเผ่น”
ทั้งสองขยับตัว แต่กระสุนปลิวว่อนจนต้องหลบ
“ไอ้โจซิง มันคงแค้นน่าดู”
“แหงล่ะ”
“หนึ่ง สอง สาม ยิงพร้อมกันแล้วเผ่น”
“หนึ่ง สอง สาม”
ทั้งสองโผล่พรวดออกไปเหนี่ยวไกยิง จนโจซิงต้องหลบหลังต้นไม้ ชาติ กับ อัศวิน หันหลังเผ่นเข้าป่า ห่างกับพวกของพรานเมิงกับนายอง กระสุนปืนตามติด โจซิงมองตามด้วยความแค้นใจ
“สี่คนอยู่คุ้มกันคุณเฮนรี่ ที่เหลือตามมา”
โจซิงอ้อมไปอีกด้าน ทีมงานห้าคนตามติด อังโซะนำทีมงานวิ่งไล่ล่าอ้อมไปอีกด้านหนึ่งอย่างรวดเร็ว อัศวินกับชาติวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต อังโซะนำลูกทีมอ้อมมาดักไว้อีกด้านหนึ่ง โจซิงกับลูกทีมวิ่งอ้อมมาดักอีกทาง
อัศวินกับชาติมาถึงดงหนาทึบแห่งหนึ่ง ทั้งสองหยุด มองรอบๆ เห็นพวกอังโซะ แว่บๆ มาแต่ไกลอีกด้านหนึ่ง และเห็นทีมของโจซิงในระยะไกลอีกด้านหนึ่ง อัศวินคว้ากิ่งไม้สั้นๆ สองกิ่ง ไว้ในกำมือ โผล่ปลายออกมาแล้วยื่นให้ชาติเลือก
“สั้นตัวล่อ ยาวตัวป่วน”
ชาติจ้องที่กิ่งไม้แล้วดึงออกมาอันหนึ่ง เป็นอันสั้น อัศวินเปิดมือมาเป็นอันยาว
“แกตัวล่อ ฉัน ตัวป่วน”
“ป่วนให้เต็มที่เลยเพื่อน”
ชาติพุ่งออกไปทางที่อังโซะกับโจซิงล้อมเข้ามา อัศวินกราดสายตาไปมา แล้วพุ่งย้อนกลับไปที่ค่ายของเฮนรี่
อังโซะ พาทีมงานห้าคนล้อมเข้ามาอย่างรัดกุม เห็นเงาของชาติวูบวาบอยู่ตรงหน้า พวกมันสาดกระสุนใส่ ชาติพุ่งตัวหลบพ้นอย่างน่าหวาดเสียว
อัศวินกลับมาที่เดิม เห็นเฮนรี่นั่งสะบัดหัวด้วยความมึนงงอยู่ ทีมงานยืนเฝ้าอยู่ข้างๆ เขายิงสาดออกไป พวกทีมงานลากเฮนรี่หลบวุ่นวาย
โจซิงกับอังโซะหยุดฟังเสียงปืน รู้ว่ามาจากบริเวณที่เฮนรี่อยู่ อังโซะสั่งทันที
“ทุกคนกลับไปคุ้มกันคุณเฮนรี่”
อังโซะกับพวกถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
“ทุกคนถอย”
โจซิงสั่งสมุนถอยไปเช่นกัน
อัศวินกับชาติออกมาเจอกันตรงลานเล็กๆ
“ไม่น่าเชื่อ พวกมันถอยกันหมด แผนแกนี่เนียนจริงๆ”
“อ้าวเพื่อน นี่ฉันนะเว้ย”
“ฉันว่าเผ่นกันดีกว่า”
“ดีว่ะ”
ทั้งสองเผ่นพรวดออกไป
อ่านต่อหน้า 2
เนตรนาคราช ตอนที่ 9 (ต่อ)
โจซิงเดินไปเดินมาอยู่ที่ค่ายด้วยความแค้น
“เกือบจะได้ตัวพวกมันอยู่แล้ว”
“ถ้าพวกคุณกลับมาไม่ทัน ผมอาจจะเดี้ยงไปแล้วก็ได้” เฮนรี่บอก
อังโซะเดินเข้ามาพร้อมแบมือให้ทุกคนดูลูกดอก พรานอองข่านเดินเข้ามา
“อืม ฉลาดมาก ลูกดอบอาบยางสมุนไพรชนิดหนึ่ง ชื่อ ไพรนิทรา”
“ถือว่าคราวนี้มันวางแผนได้เหนือเรา” เฮนรี่บอก
โจซิงแค้น ไม่พอใจ
“แต่ยังไงเราก็ตามรอยพวกมันได้อยู่แล้ว ใช่มั้ยพราน”
เฮนรี่หันไปถาม พรานอองข่านมองพวกเฮนรี่อย่างสมเพช
“งานข้ามันแน่นอนอยู่แล้ว เอ็งห่วงแต่พวกเอ็งเถอะ”
พรานอองข่านเดินออกไป โจซิงกับทุกคนมองด้วยความหมั่นใส้
บริเวณค่ายที่พักของกาญจนา ทุกคนยืนล้อมเนินดินสองเนินที่ฝังร่างของทีมงาน ต่างเศร้าสลดใจ
“ขอให้ไปสู่สุขคติ”
นพดลพูดด้วยความอาลัย พรานโก๊ะเอาดอกไม้มาโปรย
พวกหลินซุ่มดูอยู่ใกล้ค่ายที่พักของพวกกาญจนา
“นึกไม่ถึง เรานี่แหละจะเป็นฝ่ายที่ได้แผนที่”
“แต่ผู้กองอัศวินเอาแผนที่ไปให้เฮนรี่แลกกั...” ปิงยังพูดไม่จบ
“แกสองคนเคยเจอฝีมือของผู้กองอัศวินมาแล้ว น่าจะรู้ดี ไอ้เฮนรี่ไม่มีทางได้แผนที่แน่นอน”
หยกกับปิงเงียบไป
“ไอ้พวกโจรว่ายังไง” หลินถาม
“เราสองคนรวบรวมไอ้พวกโจรหิวเงินพร้อมบุกอยู่แล้ว”
หลินยิ้มพอใจในแผนของเธอ
ทีมงานที่เหลือคอยระวังรอบ รัตนากรยืนระวังอยู่เช่นกัน นพดล กาญจนา พรานโก๊ะ นั่งอยู่ใกล้ๆ กองไฟ
“พี่เชื่อว่าอัศวินต้องพาคุณวีรกิจกลับมาพร้อมกับแผนที่” นพดลปลอบ
“ตอนนี้กาญไม่อยากจะคิด เพราะกลัวว่าจะห่วงแผนที่มากกว่าคน”
“บางคนคิดไม่ดีอยู่ผิดที่ผิดทาง เป็นเรื่องของกรรมเวร” พรานโก๊ะเปรย
รัตนากรเดินไปมามองรอบๆ ทันใดนั้นเสียงนกซามูดังขึ้น สักครู่ซามูก็พรวดเข้ามา ทำไม้ทำมือกับรัตนากร ทุกคนต่างระวังตัว
“พวกมัน มาเยอะ”
ซามูพยักหน้า
“รวมกันแบบนี้จะถูกพวกมันล้อมจนมุม เราต้องแบ่งกำลังของมันออก”
“รัตน์มีแผนยังไง” นพดลถามอย่างกังวล
“ซามูพาพี่หมอ กับ พรานโก๊ะ หลบไปก่อน ทีมงานกระจายกันออกไป หาทางตลบหลังพวกมัน กาญไปกับพี่ เราจะล่อพวกมันไปอีกทาง พอปลอดภัยแล้ว ซามูพาพวกเราตามหาฉันสองคน”
ซามูพยักหน้า
“เร็วเข้า”
ทุกคนเก็บสัมภาระ ซามูนำนพดลกับพรานโก๊ะออกไปด้านหนึ่ง ทีมงานที่เหลือ 4 คน แยกกัน
ด้านละสองคน
“กาญทางนี้”
รัตนากรพุ่งออกไป กาญจนาตามติด
เพียงไม่นาน พวกโจรนับสิบก็เข้ามายังค่ายที่ว่างเปล่า นำโดย หยก ปิง หลิน
“พวกมันรู้ได้ยังไงว่าพวกเรามา”
หยกกับปิงสำรวจร่องรอย หลินมองอย่างร้อนใจ สักครู่ ทั้งสองเข้ามารายงาน
“มีรอยแยกย้ายกันหลายทิศทาง”
“ด้านนี้รอยเท้าสองคน น้ำหนักไร่เรี่ย”
หลินยิ้มรู้ว่าเป็นรัตนากรกับกาญจนา
“สั่งให้ทุกคนตามไปทางนี้”
“แล้วรอยอื่น”
“ไม่สำคัญ”
ซามูนำ นพดล กับ พรานโก๊ะ หลบมาทางด้านหนึ่ง ไม่มีร่องรอยของพวกมันตามมา
“เราน่าจะพ้นพวกมันมาแล้ว”
ซามูส่ายหน้าทำไม้ทำมือนพดลไม่เข้าใจ
“ไม่รู้เรื่องว่ะ ซามู”
“มันบอกว่าพวกมันไม่สนใจตามพวกเรา”
ซามูมองหน้าพรานโก๊ะที่เข้าใจ พรานโก๊ะยิ้มให้
“ข้าเคยมีลูกน้องเป็นใบ้เหมือนเอ็ง เลยพอเข้าใจภาษามือไม้ของเอ็ง”
ซามูทำท่าทำมือเร็ว สีหน้าเอาเรื่อง
“อ๋อที่ข้าทำไม่รู้เรื่อง เพราะขี้เกียจ รำคาญเอ็งว่ะ”
ซามูยกกำปั้นขึ้นมาตรงหน้า
“อันนี้ฉันพอจะเดาออก” นพดลบอก
ซามูทำไม้ทำมืออีก
“มันบอกว่าเราต้องย้อนไปช่วยคุณรัตน์”
“โอเค ได้”
ซามูยังหันมาเหล่พรานโก๊ะ พรานโก๊ะแกล้งยิ้มให้
อิทธิกับโรสเข้ามาในที่พักค่ายของกาญจนา เห็นอยู่ในสภาพถูกบุกรุก
“เรามาช้าไป”
ทั้งสองแยกกันตรวจอย่างรวดเร็ว
“รอยแบ่งออกเป็นสองทาง” โรสบอก
“ดูเหมือนว่ารอยนำสองคนน่าจะเป็นคุณรัตน์กับคุณกาญ”
“ทางด้านนี้คงเป็นพี่หมอกับพรานโก๊ะและพวกทีมงาน”
“แย่แล้วรอยพวกมันตามคุณรัตน์กับคุณกาญ ไม่สนใจอีกด้านเลย”
“เราต้องรีบ”
โรสออกไป อิทธิตาม
รัตนากรนำกาญจนามาหลบซุ่มในป่าด้านหนึ่ง มองรอบๆ เห็นพวกมันวูบวาบล้อมเข้ามา รัตนากรชักปืนขึ้นมาตรวจ เช่นเดียวกับกาญจนา
“ยิงเด็ดชีวิตอย่างเดียว” รัตนากรสั่ง
“หา”
“คิดว่าเป็นการซ้อมเป้าอย่างที่พี่เคยสอน”
เงาแว่บเข้ามา รัตนากรตวัดปืนยิงเปรี้ยงโจรคว่ำ ร้องโหยหวน
“แบบนี้ ถ้าเราไม่ฆ่ามัน มันจะฆ่าเรา”
กาญจนาพยักหน้า ชักปืนขึ้นมายิงกราดไปยังเงาที่แว่บเข้ามา มันร้องแล้วทรุดลง
“ดี”
รัตนากรยิง พวกมันล้มนัดละคน ร้องกันระงม ทันใดนั้น รัตนากรลากตัวกาญจนาหลบไปอีกพุ่มไม้หนึ่ง กระสุนปลิวเข้ามาราวกับห่าฝน พุ่มไม้เก่ากระจุยกระจาย
“shoot and run ยิงแล้วเคลื่อนตัวทันที”
กาญจนาพยักหน้ารับ
“นาว”
ทั้งสองต่างกราดปืนไปคนละทาง สาดยิงพวกมันคว่ำไประนาว
“move”
รัตนากรวิ่งพรวดออกไป แต่กาญจนาสะดุดล้ม แล้วลุกขึ้นมา พวกมันสาดกระสุนเข้ามา รัตนากรชนร่างของกาญจนากระเด็นออกไป หลบกระสุนได้ทันท่วงที
“เจ้าสองคนไปดักหน้าเอาไว้” หลินสั่ง
กาญจนาวิ่งนำ ตามด้วยรัตนากร วิ่งผ่านดงไม้พ้นออกมา แต่แล้วเจอพวกโจรล้อมไว้ พวกโจรนับสิบ ถือปืนจ้องมา
“ทิ้งปืน”
“แผนที่ เร็ว”
รัตนากรกราดสายตามองพวกมันอึดใจ แล้วบอก
“ฉันโยนเข้าไปในพุ่มไม้โน่น”
“เฮ้ย เข้าไปดูซิ”
โจรสามคนพรวดเข้าไปยังพุ่มไม้ตรงหน้า
“ปืน ทิ้ง”
รัตนากรกับกาญจนาต่างมองหน้ากันเตรียมพร้อม ค่อยๆ ลดปืนในมือลง ทันใดนั้น เสียงปืนสนั่นมาจากพุ่มไม้ที่พวกมันเดินเข้าไป ลูกน้องสามคนดิ้นร้องทรุดลง
“คุณรัตนากรทางนี้”
เสียงมาจากทางด้านซ้ายของรัตนากร ทีมงานสองคนโผล่มาสาดกระสุนเข้าใส่พวกมันทรุดไปสอง ที่เหลือพรวดเข้าหาที่กำบังอย่างรวดเร็ว รัตนากรกับกาญจนาต่างวิ่งเข้าไปที่ทีมงานสองคน
“รีบไปครับ เราจัดการพวกมันเอง”
กระสุนเข้ามาเปรี้ยงๆ ทีมงานคนหนึ่งทรุดต่อหน้าต่อตา
“เร็วครับ”
รัตนากรพรวดออกไป ลากกาญจนาไปด้วยติดๆ ทีมงานอีกคนหันมายิงสู้ แต่แล้วก็ถูกกระสุนล้มลง
พวกโจรนับสิบวิ่งตามรัตนากรไป
พวกโจรออกมาพ้นแนวป่า ก็เจอทีมงานอีกสองที่เหลือสกัดไว้จนต้องถอยกลับไป เปิดทางให้รัตนากรกับกาญจนาหนีห่างออกไป
แต่แล้วพวกโจรก็ตั้งตัวได้ บุกเข้ามาอีก สาดกระสุนเข้าใส่ ทีมงานจนทรุดไปหนึ่ง เหลือแค่หนึ่งคนต้านไม่อยู่ ถอยร่นหนีพวกโจร พวกโจรย่ามใจบุกไล่เข้มา แต่แล้วเสียงปืนสนั่นออกมาจากด้านข้างของป่า พวกมันทรุดลงไปราวใบไม้ร่วง เป็นฝีมือของซามู นำนพดล กับ พรานโก๊ะ มาช่วยนั่นเอง พวกที่เหลือถอยไปจนหมด ซามูสำรวจหันมาทำมือไม้บอกพรานโก๊ะ
“รอยคุณรัตน์กับคุณกาญไปแล้ว”
“งั้นเราคอยสกัดพวกมันที่นี่ อย่าให้พวกมันตามไป” นพดลบอก
รัตนากรกับกาญจนาวิ่งออกมาแล้วหลบเข้าไปในพุ่มไม้ รัตนากรกราดสายตารอบ ยังไม่เห็นพวกมัน เธอค่อยๆ ผ่อนคลาย หันกลับไปมองกาญจนา กาญจนาหน้าตาไม่ดี มือข้างหนึ่งมีเลือดอยู่แดงฉาน รัตนากรตกใจ เข้าไปตรวจดูอย่างรวดเร็ว
“ยัยกาญ เจ็บตรงไหน”
กาญจนาส่ายหน้า
“กาญไม่ คือ พี่รัตน์ ถูก”
กาญจนาชี้ที่เอวทางด้านขวาของรัตนากร เลือดแดงฉานไหออกมา
“โล่งอกไป นึกว่าถูกกาญซะอีก”
กาญจนาตื้นตันใจที่พี่สาวเป็นห่วง ในที่สุดก็โผเข้ากอดรัตนากร พูดไม่ออก รัตนากรยิ้มสุขใจ
กาญจนาพารัตนากรออกมาจากป่า หยุดลงหลังต้นไม้
“ดูเหมือนว่าทีมงานจะสกัดพวกมันไว้ได้พักหนึ่ง”
รัตนากรสะบัดไหล่ปลดเป้ แล้วทรุดตัวนั่งลง
“พี่ต้องให้กาญช่วยพี่หน่อย”
“ได้ค่ะ”
“เอากระสุนออก”
“หา”
“เร็วเข้า อุปกรณ์ฉุกเฉินอยู่ในเป้พี่ ช้าไม่ได้”
กาญจนาอึ้งไป
กาญจนาเหงื่อตก แบมือให้เห็นหัวกระสุนที่ยังมีเลือดติดอยู่ให้รัตนากรดู
“เย็บแผลได้เลย”
กาญจนาตาโตตกใจ แล้วพยักหน้า รัตนากรยิ้มให้
“เก่งมาก”
กาญจนาฝืนยิ้ม รัตนากรหลับตาลง
อิทธิกับโรสเดินทางมาอย่างรวดเร็ว หยุดสำรวจตรงลาน ทั้งสองต่างแยกกันค้นหา
“ทางนี้” โรสเรียก
อิทธิพุ่งไป ก็เห็นทีมงานสองคนนอนตาย
“ไปที่ชอบนะเพื่อน เดี๋ยวจะกลับมาดูแลพวกนายให้เรียบร้อย”
“รอยออกเยอะแยะ ทำไมมีแต่คนของเรา”
“พวกโจรมันคงลากพวกของมันไปด้วย”
“นึกไม่ถึงโจรยังคิดถึงพวกพ้อง”
“อืม อีกอย่าง เสบียง ไม่ได้หาง่ายๆ”
“แหวะ คุณนี่ บ้าจริงๆ”
อิทธิยิ้มขำ ทันใดนั้นเสียงปืนสนั่นมา อิทธิ กับ โรส พุ่งเข้าหลบในพุ่มไม้ สายตากราดไปข้างหน้า
นพดลถามพรานโก๊ะ
“โดนมั้ย”
“ไม่แน่ใจ ปืนโบราณ ศูนย์ไม่ค่อยดี”
ซามูทำไม้ทำมือใส่พรานโก๊ะ
“ข้าเห็น ข้าก็ยิง ทำไมต้องรายงานเอ็งด้วย”
ซามูเหล่ ทำมือทำไม้
“เอ็งรู้ได้ยังไงว่าไม่ถูก”
ซามูทำหน้าเบ้ชี้ไปที่ปืนโบราณ ส่ายหัว พรานโก๊ะเหล่กลับ
โรสหันไปพูดกับอิทธิ
“พวกมันมาดักเราตรงนี้ทำไม”
“เดี๋ยวก่อน เสียงคล้ายปืนโบราณ ใช่แล้ว น่าจะเป็นพรานโก๊ะ”
“แน่ใจนะ”
“กลุ่มพรานโก๊ะมี พี่หมอ แล้วก็ซามู ผมนึกออกแล้ว”
อิทธิผิวปากส่งสัญญาณนกออกไป โรสมอง ไม่ค่อยเชื่อ สักครู่ก็มีสัญญาณตอบกลับมา โรสผิดคาด
“ซามู”
อิทธิกับโรสเข้ามาสมทบกับพวกของนพดล
“พี่ว่า อิทธิกับคุณโรสรีบตามยัยรัตน์กับยัยกาญไปดีกว่า”
“โอเค ซามู แกพาทุกคนกลับไปที่แคมป์ ก่อนที่จะแห่กันมาถึงนี่ บอกว่าฉันจะพาคุณรัตน์กับคุณกาญ
กลับไปเอง”
ซามูพยักหน้ารับ อิทธิหันมาทางโรสแล้วพุ่งออกไป โรสยิ้มให้นพดลกับพรานโก๊ะ แล้วตามอิทธิออกไป
อัศวิน ชาติ นายอง พรานเมิง วีรกิจ เดินเข้ามาในค่าย แต่ไม่มีใครอยู่แล้ว นายองวิ่งไปวิ่งมาตรวจร่องรอย
“มีคนบุกค่าย หายกันไปหมดเลย”
“ชาติ นายอง คุณวีรกิจ อยู่ที่นี่ เผื่อว่าจะมีใครกลับมา ฉันกับพรานเมิงจะรีบตามไป”
“ฉันเชื่อว่าคุณรัตน์จัดการพวกมันได้”
อัศวินฝืนยิ้ม รีบออกไป พรานเมิงตามติด ชาติ นายอง มองตามกังวล วีรกิจเบื่อ ที่ต้องลำบากอีกแล้ว
อ่านต่อหน้า 3
เนตรนาคราช ตอนที่ 9 (ต่อ)
กาญจนาเขย่าไหล่ของรัตนากรเบาๆ รัตนากรลืมตาขึ้น
“พี่หลับไปเหรอ”
“แค่สิบนาทีเองค่ะ มีความเคลื่อนไหว”
รัตนากรกราดสายตารอบ ค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้น คว้าเป้ขึ้นมาสะพาย กัดฟันซ่อนความเจ็บปวด กาญจนาไม่เห็น รัตนากรเดินอย่างระวัง เห็นทุกอย่างเงียบสงบ จึงนำกาญจนาออกมาจากที่ซ่อน ปืนในมือกราดไปมา แต่ทันใดนั้น หยก กับ ปิง ตีลังกาลงมาขวางไว้
“ฉลาดเหมือนกัน หลอกไอ้พวกโจรมาให้ตายแทนได้” รัตนากรหยัน
“เราช่วยให้แผ่นดินสูงขึ้นตะหาก” ปิงหันมายิ้มกับหยก
“แต่ก็น่าจะรู้ว่า แผนที่ไม่ได้อยู่ที่เรา”
“แผนที่อาจจะไม่จำเป็น ถ้าได้ตัวคุณกาญจนา” หลินบอก
“ฉันยังรู้เส้นทางไม่หมด”
“เป็นไปไม่ได้ ออกเดินทางมาถึงนี่ เดาสุ่มมายังงั้นเหรอ”
“แผนที่”
รัตนากรยกมือขัดกาญจนา
“แผนที่ลงคาถากำกับไว้ ดูได้แค่ห้าหรือสิบนาที แล้วต้องเก็บ รอหนึ่งวันหรือมากกว่านั้นถึงจะดูได้อีกครั้ง”
“ไม่ยังงั้นแผนที่จะสลายตัว”
“พวกเธอคิดว่าฉันโง่อย่างนั้นเหรอ”
กาญจนากับรัตนากรต่างยิ้มเยาะ พยักหน้าพร้อมกัน
“บ้าที่สุด มีเรื่องแบบนี้ด้วย ลงคาถา คาเถอ”
“ไม่เชื่ออย่าลบหลู่”
หลินมองหน้าทั้งสองคน แล้วสั่งหยกกับปิง
“คุมตัวไป”
รัตนากรกับกาญจนายืนนิ่ง
“คิดจะแลก ไม่ว่าคุณจะเร็วแค่ไหน น้องสาวคุณไม่รอด”
รัตนากรเครียดกราดปืนไปมา หลินกับปิงยิ้มเยาะ
“เอางี้ ดูเหมือนว่าจะบาดเจ็บ ถ้าชนะเด็กของฉันได้ เธอมากับฉัน น้องสาวกลับไป”
รัตนากรยิ้มเยาะ “ใจดีจริงๆ ให้สู้ตั้งสองคน”
“คนเดียวก็ได้ เลือกเอา พอใจมั้ย”
“งั้นใครก็ได้ ส่งมาเลย”
หลินมองหยก แล้วพยักหน้า หยกเก็บปืน ก้าวออกไป รัตนากรส่งปืนให้กาญจนาพลางกระซิบ
“มีโอกาสรีบหนี ไม่ต้องห่วงพี่”
กาญจนาตกใจ รัตนากยิ้มให้ แล้วหมุนตัวกลับ ก้าวออกไปเผชิญหน้ากับหยก
หยกถูกรัตนากรจัดการ กระเด็นกลิ้งลงมาที่พื้น แล้วลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หลินมองรัตนากรที่ตั้งท่าอยู่ เห็นเลือดซึมออกมาที่เสื้อตรงบาดแผล หลินยิ้มเป็นต่อ รัตนากรตีหน้าเยือกเย็น ซ่อนความเจ็บปวด กาญจนามองอย่างกังวล รัตนากรมองส่งสัญญาณให้กาญจนาหนี กาญจนาตัดสินใจไม่ถูก
ทันใดนั้น หยกพุ่งเข้าหารัตนากร เกิดการต่อสู้กัน หยกได้เปรียบขึ้นทุกที กาญจนาเห็นรัตนากรถูกกระแทกหลายครั้ง น้ำตาเริ่มไหล สงสารพี่สาว รัตนากรเริ่มอ่อนแรง ถูกหยกยันเข้าที่แผลโครม เซไป เลือดซึมออกมานอกเสื้อ รัตนากรตั้งตัวได้ ฝืนใจทนเจ็บ หันมามองกาญจนาส่งสัญญาณให้หนีไป กาญจนายืนน้ำตาซึม ส่ายหน้า ไม่อยากทิ้งพี่สาว
“ซึ้งใจจริงๆ”
หลินพยักหน้าให้หยก หยกยิ้มโหด กระโดดตัวลอยใส่รัตนากร รัตนากรซึ่งยืนอ่อนแรงอยู่ ฮึดขึ้นตั้งรับ
แต่ทันใดนั้น โรสก็โผล่เข้ามายืนตรงหน้ารัตนากร ยันหยกโครมลงไปกลิ้งอยู่ที่พื้น หยกลุกขึ้นมาจ้องโรส กาญจนายิ้มทั้งน้ำตา รัตนากรอ่อนแรงยิ้มให้โรส
“สวัสดีน้องสาว”
โรสยิ้มให้ “ขอโรสอัดสองคนนี่ก่อน สู้กับคนเจ็บไม่สนุกหรอก เข้ามาเลยพร้อมกัน”
ปิง กับ หยก ต่างมองหน้ากัน หันไปมองหลิน หลินแค้น เสียงอิทธิดังเข้ามา
“หรือว่าไม่กล้า”
อิทธิยืนถือปืนแกว่งไปมาอยู่อีกด้านหนึ่ง
“คุณกาญจครับ คุณรัตนากร”
กาญจนารีบวิ่งมาประคองรัตนากรออกไป หลินดูสถานการณ์ แล้วสั่ง
“ถอย”
“ไม่ได้ สองตัวนี่ต้องเจอดีก่อน แล้วแกที่หลัง”
หลินตาวาว แค้น แต่ชำเลืองมาทางอิทธิ
“ตามสบาย ถือว่าผมไม่ได้อยู่ที่นี่” อิทธิบอก
หลินพยักหน้าให้หยกกับปิง ทั้งสองพุ่งเข้าหาโรส โรสตีลังกาออกมาตรงลานรออยู่
ซามูคอยระวังรอบ กราดสายตา นพดลตรวจดูทีมงานที่เหลือเพียงคนเดียวที่ถูกกิ่งไม้และกระสุนเฉี่ยวไปสองสามแห่ง
พรานโก๊ะเดินไปมาคอยช่วย ซามูยังไม่วายหันมาเหล่พรานโก๊ะ ที่ทำเป็นไม่รู้เรื่องเวลาเขาพูด พรานโก๊ะยิ้มชอบใจ แต่แล้วซามูขยับตัว เห็นเงาวูบวาบ ส่งสัญญาณให้ทุกคนหลบตามพุ่มไม้ ต่างถือปืนคอยระวังพวกมัน ส่วนซามูหายเข้าไปในป่า นพดล พรานโก๊ะ ทีมงานเตรียมพร้อม มือกระชับปืน
อัศวินกับพรานเมิง ตามรอยมาอย่างรวดเร็ว แต่แล้วพรานเมิงหยุด ทันใดนั้นซามู
โผล่ออกมา แล้วพาไปเจอกับพวกนพดล
“คุณอิทธิกับคุณโรส ตามพวกมันไปแล้ว ให้พวกเราเดินทางกลับมาคอยดักนายไว้ บอกว่าไม่ต้องห่วง”
อัศวินกังวล ในที่สุดต้องยอมรับ
“อืม สองคนนั่นมีฝีมือ ยายรัตน์กับยายกาญปลอดภัยแน่นอน เรากลับไปสมทบกับค่ายใหญ่ดีกว่า”
ทั้งหมดต่างเคลื่อนตัวออกไป
หยก กับ ปิง ร่อนลงมาตรงหน้าโรส ทั้งสองฝ่ายต่างพุ่งเข้าหากัน สุดท้าย หยกกับปิงกระเด็นออกไปคนละทาง
“แก มา”
โรสเรียกหลิน
“อย่าดีกว่า เดี๋ยวหาว่าฉันเอาเปรียบ วันหน้าได้เจอกันแน่”
“ไม่ได้”
“โรส next time”
รัตนากรปราม โรสมองหลินยกนิ้วชี้หน้าเป็นเชิงว่าไม่พ้นมือหรอก หลินยิ้มตอบ แล้วเดินออกไป หยก กับปิงรีบตามออกไป กาญจนายิ้มบอกโรส
“ขอบคุณค่ะ คุณโรส”
“อย่าคิดมาก โรสนับถือพี่รัตน์ แปลว่า เรา พี่น้องกัน”
กาญจนายิ้ม อิทธิเดินมาใกล้รัตนากร
“ถ้าคุณรัตน์ไม่รังเกียจ ผมจะอุ้มคุณรัตน์กลับนะครับ”
“ไม่รังเกียจเลยค่ะ”
อิทธิเข้ามาอุ้มรัตนากรลอยขึ้นมา
“ขอบคุณค่ะ สุภาพบุรุษ”
รัตนากรชำเลืองมองโรส ยิ้มให้เป็นเชิง โรสรู้ทันว่ารัตนากรจะจับคู่ แกล้งเหล่
ที่ค่ายพัก ทุกคนเดินไปเดินมา รออย่างกังวล
“มีคนมา”
ชาติร้องบอก อิทธิอุ้มรัตนากรมาเดินเข้ามาในค่าย ชาติตบไหล่อิทธิเป็นเชิงต้อนรับ อัศวินรีบเข้าไปหา
“รัตน์”
“เอ้า ตานาย”
อิทธิส่งรัตนากรให้อัศวินอุ้ม
“รัตน์ไม่เป็นไรค่ะ”
“ชัวร์ กาญไม่เป็นไรนะ”
“ดูแลพี่รัตน์เถอะค่ะ”
“ทางนี้”
นพดลเตรียมที่ไว้เรียบร้อยใต้ต้นไม้ใหญ่ อัศวินอุ้มรัตนากรไปวางลง
“คิวฉันแล้วเพื่อน”
นพดลมองหน้าอัศวิน
กาญจนาเดินมาหาวีรกิจที่นั่งอยู่มุมของเขา
“คุณวีรกิจปลอดภัยดีนะ”
“ผมขอโทษครับ ผมแค่เดินออกไปสงบสติ ไม่นึ...”
“ทุกคนปลอดภัยกลับมาได้ ก็ดีแล้วค่ะ”
“ครับ”
“กาญขอตัวก่อนนะคะ”
กาญเดินออกไป วีรกิจมองตาม ยิ้มเยาะ
กาญจนาเดินมาหาชาติ ซึ่งยืนระวังอยู่รอบนอก
“คุณกาญ ไม่เป็นไรนะครับ”
“ค่ะ พี่รัตน์รับไปเต็มๆ”
ชาติยิ้มไม่อยากพูดอะไรมาก
“ขอบคุณ และต้องขอโทษแทนคุณวีรกิจด้วยนะคะ”
ชาติพยักหน้ารับ
“คุณกาญไปพักก่อนเถอะครับ ผมว่าเก็บรวมยอดไว้ขอบคุณตอนจบเลยดีกว่า”
กาญจนาขำ แล้วเดินออกไป ชาติมองตามได้แต่ถอนใจ หันไปเห็นวีรกิจยืนมองอยู่ เขาหันหลังกลับไม่สนใจ
โรสกับอิทธิเดินมานั่งที่ขอนไม้ตรงกองไฟ พรานเมิงส่งกระติกน้ำให้โรส นายองส่งเสบียงให้อิทธิ
“อ้ะ พี่อิทธิ”
“ขอบใจมากนายอง”
อิทธิส่งไก่ป่าให้โรสตามมารยาท โรสมองนายองแว่บหนึ่ง
“ยังไม่หิวค่ะ”
“งั้นผมลุย”
อิทธิกินอย่างเอร็ดอร่อย นายองมองโรสแว่บหนึ่ง แล้วหยิบไก่ส่งให้โรส
“อ้ะ ของพี่โรส”
โรสมองยิ้ม
“ขอบใจนะนายอง”
นายองพยักหน้ารับ รู้ว่าที่โรสไม่รับไก่ป่าจากอิทธิ เพราะรู้ว่านายองตั้งใจให้อิทธิ
กาญจนามานั่งคุยกับอัศวิน และคนอื่นๆ
“ขอบคุณพี่อัศวินที่เอาแผนที่กลับมาจนได้”
“ฝีมือของนายอง”
นายองยิ้มยืด
“ยืดน่าดู”
พรานเมิงแซวลูกสาว นายองเหล่มองพ่อ
“เก่งมาก นายอง” กาญจนาชื่นชม
จากนั้น อัศวินแยกตัวมาคุยกับกาญจนา
“พี่หนักใจแทนกาญจริงๆ”
“กาญเตรียมใจเรื่องเนตรนาคราชมานานแล้วค่ะ”
“พี่ไม่ได้หมายถึงเรื่องเนตนาคราช”
“พี่หมายถึงคุณวีรกิจ”
“พี่พยายามเข้าใจนะ แต่ก่อเรื่องหลายครั้งหลายหน ทำให้คนอื่นตกอยู่ในอันตราย พี่ไม่แน่ใจว่า ผู้ชายคนนี้จะเหมาะกับกาญ และดูแลกาญได้”
“กาญเข้าใจค่ะ กาญรู้ว่าควรจะทำยังไง แต่ตอนนี้คุณวีรกิจมีกาญคนเดียว อย่างน้อยกาญก็ต้องยืนเคียงข้างคุณวีรกิจ จนกว่าเราจะได้เนตรนาคราช เมื่อนั้นกาญก็จะบอกคุณวีรกิจว่า ทุกอย่างสิ้นสุดลงแล้ว”
“โอเค”
กาญจนาเข้ามาโอบอัศวิน อัศวินโอบไหล่ตอบ
“กาญขอบคุณพี่อัศวินที่เป็นห่วงกาญ”
“ไม่ใช่พี่คนเดียวนะ”
“ค่ะ กาญทราบ”
ทั้งสองเดินกลับเข้าไปด้านในค่าย วีรกิจแอบฟังทั้งสองคุยกันอยู่หลังพุ่มไม้ หน้านิ่ง แค้น
“ดี จะสิ้นสุดให้ดู”
อิทธิใช้กล้องส่องทางไกล มองไปมา โรสเดินเข้ามาหา
“เห็นพวกมันมั้ย”
“ยัง จากที่นายอัศวินบอก ลูกดอกของนายองคงทำให้มันเข็ดไปอีกนาน คุณเก่งมาก ปราบสองฝีมือของมังกรทองได้”
“กำลังโมโห มั้ง”
“ผมควรจะอยู่ห่างคุณให้มากๆ เพื่อความปลอดภัย”
โรสยิ้ม ต่างมองกันเงียบไป
“คุณก็นำทางได้ดี”
ทั้งสองยิ้มให้กัน เสียงนายองดังขึ้น
“พี่อิทธิ”
โรสยิ้มล้อ
“เด็กนายมาแล้ว”
โรสเดินออกไป อิทธิขยับจะอธิบาย แต่โรสเดินไปแล้ว นายองมาถึงพอดี
“ดีใจที่เจอพี่อิทธิอีก”
“พี่ก็เหมือนกัน ได้ข่าวว่าฝีมือลูกดอกเราเยี่ยมยอดนี่”
นายองยิ้มเขิน
“ก็ นิดหน่อยเอง สู้พี่อิทธิไม่ได้หรอก”
ทั้งสองต่างยิ้ม นายองยิ้มปลื้ม
ตอนค่ำ รัตนากรลืมตาขึ้น ก็พบอัศวินนั่งอยู่ตรงหน้า
“ไงจอมซ่า”
รัตนากรขยับตัวขึ้นนั่ง มองรอบๆ เห็นทุกคนนั่งเป็นกลุ่มอยู่
“เราเสียทีมงานไป”
“อืม สถานการณ์เข้มข้นขึ้นทุกวัน ยัยกาญวนเวียนมาดูเราหลายครั้ง จนหลับไปแล้ว”
รัตนากรยิ้มพยักหน้า
“แผนที่ล่ะ”
“เอ้า เอามาคืน”
“แต่”
“รัตน์เก็บไว้น่ะดีที่สุดแล้ว ยัยกาญว่าแบบนั้น”
รัตนากรยิ้ม รับแผนที่มา อัศวินช่วยสะพายไว้เหมือนเดิม
“พักให้เต็มที่ ยัยกาญบอกว่าเราถึงจุดที่หนึ่งของแผนที่แล้ว พรุ่งนี้เราจะเริ่มมุ่งหน้าไปยังจุดที่สอง”
รัตนากรพยักหน้า อัศวินช่วยประคองให้นอนลงอย่างเดิม ขยับผ้าห่มให้กระชับ แ
ตอนเช้า รัตนากรยืนมองไปรอบๆ สูดอากาศบริสุทธิ์
“พี่รัตน์
รัตนากรหันกลับไป เห็นกาญจนายืนอยู่ แล้วกาญจนาก็เดินเข้ามากอด
“กาญขอโทษที่โกรธพี่รัตน์”
“ใช่ ต้องตี แล้วห้ามเอาชุดนอนพี่ไปใส่อีก”
ทั้งสองยิ้มให้กัน
“เห็นพี่อัศวินบอกว่าเราผ่านจุดหมายแรกมาแล้ว”
“ค่ะ เรากำลังจะมุ่งไปยังจุดที่สอง”
“ตกลงมันกี่จุดกันแน่”
“ยังตีความไม่เสร็จเลยค่ะ”
“เอาเหอะ กี่จุดก็ตามใจ”
“กาญต้องขอยืมแผนที่ก่อนค่ะ จะวางเส้นการเดินทาง”
รัตนากรถอดกระบอกแผนที่ให้
อ่านต่อหน้า 4
เนตรนาคราช ตอนที่ 9 (ต่อ)
อัศวินเดินมาหาชาติ
“ป่านนี้ไอ้เฮนรี่คงกระอักเลือดไปแล้ว” ชาติพูดยิ้มๆ
“ปัญหาก็คือ พวกมันจะบ้ามากขึ้น”
อิทธิเดินเข้ามาร่วมวง
“เราจะเดินทางแบบแยกวงอีกหรือเปล่า”
“ฮั่นแน่ จะไปกับสาวอีกล่ะซิ”
ชาติแซว อิทธิผลักอกชาติเซไป
“พวกแกว่ายังไง”
“ฉันว่าได้ผล ที่พังเพราะไอ้หมอนั่นก่อเหตุ”
ชาติโบ้ยหน้าไปทางวีรกิจ
“งั้นก็ตามเดิม ชาติต้องหนักขึ้นหน่อย ทีมงานของเราเหลือแค่คนเดียว”
“ไม่ต้องห่วง ฉันยังมีไอ้ซามูอีกทั้งคน”
“คุณกาญมา” อิทธิบอก
“ไงได้เส้นทางใหม่พร้อมเดินทางหรือยัง” อัศวินถาม
“ยังค่ะ กระบอกแผนที่ปิด กาญเปิดไม่ได้”
ทุกคนตกใจ
อัศวินเดินไปเดินมา หยุดตรวจดูกระบอกแผนที่อย่างจนปัญญา ทุกคนจ้องที่อัศวินเป็นตาเดียว
“พี่ก็แค่ยื่นให้เฮนรี่ แค่อึดใจ แล้วแย่งกลับคืนมา หลังจากนั้นก็เอามาคืนให้รัตน์”
อิทธิ ชาติ รัตนากร กาญจนา ต่างมองกระบอกแผนที่ในมือของอัศวินอย่างขบคิด อิทธิกระซิบเบาๆ กับชาติ
“เนตรนาคราชเริ่มส่งซิกแล้วเพื่อน”
ชาติพยักหน้า ในขณะที่รัตนากรเริ่มคิดอะไรได้
“จำได้มั้ยคะ ที่ลุงหินบอกว่า กระบอกสามารถเปิดปิดได้เองเพราะมีคาถากำกับอยู่”
“ใช่แล้ว แต่ตอนนั้นพี่ไม่ได้คิดอะไร กึ่งไม่เชื่อมากกว่า”
“คำถามแรกก็คือ เราจะเอายังไง จะตั้งค่ายรอเฮนรี่อยู่ที่นี่ หรือจะเดินทางไปพลาง หาทางเปิดแผนที่ไปพลาง” ชาติถาม
ทุกคนต่างหันมามองกาญจนา
นายองมองกลุ่มของอัศวินที่กำลังจับกลุ่มปรึกษากันอย่างสงสัย
“มีอะไรเหรอพ่อ ท่าทางพวกพี่ๆ สีหน้าไม่ค่อยดี”
“เอ็งอย่าถามมาก เดี๋ยวก็รู้เอง”
นายองหันไปเห็นนพดลนั่งตรวจยาต่างๆ อยู่กับพรานโก๊ะ วีรกิจนั่งห่างออกไปตามลำพัง
“พ่อคิดว่าคุณวีรกิจเป็นยังไง”
“เอ็งจะถามทำไม”
“ฉันรู้สึกว่า สีหน้ามีบางอย่างไม่”
“เอ็งอย่าพูดมาก ข้ารำคาญ”
นายองขยับตัวลุกขึ้น
“เอ็งจะไปไหน นั่งลง เดี๋ยวเกิดเขาจะออกเดินทางกันล่ะก็ ข้าปล่อยเอ็งไว้ที่นี่”
นายองเหล่ แต่ก็นั่งลง
“ฉันก็หาพ่อเจอจนได้นั่นแหละ”
นายองบ่น พรานเมิงชำเลืองไปทางวีรกิจ คิดถึงเรื่องชะตากรรมของวีรกิจ แต่ไม่พูดออกมา
“หวัดดีพี่อิทธิ”
พรานเมิงหันมาก็เห็นอิทธิยืนอยู่ตรงหน้า
“เชิญพรานเมิงหน่อยครับ พวกเรามีเรื่องจะปรึกษา”
อิทธิพาพรานเมิงมาหากลุ่มของอัศวิน
“มีเรื่องอะไรกันครับ”
“พรานเมิงลองดูแผนที่หน่อย เผื่อว่าจะบอกอะไรได้บ้าง”
อัศวินส่งแผนที่ให้ พรานเมิงรับมาตรวจดู มือสองข้างเกิดอาการสั่นเล็กน้อย ทุกคนมองอย่างตื่นเต้น สึกครู่มือก็หยุดสั่น แล้วส่งคืนให้อัศวิน
“กระบอกแผนที่มีวิชาลงกำกับเอาไว้”
“พรานเมิงพอจะ เอ่อ คือ” อัศวินอ้อมแอ้มจะถาม
“ผมบอกทุกคนว่าพรานเมิงพอจะมีวิชาอยู่บ้าง” อิทธิเล่า
พรานเมิงพยักหน้ารับช้าๆ
“พอจะมีวิธีอะไรมั้ยที่จะเปิดออกได้” อัศวินถาม
“ผมจะลองดู”
ทุกคนต่างมีความหวัง
“แต่เราต้องมีที่สงบเงียบ เช่นถ้ำ เพื่อทำพิธี”
“เชิญพรานเมิงนำเลย เราจะออกเดินทาง ภายในครึ่งชั่วโมง หาทำเลเหมาะสม อย่าให้ห่างที่นี่มาก
ตั้งรับพวกมัน จนกว่าพรานเมิงจะเปิดกระบอกแผนที่ออก อาจจะต้องย้อนกลับหรือไปต่อ เราไม่มีทางเลือก”
ทุกคนต่างเห็นด้วยกับอัศวิน
ทั้งหมดอยู่กันพร้อมที่หน้าถ้ำ อัศวินสั่งทันที
“เราต้องจัดคนคอยระวัง คุณโรสกับอิทธิขอรบกวนอยู่ด่านแรก ก่อนที่พวกมันจะถึงเรา”
อิทธิหันมามองโรส
“เราตั้งรับห่างกันในรัศมีหนึ่งกิโล มีอะไรทางนี้จะได้เตรียมตัวทัน” โรสเสนอ
“ดีครับ ผมกับรัตนากร จะอยู่ตรงกิโลที่สอง ชาติและทุกคนอยู่ที่นี่ มีระยะทางสองกิโล
พอที่จะเตือนกันได้ทัน ถ้าพวกมันบุกมา”
“รัตน์ขออยู่ค่ายดีกว่าค่ะ”
อัศวินชำเลืองมองกาญจนา
“ได้ งั้นผมฉายเดี่ยว ดีเหมือนกันจะได้โฉบไปโฉบมารอบๆ พื้นที่ เผลอๆ ก็แวะไปเยี่ยมไอ้เฮนรี่ยังได้”
“อย่าลืมทำเครื่องหมายไว้ล่ะ หลงล่ะก็ไม่มีใครไปตามนะเพื่อน”
ชาติแซว ทุกคนขำ
จินหัวตามมาสมทบกับหลินในป่า
“ท่านอา มาถึงนี่ต้องมีเรื่องสำคัญ”
“สายรายงานว่า เฮนรี่ เตรียมคนและกำลังอาวุธ พร้อมหนุนไม่อั้น เป็นอุปสรรคสำคัญ ท่านเจิ้งซ่าพ่อของคุณหนู สั่งให้เด็ดไอ้เฮนรี่ก่อน”
หยกกับปิงต่างมองหน้ากัน หลินเครียด
“อาเอานักฆ่ามาด้วยสามคน เราควรลงมือให้เร็วที่สุด”
“เจ้าสองคนพาสามคนนั่นไปเตรียมการให้พร้อม” หลินสั่งหยกกับปิง
อิทธิ โรส และอัศวิน เดินทางมาถึงจุดจุดหนึ่งในป่า
“นายมาถึงนี่อย่าบอกนะว่า แค่มาส่งฉันกับคุณโรส”
“ฉันคิดว่าจะเลยไปดูไอ้เฮนรี่มันหน่อย”
“นึกแล้ว”
“นายอยู่กับคุณโรส ทำตัวดีๆ หน่อยแล้วกัน”
“ลองไม่ดีซิ โดนแน่” โรสขู่
“ฉันว่านายไปได้แล้วเพื่อน”
อัศวินยิ้ม รีบออกไป
“คุณกับผมอีกแล้ว”
“นั่นน่ะซิ เฮ้อ”
“อ้าว”
โรสขำ ทิ้งเป้ลงกับพื้นแล้วนั่งลง อิทธิทิ้งเป้ลงนั่งตาม
“คุณก่อน ฉันรอบสอง”
“เยส แมม” อิทธิยิ้มๆ
พวกเฮนรี่ต่างนั่งพักกันตามสบายอยู่ในค่าย พรานอองข่านเดินเข้ามาหาเฮนรี่ ซึ่งนั่งอยู่กับโจซิง และ อังโซะ
“ข้าจะไปสำรวจป่าหาสมุนไพรสักหน่อย อีกชั่วโมงจะกลับมา”
“ตามสบายพราน”
พรานอองข่านเดินออกไป
“อย่าหลงล่ะพราน”
โจซิงกับอังโซะ ต่างขำชอบใจ แต่พรานอองข่านไม่ได้สนใจ
อัศวินเคลื่อนตัวอย่างระมัดระวังจนเข้าที่เหมาะสม ซุ่มดูพวกเฮนรี่อยู่ ทันใดนั้นเห็นความเคลื่อนไหวในราวป่า มีเงาวูบวาบเข้าไปที่ค่ายของเฮนรี่
“พวกมังกรทอง”
อัศวินเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง
เฮนรี่ กับ โจซิง อังโซะ นั่งชุมนุมพักกินข้าวกลางวันอยู่หน้ากองไฟ ทันใดนั้นเสียงปืนดังเข้าใส่กลุ่ม ถูกทีมงานร่วงไปหนึ่ง เฉี่ยวเฮนรี่และทุกคน พวกมันต่างหลบเข้าหาที่กำบัง โจซิงสั่งอังโซะออกตามล่าผู้บุกรุกทันที ส่วนเขาเข้าไปดูเฮนรี่
“เป็นอะไรหรือเปล่า บอส”
“ไม่เป็นไร มีคนคิดสกปรกซะแล้ว”
โจซิงกราดสายตารอบ
“มันคิดกำจัดคู่แข่งออกไปให้หมด คอยฮุบเนตรนาคราช” เฮนรี่คาด
“ใครเดี๋ยวก็รู้”
“ระวังจะถูกแผนล่อเสือออกจากถ้ำ”
“ผมอยู่ บอสไม่ต้องห่วง”
โจซิงดึงเฮนรี่มาอีกทาง มีดเล่มหนึ่งพุ่งมาปักที่ต้นไม้ตรงกับที่เฮนรี่ยืนอยู่พอดี โจซิงชักปืน
ยิงเปรี้ยงไปที่ผู้บุกรุกด้านนอก แต่แล้วมีคนเข้ามาด้านหลัง โจซิงหันกลับแต่ไม่ทัน ชายชุดดำป้ายหน้าสีดำเป็นริ้วอำพรางถึงตัวก่อน ปัดปืนในมือกระเด็นไป
“ถอยไปบอส”
เฮนรี่ถอยออกห่าง ชักปืนจากเอวขึ้นมา แต่แล้วมีคนเข้ามาเตะปืนกระเด็นไป แล้วเอามีดแทงเฮนรี่ แต่โจซิงดึงเฮนรี่ออกไปทัน ชายชุดดำบุกเข้าต่อสู้กับโจซิง โจซิงหมุนตัวยันออกไป
“บอส หลบไป”
เฮนรี่พุ่งเข้าไปในป่า คนร้ายจะตาม แต่ถูกโจซิงคว้าไว้ตบโครมกระเด็นไป อีกคนหนึ่งเข้ามาช่วย โจซิงมีฝีมือ ยันโครมกระเด็นไปเช่นกัน ทั้งสองบุกเข้ารุมโจซิง
เฮนรี่วิ่งหนีเข้าไปในป่าอย่างเร่งรีบ ทันใดนั้น มีคนเข้ามาดักหน้า
“เงิน ข้ามีเงินจะเอาเท่าไหร่”
ชายลึกลับไม่ตอบ ตวัดมีดขาววับในมือ
อิทธิกราดสายตาไปมา ชำเลืองมองโรส เห็นนั่งพิงหลับตาอยู่
“หวังว่านายอัศวินคงรอดมาได้”
“เสียงปืนแบบนี้ มีคนเล่นงานไอ้เฮนรี่มากกว่า ถ้าเป็นคุณอัศวินต้องเงียบกว่านี้”
“อืม ถูกของคุณ”
อิทธิกราดสายตารอบ โรสลืมตาขึ้นมองยิ้มที่อิทธิยอมรับ
คนร้ายพุ่งเข้าหาเฮนรี่ แต่ถูกอังโซะจัดการจนกระเด็นออกมา คนร้ายพุ่งเข้าใส่อีก อังโซะยิงเปรี้ยง
กระเด็นดับไป แต่แล้วคนร้ายอีกสองคนพุ่งเข้าใส่อังโซะ อังโซะต่อสู้พลางถอยพลาง เฮนรี่เห็นท่าไม่ดี เผ่นหนีออกไปอีกทาง
เฮนรี่หนีหลุดพ้นจากพวกคนร้ายมา ทันใดนั้น หลินโดดมาขวางหน้า เฮนรี่เผชิญหน้ายิ้มระวัง
“ที่แท้ท่านนี่เอง คราวนี้มีข่าวอะไรจะบอกเราอีก”
“ข่าวก็คือ คราวนี้เรามากำจัดท่าน”
เฮนรี่ชักปืนขึ้นมา แต่ช้าไป หลินพรวดเข้าหาก่อน คว้ามือเฮนรี่ทุ่มโครม ปืนกระเด็นหลุดมือ
“หมดท่าน เนตรนาคราชก็เป็นของเรา”
หลินเดินเข้าหา ชักมีดสั้นขึ้นมา เดินเข้าหาเฮนรี่ซึ่งทรุดอยู่บนพื้น เฮนรี่ยกมือขึ้นขอชีวิต
“ท่าน เอา ไปเลย เราถอนตัว”
หลินยิ้มเยาะ “คนอย่างท่าน เราเชื่อไม่ได้”
หลินเดินเข้าใกล้ ทันใดนั้นมือของเฮนรี่ที่ยื่นตรงหน้าขอชีวิตกลับมีปืนเด้งออกมา เหนี่ยวไกตูม กระสุนถูกที่ไหล่ซ้ายของหลินเต็มๆ เฮนรี่ลุกขึ้นยืน เอาปืนจ่อหลินไว้
“แก ไอ้จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ฉันจะฆ่าแก”
หลินขยับตัว แต่แล้วทีมงานพุ่งเข้ามาสามคน ล้อมหลินไว้ ปืนส่องตรงที่หลิน
“คราวนี้ ท่านตะหากที่ต้องถูกกำจัด”
ทันใดนั้นหลินสะบัดมือขึ้นฟ้า กลายเป็นพลุสีแดงแตกอยู่บนฟ้า ส่งสัญญาณ เฮนรี่หัวเราะชอบใจ
“ส่งสัญญานยังไงก็ไม่รอด จัดการได้”
ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้น เฮนรี่ถูกระสุน ทีมงานหลบกระเจิดกระเจิง ใครคนหนึ่งพุ่งเข้ามารวบหลินออกไปอย่างรวดเร็ว
โจซิงต่อสู้ติดพันกับสองคน แต่แล้วสองคนพุ่งหนีเข้าป่าไป เช่นเดียวกับคนร้ายสองคนที่สู้กับอังโซะ ก็ถอยเข้าไปป่าไปเช่นกัน
อัศวินอุ้มหลินเข้ามาในป่า วางลงใต้ต้นไม้
“ที่แท้เป็นผู้กองนี่เอง”
“ผมทำได้แค่นี้”
“ทำไม”
“ถ้าไอ้เฮนรี่มันไม่ลอบกัดสู้กันแฟร์ๆ ผมคงไม่ยุ่ง ผมไม่ชอบคนลอบกัด โชคดี”
อัศวินพุ่งตัวออกไป หลินมองตามสายตาวาววับหลงใหล ทันใดนั้น ปิง หยก กับนักฆ่าสองคนรีบเข้ามาหาหลิน
“คุณหนู”
“รีบพาเราไปจากที่นี่”
หยกกับปิงเข้ามาประคอง
ทีมงานคนหนึ่งพันแผลที่ไหล่ของเฮนรี่แล้วออกไป อังโซะกับโจซิงยืนมองอยู่
“แค่เฉี่ยวไป โชคดีที่ฝีมือคนยิงยังไม่ถึงขั้น” โจซิงบอก
“หรือไม่ก็ดีสุดยอด” อังโซะขัดคอ
“พวกมังกรทอง มันประกาศสงครามกับเรา”
“เจอที่ไหน พวกมันตายที่นั่น”
พรานอองข่านเดินกลับเข้ามา
“เลือกเวลาไปเวลามาได้ดีจริงๆ นะพราน”
พรานอองข่านเดินเข้ามาชำเลืองมอง ยิ้มเยาะแล้วเดินออกไปนั่งที่มุมของตน
“ผมว่าไอ้พรานนี่มันต้องรู้ว่าจะมีคนมาเล่นงานเรา ถึงได้ชิ่งไปซะก่อน” โจซิงเปรย
“ดีแล้ว เราจ้างมานำทาง เกิดเป็นอะไรไปเราก็จบ”
โจซิง กับ อังโซะ จ้องพรานอย่างไม่ไว้ใจ
อ่านต่อตอนที่ 10