พรายพยากรณ์ ตอนที่ 12
ขณะที่ภูมินทร์กำลังคุยงานกับก้องภพ พิณชนิดาพรวดพราดเข้ามาในห้องหน้าตาตื่น
“ฉันคิดวิธีที่จะตามหาตัวคนที่ทำร้ายนายออกแล้ว”
พิณชนิดาพูดอย่างมั่นใจ ภูมินทร์กับก้องภพมองด้วยความสงสัย
“ดูไพ่ยิปซี เธอจะหาตัวคนร้ายโดยวิธีดูจากไพ่เนี่ยนะ?”
ภูมินทร์ถามย้ำกับพิณชนิดา
“ถึงจะฟันธงไม่ได้ว่าเป็นคนไหน แต่ก็สามารถตัดคนที่ไม่น่าสงสัยออกไปได้ จะทำให้กลุ่ม เป้าหมายแคบลง”
ภูมินทร์รีบท้วง “แต่เรามีผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งแล้ว คือนายแสงโชติ
“มันก็ใช่ แต่นายจะมั่นใจได้ไงว่าใช่คุณแสงโชติจริงๆ ของแบบนี้ ถ้ายังไม่มีหลักฐาน ก็อย่าเพิ่งปักใจเชื่อ”
ก้องภพเห็นด้วยกับพิณชนิดา
“วิธีของคุณพิณน่าสนใจนะครับ ของแบบนี้ ก็ต้องลองดู มันไม่เสียหาย”
ภูมินทร์คิดตาม พลางรีบหันไปถามต่อ
“แต่ว่าออฟฟิศนี้มีพนักงานเป็นร้อย เธอจะดูหมดทุกคนได้ยังไง”
“สาเหตุที่คนร้ายต้องการฆ่าคุณ เป็นเพราะเงิน คุณคิดว่าคนแบบไหนที่จะได้รับผลประโยชน์สูงสุดหลังจากที่คุณตาย”
ก้องภพหันไปทางภูมินทร์ “คณะผู้บริหาร”
“ถูกต้องแล้วค่ะ”
จากนั้นพิณชนิดาก็ปลอมตัวใส่แว่นหนาเตอะ แต่งตัว ทำผม เป็นพวกยิปซี ทยอยดูไพ่ให้กับผู้บริหารทีละคน แต่ยิ่งดู ก็กลับเห็นแต่อีกด้านของผู้บริหารที่ค้านกับภาพลักษณ์ภายนอก
ผู้บริหารชาย ผิวเข้ม ร่างใหญ่ ดูแมนมาก แต่ลับหลังกลับชอบแต่งตัวเป็นผู้หญิง แต่งหน้าจัด ผู้บริหารหญิง สาวแก่ ใส่แว่น ใส่ชุดผ้าไหม ดูทรงภูมิ แต่ภาพที่พิณชนิดาเห็น กลับกลายเป็น
สาวแก่ใส่ชุดหนัง ถือแส้ มีชายหนุ่มใส่เสื้อกล้าม กางเกงขาสั้น ถูกจับใส่กุญแจมือกับเสา สาวแก่ทำท่านางแมวยั่วสวาท ก่อนจะหันมาฟาดแส้ใส่กล้อง
ส่วนผู้บริหารที่เป็นชายแก่ หัวล้าน เธอกับเห็นภาพตอนนั่งเล่นตุ๊กตาหมี ใส่ชุดนอนลายหมี
ปิ่นเพชรวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในโรงพัก พลางรีบถามหาอรรถพรกับจ่าเหยิน
“หมวดอรรถอยู่ไหน?”
ยังไม่ทันที่จ่าเหยินจะตอบ อรรถพรเดินออกมาพอดี ปิ่นเพชรรีบเดินเข้าไปหา
“หมวดอรรถ ช่วยเจ๊ภิด้วย เกิดเรื่องกับเจ๊ภิแล้ว”
อรรถพร จ่าเหยิน พร้อมปิ่นเพชรรีบวิ่งเข้ามาในบ้านของสรพงศ์ พลางรีบแยกย้ายกันตามหา
ภิชาสินี
ครู่หนึ่งเสียงจ่าเหยินก็ร้องโวยวายขึ้นมา
“เฮ้ย”
อรรถพรกับปิ่นเพชรหันขวับไปมองด้วยความตกใจ
อรรถพรกับปิ่นเพชรวิ่งออกมา เห็นจ่าเหยินนั่งอยู่บนพื้น หน้าตาตื่นตระหนกชี้มือไปที่โอ่ง เขารีบคว้าปืนออกมา ค่อยๆ ย่องเข้าไปดู แล้วก็แทบช็อก พลางรีบเก็บปืน แล้วหันมาทางปิ่นเพชร
“เด็กคนนั้น”
ปิ่นเพชรดีใจ “สรพงศ์ ที่แท้ก็ซ่อนอยู่ในโอ่งนี่เอง”
“เค้าสิ้นใจตายแล้ว”
ปิ่นเพชรได้ฟังก็ตกใจ
“คุณภิต้องกำลังตกอยู่ในอันตรายแน่ๆ”
อรรถพร จ่าเหยิน ปิ่นเพชร หันมามองหน้ากัน
ภิชาสินีถูกจับมัดนอนไม่ได้สติบนพื้นภายในโกดังริมแม่น้ำ ขณะที่พ่อสรพงศ์กำลังชะเง้อมองรอคนเอาเงินมาให้
ไม่นานภิชาสินีลืมตาขึ้นมา ภาพที่เห็นทันทีที่ลืมตาก็คือสรพงศ์ เธอใจหายวาบ นึกรู้ทันทีว่าไม่ใช่คน ครู่หนึ่งสรพงศ์ก็หายไป เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง หันไปมองทางที่พ่อเด็กชายยืนอยู่
“คุณฆ่าลูกชายคุณทำไม? เค้ายังเด็กอยู่แท้ๆ ยังมีอนาคตอีกตั้งไกล จิตใจคอคุณทำด้วยอะไร”
พ่อสรพงศ์หันขวับมาทางภิชาสินีหน้าตาตื่นตกใจ ระคนเศร้า
“ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่ได้ตั้งใจ”
จากนั้นก็ย้อนนึกถึงวันเกิดเหตุ ตอนที่เขาเมากลับบ้านมา สรพงศ์ดีใจรีบคว้าหุ่นยนต์เดินเข้าไปหา ชวนเล่นของเล่น แต่พ่อไม่สนใจ ซ้ำเอาแต่เดินหนี แต่พอเดินไป ก็ชะงักกึก เพราะดันเผลอไปเหยียบของเล่นที่เกลื่อนอยู่ที่พื้น
พ่อโกรธมากหันมาจับไหล่สรพงศ์เขย่าเต็มแรง
“บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าวางของเกะกะ ตีนกูเนี่ย ยังต้องใช้ทำมาหากิน เอาเงินมาเลี้ยงมึง อย่าสร้างปัญหาให้กูอีก ลำพังแม่มึงก็เอาปัญหาปวดหัวมาให้กูไม่หยุดแล้ว ไม่รู้ว่ามึงจะอยากอยู่กับกูทำไม?”
พ่อพูดจบก็ปล่อยมือ หันหลังจะเดิน สรพงศ์เข้ามากอดขาพ่อแน่น
“พ่อ ผมขอโทษ”
พ่อรำคาญ เลยผลักออกไปเต็มแรง จนเด็กชายกระเด็นล้มหงายหลัง หัวไปกระแทกกับขอบโต๊ะ ก่อนจะแน่นิ่งไปบนพื้น เลือดนองอาบหน้า
พอเห็นเลือดก็สร่างเมาทันที รีบเข้ามาเขย่าตัวลูก
“สรพงศ์ ๆ”
แต่เด็กชายหมดลมหายใจไปแล้ว พ่อได้แต่กอดศพลูก แล้วร้องไห้โฮ
พ่อสรพงศ์ค่อยๆ ทรุดลงนั่ง
“เพราะความเมา ทำให้ผมฆ่าลูกในไส้ ผมผิดไปแล้ว ผมขอโทษ”
ภิชาสินีฟังเรื่องราวจบก็รู้สึกสงสารเด็กชายจับใจ
“มาขอโทษตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อทำลงไปแล้ว ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมคนยังชอบดื่มเหล้า ทั้งๆ ที่น้ำเมาทำให้คนขาดสติ ทำเรื่องเลวร้ายได้โดยที่ไม่รู้สึกผิด บาปกรรมครั้งนี้จะตามสนองคุณเร็วๆนี้แน่”
พ่อชะงัก หันไปมองภิชาสินีตาขวาง ก่อนจะลุกเดินมาย่อตัวตรงหน้า
“ฉันว่าแกพูดมากเกินไปแล้ว”
ขาดคำก็ตบหน้าภิชาสินีอย่างแรง จนเธอถึงกับสลบไปอีกครั้ง
สัญชัยเดินเข้ามานั่งตรงข้ามกับพิณชนิดาในภาพของหมอดูยิปซี พลางยิ้มอย่างใจดี
“ผมสัญชัยครับ เป็นอาของคุณภูมินทร์ คุณนี่หน้าตาคุ้นๆนะครับ เหมือนผมเคยพบที่ไหนมาก่อน”
พิณชนิดายิ้ม แล้วก็ถอดแว่นกับผ้าคาดผมออก
“พิณเองค่ะ”
สัญชัยนึกประหลาดใจ “ อ้าว หนูพิณ แล้วทำไม??
“เรื่องมันยาวค่ะ แต่พิณจะอธิบายสั้นๆก็แล้วกัน คุณภูให้พิณช่วยหาอะไรบางอย่าง สับไพ่ก่อนนะคะ”
พูดพลางส่งไพ่ให้สัญชัยที่รับมาสับ แล้วก็ส่งคืน พิณชนิดารับไพ่มาวางบนโต๊ะ
“ตัดไพ่ค่ะ หยิบมาหนึ่งใบค่ะ”
สัญชัยหยิบไพ่ขึ้นมา กำลังจะส่งให้พิณชนิดา แต่บังเอิญมือถือของเธอดังขึ้นมาขัดจังหวะ
“ฮัลโหล ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
พอวางสายก็รีบหันมาบอกสัญชัย “ฉันไปธุระก่อนนะคะ”
จากนั้นรีบเก็บไพ่แล้วเดินออกไป สัญชัยมองตามด้วยความงุนงง
พอพิณชนิดาเดินออกมาก็เจอกับภูมินทร์ พอเขารู้ว่ามีเรื่องเกิดกับภิชาสินี ก็รีบอาสาจะเป็นคนพาเธอไป
พอทั้งคู่มาถึงบ้านสรพงศ์ ก็เจออรรถพร จ่าเหยิน ปิ่นเพชร ยืนรออยู่
“คุณพิณ รีบเอาไพ่ออกมาดูเถอะครับ ผมคิดว่าคุณภิน่าจะเพิ่งหายตัวไปไม่นาน”
อรรถพรรีบบอก พิณชนิดาพยักหน้าแล้วก็เอาไพ่ออกมาไว้เหนือหัว ก่อนจะตั้งจิตอธิษฐาน
“ขอให้ครูบาอาจารย์ ช่วยให้พิณตามหาน้องสาวเจอด้วยนะคะ”
จากนั้นก็หยิบไพ่ออกมา 3 ใบ แล้วก็เพ่งมองแต่ล่ะใบอย่างใช้ความคิด
“ภิอยู่ในที่ที่มืด และใกล้กับน้ำ”
อรรถพรทำหน้าครุ่น “แถวนี้มีที่ไหนใกล้น้ำบ้าง?”
ขาดคำ ภูมินทร์ก็โพล่งขึ้นมา
“ถ้าผมจำไม่ผิด มีท่าเรือถูกทิ้งร้างเอาไว้ อยู่ไม่ห่างจากที่นี่”
ยอดกับฉัตรเดินมาหาพ่อสรพงศ์ที่ยืนรอรับเงินอยู่ มันทั้งคู่หันมามองหน้ากัน ก่อนที่ฉัตรจะเข้ามาล็อกแขน พ่อหน้าตาตื่น
“พวกแกจะทำอะไร ?”
ยอดเอาปืนออกมาจากด้านหลังกางเกง
“ฉันจะทำให้แกตายแบบที่ทรมานน้อยที่สุด”
แต่พอมันกำลังจะยิง พ่อก็สะบัดตัวหลุดจากฉัตรแล้วรีบพุ่งเข้าไปแย่งปืนจากยอด
วิญญาณสรพงศ์ปรากฏตัวขึ้นมา พลางพยายามปลุกภิชาสินีให้ตื่น
“พี่สาว ตื่น ตื่น ช่วยพ่อหนูด้วย”
พอภิชาสินีลืมตาตื่นขึ้นมา สรพงศ์ก็หายตัวไปอีก เธอเหลือบไปเห็นเศษกระจกบนพื้นที่เด็กชายยืนอยู่ ก็มองอย่างครุ่นคิด
ทางด้านภูมินทร์ก็พาพิณชนิดา อรรถพร จ่าเหยิน ปิ่นเพชร วิ่งเข้ามาในท่าเรือ อรรถพรกับจ่าเหยินรีบวิ่งเข้าไป พิณชนิดาหน้าซีด เป็นห่วงน้องสาว จนภูมินทร์ต้องจับไหล่ปลอบใจ
“หมวดอรรถมาแล้ว น้องคุณจะไม่เป็นอะไร”
พิณชนิดาฝืนยิ้ม
ส่วนภิชาสินีก็เอาเศษแก้วตัดเชือกที่มัดข้อมือตัวเองจนเชือกขาด ก่อนจะรีบลุกขึ้น แล้ววิ่งออกไป
ขณะที่พ่อสรพงศ์ยังคงพยายามแย่งปืนจากยอด ฉัตรยืนละล้าละลังอยู่ข้างๆ ภิชาสินีเดินออกมาอีกด้าน เห็นหน้ายอดกับฉัตรจังๆ แต่จังหวะนั้น เสียงปืนก็ลั่นปัง
อรรถพรกับจ่าเหยินได้ยินเสียงปืน ก็รีบวิ่งเข้าไปดู
พิณชนิดาที่ได้ยินเสียงปืนเช่นกัน ก็ยิ่งเป็นห่วงน้องสาว
“ฉันจะเข้าไปหาน้อง ฉันรอเฉยๆ แบบนี้ไม่ได้แล้ว”
ภูมินทร์รีบคว้าตัวไว้ “ผมไม่ให้คุณเข้าไป มันอันตราย”
“แต่ฉันให้น้องเป็นอะไรไม่ได้”
“ผมก็ให้คุณเป็นอะไรไม่ได้เหมือนกัน”
พิณชนิดาอึ้ง 2 คนมองหน้ากัน
“ถ้างั้นก็เข้าไปด้วยกัน”
ขาดคำ ภูมินทร์ก็จับมือพิณชนิดาแล้วพาเดินเข้าไป ปิ่นเพชรรีบตามไปด้วย
พ่อสรพงศ์ถูกยิงที่ท้องจนเลือกโชก ภิชาสินีตกใจ รีบถอยหลังจะหนี แต่กลับเผลอเหยียบกิ่งไม้แห้ง จนเกิดเสียงดัง ยอดกับฉัตรหันไปเห็นภิชาสินีก็ตกใจ
“มีคนเห็น”
ภิชาสินีรีบหันหลังวิ่งหนี
ยอดกับฉัตรรีบวิ่งไล่ตามออกไป ไม่นานอรรถพรกับจ่าเหยินก็มาถึง พอเห็นพ่อสรพงศ์นอนตายบนพื้น จ่าเหยินก็รีบเข้ามาจับชีพจรดู
“ตายแล้วหมวด”
“จ่าติดต่อรถพยาบาลมาด่วน ผมจะไปตามหาคุณภิ”
อรรถพรรีบวิ่งออกไป จ่าเหยินเดินออกมา แล้วหยิบมือถือมากดโทร. ออก
วิญญาณพ่อสรพงศ์ออกจากร่าง เดินมาหาวิญญาณลูกชายที่ยืนรออยู่ พ่อกับลูกกอดกันแนบแน่น
“พ่อขอโทษลูก พ่อขอโทษ”
ส่วนภิชาสินีที่วิ่งหนีมาตามทาง แต่กลับสะดุดล้ม จนยอดกับฉัตรตามมาทัน และคว้าตัวเธอเอาไว้ได้
ภิชาสินีถูกจับมาที่ริมแม่น้ำ ยอดกับฉัตรจัดการเอาเข็มขัดมัดขากับมัดแขน แล้วก็เอาผ้าเช็ดหน้าออกมาปิดปาก
“จับมันโยนลงน้ำ”
ยอดหันมาสั่ง ฉัตรพยักหน้ารับ ภิชาสินีคิดว่าตัวเองต้องตายแล้วแน่ๆ ขณะที่มันทั้งคู่กำลังจะโยนเธอลงน้ำ เสียงอรรถพรดังขึ้น
“หยุด”
ยอดกับฉัตรหันไปเห็นอรรถพรก็ตกใจ ส่วนภิชาสินีทั้งดีใจทั้งโล่งใจที่เห็นเขามาทันจังหวะ
ยอดเอาปืนมายิงใส่ อรรถพรรีบหลบ มันทั้งคู่รีบวิ่งหนี อรรถพรโผล่ออกมายิงปืนใส่ แต่ทั้งคู่ก็
รอดไปได้
อรรถพรรีบโผเข้าช่วยภิชาสินี พลางดึงเธอมากอดด้วยความโล่งใจ
พิณชนิดายิ้มดีใจที่เห็นน้องสาวปลอดภัย ขณะที่ปิ่นเพชรร้องไห้โฮ
“เพราะเค้าเองถึงทำให้เจ๊ภิเดือดร้อน เค้าผิด เค้าขอโทษ”
2 พี่-น้อง รีบเข้ามากอดปลอบใจ
“ปิ่นเพชรไม่ผิด ที่ทำลงไปเพราะเป็นห่วงเพื่อน”
อรรถพรเห็นเลือดที่มือภิชาสินี ซึ่งโดนเศษแก้วบาด
“ถ้าเคลียร์กันแล้ว รีบไปโรงพยาบาลดีกว่าครับ มือคุณเลือดไหลไม่หยุดเลย”
“คุณภิค่อยๆ นึกนะครับ ว่าหน้าตาคนร้ายสองคนที่คุณเห็นเป็นยังไง ผมเองก็จะพยายามช่วยนึกด้วย แต่ตอนนั้นเหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมาก ทำให้ผมเห็นหน้าพวกมันไม่ถนัด”
อรรถพรหันมาถามภิชาสินี หลังจากที่พาอีกฝ่ายไปทำแผลที่โรงพยาบาล แล้วกลับมานั่งคุยกันที่โรงพัก
ภิชาสินีพยายามอธิบายลักษณะของยอดกับฉัตร จ่าเหยินสเก็ตภาพอย่างชำนาญ
“เสร็จแล้วครับ”
จ่าเหยินหันกระดาษออกมาให้ดู ภิชาสินีกับอรรถพรตื่นเต้น แต่พอเห็นรูปก็ถึงกับชะงัก เพราะรูปที่จ่าเหยินวาด กลับเหมือนรูปวาดของเด็กอนุบาล ที่มีหน้ากลมๆ ตัวเป็นเส้น
จ่าเหยินยิ้มแหยๆ อรรถพรกับภิชาสินีได้แต่ถอนหายใจ
ปิ่นเพชรยังนั่งคอตกหน้าเศร้าอยู่หน้าโรงพัก พิณชนิดานั่งอยู่ข้างๆ
“เค้าสงสารสรพงศ์กับพ่อ ที่ต้องกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน”
พิณชนิดานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เราจัดงานศพให้เค้าสองคนกันดีมั้ย?”
“ดีจ๊ะ ดีมาก สรพงศ์กับพ่อของเค้าจะได้ได้บุญ แล้วไปเกิดในชาติภพที่ดีกว่าชาตินี้”
ภูมินทร์เดินออกมา ก่อนจะรีบบอก “ผมจะเป็นเจ้าภาพจัดงานศพให้เอง”
พิณชนิดาหันไปมองอย่างซาบซึ้ง
“ขอบใจนะ”
ยอดคุยโทรศัพท์ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก มีฉัตรยืนข้างๆ
“ให้พวกผมหนีไปกบดานก่อน? ครับ ได้ครับได้”
ยอดกดวางสายหน้าเครียด
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
พรายพยากรณ์ ตอนที่ 12 (ต่อ)
แพนเค้กกำลังทาเล็บให้ขวัญทิพย์อยู่ที่เคาน์เตอร์ ทันใดนั้นก็มีผู้ชายหน้าตาดุดัน ใส่แว่นดำ เดินมาที่หน้าเคาน์เตอร์
“หมอพิณอยู่ห้องไหน?”
ขวัญทิพย์กับแพนเค้กหันไปมอง
“หนูพิณไม่อยู่ค่ะ”
“โกหก มันจงใจหลบหน้าใช่มั้ย?”
พูดพลางเอาถังน้ำมันขึ้นมาวางบนเคาน์เตอร์ ทำเอา 2 ผัว-เมียชะงัก
“ถ้าพวกแกไม่บอกว่านังนั่นอยู่ห้องเบอร์อะไร ฉันจะจุดไฟเผาที่นี่”
สองผัว-เมีย ตกใจ รีบวิ่งออกมาจากเคาน์เตอร์ ขณะที่ผู้ชายเอาน้ำมันราดลงบนพื้น
ขวัญทิพย์พยายามจะผลักแพนเค้กออกไป แต่ฝ่ายหัวไวกว่า รีบผลักเมียออกไป ทำให้น้ำสาดโดนขวัญทิพย์เต็มๆ
ผู้ชายปาถังน้ำมันลงบนพื้น พลางหยิบไม้ขีดออกมาจุด ขวัญทิพย์ตาเหลือก แพนเค้กเข้ามากอดเมียแน่น จังหวะนั้นเองผู้ชายก็ปาไม้ขีดไฟลงพื้น 2 ผัว- เมียร้องลั่น
แต่ทันทีที่ไม้ขีดไฟหล่นพื้น ไฟก็ดับ 2 ผัว-เมียโล่งอก ผู้ชายชี้หน้า
“ถ้าฉันมาคราวหน้า แล้วไม่เจอหมอพิณ จะไม่ใช่น้ำ แต่เป็นน้ำมัน”
ผู้ชายพูดจบก็เดินออกไป 2 ผัว- เมียแทบร่วงลงพื้น พอตั้งสติได้ ก็รีบโทร. ไปบอกพิณชนิดาทันที
“มีคนมาหาพิณเหรอคะ? เค้าบอกให้พิณติดต่อเค้าด่วน แป๊บนึงนะคะ”
พิณชนิดาดึงกระดาษทิชชู่ออกมาก แล้วเอาปากกาที่เสียบกับเสื้อออกมาจดเบอร์
“ใช่ค่ะ ท่าทางเค้าเอาเรื่องน่าดูเลยนะคะ ซ้ำยังมาขู่พวกพี่อีก บอกว่าถ้ายังไม่เจอน้องพิณ เค้าจะมาจุดไฟที่นี่ค่ะ”
พิณชนิดาหน้าตาตื่น ตกใจ
พิณชนิดามองเบอร์ที่จดและกดโทร. ออก รอไม่นานก็มีคนรับสาย
“หมอพิณพูดค่ะ คุณเคยเป็นลูกค้าของพิณ อยากเจอพิณตอนนี้ ขอเป็นตอนเย็นได้มั้ยคะ?”
เสียงผู้ชายตวาดกลับมาทางปลายสาย
“ไม่ได้ ถ้าแกไม่ออกมาเจอฉันตอนนี้ นังผัว-เมีย 2 คนนั่นถูกไฟครอกตายแน่”
พิณชนิดาพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
“ใจเย็นสิคะ คุณโกรธใครมาถึงได้เกรี้ยวกราดแบบนี้”
“แกนั่นแหละ หลังจากฉันดูดวงกับแก ชีวิตฉันก็พัง เมียทิ้ง ลูกหนีออกจากบ้าน บริษัทล้มละลาย พ่อตายแม่ป่วย แกต้องแก้ดวงให้ฉัน ถ้าทำไม่ได้ ฉันก็จะทำให้แกพินาศไปกับฉันด้วย”
“ตกลงค่ะตกลง จะให้ฉันไปเจอคุณที่ไหน?”
พิณชนิดาปดกับภูมินทร์ว่าเธอจะออกไปหาลูกค้า อีกฝ่ายนึกเป็นห่วง แต่ก็ทำฟอร์ม เป็นโมโหกลบเกลื่อน
“ฉันจะได้รู้ไงว่าเธอโกหกรึเปล่า? ฉันจะไปกับเธอ”
ก้องภพได้ยิน ก็รีบบอก
“คุณภูไปไม่ได้นะครับ คุณมีนัดกับลูกค้าในอีกหนึ่งชั่วโมง”
“จริงด้วย ถ้างั้นให้นายก้องไปกับเธอ ตกลงตามนั้น ก้องพายัยประหลาดออกไปได้แล้ว”
ก้องภพรับคำ แล้วรีบผายมือเชิญพิณชนิดาออกไป
พอลับหลังภูมินทร์ พิรชนิดาก็รีบหันมาบอก
“พ้นสายตานายไข่เจียวแล้ว คุณก้องจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ พิณไปเอง”
ก้องภพส่ายหน้า
“ไม่ได้ครับ คุณภูสั่งไว้ ผมจะขัดคำสั่งไม่ได้ แล้วอีกอย่างที่คุณภูสั่งให้ผมไปกับคุณ ก็เพราะคุณภูเป็นห่วง”
“ห่วงฉันเนี่ยนะคะ? ไม่จริง เค้าคิดว่าฉันโกหก ถึงส่งคุณมาประกบ เมื่อไหร่เจ้านายคุณจะมองโลกในแง่ดีบ้างก็ไม่รู้”
ก้องภพยืนยัน
“คุณภูเป็นห่วงคุณจริงๆนะครับ ปกติคุณภูจะไม่ยุ่งกับเรื่องคนอื่น แต่ที่แสดงอารมณ์ไม่พอใจใส่คุณ เพราะกลัวเสียฟอร์ม”
พิณชนิดาเดินนำก้องภพเข้ามาในตึกร้าง พลางรีบหันมาบอก
“คุณก้องรอตรงนี้นะคะ มันเป็นจรรยาบรรณของหมอดู เราจะไม่ให้คนอื่นรู้เรื่องของลูกค้าเด็ดขาด”
ก้องภพมองไปรอบๆ อย่างไม่ค่อยไว้ใจ
“งั้นผมจะรออยู่แถวๆนี้นะครับ ถ้ามีอะไรก็ตะโกนออกมาดังๆ เลยนะครับ”
พิณชนิดารับคำ ก่อนจะเดินเข้าไป ก้องภพมองตามเป็นห่วง
พิณชนิดาเดินเข้ามาด้านใน ครู่หนึ่งผู้ชายคนนั้นก็เดินออกมา
“คุณที่นัดฉันออกมา ทำไมฉันไม่คุ้นหน้าคุณเลย แน่ใจนะคะว่าเคยดูดวงกับฉัน”
ผู้ชายยิ้มมุมปาก พลางหยิบขวดแก้วออกมาจากกระเป๋ากางเกง พิณชนิดานึกสังกรณ์ใจ ขยับตัวจะหนี แต่ชายคนนั้นเดินมาขวางหน้าพร้อมเปิดฝาขวด พลางสะบัดขวดไปทางเธอ ทันใดนั้นก้องภพพุ่งเข้ามามาคว้าตัวเธอให้พ้นทาง แต่เขากลับถูกน้ำกระเด็นใส่มือ
“โอ๊ย”
ก้องภพร้องเพราะรู้สึกแสบ พิณชนิดาตกใจ รีบหันไปดู เห็นน้ำที่ลงบนพื้นกัดพื้นปูนจนกร่อน
“น้ำกรด?”
จากนั้นก็หันขวับมาทางผู้ชาย “คุณเป็นใครกันแน่?”
ผู้ชายหน้าตาตื่น หันหลังรีบวิ่งหนีออกไป ก้องภพจะตาม แต่พิณชนิดาห้ามไว้
“ไม่ต้องตามหรอกค่ะ คุณรีบไปโรงพยาบาลก่อนดีกว่า”
“ก่อนจะไปโรงพยาบาล ไปแจ้งความก่อนเถอะครับ”
“ผมจะส่งคนไปตรวจสอบบริเวณนั้น เพื่อเก็บหลักฐาน และดูว่ามีกล้องวงจรปิดรึเปล่า?”
อรรถพรรีบบอก หลังจากที่ได้ฟังเหตุการณ์จากพิณชนิดา พลางเหลือบไปเห็นมือก้องภพ ที่
แดงเถือก
“รีบพาคุณก้องไปทำแผลดีกว่าครับ”
พิณชนิดากับก้องภพ ที่มีผ้าพันแผลที่มือ เดินเข้ามาในบริษัทด้วยกัน
“ขอโทษนะคะ”
ก้องภพหันไปยิ้มให้
“เลิกขอโทษได้แล้วครับ คุณขอโทษผมมาตลอดทางเลย”
“พิณรู้สึกผิด เพราะพิณทำให้คุณก้องเจ็บตัว”
ก้องภพหันมามองพิณชนิดาแววตาจริงใจ
“ผมยินดีที่จะเจ็บ ถ้ามันช่วยให้คุณพิณปลอดภัย”
ภูมินทร์เดินออกมาเห็นพิณชนิดากำลังก้องภพก็หยุดมองด้วยความไม่พอใจ รีบจ้ำเดินเข้ามาหา พลางกระแอมเสียงดัง ทั้งคู่หันไปมอง ก้องภพรีบผละออกห่างจากพิณชนิดาทันที
“ทำไมไปนานแบบนี้? มือนายไปโดนอะไรมา?”
“มันเป็นใคร ? ทำไมต้องทำกับเธอขนาดนี้?”
ภูมินทร์ถามด้วยอารมณ์โมโห ขณะเดียวกันก็นึกเป็นห่วงพิณชนิดา
“เค้าเป็นลูกค้าของฉัน”
“ลูกค้า? เธอรับดูดวงให้มันได้ไง ดูไม่ออกเหรอว่ามันเป็นไอ้โรคจิต”
“ฉันต้องเปิดไพ่ ถึงจะรู้ว่าใครมีนิสัยใจคอยังไง”
ภูมินทร์หันมาถามก้องภพ “แจ้งความเหรอยัง?”
“แจ้งแล้วครับ”
“ถึงแจ้งแล้ว นายก็ต้องคอยตามว่าคดีคืบหน้าไปถึงไหน รีบจับมันมาลงโทษให้เร็วที่สุด เกิดมันย้อนกลับมาทำร้ายเธอ แล้วถ้าเธอโชคร้ายอยู่คนเดียว เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไง?”
พิณชนิดาอมยิ้ม ภูมินทร์นิ่วหน้า
“เพิ่งโดนทำร้ายมาก ยังจะยิ้มได้อีก ประหลาดสมชื่อ”
“ที่ยิ้ม เพราะดีใจที่มีคนเป็นห่วงต่างหาก”
ก้องภพเหลือบตามอง เห็นภูมินทร์หน้าแดงซ่าน แต่ไม่วายวางฟอร์ม
“ฉันไม่ได้ห่วงเธอ ฉันห่วงคนอื่นต่างหาก กลัวไอ้หมอนั่นมันบ้าไปทำร้ายคนอื่นด้วย และอีกอย่าง ขืนเธอเป็นอะไรขึ้นมา ใครจะช่วยฉันจับคนร้าย แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว”
ก้องภพกับพิณชนิดาเดินออกไป ภูมินทร์ถอนหายใจอย่างนึกสงสัยตัวเอง
“นี่เราเป็นห่วงยัยนั่นจริงๆ น่ะเหรอ?”
ฟ้ารุ่งคุยโทรศัพท์อย่างเดือดดาล
“จัดการนังพิณไม่สำเร็จ มีคนมาช่วยมัน? ไม่ได้เรื่อง งั้นก็เอาค่าจ้างไปแค่ครึ่งเดียวก็แล้วกัน”
ขาดคำ ก็กดวางสาย หันไปทางเปรมสุดา
“นังพิณนี่มันทำบุญมาด้วยอะไร ถึงจัดการมันไม่ได้ซักที”
“รีบคิดแผนต่อไปดีกว่า ยิ่งเห็นมันอยู่สุขสบาย ฉันก็ยิ่งไม่มีความสุข”
เปรมสุดารีบค้าน
“แต่ฉันว่า เว้นวรรคซักนิดก็ดี ไม่อย่างนั้นมันจะสงสัย แล้วจะสาวมาถึงพวกเราได้”
ฟ้ารุ่งร้อนใจ “แล้วต้องรอไปจนถึงเมื่อไหร่? ฉันอยากเห็นนังพิณพินาศจะแย่แล้ว”
“จะทำงานใหญ่ มันต้องอดทน”
เปรมสุดาจิกหน้าร้ายกาจ
ภิชาสินีไม่ได้ไปมหาวิทยาลัยเพราะไม่สบาย ป่านแก้วรีบยกข้าวต้มมาให้ที่โต๊ะอาหาร เพราะพิณชนิดาพูดฝากฝังไว้ แล้วก็รีบเดินออกไป พลันปิ่นเพชรก็วิ่งเข้ามา พลางทำหน้ากรุ้มกริ่ม
“เจ๊ภิ มีคนมาหา”
พอภิชาสินีหันไป ก็เห็นอรรถพรเดินเข้ามาพร้อมกับถือช่อดอกไม้ไว้ในมือ หน้าตาเขินๆ เธอมองอย่างงงๆ
“ เอ่อ คือว่า พอดี ผมผ่านมาแถวนี้ ก็เลยแวะมาเยี่ยม”
ปิ่นเพชรยิ้มขำ
“พอดีมีดอกไม้ติดมือมาด้วยเหรอหมวด? ตั้งใจซื้อดอกไม้มาเยี่ยมเจ๊ภิก็บอกมาเหอะ”
อรรถพรพูดไม่ออก จำต้องยอมรับ “ก็ได้ ผมตั้งใจมาเยี่ยมคุณ”
ภิชาสินีอมยิ้ม ปิ่นเพชรหันมามองล้อๆ
“เค้าไปดีก่า ไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอ”
ปิ่นเพชรเอามือปิดปาก แล้วก็เดินออกไป ภิชาสินีกับอรรถพรมองหน้ากันแบบเขินๆ
ภิชาสินีถือช่อดอกไม้ เดินคู่มาด้วยกันกับอรรถพรเข้ามาในสวนอย่างเก้อเขิน วิญญาณพ่อ แม่ ป้า มองอย่างขัดใจ เพราะอยากให้ทั้งคู่ลงเอยกันเต็มแก่
พัณทิพารีบเสนอ
“ฉันว่าเราหาทางทำให้เค้า 2 คนเปิดเผยความในใจต่อกันดีมั้ย? ดูก็รู้ว่าคนของเราก็มีใจให้กับหมวดรูปหล่อเหมือนกัน”
จู่ๆ ปราชญ์ก็ตะโกนเสียงดัง “ผมนึกออกแล้วว่าจะทำยังไง?”
คิดพลางรีบเข้าสิงร่างอรรถพร พลางแกล้งยิ้มกรุ่มกริ่ม ก่อนจะหันไปทางภิชาสินี
“ชักเมื่อยแล้ว นั่งกันเถอะ”
ทั้ง 2 คนก็นั่งลงที่ม้านั่ง อรรถพรเขยิบมาจนติด พลางเขาเอาแขนวางบนพนักเก้าอี้ข้างหลัง แล้วเชยคางเธอให้หันมา ภิชาสินีมองหน้าเขาอย่างแปลกใจ
“รู้ตัวมั้ยว่าคุณเป็นคนสวยมาก สวยเหมือนแม่คุณไม่มีผิด”
ภิชาสินีนิ่วหน้า “คุณเคยเห็นหน้าแม่ฉันเหรอ?”
อรรถพรที่ถูกปราชญ์สิงร่างอยู่ รีบแก้ตัว
“เอ่อ ผมเดาเอา เพราะโดยส่วนใหญ่ผู้หญิงที่สวยจะหน้าตาเหมือนแม่”
พูดพลางจับมือภิชาสินีมากุม จนอีกฝ่ายถึงกับชะงักงัน
“ภิจ๊ะ ภิเป็นผู้หญิงที่ใครได้อยู่ใกล้ก็ใจสั่น และวาบหวิว ผมหมายถึงความงามของภิทำให้หัวใจของผู้ชายสูบฉีด เลือดลมพลุ่งพล่าน จนอดใจไม่ไหว”
“พูดอะไรของคุณ?”
“ยิ่งได้เห็นหน้าภิใกล้ๆ มันทำให้ผมคิดถึงคืนวันเก่าๆ คิดถึงวันที่เราได้อยู่ด้วยกัน ภิลูกพ่อ...”
อรรถพรร้องไห้ พลางดึงภิชาสินีมากอด กานต์กมล พัณทิพา ปิ่นเพชรถึงกับผงะ
“ดูจากลักษณะนี้แล้วลุงปราชญ์ใช้ความรู้สึกของตัวเองล้วนๆ เลยนะจ๊ะ”
กานต์กมลกับพัณทิพาส่ายหน้าอย่างขัดใจ
ภิชาสินีผลักอรรถพรให้ออกห่างแล้วตบหน้าเต็มแรง จนวิญญาณปราชญ์กระเด็นออกมาก้นจ้ำเบ้าลงบนพื้นตรงหน้ากานต์กมล พัณทิพา และปิ่นเพชร
“คนฉวยโอกาส ปากว่ามือถึง”
อรรถพรหน้าเหวอ อ้าปากค้าง
“.ผมทำอะไรเหรอ?”
“ยังมีหน้ามาถามอีก”
พูดพลางเอาดอกไม้ปาใส่หน้าอรรถพรแล้วจ้ำเดินออกไป อีกฝ่ายรีบคว้าช่อดอกไม้แล้วตามไปติดๆ
ปราชญ์ได้แต่ยิ้มแหยๆ
“ผมไม่ได้ตั้งใจ พอได้อยู่ใกล้ลูก มันทำให้ผมอยากกอดลูกอีกครั้ง มันผิดด้วยเหรอ?”
กานต์กมล พัณทิพา ปิ่นเพชร พูดออกมาพร้อมกัน “ผิด”
ปราชญ์สะดุ้ง ได้แต่ก้มหน้างุด พูดไม่ออก
ภิชาสินีหยุดเดิน พลางหันขวับมา อรรถพรที่รีบวิ่งตามมา เบรคแทบไม่ทัน
“ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
“ไม่ได้ ตราบใดที่คุณยังไม่บอกผมว่าคุณเป็นอะไร โกรธผมทำไม?”
“ยังมีหน้ามาถาม คุณทำอะไรลงไปไม่รู้ตัวเลยเหรอไง?”
อรรถพรส่ายหน้ายิกๆ “ไม่รู้”
ภิชาสินีกำมือแน่นด้วยความโมโห “ถ้าไม่รู้ ก็ไม่ต้องรู้ ถ้าคุณไม่ออกไป ฉันจะแจ้งความจับคุณข้อหาบุกรุก”
“แต่ผมเป็นตำรวจ”
“เป็นตำรวจแล้วไง ตำรวจทำผิดไม่ได้เหรอ?”
พูดพลาง หยิบมือถือออกมา “ฉันพูดจริง ฉันจะโทร. เดี๋ยวนี้”
อรรถพรเห็นท่าทางเอาจริงก็ชักฝ่อ
“ตกลงๆ ผมไปก็ได้ แต่ผมจะกลับมาอีก”
อรรถพรเดินออกไป ภิชาสินีหัวเสียสุดๆ พัณทิพารีบหันมาทำตาดุใส่ปราชญ์
“เพราะแกแท้ๆ เรื่องใหญ่เลยเห็นมั้ย ถ้าเกิดยัยภิไม่ให้อภัยหมวดรูปหล่อไปตลอดชีวิต จะทำยังไง? แกต้องไปสารภาพความผิดกับภิเดี๋ยวนี้”
ภิชาสินีทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง ด้วยสีหน้าหงุดหงิด ทันใดนั้นปราชญ์ พัณทิพา กานต์กมล ปิ่นเพชร ก็ปรากฎตัวในห้อง
“ถ้าจะมาพูดให้ภิยกโทษให้หมวดอรรถ ไม่ต้องพูดนะคะ เสียเวลา เพราะภิไม่มีวันยกโทษให้เค้าแน่นอน”
ปราชญ์รีบสารภาพ
“ภิ ฟังพ่อก่อนนะลูก ความจริงแล้วที่หมวดอรรถทำลงไปแบบนั้น เป็นเพราะพ่อสิงร่างหมวดเค้าเอง”
กานต์กมลกับพัณทิพาช่วยยืนยัน ภิชาสินีตกใจ ระคนรู้สึกผิด ที่ทำแบบนั้นกับอรรถพร
พรายพยากรณ์ ตอนที่ 12 (ต่อ)
อรรถพรยืนทอดอาลัยอยู่ที่ริมบึง หน้าตาสลด หนึ่งเดินมาเห็นก็ตกใจ รีบวิ่งเข้ามาล็อกตัวไว้
“อย่าคิดสั้นนะพี่ แค่โดนพี่ภิด่าไม่ได้หมายความว่าพี่จะหมดหวังเรื่องพี่ภินะครับ”
อรรถพรรีบโวยวาย
“ไอ้หนึ่งปล่อยฉัน ฉันไม่ได้จะฆ่าตัวตาย ปล่อย”
หนึ่งรีบปล่อย พลางทำหน้าเจื่อน อรรถพรหันมา
“ที่ฉันโทร. ให้แกออกมาหา เพราะอยากให้ช่วยคิด ว่าฉันควรจะทำยังไง คุณภิถึงจะหายโกรธ?”
“พี่ถามถูกคนแล้ว มันง่ายมากๆ”
หนึ่งยิ้มอย่างมั่นใจ
“คนเรามักจะรู้ใจกันตอนที่กำลังจะเสียคนๆ นั้น”
อรรถพรย้อนถาม “หมายความว่า แกจะให้ฉันแกล้งตาย? ”
“ถูกต้องแล้วเพ่”
อรรถพรคิดตามครู่หนึ่ง ก่อนจะโวยวายเสียงดัง
“ไม่ ฉันไม่ทำตามแผนนี้ ประทับใจบ้าอะไร ฉันตายเนี่ยนะ แล้วฉันจะได้อยู่กับคุณภิได้ไง? ฉันคิดถูกรึเปล่าที่เรียกแกมาเนี่ย? เฮ้อ”
หนึ่งยิ้มแหยๆ พลันเสียงไลน์อรรถพรดังขึ้น เขารีบหยิบออกมากดเปิดอ่าน
“คุณภิอยากเจอฉัน”
อรรถพรกับหนึ่งมองหน้ากันอึ้งๆ
“งั้นก็ให้พี่ภิมาหาพี่ที่นี่เลยสิ ผมจะคิดแผนให้เอง”
อรรถพรส่ายหน้า
“ไม่ต้อง แกอยู่เฉยๆก็พอ ฉันจัดการเอง มันถึงเวลาที่ฉันจะบอกให้คุณภิรู้ว่าฉันรู้สึกยังไง?”
ภิชาสินีเดินเข้ามา ด้วยสีหน้ารู้สึกผิด พอเห็นอรรถพรยืนเอามือไขว้หลัง ก็รีบเดินเข้ามาหา
“หมวดอรรถ”
อรรถพรหันมาพร้อมกับยกมือห้าม พลางเหล่มองไปที่หนึ่งที่หลบอยู่หลังต้นไม้ พร้อมกับขยิบตา หนึ่งพยักหน้า เอามือถือมากดเปิดเพลง เสียงเพลง “อาย” ของสิงโต นำโชค ดังขึ้น
ภิชาสินีหันไปมองหาที่มาของเสียงเพลง แต่กลับถูกอรรถพรจับไหล่ให้หันมา เธอก้มหน้า อมยิ้มแบบเขินๆ
พอเพลงจบเขาก็ตัดสินใจจับมือภิชาสินีขึ้นมา
“คุณภิครับ คุณคงจะเข้าใจความหมายของเพลงที่ผมร้องออกไป ผมรู้สึกดีกับคุณภิมากเลยนะครับ ผมไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อน จนได้มาเจอกับคุณ คุณทำให้ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ ตอนแรกผมก็ไม่แน่ใจความรู้สึกของตัวเอง จนกระทั่งเหตุการณ์ล่าสุดที่ผมเกือบจะเสียคุณไป มันทำให้ผมรู้หัวใจตัวเองว่า ผมรักคุณ”
หนึ่งที่แอบดูอยู่ถึงกับยิ้มไม่หุบ ภิชาสินีทำหน้าไม่ถูก
“คุณภิให้โอกาสผมได้ดูแลและปกป้องคุณจะได้มั้ยครับ?”
ภิชาสินีนิ่งไปครู่หนึ่ง อรรถพรใจเต้นระทึก แต่แล้วเธอกลับดึงมือออก
“ฉันขอโทษ ฉันขอโทษจริงๆ”
ภิชาสินีหันหลังรีบเดินออกไป ทิ้งให้อรรถพรยืนเคว้งหน้าชาไปทั้งแถบ ถึงกับแทบล้มทั้งยืน หนึ่งรีบออกมาประคองด้วยความเป็นห่วง
สิรวิทย์มองช่อดอกไม้ที่วางไว้เบาะข้าง ๆ พลางพยายามรวบรวมความกล้า ก่อนตัดสินใจหยิบช่อดอกไม้จะลงจากรถ
ประตูรั้วเปิดออก เปรมสุดาขับรถออกไปพอดี ไม่ทันเห็นสิรวิทย์ที่ยืนมองอยู่ เขามองตามก่อนตัดสินใจขับรถตามเธอออกไป
เปรมสุดาจอดรถที่ด้านหน้าคอนโดของแสงโชติ ครู่หนึ่งรถของแสงโชติก็ขับเข้ามา เธอรีบลงจากรถเดินไปหา ก่อนจะเดินคลอเคลียกันเข้าไปด้านใน
สิรวิทย์มองตามอย่างตะลึงงัน
รถตู้ขับเข้ามาจอดที่ริมถนนแห่งหนึ่ง พอประตูเปิดออก ร่างของยอดกับฉัตร ก็ถูกโยนลงมาอย่างแรง พร้อมกับที่นักเลงชี้หน้าเอาเรื่อง
“ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีเงินมาใช้หนี้ อย่าหวังจะมีขาไว้เดินอีกต่อไป”
แล้วรถตู้ก็แล่นออกไป ยอดหันไปตบหัวฉัตรอย่างแรง
“เพราะแกคนเดียว เงินที่มีก็แทบไม่พอกิน ยังโง่เอาไปเข้าบ่อน ทีนี้จะหาเงินที่ไหนไปใช้หนี้”
ฉัตรรีบแนะนำให้หนี
“คงหนีรอดหรอก พวกมันยั้วเยี้ยะ หูตาเต็มไปหมด เผลอๆ หนียังไม่พ้นกรุงเทพก็ถูกเชือดแล้ว”
ฉัตรเดินวนไปวนมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันมาถาม
“พอจะมีใครช่วยเราได้รึเปล่า?”
ยอดนึกๆ แล้วก็ยิ้มออก “ ฉันรู้แล้ว ว่าใคร? จะช่วยเราได้”
แสงโชติกำลังแต่งตัว ขณะที่เปรมสุดานอนหลับอยู่บนเตียง พลันมือถือก็ดังขึ้นมา
“ผมอยากพบคุณแสงโชติครับ"
แสงโชติย้อนถาม “ทำไมฉันต้องเจอแกด้วย?”
“คุณแสงโชติคงไม่อยากให้คุณภูมินทร์รู้เรื่องที่คุณยักยอกเงินบริษัท”
แสงโชติชะงัก หันไปมองเปรมสุดาที่ยังหลับอยู่ พลางรีบเดินมาให้ห่าง กระซิบถามเสียงกระชาก
“แกกล้าขู่ฉัน”
ยอดที่อยู่ทางปลายสายยิ้มเจ้าเล่ห์
“ผมไม่ได้ขู่”
“แกต้องการอะไร ?”
อรรถพรนั่งซึมแววตาเศร้าอยู่ในห้อง
“ปล่อยให้ฉันอยู่เงียบ ๆ คนเดียวได้มั้ย?”
หนึ่งมองสภาพอรรถพรอย่างเข้าใจ
“ถ้างั้นผมไปก่อนดีกว่า มีอะไรก็โทรมา สู้ ๆ นะพี่”
หนึ่งเดินออกมา ทิ้งให้อรรถพรนั่งซึมอยู่ที่เดิม ในแววตามีแต่ความเจ็บปวด
ขณะที่ภิชาสินีก็เอาแต่นั่งเหม่อลอย จนพิณชนิดาสงสัย
“เป็นอะไรรึเปล่า? อย่าบอกว่าไม่เป็น เพราะแววตาภิมันฟ้อง ว่าภิกำลังมีปัญหา”
ภิชาสินีถอนหายใจยาว แต่ยังไม่ยอมปริปากพูด
“ถ้าภิไม่อยากพูดตอนนี้ก็ไม่เป็นไร เอาไว้พร้อมเมื่อไหร่ค่อยพูดก็ได้”
แต่พอพิณชนิดาจะลุกไป ภิชาสินีก็รีบดึงมือพี่สาวเอาไว้ พร้อมกับโพล่งออกมา
“หมวดอรรถบอกรักภิ”
พิณชนิดาชะงัก วิญญาณพ่อ แม่ ป้า ที่ยืนยู่ด้วย พลอยอึ้งไปด้วย
“ผู้ชายบอกรัก ทำไมกลับมาซึม?”
วิญญาณทั้งสามผีมองหน้ากันอย่างสงสัย
พิณชนิดามองจ้องหน้าน้องสาว ที่เอาแต่ก้มหน้า
“แต่ภิปฎิเสธหมวดไปแล้ว”
“ทำไมถึงทำแบบนั้น ถ้าพี่ดูไม่ผิด พี่มั่นใจว่าภิก็ชอบหมวดอรรถเหมือนกัน”
ภิชาสินีเงยหน้ามองพี่สาว “พี่พิณรู้ได้ยังไง?”
“พี่สังเกตภิกับหมวดอรรถมาตั้งนานแล้ว”
ภิชาสินีเถียงไม่ออก หน้าเศร้าลงไปอีก
“ระหว่างภิกับหมวด คงจบลงแค่นี้”
พิณชนิดาจับน้องสาวหันมาเผชิญหน้า
“ยังไม่จบ พี่จะไม่ยอมให้ภิตัดโอกาสตัวเองกับหมวดอรรถแบบนี้ ไหนลองบอกพี่มาสิ ภิกลัวอะไร? ทำไมยังไม่ทันเริ่มก็รีบหนี”
ภิชาสินีอึกอัก แล้วก็เริ่มร้องไห้
“ภิ คือ ภิกลัวว่าถ้าภิรักหมวด ภิจะอยู่ไม่ได้ถ้าต้องเสียเค้าไป เหมือนที่เสียพ่อกับแม่ ป้า ภิไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว มันทรมานมากถ้าต้องจากคนที่เรารัก”
วิญญาณทั้งสามถึงกับน้ำตาซึม สงสารภิชาสนีจับใจ พิณชนิดาจับไหล่น้องสาวไว้ทั้งสองมือ ก่อนที่จะบีบแน่น เพื่อเรียกสติ
“ภิฟังพี่ให้ดี ความตาย ความสูญเสีย มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ต่อให้ภิหนีทั้งชีวิตก็หนีไม่พ้น เราเลือกไม่ได้ว่าจะจากกัน หรือสูญเสียกันเมื่อไหร่ก็จริง แต่เราเลือกได้ว่าในระหว่างที่เราได้อยู่ด้วยกัน เราใช้ทุกวินาทีไปด้วยกันอย่างคุ้มค่าที่สุด”
ภิชาสินีพยักหน้าทั้งน้ำตาอย่างเริ่มเข้าใจ พิณชนิดาลูบหัวน้องสาวด้วยอาการปลอบโยน
“คนดีๆ ความรักดี ๆ โอกาสดี ๆ ไม่ได้มีมาหาเราบ่อย ๆ คว้ามันไว้ ทำให้ดีที่สุดอนาคตเรากำหนดไม่ได้ แต่เราทำปัจจุบันให้ดีได้ ปล่อยวางความกลัวลุกขึ้นเผชิญหน้ากับความจริงอย่างกล้าหาญ คนขี้ขลาดไม่มีทางมีความสุขอย่างแท้จริง”
พิณชนิดาลูบหลัง พลางดึงน้องสาวไปกอด วิญญาณทั้งสามมองอย่างตื้นตัน
แววตาของภิชาสินีที่อยู่ในอ้อมกอดของพี่สาวเต็มไปด้วยความครุ่นคิด
ยอดกับฉัตรยืนคอยแสงโชติอย่างกระวนกระวายใจ โดยเฉพาะฉัตร ที่ลุกลี้ลุกลนมาก
”คุณแสงโชติจะมาแน่เหรอวะ?”
ยอดตอบกลับนิ่งๆ
“เรากุมความลับเค้าไว้ คุณแสงโชติไม่ยอมเสี่ยงเสียชื่อแน่ คดียักยอกแบบนี้ถูกเด้งออกจากบริษัทได้ง่าย ๆ”
ยังไม่ทันขาดคำ แสงโชติที่ใส่แว่นดำ ใส่หมวกพรางตัวก็เดินเข้ามา พร้อมซองสีน้ำตาล พอเดินมาถึงฉัตรกับยอด เขาก็ก็ถอดแว่นออก พลางมองมันทั้งคู่ด้วยแววตากร้าว
“ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไป ฉันไม่เอาพวกแกไว้แน่”
ยอดยิ้มมุมปากอย่างเป็นต่อ “มันขึ้นอยู่กับว่า พวกผมได้เงินครบรึเปล่า?”
แสงโชติโยนซองสีน้ำตาลใส่เงินลงบนพื้นด้วยอาการหัวเสีย ฉัตรไม่สนใจ รีบวิ่งไปคว้าซองเงิน
“ปิดปากของพวกแกให้สนิท ที่ฉันให้ครั้งนี้เพราะเห็นแก่ที่พวกแกเคยทำงานให้ฉัน แต่ถ้าพวกแกไม่รู้จักพอ ฉันจะใช้กระสุนปิดปากแกเอง”
แสงโชติมองมันทั้งคู่ด้วยแววตาเหี้ยม เอาจริง ก่อนจะใส่แว่นดำ เดินออกไป ยอดกับฉัตรมองตาม พลางกลืนน้ำลายเอื๊อก แล้วรีบนับเงินด้วยความดีใจ
คนของสิรวิทย์ที่จับตามองดูอยู่ห่าง ๆ ในรถที่จอดห่างออกไป ในมือมีกล้องที่แอบจับภาพทั้งหมดไว้ได้
อรรถพรยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ด้วยหน้าตาที่หมองเศร้าและอิดโรย เพราะไม่ได้นอนทั้งคืน พลันเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น แต่เขาก็ยังคงนั่งนิ่ง ไม่แม้แต่จะหันไปมอง
ภิชาสินีค่อย ๆ เปิดประตูเข้ามา พอเห็นสภาพอรรถพรก็ชะงัก ด้วยความสงสารอรรถ จากนั้นก็ค่อย ๆ เดินเข้ามา
“หมวด”
อรรถพรชะงัก หันมามอง ภิชาสินีไม่พูดอะไร เดินมายืนตรงหน้า
“คุณภิ คุณภิจริง ๆ เหรอครับ คุณภิจริง ๆใช่มั้ย?”
“ภิจริง ๆ ค่ะ ภิมาขอโทษ ที่เมื่อวานทำให้หมวดเสียความรู้สึก”
อรรถพรฝืนยิ้ม “ผมต่างหากครับ ที่ต้องขอโทษ ความรู้สึกของผมคงจะทำให้คุณภิอึดอัด ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมเข้าใจ ผมจะไม่วุ่นวาย ทำให้คุณภิลำบากใจอีก”
ภิชาสินีส่ายหน้าช้าๆ
“หมวดไม่ได้ทำให้ภิเสียความรู้สึก หรือลำบากใจหรอกค่ะ แต่หมวดทำให้ภิกลัว ภิกลัวว่าถ้าภิรักหมวด ภิจะทนไม่ได้ ถ้าต้องเสียหมวดไป เหมือนที่เสียพ่อ แม่ ป้า”
พูดพลางน้ำตาค่อยๆ รินลงมาเป็นสาย
“ภิกลัว กลัวหมวดจะเปลี่ยนใจ กลัวว่าวันนึงหมวดจะเลิกรักภิ แต่ภิยังรักหมวดอยู่”
อรรถพรถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆยิ้มออกมา พลางดึงภิชาสินีมากอดปลอบเอาไว้
“ไม่ต้องกลัวนะครับคนดีของผม ถึงเราจะไม่รู้ว่า อนาคตมีความเปลี่ยนแปลงอะไรรอเราอยู่ หรือความตายจะมาแยกเราจากกันวันไหน แต่ในระหว่างที่เรายังมีกันและกัน ผมสัญญาว่าจะรัก จะอยู่ข้าง ๆ คุณภิเสมอ”
ภิชาสินีกอดตอบอรรถพรเอาไว้ สองคนถ่ายทอดความอบอุ่นให้กันและกัน
“ตกลงตอนนี้เราเป็นแฟนกันนะ”
ภิชาสินีพยักหน้า อรรถพรกระโดดตัวลอย
“เย้ ๆ ผมรักคุณภิที่สุดเลย”
ภิชาสินีหัวเราะ แล้วนึกได้ ตีแขนอรรถพรอย่างแรง
“ใครให้กอด ทะลึ่ง ไปอาบน้ำ เตรียมตัวไปทำงานได้แล้ว”
อรรถพรทำท่าตะเบ๊ะ แล้วเดินออกไป เดินไปได้นิดเดียว ก็ย้อนกลับมาหอมแก้มภิชาสนีอย่างรวดเร็ว ทำเอาเธอถึงกับชะงักอึ้ง เขาหอมแล้ว ก็ชิ่งหนีทันที เธอไม่ยอมแพ้วิ่งตามไปไล่ตีทั่วห้อง สองคนวิ่งไล่กัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข
ภูมินทร์นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหาร ครู่หนึ่งพิณชนิดาในชุดแซ็กกระโปรงสั้น ก็เดินเข้ามาจะนั่ง เขาปรายตาไปมอง แล้วก็ชะงัก
“เดี๋ยว อย่าเพิ่งนั่ง กลับไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี้”
พิณชนิดาหน้าเหวอ “ เปลี่ยนทำไม? ชุดก็ปกติดี”
“ปกติที่ไหน ทั้งสั้น ทั้งรัดรูป ทำงานในออฟฟิศ ไม่ใช่ในบาร์ในคลับ จะได้แต่งตัวยั่วน้ำลายผู้ชาย”
พิณชนิดาอารมณ์ขึ้นทันที
“จะมากไปแล้ว ตาหาเรื่องชัด ๆ ชุดแบบนี้ ใคร ๆ เค้าก็ใส่ทำงานในออฟฟิศกันทั้งนั้น ว่าง ๆ ไปเช็คแฟชั่นพนักงานบ้างนะ ไม่ใช่มุดอยู่แต่ในกะลา คอยหาเรื่องคนอื่น”
ภูมินทร์ลุกพรวดขึ้น จ้องหน้ากลับ
“จะขึ้นไปเปลี่ยนเองดี ๆ หรือจะให้ฉันเปลี่ยนให้”
พิณชนิดาชะงักในท่าทีเอาจริงของภูมินทร์ก็หวาดๆ แต่ยังทำฟอร์ม
“เปลี่ยนก็ได้ ไอ้เจ้านายโรคจิต บ้าอำนาจ เอาแต่ใจ ไร้รสนิยม”
พิณชนิดาเดินจ้ำพรวดเข้าไปอย่างอารมณ์เสีย ภูมินทร์มองตามด้วยแววตาของผู้ชนะ แล้วนั่งทานอาหารต่อ ป่านแก้วรีบเอียงหน้ากระซิบแม่นมนวล
“หวงกันออกหน้าออกตาเลยนะคะคุณนม ถ้าแต่งงานกันแล้วทะเลาะกันแบบนี้ คงมีลูกหัวปีท้ายปีนะคะคุณนม”
แม่นมนวลอมยิ้ม ป่านแก้วหัวเราะคิกคัก มีเพียงปูเปรี้ยวคนเดียว ที่รู้สึกขัดใจ
ภูมินทร์ สัญชัย แสงโชติและผู้บริหารกำลังนั่งประชุมกันพร้อมหน้า พิณชนิดากับก้องภพนั่งอยู่ที่
มุมห้อง ทำหน้าที่จดบันทึกการประชุม
“งานครบรอบ 30 ปี ของบริษัท ผมอยากให้แต่ละฝ่าย ช่วยกันออกแบบคอนเซ็ปต์งานผมต้องการความยิ่งใหญ่ มีรสนิยม แล้วก็สร้างสรรค์”
พิณชนิดาขยับไปใกล้ก้องภพ พลางกระซิบถามเรื่องแผล ภูมินทร์ที่กำลังสั่งงาน หันไปเห็นก็หงุดหงิด แต่ปากยังสั่งงานต่อแบบไม่ค่อยมีสมาธิ
“ส่วนฝ่ายการตลาด ผมต้องการ ให้... คิดแผน”
ภูมินทร์กึกกัก ๆ เพราะมัวสนใจพิณชนิดากับก้องภพที่หัวเราะกระซิบคุยกันอย่างสนิทสนม จนเริ่มสั่งงานไม่ออก สัญชัยแปลกใจ
“ตกลงภู จะให้ฝ่ายการตลาดคิดแผนอะไร?”
ภูมินทร์เริ่มมีสติ หันมามองสัญชัย “แผนโปรโมท”
พิณชนิดาเห็นเศษผงติดที่หน้าผากก้องภพ ก็ขยับไปใกล้เพื่อหยิบเศษผงให้ ภูมินทร์ถึงกับสติหลุด ด้วยความไม่พอใจ เรียกชื่อเสียงดังลั่น
“พิณชนิดา”
ทุกคนชะงัก พิณชนิดาหน้าเหรอ
“มีอะไรคะคุณภูมินทร์?”
“หัดมีมารยาทบ้างสิ ไม่เห็นรึไง ว่ากำลังประชุมงานสำคัญอยู่ ถ้าอยากคุยมากนัก ก็ออกไปคุยนอกห้องโน่น ไป”
ทุกคนหันมองเป็นตาเดียวกัน พิณชนิดาอายมากที่ถูกด่ากลางห้องประชุม รีบเดินออกจากห้องไปทันที ก้องภพจะตามไป แต่ภูมินทร์รีบเรียกเอาไว้
“จะไปไหน อยู่บันทึกการประชุม”
ก้องภพรีบนั่งลงที่เดิม แต่ไม่วายมองตามเธอด้วยสายตาเป็นห่วง แสงโชติแอบหันมองตามด้วยสายตาครุ่นคิด
พิณชนิดาเดินลิ่วเข้ามาในห้องน้ำ แล้วก็ปล่อยโฮออกมาทันที พอเดินออกจากห้องน้ำ ก็เจอแสงโชติเข้าพอดี
“โอเค. รึเปล่าครับคุณพิณ พี่ภูทำเกินไปจริงๆ ด่ากันกลางห้องประชุมแบบนี้ได้ยังไง?”
“ช่างเถอะค่ะ พิณโอเคขึ้นแล้ว ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง”
แสงโชติเพ่งมอง
“ตายังแดงๆ อยู่เลย ผมว่าไปหาอะไรหวาน ๆ ดื่มหน่อยดีกว่า จะได้อารมณ์ดีขึ้น”
พิณชนิดาพยักหน้าแล้วเดินออกไปพร้อมกัน
ครู่หนึ่งประตูห้องประชุมก็เปิดออก สัญชัยกับผู้บริหารเดินคุยกันออกไป ภูมินทร์กับก้องภพเดินออกมา ทั้งคู่ต่างก็มองหาพิณชนิดา ภูมินทร์หันถามก้องภพอย่างสงสัย
“มองหาใคร?”
“คุณพิณครับ”
ภูมินทร์รีบออกคำสั่ง “อย่าเพิ่งหา รีบสรุปการประชุมให้ฉันก่อน ฉันต้องได้สรุปการประชุมไม่เกินเที่ยง”
พรายพยากรณ์ ตอนที่ 12 (ต่อ)
ก้องภพพูดไม่ออก รีบเดินไปทำงาน ภูมินทร์รีบเข้าไปถามแม่บ้านที่ทำความสะอาดอยู่ใกล้ๆ
“เห็นพิณชนิดารึเปล่า?”
“ออกไปกับคุณแสงโชติค่ะ”
ภูมินทร์อึ้ง หัวเสีย หงุดหงิดขึ้นมาทันที
พิณชนิดานั่งดื่มกาแฟกับแสงโชติ ด้วยสีหน้าดีขึ้น
“ได้กาแฟเย็น ๆ อารมณ์ดีขึ้นเลยค่ะ”
แสงโชติแสร้งยิ้มอย่างเป็นมิตร
“ผมเคยได้ยินว่า กลิ่นของกาแฟ ช่วยผ่อนคลายอารมณ์ได้ครับ คุณพิณยิ้มได้ ผมก็ดีใจครับ ...”
ยังพูดไม่ทันจบดี ภูมินทร์ก็พุ่งเข้ามาดึงข้อมือพิณชนิดาให้ลุกขึ้นทันที
“มาฉอเลาะอยู่นี่เอง เลิกอู้ ไปทำงานเดี๋ยวนี้”
ภูมินทร์บีบมือพิณชนิดาแน่น จะลากไป แต่ฝ่ายถูกบีบร้องลั่นเพราะเจ็บ แสงโชติรีบเข้าไปดึงมือ
พิณชนิดาเอาไว้อีกข้าง พลางมองภูมินทร์ด้วยแววตาเอาเรื่อง
“พี่ภูไม่ได้ยินรึไง คุณพิณเธอเจ็บ ปล่อยมือคุณพิณเดี๋ยวนี้”
ภูมินทร์มองหน้าแสงโชติอย่างเอาเรื่อง
“แกเกี่ยวอะไรด้วย”
“เกี่ยวสิ คุณพิณเธอมากับผม ผมต้องดูแลเธอ”
“ เอาเวลาไปดูแลตัวเองก่อนเถอะ”
แสงโชติกับภูมินทร์เผชิญหน้ากัน มีพิณชนิดายืนอยู่ตรงกลาง
“ปล่อยมือพิณเถอะค่ะคุณแสงโชติ พิณไม่เป็นไรค่ะ”
แสงโชติจำต้องปล่อยมือ พิณชนิดาหันไปหาภูมินทร์
“บอสจะรีบไปทำงานไม่ใช่เหรอคะ ไปค่ะบอส ไปค่ะ”
พิณชนิดารีบลากแขนพาภูมินทร์ออกไป แสงโชติมองตาม แววตาจงเกลียดจงชัง และเคียดแค้น
ภูมินทร์ลากพิณชนิดาเข้ามาในห้องทำงาน ก้องภพรีบจะตามไป แต่กลับถูกปิดประตูใส่หน้า เขาจึงรีบเอาหูแนบประตูฟังเสียงข้างใน
ภูมินทร์ดึงพิณไปนั่งที่เก้าอี้ พร้อมกับเอามือวางไว้บนพนัก เหมือนกั้นไว้ไม่ให้หนี พลางมองจ้องหน้าอย่างขัดใจ
“ถามจริง ๆ ชอบไอ้แสงโชติใช่มั้ย?”
“ไม่ได้ชอบ” พิณชนิดาตอบสั้นๆ ห้วนๆ
“ถ้าไม่ได้ชอบ แล้วไปกับมันทำไม?”
“แล้วทำไมถึงไปไม่ได้?”
ภูมินทร์ตอบไม่ถูก แต่พยายามแถไป “ก็มันนิสัยไม่ดี”
“ยังกับนายนิสัยดีนัก”
ด่าไปก็ก้มลงมองข้อมือตัวเองที่ถูกบีบจนแดงเถือก
“วันนี้นายเป็นบ้าอะไร ทำฉันอับอายกลางห้องประชุมไม่พอ ยังทำมือฉันเจ็บอีก”
ภูมินทร์หันมองข้อมือ ก็หน้าสลดลง รีบดึงมาดู พลางถามเสียงอ่อนลง ด้วยความเป็นห่วง
“เจ็บมากมั้ย?”
พิณชนิดาเห็นท่าทางของภูมินทร์แล้วก็แอบอมยิ้ม รีบเรียกร้องความสนใจ
“โอ๊ย ๆ เจ็บ เจ็บมาก”
ภูมินทร์ตกใจ “ เจ็บเหรอ?”
พลางเป่าแขนที่แดงให้เบา ๆ ด้วยกิริยาอ่อนโยน ทันทีที่เห็นความห่วงใยของเขา ความโกรธในใจของพิณชนิดาก็หายวับ เธออมยิ้มมีความสุข จนภูมินทร์ชะงัก
“สำออย เจ็บอะไร ยิ้มหน้าบานขนาดนี้”
ภูมินทร์รีบกลับไปเก๊กดุอย่างเดิม
“เวลานายทำตัวดี ๆ ก็น่ารักเหมือนกันเนอะ น่ารักจุงเบย”
ภูมินทร์เขินทำตัวไม่ถูก ทำเป็นหันหน้าหนี ไม่กล้าสบตาพิณชนิดา
“เขินเหรอ?”
ภูมินทร์ทำเก๊กเข้ม “บ้า เขินที่ไหน ไม่มี”
พิณชนิดาขยับไปใกล้ มองจ้องหน้าภูมินทร์ที่พยายามเก๊กสุด ๆ เพื่อจับผิด จนลืมตัวว่าหน้าตัวเองใกล้หน้าของเขามาก
“ยอมรับมาเถอะว่าเขิน ไปเอาเป่า ๆ แบบนี้มาจากไหน?”
“แม่นมทำให้ประจำเวลาเจ็บตัว”
พิณชนิดาอมยิ้ม
“เก๊กเข้มอยู่ได้ จะเขินก็เขินสิ เวลาเขิน นายหล่อกว่าเวลาเก๊กตั้งเยอะ”
ภูมินทร์มองจ้องหน้าพิณชนิดาอย่างลืมตัว แล้วก็เผลอยิ้มออกมา อีกฝ่ายยิ้มตอบ สองคนมองจ้องกันและกัน ภูมินทร์หัวใจเต้นแรง แต่พอได้สติ ก็หุบยิ้มทันที ถอยหลัง หันไปมองทางอื่น ไม่กล้าสบตา
“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก”
พิณชนิดาส่ายหน้าเซ็ง “นายนี่มันแปรปรวนจริงๆ ฉันทำอะไรอีก?”
“ห้ามยิ้มตาใส จ้องหน้าฉันแบบนี้”
พิณชนิดาย้อนกลับยิ้มๆ “ทำไมจะทำไม่ได้? กลัวอะไร?”
ภูมินทร์ไม่ยอมตอบ รีบเดินหนี พิณชนิดาเดินไปขวาง พลางดันตัวให้หันมา
“เวลาคุยกันมองหน้าด้วย หันหนีแบบนี้มันเสียมารยาท ตอบมาเดี๋ยวนี้ ทำไมฉันถึงยิ้มตาใส จ้องหน้านายไม่ได้ ตอบ ๆ”
พิณชนิดาคาดคั้นพร้อมกับยื่นหน้าไปใกล้มากขึ้นๆ ภูมินทร์หัวใจสั่น เริ่มหวั่นไหว จึงโพล่งออกมา
“ทำไม่ได้ เพราะเธอทำให้ฉันหวั่นไหว หัวใจเต้นแรงจะทะลุออกจากอกอยู่แล้ว”
พิณชนิดาได้ฟังชัดๆ ก็ถึงกับอึ้ง ขณะที่ภูมินทร์ได้ยินเสียงตัวเองที่พูดออกไปก็กลัวเสียฟอร์ม รีบใช้นิ้วจิ้มผลักหน้าพิณชนิดาออกไป
“อย่าเข้าใจผิด ที่ฉันหวั่นไหว หัวใจเต้นแรง ไม่ใช่เพราะหลงเสน่ห์เธอ แต่เพราะฉันกลัวเธอต่างหาก ช่วงนี้อากาศร้อน เกิดเธอคลั่งกระโดดกัดฉันขึ้นมาจะว่ายังไง?”
พิณชนิดาปรี๊ดกลับ “ไอ้บ้า ฉันไม่ใช่หมานะ ปากดีแบบนี้ ขอเจ๊สักทีเถอะ”
ว่าแล้วก็คว้าแฟ้มตีภูมินทร์ไม่ยั้ง เขาต้องหลบเป็นพัลวัน พลันโทรศัพท์ที่โต๊ะก็ดัง ภูมินทร์ยกมือขึ้นห้าม พลางกดอินเตอร์คอมรับ พร้อมกับเสียงก้องภพดังขึ้นมา
“คุณสิรวิทย์มีเรื่องด่วนครับ”
สิรวิทย์ยื่นซองใส่ภาพให้ภูมินทร์ที่รับมาดู พิณชนิดาและก้องภพนั่งอยู่ใกล้ ๆ ด้วย ภูมินทร์เปิดซองออกมา เห็นเป็นรูปแสงโชติที่แอบพบกับฉัตรและยอด
“ฉันให้คนสะกดรอยตามแสงโชติอยู่”
ภูมินทร์ถึงกับชะงักอึ้ง “แกรู้ได้ยังไงว่าผู้ต้องสงสัยของฉันคือแสงโชติ?”
สิรวิทย์นิ่งไปนิด ก่อนตัดสินใจพูด
“เมื่อวานฉันแวะไปหาคุณเปรมสุดาที่บ้าน แต่คุณสุดาขับรถออกไป ฉันก็เลยขับตามไปเซอร์ไพรส์ ปรากฏว่าเจอเซอร์ไพรส์กว่า ฉันเจอคุณสุดากับแสงโชติเข้าไปในคอนโดด้วยกัน ฉันเลยให้คนสืบต่อ ได้ความว่า
คอนโดนั้นเป็นของแสงโชติ สองคนนั้นนัดเจอ แล้วก็ค้างด้วยกันที่นั่นเป็นประจำ”
ทุกคนอึ้งหนัก ภูมินทร์มองสิรวิทย์อย่างเห็นใจ
“แกโอเค. รึเปล่า?”
สิรวิทย์ยิ้มแห้ง
“ไม่โอเค. แล้วจะทำไงได้ ความจริงก็คือความจริง หลังจากรู้เรื่องแสงโชติกับคุณสุดาฉันก็ให้คนสะกดรอยตามแสงโชติทันที เพราะคนเราฆ่ากันได้เพราะเรื่องชู้สาว”
“แกหมายความว่าไอ้แสงโชติมันอยากฆ่าฉันเพราะสุดาเหรอ?”
สิรวิทย์ส่ายหน้า “ฉันไม่แน่ใจ แต่อะไรที่พอมีประเด็น เราก็ไม่ควรจะข้ามไป”
“ขอบใจแกมากนะ อกหักขนาดนี้ยังอุตส่าห์เป็นห่วงฉัน”
สิรวิทย์พยักหน้าเศร้า ๆ ก้องภพมองจ้องรูปยอดกับฉัตร
“แล้วสองคนนี้เป็นใครเหรอครับ?”
“ลูกน้องฉันสืบมาว่า สองคนนี้ชื่อยอดกับฉัตร เคยเป็นพนักงานเก่าของบริษัทแก”
ภูมินทร์รีบดึงรูปมาดู “หน้าตาไม่เห็นคุ้นเลย”
พิณชนิดารีบบอก “บริษัทนายมีพนักงานเป็นพัน เข้าออกทุกเดือน นายคงจำได้หมดหรอก”
จู่ๆ ภูมินทร์ก็นึกได้
“เดี๋ยว ฉันเคยเห็นสองคนนี้ แต่ไม่ใช่ที่นี่”
“เคยเห็นที่ไหน?”
ภูมินทร์นิ่งคิด พลางย้อนนึกถึงตอนที่เจอทั้งคู่ที่อู่ซ่อมรถ ตอนที่เขาไปกับหนึ่ง
“สองคนนี้มาขอซื้อรถของฉัน? เค้าจะซื้อรถของฉันไปทำไม?”
สิรวิทย์รีบอธิบาย
“ตอนที่ภูหายไป เบาะแสเดียวที่พวกเรามีคือภาพรถเต่าสีฟ้าที่ได้จากกล้องวงจรปิด”
ภูมินทร์รีบพูดต่อ
“พูดง่าย ๆ คือ ถ้าเจอเจ้าของรถเต่าคันนั้น ก็จะตามหาฉันเจอไปด้วย”
ก้องภพรีบสรุป
“แบบนี้ยิ่งชัดเจนเลยนะครับ เพราะคนที่มีภาพรถเต่าของคุณพิณ มีแค่ผม คุณวิทย์ แล้วก็คุณ
แสงโชติ”
ภูมินทร์เดือดดาลขึ้นมาทันที
“ไอ้น้องชั่วนั่นมันคือคนบงการฆ่าฉันอย่างที่สงสัยจริง ๆ ฉันอยากจะลากคอมันเข้าคุกซะเดี๋ยวนี้”
สิรวิทย์รีบปรามว่าให้รอหลักฐานครบก่อน ก้องภพเสนอให้แจ้งอรรถพร เพื่อลากตัวทั้งคู่มาสอบสวน ภูมินทร์มองภาพแสงโชติกับยอดฉัตรด้วยแววตาครุ่นคิด
ทางด้านอรรถพรก็กำลังนั่งคุยโทรศัพท์พลางทำเสียงกระหนุงกระหนิงกับภิชาสินี ครู่หนึ่งจ่าเหยินก็เข้ามาพร้อมรายงาน
“หมวดครับ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เพิ่งแจ้งมาว่าพบดีเอ็นเอ ผู้ต้องสงสัยในที่เกิดเหตุคดีพ่อ
สรพงศ์ครับ”
อรรถพรชะงัก ก่อนจะรีบบอกไปตามสาย
“แค่นี้ก่อนนะครับ ต้องทำงานแล้ว ถึงไม่มีหลักฐาน ไม่มีพยานรู้เห็น แต่อยากให้รู้ว่า ผมรักคุณภิคนเดียวนะครับ จุ๊บ ๆ”
อรรถพรวางสาย จ่าเหยินส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะรายงานต่อ
“พบดีเอ็นเอ อีก 2 คนในที่เกิดเหตุครับ ตรวจสอบแล้วไม่ใช่ของคุณภิ ไม่ใช่ของผู้ตาย”
“แสดงว่าอาจเป็นของคนร้าย”
พลันมือถืออรรถพรก็ดังขึ้นมา
“ว่าไงครับคุณก้องภพ ผู้ต้องสงสัย ใครครับ?”
จ่าเหยินยื่นภาพยอดกับฉัตรที่ก้องภพส่งมาให้ทางอีเมล์ อรรถพรรับมาดู พลางครุ่นคิด
“จะเรียกตัวมาสอบสวนหรือ? จะทำอะไรมันต้องมีหลักฐานก่อน”
จ่าเหยินรีบบอก
“หน้าไว้ใจไม่ได้แบบนี้ ท่าทางจะมีคดีติดตัวเพียบ พามาโรงพักไม่ยากหรอกครับปัญหาคือจะตามหาพวกมันได้ที่ไหน?”
อรรถพรยกมือตบไหล่เบาๆ ให้กำลังใจ “ ผมรู้ว่าอีกไม่นาน จ่าจะหาทางได้ ถ้าไม่อยากเป็นจ่าไปจนแก่ จ่าต้องแสดงผลงาน”
จ่าเหยินมองรูปฉัตรกับยอด แล้วถอนหายใจเฮือก
ฟากเอกก็มาหาพิณชนิดาถึงที่บ้านของภูมินทร์ แต่ถูก รปภ. กันไว้ จังหวะนั้นป่านแก้วที่กำลังจะไปตลาดเดินเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี
“มีอะไรกันเหรอ?”
รปภ.หันไปมองเอก ป่านแก้วมองตามสีหน้าแปลกใจ จากนั้นก็รีบโทร. ไปบอกพิณชนิดา
“มีผู้ชายมาหาคุณพิณค่ะ ท่าทางแปลก ๆ เห็นบอกว่าชื่อเอก”
พิณชนิดาชะงัก “เอกเหรอ?”
“ใช่ค่ะ ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป บอกจะคอยอยู่หน้าบ้าน จนกว่าคุณพิณจะกลับมาค่ะ”
พิณชนิดาถอนใจ เซ็งๆ
“โอเค. เดี๋ยวพิณกลับไปจัดการเอง ขอบคุณนะจ๊ะที่โทร. มาบอก”
พิณชนิดาวางสาย ก่อนจะคว้ากระเป๋า รีบเดินออกไป สวนกับก้องภพที่เดินเข้ามาพอดี
“พิณมีธุระด่วน จัดการเสร็จแล้วจะรีบกลับมานะคะ”
พูดจบก็รีบวิ่งออกไปทันที
ป่านแก้วเดินออกมาหาเอก ที่เตรียมอุปกรณ์การนอนค้างมาพร้อม ทั้งเต๊นท์ ทั้งกระเป๋าเสื้อผ้า เตาแบบใช้แก๊ส สภาพเหมือนมานอนป่า รปภ. หน้าบ้าน ส่ายหน้าอย่างระอา ก่อนจะเดินกลับเข้าป้อมไป
เอกกางเก้าอี้ นั่งจิบน้ำอัดลมอย่างสบายใจ วิญญาณพ่อ แม่ ป้า ปรากฏตัวขึ้นมาพลางจ้องอย่างไม่พอใจ ก่อนที่จะสำแดงเดชแลบลิ้นปลิ้นตาหลอก แหวะไส้หลอก หวังให้กลัว แต่เอกกลับหัวเราะขำ
“ไม่น่าเชื่อว่าคนประหยัดอย่างพิณ จะลงทุนจ้างคนมาหลอกผี ฝากไปบอกพิณด้วยนะ ว่าถ้าพิณไม่กลับไปกับเอก เป็นตายยังไง เอกก็จะรอพิณตรงนี้ ไม่ไปไหนเด็ดขาด”
ว่าแล้วก็ก้มลงเก็บของต่อ วิญญาณทั้งสามมองอย่างขัดใจ พลันก็มีสายลมพัดผ่านวูบหนึ่ง วิญญาณทั้งสามมองเห็นร่างที่เลือนรางของตัวเอง ที่อวัยวะบางส่วนหายไป เพียงครู่ก็กลับมาเป็นเช่นเดิม
“หรือว่าเวลาของเราจะใกล้หมดแล้ว?”
พ่อ แม่ ป้าหน้าเสีย ด้วยความหวาดหวั่น
ภูมินทร์เดินกลับเข้ามาในห้อง พอรู้จากก้องภพว่าพิณชนิดาออกไปทำธุระ ก็หงุดหงิด
“ธุระจริงรึเปล่า? อย่าให้รู้นะว่าไปกับไอ้แสงโชติอีก”
บ่นพลางเดินหัวเสียกลับไปทางเดิม ก้องภพมองตาม แววตาเศร้าลง เริ่มมั่นใจว่าภูมินทร์รัก
พิณชนิดาแน่แล้ว
เอกที่นั่งเล่นเกมส์ในมือถือรออยู่ที่เดิม หันไปเห็นพิณชนิดาลงจากแท็กซี่ก็ยิ้มดีใจ
“ในที่สุด พิณก็มาหาเอ”
พิณชนิดาตรงรี่เข้าไปเตะหน้าแข้งเอกทันทีด้วยความโมโห อีกฝ่ายถึงกับกระโดดโหยง
“จะตามรังควานไปถึงไหน?”
“รังควานกับรัก มันต่างกันมากนะพิณ เอกทำแบบนี้เพราะรัก”
พิณชนิดาไม่เคลิ้มด้วย
“รักบ้าบออะไร พิณรู้ทันหรอก ที่เอกมาตื๊อพิณแบบนี้ เพราะไม่มีที่ไปใช่มั้ย?”
“คนอย่างเอกมีปัญญาเอาตัวรอด ที่ทำแบบนี้ เพราะเอกรู้แล้วว่าพิณเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต ที่เอกต้องการมากที่สุด”
พิณชนิดาย้อนกลับหน้านิ่ง “แต่เอกเป็นสิ่งที่พิณไม่ต้องการมากที่สุด”
เอกหน้าเศร้า แต่ไม่ยอมแพ้ เข้าไปคุกเข่า จับมือพิณชนิดาด้วยอาการเว้าวอน
“เอกไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย ขอแค่โอกาสจากพิณอีกครั้งเดียวเท่านั้น”
พิณชนิดาสะบัดมืออย่างแรง
“โอกาสของเอกมันหมดลงตั้งแต่วันที่เอกไม่ซื่อสัตย์ พิณไม่เหลืออะไรให้เอกอีกแล้ว ออกไปจากชีวิตพิณซะที”
“เป็นตายยังไงเอกก็ไม่ไป เอกจะไม่ยอมทิ้งพิณไปอีกแล้ว”
พิณชนิดาอยากจะกรี๊ดในอาการพูดไม่รู้เรื่องของเอก
“จะไม่ยอมไปจริง ๆ ใช่มั้ย ได้ เจอดีแน่”
พูดพลางรีบหยิบมือถือมากดทันที
ที่แท้พิณชนิดาโทร. ไปแจ้งอรรถพรให้มาจับตัวเอกไปโรงพัก ฝ่ายรีบรีบบึ่งมาที่บ้านภูมินทร์ โดยซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์องจ่าเหยินเข้ามา
“เค้าทำร้ายคุณพิณเหรอครับ?”
พิณชนิดาส่ายหน้าอึกอัก “เปล่า”
จ่าเหยินถามต่อ “ถ้างั้นทำผิดอะไรเหรอครับ พวกผมจะได้ดำเนินคดีได้ถูก”
“ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไป จะปักหลักกินนอนอยู่ตรงนี้ให้ได้”
อรรถพรหันขวับมาทางเอก “จริงเหรอครับ?”
เอกตอบอย่างหนักแน่น “ จริง”
“เห็นมั้ย สารภาพแล้ว จับไปเลย”
จ่าเหยินหัวเราะแหะๆ “จะจับข้อหาอะไรล่ะครับ? ไม่มีความผิดอะไรสักอย่าง”
พิณชนิดาหน้าเจื่อน เอกยักคิ้ว พลางยิ้มอย่างเป็นต่อ
“แล้วจะปล่อยให้เค้ารังควานฉันแบบนี้เนี่ยนะ?”
อรรถพรเห้นพิณชนิดาหงุดหงิด ก็หันไปบอกอย่างใจเย็น
“เอาเป็นว่า ผมจะให้สายตรวจเข้ามาดูบ่อย ๆ แล้วกันครับ”
เอกยิ้มพอใจ ปูเปรี้ยวที่แอบดูอยู่ในบ้าน รีบกดโทรศัพท์หาภูมินทร์
“คุณภูขา ปูเปรี้ยวเองนะคะ ก็คุณพิณน่ะสิคะ จู๋จี๋กับผู้ชายที่หน้าบ้านไม่อายฟ้าอายดิน เห็นว่าชื่อเอกอะไรเนี่ยคะ ท่าทางจะรักกันมากนะคะ มองตากันดื่มด่ำแทบจะกลืนกินกันเลย”
ภูมินทร์กำโทรศัพท์แน่นอย่างโกรธจัด
พิณชนิดาเดินกลับเข้ามาในห้องทำงานอย่างขัดใจ
“ถ้านายไข่เจียวรู้ว่าเอกไปปักหลักค้างที่บ้าน มีหวังโวยวายใส่เรา จนหูดับแน่”
พลางกำลังจะนั่งที่โต๊ะทำงาน ไม่ทันเห็นภูมินทร์ที่เดินพุ่งเข้ามา ด้วยความโมโหหึงเต็มพิกัด
พร้อมกับเข้าไปกระชากแขนพิณชนิดาทันที
“ไปไหนมา?”
พิณชนิดาตกใจ “ ปะ ปะ ไป ธุระมา”
“ธุระอะไร? กลับไปกินของเก่ามาใช่มั้ย?”
พิณชนิดาหน้าเหวอ “กินของเก่าอะไร ฉันไม่เข้าใจ”
“อย่ามาตีหน้าซื่อ กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง แสแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ ใสๆ ไร้เดียงสา เลิกแสดงละครสักที ฉันไม่หลงกลมารยาของเธอ เหมือนไอ้แฟนเก่างี่เง่านั่นหรอก ถ้าอดอยากปากแห้งมากนัก บอกฉันดีๆ ก็ได้ ฉันจะสงเคราะห์ให้ ไม่ต้องเสียเวลาทิ้งงาน ไปเขี่ยถ่านไฟเก่าที่หน้าบ้านฉัน”
พิณชนิดาสุดจะทน ฟาดฝ่ามือใส่หน้าภูมินทร์เต็มแรง ด้วยความเสียใจ ก่อนจะพูดทั้งน้ำตา
“ถามจริงๆ เท่าที่รู้จักกันมา คุณเห็นฉันเป็นผู้หญิงสกปรกแบบนั้นจริงๆเหรอ? ฉันอุตส่าห์ทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือคุณ โดยหวังแค่ให้คุณปลอดภัย ฉันหวังแค่นั้นจริง ๆ”
ภูมินทร์เริ่มได้สติ “พิณ ...ผม”
“ ถึงจะโดนคุณดูถูกทุกวัน หรือด่ากลางห้องประชุม ฉันก็ยังมองคุณในแง่ดี แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว ว่ามองคนผิดไป พอกันที ฉันจะไม่เสียเวลาช่วยคนจิตใจสกปรก คนที่ไม่เคยเห็นความดีอย่างคุณอีก อย่าพบเจอกันอีกเลย ลาขาด”
พูดจบพิณชนิดาวิ่งออกไปทันที ภูมินทร์อึ้ง ยืนตะลึงทำอะไรไม่ถูก
แสงโชติขับรถออกมา เห็นพิณชนิดาวิ่งร้องไห้ ก็รีบเปิดกระจกรถถาม
“คุณพิณ เกิดอะไรขึ้นครับ?”
พิณชนิดาหันไปมองแสงโชติ พร้อมกับได้ยินเสียงภูมินทร์เรียกตามหลัง เธอตัดสินใจรีบหนีขึ้นรถแสงโชติทันที
“ไปเลยค่ะ ไปเลย”
ภูมินทร์วิ่งตามออกมา แต่ไม่ทัน เขานึกโกรธตัวเอง
“ปากหนอปาก เอาไงดี? พิณน่าจะกลับไปเก็บของที่บ้าน”
คิดพลางรีบหยิบมือถือมาโทร. แม่นมหานวล
“ฮัลโหลนมเหรอครับ ถ้าพิณชนิดากลับไปที่บ้าน นมพยายามรั้งเอาไว้ก่อนนะครับ อย่าให้ไปไหน ผมกำลังจะรีบกลับไป”
แสงโชติยื่นผ้าเช็ดหน้าพิณชนิดาที่ร้องไห้ไม่หยุด
“ทะเลาะกับพี่ภูเหรอครับ?”
พิณชนิดาพยักหน้า แสงโชติเอื้อมมือมาจับมือเธออย่างอ่อนโยน
“อย่าคิดมากนะครับ พี่ภูเค้าเป็นแบบนี้แหละ ทำอะไรไม่เคยเห็นหัวใคร”
“พิณจะไม่เสียเวลายุ่งเกี่ยวกับคนแบบนี้อีก พิณลาออกแล้วค่ะ”
แสงโชติถอนหายใจ
“เฮ้อ ที่สุดคุณพิณก็ทนความร้ายกาจของพี่ภูไม่ได้ ออกไปก็ดีแล้วครับ อย่าอยู่ใกล้คนใจดำอย่างพี่ภูเลย จะให้ผมไปส่งที่ไหนดีครับ?”
“พิณจะกลับไปเก็บของที่บ้านนายภูมินทร์ค่ะ”
แสงโชติยิ้มเจ้าเล่ห์
“โอเค. ครับ แต่ผมขออนุญาตไปเอาของที่คอนโดแป๊บนึงนะครับ”
พิณชนิดาพยักหน้า แสงโชติยิ้มร้าย
แสงโชติขับรถเข้ามาจอดที่หน้าคอนโด
“รออยู่นี่นะครับ เดี๋ยวผมมา”
จากนั้นจงใจทิ้งมือถือไว้ข้างประตูคนขับแล้วลงจากรถ พิณชนิดานั่งรอ หน้าเศร้า ๆ ไม่ทันได้สังเกตแววตาของอีกฝ่าย ที่มองอย่างมีแผน
คนของสิรวิทย์ที่แอบตามมาจอดรถซุ่มดูอยู่ห่าง ๆ
ภูมินทร์รู้จากแม่นมนวลว่าพิณชนิดายังไม่ถึบ้าน ก็ยิ่งร้อนใจ ว่าแสงโชติพาเธอไปที่ไหน พลางรีบกดมือถือโทร. หาสิรวิทย์ทันที
“ฮัลโหล วิทย์ .คนของแกยังตามแสงโชติอยู่รึเปล่า?”
แสงโชติหยิบโทรศัพท์บ้านในห้องกดโทร. เข้าเครื่องตัวเอง พิณชนิดาได้ยินเสียง ก็หันไปมอง พลางหยิบไว้ในมือ แต่ไม่กล้ารับสาย ไม่นานเสียงก็ดับไป แล้วมือถือของเธอก็ดังขึ้นแทน
“คุณพิณเหรอครับ ผมลืมมือถือเอาไว้ในรถใช่มั้ยครับ?”
พิณชนิดามองมือถือแสงโชติในมือ
“ค่ะ”
“รบกวนคุณพิณเอาขึ้นมาให้ผมที่ห้องได้มั้ยครับ พอดีผมต้องใช้รหัสเซฟในมือถือครับ”
พิณทำหน้างง ๆ “แต่พิณไม่มีคีย์การ์ดนะคะ”
“หยิบในลิ้นชักหน้ารถก็ได้ครับ ผมเก็บสำรองไว้ในนั้นอีกอัน”
พิณชนิดารีบเปิดลิ้นชักหน้ารถ หยิบคีย์การ์ดออกมาโดยไม่เอะใจ
“เดี๋ยวพิณเอาขึ้นไปให้ค่ะ”
พิณชนิดาหยิบมือถือแสงโชติแล้วเดินเข้าคอนโดไป ลูกน้องสิรวิทย์มองตามพลันมือถือก็ดังขึ้นมา “ตอนนี้อยู่ที่คอนโดเดิมครับนาย”
ภูมินทร์ขับรถอย่างร้อนใจ ไม่นานเสียงมือถือก็ดังรัว
“ตอนนี้ไอ้แสงโชติอยู่ที่ไหน?”
“ลูกน้องฉันบอกว่า มันมาที่คอนโดกับผู้หญิง สวย ๆ หน้าคม ๆ ผู้หญิงเพิ่งจะขึ้นไป”
ภูมินทร์ตกใจ
“พิณชนิดา”
จบตอนที่ 12