xs
xsm
sm
md
lg

เงาเสน่หา ตอนที่ 5

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เงาเสน่หา ตอนที่ 5

ไม่นานต่อมา พงศธรเปิดประตูห้องให้วิริยาเข้าไปก่อน

“เชิญครับ”
“ขอบคุณนะคะที่ยอมต้อนรับชั้น”
“คุณต้องมีเรื่องสำคัญมากถึงมาหาผมที่นี่กลางดึก จะไม่ให้ผมต้อนรับได้ยังไงกันล่ะครับ”
วิริยาเดินไปนั่งที่โซฟา ทำตัวชิลล์มาก มองไปรอบๆ
“อยู่คนเดียวเหรอคะ”
“ตอนนี้ยังอยู่คนเดียวครับ” พงศธรรีบเข้าเรื่อง “มีอะไรให้ผมช่วยครับ”
“ต้องเป็นเรื่องงานเท่านั้นรึเปล่าคะ”
“ผมบอกแล้วไง คนระดับคุณวิริยาลูกสาวท่านประธาน ผมคงช่วยได้แค่เรื่องงานเท่านั้นแหละครับ”
“เรื่องงานเก็บไว้คุยที่ทำงานเถอะค่ะ” วิริยาขยับเข้ามานั่งข้างๆ “อยากคุยเรื่องอื่นมากกว่า”
พงศธรพยายามรักษาระยะห่างไว้ วิริยาโน้มตัวเข้ามาใกล้มาก เป็นโมเม้นต์ใกล้ชิดที่น่าอึดอัดใจสำหรับพงศธร
“เรื่องความรู้สึกของวิว”
พงศธรนิ่งผินหน้ามองตรง
วิริยาขยับใกล้ขึ้นอีก “ความรู้สึกที่มีต่อคุณ”
พงศธรนั่งคงนิ่ง
วิริยายื่นหน้าเข้าใกล้บอกเสียงเบาๆ “วิวจูบคุณได้มั้ยคะ”
“ไม่ได้ครับ” พงศธรหันมายิ้ม ลุกขึ้นยืนทันที “ผมไปส่งคุณที่บ้านดีกว่า คุณควรจะพักผ่อนได้แล้ว”
วิริยาหัวเราะขำ “โอเค คุณชนะค่ะ”
พงศธรงงๆ
“เกมนี้คุณชนะ”
พงศธรชักฉุน “นี่มันอะไรกันครับ คุณทำแบบนี้ทำไม”
“ทดสอบความรักของคุณน่ะสิคะ แล้วคุณก็แสดงให้วิวเห็นแล้วว่า คุณรักแฟนคุณมากจริงๆ การเอาชนะเธอ ไม่น่าจะง่ายอย่างที่คิดไว้ซะแล้ว”
พงศธรไม่พอใจมาก แต่ก็พยายามเก็บความโกรธไว้ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบแต่เข้ม
“ความรักของผม เรื่องของผม ชีวิตของผม ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นหรือเอามาเดิมพันกันแบบนี้ มูลค่าของเราอาจไม่เท่ากัน แต่คุณค่าของความเป็นมนุษย์ ทุกคนมีเท่าเทียมกัน หวังว่าคุณคงเข้าใจ”
วิริยาอึ้งนิดๆ “ถึงกับต้องโกรธกันเลยเหรอคะ”
“คุณดูถูกผม ดูถูกความรู้สึกของผม ดูถูกคนรักของผม”
“วิวขอโทษค่ะที่ทำให้คุณรู้สึกอย่างนั้น”
พงศธรนิ่งไปไม่ตอบ สีหน้านิ่งเย็นชามาก
“ต้องทำยังไงคุณถึงจะยกโทษให้วิวคะ”
“ผมเป็นพนักงานของคุณ ทำงานให้กับบริษัทของคุณ กรุณารู้จักผมที่ผลงานและความสามารถดีกว่าครับ”
วิริยาเสียหน้าอย่างแรงที่ถูกปฏิเสธ แต่พยายามยิ้มแสนดี
“เจอกันที่ออฟฟิศครับ”
พร้อมกับว่าพงศธรเดินนำไปที่ประตู วิริยารู้ว่าไปต่อไม่ได้แล้ว เลยยอมจำนนเดินตามไป
“อย่างน้อยชั้นก็ได้รู้ว่า ไม่มีอะไรสำคัญกับคุณเท่าเรื่องงาน” วิริยายิ้มร้าย “งั้นเกมนี้ก็ยังไม่จบนะคะ มันเพิ่งจะเริ่มต้น เตรียมตัวของคุณให้พร้อมก็แล้วกัน เพราะคนอย่างชั้น เล่นแรง”
วิริยาเน้นคำตอนท้ายแล้วออกไป พงศธรปิดประตู ถอนใจโล่งอก นึกหวั่นว่าวิริยาจะมาไม้ไหนอีก

คลับหรูบรรยากาศชวนเมาที่เก่า วิริยาเดินเข้ามาในนั้น ปริม เพื่อนซี้ที่นั่งอยู่แล้วโบกมือให้ วิริยาเดินเข้าไปหา สองสาวสวมกอดหอมดมกันแบบธรรมเนียมฝรั่ง
“เฮลโหล ยังไงกันยู” ปริมคลายกอดลงนั่งแล้วถามทันที
“มาถึงเมื่อไหร่”
“แลนด์เมื่อเช้านี่เอง เรียกเพื่อนออกมากลางดึกแบบนี้ต้องมีเรื่องแน่ๆ ใช่มะ”
วิริยาลงนั่งข้าง ปริมถาม
“ดื่มอะไร”
วิริยาหันไปบอกบาร์เทนเดอร์รูปงาม “ขอไวน์ค่ะ”
“ครับ”
ปริมถามเข้าเรื่อง “ว่า”
“ผู้ชาย” วิริยาบอก
ปริมยิ้ม “นึกแล้วว่าต้องเรื่องผู้ชาย ทำไม ยูไปบอกเลิกใครมาอีกล่ะ”
“ชั้นต่างหากที่ถูกบอกเลิก มันรู้สึกอย่างนั้นน่ะ”
“โอว มายก้อด พูดจริงดิ”
วิริยาพยักหน้ายิ้มๆ มองแก้วไวน์ที่บาร์เทนเดอร์วางให้ตรงหน้า แต่ยังไม่หยิบ
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง เล่ามา”
ปริมวางแก้วไวน์ที่หมดแล้วลง หันมาถามวิริยา
“อยากได้จริงเหรอ”
วิริยาไม่ตอบ ใช้นิ้วไล้ขอบแก้วเบาๆ
“คุ้มเหรอ”
“แค่อยากเอาชนะมากกว่า”
“นั่นไง โหมดนี้อีกแล้ว ยูนี่นิสัยไม่เคยเปลี่ยนเลย บ้าเอาชนะ”
“คนอย่างชั้น ไม่เคยแพ้ และจะไม่มีวันแพ้” วิริยามั่นหน้ามาก
“รู้ตัวมั้ยว่าพูดแบบนี้ ยูแคร์เค้ามากนะ”
“ก็คงงั้น”
“ถ้าชอบเล่นเกมก็อย่าประมาท พลาดมาเสียหายหนักนะ” ปริมเตือนอย่างหวังดี
“ไม่ต้องห่วง เกมนี้ ยังไงชั้นก็ต้องชนะเท่านั้น คนอย่างชั้นไม่เคยยอมแพ้ให้ใคร”
ใบหน้าสวยของวิริยายิ้มร้ายกาจออกมาเต็ม

เช้าวันต่อมานิสาลงบันไดมา เห็นศักดิ์ชายกำลังเตรียมกาแฟให้ที่โต๊ะกินข้าว
“ไม่ต้องค่ะพ่อ เดี๋ยวสาทำเอง พ่อนั่งเถอะค่ะ”
“ไม่เป็นไร พ่ออยากเอาใจเราบ้าง”
“เอาใจด้วยการขยันทำกายภาพดีกว่ามั้ยคะ”
นิสาหัวเราะเบาๆ นั่งลงดื่มกาแฟด้วย
“แล้วนักกายภาพของคุณพงศ์เค้าโอเคมั้ยคะ”
“พ่อบอกเลิกเค้าไปแล้วล่ะ”
นิสาแปลกใจ “อ้าว ทำไมล่ะคะ”
“ไม่อยากรบกวนใคร เราทำเองได้ก็ทำ”
นิสาทักท้วง “แต่คุณพงศ์บอกว่านั่นมือหนึ่งเลยนะคะ”
ศักดิ์ชายตัดบท “ช่างเถอะ แต่ยังไงก็ฝากขอบคุณพงศธรด้วยก็แล้วกัน”
“งั้นเย็นนี้หนูกลับมาทำให้พ่อเหมือนเดิมนะคะ”
ศักดิ์ชายพยักหน้ายิ้มๆ
“สายแล้ว ต้องไปแล้วล่ะค่ะ เจอกันเย็นๆนะคะ เดี๋ยวจะซื้อของโปรดมาฝากมื้อเย็น”
นิสาหอมแก้มพ่อแล้วออกไป ศักดิ์ชายมองตามไปยิ้มๆ
ขณะที่นิสาลั้นลาออกจากบ้านไปแล้ว ศักดิ์ชายลุกขึ้นยืนแล้วเสียหลักล้มลงโครม สีหน้าเจ็บปวดสุดจะประมาณ

สิ่งที่คนางค์กังวล และไม่อยากให้เกิดขึ้น ในที่สุดก็เกิดขึ้นในเช้าวันนี้ เมื่อรถยนต์หรูของกรเกียรติแล่นเลี้ยวเข้ามาด้านหน้า ทางเข้าตึกสำนักงานรอยัลแอร์ไลน์ เกือบชนเข้ากับมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง เสียงเบรกดังสนั่น มอเตอร์ไซค์ถูกชนล้มลง คนขี่เปิดหมวกกันน็อคขึ้นเผยให้เห็นว่าเป็นธีรภาพ คนขับรถบ่นบ้าอย่างหัวเสีย ทั้งที่ตัวเองก็ผิด
“เลี้ยวยังไงไม่ดู”
“อย่าไปโทษเขา มันก็ผิดด้วยกันทั้งคู่น่ะแหละ ลงไปดูซิ เจ็บตัวรึเปล่า” กรเกียรติบอก
“ครับท่าน”
คนขับรถลงไป กรเกียรติมองตามด้วยความเป็นห่วง
วิริยานั่งมาด้วยดูออก “เค้าคงไม่ตายหรอกค่ะคุณพ่อ”
“อย่าพูดจาใจดำแบบนั้นสิ ยังไงก็พนักงานของเรา”
คนขับรถโวยใส่ธีรภาพอยู่ที่ด้านนอก
“ขี่ยังไงไม่ดู นี่รถท่านประธานนะ ต้องให้ทางก่อนสิ”
“รถใครไม่สำคัญ ขับให้มันถูกต้องดีกว่ามั้ยครับ”
“อย่ามีปัญหาดีกว่าน้องชาย ทำท่านเสียเวลา ไปขอโทษท่านซะ จะได้จบๆ”
ธีรภาพมองไปที่กรเกียรติในรถ พ่อลูกสบตากันจังๆ
“ผมไม่ผิด ไม่จำเป็นต้องขอโทษ” ธีรภาพบอก
“แต่นั่นท่านประธานนะ”
ธีรภาพมองไปที่กรเกียรติ เห็นกรเกียรติกดกระจกลง ธีรภาพจงใจพูดเสียงดัง
“ถ้าคนขับรถของท่านขอโทษไม่เป็น ท่านก็ควรมาขอโทษด้วยตัวเอง”
กรเกียรติสะดุดหูกับคำพูดนี้
วิริยาหงุดหงิด นางโวยลั่น “โอ๊ย น่ารำคาญจริง จะอะไรนักหนา”
ธีรภาพพูดขึ้นลอยๆ ตั้งใจให้กรเกียรติฟัง
“ขอโทษซะจะได้จบ ผมมีงานต้องทำ ไม่มีเวลามาทะเลาะกับใคร”
กรเกียรติลงจากรถมา เผชิญหน้ากับธีรภาพ
“ฉันขอโทษจากใจจริง”
ธีรภาพอึ้ง คาดไม่ถึง “เอ่อ ผมยกก็แค่...”
ธีรภาพสบตากับกรเกียรติแว่บหนึ่ง ก่อนจะขึ้นบิ๊กไบค์ขับรถเข้าไปด้านใน กรเกียรติมองตามไปอย่างสนใจ
“จบรึยังคะคุณพ่อ”
“รอยัลแอร์ไลน์ต้องการคนจริงแบบนี้ ตามเรื่องให้หน่อยว่าเป็นใคร” กรเกียรติบอกคนขับรถ
วิริยากลอกตาถอนใจด้วยความเบื่อ

ในออฟฟิศทีมวิศวกร เจนไวย์เซ้าซี้ถามมีนาเรื่องธีรภาพอยู่
“ถามจริง ชอบมันเหรอ”
“ยุ่งไรด้วย”
เจนไวย์ยิ้มกริ่ม “อ้ะ ตอบแบบนี้แสดงว่าชอบ”
“อย่ามารู้”
เจนไวย์มองจ้อง “แต่ไม่น่าใช่สเป็คมันนะ”
มีนาขึ้น คล้ายโดนปรามาส “ทำไม ไม่ดีตรงไหน”
“ก็ทั้งตัวน่ะแหละ”
“ไอ้รุ่นพี่ปากเสีย” มีนาคว้าของใกล้มือปาใส่
“ระวังเหอะ อกหักไม่รู้ด้วยนะ”
มีนาอึ้งไป “รู้เรื่องผู้หญิงคนนั้นเหรอ”
เจนไวย์ยิ้มยืด “รู้ดิ มันเล่าหมดแหละ”
“เป็นใครอ่ะ”
เจนไวย์เหลือบตาไปเห็นธีรภาพเข้ามาถึง
“มันมาแล้ว อยากรู้ก็ถามเองดิ” แล้วร้องทัก “เฮ้ย ทำไมมาสายวะ”
“รถชน”
เจนไวย์กะมีนาร้อง “เฮ้ย”
“เป็นไรมากเปล่า เจ็บมากมั้ย” มีนาเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร”
“ชนที่ไหนวะ”
ธีรภาพบอกหน้าตาเฉย “หน้าทางเข้า ชนกับรถท่านประธาน”
สองคนร้อง “ฮ้า”
เจนไวย์ยิ้มกริ่ม “แล้วเจอคุณวิริยาปะวะ”
มีนามองค้อน “ไอ้พี่บ้า แทนที่จะห่วงนี่ ดันไปห่วงคนอื่น”
“ก็เห็นอยู่ว่ามันไม่เป็นไร” เจนไวย์ถามธีรภาพต่อ “สวยปะวะ”
“ไม่เห็นว่ะ เห็นแต่ท่าน”
เจนไวย์บ่นบ้า “ชนใครไม่ชน ดันไปชนท่าน ซวยแล้วเมิง”
มีนาเป็นห่วง “โดนด่าป่าว”
“ไม่นะ” ธีรภาพนิ่งคิด “เหนือความคาดหมายเลยด้วยซ้ำ”
ธีรภาพยิ้มนิดๆ เมื่อนึกถึงคำขอโทษจากปากของกรเกียรติ

วิริยาเซ็นเอกสารเสร็จส่งให้เลขาแล้วสั่งตามพงศธรทันที
“ตามคุณพงศธรมาพบชั้นหน่อย”
“ค่ะ”
เลขาออกจากห้องไป วิริยายิ้มร้ายอย่างนึกสนุก
“game on”

ส่วนที่แฮปปี้โคเรีย ประยงค์ใส่ไฟฉอดๆ กับนิสา
“ไว้ใจไม่ได้หรอก นี่พูดแทนผู้ชายทุกคนบนสามโลก ยังไงผู้ชายก็แพ้ผู้หญิงวันยังค่ำ ทางที่ดีนิสาควรมองคนอื่นไว้บ้าง อย่าตัดโอกาสตัวเอง”
มัทรีเหน็บ “อย่างบอสงี้”
ประยงค์บอก “ถูก”
มัทรีหน่าย “กล้าพูด”
“นี่พูดเพราะห่วง พูดเพราะแคร์ ถ้าไม่รักไม่พูด”
“ไปทำงานเถอะค่ะบอส เรื่องนี้แมสซี่จัดการเอง ไปไป๊” มัทรีหมั่นไส้ผลักไสประยงค์เข้าห้องไป แล้วหันมาทางนิสา “อัพเดทซิ”
“ก็ไม่มีอะไร เค้าก็ยังคงยืนยันในคำสัญญาของเค้า ไม่มีอะไรจะมาเปลี่ยนมันได้”
มัทรีไม่เชื่อนัก “ขอให้จริงเหอะ”
“ทำไม แกก็เชื่อเหมือนบอสเหรอ”
“ก็ไม่เชิง แต่ แบบว่า อะไรๆ มันก็ไม่แน่นอนอ่ะแก ยุคนี้อะไรๆ มันฉาบฉวย เปลี่ยนแปลงง่าย เผื่อใจไว้บ้างก็ดี”
“จะให้เผื่อยังไงล่ะ ก็รักเค้าไปหมดใจแล้วอ่ะ” ไกด์สาวถอนใจเฮือกใหญ่
“ขอให้ไม่มีอะไรก็แล้วกัน” มัทรีปลอบ

ขณะเดียวกัน พงศธรคุยงานอยู่กับวิริยาในห้องทำงานของอีกฝ่าย ด้วยท่าทีสุขุมกำลังดี
“ผมรับทราบความต้องการของคุณนะครับ แต่การปรับเปลี่ยนคงต้องผ่าน ความเห็นชอบของท่านผอ.ฝ่าย ต้องให้ท่านอนุมัติก่อนผมถึงจะเดินหน้าต่อได้”
“คงจะดีนะคะถ้าคุณลงมือได้เลย ชั้นเป็นคนใจร้อนค่ะ คิดเร็ว ทำเร็ว”
“ระบบถูกเซ็ตขึ้นมาแล้วก็ต้องทำไปตามนั้นครับ”
“งั้นเห็นทีชั้นต้องโฟกัสที่ระบบซะแล้วล่ะค่ะ อะไรที่เป็นตัวถ่วงระบบ คงต้องถูกเคลียร์ ระบบจะได้โฟลว์ คนจะได้ทำงานอย่างเต็มศักยภาพ”
เห็นพงศธรเงียบ วิริยามองฉงน “คุณไม่เห็นด้วยเหรอคะ”
พงศธร อึ้งๆ ลึกๆ ก็คิดเหมือนกัน
“ผมไม่มีความเห็นต่อสิ่งที่นอกเหนือขอบเขตของผมครับ”
“โอเค งั้นชั้นคงต้องลุยเอง”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวประชุมก่อนนะครับ”
พงศธรลุกขึ้นจะออกไป
“เสียดายนะคะ อดเห็นคุณแสดงฝีมือเลย”
พงศธรไม่พูดอะไร ยิ้มๆ ขยับลุกจะออกไป
“เก่งนะคะ”
พงศธรหันกลับมามองเชิงถาม “ครับ”
“คุณเป็นมืออาชีพมาก ไม่เอาอินเนอร์มาเกี่ยวกับเรื่องงาน ชั้นขอชมค่ะ”
“ผมไม่มีอินเนอร์อะไรนอกจากเรื่องงานครับ”
พงศธรออกไป วิริยามองตามไป
“ชั้นรู้ว่าคุณมี คุณแค่เหยียบมันไว้ ก็เท่านั้น”

พงศธรเดินออกจากห้องวิริยา สวนกับผอ.ฝ่ายการตลาดที่เดินมาจากอีกทาง
“รู้สึกจะเข้านอกออกในห้องท่านบ่อยนะครับ อย่าเผลอตกลงอะไรกันนอกรอบโดยที่ผมไม่รู้ก็แล้วกัน” ผอ.เหน็บแนม
“เรื่องแบบนั้นคงไม่เกิดขึ้นหรอกครับ”
พงศธรมองไปเห็นวิริยาเดินมาพอดี เขาอึ้งไปนิด คิดแผนในใจ เลยแกล้งให้ผอ.พ่นถึงวิริยามาอีก
“เลือดข้นกว่าน้ำเสมอนั่นแหละครับ”
“คุณวิริยาเป็นคนมีความสามารถครับ”
“เฮอะ อย่าพูดเลยเรื่องความสามารถ ที่มาถึงจุดนี้ก็เพราะเป็นบริษัทของพ่อตัวเอง ก็เท่านั้น”
เสียงวิริยาดังขึ้น
“คิดได้แค่นั้นเหรอคะ”
ผอ. อึ้งไปเลย วิริยาเดินเข้ามาเผชิญหน้ากับผอ. ยิ้มเยือกเย็น
“สงสัยระบบจะมีไวรัส เก่าๆ ซะแล้วล่ะค่ะ”
ผอ. อึ้งหนัก
วิริยาเดินออกไป ทิ้งพงศธรที่คิดว่ามีความหวังเล็กๆขึ้นมา

ทางด้านศักดิ์ชายยังนอนสลบอยู่ที่พื้นไม่ขยับเขยื้อน

ส่วนกรเกียรตินั่งคิดถึงเหตุการณ์ที่เจอกับธีรภาพเมื่อเช้า
ธีรภาพมองมาที่กรเกียรติ เห็นกรเกียรติกดกระจกลง จงใจพูดเสียงดัง
“ถ้าคนขับรถของท่านขอโทษไม่เป็น ท่านก็ควรมาขอโทษด้วยตัวเอง”
กรเกียรติสะดุดหูกับคำพูดนี้
วิริยาหงุดหงิด นางโวยลั่น “โอ๊ย น่ารำคาญจริง จะอะไรนักหนา”
ธีรภาพพูดขึ้นลอยๆ ตั้งใจให้กรเกียรติฟัง
“ขอโทษซะจะได้จบ ผมมีงานต้องทำ ไม่มีเวลามาทะเลาะกับใคร”
กรเกียรติลงจากรถมา เผชิญหน้ากับธีรภาพ
“ฉันขอโทษจากใจจริง”
ธีรภาพอึ้ง คาดไม่ถึง “เอ่อ ผมยกก็แค่...”
ธีรภาพสบตากับกรเกียรติแว่บหนึ่ง ก่อนจะขึ้นบิ๊กไบค์ขับรถเข้าไปด้านใน กรเกียรติมองตามไปอย่างสนใจ
กรเกียรติขบคิด นึกย้อนไปถึงอดีต ทุกคนอยู่ในวัยหนุ่มสาว

เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นในบ้านกรเกียรติ คนางค์เผชิญหน้ากับเปรมจิต และถูกเปรมจิตตบหน้าฉาดใหญ่ กรเกียรติเข้ามาเห็นเข้าพอดี
“หยุดนะ นี่มันอะไรกัน ทำไมต้องทำกันแบบนี้ด้วย”
“นี่มันยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำ สำหรับคนที่จ้องแย่งผัวคนอื่น” เปรมจิตด่าคนางค์
“คุณเข้าใจผิด ชั้นไม่ได้คิดจะแย่งของๆ ใคร ชั้นต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกแย่ง ไม่ใช่คุณ”
คนางค์ร้องไห้ผละออกไป กรเกียรติร้องเรียกไว้ แล้วรีบตามไป
“เดี๋ยวก่อน คนางค์ คนางค์ฟังผมก่อน”
คนางค์หยุด “คุณจะตามชั้นมาเพื่ออะไรคะ อยากให้เรื่องมันแย่ไปกว่านี้อีกงั้นเหรอ”
“ผม...”
“ภรรยาคุณเข้าใจผิด”
“ผมรู้...”
“ถ้าคนของคุณขอโทษไม่เป็น คุณก็ควรมาขอโทษด้วยตัวเอง”
คำพูดเดียวกันนี้กรเกียรติเพิ่งได้ยินจากธีรภาพ
“ถ้าคนขับรถของท่านขอโทษไม่เป็น ท่านก็ควรมาขอโทษด้วยตัวเอง”
กรเกียรติครุ่นคิดหนัก จนเลขาเดินเข้ามา
“ค่ะท่าน”
“ตามหาคนคนหนึ่งให้ผมหน่อย”

อีกฟาก คนางค์เตรียมของทำกับข้าวอยู่ สีหน้ากังวล เป็นห่วงว่าธีรภาพจะเจอกรเกียรติเข้า
“แล้วก็อยู่แต่ในอู่ล่ะ อย่าเดินไปไหนมาไหน”
ธีรภาพหัวเราะ “แม่ก็พูดเหมือนคนเป็นเด็กไปเล่นซนบริษัทเค้างั้นแหละ ผมเป็นวิศวกรนะคร้าบ” “ก็อยู่ในที่ของเรา เค้าก็อยู่ในที่ของเค้า”
“เค้าที่ว่านี่ ใครกันเหรอครับ”
คนางค์ใจลอย หั่นผักพลาด ถูกมีดบาดมือ
“โอ๊ะ”
คนางค์วางมีด กุมมือที่เลือดไหล
ด้านเลขาของกรเกียรติเดินมาสอบถามพนักงานตรงเคาน์เตอร์ ถึงผู้ชายที่ขี่มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์
ส่วนคนางค์ทำแผลเสร็จ เกิดสังหรณ์ใจ คิดว้าวุ่นและสับสน
เลขาเดินมาถามรปภ. รปภ.ชี้ทางให้เลขาไปติดต่อตามหาที่ฝ่ายช่าง
คนางค์วางผ้ากันเปื้อน ใช้ความคิด สุดท้ายหยิบกระเป๋าตังค์เดินออกไป
เลขาเดินคิดไปเรื่อยๆ ตามทาง จะไปที่ฝ่ายช่าง
คนางค์ร้อนรนใจ เดินขาเจ็บมาโบกเรียกแท็กซี่ปากซอย บอกไปบริษัทรอยัล แอร์ไลน์
เลขาเดินมาถึงที่ฝ่ายช่าง เห็นมีนายืนอยู่ จึงเดินเข้าถามว่ามีคนขี่มอเตอร์ไซค์อยู่ที่ฝ่ายนี้หรือเปล่า
คนางค์นั่งมาในแท็กซี่อย่างกระวนกระวายใจ เป็นห่วงลูกชาย

มีนาเดินเข้ามาคุยมากับธีรภาพในออฟฟิศวิศวกร เลขายืนรออยู่อีกมุม ด้านนอก
“แน่ใจนะว่ารถชนเมื่อเช้า ไม่มีอะไรจริงๆ
“อื้อ ทำไม”
“เลขาท่านโทร.มา บอกให้เข้าไปพบน่ะ”
เจนไวย์เขย่าขวัญกวนประสาท “ซวยล่ะเมิง กูว่าเรื่องไม่จบอย่างที่มึงเล่าแน่”
ธีรภาพสีหน้าเรียบเฉย ไม่หวาดหวั่นใดๆ ถามมีนาว่า
“ตอนนี้เลยเหรอ”
“อื้อ ให้เข้าไปเลย”
ธีรภาพเดินออกไป มีนามองตามไปอย่างห่วงใย ตะโกนตามหลังไป
“ใจเย็นๆ นะ”
“ซวยแล้ว ซวยแล้ว ถึงกับเรียกเข้าพบแบบนี้ เรื่องใหญ่แน่”
เจนไวย์กังวล มีนาเองก็ห่วงธีรภาพมาก

คนางค์ลงจากรถแท็กซี่รีบจ่ายเงิน และเดินขาเจ็บเข้าบริษัทไปมองหาธีรภาพ
เลขาสาวเดินนำไป ธีรภาพเดินตามเลขาเข้าไปในบริษัท คนางค์เจ็บขาเดินก็ลำบาก เห็นธีรภาพ จึงเรียกไว้
“ตี้...ตี้...ตี้”
ธีรภาพไม่ได้ยินเสียงที่แม่เรียก คนางค์รีบจ้ำเดินตามไป แต่เข้าไปไม่ได้ เจอรปภ.กั้นไว้ไม่ให้เข้าไป
“เข้าไม่ได้นะครับคุณป้า”
คนางค์ร้อนใจมาก ขาก็เจ็บ
“ตี้ ตี้ รอแม่ด้วย เออ จะมาหาลูกจ๊ะ ลูกชายฉันพึ่งเดินเข้าไปข้างใน”
“เข้าไม่ได้ครับๆ”
คนางค์ได้แต่มองตามลูกชายไป ด้วยความกังวลกระวนกระวายใจ

เลขาเปิดประตูส่งตัวธีรภาพเข้ามาให้เผชิญหน้ากับกรเกียรติ
“นั่งสิ”
ธีรภาพลงนั่ง สีหน้าไม่หวาดหวั่นอะไร เพราะรู้ตัวว่าไม่ได้ทำอะไรผิด
“รถเสียหายมากมั้ย”
“นิดหน่อยครับ”
“ผมจะออกค่า...”
ธีรภาพขัดขึ้น “ผมเป็นช่าง ผมซ่อมเองได้ครับ”
กรเกียรติทึ่งมากขึ้นมองหน้านิ่งๆ “คุณทำให้ผมนึกถึงใครบางคน”
ธีรภาพแทรกขึ้นอีก “ถ้าจะตำหนิผมเรื่องเมื่อเช้า...”
“ไม่มีอะไรที่ผมต้องตำหนิคุณ” กรเกียรติสวนออกมา
ธีรภาพงง “แต่ท่านต้องการพบผม”
“ผมเรียกคุณมาชม”
ธีรภาพงงใหญ่ “ชม”
“ความหยิ่งทะนง ความกล้าหาญ เชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองทำ เป็นคุณสมบัติสำคัญในตัวมนุษย์ที่ผมชื่นชม รักษามันไว้ รอยัลแอร์ไลน์ยินดีที่มีพนักงานอย่างคุณ”
ธีรภาพอึ้ง นิ่งงันไปมองหน้ากรเกียรตินิ่งๆ พ่อลูกสบตากันโดยไม่รู้จักกัน
“พ่อแม่คุณสอนคุณมาดี ผมภูมิใจแทนพวกเค้า”
“ภูมิใจแทนแม่ผมคนเดียวเถอะครับ”
กรเกียรติอึ้ง
“เพราะผมเป็นลูกไม่มีพ่อ”
“ถ้าอย่างนั้นฝากบอกแม่คุณด้วยแล้วกันว่าผมชื่นชมเธอ”
กรเกียรติมองหน้ากับธีรภาพนิ่งนาน

ฝ่ายวิริยาประชุมอยู่กับพงศธรและผอ.การตลาด
“นโยบายของผมอ้างอิงจากนโยบายของบริษัท ด้วยแผนการตลาดนี้ทำให้เราประสบความสำเร็จมาตลอด”
“ตลาดสายการบินเปลี่ยนไปแล้ว คนก็ต้องเปลี่ยนตามให้ทัน” วิริยาแย้ง
“คุณกำลังกล่าวหาว่าผมตกยุคงั้นเหรอครับ”
“การแชร์ไอเดีย การยอมรับความเห็นที่แตกต่าง ไม่ใช่เรื่องของการกล่าวหา แต่เป็นวิถีการทำงานของคนรุ่นใหม่ค่ะ”
“อย่าเอาคำว่ารุ่นใหม่มาอ้าง คุณกำลังกล่าวหาผม ไม่พอใจในการทำงานของผม” ผอ.ตำหนิ
พงศธรแก้แทนว่า “คุณวิริยาคงไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นหรอกครับ”
ผอ.ยิ้มเยาะ “เฮอะ ฉลาดนี่คุณน่ะ เลือกข้างถูกซะด้วย”
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ” พงศธรพยายามอธิบาย
“จะไม่ใช่ได้ยังไง คุณเป็นลูกน้องใต้บังคับบัญชาผม ก็ต้องสนับสนุนผม ไม่ใช่เห็นฝ่ายอื่นดีกว่า”
“ผมไม่เห็นว่าเราจะมีฝ่ายนี้หรือฝ่ายไหน เราทั้งหมดอยู่ฝ่ายเดียวกันครับ”
“แต่คุณแย้งผม”
วิริยาขัดขึ้นว่า “ถ้าคุณเห็นการแชร์เป็นความขัดแย้ง นั่นคือปัญญาความเก่าของคุณ”
ผอ.อึ้งไป
“รอยัลแอร์ไลน์จะเติบโตในรูปแบบใหม่ โดยคนรุ่นใหม่ ความคิดใหม่ หากใครปรับตัวไม่ได้ คงถึงเวลาต้องพิจารณาตัวเอง”
ผอ.เถียงไม่ออก

ออกจากห้องประชุมกลับห้องทำงานวิริยาทิ้งตัวลงนั่ง ถอนใจเฮือกใหญ่
“ไวรัสจริงๆ ซะด้วย”
“อย่าเพิ่งตัดสินกันอย่างนั้นเลยครับ การปรับจูนต้องใช้เวลา”
“สมัยนี้เวลาไม่รอใครนะคะ”
“ยังไงท่านก็เป็นส่วนหนึ่ง ในความสำเร็จของรอยัลแอร์ไลน์นะครับ” พงศธรบอก
“ชั้นไม่แคร์ความสำเร็จเดิมๆ หรอกค่ะ เราต้องการความคิดใหม่ คนรุ่นใหม่”
พงศธรนิ่งคิดในใจว่าเขายังมีโอกาส
“คนไม่ใช่เครื่องบินที่พอตกรุ่นแล้วจะซื้อเปลี่ยนใหม่ได้ จิตวิทยาการบริหารทรัพยากรบุคคล คุณคงเก่งกว่าผม”
“ชั้นจะไม่บริหารตามหลักสูตรที่เรียนมาทั้งหมดหรอกค่ะ ชั้นจะสร้างหลักการของชั้น รูปแบบของชั้น วิธีของชั้น ชั้นเป็นยังไง รอยัลแอร์ไลน์ก็จะเป็นแบบนั้น”
พงศธรเงียบนิ่ง
“คุณเงียบไปเลย ไม่เห็นด้วยเหรอคะ”
“ธุรกิจของคุณ ทุกอย่างอยู่ที่คุณเลือก คุณตัดสินใจ ผมเป็นแค่ผู้ตามเท่านั้นครับ”
“หมายความว่า ถ้าชั้นสั่งอะไร คุณก็จะทำ อย่างนั้นใช่มั้ยคะ”
“ถ้าเป็นเรื่องงาน ก็ใช่ครับ” พงศธรยิ้มให้ แล้วลุกขึ้น “ผมขอตัวทำงานก่อนนะครับ
พงศธรลุกออกไป วิริยามองตาม บอกกับตัวเองว่า
“ชั้นจะทำให้คุณทำตามคำสั่งของชั้นทุกเรื่องให้ได้ คุณหนีชั้นไมพ้นหรอก”

ฝ่ายคนางค์ยืนชะเง้อมองเข้าไปข้างในบริษัท มีรปภ.ยืนมองอยู่ด้วย สักพักธีรภาพเดินออกมาจากประตูคนเดียว ทว่าเป็นจังหวะที่คนางค์ละสายตาจากประตูจึงไม่ทันเห็นธีรภาพเดินออกมา มีเสียงวอจากเจนไวย์เรียกขึ้นมาธีรภาพกดคุย
“ธี...ธี...ธี แกอยู่ไหน”
ธีรภาพกดตอบวอไปว่า “มีไรหรือเปล่า”
“เครื่องจากญี่ปุ่นลงตั้งนานแล้ว รอแกไปรับเครื่องด่วนเลย”
“ตายแล้ว เออๆ จะรีบไปเดี๋ยวนี้ แกเอารถไปรับฉันที่ลานจอดเลย”
ธีรภาพวิ่งออกไปด้านข้าง เป็นจังหวะเดียวกับที่คนางค์หันกลับหลังมาเห็นธีรภาพวิ่งออกไปแล้ว
คนางค์จะวิ่งเข้าไปหาตะโกนเรียกลูกชาย
“ตี้...ตี้...ตี้”
เวลาเดียวกันนี้เองกรเกียรติเปิดประตูบริษัทออกมาพอดี คนางค์เห็นถึงกับตกใจ หยุด อึ้ง ตะลึงตะไลรีบฉากหลบ กรเกียรติขึ้นรถไปผ่านสายตาของคนางค์ที่ยืนมองด้วยความคิดถึง

ที่แฮปปี้โคเรีย ประยงค์ออกมาทำกรุ้มกริ่มจีบหมาหยอกไก่นิสาอยู่อย่างเคย
“ลองคบกันเจ็ดวันดูปะล่ะ เผื่อเปลี่ยนใจ”
“ไม่อ่ะค่ะ” นิสาบอก หน้าจ่ออยู่จอคอมพ์ ทำงานไป
“งั้นสามวัน”
“ไม่อ่ะค่ะบอส นิสายังไม่อยากเปลี่ยนแฟน”
“ใจจะแข็งไปไหน นี่ชอบมากนะ รักเลยนะ พูดจริง อ้ะ ลองแบบวันหนึ่งก่อนก็ได้”
มัทรีหมดความอดทน
“โอ๊ย พอเถอะค่ะบอส เลิกจีบ เลิกตื้อ เลิกเสนอแพคเกจได้แล้ว คนเค้าไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ตัดใจเถอะค่ะ ความรักนะคะไม่ใช่แพคเกจทัวร์ ลดแลกแจกกระหน่ำยังไง ถ้าคนมันไม่มีใจ ก็จบเถอะ”
“เผื่อใจอ่อน”
“ผู้ชายอย่าหยุดหล่อ แต่ถ้าไม่หล่อก็หยุดเถอะ! Please....”
ประยงค์ค้อนตาคว่ำ “ฮึ่ย! ขัดใจจริง”
“แล้วตกลงทัวร์โอท็อปจะเอาไงคะ ทำแพลนเสร็จแล้ว จะดูเลยมั้ย” มัทรีถาม
ประยงค์กระฟ่อดกระแฟ่ดเข้าห้องทำงานไป มัทรีส่ายหัวตามไปเบื่อๆ
นิสาหัวเราะขำๆ ก่อนหยิบโทรศัพท์โทร.หาพ่อ

โทรศัพท์บ้านดัง สักครู่หนึ่งมือศักดิ์ชายค่อยๆ เอื้อมมารับสาย โดยที่ศักดิ์ชายยังกองอยู่ที่พื้น สีหน้าเจ็บปวดแต่ฝืนทน
“ฮัลโหล”
“ทำอะไรอยู่คะพ่อ”
ศักดิ์ชายพยายามทำเสียงร่าเริง “ทำโน่นทำนี้ไปเรื่อยแหละลูก”
“สาจะถามว่า เย็นนี้พ่ออยากทานเป็ดพะโล้พูลสินมั้ยคะ ร้านโปรดพ่อเลยน้า เอามั้ยคะ”
“อย่าลำบากเลยลูก ร้านมันอยู่ไกลไม่ใช่เหรอ”
“นั่งรถเมล์ไปแป๊บเดียวเองค่ะ ไม่ลำบากเลย สาอยากให้พ่อทานของโปรด”
“ก็ดีเหมือนกัน ชวนคุณพงศธรอยู่ทานข้าวด้วยสิ พ่อจะเตรียมบ้านรอ”
“ได้ค่ะพ่อ พ่อโอเคนะคะ”
“โอเคสิ จะไม่โอเคได้ยังไงล่ะ”
“ถ้ามีอะไร โทร.หาสาเลยนะคะ”
“พ่อไม่เป็นอะไรหรอก ไม่ต้องห่วง ทำงานให้สบายใจเถอะ”
“ค่า จะรีบกลับนะคะ”
นิสาวางสายไป ศักดิ์ชายวางสาย พยายามยันกายลุกแต่ลุกไม่ขึ้น เครียดจัด

มือถือนิสาดังขึ้น ไกด์สาวเห็นชื่อยิ้มพรายขณะกดรับสาย
“ว่าไงคะ”
“ผมรักคุณจัง”
“อืม โทร.มาบอกรักกันแบบนี้ มีอะไรรึเปล่าคะ” นิสายิ้มเขินๆ
“ไม่มีหรอกครับ แต่คิดถึงมาก”
“คิดถึงเหมือนกันค่ะ”
“เย็นนี้เจอกันนะครับ ผมไปรับเหมือนทุกวัน อย่าหนีกลับก่อนนะ”
“ค่ะ”
“คิดถึงนะ”
นิสาวางสายไปแล้วนิ่งคิด
“คิดถึงเหรอ...งั้น ทำให้หายคิดถึงแล้วกันนะ”
นิสายิ้มเจ้าเล่ห์ มีแผนในใจ

มัทรีออกมาจากห้องประยงค์ เห็นนิสายิ้มอยู่คนเดียวก็แปลกใจ
“เอ้าๆๆ บ้าแล้วบ้าแน่ๆ ยิ้มอยู่ได้ เป็นไรอ้ะ”
“มีแผน”
“แผนอะไร”
“แผนเซอร์ไพรส์คนน่ะ”
“ยังไง เอาดีๆ”
นิสาไม่ตอบอมยิ้มเจ้าเล่ห์ นึกสนุก

เย็นแล้วอรชุมาเติมหน้าเติมปากกับกระจกบนโต๊ะ
“เลิกงานก็ต้องชอปปิ้งสิคะ จะรออะไร”
โทรศัพท์ที่โต๊ะนางดังขึ้น
“ใครจะเอาอะไรอีก เลิกงานแล้วนะยะ” อรชุมาบ่นๆ แต่ก็รับสายโดยดี “ออฟฟิศคุณพงศธรค่ะ
...อะไรนะคะ มีแขกมาพบ”

ขณะที่พงศธรเตรียมตัวกลับบ้าน อรชุมาเปิดประตูเข้ามา สีหน้าไม่ค่อยดี
“เอ่อ คุณพงคะ ยังกลับไม่ได้ค่ะ”
“มีอะไรครับ”
“มีแขกวีไอพีค่ะ” อรชุมาบอกหน้าตาย
พงศธรนิ่วหน้า “ฮึ แต่ผมหมดนัดแล้วนี่ครับ”
“คิวแทรกอ่ะค่ะ สำคัญมากด้วย ต้องรับนะคะ”
“โอเคครับ”
อรชุมาหันไปบอกแขกด้านนอก
“เชิญพบค่ะ”
นิสาก้าวเข้ามาที่ประตู อรชุมาที่แอ๊บหน้าเครียดอยู่ ยิ้มลั้นลา
“แต่น แต้นนนน วีไอพีมั้ยล่ะค้า”
“นิสา” พงศธรยิ้มกว้างดีใจ และเซอร์ไพรส์สุดๆ
“เชิญตามสบายนะคะ ถึงจะอิจฉา หึงมาก แต่โอเคค่ะ”
อรชุมาออกไป นิสายิ้มเขินๆ
“นิสามา รับคุณกลับบ้านน่ะค่ะ”
พงศธรเข้าไปกอดนิสาไว้เต็มรักเต็มคิดถึง
“หายคิดถึงรึยังคะ”
“คิดถึงกว่าเดิมอีกครับ”

อรชุมาคว้ากระเป๋าเตรียมออกไป โทรศัพท์โต๊ะดังอีก
“อะไรอีกล่ะ” นางรับสายเสียงสวย “ออฟฟิศคุณพงศธรค่ะ...คุณวิริยาเหรอคะ...เอ่อ” เลขาสาวตัดสินใจโกหก “คุณพงศธรกลับไปแล้วค่ะ พอดีว่าแฟนเธอมารับน่ะค่ะ”
อรชุมายิ้มสะใจร้องเยส! ไร้เสียง
มีเสียงกระแทกสายโครม อรชุมาวางแทบไม่ทัน
“อุ๊ย มีเคือง ฮะๆๆ สะใจเฟร่อ”
อรชุมายิ่งสะใจเดินลั้นลาออกไป

วิริยาโกรธ หึง หวง ไม่พอใจไม่พอใจสุดจะประมาณ คำรามในลำคอ
“กล้ามาถึงที่นี่ แปลว่าเปิดเกมสินะ”

พงศธรพานิสาเข้ามาที่กระจกกว้างพาโนราม่าที่มองออกไปเห็นเครื่องบิน
“ตรงนี้เราเรียกว่า Royal eyes ดวงตาของรอยัล เป็นจุดที่มองเห็นเครื่องบินขึ้นลง”
“สวยมากเลย”
“เป็นจุดที่โรแมนติกที่สุดของเรา”
“โรแมนติก?” นิสางง
“ใครจะไปรู้ เครื่องบินลำที่กำลังบินขึ้นจะพาใครไปพบกับใครบ้าง เหมือนเครื่องที่พาผมไปพบคุณที่อินชอน”
นิสาเคลิ้มเลย “โรแมนติกจริงๆ ด้วย”
พงศธรจับมือนิสาไว้
“ผมยังจำหอคอยกังวอนโดได้ สักวันเราจะกลับไปที่นั่น”
“จริงเหรอ”
“จริงสิ เราต้องกลับไป...ที่ของเรา”
นิสาซบอิงไหล่พงศธรด้วยความรักแสนรัก โดยที่มุมหนึ่งวิริยายืนคุมแค้นมองอยู่ แววตาอิจฉานิสาที่สุด
ส่วนที่ด้านนอกกระจกเห็นคนทำงานกันอยู่ หนึ่งในนั้นคือธีรภาพ

ธีรภาพเสร็จงาน มองไปที่กระจกพาโนราม่า มีเสียงมีนาดังขึ้นว่า
“ดวงตาของรอยัล”
ธีรภาพหันไปมอง เห็นมีนาเดินเข้ามา
“คือ”
มีนาชี้ไปที่กระจก “นั่นไง มองจากตรงนั้นจะเห็นพวกเรา เห็นทั้งหมดของที่นี่เลยเรียกว่า ดวงตาของรอยัล หรือที่พวกเราเรียกว่า กระจกสปาย คอยสอดแนมการทำงานของพวกเรานั่นเอง”
ธีรภาพหัวเราะ
“หิวอ่ะ ไปมะ”
“เจนล่ะ”
“ไม่รู้”
เสียงเจนไวย์ดังขึ้น
“กูอยู่นี่”
มีนาสะดุ้ง เจนไวย์เดินเข้ามาเขกหัว
“อย่าคิดจะเทกู ไปกันสองคน ไปไหนกูไปด้วย อย่ามาเทใส่”
“เซ็งอ่ะ” มีนากลอกตาให้มารผจญ
ธีรภาพขยี้หัวมีนาอย่างเอ็นดู หัวเราะเบาๆ

ด้านศักดิ์ชายพยายามทุกวิถีทางจนลุกขึ้นมาให้ได้
อีกฟากพงศธรกับนิสานั่งรถเคียงกันมาใกล้ถึงบ้านแล้ว
สุดท้ายศักดิ์ชายนั่งลงที่เก้าอี้โต๊ะกินข้าวได้สำเร็จ

รถพงศธรจอดหน้าบ้านแล้ว นิสากับพงศธรลงจากรถมา ในมือนิสาถือถุงเป็ดพูลสินมาด้วย
“อยู่ทานข้าวด้วยกันนะคะ พ่อชวนคุณทานข้าวด้วย”
“ดีเลยครับ ผมกำลังหิวเลย”
นิสาพาพงศธรเข้าบ้านไป

พงศธรกับนิสาเข้าบ้านมา พบว่าศักดิ์ชายนั่งรอที่โต๊ะกินข้าวแล้ว
“กลับมาแล้วค่า”
พงศธรยกมือไหว้ “พามาส่งแล้วครับ”
ศักดิ์ชายรับไหว้ พยายามทำสีหน้าชื่นบาน
“สงสัยจะอยากกินเป็ดมาก ถึงกับนั่งรอที่โต๊ะกินข้าวเลยอ่ะ”
ศักดิ์ชายทำเป็นหัวเราะแต่ลึกๆ แล้วขมขื่นใจเหลือเกิน
“คุณพงไปนั่งคุยกับพ่อก่อน เดี๋ยวนิสาเอาไปใส่จานแล้วตามไปค่ะ”
“ครับ”
พงศธรเดินไปนั่งลงตรงข้ามศักดิ์ชาย
“นิสาบอกว่าคุณลุงบอกเลิกนักกายภาพที่ผมส่งมาแล้ว”
“ผมอยากฝึกด้วยตัวเองน่ะครับ นิสาก็พอช่วยได้ ไม่รบกวนจะดีกว่า”
“รบกวนอะไรกันล่ะครับ ไม่รบกวนเลยสักนิด ทำสม่ำเสมอ อีกไม่นานก็น่าจะกลับมาเดินได้ตามปกตินะครับ”
“คงจะยากแล้วล่ะครับ”
พงศธรแปลกใจ “หมายความว่าไงครับ”
“ผมไม่คิดว่าผมจะกลับมาเดินได้หรอกครับ แต่ไม่อยากทำร้ายจิตใจนิสาเค้า ก็เลยฝืนทำไป”
พงศธรให้กำลังใจ “ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะครับ ถ้าเราตั้งใจ เชื่อว่าเราจะเดินได้อีกครั้ง ยังไงเราก็ต้องทำได้สิครับ”
ศักดิ์ชายถอนใจ “มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอกครับ”
“อย่าเพิ่งถอดใจยอมแพ้สิครับ” พงศธรเสียงเข้มขึ้นเรื่อยๆ “ถ้ายอมแพ้ซะแล้ว ชีวิตก็จะไม่มีความหวัง ไม่มีเป้าหมาย ชีวิตแบบนั้น จะมีไปเพื่ออะไรล่ะครับ”
ศักดิ์ชายจ้องหน้าพงศธร “คุณคงไม่เคยยอมแพ้สินะ”
“ไม่เคย และจะไม่มีวันยอมแพ้ให้กับอะไรทั้งนั้นครับ”
ศักดิ์ชายอึ้งไป
“ล้มได้ แต่ต้องไม่ล้มเหลวนะครับ”
พงศธรจ้องศักดิ์ชายด้วยสีหน้าจริงจังซีเรียส
“ถ้าคุณลุงทำได้ มันจะดีกับคุณลุงเอง และก็นิสาด้วย อย่าเห็นแก่ตัวกับเธอด้วยการยอมแพ้สิครับ”
ศักดิ์ชายพูดไม่ออก

นิสาเดินออกมาพร้อมจานอาหาร
“เป็ดพะโล้มาแล้วค่า”
ศักดิ์ชายกับพงศธรรีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้ม
“หิวมั้ยคะพ่อ แป๊บนะคะ เดี๋ยวตักข้าวก่อน”
นิสาเดินไปทางครัว พงศธรลุกขึ้น
“เดี๋ยวผมช่วยนะครับ”
พงศธรมองหน้าศักดิ์ชายแว่บหนึ่ง ก่อนตามนิสาเข้าครัวไป ศักดิ์ชายหน้าเครียดขึ้นมาอีก

ฝ่ายวิริยานั่งเม้าท์ ดื่มไวน์ อยู่กับปริมเล่าเรื่องนิสาไปที่ออฟฟิศจบแล้ว
“กล้าขนาดนั้นเลยเหรอ”
“อือ ฮึ”
“คงจะระแวงว่าแฟนจะนอกใจ ถึงต้องตามมาคุมถึงที่”
วิริยายิ้มหยัน “งี่เง่าที่สุด”
“ถ้าระแวงแบบนี้ แปลว่า ตัวผู้ชายเองก็ไม่น่าไว้ใจพอ”
“ชั้นก็ว่างั้น ถ้ารักกันจริง ไว้ใจกันจริง คงไม่ต้องทำอะไรโง่ๆ แบบนี้”
“แล้วยูจะเอาไงต่อ”
“ในเมื่อนางกล้ามาเหยียบถึงที่ของชั้น ก็แปลว่านางเปิดเกมสู้เหมือนกัน”
“สนุกละทีนี้”
“ให้มันรู้ไปสิว่าคนอย่างชั้นจะเอาชนะผู้หญิงพื้นๆ แบบนั้นไม่ได้”
“ยูไม่เคยแพ้ใครอยู่แล้วนี่ แต่ของอย่างนี้ก็อยู่ที่ตัวผู้ชายด้วยนะ บางทีเค้าอาจจะชอบพื้นๆ ก็ได้”
วิริยาบอกอย่างมั่นใจ “ไม่มีทาง ผู้ชายที่ทุ่มเทให้กับงานขนาดนั้น แปลว่าเค้าจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองประสบความสำเร็จ”
“ยูก็เลยจะใช้เรื่องงาน จูนเข้าหาเค้า งั้นเหรอ” ปริมเย้า
“คนที่คลั่งความสำเร็จ ย่อมแสวงหาโอกาสไม่ใช่เหรอ”
ปริมยิ้มย่อง “งั้นยูก็มีอาวุธที่ดีอยู่ในมือ”
“แน่นอน เพียงแต่เลือกจังหวะใช้ให้ถูกก็เท่านั้น”
“แล้วคิดจะใช้เมื่อไหร่”
“ใช้เลยสิ ไม่มีเหตุผลต้องรอนี่”
ปริมขอชนแก้ว “ดื่มให้ชัยชนะ”
วิริยาชนแก้วกับปริม ยิ้มร้ายลึกอย่างวาดหวัง

ด้านธีรภาพจอดรถบิ๊กไบค์หน้าอพาร์ตเมนต์ มีนาลงจากรถ
“ขอบคุณคับ”
“เจอกัน”
ธีรภาพจะออกรถแต่มีนาเรียกไว้
“เดี๋ยวก่อนดิ”
“มีไร”
“เฮียเจนบอกเล่าเรื่องหญิงให้ฟังเยอะเลยเหรอ”
“จะอยากรู้ไปทำไม”
“ก็ น้องสาวจะอยากรู้พี่ชาย ผิดตรงไหนอ่ะ”
“ก็ ไม่ผิดหรอก”
“ไปเจอมาเหรอ”
“ยัง ยังไม่เคยเจออีกเลย”
“แล้วถ้าเจอล่ะ”
“ก็ดีอ่ะดิ”
“จะจีบเค้าเหรอ”
ธีรภาพยิ้ม “บ้า จะจีบเลยได้ไง ก็ต้องลองคุย ลองไรกันก่อนดิ ถ้าถูกใจ ค่อยจีบ”
“ชอบแบบไหนอ่ะ” มีนาซัก
“ก็ต้องเก็ตกันมั้ง”
“แล้วนี่” มีนาชี้หน้าตัวเอง “ไม่เก็ตตรงไหนอ่ะ”
ธีรภาพใช้นิ้วจิ้มหน้าผากมีนา “นี่ คือน้องสาว ไปนอนได้แล้ว ดึกแล้ว เดี๋ยวตื่นสาย ไม่รอรับนะ ไปล่ะ”
ธีรภาพออกรถไป มีนามองตามไปบอกตัวเองเบาๆ
“จะทำให้ชอบเค้าให้ได้เลย คอยดู”

คนางค์รอลูกชายอยู่หน้าบ้านด้วยสีหน้ากังวล จนเห็นธีรภาพขับรถกลับมาถึงบ้าน
“ทำไมกลับช้าจัง มีอะไรรึเปล่า”
“ไปกินไรกับเพื่อนมาน่ะครับ”
คนางค์จ้องหน้า “แน่นะ”
“ครับ” ธีรภาพมองหน้าแม่ “ทำไมแม่เครียดจัง”
คนางค์อึกอัก “ไม่มีอะไรหรอก”
จากนั้นคนางค์ก็รีบเดินนำเข้าบ้านไปด้วยใจลุ้นระทึก ใจไม่กล้าถามลูกว่าเจอกรเกียรติอย่างที่คิดไว้หรือเปล่า
“อ้อ วันนี้เจอ ‘เค้า’ ของแม่แล้วนะครับ”
คนางค์หยุดยืนใจหล่นวูบ ตัวเย็ยว้าบ ค่อยๆ หันมาทางลูกชาย
“ตี้ ว่าอะไรนะ”
“ท่านประธานกรเกียรติน่ะครับ ผมเจอท่านมาแล้ว”
คนางค์ตกใจ ซวนเซ หน้ามืด เป็นลมล้มไปทั้งยืน
“แม่”
ธีรภาพรีบเข้ามาช้อนตัวไว้ได้ทัน
“แม่ แม่ครับ แม่” พร้อมกับเขย่าเรียกสติ

เปรมจิตโวยวายใส่กรเกียรติที่ชื่นชมธีรภาพไม่หยุดปากตั้งแต่กลับมาถึง
“พอได้แล้ว หยุดชื่นชมคนอื่นได้แล้ว ชั้นไม่อยากฟัง”
“แต่เด็กคนนี้เค้าดีจริงๆ นะคุณ”
“ชมแต่คนอื่น ไม่ชมลูกตัวเอง”
“ลูกน้องก็เหมือนลูกตัว ถ้ายายวิวเป็นได้แบบนี้ก็ดี”
“คุณนี่ก็แปลกคน ชอบเห็นคนอื่นดีกว่าลูกตัวเอง ดีนะคุณไม่มีลูกกับมัน ไม่งั้นป่านนี้คงยกทุกอย่างให้ลูกมันหมดแล้ว”
กรเกียรติฉุกคิด พึมพำเบาๆ
“ถ้าเค้าเป็นลูกผม ผมก็คงเป็นพ่อที่โชคดี”

คนางค์ค่อยๆ ฟื้น ธีรภาพนั่งหลับอยู่ที่เก้าอี้ข้างๆ เตียง คนางค์ยื่นมือไปแตะมือลูกธีรภาพสะดุ้งตื่น
“ฟื้นแล้วเหรอครับแม่ โทษทีครับผมเผลอหลับไป”
“ตี้เหนื่อยเพราะแม่แท้ๆ”
“เหนื่อยที่ไหนกันล่ะครับ ตกใจมากกว่า อยู่ๆแม่ก็ล้มตึงใส่ผมซะงั้น”
คนางค์ถอนใหญ่
“หิวมั้ยครับ เดี๋ยวผมช่วย”
ธีรภาพหยิบถาดใส่อาหารที่วางอยู่มา
“แม่กินอะไรไม่ลงหรอกตี้”
“กินซะหน่อยเถอะครับ มียาหลังอาหาร มา เดี๋ยวผมป้อน”
ธีรภาพป้อนข้าวให้แม่ คนางค์จำต้องกิน
“ทำใจให้สบายเถอะครับ ผมจะยังไม่ถามหรอกนะครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น แม่พักผ่อนก่อนดีกว่า รอให้หายดีก่อน แล้วเราค่อยคุยกัน”
ธีรภาพหยิบน้ำจะให้แม่ดื่ม แต่น้ำเย็นหมดเสียแล้ว
“น้ำมันเย็นหมดแล้ว เดี๋ยวผมไปเอาน้ำอุ่นๆ ให้แม่ใหม่นะครับ”
ธีรภาพยิ้มให้ คนางค์ฝืนยิ้มตอบหน้าเครียดๆ พอลูกพ้นห้องไป จึงรำพึงคนเดียว
“เขาเป็นลูกของฉันคนเดียว ฉันขอเถอะนะค่ะ เขาเป็นสิ่งสุดท้ายของฉัน”

พงศธรนั่งทำงานอยู่ที่คอนโด จนวิริยาวิดีโอคอลเข้ามา จึงกดรับคุยสาย
“ครับคุณวิริยา”
“เรียกซะห่างเหินเลยนะคะ”
“มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”
“เราเพิ่งทัวร์บริษัทไปได้แค่ครึ่งเดียวเองนะคะ พรุ่งนี้คุณพาชั้นทัวร์ต่อให้ครบนะคะ”
“แต่พรุ่งนี้วันหยุดนะครับ”
“วันหยุดแล้วไงคะ”
“ผมกลัวว่า ถ้าคุณมีคำถามอะไรแล้ว จะไม่มีเจ้าหน้าที่คอยตอบคำถามให้น่ะครับ”
“คุณก็ตอบแทนพวกเค้าสิคะ คุณรู้ทุกเรื่องในรอยัลแอร์ไลน์อยู่แล้วนี่”
“แต่ว่า...” พงศธรอึดอัดเหลือกำลัง
“จะปฏิเสธเหรอคะ”
“ผมคงไม่ทำอะไรโง่ๆ อย่างนั้นหรอกครับ โอเคครับ เจอกันพรุ่งนี้นะครับ”
“จะวางสายแล้วเหรอคะ คุยกันต่ออีกนิดได้มั้ยคะ เรื่องงานน่ะค่ะ” วิริยายกงานมาอ้างอีกครา

นิสาลงมาดูพ่อที่ห้อง โทร.หาพงศธรไปด้วยปรากฎว่าสายไม่ว่าง นิสาห่มผ้าให้ แล้วมือยังถือโทรศัทพ์อยู่ พยายามกดโทร.ไปอีกรอบ สัญญาณเสียงเป็นสายไม่ว่างดังเดิม นิสากดวางสาย ถอนใจเบาๆ พูดรำพึง
“คุณพงศ์ ทำไมไม่รับสายนะ”
นิสาเดินออกไปด้วยสีหน้ากังวล รับศุกดิ์ชายที่แกล้งรับ มองดูลูกสาวด้วยความเป็นห่วงลึกๆ

ก็จะว่างได้ไง ในเมื่อวิริยานอนเอกเขนกอยู่บนเตียงในห้องนอน วิดีโอคอลคุยกับพงศธร
“หวังว่าพรุ่งนี้คุณจะมีอะไรมาเซอไพรส์ชั้นนะคะ”
“ให้รอยัลแอร์ไลน์เซอร์ไพรส์คุณดีกว่านะครับ”
“ระวังตัวจังนะคะ”
“รักษามารยามมากว่าครับ คุณเป็นผู้บริหารระดับสูง ส่วนผมก็แค่พนักงานคนหนึ่ง”
“แต่สำหรับชั้น คุณไม่ใช่แค่พนักงานคนหนึ่ง คุณเป็นได้มากกว่านั้น” หล่อนเน้นคำ “ถ้าคุณต้องการ”
พงศธรฉงน “หมายความว่าอะไรครับ”
“คุณเป็นคนมีความสามารถ มีวิสัยทัศน์ ชั้นจะส่งคุณไปให้ไกลกว่านี้ รอยัลแอร์ไลน์ให้คุณได้มากกว่านี้ คอยดูก็แล้วกันค่ะ”
วิริยายิ้มร้ายขณะปิดสายไป
อีกฟากหน้าจอมือถือปิดไปแล้ว พงศธรนั่งคิดถึงคำพูดของวิริยา พึมพำกับตัวเอง
“ครับ ผมจะคอยดู”

สีหน้าพงศธรเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นมาดหมาย

อ่านต่อตอนที่ 6
กำลังโหลดความคิดเห็น