การ์เดี้ยน หักเหลี่ยมมัจจุราช ตอน 11
อู๋ชงมองผ่านกล้องวงจรปิดก็เห็นทั้งกลุ่มน้าสมานและกลุ่มจิมมี่
"หึ พวกลุ่มการ์เดี้ยน"
จิมมี่เดินนำหน้าแป้งจะผ่านห้องเชื่อม แต่แล้วจู่ๆประตูมันกลับล็อกเอง จิมมี่มองด้วยความสงสัยจึงรีบเดินย้อนไปที่ประตูเดิมและพยายามเปิดออก ประตูทางเข้าก็กลับกลายเป็นล็อกเช่นกัน
แป้งพยายามเปิดล็อคประตูอีกฝั่งแล้วก็เริ่มมึนหัว
"อะไรวะ”
“ไอ้จิมมี่...ไอ้บอสเฮงซวย...แกหลอกใช้ฉัน ตังค์ก็ไม่จ่าย แถมยังหลายใจอีก ไอ้ผู้ชายเฮงซวย"
แป้งวิ่งเข้ามาทุบตีจิมมี่
"เฮ้ย...อะไรกันนี่ แป้ง"
แป้งล้อเลียน
"อาราย กันเนี่ย แป้ง....แป้ง เตี่ยมึงดิ"
แป้งชักปืนสั้นในกระเป๋าจะยิง
"อย่าแป้ง"
จิมมี่รีบคว้าปืนเอาไว้แล้วดันเธอไปชนผนัง ท่อควันที่ซ่อนไว้ปล่อยควันพิษออกมา
"แก๊สพิษ"
จิมมี่รีบเอาเสื้อปิดจมูก แล้วจะเอามือปิดจมูกแป้ง แต่เธอกลับถีบจิมมี่เต็มแรงจนเขากระเด็นไปแล้วยิงซ้ำ.....ปัง.....ปัง
จิมมี่หลบพัลวัน ควันในห้องคลุ้งไปทั่ว
แป้งเริ่มมองไม่เห็นจิมมี่ เธอด่ากราดไปทั่ว
"แต๊งอั๋งตลอดเวลา คิดว่าฉันจะยอมล่ะสิ...คุณปลายฟ้า....คุณปลายฟ้า...แหวะ"
ทันใดนั้นเองจิมมี่ก็โผล่พรวดมาทางด้านหลังแป้ง แล้วใช้สันมือสับต้นคอจนเธอสลบไป
"โทษทีนะคุณเลขา"
ประตูถูกพังออกมา จิมมี่อุ้มแป้งเดินโซเซออกมาเขาวางเธอไว้ที่ม้านั่งที่ลับตา เขามองไปรอบๆแล้วตัดสินใจ
" เดี๋ยวผมกลับมา"
จิมมี่วิ่งออกไปทันที
กล้องวงจรปิดตามภาพจิมมี่ที่วิ่งไป
ระเบิดของต้อมทั้งสองเครื่องทำการเชื่อมต่อและเข้ารหัสสมบูรณ์ อู๋ชงเดินเข้ามาชะโงกหน้าดูก็เห็นการเชื่อมที่สมบูรณ์
"เรียบร้อยแล้ว"
ต้อมพยักหน้า
"ฉันตั้งพาสเวิร์คเบื้องต้นไปแล้ว ที่เหลือก็แค่ติดตั้งพร้อมใช้งาน"
"ปลดระเบิดตัวเล็กออกมา"
ต้อมไม่เข้าใจ แต่ก็ยอมทำตาม
"เราจะมาลองเทสต์กันดูหน่อย"
"เทสต์…ทำไม"
"เผื่อมึงหักหลัง...กูจะได้เฉือดอีลิลลี่แฟนมึงให้ดูสดๆไง อ่ะ..อยู่นี่เอง หมวกนำโชคของกู"
อู๋ชงสวมหมวกเรียบร้อยแล้วโทร.ออก
"กำลังจะเทสต์สินค้า ลื้อมารับของได้เลย...โอเค"
อู๋ชงหันมาออกคำสั่งกับต้อมโดยที่ไม่วางสาย
"ส่วนมึงมากับกูแล้วก็บอกวิธีใช้มาให้ละเอียด"
การ์ดทั้งสองปล่อยหมัดแย็บสะเปะสะปะเพราะตายังพร่าอยู่ แต่น้าสมานกลับเยียบพลาดซะเองเลยโดนการ์ด 4 ไล่กระทืบเพราะได้ยินเสียงน้าสมานร้องโอดโอย หอยแครงจึงขัดขามันล้มลงหัวฟาดพื้น
การ์ด 5 ดันน้าสมานจนหลุดออกไปนอกห้อง ทั้งคู่คว้าไม้ได้ฟาดสวนกัน การ์ด 5 สลบไปทันที แต่น้าสมานยังยืนมึนโงนเงนไปมา
"เป็นอะไรมั้ยน้า"
น้าสมานยิ้มตาลอยแล้วก็ล้มสลบไปอีกคน
"อ้าว เฮ้ย...น้า"
หอยแครงจะรีบวิ่งออกไปช่วย แต่ทันใดนั้นเองประตูก็ปิดได้เอง หอยแครงตกใจและพยายามเคาะประตูแต่ก็ไม่สำเร็จ
ควันสีเหลืองค่อยๆซึมออกมาจากท่อ
ลิลลี่ไอแค่กๆ หอยแครงก็ไม่ต่างกัน
"ซวยแล้ว...แก๊สน้ำตา"
ลิลลี่วิ่งมากอดหอยแครง หอยแครงรีบถอดเสื้อมาปิดจมูกเธอไว้ในขณะที่ควันเหลืองฟุ้งจนเต็มห้อง
ไม่รอดแน่ๆ.....
แต่แล้วเสียงปืนดังขึ้นชุดหนึ่ง พร้อมกับประตูถูกถีบออกต็มแรง....เป็นชาโดว์ที่ใช้ผ้าปิดจมูกเดินฝ่าควันเข้ามาแบบเท่ห์ๆ แต่พอเห็นหอยแครงกับลิลี่กอดกันแน่น เธอก็ขมวดคิ้วไม่พอใจ
น้าสมานกุมหัวที่มีเลือดไหลอยู่มึนๆไม่หาย กำลังโทรศัพท์
"1669 เหรอครับ ช่วยส่งรถพยาบาลมาด่วนเลยนะครับ คนเจ็บสามคนครับ ที่โกดังแถวคลองเตย"
ชาโดว์พาทั้งคู่ออกมาพอดี
"ฉันมาขัดจังหวะพวกนายสองคนเหรอเปล่า"
ชาโดว์ผลักหอยแครงที่ลิลลี่ยังกอดไว้แน่นลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง
"ไม่ใช่นะจ๊ะ"
"เงียบไปเลย" ชาโดว์หันมาทางน้าสมาน "ไหวมั้ยน้า"
น้าสมานพยักหน้าชาโดว์บูลธูท..
"จิมมี่... ตอนนี้ ลิลลี่ น้าสมาน หอยแครงปลอดภัยแล้ว ฉันกำลังจะไปช่วยนาย"
จิมมี่ยังคงเดินมึนมาถึงหน้าห้องประกอบระเบิด
"โอเค..แล้วแป้ง…"
แต่ทันใดนั้นเองเขาก็เห็น ต้อมเดินเข้ามาจากอีกฟากของห้อง
จิมมี่บอกกับชาโดว์ "แค่นี่ก่อนนะ ก่อนกดปิดบูลธูท
จิมมี่เดินอ้อมแล้วถีบประตูเข้าไปอย่างแรง
"ไอ้ต้อม"
ต้อมสะดุ้ง
"จิมมี่"
"เพื่อนฉันช่วยลิลลี่ แฟนแกได้แล้ว"
ต้อมดีใจ " จิงดิ"
"อือม์...ส่วนแกรีบไปจากที่นี่ซะ"
"มันสายไปแล้วว่ะจิมมี่…ฉันขอโทษว่ะ"
"หมายความว่าไง?"
ต้อมถอยตัวออกจากโต๊ะ โน๊ตบุ๊กที่ตั้งอยู่เป็นภาพวงจรปิดในห้องๆหนึ่ง แต่ที่สำคัญแป้งโดนมัดอยู่บนเก้าอี้โดยที่ระเบิดถูกเชื่อมติดกับตัว
ตอนนี้แป้งหายจากอาการมึนแล้วกำลังตกใจกลัวสุดขีดที่มีระเบิดมัดติดตัวเอาไว้
จิมมี่ตะลึง
"อะไรกันวะเนี่ย"
"ระวัง"
ต้อมตะโกนห้ามแต่ไม่ทันเสียแล้ว อู๋ชงจิ้มเข็มลงที่ไหล่จิมมี่อย่างรวดเร็วแล้วก็แผ่วเบา
จิมมี่จะส่งเสียงร้องแต่ก็ทำไม่ได้ เข่าอ่อนทรุดตัวลงพยายามลุกขึ้นแต่ก็ล้มลงอีก
"เข็มเนี่ยไม่ตายหรอก แค่ทำให้ขยับตัวไม่ได้ สิ่งเดียวที่มึงจะทำได้คือเฝ้าดูแฟนมึงตายเท่านั้น"
อู๋ชงเดินไปที่แป้นคอมพิวเตอร์แล้วกดปุ่มเอนเตอร์
หน้าจอเป็นคำแสตนบาย พร้อมรอคำสั่งกดบนมือถือ
"แค่กูกดเอนเตอร์บนมือถือ แฟนมึงก็จะเหลือเวลาบนโลกนี้แค่ห้านาที"
จิมมี่ฝืนตัวพยามเข้ามาขวางแต่ก็โดนอู๋ชงซ้อมกลับจนสะบักสะบอม
"หลังจากนี้ งานใหญ่ก็จะเริ่มขึ้นและก็จะไม่มีไอ้หน้าไหนขวางได้ โดยเฉพาะไอ้บริษัทกระจอกอย่างพวกมึง"
ต้อมตัดสินพุ่งเข้าไปคว้าอะไรบางอย่างบนโต๊ะ อู๋ชงคว้าปืนที่เหน็บไว้ยิงเข้าใส่จนต้อมกระเด็นไป ของบนโต๊ะร่วงหล่นลงพื้น
"อย่าให้กูต้องฆ่ามึงตอนนี้"
อู๋ชงมองหยิบโทรศัพท์มือถือที่หล่นบนพื้น
ต้อมโดนยิงที่ท้องหายใจรวยริน พยายามส่งสายตาให้จิมมี่
จิมมี่งง
ต้อมพูดเบาๆ
"ปุ่มสีเขียว !"
จิมมี่มองตามที่ปลายนิ้ว เป็นรีโมท มีปุ่มสีเขียวขนาดใหญ่ชัดเจน จิมมี่มอง
ต้อมพยักหน้า
อู๋ชงหามือถือเจอหยิบขึ้นมาเตรียมกด
อู๋ชงยิ้มให้จิมมี่
"ลาก่อน....สาวน้อย"
จิมมี่ฝืนตัวหยิบรีโมทขึ้นมาแล้วกดไปที่อู๋ชง
ตู้ม....เสียงดังสนั่น หมวกของอู๋ชงระเบิดเป็นรูขนาดใหญ่ ทั้งเลือด ทั้งมันสมองของอู๋ชงกระจายเละเทะ ร่างของมันล้มลงขาดใจตายในทันที
ต้อมรีบคลานเข้ามาดึงเข็มบนไหล่จิมมี่ออก จิมมี่สะดุ้งเฮือกรู้สึกว่าร่างกายเป็นอิสระ เขาพุ่งตรงไปที่ร่างอู๋ชงทันที
แต่ไม่ทันเสียแล้ว
มือของอู๋ชงค้างอยู่บนปุ่มเอนเตอร์ของโทรศัพท์
บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ตัวเลขนับถอยหลังแล้ว.....
จิมมี่วิ่งกลับมาที่ต้อมซึ่งหายใจรวยริน
"ไอ้ต้อม....ไอ้ต้อม...พาสเวิร์ค"
ต้อมเงยหน้ามองเลือดสำลักออกจากปาก แต่ก็ยังฝืนใจใช้นิ้วเคาะรหัสมอสบนแขนของจิมมี่แล้วก็แน่นิ่งไป
จิมมี่รีบวิ่งออกไปจากห้องทันที
แป้งมองตัวเลขดิจิตอลที่กำลังนับถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก
"แป้ง !"
ชาโดว์วิ่งเข้ามามองระเบิดด้วยความงง
"มันยังไงกันเนี่ย"
"ไม่รู้เหมือนกันฉันสลบไป พอตื่นขึ้นมาไอ้ระเบิดนี้ก็มัดติดตัวแล้วช่วยฉันด้วยสิ ชาโดว์"
"อะ...เออ"
"เร็วๆสิ"
"โอเคๆ"
ชาโดว์ขยับเข้าไป เห็นสายตัวประจุไฟฟ้าระโยงระยาง เวลาบนหน้าปัทมดิจิตอลเหลือไม่ถึง 60 วินาที
ชาโดว์เหงื่อแตกพลั่ก ตัดสินใจจะดึงสายแดง !
เสียงจิมมี่สั่ง "อย่า...ชาโดว์"
ทั้งคู่ตกใจ จิมมี่รีบวิ่งเข้ามา
"ฉันเอง"
ชาโดว์รีบเปิดทางให้ จิมมี่รีบพิมพ์พาสเวิร์คในแป้นพิมพ์ที่ติดมากับระเบิดทันที
"นายรู้พาสเวิร์คเรอะ" แป้งถาม
"เออ...แหะๆ ก็ไม่เชิงหรอก"
"ห๊า"
จิมมี่พิมพ์เป็นคำว่า “ number one “ แล้วเงยหน้ามองก่อนที่จะกดเอนเตอร์
แป้งน้ำตาไหลด้วยความกลัว แต่ก็พยักหน้ายอมเสี่ยง เวลาเหลือแค่ 10 วินาที
จิมมี่ตัดสินใจกดเอนเตอร์ทันที !
ทั้งสามรับตาปี๋ จิมมี่ค่อยลืมตาเห็นพาสเวริด์ค้างที่ 00:00:02
ทั้งสามเฮดีใจ จิมมี่และชาโดว์รีบช่วยกันปลดสายล็อคตัวแป้งอย่างระมัดระวัง
แป้งน้ำตาไหลถาม
"แล้วนี่นายหายไปไหนมา ทำไมทิ้งฉันไว้คนเดียว ไอ้บอสบ้า"
"โอ๋ๆๆๆ ขอโทษนะ ก็กลับมาช่วยแล้วไง ?ดีกันนะ"
"ไม่ต้องเลย"
ชาโดว์ยิ้มแล้วเหมือนนึกขึ้นได้
"ถ้าไอ้นี่มันคือหมายเลขหนึ่ง ก็แปลว่ามันต้องมีหมายเลขสองล่ะสิ"
"จริงด้วย...มันอยู่ในห้องที่ต้อมประกอบระเบิด"
จิมมี่เหมือนจะลุกขึ้น
"ไม่ต้องไป นายอยู่ช่วยแป้งที่นี่เถอะ...เดี๋ยวฉันไปเอง" ชาโดว์บอก
"โอเค"
ชาโดว์รีบเดินจากไป จิมมี่รีบกดบูลธูท
"พ่อเหรอครับ ?ส่งหน่วย EOD มาช่วยผมหน่อย"
ใน โกดังร้าง -ห้องประกอบระเบิด ต้อมกระอักเลือดอีกครั้ง เขาพยายามขยับตัวตรงไปที่ระเบิดลูกที่สองที่มีผ้าคลุมเอาไว้แล้วดึงออก
เสียงฝีเท้าหนักแน่นของใครบางคนเดินเข้ามา พอต้อมหันไปเห็นก็ถึงกลับทรุดเข่าอ่อน
ร่างของชายคน เดินมาหยุดที่หน้าของต้อมแล้วใช้ปืนสไนเปอร์เชยคางต้อมขึ้นมา
ต้อมเหงื่อแตกด้วยความกลัวสุดขีด
ชาโดว์กำลังรีบเร่งเดิน แต่ทันใดนั้นเอง....ปัง !
เสียงปืนดังลั่นมาจากทางเบื้องหน้าทำให้เธอตัดสินใจวิ่งออกไปทันที
ชาโดว์เปิดประตูเข้ามา
ระเบิดลูกที่สองหายไปแล้ว! ที่พื้นมีร่างของต้อมที่โดนยิงเจาะกลางหน้าผากตาเบิ่งโพลงด้วยความกลัว
ชาโดว์มองด้วยความเจ็บใจที่มาไม่ทัน แต่แล้วเธอก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่พื้นจึงหยิบขึ้นมาดู
ปลอกกระสุนที่พ่นทรายเป็นรูปงู
ชาโดว์นึกไม่ถึง เพราเขายังไม่ตาย ดั่งที่ทุกคนคิด
"สเน็ก !"
ฟ้ามืดสนิท..ปากทางลงชั้นใต้ดิน ในบริเวณนอกกำแพงโรงแรม ที่จัดสภาฯสัญจร รอบๆบริเวณเป็นสวนรก
สเน็กในชุดสูทดำ สวมถุงมือหนังสีดำ ก้มๆเงยๆอยู่ที่ประตูทางเข้า
เสียงทหารแก่บอก "ยกมือขึ้น"
สเน็กหยุด ยกมือขึ้นตามคำสั่ง เห็นปลายปืนยาวยื่นเข้าเฟรมมาจ่อเข้าที่ด้านหลังของสเน็ก
"หันหลังมาช้าๆ"
สเน็กทำตาม หันมาช้าๆ
สเน็กเห็นทหารแก่ยศจ่า อายุราว 50 ปากคาบยาเส้นกับพลทหารหนุ่ม อายุราว 20กว่าๆ ทั้งคู่จ่อปืนยาวมาที่ตน ที่อยู่ห่างออกไปสามก้าว
"มาทำอะไรที่นี่" ทหารแก่มองกระเป๋าของสเน็กบนพื้น "ในนั้นมีอะไร"
สเน็กไม่ตอบ ใช้เท้าเขี่ยกระเป๋าไปตรงระหว่างกลางของทั้งสาม
ทหารแก่พยักหน้าให้ทหารหนุ่มเข้าไปดู
ทหารหนุ่มเดินเข้าไปหยิบกระเป๋าอย่างระวังแล้วถอยมาก้าวหนึ่ง สะพายปืนขึ้นไหล่ ก้มลงตรวจสอบ
ในกระเป๋าผ้าเป็นกระเป๋าเอกสารเหล็กใบใหญ่ผิดปกติ..ทหารหนุ่มพยายามเปิดแต่ไม่สำเร็จ
" ต้องใช้รหัสเปิด"
ทหารแก่มองสเน็ก แต่เขาทำเฉย
ทหารแก่ทิ้งยาเส้นลงบนพื้น..ขยี้ดับ..ก้าวเท้าเข้าหาแล้วจิ้มปืนเข้าที่หัวสเน็ก
" บอกรหัสมา!"
สเน็กมองทหารแก่อย่างเฉยชา ทหารแก่ก็จ้องตอบ
"สาม"
ทหารหนุ่มหมุนเลขบนกระเป๋ามาที่สาม แล้วเงยมองสเน็ก
" สอง.."
ทหารหนุ่มปรับตาม เหลือบมองสเน็ก..ทหารแก่จิ้มปืนเร่งสเน็ก
"เร็วเข้า!"
"หนึ่ง"
ทหารหนุ่มหมุนเลขมาที่เลข 1
" ศูนย์.."
ทหารหนุ่มหมุนเรียงออกมาเป็น 3210 กดเปิดกระเป๋าออกดัง ‘แกร๊ก’ แง้มฝากระเป๋าขึ้น
ทหารหนุ่มตกใจ "จ่า!"
ทหารแก่หันมองไปที่กระเป๋า..สเน็กพลันตวัดมือทั้งสองขึ้นพร้อมกัน มือซ้ายคว้าปืนยาวตรงตำแหน่งมือจับ..ปัดไปทางขวา มือขวาตะปบขย้ำเข้าที่ลำคอทหารแก่ แล้วดันเข้าหาทหารหนุ่ม
ทหารหนุ่มรีบลุกขึ้น..ถอยจากกระเป๋าคว้าปืนที่ไหล่ออกมา
สเน็กเตะกระเป๋าเหล็ก..กระเป๋าเหล็กสไลด์ไปกระแทกหน้าแข้งทหารหนุ่ม..ทหารหนุ่มหน้าคว่ำคะมำลงกับพื้นในท่าปืนยาวขวางอก..สเน็กตามเข้ามา..ทหารหนุ่มยังไม่ทันลุกขึ้น..เงยมอง
สเน็กเงื้อเท้าขึ้นสูง..กระแทกลงมา...กร๊อบ !
เท้าสเน็กคาอยู่บนต้นคอด้านหลังของทหารหนุ่ม ทหารหนุ่มกระดูกคอหักตายคาที่!
ผ่านมือซ้ายของสเน็กที่ตะปบอยู่บนมือขวาทหารแก่ เห็นนิ้วโป้งของสเน็กสอดเข้าไปใต้ไกปืนทำให้ทหารแก่เหนี่ยวไกไม่ได้ มือขวาของทหารแก่สั่นระริก
มือขวาของสเน็กจิกขยำอยู่ที่กระเดือกหลอดลมของทหารแก่..ทหารแก่หน้าแดงก่ำ..ส่งเสียงค่อกแค่กทั้งที่เปล่งเสียงไม่ออก..มือซ้ายคว้าอยู่บนมือขวาของสเน็กอย่างไร้เรี่ยวแรง..พยายามดึงมือสเน็กออกจากคอ
สเน็กมอง แล้วจิกขย้ำมือแน่นขึ้นอีก
ทหารแก่ตาเหลือก หน้าแดงก่ำ ไอแค่กออกมาเป็นละอองเลือดคำหนึ่ง ขาดใจตาย
สเน็กค่อยๆวางศพทหารแก่ลงบนพื้นข้างทหารหนุ่ม
สเน็กมองศพอย่างไม่มีความรู้สึกใด พลางกำแล้วสะบัดมือขวาทีหนึ่ง แล้วลากศพออกไป
เช้ามืด..
จิมมี่ในชุดสูทกับผู้พันพยัคฆ์ตักบาตรอยู่หน้าบ้าน ผู้พันพยัคฆ์ดูยิ้มแย้มแจ่มใส จิมมี่คอยช่วยพ่ออยู่ข้างๆ
พระหมดไปหนึ่งขบวน ผู้พันกับจิมมี่ชะเง้อมอง เห็นทางโล่งเงียบ ยังไม่มีพระมา
พยัคฆ์บอก
"วันนี้หลวงพี่ทิงมาช้าแฮะ...แล้วนี่ปลายฟ้าเป็นยังไงบ้าง?"
จิมมี่มองพ่อว่าทำไมจู่ๆพ่อถึงถาม
"อยู่กับชาโดว์กับแป้งครับ คงกำลังเตรียมตัวกันอยู่"
" อืม..แล้วหนูแป้งล่ะเป็นยังไงบ้าง"
จิมมี่งงกว่าเดิม
"อ้าว..ก็..อยู่กับปลายฟ้ากับชาโดว์ยังไงล่ะพ่อ"
" อือ..ๆ..แล้วแกว่าสองคนนั้นเป็นไงบ้าง"
" เอ..มามุขไหนล่ะเนี่ยวันนี้พ่อถามแปลกๆนะ"
พยัคฆ์มองหน้า
"ก็แกชอบเค้าไม่ใช่เหรอ"
"ก็ชอบนะ...พ่อ"
"แล้วชอบใครมากกว่าล่ะ"
จิมมี่เกาหัว "อืม... ไม่รู้สิ ผมยังไม่ค่อยอยากคิดเรื่องนี้น่ะ.... ทำไมวันนี้พ่อถามอะไรยากจัง"
พยัคฆ์สุดทน ตบกบาลลูกชายดังผัวะ
"กูก็อยากมีหลานสิวะ..แล้วเรื่องแบบนี้ มึงจะปล่อยคาราคาซังไว้ได้ยังไงวะ? เพราะผู้หญิงเค้าคิดแล้ว..มึงก็ต้องคิดมั่งสิวะ" พยัคฆ์พูดพลางเอานิ้วจิ้มกบาลจิมมี่
" โอ๊ยๆ..นี่พ่อโมโหอะไรเนี่ย"
"อะแฮ่ม"
หลวงพี่ทิงกระแอมไอแทรกขึ้นมา
พยัคฆ์หันมอง ยกมือไหว้
"อ้าว..นิมนต์ครับหลวงพี่ทิง"
จิมมี่ยกมือไหว้
"หลวงพ่อมาช่วยชีวิตผมไว้พอดีเลยครับ"
หลวงพี่ทิงบิณฑบาตองค์เดียว หน้าตายิ้มแย้ม รูปร่างแข็งแรง มีอายุไล่เลี่ยกับผู้พัน ทั้งคู่เคยเป็ฯเพื่อนกันมาก่อน
" คึกคักกันแต่เช้าเลยนะ"
พยัคฆ์พูดพลางใส่บาตร
"ก็ไอ้เด็กเวรนี่สิครับ..ชอบผู้หญิงทีเดียวสองคน"
หลวงพี่ทิงยิ้มส่ายหน้า
"เจริญพรๆ พ่อเป็นไง..ลูกก็เป็นยังงั้น"
จิมมี่หัวเราะออกมาพลางช่วยพ่อใส่บาตร
"อ้าว..หลวงพี่..นี่หลวงพี่กำลังด่าหรือให้พรผมอยู่ครับเนี่ย"
ผู้พันพยัคฆ์ตักบาตรเสร็จพอดี หลวงพี่ทิงยิ้มปิดบาตร
"เอ..อาตมาก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่อันนี้เป็นพรนะ..อายุ วรรณโณ สุขขัง พลัง"
ผู้พันกับจิมมี่คุกเข่ายกมือไหว้รับพร เงยหน้ามาเห็นหลวงพี่ยังไม่ไป
"หลวงพี่มีอะไรรึเปล่าครับ"
หลวงพี่ทิงยิ้ม
"แบมือสิ"
ผู้พันพยัคฆ์แบมือออก หลวงพี่ทิงวางของเล็กๆสิ่งหนึ่งลงบนมือผู้พัน
" แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะโยมเสือ"
ผู้พันพยัคฆ์ดูของในมือ เป็นกล่องเล็กๆใบหนึ่ง เปิดออกดู..เป็นหลวงปู่ทวดหลังเตารีดองค์หนึ่ง..
พยัคฆ์ดีใจมาก
"หลวงพี่! หลวงปู่ทวดองค์นี้ผมตามหามาตั้งนาน..ที่แท้..หลวงพี่ทิงกั๊กไว้นี่เอง!"
หลวงพี่ทิงยิ้ม..ถอนใจออกมา
"เฮ่อ..ถึงบอกว่าพ่อเป็นไง ลูกก็เป็นงั้น ไม่น่าให้มันเลย" หลวงพี่พูดพลางส่ายหน้าเดินจากไป
"อ้าว..เดี๋ยวหลวงพี่ทิง..ขอบคุณครับหลวงพี่"
ผู้พันยกมือไหว้ตามหลัง แล้วลูบคลำมองพระในมืออย่างดีใจจนออกนอกหน้า
จิมมี่ชะโงกมองตามรู้สึกดีไปด้วยที่พ่อดีใจขนาดนี้
" ขอดูบ้างดิพ่อ"
จิมมี่ยื่นมือจะจับพระ แต่ผู้พันตีมือออก
" เฮ่ย..อย่ายุ่ง"
จิมมี่หน้าจ๋อย ผู้พันยิ้มที่แกล้งได้แล้วเอาพระใส่ในกระเป๋าเสื้อจิมมี่
"อ้าว...ยังไงกันเนี่ย"
" ก็ไม่ยังไง...ฉันให้แก"
" เก็บไว้เหอะ..พ่อก็รู้ว่าผมไม่ใส่"
" พ่อให้แก แกจะใส่ไม่ใส่ก็เรื่องของแก"
จิมมี่กวน
"งั้นเอาไปขายได้มั้ย"
ผู้พันเผลอยิ้ม
จิมมี่นิ่งไปสักพัก
"สุขสันต์วันเกิดครับพ่อ…ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้เตรียมอะไรมาให้พ่อเลย"
ผู้พันยิ้มรับอย่างมีความสุขแล้วตบไหล่จิมมี่
" เอาน่า ....แกมาใส่บาตรกับพ่อได้ก็ดีที่สุดแล้วล่ะ" พยัคฆ์ถอนหายใจ "สิ่งที่ปลายฟ้าจะพูดในสภาวันนี้ อาจทำให้คนจำนวนมากเดือดร้อน แกต้องระวังตัวให้ดี..เข้าใจรึเปล่า"
" ครับผม"
"ดี..งั้นชั้นฝากปลายฟ้าด้วย"
"ครับ"
ผู้พันมองตามจิมมี่ที่เดินจากไป
เสียงมือถือดังขึ้นขัดจังหวะ จากสีหน้าที่ยิ้มแย้ม พอฟังแล้วหน้าตาผู้พันพยัคฆ์เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด
"ได้..ชั้นจะรีบไปเดี๋ยวนี้"
โรงแรมที่จัด ครม.สัญจร...เห็นธงทิวต้อนรับเป็นแนว..ดูสงบสวยงาม พร้อมป้ายต้อนรับ ‘ขอต้อนรับคณะสส. และ สว.ทุกท่าน..สู่การประชุมสภาสัญจร’
จิมมี่เดินจากอาคารจอดรถเข้าสู่โรงแรม ผ่านทหารเฝ้ารั้วและนักข่าวกลุ่มใหญ่ การ์ดสี่คนเข้ามากันจิมมี่ไว้ แต่พอจิมมี่ชูบัตรคุ้มกันวีไอพี การ์ดทั้งสี่ก็เปิดทางให้เข้าไปสู่ด้านในอาคารทันที
ศพทหารแก่และทหารหนุ่มถูกซุกอยู่ในพุ่มไม้
ผู้พันพยัคฆ์กับนายทหารยศนายร้อยอีกสองนายกำลังยืนมองศพทหารลูกทีมยืนคุมเหตุการณ์ 5 นาย
ผู้พันก้มลงตรวจสอบ
สภาพศพทหารหนุ่มคอหักพับ ที่ลำคอด้านหลังปรากฏรอยส้นรองเท้าจางๆ..ผู้พันมอง
ผู้พันหันมองศพทหารแก่ เห็นรอยแดงคล้ำที่คอศพกับละอองเลือดกระเซ็นเป็นฝอยๆ
" คนลงมือมีคนเดียว ฝีมือน่ากลัวมาก ให้ทุกคนเตรียมพร้อมไว้..นอกจากมันแล้วอาจมีคนอื่นอีก"
นายทหารทั้งสองหน้าเครียดลงแต่ไม่ปริปากอะไร..ผู้พันพยัคฆ์มองศพ แล้วเงยมองกำแพงที่ไกลออกไป
ด้านหลังกำแพงเป็นโรงแรมที่จัดประชุมสภาสัญจร
"ปิดข่าวนี้ไว้ก่อน..แล้วค้นให้ทั่วบริเวณให้พวกนอกเครื่องแบบเข้าไปตรวจในโรงแรมที่ประชุมสภาแบบเงียบๆด้วย"
นายทหารทั้งสองรับคำ “ครับผม” พร้อมกันแล้ว ทุกคนแยกย้ายออกไปกระจายคำสั่ง
ผู้พันพยัคฆ์มองไปรอบๆแล้วพลันหยุดมองพื้น หยิบก้นยาเส้นมวนใบจากที่อยู่บนพื้นขึ้นมาดู แล้วหันมองสำรวจรอบๆโดยละเอียด..พลันพบจุดที่น่าสงสัยถูกสุมปิดพรางตาไว้ด้วยกิ่งไม้
ผู้พันพยัคฆ์ดึงกิ่งไม้ออก
ใต้กิ่งไม้เป็นประตูเก่าๆบานหนึ่ง..ผู้พันพยัคฆ์เปิดออกแล้วมองลงไป ภายในเป็นทางเดินลึกและมืดมิด
ผู้พันพยัคฆ์เป่าปากเป็นสัญญาณเสียงหวีดเล็กแหลมครั้งหนึ่ง
ผู้พันพยัคฆ์เดินลงมาตามทางเดิน พร้อมทหารอีก 4 นาย..ทางเดินแคบและมืดมิด ใช้ฉายไฟส่องสำรวจไปด้านหน้าและรอบข้าง แล้วเริ่มออกสำรวจ
"แบ่งคนเฝ้าทางเข้านี้ไว้"
นายทหารข้างกายรับคำแล้วคนไปเฝ้าทาง ที่เหลือเริ่มออกเดินสำรวจต่อ
ส่วนห้องกลางในห้องพัก น้าสมานหลับอยู่บนโซฟา หอยแครงกำลังเล่นเกมฟันผลไม้อย่างจดจ่อ ชาโดว์ชะโงกมาดู แล้วดึงมือถือหอยแครงไปเล่นบ้าง เล่นครั้งเดียวก็ได้คะแนนเยอะกว่า ชาโดว์ยิ้ม..ยักคิ้วให้ แล้วโยนมือถือคืน หอยแครงมองชาโดว์แล้วกดเปลี่ยนเกม
จิมมี่เดินเข้ามาในห้อง
"ปลายฟ้าล่ะ"
แป้งบอก "อยู่ในห้องนอน"
จิมมี่เดินเข้าไปเหมือนจะปิดประตูแต่พอมองเห็นแป้งที่มองตามจึงตัดสินใจแง้มประตูไว้
ส่วนห้องนอนในห้องพัก
ทีวีเปิดค้างอยู่..ภาพในทีวีเป็นนักข่าวสาวรายงานสดเหตุการณ์จากโรงแรมที่จัดสภาสัญจร
" ขณะนี้ทั้งสส. และสว.ต่างก็ทยอยกันเข้ามาลงชื่อผู้ร่วมประชุมกันเป็นจำนวนมากแล้วนะคะบรรยากาศคึกคักและเต็มไปด้วยรอยยิ้มทีเดียวอีกไม่นานการประชุมสภาสัญจรก็จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่ยังไม่ปรากฏวี่แววของสส.ปลายฟ้าที่ทุกคนกำลังรอคอย"
ด้านนอกประตู ภาพสส. สว. ทยอยลงชื่อ บ้างทักทายกันแนบแน่น เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ปลายฟ้าดูภาพเหล่านี้อยู่อย่างเย็นชา..กดปิดทีวีลงกลางครัน
ปลายฟ้านั่งอยู่บนเตียง..โยนรีโมทลงข้างแฟ้มเอกสารเธอจ้องมองกระเป๋าหนังที่เตรียมไว้..
จิมมี่เปิดประตูห้องเดินเข้ามา พอเห็นอาการปลายฟ้าแล้วรู้สึกสงสารขึ้นมา
" หลังจากวันนี้คุณคงยุ่งน่าดู"
ปลายฟ้ายิ้มออกมา
"คุณหมายถึงหนีตายจนไม่มีเวลาใช่มั้ย"
จิมมี่ยิ้มรับมุข
"ไม่หรอก..นี่เป็นจุดเริ่มต้นของการหยุดหนีต่างหาก"
" เราไม่รู้หรอกว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง"
"ก็จริงนะ..งั้นคุณทำวันนี้ให้เต็มที่ละกัน"
ทั้งสองยิ้มให้กัน ปลายฟ้าลุกขึ้นเดินออกไปนอกระเบียงจ้อมมองท้องฟ้าเบื้องหน้าเนิ่นนาน จิมมี่เดินตามมา..ทั้งคู่...เงียบกันไปพักหนึ่ง
" ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะจิมมี่"
" ไม่หรอก..ผมต้องขอโทษคุณมากกว่า"
" จิมมี่..ถ้าไม่มีคุณ..ชั้นคงตายไปแล้ว"
จิมมี่ยิ้ม ไม่ได้ตอบอะไร
" รู้ไหม ? ตอนเด็กๆแม่ฉันมักพูดว่า ฉันเป็นเด็กช่างฝัน ชอบจินตนาการ แต่ฉันเพิ่งรู้สึกจริงๆว่าแม่พูดถูก หลายๆเรื่องฉันคงคิดไปเอง ฝันเอาเองคนเดียว"
" ผม..."
" ไม่เป็นไร...ฉันเข้าใจคุณ"
ปลายฟ้าก้มหน้าลง จิมมี่มอง
" บางทีผมยังไม่เข้าใจตัวเองเลย ถ้าผมย้อนเวลากลับไปได้"
" หยุดเรื่องเพ้อฝันแบบนั้นเถอะจิมมี่"
จิมมี่ยิ้มให้ ปลายฟ้ายิ้มเศร้า
" ถึงเวลาที่ฉันต้องตื่นขึ้นมาอยู่ในโลกความจริงซะที"
จิมมี่ได้แต่เงียบงัน
แป้งมองดูคนทั้งคู่แล้วรู้สึกสับสนในใจ
ผู้พันพยัคฆ์และทหารอีก 2 นายส่องไฟฉายมาตามทางเดิน..สุดทางเป็นบันไดทางออกขึ้นด้านบน
ผู้พันพยัคฆ์เดินนำไปเปิดประตูที่อยู่สุดบันไดก่อน ทหารทั้งสามตามขึ้นมา..
ผู้พันพยัคฆ์เดินนำขึ้นมาอย่างระมัดระวังทหารสองนายตามออกมา..ที่นี่เป็นห้องเครื่องขนาดใหญ่
เครื่องยนต์ต่างๆทำงานส่งเสียงดัง
ผู้พันพยัคฆ์ให้สัญญาณ แล้วทั้งสามเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบแยกเป็นสองกลุ่มออกตรวจค้น
ผู้พันและทหารนายหนึ่งส่องไฟฉายสำรวจไปตามซอกมุมต่างๆช้าๆ..พลันมีเงาคนโผล่วูบมาจากด้านหลัง
ผู้พันพยัคฆ์หันขวับจ่อปืนใส่..แต่กลับเป็นพวกเดียวกันที่แยกไปสำรวจอีกทาง
ทหาร1 หน้าตาซีเรียส
"ผู้พัน..เจอแล้วครับ!"
กระเป๋าเอกสารเหล็กใบใหญ่ถูกซุกอยู่ที่มุมห้อง
ผู้พันพยัคฆ์และทหารทั้งสามยืนมอง ผู้พันพยัคฆ์เปิดกระเป๋าออกโดยใช้มีดงัดกลอนออก..
ภายในเป็นระเบิดเวลา เวลาที่เดินถอยหลังเหลืออีก 25นาทีนิดๆ!
ผู้พันพยัคฆ์ตะลึง ทหารทั้งสามหน้าซีด
" ผู้พันครับนี่มัน"
" ระเบิดต้อมไดนาไมท์!" ผู้พันถอนใจ "มีคนเดียวที่กู้ระเบิดนี่ได้"
ทหาร1 และที่เหลือสีหน้าดูมีความหวังขึ้นมา
พยัคฆ์หันมองทหาร
"แต่เค้าตายแล้ว"
เหล่าทหารหน้าเครียดอีกครั้ง
ผู้พันพยัคฆ์มองเวลาที่ตอนนี้เหลืออยู่ 24นาทีกว่าๆ
"เราต้องขนระเบิดนี่ออกไป" พยัคฆ์หันไปสั่งทหาร2 "แจ้งตำรวจสภาเตรียมพร้อมสำหรับการอพยพฉุกเฉินด้วย
ทหาร2 รับคำจากไป ผู้พันพยัคฆ์ปิดกระเป๋าลง
ผู้พันพยัคฆ์ย้อนกลับลงมาทางเดินใต้ห้องเครื่อง ตามมาด้วยทหาร2นาย..ในมือผู้พันถือกระเป๋าระเบิดมาด้วย
สัญญาณจีพีเอสในมือถือบ่งบอกว่าระเบิดกำลังถูกเคลื่อนย้าย สเน็กนอนหมอบอยู่ในพงไม้ดูมือถือแล้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
นาฬิกาตั้งเวลาถอยหลังไว้เหลืออีก 22นาทีกว่าๆ
สเน็กหยิบไรเฟิลที่ข้างกายขึ้นมาใส่ลำกล้องเก็บเสียง แล้วประทับบ่าเล็ง
ทหาร 3นายเฝ้าอยู่ที่ปากอุโมงค์ สเน็กเล็งไปที่คนซ้ายสุด
ฟุบ..ๆๆ
ทหาร 3นายที่ปากอุโมงค์ล้มลงทีละนายจากซ้ายไปขวา สองคนแรกไม่ทันตั้งตัวก็ล้มลงไป
ส่วนคนสุดท้ายแม้จะหมอบลงกับพื้นได้ก่อน แต่ก็โดนยิงหัวด้วยกระสุนนัดเดียวอยู่ดี!
อ่านต่อตอนที่ 12