xs
xsm
sm
md
lg

อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see you again ตอนที่15

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see You again ตอนที่15

หย่งชิงเดินออกมาจากด้านหลังร้านสูทอย่างเศร้าๆ นึกถึงเรื่องราวระหว่างเขากับยิ่วเชียนในอดีต ซึ่งในวันนั้นเธอวิ่งตามไปห้ามยิ่วเชียน

“เอ่อ นี่ นี่ อย่าเข้าไปเลยน่า”
“ทำไมเธอทำตัวน่ารำคาญอย่างนี้ เกิดเรื่องกับคุณปู่ฉันนะ เธออย่าขวางฉันได้มั้ย”
“นี่ คุณปู่นายไม่เป็นไรแล้ว ฉันส่งปู่ของนายไปโรงพยาบาลแล้ว นายควรขอบคุณที่ฉันมาปรากฏตัวหน้าบ้านนายมากกว่า นายเป็นหนี้บุญคุณฉันแล้วนะ เชอะ”
หย่งพายิ่วเชียนมาที่ร้านขายเสื้อสูท ยิ่วเชียนมองอย่างตื่นตา เถ้าแก่ร้านเข้ามาทัก
“เอ๊ะ คุณหู”
“คุณหู เข้าใจอะไรผิดรึเปล่าครับ” พนักงานคนหนึ่งมองหมิ่นยิ่วเชียนว่าเป็นคนเชยมาก
“ต้องทดสอบความสามารถของนายแล้ว เถ้าแก่ รบกวนด้วยค่ะ”
“ครับ ช่วยถอดเสื้อกันหนาวออกด้วยครับ” พนักงานบอกยิ่วเชียน
เถ้าแก่และพนักงานจัดการวัดตัว เพื่อแปลงโฉมยิ่วเชียน หย่งชิงนั่งมองอย่างพอใจ สักพักยิ่วเชียนถูกแปลงโฉมใส่สูทจนหล่อ เท่
“ยืนตรงหน่อย ถอดแว่นออกสิ” หย่งชิงจัดการ
“ถอดแว่นออกแล้วฉันมองไม่เห็น”
“นายเป็นหนี้บุญคุณฉันนะ”
ยิ่วเชียนยอมถอดแว่น เงยหน้าขึ้น หย่งชิงมองตะลึง พลางคิด
“ทำไมเหมือนเขาอย่างนี้ เฮ่อ”
หย่งชิงบอกยิ่วเชียน “ไม่เลว ไม่ต้องสวมแว่นแล้ว เปลี่ยนชุดใหม่ค่ะ”
“ครับ เชิญทางนี้ครับ”
ยิ่วเชียนเดินตามเถ้าแก่ไปโดยไม่ปริปาก
ในเวลานี้ หย่งชิงยืนมองภายในร้านสูท เศร้าๆ
“แม่บุญธรรมบอกว่า ความสับสนวุ่นวาย ถ้าเป็นห่วงคนบางคนเกินไป ก็จะมองไม่เห็นตัวตนของเขา เฮ่อ ดูเหมือนว่า ยังมีอีกคนที่ไม่สามารถมองเห็น นั่นก็คือตัวเอง” หย่งชิงถอนใจ

ยิ่วเชียนจูงมืออันซีเดินมาในห้างสรรพสินค้า อันซีเขิน ทำตัวไม่ถูก ไม่ชิน สักพักเสียงไลน์ของอันซีดัง
ขึ้น ยิ่วเชียนพยักหน้าให้รับ
“โทรศัพท์อยู่กระเป๋าข้างขวา” อันซีบอก
ยิ่วเชียนรู้ตัวจำใจต้องปล่อยมือข้างขวาของอันซีเพื่อให้เธอรับโทรศัพท์ อันซีขยับนิ้วให้คลายเมื่อย อ่านข้อความในไลน์ เป็นของเหม่ยเหวิน
“ยินดีด้วย ที่สามารถก้าวออกมาได้แล้ว”
“ยินดีกับฉันเรื่องอะไร” อันซีพึมพำ
“อันซี ยินดีกับเธอด้วยนะ” ไลน์จากหยาเอิน
“ทำไมต้องยินดีกับฉันด้วย” อันซีบ่น
“อันซี เพื่อนรัก ยินดีด้วยที่เธอกับคุณเซี่ยตกลงปลงใจกันแล้ว” ไลน์จากจื้อหลิง
“พวกเขารู้ได้ยังไง”
อันซีหน้าเจื่อนๆ ยิ่วเชียนยิ้มกว้าง นึกรู้

จื้อหลิงส่งไลน์รูปการ์ตูนให้อันซี เหม่ยเหวินเข้ามาดู
“นี่ เธอแสดงความยินดีทำไมต้องส่งรูปนี้ด้วย เธอตัดใจจากคุณเซี่ยแล้วไม่ใช่เหรอ”
“โธ่เอ๊ย แฟนเก่าแต่งงานกับคนอื่นแล้ว จะไม่ให้ร้องไห้ได้ไง”
“แบบนี้ก็นับเหรอ”
“เธอเวอร์เกินไปแล้วนะ” หยาเอินแซว
“หยาเอิน เธอต้องมีความรักก่อน ถึงจะเข้าใจหัวอกที่เปราะบางของพี่”
เยี่ยนเจ๋อนั่งอยู่ด้วย ขำๆ ”แต่ไม่ว่ายังไง ต้องขอบคุณที่ทุกคนให้ความร่วมมือ”

เยี่ยนเจ๋อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เมื่อเขาขอความร่วมมือจากเหม่ยเหวิน จื้อหลิงและหยาเอิน
“ผมมีเรื่องอยากให้ทุกคนช่วยหน่อย”
“เรื่องอะไรคะ” จื้อหลิงถาม
“วันนี้ผมอยากพาอันซีออกไป เลยอยากให้ทุกคนช่วยหน่อย”
เหม่ยเหวินไม่พอใจ “คุณจะพาอันซีไปไหน หรือว่าคุณคิดกับอันซี”
“ไม่ใช่ ผมแค่ต้องการจับคู่เธอกับคุณเซี่ย”
“ห๋ะ อ้อ”
เหม่ยนเหวินยิ้มพอใจ จื้อหลิงกับหยาเอินก็แอบพอใจ เพราะเท่ากับว่าเยี่ยนเจ๋อยังโสด
“ให้คุณค่ะ” จื้อหลิงรินน้ำมาให้
“ขอบคุณครับ”
ทั้งหมดนึกถึงเรื่องที่ร่วมมือกันเมื่อเช้า
“ไม่มีอะไรยาก ความสุขของอันซีก็คือความสุขของฉัน ฮิๆ” จื้อหลิงบอก
“แต่ฉันสงสัยนิดหน่อย คุณหู คุณเพิ่งรู้จักเซี่ยยิ่วเชียนทำไมต้องช่วยเขาด้วยล่ะ”
“เมื่อวาน เฮ้อ”
“เมื่อวานทำไมคะ” จื้อหลิงสงสัย
“ผม แพ้หมากรุกเขา”
“อ้อ” จื้อหลิงเข้าใจ
“เฮ้อ ไม่เสียแรงที่ชื่อบ้ากาม” เหม่ยเหวินขำๆ
“ไม่ใช่ นี่แสดงให้เห็นว่าเยี่ยนเจ๋อของเราเป็นคนดีแพ้ก็ยอมรับ ยอดเยี่ยมจริงๆ ตอนนี้ฉันก็ตัดใจจากรักครั้งก่อนได้แล้ว และพร้อมจะเริ่มต้นกับรักครั้งใหม่”
จื้อหลิงส่งยิ้มหวานให้เยี่ยนเจ๋อ หยาเอินก็แอบมองเยี่ยนเจ๋ออย่างปลื้มๆ เยี่ยนเจ๋อยิ้มๆ
“เอาล่ะ งั้น เชิญพวกคุณตามสบาย ผมขอไปจัดการรูปถ่ายทุกคนก่อน”
“ขอบคุณค่ะ” เหม่ยเหวินบอก
เยี่ยนเจ๋อลุกขึ้นจับหัวหยาเอินอย่างเอ็นดู หยาเอินยิ้มปลื้ม จื้อหลิงยิ้มพอใจ
“อ้อ ฉันต้องรีบบอกอันซี ให้เขาทำตัวให้ดีเขามีรักใหม่แล้วฉันเลยมีโอกาส”
“เธอนี่จริงๆ เลย งั้นฉันต้องรีบบอกเขาให้เป็นกุลสตรีหน่อย อย่าทำให้ความสุขที่มีหลุดลอยไป” เหม่ยเหวินบอก
“นี่ ทำไมเราไม่มีไลน์กลุ่มล่ะ” หยาเอินเสนอ
“โธ่เอ๊ยดูเธอสิยังไม่ได้ส่งเลย ทำไมเธอไม่ทำไลน์กลุ่มล่ะเวลาเขาไปเดทเราจะได้คุยกัน” จื้อหลิงต่อว่า
“ได้ ฉันขอโทษ ฉันขอโทษพอใจมั้ย จะรีบทำเดี๋ยวนี้เลย” เหม่ยเหวินประชด

อันซีอยู่ในห้องน้ำของห้าง เสียงไลน์ดังไม่หยุด เธอนั่งเซ็งๆ
“เฮ้อ ทุกคนรู้เรื่องหมดแล้ว ทำยังไงดี บอกทุกคนว่าฉันไม่อยากออกเดท ไม่อยากมีความรัก ถ้ากลับไปต้องถูกหัวเราะเยาะแน่ เฮ้อ”
อันซีเก็บโทรศัพท์แล้วเห็นตุ๊กตาผ้าปลาการ์ตูนในกระเป๋ากางเกง เธอหยิบขึ้นมาดู นึกถึงคำพูดของนายคิ้วเส้นตรง
“ปลาเหล่านี้ วันนี้อาจอยู่ที่นี่ แต่สักวันหนึ่งฉันอาจไปจากที่นี่ นี่แหละที่ฉันแตกต่างจากพวกมัน”
“โธ่เอ๊ย คิดว่านายเป็นปลานีโม่ในหนังเหรอ ถึงอยากไปจากที่นี่”
จากนั้นอันซีก็นึกถึงวันที่ยิ่วเชียนนำขวดน้ำตาฟ้ามาให้เธอด้วยความตั้งใจ อันซีมองปลาตุ๊กตาอีกครั้งพลางพึมพำ
“ฉันขอโทษนายคิ้วเส้นตรง ลาก่อน” อันซีถอนใจ
ยิ่วเชียนมาด้อมๆ มองๆ หน้าห้องน้ำหญิง พอเห็นว่าไม่มีผู้หญิงอยู่ในห้องน้ำแล้วก็เข้าไปร้องเรียกอันซี“อันซี ๆ เธอไม่เป็นไรใช่มั้ย อันซี”
“จะเดินไปข้างหน้า หรือถอยหลังก็เหมือนกัน แค่ก้าวออกมาจากชีวิตที่จมปรัก มีความรักก็มีสิ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย เฮ้อ”
อันซีพึมพำกับตัวเองอยู่ในห้องน้ำ 

อ่านต่อหน้า 2

อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see You again ตอนที่15 (ต่อ)

ถัดมาอันซีเดินออกจากห้องน้ำหน้าเศร้า วางทิ้งตุ๊กตาปลาไว้ที่อ่างล้างมือ ยิ่วเชียนเห็นอันซีเดินซึมๆ ออกมาก็เป็นห่วง

“ไม่เป็นไรใช่มั้ย ดูท่าทางเธอไม่ปกติเลย”
“ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องสนใจหรอกเดี๋ยวฉันก็ดีขึ้นเอง เฮ้อ ฉันกำลังบอกลาชีวิตช่วงวัยรุ่นของฉัน”
หญิงคนหนึ่งเข้าห้องน้ำต่อจากอันซีเห็นว่าอันซีลืมตุ๊กตาปลาไว้ จึงวิ่งเอามาคืน
“คุณคะ คุณลืมของไว้ค่ะ คุณคะ”
อันซีตกใจไม่ยอมรับ เดินหนี
“ฉันไม่”
ยิ่วเชียนรับมาเอง
“ขอบคุณครับ”
“คุณรับทำไม คุณห้ามดูนะ” อันซีร้องห้าม
“เดี๋ยวก่อนผมดูก่อน”
“เฮ้อ”
ยิ่วเชียนแกะกระดาษมาอ่าน
“คุณไสหัวกลับไทเปไปเลยนะ ให้ฉันใช่มั้ย”
อันซีหันมามองชายหนุ่มอย่างรู้สึกผิด
“แปลว่า ตอนแรกเธอต้องการปฏิเสธฉัน ดังนั้น ถ้าไม่มีคุณหูเข้ามา เธอไม่ได้ต้องการเข้าใกล้ฉัน ดังนั้น ท่าทางตอนที่เดินมา และเธอหลบอยู่ในห้องน้ำนาน เพราะกำลังคิดว่า จะปฏิเสธฉันยังไงใช่มั้ย ดี ฉันเข้าใจแล้ว ถ้าเธอคิดผิดล่ะก็ ถือเสียว่า”
“ใช่ๆๆ ฉันคิดผิดมาก เมื่อคืนฉันมัวแต่ทำนี่จนไม่ได้นอน เพราะฉันคิดว่าจะปฏิเสธคุณยังไงดี บอกแล้วว่าไม่อยากมีความรักแต่คุณก็เข้าใกล้ฉัน แล้วยังพูดเรื่องความรู้สึกผิดลึกๆ แล้วก็ให้เลือกหนึ่งในสอง คุณคิดว่าง่ายมากเหรอ ปลาการ์ตูนอยู่ในกระเป๋าฉันทั้งวันฉันไม่กล้าเอาออกมาเพราะอะไรล่ะ ฉันคิดจะเอาออกมาฟาดหน้าคุณ แล้วบอกคุณว่า ไม่ต้องมาวุ่นวายกับฉันอีก ไสหัวกลับไทเปไปซะ แต่ว่าฉันพูดไม่ออก เมื่อกี้คุณคิดยังไง คิดว่าจะกลับคำพูดใช่มั้ย ฉันรู้สึกหดหู่ขนาดนี้แล้วคุณยังมาว่าฉันอีก คิดว่าวันนี้มีความหมายกับคุณคนเดียวเหรอ มันยากนะกว่าฉันจะก้าวออกมาได้”
ยิ่วเชียนซาบซึ้ง โผเข้ากอดอันซีอย่างแสนรัก อันซีอึ้ง
“แค่นี้ยังไม่รู้ความในใจของฉันอีก ฉันก็พยายามเต็มที่แล้ว ฉันเป็นคนพูดฝ่ายเดียวตลอด คราวหน้าคุณต้องพูดบ้าง คนพูดยาก”
“แต่ประเด็นสำคัญ ฉันเป็นคนพูดนะ ฉันเป็นคนสารภาพรักเธอก่อน”
“อะไร ฉันเป็นคนถามก่อนต่างหาก”
“ไม่ใช่ได้ไง”
“งั้นฉันขอถามคุณว่าจะจีบฉันหรือเปล่า”
“ฉันคิดว่าคนที่มีสมองคงมองออกกันทุกคน”
“สมองฉันมีรอยหยักนี่”
“เธอมีรอยหยักเหรอ”
“ใช่”
“รอยหยักเหรอ ตรงไหนเธอมีรอยหยักตรงไหน เธอมีรอยหยักได้ไง”
ยิ่วเชียนเข้าไปดูผมอันซีแกล้งจะมองหารอยหยัก อันซียิ้มขำ ยิ่วเชียนยิ้มกว้าง อันซีชี้หน้า
“นี่ อย่าคิดว่ายิ้มจะใช้ได้ผลนะ”
ยิ่วเชียนยิ้มมีความสุขคว้ามืออันซีเดินจูงไป

ยิ่วเชียนจูงมืออันซีผ่านมาที่ร้านรับทำแหวน เขาพาเธอเข้าไปในร้าน พนักงานเข้ามาต้อนรับ
“สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับ”
“เราต้องการทำแหวน” ยิ่วเชียนบอก
“คุณสามารถเลือกแบบได้ค่ะ ที่สามารถพิมพ์ชื่อได้อยู่ทางนี้เท่านั้นค่ะ และสามารถลองสวมได้หมดค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
“ยินดีค่ะ”
ยิ่วเชียนหันมาบอกอันซีที่ยืนอยู่
“เลือกสักวงสิ”
อันซีกระซิบ “คุณต้องการทำแหวนเหรอ อย่าบอกนะที่คุณพูดเมื่อกี้ว่า กลัวลูกค้าจะเปลี่ยนใจ ดังนั้นต้องดำเนินการทันที”
ยิ่วเชียนยิ้มๆ แกล้งกระซิบตอบ “แน่นอน เลือกแหวนสิ”
อันซีก้มลงเลือก
“ว่าไง ชอบวงไหน”
“วงนี้ดีมั้ย”
“เธอชอบฉันก็ชอบ”
ทั้งสองยิ้มให้กัน พนักงานหญิงพาทั้งสองมาอธิบายขั้นตอนการทำแหวนด้วยตัวเอง
“ขั้นตอนการผลิตเราได้อธิบายไปคร่าวๆ แล้ว ตอนนี้ฉันจะสอนพวกคุณถึงวิธีทำให้ผิวอ่อนนุ่ม วิธีการนี้จะต้องหลอมด้วยไฟ เริ่มจากการใช้ปืนไฟแบบนี้ค่ะ”
“แหวนเงินอยู่ภายใต้อุณหภูมิปกติจะแข็ง ดังนั้นต้องใช้อุณหภูมิสูงเพื่อปรับความอ่อนนุ่มของมันและเพิ่มความเหนียวใช่มั้ย” ยิ่วเชียนถาม
“ใช่แล้วถูกต้องค่ะ”
อันซีลองทำบ้าง ยิ่วเชียนหันมามองแล้วจับมืออันซีให้ทำให้ถูกต้อง
“อุณหภูมิเปลวไฟสีฟ้าต้องอยู่สูงที่สุด ทำอย่างนี้”
อันซีทำอย่างตั้งใจ หน้าเครียด ยิ่วเชียนยิ้มมอง ขั้นตอนต่อไป อันซีตอกแหวนให้เรียบ แต่ตอกผิดวิธี ยิ่วเชียนยิ้ม หันไปบอก
“อันซี ต้องเคาะตรงนี้ด้วย ตรงนี้”
อันซีเอาค้อนเล็กๆ ของตัวเองไปตีค้อนของยิ่วเชียน แล้วยิ้มน่ารักให้ชายหนุ่ม
“ความพิเศษที่ทำด้วยมือคืออะไร คือความไม่เป็นระเบียบ”
“อะไร สี่เหลี่ยมก็คือสี่เหลียม วงกลมก็คือวงกลม ทุกอย่างมีเหตุผล”
“ถอยไปสิ ถ้าคุณมายุ่งกับฉัน ฉันจะทุบของคุณให้เสีย”
อันซีจะไปทุบแหวนของยิ่วเชียน ยิ่วเชียนร้องห้ามยิ้มๆ
“เอ๊ะๆๆ พูดดีๆ ก็ได้”
พนักงานเดินเข้ามา “ขอโทษค่ะ ถ้าใกล้เสร็จแล้วเรามาดำเนินการขั้นตอนต่อไป คือพิมพ์ตัวอักษรและรูปแบบของตัวอักษร แต่ว่าขั้นตอนนี้อาจมีข้อจำกัดของตัวอักษรด้วยค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“จริงสิ ปกติแล้วคนส่วนใหญ่แกะสลักอะไรครับ”
“สมมุติว่าเป็นแหวนคู่ก็จะแกะสลักชื่อของอีกฝ่าย หรือว่า วันเดือนปีเกิด ไม่ทราบคุณผู้หญิงเกิดวันไหนคะ”
อันซีอึ้งๆ ตอบเบาๆ ไม่อยากพูด
“เดือน เมษายน”
“วันไหนเดือนไหนคะ”
“เดือน เมษายน”
“ขอโทษนะคะไม่ค่อยได้ยิน”
“เอ่อ เธอบอกว่า วันที่ 1 เมษายน”
อันซีแปลกใจยิ่วเชียนฟังเธอรู้เรื่องได้อย่างไร
“ไม่เป็นไรค่ะ สมมุติว่าไม่อยากแกะสลักวันเกิดก็แกะสลักคำที่มีความหมายกับตัวเองก็ได้ค่ะ” พนักงานบอก แล้วเดินออกไป
“ฉันพูดฟังไม่รู้เรื่อง คุณฟังออกเหรอ”
ยิ่วเชียนยิ้มให้ อันซีถอนใจ
“ใช่แล้ว ฉันเกิดวันที่ 1 เมษายน เหมือนพระเจ้าล้อเล่นกับฉัน เพราะวันเกิดของฉันตลกมาก วันเกิดเป็นวันที่ฉันเกลียดที่สุด”

ยิ่วเชียนนึกถึงคำพูดของอันซี ที่เธอเคยพูดกับเขา
“ฉันจะพูดกับคุณอย่างจริงจัง มีเรื่องหนึ่งที่คุณห้ามถามฉัน เรื่องบ้านผีสิง วันเกิดอายุ 18 ฉันบาดเจ็บได้ยังไง ฉันอยากมีความรักมั้ย เพราะเรื่องทั้งหมดนี้สำหรับฉันแล้วมันเป็นปมด้อย ฉันไม่อยากพูดถึงมันอีก”
ยิ่วเชียนหันมามองอันซีอย่างเข้าใจ ก่อนบอก
“ฉันเกิดวันที่ 8 มกราคม เมื่อไหร่เธอคิดถึงวันเกิด ก็หมายถึงคิดถึงฉันแล้ว คุณปู่บอกว่า ฉันเกิดจากความรักของพ่อแม่ ความรักของฉัน ขอยกให้เธอทั้งหมด วันเกิดครั้งต่อไป เธอแค่คิดถึงฉันก็พอ มา แกะสลักชื่อกัน”
อันซีมองหน้าชายหนุ่มอย่างซาบซึ้ง
“นี่ คุณจะเลือกคำว่าอะไร”
“เธอทายสิ”
“ทำเป็นไม่บอกเดี๋ยวฉันก็รู้แล้ว”
ยิ่วเชียนแกล้งแอบมองว่าอันซีจะสลักอะไร อันซีหันมามองแล้วแกล้งชะโงกมาดูของเขาบ้าง ยิ่วเชียนทำเป็นดุ อันซียิ้มๆ ลองสวมแหวนให้ยิ่วเชียนเพื่อวัดขนาด
“แน่นนิดหน่อย” ยิ่วเชียนบอก
ยิ่วเชียนลองสวมให้อันซีบ้าง
“เธอรู้มั้ย แหวนอียิปต์โบราณจะใช้ในการปราบปีศาจ ดูสิว่าเธอจะกล้าออกมาอาละวาดอีกมั้ย”
“ใครเป็นปีศาจล่ะ ฉันว่าคุณนั่นแหละเป็นปีศาจมากกว่า”
ยิ่วเชียนอึ้งๆ เถียงไม่ออก ทั้งคู่ลงมือทำแหวนต่อไปอย่างตั้งใจ จากนั้นพนักงานก็นำแหวนที่ทั้งสองทำเสร็จมาให้ดู
“แหวนของพวกคุณสมบรูณ์แบบแล้วค่ะ ตอนนี้แลกเปลี่ยนกันได้แล้วค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ยินดีค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
พนักงานเดินออกไป ยิ่วเชียนบอกอันซี
“งั้นฉันสวมให้ก่อน ยื่นมือออกมาสิ”
อันซีแอบมองตัวอักษรที่สลักบนแหวนของยิ่วเชียน
“เอ๊ะ ข้างในเขียนว่าอะไรเหรอ”
“สตาร์ตของภาษาเยอรมัน แปลว่าการเริ่มต้นใหม่”
“เฮ่อ คุณดูของฉันสิ”
“เฮ่อ ดูเหมือนหัวใจเราจะตรงกัน”
ยิ่วเชียนสวมแหวนให้อันซี
“การปรากฏตัวของเธอ สำหรับฉันแล้ว คือการเริ่มต้นใหม่ ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบัน เพราะว่าเธอ ฉันถึงคิดเสมอว่า ตัวเองกำลังทำอะไร พยายามและคาดหวังว่า ตัวเองจะเป็นคนที่ดีกว่านี้ ถ้าวันหนึ่ง เธอพบว่าตัวจริงของฉัน ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอเห็น และอย่างที่เธอคาดหวัง หวังว่าเธอจะเห็นคำว่าเริ่มต้นในแหวนนี้ แล้วให้โอกาสฉัน ได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง” ยิ่วเชียนพูดอย่างจริงจัง
“ทำไมจะไม่เป็นอย่างที่ฉันคาดหวังล่ะ คุณดีเกินไปด้วยซ้ำ”
อันซีซึมๆ หันหลังไป ยิ่วเชียนเรียก
“อันซี เธอยังไม่ได้ให้แหวนฉัน”
“ความจริงฉันกังวลว่า ฉันคงไม่สามารถดีกับคุณได้ อย่างคุณดีกับฉัน เพราะว่าในใจของฉัน ยังมีเรื่องที่ปล่อยวางไม่ได้ ดังนั้น ถ้าสักวันหนึ่ง คุณพบว่า ฉันไม่สามารถเปิดใจให้คุณได้ ไม่สามารถเดินไปกับคุณได้อีก หวังว่าแหวนวงนี้ จะเตือนสติคุณว่า ไม่ต้องสนใจฉัน แล้วรีบเริ่มต้นชีวิตใหม่ของคุณซะ”
อันซีจะสวมแหวนให้ยิ่วเชียน แต่ชายหนุ่มดึงมือออก
“ฉันไม่ต้องการแหวนแบบนี้ เพิ่งเริ่มก็บอกลากันแล้ว แล้วจะเริ่มต้นได้ยังไง”
อันซีอึ้งๆ ลุกไปที่เคาน์เตอร์ ยิ่วเชียนมองไม่เข้าใจ สักพัก อันซีถือแหวนวงเดิมแต่คล้องไว้กับสายหนังมายื่นตรงหน้ายิ่วเชียน แล้วใส่คล้องคอให้เขา ใส่เสร็จจัดไว้ในปกเสื้อ
“ถ้าหากวันหนึ่ง คุณทนฉันไม่ไหวแล้ว คุณแค่เอาสายหนังออก แล้วสวมแหวน ฉันก็รู้แล้ว”
ยิ่วเชียนจะหยิบสร้อยออก
“นี่ๆๆ โธ่เอ๊ย ฉันแค่พูดไว้เผื่อๆ เท่านั้นเอง ใครอยากบอกลาโดยที่ยังไม่ทันเริ่มบ้างล่ะ”
“จริงนะ”
“จริงสิ”
ยิ่วเชียนพยักหน้าช้าๆ ยอมเชื่อ เขาหันไปมองคนข้างๆ ทำแหวน แล้วเหมือนฝุ่นจะเข้าตา ยิ่วเชียนก้มหน้าขยี้ตา อันซีหันมาเห็น
“นี่ คงไม่ใช่ฉันพูดตรงเกินไปจนคุณร้องไห้นะ โธ่เอ๊ยเอาน่าๆ ขอโทษๆ ฉันจะพยายามดีมั้ย เราจะไม่เลิกกัน ไม่เลิกกันแน่นอน”
“เธอพูดเองนะ”
“อืม ฉันพูดเองน่ะสิ ฉันสาบาน”
“พูดแล้วต้องทำได้นะ เอาล่ะ ในรถฉันมีแว่นอยู่”
ยิ่วเชียนลุกขึ้น อันซีเห็นหน้าเขา
“หืม คุณกำลังร้องไห้ไม่ใช่เหรอ”
“ฉันจะร้องไห้ทำไม ควรจะโกรธมากกว่า เจ็บตามาก ดูเหมือนฝุ่นจะเข้าตา”

ยิ่วเชียนเดินขยี้ตาออกไป

อ่านต่อหน้า 3

อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see You again ตอนที่15 (ต่อ)

ยิ่วเชียนเดินนำอันซีมาที่รถ

“รอฉันเดี๋ยวนะ”
“ค่ะ”
ยิ่วเชียนเปิดประตูรถ หยิบแว่นตามาสวม
“เรียบร้อย”
อันซีเห็นหน้าเขาก็แปลกใจ
“คุณ”
“อ้อ แว่นตา”
“คุณไม่ค่อยเหมาะกับการใส่แว่นนะ รู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้ ไม่ใช่ว่าไม่เหมาะหรอก แต่ความรู้สึกมันบอกไม่ถูก เหมือนฉันเคยเจอคุณที่ไหนมาก่อน เฮ่อ ช่างเถอะ ฉันไม่อยากนึกถึงผู้ชายใส่แว่นอีก ใส่แว่นจะบดบังสายตาของคุณนะ ฮิๆ”
อันซีเดินขึ้นรถไป ยิ่วเชียนปิดประตูรถให้ก่อนพึมพำ
“ดูเหมือนตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาบอกเธอ”
ยิ่วเชียนเดินไปขึ้นรถฝั่งคนขับ แล้วตัดสินใจถามอันซี
“ทำไมเยี่ยนเจ๋อถึงบอกว่าสิบปีก่อนพวกเธอน่าจะรู้จักกันแล้วล่ะ”
อันซียิ้มๆ “เฮ่อ อย่าบอกนะว่าคุณมัวแต่คิดเรื่องนี้”
“แล้วเธอว่าไงล่ะ”
“เฮ่อ ฉันเคยบอกคุณว่าของขวัญที่ส่งให้แม่ถูกตีกลับมาหมดใช่มั้ย คนที่ส่งกลับมาก็คือเยี่ยนเจ๋อ”
“เยี่ยนเจ๋อเหรอ” ยิ่วเชียนตกใจมาก
“ฮิๆๆ”
“งั้นที่เธอเข้าไปเอาจดหมายในห้องฉัน”
“ก็เพื่อยืนยันชื่อของเยี่ยนเจ๋อ ตอนนั้นพ่อของเยี่ยนเจ๋อเพิ่งเสีย เขาต้องจัดการงานศพของพ่อ เลยพบของขวัญของฉัน เพราะไม่มีที่เก็บ เขาเลยส่งกลับมาให้ฉัน”
“พ่อของเยี่ยนเจ๋อ เป็นหมอไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ พ่อเขาเป็นอาสาสมัครสมาคมการดูแลเด็กแห่งเอเชีย ตอนนั้นฉันคิดว่าแม่ฉันทำงานอยู่ที่นั่นฉันจึงส่งของขวัญไปทุกปี สุดท้ายมารู้ว่า เขาไม่ได้เป็นอาสาสมัครอะไรหรอก แม่แค่ไม่ต้องการฉันเท่านั้น”
ยิ่วเชียนมองอันซีอย่างเห็นใจ เขาเอื้อมมือไปจับมือหญิงสาวปลอบใจ อันซีน้ำตารื้น บีบมือชายหนุ่มแน่น ต้องการกำลังใจ

ยิ่วเชียนกับอันซีเดินจับมือกันกลับมาที่บ้านพัก เพื่อนๆ พันกันเดินออกมา จื้อหลิงเสียงดังดีใจ
“ว้าว จับมือแล้วๆ”
อันซีอายๆ จะดึงมือออก แต่ยิ่วเชียนไม่ยอม จับไว้แน่น
“นี่ วันนี้คืบหน้าไปถึงไหน” หยาเอินถาม
“หยุดถามได้แล้วขืนถามต่อไปอันซีจะมุดดินหนีแล้ว” เหม่ยเหวินกระเซ้า
อันซียิ้มอายๆ หลบข้างหลังยิ่วเชียนตลอดเวลา ระหว่างนั้นเยี่ยนเจ๋อเดินลงบันไดมา ถอนหายใจดัง
“เฮ้อ”
อันซีอึ้งๆ ที่เธอปฏิเสธเยี่ยนเจ๋อ จึงแอบหลบข้างหลังยิ่วเชียน ในขณะที่ยิ่วเชียนยิ้มนิดๆ เพราะรู้ว่าทั้งหมดคือแผน จื้อหลิงแกล้งเข้าไปปลอบเยี่ยนเจ๋อ
“โธ่เยี่ยนเจ๋อผู้น่าสงสารของเรามาๆ ไม่เป็นไรนะจื้อหลิงจะปลอบใจเอง”
เหม่ยเหวินหันมาพูดกับอันซี “อันซี ฉันรู้จักเธอมาตั้งนาน วันนี้ฉันเพิ่งรู้ว่า เธอสามารถทำให้ผู้ชายเสียใจได้ และยังเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากด้วย”
“พูดอะไรน่ะ”
หยาลู่กับหยาเอินยิ้มยินดีให้ ก่อนจะพากันเดินเข้าไปในบ้านตามพวกเหม่ยเหวินไป

อันซีแปลกใจรีบถามยิ่วเชียน
“พวกเขาจะทำอะไร”
“จะไปดูมั้ย”
“ไม่ดีกว่า”
“ไปกันเถอะ”
ยิ่วเชียนตัดบท อันซีอายๆ ไม่อยากไป ยิ่วเชียนจูงมือหญิงสาวเข้าไปในด้านห้องอาหาร ไฟปิดมืด สักครู่ ไฟเปิดสว่าง เหม่ยเหวิน จื้อหลิง และหยาเอินวิ่งออกมาพร้อมกัน
“หนึ่ง สอง สาม ยินดีด้วยๆ ฮิๆๆๆ”
เยี่ยนเจ๋อยิ้มๆ เข้ามา อันซีมองอึ้งๆ
“นี่เป็นของขวัญที่มอบให้เพื่อนที่ไม่ได้เจอกันสิบปี เผชิญกับหัวใจของตัวเอง ไม่งั้นจะสูญเสียคนที่รักไป เพราะเราต่างก็เข้าใจความรู้สึกของการสูญเสียดี”
อันซียิ้ม ซาบซึ้งในน้ำใจของเอี่ยนเจ๋อ แล้วหันไปค้อนๆ เพื่อนอย่างอายๆ
“โธ่ พวกเธอน่ะ”
“ขอกอดหน่อยถ่ายทอดเสน่ห์ของเธอมาให้ฉัน ฮิๆๆ” จื้อหลิงอ้าแขนรอ
“มาสิ”
อันซีเข้าไปกอดจื้อหลิง หยาเอิน เหม่ยเหวิน เข้าไปกอดกันกลมดีใจ อันซีหันมาพูดกับยิ่วเชียน
“เพราะคุณคนเดียวเลย คุณรู้แล้วไม่ยอมบอกฉัน”
“มีแต่คนอย่างเธอ ที่หลงกลถึงสองครั้ง”
“ฉันหลงกลสองครั้งตั้งแต่เมื่อไหร่”
เยี่ยนเจ๋อยิ้มๆ เมื่อคิดถึงแผนทั้งหมด ยิ่วเชียนหันมายิ้มกับเยี่ยนเจ๋อ อันซีโกรธ รู้แล้วว่าสองหนุ่มร่วมมือกัน
“ถ้าเมื่อตอนบ่ายเธอคิดบ้าง ก็จะรู้ว่าตอนเช้าทุกคนสมรู้ร่วมคิดกัน ตอนกลับมาจะได้ไม่ต้องตกใจ เฮ่อ ไม่มีรอยหยักในสมองเลย”
“นี่ จึ๊ ไอ้ ไอ้คนบ้ากาม”
ยิ่วเชียนยิ้มๆ จะจับมืออันซี อันซีแกล้งสะบัดออก แล้วก็ยิ้มๆ ยอมจับมือกับชายหนุ่ม จื้อหลิงยิ้ม แต่พอเห็นหยาลู่อกหัก มองอันซีซึมๆ ก็แกล้งเบี่ยงเบนอารมณ์ของหยาลู่ ทำเป็นจับแขนหยาลู่ร้องไห้
“ฮือๆๆ คุณเซี่ย ฮือๆ”
เหม่ยเหวินขัดคอ “เอ๊ะเดี๋ยวก่อน เธอเปลี่ยนมาชอบคุณหูแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ก็ฉันหลงรักคุณเซี่ยมาตั้งนานแล้วนี่ ตอนนี้กลายเป็นแฟนเก่าไปแล้ว ฮือๆ หยาลู่ ฮือๆๆ”
หยาลู่กอดไหล่จื้อหลิงปลอบ จื้อหลิงแกล้งเข้าไปซบหยาลู่ หยาลู่ทำหน้าไม่ถูก
“หยาลู่ อย่าให้เขาเสียนิสัย” เหม่ยเหวินปราม
“ฮือ”
“พอแล้วน่าหยุดได้แล้ว สายมากแล้ว ให้แขกกลับไปพักผ่อนที่ห้อง” เหม่ยเหวินตัดบท
เยี่ยนเจ๋อกับยิ่วเชียนมองหน้ากันแล้วคิดถึงสิ่งที่ทั้งสองเคยคุยกันไว้
“คิดไว้หรือยังว่าจะทำยังไงต่อไป” เยี่ยนเจ๋อถาม
“ไม่ต้องห่วง วันนี้ฉันวางแผนเรียบร้อยแล้ว เรื่องนี้นายไม่ต้องกังวล”
ยิ่วเชียนหยุดคิด แล้วหันมาเรียกอันซี
“อันซี”
“หืม”
“เธอจะขึ้นไปเลยมั้ย”
“อื้ม”
ยิ่วเชียนยิ้มๆ แล้วนึกถึงแผนที่เขาบอกกับเยี่ยนเจ๋อ
“ขั้นตอนแรก หลังจากออกเดทแล้วอย่าคิดว่าเสียเวลา ต้องไปส่งฝ่ายหญิงถึงหน้าประตู แล้วบอกลากู๊ดไนท์ เพื่อเตรียมความโรแมนติกของครั้งต่อไป”
ยิ่วเชียนคิดว่าเขาจะบอกอันซีว่า “คนทุกคน ต่างมีความคิดของตัวเอง แต่สำหรับฉันอยู่ในนี้ ฉันใช้สิ่งนี้ทำความเข้าใจ แต่ว่า การได้อยู่กับเธอสำคัญกว่าสิ่งอื่นใดทั้งหมด คนเรามีพบก็ย่อมมีจาก มีรักที่ไหน ย่อมมีทุกข์ที่นั่น ฉันหวังว่าเราจะผ่านไปด้วยกัน”
และอันซีจะยิ้มตอบว่า
“ยิ่วเชียน ฉันจะอยู่ในสายตาของคุณตลอดไปใช่มั้ย”

อ่านต่อหน้า 4

อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see You again ตอนที่15 (ต่อ)

ยิ่วเชียนยิ้มกระหยิ่มเมื่อนึกถึงแผนสร้างความโรแมนติกของตน เขาหันมาบอกอันซี

“อันซี ฉันไปส่งเธอนะ”
เหม่ยเหวินพูดสวนขึ้น “อันซีๆ เธอยังไม่นอนใช่มั้ย”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
“งั้นบอกมาว่าวันนี้พวกเธอไปไหนมาบ้าง”
“โธ่เอ๊ย”
“ฉันก็อยากรู้ๆ งั้นคืนนี้เรามาปาร์ตี้ชุดนอนไมได้นอนกันดีมั้ย” จื้อหลิงบอก
“เย่ๆๆ”
“เดี๋ยวก่อน ฉันก็เข้าร่วมด้วย”
“ไม่มีปัญหา”
“ไป ปาร์ตี้ชุดนอน เย่จือไห่ๆๆ”
ทุกคนพาอันซีออกไป ยิ่วเชียนอึ้งที่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่วางแผนไว้ หันมามองหน้าเยี่ยนเจ๋อ เยี่ยนเจ๋อยิ้มๆ คล้ายสมน้ำหน้า

ตอนเช้า ยิ่วเชียนนึกถึงขั้นตอนต่อไปที่เขาจะสร้างความประทับใจให้อันซีตามที่เขาเขียนบันทึกไว้
“ขั้นตอนที่สอง ทักทายยามเช้าอย่างอบอุ่น เริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่ดีด้วยกัน ทำอาหารเช้า ทำเองได้ก็ยิ่งดี”
ยิ่วเชียนตื่นมาเตรียมอาหารเช้า ทั้งปิ้งขนมปัง ชงกาแฟ ต้มซุป อันซีย่องเข้ามาข้างหลัง
“มอร์นิ่ง”
“มอร์นิ่งค่ะ”
อันซีเข้าไปกอดชายหนุ่มจากด้านหลังอย่างหวานชื่น
“มา ลองชิมดู”
ยิ่วเชียนป้อนมะเขือเทศให้ อันซียิ้ม
“อื้ม หวานจังเลย”
อันซีป้อนมทะเขือเทศให้ชายหนุ่มบ้าง ทั้งคู่ยิ่มให้กันอย่างมีความสุข ในขณะในความเป็นจริงยิ่วเชียนยืนมองหน้าอันซีแล้วจินตนาการไปเองทั้งหมด อันซียืนมองยิ่วเชียนยิ้มค้างอยู่คนเดียวก็แปลกใจ
“ยิ่วเชียน คุณทำอะไร”
“เอ่อ” ยิ่วเชียนเขินๆ ที่ตัวเองจินตนาการไปไกล
“ว้าว คุณเตรียมอาหารเช้าเสร็จแล้วเหรอ เก่งจังเลย นี่ พี่เหม่ยเหวิน อาหารเช้าเตรียมพร้อมแล้วรีบลงมาเร็ว เรียกจื้อหลิงหยาลู่หยาเอินลงมาด้วย”
ยิ่วเชียนอึ้ง เพราะอยากทานกับอันซีสองคน
“อันซี”
“คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเก่งอย่างนี้ มีข้าวโพดกรอบที่ฉันชอบกินด้วย อื้ม”
“อันซี”
“ว้าว น่ากินมากเลย”
เพื่อนๆ เดินเข้ามามองอย่างไม่เชื่อสายตา เหม่ยเหวินรีบบอก
“แต่เก่งกว่าฉันนิดหน่อย อะไรเนี่ยมีน้ำซุปด้วย คุณนี่น่าทึ่งมาก”
“ไปเรียกเยี่ยนเจ๋อมากินด้วยกันสิ” อันซีบอก
“เดี๋ยวฉันไปเรียกเอง” หยาเอินวิ่งไป
เหม่ยเหวินเข้ามาดูหม้อซุป
“พี่เหม่ยเหวิน” ยิ่วเชียนเรียก
“ใส่อะไรลงไปบ้างนะ”
เหม่ยเหวินมัวแต่สนใจหม้อซุป ระหว่างนั้นหยาลู่มาเห็นบันทึกขั้นตอนการสร้างความประทับใจให้อันซีของยิ่วเซียนในโทรศัพท์มือถือ
“นี่อะไร”
ยิ่วเชียนคว้าโทรศัพท์มา หน้าเครียด
“ถอยไป”
“เอ่อ”
หยาลู่หน้าเจื่อน ยิ่วเชียนหน้าเจื่อนเช่นกันเพราะรู้ว่าดุแรงเกินไป

ยิ่วเชียนอ่านขั้นตอนที่สาม เมื่อขั้นตอนที่สองล้มเหลว
“ไม่เป็นไร ความล้มเหลวเป็นบทเรียนของความสำเร็จ ยังมีขั้นตอนต่อไป รับส่งผู้หญิงไปทำงาน การพูดคุยอาจไม่มีความหมาย แต่สามารถเพิ่มความใกล้ชิดของสองคนได้”
ยิ่วเชียนนั่งรออันซีอยู่ในรถ พอเห็นเธอออกมาหน้าบ้านก็รีบไปเปิดประตูรถให้ อันซีหอมแก้มเขาเบาๆ แล้วก้าวขึ้นรถไป
ยิ่วเชียนนั่งขำๆ เขินๆ กับจินตนาการตามแผนของเขา
“ฮิๆๆ”
อันซีเดินออกมาหน้าบ้าน ยิ่วเชียนรีบเปิดประตูลงไปหา
“อันซี วันนี้เธอต้องไปทำงานไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ ทางผ่านไปโรงเรียนของหยาลู่ ไปก่อนนะบ๊ายบาย ไป”
อันซีวิ่งผ่านหน้ายิ่วเชียนไปซ้อนมอเตอร์ไซค์หยาลู่ทันที ยิ่วเชียนมองตามอึ้งๆ ไม่เป็นไปตามแผนอีกแล้ว
“เฮ้อ”
เยี่ยนเจ๋อเปิดประตูออกมา เห็นอันซีซ้อนท้ายไปกับหยาลู่ ก็ยิ้มปลงๆ ในความล้มเหลวของยิ่วเชียน
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น”
“งั้นรถของนาย ฉันขับออกไปเที่ยวนะ”
“ตามสบาย”
“ผู้หญิงคนนั้นโง่จริง หรือแกล้งโง่กันแน่นะ” เยี่ยนเจ๋อสงสารเพื่อน

ยิ่วเชียนนั่งพิมพ์โน้ตบุ๊คอยู่พลางคิด
“หนึ่งวัน 24 ชั่วโมง แล้วฉันได้กี่ชั่วโมงนะ”
อันซีส่งเสียงเข้ามา
“ฉันกลับมาแล้ว”
ยิ่วเชียนรีบปิดโน้ตบุ๊ค
“พวกพี่เหม่ยเหวินล่ะ”
“พี่เหม่ยเหวิน ตากผ้าอยู่ชั้นบนมั้ง”
“อ้อ อ้อจริงสิ”
อันซีหยิบลูกกีวี่ออกมาส่งให้ยิ่วเชียนดู ยิ้มๆ
“ฉันมีกีวี่ให้คุณด้วย”
ยิ่วเชียนรับลูกกีวี่มา ยิ้มดีใจที่อันซีนึกถึงเขา
“สายตาคุณไม่ค่อยดีอยู่หน้าคอมทั้งวัน กินกีวี่เยอะๆ จะช่วยเรื่องการมองเห็นได้ พี่เหม่ยเหวินจะทำสลัดผลไม้ฉันเลยไปซื้อกีวี่ซื้อ 5 ลูกแถม 1 ลูก ลูกที่ให้คุณนั่นแหละเป็นของแถม ฮิๆ”
ยิ่วเชียนหุบยิ้มทันที อันซีจะเดินไปหาเหม่ยเหวิน ยิ่วเชียนเรียกไว้
“เดี๋ยวนะ เธอไม่รู้สึกเหรอว่ามันแปลกๆ”
อันซีมองไปรอบๆ บ้าน “แปลกตรงไหนเหรอ”
“นั่งลง”
ยิ่วเชียนดึงอันซีให้นั่งลงข้างๆ เขา
“ปกติแล้ว เมื่อคนสองคนคบหากัน ไม่ว่าจะทำเรื่องอะไร ก็จะคิดถึงอีกฝ่าย”
“อื้ม”
“ยกตัวอย่างเช่น เวลาไปซื้อของ ก็จะคิดถึงว่าอีกฝ่ายชอบกินอะไร”
“คุณไม่กินกีวี่เหรอ ขอโทษนะ ฉันไม่รู้จริงๆ งั้นคุณเอากีวี่ให้ฉัน”
“ความหมายของฉันคือ คนรักก็คือคนรัก ต้องมีความรู้สึกสื่อถึงกันได้”
“ใช่”
“ดังนั้นจึงต้องหาเวลาว่างอยู่กับอีกฝ่าย เราต้องลองใช้ชีวิตด้วยกันสองคนตลอด 24 ชั่วโมง”
“24 ชั่วโมงเหรอ น่าเบื่อเกินไปแล้ว”
“น่าเบื่อเหรอ”
“ใช่ อยู่ด้วยกันสองคนทั้งวัน ฉันมองคุณ คุณมองฉัน ไม่น่าเบื่องั้นเหรอ”
“อันซี เราสองคนเพิ่งเริ่มคบกันนะ”
“แต่ไม่เห็นต้องอยู่ด้วยกันตลอดนี่”
ยิ่วเชียนทนไม่ไหวจับมืออันซีให้หันมาพูดกับเขาอย่างจริงจัง
“ต้องสิ ฉันไม่คิดว่าน่าเบื่อด้วย ฉันรู้สึกว่าน่ามอง ฉันมองเธอได้ทั้งวันเลยด้วย”
ยิ่วเชียนจ้องตาอันซีแล้วยื่นหน้าโน้มเข้าไปหาเธอ ราวกับจะจูบ จนอันต้องเอนตัวหนีตามการรุกของยิ่วเชียน เยี่ยนเจ๋อเดินเข้ามาพอดี กระแอมเสียงดัง
“รักกันใหม่ๆ โปรโมชั่นก็ร้อนแรงแบบนี้แหละ”
ยิ่วเชียนเซ็ง ไม่พอใจที่เยี่ยนเจ๋อเข้ามา ในขณะที่อันซีเขินๆ
“เปล่านะ ร้อนแรงอะไร เรากำลังพูดเรื่อง กีวี่กลายเป็นอุลตร้าแมนได้ยังไงต่างหาก นั่งสิๆ”
เยี่ยนเจ๋อเดินเข้ามานั่งยิ้มๆ
“คุยอะไรกันอยู่”
ยิ่วเชียนยิ้มๆ ตอบ “ไม่เกี่ยวกับนาย”
เยี่ยนเจ๋อยิ้มท้าทาย อันซีหน้าเสียรีบตัดบท
“อ่อ จริงสิ เว็บไซต์ของเราสร้างเสร็จแล้ว หยาลู่ให้ฉันดูรูปถ่ายที่คุณถ่าย สวยมากเลยล่ะ”
“จริงเหรอ”
“จริงค่ะไม่เชื่อฉันเปิดให้ดู นี่ยิ่วเชียน ยืมโน้ตบุ๊คหน่อยสิ”
“ไม่ให้”
ยิ่วเชียนปฏิเสธหน้าบึ้ง อันซีเจื่อน ก่อนบอกเยี่ยนเจ๋อ
“อ้อ ไม่เป็นไรค่ะ คุณมาห้องฉันฉันจะเปิดให้ดู”
“ไม่ได้นะ”

ยิ่วเชียนร้องห้ามจนเสียงหลง

อ่านต่อตอนที่ 16
กำลังโหลดความคิดเห็น