xs
xsm
sm
md
lg

นางแค้น ตอนที่ 15

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นางแค้นตอนที่15

ภาวัชฮึดขึ้นมาหันไปตวาดใส่ซินดี้

“เอาสิวะกูไม่ยอมแพ้มึงหรอกอีผีร้าย”
ภาวัชคลำมือข้างหนึ่งไปกับพื้นเบาะแล้วเจอเข็มขัดที่ตัวเองถอดไว้
ภาวัชฟาดไปที่ซินดี้แบบคนที่ไม่รู้จะสู้ยังไง
ซินดี้ปล่อยมือจากภาวัชร้องโอดโอยขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ!!!

นางยังฝังใจกับอดีต ที่พ่อเคยเอาเข็มขัดฟาดใส่ซินดี้

ภาวัชฟาดเข็มขัดอีกครั้ง
ซินดี้ร้องกรี๊ดลั่นแล้วหายวับไปกับตา
รถภาวัชหยุดกึกติดริมสะพานปลาพอดีเฉียดฉิวจะตกทะเล
ภาวัชกับทิพย์อึ้งตะลึงแล้วทิพย์ค่อยหันโผเข้าไปกอดกับภาวัชดีใจที่รอดตาย
“คุณวัช! เรารอดแล้ว”

ซินดี้เดินไปตามถนนคิดถึงความหลัง
“หนูไม่อยากเป็นผู้ชายหนูไม่อยากเป็นผู้ชาย”
พ่อโมโหถอดเข็มขัดออกมาฟาดใส่ซินดี้
“พูดไม่รู้เรื่องใช่มั้ย”
“โอ้ย”
พ่อฟาดไปด้วยพูดไปด้วย “จำไว้ห้ามพูดแบบนี้อีก”

แววตาซินดี้เจ็บชํ้าร้องไห้แล้วมีเลือดไหลออกมาจากดวงตา
ซินดี้นั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องเหลียวหน้าไปมองบุลินที่นอนหลับอยู่บนเตียง
“พ่อไม่รักฉัน”
ซินดี้ลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาใกล้มองบุลินที่หลับอยู่
“คุณก็ไม่รักฉัน .....ไม่มีใครรักฉัน”
ซินดี้ทรุดลงนั่งข้างๆมองหน้าใกล้
“คุณอยากรู้ไหมเวลาที่เราไม่เป็นที่รัก ...หัวใจมันเจ็บปวดทรมานแค่ไหนเตรียมตัวไว้ให้ดีนะบุลินฉันจะทำให้คุณเจ็บปวดเจียนตายเพราะความรักบ้าง”

ท้องฟ้ายามเช้า ใต้ต้นไม้ใหญ่ โอ๋งัวเงียตื่นขึ้นมาแล้วตกใจที่เห็นตัวเองมานอนอยู่ที่พื้นดิน
“เฮ้ยมานอนอยู่นี่ได้ไง”
ตั้งโอ๋นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนก่อนสลบ

ภาวัชต่อยท้องตั้งโอ๋จนสลบไป
ซินดี้พูดกับตั้งโอ๋
“แกโชคดีแค่ไหนแล้วถ้าฉันไม่สะกดจิตแกแกโดนไอ้ภาวัชข่มขืนไปแล้ว”

ตั้งโอ๋อึ้งพึมพำออกมาอย่างเอาเรื่อง
“ยังไงก็เลวอยู่ดี !!!....ฮึฉันจะไม่ยอมให้เรื่องมันจบแค่นี้แน่”

ต่อมา ตั้งโอ๋เปลี่ยนชุดใหม่สะพายกระเป๋าใส่ของเคาะประตูห้องแพรวาเรียก
“คุณแพรวาคะคุณแพรวา”
ประตูห้องแพรวาเปิดออก
ตั้งโอ๋เตรียมฟ้องเต็มที่ “คุณแพร”
แต่ตั้งโอ๋ต้องประหลาดใจเพราะคนที่อยู่ในห้องแพรวาคือทิพย์แต่ทิพย์ทำเป็นไม่รู้เรื่องตีเนียน
“อ้าวตั้งโอ๋มีธุระอะไรเหรอ”
“คุณแพรอยู่มั้ยพี่ทิพย์ตั้งโอ๋มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”
“ไม่อยู่หรอกจ้า”
“งั้นตั้งโอ๋ขอเข้าไปรอในห้องนะคะ”
ตั้งโอ๋ขยับเข้าไปแต่ทิพย์ขวางไว้พยายามพูดไม่ให้ตั้งโอ๋ฟ้องแพรวาได้เพราะทิพย์รู้ดีว่าเป็นเรื่องภาวัช
“วันนี้คุณแพรไม่เข้าแล้วล่ะกลับไปเถอะ”
“แล้วคุณแพรไปไหนพี่เดี๋ยวตั้งโอ๋ตามไปหาก็ได้”
“ตั้งโอ๋ฝากเรื่องไว้กับฉันก็ได้เดี๋ยวฉันบอกคุณแพรให้เอง”
“มันเป็นเรื่อง...เออเรื่องส่วนตัวน่ะถ้าคุณแพรวาไม่อยู่ก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวตั้งโอ๋ค่อยมาใหม่ก็ได้”
ตั้งโอ๋ทำท่าจะเดินออกทิพย์พูดขึ้น
“เรื่องส่วนตัวที่ว่า ...หวังว่าจะไม่ใช่เรื่องของเธอกับคุณภาวัชหรอกนะ”
ตั้งโอ๋ตกใจ
“พี่ทิพย์นี่พี่ทิพย์รู้เรื่องเหรอพี่ทิพย์รู้ได้ยังไง”
“ท่าทางเธอมันกินปูนร้อนท้องเองนี่ ...พวกผิดศีลข้อสามก็งี้แหละกลิ่นดอกงิ้วมันอบอวลตลบตัว”
“พี่ทิพย์ !! ตั้งโอ๋ไม่ได้มีอะไรกับคุณภาวัชนะเขาต่างหากที่หลอกตั้งโอ๋ไปรีสอร์ทริมทะเลแล้วเขาพยายามจะปลํ้าตั้งโอ๋แต่ตั้งโอ๋หนีออกมาได้”
“เธอก็เลยคิดจะมาฟ้องคุณแพรวางั้นสิ ....เธอนี่...โง่หรือเปล่า”
ทิพย์พูดแรงจนตั้งโอ๋ตกใจ
“พี่ทิพย์ทำไมต้องว่าตั้งโอ๋อย่างนี้ด้วย”
ทิพย์รู้ว่าหลุดเปลี่ยนพูดให้อ่อนลง
“ก็ฉันเป็นห่วงเธอไงตั้งโอ๋เธอลืมไปแล้วหรือไงว่ากฎห้ามผู้หญิงมาทำงานที่นี่มันเกิดขึ้นเพราะอะไร
ตั้งโอ๋คุณแพรวากลัวคุณภาวัชจะเจ้าชู้”
ทิพย์ยังไม่รู้ว่าแพรวาฆ่าซินดี้เลยโทษไปที่เวรกรรมแทน
“คิดว่าเป็นกะเทยแล้วจะรอดเหรอ...ถึงคุณแพรวาไม่ลงโทษแต่นรกก็ต้องลงโทษเธอเหมือนกัน”
ทิพย์นึกถึงภาพถ่ายที่ภาวัชกับซินดี้มีอะไรกันขึ้นมาแว่บหนึ่ง

ตั้งโอ๋เซ้าซี้ถามทิพย์มีพิรุธ แต่ไม่ยอมบอก
“เหมือนใครอ่ะบอกมาสิพี่ทิพย์”
ทิพย์เปลี่ยนเรื่อง
“เปล่าฉันแค่อยากจะเตือนเธออย่าเที่ยวเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาพูดให้คุณแพรวาฟังไม่งั้นเธอตกงานแน่”

ตั้งโอ๋อึ้งไปต่อไม่ถูก

วันเดียวกัน
บุลินจุดธูปไหว้ที่เก็บอัฐิของพ่อแม่ ตั้งดอกไม้ประดับสวยงามแม่ชียืนมองอยู่เยื้ยงไปข้างหลังด้วยความระลึกถึงไปด้วยเช่นกัน
“พ่อครับแม่ครับ ....วันนี้ครบ20 ปีแล้วนะครับที่พ่อกับแม่จากไปแต่ไม่ว่านานเท่าไรผมก็จำเหตุการณ์ในวันนั้นได้อย่างไม่มีวันลืม”
บุลินนึกถึงอดีตขึ้นมา

ในบ้าน พ่อถือเค้กวันเกิดมาให้บุลินที่นั่งอยู่กับแม่
โต๊ะประดับด้วยสายรุ้งลูกโป่งพอประมาณเทียน 5เล่ม
พ่อ,แม่ร้องเพลง happy birthday
พ่อเอาเค้กมาวางหน้าบุลินให้บุลินเป่าเค้กแต่บุลินไม่ยอมเป่า
“บุลินเป่าเทียนสิลูก”
บุลินนิ่งไม่ยอมเป่า
แม่บอก“บุลินอยากจัดงานวันเกิดไม่ใช่เหรอครับทำไมไม่เป่าเทียนล่ะครับเป็นอะไรไป”
บุลินชี้ไปที่เก้าอี้เปล่าๆที่ไม่มีคนนั่ง
“ไม่มีเพื่อนมาเลย บุลินอยากให้เพื่อนมาด้วย"
" พ่อกับแม่มาแล้วไงคับ"
"ไม่เอา บุลินอยากได้เพื่อนแบบกันดัมนะฮะแม่ แม่ไปรับกันดัมมาให้บุลินนะ แม่เป่าเทียนก่อนสิแล้วค่อยไปห้างกัน"
บุลินส่ายหน้า
"ไม่เอา บุลินจะไปเดี๋ยวนี้ ไปนะแม่ ไปรับกันดัมกันนะ ไปเร็วๆ แม่ไป"
บุลินงอแง เขย่าแขนแม่จะดึงให้ออกไปให้ได้
"บุลินไม่เอาลูก อย่าดื้อเดี๋ยวโดนตีนะ"
"อย่าตีลูกเลย วันเกิดเขา ตามใจสักวันเถอะคุณ"
พ่อบอกแม่อ่อนลงไป ...

ที่จอดรถแห่งหนึ่ง บุลินขี่คอพ่อถือตุ๊กตากันดัม เลี้ยวออกมาจากประตูห้างสรรพสินค้า
แม่เดินอยู่ข้างๆ ครอบครัวอบอุ่น ยิ้มแย้มหยอกล้อกันมีความสุข
บุลินสนกสนานแบบเด็กๆ "กันดัมมาแล้ว ... กันดัมมาแล้ว บุลินรักพ่อกับแม่มากที่สุดในโลกเลย"
พ่อกับแม่ยิ้มมีความสุข
ทั้งหมดเดินมาถึงรถที่จอดอยู่ พ่อวางบุลินลงให้แม่จับมือบุลินไว้ แล้วพ่อไขกุญแจรถ
ขณะนั้นเองผู้ร้าย1 ถือมีดเข้ามาจี้แม่
"เอาเงินมา!"
แม่ร้องตกใจ
พ่อรีบเข้าไปกระชากคนร้าย ต่อยคนร้ายที่หลบแล้วแทงท้องพ่อทันที 2 แผล จนพ่อเลือดท่วม
แม่กับบุลินตะลึง
"บุลินพ่อ"
แม่ปล่อยมือจากบุลินเข้าไปเอากระเป๋าทุบคนร้ายเป็นพัลวัน
"ไอ้ชั่ว"
บุลินเข้าไปที่พ่อ เขย่าพ่อ ร้องเรียกน่าสงสาร
" พ่อ พ่อครับพ่อ พ่อพูดกับบุลินสิครับ"
แม่พยายามสู้กับคนร้ายแล้วร้องเรียกให้คนช่วย
"ช่วยด้วยๆ ใครก็ได้ช่วยด้วย ...โอ้ย"
คนร้ายรำคาญต่อยแม่กระเด็นไปทางหนึ่ง
บุลินเห็นรีบทิ้งกันดัม วิ่งเข้าไปกัดคนร้ายช่วยแม่
"โอ้ยยยยยไอ้เด็กเปรต"
คนร้ายสะบัดแขนจนบุลินกระเด็นล้ม แล้วทำท่าจะเข้าไปแทงบุลิน
แม่ร้องลั่นรีบพุ่งเข้าไปบังตัวบุลิน
แม่โดนแทงกลางหลังสะดุ้งเฮือก
เลือดกระฉูดกระเซ็นลงไปที่กันดัมที่ตกอยู่กับพื้น
บุลิน หน้าแนบกับพื้นอยู่แล้วเห็นเลือดที่ตัวกันดัม บุลินอึ้ง
บุลินค่อยหันหน้ากลับมาเห็นแม่ที่ก้มลงมาหาตาค้างหมดลมหายใจมีเลือดไหลหยดลงมาที่ตัวบุลิน
บุลินตะลึงตาค้าง....ร้องไม่ออก
คนร้ายจะวิ่งเข้ามาแทงซํ้าอีกที
ตำรวจนายหนึ่งโผล่เข้ามาพร้อมปืนในมือ ยิงคนร้ายเปรี้ยงๆๆๆ จนคนร้ายล้มลงไปขาดใจตาย
บุลินมองคนร้ายตายด้วยความสาสมใจแล้วเหลือบมามองแม่อีกครั้ง
"แม่คับ โจรตายแล้ว"
แม่ยังเงียบ บุลินค่อยขยับตัวขึ้นมานั่งจับตัวแม่เขย่า
"แม่โจรตายแล้ว แม่ฟื้นสิครับแม่ แม่ครับ แม่ตื่นสิครับ อย่าทำแบบนี้ อย่าทิ้งผมไป .....แม่"
บุลินกอดศพแม่ร้องไห้ ศพพ่ออยู่ถัดออกไปเ ศร้าสะเทือนใจ เดียวดาย

บุลินสะเทือนใจมองรูปพ่อกับแม่ที่ติดไว้หน้าอัฐินิ่งงันปวดร้าว
"ผมผิดเอง ผมทำให้พ่อกับแม่ต้องตาย ผมจะไม่มีวันยกโทษให้ตัวเอง"
บุลินนํ้าตาไหลหยดลงมาหยดหนึ่ง
บุลินปักธูปที่กระถาง
คุณน้าแม่ชีมองดูอยู่ด้วยความเป็นห่วงยื่นมือเข้ามาแตะที่ไหล่บุลินเบาๆ
"ทุกอย่างบนโลกใบนี้มีเกิดก็ต้องมีดับ มีวันได้พบก็ต้องมีวันจากกัน เป็นธรรมดานะบุลิน"
"ครับผมทราบ...แต่ถ้าเลือกได้ ผมขอเป็นฝ่ายไปรอคุณพ่อคุณแม่ในปรภพเองจะดีกว่ามีชีวิตอยู่แบบนี้"
"พูดอะไรอย่างนั้น...น้าเคยบอกแล้วใช่มั้ย....ชีวิตเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด"
"ครับ คุณน้าบอกผมอยู่เสมอว่า จงใช้ชีวิตของเราให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองแล้วก็ผู้อื่นอย่างสุดความสามารถ เราจะได้ไม่เสียชาติเกิดมาเป็นมนุษย์"
"ดีมาก....ตั้งแต่เล็กจนโต บุลินไม่เคยทำให้น้าผิดหวังเลย แล้วน้าก็ภูมิใจมากด้วยที่บุลินเป็นตำรวจที่ดี ตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนซื่อสัตย์ต่อหน้าที่อย่างดีเยี่ยม"
"ผมต้องขอบคุณทั้งคุณน้าและงานตำรวจมากกว่าครับ"
"เรื่องอะไรจ๊ะ"
"ก็ถ้าไม่มีคุณน้าคอยสั่งสอน ให้รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่มีงานตำรวจให้ผมวุ่นวายอยู่ทั้งวันทั้งคืน ผมก็คงเสียสติไปแล้ว"

บุลินยกมือไหว้คุณน้าแม่ชีแล้วเดินออกไปเลย แม่ชีมองตามไปด้วยความเป็นห่วงอีกเช่นกัน

บุลินเดินเข้ามาที่รถ แม่ชีเดินตามหลังมา เรียกไว้

"เดี๋ยวก่อนบุลิน"
บุลินหันไปหา "ครับ"
"เรื่องซินดี้เป็นยังไงบ้าง"
บุลินอึ้งไปเล็กน้อย แล้วตอบขึ้น
"กําลังสืบอยู่ครับ คิดว่าถ้าวิญญาณซินดี้ไม่มารบกวน เราคงได้ตัวฆาตกรเร็วๆนี้"
"อืมม์ดีแล้ว... น้าก็จะภาวนาให้บุลินจับตัวคนร้ายได้เร็วๆเหมือนกัน"
บุลินไหว้
"ผมต้องขอขอบคุณคุณน้าอีกครั้งที่ช่วยจัดการวิญญาณซินดี้นะครับ"
"ไม่เป็นไรจ้า....น้าเต็มใจช่วยบุลินเสมอ....ขออย่างเดียว"
"อะไรครับ"
"เดินสายกลางอย่าทำงานจนไม่ได้พักผ่อน"
บุลินอึ้งไป แม่ชีพูดต่อ
"ถึงวันนี้จะเป็นวันที่พ่อกับแม่จากไป แต่มันก็เป็นวันเกิดของบุลินเหมือนกันนะลูก....พาเพื่อนฝูงหรือถ้ามีคนรู้ใจก็พาเขาไปทานข้าวพูดคุยอะไรที่มันดีๆ มีความสุขแบบปุถุชนคนอื่นบ้างเถอะ อย่าอับเฉาอยู่แต่คนเดียวนักเลยนะบุลิน"
แม่ชียิ้มให้อย่างมีเมตตาแล้วเดินกลับไป
บุลินอึ้งๆไม่รู้จะตัดสินใจยังไงดี

ที่รีสอร์ทเดิม กลางวันต่อเนื่องมา
โอ๋ยืนรอพนักงานอยู่ที่เคาน์เตอร์ พนักงานเดินเข้ามาหา ตั้งโอ๋รีบถามขึ้น
"เจอกระเป๋ากับสร้อยพระของฉันมั้ยคะ เมื่อคืนฉันลืมไว้ในรีสอร์ตนี่จริงๆนะคะ"
"คือผมหาทั่วโรงแรมแล้วนะครับ ไม่เห็นนะครับ"
"ในห้องที่นายภาวัชเช่าเมื่อคืนก็ไม่มีหรือคะ"
"ไม่มีจริงๆครับ ผมให้แม่บ้านค้นจนทั่วแล้วเหมือนกัน"
ตั้งโอ๋ยุ่งยากใจ
"เวรกรรมคือแบบเงินในกระเป๋าหายไม่เป็นไรนะคะแต่ตั้งโอ๋อยากได้สร้อยพระคืน มันสำคัญกับตั้งโอ๋มากๆเลย ช่วยหาให้อีกครั้งได้ไหมคะ"
พนักงานส่ายหน้า
"นี่ก็หาหลายรอบแล้วนะครับ ผมว่าคุณลองไปถามคุณภาวัชดูจะดีกว่า บางทีคุณภาวัชอาจจะเก็บไปก็ได้"
พนักงานตอบ

ตั้งโอ๋เดินออกมาเซ็งกลุ้มใจ
"โอ้ย ใครจะอยากไปเจอหน้าไอ้คนบ้ากามอย่างนั้นล่ะทำไงดีเนี่ย" ตั้งโอ๋นึกๆขึ้นมาได้ "เออมือถือยังอยู่นี่" เธฮล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบมือถือออกมากดข้อความแล้วส่งไป...

มือถือของภาวัชสั่นพร้อมมีข้อความsmsส่งเข้ามา ทว่า มือของผู้หญิงคนหนึ่ง ยื่นหยิบมือถือขึ้นไปกดดู
“ฉันต้องการกระเป๋ากับสร้อยพระฉันคืน ช่วยเอามาคืนให้ฉันด่วน แล้วเรื่องทั้งหมดฉันจะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น...ตั้งโอ๋”
มือนั้นกด delete ข้อความที่ตั้งโอ๋ส่งเข้ามา

ในห้องนั่งเล่น ต้อมหยิบรูปซินดี้รูปหนึ่งขึ้นมาจากกองที่วางบนโต๊ะพร้อมมีเอกสารต่างๆเกี่ยวกับซินดี้
ที่ต้อมค้นเอาไว้ ...ต้อมหยิบรูปขึ้นมาดูเพ่งพิจารณา
"ซินดี้ ...เธอมาจากไหน ...เธอคือใครกันแน่"
เข้มเดินเข้ามาจากอีกห้องหนึ่งเรียกขึ้น
"พี่ต้อม"
ต้อมทำเป็นสะดุ้งเอามือกุมหน้าอก ตาเหลือกหายใจไม่ออก แบบคนเป็นโรคหัวใจ
เข้มตกใจเข้ามาจับตัวต้อมเขย่าเป็นห่วง
"พี่ต้อมโรคหัวใจกําเริบอีกแล้วเหรอพี่ต้อมอย่าตายนะ" เข้มเขย่าแรง
"โอ้ย... ฉันจะตายเพราะแกเขย่านี่แหละ ไอ้เข้ม พอๆเลิกเล่นและ"
ต้อมนั่งเป็นปกติไม่ได้เป็นอะไร
"อ้าว...โกหกนี่หว่า"
"ล้อเล่น"
"เล่นแบบนี้ไม่ขำนะพี่ คราวหน้าเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ สองตาผมจะไม่แลพี่เลย"
"อย่าซีเครียด ทุกวันนี้ก็กลุ้มกันพอแล้ว" ต้อมชี้ไปที่กองรูป "ดูซิ...ป่านนี้แล้วยังตามหาญาติยายซินดี้ไม่ได้เลยสักคน ....มีใครบอกฉันได้ไหมว่ายายซินดี้อิสรภาพเนี่ยมีพ่อแม่พี่น้องอยู่ที่ไหน"
"นี่พี่ต้อมไอ้ชื่อนามสกุลประหลาดๆแบบนี้ พี่ว่าพ่อแม่ใครจะตั้งให้"
"เออที่แกพูดมีเหตุผล ...ยายซินดี้อาจจะเปลี่ยนชื่อนามสกุลใหม่หมด มิน่าล่ะ ไปเที่ยวหาที่ไหนก็ไม่มีใครรู้จัก" ต้อมหยิบรูปใบหนึ่งขึ้นมาดู "ทั้งหน้าทั้งตัว ก็คงโมมาหมด จมูก..คิ้ว..คาง..มันอาจจะไม่ใช่ออริจินัลดั้งเดิม แต่ไอ้ลูกตาคู่นะสิ ทำไมมันคุ้นอย่างนี้ก็ไม่รู้ แต่ก็นึกไม่ออกนะว่าเคยเห็นที่ไหน"
"เอาล่ะพี่อยากจะสืบเรื่องซินดี้ก็เชิญตามสบาย" เข้มแบมือขอ "แต่ขอกุญแจห้องเก็บของก่อนครับ"
"ไม่ได้อยู่ที่ฉัน ตั้งโอ๋มันเป็นคนเก็บไป"
"โอเค งั้นผมไปหยิบเอง"
เข้มเดินขึ้นไปชั้นบนบ้าน ต้อมมองตามไป บ่นขึ้น
"ดูถูกกันจริง เดี๋ยวเถอะ ถ้าฉันสืบเรื่องยายซินดี้ได้เมื่อไรโลกทั้งโลกต้องตะลึง!"

ในห้องนอนตั้งโอ๋
เข้มดึงลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งออก ค้นหากุญแจไปเรื่อย แล้วบังเอิญหยิบต่างหูตั้งโอ๋ขึ้นมาคู่หนึ่ง
พอดีในจังหวะที่กานดาเดินเข้าประตูมา
"กลับมาแล้วเหรอตั้งโอ๋"
กานดามองเห็นเข้มถือต่างหูในมือ อึ้ง
เข้มเงยหน้าขึ้นสบตากานดาพอดี
"อ่อ ....เข้ม ...อยากใส่ต่างหู"
เข้มเหวอ "ว่าไงนะ"
กานดาเดินกะเผลกเข้ามา ขายังพันแผลอยู่
"ไม่ต้องอาย ไม่ต้องอาย" กานดาฉวยต่างหูในมือเข้มไปดูแล้วมองที่หูเข้ม "แบบนี้ ...นายไม่ได้เจาะหูคงใส่ไม่ได้" แล้วหันไปหยิบต่างหูอีกคู่ที่เป็นแบบหนีบจากลิ้นชักขึ้นมา "นายต้องใส่แบบหนีบอย่างนี้"
กานดายื่นมือเอาต่างหูแบบหนีบไปใส่ให้เข้มทั้งสองข้างแล้วมองด้วยความชอบใจ
"น่ารักจังเลยเข้ม...ใส่ต่างหูแล้วหน้าหวานแหววแอ๊บแบ๊วมากเลยอ่ะ"
เข้มกึมๆเซ็งๆ "สนุกมากมั้ยหมวด"
กานดายังไม่รู้ตัว
"ที่สุดเลยอ่ะ....อิอิ นี่เข้ม...ฉันว่านะ...ชีวิตมันจะเริ่มต้นได้ก็ต่อเมื่อเราได้พูด ได้คิด ได้เป็นในสิ่งที่เราเป็นจริงๆนั่นแหละ ชีวิตมันถึงจะมีความหมายรู้ป่ะ"
เข้มอึ้งโดนใจ
กานดาพูดต่อ
"เอาล่ะนายสบายใจได้เลยนะฉันไม่บอกตั้งโอ๋หรอก ... เฮ้ย ...ไม่ได้ๆผิดๆ ฉันไม่ควรสนับสนุนให้นายแต่งหญิงจริงๆ ฉันควรจะสอนนายให้เป็นแมนมากกว่า ....ชีวิตคู่ของนายกับตั้งโอ๋จะได้ไม่มีปัญหา"
ในจังหวะสุดท้ายที่กานดาพล่ามยาว เข้มยกมือไปจับคางกานดาบีบปากด้วยมือข้างเดียวแบบให้หยุดพูด แล้วฟังเขา... กานดาอึ้งไม่เคยเห็นเข้มในโมเมนต์แบบนี้มาก่อน
เข้มจ้องตากานดาพูดลึกๆจริงจัง
"ชีวิตผมเริ่มต้นในวินาทีนี้!!! ...ผมไม่ได้เป็นแฟนกับตั้งโอ๋ ผมไม่ได้เป็นเกย์ .....ผมเป็นผู้ชาย...ที่ชอบคุณ"
เข้มโน้มหน้าลงไปจูบปากกานดา ทั้งๆที่มือยังบีบปากกานดาค้างอยู่อย่างนั้น
กานดาตะลึง นึกไม่ถึงนิ่งไปเลย
สักครู่ ... ตั้งโอ๋กับต้อมเดินเข้ามาแล้วตะลึงตกใจเห็นเข้มกับกานดาจูบกัน
ตั้งโอ๋นึกว่าเข้มอยู่คนเดียว
"ฮัลโหลเพื่อนกลับมาแล้ว... ว้าย..."
เข้มกานดาตกใจ ผละออกจากกัน
"ตะตั้งโอ๋ ... พี่ว่าเราออกไปก่อนเถอะ" ต้อมบอก
กานดาบอก "ไม่ต้องฉันไปเอง"
กานดาจะขยับออกไป เข้มจับแขนกานดา
"หมวด"
กานดาสะบัดแล้วต่อยหน้าเข้มโครมจนล้มลงไปกองกับพื้น
"คนโกหกหลอกลวง!"
กานดารีบวิ่งออกไปเลยอย่างลืมเจ็บเท้า
"นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย เข้ม"
"นั่นสิเกิดอะไรขึ้นพี่งงไปหมดแล้ว"
เข้มตั้งตัวได้ รีบวิ่งออกไปเลย ไม่สนใจใคร
"หมวดเดี๋ยวก่อน"
สองพี่น้องงงๆแต่ก็วิ่งตามออกไป
"เข้มกับหมวดจูบกันได้ไงอ่ะ"
"จูบกัน ไม่ได้ฆ่ากัน ไปตามไปเร็ว"

กานดาวิ่งเท้าเปล่ามาเปิดประตูรถตัวเอง ขึ้นไปนั่ง แล้วขับออกไปเลย
เข้มวิ่งตามมาแต่ไม่ทันแล้ว
"หมวดมาคุยกันก่อน หมวดอย่าเพิ่งไป"

แต่ไม่ทันเสียแล้ว ... รถกานดาแล่นออกไปอย่างเร็ว

ตั้งโอ๋กับต้อมวิ่งออกจากบ้านตามเข้ามาหา

"เข้ม" ต้อมเรียก
"หมวดไปแล้วเหรอ ....นี่มันยังไงน่ะเข้ม ไหนเล่าให้ฟังหน่อยสิ"
เข้มหันมาหน้าเหวี่ยง
"เพราะแกไง ....แกคนเดียวทุกอย่างถึงได้บิดเบี้ยวแบบนี้"
"อะไรเข้มแกมาโทษฉันได้ไง"
"ก็ใครล่ะที่เที่ยวโกหกชาวบ้านเขาว่าเป็นกะเทย แค่นั้นยังไม่พอยังลากฉันไปเป็น
เกย์คู่ขาด้วย"
"ฉันเข้าใจแล้ว ฉันทำให้แกเดือดร้อนมากใช่มั้ย"
"ใช่สิ แกมันเห็นแก่ตัว"
ตั้งโอ๋เจ็บน้อยใจ
"แกว่าไงนะ แกว่าฉันเห็นแก่ตัวเหรอ"
ตั้งโอ๋ขยับจะเข้าไปหาเข้ม ต้อมรีบดึงไว้
"ไม่เอาตั้งโอ๋ใจเย็นๆค่อยๆคุยกันนะ เพื่อนพี่น้องกันทั้งนั้น"
"แล้วมันเห็นตั้งโอ๋เป็นเพื่อนหรือเปล่า"
"แกลองไปถามใจแกดูก่อนมั้ย ใครกันแน่ที่ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของคนอื่นเลย"
เข้มดึงต่างหูที่หนีบหูอยู่ปาทิ้งต่อหน้าตั้งโอ๋แบบอารมณ์ฉุน แล้วหันจะเดินกลับเข้าบ้าน
ตั้งโอ๋พีคจัดตะโกนขึ้นลั่น
"ตกลงเข้มฉันจะไม่ทำให้แกลำบากใจอีกแล้ว ฉันจะไปประกาศให้ทุกคนที่โรงละครรู้ว่าฉันเป็นผู้หญิงแล้วลาออกจากเพลินพิมาน"
ตั้งโอ๋รีบวิ่งไปที่มอเตอร์ไซค์ แล้วขับออกไปเลย
"ตั้งโอ๋ !!! เดี๋ยวสิ แกคิดดีแล้วเหรอ" ต้อมบอก
เข้มมองอึ้ง แววตาอ่อนลง
ต้อมหอบเหนื่อยขึ้นท่าทางโรคหัวใจกําเริบขึ้นมาจริงๆ
"โอ้ย"
"พี่ต้อม"
เข้มรีบวิ่งเข้าไปดูแลต้อม
"ไม่ต้องห่วงพี่ ไปตามตั้งโอ๋"
"ช่างหัวมันเถอะครับ พี่ต้อมเข้าไปกินยาก่อนเถอะ"
เข้มจัดการพาต้อมเข้าบ้านไป

ท้องฟ้าเปลี่ยนสีกลายเป็นมืดมิด

โอ๋ขับรถนํ้าตาคลอ เข้าไปจอดหน้าโรงละคร ตั้งโอ๋เปิดประตูรถลงไป แล้ววิ่งเข้าไปในโรงละคร

ตั้งโอ๋เปิดประตูเข้าไปในโรงละครเห็นคนดูอยู่เต็มไปหมด เป็นบรรยากาศก่อนโชว์จะเริ่มเล็กน้อย

ตั้งโอ๋พุ่งเดินลงบันไดไปทางหน้าเวทีร้องประกาศลั่น
"หยุดเงียบให้หมดฟังฉันนะ"
คนดูเงียบกริบมองตั้งโอ๋เป็นตาเดียว
"ฉันรู้ว่าฉันผิด...ฉันเสียใจ ฉันไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อนอีกแล้ว ฉันขอประกาศให้ทุกคนรับทราบทั่วกันว่า ฉันโกหกทุกคนมาตลอด จริงๆแล้วฉันไม่ใช่กะเทยฉันเป็นผู้หญิง"
ไฟในโรงละครดับพรึ่บลงมืดมิด
ไฟฟอลโลว์เฟดขึ้นมาอีกครั้งที่ทางเดิน ซินดี้ชุดแดงยืนตระหง่านอยู่ทั้งสง่าทั้งน่ากลัว
คนดูทั้งหมดหายไปเหลือแต่โรงละครเปล่าๆ
ตั้งโอ๋มองตะลึง
"พี่ซินดี้"
"หึ หึ ไม่อยากเป็นกะเทยแล้วเหรอ"
ตั้งโอ๋หวาดกลัว ขยับจะวิ่งหนี
ซินดี้ยกมือชี้ออกไป
ตั้งโอ๋ขยับขาไม่ได้ ขาแข็งวิ่งไม่ออก
"โอ้ย... ช่วยด้วย"
ซินดี้หัวเราะ "ฮ่า ฮ่า ฮ่าใครจะมาช่วยแก"
"พี่ซินดี้ปล่อยฉันนะ"
ซินดี้หายตัววับแล้วไปปรากฏตัวใหม่อีกครั้งข้างหน้าตั้งโอ๋
"อ๊าย"
"แกนึกอยากจะเป็นกะเทยก็เป็น นึกจะเลิกก็เลิกงั้นเหรอ"
"ฉันจะเป็นอะไรมันก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับพี่"
ซินดี้ตวัดมือในอากาศ ตั้งโอ๋เหมือนโดนตบหน้าหันไปทันที
"ปากดีนัก" ซินดี้จ้องที่มือตั้งโอ๋ข้างที่ใส่แหวนผีเสื้อ มือตั้งโอ๋อยู่ๆก็ยกขึ้นได้เอง
เหมือนมีคนดึงมือขึ้นไป "เห็นแหวนผีเสื้อนี่มั้ย ....มันแปลว่าแกต้องเป็นทาส
ของฉันไปจนกว่าแกจะตายจากโลกนี้ไป"
ตั้งโอ๋ตะโกน
"มันมากเกินไปแล้ว เลิกยุ่งกับฉันเสียทีเถอะ"
"แกไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรทั้งนั้น ชีวิตแกเป็นของฉัน"
ซินดี้พุ่งเข้าไปหา สิงร่างทันที
ตั้งโอ๋หลับตาลงสะดุ้งเฮือก แล้วพอลืมตาขึ้น แววตาเปลี่ยน ยิ้มจิกมุมปากเหมือนซินดี้
"นังตั้งโอ๋ถึงเวลาที่แกจะต้องใช้หนี้ให้กับการแอบอ้างเป็นกะเทยผมยาวแล้ว"
ซินดี้ในร่างตั้งโอ๋บอก
ตั้งโอ๋ยิ้มเชิดแล้วเดินไป

บุลินนอนกับโซฟาเปิดดูอัลบั้มรูปสมัยเด็กกับพ่อกับแม่ที่ถ่ายด้วยกันตอนเด็ก แล้วก็มีหน้าที่เป็นการ์ดที่พ่อ-แม่เขียนอวยพรวันเกิดให้บุลินระบุวันที่ 09/09/2535 เขาพลิกไปทีละหน้าที ละหน้า นิ่งๆ กึมๆ เศร้าๆ. .จนดูไปถึงรูปที่ตัวเองแต่งชุดดำถือรูปพ่อกับแม่ในงานศพ บุลินใจหาย...ปิดอัลบั้ม..ลงวางบนโต๊ะ....ลุกเดินออกไป
บุลินเดินไปหยิบเบียร์
"ถึงวันนี้จะเป็นวันที่พ่อกับแม่จากไป แต่มันก็เป็นวันเกิดของบุลินเหมือนกันนะลูก....พาเพื่อนฝูงหรือถ้ามีคนรู้ใจก็พาเขาไปทานข้าวพูดคุยอะไรที่มันดีๆ มีความสุขแบบปุถุชนคนอื่นบ้างเถอะ อย่าอับเฉาอยู่แต่คนเดียวนักเลยนะบุลิน"
มุมตู้เย็น บุลินเปิดตู้เย็นแล้วหยิบเบียร์กระป๋องออกมาแพคหนึ่ง แล้วอีกมือคว้าถุงใส่กระดาษเงินกระดาษทองที่วางบนหลังตู้เย็น เขาหิ้วเดินออกไปทางระเบียง
เสียงเพลงเศร้าดังคลอขึ้นมา

เพลงเศร้าดังคลอต่อเนื่องในคืนที่ไม่มีพระจันทร์
บุลินเดินหิ้วแพคเบียร์มาที่ริมระเบียง วางแพคเบียร์ลงที่ขอบระเบียง แล้วหยิบกระดาษทองออกมาจากถุง จุดไฟแช็ค เผากระดาษโยนลงไปบนถาดกระเบื้องอันแล้วอันเล่า
บุลินนึกคิดถึงอะไรบางอย่าง คำพูดของซินดี้

"คุณเฝ้าโทษตัวเองว่าเป็นเพราะคุณ ถ้าพ่อแม่ไม่ออกไปซื้อของขวัญมาให้คุณ พ่อแม่คงไม่ตาย คุณรู้สึกว่าคุณเป็นตัวซวย ไม่มีค่า คุณไม่เก่ง คุณไม่ดี สมควรแล้วที่จะถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว คุณลงโทษตัวเองมา โดยตลอดเวลา มีใครเข้ามาคุณก็จะพูดกับตัวเองเสมอว่าเดี๋ยวเขาก็ไป เดี๋ยวเขาก็ทิ้ง ไม่มีใครอยากอยู่กับคุณหรอก คุณสร้างเกราะขึ้นมากันตัวเองไม่ให้รักใคร ...คุณทำตัวเหมือนปกติ ทุกอย่างแต่แท้ที่จริงแล้ว หัวใจของคุณได้ตายไปแล้ว"

บุลินนั่งห้อยขากับขอบระเบียงยกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มอักๆจนหมดกระป๋อง ...แล้วหยิบกระป๋องใหม่ขึ้นมาเปิดดื่มอักๆยังกับกินนํ้าเปล่าจนเห็นกระป๋องเบียร์เปล่าวางเกลื่อนหลายกระป๋อง
เปลวไฟที่ไหม้กระดาษในถาด บุลินยังกึ่มดื่มอยู่คนเดียว

เสียงซินดี้ดังเข้ามาอีก

"เหมือนอย่างที่คุณโกรธโจรชั่วพวกนั้นที่ฆ่าพ่อแม่คุณคุณก็เลยมาสมัครเป็นตำรวจเพราะมันเป็นอาชีพเดียวที่จะสามารถฆ่าโจรได้อย่างถูกกฏหมาย!"

"ไม่...มันไม่จริง"
"เลิกหลอกตัวเองได้แล้วบุลิน คุณกับฉันมีอะไรที่เหมือนกันมาก เราต่างเป็นเศษคนที่ถูกโลกใบนี้โยนทิ้ง เป็นคนเหงาที่ต้องการความรักมาเติมเต็มเหมือนกัน"

บุลินนิ่งงัน ค่อยๆลดกระป๋องเบียร์ลง เหม่อมองไปข้างหน้า ...อินกับคำพูดซินดี้พูด เหงาโดดเดี่ยว....บุลินตัดใจจะยกเบียร์ขึ้นดื่มใหม่ แต่เบียร์หมดกระป๋องแล้ว บุลินเลยโยนกระป๋องข้ามศีรษะตัวเองไปเกือบโดนกับตั้งโอ๋ที่เดินเข้ามาพอดี เธอสะพายกระเป๋าใส่ของเข้ามาด้วย บุคลิกนิ่งขึ้น เชิดๆกวนๆแบบซินดี้
"ว้ายย"
บุลินได้ยินหันไปดูเห็นตั้งโอ๋แปลกใจ
"นี่เธอเข้ามาได้ยังไง"
"หมวดไม่ได้ล็อกประตูไว้นะสิ"
"มีธุระอะไร"

ตั้งโอ๋ล้วงกระเป๋าหยิบเสื้อแจ็กเก็ตของบุลินออกมาโยนโครมลงบนม้านั่งเล่นแถวนั้น
"ฉันเอาเสื้อมาคืนให้หมวดน่ะ"
"มดธุระแล้วก็กลับไปได้"
"ก็ยังไม่หมดนะสิ" ตั้งโอ๋ขยับเข้ามาหา "วันนี้วันเกิดหมวดใช่มั้ย"
"เธอ....รู้ได้ยังไง"
"ก็...มีญาณทิพย์ล่ะมั้ง"
บุลินไม่ขำด้วยเพ่งมองหน้า ตั้งโอ๋เลยแก้ตัว
"ฉันหมายถึงเดาเอาน่ะ ...ฉันเห็นอัลบั้มครอบครัวแล้วก็การ์ดวันเกิดบนโต๊ะข้างใน"
"แล้วไง"
"ก็แล้วไง ทำไมเจ้าของวันเกิดถึงได้กลายเป็นไอ้ขี้เมาแบบนี้ล่ะ"
บุลินไม่ตอบหันไปจะหยิบกระป๋องเบียร์มาดื่ม
ตั้งโอ๋รีบชิงเข้าไปดึงแพคเบียร์ทั้งหมดขึ้นมาถือไว้ได้ก่อน
"นี่เธอจะทำอะไร"
"เอ...ทำอะไรดีน้า....เอาไปเทซะดีมั้ย"
ประโยคสุดท้ายที่ตั้งโอ๋พูด บริเวณที่กระถางบัวที่วางไว้แถวนั้นสะท้อนเป็นเงาซินดี้พูดขึ้นมา
ตั้งโอ๋รีบวิ่งเข้าไปในบ้าน บุลินตามไปอย่างเมาๆ หัวเสีย
"เฮ้ย... อย่ามาเล่นบ้าๆหยุดเดี๋ยวนี้"

บุลินเปิดประตูเซๆนิดเดียวเข้ามาในบ้านแล้วอึ้งเห็นว่าไฟในบ้านดับมืดไปหมด
"ตั้งโอ๋"
ทุกอย่างเงียบจนวังเวง บุลินเดินเข้ามาคลำหาสวิตช์ไฟ กําลังจะกดเปิด



มุมหนึ่งไฟสว่างขึ้น เห็นหน้าซินดี้ ยืนจ้องบุลินถมึงทึง
บุลินหันไปตามแสงไฟแล้วกลับเห็นเป็นตั้งโอ๋ยืนอยู่แทน
ซินดี้ในมือถือจานขนมเปี๊ยะปักเทียน1เล่ม
ตั้งโอ๋ร้องเพลง happy birthday เข้ามาหาบุลิน หยุดยืนอยู่ตรงหน้า
บุลินอึ้งๆ รู้สึกตุ่ยๆ ไม่ค่อยพอใจ ไม่ได้อยากเป่าเทียนกินเค้กอะไรทั้งนั้น
"สุขสันต์วันเกิดนะคะหมวด"
บุลินยังอึ้ง ตั้งโอ๋ออกตัว เรื่องขนมเปี๊ยะ
"พอดีในกระเป๋าฉันมีขนมเปี๊ยะอยู่อันนึง คงพอแทนขนมเค้กได้นะหมวดหมวดอธิษฐานก่อนสิแล้วค่อยเป่าเทียน"
บุลินทนไม่ไหวปัดจานขนมหล่นกระจายเทียนดับ...
"บุลินใครบอกว่าฉันอยากกินเค้กใครบอกว่าฉันอยากเป่าเทียน"
"หมวดบุลิน!"
"ฉันไม่ต้องการวันเกิดได้ยินมั้ย ฉันเกลียดมัน"

บุลินหันเดินหนีไปทางห้องครัว ตั้งโอ๋มองตามไปในความมืด ตาเป็นประกายวาวสะพรึงขึ้นมา

บุลินหยิบกระป๋องเบียร์จากตู้เย็นออกมาเปิดแล้วดื่มอักๆๆ

ซินดี้เดินผ่านหลังเข้ามาหยุดยืนที่มุมหนึ่งในห้องแล้วพูดขึ้นในร่างตั้งโอ๋
"นอกจากการ์ดวันเกิดแล้ว ฉันยังเห็นรูปถ่ายงานศพพ่อแม่หมวดด้วย พ่อกับแม่ของหมวดตายในวันเกิดหมวดใช่มั้ย"
บุลินชะงักอึ้งเจ็บปวด
"ไอ้การลงโทษตัวเองแบบนี้มันช่วยทำให้พ่อแม่ของหมวดฟื้นขึ้นมาได้หรือเปล่า"
บุลินทำเป็นไม่สน กระดกเบียร์ดื่มต่อ
"ในทางกลับกัน ถ้าหมวดเป็นพ่อแม่แล้วเห็นลูกตัวเองใช้ชีวิตแบบป่วยๆ โดดเดี่ยวแบบนี้ หมวดคิดว่าพ่อแม่ของหมวดจะมีความสุขมั้ย"
บุลินลดกระป๋องเบียร์ลงแล้วพยายามระงับอารมณ์ไล่ตั้งโอ๋ออกไป
"หุบปากแล้วออกไปจากบ้านฉันซะ"
"ฉันจะอยู่ที่นี่ ฉันชอบหมวด"
บุลินอึ้งหลับตาลงแว่บเหมือนเพลียใจ แล้วบุลินหันก้าวออกมา ก้าว ...จะเดินหนี
ตัวตั้งโอ๋ขยับไปขวางหน้าประตู
"เรามาคบกันเถอะ"
บุลินไม่ตอบ
"พูดอะไรบ้าๆใช่มั้ย หึ หึ ก็เหมาะกันดีออก ฉันบ้า หมวดป่วย ถ้าคนบ้ากับคนป่วยมาอยู่ด้วยกัน บางทีความสุขที่หายไปอาจจะกลับคืนมา"
"ฉันจะให้โอกาสเธอครั้งสุดท้าย ถ้าฉันนับ 1 ถึง 3 แล้วยังไม่ยอมออกไปดีๆ ฉันจะจับเธอโยนออกไป"
"ฉันอยากให้หมวดมั่นใจ"
บุลินนับ "หนึ่ง"
"ถึงวันข้างหน้าฉันจะต้องเสียใจ"
"สอง"
"ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลาย...ฉันจะไม่มีวันทิ้งหมวดไปไหน"
"สาม"
"ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนตายอยู่กับหมวดเป็นคนสุดท้าย"
บุลินทิ้งกระป๋องเบียร์ในมือลงพื้นแรงเหมือนอย่างฉุนแล้วพุ่งเข้าไปหาตั้งโอ๋เหมือนจะจัดการขั้นเด็ดขาด
แต่แล้วบุลินกลับดึงตั้งโอ๋เข้ามาจูบปาก...จังหวะแรกปากแตะปากเฉยๆแล้วตั้งโอ๋ดึงหน้าออกมามองใหม่เหมือนไม่ทันตั้งตัว แล้วจังหวะสองตั้งโอ๋เขย่งตัวเข้าไปจูบบุลินเองแล้วนัวเนียร้อนแรงขึ้น..
บุลินกอดตั้งโอ๋พาออกไปทางหนึ่ง

ในห้องนอน โอ๋ล้มลงนอนกับเตียง บุลินตามติดลงมาจูบกันเบาๆแตะๆแล้วบุลินดึงตั้งโอ๋ขึ้นมานั่ง
ดึงเสื้อตัวนอกออกเหลือแต่เสื้อเกาะอกข้างใน
บุลินถอดเสื้อแล้วเข้ามาจูบกับตั้งโอ๋ใหม่ บุลินหลับตาลง
ตั้งโอ๋กลายเป็นซินดี้ ช้อนตาขึ้นมองบุลิน จูบกับบุลิน
ซินดี้ดึงบุลินลงไปกอดจูบกับเตียง บุลินซุกไซ้ซอกคอ แล้วซินดี้โอบกอดบุลินยิ้มยั่วเย้ามีความสุข

ในห้องทิพย์ ที่อพาร์ทเม้นท์ ตอนกลางคืน
ทิพย์กําลังทาแป้ง หวีผม ชุดสวยกำลังจะไปข้างนอก แล้วไลน์ภาวัชเด้งขึ้นมา
ทิพย์อ่านข้อความในไลน์ที่ภาวัชส่งมา
"นังตั้งโอ๋มันกล้าไปฟ้องคุณแพรวาเลยเหรอ"
ทิพย์กําลังพิมพ์ตอบ

ในห้องนํ้า บ้านแพรวา ภาวัชอ่านไลน์ที่ทิพย์ส่งมาให้
"ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ทิพย์ขู่มันไปแล้ว มันคงไม่กล้าโวยวายแล้วล่ะค่ะ"
ภาวัชเขียนตอบกลับไป
"ขอบใจนะจ๊ะเมียจ๋า...จุ๊บๆ"
ทิพย์พิมพ์ตอบภาวัช
" ไม่ต้องมาปากหวานเลยค่ะ..เรื่องคนเป็นๆทิพย์ไม่กลัว หรอก แต่ไอ้ที่เป็นวิญญาณเร่ร่อนเที่ยวมาหลอกหลอนเรานี่สิคะ จะทำยังไงดี"
"ใจเย็นนะจ๊ะที่รัก...ผมตามหาคนมีวิชามาเล่นงานมันแล้ว ผมไม่ปล่อยมันไว้แน่"
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เสียงแพรวาดังเข้ามา
"คุณภาวัชๆคุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ หายเข้าห้องนํ้าเป็นชั่วโมงๆแล้วนะคะ"
"เปล่าครับ กําลังจะออกไปแล้วครับ"
ภาวัชหันไปกดชักโครกให้มีเสียงแล้วรีบเปิดประตูห้องนํ้าออกไป

ภาวัชออกมาเจอกับแพรวาที่มองเป็นห่วงอยู่
"ขอโทษทีครับผมท้องผูกน่ะ"
"โธ่แล้วก็ไม่บอกแพร เพิ่งได้ยาจีนมา เดี๋ยวแพรจะชงให้ทานนะคะ"
ภาวัชดึงแขนแพรวาไว้
"ผมหายแล้วล่ะครับ ขอบคุณคุณแพรมากๆเลยนะครับที่เป็นห่วงผม"
"ไม่ห่วงคุณแล้วจะให้แพรไปห่วงใครล่ะคะ ...คุณสามีที่รัก"
แพรวาตบแก้มภาวัชเบาๆหยอกๆรักมากมาย
เสียงข้อความเข้ามาที่เครื่องภาวัช ภาวัชยกมือถือขึ้นดูแล้วทำเป็นมีเรื่องงานเร่งด่วนเข้ามา
"ฮึ ...ปิดจ็อบไปแล้วนี่ยังจะแมสเสจมาอีกทำไม ขอโทษนะครับคุณแพร เดี๋ยวผมขอคุยกับลูกค้าก่อน"

ภาวัชรีบเดินออกไป

ภาวัชเดินเข้ามาที่ระเบียงแล้วกดอ่านข้อความ

"สวัสดีค่ะคุณภาวัช ... ตอนนี้ตั้งโอ๋คิดได้แล้วว่าไม่น่าเล่นตัวกับคุณเลย ตั้งโอ๋มีความจำเป็นมากๆที่ต้องใช้เงินสัก 50,000 ถ้าคุณภาวัชจะกรุณาช่วยมาตามโลเกชั่นที่ตั้งโอ๋ส่งให้เดี๋ยวนี้เลยนะคะ ไม่อย่างนั้นความลับของเราคงต้องรั่วไปถึงหูคุณแพรวาแน่เลย"
ภาวัชอ่านจบแล้วหน้าซีดเผือด
"นังตั้งโอ๋นึกแล้วไม่มีผิดมันต้องหาทางแบล็กเมล์"
แพรวาตามเข้ามาหาอีก
"คุณวัชเป็นไงคะ เคลียร์ได้มั้ย"
"คุณแพรลูกค้าเขาโทรมาขอความช่วยเหลือน่ะ พอดีลูกชายเขาเข้าโรงพยาบาล ต้องการเลือดกรุ๊ปโอเนกาทีฟด่วนเลย ผมขออนุญาตนะ อาจจะได้กลับเช้าพรุ่งนี้"
"ค่ะไม่เป็นไรค่ะ รีบไปเถอะ ช่วยชีวิตคนได้กุศลแรงนะคะ"
ภาวัชรีบวิ่งออกไป แพรวามองตามชื่นชม

ฝ่ายทิพย์หยิบมือถือตัวเองขึ้นมาดูรูปภาวัชที่เมมเอาไว้
"อะไรๆก็เทิดทูนแต่คุณแพรวา ...คอยดูเถอะอีกไม่นาน คุณต้องได้เห็นค่าฉันแน่"
ทิพย์ฉวยกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องไป

มดแดงกําลังไลฟ์ผ่านทางมือถืออยู่แถวหน้าอพาร์ทเม้นท์
"สวัสดีค่ะ เอฟซีของเจ๊มดแดง เพลินพิมานทุกคนนะคะ วันนี้เราจะมาไลฟ์สดๆกันหน้าอพาร์ทเม้นท์ของเจ๊เองนะคะ ที่ตอนนี้ใครๆเค้าก็ลือกันว่าเฮี้ยนอวดผัว เอ๊ยเฮี้ยนอวดผีกันสุดๆ"
มดแดงหยิบขวดแชมพูครีมนวดออกมา1ขวด
"นี่คะ เจ๊เลยออกผลิตภัณฑ์ใหม่แชมพูครีมนวดผสมนํ้ามนต์ 9 วัดสำหรับเอฟซีทุกท่านค่ะ"
ทิพย์เดินผ่านมา เป็นจังหวะที่มดแดงหันไปพอดี ทิพย์เกือบชนมดแดง เลยถ่ายคลิปติดทิพย์ไว้ด้วยโดยไม่ได้ตั้งใจ
"อ๊าย ...อีเห็ดสด"
"หยาบคายพูดมาได้ยังไง"
"นี่อย่าด่าออกสื่อสิ เห็นมั้ยฉันกําลังไลฟ์กับเอฟซีฉันอยู่นะ"
"เชิญเถอะค่ะ สินค้าฟุ้งเฟ้อ บำรุงกามตัณหาแบบนี้ ทิพย์ไม่ยุ่งหรอก"
-ทิพย์เดินออกไปเลยแมดแดงมองตามเบ้ปาก
"ต้าย... แล้วแม่คุณมหาจำเริญขนาดเข้าวัดแล้วนะเนี่ย ปากหล่อนนี่ยังกับที่ขังหมาจรจัดสักสิบตัวเลยนะยะ"

ณ ลานรกร้างแห่งหนึ่ง มืดเปลี่ยวมา ตอนกลางคืนต่อเนื่อง
ภาวัชเดินเข้ามาในลานที่รกร้างแล้วมองหาตั้งโอ๋
ภาวัชหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์
"เธออยู่ที่ไหน"
มีแมสเสจจากตั้งโอ๋ ส่งตอบมาหาภาวัช
" ตรงมาตามทาง 9 นาฬิกาแล้วจะเห็นเอง"
ภาวัชเดินไปตามหนทาง มองไปรอบๆแล้วมีเสียงแมสเสจดังขึ้น
ภาวัชกดมาอ่านเป็นข้อความ
" ฉันอยู่ที่ 9 นาฬิกา"
ภาวัชมองออกไปเห็นเหมือนผู้หญิงคนหนึ่งใส่หมวกนั่งหันหลังให้ภาวัช อยู่ที่ม้านั่งเบาะรถเก่าๆ
ภาวัชมองแล้วคิดแผนชั่วแล้วมองไปเห็นเชือกเส้นหนึ่งตกพื้นอยู่
ภาวัชหยิบเชือกขึ้นมาแล้วย่องเข้าไปที่หญิงนั้นทำการรัดคอหญิงนั้นทันที
"นังตั้งโอ๋นึกหรือว่าฉันจะยอมเป็นหมูให้แกเชือด"
แต่พอรัดแน่นก็ได้ยินเสียงแกนข้างในหักเป๊าะแล้วหัวนั้นก็กระเด็นหลุดออกไปเลย
ภาวัชตกใจรู้แล้วว่าเป็นเพียงแค่หุ่นที่ใครสักคนทำหลอกเล่น
"ใครวะ ฝีมือใคร"
อีกมุมหนึ่ง เท้าผู้หญิงในชุดแดง เดินลากเท้าเข้ามาด้านหลัง พร้อมกับถือขวานด้ามยาวมาด้วย
ภาวัชหันมาเห็นพอดีในระยะใกล้ ตกใจ ตะลึง ตาเหลือก หงายตึงลงไปกับพื้น
หญิงชุดแดงนั้นยกขวานฟันฉับลงไปที่ภาวัช
ภาวัชตะลึง ตาเหลือก ร้องลั่นด้วยความกลัวสุดชีวิตที่เห็นขวานจามลงมาที่ตัวเอง

ภาวัช ร้องเจ็บปวดโหยหวนสุดชีวิต

อ่านต่อตอนที่ 16
กำลังโหลดความคิดเห็น