xs
xsm
sm
md
lg

แม่นาก ตอนที่ 8

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


แม่นาก ตอนที่ 8

หลบหลังมั่นหลับตาปี๋

ในห้อง ว่างเปล่ารกรุงรัง หมอนเก่าๆ ผ้าห่ม ผ้าขาวม้าเก่าๆวางอยู่
รอยหลังคาใบจากแหว่งโหว่มีแสงสว่างลอดเข้ามาตกกระทบพื้น มีกิ่งไม้ตกลงมาที่พื้นห้อง
มั่นหันไปสะกิด พิมลืมตามอง
"เห็นมั๊ย ไม่มีอะไรเลย ผีมีที่ไหน มีแต่กิ่งไม้แห้ง"
"อ้าว ไม่มีใครอยู่ดอกหรือ"
"ไง ทีนี้เชื่อหรือยัง ว่าผีไม่มีจริง แล้วผีแม่นากก็ไม่มีทางทำร้ายใครด้วย"
พิมพยักหน้าหงึกๆ มั่นเดินลงจากบ้านไป พิมรีบตามมั่นไป
ตรงรอยแหว่งที่หลังคา มีลมพัดมา ใบไม้ปลิวตกมาปิดพอดี
ตรงหมอนและผ้าขาวม้าเก่าๆ แม่นากค่อยปรากฏร่างขึ้นอย่างรางเลือนและอิดโรย

มั่นกับพิม เดินลงมาจากเรือน
"ไงล่ะ ทีนี้มั่นใจหรือยังว่า ไม่มีผี"
พิมหน้านิ่งคิด มั่นมองแปลกใจ
"ยังไง ไม่เชื่อหรือ หรือว่า จะนอนค้างซักคืนก็ได้นะ"
"จะบ้าหรือ ข้าแค่สงสัยว่า เอ่อ พี่มาก เอ่อ พ่อมากน่ะ ยังกลับมาไม่ถึงอีกหรือ ไหนว่า เขาปลดประจำการแล้ว"
มั่นมองหน้าพิมทำหน้าจิ๊จ๊ะ
"ว่าแล้วเชียว ทำท่าว่าหวังดีที่แท้ แม่ก็อยากมาเจอไอ้มากกระนั้นหรือ ผู้หญิงสมัยนี้ หน้าไม่มียางซะเลย อยากมาหาผู้ชายก็วางแผนท่าโน้นท่านี้ ไป ไปไสหัวไปให้พ้น"
พิมอึกอัก
"ฉันเปล่านะ ฉันได้ข่าวว่า พวกทหารที่เกณท์ไปคราวก่อน ก็ปลดระวางกลับมาบ้านช่องกันหมดแล้ว แล้วกับพ่อมาก ฉันก็คุ้นเคย เลยถามถึง ไม่ได้ไปไกลขนาดนั้นซะหน่อย" พิมค้อน
มั่นนิ่งมองจับผิด พิมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
"ข้าจะไปรู้หรือ ไอ้มาก น่ะ ผู้หญิงทั้งบางชอบมันทั้งนั้นนั่นแหละ ไม่รู้หรือ"
"อ้อ อิจฉานี่เอง เข้าใจแระ พี่ก็ต้องทำใจหน่อยนะ ผู้หญิงน่ะ เขาไม่ชอบผู้ชายปากร้ายหรอก"
"ข้าไม่ได้ปากร้ายข้าพูดความจริง แต่มันไม่หวาน ทำไม รับไม่ได้หรือ"
"เฮ้อ ข้าจะบอกให้นะ บางทีผู้หญิงไม่ต้องการความจริงหรอก ผู้หญิงต้องการความสบายใจ แต่ดูท่าทาง พี่จะไม่เข้าใจผู้หญิงหรอก น่าสงสาร"
พิมยิ้มเยาะเดินไป มั่นมองตามหงุดหงิด
"ผู้หญิงอะไร พูดจากวนโมโหเป็นที่สุด"
มั่นตามพิมไป
มากวิ่งเข้ามา มองซ้ายมองขวาหาผู้คน แต่ไม่มีใครอยู่
"หรือว่าเราหูฝาด"
มากรีบวิ่งขึ้นเรือนไปทันที

มากวิ่งเปิดประตูเข้ามาในห้อง เห็นแม่นากก้มหน้าอ่อนแรงอยู่ที่มุมห้อง มากรีบวิ่งเข้าไปประคอง
"แม่นาก แม่เป็นอะไรไป"
"พี่มากจ๋า กลับมาแล้วหรือ"
นากโผกอดมากไว้แน่น มากแปลกใจ
"มีอะไรเกิดขึ้นหรือ มีใครมาหาหรือเปล่า"
"เปล่าหรอกจ๊ะ ไม่มี ฉันแค่ตกใจ มีพายุพัดแรง กิ่งไม้มันตกทะลุหลังคาบ้านมา"
มากหันไปมองดูเห็นกิ่งไม้ หล่นอยู่ที่พื้นห้อง เห็นหลังคาเป็นรอยทะลุ
"โธ่ ขวัญเอ๊ย ขวัญมา ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เดี๋ยวพี่จะจัดการซ่อมให้เอง แม่พักเถิด"
มากขยับตัวจะไป แม่นากดึงมือไว้
"พี่มากจ๋า อย่าเพิ่งไปเลย อยู่เป็นเพื่อนฉันก่อนนะจ๊ะ นะจ๊ะ ได้โปรดอย่าทิ้งฉันไว้ลำพังเลย"
มากมอง แม่นากดูน่าสงสาร มากพยักหน้า
มากนอนกอดนากไว้ จากทางด้านหลัง ด้วยความรักและห่วง แม่นากจับมือพ่อมากมาแนบแก้มไว้
ทั้งสองนอนกอดกัน ในห้อง ที่มีสภาพรกเรื้อ เหมือนเรือนร้าง

พวงจันทร์กับปุกนั่งรออยู่ที่ศาลาวัด เพลิงหงุดหงิดรำคาญ เดินไปเดินมา
"นี่มันหายหัวไปไหนเนี่ย"
"คุณหนูคงไปเดินเล่นแถวนี้แหละเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวก็กลับมา" ปุกบอก
"โอ๊ยเบื่อ ร้อนก็ร้อน งั้น เรากลับบ้านกันก่อนดีมั๊ยจ๊ะแม่"
พวงจันทร์บอก
"โธ่พ่อเพลิง น้องมันไปเที่ยวเล่นแถวนี้ประเดี๋ยวก็กลับมา พิมมันไม่ใช่คนเถลไถลหรอกน่า"
"นั่นไง ถ้ามันเก่งขนาดนั้น ก็ปล่อยให้มันกลับบ้านเองก็ได้ คราวก่อน มันยังกลับบ้านเองได้เลย"
ปุกชะงักมองหน้าเพลิง พวงจันทร์นิ่งคิด
"คราวไหน พิมมันมาบางพระโขนงโดยที่แม่ได้ได้สั่งหรือ"
ปุกมองหน้าเพลิงสังเกต เพลิงนึกได้ รีบแก้ตัว
"ฉันหมายถึงว่า ตอนมันมาเก็บดอกเบี้ยให้แม่ต่างหาก โอ๊ยร้อน"
"งั้นก็แล้วไป" พวงจันทร์ชะงัก เพ่งมอง "โน่นแนะ มาโน่นแล้ว เอ๊ะ นั่นใครกัน ไม่เคยเห็นหน้าเลย"
ทุกคนมองไป เพลิงชะงัก

พิมเดินจ้ำๆๆ มาหยุดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ พิมหันกลับมามองมั่น
"ขอบใจนะ ที่อุตส่าห์พาข้าไปเรือนพี่มาก ข้าสบายใจแล้ว"
มั่นงง
"สบายใจเรื่องอะไร"
พิมชะงัก นึกได้ว่าหลุดปาก
"ทำไมข้าต้องบอกพี่ด้วยเล่า"
พิมหัวเราะเจ้าเล่ห์ มั่นจ้องหน้าพิมแล้วยิ้มร้าย พิมสงสัย
"ยิ้มทำไมมีอะไรหรือ"
"ข้าสงสัยว่าแม่จะสบายใจไปอีกนานแค่ไหน"
บนบ่าพิม มีหนอนติดอยู่ มั่นทำท่าปรายตามอง พิมมองตามเริ่มรู้สึกตัวพอเห็นแมลง เกาะอยู่ที่ไหล่ตัว ก็กรี๊ด กระโดด
"อร๊าย ช่วยด้วย ช่วยด้วยเอาออกไปที ออกไปสิ"
มั่นหัวเราะขำ แล้วจับตัวพิมไว้ พิมโวยวาย
"อย่าดิ้นสิ ประเดี๋ยวมันก็กัดหรอก"
พิมหลับตาปี๋
"เอาออกไปที ข้าขอร้อง ข้าเกลียดแมลงที่สุด"
มั่นเอามือดีดแมลงออกไป แต่ยังอยากแกล้งพิมอยู่
"นิ่งไว้ นิ่งไว้"
พิมยังหลับตาปี๋นิ่งอย่างเชื่อฟัง
"ไปหรือยัง ฉันเกลียดหนอน เกลียด"
"ยัง รอแป๊บสิ อย่าดิ้น นั่นแหละ"
พิมยืนตัวแข็ง มั่นจับแขนพิมไว้ทั้งสองข้าง มองหน้าพิมแล้วอดหัวเราะไม่ได้ พิมลืมตามอง รู้ว่ามั่นดีดตัวหนอนไปแล้ว พิมโมโห เตะหน้าแข้งมั่นอย่างแรง มั่นกระโดดโหยง
"ล้อข้าเล่นหรือ คนบ้า"
พิมตามไปจะซ้ำ มั่นจับตัวพิมไว้ สองคนมองหน้ากัน
"นั่นเอ็งจะทำอะไรน้องข้า"
พิมกับมั่นตกใจหันมามอง เพลิงปรี่เข้ามา ต่อยมั่นอย่างแรง มั่นล้มลง พิมกรีดร้อง

มั่นไม่ยอมแพ้ โผเข้าสู้กับเพลิง ต่อยกันพัลวันวุ่นวาย ชุลมุน

ทุกคนกลับมาที่เรือน บริเวณหัวสะพาน พิมโดดขึ้นจากเรือเดินจ้ำๆ เข้าบ้านไป เพลิงโดดขึ้นมา ตะโกนเรียกพิม

"จะรีบไปไหน รอประเดี๋ยวก่อน ยังพูดกันไม่รู้เรื่องเลย"
พิมชะงัก
" ไม่มีอะไรต้องพูด ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้มีเรื่องทะเลาะกับใคร จบ เข้าใจมั๊ย"
พิมเดินเข้าบ้านไป เพลิงมองตามหงุดหงิด
"แม่ดูมันนะ มันกำเริบเอาแต่ใจ ใครว่าก็ไม่ฟัง" เพลิงสูดปาก เจ็บแผลจากการมีเรื่องกับมั่น "โอ๊ย เจ็บเลยกู"
เพลิงจะตามพิมไป พวงจันทร์เรียกไว้
"นี่พ่อเพลิง ใจคอจะไม่ฉุดมือแม่ขึ้นเรือหน่อยหรือ"
เพลิงชะงักนึกได้รีบหันไปประจบดึงมือแม่ขึ้นจากเรือ ปุกตามขึ้นมา
"แม่ต้องเอาเรื่องมันนะ ขืนปล่อยไว้ ได้เหม็นเน่ากันคราวนี้ ยังไงพิมมันก็เป็นผู้หญิงนะแม่"
"เอาไว้ก่อน กลับมาร้อนๆ เดี๋ยวแม่จัดการเอง พ่อเพลิงอย่าไปวุ่นวายกับน้องเลย"
แม่พวงกับปุกขึ้นบ้านไป เพลิงมองตามหงุดหงิด
"ไอ้มั่น มึงบังอาจนัก มายุ่งกับน้องสาวกู แถมยังต่อยกูเสียหน้าแหกอีก คอยดูมึงกับกูคงอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แน่"
เพลิงหน้าแค้นแม่พวงมองหน้าเพลิง
พวงจันทร์รู้ทัน
"จะคิดอ่านทำการอะไรก็อย่าให้มันประเจิดประเจ้อ เสียงานใหญ่ก็แล้วกันนะพ่อเพลิง"
พวงจันทร์เดินไป เพลิงมองตามยิ้มร้าย

บริเวณศาลาวัดมหาบุศย์ ลุงปลอดนั่ง เอายาทาให้มั่น มั่นสูดปากโวยวาย
"โอ๊ย นี่เนื้อคนนะลุง หลุดติดมือไปแล้ว"
"ไอ้มั่น ก็กูทำได้แค่นี้ ร้องอยู่ได้ เอายาไปทาเองไป๊หน่อย ริจะทำตัวเป็นนักเลงหัวไม้ เป็นไงล่ะ เจ็บเข้าไส้มั๊ย"
มั่นทายาที่หน้าไป สูดปากไป
"ลุงไม่เห็นนะ ไอ้เพลิงมันหาเรื่องฉันก่อน"
"ทำไมข้าจะไปไม่เห็น เอ็งก็ไม่เบา ไปเต๊าะแต๊ะ น้องสาวเขาก่อนนี่หว่า"
"ลุงเห็นตรงไหน"
"แน๊ ข้าเป็นหนุ่มมาก่อนนะโว๊ย"

ลุงปลอดเห็นภาพทั้งคู่ในระยะไกล ตั้งแต่ มั่นจับตัวพิมไว้ แล้วหัวเราะ พิมหลับตาปี๋
จนกระทั่ง เพลิงปรี่เข้ามาต่อยมั่นกระเด็นไป ทั้งคู่ชุลมุนกัน
ลุงปลอดรีบวิ่งเข้ามาจับตัว ทั้งคู่แยกกัน
"นี่มันเขตวัด ยังฟัดกันเหมือนหมาแบบนี้ ไม่เข้าท่าเลย"
"ไอ้มั่น ไอ้กระจอก มันมาล่วงเกินน้องสาวข้า" เพลิงว่า
"ข้าไม่ได้ทำอะไรแม่พิมเลย ข้าแค่เขี่ยแมลงให้เท่านั้น"
"ไอ้ตอแหล ไอ้หมาวัด คิดเด็ดดอกฟ้าหรือ แหงนหน้าไปเถอะ ถุย"
"ข้ายืนยันได้ ข้าเห็นเหตุการณ์มาตลอด ไอ้มั่นไม่ได้ล่วงเกิน แม่หนูพิมแน่นอน"
เพลิงมองหน้ามั่นแค้น มั่นมองตอบไม่เกรงกลัว
"เลิกแล้วต่อกันเถอะ ข้าขอร้อง"

ลุงปลอด มองมั่นอย่างเห็นใจ
"ข้าเจ็บใจนัก คนมีเงิน มีอำนาจ ทำไมถึงชอบดูถูกคนอื่นนัก" มั่นว่า
"คนมีเงิน เขาก็คิดว่าเขาอยู่เหนือคนอื่น เขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่น แต่เขามีหลักที่มั่นกว่านั้น ก็เงินทองไงล่ะ ไอ้มั่น"
"อ้อ เลยเที่ยวพูดจาหยาบหยาม คิดจะทำร้าย คิดจะกลั่นแกล้งใครก็ทำได้กระนั้นหรือ"
"เฮ้อ ถ้าเอ็งไม่อยากมีปัญหา ไม่อยากวุ่นวายก็อยู่ให้ห่างคนพวกนั้นสิ จะได้ไม่มีปัญหา"
มั่นชะงักนิ่งคิด ลุงปลอดมองอย่างเห็นใจ
"ทำใจซะเถอะวะ อย่าถามหาความยุติธรรมในโลกนี้เลย เหนื่อย เอาแค่อยู่ให้ได้อยู่ให้รอดก็พอ"
มั่นฮึดฮัด ลุงปลอดมองแล้วส่ายหน้า

พิมหงุดหงิด บ่นกระปอดกระแปดคนเดียว ปุกเดินเข้ามาหยุดยืนมองแล้วยิ้ม
"คุณหนูเจ้าขา ยังไม่หายหงุดหงิดอีกหรือเจ้าคะ"
"ก็พี่เพลิงน่ะสิ จู่ๆก็ไปหาเรื่องพี่มั่น อายเขามั๊ยเนี่ย"
ปุกทำหน้าประหลาดใจ
"ตายจริงคุณหนูพิม นี่ไปรู้จักมักจี่กันแต่เมื่อไหร่เจ้าคะ"
"ตั้งแต่งานวัดมหาบุศย์โน่น พี่เพลิงทิ้งข้าไว้ ข้าต้องขอร้องให้พี่มั่นพายเรือมาส่ง"
ปุกตบอกผาง
"ตายๆๆ ทำไมช่างกล้ามากับผู้ชายแปลกหน้าสองต่อสอง"
"ไม่ตายหรอกน่า พี่มั่นเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพี่มาก ข้าคิดว่าไว้ใจได้"
ปุกยังทำท่าเหมือนจะเป็นจะตาย
พิมรำคาญ
"ข้าไม่เข้าใจ ทำไมใครๆต้องคิดว่า ผู้ชายเหนือกว่าผู้หญิง ทั้งๆที่จริงๆ ผู้ชายบางคนก็ไม่เอาไหน ไม่เอาถ่านไม่เอาขี้เถ้าด้วยซ้า"
ปุกโดดตระครุบปากพิม
"ไม่เอาไม่พูดค่ะ ประเดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า"
พิมสะบัด
"ทำไมต้องกลัว ข้าทำทุกอย่างแทนพ่อกับแม่ คุมบ่าวไพร่ เก็บค่าเช่า ทำบัญชี เก็บดอกเบี้ยดอกหอยทุกอย่าง พี่เพลิงเอาแต่กินๆนอนๆ หาแต่เรื่อง ที่เดือดร้อนทุกวันนี่ไม่ใช่เพราะพี่เพลิงดอกหรือ"
"โอ๊ย อกอีปุกจะลุกเป็นไฟ คุณพิมเจ้าขา ปุกขอร้อง ไม่พูดแบบนี้เด็ดขาด"
พิมมองฮึดฮัด ปุกยิ้มปลอบ
"ไอ้เรื่องคุณหนูเก่งน่ะ ใครๆก็ยอมรับ แต่ว่าการที่ผู้หญิงจะไปไหนมาไหนกับผุ้ชายเพียงลำพังเนี่ย ถ้าท่านขุนท่านรู้เรื่อง คุณหนูจะหลังลายได้นะเจ้าคะ บ่าวขอร้องนะเจ้าคะ ถึงจะรู้จักมักจี่กันแค่ไหน ก็ไม่ได้เด็ดขาด"
พิมมองหน้าปุก แล้วหัวเราะก๊าก
"เฮ้อ นี่คิดว่าฉันชอบพี่มั่นหรือ จะบ้ากันใหญ่แล้ว"
"อ้าว แล้วไม่ใช่หรือคะ เห็นคุยกันถูกคอตั้งนานสองนาน ไม่ใช่หรือ"
"โธ่ ผู้ชายแบบนั้นฉันไม่มองให้เสียเวลาหรอก ปากก็ร้าย ใจก็ร้อน ฉันชอบผู้ชายคนอื่นต่างหาก" พิมกระซิบข้างหูปุก "พี่มากต่างหาก ช่างองอาจ มาดมั่น"
พิมยิ้มฝัน เคลิ้ม ปุกตาโตทำท่าเหมือนจะหัวใจวาย
"ห๊า พ่อมาก ผัวของแม่นากเนี่ยนะเจ้าคะ โอ๊ย อีปุกอยากตาย"
ปุกทำท่าลมขึ้น พิมยิ้ม มั่นใจมาก

พวงจันทร์นั่งอยู่กลางบ้าน ปุกบีบนวด ปุกสีหน้าไม่สบายใจ
"อีปุก เอ็งเป็นอะไรของเอ็ง หน้านิ่วคิ้วขมวด"
"เปล่าเจ้าค่ะ"
ปุกบีบไปโดนเส้นพอดี พวงจันทร์ร้อง
"โอ๊ย เส้นนั่นแหละ ใช่ๆ เออ แล้วแม่พิมว่าอย่างไรบ้างล่ะ"
ปุกชะงัก
"ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่เจ้าคะ คุณหนูก็เล่าว่าไปเดินดูรอบๆ แล้วพอดีเจอกับพ่อมั่นพอดี"
"ข้าก็คิดอย่างนั้น อย่างพิมน่ะมันเก่งเกินฉลาดเกิน จะหาผู้ชายที่คู่ควร คงต้องถึงขึ้นเป็นเจ้าขุนมูลนาย จะมามองผู้ชายต่ำต้อยติดดินแบบไอ้มั่นนั่นน่ะ ข้าไม่เชื่อหรอก ว่าลูกข้ามันจะตาต่ำ"
ปุกน้ำท่วมปาก พวงจันทร์พร่ำต่อ
"เอ็งรู้มั๊ย พ่อเพลิง น่ะ ข้าหมายตาผู้หญิงไว้ให้แล้ว เหมาะสมทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ ขอเพียงแค่พ่อเพลิงทำผลงานให้พี่ขุนมั่นใจ ทีนี้ก็ทางสะดวก"

พวงจันทร์ยิ้มปลื้มมาก ปุกแอบถอนหายใจเฮือก
 
อ่านต่อหน้า 2

แม่นาก ตอนที่ 8 (ต่อ)

หลวงณรงค์ กับขุนเพชร นั่งปรึกษางานกัน

"จัดการไปถึงไหนแล้วล่ะ ท่านขุน"
"ก็คืบหน้าไปโขแล้วขอรับท่าน กระผมส่งคนไปติดต่อกับทางพ่อใหญ่ถึก"
"จะได้การหรือ ได้ยินว่าพ่อใหญ่ถึกก็คนตรงนี่นา"
"ไม่ต้องห่วงขอรับ กระผมกับ พ่อใหญ่ถึก เคยเกื้อกูลกันแต่ครั้งก่อน ก็เห็นจะไม่ยากเย็น"
"งั้นฉันคงต้องพึ่ง ท่านขุนให้ออกหน้า"
"ขอรับ ไม่ต้องเป็นห่วง หากสำเร็จ เราสองครอบครัวคงได้สนิทชิดเชื้อกันมากว่านี้"
สองคนมองหน้าแล้วหัวเราะให้กัน
อีกทาง ชมนาดเดินนำหน้าบ่าว ที่ประคองสำรับกับข้าวเข้ามา ชมนาดจัดเรียงสำรับตรงหน้า
"มากินข้าวกินปลาเสียด้วยกันเลย อย่าได้เกรงใจ คนกันเองแท้ๆ ... วันนี้ มีอะไรเลี้ยงท่านขุนเพชรล่ะ แม่ชมนาด"
"วันนี้ อิฉันทำน้ำพริกลงเรือ ได้สายบัวอ่อนมาจิ้ม ปลาช่อนย่างสมุนไพร เข้าเครื่องขมิ้น ไม่คาวเลยเจ้าค่ะ แล้วก็แกงจืดลูกรอก คุณพ่อจะได้ไม่ฝืดคอ"
"วันนี้เป็นลาภปากยิ่งนัก ที่ได้ชิมกับข้าวฝีมือชาววัง"
"ถ้าชอบใจ ก็มากินบ่อยๆสิ เออ พ่อเพลิงลูกชายท่านขุนน่ะ เป็นอย่างไรบ้าง บวชเรียนแล้วหรือยัง"
"ขอรับ แม่พวงเมียกระผม อยากจะให้บวชเสียติดแต่ว่า เจ้าเพลิงก็วุ่นวายการงานแทนแม่เขาน่ะสิขอรับ ถ้าบวชไป ไร่หน้า เรือนแถวก็จะขาดคนดูแล"
"ทำไมไม่หาเมียซะคน มาช่วยกันดูแลทรัพย์สมบัติเล่า ท่านขุนกับแม่พวง จะได้พักผ่อนสบายใจซะที"
"ไอ้กระผมก็อยากอยู่ขอรับ แต่ก็ไม่อยากจะบังคับใจลูก ถ้าท่านหมื่นณรงค์มีใครพอจะแนะนำได้บ้าง ไอ้เพลิงจะได้มีวาสนาเป็นฝั่งเป็นฝาเสียทีนะขอรับ"
ขุนเพชรกับ หลวงณรงค์หัวเราะมองหน้าชมนาดอย่างมีนัยยะ
ชมนาดเบือนหน้า

ในห้องนอน ตอนกลางคืน ชมนาด นั่งหวีผมมองเงาตัวเองในกระจก ถอนหายใจ นั่งมองมือตัวเอง แล้วนิ่งนึก
ชมนาดเดินเล่นอยู่ในสวน มากกำลังขนข้าวของกำลังจะมาทำงานในสวน มากเงยหน้าขึ้นไปมองบนต้นมะพร้าว
ชมนาดเดินมาใกล้ต้นมะพร้าว ไม่ทันระวัง ลูกมะพร้าวที่ไต่ทางลงมา
มากตะโกนมาด้วยความตกใจ
"ระวัง!"
ชมนากเงยขึ้นไปมองเห็นลูกมะพร้าวกำลังจะตกใส่ ตกใจร้องกรี๊ด
มากรีบกระโจนเข้าไปคว้าชมนาดให้หลบ มะพร้าวตกใส่พื้นดังตุ๊บ มากและชมนาดล้มกลิ้ง ร่างชมนาดทับอยู่บนร่างของมาก ทั้งคู่ตะลึงจ้องหน้ากัน
ชมนาดถอนหายใจ
"พี่มาก ป่านนี้พ่อไปอยู่เสียที่ไหนก็ไม่รู้ กลับถึงบางพระโขนงหรือยังนะ"
บ่าวของชมนาดคลานเข้ามา
"แขกของคุณพ่อกลับไปแล้วหรือ"
"เจ้าค่ะ แต่ลืมหนังสือตกไว้ อิฉันเลยเก็บมาให้คุณหนูก่อน"
"ทำไมไม่เอาให้เจ้าคุณพ่อเลยล่ะ"
"นายท่านเข้าห้องไปแล้ว บ่าวไม่กล้าเรียกเจ้าค่ะ"
บ่าวส่งม้วนกระดาษให้ชมนาด ชมนาดหยิบมาเปิดดู
"อ๋อรายชื่อทหารปลดประจำการ เดี๋ยวจะเอาให้เจ้าคุณพ่อเอง เอ็งไปนอนเถอะ"
บ่าวไป ชมนาดมองรายชื่อในมืออีกครั้ง
"รายชื่อทหารปลดประจำการ ถ้าเช่นนั้น…"
ชมนาดนิ่งคิด ก้มลงมองกระดาษในมือ

คืนเดียวกัน ขุนเพชรนั่งอยู่บนเรือน พิมรับน้ำจากปุกส่งให้ขุนเพชรอย่างเอาใจ ขุนเพชรยิ้มชอบใจ
"พ่อหิวหรือเปล่าเจ้าคะ ลูกจะสั่งให้บ่าวตั้งสำรับ"
พวงจันทร์มองค้อน
"แหม เอาอกเอาใจกันเหลือเกินนะ พ่อลูกคู่นี้ ทีกับแม่ละงอนแฟ่ดๆๆๆ ประเดี๋ยวจะหยิกให้เนื้อลาย"
"แม่พวงก็ ลูกมันถามเฉยๆๆ ไม่ต้องหรอก พิมเอ๊ย พ่ออิ่มมาจากเรือนท่านหลวงณรงค์แล้ว จริงสิวันนี้ไปบางพระโขนง ได้เรื่องเป็นยังไง"
พิมทำท่าจะอ้าปากพูด พวงจันทร์ชิงพูดก่อน
"พ่อเพลิงทำท่าเอาการเอางานอยู่นะคุณพี่ ท่าทางแข็งขันเชียวแหละ"
พิมหันไปมองปุกทำท่าผะอืดผะอม
"ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว ลูกขอตัวก่อนดีกว่า ลมมันตีขึ้น คลื่นไส้ยังไงพิกล"
ขุนเพชรบอก "ไม่สบายหรือลูก หาหยูกหายากินซะนะ"
"จะเป็นอะไรไป๊ นอกจากลมขี้อิจฉาขึ้นน่ะสิ พ่อเพลิงก็เอาการเอางานอยู่นะเจ้าคะ คุณพี่"
"ข้าเชื่อว่าไอ้เพลิงมันเก่ง แต่ว่า กลัวจะเก่งแค่แป๊บเดียวน่ะสิ"
ขุนเพชรทำหน้าไม่เชื่อถือ พิมแอบยิ้ม พวงจันทร์ค้อนขวับ
ปุกคลานเข่าเข้ามา
"เจอหนังสือราชการไหมนังปุก" ขุนเพชรถาม
"บ่าวค้นในเรือนจนทั่วแล้วไม่เห็นเจ้าค่ะ"
"หนังสือสำคัญหรือเจ้าคะ"
"รายชื่อทหารปลดประจำการณ์บางพระโขนง มีไม่กี่คนหรอก หลวงณรงค์วานให้ส่งไปบางพระโขนง สงสัยพ่อคงลืมไว้ที่เรือนหลวงณรงค์"
พิมชะงัก
"พ่อจ๋า ถ้าทหารปลดประจำการแล้ว เขาจะให้ไปทำอะไรต่อ แล้วทำไมเขาถึงปลดประจำการก่อนล่ะจ๊ะพ่อ"
ขุนเพชรพูดเอ็นดู
"ถ้าทหารบาดเจ็บ ป่วย ทางการเขาก็จะให้ปลดประจำการกลับบ้านก่อนน่ะสิ หัวตะเข้บ้านเรา มีหลายคนอยู่ ส่วนพระโขนงเนี่ยก็มีไอ้มากคนเดียว"
พิมพึมพำ
"พี่มากหรือ"
"บ่นอะไร แม่พิม ไปรู้จักมักจี่กันตั้งแต่เมื่อไหร่หรือ"
พิมอึกอัก โกหก
"ฉันแค่แปลกใจ พ่อทำไมถึงความจำดีขนาดนี้ จำไอ้มากอะไรนี่ได้ด้วย คนหัวตะเข้ก็ไม่ใช่"
"ทำไมจะจำไม่ได้ ก็พ่อขอให้หลวงณรงค์เกณท์เอาไอ้มากไปแทนพี่เพลิงของเอ็งไงเล่า ไม่เช่นนั้น คนที่ต้องเจ็บตัวเพราะไปรบ ก็ต้องเป็นพี่ชายเอ็งนั่นแหละ"
พิมอึ้ง ปุกมองอย่างสังเกต แล้วแอบถอนหายใจ

พิม เดินเข้ามาในห้องนั่งลงที่เตียง สีหน้าหงอย
ปุกเดินตามเข้ามา มองอย่างเป็นห่วง
"คุณหนูเจ้าขา คิดอะไรอยู่"
"ฉันว่าฉันจะไม่โกรธพี่เพลิงแล้วนะ แต่ดูสิ นี่กลายเป็นว่า พี่เพลิงเป็นสาเหตุทำให้ครอบครัวคนอื่นเขาต้องพลัดพราก ทำเมียเขาตาย แล้วนี่ ครอบครัวเราจะไปซื้อที่ซื้อทางของพวกเขาอีกหรือ"
"แล้วคุณหนูจะทำอะไรได้เจ้าคะ เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว จะย้อนไปแก้ไขอะไรมันได้หรือ ปล่อยไปเถอะเจ้าค่ะ"
"ฉันต้องทำอะไรได้บ้างสิ"
พิมนิ่งคิดไม่ตอบโต้ ปุกมองอย่างเป็นห่วง

บริเวณท่าน้ำเรือนแม่นาก ตอนกลางคืน มากนั่งเหม่อมองท้องน้ำอยู่ที่หัวสะพาน แม่นากอุ้มลูกยืนมองอยู่ทางหนึ่ง
"พี่มากจ๋า ขึ้นเรือนกันเถอะ ดึกแล้วน้ำค้างลงหนัก เดี๋ยวจะได้ไข้"
"ขอพี่นั่งสักประเดี๋ยวเถอะ แม่นาก"
"พี่มากมีเรื่องไม่พอใจฉันหรือจ๊ะ"
"ไม่มีเลย พี่แค่สงสัยว่า พี่มั่น พี่โพล้ง พี่ทุ้ย ไอ้เค้ง หายไปไหน ไม่มาเยี่ยมมาเยือนกันเลย หรือว่าจะไม่รู้ว่าพี่กลับมาแล้ว"
"พี่มากจ๊ะ ทำไม เราอยู่กันแค่พี่ ฉัน ไอ้แดง ไม่ได้หรือ ใครจะมาหา ไม่มา เราจะสนใจทำไม"
"ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก พี่รู้นิสัยพี่มั่นดี ถ้ารู้ว่าพี่กลับมา พี่มั่นต้องมาหาพี่ แต่นี่เงียบหายไปเลย พี่แปลกใจ"
นากวิตก แล้วแกล้งเดินสะดุดล้มลง มากตกใจรีบเดินเข้ามาประคอง
"เป็นอะไรไป"
"ฉันรู้สึกหน้ามืดวิงเวียน อย่างไรก็ไม่รู้ เราขึ้นเรือนกันเถอะนะจ๊ะ"
มากร้อนใจ
"ได้สิ ขึ้นเรือนกัน"
มากประคองนากเดินขึ้นเรือนไป

บริเวณริมตลิ่งอีกฝั่งห่างออกมา บ่าวของชมนาด แอบมองอยู่ เห็นมากเดินเหมือนประคองใครขึ้นเรือนไป

กลางคืนต่อมา บ่าวชายนั่งรายงาน ชมนาดสีหน้าครุ่นคิด

"เอ็งเห็นกับตาหรือ ว่าพ่อมากอยู่ที่เรือนเพียงคนเดียว"
"ขอรับคุณชมนาด เห็นผู้ชายแค่คนเดียว บ้านเรือนก็รกเรื้อ เหมือนเป็นบ้านร้าง"
"งั้นหรือ"
ชมนาดหยิบถุงเงินเล็กๆส่งให้ บ่าวชายรีบรับไป
"ไม่ต้องบอกเรื่องนี้ให้ใครรู้ ไปได้แล้ว"
บ่าวชายรับเงินแล้วรีบไป
"พี่มาก พี่กลับไปอยู่บางพระโขนงแล้วหรือ"
ชมนาดนิ่งคิด แล้วยิ้ม

พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ริมแม่น้ำ
ในเรือน ชมนาดกำลังเตรียมชงชาสำหรับยามเช้าให้หลวงณรงค์ที่กำลังฟังเสียงนกเขาร้องในกรงอย่างเพลิดเพลิน ชมนาดเดินมาพร้อมถ้วยชาในมือ
"คุณพ่อเจ้าขา มาดื่มชาเถอะเจ้าค่ะ"
"ขอบใจมาก" หลวงณรงค์จิบชา "ชามะลินี่หอมชื่นใจจริงๆ"
"ลูกเพิ่มดอกมะลิแห้งลงไป ชาจะหอมละมุนขึ้น ถูกใจคุณพ่อไหมเจ้าค่ะ"
"ดีมากลูก วันก่อน ขุนเพชรได้ชิมชานี้ ชมไม่ขาดปากเลย"
"จริงสิ เมื่อวานนี้บ่าวเก็บหนังสือราชการของขุนเพชร ท่านคงทำตกไว้ที่ท่าน้ำ"
"กระนั้นหรือ คงจะรีบร้อนน่ะสิ ลูกรู้มั๊ย พ่อว่าจะขยับขยายไปซื้อที่ซื้อทางแถวบางพระโขนงไว้บ้าง คงต้องอาศัยขุนเพชรนี่แหละ เขากว้างขวางเอาการอยู่"
ชมนาดนิ่งคิด
"ลูกได้ยินมาว่า แม่พวง เมียขุนเพชรนั่นเค็มเอาการอยู่ ร่ำรวยมากจากปล่อยเบี้ยให้ชาวบ้านกู้ เรียกดอกสูงๆ จริงมั๊ยคะ"
"ก็มีบ้างแหละ บางทีเราก็ต้องคบคนแบบนี้ไว้บ้าง เป็นมือเป็นไม้ทำงานให้เรา คบแต่คนดี ไม่ได้ประโยชน์ มันก็สูญเปล่านะลูก"
ชมนาดนิ่งฟัง
"ถ้าเจ้าคุณพ่อจะซื้อที่ทางที่บางพระโขนงจริงๆ เราก็ควรจะไปรู้เห็นภูมิประเทศของที่นั้นบ้างนะเจ้าคะ เราจะได้ไม่ถูกมือไม้ที่ทำงานให้หลอกลวงเอาประโยชน์เข้าตัว ไม่เช่นนั้น คุณพ่ออาจจะเสียเปรียบ เพราะไว้ใจคนจนเกินไปนะเจ้าค่ะ"
หลวงณรงค์มองชมนาด แล้วหัวเราะชอบใจ
"ลูกพ่อนี่ฉลาด สมเป็นยอดหญิงจริงๆ"
หลวงณรงค์ยิ้มปลื้ม ชมนาดก้มหน้ายิ้มอย่างพอใจ

มั่น กำลัง ถือแห จ้องมองดูปลาในแม่น้ำ พอได้จังหวะ มั่น หว่านแหลงไป ลากขึ้นมา ได้
ปลาตัวใหญ่
"แค่นี้ก็พอแล้ว"
มั่นร้อยเหงือกปลา เข้าพวง แล้วก้มหน้าก้มตาแกะเศษกิ่งไม้ใบหญ้าที่ติดกับแหออก
ทางด้านหลัง มั่นรู้สึกตัวเหมือนมีคนเดินเข้ามา เมื่อหันขวับ ไม้ลอยฟาดเข้าที่ที่ปลายคาง จนล้มลงสลบไปทันที

มั่นลืมตาตื่นขึ้นมาในป่ารกร้าง แลเห็นเพลิง หมึก เก่ง ลางเลือน พอรู้สึกตัวเต็มที่มั่นดีดตัวขึ้นแต่ล้มลง เพราะโดนมัดไว้
"พวกเอ็งจะทำอะไรข้า"
"ข้าอยากจะคุยกับเอ็ง ไอ้มั่น อยากรู้นักว่า เอ็งไปกินดีหมีหัวใจเสือที่ไหน ถึงได้กล้ามาวุ่นวายกับน้องสาวข้า"
"ข้าไม่ได้ยุ่ง แม่น้องสาวเอ็งมายุ่งกับข้าเอง"
"ไอ้สวะ เอ็งไม่เจียมกะลาหัว ข้าขอเตือนว่าเอ็งอย่ามาวุ่นวายกับน้องสาวข้าอีก"
เพลิงอัดมั่น 2-3 ที มั่นฮึดสู้แต่ไม่ได้ เพลิงทำหน้าเยาะเย้ย
"ยังไง โถ เอ็งอยากจะต่อยข้าหรือ ไอ้มั่น"
"เอ็งมันไมใช่ลูกผู้ชาย แน่จริง แก้มัดข้าแล้วมาสู้กันตัวต่อตัวสิวะ"
"เออ กูไม่ใช่ลูกผู้ชาย แล้วเป็นไง แต่กูได้เปรียบนะ พวกเอ็ง จัดการสั่งสอนไอ้นี่แทนกูที กูขี้เกียจต่อยมันให้เสียมือ"
"ไอ้หมาลอบกัด มึงไม่กลัวอาญาบ้านเมืองบ้างหรือ"
"กูไม่กลัว มึงรู้มั๊ยกูลูกใคร พอกูเป็นขุน กูอยากทำอะไรกูก็ทำได้ เฮ้ย จัดการมัน"
มั่นมองหน้าเพลิงแค้น หมึก เก่ง รุมอัด มั่นจนหมอบ เพลิงยิ้มพอใจ
"พอแล้วเอาแค่นี้ ประเดี๋ยวมันใจเสาะตายไปซะก่อน กูขี้เกียจหาเพื่อนให้อีนากมัน"
เพลิงถุยน้ำลายใส่มั่นที่นอนคุดคู้อยู่ที่พื้นเอาขาเขี่ยมั่น
"อย่าเสือกมายุ่งกับน้องสาวกูอีก ไม่งั้นคราวหน้ามึงไปอยู่กับอีนากแน่นอน"
เพลิง เก่ง หมึกไป
มั่นมองตามสีหน้าแค้น

ที่หัวสะพานเรือนขุนเพชร เพลิง เก่ง หมึก เดิน เบิกบานกระหยิ่มยิ้มย่อง
"กูสะใจจริงจริ๊ง"
"มันบังอาจมาลูบเหลี่ยม ลบคมพี่เพลิงแบบนี้ เอาไว้ไม่ได้หรอก"เก่งว่า
"แหม พี่ช่างใจกล้า ไปอัดมันถึงพระโขนง กลางวันแสกๆแบบนี้" หมึกบอก
"กูกล้า กูมั่นใจ มีอะไรหรือเปล่าล่ะ อ้อ เรื่องนี้พวกมึงเหยียบให้จมดินเลย กูไม่อยากให้ใครรู้"
เพลิงไป เก่งกับหมึกมองหน้ากัน
เก่งบอกกูรู้
"ทำไมพี่เพลิงไม่ไปตอนค่ำมืด" พลางกระซิบ "พี่เขาไม่อยากวุ่นวายกับผีอีนากน่ะสิ"
"กูก็รู้เหมือนมึงนั่นแหละ แต่กูอยากสอพลอพี่เค้า มึงไม่เข้าใจหรือ" หมึกบอก
"โธ่ไอ้เวรนี่ ข้ามหน้าข้ามตากูแล้ว"
สองคนหัวเราะแล้วไป
อีกมุมนึงห่างออกมา พิมยืนแอบฟังอยู่
"พี่เพลิงไปพระโขนงทำไม ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ หรือว่า"

พิมคิดว่า เป็นเรื่องที่ขุนเพชร พูดเรื่อง มากกลับมาอยู่พระโขนงแล้ว
"พ่อจ๋า ถ้าทหารปลดประจำการณ์แล้ว เขาจะให้ไปทำอะไรต่อ แล้วทำไมเขาถึงปลดประจำการก่อนล่ะจ๊ะพ่อ"
"ถ้าทหารบาดเจ็บ ป่วย ทางการเขาก็จะให้ปลดประจำการกลับบ้านก่อนน่ะสิ หัวตะเข้บ้านเรา มีหลายคนอยู่ ส่วนพระโขนงเนี่ยก็มีไอ้มาก"
" พี่มากหรือ"
"บ่นอะไร รู้จักหรือ" พวงจันทร์ถาม
"ฉันแค่แปลกใจ พ่อทำไมถึงความจำดีขนาดนี้ จำไอ้มากอะไรนี่ได้ด้วย คนหัวตะเข้ก็ไม่ใช่"

พิมครียดทันที
"พี่มาก"

เค้ง โพล้ง กำลัง ช่อมเครื่องมือ หาปลา ทุ้ยเดินถือหม้อข้าวออกมาจากในเรือน
ทุ้ยถาม
"ข้าวสุกแล้ว ป่านนี้ทำไม ไอ้มั่นยังไม่กลับมาอีก"
"นั่นสิ มันไปหาปลาถึงแม่น้ำโขงหรือยังไง" โพล้งบอก
เค้งผุดลุกขึ้นทันที
"พี่มั่น !"
มั่นโซเซเดินมา หน้าตาปูดบวม ล้มลงนอนสลบที่หน้าเรือน

ทุกคนรีบวิ่งไปประคอง
 
อ่านต่อหน้า 3

แม่นาก ตอนที่ 8 (ต่อ)

มั่นนอนลืมตาอยู่บนเรือน ทุ้ยเอาผ้าชุบน้ำเช็ดเลือดให้ มั่นสูดปาก ทุ้ยชะงัก

"ข้าขอโทษ มือหนักไปหน่อย"
"ไม่เป็นไร แผลที่ตัวข้ารักษาได้ แต่แผลที่ใจนี่สิ"
เค้งกับโพล้งมองหน้ากัน
"ใจคอเอ็งจะไม่บอกพวกข้าหรือ ใครมันทำร้ายเอ็ง"
มั่นนิ่งเงียบ

ลุงปลอด เตือนมั่นหลังจากที่มีเรื่องกับพวกเพลิงในวัด
"ทำใจซะเถอะวะ อย่าถามหาความยุติธรรมในโลกนี้เลย เหนื่อย เอาแค่อยู่ให้ได้ อยู่ให้รอดก็พอ"
มั่นขบกรามกรอด
"ช่างมันเถอะ ก็แค่ไอ้พวกหมาหมู่ พวกเอ็งรู้ไปก็ทำอะไรมันไม่ได้หรอก"
มั่น พลิกตัวหันหลังให้ทุกคน นอนนิ่งเงียบ พึมพำ
"แม่พิม ต่อแต่นี้ เราอย่างพบหน้ากันอีกเลย"
มั่นหน้าแค้น
ทุ้ยเค้งโพล้งมองหน้ากัน เครียดเช่นกัน

ต่อมา ทุ้ย เค้ง โพล้ง จับกลุ่มคุยกันกับลุงปลอด
ทุ้ยบอก
"ไอ้มั่นมันหน้าแหก เละไปหมดเลยนะลุง"
"ข้าว่า ไอ้คนที่มันทำ ต้องรุมมันแน่ ลำพังตัวต่อตัว ไอ้มั่นไม่เป็นรองใครหรอก" โพล้งบอก
"แล้วทำไมพี่มั่นถึงไม่บอก ถามเท่าไหร่ๆ ก็เงียบ หนักเข้าก็หันหลังหนี" เค้งบอก
"ข้าพอเข้าใจมันนะ ช่างมันเถอะ ไว้มันสบายใจมันก็พูดเองนั่นแหละ"
โพล้งบอก
"ลุงพูดแบบนี้เหมือนจะรู้ว่าใครทำไอ้มั่น บอกมาเลย ฉันจะยกพวกไปเอาคืน"
"อย่าหาเรื่องเลย ครั้งนี้ถือเป็นเวรกรรมของไอ้มั่นมัน หวังว่าจะไม่มีอีกแล้วนะ"
พิมวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ทุกคนหันไปมอง
"หรือว่าไม่ใช่หนสุดท้าย"
พิมวิ่งมาหยุดยืนหอบ
"พวกลุงต้องช่วยฉัน"
ทุกคนมองหน้ากันแล้วถอนหายใจเฮือก

มั่น ลุกขึ้นเดินกระโผลกกระเผลก มาที่ตุ่มน้ำ หยิบกระบวย ตักน้ำ จะใส่ปากดื่ม แต่พอน้ำโดน
ปาก มั่นสูดปาก พอดื่มเข้าไป มั่นพ่นน้ำออกมา มีสีเลือด
มั่นถอนหายใจ
" โธ่ จะกินน้ำยังกินลำบากเลย"
ทุ้ย เค้ง โพล้งเดินกลับขึ้นบ้านมาเงียบๆ มั่นมองแปลกใจ
"ไปไหนกันมา"
โพล้งตอบไม่มองหน้า "วัด"
มั่นแปลกใจ
"ทำไมตอบสั้นนัก ไอ้ทุ้ย มีอะไรวะ"
"ไม่มี กูไม่รู้ กูไม่อยากพูด"
"ฉันรู้ ฉันอยากพูด" ทุ้ยว่า
ทุ้ยกับโพล้ง หันไปมองหน้าเค้ง เค้งอึดอัด ตะโกน
"ฉันจะพูด ฉันอึดอัด ฉันจะพูด"
"ไอ้เค้ง มึงสัญญาแล้ว ไอ้ปากบอน" ทุ้ยบอก
"กูไม่ให้พูด" โพล้งว่า
ทุ้ยกับโพล้งโดดเข้าปล้ำทุ้ยไม่ให้พูด ชุลมุน มั่นแปลกใจ

ลุงปลอดนั่งทำหน้าเฉยเมย พิมเซ้าซี้
"นะจ๊ะ ลุงต้องพาฉันไปบ้านพี่มาก ได้โปรดเถิด"
"ถ้าแม่หนูห่วงใย ไอ้มั่น กับไอ้มากถึงเพียงนี้ ลุงจะบอกวิธีให้"
"ทำไมหรือจ๊ะ บอกมาสิ ฉันไม่อยากให้พี่มั่นกับพี่มากเดือดร้อนเลย จริงๆ สาบานให้ก็ได้"
"ไม่ต้องสาบาน แค่อย่ากลับมาที่พระโขนงอีก รับรองเรื่องทุกอย่างจบ เข้าใจมั๊ย"
ลุงปลอดยิ้มให้
"ยิ่งแม่หนูเทียวไปเทียวมา ต้องมีคนเจ็บตัว สงสารไอ้มั่นมันบ้างเถอะ"
ลุงปลอดไป พิมงง
"พี่มั่น แล้วพี่มั่นมาเกี่ยวอะไรด้วย"
พิมยืนงง พอนึกได้ พิมโกรธ
"ไม่ช่วยฉันใช่มั๊ย ได้ ฉันไปเอง"
พิมฮึด เดินดุ่มๆไปทันที

พระอาทิตย์ กำลังคล้อยตัวไปที่ทิวไผ่เมื่อยามเย็น
มาก เดินออกมาจากห้อง เห็นตะวันคล้อย ก็ชะงัก
"อะไรกันวะ ทำไมข้าถึงได้ตื่นบ่ายปลายมืดแบบนี้ เฮ้อ"
มากเดินมาที่ตุ่มน้ำ มากเปิดตุ่มน้ำออก เห็นน้ำแห้งขอดโอ่ง
"น้ำแห้งเลย นาก แม่นาก"
"อะไรจ๊ะพี่"
"แม่ทำอะไรอยู่"
"ฉันพับผ้าอยู่ อีกประเดี๋ยวก็คงเรียบร้อยจ๊ะ"
"เดี๋ยวพี่ไปตักน้ำก่อนนะ"
มากพูดจบก็คว้าถังเดินลงจากเรือนไป
แม่นาก ยืนอยู่ในเงามืด พอเดินออกมา โดนแสงอาทิตย์ ก็เกิดควันขึ้นที่ผิว แม่นากรีบหลบ
กลับเข้าไปในเงามืดทันที
แม่นากมองไปที่พระอาทิตย์ ซึ่งยังอยู่บนขอบฟ้า
แม่นากถอนหายใจหนัก มองตามพ่อมองไปอย่างวิตก

ทุ้ย อ้าปากจะพูด เค้ง โดดมาปิดปาก โพล้งลากทุ้ยออก
"ไอ้ทุ้ยมันเมาใบกระท่อม เอ็งอย่าไปฟังมัน ไอ้มั่น"
ทุ้ยเดิน เค้ง โพล้ง ไม่ฟังเสียงลากทุ้ยออกมา
"บอกมาเถอะ มันเรื่องอะไรกันแน่ ถึงเอ็งไม่พูดวันนี้ ข้าก็ต้องรู้จนได้"
ทุ้ย เค้ง โพล้งมองหน้ากัน เค้งกับโพล้งปล่อยทุ้ยหล่นลงพื้นไป
"ทิ้งข้ายังกะขยะเขียวนะ แม่พิมจากหัวตะเข้มาหาเอ็งที่วัด"
"จะมาทำไมอีก หาแต่เรื่องมาให้แท้ๆ"
"จะว่ามาหาเอ็งก็ไม่ใช่ซะทีเดียว แม่พิมมาขอร้องให้พวกข้าพาไปบ้านไอ้มาก"
"ไปหาไอ้มาก ไปทำไม ก็ข้าเพิ่งไปมาวันก่อน ข้าถึงได้โดนไอ้เพลิงมันเล่นงานจนเละเทะแบบนี้ไงเล่า"
ทั้งสามมองหน้ากัน แปลกใจ

พิมวิ่งสลับกับเดิน มองซ้ายมองขวารอบตัวอย่างวิตก
"ไม่มีอะไร ผีไม่มีในโลก ไม่มีจริงหรอก"
เสียงนกร้อง นกบินพรึบ พิมสะดุ้งโหยง
"ไม่ได้ ข้าต้องไปดูให้เห็นกับตา ว่าพี่มากไม่เป็นอะไร"

พิมวิ่งไปทันที

มากกำลังหาบน้ำจากท่าขึ้นไปใส่ตุ่ม หาบแล้วหาบเล่า

ที่หัวสะพาน มากนั่งลงวักน้ำล้างหน้า พิมเดินมาทางด้านหลัง มากหันขวับ
พิมตะลึงยืนมองมาก เห็นตัวเลอะเทอะมอมแมม ผอมซูบ
"พี่มาก พี่จริงๆด้วย"
มากนิ่งนึก
"แม่... แม่พิม"
"ใช่ฉันพิมไงจ๊ะ จำได้มั๊ย คราวก่อน เราเจอกันที่วัดมหาบุศย์"
"จำได้สิ จำได้"
มากยิ้มดีใจที่ได้พูดกับใครซักคน หลังจากที่ไม่ได้คุยกับใครมานานแล้ว นอกจากนาก
มากกับพิมยิ้มดีใจที่ได้เจอกัน

ประตูเรือนเปิดปึงออก แม่นากเงยหน้าขึ้น ตาเรืองแสง
"ไอ้พวกคน มึงช่างยุ่งยากกับชีวิตพวกกูเหลือเกิน"
แม่นากเลื่อนตัวไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว แล้วก็ชะงัก
แสงจากดวงอาทิตย์ยังไม่ตกจากขอบฟ้า
"ทำไม ทำไม พี่มากจ๋า อย่าไปฟังพวกมัน อย่าฟัง"

พิมกับ มากยืนคุยกันที่ท่าน้ำ
"ไหนๆมาถึงเรือนแล้ว ขึ้นไปข้างบนก่อน นาก นากเอ๊ย มีแขกมาเยี่ยมแน่ะ"
พิมชะงัก
"อะไรนะ นากไหนกันจ๊ะพี่"
"อ้าว ก็แม่นากเมียพี่ไง เคยเจอกันแล้วไม่ใช่หรือ แม่นากไงล่ะ"
พิมชะงัก ตัวแข็ง มากงง
"เป็นอะไรไป ล่ะแม่พิม ขึ้นเรือนก่อนสิ"
"พี่อย่าบอกนะว่าพี่อยู่กับแม่นาก เมียพี่"
"ก็ใช่น่ะสิ แม่นาก เขาพับผ้าอยู่บนเรือน ขึ้นไปก่อนสิ จะได้รู้จักกันไว้"
พิมตัวแข็ง หันขึ้นไปมองบนเรือน สีหน้าวิตกพิมคว้ามือมากลากออกวิ่งทันที

แม่นาก อยู่บนเรือนสีหน้าแค้น พยายามจะเลือนตัวออกจากประตูบ้าน แต่ติด
แสงอาทิตย์ ยังไม่ตกลับขอบฟ้า
"อีพิม มึงมายุ่งกับผัวกูทำไม กลับไปซะ กลับไปสิ"
แม่นากยืนจ้องดวงอาทิตย์ ที่กำลังลับขอบฟ้า สีหน้าเครียด

มลากมากวิ่งออกมา มากขืนตัวไว้
"ไม่มีเวลาแล้ว เราต้องหนี"
"หนีทำไม มีอะไรต้องหนี"
"พี่มาก พี่ไม่รู้หรือว่าเมียพี่ตายไปแล้ว แม่นากตายไปแล้ว"
มากชะงักจ้องหน้าพิม
พระอาทิตย์ตกดินลับเหลี่ยมไม้
"เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เมียข้ายังไม่ตาย"
"เชื่อข้าสิ ใครๆทั้งหมู่บ้านเขารู้กันทั้งนั้น"
"ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ เมียข้ายังไม่ตาย ถ้าแม่จะมาพูดเรื่องแบบนี้ อย่ามาที่นี่อีกเลย ใสหัวไปให้พ้น ไปสิ"
"พี่มาก ทำไมพี่ถึงได้ดื้อแบบนี้ ข้าหวังดีนะ"
"เก็บความหวังดีของแม่คืนไปเถอะ แล้วอย่ากลับมาเหยียบบางพระโขนงอีก ข้าขอร้อง"
มากหันหลังเดินไปทันที
พิมตะโกน
"พี่มาก กลับมาก่อน อย่าเพิ่งไป"
มากไม่ฟังเสียงเดินดุ่มไป
ทางด้านหลังพิม มีใครกำลังเดินเข้ามาหาพิม

พิมหันมาสะดุ้งเฮือก มั่นยืนจ้องหน้าพิมอย่างจะเอาเรื่อง
"ข้าบอกแล้วใช่มั๊ย อย่ามาที่นี่อีก"
"พี่มั่น...ข้ามีเรื่องจำเป็นจริงๆ"
"ต้องให้ใช้กำลังใช่มั๊ย"
มั่นไม่ฟังเสียง โกรธมาก ลากพิมไป

ฟ้ามืดแล้ว มากเดินดุ่มๆขึ้นเรือน แม่นากนั่งหันหลังไกวเปล สีหน้าเครียด
"พี่มาก ตักน้ำเสร็จแล้วหรือจ๊ะ"
"บ้าจริงๆ"
"พี่มากหงุดหงิดเรื่องอะไรหรือ"
"ก็แม่พิมน่ะสิ ไม่รู้ว่านากจะจำได้หรือเปล่า แม่พิม น้องไอ้เพลิง อันธพาลหัวตะเข้นั่นแหละ"

นากจำได้ เมื่อครั้งที่พิมมาที่เรือน เพื่อจุดธูปขอขมาแทนเพลิง แล้วธูปดับ
"ฉันมาขอขมาแม่แทนพี่ชายฉัน ฉันไม่รู้ว่าเขาทำผิดคิดร้ายอะไรแม่ แต่ตอนนี้เขาสำนึกผิดแล้ว ขอแม่นากโปรดให้อภัยด้วยพี่เพลิง เขาสำนึกแล้วจริงๆ"

"จำได้สิจ๊ะพี่ ทำไมจะทำไม่ได้"
"นั่นแหละ จู่ๆก็มาบอกว่า แม่นากของพี่เป็นผี อะไรกัน นี่ใจคอจะเลวกันทั้งพี่ทั้งน้องเชียวหรือ เสียแรงข้าเอ็นดู ให้ไอ้มั่นพายเรือไปส่งถึงหัวตะเข้ไม่น่าเล๊ย"
นากก้มหน้าสะอื้น มากรีบเข้าไปปลอบ
"นากเป็นอะไรไป ร้องไห้ทำไม"
"พี่เชื่อฉันหรือยัง ใครๆ เขาก็รังเกียจหาว่าฉันเป็นผี แล้วอย่างนี้พี่ยังจะไปหาพวกนั้นอีกหรือ"
"โธ่แม่นาก แม่อย่าคิดมากเลย คนอื่นจะพูดว่าอย่างไรก็ช่าง แม่อย่าเอามาใส่ใจเลย"
"จะไม่ให้ฉันเสียใจได้อย่างไร ฉันไม่เคยอยากเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับชีวิตของคนอื่น ฉันต้องการแค่พี่ แค่ได้อยู่กับพี่ อยู่กับครอบครัวของฉัน ทำไม คนต้องเข้ามาวุ่นวายด้วย ฉันเกลียดพวกมัน เกลียด"
"โธ่นากเอ๊ย เราจะบังคับปากคนไม่ได้หรอกนะแม่ สู้บังคับใจเราดีกว่า อย่าไปใส่ใจคำคนเลย ยังไงพี่ก็รักนากของพี่ พี่ไม่มีวันฟังเสียงคนซุบซิบนินทาหรอก"
"แม้ว่า ...ฉันจะเป็นผี ....อย่างที่คนเขาพูดกันน่ะหรือจ๊ะพี่มาก พี่แน่ใจหรือ"
"แน่ใจสิ พี่รู้ดีกว่าใครว่าแม่นากเมียพี่เป็นอย่างไร"
มากเชยคางนากขึ้นมอง
"สวยน่ารักออกจะปานนี้ จะเป็นผีได้อย่างไร"
แม่นากหลบตามาก มากเชยคางแม่นากขึ้นมอง
"อย่าเสียอารมณ์เลยนะแม่นากของพี่ ไปช่วยถูหลังให้พี่ดีกว่า พี่ตักน้ำขึ้นมาไว้เต็มตุ่มแล้ว น่านะ"
"โธ่พี่มากก็ พี่ไม่อายใครหรือ"
"จะอายทำไม ตรงนี้ก็ไม่มีใครอยู่ซักหน่อย มีแต่แม่นากกับพี่สองคนเท่านั้น ปล่อยไอ้แดงมันไว้ในเปลนี่แหละ นะจ๊ะ นากคนดีของพี่"
มากยิ้ม นากพยักหน้าเขินอาย
มากยิ้มแล้วเดินไป นากมองตามแล้วเปลี่ยนสายตาเป็นเคียดแค้น

"ไอ้เพลิง"
 
อ่านต่อหน้า 4

แม่นาก ตอนที่ 8 (ต่อ)

มั่นลากพิมเข้ามาในป่าแบบไม่ปรานีปราศรัย พิมวิ่งหกล้มหกลุกตามมา

"ประเดี๋ยวสิพี่มั่น ฟังฉันก่อน"
มั่นหยุดหอบหันมา พิมชะงัก เห็นหน้ามั่นมีรอยปูดบวม
"พี่เป็นอะไรไปหรือ ตอนเจอกันที่วัด ยังไม่มีนี่นา"
"แม่ไม่ต้องมาพูดดีเลย อยากรู้ก็ไปถามพี่ชายตัวดีของแม่สิ"
พิมชะงัก
คิดถึงเรื่องที่พิมแอบฟังเพลิงคุยกับ หมึก เก่ง ที่ท่าน้ำ ทั้งสี่เบิกบานกระหยิ่มยิ้มย่อง
เพลิงบอก "กูสะใจจริงจริ๊ง"
เก่งบอก "มันบังอาจมาลูบเหลี่ยม ลบคมพี่เพลิงแบบนี้ เอาไว้ไม่ได้หรอก"
หมึกบอก "แหม พี่ช่างใจกล้า ไปอัดมันถึงพระโขนง กลางวันแสกๆแบบนี้"
"กูกล้า กูมั่นใจ มีอะไรหรือเปล่าล่ะ อ้อ เรื่องนี้พวกมึงเหยียบให้จมดินเลย กูไม่อยากให้ใครรู้"

พิมชะงัก
"ที่แท้ก็เป็นผีมือพี่เพลิง น่าโมโหจริงๆเชียว"
พิมรู้สึกผิด เอื้อมมือไปจะแตะแผลอย่างเบามือ มั่นชะงัก ยอมให้พิมแตะแผล สองคนมองหน้ากัน แบบเผลอตัว พอมั่นรู้สึกตัวสะบัดหน้าหนีทันที
"ไม่ต้องมาแกล้งทำเป็นดี"
"เปล่านะ ข้าไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ สาบานได้"
มั่นหันมามองหน้าพิม พิมจ้องหน้าตรงๆ ไม่มีพิรุธ มั่นถอนหายใจ
"ช่างเถอะ ๆ ข้ามันคนจน แม่อย่ามาอีกเลย ถือว่าข้าขอร้อง"
พิมนึกได้
"แต่ว่า ... เมื่อกี้นี้ ข้าเจอพี่มาก"
มั่นหันขวับ พิมละล่ำละลัก
"จริงนะ ข้าพอรู้ว่า พี่เพลิงต้องก่อเรื่อง ข้าถึงมาดูให้รู้แน่ แต่ผิดไปหน่อย ดันเป็นพี่ที่เจ็บตัว"
มั่น น้อยใจ
"งั้นหรือ อย่ามากุเรื่องเลย ข้ามาหาพี่มากตั้งหลายครั้ง เรือนร้างไม่มีใครอยู่หรอก ถ้าจะมาปล่อยข่าวเพื่อซื้อที่ มันก็เลวร้ายเกินไปนะ"
"ไม่นะ ข้าเจอพี่มากจริงๆ"
"ข้าไม่อยากฟังเจ้าพูดอีกแล้วกลับไปซะ"
พิมทำท่าจะอ้าปากพูดอีก มั่นปิดปากพิม จ้องตาดุ
"ถ้าพูดอีกคำ ข้าจะเอามีดปาดคอแม่ จริงๆ"
มั่นหยิบมีดออกมา
"เข้าใจตรงกันนะ"
พิมพยักหน้า ปิดปากเงียบ

ในวงเหล้าตอนกลางคืน เพลิง หมึก เก่ง นั่งกินเหล้ากัน หมึกเทเหล้าให้เพลิง เอาใจ
"กูละสะใจจริงจริง นี่ถ้ากูซื้อที่บางพระโขนงได้ กูจะเผาบ้านไอ้มากกับอีนากทิ้งซะ ไม่ให้มันขวางหูขวางตากู"
หมึกบอก
"พี่เพลิงทำได้อยู่แล้ว เรื่องแบบนี้ มันอยู่ในสายเลือด จริงมั๊ยไอ้หมึก"
เก่งบอก
"จริงจ๊ะพี่เพลิง เรื่องช...(จะหลุดคำว่าชั่ว แล้วนึกได้) เรื่องช่วยเหลือลูกน้อง พี่น่ะสุดยอด"
เพลิงยิ้มพอใจ ยกเหล้าขึ้นดื่มอีก เหล้าหมด
"มึงไปเอาเหล้ามาอีก เร็วเข้า นานๆกูจะหนีนายแม่ลงมาได้ ต้องกินให้สมอยาก ไม่อย่างนั้นกูต้องนอนแห้งอยู่บนห้องไปอีกหลายวันกว่าจะครบเดือน"
เพลิงสั่งแล้วลุกขึ้น หมึกรีบคว้ามือไว้
"แล้วพี่จะไปไหนล่ะ"
"กูก็จะไปยิงกระต่ายน่ะสิ ไอ้โง่"
เพลิงหัวเราะแล้วไป หมึกกับเก่งมองหน้ากันแล้วหัวเราะ
"โธ่ ปวดเบาก็ไม่บอก"

มั่นโพกหัวคลุมหน้า พายเรือมาส่งพิม เรือเข้าเทียบที่ริมตลิ่ง แต่ไม่ใช่ท่าหน้าเรือนอย่างเคย
"ถึงแล้ว ไปได้"
พิมทำท่าลังเล มั่นเมินหน้า
"พี่จะเชื่อฉันหรือไม่ก็ตาม แต่ว่าฉันเห็นพี่มากอยู่ที่เรือนจริงๆ แล้วพี่มากก็บอกว่า เขาอยู่กับแม่นาก"
มั่นตวาด "ยังจะพูดอีกหรือ"
พิมตกใจ ขึ้นจากเรือไปยืนบนฝั่ง มั่นหันหัวเรือกลับ
"ฉันพูดเพราะเป็นห่วงพี่มากจริงๆนะจ๊ะ "
มั่นหงุดหงิด น้อยใจ ทำเป็นไม่สน พายเรือไป พิมทำหน้าไม่พอใจ
"โอ๊ย อะไรกันนักกันหนาเนี่ย"
เสียงเพลิงดังเข้ามา "นังพิม เอ็งไปไหนมา"
พิมสะดุ้งโหยง หันไปเห็นเพลิงยืนจ้องเขม็ง

พิมเดินจะหนีเข้าห้อง เพลิงจับพิมไว้
"บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ ว่าไอ้ผู้ชายที่มาส่งเอ็งน่ะเป็นใคร"
พิมชะงัก
"พี่จำไม่ได้หรือ ว่าใคร จำไม่ได้จริงๆหรือ"
"นังน้องคนนี้ ถ้ากูรู้จะถามมั๊ยว่าใคร"
"ถ้าไม่รู้จะถามไปทำไม หรือว่าพี่จะไปต่อยตีหาเรื่องเขาอีก"
พิมจ้องหน้าเพลิง เพลิงหลบตา
"เป็นไอ้มั่นใช่มั๊ย มันยังกล้าอีก อย่างนี้กูต้องเอาให้ตาย"
พิมสวน
"ไม่ใช่พี่มั่นหรอก เพราะพี่เพลิงซ้อมเขาปางตายไม่ใช่หรือ ทำอะไรไว้ ให้มันเกรงกลัวบาปกรรมบ้างนะพี่"
"ก็ช่วยไม่ได้ กูไม่ชอบให้ไอ้นั่นมายุ่งกับเอ็งนี่"
พิมหันไปมองหน้าเพลิง อึดอัด
"ทำไม จะทำตัวเป็นพี่ชายที่แสนดีหรือ เฮอะ เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ไม่ต้องมายุ่งกับเรื่องของฉัน"
พิมสะบัดจะไป เพลิงคว้าแขนไว้
"กูบอกไว้ก่อน ถ้าเอ็งไปยุ่งกับคนพระโขนง กูจะตามไปฆ่ามันทุกคนเลยคอยดู"
พิมชะงัก แต่ยังทำปากแข็ง
"งั้นก็ดีเลย ไปฆ่าพี่มากอีกคน ฆ่าให้ตายทั้งผัวทั้งเมียเลย จะได้หมดเรื่อง"

พิมมองหน้าเพลิงแล้วสะบัดเข้าห้อง เพลิงโกรธ

เดินเข้าห้องมา ตกใจ พอนั่งที่เตียง พิมโมโหตัวเอง

"โอ๊ย พูดไปได้ยังไง ให้ฆ่าซะทั้งผัวทั้งเมีย" พิมตบปากตัวเอง "ไม่น่าเลย ไม่น่าเลย เกิดพี่เพลิงทำจริง ฉันมิบาปอีกหรือนี่"
อีกทางหนึ่ง ปุกกำลังเก็บข้าวเก็บของในห้อง
"คุณหนูพิมเจ้าขา มีอะไรหรือเจ้าคะ"
พิมสะดุ้งโหยงหันมาเห็นปุก
"โอ๊ย วันนี้มีแต่เรื่องตกใจ ไม่กลัวฉันตายบ้างหรือ"
"หายไปไหนมาเจ้าคะ ดูสิ เลอะเทอะไปหมดเลย"
พิมมองดูตัวเอง เลอะเทอะจริงอย่างปุกว่า
"ประเดี๋ยวบ่าวไปเตรียมน้ำให้อาบนะเจ้าคะ ดูสิ เลอะเหมือนไปวิ่งเล่นกลางทุ่งนามา"
"ฉันไปดูสวนให้แม่น่ะ เออ อาบน้ำก็ดี ฉันเพลียเต็มทีแล้ว"
"บ่าวจะไปเตรียมให้เดี๋ยวนี้แหละเจ้าค่ะ"
ปุกหันหน้าไป ทำหน้าสงสัย
พิมแอบถอนหายใจโล่งอก

เพลิงยกเหล้าซดจนหมดแล้ววางแก้วลงหัวเสีย
"กูเห็นกะตา ว่ามีผู้ชายพายเรือมาส่งนังพิม"
เก่งถาม
"อ้าว แล้วพี่ไม่รู้หรือว่ามันเป็นใคร"
"กูไม่รู้ มันโพกหัวจนมิดไปหมด"
หมึกบอก
"ข้าว่า ไม่น่าจะใช่ไอ้มั่นนะพี่ มันโดนซ้อมปางตาย จะมีหน้าพายเรือมาส่งคุณหนูพิมถึงหัวตะเข้ มันกินดีหมีหัวใจเสือมาหรือ"

"หรือว่า ไอ้มากมันกลับมาแล้วจริงๆ"
เก่งกับหมึกมองหน้ากัน
เก่งถาม
"แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะพี่"
"ฉันไม่กล้าไปยุ่งกับมันหรอกนะ ผีอีนากมันดุเอาเรื่อง เข็ดบอกตรงๆ" หมึกบอก
เพลิงนิ่งคิดสีหน้าเครียด แล้วยิ้ม
เพลิงยิ้มร้าย
"กูมีวิธี ดีซะอีก กูจะได้กำจัดไอ้มาก แล้วก็ยึดบ้านมันมาเป็นของกูซะเลย"
เก่งกับหมึกมองหน้ากัน วิตก
เพลิงยิ้มร้าย

คืนนั้น มากนอนหนุนตักนากดูดาว มากชี้ชวนในนากดูดาวบนท้องฟ้า
"ดูดาวดวงนั้นสิ สวยมั๊ย"
"สวยจ้ะพี่"
"ตอนพี่ ไปรบ กลางคืนพี่ต้องคอยระวังข้าศึก หลับไม่ได้ ถึงจะให้หลับพี่ก็หลับไม่ลง รู้มั๊ยเวลาพี่คิดถึงนากพี่จะทำยังไง"
"ทำอย่างไรหรือพี่"
มากขยับลุกขึ้นจ้องตา ยกมือให้นากดู ชายผ้าที่มากขอนากไว้เพื่อดูต่างหน้าก่อนไปรบ

มากจับมือแม่นากไว้
" พี่ขอชายผ้าสไบนากไว้ได้ไหมจ๊ะ พี่จะเอาไว้ดูต่างหน้านากไงจ๊ะ"
นากมองมากนิ่งน้ำตารื้น ฉีกชายผ้าแถบส่งให้ มากรับเอามามัดกับข้อมือไว้ แล้วยกมือให้นากดู
"พี่ติดตัวไว้ตลอด ไม่เคยห่าง พี่บอกกับตัวเองว่า ยังไงก็ต้องรักษาชีวิตกลับมาเห็นหน้านากกับลูกให้จงได้"
นากเศร้า
"โธ่พี่มาก ฉันต่างหากที่รักษาสัญญาไว้ไม่ได้"
"สัญญาอะไร นากก็อยู่ตรงนี้กับพี่แล้วนี่ไง ดูโน่น...นั่นดาวสวยแค่ไหน ก็สู้ในตาคู่นี้ของเมียพี่ไม่ได้ " มากจูบแก้มนาก "พี่รักนากเหลือเกิน ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร คิดอย่างไร แม่อย่าได้เอามาใส่ใจ พี่จะอยู่คู่นากของพี่ไปตลอด จนกว่าลมหายใจพี่จะสิ้น"
นากมองมากอย่างซาบซึ้ง ซบลงกับอกมาก มากกอดนากไว้ มองดูดาวอย่างเป็นสุข

ในห้องนอน มากนอนกอดนากไว้ในอ้อมแขน มากหลับสนิทพลิกตัวไปอีกทาง นากลืมตาขึ้น หันไปมองมาก ในห้องมากกลายเป็นห้องรกเรื้อ
ประตู เปิดออก แม่นากเลื่อนตัวออกไปจากห้อง มีลมพัดผ่านใบไม้ปลิวออกจากห้อง แล้ว
ประตูปิดปัง
มากนอนหลับใหลไม่ได้สติ

มั่นนั่งอยู่ในบ้าน สีหน้าครุ่นคิด
พิมบอกกับมั่นว่า มากอยู่กับนาก
"พี่จะเชื่อฉันหรือไม่ก็ตาม แต่ว่าฉันเห็นพี่มากอยู่ที่เรือนจริงๆ แล้วพี่มากก็บอกว่า เขาอยู่กับแม่นาก
พิมตะโกนตามหลังมั่นมา
"ฉันพูดเพราะเป็นห่วงพี่มากจริงๆนะจ๊ะ"
มั่นทำหน้าเจ็บใจ หมั่นไส้ แบบหึงนิดๆ
"ผู้หญิงอะไร หน้าด้านหน้าทนเหลือรับ พูดหน้าไม่อายว่าต้องใจผู้ชายก่อน ตามไปดูผู้ชายถึงเรือน หน้าไม่อายจริงๆ"
มั่นขยับตัว แล้วเจ็บสูดปาก
"รู้งี้ไม่ถ่อเรือไปส่งให้เสียเวลา น่าจะปล่อยให้ว่ายน้ำกลับไปซะก็ดี"
มั่นค่อยๆขยับเปลี่ยนท่าแล้วชะงัก เสียงหมาหอนดัง
"จะหอนอะไรกันนักกันหนา"
มั่นครุ่นคิด
แม่นากยืนมองมั่นอยู่ที่หน้าบ้านสักครู่หนึ่ง แล้วค่อยเลือนหายวับไป

พิมนั่งอยู่ที่หน้ากระจก หวีผม ทาน้ำอบ มองซ้ายมองขวา พิจดูตัวเอง
"ฉันก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ ทำไม พี่มั่นถึงได้ดุด่าว่ากล่าวตลอด หรือว่า ฉันไม่มีเสน่ห์หญิงเลยหรือ"
"บ่นอะไรเจ้าคะคุณพิมเจ้าขา คุณพิมน่ะทั้งสวย ทั้งเก่ง อย่าไปสนใจไอ้หนุ่มบางพระโขนงเลย พอดีพอร้ายจะเป็นเรื่องใหญ่โตไปเสียอีก"
"บอกแล้วไง ฉันไม่ได้สนใจพี่มั่น แต่สนใจ พี่...."
"จะใครก็ไม่ได้ทั้งนั้นนั่นแหละเจ้าค่ะ บ่าวขอร้อง อย่าพูดอีก ถ้านายแม่ กับท่านขุนได้ยินเข้า จะร้อนไปทั้งเรือน นะเจ้าคะ บ่าวขอร้อง นอนได้แล้ว ประเดี๋ยวปุกจะเหน็บมุ้งให้"
พิมขัดใจ แต่ก็เดินไปนอนแต่โดยดี
ที่หน้ากระจก มีสร้อยพระของพิมแขวนไว้
ปุกมองพิมอยู่แล้วส่ายหน้า
"เฮ้อ อกอีปุกจะลุกเป็นไฟ คุณพิมนะคุณพิม หาเรื่องแท้ๆ"
ปุกหันไปล้มตัวลงนอนเฝ้าที่หน้าเตียง
พิมนอนกระสับกระส่าย พยายามข่มตาให้หลับ
ที่หน้าต่าง เห็นแม่นากมองตรงมาที่พิมสีหน้าดุ

ในความฝัน พิมเดินอยู่ในความมืด
"นี่มันที่ไหนกันน"
พิมมองเห็นผู้หญิงเดินอยู่ทางด้านหน้า พิมรีบวิ่งตามไป
"รอประเดี๋ยวก่อนแม่ รอฉันด้วย"
พิมวิ่งไปจนถึงคว้าแขนผู้หญิงคนนั้น พอหันกลับมาเป็นแม่นาก พิมกรี๊ด
"แม่นาก!"
พิมจะสะบัดมือออก แต่ไม่หลุดจากแขนแม่นาก แขนแม่นากเริ่มเน่าเฟะหลุด เป็นชิ้นๆ มีหนอนไหลออกมา พิมกรี๊ด
"เลิกยุ่งกับครอบครัวของกู ไม่เช่นนั้นพวกมึงจะมีอันเป็นไป"
พิมสะบัดมือจนหลุดล้มลงนั่งที่พื้นถอยร่นไปจนที่มุม
"อย่านะ อย่าทำอะไรฉัน ฉันไม่รู้เรื่อง"
"เพราะเอ็งไม่รู้เห็นด้วย ครั้งนี้ข้าจะปล่อยไป แต่หากยังกลับมาวุ่นวายอีก คอยดูข้าจะไม่ละเว้นหน้าไหนทั้งนั้น"
พิมหลับตาปี๋ แม่นากก้มหน้าลงมาใกล้ๆ เกือบชิดพิม
"อย่านะ ข้ากลัว ปล่อยข้าไป"
"เตือนไอ้เพลิงด้วย อย่าไปเหยียบบางพระโขนงอีกเด็ดขาด"
พิมกรี๊ด

นอนอยู่บนเตียง ร้องกรี๊ดผุดลุกขึ้นทันที ปุกยืนจับตัวพิมไว้ อย่างเป็นห่วง
"โอ๊ย ขวัญเอ๊ยขวัญมา คุณพิมของบ่าวเป็นอะไรไปเจ้าคะ"
พิมตกใจ
"ฉันฝันเห็นผี จริงๆนะปุก ฉันเห็นผีจริงๆ"
"ผีที่ไหนกันล่ะคะคุณหนู"
"ฉันเห็นผีแม่นาก ."
ปุกหน้าเครียดขึ้นทันที พิมกอดปุกไว้เหมือนเป็นที่พึ่ง

พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ที่หัวสะพาน พิมใส่บาตรอธิษฐาน
"ฉันขออุทิศส่วนกุศลให้แก่แม่นาก อย่าได้มีเวรต่อกันและกันเลย"
ปุกยืนมองสีหน้าหนักใจ พิมกรวดน้ำ
น้ำไหลจากขวดลงในภาชนะที่รอง

บนเรือนแม่นากในเวลาเดียวกัน แม่นากนั่งมองมากที่นอนหลับใหลไม่ได้สติ
แม่นากชะงัก เหมือนตัวแม่นากจะสว่างขึ้น เพราะได้รับส่วนบุญที่พิมอุทิศให้ชั่วแว๊บเดียว แม่นากก็
กลับมาเป็น แม่นากหน้าตาซีดเซียวเหมือนเดิม
"ข้าขอบใจ ที่นึกถึงข้า แต่ข้าคงรับส่วนบุญของใครไม่ได้หรอก"
นากถอนหายใจเศร้า มองมากที่นอนอยู่

พิมกับปุกเดินมาตามทาง พิมครุ่นคิด ปุกแอบมองเป็นห่วง
"ยังไงคะคุณหนู สบายใจขึ้นหรือยัง"
"ไม่รู้สิ ฉันสังหรณ์ใจยังไงชอบกล"
"สังหรณ์เรื่องอะไรเจ้าคะ ยังไงมันก็เป็นแค่ความฝัน คุณหนูก็ทำบุญไปให้แล้ว น่าจะจบกันได้แล้วนี่เจ้าคะ"
"อย่าลืมสิว่าฉันน่ะไม่ใช่ตัวการใหญ่ ไอ้ที่โดนๆเนี่ย มันหางๆเท่านั้น"
ปุกชะงัก
"คุณหนูหมายความว่า ...ตายจริง พ่อเพลิง"
"นั่นแหละตัวการใหญ่ จริงสิ ฉันยังไม่เห็นพี่เพลิงเลย"
ปุกอึกอัก
"คงยังไม่ตื่นกระมังคะ"
"ไม่ได้การ ฉันต้องเตือนพี่เพลิง"
พิมวิ่งไปทันที ปุกมองตามร้อนใจ
"ตายๆ โอ๊ย อกอีปุกจะลุกเป็นไฟ เมื่อไหร่จะจบจะสิ้นเรื่องกันซะทีหนอ"

วิ่งขึ้นมาบนเรือน ตรงไปที่ห้องเพลิง เมื่อเปิดประตูเข้าไป ห้องเพลิงว่างเปล่า
"ไปไหนเนี่ย"
พิมหันกลับมา เห็นบ่าวเดินเข้ามา
"ใครเห็นพี่เพลิงบ้าง"
บ่าวส่ายหน้า
"ไม่เห็นเจ้าค่ะ"
พิมแปลกใจเดินเข้าไปในห้อง หันไปมองที่หน้าต่างแล้วชะงัก เห็นผ้าขาวม้ามัดไว้ ที่หน้าต่าง
พิมวิ่งไปดูที่หน้าต่าง เห็นผ้าขาวม้ามัดต่อกันทอดยาวลงไปบนพื้น
"ว่าแล้วเชียว จะทำดีได้นานซักกี่น้ำ"

พิมวิ่งออกไปทันที
 
อ่านต่อตอนที่ 9
กำลังโหลดความคิดเห็น