แม่นาก ตอนที่ 1
ช่วงเช้ามืด ดวงอาทิตย์ยังไม่ขึ้น แต่ท้องฟ้าเริ่มเห็นแสงรำไร บริเวณท้องนา มากกำลังไถนา ส่งเสียงกระตุ้นให้ควายเดิน
ในแปลงนาถูกไถพลิกหน้าดินขึ้นมา เสียงโคลนดูดเท้าดังเป็นระยะ ใบหน้าอันคมคายของมากเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อที่ไหลย้อย แต่กระนั้น สายตาเขากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น มากหยุดปาดเหงื่อ หันไปมองนาที่ยังไม่ได้ไถซึ่งยังเหลืออีกมาก เขาหันไปดูอีกทาง
ณ ริมขอบฟ้า พระอาทิตย์เริ่มขึ้น
"ต้องทำให้เสร็จไม่อย่างนั้นจะล่าไม่ทันฝน" มากพูดกับตัวเอง
เขายังคงไถนาต่อไปอย่างมุ่งมั่น
แดดบนฟากฟ้าเริ่มแรง เสียงไก่ขันขานต้อนรับวันใหม่ ...
เช้าต่อเนื่อง... ไก่โก่งคอขันบนคอน ควันไฟลอยสูงขึ้นระหลังคาบ้าน บรรยากาศทุ่งนายามเช้าสวยสดชื่น คนเริ่มเดินคอนกระจาดกระบุง เดินไปตามคันนา เพื่อเริ่มทำงานในตอนเช้า
ณ มุมหนึ่ง มั่นกับกลุ่มเพื่อนๆ อันประกอบด้วย ทุ้ย โพล้ง เค้งเดินมาตามคันนา ทุ้ยชี้มือไปในนา
"ดูนั่นสิ ไอ้มากใช่มั๊ย มันมาตั้งกะเมื่อไหร่วะเนี่ย" ทุ้ยถามมั่น "ไอ้มั่น ญาติเอ็งมาทำไมเอ็งไม่มาพร้อมกันเลยวะ"
"ข้าจะไปรู้ได้ยังไง ก็นอนกันคนละมุ้งนี่นา" มั่นประชด "สงสัยมาตั้งก่อนไก่โห่กระมัง"
"อะไรของพวกเอ็งวะ อยู่บ้านเดียวกันไม่ใช่รึ" โพล้งว่า
เค้งบอก "พี่มากนี่มันขยันจริงๆ ในบางพระโขนงใครจะขยันทำงานเท่าพี่มาก คงไม่มีอีกแล้วละ"
ทุกคนพยักหน้าให้กันเป็นเชิงเห็นด้วย
"เอ็งต้องเอาอย่างไอ้มากมันนะโว๊ย ไอ้มั่น"
โพล้งพูดพลางตบบ่ามั่นแล้วเดินไปหามาก มั่นทำท่าฮึดฮัด เหมือนไม่พอใจ
มากปาดเหงื่อ มั่นยื่นกระบอกน้ำมาตรงหน้า เขาชะงักหันไปมอง
"ขอบใจพี่มั่น"
"เอ็งมาตั้งกะเมื่อไหร่เนี่ย ทำไมไม่เรียกข้าด้วย จะได้มาช่วยเอ็งอีกแรง" มั่นบอก
มากรับกระบอกน้ำมาจิบอย่างกระหาย
"ฉันเห็นพี่ยังไม่ตื่น ก็เลยไม่อยากปลุก ครั้นจะนอนต่อก็คงไม่หลับแล้ว เลยลุกออกมาก่อน" มากส่งกระบอกคืนให้มั่น "ขอบใจมากนะ"
"พักก่อนไหมเอ็ง"
"ฉันไม่อยากให้เสียเวลา ฉันตั้งใจจะไถให้หมดวันนี้ พรุ่งนี้จะได้ดำนาซะที นี่ก็ล่ากว่าคนอื่นแล้ว""ไม่เห็นจะต้องรีบ ขนาดนั้นเลยนี่นา นามันตั้งหลายแปลง เอ็งทำคนเดียวมันก็ต้องช้าเป็นธรรมดารอวันสองวันจะเป็นไรไป ข้ากับพวกก็มากันลงแขก ประเดี๋ยวก็เสร็จ" มั่นบอก
"พี่พูดอย่างนี้มันก็ไม่ถูก จะไปรอคนอื่นมาช่วย มันก็เหมือนกับยืมจมูกคนอื่นเขาหายใจ ฉันมันจนกว่าคนอื่น ก็ต้องขยันให้มาก ใครๆจะได้ไม่ดูถูก เวลาไปขอลูกสาวเค้า ผู้ใหญ่ก็จะเห็นใจว่า ถึงฉันจะจน แต่ขยัน มีพร้าเหน็บหลังมาแค่อันเดียว ก็อยากจะยกลูกสาวให้ไง"
"เฮ้อ เอ็งก็เอาแต่ฝันไป คนสมัยนี้น่ะ ถึงจะหล่อเหลา ขยันขันแข็ง มือสากกระด้างแค่ไหน ใครๆ ก็อยากให้ลูกสาวได้คนรวยทั้งนั้นแหละ อย่าฝันไปเลย"
"ไม่จริงหรอก ผู้หญิงดีๆยังมีอีกเยอะแยะไป ดูอย่างแม่นากเป็นตัวอย่าง" มากยิ้มปลื้ม "ลงมือทำงานเถอะ เดี๋ยวสายนักแดดจะร้อน"
มากไม่สนใจ เดินไถนาต่อไป มั่นมองตามแล้วส่ายหน้าไม่เห็นด้วย
เรือนป้าเงิน บ่งบอกถึงว่ามีฐานะพอสมควร เป็นเรือนไม้หลังใหญ่
... เสียงตำน้ำพริก... โขลกรัวๆ ดังแว่วๆมา เห็นแผ่นหลังของแม่นากกำลังยกมือตำน้ำพริกรัวๆ จากเรียวแขน ไปจนถึงวงหน้างาม ระเรื่อด้วยเลือดฝาด เธออมยิ้มนิด
ครูต่อมา นากวางสากในมือลง มองส่วนผสมที่วางอยู่ในกระจาด จำพวกพริกแดง หอมกระเทียม
ผักสด ที่วางเรียงรายในกระจาด เธอหยิบเครื่องปรุงขึ้นมา หอมกระเทียมที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในครก ชั่งด้วยมืออย่างชำนาญ ทิ้งลงไปในครกอย่างคล่องแคล่ว ลงมือโขลกต่อไป แล้วหยิบพริกใส่ลงครก นากชะงักมือ นิ่งคิด แล้วเปลี่ยนใจ
จากที่คิดว่าจะหยิบพริกเขียวทั้งหมด เปลี่ยนเป็นพริกแดงใส่ลงไปผสมด้วย แล้วลงมือโขลกต่อไป
ทางด้านหนึ่ง ป้าเงินมองนากอย่างชื่นชม แต่อดแปลกใจไม่ได้
"นากเอ๊ย ทำน้ำพริกอะไรหรือนั่น"
"น้ำพริกขี้กาจ๊ะป้า"
"น้ำพริกขี้กา ทำไมไม่ใส่พริกเขียวล่ะ ใส่พริกแดงลงไปทำไม"
"อ๋อ ฉันอยากให้สีมันสวยน่ะจ๊ะ เลยใส่พริกแดงลงไปด้วย แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะเผ็ดนะจ๊ะป้า ฉันลดพริกเขียวลงไป ใส่หอมเผาเพิ่มไปแทนจ๊ะ"
นากหันไปหยิบสายบัวขึ้นมากหักเป็นชิ้นพอคำ ดึงลอกเอาเปลือกออกจนหมด ตักน้ำพริกวางลงส่งให้ ป้าเงินรับไปชิมแล้วยิ้ม
"อืม....นี่ขนาดน้ำพริกขี้กาไม่ได้ใส่อะไรนอกจากพริกกับกระเทียม เอ็งยังตำได้อร่อยกลมกล่อม แบบนี้เค้าเรียกว่ามีรสมือ รู้จักเลือกพริกทำให้สีสันกับข้าวหน้ากินขึ้น กินกะสายบัวสดๆก็อร่อยแล้ว นี่ถ้าได้ปลาย่างมาแนมก็ยิ่งดี เก่งมากนากเอ๊ย แล้วนี่เอ็งทำขนมอะไรล่ะ ทำไมมันสีแปลกตาดีแท้"
ป้าเงินหมายถึง ขนมขี้หนู สีชมพูปนแดง
"ขนมขี้หนูจ๊ะป้า ฉันทดลองใส่น้ำดอกอัญชัญลงไปด้วย"
ป้าเงินแปลกใจ
"อัญชัญหรือ มันต้องได้สีม่วงสิ ทำไมได้สีออกแดงแบบนี้ล่ะ"
"อ๋อ ฉันลองบีบมะนาวลงไปในน้ำดอกอัญชัญ มันกลายเป็นสีแดง ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย เห็นว่าสีมันสวยแปลกดีเลยลองใช้ดู ใช้ได้มั๊ยจ๊ะป้า"
"ดีๆ รู้จักพลิกแพลง ลำจวน จำปี เอ็งต้องดูไว้เป็นเยี่ยงอย่างนะ"
ป้าเงินหันไปอีกทาง แล้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นหงุดหงิดทันที
อีกมุมหนึ่งในครัว จำปีกับลำจวนนั่งคุยกันกระจุ๊กกระจิ๊กไม่สนใจเรื่องอื่นใด
ป้าเงินถอนหายใจเฮือก หันไปมองที่เตาไฟ หม้อแกงเดือดควันฉุยอยู่ อีกเตา หม้อข้าวกำลังเดือดพลุ่ง
"นังลำจวน!!! ไม่เห็นหรือ หม้อข้าวเดือดจนจะแตกอยู่แล้ว เอ็งจะไม่รินน้ำข้าวออกหรือ กะเดี๋ยวข้าวก็แฉะไม่เป็นตากินหรอก"
ลำจวนสะดุ้งเฮือก วิ่งไปที่เตาไฟทันที จำปีก้มหน้าเด็ดสายบัวอย่างเร็ว ป้าเงินส่ายหน้าเดินไปหยิบสายบัวออกมายกดู ป้าเงินอ้าปากค้าง
"นังจำปี นี่เอ็งเด็ดสายบัวให้คนกิน หรือเกี่ยวหญ้าให้ควายกินกันแน่ ยาวขนาดนี้ ไม่พันคอตายกันหมดเรือนหรือ" ป้าเงินโวยวาย
จำปีหน้าเจื่อน รีบคว้าสายบัวมาจากมือป้าเงิน มาเด็ดให้สั้นลง
"แหม ฉันก็เผื่อไว้ บางคนอาจจะชอบยาวชอบสั้น"
ป้าเงินค้อน
"อีนังนี่ เถียงคำไม่ฟาก ประเดี๋ยวเถอะเอ็ง ปากดีแบบนี้ ชาตินี้คงหาผัวลำบาก"
"อุ๊ยตายแล้ว ก็ฉันมีป้าเป็นแบบอย่าง อยู่ค้างติดเรือนก็ได้นี่นา ไม่เห็นจะกลัวเลยจริงมั๊ย"
ป้าเงินเงื้อมือจะเขกหัวจำปี เสียงเพล้งดังสนั่น ป้าเงินชะงัก หันไปมองอีกทาง
"นังลำจวน!!" ป้าเงินเสียงดัง
อีกทาง ลำจวนทำหม้อข้าวตกแตก ยืนมองอย่างตกใจอยู่
ป้าเงินถอนหายใจ
"พอกัน อีนังสองตัวนี่ อีกระเชอก้นรั่ว อีถั่วค้างร้าน"
ลำจวนยกมือไหว้ปลกๆ
"ฉันขอโทษป้า หม้อมันร้อนนี่นา"
"เอ็งน่ะมันซุ่มซ่ามเหลือเกิน เอ็งหุงข้าวมากี่ครั้งแล้ว หม้อแตกวันเว้นวัน สงสัยต้องหาผัวเป็นช่างปั้นหม้อแล้วละเอ็ง มือห่างตีนห่างกันจริงเชียว" ป้าเงินบ่นฮุบ
"จริงจ๊ะป้า วันก่อนมันก็ทำไมอ่างคนห่อหมกแตก"
จำปีหลุดปากแล้วนึกได้ หันไปมองลำจวนแล้วทำหน้าขอโทษ ลำจวนถลึงตาใส่
"นั่นไง กูว่าแล้วเชียว"
"ชั้นขอโทษจะป้า ตอนล้างมันหลุดมือไปกระแทกหินลับมีด เลยบิ่นไปหน่อยเดียว อีจำปีขี้ฟ้อง" ลำจวนว่า
ลำจวนค้อนจำปี จำปีทำหน้าจ๋อยปิดปากไว้ รีบลุกขึ้นไปช่วยกันเก็บข้าวของ ป้าเงิน ส่ายหน้า "พอกันทั้งสองตัวนั่นแหละ โอ๊ย กูจะบ้า สอนเอ็งสองคนเหนื่อยแทบขาดใจ คนนึงก็ปากเบา อีกคนก็หยาบเป็นขี้ควาย สอนลิงให้เล่นลิเกคงจะง่ายกว่า หัดดูนากไว้เป็นตัวอย่างบ้าง ข้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยหนัก"
ป้าเงินหันไปมองอีกทางอย่างชื่นชม ส่วนจำปีและลำจวนมองหน้ากันแล้วพยักหน้าเหมือนรู้กันจำปีพูดกับนากอย่างรู้ทัน
"ฉันรู้นะ ว่าน้ำพริกขี้กาครกนี้ นากทำให้ใคร ถึงได้อร่อยเป็นพิเศษแบบนี้"
จำปีมองหน้านากแล้วยิ้ม นากอมยิ้ม
เรือของเพลิงแจวตามคลองพระโขนง มาแต่ไกลๆ
บนเรือ เพลิงแต่งตัวโอ่อ่า อวดรวย มีสร้อยทองเส้นโตห้อยออกมานอกเสื้อ ชายพกใหญ่เหมือนมีเงินเยอะ กระเป๋าตุง เพลิงนั่งวางท่าเต๊ะจุ๊ย ทำหน้าตากรุ้มกริ่ม อยู่ที่หัวเรือยิ้มชะเง้อคอมองสาวๆที่ท่าน้ำ
สาวล้างผักที่สะพาน ทำหน้าขวยเขินเอียงอาย พอเงยหน้าขึ้นมา กลายเป็นสาวขี้เหร่มาก เพลิงทำหน้าเมิน
เพลิงถาม "ไอ้เก่ง ไอ้หมึก เคยได้ยินมั๊ย เค้าลือกันว่า มีสาวงามมากมาย"
เก่งและหมึกพยักหน้าพูดขึ้นพร้อมกัน “จ๊ะพี่เพลิง”
เพลิงยิ้มพยักหน้าแล้วก็กวาดตามองไปทั่ว
"นี่กูนั่งเรือมาตั้งแต่เช้าจนนี่จะเพลแล้ว กูยังไม่เห็นสักสาวนึงที่เห็นๆมาก็เหลือรับ"
เก่งบอก
"อ้าวพี่ สาวๆสวยๆใครเขาจะมาอาบน้ำกันตอนเพลเล่าจ๊ะ มันต้องหัวค่ำชิงพลบโน่น"
"อ้าว แล้วเอ็งก็ไม่บอกข้า เสียแรงข้าอุตส่าห์รับอาสามาเก็บดอกให้แม่พวง เสียเวลาข้าชะมัด""แหมพี่เพลิงก้อ รู้ก็ดีแล้วว่ามาเก็บดอกให้แม่พวง นี่ดอกก็เก็บไม่ได้ สายป่านนี้แล้วเรารีบกลับกันเหอะ ประเดี๋ยวจะบ่ายคล้อย แม่พวงจะด่าพวกฉันเนื้อติดปากล่ะสิ" หมึกบอก
"จริงจ๊ะพี่ คราวก่อน แม่พวงยกกระโถนน้ำหมากครอบหัวฉัน ยังเหม็นไม่หายเลย" เกงว่า
"ทุ้ย!!! เอ็งสองตัวนี่มันปอดแหกนี่หว่า"
"ฉันยอมรับก็ได้ ว่ากลัวแม่พวง ก็พี่มันลูกชาย ฉันมันขี้ข้านี่นา" เก่งว่า
"โธ่เว๊ย เสียอารมณ์ เสียเวลา กลับก็ได้วะ"
เก่งกับหมึกยิ้ม รีบหันหัวเรือกลับทันที จังหวะนั้น เพลิงชะงัก ตะลึง !
เรือของนากล่องมากลางคลองพระโขนง ลมพัดผมปลิวสยาย จนต้องเอามือรวบผมมาไว้ที่ไหล่อีกข้างหนึ่งเพื่อไม่ให้ผมปลิว เธอขยับตัวเอียงไปอีกด้านหลบลม
เพลิงตะลึงในความงามจนไม่วางตา พร่ำเพ้อ
"นางฟ้า"
เรือของนากลอยผ่านไป
"ไอ้หมึก กลับเรือเร็วเข้า เร็วสิโว๊ย"
หมึกกับเก่งงง
"พี่ว่าอะไรนะ พี่เพลิง"
"กูบอกให้มึงเหหัวเรือใหม่ ไม่ได้ยินหรือไงวะ มึงดูโน่น" เพลิงชี้มือไปพลางบอก "แม่เจ้าโว๊ย.....ลูกสาวบ้านไหนกันวะถึงได้งามหยดย้อยขนาดนี้ ไอ้เก่งไอ้หมึกเอ็งดูสิวะ"
เก่งสอพลอ
"สาวบ้านหัวตะเข้เทียบไม่ติดเลยนะพี่เพลิง"
"นั่นสิวะ สวยบาดใจข้าจริงๆ นางในฝันข้าแท้ๆ"
หมึกประจบ
"มาวันนี้ไม่เสียเที่ยวแล้วพี่เพลิง"
เก่งกับหมึกจ้วงพายอย่างเร่งรีบแต่เรือไม่ขยับ เพลิงมองแต่เรือของนาก จนเรือกำลังล่องจะผ่านโค้งน้ำไป...
เพลิงร้อนใจสั่ง
"เฮ้ย!! เร็วสิวะ นางในฝันข้าจะพ้นโค้งน้ำอยู่แล้ว"
เก่ง หมึกมองหน้ากัน
"ไม่ได้แล้ว พี่เรือมันติดสวะน่ะ"
"มึงก็เขี่ยสิวะ ไอ้โง่"
เก่ง หมึกเอาไม้พายพยายามเขี่ยสวะออก
เพลิงร้อนใจลุกขึ้นยืนมองตามเรือของนากที่ล่องผ่านไปจนลับตา
เพลิงอารมณ์เสีย
"โธ่เว้ย!! ไม่ทันจนได้"
เพลิงหงุดหงิดอารมณ์เสีย หมึกกับเก่งมองหน้ากัน คอหด
เวลาต่อมา บริเวณที่พักใต้ต้นไม้ มั่น ทุ้ย โพล้ง และเค้ง เตรียมกับข้าวกับปลาจะกินกัน มั่น โพล้ง ช่วยจับปลาในนา มั่นมองปลาในมืออย่างปลื้มปริ่ม
ทางด้านหนึ่ง ทุ้ยเดินไปตะโกนเรียกมาก
" ไอ้ทิดมากโว๊ย!! พักกินข้าวกันก่อนเถอะ"
มากที่ไถนาอยู่ได้ยินเสียงทุ้ยก็หยุดมือ มองไปที่หัวนา แต่ไม่เห็นใคร เขาหันกลับไป
พูดกับทุ้ย
"อีกเดี๋ยว พวกเอ็งหิวก็กินกันไปก่อนเลย ไม่ต้องรอข้า ข้ายังไม่หิว"
ทุ้ยเดินกลับเข้ามาพูดกับเค้ง
"ข้าว่านาทั้งผืน ไอ้มากไถคนเดียวก็คงเสร็จล่ะมั้ง ทำงานไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย" ไม่ใช่ไม่เหนื่อยหรอก แต่ที่พี่มากยังไม่พักน่ะมันรอกินสำรับพิเศษต่างหาก"
เค้งยิ้มกับเพื่อนอย่างมีนัยยะ
มั่นก้มหน้ายิ้มกริ่มแบบมีแผน มองไปที่มากกำลังไถนาอยู่
เวลาต่อเนื่องมา นากรีบเดินมาหามากที่ทุ่งนา ในมือมีปิ่นโตกับข้าวมาด้วย จำปี ลำจวนเดินไล่หลังมา นากยิ้มมองไปที่ทุ่งนา พลางเรียก
" พี่มาก"
มากยิ้มดีใจที่เห็นนาก
" นาก!"
มากยิ้มรีบวิ่งไปหานากทันที
ที่เถียงนา มั่น ทุ้ย โพล้ง เค้งกำลังจะกินข้าวกันอยู่มองไปที่มากกับนาก
โพล้งบอก
"ดูมัน ไอ้มากเอ๊ย พอนังนากมามันทิ้งงานเลย ทีพวกเราบอกให้มันพักมันก็ไม่พัก"
"มันไม่เหมือนกัน พี่เป็นใคร แล้วนากมันเป็นใคร" เค้งว่า
โพล้งพยักหน้า
"เออใช่ข้าลืมไป"
โพล้ง เค้ง ทุ้ยยิ้มให้กัน มั่นสีหน้าเครียดจ้องมากกับนาก โพล้งสะกิดเค้ง และทุ้ยให้ดูมั่น
มุมหนึ่งที่ท้องนา มากวิ่งเข้ามาหานาก ทั้งคู่ยิ้มจ้องตากัน
"วันนี้ฉันทำของโปรดมาให้พี่มากด้วยนะจ๊ะ"
"อะไรหรือ"
จำปี ลำจวนประสานเสียง “น้ำพริกขี้กา” แล้วทุกคนก็หัวเราะขำกัน
"นากรู้ใจพี่จริงๆ น้ำพริกขี้กาของใครก็ไม่อร่อยเท่ามือแม่นากทำ"
"แหม พี่มากก้อ ปากหวานเสียจริง"
"พี่พูดอย่างที่คิด มันจริงนี่นา"
มากยิ้มปลื้ม นากมองมากที่เหงื่อท่วมตัว
"เหนื่อยมากมั๊ยจ๊ะพี่ ดูสิเหงื่อท่วมตัวไปหมดเลย"
นากหยิบผ้ามาเช็ดเหงื่อที่หน้าให้ มากยิ้ม
" เหนื่อยแค่ไหนพี่เห็นหน้านากพี่ก็หายเหนื่อยแล้วล่ะจ๊ะ"
จำปี ลำจวนยิ้มทำหน้าทะเล้นทำเสียง “ฮืม.....” นากเขินอาย
"ลำจวนเอ๊ย ข้าว่า เราเอาข้าวไปส่งทางโน้นดีกว่า อยู่ตรงนี้ไปรังแต่จะเป็นส่วนเกิน ให้คนเขาขวางหูขวางตากัน" จำปีบอก
"นั่นน่ะสิ เฮ้อ ไปกันเถอะ"
"พูดอะไรแบบนั้น ไปด้วยกันนี่แหละ" นากงว่า
มากช่วยนากถือปิ่นโตแล้วเดินกันไป จำปี ลำจวนเดินแยกไปอีกทาง
นากจัดสำรับกับข้าวให้มากอยู่ ณ ที่พัก บริเวณต้นไม้ใหญ่ ขณะที่มั่นเดินถือพวงร้อยปลาช่อนตัวโตเข้ามา
"พี่มั่น มากินข้าวด้วยกันสิจ๊ะ ฉันทำน้ำพริกขี้กามาด้วย" นากชักชวน
"แม่นาก ฉันมีของมาฝากด้วยนะ ปลาช่อนนาตัวอ้วนเชียว"
นากมองปลาช่อนแล้วยิ้ม
"ขอบใจมากจ๊ะพี่มั่น พี่มากก็เอามาให้ นี่ไง"
นากหยิบปลายกขึ้นให้มั่นดู ปลาตัวโตและอ้วนกว่าของมั่น
มั่นจ๋อยไปเลย
"อ้าว ไอ้มากเอ็งไปจับปลาตอนไหนล่ะเนี่ย" มั่นถาม
"อ๋อ ข้าธงเบ็ดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว"
"ขอบใจมากนะจ๊ะพี่มั่น แต่เก็บไว้กินเถอะ เอาไปเยอะฉันก็กินไม่หมด"
มากชวน
"มากินข้าวด้วยกันสิ พี่มั่น ข้าวปลามีเยอะแยะ"
มั่นหงุดหงิด
"กินกันเถอะ ฉันจะเอาปลาไปให้ไอ้เค้งมันเผา"
มั่นเดินปึงๆไป นากมองตามแล้ว
"พี่มั่นเค้าอารมณ์ไม่ดีหรือเปล่าจ๊ะพี่มาก" นากถาม
"พี่มันก็เป็นแบบนี้นั่นแหละ อย่าไปสนใจมันเลย กินข้าวกันดีกว่า"
นากลงมือจัดข้าวให้นากกิน
อีกมุมหนึ่ง ลำจวน จำปี กำลังจัดข้าวปลาให้ทุกคนได้กินกัน มั่นเดินหน้าบึ้งถือปลาเข้ามา ลำจวนกับจำปีมองปลาแล้วยิ้ม
"พี่มั่นเอาปลามาฝากฉันหรือจ๊ะ แหม กำลังอยากได้ไปแกงส้มอยู่เชียว" จำปีว่า
มั่นยื่นปลาให้อย่างกระแทกกระทั้น
"เอ็งอยากได้ก็เอาไป"
จำปีรีบรับมอง ลำจวนส่ายหน้าทำไม่รู้ไม่ชี้
ทุ้ย โพล้ง เค้งมองหน้ากันแล้วหัวเราะ
เค้งถาม
"นี่พี่ยังไม่เลิกคิดอะไรกับนากมันอีกเหรอพี่"
ทุ้ยบอก "ก็เจ้าตัวเค้ารักอยู่กับไอ้มาก เอ็งก็รู้แล้วจะมาทำตัวเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงไปทำไมกันไอ้มั่น ยังไงนากไม่ก็ไม่สนใจเอ็งหรอก"
มั่นมองหน้าทุ้ย
"ก็ไม่แน่หรอก สักวันนากอาจเห็นความดีของข้าบ้าง" มั่นว่า
ทุ้ยหัวเราะ
"อย่างเอ็งจะเอาอะไรไปเทียบกับไอ้มาก หล่อก็ไม่หล่อแถมยังพูดจาขวานฝ่าซากอีก ผู้หญิงที่ไหนเค้าจะเอา"
"อีกอย่างเอ็งกับไอ้มากก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ไอ้มากมันก็รักเอ็งเหมือนพี่ชายแท้ ๆ อย่ามาผิดใจกันด้วยเรื่องผู้หญิงเลยว่ะ ผู้หญิงดีๆยังมีอีกเยอะ" โพล้งว่า
ลำจวนรีบยืดตัวให้มั่นเห็น
"ข้าหมายถึงผู้หญิงคนอื่น ไม่ใช่เอ็ง นังลำจวน" โพล้งบอก
ลำจวนทำท่าจ๋อย จำปีหัวเราะขำ
โพล้ง เค้ง ทุ้ยหัวเราะขำกัน มั่นฉุนกระแทกตัวลงนั่ง ทำหน้าเหยเก
"ใครได้กลิ่นขี้ควายมั๊ยเนี่ย" มั่นถาม
"เอ่อ พี่มั่นนั่งทับมันไงจ๊ะ" จำปีว่า
ทุกคนหัวเราะขำ มั่นหงุดหงิด
อ่านต่อหน้า 2
แม่นาก ตอนที่ 1 (ต่อ)
ต่อมา... สำรับกับข้าวของมากเกลี้ยงไม่เหลือ นากส่งขันน้ำให้ มากดื่มน้ำ นากเก็บสำรับอาหาร
"อร่อยเหลือเกิน นี่ถ้าพี่ได้กินข้าวฝีมือนากทุกมื้อก็คงดี"
นากยิ้ม "แรกๆก็พูดแบบนี้แหละ ต่อไปขี้คร้านจะบ่นว่าเบื่อ"
มากกรุ้มกริ่ม
"ถ้าเป็นนาก ไอ้มากคนนี้ไม่มีวันเบื่อหรอกจ๊ะ"
นากยิ้มเขินอาย
"แล้วนี่นากจะกลับเรือนเลยหรือเปล่า"
"ยังจ๊ะพี่มาก เดี๋ยวฉันต้องไปเก็บสายบัวมาทำแกงให้ป้าเงินไว้ใส่บาตรวันพรุ่งจ๊ะ"
"งั้น พี่จะพานากไปดูที่ๆนึง"
นากแปลกใจ
"ที่ไหนจ๊ะ"
มากยิ้ม แบมือให้นาก นากวางมือตัวเองลงบนมือมาก ทั้งคู่ยิ้มให้กัน
มากเดินเอามือปิดตานาก พาเดินขึ้นมาจากหัวสะพาน
"ค่อยๆเดินนะนาก ระวัง มาทางขวานิดนึง ตรงนี้ก้าวลง"
นากเดินลงแล้วเซ มากรีบประคองไว้
"ลืมตาได้หรือยังจ๊ะ พี่จะพาฉันไปไหนจ๊ะ"
มากประคองนากมาหยุดยืนมอง มากยิ้มปลื้มใจ
"ลืมตาได้แล้ว ช้าๆนะ"
นากค่อยๆลืมตาขึ้นแล้วยิ้มกว้าง เห็นบ้านริมบึง เป็นเรือนไม้ยกพื้น สภาพเก่าแก่ บันไดทางขึ้นไปมีนอกชาน
"นี่บ้านใครจ๊ะพี่มาก"
"บ้านของเราไงล่ะ นี่เป็นบ้านเก่าของลุงแดง ญาติห่างๆ เค้ายกให้พี่ อีกหน่อยมันจะกลายเป็นเรือนหอของเรา ซ่อมซักหน่อยก็คงพออยู่ได้"
นากเขิน
"บ้าจัง ใครบอกว่าฉันจะแต่งงานกับพี่ล่ะ พี่มาก อย่ามาตู่กันแบบนี้สิ"
มากกอดนากไว้ นากเอียงอาย
"พี่คงแต่งงานกับใครไม่ได้แล้วนอกจากแม่นากคนนี้คนเดียว ถ้านากไม่แต่งงานกับพี่ พี่คงต้องไปโดดน้ำตาย"
มากทำสะบัดจะไป นากรีบเรียกไว้
"พี่มาก ประเดี๋ยวก่อนสิ ทำใจน้อยไปได้"
"ก็นากไม่รับปากพี่นี่นา พี่จะอยู่ไปทำไม"
"แต่ว่าป้าเงินยังไม่อนุญาตเลย ฉันไม่กล้า"
"รอหมดหน้านานี่ ข้าจะไปขอแม่นากให้เป็นเรื่องเป็นราว แม่นากสัญญานะ ว่าจะมาเป็นแม่เรือนให้กับพี่"
นากเขิน เอียงอาย
"สัญญานะ ถ้าไม่ยอมพี่จะโดดน้ำตายจริงๆ"
นากร้อนใจ
"สัญญาสิจ๊ะพี่มาก"
มากยืนเคียงคู่นาก ยืนมองบ้าน วาดฝันสวยงาม
ต่อมา ณ บึงบัว ที่มีดอกบัวชูช่อไสวอยู่ในบึง ละแวกนั้นดอกโสนบานสะพรั่ง นากกับมากพายเรือเก็บสายบัว ทั้งคู่มีความสุข ยิ้มส่งตาให้กัน
มากเก็บบัวดอกสวย มือจับรวบผมของนากแล้วทัดหูให้ นากยิ้มจ้องตา นากดมกลิ่นดอกบัวแล้วส่งให้ มากรับมาดม แล้วเคี้ยวสายบัวกลืนเข้าคอไป นากหัวเราะขำ
มากโน้มกิ่งโสนให้นาก เก็บดอกวางไว้บนใบบัวที่วางไว้ สองคนยิ้มให้กัน
ณ มุมหนึ่งใกล้ริมบึง จำปี และลำจวนยืนมองคู่รักทั้งสอง
จำปีบอกกับลำจวน
"นี่ถ้าป้าเงินรู้ว่านากกับทิดมากมันรักใคร่กันขนาดนี้ ไม่รู้ว่าป้าเงินจะว่ายังไงบ้าง"
"อย่าปากโป้งไปเชียวนะจำปี ขืนป้าเงินรู้มีหวังไม่ได้ออกจากเรือนไปไหนแน่" ลำจวนบอก
"ฉันรู้หรอกน่า"
"เห็นพูดแบบนี้ทีไร คนรู้กันทั้งบาง"
"แหม....เอ็งข้าเป็นคนปากสว่างหรือไงวะ นังลำจวน"
"ไม่ใช่หรอก แต่เอ็งน่ะมันปากสว่างมากเลยเชียวละ"
จำปีค้อน ลำจวนไม่สนใจ ทั้งคู่มองมากกับนากแล้วก็ยิ้มมีความสุขตามไปด้วย
เรือนกำนันเพชร ในบริเวณบ้านหัวตะเข้ พวงจันทร์กลับเข้ามาเรือนพร้อมกับพิม บ่าวไพร่รีบยกน้ำมาส่งให้พวงจันทร์กับพิม
พิมนั่งลง รีบหยิบน้ำมา จะยกดื่มอย่างกระหาย แล้วชะงัก พิมมองเห็นดอกไม้ลอยในขันน้ำ
"โอ๊ย หิวน้ำจะตาย ทำไมต้องเอาดอกไม้มาลอยด้วย กินลำบากชะมัด" พิมว่า
"นังลูกคนนี้ ดอกไม้ลอยไว้ก็ให้มันหอมชื่นใจ แล้วคนมาร้อนๆเหนื่อยๆ ขืนกินน้ำอักๆๆๆๆ สำลักตายพอดี" พวงจันทร์ว่า
"ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะแม่ วันๆ เอาแต่ทำงานงกๆ ไอ้เรื่องงานบ้านงานเรือนนี่ แม่ก็ใช้นังพวกบ่าวทำกันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ หรือว่าใจคอแม่จะใช้ฉันทำด้วย ไม่ไหวนะ เหนื่อยตายเลย ไปใช้ลูกชายหัวเพชรหัวพลอยของแม่โน่น"
"เอ๊ะ นังพิม เอ็งนี่มันแกว่งปากหาเรื่องจริงเชียว ข้าพูดดีๆ ดันไปแขวะพี่เพลิงเค้าทำไม เออ" ถามบ่าว "นี่พ่อเพลิงกลับมาจากพระโขนงหรือยัง"
"กลับมาแล้วเจ้าค่ะ อยู่ในห้อง ประเดี๋ยวบ่าวไปตามให้"
"ตายจริง กลับมาแล้วมีใครหาสำรับกับข้าวให้กินบ้างหรือยัง"
"แม่จ๋า ห่วงฉันบ้างดีกว่ามั๊ย ฉันก็เพิ่งกลับมาจากเก็บดอกเบี้ยดอกหอยให้แม่นะ"
"นั่งนี่ ปากเก่งขนาดนี้ก็หากินเอาเองสิ ข้าไม่พูดด้วยแล้ว ไปดูพ่อเพลิงดีกว่า" พวงจันทร์ส่ายหน้า "แหม....เอ็งนี่มันปากร้ายจริงๆ ปากแบบนี้ระวังเถอะ.....จะขึ้นคานแห้งคาเรือน แล้วจะหาว่าข้าไม่เตือน"
"ไม่ขอฉันก็ไม่จะเดือดร้อนเลย ไม่มีผัวสิดี ฉันเห็นพี่เพลิงฉันก็เข็ดขยาดแล้วล่ะแม่"
พวงจันทร์ตีแขนพิมเบาๆ
"เอ็งนี่มันยังไงนะนังพิม เอะอะเป็นต้องพูดจาต่อว่าพี่ชายเอ็งอยู่ร่ำไป แม่ล่ะเหนื่อยใจกับเอ็งจริงๆไปดูพี่เอ็งดีกว่า"
"ฉันว่านะ พี่เพลิงก็เหลวตามเคยนั่นแหละ พนันกันมั๊ยล่ะแม่"
"เอ๊ะนังนี่" พวงจันทร์เงื้อมือจะทุบ พิมหลบแว๊บ "ประเดี๋ยวเหอะ"
พวงจันทร์เดินไป พิมทำท่าแบะปาก แต่ก็เดินตามแบบอยากรู้อยากเห็น
ภายในห้องนอน เพลิงนอนกระสับกระส่ายเอามือก่ายหน้าผากถอนใจ ... ภาพของนากสวยตราตรึงใจในภวังค์ ... ณ กลางคลองพระโขนง เรือของนากล่องมา ลมพัดผมปลิวสยาย เธฮเอามือรวบ
ผมแล้วมาไว้ที่ไหล่อีกข้างเพื่อไม่ให้ผมปลิว นากขยับตัวเอียงไปอีกด้านหลบลม
เพลิงตะลึงในความงาม จ้องนากอย่างไม่วางตา
"นางฟ้า..."
เพลิงทอดถอนใจ
"เฮ้อ.... แม่นางฟ้า แม่คือใครกันนะ"
พวงจันทร์เปิดประตูเข้ามาหาเพลิง พิมตามพวงจันทร์มาด้วย พิมพอเห็นพี่ชาย พิมยิ้มแบบ นึกอยู่
แล้ว
"นั่นไง นอนกินบ้านกินเมืองอยู่ เฮ้อ เดาหวย เดาโบกแม่นแบบนี้ก็ดี"
พวงจันทร์หันไปหยิกพิมหมับ พิมทำหน้าจ๋อย พวงจันทร์ค้อน แล้วหันไปปั้นหน้ายิ้มกับลูกชา
"เป็นยังไงบ้างลูก ไหนล่ะเงินที่พ่อเพลิงบอกว่าจะไปเก็บดอกเบี้ยให้แม่น่ะ ได้มาครบรึเปล่าจ๊ะลูก"
เพลิงรีบลุกขึ้นมานั่งคุยกับพวงจันทร์
เพลิงหน้าเครียด
"เรื่องนั้นไว้ก่อนเถอะแม่ ฉันมีเรื่องร้อนใจจะให้แม่ช่วยจ๊ะ"
พิมเสนอหน้า
"นั่นไงๆ บอกแล้ว ต้องเหลว"
เพลิงลุกพรวดขึ้นมองหน้าพิม
"นังพิม เอ็งนี่มันปากปีจอ แม่จ๋า แม่จัดการมันเลย มันน่ะชอบว่าพี่ว่าเชื้อ"
พิมกับเพลิงตั้งท่าจะทะเลาะกัน พวงจันทร์รีบห้าม
"หยุดเลยทั้งคู่ มีเรื่องอะไรกันแน่ อะไรที่มันสำคัญกว่าเรื่องเงินของแม่พ่อเพลิง หรือว่าเอ็งไปก่อเรื่องอะไรไว้อีก ห๊า"
เพลิงทิ้งตัวลงนอนเหมือนจะตายอีก
"ฉันไม่ได้ก่อเรื่องที่ไหนจ๊ะแม่" เพลิงหน้าเคลิ้ม "แต่ฉันตกหลุมรักสาวบางพระโขนงจ๊ะแม่"
พิมเบ้ปากทำหน้าเบื่อพี่ชาย
"นึกว่าเรื่องอะไรที่แท้ก็เรื่องเดิมๆ"
พวงจันทร์หันมาค้อนใส่พิม
"คนนี้รักจริงนะจ๊ะแม่"
"โอ๊ย....ฉันเห็นกี่คนกี่คน พี่เพลิงก็บอกรักจริงทุกคน"
เพลิงพูดกับน้องสาว
"หุบปากไปเลยนังพิม เอ็งเป็นเด็กเอ็งจะไปรู้อะไรเรื่องความรัก"
พิมเบ้ปากสะบัดหน้าใส่เพลิง
เพลิงขยับตัวเข้าไปใกล้แม่ เพลิงอ้อนและเซ้าซี้พวงจันทร์
"นะแม่นะ คราวนี้แม่ต้องช่วยฉันให้สมหวังนะจ๊ะแม่ ถ้าครั้งนี้แม่ช่วยฉันสมหวังฉันจะเชื่อฟังแม่ทุกอย่างเลย"
พวงจันทร์มองหน้าเพลิง นิ่งคิดหนัก พิมมองพี่ชายแบบเบื่อๆ
บริเวณริมคลองใกล้ทุ่งนา จำปี และลำจวนนั่งอยู่ในเรือ ในเรือมีสายบัวที่เก็บมาด้วย นากยืนคุยกับมากอยู่ที่ริมคลองไม่ห่างจากเรือนัก
"ฉันกลับก่อนนะจ๊ะพี่มาก แล้วฉันจะทำกับข้าวมาฝากอีกนะจ๊ะ"
มากยิ้มพยักหน้า
"พี่จะรอกินกับข้าวฝีมือนากนะ"
จำปี ลำจวนชะเง้อคอมองนาก
จำปีตะโกนเรียก
"นาก! ไปกันเถอะออกมากันนานแล้ว เดี๋ยวป้าเงินแกก็บ่นเอาอีกหรอก"
นากหันไปพูดกับจำปี
"จ๊ะ...ไปเดี๋ยวนี้แหละ"
นากยิ้มให้มากแล้วเดินลงเรือไป มากยืนยิ้มมองส่งนากจนลับตา
ในเรือนขุนเพชร ตอนกลางคืน พวงจันทร์นั่งอยู่ที่ตั่ง มีบ่าวคอยพัดให้ เพลิงนั่งอยู่ที่พื้นบีบนวดขาให้แม่อย่างเอาใจ พิมนั่งอยู่ที่พื้นมองพี่ชายกับแม่ พิมทำหน้าเบื่อหน่าย
"นะจ๊ะแม่จ๋า รับปากฉันสิแม่ ว่าจะไปขอเมียให้ฉัน"
" แล้วผู้หญิงที่พ่อเพลิงว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใครล่ะ" พวงจันทร์ถาม
พิมมองพี่ชาย เพลิงนิ่งคิด
"ชื่ออะไรฉันก็ยังไม่รู้เลยจ๊ะ รู้แค่ว่า สวยมาก สวยเหลือเกิน สวยเหมือนนางฟ้า"
พิมทำท่าผะอืดผะอม พวงจันทร์ตบอกผาง
" อ้าว....พ่อเพลิง ชื่อยังไม่รู้แล้วจะให้แม่ไปขอยังไงล่ะลูก"
"พิโธ่เอ๊ย....พี่เพลิง ไอ้ฉันก็ฟังอยู่นานนึกว่ารู้จักรักใคร่ชอบพอกันมานมนาน นี่อะไร๊....ชื่อก็ยังไม่รู้ ขอเมียนะไม่ใช่ขอหมาขอแมวจะได้ไม่รู้ชื่อรู้เชื้อ"
"นังพิม เอ็งชักจะมากไปแล้ว ข้ารู้หรอกว่า แม่นางฟ้าของข้าน่ะเป็นใคร ขอเวลาข้าซักประเดี๋ยวเถิด"
"เฮอะ ฉันว่าแม่อย่าสนใจเล๊ย ประเดี๋ยวพี่เพลิงก็มีรักใหม่แล้ว"
"ไม่ ครั้งนี้ข้าจริงจัง"
เพลิงผุดลุกขึ้นทำท่าจริงจัง แม่พวงมองอย่างร้อนใจ พิมหัวเราะใส่
เช้าวันใหม่ เพลิงเดินลงมาจากเรือน พิมวิ่งตามมา จับแขนไว้
"พี่เพลิง รอก่อน ให้ฉันไปด้วย"
เพลิงรำคาญ
"ไม่ ข้าไม่เอาเอ็งไปให้เกะกะข้าหรอก"
"ไม่รู้ล่ะ พี่เพลิงไปได้ ฉันก็ไปได้ งานสมโภชน์วัดมหาบุศย์ ครึกครื้นจะตาย ไม่ไปก็โง่ดำดินสิ"
"นังพิม เอ็งนี่ หนังหนาจริงๆนะ ร้องจะออกเที่ยว อะไรกันเป็นสาวเป็นนาง"
"ไม่รู้ล่ะ ถ้าพี่ไม่ให้ฉันไป ฉันจะบอกแม่เรื่องที่พี่เพลิงงุบงิบอัฐที่ลูกสวนมาส่งให้แม่เมื่อคราก่อน แม่จ๋า!"
พิมทำท่าจะตะโกน เพลิงรีบตะครุบปาก
"ก็ได้ๆ นังน้องคนนี้ ถ้ารู้ว่าเอ็งจะเรื่องมากขนาดนี้ ข้าคงเอาขี้เถ้ายัดปากเอ็งตั้งแต่เด็ก"
"คิดได้ตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วล่ะ เชอะ ในเมื่อพี่ไปหานางในฝันได้ ฉันก็ไปหา ผู้ชายในฝันได้เหมือนกัน "
"อีนี่ ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ ดูพูดเข้า ยางอายน่ะมีบ้างมั๊ย"
"ทำไมผู้หญิงถึงต้องมียางอาย แต่ผู้ชายไม่มี เป็นผู้หญิงแล้วยังไง อะไรที่ผู้ชายทำได้ฉันก็ทำได้เหมือนกัน ไม่รู้ล่ะ พี่ไปฉันก็ไป"
พิมยิ้มอย่างเป็นผู้ชนะแล้วไป เพลิงมองตามส่ายหน้า
เช้าเดียวกัน ที่เรือนป้าเงิน นาก จำปี ลำจวนเอาผ้าออกจากหีบมาทาบตัวเตรียมจะไปงานที่วัดมหาบุศย์ ทั้งสามสาวดีใจที่จะได้ไปเที่ยวงาน
จำปีเอาผ้าทาบตัว
"สีนี้สวยมั๊ยจ๊ะนาก"
"แล้วผ้าผืนนี้ล่ะ ฉันใส่จะสวยมั๊ย"
นากยิ้ม
"สวยจ๊ะ ใส่สีนี้ จำปีจะดูผ่องขึ้น ส่วนลำจวนน่ะ ต้องใส่สีเข้ม จะทำให้ดูบางลง ไม่เทอะทะ"
ป้าเงินเดินเข้ามา
"อ้าวนี่พวกเอ็งสามคนจะเตรียมตัวไปไหนกันรึ"
"พวกฉันจะไปงานสมโภชวัดมหาบุศย์กันนะจ๊ะ มีก่อเจดีย์ทรายด้วยนะจ๊ะป้า พวกฉันอยากจะขออนุญาตไปช่วยกันขนทรายเข้าวัด"
"จริงสิ ข้าก็ลืมไปซะสนิทเลย พวกเอ็งไปกันเถอะ ข้ามันแก่แล้วอยู่เฝ้าเรือนดีกว่า ไปแล้วก็ระวังตัวกันด้วย เป็นสาวเป็นนาง อย่าให้ใครๆมาข้องแวะ มันจะดูไม่งาม"
ลำจวนบอก
"แหม เก็บบ่มอยู่แต่ในบ้าน จะได้เห็นผู้ชายกันบ้างมั๊ยเนี่ย"
"นั่นสิ จะได้อวดโฉมกันบ้างก็ต้องระแวดระวัง" จำปีว่า
"พอเลย พวกเอ็งจะว่าข้าใช่มั๊ย เฮ้อ เป็นผู้หญิงน่ะเราต้องรู้จักวางเนื้อวางตัว ถ้าผู้ชายเข้าถึงง่ายๆ มันจะกลายเป็นของไม่มีค่า จำไว้นะนากเอ๊ย ถนอมเนื้อถนอมตัวไว้ เป็นแม่ศรีเรือน ซักวันต้องมีคนดีที่คู่ควรมาเห็นคุณค่าของเรา"
"จ๊ะป้า" นากบอก
ป้าเงินทำท่าจะพูดต่อ ลำจวนรีบบอก
"ไหนป้าว่าจะจะไปดูละมุดที่บ่มไว้ไงจ๊ะ ลืมแล้วล่ะสิ"
ลำจวนพยักเพยิดกับจำปี จำปีอ๋อ
"ใช่ ป้าบอกว่าจะไปนับละมุดในโอ่ง จำไม่ได้แล้วหรือ สงสัยจะขี้หลงขี้ลืม แต่ก็ยังไม่แก่นี่นา"
"จำได้สิ ข้าจำได้ แหม ไม่ต้องมาว่าข้าเลย ไว้พวกเอ็งอายุเท่าข้าบ้างข้าจะคอยดู"
ป้าเงินลุกขึ้นไปงงๆ สองสาวมองหน้ากันหัวเราะ
"ขืนปล่อยให้พูดต่อคงไปงานไม่ทันหรอก เร็วเข้ารีบแต่งตัว"
ลำจวนกับจำปีช่วยกันเลือกผ้าสไปอย่างร่าเริง นากมองผ้าในมือแล้วยิ้ม
ตอนเช้า ที่เรือนมาก มั่นเดินตามมากมา สีหน้าครุ่นคิด เรียกมากไว้ก่อนขึ้นเรือน
"ไอ้มาก!"
มากหันมาหามั่น
"ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับเอ็งสักหน่อย"
"มีอะไรก็พูดมาสิ พี่มั่น"
"เอ็งรักนากมันจริงรึเปล่า"
มากยิ้มตอบ "ก็จริงน่ะสิ ฉันรักนาก รักมากรักตั้งแต่แรกเห็น"
มั่นจ้องหน้ามาก
"พี่ถามทำไม" มากถาม
"ถ้าเอ็งรักนากมันจริงข้าก็เห็นดีด้วย ไม่มีอะไรหรอก" มั่นยิ้มๆ
"เออวันนี้ฉันนัดกับนากจะไปงานสมโภชที่วัดมหาบุศย์พี่จะไปด้วยกันมั๊ย"
มั่นยิ้ม "ไปสิ ไปเที่ยวดูสาวๆดีกว่าอยู่เฝ้าเรือนเปล่าๆ"
"งั้นก็รีบไปอาบน้ำอาบท่าแต่งตัวหล่อๆไปมองสาวๆเค้าจะได้สนใจพี่"
"ถ้าข้าหล่ออย่างเอ็งก็คงจะดี"
"หน้าตาน่ะมันอาจจะดีแค่ชั่วระยะนึง แต่ถ้าพี่ดีที่นี่" มากชี้ที่หัวใจ "พี่จะหล่อตลอดไป เชื่อฉันสิ"
มากยิ้มเดินขึ้นเรือนไป มั่นมองตามนิ่งคิด
ณ เรือนป้าเงิน นาก จำปี ลำจวน แต่งตัวสวยหวีผมปะพรมน้ำอบเตรียมตัวกันอย่างดี ป้าเงินยืน
มองสาวทั้งสาม
"เผลอแพล๊บๆพวกเอ็งโตเป็นสาวกันแล้วเหรอเนี่ย"
"โตเป็นสาวแล้วสวยรึเปล่าจ๊ะป้า"
ป้าเงินยิ้ม
"สวยสิ"
ลำจวนพยักหน้า ป้าเงินเดินเข้าไปหานาก
"จะว่าไปพวกเอ็งก็โตพอที่จะออกเรือนกันได้แล้ว ผู้หญิงเราน่ะสำคัญอยู่ที่คู่ครอง จะเชิดหน้าชูตาให้กับเราได้ ถ้าพวกเอ็งสามคนจะมีคู่ก็คิดกันซะให้ดี"
ลำจวนถาม "คิดให้ดียังไงล่ะจ๊ะป้า"
"ก็เลือกให้มันดีๆ ข้ารักพวกเอ็งไม่อยากเห็นพวกเอ็งต้องไปกัดก้อนเกลือกิน จะรักจะชอบใครก็เลือกเอาที่พอจะฝากผีฝากไข้ได้"
จำปีบอก "เพราะกลัวกัดก้อนเกลือกินรึเปล่าจ๊ะป้า ถึงอยู่คนเดียวมาถึงป่านนี้"
ป้าเงินเงื้อมะเหงก จำปีหลบ
"จะยากดีมีจน ฉันไม่กลัวหรอกจ๊ะป้าเงิน ฉันขอแค่ให้เค้ารักฉันคนเดียว ชีวิตนี้ฉันไม่ต้องการอะไรนอกจากมีครอบครัว ฉันอยากอยู่พร้อมหน้ากันพ่อแม่ลูก" นากบอก
นากมองไกลยิ้มฝัน ป้าเงินมองนากแบบเป็นกังวล
อ่านต่อหน้า 3
แม่นาก ตอนที่ 1 (ต่อ)
ในงานสมโภชที่วัดมหาบุศย์ ตอนกลางวัน ท่ามกลางบรรยากาศงานวัด เด็กวิ่งเล่นกันเกรียว กองทรายก่อเป็นรูปเจดีย์สวยงาม ติดประดับด้วยกระดาษสี ใบตอง ดอกบานไม่รู้โรย
หนุ่มสาวเดินกันเป็นกลุ่มๆใหญ่ แยกกัน ต่างคนต่างเดิน ชายหญิง ชี้ชวนดูบรรยากาศสนุกสนาน บนเวทีกำลีงแสดงลำตัด
ผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ ผู้คนมากราบไหว้ขอพรพระและเที่ยวชมงาน
ณ มุมหนึ่งของวัด ใกล้บริเวณที่ก่อกองราย มัคนายกยืนอยู่บนยกพื้นสูง ยืนประกาศเสียงดัง
"พ่อแม่พี่น้องชาวบางพระโขนงทั้งหลาย เรามาร่วมบุญร่วมกุศลกันในวันนี้ ชาติหน้าจะได้เกิดมาร่วมบุญร่วมกุศลกันต่อไปนะพ่อแม่พี่น้อง เชิญๆ ช่วยกันขนทรายมากองไว้ทางด้านนี้ ทางวัดจะได้ทำทางเดินให้พ่อแม่พี่น้อง ไปสู่ทางสว่าง เชิญๆนะ"
มัคนายกแอบหอบ หันไปอีกทาง มากกับมั่นยกขันน้ำส่งให้มัคคทายก รับไปจิบ
"ขอบใจโว๊ย นี่เอ็งสองคนแต่งตัวกันเรี่ยมเชี่ยมเชียว ไอ้ทิดมาก ไอ้มั่น ท่าทางน่าสงกะสัย"
มากยิ้มตอบ "ฉันก็มาช่วยขนทรายเข้าวัดไงลุงปลอด วันนี้คนมาเที่ยวกันคึกคักเชียว"
"คนแน่นจนหายใจแทบไม่ออก ไม่รู้จะมาทำไมกันนักกันหนา" มั่นบอก
"ไอ้มั่นเอ๊ย งานบุญงานเที่ยว มันต้องคึกคักเป็นธรรมดาสิวะ เอ็งก็พูดซะเป็นขวานผ่าซากเลย"
"เออ ก็ชั้นมันไม่ปากดี เหมือนไอ้มากนี่นา"
"ลุงปลอดเค้าแค่เย้าพี่เล่น ทำเป็นใจปลาซิวไปได้ ชั้นขนหินไปกองทางโน้นก่อนนะลุง" มากบอก"เออดีๆ ขอบใจนะโว๊ย ขอให้บุญกุศลส่งให้พวกเอ็งทั้งสอง สมมาตรปรารถนาทุกประการ สาธุ"
มั่นกับมากช่วยกัน ยกถังใส่ก้อนหินเดินไป มัคนายกมองตามแล้วยิ้ม ปีนขึ้นไปบนยกพื้น ประกาศบอกบุญต่อ
"เอ้า เชิญเข้ามา ช่วยกันทำบุญ กันคนละเฟื้อง คนละไพ คนช่วยวัดอยู่ได้ วัดช่วยคนให้เจริญ เชิญป้าลุง เข้ามา"
อีกมุมหนึ่ง ของงานวัด เพลิงก้าวเท้าเดินเข้ามาในงาน เพลิงแต่งตัวโก้ใส่สร้อยทองเส้นโต เดินมาหยุดยืนมอง เก่ง หมึกเดินตามเพลิงมาด้านหลังโพสท่าเหมือนเป็นมาเฟีย
ทางด้านหลัง พิมเดินมองซ้ายมองขวาอย่างตื่นตาตื่นใจ เข้ามาเกาะแขนเพลิง เพลิงหันไปมอง ก่อนสะบัดแขนออกจากน้องสาวทันที พลางดุ
"ปัดโธ่เว๊ย ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือ ว่าให้ไปเดินห่างๆ ประเดี๋ยวแม่นางฟ้ามาเห็นเข้าจะเข้าใจผิดว่าข้าเป็นพวกเจ้าชู้ไก่แจ้
พิมค้อน "แหวะ ดูไม่ออกก็ตาบอดตาฟางแล้ว"
"นังนี่ ประเดี๋ยวก็ไล่กลับบ้านซะเลย ไปเดินห่างๆไป๊"
"แหม ถามจริงเหอะพี่เพลิง ไอ้ที่พวกสาวๆเค้ามองพี่เนี่ย แน่ใจนะว่าเค้ามองหน้าตา ไม่ได้มองสร้อยคอ ห่อพกของพี่"
"นี่นังพิม เอ็งพูดแบบนี้เอามีดแทงข้าเลยดีมั๊ย ปากเหรอนั่น ไปไป๊ไปเดินไกลๆ ... หนอยนังนี่ ให้มาด้วยก็บุญแล้วยังจะมาพูดจาให้ข้าเสียอารมณ์อีก ไป เลยเอ็งไปเดินไกลๆข้าเลย ขืนมาเดินใกล้เอ็งต้องทำข้าเสียเรื่องแน่"
"เชอะคิดเหรอว่า ฉันอยากจะเดินกับพี่เพลิง ฉันก็กลัวคนเข้าใจฉันผิดเหมือนกันนั่นแหละ ฉันไปดูหุ่นกระบอกทางโน้นดีกว่า"
พิมสะบัดหน้าทำเก่งเดินหนีไป เพลิงส่ายหน้าเข็ดเขี้ยวกับน้องสาว แล้วชะเง้อคอมองหาใครบางคน
บริเวณหน้าวัดมหาบุศย์ มากยืนรอนากอยู่กับมั่นมาก ยืนชะเง้อคอกระสับกระส่าย
"ประเดี๋ยวก็มา ไม่ต้องร้อนใจนักหรอก" มั่นบอก
"พี่ไม่เคยมีความรัก พี่ไม่เข้าใจหรอก" มากว่า
" ทำไมข้าจะไม่เคยมี"
มั่นกับมากหันไปมองอีกทาง แล้วตะลึง
นาก จำปี ลำจวนเดินเข้ามาหา นาก สวยมากกว่าทุกวัน ทั้งสองถึงกับพึมพำเรียก "นาก"
จำปีกับลำจวนเดินเข้ามาใกล้
"ฉันกับลำจวนก็มานะพี่มาก พี่มั่น ไม่เห็นหรือ" จำปีบอก
จำปีกับลำจวนหัวเราะกับท่าทางของมากกับมั่น มากรู้สึกตัวยิ้มให้ทั้งสองคน
"จำปี ลำจวนมาเหมือนกันหรือ"
สองสาวมองหน้ามากทำท่าขำๆ นากเดินเข้ามา
"มานานหรือยังจ๊ะพี่มาก พี่มั่น"
มากยิ้ม "ไม่นานหรอกนาก แค่ชั่วยามเห็นจะได้"
นากยิ้ม มากมองนากทั้งเรือนร่าง
"วันนี้นากสวยมากจริงๆ"
จำปีพูดขึ้น "แหม....มากันตั้งสามคนชมนากอยู่คนเดียว แบบนี้มันน่าน้อยใจนัก"
มากหัวเราะ "จำปีก็สวย ลำจวนก็สวย"
"พูดแบบนี้ค่อยฟังรื่นหูหน่อย" จำปีว่า
ลำจวนมองไปในงาน
"ปีนี้จัดงานสมโภชใหญ่กว่าปีที่แล้วอีกนะจำปี ดูสิ"
"เราเข้าไปข้างในกันเถอะลำจวน ... ฝากนากเพื่อนฉันด้วยนะทิดมาก พี่มั่นไปด้วยกันสิจ๊ะ"
มากยิ้ม
"ไม่ต้องห่วง ฉันจะดูแลนากอย่างดีเลยจ๊ะ"
จำปีดึงมือลำจวน พยักพเยิดชวนมั่นเดินไป
"ไม่ดีกว่า ฉันจะไปดูทางโน้น ไปนะไอ้มาก" มั่นบอก
มากยิ้มพยักหน้าให้กับมั่นๆเดินแยกไป
"เราไปไหว้พระกันก่อนดีมั๊ยจ๊ะนาก" มากบอก
"จ๊ะพี่มาก"
มากพานากเดินไปที่โบสถ์ มั่นหยุดยืนหันไปมองตามทั้งคู่ ตาละห้อย
"ข้ายอมแพ้เอ็ง ไอ้มาก"
มั่นเดินคอตกไป
ฝ่ายพิมเดินมองซ้ายมองขวาอย่างตื่นตาตื่นใจ มาหยุดมุมหนึ่งในงานสมโภชวัดมหาบุศย์ ตรงหน้าเป็นโรงหุ่นกระบอก พิมยืนมองตื่นเต้น
อีกทางหนึ่ง มั่นเดินมามองหุ่นกระบอก แล้วถอนหายใจเซ็งๆ เดินเลี่ยงออกไป พิมหัวเราะขำหุ่นกระบอก แล้วค่อยๆถอยออกมา เธอเดินแวะซื้อ จักจั่นของเล่นประดิษฐ์ ที่ทำด้วยกระดาษ เมื่อหมุนไม้ทือไปกับด้ายที่ติดกับจักจั่น จะมีเสียงร้องหึ่งๆ และ พัดที่ทำจากใบลานย้อมสีสานฯลฯ พิมมัวแต่ก้มมองของเล่น ไม่มองทาง ขณะเดียวกัน มั่นเดินใจลอยมา ไม่มองทาง พิมเดินมาชนกับมั่นอย่างแรง ของเล่นพิมกระเด็นตกไปข้างทางเปียกน้ำหมด
พิมโวยวาย
"บ้าจริง"
พิมรีบก้มลงเก็บของขึ้นมาปัด ของเล่นเปียกเสียหาย
"แก เดินไม่ดูตาม้าตาเรือเลย ไม่เห็นคนหรือไง หรือว่าตาบอด"
พิมมองหน้ามั่นจะเอาเรื่อง มั่นงง
"อะไรกัน เป็นผู้หญิงยังไง เที่ยวไปชี้หน้าด่าว่าผู้ชายแบบนี้"
"นี่ เจ้า... แก เอ๊ย เอ็งเป็นใคร ถึงได้กล้าพูดกับฉันแบบนี้ มาชนฉันก่อนนะ"
"ใครชนใคร ฉันเดินของฉันมาดีๆ แม่ต่างหากที่เดินมาชนฉัน"
พิมฉุ
"อ๋อ คนบางพระโขนงเค้าเป็นแบบนี้กันหมดหรือยังไง ทำผิดแล้วยังจะมาพูดโยกโย้อีก ไม่รู้จักขอโทษหรือยังไง"
มั่นจ้องพิม
"อ้อ....นี่คนจากบางอื่น มิน่าเล่า หน้าตาไม่คุ้นเลย ลูกเต้าเหล่าใครกันพูดจาเหลือรับ"
พิมทำเชิ " หนอยแน่ะ ฉันลูกกำนันเพชรแห่งบ้านหัวตะเข้ รู้จักมั๊ย"
มั่นส่ายหน้า
"ไม่รู้จัก ไม่ใส่ใจด้วย จะบอกให้ เป็นผู้หญิงน่ะ เขาไม่มาเดินคนเดียวกลางงานแบบนี้หรอก อะไร้ ทำตัวเหมือนนักเลงหัวไม้ หาเรื่องต่อยตีชาวบ้าน กลับบ้านไปซะไป"
มั่นส่ายหน้าไม่อยากเถียงด้วย มั่นเดินไป พิมสะบัดหน้าเดินไปอีกทาง
"เดี๋ยวก่อนสิ หนอยแน่ะ ว่าฉันเป็นนักเลงหัวไม้หรือ เอ็งนั่นแหละนักเลงหัวหมา"
พิมกระทืบเท้าไม่พอใจ มองของเล่นในมืออย่างเสียดาย
เวลาต่อมา ภายในโบสถ์ มากกับนากกราบพระขอพร
"พี่มากขอพรอะไรจากพระจ๊ะ"
"พี่ขอให้ความรักของเราอยู่คู่กันตลอดกาล อย่ามีอุปสรรคใดๆมาขวางกั้น แล้วนากล่ะ อธิษฐานอะไร"
นากยิ้มเอียงอาย
"นากขอให้คุณพระคุ้มครองป้าเงินและคนที่ทุ่งพระโขนงของเราจ๊ะ"
"แค่นั้นเองรึ"
นากยิ้ม
"แล้วก็ขอให้พี่มากมีความสุข ขอให้คุณพระคุ้มครองพี่มากจ๊ะ"
"แค่นั้นจริงน่ะหรือ"
นากเขินก่อนตอบ
"แล้วก็ ... ข้าขอให้ได้อยู่เคียงข้างกับคนที่ข้ารักตลอดไป แม้ความตายก็ไม่อาจมาพรากได้"
"คนๆนั้นก็คือพี่ใช่มั๊ยจ๊ะ"
มากจ้องหน้านาก นากเขิน
พิมเดินมาที่ร้าน เห็นตุ๊กตาปั้นน้ำตาลเสียบไม้อยู่ พิมยิ้มจ้องแล้วเดินเข้าไปเอื้อมมือจะคว้าตุ๊กตาน้ำตาลเสียบไม้
ในเวลาเดียวกันก็มีมือของคนคว้าตุ๊กตาปั้นน้ำตาลไปก่อนหน้าพิมแค่เสี้ยวนาที พิมเงยหน้าไปจ้องทันที
"เฮ้ย!!แกน่ะ"
พิมตะลึงอ้าปากค้าง คนที่ดึงตุ๊กตาปั้นน้ำตาลไปคือ มั่น
"เฮ้ยอะไร เป็นผู้หญิงทำไมพูดจาวะเว้ยเฮ้ยฮะแบบนี้ ไม่มีใครสั่งใครสอนบ้างหรือยังไง"
"ไม่ต้องพูดมาก เป็นผู้ชายอะไรมาแย่งของจากมือผู้หญิง"
"ไม่ได้แย่ง แต่หยิบได้ก่อน"
"แบบนี้เค้าเรียกว่าแย่ง"
มั่นถอนใจ
"ถ้าอยากได้ก็เอาไปสิ"
มั่นยื่นตุ๊กตาเสียบไม้ให้ พิมยิ้มเย้ยแล้วยื่นมือจะไปรับตุ๊กตาเสียบไม้จากมั่น แต่เขาแกล้งปล่อยให้ร่วงหลุดมือ พิมชะงักจ้องหน้ามั่นตาขวาง มั่นไม่สนใจเดินออกไปทันที
"คนบ้า!"
ฝ่ายเพลิง เก่ง หมึก เที่ยวเดินตามดูสาวๆ ในงาน สมโภชวัดมหาบุศย์ หมึกมองสาวๆในงานแล้วชี้ให้เพลิงดู
"คนนั้นใช่มั๊ย แม่นางฟ้าของพี่"
"ทุ้ย ไอ้บ้า ไม่ใช่เว้ย ผู้หญิงที่ข้าเห็นสวยกว่านี้เป็นร้อยเท่า" เพลิงบอก
"แล้วคนนั้นล่ะพี่" หมึกชี้ไปอีกทาง
"นั่นก็ไม่ใช่"
เก่งบ่นๆ
"นั่นก็ไม่ใช่ นี่ก็ไม่ใช่ นี่เราเดินวนรอบวัดกันหลายรอบแล้วนะพี่"
"จะกี่รอบก็ต้องเดินหาให้เจอ"
เพลิงเดินไป เก่ง หมึกจำใจเดินตาม
มากเดินคุยมากับนาก เขามองไปเห็นว่านากร้อน เลยเอามือโบกไล่ความร้อนให้
"ร้อนอบอ้าวเหลือเกินนะจ๊ะพี่มาก"
"งั้น นากรอพี่อยู่ตรงนี้ก่อนนะ พี่จะไปหาน้ำตาลสดมาให้นากกินจะได้ชื่นใจ"
"ก็ดีเหมือนกันจ๊ะพี่"
นากยิ้มพยักหน้า มากเดินไป นากมองตาม
เพลิงกับพวกเดินมาเห็นนากพอดี เพลิงชะงักยิ้มแต้
"นั่นไง นางฟ้าของข้า"
เพลิงรีบเดินเข้ามาหานากทันที สมุนเพลิงรีบตามไป
มุมหนึ่งในวัด นากยืนมองรอบๆตัว พอหันกลับมาเห็นเพลิงมายืนจ้องหน้า นากก็ตกใจ
"น้องสาว มาคนเดียวเหรอจ๊ะ จำพี่ได้หรือเปล่า"
นากชะงัก ถอยห่าง ส่ายหน้า
"ขอโทษเถอะ พี่ชาย ฉันไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็นหน้าพี่มาก่อน พี่คงจำคนผิดแล้วล่ะ"
นากเดินเลี่ยง เพลิงเดินเข้ามาขวาง
"แต่พี่จำน้องได้นะจ๊ะ เราเจอกันที่คุ้งน้ำหน้าวัด เมื่อวานซืน"
นากส่ายหน้า
"ฉันจำไม่ได้ ขอตัวก่อนนะ"
นากเดินไป เพลิงคว้ามือทันที นากสะบัดตัว แล้วหันไปตบหน้าเพลิงอย่างแรง พอตบไปนากตกใจ เพลิงจับแก้ม มองนากแค้นๆ
"พี่จับมือฉัน ฉันตกใจ ขอโทษด้วย"
"แค่นี้แม่ต้องทำเป็นเล่นตัวด้วย"
เพลิงกระชากแขนนากไว้
นากสะบัดตัว
"ปล่อยนะอย่ามาทำเป็นอันธพาล ปล่อยมือชั้นเดี๋ยวนี้"
"ไม่ปล่อย ฤทธิ์เยอะแบบนี้ข้าชอบนัก"
นากสะบัดมือ ไม่หลุด นากกระทืบเท้าเพลิงอย่างแรง แล้ววิ่งหนี พลางตะโกน
"ช่วยด้วย"
เพลิงคว้ามือแม่นากไว้ แม่นากชะงัก ตกใจ
"อย่าเล่นตัวนักเลย" แล้วเพลิงก็ประกาศอวดเบ่ง "ข้าไอ้เพลิง ลูกกำนันเพชรบ้านหัวตะเข้ ใครอยากมีเรื่องก็เข้ามา"
คนแตกฮือ เพลิงยิ้มพอใจ
"ปล่อยแม่นากของข้าเดี๋ยวนี้นะ"
เพลิงชะงัก หันไป มองตามเสียง เห็นมากยืนจ้องอยู่
ณ มุมเดิมในงานสมโภชน์วัดมหาบุศร์
"ปล่อยแม่นากเดี๋ยวนี้" มากบอก
"กูไม่ปล่อย มึงจะทำไมอย่ามาเสือกเรื่องชาวบ้าน" เพลิงว่า
"ปล่อยคนรักของกูเดี๋ยวนี้"
มากจ้องเอาจริง ทุ้ย เค้ง โพล้ง โผล่ออกมาจากด้านหลัง จำปีลำจวนอยู่อีกทาง
"ไอ้มากไม่ต้อง นักเลงกะหลั่วๆพักนี้ พวกกูจัดการเอง" ทุ้ยว่า
เพลิงพอเห็นมากมีพวกก็ชะงัก ปล่อยมือ นากวิ่งไปแอบหลังมากทันที
"มันก็แค่เรื่องเข้าใจผิด" เพลิงบอก
"ไม่จริงนะพี่ พ่อคนนี้ จู่ๆก็มาจับมือฉัน"
มากหันไปจ้องหน้าเพลิงเขม็ง เพลิงยิ้มทำทีเป็นเข้าใจผิด
"แม่อย่าเข้าใจแบบนั้น ฉันไม่ใช่คนโฉด ฉันคิดว่าแม่เป็นเพื่อนหญิงคนรู้จัก"
"มึงหยามคนรักของกู"
มากชี้หน้าเพลิง เพลิงทำท่าเหมือนจะถอย แต่พอได้จังหวะ เพลิงต่อยมากอย่างแรง เกิดชุลมุนในงานวัดทันที สมุนของเพลิงจะเข้าช่วย ทุ้ย เค้ง โพล้ง กันไว้
"พวกเอ็งอย่าเสือก มันเรื่องของลูกผู้ชาย"
สมุนของเพลิงชะงัก ไม่กล้ายุ่ง ทุ้ย เค้ง โพล้ง ยืนคุมเชิงไว้
จำปี ลำจวน นากยืนมองอย่างร้อนใจ
"ทำยังไงดี เกิดเรื่องแล้ว"
จำปีกับลำจวนมองหน้ากัน วิ่งออกไปทันที นากยืนมองความชุลมุนตรงหน้าอย่างร้อนใจ
อีกมุมหนึ่ง มัคนายกกำลังยืนอยู่บนยกพื้น เชิญชวนให้คนเข้ามาทำบุญ ลำจวน จำปี วิ่งถลาเข้ามา
"ลุงปลอด ลงมาก่อน เกิดเรื่องใหญ่แล้ว"
"นังลำจวน จะมีเรื่องอะไรใหญ่กว่าเรื่องบุญกุศลอีกหรือ เชิญๆ พี่น้องเข้ามาทำบุญ บริจาคทรัพย์"
จำปีทนไม่ไหว ลากแขนมัคนายกลงมา
"คนจะฆ่ากันตายในวัด ใหญ่มั๊ยล่ะ ลุง"
มัคนายกทำหน้างง จำปีกับลำจวนไม่ฟังเสียงช่วยกันลาก มัคนายกไป
นากยืนตะโกนให้ทั้งสองฝ่ายหยุดตีกัน
"หยุด!! อย่าตีกัน ฉันบอกให้หยุด"
จำปี ลำจวนวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหานาก มัคนายกมามองเหตุการณ์อย่างงงๆ
"อย่าทะเลาะกัน ใจเย็นๆก่อนลูกเอ๊ย คำพระท่านว่า โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ถึงกับเข่นฆ่าต้องตกนรกนะพวกเอ็ง"
เพลิงถูกมากต่อยกระเด็นมาตกตรงหน้ามัคนายก เพลิงตั้งตัวได้วิ่งกลับเข้าไปต่อยกับมากต่อ มัคนายกถอนหายใจ แล้วเริ่มพูดต่อเหมือนเทศน์
"บาปนะพวกเอ็ง ทะเลาะเบาะแว้ง กันในเขตวัด ตกนรกแน่"
เก่ง ลูกน้องของเพลิงทนไม่ไหว
"กูทนไม่ไหวแล้ว"
เก่งกับหมึก โดดเข้าช่วยลูกพี่ ทุ้ย เค้ง โพล้ง โดดเข้าสกัด ตะลุมบอนกันวุ่นวาย
จำปีร้อนใจ
"ทำไงดี ทำไงดี"
"ถ้ารู้ข้าก็ทำไปแล้วน่ะสิ" ลำจวนบอก
"ข้าบอกให้หยุดไง นี่ในวัดในวานะโว๊ย"
นากมองซ้ายมองขวาหาทาง แล้วหยุดชะงัก วิ่งออกไปทันที
อ่านต่อหน้า 4
แม่นาก ตอนที่ 1 (ต่อ)
อีกมุมหนึ่งของวัด บริเวณนั่งร้าน แม่ค้าขายน้ำตาลสดใส่ในหม้อดิน ใช้กระบวย ตักใส่กระบอกไมไผ่ขายให้กับคนกิน นากวิ่งเข้ามาคว้าหม้อน้ำตาลสดวิ่งออกไปทันที แม่ค้างง ร้องโวยวาย
นากวิ่งกลับมาพร้อมหม้อน้ำตาลสด ยืนมอง ยังเห็นมากกับเพลิงยังฟัดกันนัวเนีย
"ฉันบอกให้หยุดตีกัน ได้ยินไหม"
ทุกคนยังตะลุมบอนกันไม่มีใครสนใจ นากตัดสินใจโยนหม้อน้ำตาลสดเข้าไปกางวง
มากกำลังได้ที ยืนคร่อมเพลิงอยู่
"พี่มากระวัง!" นากร้องเตือน
มากเสียจังหวะ หันมามอง เห็นหม้อน้ำตาลสดลอยมา เพลิงฉวยโอกาสต่อยสวน มากหลบได้อย่างเฉียดฉิว เพลิงต่อยเข้าไปในหม้อน้ำตาลสดแตกกระจาย
ทุกคนชะงักหยุดมือ ตะลึง นากวิ่งเข้าไปหามาก
"พี่มากเป็นอะไรมั๊ยจ๊ะ"
เพลิงมองนากกับมากอย่างแค้น ก้มลงมองมือตัวเอง ถูกหม้อดินเผาน้ำตาลบาดมีเลือดไหลเล็กน้อย
"พอ!! พอซะที!" มัคนายกบอก
"ข้าว่า พวกเอ็งกลับบ้านไปดีกว่า อย่ากลับมาหาเรื่องที่นี่อีก" มากบอก
เพลิงมองแค้น เก่งกับหมึกดึงไว้ เพราะเห็นชาวบ้านเริ่มรุม
"รีบไปเลย ไม่งั้นข้าจะเรียกชาวบ้านมารุมพวกเอ็ง"
จำปีป้องปากตะโกน
"เจ้าข้าเอ๋ยๆ นักเลงบางอื่นมาทำร้ายคนพระโขนงจ้า....พี่ ป้าน้าอา ช่วยกันหน่อยเร๊ว"
ชาวบ้านเริ่มเดินกรูกันเข้ามา เพลิงชะงัก เก่ง หมึกเห็นท่าไม่ดีรีบเข้าไปกระซิบเพลิง
" เผ่นกันก่อนดีกว่าพี่ ที่นี่ถิ่นมัน" เก่งว่า
เพลิงชี้หน้ามาก
"ฝากไว้ก่อนนะมึง วันหลังกูจะมาเอาคืน"
ทุ้ยชี้หน้ากลับ
"ถ้ามึงกล้ามาเหยียบทุ่งพระโขนงอีก มึงไม่มีชีวิตรอดแน่"
เพลิงโมโหเดินออกไป เก่ง หมึกรีบตามไป นากรีบวิ่งเข้ามาดูมาก จำปี ลำจวนเข้าไปดูด้วย ทุ้ย เค้ง โพล้งตาม
นากถามร้อนใจ
"เจ็บมากมั๊ยจ๊ะพี่มาก"
"พี่ไม่เป็นไรหรอก มีแม่นากอยู่ใกล้ๆ แผลแค่นี้ไกลหัวใจ"
นากยิ้ม ทั้งเขินทั้งอาย เพื่อนทุกคนมองมากแล้วส่ายหน้า ขำๆ
อีกมุมในงานวัด เพลิงกับพวกยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เพลิงโมโห ยกมือขึ้นมาดู เห็นแผลนิดหน่อย
"เจ็บใจนัก โอกาสกำลังจะเป็นของข้าอยู่เชียว"
"จะเอายังไงกันดีล่ะพี่ รึจะกลับหัวตะเข้กันก่อน" หมึกถาม
"กลับตอนนี้ก็เสียเที่ยวสิวะ มาถึงทุ่งพระโขนงทั้งทีข้าไม่ยอมกลับง่ายๆหรอกเว้ย"
เก่งถาม
"แล้วพี่เพลิงจะอยู่ทำอะไรล่ะพี่"
เพลิงคิดๆสีหน้าเจ้าเล่ห์
"คนอย่างข้า อยากได้อะไรก็ต้องได้ ให้มันรู้ไปสิ ว่าข้าจะไม่ได้นังนั่น"
เพลิงหน้าร้าย
มุมหน้าวัด พิมยืนรอที่หัวสะพาน เอาผ้าคลุมหน้าไว้ นั่งรอยืนรอ ชะเง้อคอรอ แต่ไม่เห็นพี่ชายเดินกลับมา
พิมบ่น
"พี่เพลิงหายหัวไปไหนของมันนะ คงไม่แคล้วไปติดผู้หญิงอีกละมั้ง มืดแล้วฉันจะกลับยังไงล่ะเนี่ย"
มากเดินมามองหาใครบางคน แต่ไม่เจอ
พิมชะงัก เห็นความหล่อของมาก พิมยิ้มพอใจปลดผ้าคลุมหน้าออกทันที เดินตรงไปหามาก
"นี่พ่อ ฉันขอถามอะไรสักหน่อยแถวนี้มีเรือว่าจ้างไปหัวตะเข้บ้างมั๊ย"
"ป่านนี้แล้วไม่มีหรอกจ๊ะ" พิมชะเง้อคอมองหาเพลิง แต่ไม่เจอ
พิมเกาหัว
"โอ๊ย....แบบนี้ฉันจะกลับเรือนยังไงล่ะเนี่ย คืนนี้เห็นทีต้องนอนกลางทุ่งกระมัง พี่ชายพอจะช่วยไปส่งฉันได้ไหมจ๊ะ"
มากชะงัก
"คงไม่ได้หรอก แม่หญิง ฉันมีหญิงคนรักอยู่แล้ว อีกอย่าง ตอนนี้ฉันก็ตามหาพี่ฉัน ไม่รู้ไหนเหมือนกัน แล้วแม่หญิงมากับใครล่ะ ท่าทางไม่คุ้นเลย คงไม่ใช่คนบางพระโขนงล่ะสิ"
"ไม่ใช่ดอกจ๊ะ ฉันมากับพี่ชาย แต่ไม่รู้มันหายหัวไปไหนแล้ว นี่ฉันก็เดินหาจนรอบวัดแล้วก็ไม่เจอตัวสงสัยคงเมาหัวราน้ำไปแล้ว หรือไม่ก็ตามสาวบ้านไหนกลับเรือนไปแล้วกระมัง"
มากนิ่งคิด
"ฉันคงไปส่งให้ไม่ได้ดอก แต่เอาอย่างนี้ ฉันจะหาคนไปส่งแม่ รับรองว่าคนนี้ไว้ใจได้"
พิมเซ็ง
"อ้าว พี่ไปส่งฉันเองไม่ได้หรือจ๊ะ ฉันไม่ไว้ใจคนอื่น"
"ไม่ได้ดอกน้องสาว ฉันต้องไปส่งคนรักฉันที่บ้านก่อน แม่รอตรงนี้ก่อนก็แล้วกัน รับรอง คนที่ฉันจะให้ไปส่งไว้ใจได้ พี่ของฉันเอง"
มากไป พิมทำหน้าเซ็งเอาผ้าขึ้นมาคลุมหน้าไว้
"เฮ้ย ไม่ได้อย่างใจเลย หน้าตาก็ดีหรอก แต่ดันมีเจ้าของซะได้"
มากเดินกลับมาที่ศาลา เห็น นากกับมั่นนั่งรออยู่
"อ้าว หายไปไหนหมดซะล่ะ ทิ้งนากไว้คนเดียว"
"ก็ข้านี้ ไอ้มั่นนั่งหัวโด่อยู่ทั้งคน ไงล่ะ ได้ข่าวว่าเจอนักเลงหัวไม้เข้าให้หรือ" มั่นบอก
"ไม่เท่าไหร่หรอก ตอนนี้หมดเรื่องแล้ว"
"พวกมันกล้ามาก คงจะใหญ่โตไม่เบา ถึงได้กล้ามาหาเรื่องถึงถิ่นนี้"
"ช่างหัวมันเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปส่งแม่นากที่เรือน จริงสิ พี่มั่น พี่หายไปไหน ฉันไปตามหาพี่ที่ท่าน้ำ"
"โอ๊ย เรื่องมันยาว ข้าไปเจอแม่หญิง" มั่นทำท่าจะเล่ายาว
"พอๆ ไม่ต้องเล่าเลย เดี๋ยวไม่จบ" มากถามนาก "แล้วนี่ พวกนั้นหายไปไหนกันหมดเล่า นาก"
"จำปีกับลำจวน เค้าชวน พี่ๆ 3 คนไปก่อเจดีย์ทรายทางโน้น ฉันขี้เกียจเบียดคน เลยตั้งใจรอพี่ตรงนี้ ตอนเราเดินกลับก็คงเจอกัน" นากบอก
"งั้นเราก็รีบกลับเถอะ ประเดี๋ยวป้าเงินจะรอ"
มากกับนากเดินไป มั่นจะตามไป มากชะงักนึกได้
"จริงสิ ฉันมีเรื่องจะไหว้วานพี่สักหน่อย ฉันไม่ไว้ใจคนอื่น"
มั่นงง
"เอ็งจะให้ข้าทำอะไรหรือ"
ณ หัวสะพาน พิมนั่งรอเบื่อๆ ลมพัดแรง พิมรู้สึกหนาว ตวัดเอาผ้าขึ้นมาคลุมตัว
"พี่เพลิงนะพี่เพลิง เจอหน้าเมื่อไหร่จะฟ้องๆๆ"
ทางด้านหลัง มือลึกลับเอื้อมมือไปสะกิด พิมหันขวับไปมอง แล้วชะงัก
"แก!"
พิมเห็นมั่นยืนตะลึงมองงงๆ
"แกจะทำอะไรฉัน จะบ้าหรือ"
"ฉันจะทำอะไรแม่ได้ ไอ้มากให้ฉันมาพา หรือว่า เป็นแม่... โห อะไรกันวะ วันนี้มาทำบุญแท้ๆ เจอแต่เรื่องซวยๆ กรรมของไอ้มั่นแท้ๆ"
พิมตวาดแว๊ด
"ซวยอะไรกัน ฉันสิซวย" พิมนึกได้ "หรือว่า เอ็งเป็นพี่ พี่มาก"
"ใช่สิ ข้าชื่อมั่น เป็นลูกพี่ลูกน้องไอ้มาก ไอ้มากนะไอ้มาก หาเรื่องให้ข้าซะแล้ว สงเคราะห์ใครไม่สงเคราะห์ แม่มะดันเดือนแล้งแบบนี้"
พิมโกรธ
"นี่เอ็งว่าใครห๊า! หนอยแน่ะ เป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า"
พิมทำท่าจะโวยวาย มั่นรีบเอามืออุดปาก พิมกัดมือมั่นอย่างแรงจนสะดุ้ง
"ถ้าไม่ปล่อย ฉันจะจับแม่กดน้ำให้ดู"
มั่นทำท่าเอาจริง พิมต้องยอม ปล่อย มั่นสะบัดมือเร่าๆ
"คนอะไรฟันคมชะมัด กลับบ้านเองแล้วกัน"
พิมตกใจ เสียงอ่อนลงทันที
"อะไรนะ จะให้ฉันกลับได้อย่างไร ให้ท่องน้ำไปอย่างนั้นหรือก็พี่มากเขาบอกว่า คนที่ส่งมาไว้ใจได้ไงล่ะ เอ็งไม่ไปส่งแล้วใครจะไปส่ง"
"อ้าว ก็ไอ้มากเขารับปากแม่ แม่ก็รอหน่อยสิ มันไปส่งคนรักมันที่บ้าน คงไม่ช้าไม่นาน พรุ่งนี้สาง ก็คงจะกลับกระมัง"
"ไม่ได้นะ จะให้ฉันค้างอ้างแรมที่วัดนี่หรือ"
"นั่นธุระของแม่ ไม่ใช่ธุระของฉัน" มั่นทำท่าจะไป แล้วบ่น "จะไปส่งยังมากัดอีก นั่งเฝ้าหัวสะพานรอจนเช้านั่นแหละ พี่มากคงจะผ่านมา" มั่นถือโอกาสแกล้งขู่ " รู้มั๊ยว่าที่นี่น่ะ ผีดุมาก"
พิมหงุดหงิด เริ่มวิตก กลัวก็กลัว แต่ยังสงวนท่าที นิ่งคิดวางแผน
"ผีเผออะไรฉันไม่กลัวหรอก กลัวว่าพ่อแม่จะเป็นห่วงเท่านั้น ถ้าเช่นนั้น พี่ชาย ช่วยไปส่งฉันที่บ้านทีสิ ฉันจะให้ค่าจ้างเป็นสองเท่าเลย"
พิมเปลี่ยนท่าทีเป็นแสนดี มั่นมองแบบงงๆ
"ผีเข้าหรือไง หรือว่าผีออกกันแน่ อย่าเข้ามานะข้ามีพระ ไม่กลัวหรอก"
พิมเข่นเขี้ยว
"ก็พี่ชายบอกให้ฉันพูดดีๆไง ฉันก็พูดดีด้วยแล้วนี่นา"
มั่นกวน
"อะไรนะ พูดดังๆอีกทีสิ ข้าไม่ได้ยิน"
พิมกลั้นใจตะโกน
"พี่ชายคนดี ช่วยพายเรือไปส่งฉันทีนะจ๊ะ"
"เออ พูดจาให้มันเข้าหูแบบนี้ มันค่อยอยากจะไปส่งหน่อย ลงเรือโน่น"
มั่นเดินไปปลดเชือกเรือ
"ได้สิจ๊ะพี่"
พิมเดินไปลงเรือสีหน้าเจ้าเล่ห์ มั่นยิ้มพอใจ
"ถึงบ้านแล้ว เอ็งได้เห็นฤทธิ์ข้าแน่ ไอ้มั่นเอ๋ย"
บริเวณทางเปลี่ยว มากเดินมากับนาก จำปีและลำจวนเดินตามหลังนากมาห่างๆ ทุ้ย เค้ง โพล้ง เดินตามมาเป็นกลุ่ม
"ตั้งใจมาเที่ยวงานกลับมีเรื่องชกต่อยกันซะได้" นากบอก
"ก็ไอ้พวกนักเลงบ้านอื่นมันมารังแกนากของพี่นี่จ๊ะ"
"ปากดีไปเถอะพี่มาก มีเรื่องกันมันดีซะเมื่อไหร่"
ทั้งคู่มองยิ้มให้กัน
จำปี และลำจวนเดินเกาะแขนกันมองซ้ายมองขวา ได้ยินเสียงฝีเท้าเหยียบใบไม้ จำปีหยุด
ยืนนิ่งหันมาพูดกับลำจวน ทุ้ยเค้งโพล้ง เดินมองซ้ายมองขวากลัว แต่พยายามไม่แสดงออก
"ฉันรู้สึกเหมือนได้ยินฝีเท้าคนเดินตามเรามานะลำจวน"
ลำจวนเริ่มกลัว
"พูดอะไรอย่างนั้นล่ะจำปี มื้อค่ำๆอย่างนี้จะมีใครมาเดินกลางทุ่งกัน ฉันยิ่งรู้สึกกลัวๆอยู่นะ เราเพิ่งเดินผ่านป่าช้ามาเองนะจำปี"
"นั่นสิ อย่าบอกนะว่า..."
"ผีเผออะไร ไม่มีหรอก" ทุ้ยบอก
เค้งชี้มือไป " นั่นมัน ..."
อีกทาง มีเงาตะคุ่มๆ บนยอดไม้
มากบอก
"นั่นมันนกเค้าแมว หากินหนู กลัวทำไมไอ้พวกนี้ เดินไป"
มากฉวยมือนากเดินไปก่อน
เสียงฝีเท้าคนดังใกล้เข้ามา จำปี ลำจวนตกใจกลัว ขนลุก ไม่กล้าหันหลังกลับไปดู สองสาวรีบเดินตามไป
โพล้ง ทุบหลังเค้งอย่างแรง
"ไอ้เค้ง มึงเกือบทำกูวิ่ง เดินเงียบๆเลย"
สามคนเดินไป มองซ้ายมองขวาหวาดๆ
ฝ่ายมั่นพายเรือมาส่งพิม มั่นพายเรือแล้วพักเพราะล้าแขน
"เมื่อไหร่จะถึงสักทีนี่ ฉันพายจนปวดแขนไปหมดแล้วนะ"
พิมพูดแขวะ
"ปวดแขนหรอกรึ ฉันนึกว่าเมื่อยปากมากกว่า ไม่อยากจะเชื่อ พี่ชายออกจะสุภาพ ราวกับเจ้าขุนมูลนาย ทำไม น้องชายเหมือนไพร่ท้ายตลาด"
"เฮอะ พวกผู้หญิงนี่ก็แปลกนะ ไม่ว่าหน้าไหนเจอพี่มากเข้า เป็นใจอ่อนมืออ่อนไปกันหมด รู้บ้างหรือเปล่าว่าเขาน่ะคนรักแล้ว"
"นี่แอบฟังฉันพูดหรือ รีบพายเข้าเถอะ ชักช้าร่ำไรอยู่ได้"
"ฉันเอามือพายนะไม่ใช่ใช้ปากพายเรือ ไม่เห็นรึว่าเรือมันทวนน้ำ ชีวิตไอ้มั่นทำบุญได้บาปแท้ๆ""ไม่ต้องพูดมากเลยนั่นเรือนพ่อฉัน พายเข้าเทียบท่าสิ"
มั่นพายเรือเข้าไปเทียบที่ท่าน้ำ พิมจะลุกขึ้น
"อ้าว....พายเรือมาส่งไม่ขอบใจฉันสักคำ"
พิมทำมึน
"ฉันขอให้มาส่งงั้นรึ"
"ก็ใช่น่ะสิ"
พิมทำไม่รู้ไม่ชี้
"ทำไมฉันไม่เห็นรู้เลย"
พิมจะคว้าเสาที่ท่าเพื่อก้าวขึ้นเรือ มั่นแกล้งพายออกห่าง พิมคว้าเสาไม่ถึง มั่นแกล้งโยกเรือๆโคลงไป โคลงมา พิมเซ โมโห
"ไอ้มั่นนี่จะแกล้งฉันใช่มั๊ย"
พิมเห็นไม้พายอีกอันบนเรือพิมหยิบไม้พายจะตีมั่น เขายิ่งโยกเรือมากขึ้นพิมเชจะตกน้ำก็รีบเข้าไปคว้าตัวกอด ทั้งคู่ล้มลงตกน้ำ
ใต้ต้นไม้หน้าเรือน นากเอาผ้าชุบน้ำร้อนมาประคบแผลที่หน้าให้มาก มากร้องโอย...
"โอ๊ย...เบามือหน่อยสินาก"
"แค่นี้ทำร้องโอดโอย ทีตอนต่อยตี เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง"
"แหม...ก็ตอนนั้นมันโมโหนี่นาก ทำร้ายพี่ พี่ทนได้ แต่ถ้ามารังแกนากพี่ยอมไม่ได้หรอกจ๊ะ" มากจับมือนาก "นากก็รู้นี่จ๊ะว่าพี่รักนากปานดวงใจ"
นากยิ้มอายแต่ก็พูดประชด
"ปากดีแบบนี้ไงเล่า สาวทุ่งพระโขนงถึงได้หลงกันนัก"
"ใครจะรักจะหลงพี่ก็ไม่สน พี่สนใจแต่นากของพี่คนเดียวเท่านั้น ทั้งใจพี่ก็มีแต่นาก สองตาพี่ไม่มีให้เหลียวมองใครได้หรอกจ๊ะนาก"
มากคิดๆมองขึ้นไปบนฟ้า มากพนมมือขึ้น
"ดวงจันทร์บนฟ้าเป็นพยาน ข้าไอ้มากจะรักนากคนนี้ไม่มีวันเปลี่ยนใจ และจะไม่ขอมีหญิงอื่นใดนอกจากนาก"
นากยิ้มจ้องตาซึ้งกับมาก
บนเรือน ป้าเงินอยู่มุมหนึ่งยืนมองทั้งคู่ แล้วถอนใจ
อีกมุมหนึ่งที่พุ่มไม้ห่างจากเรือนป้าเงินไม่มากนัก เพลิง และพวกแอบซุ่มดูนากอยู่ที่พุ่มไม้ เก่งพูดเสียงเบา
"ครานี้พี่เพลิงคงรักคุด เจอนางในฝันแต่ดันมีเจ้าของ"
"ข้าไม่สนหรอกเว้ย ต่อให้มีคนรักข้าก็จะชิงมาเป็นของข้าให้ได้"
"แล้วพี่จะชิงมาได้ยังไงล่ะพี่คนเค้ารักกันนะ"
"ข้ามีแผนแล้วเว้ย"
เก่ง หมึกมองหน้ากัน เพลิงหน้าร้าย
มั่นอุ้มพิมขึ้นมาบนบกอย่างทุลักทุเล พิมสำลักกระอักกระไอ มั่นทนไม่ไหว หันไปช่วยลูบ
หลัง พอพิมดีขึ้นหันมาเห็นมั่น ก็ระดมทุบมั่นทันที มั่นคว้ามือพิมไว้
"ถ้าทุบอีก ข้าจะจับแม่โยนลงน้ำจริงๆนะ อะไรกัน ว่ายน้ำไม่เป็น บ้านอยู่ติดคลองแท้ๆ"
"ไอ้บ้า ไอ้คนผีทะเล"
"ตะโกนเข้า ชาวบ้านจะได้มาดูว่า แม่ให้ผู้ชายพายเรือมาส่งถึงที่ แถมยังมากอดรัดฟัดเหวี่ยงกันหน้าบ้านอีก"
พิมชะงัก
"แต่ว่า..ข้าไม่ได้ ใครใช้ให้ช่วยเล่า"
"อย่าว่าแต่คนเลย ถ้าเห็นหมาแมวตกน้ำข้าก็ช่วย เลิกโวยวายได้แล้ว"
มั่นเดินลงเรือพายไปทันที พิมมองตามแค้น ยืนกระทืบเท้า
"ว่าข้าเป็นหมาเป็นแมว ไอ้...ไอ้ผีบ้า บ้าๆๆๆ บ้าที่สุด คอยดูเถอะ เจอกันครั้งหน้า ข้าจะเอาคืนให้สาสมเชียวไอ้มั่น!"
พิมหงุดหงิด
ตอนกลางคืน บนเรือนกำนันเพชร พวงจันทร์ชะเง้อคอมองรอเพลิงกับพิม พิมตัวเปียกกำลังย่องขึ้นเรือนมา พวงจันทร์เดินมาดักหน้า
"กลับมาได้แล้วรึแม่พิม"
พิมตกใจสะดุ้ง
"จ๊ะแม่"
พิมยืนหนาวกอดตัวสั่น
พวงจันทร์ถามเสียงดุ
"แล้วไปทำอะไรมาทำไมตัวเปียกมาแบบนี้พี่เพลิงล่ะไปไหน "
พิมยิ้มเจื่อนๆ
"ฉันตกเรือจ๊ะแม่"
พวงจันทร์ตกใจ
"ตกเรือ! ไปทำอีท่าไหนเข้าล่ะถึงได้ตกเรือตัวเปียกแบบนี้แล้วไอ้เพลิงพี่เอ็งล่ะ"
"ไม่ต้องไปพูดถึงมันเลยแม่ เพราะมันนี่แหละฉันต้องมีสภาพแบบนี้"
"อะไรกัน เอ็งอย่าไปโทษพี่เพลิงสิ ซุ่มซ่ามตกน้ำตกท่าเองจะโทษพี่ได้อย่างไร"
"ใช่สิฉันมันทำอะไรก็ผิด คอยดูไปเถอะ อีกหน่อยไอ้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของแม่มันจะหาเรื่องเดือดร้อนมาให้ไม่เว้นแต่ละวัน"
พวงจันทร์โมโห
"นี่เอ็งอย่าไปหาเรื่องพี่เค้านะ แหม...เอ็งนี่มันพาลจริงๆนะนังพิม"
พิมงอน
"ไม่เชื่อฉันก็ตามใจ"
พิมตะบึงตะบอนเดินไป พวงจันทร์ถามไล่หลัง
"แล้วไอ้เพลิงล่ะมันอยู่ไหน"
"ไม่รู้!"
"นังลูกคนนี้ ดู๊ ดูมันพูดเข้าสิ"
พวงจันทร์เป็นห่วงเพลิงนั่งไม่ติด ชะเง้อคอมองหา
ในมุ้งหลังใหญ่ นาก จำปี ลำจวน นอนเรียงกันอยู่ นากพลิกตัว นอนนิ่งคิด
จำปีถาม
"นอนไม่หลับหรือนาก นี่มันยามเท่าไหร่แล้วนี่"
"ใกล้สว่างแล้วล่ะ ฉันลุกขึ้นก่อนดีกว่า อยากจะอาบน้ำอาบท่าหน่อย ร้อนอบอ้าวเหลือเกิน"
"ไม่ไหวหรอก ข้าขอนอนอีกประเดี๋ยว"
นากขยับตัวลุกขึ้นเปิดมุ้งออกไป จำปีขยับตัวนอนหลับต่อ
บริเวณท่าน้ำ นากนุ่งผ้าถุงกระโจมอก อาบน้ำ ถูตัวอยู่ที่หัวสะพาน แล้วลงว่ายน้ำ งมกุ้งที่สะพาน นากดำน้ำผุดขึ้นมาพร้อมกุ้งในมือ
"เอามาย่าง แกล้มน้ำปลาหวานสะเดาดีกว่า"
นากยิ้มวางกุ้งไว้บนหัวสะพาน แล้วดำน้ำลงไปอีก
อีกมุมหนึ่ง เพลิง หมึก เก่ง ซุ่มดูนากอยู่
"นั่นไงพี่ นังคนสวยของพี่เพลิง" เก่งบอก
"เห็นไกลๆฉันยังใจสั่นเลย แหมนี่ถ้าเห็นใกล้ๆ" หมึกว่า
เพลิงยิ้มนึกได้ เขกหัวหมึก มองหน้านากอย่างไม่พอใจ
"ทะลึ่งแล้วมึง นางฟ้านั่นของกูโว๊ย ไม่เสียแรง ที่พี่ซุ่มรอน้องอยู่ทั้งคืน"
อ่านต่อตอนที่ 2