อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see you again ตอนที่28
หมิงเย่มองหาอันซี จื้อหลิงรีบอาสา ไปตามให้
“เอ่อ อันซีอยู่ข้างบนฉันไปตามให้ค่ะ”
เหม่ยเหวินหัวเราะเจื่อนๆ
“ฮิๆ ที่แท้รู้จักกัน งั้นก็ยิ่งดีเลย”
เหม่ยเหวินพูดจาเป็นกันเอง แต่หมิงเย่วางตัวนิ่งๆ ไม่สุงสิงด้วย เหม่ยเหวินหน้าเจื่อนไป
“ดูคุณไม่ค่อยเหมือนวันนั้นเลย คุณจะนั่งก่อนมั้ยคะ”
“ไม่ต้องหรอก”
อันซีเดินลงมาจากบันได ถามเสียงใส
“ใครมาหาฉัน”
หมิงเย่มองหน้าอันซีละเหี่ยใจ อันซีหันไปมองยิ่วเชียนที่เดินลงมาพร้อมกัน
“หัวหน้า”
“ออกไปกับฉันหน่อย ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
อันซีและเพื่อนๆ งง มีเพียงยิ่วเชียนซึ่งรู้ว่าหมิงเย่จะพูดอะไร จึงท้วงไว้
“คุยที่นี่ดีกว่า คุยที่นี่เถอะ”
หมิงเย่มองหน้ายิ่วเชียน อันซีก็มองหน้าชายหนุ่ม แปลกใจว่าเขาอาจจะรู้อะไร เหม่ยเหวินเห็นทุกคนน่าจะมีเรื่องเครียดคุยกันจึงตัดบท
“เอ่อ งั้นนั่งคุยกันดีมั้ยคะ เชิญทางนี้ค่ะ”
หมิงเย่เดินตามเหม่ยเหวินไป ยิ่วเชียนหันมาบอกอันซีอย่างเป็นห่วง เพราะรู้ว่าหมิงเย่น่าจะคุยเรื่องอะไร
“ไปสิ”
“เชิญทางนี้ค่ะ”
เหม่ยเหวินเชิญหมิงเย่ให้นั่งแล้วเดินออกไป อันซีรีบไปเตรียมน้ำต้อนรับ พวกเหม่ยเหวินแอบมองทั้งสามอยู่มุมหนึ่ง อันซีถือแก้วน้ำมาให้หมิงเย่
“หัวหน้า ทำไมไม่นั่งล่ะคะ”
หมิงเย่มองนิ่งๆ เหยียดๆ อันซีจึงเดินไปยืนกับยิ่วเชียน ยิ่วเชียนมองหน้าหมิงเย่พลางพูดทักท้วง
“หัวหน้า หวังว่าคุณจะคิดให้ดีแล้วค่อยพูด”
“ทำไมคุณพูดกับหัวหน้าแบบนั้นล่ะ” อันซีสงสัย
“คุณมาที่นี่ มีสองเรื่องที่เป็นไปได้ หนึ่ง จะปฏิเสธอันซีต่อไป สอง ยอมรับอันซี แต่ไม่ว่าคุณตัดสินใจยังไง ก็ทำร้ายอันซีเหมือนกัน”
“เธอรู้ได้ยังไง ว่าฉันจะทำร้ายอันซี”
“เพราะคุณไม่ได้ยอมรับเธอด้วยความเต็มใจ คุณต้องการความช่วยเหลือถึงได้มา ไม่ใช่เหรอ”
“งั้นเธอก็ควรรู้ไว้ เมื่อฉันต้องการอะไรแล้ว ฉันจะพยายามทุกทาง เพื่อให้ได้มา”
“หัวหน้า”
ยิ่วเชียนใจไม่ดี เป็นห่วงอันซี เพราะรู้ว่าหมิงเย่จะทำอะไร ในขณะที่อันซีมองทั้งสองคนอย่างสงสัยว่าพูดอะไรกัน หมิงเย่มองหน้ายิ่วเชียนอย่างถือดี ก่อนเดินไปหาอันซี
“ฉันเป็นแม่ของเธอ”
อันซีชะงัก อึ้ง ตะลึงตะไลกับสิ่งที่ได้ยิน
ยิ่วเชียนสงสารอันซีไม่น้อย และนึกโกรธหมิงเย่ อันซีหันไปมองหน้ายิ่วเชียนแว่บหนึ่ง ก่อนมองหน้าหมิงเย่อึ้งๆ
“คุณล้อเล่นใช่มั้ย”
“ใช้ชีวิตตอนชราที่นี่ ฉันเป็นคนพูด ฉันคือคนที่อันติงหยวนพูดถึง และต้องการจากไป ไม่มีทางอยู่ที่นี่”
“คุณรู้ชื่อพ่อฉันได้ไง”
อันซีชะงัก เริ่มคิดได้ หันไปมองหน้ายิ่วเชียนอย่างตกใจ ยิ่วเชียนจ้องหน้าหมิงเย่ ไม่พอใจ อันซีเริ่มกลัว
“คุณคือ”
“ฉันรู้สึกไม่พอใจเธอมาก เธอไม่ใช่ลูกสาวในอุดมคติของฉัน แต่ว่า ไม่เป็นไร เรื่องที่ผ่านไปแล้ว ก็ปล่อยให้มันผ่านไป สิ่งที่เธอไม่มี สามารถเรียนรู้ได้ ฉันจะหาคนมาสอนเธอ”
หมิงเย่หันหลังให้อันซี ไม่ยอมมองหน้า อันซีเศร้าสะเทือนใจมาก
“คุณเป็นแม่ฉันเหรอ”
หมิงเย่หันมามองหน้าอันซีถอนใจ
“เคยเรียนมหาวิทยาลัยมั้ย”
ยิ่วเชียนจ้องหน้าหมิงเย่ไม่พอใจมาก อันซีหน้าสลดลง หมิงเย่พยายามทำใจ พวกเหม่ยเหวินฟังแล้วยิ่งไม่พอใจหมิงเย่
“เฮ่อ ช่างเถอะ ฉันจะบอกว่า เธอเรียนจบจากต่างประเทศกลับมาแล้ว ฉันจะส่งเธอไปเรียนภาษาอังกฤษก่อน เวลาแค่นี้ ฉันพอจะมี”
“คุณกำลัง” อันซีพูดไม่ออก
เหม่ยเหวินฟังหมิงเย่พูดแล้วอดไม่ได้ รีบวิ่งเข้ามาที่ทั้งสามคน
“คุณผู้หญิง คุณเป็นบ้าอะไรของคุณ เพิ่งมาบอกว่าเป็นแม่อันซีเอาตอนนี้ คุณไม่เคยถามไถ่เขามาตั้งแต่เกิด จู่ๆ ก็มายอมรับลูกสาว แล้วยังรังเกียจเขาอีก อันซีของเราไม่ดีตรงไหน เป็นคนเก่งสดใสน่ารัก กระตือรือร้นจิตใจดี มองโลกในแง่ดี คุณสมบัติที่ดี อันซีของเรามีทุกอย่าง เมื่อพูดถึงอันซีแล้วทุกคนต้องยกนิ้วโป้งให้ ถ้าเขาเหมือนคุณล่ะก็ คงแย่มากแน่ๆ”
หมิงเย่มองหน้าเหม่ยเหวิน พยายามระงับอารมณ์
“พวกเธอยังไม่ยอมรับฉันเพราะอารมณ์ชั่วคราว แต่ว่า เธอลองคิดให้ดีๆ ถ้ามีแม่อย่างฉันอยู่ในชีวิตของเธอ จะช่วยเหลือเธอได้มาก อย่าใช้ความรู้สึกตัดสินชีวิต”
หมิงเย่หยิบนามบัตรส่งให้อันซี
“นี่คือวิธีติดต่อกับฉันเป็นการส่วนตัว คิดได้แล้ว มาหาฉัน”
หมิงเย่วางนามบัตรไว้บนโต๊ะแล้วเดินผ่านหน้าทุกคนไป เหม่ยเหวินทนไม่ไหว
“เอาน้ำมาแก้วหนึ่ง ฉันจะทำให้ผู้หญิงคนนี้มีสติ”
จื้อหลิงปราม “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาทำแบบนั้น”
ยิ่วเชียนหันมามองหน้าอันซี อันซีจ้องหน้าตอบ รู้ว่าเขาต้องรู้เรื่องนี้มาก่อนแต่ไม่บอกเธอ
อ่านต่อหน้า 2
อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see you again ตอนที่28
อันซีคิดถึงคำพูดของยิ่วเชียนก่อนหน้านี้
“อันซี อย่าคิดเรื่องของหัวหน้าเลย ขอแค่เธอมีความสุขก็พอ ไม่เจอแม่ไม่เป็นไร มีฉันอยู่ก็พอ ให้ฉัน เป็นคนสำคัญที่สุดของเธอนะ”
อันซีเริ่มปะติดปะต่อเรื่องได้
“คุณรู้แต่แรกแล้วใช่มั้ย”
ยิ่วเชียนพยักหน้ายอมรับ
“รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“สักระยะหนึ่งแล้ว”
“แล้วทำไมคุณไม่บอกฉัน”
อันซีน้ำตารื้น ยิ่วเชียนยิ่งสงสาร
“ฉันเคยถามหัวหน้า เขาพูดอย่างเด็ดขาดว่า เขาไม่ยอมรับลูกสาวอย่างเธอ”
“แปลว่าเขารู้ตั้งแต่แรก”
อันซีสะเทือนใจมาก น้ำตาค่อยๆ ไหลริน
“คนอย่างพวกคุณ กำลังคิดอะไรกัน เขารู้ว่าฉันเป็นลูก จึงนัดฉันไปกินข้าว ถามคำถามมากมาย แล้วคิดว่าฉันไม่คู่ควรกับเขา จึงตัดสินใจไม่สนใจฉัน คุณก็รู้แต่แรกแล้ว ดังนั้นคุณเลยคิดว่า ฉันไม่คู่ควรเป็นลูกของเขา จึงไม่จำเป็นต้องบอกฉัน”
“ฉันไม่เคยคิดอย่างที่เธอพูด ฉันเคยบอกแล้วไง ให้ฉันเป็นคนในครอบครัว แค่นี้เธอยังไม่พอเหรอ ทำไมต้องไปยอมรับแม่อย่างเขาด้วย”
“อะไรคือแม่อย่างเขา คุณไม่ให้ฉันรู้จัก ฉันจะรู้ได้ไงว่าเขาเป็นแม่ยังไง”
อันซีสะอื้น ยิ่วเชียนน้ำตารื้นสงสารหญิงสาว เหม่ยเหมินพยายามให้สติ
“อันซี”
“ฉันอยู่มาจนถึงตอนนี้ สิ่งที่ฉันอยากรู้ที่สุดคือแม่เป็นใคร คุณน่าจะรู้ดีที่สุด บ้านพักมีปัญหามากมาย แต่ฉันไม่เคยไปจากที่นี่ ก็เพราะฉันหวังว่า เขาจะกลับมา ฉันจะได้เจอเขาสักครั้ง แต่คุณกลับคิดเองว่า ฉันไม่มีสิทธิ์รับรู้เรื่องนี้”
“ไม่ใช่อย่างนั้น เขามีแต่จะทำร้ายเธอ”
“เขาดีไม่ดี จะทำร้ายฉันรึเปล่า ฉันยอมรับเขารึไม่ ฉันตัดสินใจเองได้”
อันซีเสียงดังใส่ยิ่วเชียน เหม่ยเหวินต้องปราม
“อันซี”
“คุณชอบพูดว่าสมองฉันไม่มีรอยหยัก ฉันคิดว่าคุณล้อเล่น แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว ว่าคุณพูดจริง ถ้าคุณไม่คิดว่าฉันโง่ คุณคงมอบสิทธิ์การตัดสินใจให้ฉัน สำหรับคุณแล้ว คงคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงพาออกสังคมไม่ได้ คุณคงคิดว่า ฉันไม่ฉลาดพอจะเปลี่ยนแปลงอนาคตของตัวเองได้ คุณกำลังดูถูกฉัน”
“โธ่อันซี” เหม่ยเหวินเข้าไปปลอบ
“คุณรู้ว่าพ่อโกหกฉันมา 18 ปี รู้ว่าความรู้สึกผิดหวังของฉันเป็นยังไง แต่คุณกลับทำแบบเดียวกับพ่อฉัน”
อันซีร้องไห้ เสียงดังใส่ยิ่วเชียนอย่างระบายอารมณ์ ก่อนผลุนผลันเดินหนีไป ยิ่วเชียนยืนอึ้ง น้ำตารื้น เสียใจที่อันซีไม่เข้าใจเข้า มองความหวังดีของเขาผิดไป พวกเหม่ยเหวินมองยิ่วเชียนอย่างเห็นใจ
อันซีเปิดประตูห้องเข้ามาอย่างแรง และล็อคประตูทันที เดินมองรอบๆ ห้องอย่างผิดหวัง มองรูปตัวเองตอนเล็กๆ ถอนใจ ยิ่วเชียนตามมาเคาะประตูห้องอันซี
“อันซี เธอลองคิดให้ดีก็จะรู้ว่าฉันหวังดีกับเธอ อันซี”
อันซีดูกล่องของขวัญของเธอเห็นว่ามีร่องรอยการแกะ เธอหยิบภาพวาดที่ตัวเองเคยวาด เป็นรูปเด็กหญิงถือลูกโป่งจูงมือแม่ ยิ่วเชียนยังคงเคาะประตูเรียกอันซีอย่างร้อนใจ
“อันซี”
เหม่ยเหวินเดินเข้ามาหายิ่วเชียนอย่างเห็นใจ
“เซี่ยยิ่วเชียน ให้อันซีอยู่เงียบๆ คนเดียวสักพักเถอะ ตั้งแต่เล็กจนโต เธอจินตนาการแม่ไว้อย่างสวยงาม ตอนนี้สิ่งที่ทำให้เธอผิดหวัง ไม่เพียงเรื่องที่คุณปิดบัง แต่ยังมีภาพจินตนาการที่สวยงามของแม่ที่ดีของเธอ ถูกทำลายด้วย”
อันซีร้องไห้อยู่ภายในห้อง หยิบของต่างๆ ที่เธอเคยส่งเป็นของขวัญให้แม่ขึ้นมาดูอย่างแสนเศร้า
“ที่แท้ใช่ว่าแม่ทุกคนในโลกนี้จะรักลูกของตัวเอง ฉันนี่มันโง่จริงๆ”
อันซีสะอื้นหนัก ผิดหวังและเสียใจอย่างรุนแรงเมื่อนึกถึงแม่ในความฝันที่รอมานาน
เยี่ยนเจ๋อนั่งเครียดๆ อยู่ในห้องทำงาน มองหมากรุกบนกระดาน พลางพึมพำ
“ภาพนี้ช่างสวยงาม”
หย่งชิงเปิดประตูพรวดพราดเข้ามา
“ฉันเพิ่งไปห้องยิ่วเชียน ต้าอี๋บอกว่าคุณแม่ไล่ยิ่วเชียนไปแล้ว หมายความว่าไง”
“ก็หมายความว่า ไล่เขาออกไปไง”
“แล้วพี่ไม่ช่วยยิ่วเชียนเลยเหรอ”
ยิ่วเชียนเดินเสียงดังเข้ามาด้วยความไม่พอใจ
“หูเยี่ยนเจ๋อ”
เยี่ยนเจ๋อถอนใจ
“มาอีกคนแล้ว”
ยิ่วเชียนมองหน้าเยี่ยนเจ๋อเอาเรื่อง
“แผนการของนาย คืออะไร”
“นายฉลาดไม่ใช่เหรอ ทายสิ”
“ฉันไปจากโอเชี่ยนตามที่นายต้องการแล้ว ฉันไม่ได้บอกหัวหน้าเรื่องการร่วมมือกับกองทุนรัสเซีย นายก็ควรจะรักษาคำพูด แล้วทำไมหัวหน้าถึงไปยอมรับอันซี”
“นี่ นายมั่นใจได้ไงว่าเป็นฉัน”
“ถ้าหัวหน้าจะยอมรับคงทำไปนานแล้ว ถ้าไม่มีใครไปเป่าหูเขา เขาไม่มีทางออกมายอมรับแน่”
“โอเค ฉะนั้นที่นายมาหาฉัน คงเป็นเพราะอันซีโกรธที่นายปิดบังเขาสินะ”
“นายต้องการอะไร”
“ฉันอยากช่วยอันซีไง แม่ที่ทั้งเก่งและรวยแบบหัวหน้า มีใครไม่ชอบบ้าง”
ยิ่วเชียนนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ที่อันซีเคยบอกเขาว่าไปเจอหมิงเย่ที่โรงพยาบาล และคิดถึงคำพูดของหมิงเย่ที่บอกว่า
“ฉันจะส่งเธอไปเรียนภาษาอังกฤษก่อน เวลาแค่นี้ ฉันพอจะมี”
ยิ่วเชียนนึกออกทันที
“อย่างนี้นี่เอง ฉันเข้าใจแล้ว ทำไมนายต้องทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา เพราะหัวหน้าป่วย ทำให้นายต้องเปลี่ยนแผนการ ถ้าดูจากสถานการณ์แล้ว คำสัญญาของนาย คงไม่สำคัญแล้ว นายเลยต้องการหาทางกำจัดหัวหน้า จากนั้น ก็ควบคุมอันซี นายก็สามารถได้ทุกอย่าง จะทำอะไรกับกองทุนรัสเซียก็ได้ แน่นอนว่า ต้องสามารถเป็นไปตามทิศทางที่นายต้องการ”
“พูดจบรึยัง เซี่ยยิ่วเชียน ฉันถึงได้บอกว่านายมันน่าหมั่นไส้ แต่ตอนนี้ไม่ว่านายจะพูดหรือไม่ สิ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้คือ หัวหน้าไม่เชื่อใจนายอีกแล้ว และต่อจากนี้ไป เขาจะรับมือกับลูกสาวที่ไม่ได้ดั่งใจเขาอย่างดีที่สุด และพยายามทำทุกอย่างเพื่อเธอ นายคิดว่าเวลานี้ ใครที่สามารถช่วยเหลือเขาได้ล่ะ รู้มั้ยข้อเสียของนายคืออะไร คือเชื่อทฤษฎีเกินไป คิดว่าถูกคือถูก ผิดก็คือผิด แล้วยังพูดว่า ความคิดที่เป็นธรรมยังไงก็ถูกต้อง และอะไรนะ ความเชื่อใจเกิดจากการสะสม เฮ่อ”
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน หย่งชิงมองหน้าทั้งคู่ตลอด พยายามเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ในขณะที่ยิ่วเชียนจ้องหน้าเยี่ยนเจ๋อด้วยความไม่พอใจมาก และพูดใส่หน้า
“ปัญหาของนายคือ การประเมินความเป็นมนุษย์ต่ำ คิดว่าความรู้สึกเอามาสะสมได้ และไม่มีทางที่จะหายไปง่ายๆ นายเป็นคนเริ่มเกมนี้ก่อน อย่าลืมว่า ฉันก็รู้ว่าจุดอ่อนของนายอยู่ที่ไหน ผลสุดท้ายเป็นยังไง นายไม่ต้องคิดเลย”
ยิ่วเชียนเดินออกไป เยี่ยนเจ๋อเครียด หย่งชิงมองหน้าพี่ชายตะลึงงัน
“ทำไม พี่เป็นพี่ชายฉันนะ ฉันเชื่อใจพี่มาก ทำไมพี่ทำกับฉันอย่างนี้”
“หมายถึงรักแรกของเธอเหรอ ฉันคิดว่าเธออยากรู้นี่”
“แล้วทำไมพี่ไม่บอกฉันตอนอายุ 18 มาบอกฉันตอนนี้เพื่อความสะใจของพี่สินะ”
“เฮ่อ มันแตกต่างกันตรงไหน ยังไงเธอก็รู้ความจริงแล้ว”
“พี่น่ากลัวจริงๆ ต้องมองครั้งที่สอง ถึงได้รู้ว่าในใจพี่คิดอย่างนี้”
“งั้นมองครั้งแรกของเธอ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เซี่ยยิ่วเชียนที่เย็นชา ก็มีด้านที่อ่อนโยนเหมือนกัน ไม่งั้นเธอคงไม่พลาดเขาไป”
“เฮ่อ หลายปีที่ผ่านมา พี่เห็นฉันเจ็บปวด พี่ไม่มีความรู้สึกเจ็บเลยเหรอ”
“พี่เหรอ ฉันเข้าใจดีว่าเธอขาดความอบอุ่น เพราะว่าเธอไม่เคยพ่ายแพ้ แต่ฉันจะบอกให้เธอยอมแพ้ตอนนี้ยังไม่สายเกินไปนะคุณหนู”
หย่งชิงผิดหวัง เสียใจ โกรธ น้อยใจ ความรู้สึกปะดังประเดเข้ามา จนตั้งตัวไม่ติด เธอหันหลังเดินออกไปจากห้องเยี่ยนเจ๋ออย่างบอบช้ำ เดินเหม่อลอยไปในสวนสาธารณะ เด็กผู้หญิงคนหนึ่งนั่งวาดรูปอยู่แถวนั้น ทันใดนั้นฝนตกลงมา เด็กๆ ต่างส่งเสียงจอแจ
“คุณครูฝนตกแล้วค่ะ ฝนตกแล้วๆๆ”
หยาลู่วิ่งถือเฟรมวาดรูปไล่ต้อนเด็กๆ ให้ไปหลบฝนในศาลา
“มาเด็กๆ ระวังหน่อยนะ วิ่งเร็ว วิ่งไปหลบฝนก่อน”
หยาลู่ชะงักเมื่อเห็นหย่งชิงยืนตากฝนอยู่อย่างไม่สนใจอะไร
“คุณหู คุณหู เฮ่อ”
หย่งชิงยืนนิ่ง หยาลู่จึงเอาเฟรมวาดรูปไปกันฝนให้ แล้วจับมือหย่งชิงให้ถือเฟรมวาดรูปไว้ ส่วนเขารีบวิ่งไปหาเด็กๆ ที่ศาลา
“เด็กๆ เป็นยังไงบ้าง หะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณครูขาพี่สาวคนสวยคนนั้นเป็นใครคะ”
“ฮ่าๆ อ๋อเขาเป็นเพื่อนของครูเอง”
เด็กๆ กับหยาลู่หัวเราะกัน
หย่งชิงฟังเสียงหัวเราะอย่างอบอบอุ่นด้วยความประทับใจและโหยหา
อ่านต่อหน้า 3
อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see you again ตอนที่28
เสียงโทรศัพท์ของอันซีดังขึ้น เป็นสายจากยิ่วเชียน แต่อันซียังคงนั่งเหม่อลอยมองปลาในตู้ ไม่คิดจะรับสาย
ยิ่วเชียนพยายามโทรหลายครั้ง แต่อันซีก็ไม่รับสาย เขาจึงส่งไลน์ไปให้เธอ อันซีเปิดไลน์ดูเห็นเป็นภาพต่างหูของเธอ แว่นของยิ่วเชียน และการ์ดคำศัพท์ อันซีถอนใจรู้ว่ายิ่วเชียนต้องการสื่ออะไร แต่เธอยังไม่พร้อม จึงปิดโทรศัพท์ไป
ยิ่วเชียนเห็นว่าอันซีเปิดดูภาพที่เขาส่งไปให้ แต่เธอไม่ตอบอะไรกลับมาสักคำ เข้าใจดีว่าอันซีรู้สึกอย่างไรกับเขา ยิ่วเชียนเศร้ามาก เขาหยิบต่างหูของอันซีมาดูด้วยความคิดถึงเจ้าของและอยากปรับความเข้าใจ ในขณะที่อันซีก็นอนเศร้าอยู่บนโซฟาภายในห้อง สะเทือนใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ตอนเช้า อันซีวิ่งลงมาจากชั้นบนอย่างรีบร้อน จื้อหลิงตกใจ
“เอ๊ะ อันซี”
“พวกเธอไม่ต้องตามฉันมา”
เหม่ยเหวินงงว่าอันซีจะรีบไปไหน
หมิงเย่นั่งอยู่ในห้องทำงาน เธอปวดหัวมาก อาการป่วยกำเริบขึ้น พลันได้ยินเสียงพนักงานหน้าห้องโวยวาย
“คุณคะไม่ทราบนัดไว้รึเปล่า ไม่ได้นัดไว้เข้าไม่ได้นะคะ ต้องนัดล่วงหน้าถึงเข้าไปได้นะคะ คุณคะๆ ถ้าไม่ได้นัด คุณเข้าไปฉันจะเรียกรปภ.นะ”
อันซีเปิดประตูเข้ามาในห้องหมิงเย่ทันที โดยไม่ฟังคำทัดทานของพนักงาน
“ขอโทษค่ะหัวหน้า ผู้หญิงคนนี้ยืนยันจะเจอคุณให้ได้”
“ยังไง จะเรียกรปภ.มาจับฉันเหรอ”
อันซียื่นโทรศัพท์ให้หมิงเย่ พูดเสียงดังใส่
“เรียกสิ ยังไงก็ไม่ใช่ครั้งแรกอยู่แล้ว”
หมิงเย่มองเคืองๆ ก่อนหันไปบอกพนักงาน
“ไม่มีอะไร เธอออกไปก่อน”
“ค่ะ”
อันซีจ้องหน้าหมิงเย่เอาเรื่อง หมิงเย่พยายามระงับอารมณ์และความเจ็บปวด คิดอยู่ในใจ
“ฉันจะเป็นลมในบริษัทไม่ได้”
หมิงเย่พยายามรวบรวมสติ ลุกขึ้นจากโต๊ะ บอกกับอันซี
“ออกไปค่อยพูดกัน”
หมิงเย่เดินเซๆ ออกไปนอกห้อง อันซีตามไปทันที
“นี่ ครั้งนี้ไม่เรียกรปภ. เดินหนีฉัน เหมือนเรื่องราวเมื่อ 28 ปีก่อนที่คุณเคยทำ ไม่ต้องการเผชิญก็วิ่งหนี คุณพูดสิ ทำไมไม่กล้าเผชิญหน้า พูดมาสิ คงคิดว่าฉันไร้มารยาทใช่มั้ย ขอโทษทีนะ เพราะตั้งแต่เล็กจนโตฉันไม่มีแม่คอยสอน”
หมิงเย่กำลังจะเป็นลม เธอพยายามฝืนตัวเองอย่างที่สุด
“ดูเหมือนเธอยังไม่เข้าใจ ว่าการมีแม่อย่างฉัน มีผลประโยชน์กับเธอมากแค่ไหน”
“ผลประโยชน์เหรอ”
อันซีน้ำตารื้น
“เฮ่อ ฉันต้องการผลประโยชน์อะไร คุณรู้มั้ย ผลประโยชน์ที่ฉันต้องการ ง่ายนิดเดียว”
อันซีชี้ไปที่แม่คนหนึ่งกำลังป้อนไอศกรีมให้ลูกน้อยอย่างรักใคร่ หมิงเย่มองอึ้ง
“ง่ายนิดเดียวแค่นี้ คุณให้ฉันร้อยล้านพันล้าน แล้วย้อนเวลากลับไปได้มั้ย พ่อของฉันเป็นคนที่รักอิสระมาก แต่เพราะหลังจากเจอคุณ หลังจากคุณให้กำเนิดแล้วทิ้งฉัน เขาเลยไปไหนไม่ได้ ไม่งั้นเขาคงไปใช้ชีวิตแบบที่ต้องการแล้ว เปิดแผนที่ให้ฉันดูแล้วบอกว่า สักวัน เขาต้องไปเม็กซิโกให้ได้ ต้องไปสัมผัสดวงอาทิตย์แคลิฟอร์เนีย รู้มั้ยว่าฉันได้ยินแล้วรู้สึกยังไง คุณทำให้เขาฟื้นขึ้นมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้มั้ย”
ระหว่างนั้นเยี่ยนเจ๋อเดินเข้ามาฟังสองแม่ลูกอยู่ห่างๆ หมิงเย่ฟังที่อันซีพูดแล้วเศร้าสะเทือนใจ
“ติงหยวนเขา”
“คุณมีความสามารถมีบริษัทเป็นของตัวเอง แล้วทำไมไม่เคยคิดรับผิดชอบฉันกับพ่อบ้าง ทำตามใจของตัวเอง อยากยอมรับฉันก็ยอมรับ ไม่อยากยอมรับก็ไม่รับ ฉันจะบอกคุณ นอกจากคุณทำให้เวลาย้อนกลับไปได้ ไม่งั้นอย่าหวังว่าฉันจะยอมรับคุณ”
อันซีหันหลังจะเดินไป หมิงเย่เข้าไปคว้าแขนไว้อย่างหมดแรง
“เดี๋ยวก่อน”
“ปล่อยฉัน”
หมิงเย่หน้ามืด เป็นลมจะล้ม อันซีตกใจ
“คุณ”
“หัวหน้า”
เยี่ยนเจ๋อรีบเข้าไปประคอง
“คุณ เขาเป็นอะไร”
“ไม่เป็นไร ผมโทรเรียกรถพยาบาล”
“ทำไมเขาถึงเป็นลม”
อันซีตกใจกับสภาพของหมิงเย่อย่างมาก
เยี่ยนเจ๋อกับอันซีพาหมิงเย่ส่งโรงพยาบาล ระหว่างรอหมอตรวจอาการ เยี่ยนเจ๋อจึงมานั่งคุยกับอันซีภายในห้องพักคนไข้
“ไม่ต้องเป็นห่วง หัวหน้าตรวจร่างกายเสร็จก็กลับมา”
“ร้ายแรงมั้ย”
“มะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย”
อันซีตกใจมาก
“ทำไมคุณถึงมาหาหัวหน้า”
“ฉันจะมาบอกเขาว่า ฉันไม่มีทางยอมรับแม่อย่างเขา คุณคงคิดไม่ถึงใช่มั้ยว่าหัวหน้าจะเป็นแม่ของฉัน”
เยี่ยนเจ๋อถอนใจ
“อันซี ขอโทษ ผมรู้ตั้งแต่แรกแล้ว”
“แม้แต่คุณก็ปิดบังฉัน เฮ่อ”
อันซีจะลุกหนีไป แต่เยี่ยนเจ๋อจับมือเธอรั้งไว้
“นี่ อันซี ฟังผมพูดก่อน เซี่ยยิ่วเชียนสั่งไม่ให้ผมพูด ผมเลยเอาเรื่องของคุณไปบอกหัวหน้า ผมรู้ว่าผมเคยรับปาก ว่าจะช่วยตามหาแม่คุณ แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะเป็นแม่ในแบบที่คุณคาดหวัง”
“ฉันไม่เข้าใจเลย เพราะอะไรเขาถึงมายอมรับฉันเอาตอนนี้”
“อันซี ในโลกนี้ทุกคนไม่ได้ดีเหมือนภาพจินตนาการของคุณ เพราะคนเหล่านั้น ครอบครัว พ่อ แม่ เพราะคนเหล่านั้น อาจจะแค่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม ถ้าคุณไม่ต้องการเรียกหัวหน้าว่าแม่ เขาก็เป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง ย่อมมีสิทธิ์ตามหาความฝันของตัวเอง ผมหวังว่าคุณจะเข้าใจในสิ่งที่ผมยกตัวอย่างให้ฟังนะ”
“ถ้าเขาต้องการตามหาความฝันก็ตามหาไปสิ ทำไมต้องให้ฉันเกิดมาด้วย เกิดมาแล้วก็ทิ้งให้ฉันโดดเดี่ยว เพราะอะไร”
ระหว่างนั้นหมิงเย่เปิดประตูห้องมา
“ใช่ เพราะอะไร” เยี่ยนเจ๋อทวนคำ
“ฉันไม่มีทางยอมรับแม่อย่างเขา ไม่ว่ายังไง ฉันไม่มีทางยอมรับ”
เยี่ยนเจ๋อเหลือบไปเห็นหมิงเย่ยืนอยู่ที่ประตู จึงทำเป็นพูดกล่อมอันซี
“อันซี คนไม่ว่าแข็งแกร่งยังไง เมื่อเผชิญกับความตาย ก็ต้องมีมุมที่อ่อนแอ และต้องการพึ่งพาคนในครอบครัวของตัวเอง ผมรู้ว่าสำหรับคุณแล้ว คำว่าครอบครัว มันสายเกินไป ถึงไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคาดหวัง แต่มันก็ถึงเวลาแล้ว คุณลองคิดดูผมกับพ่อ ผมไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะพูดกับท่าน แต่คุณยังมีโอกาส คุณกับหัวหน้ายังมีโอกาสรู้จักซึ่งกันและกัน คุณไม่อยากเรียกเขาว่าแม่สักครั้งเลยเหรอ”
อันซีเศร้า พยายามคิดตามที่เยี่ยนเจ๋อพูด ในขณะที่หมิงเย่ฟังแล้วน้ำตาคลอ
เหม่นเหวินนั่งมองโทรศัพท์อยู่นาน โดยไม่ยอมพูดอะไร หยาเอินกระซิบกับจื้อหลิง
“พี่เหม่ยเหวิน เป็นอะไร นี่ อันซีไปหาแม่เขาแล้วเหรอ”
“ซูส์”
“มีอะไร”
เหม่ยเหวินตัดสินใจบางอย่าง คว้ากระเป๋าออกไป จื้อหลิงตกใจ
“เหม่ยเหวินเป็นอะไร”
“ลืมทำเรื่องหนึ่ง”
“เรื่องอะไร”
“ไปตบผู้หญิงคนนั้น”
จื้อหลิงกับหยาเอินตกใจ
“เหม่ยเหวิน เฮ่อ เหม่ยเหวินใจเย็นๆ ก่อน ถึงเธอไปตบหัวหน้าของคุณเซี่ย ทุกอย่างก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้”
“อย่างน้อยก็ทำให้ฉันสบายใจขึ้น”
“เธอสบายแต่อันซีไม่สบายนะ ตอนนี้อันซีอยู่ระหว่างคุณเซี่ยกับหัวหน้าของเขา เฮ่อ เธอปล่อยให้อันซีคิดดีๆ ก่อนเถอะ”
หยาเอินเห็นด้วย “ใช่พี่เหม่ยเหวิน ถ้าพี่ไปแล้วทำให้อันซีกับคุณเซี่ยและหัวหน้าของเขาความสัมพันธ์ยิ่งแย่ลงจะทำยังไง”
“ผู้หญิงคนนั้นยังไม่กลัว ฉันจะกลัวอะไร เธอสองคนกลับไปได้ วันนี้บ้านพักหยุดหนึ่งวัน “
เหม่ยเหวินไขกุญแจปิดบ้านพักแล้วเดินออกไปเลย จื้อหลิงหันไปบอกหยาเอิน
“เธอกลับบ้านก่อนเลยนะ”
จื้อหลิงวิ่งตามเหม่ยเหวินไป
หมิงเย่นอนอยู่ในโรงพยาบาล พลันเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอกดรับสาย
“ฮัลโหล เย่จือไห่เหรอ เธอเป็นใคร”
หมิงเย่ฟังเสียงปลายสายอย่างเครียดๆ
อ่านต่อหน้า 4
อัพแมนมาปิ๊งรัก When I see you again ตอนที่28
อันซีเดินคิดหน้าเครียดมาตามทาง ยิ่วเชียนเดินตามไปห่างๆ อย่างห่วงใย โดยมีไห่โค่และลูกน้องแอบสะกดรอยตามยิ่วเชียนไปอีกที
อันซีเดินผ่านร้านข้าวหมูสับไป ยิ่วเชียนคิดได้ รีบไปกระซิบบอกเถ้าแก่
“เถ้าแก่”
“อื้ม”
“ช่วยอะไรหน่อยสิ”
“อืม”
“อันซีอยู่ทางโน้น รบกวนหน่อยนะ”
เถ้าแก่รับคำแล้วรีบวิ่งไปหาอันซี
“อันซีๆ ๆ ผ่านร้านทำไมไม่เข้ามานั่งก่อน
อันซีส่ายหน้า
“มาสิ มากินข้าวหมูสับก่อน มาเติมพลังก่อน ช่วยอุดหนุนฉันหน่อย”
เถ้าแก่พาอันซีเข้ามานั่งที่โต๊ะ ยิ่วเชียนรีบหลบหลังเสา
“ฉันจะได้กลับแต่หัววัน มาๆๆๆ พักนี้ยุ่งอะไร ไม่เห็นเธอพักหนึ่งแล้ว เป็นอะไรรึเปล่า มานั่งๆๆ จะรีบเอามาเสิร์ฟนะ”
อันซีถอนใจ เถ้าแก่เอาข้าวหมูสับมาส่งให้ ระหว่างนั้นยิ่วเชียนแอบมองอยู่ตลอด
“ข้าวหมูสับที่เธอชอบกินมาแล้ว กินเลยนะ”
เถ้าแก่เดินออกไป อันซีทนไม่ไหวร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น ยิ่วเชียนแอบมองอย่างสงสารจับใจ
“มันตลกเกินไปแล้ว ฉันเกิดมาก็ถูกทิ้ง ตอนนี้กลับมาหาฉัน จากนั้นก็บอกฉันว่าเขาป่วย ฉันควรทำยังไงดี ยิ่วเชียน คุณรู้เรื่องนี้ด้วยใช่มั้ย คุณรู้ว่าฉันไม่สามารถเลือกได้ใช่มั้ย”
เถ้าแก่หันไปถามยิ่วเชียนว่าจะให้ทำอย่างไร ยิ่วเชียนชี้ที่ตา บอกว่าอันซีร้องไห้ เถ้าแก่จึงรีบหยิบกระดาษทิชชูไปให้ พลางตบไหล่ปลอบใจอันซี อันซีสะอื้นไม่หยุด ยิ่วเชียนมองเห็นใจมาก แต่ก็รู้ว่าคงเข้าไปหาเธอไม่ได้ จึงตัดสินใจหันหลังเดินออกไป ก็เห็นพวกไห่โค่แอบมองอยู่ ไห่โค่ตัดสินใจเผชิญหน้ากับยิ่วเชียน ยิ่วเชียนมองหน้าคู่อริแล้วแล้วถอนใจ เดินออกไปโดยไม่พูดอะไร ไห่โค่มองๆ เห็นอันซีร้องไห้ เสี่ยวหูรีบบอก
“ลูกพี่ ดูเหมือนพวกเขาจะมีปัญหากัน”
“ดีเลยลูกพี่ พี่รีบไปปลอบใจว่าที่พี่สะใภ้สิ” ต้าหูยุ
“ถือโอกาสที่เขาร้องไห้”
“เอาชีวิตของเขา”
ไห่โค่มองอันซีนิ่งๆ แล้วหันหลังเดินกลับไปเช่นกัน
“ลูกพี่ ลูกพี่จะไปไหน ลูกพี่”
“ลูกพี่ อันซีอยู่ทางโน้น ว่าที่พี่สะใภ้ไง”
ทั้งสองวิ่งตามไห่โค่ไป จากนั้นจื้อหลิงก็รีบขี่จักรยานเข้ามาตามอันซี
“อันซีๆ ๆ แย่แล้ว เหม่ยเหวินไปหาเรื่องแม่เธอแล้ว”
อันซีตกใจ
“ว่าไงนะ”
หมิงเย่นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย เผชิญหน้ากับเหม่ยเหวิน
“มาด่าฉันเหรอ อยู่เย่จือไห่ยังด่าไม่พอเหรอ กิริยาไม่สุภาพ เป็นเหมือนกันหมดทุกคน”
“อย่าคิดว่าคุณป่วยแล้วฉันจะไม่กล้าด่านะ ร่างกายเจ็บป่วยเท่านั้นเหรอ ฉันจะบอกคุณ จิตใจที่ป่วยมันแย่กว่าร่างกายซะอีก นับครั้งไม่ถ้วนที่ฉันเห็นอันซีไม่มีงานทำ บ้านพักไม่มีลูกค้าเลย เขานั่งมองถนนทางเข้าบ้านพักอย่างหมดหวัง”
เหม่ยเหวินนึกถึงสภาพของอันซีที่เธอเคยเห็นและคำพูดเศร้าๆ ของอันซี
“บางครั้ง ฉันคิดว่า ความจริงแล้วที่ผ่านมา เขาอาจไม่ได้สุขสบาย จึงไม่มีหน้ามาหาฉัน หรือว่าวันหนึ่ง เขาอาจจะขับรถคันหรู มารับฉันที่หน้าบ้านพัก จากนั้นก็บอกฉันว่า ที่เขาทำงานเหนื่อย ความจริงก็เพื่อต้องการให้ชีวิตที่ดีกับฉัน แม้ว่าความจริง จะเต็มไปด้วยการรอคอย และเป็นเพียงความหวัง แต่ฉันก็รู้สึกมีความสุขมาก”
เหม่ยเหวินนึกถึงคำพูดของอันซีแล้วน้ำตารื้น หันมามองหน้าหมิงเย่
“เขาบอกฉันว่า ถึงต้องรอคอย เขาก็มีความสุขมาก ภาพจินตนาการของเขา คุณเป็นแม่ที่ดีมาก แต่ว่าในชีวิตจริง คุณยังเทียบสัตว์เดรัจฉานไม่ได้เลย”
หมิงเย่โกรธ จ้องหน้าเหม่ยเหวิน พลันเสียงอันซีดังเข้ามา
“เหม่ยเหวิน”
อันซีเดินเข้ามากับจื้อหลิง
“เหม่ยเหวินเธอทำอะไร”
“ฉันมาคุยเหตุผลกับเขา”
หมิงเย่ถอนใจที่เหม่ยเหวินพูดไม่จริง เหม่ยเหวินมองหน้าอันซี
“ทำไม เธอไม่เชื่อเหรอ”
“ได้ๆ ฉันเชื่อเธอ เธอมีสมองทองคำฉลาดที่สุด คุยจบแล้วเรากลับเถอะ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกับคนแบบนี้”
อันซีจูงมือเหม่ยเหวินกลับ แต่เหม่ยเหวินดึงมืออันซีไว้ อันซีแปลกใจ
“มีอะไร”
“เธอคงไม่ได้ใจอ่อนใช่มั้ย”
อันซีชะงักนิดหนึ่ง ก่อนกลบเกลื่อน
“ฉันไม่ได้ใจอ่อน ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ยอมรับเขา ไปกันเถอะ”
อันซีจะเดินออกไป เหม่ยเหวินดึงมือไว้อีก
“เธอคงไม่คิดจะยอมรับเขาใช่มั้ย”
หมิงเย่ฟังว่าอันซีจะพูดอะไร แต่แล้วชะงักเมื่อได้ยินสิ่งที่อันซีตอบเหม่ยเหวิน
“ไม่มีทาง ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ยอมรับ เรื่องแค่นี้ฉันคิดเองได้”
“แล้วทำไมต้องรีบลากฉันไป เธอกลัวฉันต่อว่าเขาใช่มั้ย สมองเธอเสื่อมแล้วจริงๆ”
เหม่ยเหวินตีหัวอันซีอย่างโกรธๆ อันซีเครียด
“ทำไมล่ะ”
“ทำไมเหรอ ฉันอยากให้เธอใช้สมองคิดถึงชีวิตที่ผ่านมา เพราะการตายของพ่อ เธอร้องไห้จนต้องพักการเรียน เขาอยู่ที่ไหน เพราะหนี้สินของบ้านพัก เธอต้องทำงานหนักวันละสามงาน เขาอยู่ที่ไหน เพราะหยาเอินกับหยาลู่ เธอไปโรงพยาบาลหลายแห่งเพื่อขอความช่วยเหลือ เขาอยู่ไหน เธอฝันร้ายถึงแม่ ร้องไห้จนตื่นขึ้นมา เขาอยู่ไหน ฉันจะซื้อเสื้อตัวนี้หรือตัวนั้นดี จะซื้อแหวนเงินหรือแหวนทอง ถึงจะเหมาะกับฉัน บริษัทต้องลงทุนเท่าไหร่ถึงจะได้กำไร”
“พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว ชีวิตของเขาเป็นของเขา เขาจะอยู่หรือไม่ไม่เกี่ยวกับฉัน ไปเถอะ”
“เธอไม่สนใจเขาจริงเหรอ เพราะเขา ทำให้ความหวังของเธอสูญเปล่า เธอเสียเวลารออยู่บ้านพักมาหลายปี ตอนนี้ได้เจอคนดีอย่างเซี่ยยิ่วเชียนแล้ว คนที่รักและหวังดีกับเธอก็ต้องถูกเขาทำลาย ตอนนี้พอรู้ว่าเขาป่วย เธอก็เลย”
อันซีสะอื้น “พอแล้วๆ รู้ว่าฉันโง่ และรู้ว่าเขาไม่ต้องการฉัน ฉันรู้ว่าเขารังเกียจผิวดำมือเท้าหยาบกร้าน รังเกียจว่าฉันไร้การศึกษาอับอายสังคม แต่ว่าเขาเป็นแม่ฉัน เขาเป็นแม่ที่ฉันรอคอยมาตลอด และฉันรู้ว่า เขาไม่ได้ต้องการฉันจริง แต่เป็นเพราะเขาป่วย”
อันซีเดินร้องไห้ออกไป หมิงเย่น้ำตาคลอ แต่พยายามเก็บอาการไว้ เหม่ยเหวินหันไปค้อนใส่หมิงเย่ด้วยความโกรธ ก่อนจะเดินออกไป จื้อหลิงทนไม่ได้ หันมาพูดใส่หมิงเย่
“ถ้าคุณเติบโตมาพร้อมอันซี คุณจะรู้ว่าคุณมีลูกสาวที่ดีมาก เสียดายที่คุณโชคร้าย คุณรวยไม่ใช่เหรอ เอาเงินไปซื้อลูกที่คุณชอบสิ อย่ามาหาอันซีตอนนี้เลย”
จื้อหลิงน้ำตารื้นเดินออกไป หมิงเย่เองก็สะเทือนใจกับเรื่องของอันซีไม่แพ้กัน แต่พยายามกลั้นน้ำตาไว้
อันซีออกมาจากโรงพยาบาล หยุดยืนร้องไห้อย่างหนัก เหม่ยเหวินเข้ามาหาด้วยความเห็นใจมาก
“โธ่อันซี เธอหยุดร้องได้แล้ว เธอร้องไห้อย่างนี้เหมือนคนงี่เง่าเลย พอแล้วเธออย่าร้องอีกเลย”
“เพราะเธอนั่นแหละ ตอนแรกฉันปฏิเสธเขาอย่างดี ว่าฉันไม่ยอมรับแม่อย่างเขา แต่เธอก็มาพูดอะไรไม่รู้ พูดเหมือนฉันแคร์เขา ไม่ไว้หน้าฉันบ้างเลย”
“แต่เธอปากไวพูดออกไปเองนะ”
จื้อหลิงรีบเข้ามา“ถูกต้อง เพราะเธอปากไวเองต่างหากล่ะ”
“ได้ยินรึยัง” เหม่ยเหวินย้ำ
จื้อหลิงหันมาตำหนิเหม่ยเหวิน
“เธอก็เหมือนกัน มาคุยเหตุผลกับเขานี่กล้าพูดนะ”
“นั่นนะสิ” อันซีเห็นด้วยกับจื้อหลิง
“ฉันมาคุยเหตุผลกับเขาจริงๆ ไม่เคยดูหนังของโจวซิงฉือเหรอ เขาเคยพูดว่าคนกับปีศาจเหมือนกัน เพราะเกิดจากแม่จะเป็นคนหรือปีศาจก็มีแม่เหมือนกัน ดังนั้นไม่ว่าคนหรือปีศาจต้องมีหัวใจเมตตาถ้าไม่มีใจเมตตาปีศาจก็จะไม่ใช่ปีศาจแล้วพวกเขาจะกลายเป็น”
“ตุ๊ด” อันซีกับจื้อหลิงพูดดักคอพร้อมกัน
“เฮ่อ นี่มันสมัยไหนแล้วยังเล่นมุกโบราณอีก” จื้อหลิงท้วง
“เธอมันไอคิวต่ำจริงๆ เธอไม่เข้าใจประเด็นสำคัญเหรอ ฉันหมายถึงคนหรือปีศาจก็เกิดจากแม่ เราไม่สามารถเลือกแม่ได้ แต่เราสามารถเลือกชีวิตของตัวเองได้”
“มีหัวใจที่เมตตาเหรอ” อันซีถาม
“อื้ม เหมือนที่ฉันใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”
“อื้ม”
“ขอให้จริงเถอะ”
“พวกเธอ เธอ”
“เอ่อ”
“โอ้ยๆๆ เราไม่สามารถเลือกเกิดได้จริงๆ” จื้อหลิงบอก
เหม่ยเหวินเข้าไปกอดคออันซีกับจื้อหลิง แต่กอดไม่ค่อยถึงเพราะเตี้ยกว่า
“อย่างน้อยแม่ฉันก็สูง 170 นะ”
“จริงเหรอ” อันซีถามขำๆ
“เธอสองคนพูดเกินไปแล้วนะ”
“พอแล้วฉันว่าเธออย่าฝืนธรรมชาติเลย”
“ฉันจะเขย่ง”
“แอบเขย่งขานี่นา”
จื้อหลิงหัวเราะ “งั้นเราให้ความร่วมมือเธอแล้วกัน”
“งั้นเดินอย่างนี้แล้วกันนะ ไปๆๆ”
อันซีกับจื้อหลิงพยุงเหม่ยเหวินให้เดินสูงๆ ไปด้วย แล้วอันซีก็อดมองไปทางโรงพยาบาลด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
อ่านต่อ ตอนที่ 29