บาปบรรพกาล ตอนที่ 18 อวสาน
งานเลี้ยงฉลองสมรสระหว่างรามนรินทร์กับรสสุคนธ์จัดขึ้นที่บ้านพรหมบดินทร์ตอนค่ำ สถานที่ตั้งแต่หน้าประตูจนถึงเรือนไม้หลังงามถูกตกแต่งด้วยดอกไม้สวยและแสงไฟระยิบระยับ งามจับตา
แขกเหรื่อไฮโซ นักธุรกิจแวดวงโรงแรม พากันทยอยมาร่วมยินดีกับบ่าวสาว มีเสียงเปียโนบรรเลงเพลงขับคลอเพิ่มความโรแมนซ์ให้งานยิ่งขึ้น
นภา น้อย และ กระปุก นั่งรับแขกอยู่ตรงโต๊ะหน้าทางเข้า คอยดูแลให้แขกเขียนคำอวยพร พร้อมเฝ้ากล่องใส่ซอง มีรามนรินทร์ยืนรอรับแขกอยู่ ภาณุทัตกับภาวิดาเดินเข้ามาคุยกับแม้นศรีอย่างเป็นกันเอง สร้อยวิ่งหน้าตื่นเข้ามาจากถนนหน้าเรือน
“คุณชายขา คุณหญิงขา...แย่แล้วค่ะ”
เฟื่องเอ็ดเอา “แม่สร้อย วันนี้งานมงคลอย่าพูดอะไรที่มันไม่เป็นมงคล”
“มีอะไรเหรอสร้อย” ภาณุทัตถาม
สร้อยกระอึกกระอัก “เอ่อ...คุณหญิงแขไขมาค่ะ”
พร้อมกับว่าสร้อยชี้มือไปยังรถแขไขที่แล่นมาจอดหน้าเรือนใหญ่ แขไขก้าวลงจากรถเดินตรงมาทางที่พวกภาณุทัตภาวิดายืนอยู่
อธิวัฒน์สวมแว่นตาดำใส่หมวกหรุบบังใบหน้ารีบขับรถออกไปยังที่จอดรถ แขไขเข้าเดินนวยนาดเข้ามาทักทายทุกคนด้วยสีหน้าปกติ
“สวัสดีค่ะพี่ชายทัต พี่หญิงดา สบายดีกันมั้ยคะ อุ๊ย อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ เราเป็นคนคุ้นเคยกันไม่ใช่เหรอ”
“พี่ไม่คิดว่าหญิงแขจะมาด้วย ไม่งั้นพี่คงออกไปรับแล้ว” ภาณุทัตว่า
“บ้านพรหมบดินทร์มีงานมงคลทั้งที แขก็สมควรต้องมาอวยพรสิคะ” แขไขหันไปยิ้มให้เจ้าบ่าว “ยินดีด้วยนะจ๊ะราม มีหลานให้พี่หญิงดากับพี่ชายทัตอุ้มไวๆ นะจ๊ะ”
“ขอบพระคุณครับคุณหญิงน้า”
“เดี๋ยวพี่พาหญิงแขไปนั่งโต๊ะแขกวีไอพีเองจ้ะ” ภาวิดาบอก
“ไม่ต้องหรอกค่ะ แขแค่แวะมาแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับแล้ว”
“ไม่ได้หรอก หญิงแขเป็นคนสำคัญของบ้านพรหมบดินทร์ อยู่เป็นเกียรติให้กับตารามหน่อยนะ”
“ถ้าพี่ชายทัตพูดขนาดนี้แขอยู่ต่อก็ได้ค่ะ”
“เชิญค่ะ คุณหญิง”
นภากุลีกุจอเข้ามาพาแขไขไปนั่งที่โต๊ะวีไอพี ภาวิดากับภาณุทัตพากันมองหน้ากัน รู้สึกใจคอไม่ดี
รถแขไขแล่นเข้ามาจอดมุมลับตาคน อธิวัฒน์ลงจากรถแล้วเดินไปที่หลังรถ เปิดท้ายกระโปรงรถขึ้น เผยให้เห็นว่ามีอุณนิษานอนขดอยู่ข้างใน อธิวัฒน์รีบพยุงอุณนิษาออกมา
“มีเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง ระวังตัวด้วยล่ะ”
“นิษารู้น่า พี่วัฒน์เองก็อย่าพลาดให้โดนจับได้จนเสียแผนนิษา เหมือนกันล่ะ”
“คราวนี้พี่เตรียมตัวมาดี ไม่พลาดแน่”
อธิวัฒน์ดึงชายเสื้อให้อุณนิษาดู พบว่ามีปืนพกเหน็บอยู่ที่เอว
ชายโฉดหญิงชั่วพากันยิ้มเหี้ยมออกมา แล้วแยกย้ายกันไปประกอบกรรมชั่ว
แม้นศรีมองเวลาแล้วชักกังวล หันไปบอกกระปุก
“ทำไมแม่รสยังไม่มาอีก กระปุกไปดูพี่หน่อยสิ”
“เดี๋ยวน้อยไปเองค่ะ กระปุกอยู่ช่วยคุณนภานี่ล่ะ”
น้อยรีบออกไป กระปุกหันไปเห็นวิชิตเดินเข้างานมาก็แปลกใจ
“ย่าศรี...คุณราม...ผู้กองวิชิตมาค่ะ”
วิชิตยกมือไหว้แม้นศรี “สวัสดีครับย่าศรี สวัสดีครับคุณราม”
“ขอบคุณนะครับที่มางานแต่งผม เชิญด้านในเลยครับ”
“เดี๋ยวครับ ผมขอเวลาแป๊บหนึ่งนะ ผมมีเรื่องสำคัญอยากคุยด้วย”
วิชิตกับรามนรินทร์พากันเดินหลบมุมออกมาคุยกัน วิชิตรีบบอก
“นายอธิวัฒน์ยังไม่ตายครับ ตอนนี้ตำรวจกำลังตามตัวอยู่ บางทีหมอนั่นอาจย้อนมาทำร้ายคุณรามกับคุณรสก็ได้ ระวังตัวด้วยนะครับ”
รามนรินทร์ได้ยินก็หน้าเครียดขึ้นมาทันที
รสสุคนธ์กำลังเดินลงมาจากบันได เห็นหลังใครบางคนเดินตัดหน้าไปไวๆ ก็ร้องทักเรียกไว้
“น้อยเหรอจ๊ะ”
รสสุคนธ์ขยับลงมาดูแต่กลับไม่เห็นใคร เลยหันกลับจะเดินลงจากเรือน
อุณนิษาโผล่พรวดออกมาทางด้านหลังในมือถือไม้หน้าสาม ฟาดไม้ใส่ท้ายทอยสุดแรง รสสุคนธ์ล้มลงหมดสติไป
“นังรสสุคนธ์ ฉันไม่ยอมให้แกเสวยสุขอยู่คนเดียวหรอก”
อุณนิษามองรสสุคนธ์ที่นอนสลบอยู่ด้วยใบหน้าเหี้ยมเกรียมและอำมหิต
ขณะที่น้อยกำลังเดินตรงไปที่เรือนไม้หอม แต่ต้องชะงักเมื่อจู่ๆ ก็มีมือใครบางคนเข้ามาจับตัวน้อยไว้ทางด้านหลัง
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
“นี่ผมเอง อย่าร้อง”
“คุณวัฒน์ นี่คุณยังไม่ตายเหรอคะ”
น้อยผวากลัว ค่อยๆ ขยับหนี
“คุณไม่ต้องกลัวผม ผมไม่ใช่คนร้ายอย่างที่ใครๆ ว่านะ”
“ฉันได้ยินมาว่าคุณจะฆ่าคุณรส คุณหลอกฉันไม่ได้หรอก”
“ความจริง ผมถูกบังคับ ทั้งหมดเป็นแผนการของคุณหญิงแขไข น้อย คุณต้องเชื่อผมนะ ให้ผมกราบคุณก็ได้”
อธิวัฒน์ตีหน้าเศร้า ร้องไห้ออกมา พร้อมกับทรุดตัวลงจะก้มลงกราบจริงๆ น้อยตกใจรีบดึงตัวอธิวัฒน์ไว้
“อย่าค่ะ อย่าทำแบบนี้ แล้วนี่คุณมาหาฉันทำไม”
“ผมอยากให้คุณช่วย คุณช่วยไปตามคุณรามออกมาเคลียร์กับผมได้มั้ย ผมอยากจะสารภาพความจริงให้คุณรามฟัง”
“ได้ค่ะ ฉันจะไปตามคุณรามมาให้”
“เดี๋ยวครับ คุณต้องบอกคุณรามมาคนเดียวนะ ผมไม่อยากให้คุณหญิงแขไขรู้”
น้อยพยักหน้ารับเอาคำแล้วเดินลับตัวไป อธิวัฒน์เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มชั่วออกมาทันที
รสสุคนธ์ที่ถูกจับมัดมือไพล่หลังอยู่บนเก้าอี้ รู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาเห็นอ่างน้ำตั้งอยู่บนโต๊ะเบื้องหน้าก็แปลกใจ
“โอ๊ย นี่มันเรื่องอะไรกัน”
รสสุคนธ์พยายามดิ้นแต่ก็ดิ้นไม่หลุด หันไปเห็นอุณนิษายืนยิ้มอยู่ก็ตกใจ
“คุณนิษา คุณจะทำอะไรคะ”
“ฉันก็จะฆ่าแกไง แกแย่งทุกอย่างไปจากฉัน ถ้าไม่มีแก พี่รามก็จะรักฉัน”
“เรื่องของหัวใจไม่มีใครบังคับกันได้หรอกค่ะ คุณอย่าทำผิดอีกเลยนะ มอบตัวเถอะค่ะ”
“ไม่ต้องมาสั่งสอนฉัน ถ้าฉันหยุดฉันก็ควรหยุดตั้งแต่ฆ่านังปริกแล้ว แต่แกไม่ต้องห่วงนะ ถ้าแกตายไป ฉันจะทำหน้าที่เป็นสะใภ้พรหมบดินทร์ให้เอง”
อุณนิษายื่นนิ้วที่สวมแหวนไพลินมาให้รสสุคนธ์ดูอย่างเห็นได้ชัด
“แหวนไพลิน คุณเอามาจากไหน”
“คุณแม่ฉันเป็นคนให้ฉันมา มันเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะเมื่อตอนที่คุณแม่ฉันเอามาจากศพย่าของแกไง”
รสสุคนธ์ตกใจ “คุณหญิงแขไขฆ่าย่าเล็ก”
“ใช่ ฉันจะบอกให้เอาบุญ แม่ฉันวางแผนทุกอย่างเพื่อที่จะฆ่าย่าแกในคืนแต่งงาน เหมือนที่แกกำลังจะโดนไง”
ก่อนวันแต่งงาน ในเวลาตอนกลางวัน แม้นมาศเอาชุดแต่งงานมาเทียบกับตัวแล้วหมุนไปมา แขไขเดินเข้ามาเห็นก็ไม่พอใจ แต่รีบเปลี่ยนสีหน้า
“ชุดแต่งงานที่จะใส่ในวันงานเหรอ”
“ใช่ค่ะ คุณหญิงมาหาคุณชายทัตเหรอคะ”
“เปล่า ฉันมาหาเธอ นี่ก็ใกล้จะถึงวันแต่งงานแล้วฉันก็เลยมาดู ชุดสวยดีนิ ตัดที่ไหนเหรอ”
“พี่วาด พี่สะใภ้ฉันเป็นคนตัดให้ค่ะ”
“อ๋อ ฉันก็ลืมไปว่าแม่เธอเป็นช่างตัดเสื้อผ้าเก่า พี่สะใภ้นี่ก็เป็นคนงานที่ร้านสินะ ฝีมือคัตติ้งดีนะเนี่ย สมแล้วที่เป็นศิษย์เอกของแม่เธอ”
แขไขยิ้มแย้มแต่จริงๆ ด่าจนแม้นมาศหน้าชา
“ว่าแต่มีแบบชุดมั้ย ฉันจะได้เอาไปโฆษณาให้ เผื่อมีคนสนใจจะได้ไปช่วยอุดหนุนพี่สะใภ้เธอ”
“มีค่ะ ขอบคุณคุณหญิงนะคะ”
แม้นมาศหยิบแบบชุดแต่งงานให้กับแขไขที่ยิ้มกว้างรับมา
แขไขรีบเอาแบบชุดแต่งงานที่ได้จากแม้นมาศมาให้จวงที่ศาลาริมน้ำ
“เอาแบบชุดแต่งงานนี้ไปจ้างคนตัดให้ฉันด่วนที่สุด เสียเงินเท่าไหร่ก็ยอม ทำให้เหมือนเป๊ะๆ เลยนะ อย่าให้พลาดแม้แต่นิดเดียว”
“นี่มันแบบชุดแต่งงานของนังแม้นมาศนี่คะ คุณหญิงจะตัดทำไมคะ”
“ทำตามฉันเถอะน่า เดี๋ยวแกก็จะได้รู้เอง แล้วเรื่องนี้เก็บเป็นความลับระหว่างฉันกับแกเท่านั้น เข้าใจมั้ย จวง”
จวงพยักหน้ารับหงึกๆ แขไขยิ้มเจ้าเล่ห์
เหตุการณ์ต่อมาเกิดขึ้นในวันแต่ง หลังจากดื่มน้ำมะตูมไป แม้นมาศก็สลบร่วงอยู่ที่ข้างเตียง มีแก้วน้ำตกอยู่ข้างตัว
แขไขกับจวงพากันเข้ามาในห้อง จวงถืออ่างน้ำที่ใส่น้ำเต็มเข้ามา ส่วนแขไขถือชุดแต่งงานที่ตัดก๊อปปี้ชุดแม้นมาศมาด้วย
แขไขมองดูแม้นมาศที่สลบอยู่แล้วยิ้มชั่วสะใจ จวงวางอ่างน้ำที่พื้น แขไขวางชุดบนเตียง
“มาช่วยฉันจับหน้ามันกดน้ำเร็ว”
สองคนพยุงแม้นมาศขึ้นมา แขไขจิกหัวแม้นมาศแล้วจับกดลงไปในอ่างน้ำ แม้นมาศสำลักน้ำพยายามดิ้นรน ขึ้นมาหายใจ แต่แขไขกับจวงประสานพลังพากันกดหัวไว้ จนแม้นมาศค่อยๆ อ่อนแรงลงแล้วขาดใจตายไปในที่สุด แขไขมองศพแม้นมาศที่นอนคว่ำหน้าอยู่ในอ่างน้ำอย่างสะใจ ส่วนจวงตะลึงอยู่ ปล่อยให้แขไขจะเข้าไปดึงแหวนไพลินออกจากนิ้วมือนางแม้นมาศเอามาสวมให้ตัวเอง
“คนที่จะเป็นสะใภ้พรหมบดินทร์ต้องเป็นฉันคนเดียวเท่านั้น อ้าว จวง...ยืนเซ่อรออะไรล่ะ รีบเปลี่ยนเป็นชุดแต่งงานสิ แล้วรอจนกว่าพี่ชายทัตมา จากนั้นแกรู้ใช่มั้ยว่าต้องทำยังไง”
“ทราบค่ะ จวงจะแสดงให้สมบทบาท” จวงพยักหน้าหงึกๆ
“ดี ทีนี้ ทุกคนก็จะเข้าใจว่ามันฆ่าตัวตาย”
แขไขหยิบจดหมายลาตายที่ปลอมลายมือของแม้นมาศ ออกมาวางไว้บนเตียงแล้วยิ้มเหี้ยม
จวงอยู่ในชุดแต่งงานปลอมเป็นแม้นมาศให้คนอื่นเข้าใจผิด ยืนชะเง้อคอรออยู่ตรงหน้าต่างติดสระบัว จนเห็นภาณุทัต ภาณุกร ภาวิดา แขไข ทรงยศ และอัศวิน พากันเดินขึ้นเรือนมา
พวกภาณุทัตเดินเข้ามาในเรือนไม้หอมที่ตอนนี้ตกแต่งเป็นเรือนหอสวยงาม
“ทำไมเงียบเชียบแบบนี้ ช่างแต่งหน้ากับคนใช้หายไปไหนหมด” ภาวิดาบ่นบ้าด้วยความหงุดหงิด
ภาณุทัตร้องเรียกหา “น้องเล็ก...น้องเล็ก”
ภาณุกรมองขึ้นไปยังชั้นบน เห็นชายกระโปรงชุดเจ้าสาวไวๆ
“สงสัยจะอยู่ข้างบนมั้งครับ”
ภาณุทัตเดินนำทุกคนขึ้นบันไดไปยังชั้นบนของเรือน พอขึ้นมาถึงชั้นสองก็ต้องชะงัก อึ้งกับภาพที่เห็นเบื้องหน้า โดยด้านหลังของจวงในชุดเจ้าสาวปีนอยู่ตรงขอบหน้าต่างบ้าน แต่คิดว่าเป็นแม้นมาศ
“น้องเล็กจะทำอะไร ออกมาจากตรงนั้นนะ”
จวงไม่ฟังเสียงภาณุทัต ตัดสินใจกระโดดลงจากหน้าต่างชั้นสองทันที ทุกคนพากันตกใจ ภาณุทัตตกใจสุดขีดร้องเสียงหลง
“ไม่...น้องเล็ก”
คนอื่นตกใจ มีเพียงแขไขแอบยิ้มสะใจสมใจลำพัง
อ่านต่อหน้า 2
บาปบรรพกาล ตอนที่ 18 อวสาน (ต่อ)
เล่ามาถึงตอนนี้ อุณนิษาหัวเราะร่าสะใจ รสสุคนธ์ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดถึงกับอึ้งสลดหดหู่ใจ
“โหดร้าย คุณก็ไม่ต่างไปจากแม่คุณเลย ดูแม่คุณเป็นตัวอย่างสิ ถึงย่าฉันจะตาย แต่ท่านก็ยังได้ความรักที่แท้จริงจากคุณชายภาณุทัต ส่วนแม่คุณ เป็นได้แค่เป็นฆาตกร”
อุณนิษาตบหน้ารสสุคนธ์จนหน้าหัน
“อย่ามาด่าแม่ฉัน”
“ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ ในเมื่อแม่คุณเป็นคนฆ่าย่าเล็ก ฆ่าย่าวาด ฆ่าปู่เมือง แล้วยังฆ่าพ่อแม่ฉัน บาปที่แม่คุณก่อมันจะต้องคืนสนอง”
อุณนิษาตบรสสุคนธ์อีกฉาด รสสุคนธ์เหลียวขวับมาจ้องสู้ตาอุณนิษาด้วยความแค้นใจ
“หุบปาก ไม่ต้องมาแช่งแม่ฉัน ถ้าบาปมีจริง ป่านนี้แม่ฉันคงเป็นอะไรนานแล้ว แกควรจะห่วงตัวเองเถอะ คืนนี้แกจะต้องตายเป็นผีเฝ้าเรือนหอเหมือนย่าของแก”
พร้อมกับว่า อุณนิษาจิกหัวรสสุคนธ์แล้วจะกดหน้าลงไปในอ่างน้ำที่มีน้ำอยู่เต็ม รสสุคนธ์ขืนตัวฝืนหัวยั้งไว้สุดชีวิต
“อย่านะคุณนิษา ถึงฉันจะตายไป คุณรามก็ไม่มีทางรักผู้หญิงที่จิตใจโหดเหี้ยมอย่างคุณหรอก อย่าถลำลึกไปมากกว่านี้เลย”
อุณนิษาไม่ฟังกดหัวรสสุคนธ์ลงไปในอ่างน้ำจนได้
ฝ่ายรามนรินทร์เดินตามน้อยมาที่ศาลาริมน้ำ จู่ๆ อธิวัฒน์โผล่พรวดออกมาทุบคอรามนรินทร์ด้วยสันปืน รามนรินทร์ล้มลง
“ว้าย คุณราม คุณวัฒน์คุณทำร้ายคุณรามทำไม” น้อยตกใจสุดขีด โง่ให้หนุ่มเป้าตุงหลอกอีกแล้ว
“ขอบใจนะ เธอช่วยฉันได้มาก”
อธิวัฒน์ยิ้มชั่วแล้วตบเปรี้ยงเป็นการสมนาคุณ ร่างน้อยล้มลงไปกองกับพื้น อธิวัฒน์เล็งปืนไปยังรามนรินทร์
ด้านภาณุทัตรู้สึกใจคอไม่ดีขยับลุกขึ้น แต่ถูกแขไขดึงแขนรั้งไว้
“พี่ชายทัตจะไปไหนคะ”
“พี่จะไปดูตารามกับหนูรสหน่อย ทำไมยังไม่มากันอีก”
“มั่นใจเหรอคะว่าพี่ชายทัตจะไปดูหลาน ไม่ใช่กำลังหนีหน้าแข”
“พี่รู้พี่ทำผิดกับแขมาก เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว แขเองก็มีครอบครัวไปแล้ว แขยังโกรธพี่อยู่อีกเหรอ”
“แขไม่โกรธแล้วล่ะค่ะ แขก็แค่อยากให้พี่ชายทัตนั่งเป็นเพื่อนแขอีกหน่อย เดี๋ยวพอตารามกับเจ้าสาวมา แขก็จะกลับ พี่ชายทัตนั่งเป็นเพื่อนแขก่อนนะคะ”
ภาณุทัตจำใจลงนั่ง แขไขลอบยิ้มแล้วพิมพ์ไลน์ส่งไปนัดแนะกับอธิวัฒน์
“รีบจัดการให้เรียบร้อย อีก 10 นาทีเจอกันที่รถ”
รสสุคนธ์สำลักน้ำ พยายามโงหัวขึ้นจากอ่างน้ำ แต่อุณนิษาก็จิกหัวกดลงไปอีก ลมพัดวูบเข้ามาหน้าต่างกระชากเปิดออกแล้วปิดดังตึงแล้วกระชากเปิดปิด บ้านลั่นไปทั้งหลัง อุณนิษาตกใจ
“มันเกิดเรื่องบ้าอะไรเนี่ย”
อุณนิษามองไปเห็นแม้นมาศกับปริกปรากฏตัวขึ้นจ้องมองมาตาเขม็ง
“แกมันก็ชั่วเหมือนกับแม่ของแก” แม้นมาศคำรามก้อง
อุณนิษาผงะ ตกใจ ปล่อยมือ รสสุคนธ์รีบโงหัวขึ้นมาหอบหายใจเอาออกซิเจน
“อีปริก แกตายไปแล้วนี่”
“คุณฆ่าฉันทำไม”
แม้นมาศยิ้มสยอง มองไปทางปริก “รายนี้กูยกให้มึง อีปริก”
รสสุคนธ์เพิ่งรอดตายมาหมาดๆ ตกใจ “อย่านะน้าปริก คุณนิษาหนีเร็ว”
ปริกไม่สนกระโจนเข้าใส่อุณนิษาทันที อุณนิษาหวีดร้องลั่น ปริกบีบคอแน่น จนอุณนิษาเริ่มหายใจไม่ออก
ทางด้านอธิวัฒน์เตะอัดเข้าที่ลำตัวอันอ้วนพีของรามนรินทร์ แล้วกระทืบด้วยความแค้นใจ รามนรินทร์จุกตัวงอเป็นกุ้ง อธิวัฒน์เข้าไปจะซ้ำ รามนรินทร์รวบรวมแรงยกมือยั้งเท้าอธิวัฒน์ไว้
อธิวัฒน์ควักปืนออกมาเล็งจะยิงใส่ รามนรินทร์บิดข้อเท้าพลิกตัวกลับแล้วถีบเข้าที่อกอธิวัฒน์อย่างจัง อธิวัฒน์เซไปกระแทกกับเสา ปืนหล่นกระเด็นไป อธิวัฒน์กับรามนรินทร์พุ่งตัวไปคว้าปืนมา ทั้งคู่ยื้อแย่งกันไปมา
สุดท้ายอธิวัฒน์ก็ศอกใส่หน้ารามนรินทร์เต็มๆ จนเขามึน อธิวัฒน์คว้าปืนมาได้ก็จะยิงใส่อีกครั้ง
น้อยร้องลั่น “คุณรามระวัง”
เสียงปืนดังปัง ลูกกระสุนเข้าที่หัวใจของอธิวัฒน์อย่างจัง น้อยกับรามนรินทร์ตกใจหันไปมองคนยิง
วิชิตก้าวออกมาแสดงตัว อธิวัฒน์ล้มลงขาดใจตายคาที่ โดนวิชิตวิสามัญ
เสียงปืนทำให้คนในงานพากันแตกตื่น ภาวิดา แม้นศรี และเฟื่องรีบเข้ามาหาภาณุทัต
“เมื่อกี้มันเสียงปืนใช่มั้ยคะพี่ชายทัต”
ภาณุทัตเหลียวไปทางเสียง “พี่ก็ไม่แน่ใจ เดี๋ยวพี่จะเข้าไปดู หญิงดา พี่ศรี ฝากดูแขกด้วยนะครับ”
คุณชายภาณุทัตรีบออกไป แม้นศรียกมือขึ้นภาวนาขอพรพระ
“สาธุ อย่าได้เกิดเรื่องอะไรอีกเลย”
แม้นศรีกับภาวิดาใจคอไม่ดี แขไขลอบยิ้มสะใจพึมพำอยู่คนเดียว
“ภาวนาไปเหอะ สุดท้ายงานแต่งต้องกลายเป็นงานศพอยู่ดี
ทางด้านปริกจับหัวอุณนิษาโขกกับฝาเรือนอย่างรุนแรง อุณนิษาหวีดร้องลั่น
“ปล่อยฉัน...ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
“ย่าเล็กช่วยห้ามน้าปริกทีสิคะ” สาวเห็นผีแสนดีขอร้องผีย่า
“กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง นี่คือจุดจบของไอ้พวกคนสารเลวที่ฆ่าฉัน”
“แต่คุณนิษาไม่ได้ฆ่าย่าเล็กนะคะ แต่เป็น....”
แม้นมาศยัวะ สวนขึ้น “ฉันรู้แล้ว นี่ฉันก็ไม่ได้ทำร้ายมันซะหน่อย แต่เป็นเจ้ากรรมนายเวรของมันต่างหากที่กำลังทำอยู่”
ปริกอ้าปากกว้างยิงฟันเป็นปิศาจร้ายเต็มที่ กัดหมับเข้าที่ใบหน้าสวย และคอของอุณนิษาไม่ยั้ง เลือดสาดกระจาย อุณนิษาขาดใจตายอย่างน่าสยดสยอง รสสุคนธ์เห็นแล้วให้รู้สึก เอน็จอนาถใจ ปริกไม่ยอมหยุดกัดกินเนื้ออุณนิษาต่อเคี้ยวหยับๆ
“ต่อไปก็ถึงคราวตายของนังคุณหญิงแขไข” แม้นมาศว่า
รสสุคนธ์ตกใจ พยายามทัดทาน
“ไม่ได้นะย่าเล็ก ทำแบบนั้นมันบาป วิญญาณของย่าเล็กก็จะไม่ได้ไปผุดไปเกิดนะคะ”
“ต่อให้ตกนรกหมกไหม้ฉันก็ไม่สน ความแค้นที่มันทำไว้กับฉัน ฉันจะคิดบัญชีกับมันอย่างสาสม”
แม้นมาศไม่ฟัง เคลื่อนตัวออกไปทันควัน
ภาณุทัตเข้ามาเห็นรามนรินทร์และน้อยกำลังให้ปากคำกับวิชิตอยู่ที่ศาลาริมน้ำ มีศพอธิวัฒน์นอนอยู่ที่พื้นก็ตกใจ
“นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“คุณวัฒน์จะยิงคุณรามค่ะ ดีที่ผู้กองวิชิตมาช่วยไว้”
รามนรินทร์เพิ่งนึกถึงรสสุคนธ์ “แล้วคุณรสล่ะครับ”
“ลุงยังไม่เห็นหนูรสเลย ลุงก็นึกว่าอยู่กับรามซะอีก หรือว่าจะเกิดเรื่องกับหนูรสเหมือนกัน”
“คุณรส คุณลุงครับ ผมฝากทางนี้ด้วยนะครับ”
รามนรินทร์โลดแล่นรีบวิ่งออกไปทางเรือนไม้หอมทันที
อ่านต่อหน้า 3
บาปบรรพกาล ตอนที่ 18 อวสาน (ต่อ)
รสสุคนธ์พยายามดิ้นให้หลุดจากเชือกที่มัด แต่ก็ไม่เป็นผล ปริกที่กำลังกัดศพอุณนิษาหันขวับมามองแล้วเริ่มร้ร้องไห้คร่ำครวญ รสสุคนธ์สยดสยอง หน้าเสีย
“ไม่นะ น้าปริก”
“ฮือ ๆ คุณฆ่าฉันทำไม...ฆ่าฉันทำไม”
ปริกกระโจนเข้าใส่รสสุคนธ์ สาวผู้เห็นผีหวีดร้องลั่น
“อย่า...อ๊าย...”
รามนรินทร์วิ่งขึ้นบันไดมา ถึงกับชะงักกึก
“คุณรส”
รามนรินทร์วิ่งเข้าไปในบ้าน เห็นผีอีปริกกำลังบีบคอรสสุคนธ์ พร้อมกับแยกเขี้ยวใส่เหมือนจะขย้ำ จึงถีบเข้าที่ชายโครงจังๆ จนปริกล้มลง รามนรินทร์หันไปเห็นศพอุณนิษาตายอนาถก็ตกใจ
“คุณรส ไม่เป็นไรนะครับ ผมมาช่วยแล้ว”
รามนรินทร์รีบแก้เชือกให้คนรัก รสสุคนธ์เห็นปริกเด้งตัวขึ้นมายืนถลึงตาแยกเขี้ยวใส่อย่างเคียดแค้น
“เร็วค่ะคุณราม น้าปริกมาแล้ว”
รามนรินทร์แกะเชือกออกได้สำเร็จ รีบดึงมือรสสุคนธ์วิ่งหนีไป ปริกกระโจนไล่ตาม
ภาณุทัต น้อย และวิชิต พากันเดินเข้ามาหาภาวิดา แม้นศรี เฟื่อง และ แขไขที่นั่งอยู่
“คุณชายทัตตกลงเกิดอะไรขึ้นคะ” แม้นศรีถาม
ภาณุทัตชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อมองไปเห็นแขไข
“พูดมาเถอะค่ะ ไม่ต้องเกรงใจแขหรอก”
“อธิวัฒน์หลานหญิงแขแอบเข้ามาทำร้ายตาราม”
ภาวิดาตกใจ “อะไรนะ แล้วตารามเป็นอะไรมั้ย”
“คุณรามปลอดภัยค่ะ แต่คุณวัฒน์ตายแล้ว”
แขไขช็อก “ตาย”
เสียงแม้นมาศดังขึ้น “ใช่ อุณนิษาลูกมึงก็ตายแล้วด้วย”
แขไขชะงัก เงยหน้าขึ้นไปมองบนโต๊ะ เห็นแม้นมาศยืนถลึงตามายังตน
“อีแม้นมาศ”
“เออ...กูเอง อีคุณหญิงแขไข วันนี้กูจะทวงหนี้ชีวิตที่มึงเอาไปจากกู”
แม้นมาศชี้หน้าคาดโทษ แขไขกรีดร้องลั่น ภาณุทัตและคนอื่นๆ พากันตื่นตกใจ เพราะไม่มีใครเห็นแม้นมาศ
“หญิงแข เป็นอะไร”
แขไขหันไปเห็นแม้นมาศโผล่ขึ้นมาจากด้านหลังภาณุทัตก็ยิ่งผวากลัว
“อีแม้นมาศ มึงอย่าเข้ามานะ...ออกไป”
“หรือว่าผีแม้นมาศจะอยู่แถวนี้” ภาวิดาเลิกลักผวากลัว
แม้นมาศโผล่พรวดขึ้นมาประจันหน้ากับแขไข
“ไม่มีใครเห็นกูหรอก...นอกจากมึง”
แม้นมาศเอื้อมมือบีบคอแขไข แขไขสะบัดออกแล้ววิ่งหนีเตลิด
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
แม้นมาศเหลียวขวับไปยังถาดใส่อาหาร ใช้ฤทธิ์ทำให้ถาดลอยพุ่งไปกระแทกร่างแขไขอย่างจัง แขไขทรุดล้มลง
ภาณุทัตและทุกคนพากันตกใจฮือฮา แม้นมาศเดินอาดๆ เข้าไปหาแขไข แขไขหวาดกลัวสุดขีด
รามนรินทร์กุมมือรสสุคนธ์วิ่งมาจะผ่านสระบัวรอมร่อ แต่แล้วมือผีอีปริกโผล่ขึ้นมากระชากขารสสุคนธ์ไว้ จนรสสุคนธ์ล้มลง รามนรินทร์ชะงักกึกรีบเข้าไปพยุงคนรัก
“คุณรส คุณไหวมั้ย”
“คุณรีบไปเถอะค่ะ ไม่ต้องห่วงฉัน”
“ไม่ ผมจะไม่ทิ้งคุณเด็ดขาด เราต้องรอดไปด้วยกัน”
รามนรินทร์พยุงรสสุคนธ์ขึ้น แต่แล้วปริกก็โผล่ขึ้นมาขวางหน้า
“พวกมึงต้องตาย ตาย”
ปริกกระโจนเข้าไปบีบคอรามนรินทร์กับรสสุคนธ์แน่น รามนรินทร์กับรสสุคนธ์ต่างหายใจไม่ออก
ทั้งคู่เอื้อมมือหากันแล้วจับมือกันแน่น รสสุคนธ์ร้องไห้
“ได้ตายพร้อมกับคุณ ผมก็ไม่เสียใจแล้ว ผมรักคุณ คุณรส”
“ฉันก็รักคุณค่ะ”
ปริกแยกเขี้ยวทำท่าจะกัดรสสุคนธ์ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีลำแสงสีเหลืองทองพุ่งมาใส่ ปริกกรีดร้องลั่นแล้วปล่อยมือออก
“อ๊าย...ร้อนๆ”
รามนรินทร์กับรสสุคนธ์หันมองไปที่ยังแสงสีทองนั้นกำลังขึ้นรูป และเห็นเป็นร่างภาณุกรในชุดสีขาวเปล่งรัศมีสว่างจ้า สองคนอุทานอย่างตื่นเต้น
“คุณชายกร” / “คุณน้ากร”
“พอซะทีปริก ความแค้นมันไม่ทำให้อะไรดีขึ้นมาหรอกนะ ปล่อยวางซะเถอะ”
คำพูดของภาณุกรเหมือนประกาศิต ทำให้ผีปริกที่คลุ้มคลั่งดุร้าย กลับคืนสู่สภาพเดิม
“คุณชาย...คุณราม...คุณรส อโหสิกรรมให้ปริกด้วยนะคะ”
“จ้ะ...รสขออโหสิกรรมให้” รสสุคนธ์ยิ้มบอก
“ไปสู่ภพภูมิที่ดีนะครับ”
ภาณุกรบอกว่า “ถึงเวลาที่เธอต้องไปรับกรรมของเธอแล้ว ไปได้แล้ว”
ปริกยกมือไหว้ลา แล้วร่างค่อยๆ จางหายไปกับอากาศ
“หนูรสรีบไปห้ามคุณเล็กเร็ว อย่าให้เธอต้องถลำลึกลงไปในบ่วงกรรมมากกว่านี้เลย”
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยรส”
รสสุคนธ์กับรามนรินทร์ไหว้ภาณุกร ผีคุณชายยิ้มอ่อนโยนให้แล้วหายวับไป
แขไขกระเสือกกระสนคลานหนีแม้นมาศขึ้นบันไดบ้านไป ภาณุทัตเข้าช่วย ทว่าแขไขกลับเห็นภาณุทัตเป็นผีแม้นมาศก็ลนหนีปัดมือออกไม่ยอมให้ช่วย
“กลัวแล้ว กลัวแล้ว...ออกไป...อย่ามายุ่งกับฉัน”
แต่แขไขแล้วก็ชะงักเมื่อแม้นมาศยืนขวางอยู่บันไดขั้นสุดท้าย
“มึงหนีไปไหนไม่พ้นหรอก ตายซะเถอะ”
แม้นมาศคว้าคอแขไขหมับ แล้วค่อยๆ ยกร่างขึ้น ทุกคนพากันฮือฮาที่จู่ๆ เห็นเป็นแขไขยืนบีบคอตัวเองอยู่ และทำท่าเหมือนหายใจไม่ออก
แม้นศรีอุทานลั่น “คุณพระคุณเจ้าช่วย”
“ใครก็ได้ ไปช่วยคุณหญิงแขไขเร็ว” ภาณุทัตร้องขึ้น
นภา สร้อย และพนักงานโรงแรมที่มาช่วยงาน รีบวิ่งเข้าไปจะขึ้นบันได แต่แล้วก็กลับถูกของไม่ว่าจะเป็นแก้ว
จาน ถาดที่วางอยู่พุ่งเข้าใส่ ทุกคนพากันวิ่งหลบจ้าละหวั่น
รามนรินทร์กับรสสุคนธ์พากันวิ่งเข้ามาเห็นเหตุการณ์ก็ตกใจ มีเพียงรสสุคนธ์คนเดียวที่แลเห็นแม้นมาศกำลังบีบคอแขไข
“ย่าเล็ก...อย่าฆ่าคุณหญิงแขไขนะคะ”
ภาณุทัตหน้าตาตื่น “ว่าไงนะหนูรส นี่เป็นฝีมือน้องเล็กเหรอ”
“ค่ะ ย่าเล็กจะฆ่าคุณหญิงแขไข”
“ทำไมแม้นมาศต้องฆ่าหญิงแขไขด้วย” ภาวิดาแปลกใจ
“ก็เพราะคุณย่าแม้นมาศไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่ถูกคุณหญิงแขไขฆ่าแล้วขโมยแหวนไพลินแหวนประจำตระกูลไป”
คำพูดของรามนรินทร์ ทำให้ทุกคนพากันอึ้ง รสสุคนธ์ขยับเข้าไปใกล้บันได เห็นข้าวของลอยไปมาอยู่บนอากาศ
“ย่าเล็ก หยุดเถอะค่ะ การยึดติดกับความแค้นมันไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย มีแต่ทำให้วิญญาณของย่าเล็กถูกพันธนาการวนเวียนอยู่ในบ้านนี้ไม่ได้ไปไหน อย่าสร้างกรรมต่อกันเลยนะคะ ปล่อยวางซะเถอะค่ะ”
“ไม่ต้องมาสั่งสอนฉัน ฉันจะเอาชีวิตมัน เหมือนกับที่มันพรากชีวิต พรากคนรักไปจากฉัน”
ข้าวของที่ลอยอยู่เปลี่ยนเป้าหมายพุ่งเข้าใส่รสสุคนธ์แทน รามนรินทร์รีบดึงรสสุคนธ์ออก มีดพุ่งไปปักที่โต๊ะ
แม้นมาศเกร็งมือยกร่างแขไขขึ้น ร่างแขไขค่อยๆ ลอยคว้างอยู่ในอากาศ เหมือนมีคนยก ทุกคนพากันตกใจ
เฟื่องหันมาทางภาณุทัตเป็นเชิงหารือ
“ทำยังไงดีคะคุณชาย”
อ่านต่อหน้า 1
บาปบรรพกาล ตอนที่ 18 อวสาน (ต่อ)
ภาณุทัตตัดสินใจก้าวขึ้นไปบนบันไดอย่างไม่เกรงกลัว แม้จะไม่เห็นผีคนรักก็ตาม
“น้องเล็ก...น้องเล็กได้ยินพี่มั้ย ถึงแม้ว่าความตายจะพรากเราจากกัน แต่มันก็ไม่อาจพรากความรักที่พี่มีต่อน้องเล็กไปได้ พี่รักน้องเล็กนะ”
แม้นมาศชะงักกึก หันมองมายังภาณุทัตที่กำลังพูดกับตน
“ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน พี่ก็จะยังรักน้องเล็ก เชื่อพี่เถอะนะ ปล่อยหญิงแขไปเถอะ สักวันบาปกรรมก็จะติดตามไปทวงเค้าเอง น้องเล็กอย่าไปร่วมบ่วงกรรมบ่วงเดียวกับเขาต่อไปอีกเลย พี่ขอล่ะ”
แม้นมาศน้ำตาไหลพราก ค่อยๆ ปล่อยมือวางแขไขลง แขไขไอแค่ก
“คุณชายทัต เล็กเชื่อคุณชายค่ะ คุณหญิงแขไข...ฉันขออโหสิกรรมให้ จากนี้ไปเราสองคนจะไม่มีอะไรผูกพันกันอีก”
ร่างแม้นมาศลอยวูบมาปรากฏตัวตรงหน้าภาณุทัต
“ย่าเล็กยอมทำตามที่คุณชายขอ ยกโทษให้คุณหญิงแขไขแล้วค่ะ” รสสุคนธ์บอก
ภาณุทัตเหลียวมองหา “เหรอ แล้วตอนนี้น้องเล็กอยู่ที่ไหน”
“เล็กอยู่นี่ไงคะ เล็กคิดถึงคุณชายเหลือเกิน”
แม้นมาศร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด แต่ภาณุทัตก็มองไม่เห็น รสสุคนธ์เศร้าพยายามกลั้นน้ำตา
รามนรินทร์ ภาวิดา และน้อยพากันเข้าไปดูอาการแขไข
“คุณหญิงน้า ไม่เป็นอะไรนะครับ”
แขไขสะดุ้ง ร้องไห้ให้ออกมา แววตาว่างเปล่า นางกลัวจนกลายเป็นบ้า คลานหนีอย่างหวาดกลัว เอาหัวไปซุกซี่บันได
“ไม่...ไม่...ออกไป ฉันกลัวแล้ว ฉันไม่กล้า ฮือๆๆ”
“โธ่หญิงแข สติวิปลาสไปแล้ว” ภาวิดาได้แต่สงสาร
ทุกคนพากันปลงเวทนากับแขไข
หลังเรื่องร้ายๆ ผ่านพ้นไปรสสุคนธ์กับรามนรินทร์นำเอาพวงมาลัยมากราบภาวิดา ภาณุทัตและแม้นศรี
“หมดทุกข์หมดโศกกันแล้วนะลูก ขอให้มีแต่เรื่องดีๆ รักกันให้ยืนยาวนะ” แม้นศรีอำนวยพร
“คนเราไม่มีใครสมบูรณ์แบบ เป็นสามีภรรยากัน ผิดนิดผิดหน่อยก็ต้องรู้จักอภัยกันนะ รามเอาแหวนสวมให้น้องสิ”
พลางภาวิดายื่นแหวนไพลินส่งให้ลูก รามนรินทร์รับมาแล้วสวมใส่นิ้วนางข้างซ้ายให้รสสุคนธ์
“เนื้อแท้ของความรัก คือการมีกันและกันในยามยาก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็อย่าปล่อยมือไปจากกันนะ”
พร้อมกับว่า ภาณุทัตจับมือรามนรินทร์กับรสสุคนธ์มาวางทับกัน
สองคนจับมือกันแน่นยิ้มหวานให้กัน ทุกคนพลอยยิ้มยินดีไปกับการแต่งงานของบ่าวสาว
ทั้งสามคนอยู่ที่เรือนไม้หอม ภาณุทัตยื่นโฉนดที่ดินเรือนไม้หอมให้รสสุคนธ์
“โฉนดอะไรคะ”
“โฉนดที่ดินเรือนไม้หอม ฉันขอยกให้หนู”
“แต่ว่าเรือนไม้หอมนี้เป็นเรือนหอของคุณชายกับย่าเล็กนะคะ”
“ฉันถึงได้ยกให้เธอกับตารามไง ถือว่าเป็นของขวัญแต่งงานจากฉันนะ จากนี้ไปเรือนไม้หอมนี้จะเป็นเรือนหอของพวกเธอ เรือนนี้จะได้กลับมีความรัก มีชีวิตชีวาอีกครั้ง”
“รับไปเถอะครับ” รามนรินทร์พยักหน้าให้
“ขอบคุณค่ะ เออ คุณชายยังอยากเจอย่าเล็กอยู่มั้ยคะ”
ภาณุทัตหน้าเศร้าลง “อยากสิ แต่ฉันมันพวกคนจิตแข็ง คงไม่มีโอกาสได้เจอน้องเล็กแล้ว”
“มันก็ไม่แน่นะคะ บางทีรสอาจช่วยคุณชายได้” สาวผู้เห็นผีบอก
“จริงเหรอหนูรส แล้วฉันต้องทำยังไง บอกฉันมาเร็ว”
แววตาภาณุทัตตาเป็นประกายเจิดจ้า หวังวาดจะได้เจอแม้นมาศอีกครั้ง
ในเวลาต่อ รสสุคนธ์เริ่มทำพิธี นางยื่นมือข้างซ้ายไปจับมือภาณุทัต ส่วนมือขวาทำคล้ายกับคว้ามือของใครบางคนอยู่ สักครู่หนึ่งภาณุทัตรู้สึกเย็นวาบขึ้นทั่วกายา และเมื่อเหลียวมองไปทางข้างขวาของรสสุคนธ์ ก็ยิ้มออกมาอย่างตื่นเต้น เมื่อร่างโปร่งแสงของแม้นมาศปรากฏขึ้น
“น้องเล็ก...น้องเล็ก” ภาณุทัตครวญออกมาสีหน้าเต็มตื้น
“คุณชาย คุณชายเห็นเล็กแล้ว” แม้นมาศก็เช่นกัน
ทั้งคู่สบตากัน ความรัก ความคิดถึง ถั่งโถมออกมาล้นใจ จนต่างร้องไห้ออกมา ภาณุทัตยื่นมืออีกข้างออกไป พยายามจะสัมผัสแม้นมาศ แต่ก็ทำไม่ได้
แม่หมอรสสุคนธ์ปล่อยมือขยับไปหารามนรินทร์ที่ยืนอยู่ห่างๆ เพื่อให้ทั้งคู่ได้อยู่ลำพัง
“พี่คิดถึงเล็กเหลือเกิน มีหลายสิ่งที่พี่อยากจะบอก ถ้าเป็นไปได้พี่อยากจะฆ่าตัวตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด พี่จะได้ไปอยู่กับน้องเล็ก”
“ไม่ได้นะคะ ถ้าคุณชายทำแบบนั้น บาปกรรมจะทำให้คุณชายต้องไปภพภูมิอื่น แล้วเราก็จะไม่มีวันได้พบกันอีก”
“ไม่ พี่จะอยู่กับเล็ก พี่จะไม่ยอมให้เล็กจากพี่ไปไหนอีกแล้ว”
“เล็กก็ไม่อยากจากคุณชาย แต่อีกไม่นานเล็กก็คงต้องไปแล้ว”
ภาณุทัตใจหาย “ไม่ได้นะเล็ก อย่าทิ้งพี่ไปอีกเลย”
“เล็กไม่ได้ทิ้ง เล็กแค่จะไปรอคอยคุณชายในอีกที่หนึ่ง เมื่อถึงเวลาเราจะได้พบกันอีก”
ร่างของแม้นมาศค่อยๆ จางลงๆ น้ำตาของภาณุทัตไหลพราก พุ่งตัวเข้าไปกอดแม้นมาศไว้ แต่คว้าได้เพียงแต่อากาศ ร่างของแม้นมาศค่อยๆ จางลงเรื่อยๆ
“อย่าไปเล็ก พี่ยอมสละทุกอย่างเพื่อให้ได้กอดเล็กอีกครั้งแม้แค่เสี้ยววินาทีพี่ก็ยอม...พี่รักเล็กนะ ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน พี่ก็จะขอตามรักน้องเล็กไปตลอด”
น้ำตาของภาณุทัตหยดรินรดร่างของแม้นมาศที่กำลังจะเลือนหาย ร่างนั้นจึงกลับมาแจ่มชัดอยู่ในอ้อมกอดคนรัก ภาณุทัตดีใจกอดแม้นมาศแน่น รสสุคนธ์กับรามนรินทร์พลอยตื้นตันใจไปด้วย
“สวรรค์คงฟังคำขอของพี่ ถึงแม้จะต้องตายในวันนี้ พี่ก็ไม่มีอะไรค้างคาใจอีกแล้ว”
แม้นมาศใช้มือปิดปากภาณุทัต
“อย่าค่ะ คุณชายต้องมีชีวิตต่ออีกนาน ที่เล็กไปก็แค่จากกันชั่วคราว คุณชายอย่าเสียใจไปเลยนะคะ เล็กสัญญา เล็กจะไปรอคุณชายในอีกภพ จนกว่าถึงเวลาที่เราจะได้พบกัน เล็กจะจดจำอ้อมกอดนี้ไว้ไม่มีวันลืม”
“พี่จะรอจนถึงวันนั้น วันที่เราจะได้พบกันอีกครั้ง”
แม้นมาศหันมาทางสองหนุ่มสาว
“แม่รส ฉันไปก่อนนะ ขอบใจมากสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง คุณราม ฉันฝากหลานด้วยนะ”
“ครับ ผมจะรักและดูแลคุณรสตราบสิ้นลมหายใจ”
“ขอบคุณนะคะ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักเท่าไร รสจะระลึกถึงย่าเล็กเสมอ โชคดีนะคะ”
แม้นมาศหันมายิ้มหวาน แล้วร่างก็ค่อยๆ ลอยหายวับไปขึ้นไปบนท้องฟ้าเหลือเพียงแต่ความว่างเปล่า
“ขอบใจนะหนูรส”
“รสต้องขอบคุณคุณชายมากกว่าค่ะ ที่ช่วยปลดปล่อยย่าเล็กให้เป็นอิสระ”
“ย่าของเธอต่างหากที่ทำให้ฉันเป็นอิสระ ทำให้หัวใจฉันมีความหวัง ฉันจะไม่เศร้าเสียใจอีกแล้ว”
ภาณุทัตเยื้อนยิ้มมีสุขล้น เงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า ความทุกข์ขมโศกศัลย์มลายหายไปจนหมดสิ้น
สองบ่าวสาวอยู่ที่เรือนไม้หอมสองต่อสอง รามนรินทร์ดึงรสสุคนธ์มากอดบอกรัก
“ผมรักรสนะ”
“รสก็รักคุณรามค่ะ”
“สัญญากับผมนะ ว่าเราจะแก่เฒ่าไปด้วยกัน และอยู่ด้วยกันตลอดไป”
“ค่ะ รสสัญญา”
สองหนุ่มสาวเกี่ยวก้อยให้สัญญารักกันและกัน
ทั้งคู่กอดกันแนบแน่น ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนสวยของเรือนไม้หอม ที่ดารดาษไปด้วยดอกไม้เบ่งบานชูช่องาม สมกับเป็นเรือนหอแห่งความรักของเขาและเธอ
รามนรินทร์โน้มหน้าลงบรรจบจูบแก้มรสสุคนธ์ที่เอียงแก้มคอย อย่างอ่อนโยนละมุนละไม
จบบริบูรณ์