ล่าดับตะวัน ตอนที่ 21 อวสาน
ผู้การเด่นชาติ บัญชาการอยู่ที่กรุงเทพฯ คุยออนไลน์ผ่านจอโปรเจ็กเตอร์ในห้องประชุมกองปราบ ออกอาการตกใจกับข้อมูลที่ได้รับ
“พวกคุณว่ายังไงนะ หมวดชบาถูกจับ”
มนตรีบอกว่า “ครับ ตอนนี้ว่าที่สารวัตรกำลังไปช่วยอยู่ครับ”
หมอกคุยแทรกเข้ามาว่า
“ขอโทษครับ แต่ทางเราคงต้องเปลี่ยนแผน เรื่องกองหนุนเป็นยังไงบ้างครับ”
ผู้การบอกไปว่า “ผมจัดการให้แล้ว แสดงว่า ทางเราเหลือเพียงทางเดียว”
“ครับ เราคงต้องถล่มพวกมัน”
กองกำลังทหารของยี่เส่งประมาณห้าสิบคน มารวมตัวกันที่ลานประชุมพลหน้าเรือนหลังใหญ่ นายพลยี่เส่งก้าวออกมาที่ชายคาเรือนหน้าลานประชุมพล ภูผาแอบซุ่มดูอยู่
“ทั้งหมดตรง” นายทหารหัวหน้าร้องขึ้น
เหล่าทหารยืดกายตรงมาดขึงขัง
“บัดนี้มีกองกำลังติดอาวุธได้เข้ามาในเข้าพื้นที่อิทธิพลของเรา และได้ปะทะกับหน่วยลาดตระเวนของเราที่ชายป่าด้านหน้า ใครก็ตามที่ล่าพวกมันมาได้ จะได้ค่าหัวละสองหมื่นเหรียญ”
มีเสียงอึ้ออึงฮือฮา ดังมาจากแถวทหารที่มาประชุมพลกัน
“ไปได้” ยี่เส่งสั่ง
นายหทารร้องเสียงดัง “เลิกแถว”
ทหารทั้งหมดจึงแยกหมู่ไปขึ้นรถเคลื่อนพลออกไป
ยี่เส่งยิ้มเหี้ยมให้กับกองกำลังของตน ก่อนจะหันมามองสบตากับตะวันที่เพิ่งเดินออกมา ตะวันยิ้มรับแบ่งรับแบ่งสู้อยู่ในที
มองประเมินสถานการณ์สีหน้าภูผาเป็นกังวลหนัก หยิบวอขึ้นมาเพื่อติดต่อกับหมอก
หมอกอยู่ที่หน่วย คุยกับผู้การผ่านจอคอมพ์ จนมีเสียงเรียกเข้าจากภูผา หมอกจึงรายงานไปยังผู้การ
“ทางภูผาติดต่อมาแล้วครับ” แล้วรับสายภูผา “ทางนั้นเป็นยังไงบ้าง”
“ที่เห็นตอนนี้เกือบร้อย กองหนุนละว่าไง”
“พร้อมถล่ม แล้วหมวดชบาเป็นไงบ้าง”
“ยังไม่เจอเลย เท่านี้ก่อนนะ”
ภูผาตัดสายทิ้งไปเลย หมอกเรียกไว้แต่ไม่ทัน
“เดี๋ยวสิ...” หมอกหันมารายงานผู้การ “ห้ามไม่ทันครับ เขาคงลุยเดี่ยว”
ผู้การรับรู้ “นิสัยไม่ต่างจากอัคคเดชเลย ยังไงผมฝากที่เหลือกับคุณด้วย”
“ครับ”
เทพวิ่งหน้าตาตื่นมาหาหมอก
“มาแล้วเว้ย...”
หมอกออกจากรถตู้ มองไปเห็นกองกำลังทั้งตำรวจและทหารหาญ มาเสริมทีมพร้อมกับสารวัตรองอาจ
ภูผาลอบเข้ามาในเรือนใหญ่บ้านพักของยี่เส่งแล้ว และค่อยๆ หลบ ยาม 2 คน ย่องมาทางห้องพักด้านหลัง คนเฝ้าประตู และใช้ทักษะเทพในเวลารวดเร็วมาก จัดการคนเฝ้าประตูสลบได้โดยไม่มีใครรู้ว่าเขาลอบเข้ามา
รถของกองกำลังยี่เส่ง แล่นมาจอดเพื่อปล่อยทหารลงตามจุด ต่างๆ ราว 5 จุด ต่างตำแหน่งกัน เป็นโซนนิ่งคลุมพื้นที่ทั้งค่าย จากนั้นแต่ละหน่วยก็เดินแถวหน้ากระดานสแกนชนิดปูพรมค้นหาไปทั่วบริเวณอย่างละเอียด อาวุธ ยุทโธปกรณ์ครบครัน
เวลาเดียวกัน #ทีมหมอก กำลังลัดเลาะไปที่ด้านหลังค่าย
อีกด้านหนึ่ง กองกำลังยี่เส่ง หน่วยลาดตระเวน 1 ก็กำลังเดินตรวจมาทางเดียวกัน
ยักษ์ กับมนตรีร้อนใจ เดินดิ่งเข้าไปหา อีกนิดเดียวก็จะจ๊ะเอ๋กับหน่วยลาดตระเวน 1 หมอกรู้สึกผิดสังเกตจึงชะงักแล้วออกคำสั่งให้หยุดก่อน แล้วพากันหลบเข้าที่กำลังบัง ลาดตระเวน 1 เดินเฉียดเข้าใกล้และยังไม่ผ่านไป
ภูผาย่องตามหาชบาตามห้องต่างๆ ภายในบ้าน พบว่าบรรยากาศในบ้านดูเงียบผิดปกติ ภูผายังคงหาไปเรื่อยจนมาหยุดที่ห้องพักรับรองที่ภัสสรเคยอยู่ ดีใจระคนตกใจเมื่อเห็นชบาถูกมัดติดอยู่กับเก้าอี้กลางห้อง ปากโดนเทปกาวปิดมิด และพยายามดิ้นรนส่งเสียงอื้ออ้าเพื่อสื่อสารกับภูผา
ภูผาไม่สนใดอื่นรีบกระโจนเข้ามาช่วยชบาทันที รีบแก้มัดและเปิดปากให้ชบา
“หนีไป” ชบาตะโกนก้องทันทีที่เป็นอิสระ
ไม่ทันแล้ว ไฟสว่างพรึ่บขึ้น ลูกน้องยี่เส่งเอาปืนจ่อใส่ภูผากับชบาจากทุกทิศทาง
ทางด้านหมอกพยายามหาทางที่จะฝ่าแนวหน่วยลาดตระเวนเข้าไปช่วยภูผา แต่ยังไม่สบช่องด้วยทหารลาดตระเวนมีมากกว่าที่คิด จนในที่สุดเทพตัดสินใจเอ่ยขึ้นพอได้ยินในกลุ่ม
“ผมว่า ทางนี้ผมขอ 10 คน”
“เอางั้นเหรอวะ”
“ดีกว่าติดแหง็กกันหมดที่นี่ และอีกอย่าง อย่าบอกนะว่าคุณดูถูกฝีมือผม”
“ถ้างั้นฝากด้วยแล้วกัน”
“ให้ผมอยู่ช่วยไหมครับ” มนตรีบอก
ยักษ์เสริม “ใช่ครับ ผมก็ด้วย”
“รีบไปล่าไอ้ตะวันเถอะครับ ทางนี้บอกเลยสบายมาก”
ยักษ์กับมนตรีทำความเคารพ
“ขอบคุณครับ”
หลังจากนั้นเทพก็แบ่งลูกทีมแยกออกไปทางหนึ่ง ทหารลาดตระเวนเห็นหญ้ากระเพื่อมจึงร้องบอกเพื่อน
“ทางนี้” พวกทหารลาดตระเวนตาม #ทีมเทพ ไป
#ทีมหมอกยังกบดานหลบซ่อนตัวอยู่ที่เก่า
“ฝากด้วยเพื่อน” หมอกหันมาบอกกับทีม
“ต่อไปก็ทีพวกเราบ้าง ลุย”
อ่านต่อหน้า 2
ล่าดับตะวัน ตอนที่ 21 อวสาน (ต่อ)
ยีเส่งเดินปรบมือเข้ามาในห้อง พร้อมกับตะวันที่จดสายตามองภูผาอย่างเย้ยหยาม
“คุณนี่มันเยี่ยมไปเลย คาดการณ์อะไรไม่เคยพลาด”
“ขอบคุณที่ชมครับท่าน” ตะวันหันไปสั่งลูกน้อง “จับพวกมัน”
ภูผาพยายามขัดขืน และคอยปกป้องชบาไปด้วย แต่เนื่องจากร่างกายชบาโรยแรงเต็มทน ยืนทรงตัวด้วยตัวเองแทบไม่อยู่ เพราะผลข้างเคียงของยาที่โดนกรอกปากก่อนหน้านี้ ชบาจึงหันไปบอกภูผาเสียงแผ่วเบา
“นายรีบหนีไป”
“ผมทิ้งคุณไม่ได้หรอก”
“ฉันบอกให้นายไปไง” ชบาตวาดสุดแรงที่มี
แต่แล้วภูผาก็เสียท่าโดยลูกน้องยี่เส่ง 2 คน จับล็อกกดหัวลง ส่วนชบาถูกแยกกุมตัวมาให้ตะวัน
ปราการคันมือสุดขีด “เก็บมันเลยไหมครับนาย”
ชบาร้องลั่น “อย่านะ”
ตะวันยิ้มเยือกเย็น จุ๊ปากกวนประสาทภูผาเล่น “จุ๊ๆๆ สอนกี่ทีแล้วว่าอย่าใจร้อน เล่นสนุกกับพวกมันดีกว่า”
“พวกมึงแน่จริงก็เข้ามา” ตะวันดิ้นรนสุดขีด
ยี่เส่งหมั่นเขี้ยว “จะตายแล้วยังปากดีอีก กูนี่นับถือมึงจริงๆ”
“มึงจะทำอะไรกูได้ มาดิ” ตะวันมองท้าทายภูผาเยาะหยันในที
ภูผาดิ้นจนหลุดจากการล็อก แล่นลิ่วเข้าใส่ตะวันที่จับชบาไว้ หยิบปืนขึ้นจ่อใส่ ทว่าตะวันตั้งรับหยิบมีดสั้นที่เคยสังหารอัคคเดชขึ้นจ่อคอหอยชบา
“วางปืนของมึงซะ กูบอกมึงแล้วไงว่าพวกมึงจะทำอะไรกูได้ มีตัวอย่างก็ไม่รู้จักดู หัวหน้าพวกมึงกูก็เป็นคนจัดการ แล้วอย่างพวกมึงเหรอ ก็แค่ลูกหมาที่รอวันตาย แค่กูยังใจดีอยู่ ไม่สิกูแค่ยังสนุกไม่พอ”
อดีตประมุขแก๊งอัคคีระเบิดหัวเราะอย่างสะใจออกมา ภูผาจำใจวางปืนลง ปิงรีบเก็บปืนของภูผาไว้
“จะเอายังไงก็ว่ามา” ภูผาจ้องตาตะวัน
“เฮ้ย เข้าใจอะไรผิดปะวะ จะตายอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีก”
ภูผาพุ่งเข้าจะหาปราการ ตะวันต่อยท้องชบาจังๆ ทันที
“อุ๊ย กูลืมบอกมึงไปว่า เกมนี้คือ ถ้ามึงทำอะไรพวกกู กูก็จะทำนังนี่เหมือนที่มึงทำ” ตะวันยิ้มชั่ว พลางหันไปถามยี่เส่งอย่างคึกคะนอง “สนุกไหมครับท่าน”
ยี่เส่งหัวร่อร่า “ผมชอบวิธีของคุณ สะใจผมจริงๆ”
ภูผาคุมแค้น “ไอ้พวกหน้าตัวเมีย”
ตะวันตบปากชบาฉาดใหญ่พร้อมกับพูดใส่หน้าชบา
“เค้าพูดไม่ถูกหูผมเลยจริงๆ”
ชบาเหลียวขวับ คุมแค้นจ้องหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อตะวัน
“ไอ้สารเลว”
ตะวันง้างจะตบชบาอีกเปรี้ยงภูผาสวนทันควัน “หยุด พวกแกจะเอายังไงว่ามา”
ตะวันกวนประสาทเล่น “มึงก็แค่อยู่เฉยๆ”
ทั้งคู่จ้องตากันเขม็ง
ตะวันสั่งลูกน้องอื่นๆ “จัดการมัน”
ตะวันกับยี่เส่งหัวเราะชอบอกชอบใจ
ภูผาโดนพวกลูกน้องยี่เส่งรุมซ้อมเตะต่อยโดยไม่ยอมตอบโต้ใดๆ เพราะกลัวชบาจะซวย
ชบาใจจะขาดเสียให้ได้ ทนดูไม่ไหว “พอ พอซะที พอได้แล้ว”
ไม่มีใครสน ภูผายังคงโดยยำเละอยู่
“ฉันบอกให้พอไง ได้โปรด ตาบ้า สู้เค้าสิ ฉันว่านายสู้พวกมันได้สบาย จะมัวยืนทื่อทำซากอะไร ฉันบอกให้สู้ไง ฉันไม่อยากเห็นนายตายนะ”
ภูผาตะโกนบอก “เธอก็หลับตาซะสิ แป๊บเดี๋ยวก็จบแล้ว ผมไม่เป็นไร”
ชบากรีดร้อง “ไม่....” แล้วหันไปขอร้องตะวัน “อย่าทำเค้าเลย”
ภูผาตะคอกใส่ “คุณทำอะไรของคุณ ลืมที่มันทำกับผู้กำกับแล้วหรือไง”
ได้ผล ชบาหยุดทันที ได้แต่ทนดูภูผาถูกซ้อมปางตาย และเห็นร่างภูผาร่วงลงไปนอนกองอยู่กับพื้น นั่นแหละตะวันจึงยอมปล่อยชบา พอเป็นอิสระชบาก็ถลันเข้าไปหาภูผาทันที
“นายทำบ้าอะไร ทำไมไม่หนีไป”
“เป็นคุณคุณจะทิ้งผมไหม”
ชบาส่ายหน้าด้วยน้ำตา
“จำที่คุณรับปากผมได้ไหม ว่าคุณจะทิ้งทุกอย่างและหนีเป็นคนแรก”
ชบาพยักหน้าทั้งน้ำตา
“เดี๋ยวผมจะหาโอกาสแล้วคุณก็รีบหนีไปนะ”
ชบาเงียบ “คือ...”
“รับปากสิ”
“ฉันทำไม่ได้หรอก”
ภูผาชักโมโห “นี่คุณ”
ที่ด้านนอกบริเวณรอบบ้านรับรอง คล้ายๆ กับว่าพวกหน่วยคอมมานโดค่อยๆ โหนตัวลงมาประจำตามจุดสำคัญต่างๆ ในค่ายยี่เส่งได้หมดแล้ว ทุกคนเข้าประชิดตัวบ้านตามจุดต่างๆ พร้อมบุกเข้าไปทันที ที่ได้รับสัญญาณ มีปานวาดร่วมทีมด้วย
“คุณวาด คุณแน่ใจนะว่าคุณจะร่วมด้วย”
“ฉันต้องไปช่วยภูผา”
ยักษ์ กับ มนตรี วิ่งมาหาหมอกหน้าตาตื่น
“ว่าทีสารวัตรถูกพวกมันล้อมไว้ครับ”
“ว่าไงนะ ภูผา”
ปานวาดรีบวิ่งไปช่วย โดยไม่คิดชีวิต
“คุณวาด”
“เอาไงต่อดีครับ”
หมอกสีหน้ากังวลใจชัดแจ้ง
“สั่งการ เตรียมถล่มให้ราบ”
ยักษ์กับมนตรี “รับทราบ”
กองกำลังตำรวจ และ ทหาร ที่สนธิกำลังกันร่วมในปฏิบัติการ “ล่าตะวัน” พากันสุ่มตรวจตามจุดต่างๆ ด้วยจำนวนมากมาย จนยากที่ทางตะวันจะหนีพ้นไปได้
หมอกประเมินสถานการณ์ ด้วยสีหน้ากังวลและคิดหนัก
ปานวาดหลบมุม พยายามหาลู่ทางเข้าไปช่วยภูผา ลูกน้องยี่เส่งดันเห็นพวกหมอกระหว่างเดินตรวจ จึงวิทยุเรียกกองหนุน สองฝ่ายเริ่มปะทะกันเดือดอีกรอบ
หมอกกับลูกทีมกำลังถูกพวกที่เหลือไล่ล่า หนีพลางยิงสู้พลาง ประหยัดกระสุน แต่พวกมันยังคงไล่ยิงไล่หลังไม่หยุดหย่อน
หมอกกระโดดม้วนหน้าลับกายเข้าที่กำบังได้หวุดหวิด แล้วตั้งหลักหันมายิงสวนคืนบ้าง กระสุนพุ่งเข้าเจาะกะโหลกเจ้าคนหนึ่งที่ไล่ตามมาเข้าอย่างจัง พวกที่เหลือผงะอึ้งด้วยความตกใจ ระดมระเบิดกระสุนใส่ตรงจุดที่หมอกยิงออกมา ก่อนจะพากันชาร์จเข้าไป แต่แล้วงงตาตั้งเมื่อพบแต่ความว่างเปล่า สุดท้ายลูกน้องยี่เส่งถูกทีมหมอกล้อมจัดการจนหมดท่า
หมอกส่งสัญญาณให้คนที่เหลือบุก
“บุก”
อีกฟาก หลินได้แต่นั่งสวดมนต์อยู่ในห้องพระที่บ้านสวน ส่วนผู้การเด่นชาตินั่งไม่ติดเบาะแล้วเพราะกังวลเหตุการณ์ในครั้งนี้
ที่เรือนรับรอง ตะวันเอ่ยขึ้น “ล่ำลากันจบรึยัง”
มีเสียงปืนเสียงระเบิดยิงถล่มกันอยู่ด้านนอกลอดเข้ามาเป็นระยะๆ
“ข้างนอกเกิดอะไรขึ้นวะ”
นายพลยี่เส่งหันไปเห็นลูกน้องในสภาพสะบักสะบอมโดนยิงปางตายวิ่งเข้ามา
“มันบุกมาแล้วครับท่าน” สิ้นคำมันก็สิ้นใจตาย
ตะวันแค้นสุดขีด หันไปหาภูผา
“กูขอเก็บพวกมึงก่อนแล้วกัน”
พร้อมกับว่าตะวันยกปืนเล็งใส่ภูผา ไวเท่าความคิดชบาตัดสินใจวิ่งมาใช้ตัวเองขวางไว้ เสียงปืนดังเปรี้ยงขึ้น
อันเป็นจังหวะเดียวกันที่ปานวาดวิ่งเข้ามา และตัดสินใจยิงปกป้องภูผา
ทีมทหารกับตำรวจบุกเข้ามาในค่าย ประชิดเรือนใหญ่ มีเสียงปืนดังขึ้นไม่ขาดสาย หมอก องอาจ มนตรี และ ยักษ์ บุกเข้ามาสนับสนุนกันอย่างต่อเนื่อง
ร่างชบาล้มทับร่างภูผาเพราะถูกยิงแทน ภูผาร้องลั่น
“ชบา”
ช่วงลุยตะลุมบอนนี้ ทุกอย่างดูชุลมุนไปหมด ทีมตำรวจทหารบุกไล่ล่าอย่างได้เปรียบ
ปราการรับหน้าที่รับหน้า
“หนีไปก่อนครับ ทางนี้ผมจัดการเอง ไอ้ปิงฝากด้วย”
“ได้พี่ ไปครับนาย”
ตะวันกับยี่เส่งหนีออกไปด้วยทางลับ โดยมีปิงและลูกน้องอีกจำนวนหนึ่งคุ้มกันให้
มนตรี กับ ยักษ์ ตามพวกตะวันไปติดๆ องอาจและลูกน้องดวลปืนสู้กับปราการ
ภูผาโอบกอดชบาไว้
“ชบา...ชบา...ชบาได้ยินผมไหม”
หมอกตามเข้ามาสมทบ “เกิดอะไรขึ้น”
“คุณชบาถูกยิง”
“ฉันไม่เป็นไร ภูผา...นายต้องล่าพวกมันมาให้ได้ ล่าไอ้ตะวันล้างแค้นให้ผู้กำกับที”
ขาดคำนั้นชบาก็สลบไป
ปานวาดวิ่งเข้ามาสมทบ
“ภูผา คุณเป็นอะไรรึเปล่า”
“ผมไม่เป็นไร แต่ชบา ชบาเค้า ผมจะไม่ให้อภัยพวกมัน ผมฝากคุณดูแลชบาด้วยนะ”
ปานวาดไม่รู้จักชบา แต่ก็พอจะรับรู้ได้ว่าภูผาห่วงเธอมาก
“แต่คุณจะไปไหน คุณเจ็บหนักอยู่นะ”
“ผมไม่เป็นอะไร ยังไงฝากทางนี้ด้วยนะวาด”
“ได้สิ”
ภูผาจะลุกไป ปานวาดทักขึ้น
“ภูผา ระวังตัวด้วยนะ”
ภูผายิ้มให้ แล้วหันไปพยักหน้ากับหมอก
“พร้อมลุย”
หมอกพยักหน้ารับ สองคนพยายามฝ่าออกไปเพื่อตามล่าตะวัน แต่ถูกปราการขวาง
“กูไม่ให้ใครผ่านไปได้ทั้งนั้น” ปราการสั่งลูกน้องที่เหลือลุย “เก็บพวกมันให้เรียบ และอย่าให้ใครออกไปจากที่นี้”
“ครับ”
หมอกกับภูผามองหน้ากัน หมอกกับภูผาตัดสินใจวิ่งตรงเข้าใส่ปราการจากคนละทาง ปราการยิงใส่หมอกกับภูผาไม่ยั้งจนกระสุนหมดแม็ก
หมอกถึงตัวปราการก่อนจึงปล่อยหมัดใส่ไม่ยั้ง ปราการฝีมือดีจึงหลบหลีกได้ ภูผาเข้าไปช่วย แต่ปราการก็ยังสามารถคุมเชิงได้แม้จะมีพลาดไปบ้าง
มีกระสุนปืนผ่ากลางวง ด้วยฝีมือขององอาจที่เล็งยิง แต่ปราการหลบทัน
องอาจตะโกนบอก “ทางนี้ผมจัดการเอง”
เปิดโอกาสให้หมอกกับภูผาไล่ตามตะวันไป องอาจใช้ปืนจ่อปราการบัดนี้ที่ไร้อาวุธแต่ไม่ยอมง่ายๆ ปานวาดเห็นรีบเข้าไปช่วยกล่อมปราการ
“หยุดเถอะพี่ปราการ โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา ยอมมอบตัวเถอะนะ”
ปราการฉุนกึก “วาดว่ายังไงนะ”
ระหว่างนั้นปานวาดค่อยๆ เดินเข้าไปหาปราการ และแอบหยิบปืนที่ตกอยู่บนร่างศพลูกน้องยี่เส่ง ยัดใส่มือปราการ
“เชื่อวาดนะ พี่หนีไปไหนไม่รอดแล้ว”
ขณะที่ปานวาดกำลังเกลี้ยกล่อมอยู่นั้น บรรดาตำรวจก็ค่อยๆ ลดปืน เพราะคิดว่าปราการจะยอมมอบตัวด้วยดี ปานวาดจับปราการลุกขึ้นท่าทางเหมือนจะยอมมอบตัวด้วยดี ค่อยๆ เดินไปที่หน้าประตู องอาจสั่งให้ตำรวจ 2 นายคุมตัวไป แต่พอได้จังหวะปานวาดก็ตะโกนบอกปราการให้หนี
“หนีเร็ว”
ปานวาดยิงสะกัดใส่ตำรวจ แล้วหนีเข้าป่าไป ตำรวจไล่ยิงตาม องอาจได้ยินเสียงปืน รีบวิ่งกลับมาดู
“เกิดไรขึ้น”
“ผู้หญิงคนนั้นพาผู้ต้องหาหนีไปครับ”
ปราการกับปานวาดวิ่งหนีไม่คิดชีวิต ปานวาดส่งปืนที่หยิบมาให้ปราการ ตำรวจที่ตามมายิงไล่หลังไม่หยุด ตรงนี้อยากให้ยิงมาโดนปราการที่แขน 1นัด
ทางด้านตะวันกับยี่เส่ง พยายามหลบหนี มีปิงกับลูกน้องยี่เส่งคุ้มกันให้
“ไหงมันเป็นอย่างนี้ คุณบอกอ่านเกมพวกมันออกหมดแล้วไม่ใช่เหรอ” ยี่เส่งชักโมโห
“ผมก็ไม่คิดว่าพวกมันจะขนกันมาเยอะขนาดนี้ ปกติพวกมันชอบใช้แผนลอบกัด”
“แล้วเราจะทำยังไงต่อ ผมเสียหายนะเนี่ย”
“ผมจะรีบจัดการเองครับท่าน”
“จัดการยังไง โกดังและของในนั้น หมดกัน ผมไม่น่าหลงเชื่อคุณ จัดการเด็ดขาดกับพวกมันแต่แรกก็ดีแล้ว”
ปิงต้องมาช่วยไกล่เกลี่ยเพื่อหนีต่อ “ใจเย็นครับท่าน นายตะวันต้องกู้หน้าท่านกลับมาได้แน่นอน แต่ตอนนี้ผมว่าเราควรแยกกันหนี เพราะคนเยอะจะเป็นจุดสังเกต”
“จริงของแก ไอ้ปิง มึงไปคุ้มกันท่านนายพล ห้ามให้เกิดอะไรขึ้นกับท่านเด็ดขาด ส่วนทางนี้กูจะจัดการมันเอง”
ยี่เส่งประชดส่งท้าย “ผมหวังว่า คุณคงไม่ได้เก่งแต่ปากนะ”
“แน่นอนครับท่าน”
ยี่เส่งหันไปหาปิง “จะพาไปไหนก็รีบๆ พาไป เร็ว”
“ครับ”
ปิงกับลูกน้องส่วนหนึ่งพายี่เส่งหนี โดยมีเสียงปืนยิงไล่หลังจากพวกมนตรี และยักษ์ตามไล่ล่าอยู่
ตะวันโมโหแอบด่าตามหลังนายพลยี่เส่งไป
“ไอ้นายพลกระจอก ลูกน้องมึงก็มีออกเยอะแต่ฝีมือแม่งไม่ได้เรื่องเลย คอยดู...กูจะจัดการพวกมันให้หมด กัดไม่ปล่อยดีนัก”
มนตรีมองประเมินเห็นว่าทางตะวันแยกออกเป็นสองกลุ่มเพื่อหลบหนี
“ฉันจะตามยีเส่งไป ส่วนจ่า ตามไอ้ตะวันแล้วกันนะ”
“ได้” ยักษ์รับคำ มนตรีตามยี่เส่งและปิงไป
ระหว่างที่หมอกกับภูผาไล่ตามพวกตะวันไป มีเสียงวอเรียกเข้ามาจากจ่ายักษ์
ภูผาถามไป “มีไร”
“ตะวันกำลังไปที่แถวโกดังครับ”
“ดีมาก ตามต่อไป รอสมทบ”
ทันใดนั้นหมอกกับภูผาก็จ๊ะเอ๊เข้ากับกองทัพยีเส็งเข้าอย่างจัง แต่ฝ่ายโน้นยังไม่เห็นทั้งคู่ สองหนุ่มตัดสินใจฝ่าออกไป
“งานนี้คงเหนื่อยกันหน่อยแล้ว” หมอกบอก
“คงงั้น”
ทั้งคู่แยกกันไปคนละมุม ยกปืนขึ้นพร้อมส่งสัญญาณลุย
อ่านต่อหน้า 3
ล่าดับตะวัน ตอนที่ 21 อวสาน (ต่อ)
ชุดลาดตระเวน 1 มาถึงจุดที่หมอกซ่อนตัวอยู่ แต่ไม่มีหมอกที่นั่นแล้ว หลังคนหนึ่งที่เดินผ่านจุดที่หมอกอยู่ไป แล้วเผยให้เห็นลูกเกลี้ยงแอบวางกับดักอยู่ตรงหน้า
อยู่ไม่อยู่ คนหนึ่งที่เดินอยู่ห่างออกมาก็ถูกเตะเข้าที่ขาล้มลง พวกที่เหลือชะงัก เจ้าคนที่เดินอยู่ที่หมอกซ่อนตัวรีบวิ่งเข้าไปดูเพื่อน ไม่ทันสังเกตลูกเกลี้ยงที่วางกับดักไว้สะดุดเถาวัลย์ มีผลทำให้ลูกเกลี้ยงหลุดจากฐานที่วางหินทับเอาไว้ ระเบิดตูมไล่หลังเจ้าคนนั้น แถมยังทำให้พวกที่ตามหลังมาอีกสองสามคนพลอยโดยลูกหลงตายตกตามกันไปด้วย
ก่อนหมอกจะสาดกระสุนใส่พวกที่เหลือ แล้วออกวิ่งพลางหนีพลางยิงนำไปหาพวกแรกที่เล่นงานไปแล้ว
ที่แนวป่า ดูแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ ภูผาซ่อนอยู่ที่นั่น
หน่วยลาดตระเวน 2 จี้ตามมา ภูผายิงใส่คนหนึ่ง ก่อนถูกยิงใส่ หน่วย 2 รุกเข้ามา โดยยิงนำเข้าไปก่อน แล้วตามด้วยระเบิดอีกลูก แล้วจึงชาร์จเข้าไปดู แต่ไม่เห็นใคร แล้วเจ้าคนที่เข้าไปดู ก็ถูกยิงเก็บล้มลง
พวกที่เหลือรีบหลบมองหา ภูผาปรากฏตัวขึ้นประทับยิงใส่ล้มไปอีกคนแล้วหนีให้พวกที่เหลือตาม
ทั้งสองหน่วยที่ตามหลังหมอกและภูผาไปชะงัก เมื่อเจอกับแนวป่าหนาทึบ แล้วพากันเดินเข้าหาอย่างระมัดระวัง
อึดใจต่อมา มีเสียงปืนยิงสวนมาจากป่าหนา จึงสาดกระสุนตอบ มีเสียงยิงตอบสวนกลับมาจากในป่าทึบ มีสองสามคนที่โดนกระสุนล้มลง ก่อนเสียงปืนจะเงียบไป ฝ่ายยี่เส่งเหลือ แค่สองสามคนแล้วตอนนี้
ทั้งหมดค่อยๆ ชาร์จเข้าไปดูอย่างระวัดระวัง เมื่อแหวกหญ้าออก จึงเห็นว่าที่ยิงสู้กันเมื่อครู่เป็หน่วย 1 ที่เหลือ ทั้งหมดอึ้งตกใจ ก่อนจะถูกสาดกระสุนใส่จากหมอกและภูผาที่ปรากฏตัวขึ้น ทั้งหมดล้มลงสิ้นใจ หมอกเข้าไปเช็คเพื่อความแน่ใจ หมอกส่งสัญญาณภูผาลุยเดินหน้าต่อไป
ฝ่ายปราการและปานวาดหนีมา หยุดซ่อนตัวอยู่บริเวณหนึ่งในแนวป่า บาดแผลที่ปราการถูกยิง เลือดไหลไม่หยุด
“ไหวไหมพี่”
ปราการเอามือปิดปากปานวาด เพราะกองกำลังตำรวจกำลังผ่านมา
“ค้นให้ทั่ว” เสียงองอาจดังขึ้น
ปราการหันมาพูดกับปานวาด
“วาดฟังมีนะ วาดต้องหนีไป”
“นี่ไงคะวาดกำลังพาพี่หนีอยู่นี่ไง”
“ไม่ได้ ถ้าเราไปด้วยกันจะไม่มีใครรอด”
“พี่ไม่ต้องห่วงวาดหรอกค่ะ ห่วงตัวเองดีกว่า ภูผาจะต้องช่วยวาดได้”
ปราการโมโห “ตื่นซะที ต่อให้มันช่วยวาดยังไง วาดก็ต้องติดคุกอยู่ดี อย่าลืมสิ ว่าเราเป็นโจร ต่อให้มันชอบวาดแค่ไหน มันก็ต้องทำตามหน้าที่ ไป หนีไปซะ ทางนี้พี่จัดการเอง”
“ไม่ค่ะ เราต้องหนีไปด้วยกัน”
ปราการเอามือมาจับที่ไหล่ของปานวาด
“ไม่มีเวลาแล้ว วาด...วาดต้องหนีไปก่อน ถ้าโชคดีเราจะเจอกัน”
ปราการมองจ้องหน้าปานวาดเหมือนจะจารจำไปชั่วนิรันดร ตัดสินใจบอกรักพร้อมกับบอกลาในคราวเดียว
“พี่รักวาดนะ อยากให้วาดรู้ไว้ว่าพี่รักวาดมาตลอด”
ปานวาดร้องไห้ “พี่ปราการ”
“พี่จะขอปกป้องคนที่พี่รักจนวาระสุดท้าย ดูแลตัวเองดีๆ นะวาด หนีไป”
“พี่ต้องตามวาดออกไปนะ พี่ปราการ สัญญานะ”
“ได้ พี่สัญญา”
สิ้นคำนั้นปราการผละตัวจากปานวาด แล้วใช้ตัวเองวิ่งล่อตำรวจไป ปานวาดได้แต่มองตาม
ปราการหันมาทางปานวาดบอกให้หนีไป และไม่นานนักองอาจก็เล็งไปที่ปราการ กระสุนพุ่งใส่หัวปราการจังๆ ราวจับวาง ปราการล้มลงสิ้นใจตายทันที
องอาจเล็งไปในจุดที่ปานวาดนั่งซ่อนตัวอยู่ ทว่าเวลานี้ปานวาดไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว
ภูผากับหมอกมาถึงหน้าโกดัง มียาม 2 คนเฝ้าหน้าประตู ทั้งคู่ลุยทันที ส่วนยักษ์รีบหยิบวอขอกองหนุน
“เรียกฐาน ใครก็ได้ตอบที เรียกฐาน เร็วๆ สิ ตอบๆๆๆ ขอกำลังเสริมด่วน”
หมอกกับภูผาจัดการยามหน้าประตูลงอย่างง่ายดาย
ภูผาเปิดประตูเข้าไปอย่างองอาจ มีหมอกเดินตามมาดเดียวกัน ข้างในเหมือนไม่มีใครอยู่ แต่จู่ๆ บรรดาลูกสมุนของตะวันค่อยๆ ออกมาลอบกัดทีละคน โผล่มาแบบไม่รู้ตัว จนเหมือนภูผากับหมอกถูกล้อมในโกดัง
ระหว่างที่หมอกกับภูผาสู้กับพวกสมุนจนสะบักสะบอมอยู่นั้น ก็เหลือบไปเห็นตะวันกำลังจะหนีออกไปทางด้านหลังพร้อมขนสินค้าบางส่วนออกไป
ภูผาเล็งปืนและยิงใส่ทันที ตะวันหลบทันหันปืนมายิงใส่ไม่ยั้งหันไปสั่งให้ลูกน้องที่เหลือจัดการ
“ฆ่ามัน”
ภูผาตะโกนก้อง “ยอมให้กูจับซะดีๆ”
ตะวันท้าเหยงๆ “คิดว่าจับกูได้ก็มา”
ภูผากระโดดข้ามสิ่งกีดขว้างลุยดะไปจนถึงตัวตะวัน โดนมีหมอกเป็นผู้ช่วยที่เข้าขากัน ภูผาถึงตัวตะวันเอาปืนจ่อที่หัวเตรียมยิงแต่กระสุนดันหมด ตะวันหัวเราะสะใจก่อนถีบตัวออก ขณะนั้นหมอกถูกลูกน้องอีก 3 คนรุม
“หัวหน้าเป็นยังไงลูกน้องแม่งก็เป็นอย่างนั้น ไอ้กระจอก”
“มึงว่าไงนะ”
พร้อมกับว่าภูผาพุ่งเข้าแลกหมัด ตะวันเบี่ยงหลบ
“ใจเย็น”
ลูกน้องตะวัน 3 คนไล่บี้หมอก แต่หมอกก็สามารถหลบหลีกได้จนทั้งหมดไม่มีกระสุนจะยิงต่อ หมอกเลยตัดสินใจแลกหมัดกับทั้ง 3
โชว์ทักษะเทพการต่อสู้ของหมอก อยากได้ภาพสวยๆ บางครั้งเน้นภาพแบบ Slow Motion อาจมีภาพแบบลุ้นว่าหมอกเกือบเสียท่า แต่ก็แก้ทางได้
หมอกได้จังหวะวิ่งเข้าไปประชิดตัวคนแรกจับหักคอทันที จนเอาชนะคนแรกได้
ส่วนในโกดังตะวันคว่ำภูผาไม่ได้สักที อดทึ่งไม่ได้
“ฉันประเมินแกต่ำไปจริงๆ ไอ้ภูผา”
ภูผาแสยะยิ้มรับเอาคำ “แกรู้ตัวตอนนี้ก็สายไปแล้ว”
ตะวันตวาดสวนขึ้นทันควัน “ยัง”
ภูผาได้ฟังก็อึ้งไปนิด
“งัดเอาออกมาเลย ถ้าคิดว่ายังมีลูกเล่นอะไรอีก”
ตะวันแสยะยิ้มเหี้ยมเกรียม ทำเป็นทิ้งปืนในมือลงข้างตัว แล้วชักมีดสองเล่มที่เคยใช้ดวลกับอัคคเดชออกมา
“มีดสองเล่มนี้ ฉันเคยใช้ดวลกับอัคคเดช ลูกพี่แก ก่อนมันจะตาย ไม่รู้ว่าแกจะเป็นลูกผู้ชายพอเหมือนลูกพี่แกรึเปล่า”
ประโยคหลังน้ำเสียงของตะวันดูแคลนอยู่ในที ภูผาชะงัก รู้สึกชาไปทั้งตัวที่ถูกสบประมาทเช่นนั้น หมดความอดทนแล้ว
“ได้ กูไม่เคยกลัวมึงอยู่แล้ว”
ภูผายืนจ้องหน้าตะวันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ตะวันปักมีดสองเล่มไว้ที่พื้น แล้วถอยออกห่างระยะพอๆ กัน
ท่าทีทั้งสองคนเหมือนคาวบอยกำลังดวลปืนกันกระนั้น ไม่มีใครยอมหลบตาใคร ก่อนที่อึดใจต่อมา ทั้งสองจะดิ่งเข้าหากันเพื่อแย่งมีดที่ปักอยู่บนพื้น ทั้งคู่ถึงมีดพร้อมกัน แล้ววางมวยกันแลกหมัดต่อหมัด ภูผารุกใส่ตะวันแบบไม่ยั้ง ตะวันไม่ทิ้งลายเสือเก่า เล่นงานภูผาได้ก่อน แต่ภูผาก็โต้กลับได้ทันควัน ชนิดแลกกันคนละหมัด
ทั้งคู่แยกตั้งหลักเช็ดเลือดที่ปากตัวเอง ก่อนจดมวยหยั่งเชิงกัน แล้วภูผาก็เป็นฝ่ายรุกก่อน เลยเสียท่าตะวันที่ตั้งรับถูกจับทุ่ม ตะวันตามเข้าจะเล่นงาน ภูผาเล่นงานกลับได้ แล้วแย่งมีดไปได้คนละด้าม ก่อนเริ่มสู้กันด้วยมีด และสู้กันอีกพักใหญ่ แล้วถูกตะวันใช้เชิงหลอก เอามีดที่ซ่อนอยู่อีกเล่มออกมาเล่นงาน แบบเดียวกับลูกไม้ที่ใช้กับอัคคเดข ภูผาได้แผลจึงถอยออกมาตั้งหลัก
ทางด้านหมอก ยังคงเล่นท่าแม่ไม้มวยไทยอยู่กับ 2 คนที่เหลือ แต่ตอนนี้ต้องใช้เครื่องมือท่านแรงใกล้ตัว ลูกน้อง 2 คว้าเศษไม้หน้าสามมาฟาดใส่ หมอกยกโต๊ะขึ้นกันพร้อมพาดโต๊ะใส่ลูกน้อง 1 แล้วตีลังกาหันหลังถีบลูกน้อง 2 กองไปกับลังไม้สลบเหมือด แต่คนแรกแค่มึน และยังคงลุกขึ้นสู้ โดนเล่นทีเผลอจับหมอกทุ่มลงกับพื้นท่ามวยปล้ำ
หมอกพยายามดีดตัวเองขึ้น แต่ด้วยร่างที่ใหญ่โตของคู่ต่อสู้ทำให้หมอกแทบขยับไม่ได้ คู่ต่อสู้เอามือบีบคอจนแทบหายใจไม่ออก หมอกพยายามเอื้อมมือควานคว้าไม้หน้าสามที่ตกอยู่ กำไม้ได้ก็ฟาดเข้าที่หัวของคู่ต่อสู้แบบไม่ยั้ง ก่อนที่ลูกน้อง 1 จะล้มลง หมอกรีบลุกขึ้นหาออกซิเจนเข้าร่างกายโดยไว
ฟากนายพลยี่เส่งโทร.เรียกเฮลิคอปเตอร์มารับที่จุดนัด ปิงทักท้วงห่วงนาย
“แล้วคนอื่นละครับท่าน”
“ไม่ว่ายังไงกูต้องรอด คนอื่นช่างมัน”
“แล้วนายตะวันล่ะครับ”
“ถ้าแกอยากกลับไปช่วยก็ตามใจ แต่กูก็ต้องรอด”
ยักษ์กับมนตรีไล่มาทัน เริ่มเปิดฉากดวลกัน แต่ตอนนั้นเครื่องได้ได้ลงมาจอดรอแล้ว ยี่เส่งลนลานขึ้นฮ. หนีไปอย่างคนกลัวตาย ปิงตัดสินใจหนีตามยี่เส่งไป
เทพกับลูกน้องยิงไล่ตามแต่ไม่ทัน
“โธ่เว๊ย” เทพโมโหและเสียดายในคราวเดียวกัน
ภูผากับตะวันยืนดูเชิงกันอยู่นิ่งนาน ตะวันพยายามยั่วโทสะ
“ไวเหมือนกันนี่หว่า แต่ลูกพี่แกไวไม่พอว่ะ เลยต้องไปรายงานตัวกับยมบาล”
ภูผาได้ยินยิ่งเจ็บใจ เข้ารุกใส่ตะวันอีก แต่เชิงตะวันเหนือกว่า ภูผาโดนอีกแผลถอยออกมาตั้งหลักอีก
“อะไรวะ แค่นิดหน่อย กูยังไม่ได้เหงื่อเลย”
ภูผาถูกเยาะเย้ยถากถางได้แต่คุมแค้น และตั้งสติเอาไว้รู้ว่าเชิงมีดของตนสู้ตะวันไม่ได้
“ได้เมื่อมึงไม่กล้าเข้ามา กูจะเข้าไปเอง เตรียมตัวไปอยู่กับหัวหน้าของมึงได้แล้ว”
พร้อมกับว่าตะวันเป็นฝ่ายเริ่มต้นบุกใส่ภูผาบ้าง ภูผารับมือสุดความสามารถ ฉวยโอกาสที่ตะวันมัวแต่รุกไม่ป้องกัน โต้กลับ ตะวันโดนเข้าหนึ่งแผลในที่สุด
ตะวันผละออกมาดูแผล หันขวับมองภูผาอย่างอาฆาตมาดร้าย พร้อมบุกใส่อีกครั้งอย่างบ้าคลั่ง ภูผารับมือได้อย่างรัดกุม ไม่บุ่มบ่ามยอมให้ตะวันทำอันตรายได้
ตะวันโกรธจัดที่ทำอะไรไม่ได้เลยยิ่งรุกหนักมากขึ้น และตัดสินใจใช้ไม้ตายท่าเดียวกับที่เล่นงานอัคคเดช แต่ภูผารู้ทันแก้ด้วยท่าที่อัคคเดชใช้ แล้วพลิกเหลี่ยมเชิงชิงแทงเข้าที่แขนของตะวันได้ในที่สุด ตะวันดึงมีดที่แขนออก
“มึงมีน้ำยาแค่นี้เหรอวะ”
“ก็ต้องลองดูว่าใครจะแน่กว่าใคร”
“กูคงต้องเอาจริงซะที”
ตะวันกระโจนเข้าใส่ด้วยความโกรธถึงขีดสุด และงัดมวยไทยเข้าสู้ภูผา ก่อนที่จะหยิบมีดที่ซ่อนไว้ออกมาแทงเข้าที่ช่วงท้องของภูผาเช่นเดียวกับที่จัดการอัคคเดช
“ดูสิว่ามึงจะปากดีต่อไปได้อีกไหม”
ตะวันกระทืบซ้ำตรงแผลที่ถูกแทงจนเลือดเริ่มไหลซึมออกมา ตะวันกะสังหารภูผาให้หายแค้นชักปืนที่ซ่อนไว้ในตัวมาจ่อที่ภูผา เจอกลโกงสารพัดภูผาด่าออกไป
“ไหนมึงบอกให้สู้กันแบบลูกผู้ชายไง”
“ก็มึงโง่ โง่เหมือนไอ้เดชนายของมึงไง”
ตะวันง้างปืนเตรียมยิง หมอกโผล่พรวดเข้ามากระโจนเข้าแย่งปืนจากตะวัน สองคนชิงปืนกันไปมา หมอกได้ปืนมาแต่ตะวันเตะปืนทิ้งทันก่อนที่หมอกจะเล็งยิง
จังหวะหนึ่งตะวันหันไปเห็นมีดที่ตกอยู่ รีบหยิบมืดขึ้นมาต่อสู้กับหมอกที่ปราศจากอาวุธ
ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่นั้น ภูผาก็ค่อยๆ คลานไปหามีดที่ตกอยู่ ตะวันเห็นภูผากำลังเอื้อมมือหยิบมีด จึงตัดสินใจปามีดในมือใส่ภูผา แต่หมอกกระโจนเข้ามาล็อกไว้ได้ทันเวลา ตะวันเสียท่า มีดปักเฉียดมือภูผาแค่ไม่ถึงเซน
หมอกถีบตะวันเข้าเต็มแรง ร่างของตะวันพุ่งมาตรงแนววิถีของภูผาพอดิบพอดี ภูผาพุ่งเข้าแทงกลางหัวใจของตะวัน บิดคมมีดกรีดเฉือนหัวใจเต็มแรง ตะวันล้มลงสิ้นใจตายทันที
ภูผามองศพตะวันนิ่งอย่างสาสมใจ ก่อนจะแหงนหน้าตะโกนก้องร้องขึ้นไปบนท้องฟ้าว่า
“ผู้กำกับ ผมทำสำเร็จแล้ว ผมทำตามสัญญาที่ให้กับคุณได้แล้ว”
ภูผาหมดแรงทรุดกองลงกับพื้น หมอกเดินมาหาภูผา
“นายไหวไหม”
ภูผาพยักหน้า
“ไหว เรารีบไปดูคนอื่นๆ กันเถอะ”
ภูผาลุกขึ้น จ้องหน้าหมอก
“ขอบคุณนะ ที่ช่วยผม ถ้าหลังจากนี้คุณจะเอายังไงกับผมก็ว่ามาได้เลยนะ ผมกล้าทำกล้ารับอยู่แล้ว”
“ถ้าไอ้เมฆยังอยู่ ไม่แน่ว่าคนที่ฆ่ามันวันนี้อาจเป็นผมก็ได้”
“หมายความว่ายังไง” ภูผางุนงง
“เราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว เพราะสิ่งที่นายทำมันตรงกับสิ่งที่นายพูดไว้ นายก็ทำตามหน้าที่ของนาย ส่วนผมก็ผิดเองที่ปล่อยให้น้องชายทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ คนอีกมากที่ถูกน้องชายผมฆ่าทั้งเป็นเพราะสิ่งที่น้องผมทำ ผมต้องทำลายล้างเครือข่ายยาเสพติดให้สิ้นซากไปจากประเทศของเราให้ได้”
“ถ้างั้น ผมก็พร้อมที่จะลุยไปกับคุณ”
ทั้งคู่จับมือกันด้วยมิตรไมตรี
ถัดมาภูผากับหมอกกลับมายังฐานตชด. เทพ มนตรี ยักษ์ เดินมาหา
“ยี่เส่งหนีขึ้นฮ. ไปแล้ว” เทพบอก
“มันไวจริงๆ” หมอกเสียดาย
องอาจรีบเดินตรงมาหาภูผา
“คุณวาดหนีไปแล้วนะ”
ภูผา หมอก ตกใจเมื่อได้ยิน
“โธ่ วาดทำอะไรลงไปเนี่ย” ภูผาใจหาย
ภูผาเครียดเป็นห่วงปานวาดขึ้นมาทันที แต่นึกถึงชบาขึ้นมาได้
“แล้วชบาล่ะ อยู่ไหน”
องอาจรีบบอก “กูส่งขึ้นฮ.ไปรักษาตัวที่กรุงเทพฯ แล้ว”
“ขอบใจมากนะ”
หมอกถามภูผาขึ้นว่า “เอาไงดีเรื่องคุณวาด”
“ผมคิดไม่ออกเลย แต่ตอนนี้ผมคงต้องรีบไปกรุงเทพฯ ก่อน แล้วเจอกันนะ”
จอทีวีในโถงบ้านสวน เป็นรายงานข่าวด่วน ช่อง 8 นำเสนอข่าวการถล่มค่ายยีเส่ง โดยผู้ประกาศชายมาดขึงขังคนเดิม
“เมื่อเวลาประมาณเที่ยงของวันนี้ ได้เกิดการปะทะกันระหว่างตำรวจชายแดนที่ฐานปฏิบัติการใกล้ชายแดนกับกองกำลังของนายพลยี่เส่ง ราชายาเสพติดชื่อดัง เป็นผลให้นายตะวัน แสงสุริยะ หัวหน้าแก๊งอัคคีที่ถูกทลายไปและคู่ค้าคนสำคัญของนายพลยี่เส่งเสียชีวิต ในขณะทีนายพลยี่เส่งหนีข้ามชายแดนกลับไปฝั่งเพื่อนบ้านแล้ว
และจากการบุกไปในครั้งนี้ ได้พบกับของกลางจำนวนมาก จนไม่สามารถประเมินค่าได้”
หลินฟังข่าวแล้วใจหายเป็นห่วงหมอก
“คุณหมอก คุณจะเป็นยังไงบ้าง”
ทางด้านชบาถูกส่งเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ เวลานี้นอนหลับอยู่ที่เตียง หลังเข้ารับการผ่าตัดพ้นขีดอันตรายแล้ว ภูผาทำแผลเสร็จ เดินเข้ามามองชบาคอยนั่งเฝ้าอย่างห่วงใย ภูผากุมมือชบาไว้แน่น
ล่วงเข้าวันใหม่หลินนั่งคอยหมอกอย่างเป็นห่วง จนมีเสียงแอ๊ดดังขึ้น หลินค่อยๆ คลำทางมาเปิดประตู
“ใครมาคะ”
หลินค่อยๆ เดินออกมา หากมองเห็นได้ หลอนจะเห็นว่าในสวนเต็มไปด้วยดอกไม้ และกลีบดอกไม้ที่ปลิวตามลมมา หลินได้กลิ่นหยุดดอมดมดอกไม้อย่างแปลกใจ หมอกแอบย่องเดินมาหาเอามือไปโอบที่เอวของหลินแล้วกระซิบข้างหู
“ชอบไหมครับ”
หลินตกใจเล็กน้อยก่อนที่จะหันมากระโจนกอดหมอกด้วยความดีใจ
“คุณหมอก คุณกลับมาแล้ว”
“ก็ผมสัญญาไว้แล้วนี่ ว่าจะกลับมาหาคุณ”
“ขอบคุณคุณพระคุณเจ้าที่คุ้มครองให้คุณหมอกปลอดภัย”
หมอกหยิบผ้าพันคอหลินมาพันคล้องที่คอหลินเหมือนเดิม แล้วหมอกค่อยๆ ก้มลงจูบหน้าผากหลินอย่างแผ่วเบา
“ต่อจากนี้ผมจะขอดูแลคุณตลอดไป”
หมอกดึงร่างหลินมากอดเต็มรัก หลินกอดหมอกแนบแน่น
เมื่อเห็นชบารู้สึกตัว ภูผาเฝ้าอยู่รีบเข้ามาดู ชบาฟื้นมาเห็นภูผาก็ยิ้มออก
“คุณปลอดภัย”
“ผมจัดการนายตะวันได้เรียบร้อยแล้วนะ”
ชบายิ้มโล่งใจ “ผู้กำกับคงหมดห่วงสักที”
“แต่คงจะโกรธมากถ้าเห็นตอนที่คุณวิ่งมารับลูกกระสุนแทนผม คุณนี่มันบ้าจริงๆ เลย”
“ก็ฉันกลัวนายเป็นอะไร”
“ถ้าคุณเป็นอะไรไปผมจะทำยังไง” ชบาจ๋อยสนิท “ขอบคุณนะ ที่ทำเพื่อผม ผม...”
บรรยากาศเป็นใจทำให้ภูผาเผลอก้มลงจูบที่หน้าผาของชบาอย่างอ่อนโยน มีเสียงกระแอมขึ้นที่ด้านหลังจากสองจ่า
“พวกผมไม่เห็นอะไรจริงๆ ครับ”
ยักษ์ผมโรงว่า “ไม่เห็นก็ไม่เห็นครับ”
ภูผาเขิน ทำหน้าไม่ถูก
“มีอะไรในใจก็รีบๆ บอกนะครับ” มนตรีบอก
ภูผาทำไก๋ “จ่าหมายถึงอะไร”
“แหม...ดูก็รู้ แมนๆหน่อยสารวัตร” ยักษ์ว่า
ยักษ์กับมนตรียืนยิ้มกรุ้มกริ่มเหล่สองคนไปมา จนชบาหมั่นไส้
“พวกจ่าเป็นอะไรมากรึเปล่า ถามจริงๆ”
“ยังไม่เป็นไรครับตอนนี้ แต่อนาคตไม่แน่” ยักษ์บอก
“ไม่แน่อะไร”
“ก็กลัวจะไปเป็น กขค ของใครบางคน” มนตรีว่า
ชบามองหน้าจ้องตาภูผา เขินกันไปทั้งคู่
อ่านต่อหน้า 4
ล่าดับตะวัน ตอนที่ 21 จบบริบูรณ์
พอภูผาเดินออกมาจากห้อง เห็นผู้การเดินตรงมาหา จึงยกมือไหว้แสดงความเคารพ
“ชบาเป็นยังไบ้าง”
“ฟื้นแล้วแถมยังพูดไม่หยุดเลยครับ”
ผู้การยิ้ม
“งานนี้คุณเก่งมาก ถึงแม้นายพลยี่เส่งจะหนีไป แต่อย่างน้อยก็ยังจัดการนายตะวันได้”
“ต้องขอบคุณคู่หูของผมด้วยครับ”
ผู้การยิ้มเป็นนัย “คนนี้ใช่มั้ย”
ผู้การขยับออก เผยให้เห็นหมอกเดินตามหลังมา แล้วเดินมาทางสองคน
“เขาจะรับคดีนายพลยี่เส่งไป คงต้องให้ทางฝ่ายทหารช่วย”
“ยินดีครับ” หมอยิ้มรับ
ผู้การหันมาหาภูผา “ส่วนคุณ เรื่องคืนสถานะ ผมดำเนินการให้แล้วทางเราจะทำพิธีให้อย่างเป็นทางการพร้อมปูนบำเหน็จความดีความชอบให้ด้วย พันตำรวจตรีภูผา”
ภูผายิ้มกว้างดีใจ “ขอบคุณครับท่าน”
“ผมยินดีที่ได้พวกคุณทั้งสองคนมาร่วมงานด้วยกัน”
ภูผา กับ หมอก มองหน้ายิ้มให้กัน
3 วันต่อมา ภูผาพาตัวเองยืนรอรับแจกันดอกไม้อยู่ที่ร้านดอกไม้ในโรงพยาบาล เตรียมไปเยี่ยมชบา ระหว่างนี้มีสายเรียกเข้ามาในโทรศัพท์มือถือ เป็นเบอร์แปลกๆ แต่เขาก็กดรับ
“ฮัลโหล”
“ภูผา”
ภูผาจำได้ว่าเป็นเสียงปานวาดมองซ้ายแลขวาว่ามีใครแอบฟังหรือดูอยู่ไหม ก่อนฉากหลบมาคุยสาย
“วาดขอโทษค่ะ ที่วาดตัดสินใจออกจากคุณมาแบบนี้”
“ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน”
“วาดกำลังจะไปในที่ๆ ใครก็หาไม่เจอ แต่วาดอยากให้ภูผาไปด้วยกันกับวาด”
ภูผาเงียบ
“เราไปเริ่มชีวิตใหม่ด้วยกันนะคะ”
ภูผามองดอกไม้ แล้วนึกถึงชบาที่นอนพักฟื้นอยู่ชั้นบน
“คุณอยู่ที่ไหน”
ทางฝ่ายชบาตื่นขึ้นมา แล้วหันไปเห็นดอกไม้ในแจกันสวย เป็นแจกันดอกไม้ที่ภูผาซื้อมาเยี่ยมตอนเธอหลับอยู่ ชบายิ้มแก้มแทบแตกเมื่อเหลือบไปเห็นข้อความของภูผาที่เขียนในการ์ด
“รอก่อนนะยายจอมยุ่ง เดี๋ยวผมมารับ”
ชบารีบหยิบโทรศัพท์มาโทร.หาภูผา แต่ภูผาไม่รับสาย
“ไปไหนของนายเนี่ย”
เวลาเดียวกันภูผาหันมามองโทรศัพท์เห็นว่าชบาโทร.มา แต่ไม่รับได้แต่อมยิ้ม จนเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก รอบคราวนี้เป็นพี่แดง พี่สาวโทร.มา ภูผารีบกดรับ
“มีอะไรพี่”
“พ่อจะคุยด้วย” เสียงพ่อดังขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ “ไอ้ภูผา ทำไมไม่บอกว่าแกเป็นตำรวจ ให้พวกเราเข้าใจผิดมาตั้งนาน ไอ้ลูกบ้า”
ภูผางง “ใครบอกพ่อครับ”
“ก็หัวหน้าแกไง”
ภูผาอึ้งทึ่งและดีใจ “ผู้การ”
“พ่อภูมิใจในตัวแกจริงๆ ถ้าแม่แกรู้คงดีใจ”
“ครับพ่อ ผมว่างจะรีบไปเลยครับ”
เสียงพี่สาวตะโกนแทรกเข้ามา “อย่างนี้ต้องฉลอง รีบๆ มานะ พ่อแกดีใจจะแย่อยู่แล้ว”
“แล้วผมจะรีบหาเวลากลับไปครับ”
ภูผาวางสายแล้วยิ้มกว้าง มีความสุขถึงขีดสุด
“ขอบคุณครับผู้การ”
ปานวาดยืนรอภูผาอยู่ที่ท่าเรือสักพักใหญ่แล้ว แต่ไม่เห็นมาสักทีจนโจรสาวเกือบตัดใจ แล้วจู่ๆ ภูผาก็วิ่งเข้ามาปานวาดยิ้มดีใจ
“วาดนึกว่าคุณจะไม่มาซะแล้ว เราไปด้วยกันนะภูผา”
“ผมขอโทษ ผมคงไปกับคุณไม่ได้”
ปานวาดใจแป้ว “ไหนคุณเคยบอกว่ารักวาด หรือว่า…เพราะวาดเป็นโจร ส่วนคุณเป็นตำรวจ”
“มันไม่ใช่เลยวาด”
“งั้นเพราะอะไร” ปานวาดนึกได้ โพล่งถามขึ้นมาว่า “หมวดชบาคนนั้นใช่มั้ย”
ภูผาพยักหน้ารับเอาคำ “ตอนนั้นผมยังไม่รู้หัวใจตัวเอง ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมรักใคร ใครที่ทำให้ผมมีความสุขเวลาที่อยู่ด้วยมันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ที่ผ่านมาเค้าทำเพื่อผมมาตลอด ถึงเวลาที่ผมต้องทำเพื่อเขาบ้าง”
ปานวาดยิ้มบางๆ ให้
“วาดดีใจที่ภูผารู้ใจตัวเอง จริงๆ แล้วเรื่องของเราสองคน วาดรู้ตั้งนานแล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะวาดก็รู้ใจตัวเองเหมือนกัน เพียงแต่วาดแค่ไม่เหลือใครเท่านั้นตอนนี้”
ทั้งสองมองหน้ากัน ปานวาดบอกลา
“วาดคงต้องไปแล้ว”
“คุณตัดสินใจแล้วใช่มั้ย ว่าจะไม่มอบตัว”
ปานวาดพยักหน้าตอบ
“งั้นรีบไปซะ เดี๋ยวใครจะมาเห็นเข้าซะก่อน แล้วอย่าให้ผมเห็นคุณอีก ไม่งั้นผมจะจับคุณ”
ปานวาดรับเอาคำ แล้วตัดสินใจรีบขึ้นเรือไป ภูผามองตามส่ง พูดกับตัวเองเบาๆ
“โชคดีนะ วาด”
ปานวาดกับภูผามองสบตากันส่งท้าย ก่อนที่เรือจะพาปานวาดแล่นหายไปในท้องทะเล
ในเวลาเดียวกันนั้น หมอกยืนอยู่หน้าแท่นพิธีในโบสถ์ หลินอยู่ในชุดเจ้าสาวโดยมีป้าคนที่เคยขายของอยู่หน้าร้านดอกไม้ เป็นคนพาหลินเดินมาหาหมอก
ภูผาเอามือกำไปที่กระเป๋าเสื้อ มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีก เป็นมนตรีโทร.มา
“มีอะไรจ่า”
เสียงมนตรีดังลอดออกมา “สารวัตรอยู่ไหนครับ ลืมรึเปล่าว่าวันนี้หมวดได้ออกจากโรงพยาบาล”
“ไม่ลืมครับ เดี๋ยวผมไป มีอะไรรึเปล่าครับ”
มนตรีแซวมาว่า “เหมือนจะมีคนคอยน่ะครับ”
มีเสียงชบาตะโกนแว้ดแทรกเข้ามา “ว่าไงนะจ่า ใครรอ”
อีกฟาก ชบา ยักษ์ และ มนตรี รอภูผาอยู่ในห้องพักฟื้น เตรียมออกจากโรงพยาบาล
“ไม่รอก็ไม่รอ มาพวกผมพากลับ” ยักษ์แกล้งโวยขึ้น
ชบางอน นิ่งขึงไปเลย
มนตรีกลั้นขำ “จ่านี่อย่าแกล้งคนป่วยสิ”
ชบาหันมาทางมนตรี “นายนั้นว่าไง”
“เดี๋ยวมาครับ” มนตรีบอก
ชบายิ้มแก้มแทบแตก นางดีใจเหลือล้น
ด้านหลินกับหมอกเข้าพิธีวิวาห์กันแบบเรียบง่าย เป็นงานวิวาห์เล็กๆ แต่น่ารักชะมัด เต็มไปด้วยดอกไม้สวยช่องาม บานเบ่ง และส่งกลิ่นหอมไปทั่วงาน
ทั้งคู่กล่าวคำปฏิญาณแก่กัน หมอกอุ้มหลินขึ้นรถขับออกไป โดยท้ายรถมีกระป๋องหลากสีผูกอยู่ลากไปตามพื้น
ในรถที่แล่นมาตามทาง ภูผาหยิบแหวนรูปปลาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
“ผมขอเวลาอีกนิดนะ แล้วผมจะรีบไปรับคุณ ป่านนี้คงจะงอนแล้วแน่เลย”
ภูผายิ้มชื่น
ชบากระวนกระวายใจเดินวนไปมา นั่งไม่ติดที่แล้ว รอให้ภูผามารับ พร้อมมองที่ข้อความที่ภูผาทิ้งไว้
ภูผาขับรถมาด้วยความสบายใจ ปลดทุกพันธนกานต์ในชีวิตจนสิ้น ทุกอย่างสวยงามไปหมด พ่อให้อภัย และเขากำลังจะขอหมั้นหมวดชบา
โดยไม่มีใครคาดคิด เสียงปืนดังกึกก้องขึ้นหนึ่งนัด พร้อมๆ กับเลือดค่อยๆ ไหลออกจากศีรษะของภูผา
ในความทรงจำสุดท้าย เขาเห็นรอยยิ้มสดใสเวอร์ๆ ของชบาแว่บเข้ามา แล้วทุกอย่างค่อยๆ มืดดับลง
“ชบา”
บนถนนห่างออกมา ชายรูปร่างคุ้นตาผู้เพิ่งสังหารว่าที่สารวัตรมือปราบคนเก่ง มองผลงานเห็นว่าภูผาไม่รอดแน่ จึงก้าวขึ้นมอเตอร์ไซค์ขับเลยรถภูผามา แววตามาดหมายคู่นั้นเต็มไปด้วยความสะใจสมใจ มันคือแววตาของ “ไอ้ปิง”
เสียงของนายพลยี่เส่งที่ตะโกนใส่หน้าในวันที่หนีตายมาด้วยกัน ดังก้องในหัวของมัน
“ถ้ามึงอยากที่จะเป็นใหญ่เหมือนไอ้ตะวันนายของมึง มึงต้องไปพิสูจน์ให้กูเห็น ว่าคนอย่างมึงจะแน่แค่ไหน”
ร่างของภูผาทรุดลงช้าๆ เสื้อค่อยๆ เปื้อนเลือดเป็นวงกว้างออกๆ มือที่กำแหวนรูปปลาไว้แน่นค่อยๆ คลายออก แหวนตกลงกลิ้งวนอยู่ที่พื้นรถ พร้อมๆ กับที่รถเสียหลักพุ่งตกลงข้างทาง กระแทกพื้นอย่างแรงแล้วจอดนิ่งไป ปล่อยให้เสียงสัญญาณนิรภัยดังเรียกร้องความสนใจไปทั่วบริเวณ
รอนานมากแล้ว ชบาพยายามโทร.หาภูผาแต่ไม่มีคนรับ
“หมวด สารวัตรคงติดงานด่วนกลับกันก่อนเถอะ พวกผมไปส่งเอง” มนตรีบอก
“ใช่ครับ เดี๋ยวสารวัตรก็คงตามมา” ยักษ์ว่า
เสียงโทรศัพท์สายจากภูผาดังขึ้น ชบารีบรับน้ำเสียงลิงโลด
“โหล ภูผา นายจะมารับฉันมั้ยเนี่ย โหลๆ”
เสียงฝั่งภูผาเงียบสนิท มีแต่เสียงลมหายใจรวยรินดังให้ได้ยินเป็นห้วงๆ ชบาใจหล่นวูบ เริ่มกังวล
“ภูผา นายได้ยินฉันมั้ย”
เสียงภูผาดังขึ้นคล้ายคนใกล้ตายที่ต้องรวบรวมเรี่ยวแรงเป็นครั้งสุดท้ายเปล่งคำพูดออกมา
“ผม...รัก...คุณ...”
ชบาฟังน้ำคำและจับน้ำเสียงได้ ถึงกับเบิกตาโพลง
อีกฟากมือภูผากำโทรศัพท์มือถือที่เพิ่งพูดจบในมือ หายใจเกือบเป็นลมห้วงสุดท้ายของชีวิต มือค่อยๆ ตกลงข้างตัวที่เลือดโทรมกายแล้วยามนี้
ทุกอย่างดำมืดไปหมด ยินเพียงเสียงเด็กผู้ชายภูผาตะโกนบอกด้วยน้ำเสียงสดใส
“โตขึ้นผมอยากเป็นตำรวจครับพ่อ ผมจะจับพวกผู้ร้ายให้หมดไปเลย”
เสียงพ่อดังตามมาติดๆ “แล้วไม่กลัวผู้ร้ายมันมาฆ่าเหรอลูก”
“ถ้ามีแต่คนกลัวตาย ใครจะเป็นคนจับผู้ร้ายหละครับ ผมไม่กลัวหรอก เพราะผมอยากปกป้องคนที่ผมรัก” เด็กชายว่า
“ลูกพ่อนี่เก่งจริงๆ เลย”
ทุกอย่างมืดสนิท
วันเวลาผันผ่าน มีหลายๆ เหตุการณ์เกิดขึ้นและดำเนินไป ภายเกิดหลังการเสียชีวิตของสารวัตรภูผา
หมอก ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าทีมในการทำลายล้างเครือข่ายของนายพลยี่เส่งและสามารถปิดคดี
ยี่เส่งได้สำเร็จ ได้เลื่อนขั้นเป็นนาวาเอก ที่ยึดมั่นความถูกต้องเป็นที่สุด
หลิน กลายเป็นภรรยาที่แสนจะน่ารัก และกลายเป็นเถ้าแก่เนี้ยเปิดร้านดอกไม้ที่ใหญ่กว่าเก่า แถมในท้องก็มีสมาชิกเพิ่มอีกหนึ่งคน
มนตรีและยักษ์ ร่วมทีมกับหมอกเช่นกันและได้เลื่อนขั้นเป็นหมวด หลังจากนั้นที่หน่วยเมฆาพยัคฆ์ก็วุ่นวายมีบรรดาแม่หม้ายแม่ยก มาติดสองหมวด ชนิดหัวบันไดไม่เคยแห้งเลยทีเดียว
ผู้การเด่นชาติ ยังคงตั้งใจทำงานของตนต่อไป และหมั่นแวะเวียนไปเยี่ยมเยียนครอบครัวของภูผาเนืองๆ
ส่วนปานวาด ไม่มีข้อมูลใดๆ ปรากฏให้โลกรับรู้ เจ้าหล่อนกลายเป็นบุคคลสาบสูญโดยสมบูรณ์
สำหรับ ชบา คอยหาเวลาเดินทางมามอบดอกไม้อาลัยรักที่หลุมศพภูผา พบว่าที่นิ้วนางข้างซ้ายใส่แหวนรูปปลาที่ภูผาเตรียมมอบให้แต่ไม่มีโอกาส นอกจากนี้ ชบาอาสาเป็นผู้ช่วยเฉพาะกิจร่วมมือกับหมอกในการทำลายล้างยี่เส่ง และสามารถวิสามัญ ปิง ในวันที่หมอกนำทีมบุกถล่มรังใหญ่ในจังหวัดชายแดนใต้ แก้แค้นให้ภูผาได้สำเร็จ จนได้เลื่อนขั้นเป็นสารวัตร แต่นางได้ตัดสินใจลาออกมาเปิดร้านขายปลา และใช้ชีวิตพูดคุย กับบรรดาปลาๆๆ และ ภูผาที่ยังอยู่ในของเธอเสมอมา
จบบริบูรณ์