บาปบรรพกาล ตอนที่ 17
อุณนิษาวิ่งหนีออกมาที่หน้าห้อง เริ่มกลัวความผิดจนร้องไห้โฮ พอเห็นจวงตามออกมาจึงรีบเข้าไปจับมือเอ่ยปากอ้อนวอนขอร้องให้จวงช่วย
“น้าจวงช่วยนิษาด้วย เห็นกับคุณแม่นะคะ”
จวงลังเล อดนึกถึงบุญคุณของแขไขขึ้นมาไม่ได้ สุดท้ายตัดสินใจรับคำช่วยอุณนิษา
“ได้ค่ะ คุณนิษารีบกลับไปก่อน ทางนี้จวงจะจัดการเอง”
“ได้...ได้”
อุณนิษารีบวิ่งหนีลงเรือนไป จวงวิ่งกลับเข้าไปในห้องทำงานภาณุกร
ระหว่างเดียวกันนี้ สร้อยเพิ่งกลับจากจ่ายตลาด เดินหิ้วถุงข้าวของที่ซื้อมาหลายถุงในมือ
อุณนิษาเดินแกมวิ่งออกมาอย่างร้อนรนมีพิรุธ รีบขึ้นรถ แล้วขับออกไปโดยเร็ว ไม่ทันเห็นสร้อยที่ฉากหลบเข้าข้างทางแอบมองอยู่ด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเดินตรงไปทางเรือนใหญ่
จวงลากศพภาณุกรออกมาจากห้องทำงานมาหยุดหอบเหนื่อยตรงหัวบันได มุ่งมั่นในการทำความชั่วและสร้างหลักฐานเท็จ ผลักศพภาณุกรให้กลิ้งตกบันไดไป
ร่างไร้วิญญาณของภาณุกรกลิ้งหลุนๆ ลงไปนอนแน่นิ่งที่ตีนบันไดเป็นที่เวทนายิ่ง จวงเดินลงบันไดมามองอย่างสะใจ
“อโหสิให้จวงด้วย คุณชายกร จวงจำเป็นต้องตอบแทนบุญคุณคุณหญิงแขไข”
จวงรีบหมุนกายเดินหนี หลบออกไปอีกทางอย่างว่องไว
คล้อยหลังไม่นาน สร้อยเดินเข้ามาเห็นร่างภาณุกรนอนนิ่งอยู่ที่ตีนบันไดเลือดนองไปทั่ว ก็มือไม้อ่อนแล้วกรี๊ดร้องดังลั่นบ้าน
“แอร๊ย.....”
ทางด้านตาดำนั่งกินขนมเสน่ห์จันทร์ไปมองหน้ารสสุคนธ์ไป ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความหวังดี
“เรื่องความรัก เมื่อเราได้เจอคนที่ใช่ คนที่เรารักแล้ว หนูรสต้องอดทนให้มากๆ อย่าปล่อยมือจากคุณรามนรินทร์เด็ดขาด”
รสสุคนธ์หน้าแดง เขินตาดำที่พูดตรงๆ
“คุณตารู้ได้ไงคะ”
“ตารู้สิ แล้วก็ขอพูดในฐานะคนที่เคยผ่านโลกมามาก ผ่านจุดที่ความรักมีอุปสรรคมาแล้ว ตาถึงบอกให้หนูประคองความรักของหนูกับคุณรามให้ไปตลอดรอดฝั่ง ตาเอาใจช่วยนะ”
รสสุคนธ์ได้แต่พยักหน้ารับเอาคำ ด้วยท่าทีขัดเขิน
เมื่อรสสุคนธ์กลับมาถึงบ้านพรหมบดินทร์ก็ต้องแปลกใจ เพราะมีรถตำรวจจอดอยู่หน้าเรือนใหญ่ สร้อยและคนใช้หญิงชายอื่นๆ พากันร้องไห้ เสียใจกับการจากไปของภาณุกร เฟื่องกับน้อยก็เช่นกัน
“นมเฟื่อง น้าสร้อย ตำรวจมาทำไมคะ แล้วทำไมร้องไห้ น้อยเกิดอะไรขึ้น”
น้อยตรงเข้าไปจับมือรสสุคนธ์แล้วบอกทั้งน้ำตา
“คุณชายภาณุกร ท่านสิ้นบุญแล้วค่ะ คุณรส”
รสสุคนธ์ตกใจมาก ไม่อยากเชื่อ
“อะไรนะน้อย เป็นไปไม่ได้ ท่านเสียยังไง”
“ต้องถามสร้อย มันเป็นคนแรกที่เห็นศพท่าน” เฟื่องบอกเสียงเศร้า
รสสุคนธ์หันไปมองหน้าสร้อยที่เอาแต่ร้องไห้หนักขึ้น พูดไม่ออกตอบไม่ได้
ที่ห้องรับแขก แขไขกับอุณนิษามาเปิดวิกแสดงละครชุดใหญ่ ร่วมความเสียใจกับภาวิดาที่ภาณุกรต้องจากไปอย่างกะทันหัน จวงอยู่ใกล้ทำเป็นเสียใจเนียนๆ
“พี่หญิงดา ทำใจดีๆ ไว้นะคะ”
“นิษาเสียใจด้วยนะคะ คุณหญิงป้า”
ตำรวจ 2 นายพูดคุยสอบถามอยู่กับรามนรินทร์อีกมุม และพยักหน้ารับรู้ข้อมูล
“คุณแม่ครับ ตำรวจบอกว่าผลของการชันสูตรเบื้องต้น น้ากรไม่ได้ตกบันได แต่เสียเพราะโดนของแข็งทุบที่ศีรษะครับ แสดงว่าน้ากรถูกฆาตกรรมครับ”
อุณนิษาหน้าซีด มือไม้สั่น หันไปสบตาจวง
รสสุคนธ์เดินเข้ามาทันได้ยินพอดี หญิงสาวตกใจ เสียใจถึงขีดสุด คาดไม่ถึง
จวงตัดสินใจชี้ไปที่รสสุคนธ์เปิดปากใส่ร้ายทันที
“นั่นไงคะ ผู้ร้ายที่ฆ่าคุณชายกร มันยังหน้าด้านทำท่าทางใสซื่อตามมาเช็คผลงานตัวเอง”
“นังรสสุคนธ์ ที่แท้ก็เป็นแกอีกตามเคย” ภาวิดาหันไปมองตำรวจ “คุณตำรวจจับมันเลยค่ะ มันคือ ฆาตกร”
“รสไม่ได้ทำนะคะ” รสสุคนธ์ปฏิเสธเสียงแข็ง
แขไขรีบร่วมกันปรักปรำอีกแรง
“เท่าที่รู้ วันนี้เธออยู่บ้านคนเดียวมิใช่รึ แต่พอมีเรื่อง เธอก็หายหน้าไป คงคิดจะซ่อนความผิดตัวเอง...เธอนี่มันงูพิษชัดๆ ชายกรอุตส่าห์เอ็นดูเธอ แต่เธอยังอมหิตฆ่าชายกรได้”
ตำรวจหันมาเชิญรสสุคนธ์ไปสอบปากคำ
“ผมว่า เชิญคุณรสสุคนธ์ไปสอบปากคำที่โรงพักดีกว่าครับ” ตำรวจ 1เชื่อคำใส่ร้ายง่ายๆ ซะงั้น
”แต่ดิฉันไม่ได้...”
แม้รสสุคนธ์จะอธิบาย ตำรวจ 2 ก็ไม่ฟัง “ทำหรือไม่ทำ จะพิจารณาตามหลักฐาน และให้ความเป็นธรรมครับ”
ตำรวจควบคุมตัวรสสุคนธ์ออกมาที่หน้าตึก เตรียมจะพาขึ้นรถ น้อย เฟื่อง สร้อยและคนใช้อื่นๆ ที่อยู่ด้านนอกต่างมองตามด้วยแววตาสงสัย ตาดำโผล่เข้ามาเห็นพอดี
รามนรินทร์เป็นห่วงรสสุคนธ์ ทำท่าจะตามไปดูแล ภาวิดารู้ทันรีบห้ามทันที
“ตาราม จะไปไหน”
“ผมจะไปโรงพักพร้อมคุณรสครับ คุณแม่”
ภาวิดาสบตาจวงที่รีบไปยืนขวางไว้ไม่ให้รามนรินทร์ตามไป
“จวงว่าคุณรามปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดีกว่าค่ะ”
ตาดำโผล่หน้าเข้ามาพร้อมกับรสสุคนธ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย เฟื่อง น้อย สร้อยต่างตามเข้ามาด้วย
“หนูรสสุคนธ์ไม่จำเป็นต้องไปโรงพักหรือไปที่ไหนทั้งนั้น”
ภาวิดา แขไข อุณนิษา และจวงมองตาดำด้วยแววตาสงสัยว่าเป็นใคร
“คุณตา” รามนรินทร์ก็แปลกใจไม่น้อย
“เพราะฉันเป็นพยานได้ว่าหนูรสอยู่กับฉันตอนที่ชายกรถูกฆาตกรรม”
อุณนิษาแหวใส่ “พยานเหรอ ตาแก่กระจอกๆ อย่างแก ได้ค่าจ้างจากรสสุคนธ์มาเท่าไหร่ อย่าสาระแนมาเสือกเรื่องของคนอื่น”
ตาดำถอดวิกผมรุงรังที่ใส่ออก แกะรอยแผลเป็นบนใบหน้าที่ตกแต่งให้ดูอัปลักษณ์ออกด้วย แสดงตัวชัดแจ้งว่าที่แท้ตนคือ หม่อมราชวงศ์ ภาณุทัต พรหมบดินทร์
“บังเอิญฉันไม่ใช่ตาแก่กระจอก แต่เป็นเจ้าของบ้านพรหมบดินทร์ หวังว่าคำพูดของฉันจะมีราคาและน่าเชื่อถือ ใช่มั้ย ภาวิดา แขไข”
ภาณุทัตจดสายตามองจ้องหน้าภาวิดา และ แขไข นิ่งๆ
ภาวิดาและแขไข ช็อก ตะลึงตะไล ทุกคนในห้องนั้นต่างก็ตกใจไปด้วยว่า เป็นไปได้ไง
“ไม่จริง คุณพี่ตายไปแล้วนี่”
อ่านต่อหน้า 2
บาปบรรพกาล ตอนที่ 17 (ต่อ)
ภาวิดาได้สติรีบเข้าไปต่อว่าต่อขานภาณุทัต
“พี่ชายทัต ถ้าพี่ยังไม่ตายแล้วพี่หายไปอยู่ที่ไหนมาคะ”
“พี่ก็อยู่ที่บ้านสวนร้างมาตลอดไง หญิงดา”
รามนรินทร์กับรสสุคนธ์หันมามองสบตากันอย่างคาดไม่ถึง
“แล้วทำไมพี่ชายทัตต้องไปซ่อนตัว ทำตัวเหมือนคนสติไม่ดีด้วยคะ” แขไขถามขึ้น
“ในเมื่อผู้หญิงที่พี่รักที่สุดอย่างแม้นมาศจากไป พี่ก็ไม่อยากแต่งงานใหม่หรืออยากเจอใครอีกไง หญิงแข”
“พี่หนีหญิงเหรอคะ”
แขไขถามออกไปด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ บวกน้อยใจ ภาวิดาเดินเข้าไปจับมือพี่ชาย
“พี่ชายทัตใจร้ายมาก อยู่ใกล้กันแค่นี้ทำไมไม่บอกน้องหรือมาหาน้องบ้าง รู้มั้ยคะ ที่บ้านเราเกิดเรื่องร้ายอะไรบ้าง”
“พี่มาบ่อยๆ นะ แต่คนแถวนี้หาว่าพี่เป็นผีเจ้าที่บ้าง เป็นคนบ้าบ้าง มีแต่ชายกรแหละที่รู้เรื่องดีทุกอย่าง”
ที่เป็นดังนี้ก็เพราะ เมื่ออดีตเมื่อ 29 ปีที่แล้ว ภาณุทัตยืนมองเรือนไม้หอมด้วยท่าทางเศร้าสร้อยและอาลัยยิ่งนัก โดยมีภาณุกรมองพี่ชายด้วยความเห็นใจ
“ในเมื่อพี่ชายรักเรือนไม้หอม แล้วทำไมต้องจากไปด้วยครับ”
“ยิ่งรักมันก็ยิ่งเจ็บปวดที่จะต้องเห็นเรือนหอร้างรัก ชายกรอย่าห้ามพี่เลย พี่ทำพินัยกรรมไว้ให้แล้วนี่ พี่เชื่อว่าชายกรจะดูแลน้องหญิงดาแล้วทรัพย์สมบัติของพรหมบดินทร์ได้อย่างดี”
“แต่ถ้าพี่ชายทัตอยู่ด้วย น่าจะดีกว่านะครับ”
“พี่ขอเวลา ถ้าพี่ทำใจได้เมื่อไหร่ พี่รับปากว่าจะกลับมา”
“ตกลงครับ แต่พี่ชายทัตต้องสัญญาว่า ถ้าผมมีปัญหาอะไร ผมขอไปพบไปปรึกษานะครับ”
ภาณุทัตพยักหน้า สองพี่น้องก็กอดกันล่ำลาอย่างอาลัยอาวรณ์
ทุกคนรวมตัวอยู่ในห้องรับแขก ภาณุทัตบอกตำรวจด้วยเสียงและสีหน้าจริงจัง
“คุณตำรวจครับ ผมยืนยันและเป็นพยานได้ว่าหนูรสสุคนธ์บริสุทธิ์ เธอไม่ได้ฆ่าน้องชายของผมแน่นอนครับ ส่วนฆาตกรตัวจริงจะเป็นใคร ผมคงต้องรบกวนคุณตำรวจให้สืบหาต่อนะครับ”
รสสุคนธ์ตรงเข้าไปไหว้ภาณุทัตด้วยความซาบซึ้งที่ช่วยเหลือเธอไว้อีกครั้ง
“รสขอบพระคุณคุณตา เอ่อ คุณชายภาณุทัตมากค่ะ”
ภาณุทัตรับไว้รสสุคนธ์แล้วหันไปมองรามนรินทร์ที่ยกมือไหว้ลุงตัวเอง สีหน้าดีใจที่รสสุคนธ์พ้นผิด
“หญิงดา ต่อจากนี้ไป เธอก็เลิกขัดขวางความรักของลูกได้แล้วนะ”
ภาวิดาได้แต่อึ้งพูดไม่ออก แต่แขไขไม่ยอมให้เรื่องจบแบบนั้นรีบโวยวาย
“ถ้าฆาตกรไม่ใช่แม่รสสุคนธ์ แล้วจะเป็นใครล่ะคะ”
สร้อยสะดุ้งลุกลี้ลุกลนผิดปกติ
“น้าสร้อยทำไมหน้าซีดอย่างนั้นครับ น้ารู้อะไรแล้วปิดเอาไว้หรือเปล่า ระวังจะมีความผิดไปด้วยนะครับ”
สร้อยกลัวจัดรีบโพล่งออกมาทันที
“คือ...น้าแค่เห็น...”
สร้อยเล่าว่าตนเห็นอุณนิษาเดินแกมวิ่งออกมาจากเรือนใหญ่อย่างร้อนรนมีพิรุธ แล้วรีบขึ้นรถ ขับออกไป โดยไม่เห็นตนที่หลบเข้าข้างทางมองตามรถอุณนิษาด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน
พอสร้อยเข้ามาก็เห็นศพภาณุกรนอนนิ่งที่ตีนบันไดเลือดท่วม ก็มือไม้อ่อน กรีดร้องดังลั่นบ้าน
“แอร๊ย”
ฟังถึงตอนนี้อุณนิษาถึงกับถอยกรูด ทุกคนมองเธอเป็นตาเดียวกัน
“นิษาเปล่านะคะ นิษาไม่ได้ทำ”
จวงก้าวออกมาปกป้องอุณนิษา
“ใช่ค่ะ คุณนิษาไม่ได้ทำ จวงทำเอง จวงเป็นคนฆ่าคุณชายภาณุกรค่ะ”
ภาวิดาช็อก โกรธจัด ตบหน้าจวงไปฉาดใหญ่
“นังจวง แกฆ่าชายกรทำไม”
จวงไม่ตอบ ได้แต่นั่งนิ่ง น้ำตาคลอ
อุณนิษาซุกตัวอยู่กับอกมารดา แขไขมองจวงส่งซิกให้รู้ว่าเดี๋ยวจะหาทางช่วยเอง
สาวใช้ยอดกตัญญูชื่ออีจวง ก้มหน้ารับกรรมที่ไม่ได้แทนอุณนิษาคนที่ฆ่าน้องสาว ยอมให้ตำรวจกุมตัวไป
แม้นมาศมองหน้ารสสุคนธ์อย่างตื่นตะลึง เมื่อหลานสาวบอกว่าจวงสารภาพว่าเป็นคนฆ่าภาณุกรเอง
“นังจวงเหรอที่ฆ่าชายกร...นังจวง นังจวง นึกออกแล้ว...วันนั้น”
รสสุคนธ์มองหน้าแม้นมาศ รีบถาม
“ย่าเล็กจำอะไรได้เพิ่มเหรอคะ”
แม้นมาศพยักหน้าแทนคำตอบ สีหน้ามีวี่แววรำลึกจดจำ
เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น ในวันแต่งงาน เมื่อ 30 ปี มาแล้ว
เวลานั้น แม้นมาศแต่งตัวสวยงามอยู่ในชุดเจ้าสาว ส่องดูความเรียบร้อยอยู่หน้ากระจก สักครู่จวงยกถาดใส่น้ำมะตูมเย็นฉ่ำเข้ามาให้ พูดประจบประแจงเอาอกเอาใจ
“เจ้าสาวสวยจริงๆ ค่ะ เหนื่อยมั้ยคะเนี่ย จวงเอาน้ำมะตูมเย็นๆ มาให้ดื่มแก้กระหายค่ะ”
แม้นมาศยิ้มรับเอาคำชมของจวงด้วยท่าทีเขินๆ
“ขอบใจนะจวง วางไว้ก่อน”
“น้ำมะตูมเย็นๆ ถ้าวางไว้เดี๋ยวจะไม่อร่อยนะคะ ดื่มเลยดีกว่าค่ะ”
จวงคะยั้นคะยอ พร้อมกับยกแก้วไปจ่อตรงปากแม้นมาศยิ้มหวานให้
แม้นมาศไม่คิดอะไร ยกน้ำมะตูมดื่มไปค่อนแก้ว แล้วรู้สึกสดชื่น เลยดื่มต่อจนหมด
จวงลอบยิ้มร้ายสมใจ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากห้องนั้น
ด้วยฤทธิ์ยาสลบชนิดรุนแรงที่ใส่ไว้น้ำมะตูม จวงยังไม่ทันไปพ้นห้อง แม้นมาศก็เกิดอาการวิงเวียนแล้วล้มลงไปนอนสลบอยู่ที่ข้างเตียง ข้างๆ มีแก้วน้ำตกอยู่
รสสุคนธ์ปะติดปะต่อเรื่องราวจากที่แม้นมาศเล่า แล้วนึกขึ้นได้ว่าจวงเองก็เคยวางยาเธอ
“แสดงว่าคืนนั้นน้าจวงวางยาย่าเล็ก เหมือนที่เคยทำกับรสใช่มั้ยคะ”
“ถ้าไม่ใช่มันจะเป็นใคร แต่ฉันเชื่อว่ามันไม่ได้ทำคนเดียวแน่ๆ”
“แต่ย่าก็จำอะไรไม่ได้อีกใช่มั้ยคะ”
แม้นมาศพยักหน้าเศร้าๆ ยอมรับ แต่พอคิดถึงเรื่องภาณุทัตขึ้นมาก็ยิ้มอย่างมีหวัง
“ว่าแต่เรื่องของคุณชายภาณุทัต คุณชายยังไม่ตายจริงๆ ใช่มั้ยแม่รส”
รสสุคนธ์ยิ้มยินดีพยักหน้ายืนยัน
“จริงค่ะ ย่าเล็ก”
ทั้งๆ ที่ภาณุทัตนอนหลับอยู่บนเตียงในห้องนอนบนเรือนใหญ่แท้ๆ แต่เมื่อแม้นมาศโผล่เข้ามาในนั้น กลับมองไม่เห็นภาณุทัต
“คุณชายทัต...คุณชายทัตได้ยินเล็กมั้ยคะ”
ภาณุทัตนอนนิ่งไม่ได้ยินหรือรับรู้อะไร
แม้นมาศมองไปเห็นแต่ห้องนอนว่างเปล่าก็หน้าเสีย แว้บหายไปจากตรงนั้น
อ่านต่อหน้า 3
บาปบรรพกาล ตอนที่ 17 (ต่อ)
แม้นมาศกลับมานั่งร้องไห้อยู่ในห้อง รสสุคนธ์ที่กำลังจะเข้านอนมองเห็นก็แปลกใจ
“ย่าเล็กร้องไห้ทำไมคะ”
“ฉันไปหาคุณชายภาณุทัตที่ห้องนอน แต่ไม่เห็นมีใคร ทำไมแม่รสต้องมาโกหก ต้องให้ความหวังคนหัวใจแตกสลายอย่างฉันด้วยว่า คุณชายยังไม่ตาย”
“รสเปล่านะคะย่าเล็ก คุณชายภาณุทัตยังไม่ตายจริงๆ ค่ะ”
รสสุคนธ์ยืนกรานหนักแน่น แม้นมาศยิ่งเศร้าน้ำตาไหล
“แต่ฉันมองไม่เห็นคุณชายทัต”
รสสุคนธ์ทั้งสงสารทั้งเห็นใจแม้นมาศ
“งั้นเหรอคะ แปลกมาก...ทำไม”
“คงเป็นเวรกรรมที่ฉันทำบาปไว้ ฉันเลยไม่เห็นคุณชายทัต”
แม้นมาศเสียใจ เศร้าใจเหลือแสน
ขณะเดียวกันที่บ้านแขไข จวงกำลังยกมือไหว้แขไขด้วยความซาบซึ้งใจ
“ขอบพระคุณคุณหญิงมากนะคะที่ช่วยประกันตัวจวงออกมา”
“ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณจวง ขอบใจนะที่รับผิดแทนลูกนิษา”
จวงตกใจ “คุณหญิงทราบแล้วเหรอคะ”
“นิษาเล่าให้คุณแม่ฟังเองจ้ะ นิษาขอบคุณจวงมากนะ ถ้าไม่มีจวงนิษาคงต้องติดคุกแน่ๆ”
อุณนิษาร้องไห้แล้วจะก้มลงกราบ จวงตกใจรีบจับมืออุณนิษาไว้
“อย่าค่ะคุณนิษา คุณเป็นคนสูงศักดิ์อย่ามากราบขี้ข้าอย่างจวงให้เสียเกียรติเลยค่ะ”
“เสียเกียรติอะไรกัน จวงอยู่กับฉัน คอยช่วยงานฉันมาตั้งนานแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับญาติของยัยนิษา ให้นิษาทำเถอะนะ”
อุณนิษาค่อยๆ ก้มลงกราบ จวงเห็นก็สะอื้นตื้นตันใจ
“โธ่ทูนหัวของจวง ต่อให้จวงต้องติดคุกไปตลอดชีวิต จวงก็ไม่เสียใจแล้ว”
อุณนิษามองหน้าแขไข ตัดสินใจบอกจวงอีกเรื่อง
“มีอีกเรื่องหนึ่งที่นิษาจะต้องสารภาพกับจวง...นิษา...เป็นคนฆ่าปริกเอง”
จวงได้ยินถึงกับช็อก มองหน้าอุณนิษาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“ว่าอะไรนะคะ”
“ปริกขู่จะบอกตำรวจเรื่องที่ให้คนไปฉุดนังรส นิษาตกใจก็เลยเผลอฆ่าปริกตาย จวงยกโทษให้นิษาด้วยนะ”
แขไขจับมือจวง “จวง...อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครนะ ขอให้มันเป็นความลับจนวันตาย ฉันสัญญา ฉันจะไม่ทิ้งจวง ถ้าจวงต้องติดคุก ฉันกับลูกจะคอยไปเยี่ยมเสมอ สัญญากับฉันสิจวง”
จวงร้องไห้โฮน้ำตาไหลพรากเจ็บปวดที่เพราะความจงรักภักดีกับนายทำให้ต้องเสียญาติพี่น้องแต่พูดไม่ออก
“ค่ะ จวงสัญญาว่าจะเก็บทุกอย่างเป็นความลับ”
แขไขกับอุณนิษาเห็นว่าจวงรับปากก็ยิ้มให้กัน โล่งใจ
จวงนั่งซุกตัวอยู่มุมห้องพักในคฤหาสน์บ้านแขไข ร้องไห้อย่างหนักหน่วง ปิ่มว่าจะขาดใจ ข้างๆ เห็นแก้วน้ำล้มอยู่ มีคราบเป็นฟองไหม้ที่พื้นคล้ายยาพิษ
“ฮือๆๆ ไอ้ทวน...อีปริก ข้าขอโทษ...เพราะความโง่ของข้าเอง...พวกเอ็งถึงต้องตาย...ฮือ”
จวงทุบตีจิกหัวกบาลตัวเองอย่างบ้าคลั่ง
“ข้ามันโง่ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ชักจูงพวกเอ็งไปในทางที่ผิด จนสุดท้าย พวกเอ็งก็ต้องตาย”
ความชั่วช้าสามานย์ของทวนกับปริกผุดขึ้นมาในหัวของจวง
เริ่มจากตอนทวนลงมือฆ่าวาด แล้วตามไปเผาบ้านฆ่าแม้นเมือง สุดท้ายทวนถูกผีวาดกับแม้นเมืองผลักเข้าไปกองไฟ ตายอนาถ
ส่วนปริกจ้างคนมาฉุดรสสุคนธ์ไปข่มขืนตามคำสั่งอุณนิษา แต่กลับถูกอุณนิษาฆ่าปิดปาก
จวงร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดเหลือแสน แล้วจู่ๆ ก็เปลี่ยนโหมดมาหัวเราะ
“ฮ่าๆ นี่เหรอผลของการหลับหูหลับตาทดแทนบุญคุณนาย โดยไม่ดูว่ามันจะดีจะชั่ว สุดท้าย ข้าก็ไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ชีวิต”
เงาดำเคลื่อนวูบผ่านผ้าม่าน จวงรู้ทันทีว่าแม้นมาศมาเยือนถึงที่แล้ว
“มาแล้วก็เข้ามาสิ อีแม้นมาศ”
แม้นมาศโผล่พรวดออกถลึงตามองหน้าจวง
“อีจวง มึงเอาน้ำมะตูมใส่ยาให้กูกิน บอกมา มึงร่วมมือกับใครฆ่ากู อีคุณหญิงภาวิดาใช่มั้ย”
จวงไม่ตอบ ได้แต่ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างสะใจ แม้นมาศจึงเข้าใจผิดคิดไปเองว่าเป็นฝีมือภาวิดา
“อีคุณหญิงภาวิดาจริงๆ ด้วย วันนี้ จะเป็นวันตายของมึง”
แม้นมาศบีบคอจวงหมับ บีบแน่นขึ้นๆ จวงหัวเราะอย่างไม่เกรงกลัว
“ต่อให้มึงไม่ฆ่ากู กูก็ต้องตายอยู่ดี” จวงกระอักเลือดออกมาเป็นลิ่มๆ “กูกินยาพิษไปแล้ว กูไม่ยอมตายด้วยมือมึงหรอก อีแม้นมาศ”
แม้นมาศปล่อยมือจากคอจวง ร่างจวงกระตุกๆ แล้วขาดใจตายต่อหน้า แม้นมาศมองอย่างเวทนา
“กูนับถือในความจงรักภักดีของมึง แต่มึงพลาดที่ดันไปอยู่กับคนชั่ว”
แม้นมาศเคลื่อนตัวออกไปโดยไว ทิ้งศพจวงให้นอนตายอนาถอยู่ลำพัง
สองแม่ลูกรีบโผล่มาที่บ้านพรหมบดินทร์รายงานข่าว ภาวิดาได้ยินเรื่องจวงตายก็ตกใจ
“อะไรนะหญิงแข จวงฆ่าตัวตายเหรอ”
อุณนิษาใส่ร้ายจวง “ค่ะ มันกลัวความผิด เมื่อคืนเลยกินยาฆ่าตัวตาย”
“ถือซะว่าจวงมันก็ชดใช้กับความผิดแล้วนะคะคุณพี่ อย่าไปถือโทษโกรธมันอีกเลย”
“ฉันก็ขออโหสิกรรมให้มันล่ะกัน ชายกรจะได้ตายตาหลับเสียที”
แขไขกับอุณนิษาสบตากัน ลอบยิ้มชั่วรู้กันที่ภาวิดาหลงเชื่อ
เฟื่องแอบฟังอยู่ที่ด้านนอก เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้รีบเดินออกไป
รามนรินทร์เดินเข้ามาสำรวจในห้องทำงานของภาณุกร อดเศร้าใจและคิดถึงน้าชายไม่ได้ เฟื่องโผล่เข้ามาพอดี รามนรินทร์เห็นยิ้มทัก
“อ้าว นมเฟื่อง มีธุระอะไรกับผมหรือเปล่าครับ”
“คือ...นมอยากจะมาบอกคุณรามว่า...”
เฟื่องเล่าเรื่องที่ภาณุกรสั่งให้นภานัดช่างมาติดกล้องวงจรปิดภายในบ้านพรหมบดินทร์ โดยขอให้ปิดเป็นความลับ และวันนั้นนภายืนอยู่ด้านนอกกับเฟื่อง อธิบายให้ภาณุกรฟัง
“นี่ค่ะ จุดต่างๆ ที่จะติดกล้องวงจรปิด”
นภายื่นเอกสารแปลนบ้านพร้อมจุดต่างๆ ที่จะติดกล้องวงจรปิดให้ภาณุกร
“กล้องจะถูกซ่อนให้หลบสายตาคนตามความต้องการของคุณชายทุกอย่างค่ะ”
“ดีมาก รีบติดตั้งให้เสร็จภายในวันนี้เลยนะ แล้วถ้าใครถามอะไรก็บอกว่าช่างมาเดินสายไฟล่ะ”
“ค่ะ นภาจะทำงานให้เรียบร้อย”
ภาณุกรหันมาทางเฟื่อง “เฟื่อง เรื่องนี้ขอให้ปิดเป็นความลับ แม้แต่รามนรินทร์ก็อย่าให้รู้ เข้าใจมั้ย”
“ค่ะ เชิญทางนี้ค่ะ”
เฟื่องพานภากับทีมช่างติดตั้งกล้องวงจรปิดออกไป
รามนรินทร์ได้ฟังก็ดีใจมาก รีบเข้าไปกอดหอมเฟื่องยกใหญ่
“นมเฟื่อง ผมรักนมจังเลย นี่เป็นข่าวดีมากเลยนะครับ”
“เฟื่องแค่ไม่อยากให้คุณชายกรต้องจากไปแบบไม่เป็นธรรมค่ะ”
รามนรินทร์กดมือถือโทร.หานภาทันที
“คุณนภาครับ มาหาผมที่บ้านพรหมบดินทร์ด่วนครับ”
นภาเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น ส่งดีวีดีบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดให้รามนรินทร์
“นี่ค่ะ บอส ดีวีดี ภาพจากกล้องวงจรปิดวันที่คุณชายภาณุกรเสีย”
“ขอบคุณมากครับ คุณนภา เรามาดูภาพพร้อมๆ กันนะครับ”
รามนรินทร์เอาดีวีดีใส่เครื่องเล่น แล้วกดรีโมทเล่นทันที
ภาพจากกล้องวงจรปิด แสดงบนจอ ทุกคนตะลึง
ภาณุกรจ้องมองหน้าอุณนิษารอให้สารภาพ
“หนูนิษารู้มั้ยว่า ทำไมสร้อยข้อมือตัวเองถึงอยู่แถวสระบัว หนูทำอะไรปริก ถ้าหนูเล่าความจริง โทษหนักจะได้เป็นเบานะ”
อุณนิษาพยายามปรับสีหน้าและน้ำเสียงไม่ให้สั่น โกหกตาใส
“คุณอากรพูดอะไรคะ นิษาไม่รู้เรื่อง”
“แต่อาว่าหนูรู้ทุกเรื่อง เหมือนที่อารู้ แต่เรื่องนี้จะรู้กันแค่เราสองคน ถ้าหนูจะเลิกยุ่งกับตาราม แล้วไม่ต้องมาที่พรหมบดินทร์อีก”
“ทำไมคะ”
“เพราะรามจะแต่งงานกับหนูรสสุคนธ์น่ะสิ”
อุณนิษาตาวาวโรจน์ด้วยความแค้น ในใจตัดสินบางอย่างเด็ดขาดแล้ว แต่แสร้งรับปากภาณุกร
“ตกลงค่ะ นิษาจะไม่มาที่นี่อีก”
อุณนิษาหยิบสร้อยข้อมือเพชรใส่กระเป๋า
ภาณุกรลุกเดินไปที่ประตูห้อง จะเปิดให้อุณนิษาออกไป โดยไม่รู้ว่าตัวเองกำลังชะตาขาด
อุณนิษาลุกตามหลังมา คว้าแจกันใบใหญ่ฟาดศีรษะภาณุกรไม่ยั้ง
“โอ๊ย”
ภาณุกรร้องอกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่ร่างจะทรุดลงไปกองกับพื้นสิ้นใจตาย อุณนิษายืนตะลึงตะไล
“ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ”
ภาณุกรนอนนิ่ง มีเลือดซึมจากแผลที่ศีรษะนองพื้นห้อง จวงโผล่เข้ามาเห็นพอดี ถามด้วยความตกใจ
“คุณนิษา เกิดอะไรขึ้นคะ”
อุณนิษาบอกเสียงเข้ม
“ไอ้แก่จอมสาระแน สมน้ำหน้าตายซะได้ก็ดี”
อุณนิษาผลุนผลันออกจากห้องไปในทันที
ภาวิดารู้เรื่อง และได้เห็นภาพจากกล้องจรปิดแล้ว เวลานี้กำลังมองอุณนิษาด้วยอาการตะลึงตะไลช็อกหนักมากกว่าใครๆ
“หนูนิษา ทำไม...”
“ไม่นะคะ นิษาโดนใส่ร้าย”
อุณนิษาไม่ยอมให้จับง่ายๆ รีบวิ่งหนีไปทันที แขไขไม่รอช้า วิ่งตามลูกสาวไปเช่นกัน
ทั่วบ้านพรหมบดินทร์ โดยเฉพาะที่ห้องทำงานภาณุกรค่ำคืนนั้น บรรยากาศมีแต่ความโศกเศร้า ภาวิดาเดินซึมเข้ามาในห้อง หยุดยืนมองรูปภาพน้องชายในห้องด้วยสีหน้าอันเจ็บปวด ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ
“ชายกร พี่ขอโทษ พี่มองคนผิดเอง พี่ไม่อยากเชื่อเลย ลูกผู้ดีอย่างหนูนิษาจะกล้าฆ่าคนได้ลงคอ ทั้งหมดเป็นความผิดของพี่เอง ยกโทษให้พี่ด้วยนะ”
ภาณุทัตเดินตามมา ยืนมองภาวิดาที่กำลังคร่ำครวญพร้อมกับพูดเตือนสติ
“ศัตรูที่แท้จริงของคนเราก็คืออคติ เลยทำให้มองไม่ออก เห็นไม่ชัดว่าใครเป็นมิตรหรือศัตรู ปล่อยวางซะเหอะนะ อย่าให้ความเกลียดชังที่มีต่อแม้นมาศต้องมาทำร้ายชีวิตตารามอีกคนเลย”
“พี่ชายทัต หญิงทำไปทั้งหมดก็เพราะรักลูก หญิงผิดด้วยเหรอคะ”
“รักลูกได้ แต่ชีวิตคู่ของเค้า ก็ควรให้เค้าเลือกเอง พี่ถามหญิงดาตรงๆ เรื่องวุ่นวายทั้งหมดมันเป็นเพราะหนูรส หรือเพราะใครกันแน่ ลองคิดดูดีๆ คิดซะว่าทำเพื่อความสุขของลูกเถอะนะ”
ภาวิดาชะงัก เริ่มคิดได้
ภาพเหตุการณ์นับจากวันที่รสสุคนธ์ย่างกรายเข้ามา ในอาณาเขตพรหมบดินทร์ ผุดขึ้นมาราวสายน้ำไหล
ภาวิดาเอาแต่ตั้งแง่ แสดงความจงเกลียดจงชัง ทุกกระเบียด แถมยังคอยทำร้าย ตบตี พูดจาดูถูกเหยียดหยามสารพัด หรือไม่ก็คอยวางแผนสนับสนุนให้คนรอบตัวเกลียดชังและทำร้ายรสสุคนธ์
ภาวิดาสะอื้นไห้ออกมา
“เป็นหญิงเอง หญิงรู้แล้วค่ะว่าหญิงจะต้องทำยังไง”
ภาวิดาบอกพี่ชาย ด้วยสีหน้ามาดมั่น ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว
อ่านต่อหน้า 4
บาปบรรพกาล ตอนที่ 17 (ต่อ)
ไม่นานต่อมา รามนรินทร์กับรสสุคนธ์พากันเข้ามาในห้องโถงเรือนใหญ่ เห็นภาวิดากับภาณุทัตนั่งรออยู่ สองคนรู้สึกใจคอไม่ดีขยับลงนั่งตัวเกร็งทั้งคู่
ภาวิดาจ้องรสสุคนธ์อย่างพินิจพิเคราะห์ รสสุคนธ์ยิ่งรู้สึกประหม่าก้มหน้างุด
“ที่ฉันเรียกพวกเธอมานี่ ก็เพื่อคุยเรื่องงานแต่งงาน...รามมีอะไรจะพูดกับแม่มั้ย”
รามนรินทร์ตั้งสติ “คุณแม่ครับ ผมรักรสสุคนธ์จริงๆ นะครับ ถึงแม้จะต้องฝืนใจคุณแม่สักกี่ร้อยกี่พันครั้ง ผมก็จะทำ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ได้รักไม่ได้เคารพคุณแม่นะครับ ผมแค่ไม่สามารถโกหกหัวใจผมได้เท่านั้น”
ภาวิดาคิดได้เห็นแก่ลูก “ถ้ารามรักแม่รสจริง แม่ก็จะไม่ห้าม” แต่ไม่วายตั้งแง่กับรสสุคนธ์ “แต่เธอมีหลักประกันอะไรที่จะทำให้ลูกชายฉันมีความสุข”
รสสุคนธ์คลานเข้าไปก้มกราบภาวิดา
“หากมีวันใดที่รสทำให้คุณรามต้องเสียใจ ขอให้คุณหญิงมาเอาชีวิตรสไปได้เลย เพราะทั้งชีวิตและหัวใจรสได้มอบให้กับคุณรามไปจนหมดสิ้นแล้ว จากนี้รสจะขออยู่ปรนนิบัติคุณชาย คุณหญิงและคุณราม ตราบเท่าที่บ้านพรหมบดินทร์จะยังเมตตาผู้หญิงที่ชื่อว่ารสสุคนธ์อยู่”
ภาวิดา ภาณุทัต รามนรินทร์ น้อย และเฟื่องได้ยินที่สาวผู้เห็นผีพูดจากใจ ก็พากันตื้นตัน ภาวิดาแพ้ใจรสสุคนธ์เข้าแล้ว
“ที่ผ่านมา ฉันขอให้เธออโหสิกรรมให้ฉันด้วยนะ อะไรที่เคยล่วงเกินเธอไว้ก็ขออย่าได้ถือโทษโกรธเคืองกันเลย”
“รสไม่เคยโกรธคุณหญิงเลยค่ะ รสเข้าใจดีว่าคุณหญิงทำไปก็เพื่อคุณรามเพื่อบ้านพรหมบดินทร์”
“ขอบใจมากนะแม่รส”
ภาวิดาลูบหัวรสสุคนธ์อย่างอ่อนโยน รามนรินทร์เห็นแม่ดีกับคนรักก็ยิ้มแก้มแทบแตก
“นี่หมายความว่าคุณแม่อนุญาตให้เราแต่งงานกันแล้วใช่มั้ยครับ คุณรส เราจะได้แต่งงานกันแล้ว”
รามนรินทร์ดีใจมากดึงรสสุคนธ์มากอด น้อย กับเฟื่องเห็นก็พากันยิ้มดีใจด้วย ภาวิดากระแอม
“ตาราม ประเจิดประเจ้อ น่าเกลียด ทำอะไรหัดเกรงใจกันบ้าง”
“ก็ผมดีใจนี่ครับ งั้นผมกอดแม่แทนก็ได้”
รามนรินทร์เข้าไปกอดประจบภาวิดา ภาณุทัตยิ้มชื่นใจที่ทุกอย่างคลี่คลายด้วยดี
“เดี๋ยวเรื่องสู่ขอให้เป็นหน้าที่ฉันเอง ส่วนฤกษ์แต่งงานขอเป็นหลังเสร็จงานร้อยวันชายกรนะ”
“ทำไมเร็วจังคะคุณพี่”
“เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี บ้านเราจะได้มีเรื่องมงคลบ้าง เอาตามนี้นะ”
น้อยร้องลั่น “เย้ คุณรสคุณรามได้สมหวังแล้ว ดีใจด้วยนะคะ”
ภาวิดาดุ “ส่วนเธอแม่น้อย มรดกที่ชายกรทำไว้ให้ในพินัยกรรม เธอจะได้ตามสิทธิ์ หลังจากนั้นเธอจะอยู่หรือจะไปจากบ้านนี้ก็ตามใจ”
เฟื่องยกมือไหว้ “ขอบพระคุณค่ะ เป็นบุญของน้อยแล้ว”
น้อยไหว้ตาม “ขอบพระคุณค่ะ น้อยจะอยู่ที่นี่คอยรับใช้คุณหญิงกับคุณชาย ตอบแทนบุญคุณของคุณชายกรค่ะ”
น้อยกับรสสุคนธ์พากันยิ้มดีใจที่ภาวิดาเปลี่ยนเป็นคนจิตใจดี
ส่วนที่เรือนไม้หอม หน้าต่างห้องนอนกระชากเปิดออก แม้นมาศโผล่พรวดขึ้นมาจึงตามองเขม็งไปที่เรือนใหญ่
“อีคุณหญิงภาวิดา กูไม่มีวันอโสหิกรรมให้มึง”
แม้นมาศเคลื่อนตัวผ่านออกไปอย่างไว
ภาวิดาเดินเข้ามาในห้อง เตรียมตัวจะเข้านอน แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อจู่ๆ ลมพัดหน้าต่างกระชากเปิดออกอย่างแรง เมื่อหันไปมองก็แทบช็อกเพราะแม้นมาศยืนถลึงตามองอยู่
“นังแม้นมาศ”
“บาปกรรมที่มึงกับอีจวงทำไว้กับกู มึงจะต้องชดใช้”
“แกพูดเรื่องอะไร แกฆ่าตัวตายเอง ฉันไม่ได้ฆ่าแกซะหน่อย”
“ตอแหล ก่อนตายนังจวงมันสารภาพหมดแล้ว เลือดต้องชดใช้ด้วยเลือด มึงพรากคนรักไปจากกู กูก็จะพรากคนที่มึงรักไปบ้างเหมือนกัน”
แม้นมาศเคลื่อนตัวไปทางหน้าห้องหมายจะออกไปฆ่ารามนรินทร์ ภาวิดาคิดได้รีบวิ่งเข้ามาขวางไว้
“ตาราม อย่านะ อย่าทำอะไรลูกฉันนะ ถ้าแกจะทำก็มาทำกับฉัน” ภาวืดายืดคอหลับตาพร้อมให้แม้นมาศบีบคอ
“งั้นก็ตาย”
แม้นมาศบีบคอภาวิดาแน่น ภาวิดาหายใจไม่ออก น้ำตาไหลพราก
“ราม แม่ขอโทษ...แม่คงอยู่ถึงงานแต่งลูกไม่ได้แล้ว”
ภาวิดากำลังจะขาดใจตาย แต่ประตูห้องนอนภาวิดาเปิดออก แม้นมาศชะงักหันไปเห็นภาณุทัตเดินเข้ามา
“คุณชาย”
แม้นมาศปล่อยมือ ร่างภาวิดาทรุดลงไปกองกับพื้นสลบเหมือด
แม้นมาศไม่สนเคลื่อนเข้าไปหาภาณุทัตที่ยืนนิ่ง เอื้อมมือลูบใบหน้าคนรักด้วยความดีใจ
“ใช่คุณชายจริงๆ ด้วย ในที่สุดเล็กก็เจอคุณชาย คุณชายกลับมาหาเล็กแล้วใช่มั้ย เล็กคิดถึงคุณชายเหลือเกิน”
แม้นมาศซุกหน้าลงบนอกภาณุทัต
ขณะที่ภาณุทัตตกใจ เดินผ่านร่างแม้นมาศไปดูน้องสาว
“หญิงดา หญิงดา เป็นอะไร”
ภาณุทัตรีบพยุงภาวิดาขึ้นไปนอนบนเตียง แม้นมาศหน้าเสีย
“ไม่จริง คุณชาย เล็กอยู่ตรงนี้ คุณชายเห็นเล็กมั้ย ทำไมคุณชายถึงไม่เห็นฉัน...ทำไม...”
แม้นมาศกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ไม่นานต่อมา ภาวิดาอยู่ในห้องพระ กำลังก้มลงกราบพระพุทธช้าๆ
ภาณุทัตคอยดูแล “ดีขึ้นแล้วใช่มั้ย”
“ค่ะ เมื่อกี้น้องเกือบโดนแม้นมาศฆ่าตายแล้ว ดีนะที่พี่ชายทัตมาทัน”
ภาณุทัตตกใจ “ว่าไงนะ แล้วน้องเล็กจะมาฆ่าหญิงดา เรื่องอะไรกัน”
“มันบอกว่าหญิงกับจวงฆ่ามัน”
“แล้วหญิงดาทำจริงหรือเปล่า”
“หญิงสาบานได้ หญิงไม่ได้ทำนะพี่ชายทัต คืนนั้นเราก็เห็นกันหมดว่าแม้นมาศฆ่าตัวตายเอง”
ภาณุทัตนึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 30 ปี ตอนนั้นเขาเดินนำขึ้นมาถึงชั้นบนเรือนไม้หอม และต้องชะงัก อึ้งกับภาพที่เห็นเบื้องหน้า
เห็นแต่ด้านหลังของแม้นมาศในชุดเจ้าสาวปีนขึ้นไปอยู่บนขอบหน้าต่างชั้นบนฝั่งที่ติดกับสระบัว โดยไม่รู้ว่าจริงๆ คือจวงแต่งตัวปลอมเป็นแม้นมาศ ทุกคนเว้นแขไข เลยพากันเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแม้นมาศ
แม้นมาศไม่ฟังเสียงทัดทานของภาณุทัต กระโดดลงจากหน้าต่างชั้นสอง ภาณุทัตตกใจสุดขีดร้องเสียงหลง
นึกขึ้นมาแล้วภาณุทัตถึงกับหน้าเครียด
“พี่เองก็คิดเรื่องนี้มาตลอด แต่ก็หาหลักฐานไม่ได้ ถ้าน้องเล็กถูกฆาตกรรมจริง บางทีคนร้ายอาจเป็น...”
“ใครคะคุณพี่”
ภาณุทัตนิ่งเงียบไม่ยอมพูดชื่อคนที่สงสัยออกมา
อีกฟากที่คฤหาสน์แขไข แหวนไพลินแหวนประจำตระกูลพรหมบดินทร์ ส่องประกายวาวอยู่ในกล่อง แขไขหยิบขึ้นมาลูบไล้อย่างหลงใหล แล้วสวมลงนิ้วนางซ้าย พร้อมกับยิ้มเหี้ยมออกมา
“ประวัติศาสตร์มันมักซ้ำรอย นังรสสุคนธ์แกจะต้องตายเหมือนกับนังแม้นมาศ ย่าของแก”
เสียงโทรศัพท์มือถือดังแขไขหันไปหยิบขึ้นมาดู เป็นเบอร์ไม่คุ้น ชั่งใจอยู่ชั่วขณะหนึ่งจึงกดรับ
“ฮัลโหล”
อุณนิษานั่งอยู่บนเตียงโรงแรมม่านรูด ใช้โทรศัพท์โรงแรมโทรคุยกับแขไข
“คุณแม่ นี่นิษาเองนะคะ”
แขไขดีใจ “นิษา ตอนนี้ลูกอยู่ไหน ลูกไม่เป็นไรใช่มั้ย”
อุณนิษาน้ำตาซึม ดูลุกลี้ลุกลน หวาดวิตกตลอดเวลา
“นิษาแอบอยู่ในโรงแรมม่านรูดค่ะ คุณแม่ช่วยนิษาด้วยนะคะ”
“นิษารอแม่อยู่ที่นั่น แม่จะรีบไปรับ แม่จะไม่ยอมให้ลูกเข้าคุกเด็ดขาด”
“คุณแม่รีบมาเร็วๆ นะคะ นิษากลัว”
“จ้ะ แม่จะไปช่วยลูกเอง รอแม่หน่อยนะ”
แขไขรีบวางสายแล้วขยับจะออกไป แต่ต้องชะงักเบิกตาโต เมื่อเห็นอธิวัฒน์เดินเข้ามา
“ให้ผมช่วยมั้ยครับคุณหญิงน้า”
“ไอ้วัฒน์ นี่แกยังไม่ตายเหรอ”
“เผอิญผมมันเป็นพวกกะโหลกหนาตายยาก ผมจะตายไม่ได้ถ้ายังไม่แก้แค้นพวกมัน ว่าไงครับคุณหญิงน้าจะร่วมมือกับผมหรือเปล่า”
แขไขครุ่นคิดมองอธิวัฒน์อย่างลังเล ว่าจะร่วมมือกับมันดีมั้ย
4 เดือนต่อมา
เย็นวันนี้ เรือนไม้หอมถูกตกแต่งสวยงามมีชีวิตชีวา สมกับเป็นเรือนหอแห่งรัก
รสสุคนธ์อยู่ในชุดแต่งงานสีขาวสะอ้านสวยงามสง่า ยืนมองตัวเองในกระจก แม้นมาศปรากฏตัวในสภาพที่สวยถือกล่องใส่สร้อยชุดไพลินเข้ามาแสดงความยินดีกับหลานสาว
“เจ้าสาวแสนสวย ดีใจด้วยนะแม่รส ในที่สุดเธอก็จะได้เป็นสะใภ้พรหมบดินทร์ หันมาสิ ฉันจะใส่ให้”
แม้นมาศหยิบสร้อยไพลินมาสวมคอให้รสสุคนธ์ แล้วใส่ตุ้มหูให้หลานสาวด้วย รสสุคนธ์ยกมือไหว้
“ขอบคุณค่ะ แต่สร้อยชุดนี้มันเป็นของย่าเล็ก”
“ไม่ ตอนนี้มันเป็นของเธอ เสียดายขาดแหวนประจำตระกูลไป”
“รสสัญญานะคะ รสจะตามหาแหวนเพื่อเอามาปลดปล่อยดวงวิญญาณของย่าเล็กให้ได้”
“ขอบใจจ้ะ วันนี้เป็นวันดีของเธอ ทำหน้ายิ้มแย้มดีกว่านะ”
แม้นมาศยิ้มหวานให้หลาน รสสุคนธ์ยิ้มตาม
ฝ่ายภาณุทัตนั่งดูอัลบั้มรูปคู่ตัวเองกับแม้นมาศอยู่บนเรือนใหญ่ แล้วยิ้มเศร้าออกมา
“น้องเล็ก พี่คิดถึงน้องเหลือเกิน”
ภาณุทัตไม่เห็นแม้นมาศที่ยืนอยู่เบื้องหน้า แม้นมาศมองภาณุทัตด้วยความเจ็บปวด
“เล็กก็คิดถึงคุณชาย เล็กอยู่ตรงนี้ไงคะคุณชาย”
แม้นมาศพยายามจะบอกภาณุทัตแต่ภาณุทัตก็กลับไม่ได้ยินและมองไม่เห็น พูดกับรูปภาพแม้นมาศต่อ
“วันนี้หลานของพวกเรากำลังจะสมหวัง แต่งงานกันแล้ว พี่หวังว่าพวกเค้าจะครองคู่กัน อย่าได้มีอะไรมาพรากพวกเค้าจากกันเหมือนเรา น้องเล็กช่วยคุ้มครองพวกเค้าด้วยนะ”
ภาณุทัตดึงรูปแม้นมาศขึ้นมาแนบหัวใจ น้ำตาค่อยๆไหลรินออกมาด้วยความคิดถึง
“คุณชาย เล็กจะไม่ไปไหน เล็กจะอยู่ที่นี่กับคุณชายตลอดไป”
แม้นมาศร้องไห้เข้าไปกอดภาณุทัตแล้วซบหน้าลงไปบนตักภาณุทัต (ที่ไม่รับรู้) ทั้งคู่ต่างร้องไห้สะอื้นเจ็บปวด
การ์ดเชิญงานแต่งงานระหว่างรามนรินทร์กับรสสุคนธ์อยู่ในมืออุณนิษา สามคนกบดานอยู่ในโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง อุณนิษากรี๊ดลั่นพร้อมกับฉีกการ์ดทิ้ง อธิวัฒน์นั่งมองอย่างรำคาญ
“เอ้าๆ หุบปากซะทีได้มั้ย เดี๋ยวตำรวจก็แห่มาหรอก”
“นิษาเกลียดมัน เพราะมันคนเดียวนิษาถึงต้องหนีตำรวจหัวซุกหัวซุนอยู่แบบนี้ นิษาจะไม่มีวันให้อภัยมันเด็ดขาด”
“รู้ว่าโกรธ แต่ตอนนี้เก็บแรงก่อนเหอะ คืนนี้เธอได้แก้แค้นสมใจแน่”
“แล้วพี่วัฒน์แน่ใจนะว่ามีวิธีพาฉันเข้างาน”
อธิวัฒน์ยังไม่ทันได้ตอบ จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น อุณนิษาสะดุ้งเฮือกตกใจกลัว
“ตำรวจหรือเปล่า”
อธิวัฒน์กระโจนไปส่องตาแมวดู เห็นแขไขยืนหันรีหันขวางอยู่หน้าห้องจึงรีบเปิดประตูให้
“คนที่จะพานิษาเข้างานมาแล้ว”
“คุณแม่”
แขไขรีบผลุบเข้าห้องตรงเข้าไปกอดอุณนิษาด้วยความเป็นห่วง
สองคนแม่ลูกลงนั่งคุยกันในห้องพักโรงแรมม่านรูด แขไขถอดแหวนไพลินจากนิ้วนาง อุณนิษามองฉงน
“แหวนใครคะ นิษาไม่เคยเห็น”
“แหวนไพลิน แหวนหมั้นประจำตระกูลพรหมบดินทร์”
“แล้วทำไมแหวนถึงมาอยู่กับคุณแม่ล่ะ หรือว่าคุณแม่เป็น...”
“ใช่ แม่ก็เป็นอย่างนิษานั่นล่ะ ถ้าไม่มีนังแม้นมาศแหวนนี้ควรเป็นของแม่ ถึงเวลาแล้วที่ลูกจะต้องไปทวงคนที่ควรจะเป็นของลูกกลับคืนมา”
แขไขสวมแหวนไพลินให้ลูกสาว อุณนิษามองแหวนที่ประดับอยู่บนนิ้วนางซ้ายแล้วยิ้มพอใจ
“นิษา จะไปฆ่านังรสสุคนธ์ให้ตายตามย่าของมันเองค่ะ”
“สมแล้วที่เป็นลูกสาวแม่”
อธิวัฒน์แอบฟังอยู่ตั้งแต่ต้นที่หน้าห้อง พร้อมกับยิ้มชั่วออกมา
ในขณะที่สองแม่ลูกยิ้มเหี้ยมดูอำมหิตผิดมนุษย์มนาให้กัน อย่างย่ามใจ
อ่านต่อตอนที่ 18 อวสาน