บาปบรรพกาล ตอนที่ 16
ที่ห้องโถงบ้านไร่เทพธราธร แขไขหันขวับมาจ้องหน้าอธิวัฒน์กับจีรนันท์ ตาเขียว ด่ากราดด้วยความโมโห
“เพราะความโง่ของพวกแก ฉันเลยถูกตำรวจเพ่งเล็ง”
จีรนันท์ถามขึ้นด้วยความสงสัย “แล้วคุณหญิงป้าโกงเค้ามาจริงหรือเปล่าคะ”
อุณนิษาหันไปถลึงตาใส่จีรนันท์อย่างไม่พอใจ
“จีจี้ เธอจะรู้ไปทำไม ตอนนี้เรามาช่วยคิดหาทางออกกันดีกว่า พี่วัฒน์คิดอะไรได้บ้างมั้ย”
“โอ๊ย พี่จะมีปัญญาช่วยอะไรได้”
อธิวัฒน์หันไปมองแขไข แล้วพูดกวนๆ ใส่เพราะยังโกรธเรื่องที่แขไขทำให้ตนถูกพ่อตบอยู่
“ในเมื่อคุณหญิงน้าเป็นคนผูกคุณหญิงน้าก็ต้องแก้เอง จริงมั้ยครับ งานนี้ผมขอบายล่ะ ไปจีจี้”
อธิวัฒน์ดึงจีรนันท์ลุกขึ้น ขยับตัวจะชิ่งหนี แขไขตวาดเรียกไว้
“แกหยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ ถ้าแกไม่อยากให้พ่อแกติดคุกตอนแก่ แกก็ต้องอยู่ช่วยฉัน”
อธิวัฒน์ชะงัก หันกลับมามองแขไขด้วยความแปลกใจ
“พ่อผมเกี่ยวอะไรด้วย”
“เกี่ยวสิ เกี่ยวมากด้วย พ่อแกเป็นคนฆ่าพ่อแม่นังรสสุคนธ์!”
แขไขยิ้มอย่างเหนือกว่า อธิวัฒน์อึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนหันไปถามจักรที่นั่งเงียบอยู่นาน
“จริงเหรอพ่อ”
จักรพยักหน้ายอมรับอย่างไม่อินังขังขอบหรือสะทกสะท้าน
“ที่แกได้อยู่สุขสบายทุกวันนี้แกคิดว่าเพราะอะไร เลิกโวยวายแล้วมาช่วยกันแก้ปัญหาได้แล้ว”
ฝ่ายรามนรินทร์ และรสสุคนธ์เดินออกมาส่งวิชิตที่หน้าบ้าน
“แล้วแบบนี้คุณรสจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับพ่อแม่ได้หรือเปล่า” รามนรินทร์พูดเป็นเชิงหารือ
“ได้สิครับ คดีฆาตกรรมเป็นคดีอาญา นี่ก็พึ่งสิบปีเองยังไม่หมดอายุความครับ ถ้าคุณรสอยากจะสู้คดี ผมยินดีช่วยเต็มที่ครับ”
“ขอบคุณค่ะ แต่ถ้าพยานคนนั้นไม่ยอมให้การ รสจะทำอะไรได้ล่ะคะ” รสสุคนธ์ใจแป้ว
“อย่าพึ่งถอดใจสิครับ วันเวลาเปลี่ยน บางทีเค้าอาจเปลี่ยนใจก็ได้ ตอนนี้พยานคนนั้นยังอยู่ใช่มั้ยครับ”
“อยู่ครับ บ้านนายหมายอยู่หมู่บ้านถัดไปนี่เอง”
“งั้นผู้กองพาผมไปพบเค้าหน่อยสิครับ ผมจะลองขอร้องให้เค้ามาช่วยเป็นพยานดู”
“ได้ครับ”
วิชิตเดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์หยิบหมวกกันน็อคมาสวม แล้วหยิบหมวกอีกใบส่งให้รามนรินทร์ใส่
“ฉันไปด้วยสิคะ”
“คุณอยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวผมโทร.หานะ”
รามนรินทร์ใส่หมวกกันน็อคเสร็จ ก็ขึ้นซ้อนท้าย วิชิตขับมอเตอร์ไซค์ออกไป
ด้านแขไขกับอุณนิษาพากันขนกระเป๋าเสื้อผ้าใส่รถ อธิวัฒน์เห็นก็รีบเข้ามาดึงกระเป๋าไว้
“คุณหญิงน้าจะไปไหนครับ”
“ฉันก็จะกลับกรุงเทพน่ะสิ”
“อ้าว คุณหญิงน้าจะหนีเอาตัวรอดไปดื้อๆ แบบนี้ไม่ได้นะครับ”
“ทำไมจะไม่ได้ เรื่องนี้ฉันกับลูกนิษาไม่เกี่ยว บุญคุณข้าวแดงแกงร้อนที่ฉันเลี้ยงแกมา ถึงเวลาที่แกต้องทดแทนแล้ว”
อุณนิษา “หวังว่าพี่วัฒน์คงไม่ทำให้นิษากับคุณแม่เดือดร้อนนะคะ ไปกันเถอะค่ะคุณแม่”
แขไขกับอุณนิษาพากันขึ้นรถขับออกไปเลย
อธิวัฒน์เจ็บใจได้แต่ยืนเงียบพูดอะไรไม่ออก
“เดี๋ยวๆ นิษา รอฉันด้วย”
จีรนันท์หิ้วกระเป๋าวิ่งทะเล่อทะล่าตามไปที่รถ แต่ถูกอธิวัฒน์ดึงแขนไว้
“เดี๋ยว จะไปไหน”
“จีจี้ไม่อยากติดคุก ปล่อยจีจี้ไปเหอะนะ”
“เธอเป็นเมียฉัน จะเป็นจะตายเธอก็ต้องอยู่กับฉัน”
อุณนิษาลดกระจกลงมา แล้วลอยหน้าลอยตาพูดกระแนะกระแหนเพื่อนสาว
“โชคดีนะจีจี้ บาย”
จีรนันท์หน้าซีดอยากกลับไปด้วย แต่อธิวัฒน์ไม่ยอมลากกลับเข้าบ้าน
“เข้าบ้าน เรามีเรื่องต้องคุยกันยาว”
“ไม่ ปล่อยจีจี้นะ นิษา รอฉันด้วย”
อุณนิษาขับรถออกไปโดยไว
มือใครบางคนมาเคาะประตูบ้านนายหมาย มือนั้นทุบประตูหนักขึ้น หมายรีบวิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“มาแล้วๆ”
หมายเปิดประตู ถึงกับชะงักเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้านนั่นก็คือจักร
“แกมีธุระอะไร”
“เรื่องคดีเมื่อสิบปีก่อน แกปากโป้งบอกอะไรไอ้ผู้กองวิชิตหรือเปล่า”
“เปล่า ฉันสัญญาแล้วไง ฉันไม่พูดหรอกน่า”
“งั้นก็แล้วไป”
“แค่นี้ใช่มั้ย ฉันจะได้ไปทำกับข้าวต่อ”
หมายหันหลังกลับเดินเข้าครัวไป จักรควักเชือกที่เตรียมมาใช้ปลายเชือกพันมือทั้งสองข้าง ย่องตามหลังหมายไป แล้วใช้เชือกรัดคอสุดแรง หมายดิ้นพล่าน จักรยิ้มเหี้ยมเกร็งมือไม่ยอมปล่อย
หมายตาเหลือกพยายามดิ้นสู้ แต่สุดท้ายแล้วค่อยๆ สิ้นลมขาดใจตายไปในที่สุด
“คนที่เก็บความลับได้ดีที่สุด ก็คือคนตายแล้ว”
รถมอเตอร์ไซค์วิชิตแล่นเข้ามาใกล้ถึงทางโค้งอันตราย จุดที่เกิดอุบัติเหตุกับพ่อแม่รสสุคนธ์ รามนรินทร์มองสองข้างทางเห็นชายหญิงสองคน โดยไม่รู้ว่าเป็นวิญญาณมิ่งเมือง กับ รัตนา ยืนอยู่ข้างๆ รถกระบะที่จอดเสียอยู่ข้างทาง รามนรินทร์หันไปมองใบหน้าทั้งคู่ซีดขาวดูอิดโรยมาก
วิชิตขับมอเตอร์ไซค์ผ่านไปโดยไม่ได้เห็นอะไรเลย มิ่งเมืองกับรัตนาส่งสายตามองตามรามนรินทร์ตาละห้อย รามนรินทร์หันไปมองด้วยความเป็นห่วง
“เดี๋ยวผมไปทำธุระเสร็จแล้วจะมาช่วยนะครับ”
วิชิตชะงักเหลือบมองกระจกหลังเห็นรามนรินทร์หันไปพูดคนเดียวก็แปลกใจ และพยายามมองดูข้างทางแต่ก็ไม่เห็นมีใครอยู่
รถมอเตอร์ไซค์ของวิชิตแล่นออกไป มิ่งเมืองกับรัตนาปรากฏตัวขึ้นยิ้มเยือกเย็นตามไป
ฟากจีรนันท์สวมแว่นตาดำอันโต แต่ยังเห็นว่าสภาพใบหน้าบอบช้ำเหมือนโดนซ้อม วิ่งหน้าตื่นลงรถตรงมาหารสสุคนธ์ถึงในบ้าน
“รสสุคนธ์ๆ ช่วยฉันด้วย”
รสสุคนธ์เห็นสภาพคู่ปรับเก่าก็ตกใจ จีรนันท์ถอดแว่นให้เห็นรอยช้ำที่หางตา
“คุณจีจี้คุณไปโดนอะไรมา”
จีรนันท์สะอื้นไห้ราวกับคับแค้นใจสุดขีด “ฉัน...ฉันถูกพี่วัฒน์ซ้อม เธอต้องช่วยฉันนะ ฉันยังไม่อยากตาย”
“ทำไมคุณวัฒน์ทำร้ายคุณล่ะ”
“ฉันไปรู้ความลับของครอบครัวเค้าเข้าน่ะสิ” จีรนันท์ทำเป็นอึกอักไม่กล้าพูด แต่สุดท้ายก็พูด “ความลับการตายของพ่อแม่เธอ”
“คุณรู้เหรอคะว่าใครฆ่าพ่อแม่ฉัน”
รสสุคนธ์หูผึ่ง ตื่นเต้นสุดๆ จีรนันท์พยักหน้าหงึกๆ
“ฉันจะบอกเธอก็ได้ แต่เธอต้องสัญญาว่าจะช่วยฉันก่อน”
“ได้สิ เธอจะให้ฉันช่วยอะไรบอกมาได้เลย”
รสสุคนธ์รับปาก จีรนันท์ลอบยิ้มมุมปากที่รสสุคนธ์โง่หลงกลง่ายๆ
จัดการศพหมายเรียบร้อย จักรกำลังจะหลบออกจากบ้าน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นมอเตอร์ไซค์ของวิชิตแล่นเข้ามา จักรรีบกลับเข้าบ้านปิดประตูแล้วล็อกกลอนทันที
“บ้าเอ๊ย ไอ้พวกสาระแนมันมากันจนได้”
จักรหันรีหันขวางรีบวิ่งไปหลบทางด้านหลังบ้าน
รามนรินทร์กับวิชิตเคาะประตูบ้านหมายอยู่นานก็ไม่มีใครตอบ
“นายหมาย...นายหมาย”
รามนรินทร์มองประเมิน “บ้านล็อก สงสัยคงไม่อยู่มั้งครับ”
วิชิตหันไปมองรอบๆ เห็นรถมอเตอร์ไซค์ของหมายจอดอยู่ข้างบ้าน
“รถก็ยังอยู่ เดี๋ยวผมจะลองโทรหาดู”
วิชิตกดมือถือโทร.หา เสียงโทรศัพท์มือถือของหมายดังออกมาจากในบ้าน
เสียงโทรศัพท์เรียกให้จักรซึ่งหลบอยู่หลังบ้านถึงกับสะดุ้งตกใจหน้าซีด
“ซวยละ เอาไงดี”
รามนรินทร์กับวิชิตมองหน้ากัน รับรู้กันได้ว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ
“เสียงดังมาจากในบ้าน”
“ผมว่าพังเข้าไปเลยดีกว่า”
วิชิตชักปืนออกมาถือถีบเต็มแรงจนประตูบ้านเปิดออก สองหนุ่มก้าวเข้าไปในบ้านอย่างระแวดระวัง
จักรฉวยโอกาสปีนขึ้นหน้าต่างหาทางหนี ตัดสินใจกระโดดลงไป เท้าดันกระแทกเข้ากับแผ่นไม้ตะปูเต็มตีน
“อ๊าก...”
รามนรินทร์กับวิชิตชะงัก วิชิตทำมือบอกรามนรินทร์ว่าเสียงมาจากทางในห้อง วิชิตกำชับปืนแล้วพุ่งเข้าไปในห้อง แต่ห้องว่างเปล่า วิชิตโผล่หน้าออกไปมองทางหน้าต่าง จักรเขย่งเท้าเข้าไปหลบใต้ถุนบ้านแล้วดึงแผ่นไม้ออกอย่างยากลำบาก
รามนรินทร์ขยับเดินไปอีกห้องก็ต้องชะงักกึก เมื่อพบกับหมายเหมือนว่าผูกคอตายห้อยโตงเตงกับขื่อบ้าน
“ผู้กอง ทางนี้ครับ”
วิชิตรีบตามเข้ามาดูก็ตกใจ
“นายหมาย”
จังหวะนี้จักรวิ่งกระเผลกๆ หนีไป ทิ้งรอยเลือดหยดเป็นทางไว้ให้ดูต่างหน้า
อ่านต่อหน้า 2
บาปบรรพกาล ตอนที่ 16 (ต่อ)
เวลาเดียวกัน รสสุคนธ์นั่งรถมากับจีรนันท์ที่ขับรถแล่นมาด้วยความเร็ว รถจีรนันท์แล่นมาถึงเนินทางโค้งอันตราย รสสุคนธ์หันไปมองข้างทางเห็นมิ่งเมืองกับรัตนายืนอยู่ตรงหัวโค้งพอดี
สาวเห็นผีมองจ้องมองด้วยความคุ้นตา จู่ๆ ผีมิ่งเมืองก็โผล่พรวดขึ้นมาเกาะแนบหน้ากับกระจกรถฝั่งรสสุคนธ์ ร้องบอก
“อย่าไป”
รัตนาโผล่พรวดตามมาบอกว่า “กลับบ้าน”
ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ในสภาพเละเน่าเฟะจนดูไม่ออกว่าเป็นใคร รสสุคนธ์ตกใจสุดขีด ยกมือปิดหน้าหลบด้วยความกลัว
“อ๊าย”
“รสสุคนธ์ เป็นอะไร” จีรนันท์งง
รสสุคนธ์ลืมตาหันมามองอีกที ก็ไม่มีใครแล้ว
“ฉันเห็น อ้าว ไปไหนแล้ว”
“ไม่เห็นมีอะไรเลย ตาฝาดหรือเปล่า”
รสสุคนธ์หวั่นใจ รู้สึกไม่ดี “ฉันว่าฉันกลับดีกว่า”
“ไม่ได้นะ เธอไม่อยากรู้หรือไงว่าใครฆ่าพ่อแม่เธอ”
“แต่ฉันว่ามันเสี่ยงไป เราน่าจะแจ้งตำรวจ”
“ไม่ได้ ทำอย่างนั้นมันก็ไม่สะใจฉันน่ะสิ ฉันจะต้องเอาคืนที่มันซ้อมฉัน ส่วนเธอก็จะได้รู้ว่าใครฆ่าพ่อแม่ แถมยังได้โฉนดที่ดินคืนอีก ไม่มีอะไรจะคุ้มเท่านี้แล้วนะ”
รสสุคนธ์ใจอ่อนคล้อยตาม แม้จะยังหวั่นใจอยู่นิดๆ
รถจีรนันท์แล่นห่างออกไป มิ่งเมืองกับรัตนามองตามลูกสาวด้วยความเป็นห่วง ทำอะไรไม่ได้
ฝ่ายรามนรินทร์กับวิชิตเดินหน้าเครียดออกมาสำรวจดูรอบๆ บ้าน
“ไม่อยากเชื่อเลย พยานคนเดียวของเราจะชิงฆ่าตัวตายไปก่อน” รามนรินทร์เสียดายโอกาสสำคัญ
“นั่นสิครับ ผมว่ามันดูประจวบเหมาะเกินไป”
รามนรินทร์นึกได้ “หรือว่าจะเป็นฆาตกรรมอำพราง”
“มันก็อาจเป็นไปได้ รอผลชันสูตรศพออกมาก่อนเดี๋ยวเราก็รู้ผล”
รามนรินทร์เหลือบไปเห็นแผ่นไม้มีคราบเลือดติดอยู่บนตะปู ใกล้ๆ ยังมีรอยเลือดหยดเป็นทาง
“ดูนี่สิครับ มีรอยเลือดอยู่ด้วย”
วิชิตล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาหยิบแผ่นไม้ขึ้นมาดู
“เลือดยังสดอยู่ แสดงว่าพึ่งเกิด คนร้ายอาจยังไปได้ไม่นาน”
“น่าเสียดายนะครับ ถ้าเรามาเร็วกว่านี้ นายหมายก็คงไม่ตาย”
“ทิ้งเลือดไว้เป็นหลักฐานมัดตัวแบบนี้ มันหนีไปไหนไม่รอดหรอกครับ ผมจะต้องลากคอมันออกมารับโทษให้ได้”
วิชิตพูดอย่างหนักแน่นแน่วแน่
ฝ่ายรสสุคนธ์กับจีรนันท์แอบย่องเข้ามาในบ้านไร่เทพธราธร จีรนันท์หิ้วถุงกับข้าวมาด้วย รสสุคนธ์เห็นอธิวัฒน์นั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขกทั้งคู่ก็รีบหลบฉาก
“เดี๋ยวเธอขึ้นไปเอาโฉนดที่ดินนะ ฉันจะล่อพี่วัฒน์ให้เอง” จีรนันท์บอก
“แล้วเธอจะไหวเหรอ”
“ฉันเอาอยู่น่า ว่าแต่เธอเถอะเตรียมเงินมาให้ฉันไว้หนีหรือเปล่า”
“นี่บัตรเอทีเอ็มฉันกับรหัส ในนี้มีเงินอยู่แสนหนึ่งเธอกดไปได้เลย”
“ได้ ขอบใจนะ”
“ฉันสิต้องขอบใจเธอ”
รสสุคนธ์ส่งบัตรเอทีเอ็มพร้อมกระดาษจดรหัสให้จีรนันท์
“นั่นใคร” เสียงอธิวัฒน์ดังขึ้น
จีรนันท์ตกใจ “หลบเร็ว”
รสสุคนธ์รีบซุกตัวหลบหลังเคาน์เตอร์
อธิวัฒน์เดินออกมาเห็นจีรนันท์ยืนอยู่ก็ไม่พอใจ
“เมื่อกี้ออกไปไหนมา”
“จีจี้ออกไปซื้อกับข้าวมาให้พี่วัฒน์กินไงจ๊ะ นี่ไงมีแต่ของน่ากินทั้งนั้นเลย ไปกินข้าวกันเถอะนะ”
จีรนันท์ดึงอธิวัฒน์ออกไป รีบโบกมือไล่รสสุคนธ์ให้รีบไป รสสุคนธ์พยักหน้ารับแล้วรีบวิ่งขึ้นบันไดบ้านไป
รสสุคนธ์รื้อหาโฉนดที่ดินตามตู้ ตามลิ้นชักโต๊ะในห้องนอนอธิวัฒน์แต่ก็ไม่เจอ
“ไหนว่าอยู่ในห้องนี้ไง”
เสียงอธิวัฒน์ดังขึ้น “ของมันไม่อยู่แล้วจะเจอได้ไงล่ะ”
“คุณวัฒน์”
รสสุคนธ์ต้องตกใจสุดขีดเมื่อหันไปเห็นอธิวัฒน์เดินควงจีรนันท์เข้ามา ที่สำคัญใบหน้าจีรนันท์ใสปิ๊งไม่มีรอยฟกช้ำใดๆ “คุณจีจี้นี่หมายความว่าไง”
รสสุคนธ์ฉลาดขึ้นมาทันที
“ก็หมายความแกถูกฉันหลอกน่ะสิ อีโง่ แค่ฉันเมคอัพนิดหน่อยแกก็หลงเชื่อแล้ว โธ่ ใสซื่อจริงจริ๊ง”
อธิวัฒน์ยิ้มเยาะ “เป็นไงแผนพี่เจ๋งป่ะ ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งคน สบายๆ”
“ฉันไม่เชื่อเลยว่าคุณจะเอาความเป็นความตายมาล้อกันเล่นได้” รสสุคนธ์คุมแค้น
“นี่มันยังน้อยไป ฉันยังทำอะไรได้มากกว่านี้”
อธิวัฒน์ปิดประตูลงกลอน รสสุคนธ์หน้าซีดรู้ชะตาตัวเอง หันไปมองหาลู่ทางหนี จนเห็นประตูห้องน้ำจึงขยับจะวิ่งไป แต่จีรนันท์วิ่งเข้ามาขวางไว้ ยกที่ช็อตไฟฟ้ามาขู่
“ยอมซะเถอะนังรสสุคนธ์ จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว”
รสสุคนธ์จะหนีต่อ แต่ถูกอธิวัฒน์เข้ามาทางด้านหลังรวบตัวไว้
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
รสสุคนธ์ดิ้นรน แหกร้องตะโกนลั่น อธิวัฒน์เอามือปิดปากแต่ถูกกัดมือ
“อ๊าก... อีนี่”
อธิวัฒน์โมโหสุดขีดตบสุดแรงจนรสสุคนธ์กระเด็นไปบนที่นอน จีรนันท์เข้าไปใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าจี้ซ้ำ รสสุคนธ์สลบคาที่ สองคนมองร่างไร้สติของรสสุคนธ์แล้วยิ้มอำมหิตออกมาอย่างสะใจ
เย็นใกล้ค่ำ รามนรินทร์กลับเข้ามาเห็นแม้นศรีกับกระปุกรอกินข้าวอยู่
“คุณรามมาแล้วจ้าย่า”
“มาค่ะ มากินข้าวกัน กระปุกตักข้าวเร็ว”
รามนรินทร์ลงนั่ง ถามหารสสุคนธ์
“แล้วคุณรสล่ะครับ ไม่ออกมากินด้วยกันเหรอ”
“อ้าว ยัยรสไม่ได้ไปกับคุณเหรอ”
“เปล่านะครับ คุณรสรออยู่ที่บ้าน”
“เอ๋ ไม่มีนะจ๊ะ กระปุกดูจนทั่วแล้ว ไม่เห็นพี่รสเลย”
แม้นศรีใจหายวับ “ตายละ แล้วยัยรสไปไหน”
“เดี๋ยวผมจะลองโทร.เข้าเครื่องคุณรสดู”
รามนรินทร์รีบกดโทร.หารสสุคนธ์ทันที
รสสุคนธ์ถูกมัดมือมัดเท้านอนสลบอยู่ริมบึงหลังบ้าน มีหลุมถูกขุดไว้ ใกล้ๆ มีถุงปุ๋ยใบใหญ่ขนาดยัดคนลงไปได้ทั้งตัววางอยู่
ชายโฉดกะหญิงชั่วกำลังช่วยกันจับรสสุคนธ์ยัดลงไปในถุงปุ๋ย แต่เสียงโทรศัพท์มือถือดังขัดขึ้นก่อน สองผัวเมียชะงัก จีรนันท์ล้วงหยิบมือถือจากกระเป๋ากางเกงรสสุคนธ์
“คุณรามโทร.มา ทำไงดี”
อธิวัฒน์ดึงโทรศัพท์มือถือมาก็กดปิดเครื่องทันที
“สงสัยพวกมันคงรู้แล้วว่านังรสสุคนธ์หายตัวไป”
“งั้นจะรออะไรล่ะ รีบจับมันยัดใส่ถุงฝั่งทั้งเป็นเลยสิ”
“อย่าพึ่งใจร้อน ก่อนมันตาย มันก็ต้องทำประโยชน์ให้เราก่อนสิ”
“พี่จะทำอะไร”
“พี่จะให้มันเซ็นยกที่ดินของพ่อแม่มันให้พี่”
“แล้วคุณหญิงป้าแขไขจะยอมเหรอ”
“ไม่ยอมก็ต้องยอม พี่ไม่ยอมให้คุณหญิงน้าชุบมือเปิบได้อีกแล้ว”
อธิวัฒน์มองรสสุคนธ์ที่ยังคงนอนไม่ได้สติอยู่แล้วยิ้มชั่วออกมา
รามนรินทร์พยายามโทร.แต่สายก็โดนตัดเพราะปิดเครื่อง
“ปิดเครื่องไปแล้วครับ”
“หรือว่าพี่รสจะเกิดเรื่อง” กระปุกว่า
“โธ่...ยัยรส..หลานย่า”
แม้นศรีใจแป้วจะเป็นลม กระปุกรีบเข้าไปประคอง
“ย่า...ย่า...ทำใจดีๆ ไว้”
แม้นศรีน้ำตาร่วง ยกมือขึ้นไหว้ภาวนาขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์
“คุณพระคุณเจ้า ฉันสูญเสียมามากพอแล้ว...ขออย่าให้เกิดเรื่องร้ายอะไรอีกเลย ฉันไหว้ละ ช่วยคุ้มครองยัยรสด้วยเถอะ”
รามนรินทร์เห็นก็สงสารจับใจ
“ไม่ต้องห่วงนะครับคุณย่า ผมสัญญา ผมจะพาคุณรสกลับมาหาคุณย่าให้ได้”
รามนรินทร์จับมือแม้นศรีแน่น แม้นศรีสะอื้นไห้
บริเวณโค้งอันตราย วิญญาณของมิ่งเมืองกับรัตนาปรากฏขึ้นที่ข้างทาง รับรู้อันตรายที่เกิดขึ้นกับลูกสาว
“รสสุคนธ์ลูกรักของแม่”
“พ่อกับแม่กำลังจะไปช่วยลูกแล้ว”
มิ่งเมืองกับรัตนาพากันวิ่งออกจากทางโค้ง แต่แล้ววิญญาณของทั้งคู่ก็เหมือนถูกกระชากกลับมาอยู่ที่เดิม ไม่ว่าจะพยายามอีกกี่ครั้งก็เป็นดังเดิม
“ทำไมเป็นแบบนี้”
“พ่อจะช่วยลูกยังไงดี”
ผีสองผัวเมียกอดกันร้องไห้ด้วยความสงสารลูก
อ่านต่อหน้า 3
บาปบรรพกาล ตอนที่ 16 (ต่อ)
รามนรินทร์เดินเข้ามานั่งหน้าเครียดร้อนรนใจบนเตียงในห้อง เป็นห่วงรสสุคนธ์เอามากๆ
“คุณรส คุณไปอยู่ที่ไหนนะ”
รามนรินทร์ชะงักเมื่อเห็นกระดาษโน้ตวางอยู่บนหมอน รีบหยิบขึ้นมาอ่านทันที
“ฉันไปบ้านพ่อคุณนิษานะคะ แล้วจะรีบกลับ”
รามนรินทร์เด้งตัวลุกขึ้น รีบออกไปเป็นพายุ จนเกือบชนกับกระปุกที่ถือผ้าเช็ดตัวกับชุดมาให้
“อ้าว คุณรามจะไปไหนคะ รู้แล้วเหรอคะว่าพี่รสอยู่ไหน”
“คุณรสอยู่ที่บ้านไร่เทพธราธร”
กระปุกซักไซ้เล้าหรือ “เอ๋ แล้วพี่รสไปทำอะไรที่นั่นคะ”
รามนรินทร์ไม่ตอบวิ่งลงบันไดไปขึ้นรถ แล้วขับรถออกไปโดยเร็ว
“ย่าศรีจ๋าๆ รู้ แล้วว่าพี่รสไปไหน”
กระปุกร้องเอ็ดตะโร วิ่งลงไปหาแม้นศรี
ที่หลังบ้านไร่เทพธราธรตอนนี้ รสสุคนธ์กำลังตกที่นั่งลำบาก อธิวัฒน์ยัดปากกาใส่มือแล้วเอาหนังสือมอบอำนาจให้เธอเซ็น
“เซ็นซะ”
“ไม่ ฉันไม่ยอมมอบที่ดินของพ่อแม่ฉันให้พวกคุณเด็ดขาด”
“อยากเจ็บตัวอีกใช่มั้ย ได้”
จีรนันท์ตบจนหน้าหัน รสสุคนธ์เหลียวขวับมามองจีรนันท์อย่างแค้นใจ
“เอาเลย จะฆ่าจะแกงฉันก็เชิญเลย”
“ไม่ต้องท้า เธอได้สิทธิ์นั้นแน่ แต่ก่อนจะตาย เธอต้องได้เห็นคนที่รักตายก่อน จีจี้ ไปพาย่านังรสสุคนธ์มาทีสิ”
“ได้จ้า”
จีรนันท์แกล้งทำเป็นขยับตัวจะออกไป รสสุคนธ์ตกใจหลงเชื่อคนชั่วง๊ายง่าย อีกครั้ง
“เดี๋ยว อย่าทำอะไรย่าฉันนะ”
“ถ้ายังอยากให้ย่าแก่ตายตามวัยก็รีบเซ็นซะ ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
จีรนันท์สบช่องขู่ซ้ำ พร้อมกับกดเครื่องช็อตไฟฟ้าเข้าไปขู่ใกล้หน้า จนรสสุคนธ์สะดุ้ง
“ก็ได้ ฉันเซ็นแล้ว”
ชายโฉดหญิงชั่วหันมายิ้มให้กันที่ทุกอย่างตรงตามแผน อธิวัฒน์ยัดปากกาใส่มือ แล้วเอาหนังสือมอบอำนาจที่ดินให้รสสุคนธ์เซ็นอีกครั้ง
สาวแสนดีมองหนังสือมอบอำนาจน้ำตาร่วง ค่อยๆ เซ็นชื่อตัวเองอย่างช้าๆ ด้วยความเจ็บปวดใจ
รถรามนรินทร์แล่นมาบนถนนเร็วราวกับจะบิน รถแล่นเข้ามาใกล้กับเนินโค้งอันตราย รามนรินทร์เหลือบไปเห็นมิ่งเมืองกับรัตนายืนอยู่ที่เดิมจึงชะลอรถสมกับเป็นพระเอก
“สองคนนั้นนี่”
สองวิญญาณเห็นรามนรินทร์จอดรถลงมาหาก็ดีใจ
“รถเสียเหรอครับ”
“ครับ ผมกับเมียขอติดรถไปด้วยได้มั้ยครับ” มิ่งเมืองบอก
“เออ...คือว่า...พอดีผมรีบไปทำธุระ เดี๋ยวผมโทร.ตามช่างมาซ่อมให้นะครับ”
“อย่าเลยค่ะ พอดีพวกน้าก็รีบไปทำธุระเหมือนกัน ขอติดรถคุณลงกลางทางก็ได้ค่ะ”
“แล้วพวกคุณจะไปไหนเหรอครับ”
ผีสองผัวเมียบอกพร้อมกันว่า “บ้านคุณชายอัศวิน”
“ผมกำลังจะไปบ้านนั้นพอดี งั้นขึ้นมาเลยครับ”
รามนรินทร์สงสัยแต่ก็รีบขยับขึ้นรถ แต่พอขึ้นมานั่งได้ก็ชะงัก เมื่อพบว่ามิ่งเมืองกับรัตนาขึ้นรถเรียบร้อยก่อนตนแล้ว
“ขึ้นมาเร็วจังเลยนะครับ”
มิ่งเมืองกับรัตนายิ้มนิดๆ ให้ มิ่งเมืองเร่งรามนรินทร์ด้วยความร้อนใจ
“เร็วสิครับ เดี๋ยวไม่ทันการ”
รามนรินทร์ขับรถแล่นออกไป โดยหารู้ไม่ว่าได้รับ ผีว่าที่พ่อตาแม่ยายขึ้นรถมาด้วย
ทางด้านอธิวัฒน์มองหนังสือมอบอำนาจที่ดินในมือ แล้วพับเก็บใส่กระเป๋า
“ขอบใจนะ เดี๋ยวฉันจะช่วยให้เธอไปสบายเร็วๆ จีจี้เปิดถุง”
จีรนันท์เปิดปากถุงออก อธิวัฒน์อุ้มตัวรสสุคนธ์ขึ้นแล้วยัดใส่ในถุงปุ๋ย สาวเห็นผีตาเหลือกตกใจกลัว พยายามขืนตัวสุดกำลัง
“อย่าทำฉันเลย พวกคุณก็ได้ของที่ต้องการแล้ว ปล่อยฉันไปเถอะ”
“ปล่อยให้โง่น่ะสิ คืนนี้แกต้องเป็นผีเฝ้าบึงเหมือนกับย่าของแก”
“ลงไป...จีจี้รูดซิปเร็ว”
อธิวัฒน์ยัดตัวรสสุคนธ์ลงแล้วดันหัวเข้าไปในถุงปุ๋ย จีรนันท์รีบรูดซิปปิด แต่รสสุคนธ์ดันตัวขืนไว้ไม่ยอมง่ายๆ
“ไม่นะ อย่า พวกคุณไม่กลัวถูกจับเหรอ”
“กลัวตายล่ะ ฉันจะบอกให้ ถึงเธอตายไปก็ไม่มีใครจับมือฉันดมได้”
“แน่ใจเหรอ คุณคิดว่าฉันจะออกมาหาคุณโดยไม่บอกใครเหรอ”
รสสุคนธ์ใจดีสู้เสือต่อรองกับชายชั่ว อธิวัฒน์ชะงักหันไปมองจีรนันท์
“อย่าไปเชื่อมันพี่วัฒน์ มันก็แค่ขู่”
“ฉันพูดความจริง ฉันทิ้งข้อความบอกคุณรามไว้ ถ้าฉันเป็นอะไรไป คุณรามไม่ปล่อยพวกคุณแน่”
“แก นังตัวดี”
จีรนันท์โมโห ตบรสสุคนธ์ฉาดใหญ่ ระหว่างนี้จักรเดินกระเผลกๆ เข้ามาเห็นก็ร้องห้าม
“หยุดนะ พวกแกทำอะไร”
รสสุคนธ์เห็นจักรก็ดีใจ รีบร้องขอความช่วยเหลือ
“ช่วยฉันด้วยค่ะ พวกเขาจะฆ่าฉัน”
“เธอเป็นใคร”
“รสสุคนธ์ลูกสาวเจ้าของที่ไงพ่อ”
รสสุคนธ์ผงะทวนคำว่า “พ่อ” งงๆ
“ลูกไอ้มิ่งนี่เอง ยินดีที่ได้รู้จัก”
จักรยิ้มเหี้ยมให้ แล้วเดินเข้าหาเงื้อมือขึ้นตบทักทายรสสุคนธ์สุดแรง
เป็นจังหวะเดียวกับที่รถรามนรินทร์วิ่งเข้ามาหยุดเบรกดังเอี๊ยดที่หน้าบ้านไร่เทพธราธร
มิ่งเมืองกับรัตนามองหน้ากัน รับรู้ได้ว่ากำลังจะเกิดอันตรายขึ้นกับลูกสาว
“ลูกรสกำลังอยู่ในอันตราย” รัตนา
มิ่งเมืองเร่งรามนรินทร์ใหญ่ “คุณรีบไปช่วยลูกรสเร็ว”
“คุณ รู้ได้ไงครับ พวกคุณเป็นใครครับ”
มิ่งเมืองกับรัตนายิ้มให้ ร่างหายวับไป รามนรินทร์ช็อกตาตั้ง
“เฮ้ย...หายไปไหนแล้ว”
มิ่งเมืองกับรัตนายืนอยู่นอกรถ หันมาเรียกรามนรินทร์ที่ตะลึงตะไลอยู่
“เร็วสิ ตามฉันมา”
รามนรินทร์ผงะนิดๆ ตระหนักชัดแล้วว่าสองคนนี้คือผี รัตนากับมิ่งเมืองเคลื่อนตัวเท้าลอยเหนือพื้นนำทางไป รามนรินทร์รีบลงจากรถ แล้วโลดแล่นตามสองผีไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ
อธิวัฒน์กับจักรช่วยกันลากถุงปุ๋ยที่ใส่ร่างรสสุคนธ์อยู่ไปยังริมบึง อธิวัฒน์ถีบถุงปุ๋ยลงหลุมที่ขุดไว้ สองชั่วพ่อลูกช่วยกันคุ้ยดินกลบหลุม สาวเห็นผีพยายามดิ้นใช้มือที่ถูกมัดดันซิปด้านบน
“เปิดสิ...เปิด”
รามนรินทร์วิ่งเข้ามาเห็น อธิวัฒน์ จีรนันท์และจักรยืนอยู่ปากหลุม ไวเท่าความคิดรามนรินทร์พุ่งตัวเข้าไปกระชากคอเสื้ออธิวัฒน์
“ไอ้วัฒน์ แกเอาคุณรสไปไว้ที่ไหน”
“อยากรู้ก็ดูเอาเองสิ”
อธิวัฒน์ยิ้มเย้ยหยัน มองไปยังหลุมที่โดนกลบ รามนรินทร์มองตาม ตกใจที่หลุมโดนกลบเกือบหมดแล้ว
“ช่วยด้วย...ช่วยฉันด้วย”
“คุณรส...ไอ้ชั่ว”
รามนรินทร์ซัดหมัดใส่หน้าอธิวัฒน์จังๆ จนอธิวัฒน์เซ จีรนันท์หวีดร้องด้วยความตกใจ จักรเข้าช่วยเตะอัดเข้าที่ลำตัวรามนรินทร์จนเซถลาไป อธิวัฒน์เตะซ้ำร่างรามนรินทร์ล้มลง แล้วพุ่งไปคร่อมตัวรามนรินทร์ไว้แล้วซัดมวยรัวๆ ใส่ รามนรินทร์ปัดป้องจนสามารถดันตัวพลิกขึ้นมาคร่อม แล้วอัดหมัดใส่อธิวัฒน์เอาคืน
จักรเห็นลูกกำลังแย่จึงเข้าไปล็อกคอรามนรินทร์ใช้แรงรัด จนรามนรินทร์หายใจไม่ออกดิ้นทุรนทุราย
ในถุงปุ๋ย รสสุคนธ์เริ่มหายใจไม่ออก
“คุณราม ช่วยฉันด้วย...คุณราม”
“คุณรส”
รามนรินทร์กระแทกหมัดใส่เท้าจักรที่เป็นแผลตะปูตำสุดแรง จักรร้องลั่น รามนรินทร์หอบหายใจขยับตัวจะไปที่หลุม อธิวัฒน์ลุกขึ้นมาได้เตะอัดลำตัวรามนรินทร์จนล้มลงแล้วกดร่างเอาไว้ จักรเข้าไปช่วยลูกจนรามนรินทร์โงหัวไม่ขึ้น
“ดูซะ ดูวินาทีสุดท้ายของคนรักมึง”
“ปล่อย..คุณรส...คุณรส...ไม่”
รามนรินทร์ใจจะขาด สงสารคนรัก แหกปากร้องลั่นพยายามคลานไปที่หลุม
ระหว่างนี้ผีมิ่งเมืองกับผีรัตนา ปรากฏตัวขึ้นที่ปากหลุม สองผีหันขวับไปมองจ้องอธิวัฒน์กับจักรด้วยความแค้น
“มึงทำร้ายลูกกู มึงตาย”
มิ่งเมืองเคลื่อนตัวมาบีบคอจักร ส่วนรัตนาบีบคออธิวัฒน์ ทั้งคู่ชะงักกึกหายใจไม่ออก
รัตนาหันไปทางรามนรินทร์ “รีบไปช่วยลูกรสเร็ว”
รามนรินทร์รีบลุกโซเซที่หลุม หยิบจอบมาขุดหลุมด้วยความระมัดระวังเพื่อช่วยคนรัก
“จีจี้ ช่วยฉันที” จีรวัฒน์ร้องให้ช่วย
จีรนันท์ขยับตัวแต่รัตนาเหลียวขวับมาขู่ หล่อนเลยไม่กล้าหืออือ
จักรดึงสร้อยพระออกมาจากเสื้อ มิ่งเมืองกับรัตนารู้ตัวหายวับไป จักรลุกขึ้นชูสร้อยพระขู่รอบๆ ตัว
“ไอ้มิ่ง อีรัตนา แน่จริงมึงออกมา”
รามนรินทร์เร่งขุดดินออกจากหลุมสุดกำลัง โดยในถุงปุ๋ยรสสุคนธ์หายใจไม่ออก เริ่มจะหมดแรง สักครู่หนึ่งรามนรินทร์ขุดจนเจอถุงปุ๋ย รีบเปิดปากถุงออก ช่วยรสสุคนธ์ขึ้นจากหลุม รสสุคนธ์เห็นใบหน้าคนรักก็ยิ้มให้อย่างอ่อนแรงเต็มทน จะหมดแรงรอมร่อ รามนรินทร์ดึงร่างรสสุคนธ์ขึ้นมากอดปลอบขวัญเต็มรัก
จีรนันท์หันไปเห็นก็รีบร้องบอกอธิวัฒน์
“พี่วัฒน์ดูนั่น นังรสมันยังไม่ตาย”
“งั้นก็เล่นมันให้ตาย”
อธิวัฒน์หันไปคว้าเสียมแถวนั้น หมายจะตามไปฟาดรามนรินทร์กับรสสุคนธ์ให้แดดิ้น
“แกไม่ต้อง เดี๋ยวพ่อจัดการเอง”
พร้อมกับว่า จักรชักปืนออกมาเล็งไปที่รสสุคนธ์
“ไอ้มิ่ง อีรัตนา มึงดูไว้ กูจะส่งลูกมึงไปอยู่กับมึง”
จักรเหนี่ยวไกจะยิงใส่ รามนรินทร์เห็นรีบเบี่ยงเอาตัวปกป้องรสสุคนธ์ไว้ใช้ร่างรับกระสุนแทน
เสียงปืนดังก้อง สองนัดซ้อน ร่างรามนรินทร์กระตุก ตาเหลือกลาน คอพับซุกหน้ากับร่างรสสุคนธ์ซึ่งกรีดร้องเสียงหลงในอาการผวา
“ไม่นะคุณราม คุณราม”
แต่แล้วกลับเป็นร่างของจักรที่มีรอยกระสุนปืนเจาะเข้ากลางหลัง ล้มทั้งยืนตายคาที่ อธิวัฒน์กับจีรนันท์ตะลึงตะไล ช็อกทั้งคู่
“พ่อ”
อธิวัฒน์หันไปมอง เห็นวิชิตยืนเท่ เล็งปืนมาทางอธิวัฒน์กับจีรนันท์
“นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยอมมอบตัวซะ”
“อย่ายิง ฉันยอมแล้ว” สองผัวเมียยกมือเหนือหัว
วิชิตเดินเข้าไปจะใส่กุญแจมือ อธิวัฒน์สบช่องปัดปืนออกแล้วอัดหมัดใส่จนวิชิตล้มลง
“หนีเร็ว” ชายชั่วร้องบอกเมีย
“หยุดนะหยุด”
อธิวัฒน์ดึงจีรนันท์วิ่งหนีออกไป วิชิตลุกขึ้นแล้วไล่ตามไป
สองคนวิ่งหนีออกมาจากหลังบ้านตรงไปยังรถยนต์ ทั้งคู่พากันขึ้นรถ อธิวัฒน์สตาร์ตเครื่องโดยเร็วขับออกไปทันที
“หยุดนะ หยุด”
วิชิตไล่ตามมาเล็งปืนยิงใส่ล้อรถ แต่กระสุนพลาดเป้า วิชิตกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์แล้วขี่ไล่ตามออกไป
ที่ท้ายบ้าน รสสุคนธ์ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร พยายามใช้มือที่ถูกมัดจับหน้ารามนรินทร์ขึ้นมาคุย
“คุณราม คุณอย่าตายนะคุณราม ฉันรักคุณนะ ลืมตาขึ้นมาสิ”
“คุณรักผมจริงเหรอ”
รสสุคนธ์ชะงัก เพ่งมองรามนรินทร์สีหน้าฉงน
“นี่คุณไม่เป็นไรเหรอ”
“เปล่า ผมแอ็คติ้ง อำคุณเล่น”
“นี่คุณแกล้งหลอกฉันเหรอ”
รสสุคนธ์จะทุบแก้เขิน รามนรินทร์รวบตัวเธอมากอดไว้จนแน่น
“ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ ผมจะรู้ได้ไงครับว่าคุณรักผม ผมก็รักคุณนะคุณรส”
สองคนประสานสายตากันลึกซึ้งหวานฉ่ำ ในบรรยากาศแสนโรแมนติก หิ่งห้อยบินมาเป็นพยานเต็มบึงอีกต่างหากคิดดู๊
รามนรินทร์ค่อยๆ บรรจงจูบที่ริมฝีปากรสสุคนธ์อย่างแผ่วเบาละมุนละไม สาวผู้เห็นผีหลับตาพริ้มไม่ขัดขืน
รัตนากับมิ่งเมืองยืนมองทั้งคู่ แล้วยิ้มอย่างมีความสุข
"มีความสุขซะทีนะลูกรัก"
"รักกันให้ยืนยาวนะลูก"
รัตนากับมิ่งเมืองค่อยๆ หายวับไป
อ่านต่อหน้า 3
บาปบรรพกาล ตอนที่ 16 (ต่อ)
อธิวัฒน์ขับรถหนีเข้ามาอย่างรวดเร็ว ด้านหลังเห็นวิชิตบึ่งมอเตอร์ไซค์ตามเข้ามาติดๆ จีรนันท์หันไปมองเห็นวิชิตตามมาก็ร้อนใจ
"ไอ้ตำรวจนั่นมันยังตามมา ทำไงดีพี่วัฒน์"
"เดี๋ยวมันได้เจอของจริง"
อธิวัฒน์เหยียบคันเร่ง รถพุ่งตัวออกไปอย่างแรง ทิ้งห่างมอเตอร์ไซค์ของวิชิตไม่ติดฝุ่น
วิชิตจอดรถข้างทางอย่างเจ็บใจ วิทยุแจ้งบอกให้ตั้งด่านสกัดรถทันที
“คนร้ายชายหนึ่งหญิงหนึ่งขับรถ...” วิชิตแจ้งยี่ห้อและเลขทะเบียนรถไป “มุ่งหน้าไปทางถนนรอบเมือง สกัดจับด่วน”
อธิวัฒน์กับจีรนันท์พากันหัวเราะเริงร่าดีใจ
“เย้...เรารอดแล้วพี่วัฒน์”
“สะใจจริงๆ รถมอเตอร์ไซค์หรือจะสู้รถเก๋ง ไม่เจียมตัว”
“แล้วเราจะไปไหนกันต่อจ๊ะ”
“เราคงต้องหาที่กบดานซักพัก พอเรื่องซาลงเราค่อยเอาหนังสือสัญญานี่ไปบีบเอาโฉนดที่ดินจากคุณหญิงน้ามาขาย”
“จีจี้อยากเห็นหน้ายัยนิษากับคุณหญิงแขไขจริงๆ ว่าจะทำหน้ายังไง”
“ถ้าไม่ยอมให้ พี่ก็จะแฉ ลากสองแม่ลูกนั่นให้ลงหลุมไปพร้อมเรา ดีมั้ย”
เสียงมิ่งเมืองบอกว่า “ดี”
“เสียงใครวะ”
อธิวัฒน์งง มองหน้ากับจีรนันท์ พอหันไปมองด้านหลังก็แทบช็อกเพราะมิ่งเมืองกับรัตนาใบหน้าเละนั่งอยู่ที่เบาะหลัง
“คนชั่วช้าอย่างพวกแกมีแต่นรกเท่านั้นที่คู่ควร” รัตนาว่า
“มาเป็นตัวตายตัวแทน เป็นผีเฝ้าถนนแทนฉันซะดีๆ”
มิ่งเมืองยื่นมือเข้าไปจับพวงมาลัยในมืออธิวัฒน์แล้วบังคับให้รถวิ่งไปตามที่ตัวเองต้องการ รัตนาเข้าไปบีบคอจีรนันท์ เข็มความเร็วรถวิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ อธิวัฒน์กับจีรนันท์แหกปากร้องโวยวายลั่น
“เฮ้ย ปล่อยนะ ปล่อย”
“พี่วัฒน์...พี่วัฒน์ระวัง”
รถอธิวัฒน์พุ่งไปชนเข้ากับเสาไฟฟ้าโครมใหญ่ เหมือนกับรถของมิ่งเมืองและรัตนายังไงยังงั้น
โดยด้านในรถจีรนันท์คอหักตายคาที่ ส่วนอธิวัฒน์ฟุบคาพวงมาลัยแน่นิ่งไปไม่ขยับกายใดๆ โดยไม่รู้เป็นหรือตาย
ด้านรสสุคนธ์ก้มลงกราบตักแม้นศรี ที่หลงเชื่อคนชั่วช้ำซากจนนำภัยมาสู่ชีวิต
“รสขอโทษนะคะที่ทำให้ย่าเป็นห่วง”
“เห็นหลานปลอดภัยย่าก็ดีใจแล้ว บุญรักษาแล้ว”
“ทีหลังพี่รสอย่าไปเสี่ยงแบบนั้นอีกนะคะ ดีนะที่มีพระเอกไปช่วย”
รสสุคนธ์หน้าแดงหันมองไปที่รามนรินทร์ซึ่งกำลังคุยกับวิชิตด้วยสีหน้าเครียด
“ขอบคุณนะครับที่ไปช่วยผม”
“คุณย่าแม้นศรีโทร.บอกผมน่ะครับ ผมเลยไปช่วยพวกคุณได้ทัน”
“จะว่าไปก็น่าเศร้านะครับ ถึงพวกเขาจะไม่ใช่คนดี แต่ก็ไม่น่ามาจบแบบนี้เลย”
“มันเป็นกรรม บาปในอดีตไม่ว่าจะนานเท่าไร สุดท้ายใครทำบาปอะไรไว้ กรรมนั้นย่อมตามสนอง” แมนศรีว่า
“พ่อกับแม่คงตายตาหลับแล้ว เหลือก็แต่ย่าเล็ก เมื่อไรกันนะ คนชั่วจะได้รับกรรมซะที”
“การจองเวรมันไม่มีอะไรดีหรอกนะครับ บาปในอดีตของพ่อแม่เรา มันควรจบได้แล้ว”
“ตราบใดที่คนชั่วยังลอยนวล มันก็ไม่มีทางจบหรอกค่ะ”
“ผมจะทำให้มันจบเอง”
“คุณจะทำยังไง”
รสสุคนธ์มองรามนรินทร์ด้วยแววตาสงสัย
แม้นศรีนั่งให้กระปุกบีบนวดอยู่ในโถงเรือน รามนรินทร์เดินจูงมือรสสุคนธ์เข้ามาหาแม้นศรีด้วยสีหน้าที่มุ่งมั่น เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คุณย่าครับ...ผมรักคุณรส...อนุญาตให้เราแต่งงานกันได้มั้ยครับ”
รสสุคนธ์ตกใจ “คุณราม”
แม้นศรีกับกระปุกก็ตกใจเช่นกัน รามนรินทร์มองหน้าแม้นศรีลุ้นๆ กระปุกดีใจจนออกนอกหน้าเชียร์ลั่น
“เย้...พี่รสจะแต่งงาน...รีบตอบตกลงไปเลยสิย่า”
แม้นศรีหันมาทางหลาน ถามตรงๆ “แล้วรส รักคุณรามหรือเปล่าล่ะ”
รสสุคนธ์เขินจนหน้าแดง ได้แต่พยักหน้าแทนคำตอบออกไป แม้นศรีจึงหันมาทางฝ่ายชาย
“ถ้าคุณรักหลานสาวฉันจริงก็ให้มาสู่ขอกันตามประเพณี ว่าแต่คุณหญิงภาวิดาแม่ของคุณจะยอมเหรอ”
รามนรินทร์ชะงักรู้สึกหนักใจขึ้นมาทันที
รามนรินทร์ทำตามที่รับปากแม้นศรีในทันทีที่กลับถึงบ้านพรหมบดินทร์ อันเป็นผลให้ภาวิดาโกรธจนหน้าเขียว เหลียวขวับมามองลูกชายอย่างไม่พอใจ
“แม่ไม่ยอมรับมันเป็นสะใภ้เด็ดขาด รามจะต้องแต่งงานกับหนูนิษาเท่านั้น”
“แต่ผมไม่ได้รักคุณนิษา ผมกับคุณรสรักกันนะครับคุณแม่”
“รักงั้นเหรอ รามพึ่งรู้จักมันได้ไม่กี่เดือนเอง จะรักกันได้ไง”
ภาณุกรที่นั่งฟังอยู่ด้วย รีบช่วยพูดให้หลาน
“คนเราจะรักกัน แค่มองตา ใจมันคลิกกันแล้วล่ะครับคุณพี่”
“นี่อย่าบอกนะ ชายกรก็รู้เห็นเป็นใจกับเรื่องนี้ด้วย”
“ครับ รามรักใคร ผมก็พร้อมสนับสนุน หยุดเหอะครับคุณพี่ บทเรียนจากอดีตของพี่ชายทัตกับแม้นมาศก็มีมาให้เห็นแล้ว อย่าไปขวางคนรักกันอีกเลยนะครับ” ภาณุกรพูดด้วยเหตุผล
ภาวิดาไม่ฟัง “ไม่ ฉันไม่หยุด ตารามเป็นลูกฉัน ฉันมีสิทธิ์ รามเลือกเอาแล้วกัน ระหว่างแม่กับนังรสสุคนธ์..รามจะเลือกใคร”
รามนรินทร์อึดอัดเหลือแสน “คุณแม่”
ภาวิดากระแทกเท้าหุนหันออกไป รามนรินทร์อึ้งพูดไม่ออก จวงปากดีขึ้นมาทันที
“คุณรามตามไปขอโทษคุณหญิงสิคะ คุณอย่ามาเป็นลูกอกตัญญูเพราะผู้หญิงคนเดียวเลยนะคะ”
ภาณุกรปรามเสียงแข็ง “จวง นี่ไม่ใช่กงการของเธอ”
จวงจ๋อย รีบวิ่งตามภาวิดาออกไป ภาณุกรมองรามนรินทร์ด้วยความเห็นใจ
รสสุคนธ์เปิดกระเป๋าเอาเสื้อผ้าเก็บเข้าตู้ ภาวิดากับจวงปรี่เข้ามาอย่างเอาเรื่อง รสสุคนธ์ชะงักรู้ดีว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีแน่ๆ
“อยากแต่งงานกับลูกชายฉันมากใช่มั้ย ได้ ฉันจะให้เธอได้เห็นฤทธิ์แม่ผัวอย่างฉัน จวง จัดการ”
จวงเข้าไปหยิบเสื้อผ้าของรสสุคนธ์ออกมาฉีกทึ้ง รสสุคนธ์กลั้นกลืนยืนมองนิ่งๆ
“เชิญตามสบายค่ะ ถ้าเหนื่อยแล้วก็กองไว้นะคะ รสจะได้เอาเศษผ้าไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นต่อ”
รสสุคนธ์ขยับจะเดินหนีออกไป ภาวิดาส่งซิกให้จวงจัดการ จวงเข้าไปจิกหัวรสสุคนธ์กระชากกลับเข้ามา
“ผู้หญิงหน้าด้านอย่างหล่อน ไหนขอลองหน่อยสิ ว่าหนังหน้ามันจะหนาจริงหรือเปล่า”
จวงตบฉาดรสสุคนธ์ล้มลงบนเตียง จวงกระโจนขึ้นคร่อมตบไม่ยั้ง รสสุคนธ์หวีดร้องลั่น ยกมือปัดป้องพัลวัน ภาวิดายืนมองอย่างสะใจ
จู่ๆ ภาณุทัตในคราบตาดำโผล่พรวดเข้ามา ตวัดสายตามองภาวิดาอย่างไม่พอใจ ถลันเข้าไปกระชากแขนภาวิดาบีบจนแน่นแล้วผลักร่างไปกระแทกตู้
“ว้าย ไอ้บ้า ฉันเจ็บนะ”
“เจ็บเหรอ จะได้รู้ซะบ้างว่าคนอื่นเค้าก็เจ็บเป็นเหมือนกัน ถ้าพวกแกไม่หยุด ฉันจะทำยิ่งกว่านี้”
พร้อมกับว่า ตาดำชักมีดพกออกมาขู่ทำท่าจะแทงกราดใส่สองบ่าวนาย
“ออกไป”
“อย่านะ ไปแล้วๆ”
ภาวิดากับจวงรีบพากันหนีออกไป ตาดำเก็บมีดใส่ปลอกแล้วเข้าไปพยุงรสสุคนธ์ที่หัวกระเซิง รสสุคนธ์รีบเช็ดน้ำตากลบเกลื่อน ตาดำเห็นรสสุคนธ์ก็สงสารจับใจ
ฟากภาณุกรกับรามนรินทร์นั่งคุยกันในบ้าน ภาณุกรคอยพูดให้กำลังใจหลานชาย
“นี่เป็นความสุขของเราทั้งชีวิต ตัดสินใจให้ดีล่ะ”
“ผมไม่เปลี่ยนใจหรอกครับ ซักวันผมจะทำให้คุณแม่ยอมรับคุณรสให้ได้”
ภาณุกรยิ้มให้กำลังอีก “ต้องให้ได้อย่างนี้สิ หนักแน่นเหมือนพี่ชายทัตไม่ผิด”
“ก็ผมเป็นหลานคุณลุงทัตนี่ครับ แล้วผมก็จะไม่ยอมให้ใครมาฆ่าเจ้าสาวของผม เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีตแน่”
ภาณุกรสะดุดหู “รามรู้ตัวฆาตกรแล้วเหรอ”
“ยังครับ แต่ผมสงสัยใครบางคนอยู่ คุณน้ากรทราบเรื่องที่เกิดขึ้นที่เพชรบุรีแล้วใช่มั้ยครับ”
ภาณุกรพยักหน้ารับ “คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ ชาติตระกูลดี การศึกษาดี แต่ขาดคุณธรรม แล้วรามจะทำยังไงต่อ”
“ผมจะทวงที่ดินคืนให้คุณรสครับ”
ชายหนุ่มบอกอย่างมาดหมาย
และเขาทำดังว่า ไม่นานหลังจากนั้น รามนรินทร์ส่งเช็คให้แขไข ซึ่งตีเนียนทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“เงินนี้มันอะไรจ๊ะราม น้างงไปหมดแล้ว”
“เงินค่าที่ดินผืนที่เป็นของพ่อแม่คุณรสครับ”
“อ้าว ที่ดินของพ่อแม่รสสุคนธ์ รามก็ไปซื้อกับเค้าสิ เอาเงินมาให้น้าทำไม”
“ก็ที่ดินผืนนั้นมันอยู่กับคุณหญิงน้าไม่ใช่เหรอครับ”
แขไขมองหน้ารามนรินทร์แล้วแกล้งทำเป็นเพิ่งนึกออก
“อ๋อ..ที่ดินผืนนั้นนั่นเอง งั้นรามก็เข้าใจผิดแล้วล่ะ”
“ยังไงเหรอครับ”
“ก็ ที่ดินผืนนั้นเป็นของสามีน้ามาตั้งแต่แรก สามีน้าใจดีเลยให้พ่อแม่รสสุคนธ์ใช้ทำมาหากิน แต่พอพ่อแม่รสสุคนธ์ตาย ที่ดินก็เลยกลับมาเป็นของสามีน้าตามเดิม”
“แต่เท่าที่ผมรู้มามันไม่ใช่นี่ครับ การปลอมแปลงเอกสารราชการ เป็นโทษอาญา คุณหญิงน้าอย่ามาเสื่อมเสียเพราะเรื่องแบบนี้เลยนะครับ”
แขไขชักโกรธ “นี่รามหาว่าน้าโกงมันเหรอ”
“เปล่าครับ ผมไม่กล้าว่าคุณหญิงน้าหรอกครับ บางทีคุณหญิงน้าอาจจะจำผิด ผมก็เลยมาช่วยเตือนความจำ”
แขไขโกรธมากแต่ก็พยายามกลั้นอารมณ์ไว้
“ก็จริง เรื่องมันก็นานแล้ว ที่ดินของคุณพี่อัศวินมีตั้งเยอะ น้าเองก็จำได้ไม่หมด”
“งั้นก็รับไปเถอะนะครับ ถือว่าเป็นสินน้ำใจที่ช่วยเก็บรักษาโฉนดที่ดินให้”
“ขอบใจนะ น้าจะเก็บน้ำใจของรามไว้ก็ได้”
รามนรินทร์ยิ้มโล่งอก แขไขกำเช็คในมือด้วยความแค้นใจ
ฝ่ายอุณนิษานั่งอยู่ในห้องทำงานของภาณุกรแล้วสบตาถามสงสัยว่าเรียกมาพบทำไม
“คุณอากรเรียกนิษามาพบ มีธุระอะไรเหรอคะ”
ภาณุกรเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงาน แล้วหยิบสร้อยข้อมือเพชรของอุณนิษามาวางลงเลื่อนไปตรงหน้าไฮโซสาว พร้อมกับมองจ้องหน้าแล้วถามด้วยสีหน้าและเสียงขรึมแต่จริงจัง
“สร้อยข้อมือเพชรเส้นนี้เป็นของหนูนิษาหรือเปล่า”
อุณนิษาตกใจสุดขีด หน้าซีดขาว แต่พอได้สติก็รีบปรับเปลี่ยนสีหน้าทำเป็นดีใจมาก
“อุ๊ย คุณอากรเจอสร้อยข้อมือนิษาที่ไหนคะเนี่ย นิษาหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ขอบคุณนะคะ” อุณนิษายื่นมือออกมาหมายจะหยิบสร้อยข้อมือคืนไป ภาณุกรมองนิ่งๆ พร้อมกับพูดขึ้นเสียงเข้มว่า
“อาเจอแถวสระบัว หลังจากที่ศพปริกลอยอืดขึ้นมาเรียกร้องความเป็นธรรม”
อุณนิษาชะงักกึก หดมือกลับไม่กล้าหยิบสร้อยข้อมือคืน
เวลาเดียวกันนี้ รสสุคนธ์เดินมาส่งตาดำที่บ้านสวน ในมือหิ้วของฝากจากเพชรบุรีมาด้วย
“จริงๆ แล้วไม่ต้องเดินมาส่งก็ได้”
“รสกะจะมานั่งเล่นบ้านคุณตาอยู่แล้วค่ะ ไม่เจอกันตั้งหลายวัน คุณตาสบายดีนะคะ”
“ข้าสบายดี คนแก่อย่างข้าหนังหนาตายยาก”
รสสุคนธ์วางของฝากจากเพชรบุรีแล้วหยิบกล่องใส่ขนมเสน่ห์จันทร์ออกมา
“พอดีรสกลับไปบ้านที่เพชรบุรีเลยมีของเล็กน้อยมาฝากคุณตาค่ะ โดยเฉพาะขนมเสน่ห์จันทร์ ที่คุณตาชอบไงคะ”
ตาดำมองขนมเสน่ห์จันทร์ตรงหน้าน้ำตาคลอเต็มตา หวนคิดถึงแม้นมาศขึ้นมาจับหัวใจ
“ขอบใจหนูรสมากที่คิดถึงคนแก่ไม่มีราคาอย่างตา”
“ใครว่าคะ คุณตามีค่าและมีบุญคุณกับรสมากต่างหาก”
ฝ่ายภาณุกรจ้องหน้ามองตาอุณนิษารอให้อีกฝ่ายสารภาพ
“หนูนิษารู้มั้ยว่า ทำไมสร้อยข้อมือตัวเองถึงอยู่แถวสระบัว หนูทำอะไรปริก ถ้าหนูเล่าความจริง โทษหนักจะได้เป็นเบานะ”
อุณนิษาใจหายวาบ พยายามปรับสีหน้าและน้ำเสียงไม่ให้สั่น โกหกตาใส
“คุณอากรพูดอะไรคะ นิษาไม่รู้เรื่อง”
“แต่อาว่าหนูรู้ทุกเรื่อง เหมือนที่อารู้ แต่เรื่องนี้จะรู้กันแค่เราสองคน ถ้าหนูจะเลิกยุ่งกับตาราม แล้วไม่ต้องมาที่พรหมบดินทร์อีก”
อุณนิษา “ทำไมคะ”
“เพราะรามจะแต่งงานกับรสสุคนธ์น่ะสิ”
อุณนิษาตาวาวโรจน์ด้วยความแค้น ตัดสินใจบางอย่างในเสี้ยวนาทีนั้น แต่แสร้งรับปากภาณุกรออกไป
“ตกลงค่ะ นิษาจะไม่มาที่นี่อีก”
อุณนิษาหยิบสร้อยข้อมือเพชรใส่กระเป๋า
ภาณุกรลุกเดินไปที่ประตูห้อง จะเปิดให้อุณนิษาออกไป โดยไม่รู้ว่าตัวเองชะตาถึงฆาต
อุณนิษาลุกตามหลังมา สายตาแลเห็นแจกันใบใหญ่ ตั้งอยู่ตรงมุมทางเดิน จังหวะที่ภาณุกรหันหลังให้จะเปิดประตูส่ง อุณนิษาจับแจกันฟาดศีรษะภาณุกรเต็มแรง แจกันแตกกระจายไปทั่วบริเวณ
“โอ๊ย”
ภาณุกรร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเป็นครั้งสุดท้าย ร่างทรุดลงไปกองที่พื้น อุณนิษายืนมองภาณุกรสิ้นใจต่อหน้าต่อตาอย่างตะลึงตะไล
“ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ”
ภาณุกรนอนนิ่ง มีเลือดซึมออกมาจากศีรษะนองพื้นห้องแล้ว จวงโผล่เข้ามาเห็นพอดีตกใจเอาการ
“คุณนิษา เกิดอะไรขึ้นคะ”
อุณนิษาไม่รู้สึกผิดสักน้อย บอกจวงเสียงเข้ม
“ไอ้แก่จอมสาระแน สมน้ำหน้าตายซะได้ก็ดี”
อุณนิษาผลุนผลันออกไปจากห้องทันที โดยไม่รู้ว่ากล้องวงจรปิดที่ภาณุกรติดตั้งไว้ มีแสงไฟสีแดงวาบๆ แสดงการทำงานของกล้องซึ่งจับภาพเหตุการณ์ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ
กล้องวงจรปิดบันทึกภาพหม่อมราชวงศ์ภาณุกร พรหมบดินทร์ นอนจมกองเลือดตายอย่างน่าอนาถได้อย่างชัดเจน
อ่านต่อตอนที่ 17