xs
xsm
sm
md
lg

การ์เดี้ยน หักเหลี่ยมมัจจุราช ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


การ์เดี้ยน หักเหลี่ยมมัจจุราช ตอนที่ 1 
 
ท้องฟ้าเบื้องบนดูกระจ่าง เมฆจับตัวเป็นกลุ่มก้อนอย่างสวยงาม เสียงล้อรถเบียดถนนแทรกดังเข้ามา รถตู้โกโรโกโส่วิ่งส่ายเข้ามาอย่างรวดเร็ว !

รถแลนด์โรเวอร์สีดำอีกคันวิ่งมาประกบข้าง จิมมี่ เปิดประตูออกรถแลนด์โรเวอร์ออกมาพลางสูดหายใจลึกๆ แล้ว...!

ณ บริเวณทางไปท่าเรือ
ชายในชุดสูท กำลังโบกมือให้เพื่อนซึ่งขับรถตู้มาประกบ แต่แล้วประตูรถตู้ออฟฟิศอีกข้างกลับเปิดออก....จิมมี่กระโดดเข้ามา ชายชุดสูทหยิบปืนจะยิง แต่จิมมี่คว้าข้อมือไว้ทัน ปัง !...กระสุนถากหน้าเขาไปนิดเดียว
รถตู้สีดำตามมาประกบอีกฝั่งของประตู จิมมี่บิดแย่งปืนชายชุดสูทมาได้แล้วยิงเข้าใส่รถตู้สีดำ จนมันต้องเหยียบเบรคถอยหลังออกไป
ชายชุดสูทอัดลำตัวจิมมี่จนปืนหลุดมือไป จิมมี่จับได้เหวี่ยงมันร่วงลงไปจากรถ...!

หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้า....
รถตู้เก่าๆคันเดียวกันจอดโยกขย่มไปมาอยู่ข้างทางย่านชานเมือง กระโปรงรถถูกเปิดค้างอยู่… และ จิมมี่กำลังซ่อมรถคันนั้น
เสียงที่เหมือนสัญญาณกันขโมยรถดังขึ้นขัดจังหวะ..และดังขึ้นเรื่อยๆ จิมมี่หงุดหงิดมองหาต้นเสียง จนเจอว่าเป็นมือถือของตัวเอง จิมมี่รับสาย
" ว่าไง?"

ภายในเซฟเฮ้าส์ชานเมือง ตอนกลางวัน หอยแครงนั่งอยู่หน้าทีวี มือหนึ่งถือมือถือ อีกมือกดรีโมทเปลี่ยนช่องทีวีไปด้วย
"ไม่ว่าไงหรอก... ก็ลูกค้าเฮียนั่นแหละ"
" ทำไม?.ทนายสมหมายเป็นอะไร" เสียงจิมมี่ถามผ่านทางโทรศัพท์
ชาโดว์เดินกลับเข้ามาในบ้านพร้อมกับกล้องส่องทางไกลในมือ หอยแครงมองตามบั้นท้ายของชาโดว์แล้วยิ้ม ร้อง "เฮ้อ" !
ชาโดว์หันมามองหอยแครงแบบดุๆแล้วเดินหายไปทางด้านหลังของตัวบ้าน
" เฮ้อ....ห่าอะไร...ตกลงไม่มีอะไรใช่ไหม"
"เปล่าๆๆ ลูกค้าเฮียอ่ะ..มันหิวแล้ว"
ทนายสมหมาย ซึ่งเป็นลูกค้า ตะโกนออกมาจากในห้องดังลั่น
"เฮ้ยหิวแล้ว...เมื่อไหร่ข้าวจะมาวะ"
พร้อมกับที่ทนายสมหมายซึ่งใส่แว่น รูปร่างอ้วนท้วน โผล่หน้าออกมาจากห้องด้านใน โวยวายใส่ชาโดว์และหอยแครงเป็นการใหญ่
" นี่พวกคุณทำงานกันคุ้มกันประสาอะไรวะ? บ้านก็แย่ อาหารก็สุดห่วย แล้วยังให้รออีกเป็นชั่วโมง นี่ถ้าผมเป็นโรคกระเพาะ ผมจะไม่จ่ายพวกคุณแม้แต่บาทเดียว"
ทนายสมหมายด่าจบแล้วก็เดินเข้าห้องไป เหวี่ยงปิดประตูตามหลัง

ปัง ! ..เสียงปิดประตูของทนายสมหมายดังออกมาจากมือถือจิมมี่จนเขาต้องยกหูออกห่าง

ฝ่ายชาโดว์กับหอยแครงได้แต่มองดูลูกค้าตาปริบๆ หอยแครงหันมาคุยโทรศัพท์กับจิมมี่ต่อ
"ได้ยินแล้วใช่มั้ยเฮีย"
"จ่ายเงินกูนิดเดียว..นี่มันทำตัวเป็นพ่อกูเลยเหรอวะ"
หอยแครงยิ้มกวนตีน
"รีบหน่อยนะเฮีย..เดี๋ยวมันเป็นโรคกระเพาะ"
"ก็กูบอกแล้วไงว่าให้ก้อยไปส่งแล้ว..มึงไปโทร.ตามก้อยไป"
" เอ๊ะเฮีย..ว่าแต่รถเสียแล้วก้อยมันมายังไง"
"เอ่อ..."

ก้อย...หญิงท้องแก่ใส่ชุดคลุมท้องบดจักรยานมาตามถนนย่านชานเมือง บนแฮนด์แขวนเต็มไปด้วยถุงอาหาร เธอเหงื่อแตกซก หอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย มือถือสั่นสว่างวาบอยู่ในชุดคลุมท้อง แต่ก้อยไม่รู้ตัว

ในเซฟเฮ้าส์ หอยแครงใส่หมวกแก๊ปนั่งบนโซฟากำลังฟังโทรศัพท์ พลางเขย่าตัวเล็กน้อยตามเสียงเพลงรอสาย .... - ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝาก หัวใจ ลงทะเบียนฝากไว้ตัวเอากลับไป ใจให้เก็บรักษา ยอมจำนนเธอแล้ววันนี้แค่แรก เห็นหน้าฝากไว้กับฉันนะหัวใจของเธอ แลกเบอร์โทร โอ๊ะ โอ โอย - เสียงรอสายตัดไป..
หอยแครงวางสาย เหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลา... บ่ายสองกว่า
เขาหยิบรีโมทเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อยๆอย่างเบื่อหน่ายหมดเรี่ยวแรง มือลูบท้องไปพลาง
ชาโดว์เดินมาจากทางหลังบ้านแล้วบ่นออกมา
"หอย..นี่แกทำตัวให้มันดูมีประโยชน์หน่อยได้มั้ย"
หอยแครงลุกพรวดขึ้นตะเบ๊ะ !
"ครับ!นายแม่"
ชาโดว์ชะงักหันมามองหน้าหอยแครง
" ไอ้หอย..ถ้าแกเรียกชั้นแบบนั้นอีกครั้ง..ชั้นจะจะยิงแก"
หอยแครงตะเบ๊ะอีกครั้ง ตอบทันควัน
"ครับ..นายหญิง!"
ชาโดว์จ้องหน้าหอยแครงแล้วควักปืนออกมาช้าๆ บรรจงหมุนลำกล้องเก็บเสียงติดลงบนปืน
หอยแครงเริ่มหน้าเสีย
"เออ..ชั้นไม่ได้เรียกเธอว่านายแม่..ดังนั้นเธอคงไม่..."
ชาโดว์เล็งปืนขึ้นแล้วยิงทันที หมวกแก็ปของหอยแครงกระเด็นขึ้นฟ้า ชาโดว์ยิงหมวกที่กระเด็นต่ออีกสองนัดก่อนที่หมวกจะตกลงพื้น
หอยแครงตะลึง ชาโดว์ส่งยิ้มเย็นชาให้
" เห็นมาจากในหนังน่ะ..อยากทำมานานแล้ว"
ชาโดว์หันหลังกลับเข้าห้องน้ำไป หอยแครงเก็บหมวกขึ้นมาดูเห็นทะลุเป็นรูสามรู

เวลาเดียวกัน จิมมี่วางเครื่องมือซ่อมรถ อ้อมมาทางที่นั่งคนขับลองสตาร์ทเครื่องดู เสียงเครื่องไม่ยอมติด... จิมมี่ส่ายหน้า เดินกลับมามองดูเครื่องอย่างงงๆ
เสียงมอเตอร์ไซค์ดังมาแต่ไกล... จิมมี่เงยหน้ามอง มอเตอร์ไซค์ Mc Delivery ขับมาตามทาง ผ่านจิมมี่ไป ทั้งคู่มองกันและกันเล็กน้อย

ก้อย..หญิงท้องแก่ใส่ชุดคลุมท้องสีฟ้าปั่นจักรยานอย่างระโหยโรยแรงอยู่บนบนทางลาดชัน
เสียงมอเตอร์ไซค์ Mc Delivery ขับมาไม่เร็วนัก...ขึ้นมาตีคู่กับจักรยานก้อยแล้วชะลอดูก้อยอย่างตะลึง
"โห..ไบค์ฟอร์มอม! ทุ่มเทมากนะเนี่ยพี่"
คนขับชูกำปั้นส่งเป็นกำลังใจให้ก้อยแล้วเร่งแซงไป ทิ้งไว้เพียงควันขาว
ก้อยทั้งเหนื่อยหอบและและโมโห ปัดควันไปตะโกนด่าไล่หลังไป
" ไบค์ฟอร์พ่อมึงสิ! มึงลองท้องแล้วมาปั่นจักรยานขึ้นเนินดูมั้ยฮึ"
คนขับมอเตอร์ไซค์ Mc Delivery โบกมืออำลาโดยไม่ได้หันกลับมามองก้อย เลี้ยวรถหายไปตามทาง
คนขับขับมอเตอร์ไซค์ขึ้นเนินมาตามทางร่มรื่นคดเคี้ยว เลี้ยวโค้งหลายครั้ง ก็มาถึงทางลงเนิน
คนขับขับลงเนินอย่างเพลิดเพลิน ความเร็วค่อยๆสูงขึ้นตามลำดับ...
ฉับ...โครม...ม
เหมือนมีอะไรที่มองไม่เห็นมาเกี่ยวคอคนขับไว้ กระชากคนขับและรถล้มโครมลง!

นักฆ่าเดินออกมา..ผ่านมอเตอร์ไซค์ที่ล้มคว่ำแต่ล้อยังหมุน..ผ่านศพคนขับที่ไร้หัว..ตรงไปยังหมวกกันน็อกที่ตกอยู่ห่างไปหลายเมตร นักฆ่าหยิบหมวกกันน็อกขึ้นมาเขย่าทีหนึ่ง หัวคนขับพลันร่วงลงมาจากหมวกกันน็อกกลิ้งลงบนพื้น!
นักฆ่าเตะหัวนั้นเข้าไปในพงไม้ แล้วลากร่างของคนขับตามเข้าไป

เซฟเฮ้าส์ของการ์เดี้ยน บอดี้การ์ด เป็นบ้านชั้นเดียวในย่านชานเมือง... มอเตอร์ไซค์ Mc Delivery ขับเข้ามาจอดที่หน้าเซฟเฮ้าส์
นักฆ่าในชุดเด็กส่งอาหารฟาสฟู้ดถือถุงเดินไปกดกริ่ง และถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่า ด้านหลังแจ็กเก็ตตรงบริเวณคอเสื้อ มีเลือดกระเซ็นเปรอะอยู่เล็กน้อย
ชาโดว์เปิดประตูออกมา นักฆ่าในคราบเด็กส่งอาหารฟาสฟู้ดส์ยื่นถุงให้พร้อมรอยยิ้ม
"อาหารมาแล้วครับ"
"ที่นี่ไม่ได้สั่ง"
นักฆ่าเปิดดูสมุดจดที่อยู่ แล้วมองไปที่บ้านเลขที่
"แต่ที่อยู่ถูกต้องนะ"
ทนายสมหมายพลันโผล่หน้ามา
"ผมเป็นคนสั่งเอง"
ทนายสมหมายรับอาหารแล้วเดินเข้าไป ชาโดว์มองตาม จะปิดประตูลงแต่นักฆ่ายกมือกันบานประตูไว้
"เดี๋ยวครับ.. " นักฆ่าส่งใบเสร็จให้ชาโดว์พร้อมรอยยิ้ม"แปดร้อยห้าสิบบาทครับ"
ชาโดว์ยัดใบเสร็จเข้าในมือหอยแครงที่กำลังดูภาพจากกล้องวงจรปิด หอยแครงหน้ามุ่ยควักกระเป๋าจ่าย
"ขอบคุณมากครับ" นักฆ่าบอก
ชาโดว์เดินเข้ามาในบ้าน เห็นทนายสมหมายกำลังกินแม็คโดนัลอย่างอร่อย เธอมองทนายอย่างเอาเรื่อง
"บอกว่าห้ามใช้มือถือไง"
ทนายค่อยๆเหลือบมองชาโดว์
"ก็มันหิว..พวกคุณผิดเอง เอาน่า..มากินกันเหอะ"
ชาโดว์ไม่เล่นด้วยแบมือออกขอมือถือ ทนายยอมส่งให้อย่างหงุดหงิด เธอกดมือถือลงบนโต๊ะอย่างแรง....กร๊อบ...!
" โอเค..ผมจะหักค่ามือถือนั่นออกจากยอดที่ผมต้องจ่าย..ทีนี้ เราจะกินกันได้รึยัง"
ชาโดว์ค่อยกระแทกนั่งลง หอยแครงนั่งตาม ทั้งสามล้อมวงกินแม็คโดนัลอย่างหิวโหย

ต่อมา ก้อยปั่นจักรยานแบบจะหมดแรงแล้ว เธอจอดจักรยานที่หน้าประตู หอบหายใจช้าๆอย่างเหน็ดเหนื่อย เหงื่อโซมหน้าและเปียกหลังถึงร่องตูดเป็นทางยาวเหมือนคนฉี่ราด เธอคว้าถุงอาหารแล้วเปิดประตูเข้าไป
แกร๊ก...

ก้อยเข้าบ้านมา...พอเห็นสภาพภายในบ้านก็บ่นออกมา
"ทุเรศจริงๆ พวกนายเอาแต่นอนอุตุ แล้วให้ชั้นปั่นจักรยานมาส่งข้าวแทบตาย ตื่นนะ"
ก้อยพยายามเขย่าปลุกหอยแครงกับชาโดว์ แต่ไม่มีใครตื่น เธอผละจากทั้งสองไปทางห้องพัก

ขณะนั้น จิมมี่สตาร์ทรถ เครื่องติดแล้ว จิมมี่ยิ้ม ขับรถออกไป...

ก้อยเดินเข้ามาในห้อง เห็นทนายนอนคว่ำฟุบอยู่บนเตียงในท่าแปลกๆ เท้าพาดอยู่บนหมอน พอเข้าไปปลุกก็ไม่ตื่น ....
เธอเริ่มเอะใจ เอามือรอที่จมูกลูกค้า ปรากฏว่ายังมีลมหายใจ ก้อยถอนใจออกมา
" หลับกันยังกะตาย..แล้วจะทวงข้าวทำไม"
ตอนนั้นเองที่นักฆ่าย่องออกมาจากเงามืดทางด้านหลังก้อย แล้วคล้องเส้นลวดลงรอบคอก้อย แล้วรัด!
ก้อยกรีดร้องออกมา พยายามเอามือกันเส้นลวดไว้ แหกปากลั่น
ก้อยกำลังจะถูกรัดคอ พลันกัดเข้าที่นิ้วชี้ของนักฆ่า ดิ้นรนจนหลุดออกมาประจันหน้ากัน แต่ยังกัดนิ้วนักฆ่าไม่ปล่อย
" โอ๊ย..ปล่อยนะ"
ก้อยส่ายหน้าปฏิเสธ นักฆ่าเงื้อมือที่เหลืออีกข้างตบฉาดเข้าไป พลางตะคอกเสียงดัง
"บอกให้ปล่อย!"
นักฆ่าเงื้อมือจะตบซ้ำ แต่ก้อยกัดสุดแรงพร้อมส่ายหน้าปฏิเสธ นักฆ่าเงื้อมือค้าง ท่าทางเจ็บปวดมาก
" โอ๊ย..อย่า..พอแล้ว"
ก้อยยังคงกัดสุดแรง นักฆ่าเกร็งไปทั้งตัว ก้อยกัดพลางจ้องพลาง ล้วงมือถือขึ้นมาโทร. หาจิมมี่
เสียงสายติด...

ภายในรถตู้ จิมมี่รับสาย หน้าตาสบายใจขึ้นแล้ว

" ไงก้อย..เรียบร้อยดีมั้ย"

ก้อยส่งเสียงอู้อี้เพราะกัดนิ้วคนร้ายอยู่

"บอสมาเร็ว มีคนร้าย"

จิมมี่สงสัยกับเสียงนั้น
"อะไรนะ? ไม่รู้เรื่องเลย"
ก้อยยังคงอู้อี้
"ช่วยด้วย! มีคนร้าย"
"อะไรนะ..คนร้าย มันอยู่ไหน..แล้วเธออยู่ไหน"
"อยู่ห้องนอน..หนูกัดมันอยู่"
"อะไรนะ..บางบอน"
ก้อยหงุดหงิด ตะโกน
"ห้องนอนโว้ย!"
ก้อยตะโกนจนลืมกัดนิ้วนักฆ่า
"อ๋อ... ห้องนอน" จิมมี่บอก
ก้อยหันมาอีกทีก็เห็นนักฆ่ายืนกุมนิ้วชี้อยู่อย่างเจ็บปวดและโกรธแค้น ก้อยค่อยๆถอยตัวหนี สะดุดล้มนั่งลง นักฆ่าเดินกุมนิ้วชี้เข้าหาก้อย
" ฟังนะก้อย..มีปืนสั้นซ่อนอยู่ใต้ลิ้นชักโต๊ะทำงาน รีบไปหยิบมาเร็ว"
ก้อยมองไปที่โต๊ะทำงาน เห็นปืนสั้นถูกแปะอยู่ใต้ลิ้นชักจริงๆ ก้อยมองไปที่นักฆ่า ตัดสินใจรีบมุดเข้าใต้โต๊ะ นักฆ่าเข้าไปกระชากขาก้อยลากออกมาจากใต้โต๊ะ
ก้อยกรีดร้อง...
แต่คราวนี้ ในมือก้อยมีปืนสั้นยิงเข้าใส่....แชะ....แชะ
นักฆ่าสะดุ้งเอามือที่กันลงแล้วหัวเราะ
"ปืนเป็นอาวุธที่ไม่น่าเชื่อถือที่สุด..ที่สำคัญคือต้องปลดเซฟก่อน"
ก้อยตกใจตะแคงปืนดู พยายามหาที่ปลดเซฟ

จิมมี่ตะโกนใส่มือถือ
"ก้อย...หนีเร็ว!"
เขาเร่งเครื่องรถขึ้นอีก

ก้อยปลดเซฟแล้วหันปืนกลับไป แต่นักฆ่าถึงตัวก้อยแล้ว! ก้อยยิงทันที นักฆ่าปัด กระสุนลั่นสองนัดซ้อนเข้าใส่ขาและก้นของทนายสมหมายบนพื้น
ก้อยยิงโดนทนายเข้าจึงตกใจ ปล่อยปืนทิ้งลงบนพื้น กรีดร้องขอโทษทนายสมหมายซึ่งยังหลับอุตุ
" ขอโทษค่ะ..ขอโทษค่ะ"
ก้อยพลันนึกได้ว่าตนเองโยนปืนทิ้ง พอหันมองปืน ปืนกลับอยู่ที่ปลายเท้านักฆ่า
นักฆ่ายิ้มให้ก้อย ใช้เท้าเขี่ยปืนไปด้านหลัง ปืนไหลออกไปหน้าประตู
" อย่าเข้ามานะ ชั้นเป็นเทควันโดนะ"
ก้อยขู่พลางออกท่าทางฟุตเวิร์คไปมาแล้ววิ่งหนีผ่านข้างตัวนักฆ่าไป
นักฆ่ายิ้มยื่นขาออกเกี่ยวขาก้อยไว้ ก้อยล้มลง....
" โอ๊ย..!"
ก้อยมือหนึ่งกุมท้อง สีหน้าเจ็บปวด แต่ยังคืบคลานไปที่ประตู คลานเข้าหาปืน

ก้อยคลานผ่านประตูออกมาครึ่งตัวจะถึงปืนอยู่แล้ว นักฆ่าเดินตามมาเตะปืนออกไปอีก แล้วดึงเส้นลวดออกมาคล้องลงบนคอก้อยช้าๆแล้วเริ่มออกแรงรัด ลวดค่อยๆ จมฝังลงบนคอก้อย..ก้อยน้ำตาไหลออกมา
จิมมี่โผล่เข้ามาแล้วต่อยนักฆ่าจนกระเด็นไป
นักฆ่าล้มลง แต่รีบตั้งหลักขึ้นมาใหม่ จิมมี่รีบตามเข้าไปต่อสู้ คนร้ายคว้าเชือกเอ็นเส้นใหม่พยายามมัดแขน มัดคอจิมมี่แต่ก็โดนอัดกลับจนลงไปทรุดตัวงออยู่ที่พื้น
"บอส" ก้อยร้องเรียก
จิมมี่รีบวิ่งกลับไปที่ก้อยอย่างเป็นห่วง เขาช่วยคลายเส้นเอ็นที่รัดข้อแล้วพยุงขึ้นนั่ง ก้อยหอบหายใจ กอดจิมมี่ ร้องไห้ออกมา
จิมมี่ถอนใจอย่างโล่งอก แล้วกอดก้อยตอบ
นักฆ่ายันตัวขึ้นมองไปที่จิมมี่แล้วหยิบปืนสั้นที่ซ่อนไว้ในถุงเท้า แล้วหันปากกระบอกไปที่จิมมี่อย่างรวดเร็ว
แต่ทันใดนั้นเอง....จิมมี่ใช้มืออีกข้างหยิบปืนที่ก้อยทำหล่นบนพื้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน..ยิงสองนัดเข้าที่มือและแขนซ้ายของนักฆ่าโดยไม่ได้หันมอง
" อ๊ากส" นักฆ่าปืนกระเด็นหลุดมือ
จิมมี่กับก้อยหันไปมอง เห็นนักฆ่าพยายามยันตัวขึ้นจากพื้น
" ชั้นจะตามฆ่าพวกแกจนหมดทั้งครอบครัว"
จิมมี่หันไปมองแล้วเดินเข้าหา แต่ก้อยดึงไว้ แล้วเดินเข้าหานักฆ่าแทน
ก้อยจ้องหน้านักฆ่า
"ชั้นบอกแกแล้วใช่มั้ยว่าชั้นเป็นเทควันโด้"
ว่าแล้วก้อยก็เตะเสยคางนักฆ่าสลบเหมือดไปด้วยท่าอันสวยงาม จิมมี่มองอย่างหวาดหวั่น
ก้อยหันมองจ้องตา จิมมี่สะอึก ก้อยที่น้ำตายังไม่แห้งดี เริ่มด่าว่าจิมมี่
" ทั้งหมดนี่ก็เพราะบอสใช้งานก้อยเกินหน้าที่"
ก้อยเดินเข้าหาจิมมี่ แล้วตะคอกถาม
"บอสจ้างก้อยมาทำอะไร"
จิมมี่ถอย
"เล..เลขา"
ก้อยเดินตาม
"แล้วที่ใช้ให้ทำทั้งบัญชี แม่บ้าน จ่ายตลาด ทำกับข้าว แล้วยังให้ปั่นจักรยานมาส่งอีกนี่มันใช่หน้าที่เลขามั้ย?"
" ไม่..ไม่ใช่..ก้อยใจเย็นๆก่อน"
" บอสรู้มั้ย?..ว่านี่เป็นงานที่ห่วยแตกที่สุด และแกก็เป็นเจ้านายที่ห่วยแตกที่สุด"
ทนายสมหมายสนับสนุน
"ใช่ๆ บริษัทของแกมันห่วยแตกที่สุด นอกจากพวกแกจะคุ้มครองชั้นไม่ได้แล้ว แกยังส่งอีนี่มายิงชั้นซ้ำอีก"
ทนายสมหมายฟื้นแล้ว แต่ยังนอนคว่ำหน้าครวญครางด้วยความเจ็บ
" หนูขอลาออกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป" ก้อยบอก
ทนายสมหมายบอก
"ชั้นจะฟ้องร้องแกจนหมดตัวแน่"
ก้อยยิ่งพูดยิ่งระเบิดอารมณ์ออกมา กระชากคอเสื้อจิมมี่แล้วด่าออกมาชุดใหญ่ จิมมี่ได้แต่เหวอ
แต่จู่ๆก้อยก็ร้อง “ โอ๊ย...” ออกมา
ก้อยยกมือกุมท้อง จิมมี่มองตาม เห็นน้ำเดินออกมากำลังจะคลอดแล้ว
จิมมี่มือไม้เป็นพัลวัน ทำอะไรไม่ถูก
"ตามรถพยาบาลสิไอ้โง่!" ก้อยบอก
" ใช่...เรียกรถพยาบาลซิโว้ยยยย กูเจ็บ" สมหมายว่า

รถพยาบาลส่งเสียงไซเรนโหยหวนก่อนจะวิ่งออกไป มีตำรวจพิสูจน์หลักฐานทำงานอยู่ไกลๆ
จิมมี่โบกมือลา หน้าตาจ๋อย เห็นหอยแครงกับชาโดว์เดินเข้ามาสมทบ ทั้งสองดูยังมึนงงจากฤทธิ์ยาสลบ
"แล้วทีนี้จะทำยังไง" หอยแครงว่า
" สงสัยเราจะต้อง..หาเลขาใหม่..เอาที่ทำบัญชีเก่งๆ ทำกับข้าวอร่อยๆ" จิมมี่บอก
"ควรรู้จักศิลปะการป้องกันตัวสักนิดหน่อย" ชาโดว์ว่า
"หน้าอกใหญ่ๆด้วย"
จิมมี่มองหอยแครงแล้วเดินจากไป ก่อนไปยังหันมาพูดอีกด้วยสีหน้าจริงจังว่า
"แล้วก็..ต้องยิงปืนเป็นด้วย"
หอยแครงกับชาโดว์พยักหน้ารับ พยายามทำหน้าจริงจังตาม

ออฟฟิศเดอะการ์เดียน...
นาฬิกาบอกจะห้าโมงเย็นแล้ว...
ภายในเห็นสาวในลุค "เลขานุการ" นั่งเรียงรายอยู่หกเจ็ดคน แป้งนั่งอยู่สุดปลายแถว เก้าอี้ว่างโล่ง..มองใบสมัคร
ใบสมัครเป็นลำดับที่สอง...
พลันได้ยินสียงจิมมี่ตะโกนออกมาจากในห้อง
" โธ่เว้ย..นี่มันอะไรกันวะ..แค่นี้มันจะยากอะไรกันนักหนา ถ้าทำไม่ได้ก็ไปตายซะ"
หญิงสาวตัวอ้วนคนหนึ่งวิ่งร้องไห้ปิดหน้าออกมาจากห้องสัมภาษณ์ แป้งมองตามอย่างเหวอๆ หอยแครงพลันโผล่หัวออก...ยิ้มแหยๆ
" เอ่อ..คุณพิมชนก"
แป้งหันกลับมามอง กำมือแน่น ลุกขึ้นเดินเข้าไป

ภายในห้องสัมภาษณ์ จิมมี่ยกมือกุมหัว สีหน้าเบื่อหน่าย ดูอารมณ์ผิดกับตอนแรกโดยสิ้นเชิง ด้านหลังเปรอะเต็มไปด้วยรอยจุดจากกระสุนสีสันต่างๆเต็มผนังห้องไปหมด แต่ตัวจิมมี่กลับสะอาดสะอ้าน
พอจิมมี่เห็นแป้ง..
เขายกแฟ้มขึ้นพลิกๆดูอย่างเซ็งๆ โยนแฟ้มลงบนโต๊ะ พูดเซ็งๆในรูปแบบเดิม
"ประวัติการทำงานของคุณน่าพอใจมาก แต่งานบริษัทเราค่อนข้างจะโลดโผน เราเลยอยากได้คนที่รู้จักศิลปะการป้องกันตัว"
"ชั้นเรียนมวยไทยมาค่ะ"
จิมมี่พยายามทำหน้าตาสดใสขึ้นเล็กน้อย
"ไม่ทราบว่าคุณพอจะ..."
แป้งไม่รอช้า รีบลุกขึ้นแสดงทันที เป็นโชว์รำไหว้ครูที่สวยงามมาก
จิมมี่และพวกตาค้าง รอจนเธอไหว้ครูเสร็จ แป้งลุกขึ้นส่งยิ้มให้
"จบแล้วค่ะ"
"เอ่อ..แล้ว" จิมมี่พลางออกท่าทางปล่อยหมัดซ้ายขวาเป็นคำถาม
" อ๋อ... อันนั้นยังเรียนไม่ถึงค่ะ"
"อ๋อ..."
จิมมี่พลันยกมือขึ้น จิกทึ้งหัวตัวตัวเอง หอยแครงมองจิมมี่แล้วพูดแทน
"เราจะขอทดสอบคุณอีกอย่าง"
หอยแครงส่งปืนให้แป้ง
" นี่มันอะไรคะ" แป้งถาม
จิมมี่ถอนใจ คลายมือจากการจิกทึ้งหัวตัวเอง
"บีบีกัน..ผมอยากให้คุณยิงมาที่หน้าผม"
" เอ่อ..แต่ว่าชั้น..."
" ไม่มีแต่..ยิงได้ นี่เป็นคำสั่ง"
จิมมี่หยิบหน้ากากขึ้นสวม
แป้งกำลังเล็ง ศอกงอ มือเกร็งสั่น ส่ายไปมา หลับตาซ้ายเล็งสลับกับตาขวาอย่างงกเงิ่น
จิมมี่เห็นท่าแป้งแล้วยกมือกุมหัว พยายามข่มความโกรธไว้
ชาโดว์กับหอยมองอย่างลุ้นๆ
หญิงสาวยิง
ปัง...!
หอยแครงกลิ้งตกเก้าอี้จากแรงกระสุน
" ว้าย..ขอโทษค่ะ"
หอยแครงรีบลุกขึ้นมานั่งใหม่ ก้มมอง ปัดๆรอยเลอะสีเหลืองบนหน้าอกเล็กน้อย ชูมือว่าไม่เป็นไรแก้เก้อ
"เอ่อ..ผมโอเค..ไม่เป็นไร"
จิมมี่มองรอยกระสุนบนเสื้อหอยแครงแล้วโมโหจนถอดหน้ากากเขวี้ยงลงกับพื้น เดินมาหาแป้งอย่างดุดัน
"โธ่เว้ย..เวลายิงปืนก็ต้องลืมตาด้วยสิวะ" จิมมี่แหกตาแล้วตีมือแป้ง "อย่าเกร็ง..อย่างอศอก" เขาพูดพลางจับมือแป้งให้ศอกยืดตรงออก
ปัง..!
จิมมี่ทรุดลง มีรอยสีเหลืองอยู่ที่ท้องรอยหนึ่ง แต่มือยังกุมมือแป้งไว้
จิมมี่จุก
"คุณ?..ยิงผมทำไม?"
" ชั้นไม่ตั้งใจ ก็ชั้นนึกว่าคุณจะทำร้ายชั้น"
จิมมี่พยักหน้า
"ดี..สัญชาตญาณดี"
จิมมี่ลุกขึ้นจับมือของแป้งให้ถูกท่า
"คุณต้องเล็งผ่านศูนย์หลังไปยังศูนย์หน้า..." พลางชี้ประกอบ "ตรงไปที่เป้า ให้ทั้งหมดอยู่บนเส้นตรงเดียวกัน เข้าใจมั้ย"
แป้งเล็งตามที่จิมมี่สอน แล้วพยักหน้า
จิมมี่พยักหน้า เดินกลับไปนั่งที่เดิม
" จากนั้นก็เหนี่ยวไกช้าๆ"
แป้งค่อยๆเหนี่ยวไก
" ช้าๆ อย่าเกร็ง..ๆ นั่นแหละ พร้อมแล้วก็..ยิง"
แป้งเหนี่ยวไกจนสุด..
ปัง..!
จิมมี่หน้าหงายล้มลงทั้งเก้าอี้ ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นมา มือกุมหน้าผาก พอเอามือออกก็เห็นสีเหลืองติดอยู่กลางหน้าผากที่บวมปูด

ชาโดว์บอก "กลางเป้าเป๊ะ"

หอยแครงหัวเราะออกมา

จิมมี่มองแป้งอย่างดุๆ
" ฟลุ๊ครึเปล่า"
ปัง ! ...
จิมมี่กลิ้งลงจากเก้าอี้อีกครั้ง แล้วลุกขึ้นมานั่งอย่างหน้านิ่ง บนแก้มปรากฏสีเหลืองขึ้นอีกจุด
จิมมี่ถอนหายใจตัดสินใจจะเดินออกไปจากห้อง แต่ชาโดว์รีบคว้าตัวเอาไว้
ชาโดว์กระซิบ
"ห้าวันแล้วนะ...มีคนสมัครไม่ถึงสามคน"
"แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ"
"แต่พรุ่งนี้ต้องส่งของแล้วนะเฮีย"
"ลองดูหน่อยเป็นไง"
"เอางั้นเหรอ?"
ชาโดว์กับหอยแครงพยักหน้า จิมมี่สูดลมหายใจลึกแล้วเดินย้อนกลับไปหาแป้ง
"ผมยังไม่ได้สั่งให้ยิงซ้ำ..ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก คุณชื่ออะไร"
"พิมชนกค่ะ"
"ผมหมายถึงชื่อเล่น"
" ชื่อแป้งค่ะ"
"ยินดีด้วยคุณผ่านการทดสอบ"
" ชั้นได้งานแล้วเหรอคะ? ได้เงินเดือนเท่าไหร่คะ?"
จิมมี่ส่ายหน้า
"ยังหรอก..ต้องเทสต์งานจริงก่อน"
แป้งหน้าหด จิมมี่ทำเคร่งขรึม
" พรุ่งนี้เราจะมาทดสอบงานแรกกัน คุณพร้อมที่จะทำงานหนักรึเปล่า"
แป้งขานรับเบาๆ
" ผมไม่ได้ยิน"
แป้งตอบเสียงดัง "พร้อมค่ะ"
" ดี..พรุ่งนี้แปดโมงเช้า กรุณาตรงเวลาด้วย" จิมมี่พูดพลางปิดแฟ้มของแป้งลง

วันรุ่งขึ้น ตอนกลางวัน รถตู้จอดอยู่หน้าตึกใหญ่แห่งหนึ่ง แป้งนั่งอยู่ประจำที่คนขับ มองเวลา กำลังรออะไรบางอย่าง พลางหยิบแป้งมาเติมหน้า
จิมมี่โผล่มาที่ข้างหน้าต่าง เคาะกระจกเรียก แป้งรีบเก็บแป้ง ลดหน้าต่างลง เห็นบนหน้าผากและโหนกแก้มของจิมมี่แปะพลาสเตอร์ไว้ดูบวมๆเล็กน้อย แป้งมองแล้วยิ้มออกมา
จิมมี่ไม่เล่นด้วย ทำหน้าซีเรียสหย่อนกระเป๋าใบหนึ่งลงบนตักแป้ง แล้วกดมือถือเปิดจีพีเอสส่งให้แป้ง
"ให้ส่งกระเป๋าไปท่าเรือตามพิกัดนี้..จะมีคนมารอรับ"
จิมมี่ทำท่าจะไป
" แล้วคุณไม่ไปด้วยเหรอ"
จิมมี่ส่ายหน้า ยิ้มกวนตีน
"โชคดีนะ"
จิมมี่หันจากไป
แป้งเบ้ปาก ดูจุดหมายในมือถือแล้วขับรถออกไป

รถวิ่งมาตามทาง แป้งหมุนหาคลื่นวิทยุไปเรื่อยๆ หยุดที่เพลง "ตุ๊กตาหน้ารถ" ของลุลา แล้วร้องตามอย่างเพลิดเพลิน แต่เสียงแย่มาก
กระเป๋าข้างกาตัวแป้งพลันขยับยุกยิกคล้ายมีตัวอะไรอยู่ภายใน กระเป๋าเอนล้มลงบนตักแป้ง กระเป๋าเริ่มยุกยิกมากขึ้น บางสิ่งคล้ายมือเคลื่อนไหวอยู่ในกระเป๋านั้น คล้ายพยายามลูบคลำไปบนขาอ่อนของแป้ง
แป้งหยุดร้องเพลงกึก ก้มมองกระเป๋า
กระเป๋าไม่เคลื่อนไหว
แป้งมองถนนร้องเพลงต่อ
กระเป๋ากลับมาคลื่อนไหวอีก ลูบไล้ไปที่ก้นของแป้ง
แป้งมองควับมาที่กระเป๋า แต่กระเป๋ากลับนิ่งไม่ไหวติงอีกครั้ง
แป้งยกกระเป๋าขึ้นตั้งห่างออกจากตัวออกไป แล้วมองถนน...ร้องเพลงต่อ
คราวนี้ ซิปกระเป๋าค่อยๆเปิดออกเองอย่างช้าๆ มือเล็กๆข้างหนึ่งโผล่ออกมาจากกระเป๋า
แป้งหันกลับไปมองอีกครั้ง เห็นมือโผล่ออกมาจากกระเป๋าจับหมับเข้าที่ก้นเธอ ในกระเป๋ายังมีดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองมา เธอกรีดร้อง "แอร๊ย...."
รถเป๋ซ้ายทีขวาทีไปตามทางแล้วจอดลง

บริเวณถนน ทางไปท่าเรือ รถเก๋งของจิมมี่ซึ่งแอบขับตามมาแต่ไกลๆก็จอดลงเช่นกัน ภายในรถ จิมมี่อยู่ในตำแหน่งคนขับ ชาโดว์นั่งข้างๆ ส่วนหอยแครงนั่งอยู่ทางข้างหลัง
จิมมี่ส่องกล้องดู เห็นแป้งกำลังทุบตีอะไรบางอย่างอย่างมันมือ
"ต้องไปช่วยมั้ย"
จิมมี่ยิ้มส่ายหน้า
"รอดูไปก่อน"

ภายในรถ แป้งกำลังทุบกระเป๋าใบนั้นไม่ยั้ง ทุบจนกระเป๋าร้องขอชีวิต
" อย่า..พอแล้วๆ ผมผิดไปแล้ว"
แป้งหยุดมือ
"ออกมานะ!"
ซิปค่อยๆถูกรูดเปิดออก
ภายในเป็นคนแคระหื่นกามคนหนึ่ง ส่งยิ้มระรื่นมาทางแป้ง
แป้งตะลึง คนแคระคว้ามือแป้งมากุมไว้ด้วยสองมือ ทำการเช็คแฮนด์อย่างแนบแน่น ยิ้มหวาน แนะนำตัว
"ผมชื่อเอกลักษณ์ เป็นนักตรวจบัญชีมือหนึ่ง ยินดีที่ได้รับบริการจากคุณ" ว่าแล้วพลางปล่อยมือข้างหนึ่งวางลงขาอ่อนแป้งแล้วตบเบาๆ
แป้งโกรธ ตบหน้าเอกเต็มแรง เอกกลับไม่โกรธ ลูบแก้มตัวเองยิ้มๆแล้วเอามาจูบ
"ถือว่าหายกัน..เราจะไปกันต่อรึยัง..รู้สึกคุณจะต้องไปส่งผมที่ท่าเรือใช่มั้ย"
แป้งออกรถกระชากตัวไป..ท่ามกลางเสียงหัวเราะชอบใจของเอกลักษณ์

รถจิมมี่จะออกตาม พลันมีรถตู้สีดำคันหนึ่งเร่งแซงรถจิมมี่ขึ้นไป จิมมี่กับชาโดว์มองหน้ากัน
" ฉิบหายแล้ว" จิมมี่บอก

ภายในรถแป้ง เอกกำลังจ้องมองแป้งอย่างหวานฉ่ำ ส่งยิ้มให้ไม่หยุด แป้งมองเอกอย่างไม่ไว้ใจ เอกยิ้มชูมือแสดงความจริงใจ
แป้งยิ้มเหยียดๆ
"นักตรวจบัญชีมือหนึ่ง?..นักฟอกเงินมือหนึ่งละไม่ว่า..คุณไม่ต้องมาแนะนำตัวหรอก ชั้นรู้ไส้คุณดี"
"นี่ผมเนื้อหอมขนาดนั้นเลยเหรอ"
" เรียกว่าเหม็นหึ่งดีกว่ามั้ง นี่คุณคงโดนใครตามล่ามาสิท่า ถึงต้องมาซุกตัวในกระเป๋าแบบนี้"
เอกยิ้มถูจมูก
"คุณไม่รู้อะไร..ที่ผมต้องซ่อนก็เพราะผมเนื้อหอมนี่แหละ"
แป้งมองเอกหัวจรดเท้าอย่างสังเวช เอกยิ้มกวนตีนตอบ
" อย่าดูถูกคนแคระไป ว่ากันว่าคนแคระมีสมบัติส่วนตัวอันยิ่งใหญ่อยู่ คุณไม่อยากพิสูจน์ดูเหรอ"
เอกลักษณ์พลันยืนขึ้นบนเก้าอี้
แป้งขู่ทันที
"อย่าเข้ามานะ"
เอกพลันรูดซิปกางเกงออก ยิ้มร่าเริง ทำท่าจะโชว์ของดีให้แป้งดู
ทันใดนั้น..รถตู้สีดำก็ขับเข้ามาขนาบข้างจากฝั่งซ้าย กระจกเปิดออก ข้างในเป็นชายใส่สูทสองคน คนนั่งข้างพลันยกปืนขึ้นยิงผ่านคนขับเข้ามาที่หน้าต่างรถแป้งทันที
แป้งกดหัวเอกหลบลง
กระจกแตกออก คนขับหักพวงมาลัยเข้าประกบ ชายชุดสูทเปิดประตูด้านข้างรถตู้เอื้อมมาคว้าตัวเอกในรถแป้งออกไป
แป้งกรี๊ดสู้ ดึงขาเอกเอาไว้ ไม่ยอมให้ชายชุดสูทเอาตัวไป กลายเป็นสภาพรถสองคันวิ่งตีคู่กัน แย่งกันดึงไม่ยอมปล่อยตัวคนแคระ แป้งคว้าตัวคนแคระไว้แล้วกันรถออก
ด้านรถตู้ ชายชุดสูทฉีกตัวออกจากรถแป้ง แป้งดึงเอกเข้ามาในรถได้สำเร็จ รถชายชุดสูทไถลออกข้างทาง

ในรถแป้ง เอกกำลังหอบหายใจคล้ายทรงตัวไม่อยู่ ยื่นมือออกยันไปด้านข้าง
" เกือบไปแล้ว" เอกบอก
พอหันมองก็เห็นแป้งกำลังมองตาเขียว เนื่องจากมือของเอกยันแปะอยู่บนอกของแป้ง เอกรีบเอามือออก
" โอเค..ผมไม่ได้ตั้งใจ"
แป้งไม่ฟังง้างมือจะต่อย
รถตู้พลันเร่งเครื่อง ฉีกขึ้นเบียดมาประกบรถแป้ง ชายชุดสูทกระหน่ำยิงที่ประตูข้างรถตู้ แป้งกรี๊ดออกมา รีบประคองรถไว้ไม่ให้ตกถนน รถตู้ตามมาประกบอีก ชายชุดสูทเอื้อมมือสไลด์ประตูรถตู้ได้แล้วกระโดดเข้าไปทันที ชายชุดสูท 2 จะกระโดดตามไป แต่โดยยิงสกัดจมล้มกลับเข้าไปในรถตู้สีดำ

ในรถจิมมี่ ชาโดว์ขึ้นกระสุนใหม่ กล้องไรเฟิลเล็งอยู่ที่หัวคนขับคนตู้
"ยิงเลยมั้ย" ชาโดว์ถาม
" อย่าเพิ่ง มันอาจจะเบียดรถตู้ได้"
" แป้งจะไม่ไหวแล้ว ถ้ารถคว่ำไป..แย่แน่"
รถตู้แป้งเป๋ไปมา..โดยมีรถตู้ชายสูทประกบอยู่
จิมมี่สีหน้าหนักใจ
หอยแครงที่นั่งเงียบมาตลอดพลันหยิบมือถือขึ้นมา
"ผมเพิ่งติดตั้งระบบรีโมททางไกลกับรถคันนั้น ผมว่าผมบังคับมันได้"
" งั้นก็รีบทำสิวะ" จิมมี่บอก
หอยแครงเปิดระบบรีโมท ระบบกำลังบู๊ท บนหน้าจอขึ้นรูปไฟแดง จิมมี่เหยียบรถเร่งเครื่องตามรถตู้ทั้งสองคันขึ้นไป

ในรถแป้ง ชายชุดสูทพยายายามคว้าคอเอกออกมาจากที่นั่งคนขับ เอกถีบสู้ แป้งกรี๊ด ขับรถไป ตบตีไป
ชายชุดสูท ลากตัวเอกข้ามมาตรงกลางรถตู้จนได้ แต่แป้งไม่ยอม กลับจิกหัวชายชุดสูทยื้อเอาไว้
ชายชุดสูทร้องโอ๊ยออกมา หัวถูกดึงอยู่กึ่งกลางระหว่างเบาะ มันเลยหันกลับมาเล่นงานแป้ง จิกหัวแป้งกระแทกเข้ากับพวงมาลัยอย่างจัง
แป้งสลบเหมือด ปล่อยมือจากหัวชายชุดสูทและพวงมาลัย รถตู้แป้งพลันแยกตัวออกจากรถกะบะชายชุดสูท เป๋ออกข้างทาง

"ไอ้หอย!" จิมมี่ เรียกอย่างร้อนใจ
ไฟแดงบนหน้าจอมือถือหอยแครงพลันเปลี่ยนเป็นสีเขียว
" ได้แล้ว!"

แป้งสลบ พวงมาลัยบิดออกทางซ้าย รถกำลังจะตกจากถนน หน้าปัดพวงมาลัยพลันขึ้นจุดไฟสีเขียว
หอยแครงบังคับรถแป้ง โยกคันโยกไปทางขวา
พวงมาลัยรถแป้งหักกลับมาทางขวา รถกลับเข้าสู่เส้นทาง
ชายชุดสูทโบกมือให้เพื่อนขับรถตู้มาประกบ แต่แล้วประตูรถตู้ออฟฟิศอีกข้างกลับเปิดออก....จิมมี่กระโดดเข้ามา ชายชุดสูทหยิบปืนจะยิงแต่จิมมี่คว้าข้อมือไว้ทัน ปัง...กระสุนถากหน้าเขาไปนิดเดียว !
รถตู้สีดำตามมาประกบอีกฝั่งของประตู จิมมี่บิดแย่งปืนชายชุดสูทมาได้แล้วยิงเข้าใส่รถตู้สีดำ จนมันต้องเหยียบเบรกถอยหลังออกไป
ชายชุดสูทอัดเข้าที่ลำตัวของจิมมี่จนปืนหลุดมือไป จิมมี่จับได้เหวี่ยงมันร่วงลงไปจากรถ

ชาโดว์หักรถหลบไม่ให้ทับชายชุดสูทที่ร่วงลงไป

รถตู้สีดำวิ่งตามมาประกบอีกครั้ง ประตูรถตู้สีดำถูกเปิดออก
" ไม่เลิกใช่ไหม....ได้..!"
แล้วจิมมี่ก็กระโดดออกไปทันที

หอยแครงตกใจกับภาพที่เห็น " เฮ้ย....เฮีย"

ภายในรถตู้ด้านหลังโล่งไม่มีเก้าอี้ แต่มีชายชุดสูทสองคนพร้อมปืนเล็งรอมาที่จิมมี่

จิมมี่พูดผ่านบูธูท "เหวอ.....ชาโดว์...ล้อรถ!"

ชาโดว์กระชับปืนขึ้นเล็งแล้วลดลงต่ำแล้วเหนี่ยวไก ปัง ! ...ล้อรถโดนกระสุนระเบิด

ชายชุดสูททั้งสามคนที่หลังรถพลันถูกแรงกระแทกเสียหลัก
ชายชุดสูท2 ตั้งหลักได้เล็งปืนมาที่จิมมี่อีกครั้ง
จิมมี่ซัดมีดเข้าใส่แขนมัน แล้วกระโดดเข้าไปในรถตู้ โถมใส่ชายชุดสูท3
ชายชุดสูท3 ยิง..แต่จิมมี่จับปืนชายชุดสูท3ไว้
ชายชุดสูท2 ที่โดนมีดจิมมี่ ลุกขึ้นมา โถมใส่จิมมี่จากด้านหลัง
จิมมี่จับมือชายชุดสูท3 ยิงเข้าใส่ชายชุดสูท2 จนมันล้มลงอีกครั้ง
ชายชุดสูท4 ซึ่งทำหน้าที่คนขับ พลันยกปืนกราดยิงเข้าใส่โดยไม่สนว่าจะโดนพวกเดียวกัน
จิมมี่เอาตัวชายชุดสูท3บังไว้ ดันเข้าหาด้านหน้ารถ
ชายชุดสูท3 กลายเป็นเกราะถูกยิงพรุน..ระหว่างทางจิมมี่คว้ามีดของตัวเองที่ปักอยู่บนแขนชายชุดสูท 2 ขึ้นมา แล้วปักไปบนแขนชายชุดสูท 4 ที่กำลังกราดยิง มีดปักทะลุแขนมันติดตรึงอยู่กับพนักเบาะนั่ง
จิมมี่หยิบปืนจากมือจ่อเข้าใส่หัว ชายชุดสูท4 ที่เป็นคนขับทันที
จิมมี่ยิ้มแล้วบอก
"มึงเลือกเอา"
รถตู้สีดำจอดสนิทโดยรถเก๋งขับมาจอดข้างๆ
ชาโดว์ขับรถมาขึ้นตีคู่ ยิ้มยกนิ้วโป้งให้จิมมี่
จิมมี่ยิ้ม ชูนิ้วโป้งตอบ
หอยแครงบังคับรถแป้งขึ้นมาประกบอีกข้าง ท่าทางสนุก
"มันโคตร..เฮีย"

รถแป้งขับมาตามทางท่าเรือ ในรถ แป้งฟื้นขึ้นมา งัวเงีย ภาพแรกที่เห็นคือ เอกนอนยิ้มร่าอยู่บนตัก มือกำลังเชยแก้มคางเธอเล่นอย่างสนุกสนาน
แป้งกรี๊ดออกมา ตบฉาดซ้ายขวาไปบนหน้าเอกไม่ยั้ง
"พอๆ..พอแล้ว...ๆ"
แป้งหยุดหอบหายใจ แล้วพลันเห็นรถแล่นเอง
"ผี!"
เอกหัวเราะ
"ไม่ต้องตกใจ ไม่ใช่ผีหรอก ดูเหมือนจะมีคนคอยช่วยคุณอยู่น่ะ"
เอกชี้ไปด้านหลัง แป้งมองตาม เห็นถนนโล่งๆ ไม่เห็นมีใคร
แป้งมองถนนแล้วหันมองพวงมาลัย พลันคิดออก
"คุณหมายถึงนายจิมมี่?"
เอี๊ยด....ด…. รถแป้งพลันเบรกเอี๊ยดลงที่ท่าเรือ จนแป้งและเอกหน้าคะมำ
ข้างหน้ารถ จรงบริเวณท่าเรือมีเรือลำสวยจอดเทียบ
เอกและแป้งเดินลงจากรถมองไปที่เรือที่จอดรออยู่
เอกยิ้
"ขอบคุณนะ..คุณทำงานได้ดีมาก" เอกตบก้นแป้งชมเชยเบาๆแล้วรีบเดินหนีไปที่เรือ
ฉับพลันนั้น เอกก็หน้าเปลี่ยนสี หยุดเท้าลง เมื่อเห็นชายในชุดสูท 5 คนเดินออกมาจากในเรือ คนหนึ่งยังจับหญิงสาวสุดเซ็กซี่ในชุดวาบหวิวไว้เป็นตัวประกัน
คนสุดท้ายที่เดินออกจากเรือเป็นหญิงสาวในชุดกี่เพ้าดำ สวยสูง ดูทรงอำนาจ
" ดา..."เอกมองไล่ลงมาที่มือดา
ในมือดามีปืนถือชี้ลงพื้น
ดาและชายชุดสูทห้าคน เดินลงมาประจันหน้ากับเอกและแป้ง
"คุณรู้ได้ยังไง"
ดามองจ้องเอ
"รองเท้าทุกคู่ของคุณมีจีพีเอส"
เอกหน้าเสียในทันที
"นี่คุณไม่เคยไว้ใจผมเลยใช่มั้ย"
"ถ้าไว้ใจคุณ..วันนี้ชั้นจะเป็นยังไง"
เอกเงียบ..
เสียงกริ่งจักรยานดังคั่นจังหวะ ทั้งหมดหันมอง เห็นจิมมี่ขี่จักรยานเข้ามาแทรกกลาง ก่อนจะลงจากรถ
"กรุณาหลีกทางด้วยครับ ลูกค้าของผมต้องไปขึ้นเรือ"
เอกยิ้มชี้นิ้วโป้งไปที่จิมมี่
ชายชุดสูททั้งห้า ควักปืนออกมาจ่อจิมมี่ทันที
" โห.." จิมมี่นับปืนฝ่ายตรงข้ามโดยเริ่มจากกระบอกในมือดา "1.. 2.. 3.. 4.. 5.. 6.."
พอสิ้นคำ “6” จิมมี่ก็สะบัดนิ้วขึ้นเป็นท่ายิงปืน พร้อมทำเสียงยิงประกอบ
ปืนกระบอกที่หกพลันกระเด็นหลุดจากมือคนถือไปไกล
ทุกคนนิ่งกันไปพักหนึ่ง
จิมมี่ยิ้ม "ให้ผมนับอีกมั้ย"
เหล่าชายชุดสูทคล้ายนึกขึ้นได้ รีบล้อมดาไว้กึ่งกลางเพื่อป้องกันภัย
ดาโวยวาย และทุบตีพวกที่มาล้อมตน
"ทำอะไรของพวกแก..หลีกไป..ๆ"
ดาแหวกตัวออกมาประจันหน้ากับจิมมี่
"แกรู้มั้ยว่าชั้นเป็นใคร?"
จิมมี่พยักหน้า
"ผมต้องขอโทษเจ๊ดาด้วย แต่สามีคุณจ้างพวกผมส่งเค้าขึ้นเรือ ยังไงเราก็ต้องทำให้สำเร็จ"
"แค่ส่งขึ้นเรือ"
จิมมี่พยักหน้า
" งั้นชั้นต้องการคุยกับสามีชั้น..นี่คงไม่ขัดกับงานของคุณใช่มั้ย"
จิมมี่มองปืนในมือดา
"คุยกันไม่ต้องใช้ปืน"
ดาโยนปืนในมือใส่อกจิมมี่ทันที จิมมี่รับ
" ชั้นจะคุยกับสามีได้รึยัง"
จิมมี่ถอยหลังไป แป้งผลักเอกที่เกาะขาตนอยู่ออกมาเผชิญหน้าดา
ดายิ้มมองเอกอย่างลึกซึ้ง
"ชั้นอยากรู้เหตุผล ชั้นไม่ดีต่อคุณตรงไหน"
เอกงง เกาหัวแกรก
"ไม่ดีตรงไหน?.. ตั้งแต่ผมแต่งกับคุณ..ชีวิตผมก็มีแต่ความขมขื่น ต้องทำตามคำสั่งของคุณตลอดเวลา แม้แต่เรื่องแต่งงานคุณก็ไม่ได้ทำเพราะรักผม แต่ทำเพื่อประชดพ่อคุณ..เท่าที่ผมรู้..คุณแต่งกับผมก็เพราะพ่อคุณเกลียดผม!"
ดาพยักหน้า "นั่นคือสิ่งที่คุณคิด"
เอกพยักหน้าตอบ "นั่นคือสิ่งที่คุณเป็นต่างหาก"
ดานิ่งไปพักหนึ่ง "คุณไม่เคยรักชั้นเลย"
เอกพยักหน้า)
"รัก..รักสิ..ผมรักมดแดง" เอกชี้ไปที่หญิงสาวในชุดวาบหวิว) "รักมดแดงคนเดียว ผมไม่เคยรักคุณเลยแม้แต่นิดเดียว"
มดแดงที่โดนจับอยู่ครางออกมาด้วยเสียงวาบหวิว
" พี่เอกขา"
ดากำหมัดแน่น ขบกรามพยักหน้า
"ดี..ดีแล้ว..งั้นชั้นก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว คุณไปได้แล้ว"
เอกประหลาดใจกับคำสั่งนี้ของเมียจนพูดไม่ออก เห็นดากระดิกนิ้วสั่งให้ปล่อยมดแดง
มดแดงสาวโผเข้ากอดเอก
รถสองคันเข้ามาจอดเทียบ ดาเดินขึ้นรถไป ก่อนขึ้นรถยังหันมามองเอกยิ้มให้
"ขอให้โชคดี"
เอกรู้สึกหนาวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก กอดกระชับมดแดงแน่นขึ้น
รถดาจากไป
เอกถอนใจออกมาเสียงดัง แล้วยื่นมือออกเช็คแฮนด์กับจิมมี่
" ผมพอใจกับบริการคุ้มกันของคุณมาก เดี๋ยวผมถึงที่แล้วจะโอนเงินครึ่งหลังพร้อมโบนัสพิเศษมาให้"
จิมมี่ยิ้ม
"ความจริงคุณน่าจ้างผมไปส่งให้ถึงที่หมาย"
เอกหัวเราะ
"แค่นี้ดีแล้วล่ะ อยู่บนเรือ ผมมีอะไรต้องทำอีกเยอะ" แล้วเหลือบมองมดแดงอย่างมีเลศนัย
มดแดงยิ้มบิดตัวหยิกเอกแก้เขิน เอกหัวเราะออกมาอย่างรื่นเริงเช่นเคย แล้วยื่นมือออกขอเช็คแฮนด์กับแป้ง
แป้งดูหวาดๆ แต่ยังยื่นมือออกมา เอกจับเขย่าแนบแน่นแล้วจูบลาลงบนหลังมือแป้ง แป้งรีบดึงมือออก มดแดงตีแล้วหยิกเอกอย่างหึงหวง เอกหัวเราะโบกมือเดินขึ้นเรือไป
แป้งแอบเช็ดมือกับกางเกง จิมมี่หันมามองแป้ง ยิ้มให้
" ขอต้อนรับสู่ทีมเดอะการ์เดียนอย่างเป็นทางการ คุณผ่านการทดสอบแล้ว"
จิมมี่ยื่นมือออกขอเชคแฮนด์ แต่แป้งกอดอกไว้ไม่ยอมเชคแฮนด์ด้วย จิมมี่ยื่นมือเก้อ ค่อยๆหดมือกลับ

เวลาต่อมา จิมมี่จอดรถแล้วเดินผิวปากเข้าออฟฟิศอย่างอารมณ์ดี...

ที่โต๊ะประชุม ชาโดว์กับหอยแครงนั่งหน้าเครียดอ่านหนังสือพิมพ์ แป้งอ่านเอกสารบริษัทเครียดอีกมุมหนึ่ง
" เป็นอะไรไปเนี่ย...วันเงินออกจะนั่งหน้าเครียดกันทำไม"
หอยแครง ชาโดว์ และแป้งมองมาที่จิมมี่เป็นจุดเดียว
" นี่เฮียไม่รู้ข่าวอะไรเลยเหรอเนี่ย"
"ข่าวอะไรวะ...หอย"
ชาโดว์โยนหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ เป็นไทยรัฐฉบับวันอาทิตย์ มีรูปซุปตาร์น้องแนนนี่ในชุดว่ายน้ำขนาดใหญ่เป็นจุดเด่น
หอยแครง ชาโดว์ และแป้งเพ่งมอง
" หูย...น้องแนนนี่นี่แน่นไปทั้งตัวเลยเนอะ...แต่..พวกนายดูน้องเค้าแล้วเครียดเนี่ยนะ"
" จะเอาฮาไปไหนเนี่ย...ข่าวนี้เว้ย.." ชาโดว์จิ้มไปที่รูปศพเอก
หัวข่าวขนาดไม่ใหญ่ “พบร่างคนแคระและชู้รักติดอวนเรือประมง” พร้อมลงรูปประกอบ แต่รูปโดนสกรีนโทนบังศพไว้
จิมมี่อึ้งแดก
" แบบนี้เงินครึ่งหลังกับโบนัสก็อดใช่ไหม"
หอยแครงทำท่าคิดตาม
"งั้นเราไปทวงจากเจ๊ดากัน ผัวเป็นหนี้ เมียก็ต้องใช้"
ทุกคนมองหน้าหอยแครงอย่างเหนื่อยหน่าย..แป้งเดินเข้ามา
" ไม่ใช่แค่นั้นหรอกนะ" แป้งยกมือนวดขมับ ส่งจดหมายให้จิมมี่
" นี่อะไร?" จิมมี่เปิดอ่าน
แป้งถอนใจแรงบอกทุกคน
"สรุปสั้นๆก็คือ..ทนายสมหมายยื่นฟ้องบริษัทเราสิบสี่ข้อหาเป็นเงินสิบล้านบาท"

จิมมี่ หอยแครง ชาโดว์ยืนตะลึง...

อ่านต่่อตอนที่ 2
กำลังโหลดความคิดเห็น