ล่าดับตะวัน ตอนที่ 17
สองคนนัดเจอกันในมุมลับตาของบรรยากาศกรุงเทพฯ ยามราตรี อัคคเดชออกอาการดีใจเมื่อได้ทราบข่าวจากภูผา
“ในที่สุดโอกาสของเราก็มาถึงแล้ว”
“ครับ ครั้งนี้เราน่าจะปิดบัญชีนายตะวันได้สักที”
“เตรียมตัวให้พร้อม ภารกิจของคุณมันจะเสร็จสิ้นก็งานนี้แหละ”
ภูผาพยักหน้า ยิ้มกว้างดีใจ ภารกิจหนอนจะสิ้นสุดแล้ว
ในเวลาต่อมา กรอบรูปแม่ภูผาวางอยู่บนแท่นบูชา มีของไหว้วางอยู่ด้านหน้า ภูผาพนมมืออยู่หน้าแท่นบูชาในห้องพัก จุดธูปไหว้แล้วปักธูปลงกระถาง เขาบอกกับรูปแม่ อย่างดีใจ
“อีกนิดเดียวครับแม่ ทุกคนก็จะได้รู้ความจริงแล้วว่า ผมไม่เป็นอย่างที่พวกเค้าคิด ผมจะบอกทุกคนได้เต็มปากเต็มคำว่า ผมเป็นตำรวจ ลูกชายของแม่คนนี้เป็นตำรวจ”
คล้ายกับรูปแม่มองจ้องมาและยิ้มตอบรับคำพูดลูกชายด้วยใบหน้ายินดี
รุ่งเช้า เสียงกริ่งหน้าประตูกดเรียกเร่งให้ผู้เป็นเจ้าของห้องมาเปิด ปานวาดในชุดนอนรีบเดินไปเปิด ปากบ่นอุบอิบ พลางร้องบอกไป
“กดครั้งเดียวก็ได้ยินแล้ว...แป๊บนึงค่ะ”
ประตูเปิดออก ปานวาดมองฉงน เมื่อเห็นว่าคนกดเป็นภูผาที่ยืนยิ้มเผล่อยู่หน้าประตู
“ภูผา”
“อะไรยังไม่อาบน้ำอีกเหรอ สายป่านนี้แล้ว”
“ก็ไม่ได้ออกไปไหนนี่ จะรีบอาบทำไม”
“งั้นก็แสดงว่าว่าง ออกไปข้างนอกละกัน อยู่นี่อุดอู้จะตาย ผมพาไปเที่ยวดีกว่า”
ปานวาดทวนคำอย่างแปลกใจ “ไปเที่ยว”
ก่อนจะถูกภูผาดันตัวให้กลับเข้าไปในห้อง
“เร็วรีบไปอาบน้ำ แต่งตัว สวยๆ ด้วยนะ”
“นึกอะไรขึ้นมา”
ภูผายิ้มหน้าเป็น “ก็นึกอยากจะเที่ยวไง ไป เร็วๆๆ”
ปานวาดอมยิ้มขำในท่าทีน่ารักของภูผา
ภูผานั่งรออยู่สักครู่ใหญ่ๆ หันมองไปเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องนอนเปิดออกมา เห็นปานวาดอยู่ในชุดสวยสะดุดตา ภูผาตะลึงแล มองไม่กะพริบตา จนคนถูกมองรู้สึกเขิน
“มองอะไร ไม่เคยเห็นรึไง”
“เคย แต่ไม่เคยเห็นที่สวยขนาดนี้”
ปานวาดยิ้มเขินใหญ่ เมื่อถูกชมซึ่งๆ หน้า
“นี่ ถ้ามองนานกว่านี้ เจอ.. แน่”
พร้อมกับว่า ปานวาดทำท่าเป่าปากกระบอกปืนใส่
ภูผากลืนน้ำลายฝืดคอ บอกอย่างติดตลกว่า
“ยอมตาย”
ปานวาดหัวเราะขำก่อน และทั้งสองก็เดินออกจากห้องไปด้วยกัน
ที่ท่าเรือหางยาว ท่าประตูน้ำ ภูผากับปานวาดก้าวลงเรือหางยาวที่ท่าแห่งนี้ สองคนนั่งคู่กันที่หัวเรือ
“จะพาไปไหนเนี่ย ทำไมต้องนั่งเรือด้วย” ปานวาดตื่นเต้น
“จะพาไปเที่ยวตลาดน้ำขวัญเรียม”
“โห คลาสสิกจริงๆ”
ภูผาหัวเราะ “ไม่ดีเหรอ รักอมตะนิยายไทย”
“แต่ตอนจบขวัญเรียมต้องตายนะ”
“เหรอ” ภูผายิ้มหน้าเป็นใส่ ปานวาดหัวเราะคิก
ในเรือหางยาวที่แล่นเลี้ยวผ่านโค้งน้ำในคลองแสนแสบ มุ่งหน้าสู่ตลาดน้ำขวัญเรียมนั้น แลเห็นสองหนุ่มสาวมือปือฝีมือฉกาจนั่งอิงแอบกินลมชมวิวจับมือกันอย่างสนิทสนม ดูราวกับเป็นคู่รักกระนั้น
เมื่อมาถึงตลาดน้ำขวัญเรียม ทั้งสองเดินเที่ยว ตามที่ต่างๆ ดูกิจกรรม และร่วมเล่นกิจกรรมกับตลาดน้ำ มีไหว้พระที่วัดที่อยู่ติดกับตลาดน้ำ ก็ได้
กว่าจะกลับจากตลาดก็มืดค่ำมากแล้ว เวลานี้ภูผาเดินมาส่งปานวาดที่หน้าห้องพักคอนโด ทั้งสองมองสบตากันลึกซึ้ง ปานวาดนั้นเริ่มรู้สึกดีกับภูผามากขึ้นทุกขณะจิตจึงหลบตาวูบ
“ขอบคุณนะ สำหรับวันนี้”
ภูผายิ้มรับ แต่พอปานวาดหันไปไขกุญแจเปิดประตู ภูผากลับรั้งแขนเอาไว้
“เดี๋ยว”
ปานวาดหันมามองสีหน้าฉงน
ภูผาหยิบกล่องกำมะหยี่ออกมา ปานวาดมองด้วยความตื่นเต้น
“อะไร”
ภูผาเปิดให้ดูช้าๆ เผยเห็นว่าเป็นสร้อยสวยเส้นหนึ่งอยู่ข้างในนั้น ปานวาดตาโต ก่อนที่สร้อยนั้นจะมาประดับนคอระหงของเธอโดยมือภูผาที่บรรจงสวมให้อย่างนุ่มนวล ปานวาดมองอย่างซึ้งใจ
“หวังว่าวาดจะชอบนะ”
ปานวาดยิ้ม พลางสัพยอก “จะขอเป็นแฟนด้วยรึเปล่าเนี่ย”
“อยากอยู่ พร้อมรึเปล่าล่ะ”
“ยัง ขอดูไปก่อน ตอบแบบดารามั้ย”
ภูผาขำ “ยิ่งกว่าดาราอีก”
ขอบคุณนะภูผา ขอบคุณที่ทำให้เรายิ้มได้
ปานวาดสำทับน้ำเสียงจริงจังนั้นด้วยการหอมแก้มภูผา ก่อนจะเดินเข้าห้องไป ภูผายิ้มกว้างหัวใจพองโต
มันเป็นวันที่ท้องฟ้าเหนือกรุงเทพมหานคร เกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลด
วันที่ในปฏิทินเป็นวันอาทิตย์ มีข้อความเขียนทับบันทึกเอาไว้ ว่า D Day ก่อนเวลานัดราว สองชั่วโมง ภูผาแต่งตัวเสร็จแล้ว กำลังเช็คปืนพกประจำตัว ก่อนจะเก็บเข้าเอว แล้วสวมแจ๊กเก็ตทับ แล้วหันมองสบตาเงาตัวเองในกระจกอีกครั้ง
“วันสุดท้ายแล้วภูผาที่แกจะต้องอยู่ใต้ดินแบบนี้”
ตำรวจในคราบโจร ยิ้มให้กำลังตัวเอง แล้วเดินออกห้องไปอย่างมั่นใจ
อีกฟากหนึ่ง ขณะที่หมอกกำลังหยิบปืนขึ้นมาตรวจเช็ค หลินเดินเข้ามากอดจากทางด้านหลัง หมอกชะงักออกอาการแปลกใจ ก่อนหันหน้ามาคุยด้วย
“คุณไม่ไปไม่ได้เหรอคะ หลินไม่อยากให้คุณไปเลย”
“คุณมีอะไรรึเปล่า”
“เมื่อคืนหลินฝันไม่ดีเลยค่ะ ฝันว่าคุณ...ตาย”
หมอกหัวเราะขำ แล้วบอกปลอบคนรักด้วยรอยยิ้มว่า “ผมไม่ตายง่ายๆ หรอก”
“แต่หลินก็กลัวอยู่ดีค่ะ”
หมอกจับมือมากุม บีบเบาๆ เป็นการปลอบขวัญ
“ก็ผมเคยให้สัญญาแล้วไงครับ ถ้าคุณไม่อนุญาต ผมจะไม่ยอมเป็นอะไรไปเด็ดขาด”
“สัญญานะคะ”
“ครับ ผมสัญญา”
หมอกสวมกอดหลินเต็มรัก
ไม่นานต่อมา หมอก ปานวาด และ ภูผา ขับรถเข้ามาจอดเรียงในเวลาไล่เลี่ยกัน ก้าวลงจากรถหันมองสบตากัน แล้วเดินเข้าคฤหาสน์ไป มาดโคตรเท่ๆ
ตะวันนั่งหลับตาพริ้ม ทำสมาธิฟังเพลงบรรเลงอยู่ในห้องพักผ่อน สักครู่จึงลืมตาขึ้น รับรู้ถึงการเข้ามาใกล้ๆ ของปราการ
“มาพร้อมกันแล้วครับ”
ตะวันพยักหน้ารับรู้ พลางสั่ง
“โทร.เช็คปิงซิว่าเป็นยังไง”
อ่านต่อหน้า 2
ล่าดับตะวัน ตอนที่ 17 (ต่อ)
ณ ย่านชานเมือง ละแวกเส้นทางบายพาส เลี่ยงเมืองเข้ากรุงเทพฯ ปิงจอดรถอยู่ข้างทางแถวนั้น กระทั่งมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เรียกปิงให้รับสาย
“ครับพี่ปราการ”
“ของมารึยัง”
ยังไม่ทันตอบ รถที่แล่นมาจอดด้านหลังเปิดไฟกะพริบใส่ ปิงเหลือบมองทางกระจกหลัง เห็นเป็นขบวนรถขนยาและรถคุ้มกันของลูกน้องยี่เส่ง จึงบอกกลับไปว่า
“ถึงแล้วครับ”
“งั้นพาไปจุดพักยา เรียบร้อยแล้วแกก็เข้ามาเจอพวกเรา”
“ครับ”
จากนั้นปิงจึงเคลื่อนรถนำขบวนออกไป
ตะวันพร้อมปราการเดินเข้ามาในห้องที่ ปานวาด ภูผา หมอก นั่งรออยู่ ทั้งสามลุกขึ้นแสดงความพร้อม ตะวันพยักหน้าให้ แล้วเดินนำออกจากคฤหาสถ์ องครักษ์ทั้งห้าเดินตาม มาดอย่างเท่ ไม่แพ้ประมุขแก๊งอัคคี
ทั้งหมดขึ้นรถที่ลูกน้องอีกจำนวนหนึ่ง รออยู่หน้าคฤหาสน์ ก่อนเคลื่อนรถตามกันออกมา
อีกฟาก ที่หน่วยเมฆาพยัคฆ์ เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นบอกให้รู้ว่ามีข้อความเข้า อัคคเดชนั่งรอเวลาอยู่ในห้องทำงานกดเปิดดู เห็นเป็นข้อความส่งมาจาก P เขียนว่า
“ลงมือแล้ว”
อัคคเดชยิ้มสมใจ
ชบา อ้อย และ มนตรี นั่งรอประชุมอยู่ในหน่วย อัคคเดชเดินออกมาจากห้องมา พร้อมกับบอกขึ้นว่า
“ประชุม”
ทั้งสามจึงลุกขึ้นเดินตามอัคคเดชออกมา
เวลาเดียวกันนี้ เห็นรถของหน่วยอรินทราช สองคันแล่นเข้ามาจอดที่ลานจอดหน้าหน่วยเมฆาพยัคฆ์ ทุกคนลงจากรถมาเข้าแถ้ว ตามคำสั่ง หัวหน้าจัดระเรียบแถว แล้วสั่งออกเดินเข้าอาคารอย่างองอาจและเป็นระเบียบ ทั้งสองทีมมีหัวหน้าหน่วยดูแล และหัวหน้าชุดอีกคน คุมทีมไป
อัคคเดชกับลูกทีมในหน่วยยืนรอ การมาถึงของผู้การเด่นชาติพร้อมนายตำรวจติดตาม ทั้งสี่แสดงความเคารพ ผู้การตะเบ๊ะรับ แล้วเดินนำทั้งหมดเข้าไปในห้องประชุม
อรินทราชก่อนหน้านี้ และเจ้าหน้าที่ในหน่วยเมฆาพยัคฆ์ และคนอื่นๆ รออยู่ในห้องประชุมใหญ่ ราวเกือบสี่สิบคน พอผู้การเดินนำเข้ามาให้ห้อง หัวหน้าอรินทราชก็สั่งแสดงความเคารพขึ้น
“ทั้งหมดตรง”
ผู้การเดินเข้ามาหยุดที่หน้าห้องบอกกับที่ประชุมว่า
“ตามสบาย”
ทั้งหมดนั่งลง
“วันนี้จะมีปฏิบัติการพิเศษเพื่อจับกุมยาเสพติดรายใหญ่ จึงเรียกทุกคนมา ซึ่งรายละเอียดในการปฏิบัติการครั้งนี้ ผู้กำกับอัคคเดชจะเป็นคนบรรยายสรุปให้พวกคุณฟัง”
อัคคเคชโค้งแสดงความเคารพผู้การที่ถอยฉากออกไป แล้วเดินเข้ามาแทนที่ เริ่มบรรยายสรุปแผนการ
“ปฏิบัติการครั้งนี้มีชื่อว่า ปิดประตูตีแมว ซึ่งเป้าหมายในการจับกุมของเราในวันนี้คือ นักธุริจใหญ่ที่มีชื่อว่านายตะวัน แสงสุริยะ ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง และเป็นหัวหน้าแก๊งอัคคีคนปัจจุบัน”
ภาพบนจอโปรเจ็กเตอร์ขึ้นภาพตะวัน
“จากการข่าวที่สายรายงานมา จะมีการรับส่งมอบยาเสพติดที่มีมูลค่าสามล้านเหรียญสหรัฐ และอาจสูงถึงสิบล้านเหรียญหากสามารถนำออกนอกประเทศได้”
มีเสียงครางฮือดังขึ้นในที่ประชุม
“ซึ่งครั้งนี้เราอาจต้องปะทะกับกลุ่มคนร้ายถึงสามฝ่าย นั่นคือ กลุ่มแรก...”
ภาพบนจอเป็นภาพ ปราการ หมอก ปานวาด ภูผา และปิง
“นี่คือลูกน้องคนสนิท 5 คน ของนายตะวัน ห้าคนนี้เป็นทั้งองค์รักษ์และ มือสังหารประจำตัวของนายตะวัน หากต้องปะทะด้วยพวกคุณต้องระวังเป็นพิเศษ”
ชบามองจ้องรูปภูผาด้วยอาการหมั่นไส้เต็มที่
ภาพบนจอเปลี่ยนเป็นมาเฟียเกาหลีที่จะมารับยา
“ส่วนคนนี้คือ คิมจองวาน หันหน้าแก๊งคงซู ของเกาหลี ที่คาดว่าจะมารับยาด้วยตัวเองในวันนี้ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีผู้ติดตัวพร้อมอาวุธครบมือมาคุ้มกัน”
ภาพบนจอเปลี่ยนเป็นรูปนายพลยี่เส่ง
“ส่วนนี่คือ นายพลยี่เส่ง ราชายาเสพติดแห่งสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเป็นคนผลิตยาและจัดส่งยาในครั้งนี้ โดยมีนายตะวันเป็นนายหน้าคนกลาง ซึ่งแน่นอนว่ายาที่ขนมาต้องมีกองกำลังติดอาวุธติดตามมาคุ้มกันด้วย จำนวนหนึ่ง ซึ่งพวกนี้จะเป็นนักรบแบ่งแยกดินแดน เป็นทหารอาชีพ ฝีมือการรบไม่ธรรมดา ต้องระวังพวกนี้เป็นพิเศษเช่นกัน”
ภาพอู่ต่อเรือริมแม่น้ำเจ้าพระยาถูกฉายขึ้นจอโปรเจ็กเตอร์
“สำหรับสถานที่ในการรับมอบส่งยาครั้งนี้คาดว่า จะเป็นที่แห่งนี้ ซึ่งเราคาดว่านายตะวันต้องวางกำลังคุ้มกันแน่นหนาแน่ ดังนั้นการเข้าเปิดล้อมพื้นที่จะดำเนินการต่อเมื่อเราได้รับการยืนยันแล้วว่า นายตะวันเข้าในพื้นที่แล้วเท่านั้น เพราะงานนี้เป้าหมายของเรา นอกจากยาที่จะรับส่งกันซึ่งมีมูลค่าสูงถึงกว่าสามล้านเหรียญแล้ว ยังมีตัวนายตะวันอีกด้วยที่เป็นเป้าหมายสำคัญ ต้องการจับให้ได้คาหนังคาเขา เพื่อเป็นหลักฐานเล่นงานในชั้นศาล”
ทุกคนมองภาพอู่ต่อเรือสถานที่นัดส่งยาบนจอ ตาเขม็ง
หลังประชุมเสร็จอ้อยปลีกตัวออกมา หามุมปลอดคน พยายามส่งไฟล์เสียงไปให้ตะวัน แต่ทำไม่ได้เนื่องจากไม่สามารถใช้เครือข่ายโทรศัพท์ได้ อ้อยบ่นกับตัวเองอย่างแปลกใจ
“ทำไมส่งไม่ได้นะ”
อ้อยเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นว่า มีคนกลุ่มหนึ่งเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า อันมี อัคคเดช ชบา ยักษ์ และ มนตรี ผู้กำกับอัคคเดชถามเสียงเข้มขึ้นว่า
“ทำอะไรอ้อย”
อ้อยหน้าเจื่อนไปถนัดตา ชบาจ้องหน้า พร้อมกับเฉลยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ส่งไม่ได้หรอกค่ะ เราขอให้บริษัทบล็อกเอาไว้แล้ว”
มนตรีเดินเข้าไปหยิบมือถือของอ้อยมา
“โทษนะครับหมวด”
แล้วส่งให้ผู้กำกับทันที อัคคเดชเปิดดูคลิปที่อ้อยจะส่ง ได้ยินเสียงการประชุมเมื่อกี้ชัดเจน อ้อยยิ่งหน้าเจื่อน จ๋อยหนักกว่าเก่า อัคคเดชเก็บมือถืออ้อยไว้เป็นหลักฐาน
“คืออ้อยอธิบายได้นะคะ”
“หมดเวลาอธิบายแล้ว คุมตัวไป”
“เชิญครับหมวด” มนตรีบอก
อ้อยคอตก จำใจลุกขึ้น อย่างยอมจำนนในหลักฐาน
หนอนในหน่วย ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว อัคคเดชมองสบตากับหมวดชบาอย่างพึงพอใจ
อ่านต่อหน้า 3
ล่าดับตะวัน ตอนที่ 17 (ต่อ)
อัคคเดชเป็นคนคุมตัวอ้อยมาส่งฝากขังที่ห้องขังภายในหน่วย พร้อมทีมอันมี ชบา ยักษ์ และมนตรี อ้อยพยายามหันมองสบตาผู้กำกับเป็นเชิงเว้าวอนขอร้องตลอดเวลา อัคคเดชดักคออย่างรู้ทัน
“ยังไม่ต้องพูด รอให้ผมกลับมาก่อน” อ้อยอึ้งไปอีกรอบ “อยู่ในนี้ก็ลองคิดดูว่า สิ่งที่ทำมันถูกต้องแล้วเหรอ”
ผู้กำกับนำทีมเดินจากมา อ้อยหน้าสลดลงคอตก ยอมรับชะตากรรม
ในเวลาต่อมาเห็นขบวนรถของตะวันและผู้ติดตามแล่นมาตามถนนใหญ่เลี้ยวเข้าสู่ถนนมุ่งไปสู่ที่นัดส่งยา ปิงจอดรถรอท่าอยู่แล้วที่จุดหนึ่งหน้าปากซอย รีบออกรถเข้าร่วมต่อท้ายทันทีที่ขบวนผ่านทางมา
หน่วยสอดแนมที่ปลอมตัวแอบซุ่มอยู่ เพื่อติดตามการเดินทางได้รายงานกลับไปยังอัคคเดชว่า
“จิ้งจอกมาถึงแล้วเปลี่ยน”
อัคคเดชพร้อมทีมหน่วยพยัคฆ์เมฆได้รับรายงานนั้นแล้ว
ที่อาคารจุดนัดพบ สมุนของตะวันราวสิบคนที่มาถึงก่อน พากันออกเดินเคลียร์พื้นที่ ทั้งในและโดยรอบบริเวณอาคารอย่างถี่ถ้วนตามคำสั่งของตะวัน ที่สั่งหนักแน่นให้ตรวจตราอย่างละเอียดสแกนทุกจุด
ผ่านไปอีกสักระยะหนึ่ง ขบวนรถของตะวันเพิ่งมาถึงด้านหน้า พวกสมุนที่มาเคลียร์พื้นที่ก่อนหน้ารีบออกมารับหน้า ตะวันลงมาจากรถ รีบถามกับคนที่มารับหน้า โดยเราจะเห็นคนอื่นลงจากรถมาสมทบ
“เคลียร์พื้นที่เรียบร้อย”
สมุน 1 รายงาน “ครับ”
“แล้วนายคิมจะมากี่โมง”
ปราการดูนาฬิกา
“น่าจะไม่เกินสิบนาทีนี้ครับ”
“ดี” ตะวันไล่สายตามอง ปราการ หมอก ปานวาด และมาหยุดที่ภูผา “พวกแกสี่คนไปเช็คซ้ำรอบๆ อีกรอบว่ามีอะไรผิดสังเกตรึเปล่า”
“ครับ” / “ค่ะ”
ทั้งสี่คนรับเอาคำ แล้วแยกย้ายกันออกไปตามคำสั่ง
ตะวันหันมาทางปิง “ปิง แกไปกับฉัน”
“ครับนาย”
ปราการ หมอก ภูผา และ ปานวาด แยกกันตรวจตราพื้นที่ตามคำสั่งตะวัน ทั้งสี่คนแยกส่วนกันตรวจ ตามที่ปราการเป็นคนแบ่ง
ภูผาเดินตรวจมาตามทางของตน สังเกตอย่างรอบคอบ แล้วทำการแอบถ่ายภาพยามรักษาการณ์ด้วยกล้องเข็มที่ติดอยู่ที่เสื้อแจ็กเก็ต ส่งไปให้อัคคเดช ขณะเดินตามตะวันเข้าไปยังด้านใน
ทีมอัคคเดช อันมี อัคคเดช ชบา มนตรี และตำรวจในหน่วยอีก 2 คน มาแทนยักษ์กับอ้อย พร้อมอยู่ในรถโมบายแล้ว ภาพที่ภูผาแอบถ่ายการวางกำลังการ์ดคุ้มกันตามจุดต่างๆ ถูกส่งมาขึ้นจอคอมพ์ในรถเรียบร้อย อัคคเดชเพ่งมอง แล้วทำการมาร์กตำแหน่งลงในแผนที่
ภูผาแอบถ่ายภาพยามรักษาการณ์ด้วยกล้องเข็มมาเรื่อยๆ เพื่อส่งไปให้อัคคเดชจากจุดที่เดินผ่าน จนกระทั่งมีเสียงคนเดินมา เขาจึงแกล้งทำเนียนตรวจพื้นที่ จนพบว่าคนที่เดินมาคือปานวาดซึ่งยิ้มหวานทักทายมาให้ ภูผายิ้มตอบ
“เรียบร้อยมั้ย” ปานวาดถาม
“เรียบร้อย”
“งั้นก็ไปที่อื่นต่อ”
สองคนเดินออกไปด้วยกัน
ภูผาเดินตามมา เขามองปานวาดอย่างชั่งใจ เพราะมีความคิดบางอย่างอยู่ในหัว
“เดี๋ยววาด”
ปานวาดหยุดเดินหันมาหา “หือม์ อะไรเหรอ”
ภูผามองจ้องหน้าปานวาดนิ่งๆ ก่อนจะบอกขึ้นว่า
“สัญญาได้มั้ยว่า ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น วาดจะต้องเอาตัวรอดก่อน”
ปานวาดนิ่วหน้าแปลกใจ “ทำไมพูดแบบนี้”
“คือ ผมเป็นห่วงคุณ”
ปานวาดยิ้มขำ
“เป็นอะไร ทำไมถึงพูดแบบนี้”
ภูผาแจงเหตุผลด้วยหน้าตาเป็นกังวล “ก็ครั้งนี้ ของมันมาก ขนาดคุณตะวันยังต้องออกโรงเองเลย เพราะกลัวพลาด แล้วพวกตำรวจมันจะไม่ได้กลิ่นบางเลยหรือไง”
ปานวาดหัวเราะขำ
“คิดมากน่า”
ภูผาชักสีหน้าว่าจริงจังมาก ปานวาดอึ้งไปนิด ถามแหย่ทีเล่นทีจริง
“กลัวรึไง”
“ผมกลัวที่จะต้องเสียคุณไป”
ปานวาดยิ้มหวาน แล้วยื่นหน้ามาจูบแก้มภูผาฟอดใหญ่
สองคนไม่รู้ว่าปราการเดินผ่านมาทางนี้และเห็นฉากหวานๆ นี้พอดี และมองอย่างตกใจ
“ดีขึ้นรึยัง”
ภูผารับเขินๆ “ก็นิดหน่อย”
ปราการนิ่งมองทั้งสองอย่างสะท้อนใจ ก่อนกระแอมขึ้นให้ทั้งสองรู้ตัวก่อน ทั้งสองหันมอง
ปราการตีเนียนทำเป็นไม่เห็น “เรียบร้อยรึยัง”
“เรียบร้อยค่ะ”
“งั้นก็กลับไปรายงานนาย”
ทั้งสองพยักหน้ารับคำ
ปราการหันตัวออกเดินนำมา พร้อมกับถอนใจเฮือกใหญ่
ตะวันรออยู่ที่จุดนัด มีปิงอยู่ด้วย แลเห็นสี่คนเดินมาสมทบ
“กลับมาแล้วครับนาย”
สี่คนเดินเข้ามา หยุดตรงหน้าตะวัน
“เป็นไง”
ปราการตอบว่า “เคลียร์ครับ”
“ดี”
ภูผาแกล้งถามขึ้นอย่างอยากรู้ “เราแค่มาส่งยา หรือว่าต้องคุ้มกัน มิสเตอร์คิม เอาของลงเรือด้วยครับ”
“แค่คุ้มกันส่งของเฉยๆ ส่งของแล้วเป็นเรื่องของพวกเกาหลีมัน”
ภูผาพยักหน้ารับเอาคำ
ทีมอัคคเดชอยู่ในรถโมบายกำลังฟังการสนทนาจากวิทยุ
สักครู่หนึ่งขบวนรถของคิมจองวานและผู้ติดตาม แล่นเลี้ยวเข้าสู่ถนนมุ่งหน้าไปสู่ที่นัดส่งยา หน่วยสอดแนมแอบซุ่มอยู่ รายงานกลับไปหาอัคคเดช
“กิมจิมาถึงแล้ว เปลี่ยน”
อัคคเดชพูดวิทยุจากรถโมบาย “รับทราบ”
จากนั้นกดสั่งกับทีมอรินทราช
“เสือป่าเคลื่อนเข้าประจำที่”
หัวหน้าชุดอรินทราชรับคำสั่งจากจุดซุ่มอย่างแข็งขัน
“รับทราบ”
พลางหันไปออกคำสั่งกับลูกทีม ด้วยสัญญาณมือ
ทั้งสองทีม มีราวๆ ทีมละสิบคน เคลื่อนตัวออกจากที่ซุ่ม ไปยังตำแหน่งของตน
รถของคิมจองวาน มาเฟียเกาหลี มาถึงจัดนัดพบ พวกเกาหลีลงจากรถมากันหลายคน เดินเข้าไปด้านใน
ตะวันคอยท่าอยู่ รีบออกมาต้อนรับ ทักทายจับมือกัน
“เดินทางเรียบร้อยดีนะครับ”
“เรียบร้อยดี แล้วของล่ะ อยู่ไหน”
“ไม่ต้องใจร้อน มิสเตอร์คิม ของเตรียมไว้แล้ว ว่าแต่เงินส่วนที่เหลือพร้อมหรือเปล่า”
คิมยิ้มมุมปาก ก่อนหันไปพยักหน้าสั่งกับผู้ติดตามคนที่ถือกระเป๋า ผู้ติดตามจึงเปิดกระเป๋าให้เห็นเงินอัดเต็มกระเป๋าใบนั้น
ตะวันมองดูแล้วอมยิ้มอย่างพอใจ ก่อนหันหลังไปพยักหน้ากับปราการเป็นเชิงบอก ปราการจึงยกโทรศัพท์ขึ้นโทร.ออก
ระหว่างนี้ภูผาแอบจับตามองอยู่ตลอดเวลา โดยไม่ทันสังเกตว่าหมอก กับปานวาด แอบสังเกตตัวเองอยู่อีกต่อหนึ่ง
อ่านต่อหน้า 4
ล่าดับตะวัน ตอนที่ 17 (ต่อ)
หัวหน้าทีมคนของยี่เส่งที่ยืนอยู่นอกรถรับสาย เป็นคนเดียวกับที่มาส่งก่อนหน้านี้
“เอาของเข้ามาได้แล้วครับ” ปราการบอก
“โอเค”
คนของยี่เส่งกดวางสาย แล้วหันไปส่งสัญญาณให้พรรคพวกที่นั่งผ่อนคลายอิริยาบถขึ้นรถ คนของยี่เส่งทั้งหมดเป็นกองกำลังติดอาวุธ ราวสิบคน ขบวนรถเคลื่อนตัวออกไป
ไม่นานนัก ขบวนรถของลูกน้องยี่เส่งแล่นเลี้ยวจากถนนใหญ่เข้าสู่ถนนมุ่งไปสู่จุดนัดส่งยา หน่วยสอดแนมที่แอบซุ่มดูอยู่ รายงานกลับไปหาอัคคเดชทันควัน
“ของกำลังเข้าพื้นที่แล้ว เปลี่ยน”
ทีมอัคคเดชอยู่ในรถโมบาย
อัคคเดชพูดวิทยุ “รับทราบ”
จากนั้นกดสั่งไปยังทีมอรินทราช
“เสือป่าเคลื่อนเข้าที่ได้”
หัวหน้าชุดอรินทราชรับคำสั่งจากจุดซุ่ม
“รับทราบ”
ก่อนหันไปออกคำสั่งกับลูกทีม ด้วยสัญญาณมือ ทีมเคลื่อนที่เข้าประชิดเตรียมบุก หน่วยสวาท โรยตัวเข้าประจำยังจุดอย่างรวดเร็ว
พริบตาเดียวทั้งสองทีมเข้าประชิดอาคารตามคำสั่ง มีพลแม่นปืนของอรินทราชทีมละคนเข้าประจำที่สองตำแหน่ง ซ้าย ขวา พร้อมเล็งปืนผ่านกล้องเข้าไปในอาคาร
อัคคเดชนำทีมลงมาจากรถโมบาย มาสมทบกับลูกทีมอีกส่วนที่รออยู่ด้านนอก ทั้งทีมเช็คอาวุธประจำกาย ขึ้นคันรั้งลูกเลื่อนพร้อมปะทะ ก่อนจะพากันเคลื่อนที่ออกมาจากจุดซุ่มตามแผนการอย่างรัดกุม พร้อมอาวุธครบมือ
รถของลูกน้องนายพลยี่เส่งมาถึงจุดนัดหมาย คันหน้าเป็นหัวหน้าทีมและผู้ติดตาม และคันหลังเป็นรถขนของ มีนักรบติดอาวุธคอยคุ้มกันแน่นหนา
หัวหน้าทีมของยี่เส่งลงมา พร้อมผู้ติดตามและทีมคุ้มกัน จากนั้นคนของยี่เส่งกระจายกำลังออกคุมพื้นที่โดยรอบรถให้การอารักขาเข้ม
ปราการออกมารับหน้า ยิ้มทัก
“หวัดดีครับ”
หัวหน้าทีมทักตอบ “หวัดดี คุณตะวัน”
“อยู่ข้างในครับ”
หัวหน้าทีมยิ้มรับหน้าเด๋อๆ
ปราการพาหัวหน้าทีมพร้อมผู้ติดตามเข็นกระเป๋ายาจำนวนมากใส่รถเข็นที่เตรียมมาเดินเข้าไปด้านใน
อัคคเดชและทีม พร้อมหน่วยสบับสนุน เคลื่อนเข้าประชิดทางด้านหน้าอาคารจุดนัดพบ
ผู้กำกับมองผ่านกล้องส่องทางไกล เห็นคนของตะวันและนักรบติดอาวุธของยี่เส่งกระจายตัวอยู่โดยรอบพื้นที่ เต็มอัตรา อัคคเดชนิ่ง ใช้ความคิดวางแผน
คนของยี่เส่งเข้ามาถึงด้านในอาคาร พวกตะวันที่รออยู่ก่อนหน้า หันมองมา
ภูผาเหลียวมองตาม พร้อมกับแอบเคาะรหัสมอสส่งสัญญาณทางวิทยุที่ซ่อนอยู่ในกระเป๋ากางเกง
ที่ด้านนอกบริเวณอาคารเวลาเดียวกัน
อัคคเดชนิ่งฟังสัญญาณ รับรู้ว่าเป็นคำว่า “กำลังจะส่งของ” จึงบอกไปทางวิทยุทันที
“เสือป่าเข้าประจำที”
หัวหน้าชุดอรินทราชให้สัญญาณมือกับลูกทีม บรรดาลูกทีมพยักหน้ารับ แล้วรีบแยกย้ายกันไป
อรินทราชย่องเงียบเข้าหายามตามจุดต่างๆ ทั้ง 4 จุด ตามแผน
ที่จุดซุ่มสังเกตจากที่สูงในระยะไกล พลซุ่มยิงกำลังส่องกล้องสังเกตการณ์ ก่อนรายงานกลับไปที่หัวหน้าชุด
“ทุกตำแหน่งพร้อม”
จากจุดซุ่มอัคคเดชสั่งการทางวิทยุด้วยน้ำเสียงอันเฉียบขาด
“ลงมือ”
อรินทราชที่ซุ่มประกบ ย่องออกจากที่ซ่อน ตรงเข้าเล่นงานยามทั้งสี่คนสี่จุดพร้อมกัน ชนิดที่ทั้งสี่สลบเหมือดอย่างรวดเร็ว แล้วจึงหันไปส่งสัญญาณให้เพื่อนที่รออยู่บุกเข้ามา
อรินทราชสองชุดแบ่งออกเป็นสี่ทีม เคลื่อนเข้าหาอาคารรับส่งยา
การรับมอบยาดำเนินไปอย่างราบรื่น ตะวันหันไปยิ้มทักทายกับหัวหน้าทีมคนของยี่เส่ง
“สวัสดีผู้พัน”
“หวัดดีครับ คุณตะวัน”
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีนะ”
หัวหน้าทีมยิ้มรับ “พร้อมส่งครับ”
ตะวันจึงหันไปแนะคนของยี่เส่งกับ มิสเตอร์คิมจองวานที่รอท่าอยู่
“นี่ มิสเตอร์คิมจากเกาหลี”
มิสเตอร์คิมหันมาโค้งแสดงการทักทายแบบเกาหลี
“นี่ผู้พันตองเส่ง” ตะวันแนะนำอีกฝ่าย
ผู้พันโค้งตอบตามมารยาท
“ผมว่า เราส่งขอกันเลยดีกว่า” มิสเตอร์คิมร้อนใจ
“ได้ไม่มีปัญหา”
คนของยีเส่งเอายาให้พวกเกาหลีลองยา
ผู้ติดตามคิมรับยามาลองยา --- แล้วบอกโอเค
คิมหันไปพยักหน้ากับผู้ติดตาม
ผู้ติดตามจึงลากเอากระเป๋าเงินมาเปิดให้ดู เห็นแบงค์ดอลล่าห์อยู่ข้างใน
คนของยีเส่งมองอย่างพอใจ ภูผามองตาโต ก่อนแอบเคาะส่งสัญญาณ
ตะวันยิ้มหน้าบาน จับมือกับคิม และคนของยี่เสงอย่างอารมณ์ดี
ทีมอัคคเดช ย่องเงียบเข้าประชิดทางเข้าด้านหลัง โดยอาศัยแนวรั้วกำบังกาย พวกการ์ดของตะวันจึงไม่ทันสังเกต
ชบาตามหลังอัคคเดชอยู่กลุ่มหลังใจร้อนรีบเร่งแรงหน้าขึ้นไปสบทบกับอัคคเดช โดยไม่รอคำสั่ง อัคคเดชเหลือบมาเห็นพยายามยกมือห้าม แต่ไม่ทัน ชบาออกตัวมาแล้ว พวกการ์ดหันมาพอดี เกือบจะเห็นชบาชั่วเส้นยาแดงผ่าแปด อัคคเดชมองดุชบาอย่างตำหนิ หมวดสาวยิ้มเจื่อนขอโทษ แต่กลับไปสะดุดของล้มคะมำออกไปจนเป็นพิรุธ การ์ดคนก่อนหน้านี้เห็นเข้าพอดี จึงเดินเข้ามาดู พอใกล้จะถึงอัคคเดชตัดสินใจชาร์จออกไปยิงใส่แสกหน้า เสียงปืนกัมปนาทขึ้นกึกก้อง การ์ดหงายหลังล้มทั้งยืน
พวกตะวันที่กำลังรับส่งมอบยากันอยู่ด้านใน สะดุ้งทั้งแถบ ต่างตกใจเมื่อได้ยินเสียงปืน ทั้งหมดต่างพากันชักอาวุธของตัวเองออกมาถือไว้ พร้อมปะทะ
ตะวันหันมองออกไปยังด้านนอกว่าเกิดอะไรขึ้น
ภูผาชักใจไม่ดี เสียงปืนระเบิดขึ้นก่อนเวลา ไม่เป็นไปตามแผน หมอกกับปานวาดมองสบตากัน ก่อนที่หมอกจะหันไปจับสังเกตอาการภูผา พบว่ามีพิรุธ
ตะวันสั่งปราการ “ไปดูซิว่าเกิดอะไรขึ้น”
ขาดคำเสียงปืนก็ปะทุดังราวพลุแตกมาจากด้านนอกอาคาร
การ์ดที่อยู่ด้านหน้าพากันแห่เข้ามาเมื่อได้ยินเสียงปืน อัดคเดช และทีมยิงปะทะสู้อย่างดุเดือด เป็นการยิงสวนกันไปมาประเมินท่าที
ชบาเก็บได้คนหนึ่ง มนตรีเกือบถูกยิง รีบเข้าที่กำบังได้ทัน ลูกทีมอีกคนถูกยิงสวนตายคาที่ อัคคเดชเก็บคนที่ยิงได้ และอีกคนที่อยู่ข้างๆ ก่อนชาร์จนำเคลื่อนที่ไปข้างหน้า การ์ดของตะวันตั้งแนวรับหนัก กระหน่ำยิงสกัดเต็มอัตรา สองฝ่ายปะทะกันเดือด
ท่ามกลางเสียงห่ากระสุน สองฝ่ายที่ยิงต่อสู้ปะทะอย่างดุเดือดที่ด้านหน้านั้น ปราการวิ่งหน้าตื่นกลับเข้ามารายงาน
“ตำรวจบุกครับนาย”
ตะวันตกใจคาดไม่ถึง เช่นเดียวกับมาเฟียเกาหลี และคนของยี่เส่ง ขณะเสียงปะทะเดือดดังแว่วมาจากด้านนอกเป็นพลุแตก
“ตำรวจมาได้ยังไง” มิสเตอร์คิมโวยขึ้น
“อยากรู้ก็รออยู่ถามมันเองแล้วกัน” ตะวันหงุดหงิดแล้ว
ทั้งสามกลุ่ม พวกตะวัน มาเฟียเกาหลี และคนของยี่เส่งต่างพากันชักปืนประจำตัวออกมาเตรียมพร้อมประจันบาน ล้วนเป็นปืนกลทันสมัยทุกคน มีทั้ง MP5 กับ M11 A
ทุกคนชักอาวุธเดินตามตะวันเข้าประจันบานตำรวจ
ตะวันนำทีมของตนเข้าประจำที่กำบังเตรียมสู้ มาดอย่างเท่สมเป็นเจ้าพ่อคนดัง
อ่านต่อตอนที่ 18