บาปบรรพกาล ตอนที่ 8
แม้นมาศเอาแต่นั่งมองจ้องดอกมะลิที่วางอยู่บนขิมโดยไม่กะพริบตามาสักระยะแล้ว จากนั้นจึงค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบดอกมะลิขึ้นกุมดอมดมอย่างทะนุถนอม หวนคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตตอนอยู่กับคนรัก
ครั้งนั้น แม้นมาศนั่งยิ้มชื่นดูภาณุทัตตีขิมอย่างมีความสุข คอยปอกผลไม้ป้อนใส่ปากคนรักที่ตีขิมไปอ้อนไป
“ป้อนหน่อยสิ นะๆ”
“ก็ได้ค่ะ...อ้ำ”
แม้นมาศหยิบผลไม้ป้อนภาณุทัต สบตาหวานล้ำ ภาณุทัตอ้าปากจะรับผลไม้แต่กลับเคลื่อนใบหน้าเข้ามาหอมแก้มแทน แม้นมาศตาโต เขินจนหน้าแดงตีแขนภาณุทัตเบาๆ
“คุณชายทัต เล่นอะไรก็ไม่รู้ เดี๋ยวคนอื่นจะเอาไปนินทาได้นะคะ”
“ทำไมล่ะ ก็พี่รักเล็กนี่ ต่อให้โลกจะเปลี่ยนแปลงแค่ไหน แต่หัวใจของพี่ก็จะไม่มีวันเปลี่ยน พี่จะรักเล็กคนเดียวและรักตลอดไปตราบสิ้นลมหายใจ”
แม้นมาศเอามือแตะปากห้ามภาณุทัต
“ไม่เอาค่ะ อีกไม่กี่วันเราก็จะแต่งงานกันแล้วนะ อย่าพูดไม่เป็นมงคลสิคะ”
“พี่รักเล็กนะ”
“เล็กก็รักคุณชายค่ะ”
ภาณุทัตสวมกอดแม้นมาศ ลมพัดเข้ามาวูบใหญ่กลิ่นดอกไม้หอมอบอวนไปทั่วบรรยากาศแสนโรแมนติก
ภาณุทัตหยิบดอกมะลิขึ้นมาทัดหูให้แล้วหอมแก้มแม้นมาศฟอดใหญ่อย่างสุดซึ้ง
ทั้งคู่กอดและยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
มีความคิดถึง อาลัย อาวรณ์ท่วมท้น จนเห็นหยาดน้ำตาค่อยๆ หยดไหลรินออกมาจากนัยน์ตาของแม้นมาศ
“คุณชายทัต ฉันคิดถึงคุณเหลือเกิน”
แม้นมาศเจ็บปวดสุดจะประมาณเอาดอกมะลิมากุมไว้ที่หัวใจ
รสสุคนธ์เข้ามาเห็นแม้นมาศร้องไห้ก็ชะงัก
“ย่าเล็ก ย่าเล็กร้องไห้ทำไมคะ”
“ดอกมะลิ เธอเป็นคนเก็บมาใช่มั้ย”
“เปล่าค่ะ”
แม้นมาศฉงน “งั้นใครเป็นคนเอามาวางไว้ตรงนี้”
“รสไม่ทราบค่ะ แต่รสมีเรื่องอยากถามย่าเล็ก ย่าเล็กไปทำร้ายคุณหญิงภาวิดามาเหรอคะ”
“ใช่ มันอยากมาท้าทายฉันเอง ช่วยไม่ได้”
“โธ่ย่าเล็ก แค่นี้มันก็วุ่นวายมากแล้วนะคะ อย่าทำเรื่องให้ยุ่งยากไปกว่านี้เลย”
“พอเหอะแม่รส เลิกทำตัวเป็นนางเอกได้แล้ว”
“แต่รสเป็นห่วงย่าเล็กนะคะ อย่าก่อกรรมทำบาปอีกเลย”
“เก็บความห่วงใยไว้ห่วงตัวเธอเหอะ จำคำฉันเอาไว้นะแม่รส คนพวกนั้นมันหน้าเนื้อใจเสือ ซักวันเธอนั่นล่ะที่จะตกเป็นเหยื่อของมัน ถ้าไม่อยากมีจุดจบอย่างฉัน อย่าได้ใจอ่อนกับพวกมันเด็ดขาด”
แม้นมาศนัยน์ตาวาวโรจน์ เคลื่อนตัวลอยวูบออกไป รสสุคนธ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ด้วยความหนักใจ
ภาพสะท้อนพระจันทร์ดวงกลมโตในน้ำกลางสระบัว บรรยากาศดูหลอนๆ
รสสุคนธ์เดินเครียด สีหน้าครุ่นคิดเข้ามาที่ท่าน้ำริมสระบัว รามนรินทร์เดินเข้ามาด้วยอาการเดียวกัน ทั้งคู่เดินจากคนละฝั่งเข้ามาเจอกันที่ตรงกลาง ต่างคนต่างหันมาเห็นกันก็พากันชะงัก
“คุณราม” / “คุณรส”
น้อยแอบย่องเข้ามามองแล้วยิ้มพอใจ
“ขอให้ปรับความเข้าใจกันได้ซะทีเหอะ”
สองคนเอ่ยขึ้น ท่าทางประหม่า พร้อมๆ กัน
“คือว่าฉัน...” / “ผม...”
สองคนชะงักอีก ที่พูดพร้อมกันอีกแล้ว รสสุคนธ์ยิ้มขำ รามนรินทร์พยายามเก็บอาการ
“เอ่อ เชิญคุณก่อนเลยครับ”
จวงเดินผ่านมาเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันก็ตกใจ
“นั่นแม่รสกับคุณรามนี่”
รสสุคนธ์มองหน้ารามนรินทร์นิดหนึ่งก่อนที่จะรวบรวมคำพูดขอโทษ
“ฉันอยาก...”
จวงรีบปรี่เข้ามา ร้องทักขัดขึ้นมาก่อน
“คุณรามคะ คุณราม”
รสสุคนธ์ชะงักคำพูดไว้เท่านั้น
“คุณแม่เป็นอะไรหรือเปล่าครับน้าจวง”
จวงสมอ้างทันที “คุณหญิงท่านร้องหาค่ะ คุณรีบขึ้นตึกเถอะนะคะ”
รามนรินทร์นึกได้ “เมื่อกี้คุณรสมีอะไรจะบอกผมมั้ยครับ”
“ไม่มีค่ะ ฉันขอตัวกลับเข้าบ้านก่อนนะคะ”
รสสุคนธ์หันหลังกลับ รามนรินทร์มองตามตาละห้อย เสียดายที่ไม่ได้ปรับความเข้าใจกับรสสุคนธ์
น้อยโผล่หน้าออกมาด้วยความเซ็ง
“น้าจวงนะน้าจวง คนเข้ากำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม มารคอหอยจริงๆ”
จากนั้นจึงหันตัวเดินกลับขึ้นเรือนไม้หอมไป
น้อยขึ้นเรือนมาเห็นรสสุคนธ์นั่งซึมอยู่ในห้องนอน ก็เข้ามาคุยด้วย
“คุณรสมีเรื่องผิดใจอะไรกับคุณรามเหรอคะ”
“เปล่าจ้ะ ก็แค่ความคิดเห็นไม่ตรงกันนิดหน่อย ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอกจ้ะ”
“งั้นก็โล่งอก คุณรสอย่าไปคิดมากเรื่องคุณหญิงเลยนะคะ น้อยโดนไล่ประจำ เดี๋ยวก็ชินเองล่ะค่ะ”
“จ้ะ ฉันจะพยายามนะ”
“เอ่อ...คืนนี้น้อยขออนุญาตออกไปข้างนอกนะคะ”
“น้อยจะไปเที่ยวเหรอ”
“เปล่าค่ะ พอดีมีจ็อบ เป็นดีเจเปิดแผ่นน่ะค่ะ พี่เค้าขาดคนเลยมาขอให้น้อยไปช่วยงาน จริงสิคะ คุณรสไปเป็นเพื่อนน้อยนะคะ”
“เอ่อ...แต่ว่าฉัน…” รสสุคนธ์กังวลเกรงจะเป็นเรื่องให้ภาวิดาเขม่นอีก
“นะคะ ถือว่าไปปลดปล่อย อย่ามัวมานั่งเครียดอยู่บ้านคนเดียวเลยค่ะ ไปเที่ยวกับน้อยให้หายเครียดดีกว่า”
“ก็ได้จ้ะ แต่อย่ากลับดึกนะ”
“รับทราบค่ะ งั้นมาแต่งตัวกันเหอะนะคะ เดี๋ยวน้อยจะแปลงโฉมให้คุณรสเอง”
น้อยดีใจรีบแจ้นไปเปิดตู้เสื้อผ้าเลือกชุดให้รสสุคนธ์แต่งไปเที่ยว รสสุคนธ์ยิ้มขำ
รามนรินทร์ยืนใช้ความคิด อยู่ตรงระเบียงบ้านพรหมบดินทร์พักใหญ่ ถอนหายใจเฮือกๆ อยู่ จนสายตาเห็นเงาใครบางคนกำลังเดินผ่านหน้าตึกออกไปทางประตูบ้านก็จดสายตามองด้วยความแปลกใจ
จนพอมองชัดๆ ก็ต้องแปลกใจยิ่งขึ้นที่เห็นเป็นรสสุคนธ์กับน้อย แต่งตัวเปรี้ยวทั้งคู่
“คุณรสกับยัยน้อยจะไปไหน”
รามนรินทร์รีบขยับเดินตามออกไป
รถแท็กซี่แล่นเข้ามาจอดรอที่รั้วหน้าบ้าน รสสุคนธ์กับน้อยออกประตูเล็กไปขึ้นรถ แท็กซี่แล่นออกไป สักพักประตูใหญ่เปิดออก รามนรินทร์ขับรถตามไปติดๆ ทวนอยู่ที่ป้อมยามเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง รีบกดโทรศัพท์ไปรายงานพี่สาวทันที
“ฮาโหลพี่จวง ฉันมีข่าวเด็ด”
ภาวิดานอนเอนอยู่บนเตียงเตรียมจะเข้านอน จวงรีบปรี่เข้ามาหาสีหน้าตื่น
“คุณหญิงคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ”
“มีใครตายอีกล่ะ” ภาวิดาหงุดหงิด
“ไม่มีใครตายค่ะ แต่เป็นเรื่องแม่รสสุคนธ์กับนังน้อย”
“โอ๊ย เรื่องแม่สองคนนี้อีกแล้วเหรอ ฉันไม่อยากฟัง”
“ยังไงก็ต้องฟัง แม่รสสุคนธ์กับนังน้อยแอบหนีเที่ยวค่ะ”
“พวกเด็กใจแตก สุดท้ายมันก็ออกลายจนได้ ดี สั่งคนล็อกประตูไว้เลย อย่าให้มันเข้าบ้านได้ คืนนี้ก็ให้มันนอนข้างถนนไป”
“ทำอย่างนั้นไม่ได้ค่ะ” จวงท้วง
“ทำไมไม่ได้”
“ก็เพราะ คุณรามแอบตามแม่นั่นไปด้วยน่ะสิคะ”
ภาวิดาแทบกระอักเลือด “ว่าไงนะ นี่ต้องเป็นแผนชั่วของพวกมันเพื่อล่อตารามออกไปมอมเหล้า หวังจับตารามแน่ๆ ไม่ได้ ฉันไม่ยอมให้มันสมหวังแน่ จวงหยิบมือถือฉันมาซิ ฉันจะโทรบอกหนูนิษา”
จวงกุลีกุจอไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาให้ทันที ภาวิดารีบกดโทร.ออกโดยไว
อุณนิษาคุยสายเสร็จ เกาโทรศัพท์ในมือแน่นด้วยความไม่พอใจ จนแขไขถามขึ้น
“ใครโทร.มานิษา”
“คุณหญิงป้าโทร.มาบอกว่าพี่รามตามนังรสสุคนธ์ไปเที่ยวกลางคืนค่ะ”
“ตายจริง แล้วนี่รู้หรือเปล่าว่าพวกมันพาตารามไปที่ไหน”
“ไม่ทราบค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ นิษามีเพื่อนนักท่องราตรีเยอะ มันโผล่ไปร้านไหน นิษาต้องรู้แน่ค่ะ”
“ดี งั้นนิษาก็เอายัยจีจี้ไปด้วย เวลามีอะไรก็ให้แม่นั่นออกโรงก่อน อย่าได้เอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ เข้าใจมั้ยลูก”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ นิษารู้ว่าที่แถวนั้นมีพวกปาปารัสซี่เยอะ นิษาไม่ทำตัวเสื่อมเสียมาถึงคุณแม่หรอกค่ะ”
อุณนิษามาดมั่น เคียดแค้นชิงชังรสสุคนธ์เข้าไส้
จวงรีบคลานเข้ามาเสนอหน้าถามภาวิดาด้วยความอยากรู้
“แล้วเราจะทำยังไงกับแม่รสสุคนธ์ล่ะคะ”
“รอให้มันกลับมาก่อนเหอะ มันได้โดนฉันเฉดหัวออกจากบ้านแน่”
“คุณหญิงไม่กลัวมีปัญหากับคุณชายกรเหรอคะ”
“โอ๊ย ชายกรไปทำธุระที่ต่างจังหวัด กว่าจะกลับมามันก็กระเด็นออกจากบ้านแล้ว”
จวงรีบยุส่ง “จริงด้วย งั้นเราใช้โอกาสนี้เฉดหัวนังน้อยออกไปอีกคนสิคะ”
“ได้ ดูสิจะมีใครหน้าไหนมาคุ้มกะลาหัวพวกมันอีกมั้ย”
ภาวิดากับจวงหัวเราะด้วยความสะใจ ฉับพลันนั้นเองแม้นมาศลอยวูบปรากฏตัวเข้ามาจ้องตาภาวิดาเขม็ง
“ก็กูนี่ไง”
ภาวิดาชะงักกึกในเบื้องแรก พอเห็นผีแม้นมาศยื่นหน้าเข้ามา หน้าแทบติดกับหน้าตัวเองก็กรี๊ดแตก
“แอร๊ย...”
ภาวิดาหวีดร้องแล้วล้มตึงลงบนเตียงหมดสติไป
“ว้าย คุณหญิงๆ”
จวงถลันเข้ามาดูด้วยความตกใจ แม้นมาศโผล่พรวดเข้ามาขวาง จวงตาเหลือกจะหนีแต่ก็ถูกแม้นมาศบีบคอจนสลบร่วงลงกองไปข้างๆ ร่างภาวิดา
“ตราบใดที่กูยังอยู่ พวกมึงอย่าหวังจะได้ทำร้ายหลานกูเลย”
แม้นมาศประกาศก้อง แล้วเคลื่อนตัวหายวับไป ทิ้งให้สองนายบ่าวนอนกองรวมกันอย่างหมดสภาพ
ที่ผับหรูดูมีระดับย่านอโคจรสถานชื่อดังของเมืองกรุง แสงไฟวับวามสลับสีตามจังหวะดนตรีเร้าอารมณ์ สร้างบรรยากาศชวนเมาและชวนเสียตัวมากยิ่งขึ้น ในแสงเสียงนั้นแลเห็นอธิวัฒน์ดึงแขนสาวมากอดหอมนัวเนียอยู่มุมหนึ่ง
น้อยจูงแขนรสสุคนธ์เบียดนักเที่ยวที่กำลังเต้นลืมตายกันมาหยุดข้างบูธดีเจกลางร้าน
“คุณรสนั่งตรงนี้นะคะ ถ้าจะดื่มอะไรก็สั่งเด็กได้เลยนะคะ เดี๋ยวน้อยขอตัวไปทำงานก่อน”
“จ้า ไม่ต้องห่วงฉันหรอก น้อยไปทำงานเหอะ”
รสสุคนธ์มองรอบๆ อย่างตื่นตา หันไปเห็นหนุ่มสาวขาแดนซ์จับกลุ่มเต้นกันอยู่อย่างสุดเหวี่ยง
น้อยเดินตรงไปยังบูธดีเจ เข้าไปทักเพื่อนดีเจที่กำลังเล่นเพลงอยู่อย่างเมามันส์
สักครู่หนึ่งน้อยกับเพื่อนดีเจแท็คมือเปลี่ยนกะกัน น้อยเข้าประจำที่เปิดเพลงเร่งจังหวะให้มันส์พร้อมกับโยกตัวเชียร์อัพ
นักเที่ยวชาย 1 กวักมือเรียกรสสุคนธ์ที่นั่งตาแป๋วอยู่ให้มาร่วมเต้น รสสุคนธ์ส่ายหน้า อายไม่กล้าเต้น น้อยเห็นก็ขำ ยิ่งเร่งจังหวะเพลงให้เร็วยิ่งขึ้น
รามนรินทร์เดินเข้ามาชะเง้อคอมองหารสสุคนธ์กับน้อย แต่เพราะคนเยอะเลยยังไม่เจอ ไฮโซสาวนางหนึ่งเพื่อนอุณนิษา หันมาเห็นรามนรินทร์เดินผ่านหน้าก็จำได้
“แฟนอุณนิษานี่...แบบนี้ต้องอัพสเตตัส”
เพื่อน 1 หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแอบถ่ายรูปรามนรินทร์แล้วโพสต์ลงไปใน IG แล้วพิมพ์แคปชั่นประกอบว่า
“อุ๊ย...หนุ่มหล่อที่ไหน หลงมาแถวนี้” ติดแฮชแท็กว่า #แซบมาก #รีบมารับตัวกลับด่วน
พิมพ์เสร็จก็แท็กไปยัง IGอุณนิษา ยิ้มสมใจ
อุณนิษากดมือถือเปิด IG ดูเห็นรูปรามนรินทร์ก็หันไปหาจีรนันท์ที่นั่งอินน้ำตาซึมกับซีรี่ส์เกาหลีอยู่
“จีจี้ ฉันเจอตัวพี่รามแล้ว เธอรีบไปแต่งตัวสิ”
“ฮือๆ นิษา เธอไปคนเดียวเถอะนะ ตอนนี้ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรแล้ว” จีรนันท์ทำเสียงเป็นนางเอกตามซีรีย์เกาหลี “โธ่ พี่ชาย สู้เค้านะคะ น้องจะคอยเป็นกำลังใจให้พี่”
อุณนิษาโมโห หยิบรีโมทมาปิดทีวี แล้วหันไปเหวี่ยงใส่จีรนันท์
“เลิกอินกับซีรี่ย์เกาหลีได้แล้ว ถ้าเธอไม่ไปกับฉัน ระวังแฟนก็จะไม่เหลือล่ะ”
จีรนันท์หูผึ่ง “แฟนฉัน พี่วัฒน์ทำไมเหรอ”
“ตอนนี้พี่วัฒน์ของเธอกำลังระริกระรี้อยู่ที่ปาร์ตี้นั่นน่ะสิ”
จีรนันท์ไม่เชื่อ “เป็นไปไม่ได้ พี่วัฒน์ไปถือศีลอยู่ที่วัด จะไปอยู่ที่นั่นได้ไง”
“งั้นก็ดูนี่ มันใช่ท่าเดินจงกรมหรือเปล่า ดูเอาเองนะ”
อุณนิษาเปิดรูปจากมือถือให้จีรนันท์ดู เป็นรูปอธิวัฒน์กำลังคั่วกับสาวๆ ที่เพื่อน 1 ส่งมาให้
จีรนันท์ตาโต เด้งขึ้นมาจากโซฟาทันควัน ใบหน้าที่กำลังเศร้ากลายเป็นเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที
“อ๊าย ไอ้พี่วัฒน์ หน็อย บังอาจมาหลอกฉัน ได้เห็นดีแน่ ไปนิษา ฉันพร้อมลุยแล้ว”
จีรนันท์กัดฟันกรอดด้วยความแค้น อุณนิษายิ้มร้ายสมใจ ที่แหย่จนจีรนันท์พร้อมไปลุยด้วย
ขณะที่อธิวัฒน์กำลังนัวเนียกับสาวอยู่นั้น สายตาดันเหลือบมาเห็นรสสุคนธ์นั่งโยกตัวตามจังหวะเพลงอยู่ข้างบูธดีเจ ต้องเขม้นมองจนแน่ใจ
“นั่นมันยัยรสสุคนธ์นี่ เห็นหน้าติ๋มๆ ที่แท้ก็แอบเฟี้ยวนี่หว่า”
อธิวัฒน์ยิ้มกระหยิ่ม เลิกสนใจสาวๆ ที่กำลังนัวเนียกันอยู่
“เอ๊ะๆ พอแค่นี้ก่อนนะจ๊ะคนสวย พอดีพี่มีธุระ ไว้คราวหน้าค่อยมาสนุกกันมั้ยนะจ๊ะ จุ๊บๆ”
อธิวัฒน์ขยับเสื้อผ้าให้เข้าทรง วางมาดหล่อปรี่เข้าไปหารสสุคนธ์ทันที
“สวัสดีครับคุณรส”
รสสุคนธ์ชะงักหันไปมอง พอเห็นว่าเป็นอธิวัฒน์ก็ตกใจ
“คุณวัฒน์”
“ผมขอร่วมโต๊ะด้วยนะครับ”
โดยที่รสสุคนธ์ยังไม่ทันได้อนุญาต อธิวัฒน์ถือวิสาสะนั่งด้วย รสสุคนธ์ได้แต่ยิ้มตามมารยาท
รามนรินทร์เดินตาหารสสุคนธ์ ผ่านสาวสวยนุ่งน้อยคอยโปรยเสน่ห์ตลอดทาง สาวสวยคนหนึ่งเต้นเข้าขวางหน้าแล้วเอามือกอดคอรามนรินทร์ อ่อยสุดๆ
ชะนีไฮโซเพื่อน 1 ของอุณนิษาหันมาเห็น รีบถ่ายรูปนั้นไว้ แล้วยิ้มชอบใจ
“ยัยนิษาเห็น ต้องเต้นเป็นบ้าแน่ๆ”
รามนรินทร์หน้านิ่ง เหมือนจะเล่นด้วย แต่แล้วกลับดึงแขนออกโดยไม่สนใจ เดินมองหารสสุคนธ์ต่อไปจนหันมาเจอรสสุคนธ์อยู่กับอธิวัฒน์ก็ชะงัก
รามนรินทร์เห็นอธิวัฒน์เอาตัวเข้าไปเบียดจนแทบชิดตัวรสสุคนธ์ก็โมโหหึง เข้าใจผิดว่ารสสุคนธ์แอบนัดเจอกับอธิวัฒน์
“ที่แท้ก็แอบมานัดเจอกันนี่เอง”
รสสุคนธ์รู้สึกเหมือนถูกคุกคาม จึงพยายามขยับออก แล้วหันไปมองหาคนช่วย จังหวะที่รสสุคนธ์หันไป รามนรินทร์ดันหันหลังกลับพอดีทำให้รสสุคนไม่เห็น
รามนรินทร์ขยับเดินออกไปด้วยความหึงโดยไม่รู้ตัว ชะนีเพื่อน 1 อุณนิษามองตามเห็นอธิวัฒน์อยู่กับรสสุคนธ์ จึงรีบยกมือถือขึ้นมาจะถ่ายรูปเก็บ แต่ดันถูกคนชน
ว้าย” พอนางหันมาอีกที รามนรินทร์ก็หลุดสายตาไปแล้ว “อ้าว คุณรามไปไหนแล้ว”
โทรศัพท์มือถือชะนี เพื่อน 1 หน้าจอไฟสว่างวาบๆ เห็นว่ามีสายโทร.เข้า
“ตายๆ ยัยนิษาโทร.มา เอาไงดี ฮาโหลจ้า...จะถึงแล้วเหรอ ได้ๆ เดี๋ยวฉันออกไปรอทางเข้า”
เพื่อนอุณนิษาตัดสายแล้วรีบเดินออกไปรับหน้าทันที
อ่านต่อหน้า 2
บาปบรรพกาล ตอนที่ 8 (ต่อ)
อธิวัฒน์มือเป็นปลาหมึก เข้ามาแตะต้องเนื้อตัวรสสุคนธ์ มาดเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม
“คุณรสมาเที่ยวคนเดียวเหรอครับ”
“เปล่าค่ะ ฉันมากับเพื่อน”
“เหรอครับ แล้วเพื่อนคุณล่ะครับอยู่ไหน”
อธิวัฒน์ทำทีเป็นหันมองหา แต่ใช้มือโอบเอวรสสุคนธ์หมับ รสสุคนธ์ตกใจจะขยับออกแต่อธิวัฒน์ยิ่งขยับเข้าใกล้
“แล้วนี่สั่งอะไรหรือยังครับ ให้ผมสั่งให้มั้ย”
“อ๋อ ขอบคุณค่ะ แต่ฉันไม่ดื่มของมึนเมา”
“งั้นเป็นน้ำส้มนะครับ”
น้อยหันไปเห็นอธิวัฒน์ด้านข้างยังไม่ทันเห็นหน้า กำลังก้อร่อก้อติกรสสุคนธ์ก็ไม่พอใจ ตรงเข้ามาดึงไหล่อธิวัฒน์ออกอย่างเอาเรื่อง
“นี่คุณ ปล่อยคุณรสเดี๋ยวนี้นะ”
อธิวัฒน์หันกลับมาเห็นน้อยก็แปลกใจ น้อยเองก็เช่นกัน
สองคนอุทานออกมาพร้อมๆ กัน “คุณ”
“สบายดีนะครับ ตั้งแต่วันนั้นเราก็ไม่ได้เจอกันเลย” อธิวัฒน์ยิ้มทัก
พอเห็นว่าเป็นอธิวัฒน์น้อยก็มีท่าทีเปลี่ยนไปชัดแจ้ง “ฉันยุ่งๆ กับงานที่บ้านค่ะ”
รสสุคนธ์มองฉงน “น้อยกับคุณวัฒน์ รู้จักกันด้วยเหรอคะ”
“ครับ เชิญสาวๆ” อธิวัฒน์ยิ้มรับอารมณ์ดี๊ดี “คุยกันตามสบาย เดี๋ยวผมไปสั่งเครื่องดื่มให้นะครับ”
อธิวัฒน์รีบออกไป รสสุคนธ์หันไปถามน้อยด้วยความอยากรู้
“น้อย รู้จักคุณวัฒน์ได้ไง”
“เอ่อ...คือว่า...”
น้อยยิ้มเขินๆ รสสุคนธ์มองด้วยความแปลกใจ
บาร์เทนเดอร์กำลังควงขวดเครื่องดื่มเขย่ากระบอกโชว์อยู่ตรงบาร์เหล้าในผับ รามนรินทร์หน้าเครียด ยกแก้วเหล้าขึ้นซดรวดเดียวหมด ควักเงินวางที่เคาน์เตอร์ จะออกไป แต่อธิวัฒน์ยิ้มร่าเข้ามาพอดีจากอีกทาง
“อารมณ์ดีนะพี่ วันนี้ได้สาวเหรอ” บาร์เทนเดอร์แซวอย่างคุ้นเคยกัน
รามนรินทร์ชะงัก รีบหันหลังให้โดยเร็ว เบี่ยงตัวหลบแอบฟัง
“เออ กูเล็งมาตั้งนานล่ะ คืนนี้ล่ะมึงได้เป็นเมียกูแน่”
“แหมเสน่ห์แรงนะพี่”
“แรงกับผีน่ะสิ กูเลยต้องมาพึ่งสูตรเด็ดจากมึงนี่ไง”
บาร์เทนเดอร์ยิ้มรู้กัน “สูตรเด็ด เสร็จทุกรายใช่มั้ยพี่”
“เออ จัดมาเลย พอมั้ย”
อธิวัฒน์ควักเงินแบงก์พันให้สองใบ บาร์เทนเดอร์รีบคว้าหมับ
“จัดให้เลยพี่”
อธิวัฒน์ยิ้มโยกหัวตามเพลงอารมณ์ดี หารู้ไม่ว่ารามนรินทร์ได้ยินหมดทุกอย่าง
รามนรินทร์นั่งนิ่งรู้สึกเป็นห่วงรสสุคนธ์ขึ้นมาทันที
รสสุคนธ์ฟังน้อยเล่าเรื่องที่อธิวัฒน์เคยช่วยไว้ตอนไปทำงาน โดยตอนนั้นน้อยกำลังจะกลับ แต่ถูกขี้เมา 2 คน เข้ามาลวนลาม น้อยจะหนีแต่ถูกชายทั้งสองคนจับแขนไว้ น้อยตกใจ ดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง แต่สู้แรงชายเมาทั้งสองคนไม่ได้ ชาย1 ยิ้มหื่นยื่นหน้าเข้าไปจะหอมแก้ม
อธิวัฒน์เดินตามน้อยมาเห็นเหตุการณ์ก็รีบเข้าไปช่วย ต่อยอัดกระแทกใส่หน้าชาย 1อย่างจัง จนมึนล้มลง จากนั้นหมุนตัวเตะก้านคอใส่ชาย2 ที่พุ่งเข้ามา จนหมอบคาที่
น้อยประทับใจ อธิวัฒน์หันมายิ้มหวานให้
รสสุคนธ์ได้ฟังก็แปลกใจ ไม่อยากเชื่อว่าอธิวัฒน์ที่น้อยเล่าจะเป็นคนเดียวกับที่เธอรู้จัก
“คุณวัฒน์ช่วยน้อยเหรอ”
“ค่ะ ดูเป็นคนเจ้าชู้แล้วแต่จริงๆ คุณวัฒน์เป็นคนดีนะคะ” น้อยออกอาการปลื้ม
รสสุคนธ์ยิ้มแหยๆ ไม่อยากแย้ง “เหรอจ๊ะ สงสัยฉันคงต้องมองคุณวัฒน์ใหม่ซะแล้ว”
“งั้นน้อยไปทำงานต่อนะคะ”
น้อยขยับออกไปที่บูธดีเจกลางร้าน เปิดเพลงต่อ
อุณนิษากับจีรนันท์พุ่งเข้ามาในผับ ตรงดิ่งไปหาเพื่อน 1 ที่มารับหน้า
“รีบพาฉันไปหาพี่รามเร็ว”
เพื่อน1 บอกจ๋อยๆ “เออ นิษา คือว่า ฉันคลาดกับคุณรามน่ะ ตอนนี้ก็เลยไม่รู้ว่าคุณรามไปไหน”
“โอ๊ย เธอนี่มันใช้ไม่ได้เรื่องเลย” อุณนิษาเม้ง
“แล้วเธอเห็นพี่วัฒน์หรือเปล่า” จีรนันท์ถามต่อทันที
“อ๋อ ฉันเห็นอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง” เพื่อน1 บอก
“อะไรนะ ไอ้พี่วัฒน์ ตอนนี้มันอยู่ไหน” จีรนันท์หึงขาด
อุณนิษาโวย “นี่ยัยจีจี้ ฉันให้เธอมาช่วยตามหาพี่รามนะไม่ใช่ให้เธอมาตามหึงแฟน”
จีรนันท์อ้างว่า “บางทีพี่วัฒน์อาจรู้ก็ได้นะว่าคุณรามอยู่ไหน”
“งั้นรออะไรล่ะ รีบพาฉันไปเร็วสิ”
เพื่อน 1 รีบเดินนำอุณนิษากับจีรนันท์เข้างานไป
อธิวัฒน์เดินโยกตัวอารมณ์ดีสุดขีด เอาแก้วน้ำส้มใส่ยานอนหลับมาให้รสสุคนธ์
“นี่ครับน้ำส้ม”
“ขอบคุณค่ะ”
รสสุคนธ์จะรับแก้วไปดื่ม อธิวัฒน์ลอบยิ้มชั่ว ลุ้นสุดขีด ให้รสสุคนธ์รับไปดื่ม มือรสสุคนธ์ยื่นไปที่แก้ว แต่แล้วรามนรินทร์ก็คว้ามือนั้นไว้ รสสุคนธ์ชะงัก
“คุณราม”
“มากับฉัน”
รามนรินทร์ไม่พูดพร่ำ ดึงแขนรสสุคนธ์ลากออกไป อธิวัฒน์ไม่พอใจที่ถูกฉีกหน้า วางแก้วน้ำส้มแล้วเข้าไปดึงไหล่รามนรินทร์หันมา
“เฮ้ย แกจะพาคุณรสไปไหน”
รามนรินทร์หันมาประจันหน้ากับอธิวัฒน์อย่างเอาเรื่อง
“ผมจะไปไหนมันก็เรื่องของผม คุณไม่เกี่ยว”
“ไม่เกี่ยวใช่มั้ย”
อธิวัฒน์ฉุนกึก ออกหมัดชกใส่ก่อน รามนรินทร์เอี้ยวตัวหลบแล้วเตะอัดเข้าที่ชายโครง อธิวัฒน์เซถลาไปชนโต๊ะล้ม ทุกคนพากันหวีดร้องตกใจ
เสียงเพลงดับลง รามนรินทร์ดึงแขนรสสุคนธ์เดินออกไปไม่สนใจ น้อยรีบเข้ามาดูอธิวัฒน์ด้วยความเป็นห่วง
“คุณวัฒน์ ไม่เป็นไรนะคะ”
อธิวัฒน์กัดฟันคุมแค้นด้วยความเจ็บใจ แต่พอเห็นน้อยเป็นห่วงก็ทำสำออยให้น้อยช่วยพยุง
รามนรินทร์ดึงแขนรสสุคนธ์ออกมาทางประตูเข้าออกผับ รสสุคนธ์ขืนตัว แล้วสะบัดแขนรามนรินทร์ออก
“เดี๋ยวคุณราม คุณจะพาฉันไปไหน”
“ผมก็จะพาคุณกลับบ้านน่ะสิ”
“ฉันไม่กลับ ถ้าคุณอยากกลับก็เชิญกลับไปคนเดียว ฉันไม่ได้มากับคุณซะหน่อย แล้วอีกอย่างคุณไม่มีสิทธิ์มาบงการชีวิตฉัน”
“ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ ก็ผมเป็น...”
รามนรินทร์เกือบหลุดคำว่า ห่วง ออกไป แต่คิดได้ก่อน
รสสุคนธ์ชะงัก ลอบยิ้มดีใจเล็กๆ เลยแกล้งซักต่อ
“คุณเป็นอะไร”
รามนรินทร์หลบสายตารสสุคนธ์ ทำทีเก๊กขรึมไม่ให้เสียฟอร์ม
ทางฝ่ายน้อยขอผ้าห่อน้ำแข็งจากเด็กเสิร์ฟ เอาประคบหน้าให้อธิวัฒน์
“เจ็บมั้ยคะ”
อธิวัฒน์อ้อน “แค่นี้ยังไกลหัวใจ ว่าแต่คุณน้อยรู้จักรามด้วยเหรอครับ”
น้อยอึกอัก “เออ ความจริงแล้วคุณรามเป็นเจ้านายฉันค่ะ”
อธิวัฒน์แปลกใจ “เจ้านาย คุณน้อยทำงานที่โรงแรมแกรนด์บดินทร์เหรอครับ”
น้อยอายแต่ตัดสินใจบอกความจริงออกไป
“เปล่าค่ะ ฉันเป็นคนใช้ที่บ้านพรหมบดินทร์ค่ะ”
อธิวัฒน์ได้ยินก็หุบยิ้ม ผิดหวังนิดๆ ท่าทางเหมือนลูกผู้ดีแต่จริงๆ ก็เป็นแค่คนใช้ น้อยเห็นท่าทีอธิวัฒน์ก็ดูออก ยิ้มเศร้าขอตัว
“ฉันไม่ใช่คนร่ำรวยหรอกค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้คุณเข้าใจผิด ขอตัวนะคะ”
น้อยขยับจะเดินออกไป อธิวัฒน์รู้สึกเสียดายรีบคว้ามือน้อยเอาไว้
“เดี๋ยวสิครับ ผมไม่เคยบอกเลยนะครับว่าผมรังเกียจคุณ จะคนใช้หรือคนรวยก็คนเหมือนกันไม่ใช่เหรอครับ เรามาฉลองให้กับความเป็นเพื่อนกันดีมั้ยครับ”
อธิวัฒน์หยิบแก้วน้ำส้มที่วางอยู่บนโต๊ะ เป็นแก้วที่ผสมยานอนหลับกะจะให้รสสุคนธ์ดื่มเมื่อครู่นี้ มาให้น้อยดื่มแทน น้อยมองแก้วน้ำส้มแล้วมองหน้าอธิวัฒน์อย่างลังเล
มุมหนึ่ง ในผับ รสสุคนธ์ขยับเดินเข้ามาจ้องหน้ารามนรินทร์ใกล้ๆ พลางถามว่า
“คุณยังไม่ตอบฉันเลยนะคะ ตกลง คุณเป็นอะไรกับฉัน”
“ผมเป็น...เจ้านายคุณไง คุณจะไปไหนทำไมไม่ขออนุญาตผมก่อน”
รามนรินทร์พูดเฉไฉ วางมาดนิ่ง ไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นห่วง รสสุคนธ์หน้างอขึ้นมาทันที
“ขอโทษนะคะ นี่มันวันเสาร์ มันเป็นวันหยุดของฉัน ฉันจะไปไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตคุณ”
รามนรินทร์ไม่ยอมแพ้ “แต่ถึงยังไงคุณก็อาศัยอยู่บ้านผม ผมมีสิทธิ์รู้ทุกความเคลื่อนไหวของคนในบ้าน”
รสสุคนธ์ประชด “ก็ได้ค่ะ งั้นฉันขออนุญาตมาเที่ยวนะคะ”
“ได้ ผมอนุญาต งั้นผมก็จะเที่ยวเป็นเพื่อน”
รามนรินทร์โอบตัวรสสุคนธ์แล้วดันตัวเธอให้เข้าไปกลางวงสาวๆ คัฟเวอร์ แดนซ์ ที่กำลังเต้นกันอยู่ รสสุคนธ์ขัดขืน ดิ้นหนี แต่ไม่เป็นผล
“คุณราม คุณจะทำอะไร”
“เอาสิ อยากเที่ยวไม่ใช่เหรอ สนุกให้สุดเหวี่ยงเลยสิ”
รามนรินทร์ยักคิ้วยั่ว คิดว่าอีกฝ่ายไม่กล้า รสสุคนธ์ชะงัก ทุกคนพากันสั่งเสียงเชียร์
“เต้นเลยๆ”
“คิดว่าฉันไม่กล้าเหรอ”
รสสุคนธ์ขยับชุด สยายผมสูดลมหายใจ แล้วเต้นเข้าจังหวะกับพวกสาวๆ รามนรินทร์มองทึ่ง คาดไม่ถึง
ฟากอธิวัฒน์ยิ้มอ่อนโยนดูจริงใจให้ น้อยยอมรับแก้วน้ำส้มไปแล้วชนแก้วกับเขา
“ค่ะ ดื่มให้กับมิตรภาพของเรา”
น้อยยกแก้วน้ำส้มขึ้นจะดื่ม อธิวัฒน์ดื่มแก้วตัวเองแล้วมองลุ้น แววตาหื่นเป็นประกาย
จู่ๆ จีรนันท์ก็โผล่เข้ามาแย่งแก้วไปจากมือน้อย อธิวัฒน์ชะงักหันไปเห็นอุณนิษามากับจีรนันท์และก๊วนเพื่อนๆ ก็ตกใจ
“นี่สำหรับความร่านของแก”
จีรนันท์เทน้ำส้มราดหัวน้อย ยิ้มหยันสะใจ เพื่อนๆ อุณนิษา และนักเที่ยวรอบๆ รีบควักมือถือมาถ่ายคลิปไว้
อุณนิษาเหยียดยิ้มเย้ยหยัน น้อยอึ้ง หน้าชา ยกมือปาดน้ำส้มออกจากใบหน้า อับอายและโกรธถึงสุดขีด
“นี่มันอะไรกันคะ”
“ฉันจะบอกให้ ผู้ชายคนนี้เป็นแฟนฉัน”
“คุณก็เข้าใจผิดแล้วค่ะ ฉันกับคุณวัฒน์ไม่ได้มีอะไรกันอย่างที่คุณคิด” น้อยอธิบาย
“งั้นเหรอ ฉันไม่ใช่ควายนะ คนที่ชอบยุ่งกับของคนอื่นต้องเจอแบบนี้”
ขาดคำจีรนันท์ตบหน้าน้อยเต็มแรง น้อยถลาไป จีรนันท์เข้าไปจิกหัวน้อยแล้วจะตบอีก คราวนี้น้อยไม่ยอม ยกมือขึ้นกัน ทั้งสองคนตบกันนัว อธิวัฒน์เข้าไปจะช่วยน้อย แต่ถูกอุณนิษาดึงไว้
“เดี๋ยวพี่วัฒน์ พี่รามกับนังรสอยู่ไหน”
“ฉันไม่รู้ เห็นพากันไปทางโน้น” อธิวัฒน์ชี้มือบุ้ยใบ้ไปทางฟลอร์
อุณนิษารีบแจ้นไปทางมืออธิวัฒน์ชี้บอกๆ แก๊งเพื่อนอุณนิษารีบวิ่งตามไป
น้อยสู้ยิบตา ผลักจีรนันท์ออก แล้วตบเอาคืน จีรนันท์เซ
“คุณน้อย เรื่องนี้ผมอธิบายได้นะครับ” อธิวัฒน์พยายามธิบาย
น้อยตบหน้าอธิวัฒน์เปรี้ยง แล้ววิ่งร้องไห้ออกไป อธิวัฒน์จะตามไปแต่ถูกจีรนันท์ดึงรั้งไว้
“พี่วัฒน์จะไปไหน หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ”
อธิวัฒน์เซ็ง จีรนันท์เกาะแขนแจแล้วหันไปด่ากราดไทยมุง
“มองอะไรอยากโดนหรือไง”
ฝ่ายรสสุคนธ์เต้นลืมโลกอยู่ในฟลอร์ ก็หันไปเห็นรามนรินทร์ยืนยิ้มมองอยู่ จึงอยากแกล้งกลับ รสสุคนธ์ส่งสายตา พร้อมกวักมือเรียก รามนรินทร์ชะงักส่ายหน้าหงึก สาวๆ เข้ามาผลักหลังให้เข้าไปหารสสุคนธ์ในฟลอร์
รสสุคนธ์เต้นเข้ามาหา ดึงคอเสื้อให้รามนรินทร์โน้มหน้าลงมาใกล้ๆ
“ที่แท้คุณก็ไม่กล้า”
“คุณท้าคนผิดแล้ว”
รามนรินทร์ออกสเต็ปเต้นเข้ากับเพลง ทุกคนพากันตบมือชอบใจ รสสุคนธ์กับรามนรินทร์เต้นประชันกัน แล้วสุดท้ายก็เต้นคู่กันอย่างเข้าขา ทั้งสองคนหัวเราะให้กันอย่างสนุก
อุณนิษาเดินเข้ามามองอย่างเอาเรื่อง
“นังแพศยา”
อุณนิษาพุ่งเข้าไปกระชากรสสุคนธ์ออกจากรามนรินทร์แล้วตบเปรี้ยง รสสุคนธ์ไม่ทันระวังหน้าหันไปตามแรงตบ เพื่อนอุณนิษาเห็นก็รีบใช้มือถือถ่ายคลิปไว้โดยไว
ทุกคนฮือฮา เหตุการณ์เริ่มชุลมุน รามนรินทร์เข้าไปช่วยขวางตัวอุณนิษาไว้ แต่ถูกเธอสะบัดออก และไม่ฟังคำห้าม
“อย่าคุณนิษา”
“พี่รามหลบไป นิษาจะตบมัน”
“ไม่ คุณนิษาฟังพี่ก่อน”
“นิษาไม่ฟังอะไรทั้งนั้น นังรสสุคนธ์แกตาย”
อุณนิษาเงื้อมือจะตบรสสุคนธ์ แต่รามนรินทร์เอาตัวกันไว้ ทั้งคู่ถอยหลังไปเรื่อยๆ อุณนิษาไม่ยอมรอจนสบช่องยกเท้าขึ้นมาจะถีบรสสุคนธ์ รามนรินทร์เห็นก็รีบดึงตัวรสสุคนธ์หลบออก เป็นผลให้อุณนิษาเสียหลัก เซถลาร่วงลงไปกองกับพื้น นางกรี๊ดลั่น
“แอร๊ย พี่ราม”
รามนรินทร์ดึงมือรสสุคนธ์ออกไป
“เดี๋ยวสิพี่ราม พี่รามกลับมาก่อน”
อุณนิษาดิ้นพล่านอยู่กับพื้น ทุกคนพากันหัวเราะขำ รวมทั้งเพื่อนอุณนิษาที่ถ่ายคลิปด้วย
“งานนี้หล่อนได้อายไปทั้งประเทศแน่”
เพื่อนนางนั้นมองภาพอุณนิษาในมือถือแล้วยิ้มร้ายออกมา
แขไขเห็นคลิปอุณนิษาในตอนเช้าแล้วพาลจะเป็นลม หันไปถามลูกสาวตัวดี
“นี่มันอะไรนิษา ทำไมถึงได้มีคลิปออกมาประจานตัวแบบนี้”
“ทั้งหมดเป็นเพราะนังรสสุคนธ์ มันแกล้งนิษา”
“แล้วยัยจีจี้ไปไหน ทำไมไม่ให้มันจัดการ”
“ยัยจีจี้ก็มัวแต่ตบกับยัยน้อยแย่งพี่วัฒน์อยู่น่ะสิคะ”
“ตายจริง นี่มันร่านกันทั้งเจ้านายลูกน้องเลยเหรอ”
“ใช่ค่ะ คุณแม่ต้องต้องจัดการมันให้นิษานะคะ”
“แม่ไม่ยอมอยู่แล้ว แม่จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”
แขไขอาฆาตแค้น คิดจะเอาเรื่องรสสุคนธ์ให้จงได้
ที่บ้านพรหมบดินทร์ ภาวิดา จวง และ ปริก ต่างรุมจ้องมองรสสุคนธ์กับน้อยราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ฉันให้เวลาพวกเธอสองคนถึงอาทิตย์ตกดิน เก็บข้าวของแล้วออกไปจากบ้านฉันซะ”
“คุณหญิง...คุณหญิงไล่ฉันกับน้อยออกด้วยเหตุผลอะไรคะ”
“ยังต้องการเหตุผลอีกเหรอ”
แขไขกับอุณนิษาก้าวเข้ามาสมทบข้างภาวิดา แขไขด่าออกไปว่า
“เมื่อวานพวกเธอทำงามหน้าอะไรไว้ ต้องให้ฉันแฉมั้ย”
น้อยไม่ยอมมองหน้าอุณนิษาแล้วเถียงกลับ
“พวกเราก็แค่ไปเที่ยว พวกคุณต่างหากล่ะคะที่หาเรื่อง”
ภาวิดาโมโห “นังปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม แกกล้าเถียงเหรอ จวงตบปากมัน”
จวงตบหน้าน้อยสุดแรงไปทีหนึ่ง น้อยหน้าชา เจ็บใจจนน้ำตาซึม จวงจะตบอีก รสสุคนธ์เข้าไปกันไว้
“ทำไมต้องใช้ความรุนแรงด้วยคะ พูดกันดีๆ ก็ได้ค่ะ”
ภาวิดาแหวใส่ “ฉันพูดกับเธอดีๆ แล้ว แต่เธอก็ดื้อด้าน ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ออกไปจากบ้านฉันซะ”
รสสุคนธ์เถียง ไม่ยอมแล้ว “ไม่ค่ะ ฉันเป็นคนของคุณชายภาณุกร มีแต่คุณชายเท่านั้นที่ไล่ฉันออกได้”
แขไขแหวเอาหน้าขึ้นบ้าง “จองหอง ดูสิคะ คุณพี่ มันสำคัญตัวว่าเป็นคนโปรดของชายกร จนไม่เห็นหัวคุณพี่เลย”
“อย่าคิดนะว่าฉันไม่กล้าทำอะไรเธอ จวงจัดการ” ภาวิดาสั่ง
“อย่านะ”
น้อยถลันจะไปช่วยรสสุคนธ์ แต่ถูกปริกจับตัวไว้
“มึงอยู่เฉยๆ อีน้อย เดี๋ยวมึงได้โดนอีกแน่”
จวงง้างมือแล้วตบหน้ารสสุคนธ์อย่างแรงจนหน้าหัน
ภาวิดา แขไข และ อุณนิษา ยิ้มสะใจให้กัน
ขณะที่รสสุคนธ์กับน้อยกำลังจะถูกโยนออกจากบ้าน รามนรินทร์ยังนั่งอ่านแฟ้มงานในห้องทำงานบนตึกไม่รู้อิโหน่อิเหน่ จนกระทั่งเฟื่องวิ่งหน้าตื่นเข้ามาหา
“คุณรามคะ”
“มีอะไรเหรอครับ นม”
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วค่ะ มากับนมเหอะค่ะ”
รามนรินทร์รีบตามเฟื่องออกไป
จวงตบหน้ารสสุคนธ์อีกฉาดใหญ่ รสสุคนธ์ล้มลง น้อยดิ้นจะเข้าช่วยแต่ถูกปริกล็อกตัวไว้แน่น
ภาวิดายังไม่สะใจ “ตบอีก ตบจนกว่าฉันจะบอกให้หยุด”
จวงขึ้นคร่อมรสสุคนธ์จะตบอีก แต่รามนรินทร์เข้ามาดึงมือจวงรั้งไว้ จวงตกใจ ภาวิดา แขไขและอุณนิษาก็ตกใจ
รามนรินทร์พูดเป็นเชิงขอร้อง “พอแค่นี้เหอะครับคุณแม่”
เฟื่องไปพยุงรสสุคนธ์ด้วยความสงสาร น้อยสะบัดตัวออกจากปริกเข้าไปช่วยรสสุคนธ์อีกแรง
“โธ่คุณรส ขวัญเอ๊ยขวัญมา ไม่เป็นไรแล้วนะคะ คุณรามมาช่วยแล้ว”
ภาวิดาแว้ดใส่เฟื่อง “นังเฟื่อง นังสาระแน นี่แกแล่นไปฟ้องลูกชายฉันเหรอ แกอยากโดนไล่ออกจากบ้านไปอีกคนใช่มั้ย”
รามนรินทร์ประกาศก้อง “จะไม่มีใครไปไหนทั้งนั้น”
“ตายจริง” แขไขตกใจ หันไปทางภาวิดา พูดเป็นเชิงตำหนิ “นี่รามกล้าหือคำสั่งคุณหญิงพี่เหรอ”
อุณนิษาผสมโรง “คุณหญิงป้าเห็นหรือยังคะ พี่รามเข้าข้างนังพวกนี้แค่ไหนออกรับแทนมัน” พูดมาถึงตรงนี้หล่อนหันหน้าไปทางรสสุคนธ์ “แทนที่จะเชื่อคุณหญิงป้า”
“แม่ไม่นึกเลยว่ารามจะเห็นคนอื่นดีกว่าแม่” ภาวิดาคับแค้นใจ น้อยใจลูกชาย
“เปล่านะครับ ผมไม่เคยคิดแบบนั้นกับคุณแม่”
“แล้วทำไมรามต้องปกป้องมันด้วย หรือว่ารามหลงเสน่ห์มัน”
รามนรินทร์หันมองรสสุคนธ์นิดหนึ่งแล้วก่อนจะหันไปอธิบายกับภาวิดาให้เข้าใจ
“ผมทำเพราะความถูกต้อง คุณรสกับน้อยไม่ได้หนีเที่ยว แต่ผมเป็นคนอนุญาตเอง ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันเป็นความบังเอิญและอุบัติเหตุ คนอื่นสร้างเรื่องใส่ร้ายสร้างหลักฐานเท็จ จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเลย เอาละถ้าจะเอาผิดก็มาลงที่ผม อย่าให้ถึงต้องไล่กันเลยนะครับคุณแม่ ผมขอล่ะ”
ภาวิดาอึ้งที่ลูกชายพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ออกตัวแรง แขไขกับอุณนิษาแค้นใจที่รามนรินทร์ออกหน้ารับผิดแทนรสสุคนธ์กับน้อย
รสสุคนธ์มองรามนรินทร์ด้วยความซาบซึ้ง ก่อนที่เฟื่องกับน้อยจะพากันพยุงรสสุคนธ์ออกไป
แขไขดึงแขนอุณนิษาเดินออกจากตึกใหญ่ด้วยความไม่พอใจ ภาวิดาเดินร้อนใจตามมาง้อ
“หญิงแข อย่าพึ่งกลับสิ อยู่กินข้าวเย็นกับพี่ก่อนนะ”
“แขกินอะไรไม่ลงหรอกค่ะ สามสิบปีแล้วนะคะที่แขต้องทนกล้ำกลืนถูกคนบ้านพรหมบดินทร์เหยียบย่ำศักดิ์ศรี พี่ชายทัตก็คน แล้วนี่มาตารามอีก แขไขคงไม่อยู่เสนอหน้าที่นี่อีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ ไป นิษา กลับบ้าน”
“เดี๋ยวก่อนหญิงแข พี่ขอโทษแทนตารามด้วยนะ นิษายกโทษให้พี่รามนะลูก แม่สัญญา แม่จะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว”
“แน่นะคะ นิษาไม่อยากเจ็บมากไปกว่านี้แล้ว และไม่อยากจมปักอยู่ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ หนูชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าพี่รามชอบหนูหรือเปล่า”
“ชอบแน่นอนสิจ๊ะ แต่หนูก็พยายามอยู่ใกล้ๆพี่เขามาก ความรักจะได้แน่นแฟ้น รออีกหน่อยนะอีกไม่นานหนูนิษาจะได้ข่าวดีแน่นอน”
ภาวิดาดึงอุณนิษามากอดยิ้มเอาใจ แขไขยิ้มสมใจ เพราะว่าภาวิดาสื่อถึงเรื่องหมั้นหมายนั่นเอง
รามนรินทร์ประคองรสสุคนธ์ลงนั่งที่โซฟาห้องโถง น้อยเอาถุงเจลประคบเย็นใส่ชามน้ำแข็งมาให้
“ขอบใจ เดี๋ยวฉันดูคุณรสเอง”
น้อยยิ้มรู้ทัน แล้วรีบออกไป รสสุคนธ์หันไปจะเรียกแต่รามนรินทร์จับหน้ารสสุคนธ์ให้หันมามองตัวเอง
“อย่าดื้อสิคุณ ผมจะประคบเย็นให้”
“ฉันไม่เป็นไรหรอก”
“ไม่เป็นไรได้ไง คุณโดนตั้งหลายทีไม่ใช่เหรอ ขืนไม่ประคบเดี๋ยวพรุ่งนี้หน้าก็ได้เขียวเป็นรอยฝ่ามืออรหันต์หรอก”
รามนรินทร์ยิ้มขำ ค่อยๆเอาถุงเจลประคบหน้าให้รสสุคนธ์อย่างอ่อนโยน
“คุณยิ้มอะไร ฉันไม่ขำด้วยนะ”
“ขอโทษแทนคุณแม่ผมด้วย คุณแม่ก็เป็นคนอารมณ์ร้อนแบบนี้ล่ะครับ คุณอย่าไปถือสาท่านเลยนะครับ”
“ฉันชินแล้วล่ะค่ะ แต่ฉันก็ขอบคุณนะคะที่คุณรับผิดแทนฉัน”
“คุณเป็นคนของผม ผมก็ต้องปกป้องสิ”
รสสุคนธ์ได้ยินคำพูดจริงใจของรามนรินทร์ก็หน้าแดง ทำให้รามนรินทร์เองพลอยยิ้มออกมีความสุข
สองคนมองตากันซึ้งๆ
อ่านต่อหน้า 3
บาปบรรพกาล ตอนที่ 8 (ต่อ)
ภาวิดานอนหลับอยู่บนเตียงสีหน้าสงบนิ่ง ผีแม้นมาศพรวดเข้ามาในห้องมองจ้องภาวิดา เหมือนโกรธแค้นที่มาตบหน้าหลานสาว
“มึงตาย”
ภาวิดาตกใจตื่นจากเสียงแม้นมาศ ลุกขึ้นนั่ง ถอยกรูดด้วยความกลัว แม้นมาศเดินเข้าใกล้ ภาวิดาถอยพร้อมเอามือล้วงเข้าไปที่ใต้หมอน หยิบพระขึ้นมาชู
“อีแม้นมาศ กูไม่กลัวมึงหรอกเข้ามาสิ” ถอยไปลงอีกฝั่งเตียง
แม้นมาศขยับเข้าใกล้
“ไม่ มึงทำร้ายหลานกู มึงต้องเจ็บยิ่งกว่าสองเท่า”
แม้นมาศหายตัววูบไปยืนโผล่ข้างตัวภาวิดา ภาวิดาไม่เห็นยืนด่าว่าผีต่อ ฉอดๆๆ
“ไม่ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด หลานแกคิดจะจับลูกชายฉันอีก ให้ตายฉันก็ไม่ยอมให้หลานแกมาเป็นลูกสะใภ้ฉันเด็ดขาด”
“งั้นกูจะช่วยสงเคราะห์ให้มึงได้ตายไวๆ” ภาวิดาหันขวับมาเห็นแม้นมาศยืนอยู่ใกล้ๆ ก็ตาเหลือก ตกใจ ถอยออกไปชนโต๊ะจนทำให้พระร่วงลงจากมือไป แม้นมาศเห็นแสยะยิ้ม คว้าคอภาวิดามาบีบอย่างแรง
“ว้าย ช่วยด้วย”
ภาวิดากรี๊ดสุดเสียง ก่อนจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย มองไปรอบๆ จนแน่ใจว่าเป็นเพียงฝัน คุณหญิงหายใจหอบเหนื่อยอย่างรุนแรง ทวนซึ่งนอนกกกันมาทั้งคืนพลอยสะดุ้งตื่น ตกใจ รีบเข้ามาดูภาวิดา
“คุณหญิง คุณหญิงเป็นไรครับ”
“เปล่า ฉันฝันไป”
ภาวิดามองกราดไปทั่วห้องไม่เห็นแม้นมาศแล้ว เลยทำเป็นปากเก่ง
“ฉันไม่กลัวแกหรอก แล้วฉันก็จะไม่ยอมตายเป็นรายที่สามด้วย”
ทวนเข้าสวมกอดปลอบใจคุณหญิง
“ไม่ต้องกลัวมีผมอยู่ใกล้ๆ นะครับคุณหญิง”
ภาวิดามองทวนอย่างซาบซึ้ง วาบหวามซุกหน้าลงซบอกแกร่งของชู้รักคนขับรถ
ปลอบขวัญปลอบใจจนสาแก่ใจสมใจภาวิดาแล้ว ทวนก็กลับมาที่เรือนคนใช้ นั่งใช้ความคิดอยู่ลำพัง คิดฟุ้งซ่านเรื่องแม้นมาศ สีหน้าหวาดกลัว
“หึหึ” เสียงหัวเราะต่ำๆ ชวนหลอกหลอนดังก้องขึ้น “มึงทำชั่วอะไรไว้ เวรกรรมจะต้องตามมึง”
ทวนไม่กลัวการขู่ของแม้นมาศ
“กูไม่กลัวมึงหรอก มึงเข้ามาสิ”
ทวนขวักสร้อยออกมาขู่ ทวนรีบรื้อที่ซ่อนกล่องเครื่องเพชรที่ขโมยออกมาแล้วครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
กล่องเครื่องเพชรถูกดันไปตรงหน้า ด้วยมือของทวนซึ่งแต่งตัวดูดีมาดโก้ ไฮโซสาวเจ้าของร้านเพชรมองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นของจริงราคาหลายล้าน นางตาลุกวาวหยิบเครื่องตรวจสอบเพชรมาตรวจดู แล้วเอากล้องส่องเพชรมาส่องดู ก่อนจะทำทีเป็นมองหน้าทวน เล่นแง่อย่างไม่ไว้ใจ
“เพชรแท้ น้ำดี ใบเซอร์ก็ไม่มี ขโมยมาหรือเปล่าเนี่ย”
“แหม หาเรื่องหาตะรางให้ผมซะแล้ว เจ้านายผมร้อนเงินเลยให้ผมเอามาปล่อย ถ้าไม่เชื่อ ผมไปร้านอื่นก็ได้” ทวนยักท่า
เจ้าของร้านตกใจ “เดี๋ยว ฉันซื้อก็ได้ แต่ให้ราคาได้แค่แปดแสน”
“โห ไม่ขูดเลือดขูดเนื้อเกินไปหน่อยเหรอครับ ชุดนี้นายผมบอกตั้งราคาเป็นล้านล้าน ทำไมให้ได้แค่นี้ล่ะ”
“ฉันให้ได้แค่นี้ จะเอาไม่เอา”
“งั้นผมลาล่ะ ไปปล่อยที่อื่นยังได้เยอะกว่า”
ทวนยื่นมือมาจะปิดกล่องเครื่องเพชร เจ้าของร้านรีบตะครุบมือไว้
“อ่ะๆ ก็ได้ ล้านหนึ่งขาดตัว”
“อย่างนี้ค่อยพูดกันรู้เรื่องหน่อย ผมขอแคชเชียร์เช็คนะ เช็คอย่างอื่นไม่เอา เผอิญไม่นิยมของเด้ง”
เจ้าของร้านมองหน้าทวน แล้วตอบตกลง ไอ้นี่หัวหมอใช่เล่น
“ฉลาดซะด้วย ได้ งั้นก็รอแป๊บนะ ฉันจะไปธนาคารก่อน ใกล้ๆ เนี่ยแหละ”
ทวนยิ้มหวานให้เจ้าของร้าน กระหยิ่มยิ้มย่องที่จะได้จับเงินล้าน
เรือนไม้หอมยามค่ำคืน บรรยากาศเงียบสงัด รสสุคนธ์นอนลืมตาอยู่บนเตียงอยู่คนเดียว ใบหน้าครุ่นคิดถึงเรื่องจดหมายลาตายของแม้นมาศ อันเป็นชนวนเหตุให้มีปากเสียงกับรามนรินทร์
รสสุคนธ์ขยับหนีแต่รามนรินทร์เรียกไว้
“เดี๋ยวสิครับ ถ้าคุณพร้อมเมื่อไรก็ไปขอจดหมายของคุณย่าคุณมาดูได้ ผมกับคุณแม่พร้อมพิสูจน์เสมอ
“ค่ะ ฉันไปแน่ค่ะ”
รสสุคนธ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลิกตัวไปมาเพราะนอนไม่หลับ
ข้างๆ เตียงที่ว่างอยู่เมื่อครู่ พลันมีร่างแม้นมาศเด้งตัวขึ้นมามองหน้ารสสุคนธ์
“คิดอะไรอยู่เหรอแม่รส มีเรื่องอะไรหรือใครทำให้ไม่สบายใจบอกฉันได้นะ เดี๋ยวฉันจะจัดการให้เอง”
รสสุคนธ์ลุกขึ้นมานั่ง “รสคิดเรื่องจดหมายลาตายของย่าเล็กค่ะ รสว่ารสจะไปขอจดหมายนั่นมาดู”
แม้นมาศไม่เห็นด้วย “ไม่ได้นะ ฉันจะให้เธอไปก้มหัวขอร้องนังคุณหญิงภาวิดาไม่ได้”
“แต่นี่เป็นทางเดียวนะคะที่เราจะได้รู้ความจริง ย่าเล็กก็อยากรู้ไม่ใช่เหรอคะว่าตัวเองตายยังไง อนุญาตให้รสทำเหอะนะคะ”
แม้นมาศอึ้งไป ใจจริงก็อยากรู้เหมือนกัน แต่อีกใจก็อดเป็นห่วงรสสุคนธ์ไม่ได้
“แต่ว่า…”
“รสตัดสินใจแล้ว เชื่อการตัดสินใจของรสนะคะ”
แม้นมาศพยักหน้าหงึกๆ รสสุคนธ์หยิบมือถือขึ้นมากดโทรหารามนรินทร์
“คุณรามคะ รบกวนเรียนคุณหญิงภาวิดาให้ด้วยนะคะ พรุ่งนี้ฉันจะเข้าไปขอดูจดหมายค่ะ”
รสสุคนธ์ตัดสินใจแน่วแน่ สีหน้ามุ่งมั่นมาดหมาย
รสสุคนธ์พาตัวเองก้าวเข้ามายืนที่หน้าตึกใหญ่บ้านพรหมบดินทร์ รามนรินทร์ออกมารับ
“ฉันพร้อมแล้วค่ะ”
“คุณแม่รออยู่ที่ห้องรับแขก เชิญครับ”
ขณะรามนรินทร์เดินนำรสสุคนธ์เข้าบ้าน รถอุณนิษาก็แล่นเข้ามาจอดพอดี สองคนชะงักหันไปมอง เห็นแขไขกับอุณนิษาและจีรนันท์เดินเข้ามาหน้าตึกเป็นขบวน แขไขร้องทัก
“เดี๋ยวสิจ๊ะราม รอพวกเราด้วย”
รสสุคนธ์อดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นคุณหญิงแขไข อุณนิษาและจีรนันท์ แท็คทีมกันมาด้วย จนต้องถามรามนรินทร์
“นี่มันอะไรกันคะคุณราม”
แขไขตอบแทนว่า “ไม่ต้องตกใจหรอก คุณหญิงภาวิดาโทร.ชวนฉันมาเอง” แขไขว่า
“ไหนๆ เธอก็จะได้ดูจดหมายลาตายแล้ว ช่วยอ่านดังๆให้ฉันฟังหน่อยนะ ฉันอยากรู้จริงๆ ผู้หญิงที่ฆ่าตัวตายในคืนแต่งงานของตัวเอง จิตใจเค้าทำด้วยอะไรกัน ถึงได้โหดร้ายกับคนรักตัวเองนัก” อุณนิษาแดกดันอย่างสะใจ
จีรนันท์ผสมโรง “ดูก็น่าจะรู้ ก็คงเป็นพวกผู้หญิงมักมาก เห็นผู้ชายเป็นของเล่น นึกอยากจะได้ก็แย่งชิง พอเบื่อก็ทิ้ง เขาเรียกอะไรนะ อ๋อ...ผู้หญิงแพศยาไงจ๊ะ คุณนิษา”
อุณนิษาเหยียดยิ้มมาให้ รสสุคนธ์พยายามข่มกลั้นอารมณ์แล้วย้อนกลับไปอย่างสุภาพ
“จดหมายเป็นเรื่องส่วนบุคคล ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าคนที่อยากรู้อยากเห็นเรื่องชาวบ้าน คนประเภทนี้เรียกกว่าอะไร”
สามคนแท็คทีมคำราม “นังรสสุคนธ์” แถมถลึงตาใส่รสสุคนธ์อย่างไม่พอใจ รามนรินทร์ต้องรีบห้ามทัพ
“เราเข้าข้างในกันดีกว่านะครับ คุณแม่ท่านรออยู่”
รามนรินทร์ผายมือให้แขไขกับอุณนิษาและจีรนันท์ ทั้งสามคนสะบัดตัวเข้าบ้านไป รามนรินทร์หันไปมองรสสุคนธ์ ถามย้ำด้วยความสงสาร
“คุณรสแน่ใจนะครับ”
“ค่ะ ฉันไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่คะ”
รสสุคนธ์กับรามนรินทร์พากันก้าวเข้าบ้านไป
ภาวิดา แขไข อุณนิษา และ จีรนันท์ นั่งเชิดหน้าอยู่ที่โซฟาห้องรับแขกแล้ว มีจวงกับปริกนั่งเสนอหน้าอยู่ใกล้ๆ ภาวิดา รามนรินทร์ลงนั่งใกล้ๆ มารดา ภาวิดาปรายตามองรสสุคนธ์ที่ยังยืนอยู่
“ไร้มารยาท ผู้หลักผู้ใหญ่นั่งหัวโด่อยู่มายืนค้ำหัวอยู่ได้ ที่บ้านไม่มีใครสั่งสอนหรือไง”
แขไขผสมโรงขึ้นว่า “เด็กกำพร้าพ่อแม่ ไร้การอบรมก็อย่างนี้ล่ะค่ะคุณพี่”
“เอ้า มายืนจ้องหน้าอยู่ทำไมจ๊ะรสสุคนธ์ นั่งสิจ๊ะ แต่นั่งที่พื้นนะ เพราะมันน่าจะเหมาะสมกับฐานะของเธอ” จีรนันท์ว่ารสสุคนธ์ โดยลืมนึกถึงตัวเอง
แขไข ภาวิดา อุณนิษาต่างหัวเราะร่าชอบใจสิ่งที่จีรนันท์พูด จวงกับปริกก็หัวเราะตาม
รสสุคนธ์หน้าชา ข่มกลั้นอารมณ์ไว้สุดขีด รามนรินทร์มองสงสารรสสุคนธ์
“ขอบคุณค่ะ ดิฉันแค่แวะมาขอดูจดหมายของคุณย่า ได้จดหมายแล้วดิฉันก็จะออกไป คงไม่รบกวนเวลาของคุณหญิงหรอกค่ะ”
รามนรินทร์หันไปทางมารดาอยากใหเรื่องจบไวๆ “คุณแม่ครับ ผมขอจดหมายครับ”
ภาวิดาหยิบซองจดหมายสีน้ำตาลออกมา จะยื่นให้รามนรินทร์แต่แล้วก็ดึงกลับ
“ถ้าเธออยากได้ ก็คลานมากราบเท้าฉันก่อน แล้วฉันจะให้”
รามนรินทร์กับรสสุคนธ์ได้ยินถึงกับอึ้ง คาดไม่ถึงว่าภาวิดาจะทำขนาดนี้
“คุณแม่”
แขไขสอดขึ้น “ว่าไงล่ะ มากราบคุณหญิงพี่สิ หรือว่าไม่อยากได้จดหมายย่าแล้ว”
อุณนิษาเสริม “กราบแค่นี้ยังทำไม่ได้ ย่าเธอคงเสียใจแย่ ที่มีลูกหลานอกตัญญูอย่างเธอ”
รสสุคนธ์ยืนนิ่งมองภาวิดากับจดหมายอย่างลังเล พวกภาวิดาพากันหัวเราะถากถางไม่หยุดหย่อนรสสุคนธ์ฝืนใจคุกเข่าลงพื้นช้าๆ คลานเข่าเข้าไปหาภาวิดาใกล้ พนมมือขึ้น แล้วค่อยๆ ก้มลงกราบแทบเท้าภาวิดาอย่างเจ็บปวดใจ
ภาวิดา แขไข อุณนิษา จีรนันท์ รวมทั้ง จวง และ ปริก พากันหัวเราะ ยิ้มเย้ย อย่างสะใจ
รสสุคนธ์เงยหน้าขึ้นมามองภาวิดาน้ำตากลบดวงตา
“พอใจคุณหญิงแล้วใช่มั้ยคะ รบกวนขอจดหมายด้วยค่ะ”
“ความจริงเกี่ยวกับการตายของแม้นมาศที่เธอตามหามันอยู่ในนี้ นี่เป็นจดหมายประจานความชั่วช้าที่ย่าของเธอทำไว้กับตระกูลพรหมบดินทร์ เอาไป”
ภาวิดาโยนซองจดหมายใส่หน้ารสสุคนธ์อย่างแรง รสสุคนธ์สะอื้นไห้ หยิบซองจดหมายขึ้นมาแล้วหันไปสบตารามนรินทร์แว่บหนึ่งอย่างตัดพ้อ
รามนรินทร์สงสารจับใจ รู้สึกผิดที่ทำให้รสสุคนธ์ต้องโดนหยามศักดิ์ศรีขนาดนี้
“อ่านจดหมายแล้วก็อย่าคิดกระโดดสระบัวฆ่าตัวตายแบบย่าหล่อนล่ะ ฉันกับคุณพี่ขี้เกียจให้คนเก็บศพ” แขไขเย้ยหยัน
“จวง ปริก เดี๋ยวช่วยพยุงรสสุคนธ์ขึ้นด้วยสิ” อุณนิษาทำเป็นมีน้ำใจ
“ใช่ น่าสงสารออก สงสัยขาจะอ่อนลุกไม่ขึ้น” จีรนันท์กัด
รามนรินทร์ขยับตัวจะลุกขึ้นจะไปช่วยพยุงรสสุคนธ์ ภาวิดาดึงแขนลูกชายไว้
“หยุดเลยนะราม”
จวงกับปริกเข้าไปกระชากแขนรสสุคนธ์ให้ลุกขึ้นอย่างแรง รสสุคนธ์สะบัดแขนออก
“ไม่ต้อง ฉันลุกเองได้”
รสสุคนธ์ลุกขึ้นแล้วเดินคอแข็งออกไป ภาวิดากับพวกหัวเราะสะใจ รสสุคนธ์หยุด หันกลับมามองทุกคนอย่างเอาเรื่อง
“คอยดูละกันค่ะ ว่าคุณย่าเล็กตายเพราะเหตุผลอะไร ดิฉันจะเป็นคนกระชากหน้ากากออกมาเองว่าใครคือคนฆ่าย่าเล็ก”
คำนั้นกระแทกเข้าหน้าทุกคนจังๆ ภาวิดาเพียงตกใจนิดๆ
แขไข สะดุ้ง แต่รีบเก็บอาการ อุณนิษา กับ จีรนันท์ เมินมองไม่ใส่ใจ
จวงและปริกตกใจ ไม่เคยเห็นรสสุคนธ์เอาจริงมากขนาดนี้
ขณะที่รามนรินทร์สงสารเหลือเกิน
อ่านต่อหน้า 4
บาปบรรพกาล ตอนที่ 8 (ต่อ)
รสสุคนธ์ปาดน้ำตาสะอื้นไห้ แม้นมาศรู้เรื่องแล้วเข้ามาลูบหัวหลานสาวปลอบ ด้วยความสงสาร
“โถ แม่รส พวกมันเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเธอ...ฉันจะแก้แค้นให้เธอเอง”
รสสุคนธ์ตกใจรีบห้าม “อย่านะคะย่าเล็ก ทั้งหมดรสทำด้วยเต็มใจทำเอง ย่าเล็กอย่าไปผูกพยาบาทพวกเค้าเลยค่ะ”
“เอาเหอะ ฉันไม่ทำก็ได้ แล้วนี่จดหมายมันเขียนว่ายังไง เปิดดูซิ”
รสสุคนธ์หยิบซองจดหมายสีน้ำตาลมาเปิดออกแล้วค่อยๆ ดึงกระดาษจดหมายออกมาจากซอง
กระดาษจดหมายนั้นถูกซีลซองสูญญากาศมาอย่างดี แม้นมาศยื่นหน้าเข้ามาอ่านข้อความในจดหมายด้วยความอยากรู้
“เรียนคุณชายภาณุทัต คืนนี้ชีวิตคู่ของเราสองคนกำลังจะเริ่มต้นขึ้น แต่เมื่อถึงตอนนั้นชีวิตเล็กก็คงดับสูญไปแล้ว เล็กมีเรื่องอยากจะสารภาพ ความจริงแล้วเล็กไม่เคยรักคุณชายเลย ทั้งหมดมันเป็นเพียงละคร...”
อ่านถึงท่อนนี้ รสสุคนธ์ถึงกับอึ้งไป หันมามองหน้าแม้นมาศที่อ่านด้วยกัน และถึงกับหน้าถอดสี
“เล็กทำไปก็เพื่อต้องการให้ครอบครัวของเล็กได้อยู่อย่างสุขสบาย แต่พอได้เห็นความรักและความดีที่คุณชายมอบให้เล็กแล้ว เล็กก็รู้สึกละอายใจ ผู้ชายดีๆ อย่างคุณชายควรครองคู่กับผู้หญิงที่คู่ควร ซึ่งไม่ใช่เล็ก...ขอให้คุณชายโชคดีกับรักครั้งใหม่
...ลาก่อน แม้นมาศ”
รสสุคนธ์อ่านจบ มองจดหมายในมือไม่อยากเชื่อสายตา ส่วนแม้นมาศเจ็บปวดรวดร้าวสุดจะประมาณ ส่ายหน้าปฏิเสธคล้ายไม่ยอมรับข้อความดังกล่าว
“ข้อความในจดหมาย มันเป็นความจริงเหรอคะ”
แม้นมาศปฏิเสธเสียงแข็ง “ไม่จริง จดหมายนี้ไม่ใช่ของฉัน ฉันรักคุณชายทัต ฉันไม่เคยหลอกลวงเค้า”
“แล้วนี่มันใช่ลายมือย่าเล็กหรือเปล่าคะ”
“ลายมือมันเหมือนฉันมาก แต่ฉันไม่ได้เขียนจริงๆ นะแม่รส ฉันกับคุณชายทัตรักกันจริง เธอต้องเชื่อฉันนะ”
รสสุคนธ์นิ่งคิด “ถ้าย่าเล็กไม่ได้เขียน แล้วใครเขียนล่ะคะ”
“มันต้องมีคนใส่ความฉัน เมื่อก่อนเรื่องแบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ตอนนั้นก็มีจดหมายเขียนด้วยลายมือฉันเหมือนกัน”
แม้นมาศหวนคิดถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในอดีต
ครั้งนั้นภาณุทัตเดินเข้ามามองหาแม้นมาศที่ศาลาท่าน้ำ แต่ไม่เจอ เห็นมีแต่หนังสือนิยายหลายเล่มวางอยู่ จนกระทั่งมีเสียงแขไขดังมาจากทางด้านหลัง
“พี่ชายทัตหาใครเหรอคะ”
ภาณุทัตหันไปเห็นแขไขเดินมากับภาวิดา “หญิงดาเห็นน้องเล็กมั้ย”
“เห็นจัดของว่างอยู่ในครัวค่ะ เดี๋ยวก็ออกมา”
แขไขเห็นนิยายวางอยู่ก็ร้องซะเสียงดัง เพื่อให้ภาณุทัตหันมาสนใจ
“ตายจริง นี่แม้นมาศอ่านนิยายเรื่องนี้ด้วยเหรอคะ”
“ทำไมล่ะ มันน่าแปลกตรงไหนเหรอ”
“เปล่าค่ะ แขกำลังอยากอ่านพอดี เห็นทีแขต้องยืมอ่านบ้างแล้ว”
“เอาไปสิ เดี๋ยวพี่จะบอกน้องเล็กให้”
“ขอบคุณค่ะ”
แขไขหยิบนิยายเล่มนั้นมา แกล้งทำเป็นพลิกอ่านดู แต่จู่ๆ ก็มีกระดาษจดหมายที่เสียบไว้อยู่ในหนังสือหล่นออกมา ภาณุทัตชะงัก ภาวิดารีบหยิบขึ้นมาดูอย่างสงสัย
“ตายจริง เอาจดหมายมาคั่นหน้าไว้ด้วย สงสัยจะเป็นจดหมายรักพี่ชายทัตเขียนให้แม่แม้นมาศแน่ๆ”
“ไม่ใช่ของพี่หรอก”
“อ้าว แล้วเป็นของใครล่ะคะ” แขไขแกล้งซัก
ภาวิดาเอ็ด “อย่าละลาบละล้วงเลยหญิงแข เดี๋ยวเจ้าตัวมาเห็นจะไม่พอใจเราอีก”
แขไขเสียบจดหมายคืนไว้ในหนังสือนิยาย โดยจงใจให้กระดาษจดหมายโผล่ให้เห็นได้ง่าย
“งั้นเราเข้าบ้านกันเหอะค่ะพี่หญิงดา แขไม่อยากเป็นกอขอคอ”
ภาวิดากับแขไขพากันเดินออกไป ภาณุทัตส่ายหน้าขำ แล้วสายตาเห็นจดหมายที่เสียบอยู่ก็รู้สึกสงสัย พอหันมองไปทางครัวยังไม่เห็นแม้นมาศออกมา จึงหยิบจดหมายออกมาดู พบว่าเป็นจดหมายรัก
“จดหมายรักของน้องเล็กถึงชายกร นี่มันอะไรกัน”
ภาณุทัตอ่านจบ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก มือกำจดหมายแน่น แม้นมาศยกจานขนมเสน่ห์จันทร์เข้ามา เห็นสีหน้าคนรักบูดบึ้งก็แปลกใจ
“คุณชายเป็นอะไรคะ”
“จดหมายนี้มันหมายความว่าไง น้องเล็กกับชายกรแอบคบกันลับหลังพี่เหรอ”
แม้นมาศรับจดหมายมาอ่านแล้วอึ้งไป ตกใจจนหน้าซีดทำอะไรไม่ถูก
ภาวิดากับแขไขแอบมองอยู่มุมหนึ่ง
“แผนของพี่หญิงดาได้ผลจริงๆ ด้วย”
“เรามารอดูความพินาศของนังแม้นมาศกันเหอะ”
ภาวิดากับแขไขพากันยิ้มชั่ว ชอบอกชอบใจเหลือคณา
รสสุคนธ์ฟังเรื่องที่แม้นมาศเล่าให้ฟัง ก็ถามกลับด้วยความสงสัย
“แล้วย่าเล็กเขียนจดหมายนั่นจริงเหรอคะ”
“เปล่า มีคนปลอมลายมือฉัน พอพิสูจน์ตัวอักษรจริงๆ ก็มีจุดแตกต่างอยู่ ดีที่คุณชายทัตเป็นคนมีเหตุผล ฉันกับคุณชายทัตก็เลยกลับมาคืนดีกันอีกครั้ง”
“แล้วจับคนทำได้มั้ยคะ”
“ไม่ แต่ฉันว่ามันต้องเป็นฝีมือคุณหญิงภาวิดา จดหมายนี้ก็เหมือนกัน มันต้องเป็นของปลอมขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายฉัน คนตายยังไงก็ไม่มีสิทธิ์ได้แก้ตัว ที่แท้ก็เพราะจดหมายนี้คุณชายทัตถึงได้เข้าใจฉันผิดจนไม่ยอมมาหาฉันเลยสักครั้ง คุณชาย ฉันคิดถึงคุณเหลือเกิน”
คิดแล้วแม้นมาศก็สะอื้นไห้ออกมา รสสุคนธ์สงสาร
“อย่าเสียใจไปเลยค่ะ รสจะหาทางคืนความเป็นธรรมให้กับย่าเล็กเอง”
รสสุคนธ์พูดอย่างมุ่งมั่นมาดหมาย เจ็บแค้นแทนแม้นมาศที่ถูกคนอื่นใส่ร้ายและย่ำยี
อีกฟากหนึ่ง ภาวิดา แขไข และ อุณนิษา พากันหัวเราะอย่างสะอกสะใจ อยู่ที่ห้องนั่งเล่น บ้านพรหมบดินทร์ จวงกับปริกคอยพยักพเยิด สอพลอตอแหลอยู่ข้างๆ ภาวิดา
“ในที่สุดก็มีวันนี้ วันที่ลูกหลานนังแม้นมาศมาก้มกราบแทบเท้าฉัน”
“เห็นแล้วสะใจจริงๆ ป่านนี้นังเด็กนั่นคงช็อกกับทุรกรรมที่ย่ามันทำไว้กับครอบครัวคุณหญิงพี่”
แขไขออกความเห็น “แค่นี้ยังน้อยไปนะคะ เราน่าจะหาวิธีจัดการกับมันให้เด็ดขาดไปเลย”
อุณนิษาเห็นด้วย “ใช่ ตราบใดที่มันยังลอยหน้าลอยตาอยู่ในบ้านนี้อยู่ นิษาไม่ไว้ใจมัน”
จวงกับปริกฟังอยู่ อยากมีส่วนร่วม จวงรีบยุทันที
“เมื่อกี้จวงเห็นนะคะ พอมันบีบน้ำตาหน่อย คุณรามก็ใจอ่อนให้มันแล้วค่ะ”
“ขืนปล่อยไว้ อีกหน่อยคุณหญิงจะได้ศัตรูเป็นลูกสะใภ้แน่ๆ ค่ะ”
ปริกชงเองหัวเราะเอง แต่ภาวิดา แขไข อุณนิษา ไม่ตลกด้วย ทั้งสามหันไปทำตาเขียวใส่ปริก
“อีปริก อีปากปีจอ มึงอยู่เงียบๆ เลย ไม่ต้องเสนอออกความเห็น”
ปริกจ๋อย “ปริกผิดไปแล้วค่ะ”
“เรื่องไล่มันออกจากบ้าน แม่ก็ทำทุกวิถีทางแล้ว แต่จะไล่มันทีไรก็มีคนมาช่วยมันทุกที นี่ถ้าไม่ติดที่มันเป็นแม่งานระลึกร้อยปีตระกูล พี่ไม่ยอมให้มันเหยียบบ้านนี้หรอก”
“งั้นทำไมเราไม่ทำให้มันมีความผิดในหน้าที่ล่ะคะ เราจะได้มีเหตุสมควรไล่มันออกได้” แขไขเสนอไอเดีย
“หญิงแขมีแผนอะไร ว่ามาเลย”
ภาวิดาตื่นเต้นตาลุกวาว รอฟังแผนชั่วจากปากแขไข
ตอนค่ำวันเดียวกันนั้น รสสุคนธ์ถูกตามมาพบ ภาวิดา ที่ห้องรับแขกตึกใหญ่ รามนรินทร์นั่งอยู่ด้วย
“คุณหญิงต้องการพบดิฉันเหรอคะ”
“ใช่ ฉันมีงานจะให้เธอทำ”
รามนรินทร์แปลกใจ “งานอะไรครับ”
“ฉันอยากให้รสสุคนธ์เป็นแม่งานจัดงานวันเกิดให้แม่หน่อย”
รามนรินทร์งงใหญ่ “อ้าว ไหนว่าปีนี้คุณแม่จะรวบจัดพร้อมกับวันงานระลึกร้อยปีตระกูลไงครับ”
“งานวันเกิดแม่มีปีละหน ขืนรอจัดพร้อมกันมันก็นานเกิน อีกตั้งสองอาทิตย์กว่าแหนะ แม่ก็เลยเปลี่ยนใจ ว่าไงรสสุคนธ์ เธอทำให้ฉันได้ใช่มั้ย”
รสสุคนธ์รับเอาคำ “ได้ค่ะ ว่าแต่วันครบรอบวันเกิดคุณหญิงวันไหนเหรอคะ”
“วันพุธนี้” ภาวิดาบอกหน้าตาเฉย
รสสุคนธ์ตกใจ “วันพุธ ก็เหลืออีกแค่สามวันเองนะคะ”
“ใช่ ทำไม หรือว่าเธอทำไม่ได้ สงสัยฉันต้องบอกชายกรพิจารณาเธอใหม่แล้วล่ะมั้ง”
ภาวิดายิ้มถากถาง รสสุคนธ์รับรู้ได้ว่าคุณหญิงกำลังดูถูกเธอ รามนรินทร์หาทางออกให้
“แค่สามวันคงเตรียมงานไม่ทัน เอาอย่างนี้มั้ยครับ เดี๋ยวผมจะให้พนักงานจัดเลี้ยงที่โรงแรมจัดงานวันเกิดให้คุณแม่เอง”
“ไม่ต้อง ว่าไงรสสุคนธ์ เธอทำได้มั้ย”
“ได้ค่ะ ดิฉันจัดงานวันเกิดให้คุณหญิงอย่างสมเกียรติแน่นอนค่ะ”
“ดี แล้วฉันจะรอดู”
ภาวิดายิ้มพอใจที่รสสุคนธ์ตกหลุมพราง รามนรินทร์ไม่สบายใจเอาใจ รู้สึกเป็นห่วงรสสุคนธ์
น้อยรู้เรื่องก็บ่นกระปอดกระแปด ขณะเช็ดทำความสะอาดโต๊ะทานอาหารไป
“รู้ทั้งรู้ว่าคุณหญิงจะหาเรื่องแกล้ง แล้วคุณรสไปรับปากทำไมล่ะค่ะ”
“ก็ฉันไม่อยากโดนหาว่าหยิบโหย่งนี่”
“แล้วงานจัดวันไหนและที่ไหนคะ”
รสสุคนธ์หันกลับมา “คุณหญิงให้จัดเลี้ยงวันพุธที่โรงแรมแกรนด์บดินทร์ เห็นว่าเชิญแต่แขกไฮโซทั้งนั้น ฉันล่ะเครียดจริงๆ แต่ก็ต้องอดทนเพื่อแลกกับความจริง ฉันจะจัดงานยังไงให้ถูกใจคุณหญิงภาวิดา”
“นี่ล่ะค่ะที่น่าเครียด งั้น แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ งานนี้น้อยช่วยเต็มที่ คุณรสมีอะไรสั่งน้อยได้เลย” น้อยสะดุดหู “เอ...แต่ความจริงอะไรคะ”
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันขอบใจเธอมากๆ เลยนะ”
น้อยพยักหน้ายิ้มให้กำลังใจรสสุคนธ์
รสสุคนธ์ออกมายืนเรียกย่าตรงหน้าชานบันไดหน้าบ้าน พอเห็นแม้นมาศปรากฏตัวข้างๆ รสสุคนธ์รีบขอร้องไว้ก่อน
“ย่าเล็กอย่าไปทำอะไรคุณหญิงอีกนะคะ”
“ฉันรู้แล้วน่า ไม่ต้องมาย้ำ ว่าแต่เรื่องจดหมายเธอจะพิสูจน์ยังไง”
“เราต้องมีลายมือย่าเล็กของจริงมาเปรียบเทียบค่ะ”
“ไม่เห็นจะยาก ก็แค่ฉันสิงร่างเธอ เดี๋ยวฉันเขียนให้”
“ไม่ได้ค่ะ ลายมือใหม่แบบนั้นใครจะเชื่อล่ะค่ะ มันต้องเป็นลายมือของย่าเล็กเมื่อสามสิบปีที่แล้ว”
“ลายมือฉันเหรอ” แม้นมาศนิ่งคิด “จริงสิ ฉันเคยเขียนการ์ดให้คุณชายทัตกับคุณชายกร เธอไปขอมาสิ”
“ตอนนี้คุณชายกรไปต่างจังหวัด ย่าเล็กอดทนรอหน่อยนะคะ ถ้าคุณชายกลับมาแล้วรสจะรีบขอมาดูทันที”
“ฉันรอมาสามสิบปีแล้ว รออีกซักวันสองวันจะเป็นไร แม่รส เธอต้องระวังตัวนะ ถ้าฆาตกรมันรู้ว่าเธอกำลังสืบเรื่องของมัน ชีวิตเธออาจไม่ปลอดภัย”
“รสมีย่าเล็กอยู่ทั้งคน รสไม่กลัวหรอกค่ะ” สาวผู้เห็นผีจนชินสัพยอก
“ฉันก็คุ้มครองเธอได้แค่ที่บ้านพรหมบดินทร์เท่านั้น ออกจากเขตนี้ไปฉันช่วยเธอไม่ได้แล้ว อย่าประมาทล่ะ”
“ค่ะ รสจะระวังตัว”
รสสุคนธ์รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่แม้นมาศกลับรู้สึกใจหวิวๆ ชอบกล
อ่านต่อตอนที่ 9