xs
xsm
sm
md
lg

นางกลางไฟ ตอนที่ 17

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นางกลางไฟ ตอนที่ 17

ภายในห้องรับแขก ธวัชกับดวงสุดายืนดูรูปแต่งงานที่แขวนบนผนัง ธวัชมองดวงสุดาที่ตัหน้าเศร้าอย่างสงสารเห็นใจ

"แล้วตะวันเข้ามาในชีวิตผมได้ยังไง"
"เราสองคนรักกันมานาน เราวางแผนจะแต่งงานกัน ระหว่างนั้นวัชไปออกแบบต่อเติมรีสอร์ตให้ลูกค้าที่เขาใหญ่ แล้วก็เจอกับตะวันที่ไปถ่ายแบบที่นั่น ตะวันสนใจวัช เค้าทอดสะพานให้ท่าวัช จนวัชหักห้ามอารมณ์ตัวเองไม่ไหว"
"เหรอครับ"
"จากนั้นวัชก็ปิดบังเรื่องนี้กับดามาตลอด กระทั่งวันที่เราแต่งงานกัน ตะวันบุกเข้ามาเปิดเผยตัวในงาน แล้วก็เรียกร้องให้วัชรับผิดชอบเด็กในท้องเค้า ทั้งๆที่เด็กคนนั้นเป็นลูกของผู้ชายคนอื่นที่ติดท้องเค้ามา คุณแม่คุณเลยให้คุณรับผิดชอบเค้ากับลูก"
"คุณแม่ทำอย่างนั้นทำไมนะ"
"เพราะคุณแม่ถูกตะวันหลอกค่ะ ตะวันแต่งเรื่องหลอกคุณแม่ว่าวัชล่วงเกินเค้า ตอนที่เค้าเมาไม่ได้สติ คุณแม่เลยเชื่อว่าตะวันเป็นคนดี แล้วก็เชื่อว่าตาสายฟ้าเป็นหลานของท่านจริงๆ"
ธวัชนิ่งเงียบไปอย่างไม่พอใจ
"เพราะอย่างงี้ไงคะ...คุณแม่ถึงได้รักตาสายฟ้ามาก แล้วก็เทิดทูนบูชาตะวัน ชนิดที่ใครก็แตะต้องไม่ได้"
"ผมไม่น่าโง่ให้ผู้หญิงคนนั้นหลอกเลย"
ธวัชยิ่งไม่พอใจตะวันฉายมาก ดวงสุดายิ้มพอใจ ก่อนจะบีบน้ำตาร้องไห้อีก
"ตะวันทำทุกวิถีทางเพื่อแย่งวัชไปจากดา เค้าใช้เล่ห์กลมารยาทุกอย่างทำให้วัชหลงเค้าหัวปักหัวปำ"
"ผมขอโทษนะครับที่ทำร้ายจิตใจคุณ...ผมขอโทษที่ทำให้คุณเสียใจ"
ธวัชดึงดวงสุดามากอดอย่างรู้สึกผิด ดวงสุดาทำเป็นร้องไห้สะอึกสะอื้น
"ดาดีใจมากนะคะที่วัชกลับมาอยู่กับดา ดาคิดว่าจะไม่มีโอกาสได้กอดวัชอีกแล้ว"
"ผมทำให้คุณเสียใจมามากพอแล้ว ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีก ผมจะไม่ทิ้งคุณไปไหน ผมจะอยู่กับคุณ"
"วัชพูดจริงๆนะคะ"
"ผมสัญญา ผมยินดีจะทำทุกอย่างเพื่อไถ่โทษ เพื่อชดเชยความผิดที่ผมทำกับคุณ ยกโทษให้ผมด้วยนะครับ"
"ดาก็ให้อภัยวัชได้เสมอค่ะ ถึงดาจะเสียใจแค่ไหน แต่ดาก็ไม่เคยโกรธวัช ดาไม่ขออะไรมาก ขอแค่วัชรักดาเหมือนเดิม ไม่ทิ้งดาไปไหน แค่นี้ดาก็พอใจแล้ว"
ธวัชจูบหน้าผากดวงสุดาอย่างให้สัญญา ดวงสุดายิ้มพอใจ
ภายในห้องนั่งเล่นบ้านธวัช เวลากลางคืน ต่อเนื่องมา ตะวันฉายเสียใจ น้ำตาคลอ
"คุณธวัชเกลียดตะวัน เกลียดลูก ตะวันกับลูกไม่มีความหมายสำหรับเค้าแล้ว"
สุนทรีย์พูดไม่ออก ตะวันฉายสะเทือนใจ จนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว
"ไม่รู้เวรกรรมอะไรนักหนา ตะวันถึงต้องมาเจอกับเรื่องร้ายๆแบบนี้" ซูซี่บอก
สุนทรีย์บีบมือตะวันฉาย
"เธอจะต้องไม่เสียกำลังใจนะ จำที่หมอพูดไม่ได้เหรอ การไกล้ชิดอาจช่วยไห้ธวัชฟื้นความจำได้เร็วขึ้นนะ ยังไงฉันเชื่อว่าตาวัชจะต้องกลับมาเป็นคนเดิม แล้วฉันจะไม่ยอมแพ้แค่นี้"

ธวัชยืนคุยกับทุกคนที่ห้องรับแขกบ้านธวัช
"วันนี้แม่จะเลี้ยงรับขวัญผมที่ผมหายป่วยเหรอครับ"
"จ๊ะ..แม่จัดงานนี้เพื่อเป็นสิริมงคลให้วัช วัชจะได้หมดทุกข์หมดโศกไปสักที"
ดวงสุดาเดินเข้ามา มองสุนทรีย์อย่างรู้ทัน
"ขอบคุณคุณแม่มากนะคะที่ลงทุน ทำเพื่อวัชขนาดนี้"
ทุกคนชะงักเซ็งที่ดวงสุดาโผล่มา
"ไม่คิดว่าเธอจะมาด้วย"
ดวงสุดาคล้องแขนธวัช
"ผัวอยู่ที่ไหน เมียก็ต้องอยู่ที่นั่นสิคะ อีกอย่าง...ดาปล่อยให้วัชไปไหนมาไหนคนเดียวไม่ได้หรอกค่ะ เพราะแถวนี้มีเมียน้อยที่จ้องจะฉกผัวดาตลอดเวลา"
ตะวันฉายชะงักไม่พอใจ
"ไม่มีใครคิดอกุศลแบบนั้นหรอกนะ"
"ใช่ค่ะ...ก็คงจะมีแต่พวกผัวไม่รักเท่านั้นแหล่ะที่คิดแบบนี้" ซูซี่บอก
ดวงสุดาไม่พอใจ
"น้ำหน้าอย่างแก...หาผัวให้ได้เป็นตัวเป็นตนก่อนเหอะ แล้วค่อยมาสาระแนแส่เรื่องชาวบ้านเค้า นังกะเทยคางคก"
"อีนังปีศาจ"
ซูซี่ไม่พอใจ จะเอาเรื่อง สุนทรีย์รีบส่ายหน้าห้าม ซูซี่เกรงใจสุนทรีย์ เลยเงียบไป
นิคมรีบเปลี่ยนเรื่อง
"เออไอ้วัช..แกรู้ไหม ตอนนี้คุณตะวันทำอาหารเป็นหลายอย่างแล้วนะ แล้ววันนี้คุณตะวันก็ลงมือทำอาหารด้วยตัวเอง แกอยากกินอะไรเป็นพิเศษ บอกคุณตะวันได้เลย คุณตะวันเค้ายินดีทำทุกอย่างเพื่อแกอยู่แล้ว"
ตะวันยิ้มให้ธวัช แต่ธวัชมองตะวันอย่างไร้ความรู้สึก
"ว่ายังไง.. คุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ ฉันจะทำให้"
"อย่าเลย... ผมไม่อยากให้ใครมาลำบากเพราะผม"
ตะวันยิ้มอ่อนโยน
"สำหรับฉัน...อะไรที่เป็นความต้องการของคุณ ไม่มีคำว่าลำบากหรอกนะคะ หรือต่อให้ลำบากแค่ไหน ฉันก็ทำเพื่อคุณได้ค่ะ"
ดวงสุดาเบะปากหมั่นไส้ตะวัน ธวัชมองตะวันฉายอย่างหมางเมินเย็นชา
"แต่สำหรับผม..คำว่าไม่ แปลว่าไม่ต้องการ พูดแค่นี้..หวังว่าคุณจะเข้าใจนะ"
ตะวันฉายอึ้ง หน้าชา ทุกคนไม่พอใจ ดวงสุดายิ้มสะใจ
"วัชคะ อย่าพูดจาเหมือนกับว่าตะวันเป็นอากาศธาตุอย่างงี้สิคะ ตะวันน่ะเค้าคงอยากจะเอาอกเอาใจวัช ตามประสาเมียน้อย ที่นานๆจะเจอผัวทีน่ะค่ะ"
สายป่านรีบผสมโรง
"นั่นสิคะ พี่วัชทำหมางเมินเย็นชาแบบนี้ คุณตะวันฉายก็เสียใจแย่สิเพราะเมียน้อยเค้าก็มีหัวใจ มีความรู้สึกเหมือนกัน จริงไหมคะ"
"วัชอย่าทำร้ายจิตใจตะวันเค้านักเลย เพราะแค่วัชไปอยู่กับดา ตะวันก็เจ็บจนแทบจะกระอักเลือดออกมาอยู่แล้ว อย่าทำให้ตะวันต้องตกนรกทั้งเป็นเลยนะคะ"
สุนทรีย์ทนไม่ไหว
"หยุดได้แล้ว ฉันต้องการจะรับขวัญตาวัช ไม่ได้ต้องการให้ใครขุดคุ้ยเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาทำให้บรรยากาศขุ่นมัว ...ตาวัช แม่ขอคุยด้วย"
ดวงสุดาไม่พอใจ
"นี่บ้านชั้นและชั้นจะพูดกับลูกชายชั้นตามลำพัง...ถ้าไครไม่พอใจก็เชิญกลับได้เลย"
สุนทรีย์มองดวงสุดาไม่พอใจ แล้วเดินออกไป ดวงสุดาทำหน้าเศร้าไห้ธวัชตามไป

ภายในสวน สองแม่ลูกนั่งคุยกัน
"แม่เรียกผมมาหา มีเรื่องสำคัญอะไรรึเปล่าครับ"
สุนทรีย์มองธวัชนิ่ง
"แม่ไม่เข้าใจ ทำไมวัชถึงได้ทำหมางเมินเย็นชากับตะวันฉาย แล้วก็ทิ้งเค้ากับลูกไปแบบนี้"
"เพราะตะวันทำลายความรักของผมกับดา เค้าแย่งผมไปจากดา เค้าทำให้ครอบครัวของเราต้องแตกแยกครับแม่"
"วัชเข้าใจตะวันฉายผิดนะ"
"ผิดยังไงครับ"
"งั้นแม่จะเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้วัชฟังตั้งแต่ต้น..."
ผ่านเวลา สุนทรีย์บอกธวัชด้วยสีหน้าจริงจัง
"ตะวันฉายไม่ได้แย่งวัชไปจากหนูดา มีแต่หนูดาที่พยายามจะแยกตะวันฉายออกจากวัช เค้าพยายามยุแยงเป่าหูให้วัชเกลียดตะวันฉาย วัชเชื่อแม่นะ"
ธวัชมองสุนทรีย์นิ่งๆ
"ผมเชื่อครับ สุนทรีย์ยิ้ม นึกว่าลูกชายเข้าใจ "เชื่อว่าที่แม่เห็นดีเห็นงามกับตะวันไปซะหมดเพราะแม่ถูกตะวันยุแยงเป่าหูแบบผิดๆนี่เอง"
สุนทรีย์ชะงัก
"ทำไมวัชพูดแบบนี้"
"ตะวันแต่งเรื่องหลอกให้แม่เชื่อว่าเค้าเป็นคนดี หลอกให้แม่เชื่อว่าตาสายฟ้าเป็นหลานของแม่ แต่ผลดีเอ็นเอ ก็พิสูจน์ได้แล้วนี่ครับว่าเด็กคนนั้นไม่ไช่ลูกของผม"
" เรื่องนั้นแม่ว่าต้องอะไรผิดพลาด แม่เข้าใจว่าทุกอย่างมันเหมือนจะเป็นอย่างที่หนูดาบอกวัชมา แม่เข้าใจว่าตอนนี้ความจำวัชยังไม่กลับมา แต่ความรู้สึกละวัช วัชไม่รู้สึกอะไร กับตะวัน ....กับสายฟ้าเลยเหรอ"
"แม่ครับสิ่งที่ผมเห็นและรู้มามันเกินกว่าที่ความรู้สึกจะลบล้างได้ครับ"
"แม่อย่าเข้าข้างคนผิด เลิกเข้าข้างตะวันสักทีเถอะครับ"
สุนทรีย์อึ้ง พูดไม่ออก
"ยังไงแม่ก็ยืนยันคำเดิมว่าหนูดาไม่ใช่คนอย่างที่วัชเข้าใจ แล้วถ้าวัชไม่เชื่อแม่ วัชจะต้องเสียใจ"
สุนทรีย์เดินหนีไปอย่างไม่พอใจ ธวัชหนักใจที่แม่เข้าข้างตะวันฉาย

ตะวันฉายกำลังเริ่มทำกับข้าว ซูซี่เป็นลูกมือ นิคมนั่งดูทีวี ดวงสุดาเดินเข้าไปหาเรื่อง
"ไม่เจอกันหลายวัน แกดูซูบไปมากเลยนะ หน้าตาก็หมองคล้ำซีดเซียว ไม่เหลือเค้านางแบบผู้สวยสง่าราวกับนางฟ้านางสวรรค์เลยสักนิด"
"แล้วยังไงคะ"
"แกคงจะเจ็บมากสินะที่โดนผัวทิ้ง ทีนี้แกรู้รึยังว่า ความรู้สึกของคนที่ถูกแย่งของรักไปมันเป็นยังไง ! รู้รึยังว่ารสชาติของความเจ็บปวดมันเป็นยังไง"
"ที่คุณธวัชเปลี่ยนไปเพราะถูกคุณยุแยงเป่าหู แล้วที่เค้าไปจากฉันก็เพราะแผนการเลวๆของคุณ"
"ฉันทำได้ทุกอย่าง ขอแค่ให้วัชกลับไปเป็นของฉัน"
"คุณได้ตัวคุณธวัชไปก็จริง...แต่แน่ใจเหรอว่าคุณได้หัวใจของเค้าไปด้วย"
ดวงสุดาเจ็บจี๊ด แต่ไม่ยอมแพ้
"นี่แกยังจะคิดว่าวัชรักแกอยู่อีกเหรอ ตอนนี้วัชหวานมาก...วัชบอกว่าจะชดเชยทุกสิ่งทุกอย่างให้ฉัน จะไม่ทำร้ายฉัน จะไม่ทอดทิ้งฉันอีก แกเลิกละเมอเพ้อพกเข้าข้างตัวเองได้แล้ว นังหน้าโง่"
"ที่คุณธวัชพูดแบบนั้น เพราะถูกคุณล้างสมองจนไม่เป็นตัวของตัวเอง การที่คุณได้ตัวคุณธวัชไปโดยที่เค้าอยู่ในสภาพคนความจำเสื่อม จำอะไรไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าคุณชนะฉัน"
ดวงสุดาชะงัก เจ็บใจ
"แกจะคิดยังไงก็เรื่องของแก ฉันไม่สน"
"คุณเลิกหลงระเริงกับความสุขจอมปลอมได้แล้ว เพราะเมื่อไหร่ที่ความจำของคุณธวัชกลับมา เค้าจะเป็นคนเดิม แล้วทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม"
ดวงสุดาชะงัก ซูซี่หัวเราะ
"ชั้นว่าคุณรีบกลับบ้านไปยกเครื่องโมดิฟายตัวเองใหม่เถอะอะไรที่เน่าๆก็ไห้หมอเอาออกซะ อย่ามัวแต่ใจเย็นอยู่แบบนี้ ระวังจะแพ้ฉันชนิดไม่เห็นฝุ่นนะคะ คุณดวงสุดา"
ซูซี่แกล้งดมผักแล้วเอาทิ้งถังขยะ
"เน่าอย่างนี้ต้องทิ้ง...อย่างเดียว"
ซูซี่หัวเราะเยาะ ดวงสุดาฉุน
"ก่อนที่แกจะย่ามใจ อยากจะรู้ว่าวัชจะกินอาหารฝีมือผู้หญิงต่ำๆ สกปรกเน่าเฟะอย่างแกลงรึเปล่า"
"เรื่องแค่นี้ไม่ยากเกินความสามารถของฉันหรอก แค่ฉันใช้มารยาออดอ้อนนิดๆหน่อยๆ แค่นี้คุณธวัชก็อดใจไม่ไหว มือไม้สั่น น้ำลายสอ อยากจะกลืนกินของๆฉันแล้วล่ะ"
ดวงสุดาเดือด
"อยากจะกลืนกินงั้นเหรอ"
ดวงสุดาคว้าชามอาหารมาเทราดหัวตะวันฉาย ซูซี่ยกถาดแก้วน้ำเข้ามาเห็นก็โมโห ปรี่ไปผลักดวงสุดา
"นังหมาบ้า..!! นี่แกกล้าใช้กิริยาต่ำๆกับตะวันในบ้านคุณป้าอย่างงี้ได้ยังไง"
"กับแก ฉันก็กล้า"
ดวงสุดาตบซูซี่หน้าหัน แล้วถีบซูซี่ล้ม หน้าทิ่มจานอาหาร แก้วน้ำตกลงพื้นแตกกระจาย
"คนมารยาทต่ำๆอย่างแก ต้องได้รับการสั่งสอน..แบบนี้"
ตะวันฉายตบดวงสุดาหน้าหัน แล้วเอาอาหารเทราดหัวดวงสุดา ตามด้วยการคว้าแก้วน้ำ สาดใส่หน้าดวงสุดาทันที
"ทานน้ำสักหน่อยนะคะ จะได้ลื่นคอ"
ดวงสุดาเดือดจัด
"อีตะวัน"
ดวงสุดาผลักตะวันล้มลง แล้วเอาอาหารขยำใส่หัวตะวัน ทั้งสองเอาอาหารขยำใส่หัวกันอย่างชุลมุน
ตะวันฉายพูดด้วยอารมณ์
"ในเมื่อแกจองล้างจองผลาญฉันไม่เลิก ฉันก็จะจองล้างจองผลาญแกเหมือนกัน" ตะวันฉายจิกหัวดวงสุดา "เอากันให้ตายไปข้าง จะได้รู้ว่าใครจะอยู่ ใครจะไป"
"ดี...จะได้รู้สักทีว่าสุดท้าย ชัยชนะจะอยู่ในมือใครกันแน่ แต่ขอเตือนไว้ก่อน.. งูเห่าอย่างฉันพิษสงรอบตัว ลองถ้าได้ฉกใครเมื่อไหร่ มันคนนั้นจะต้องไม่เหลือ แม้แต่ลมหายใจ" ดวงสุดาพูดพลางจิกหัวตะวันฉาย
"ขอบใจนะที่มีน้ำใจช่วยเตือน แต่เผอิญว่าฉันไม่กลัว..!"
ตะวันฉายตบกลับ ทั้งสองตบกันไปมาอย่างดุเดือด
"คนอย่างฉันก็ไม่กลัวตายเหมือนกันเว้ย !"
ซูซี่จะเล่นงาน แต่โดนดวงสุดาถีบหงายท้อง แล้วเอาผลไม้ยัดปาก ตะวันฉายกับดวงสุดามาตบ ซัดกันนัวเนีย ธวัช นิคม สุนทรีย์ สายป่านวิ่งเข้ามา
จังหวะนั้นตะวันฉายตบดวงสุดาเซล้ม เท้าดวงสุดาเหยียบเศษแก้วที่พื้นพอดี ทุกคนตกใจ
"โอ๊ย"
"ดา..!"
ตะวันฉายเห็นธวัชก็ตกใจ
"คุณธวัช"
ธวัชเข้าไปดูดวงสุดา เห็นว่าเท้าดวงสุดาเลือดไหล
" นี่คุณทำร้ายดาเค้าทำไม ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะร้ายกาจขนาดนี้"
ดวงสุดาร้องไห้ออเซาะธวัชทันที
"วัชคะ...ดาเจ็บ"
" ดาเป็นภรรยาที่ถูกต้องของผม ทำไมคุณไม่รู้จักให้เกียรติดาบ้าง"
ตะวันฉายจะอธิบาย
"ธวัชคะ ฉัน..."
ธวัชแทรกทันที
"อย่าแก้ตัวเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด"
"แม่ว่าวัชควรจะตั้งสติ แล้วก็ฟังว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง" สุนทรีย์บอก
"ไม่จำเป็นหรอกครับแม่ เพราะผมเชื่อในสิ่งที่ผมเห็น... แล้วอย่าทำให้ผมรู้สึกแย่กับคุณไปมากกว่านี้"

ตะวันฉายอึ้ง ! ธวัชอุ้มดวงสุดาออกไป ดวงสุดายิ้ม
 
อ่านต่อหน้า 2

นางกลางไฟ ตอนที่ 17 (ต่อ)

ตะวันฉายล้างจานอย่างเหม่อๆหน้าเศร้า สายป่านถือจานเข้ามาวาง แล้วแดกดันทันที

"แม่ไม่น่าเลี้ยงรับขวัญพี่วัชเลย เอาพี่วัชมาฆ่าคุณแท้ๆ ฆ่าให้ตายทั้งเป็นซะด้วย"
ตะวันฉายฝืนยิ้ม
"พี่ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ พี่เข้าใจ...ตอนนี้คุณธวัชไม่เป็นตัวของตัวเอง"
"ไม่คิดไม่ได้นะคะ เพราะตอนนี้พี่วัชทั้งรักทั้งหลงพี่ดามาก มากจนไม่เห็นคุณอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ ถ้าเป็นแบบนี้ คุณคงไม่แคล้วที่จะเสียพี่วัชไปง่ายๆ"
"คุณธวัชไม่มีทางไปจากพี่หรอก เพราะอีกไม่นานคุณธวัชจะกลับมาเป็นคนเดิม"
"อีกไม่นาน...เมื่อไหร่ล่ะค่ะ แล้วถ้าพี่วัชเป็นคนใหม่ที่ไม่หลงเหลือความทรงจำเดิมอีกต่อไป คุณจะทำยังไงคะ"
ตะวันฉายนิ่งอึ้ง พูดไม่ออก
"ถ้าพี่วัชไม่กลับมาเป็นคนเดิม คุณกับลูกก็จะเป็นคนแปลกหน้า ไม่มีค่า ไม่มีความหมายสำหรับเค้าอีกต่อไป และคุณก็จะเป็นคนแปลกหน้า ไม่มีค่า ไม่มีความหมายสำหรับบ้านหลังนี้ด้วยเหมือนกัน"
"ป่านพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง"
"หมายความว่าถ้าความจำของพี่วัชไม่กลับมา หมาหัวเน่าที่ไม่มีใครต้องการอย่างคุณ...เตรียมตัวกระเด็นออกไปจากบ้านหลังนี้ได้เลย"
สายป่านยิ้มเยาะตะวันแล้วออกไป ตะวันอึ้ง... น้ำตาเอ่ออย่างรู้สึกหวาดหวั่น !

ตะวันฉายนั่งเศร้า สีหน้ากลัดกลุ้ม
"ถ้าพี่วัชไม่กลับมาเป็นคนเดิม คุณกับลูกก็จะเป็นคนแปลกหน้า ไม่มีค่า ไม่มีความหมา สำหรับเค้าอีกต่อไป หมาหัวเน่าที่ไม่มีใครต้องการอย่างคุณ...เตรียมตัวกระเด็นออกไปจากบ้านหลังนี้ได้เลย"
ตะวันฉายสีหน้าหวั่นวิตก กลัวจะเสียธวัชไป !
สุนทรีย์ ซูซี่ นิคมยืนมองเธออยู่มุมหนึ่ง ทั้งหมดเดินมาหาตะวันฉาย
"ฉันพยายามจะทำให้ตาวัชได้ใกล้ชิดกับเธอ เผื่อจะทำให้เค้าจำอะไรขึ้นมาได้บ้าง แต่นี่กลับกลายเป็นว่าฉันเอาตาวัชมาทำให้เธอเจ็บมากกว่าเดิม"
"คุณตะวันต้องเข้มแข็ง ต้องอดทนนะครับ คุณตะวันจะต้องผ่านมันไปให้ได้"
สุนทรีย์บีบมือตะวัน
"เราต้องทำให้ตาวัชกลับมาเป็นคนเดิมให้ได้ มันต้องมีหนทางสิ"
"ใช่ค่ะ..แต่ก่อนอื่นเราจะปล่อยให้คุณธวัชเข้าใจผิดตะวันอยู่อย่างงี้ไม่ได้" ซูซี่บอก
"แล้วเราจะทำยังไงล่ะ ในเมื่อตาวัชถูกผู้หญิงใจดำคนนั้นจูงจมูกอยู่อย่างนี้"สุนทรีย์บอก
"เราต้องหาทางเรียกความจำของคุณธวัชกลับคืนมาค่ะ" ซูซี่ว่า
"ตะวันก็คิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกันค่ะ"
"แต่การที่เราจะรื้อฟื้นความจำของคนที่จำอะไรไม่ได้เลย ไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ"
"ยังไงก็ต้องเสี่ยงค่ะ เพราะมันเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้คุณธวัชกลับมาเป็นคนเดิม" ซูซี่บอก
ทุกคนสบตากันอย่างเห็นด้วย

ทุกคนนั่งคุยกัน
"ตอนที่ตะวันกับคุณธวัชไปเที่ยวที่กาญจน์ด้วยกัน คุณธวัชดูมีความสุขมาก...ตะวันอยากพาเค้าไปที่นั่นอีก เผื่อบรรยากาศเก่าๆจะช่วยให้เค้าจำอะไรได้บ้าง"
"ฉันเห็นด้วยนะ" สุนทรีย์บอก
"แต่จะทำยังไงให้ไอ้วัชยอมไปล่ะครับ ในเมื่อมันเกลียดคุณตะวันอยู่อย่างงี้"
ทุกคนนิ่งคิด ซูซี่คิดอะไรได้ รีบบอกสุนทรีย์
"คุณป้าคะ หนูเคยได้ยินคุณป้าเปรยๆเรื่องจะจัดงานฉลองวันเกิดปีนี้ เอางี้ไหมคะ... คุณป้าชวนคุณธวัชไปฉลองวันเกิดที่กาญจน์ คุณธวัชต้องไม่ปฏิเสธแน่"
"ก็ดีเหมือนกันนะ"
"งั้นการที่คุณตะวันจะหาทางใกล้ชิดกับไอ้วัช ก็ไม่ใช่เรื่องยาก"
"แต่ถ้าหนูดาไปด้วยล่ะ เค้าไม่มีทางปล่อยให้ตาวัชใกล้ชิดกับตะวันฉายแน่"
ทุกคนนิ่งเครียดตามกัน

ธวัชกับดวงสุดาคุยกัน
"คุณแม่นึกยังไงคะ ถึงจะไปฉลองวันเกิดที่ต่างจังหวัด"
"แม่บอกว่าอยากเปลี่ยนบรรยากาศ แล้วก็อยากไปเที่ยวด้วย ดาไปด้วยนะครับ เราจะได้ไปเที่ยวด้วยกัน"
ดวงสุดาเห็นธวัชหนักใจก็ได้ทีเล่นบทนางเอกไส่
"ดาก็อยากไปนะคะ แต่ดาว่าแม่คุณคงไม่อยากเจอดาเท่าไหร่หรอกค่ะ วัชก็น่าจะรู้"
"ไม่ว่าอย่างไรผมก็จะพาดาไปไห้ได้"
"วัชค่ะดาไม่อยากไห้วัชเป็นลูกอกตัญญูนะคะ เชื่อดาเถอะคะ วัชไปงานวันเกิดคุณแม่เถอะค่ะ ดาโอเคคะ ดารับได้ แต่วัชรับปากนะคะว่าจะไม่ลืมดา จะไม่ทำไห้ดาต้องเสียใจอีก"
"ครับ ผมไม่มีทางลืมดาแน่นอน"
ดวงสุดายิ้มให้ธวัช ก่อนจะสีหน้าเป็นกังวล

สายป่านเดินเข้าบ้านมากับวาทิน วาทินถือถุงต้นไม้มาด้วย
"เสียดายจังเลย ผมอุตส่าห์ซื้อต้นไม้มาฝากคุณป้า แต่คุณป้าไม่อยู่ซะงั้น"
"แม่ไปหาเพื่อนน่ะค่ะ แต่แม่ชอบปลูกต้นไม้ ถ้ารู้ว่าคุณทินซื้อต้นไม้มาให้ แม่ต้องชอบแน่ๆเลยค่ะ"
ตะวันฉายอุ้มสายฟ้าเข้ามา
"คุณป้ากลับมาแล้วเหรอคะ" ตะวันฉายเห็นวาทิน ก็ชะงัก "ขอโทษจ๊ะ พี่ไม่รู้ว่าป่านมีแขก"
เธอจะเดินเลี่ยงออกไป
"นั่นน้องสายฟ้าใช่ไหมครับ หน้าตาน่าเอ็นดูนะครับ แต่น่าเสียดาย...นายธวัชไม่น่าความจำเสื่อมเลย ไม่งั้นเด็กก็คงจะไม่กำพร้าพ่อแบบนี้...สงสารเด็กจริงๆ อยู่ๆก็มากำพร้าพ่อแบบไม่ทันตั้งตัว"
ตะวันฉายไม่พอใจ
"ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ทันทีที่ความจำของคุณธวัชกลับมา ครอบครัวของเราก็จะกลับมาเป็นครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนเดิม"
"แล้วถ้าความจำของนายธวัชไม่กลับมาล่ะ คุณกับลูกจะไม่ถูกลอยแพแบบถาวรไปตลอดชาติหรอกเหรอ"
ตะวันจ้องวาทินอย่างไม่พอใจ สายป่านตั้งใจแดกดันต่อ
"คุณทินไม่ต้องห่วงนะคะ ยังไงคุณตะวันฉายเค้าก็หาพ่อเลี้ยงให้ตาสายฟ้าได้ไม่ยากหรอกค่ะ เพราะเรื่องจับผู้ชายเนี่ย คุณตะวันฉายเค้าถนัดอยู่แล้ว"
เธอไม่พอใจ แต่ไม่อยากมีเรื่องเลยเดินหนีไป สายป่านยิ้มสะใจ

ตะวันฉายเล่นกับสายฟ้าที่นั่งอยู่ในรถเข็น ครู่หนึ่ง สายฟ้าร้องโยเย
"หิวแล้วเหรอครับลูกชาย"
วาทินเดินเข้ามาข้างหลังตะวัน
"กล้วยจ๊ะ หยิบขวดนมให้หน่อยจ๊ะ"
วาทินหยิบขวดนมในตะกร้า ยื่นให้ตะวัน
"ขอบใจจ๊ะ" เธอจะดึงขวดนม แต่เห็นวาทินแล้วชะงัก "จะมาถากถางอะไรฉันอีก"
"ใครที่ไหนจะถากถางเมียตัวเองได้ลงคอล่ะครับ"
"เรื่องระหว่างเรามันจบไปนานแล้ว อย่าพยายามรื้อฟื้นขึ้นมา เพราะมันไม่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย"
"แต่หัวใจของผมไม่เคยลืมคุณ"
"ไม่ลืมฉัน แล้วคุณไปยุ่งกับสายป่านทำไม"
"หึงเหรอ"
"คุณอย่าเข้าใจผิด ชั้นแค่สงสารสายป่าน....คุณไม่มีค่าที่จะแม้ได้เพียงรู้จักเธอ"
"ถ้าผมไม่มีค่า...คุณคงจะไม่คว้าเอาผมมาทำผัวหรอก จริงไหม"
"เมื่อก่อน...ฉันก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าตาต่ำไปคว้าผู้ชายอย่างคุณมาเป็นแฟนได้ยังไง แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันโง่ โง่มากที่เห็นนรกเป็นสวรรค์"
วาทินโมโหมาก ดึงตะวันฉายมาจูบสั่งสอน เธอผลักเขาออก
"ไง... ทีนี้พอจะเห็นคุณค่าในตัวผมขึ้นมาบ้างรึยัง"
เธอโมโห ตบหน้าวาทินฉาดใหญ่
"ฉันเห็นแล้ว...เห็นว่าผู้ชายอย่างคุณมันน่ารังเกียจ น่าขยะแขยงมากขนาดไหน"
"แสดงว่าจูบเมื่อกี้ยังไม่ถึงใจพอ ได้...ถ้าคุณต้องการมากกว่านั้น"
วาทินโมโห จะดึงตะวันฉายมาจูบอีก ตะวันขืนตัวไว้ ทันใดนั้นสายป่านเดินเข้ามาพอดี
"ป่าน"
วาทินชะงัก ตะวันฉายรีบผละออกจากวาทิน สายป่านจ้องทั้งคู่ตาเขม็ง ไม่พอใจถามเสียงแข็ง"คุณทินมาทำอะไรแถวนี้คะ"
วาทินรีบโกหก
"ผมมาเล่นกับหลานครับ"
"มาเล่นกับหลาน หรือมาเล่นกับแม่ กันแน่คะ"
สายป่านมองตะวันฉายกับวาทินอย่างระแวง วาทินสะอึก พูดไม่ออก
"ป่านแค่แปลกใจน่ะค่ะที่ไม่เจอคุณทินข้างในบ้าน"
สายป่านจับมือวาทินอย่างตั้งใจแสดงความเป็นเจ้าของ
"ไปทานของว่างข้างในบ้านนะคะ ของโปรดคุณทินทั้งนั้นเลย"
วาทินไม่กล้าปฏิเสธ ได้แต่พยักหน้ายิ้มเจื่อนๆ สายป่านยิ้มเย้ยตะวันฉายแล้วดึงวาทินออกไป
ตะวันส่ายหน้า อ่อนอกอ่อนใจที่สายป่านพยายามจะเอาชนะตัวเธอ

สายป่านจูงมือวาทินเข้ามาในห้องนั่งเล่น
" ดีใจจังเลยที่ป่านหึงผม"
"หึงอะไรคะ ป่านแค่ไม่อยากให้คุณทินไปยุ่งกับผู้หญิงคนนั้น"
"แน่ใจนะครับว่าไม่ได้หึง"
"แน่ใจค่ะ"
วาทินแกล้งลากเสียงยาว "แต่..."
"ป่านก็แค่อยากให้คุณทินเข้ามาทานของว่าง ทิ้งไว้นานๆ มันจะชืดน่ะค่ะ"
"โอเคครับ..ไม่หึงก็ไม่หึง"
วาทินมองสายป่านอย่างขำๆ
สายป่านนึกได้
"อ้อ..คุณทินคะ อาทิตย์หน้าคุณทินว่างไหมคะ"
"ว่างครับ.. ป่านจะชวนผมไปเที่ยวที่ไหนเหรอ"
"อาทิตย์หน้า..ป่านกับพี่วัชจะพาแม่ไปฉลองวันเกิดที่กาญจน์ ป่านอยากให้คุณทินไปด้วย จะได้สนิทสนมกับครอบครัวป่านเอาไว้ ถ้าคุณทินเข้ากับแม่กับพี่วัชได้ ความสัมพันธ์ของเราก็จะราบรื่น"
"ครับ..เพื่อความสัมพันธ์ของเรา ผมจะเอาชนะใจคุณป้ากับพี่ชายป่านให้ได้"
"ป่านเชื่อค่ะว่าคุณทำได้"
สายป่านยิ้มให้กำลังใจ วาทินฉวยโอกาสจับมือสายป่านไม่ปล่อย
"คนฉวยโอกาส"
วาทินพึมพำ
"ก็ยังดีกว่าคนปากแข็ง"
"คุณทินว่าอะไรนะคะ"
วาทินแถยิ้มๆ
"เปล่านี่ครับ...ผมไม่ได้ว่าอะไร"

เย็นวันใหม่ ทุกคนยืนอยู่พร้อมกับกระเป๋าเดินทางที่ล็อบบี้รีสอร์ต ตะวันฉายอุ้มลูกอยู่
สายป่านยืนคุยกับวาทิน สุนทรีย์มองไม่ชอบใจ ซูซี่มองวาทินแล้วดึงตะวันฉายมาซุบซิบ
"ฉันล่ะอุตส่าห์โล่งอกที่นังแม่มดดวงสุดาไม่ตามมาเป็นก้างขวางคอ แต่ที่ไหนได้... อยู่ๆก็มีก้างชิ้นโตโผล่มาซะงั้น หนีเสือปะจระเข้แท้ๆ"
"วาทินคงจะอยากทำคะแนนเอาใจคุณป้า"
"ขออย่างเดียว..อย่ามาเกาะแกะตะวันเป็นพอ"
ครู่หนึ่ง นิคมถือกุญแจห้องพักเข้ามา
"กุญแจห้องพักมาแล้วครับ"
นิคมแจกกุญแจให้ทุกคน
"ฉันนอนกับแกนะ...ไอ้คม" ธวัชบอก
ตะวันฉายชะงักน้อยใจ
"เฮ้ย...ได้ไง แกก็นอนกับลูกเมียแกสิวะ"
ธวัชมองเมียกับลูกอย่างหมางเมินเย็นชา
"แต่มีเด็กอยู่ด้วย ฉันนอนไม่หลับ"
ตะวันชะงักเสียใจ สุนทรีย์ไม่พอใจ
"แต่วัชจะปล่อยให้ตะวันฉายนอนกับลูกตามลำพังได้ยังไง"
"แต่..."
สุนทรีย์แทรกทันที
"ผัวเมียกัน จะแยกห้องกันนอนได้ยังไง"
"ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า เพื่อความสบายใจของคุณธวัช ให้เค้านอนกับคุณคมเถอะค่ะ"
"ไม่ได้... วัชต้องนอนกับตะวันฉาย จะได้ช่วยกันดูแลตาสายฟ้า หัวหน้าครอบครัวก็ต้องดูแลลูกเมีย จะมาทำอะไรตามอำเภอใจตัวเองไม่ได้"
ธวัชไม่อยากขัดใจสุนทรีย์เลยนิ่งไป

เย็นต่อเนื่อง ที่บ้านดำรง ดวงสุดาคุยกับวัลลภาคุยกัน
"ดาไม่สบายใจเลย ดากลัวนังตะวันจะฉวยโอกาสใกล้ชิดกับวัช"
"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง นายธวัชเกลียดนังตะวันเข้ากระดูกดำซะขนาดนั้น นายธวัชไม่ยอมให้นังตะวันเข้าใกล้แน่"
"แล้วถ้ามันตามตื๊อวัชล่ะคะ ผู้หญิงมารยาอย่างมัน ทอดสะพานให้ท่าผู้ชายเก่งจะ
ตายไป ดากลัววัชจะหวั่นไหวหลงเสน่ห์มันขึ้นมาอีก"
"งั้นเราก็ต้องเป่าหูให้นายธวัชเกลียดนังตะวันให้มาก ตอนนี้นายธวัชไม่เป็นตัวของตัวเองอยู่นั้น เพราะฉะนั้นเราจะจูงจมูกเค้ายังไงก็ได้ ยิ่งเติมเชื้อไฟเข้าไปมากเท่าไหร่ นายธวัชก็จะยิ่งเกลียดนังตะวันมากเท่านั้น"
ดวงสุดายิ้มเห็นด้วย
"ดาจะสั่งให้วัชเกลียดนังตะวัน เกลียดไปจนถึงชาติหน้า ดาจะทำให้มันกระเด็นออกไปจากชีวิตวัชให้ได้"
สองน้าหลานยิ้มร้าย
สายป่านถือเค้กยืนอยู่ตรงหน้าสุนทรีย์ ทุกคนร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ สุนทรีย์ยิ้มตื้นตันใจ
เมื่อร้องเพลงจบ ทุกคนเอาของขวัญให้
"สุขสันต์วันเกิดครับแม่ ขอให้แม่สุขภาพแข็งแรง แล้วก็มีความสุขมากๆครับ"
"แฮปปี้เบิร์ธเดย์ค่ะแม่ ขอให้แม่อายุมั่นขวัญยืน อย่าเจ็บ อย่าไข้นะคะ"
ตะวันฉายอุ้มสายฟ้าที่นั่งอยู่ในรถเข็น เอากล่องของขวัญใส่มือสายฟ้า แล้วพาสายฟ้ามาหาสุนทรีย์
"เอาของขวัญให้คุณย่าสิคะลูก"
สายฟ้ายื่นกล่องของขวัญให้สุนทรีย์
สุนทรีย์ยิ้มถูกใจ
"น่ารักจังเลยหลานย่า"
"ตะวันขอให้คุณป้ามีความสุขทั้งกายและใจ คิดหวังอะไรก็ขอให้สมหวังนะคะ"
สายป่านหันมอง วาทินหยิบกล่องของขวัญมาส่งให้สุนทรีย์
"ผมขอให้คุณป้ามีความสุข และสุขภาพแข็งแรงตลอดไปนะครับ"
นิคม ซูซี่เข้ามาให้ของขวัญสุนทรีย์ด้วย
สุนทรีย์บอกกับทุกคน
"ขอบใจทุกคนมากนะ วันนี้แม่มีความสุขมาก"

ธวัชกับสายป่านกอดสุนทรีย์ ทุกคนยิ้มตื้นตันไปด้วย
 
อ่านต่อหน้า 3

นางกลางไฟ ตอนที่ 17 (ต่อ)

เวลากลางคืน ที่หน้าห้องพัก ตะวันมองหาธวัช

"คุณธวัชไปไหนของเค้านะ"
ตะวันจะเดินตามหาธวัช ทันใดนั้นวาทินโผล่มาขวาง
"มองหาผัวใหม่อยู่เหรอ"
ตะวันฉายไม่พอใจ
"ฉันจะมองหาใคร มันก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับคุณ"
ตะวันจะเดินไป วาทินคว้าข้อมือเธอไว้ พร้อมมองด้วยสายตาโลมเลีย
"แล้วถ้าผมอยากจะเกี่ยวกับคุณล่ะ"
ตะวันไม่พอใจ
"อย่ามามองฉันด้วยสายตาทุเรศแบบนี้ เรื่องของเรามันจบไปนานแล้ว"
"จบได้...ก็เริ่มใหม่ได้นี่"
"เสียใจ คนอย่างฉัน จบก็คือจบ อะไรที่ฉันทิ้งไปแล้ว นั่นก็หมายความว่า สิ่งๆนั้นหมดค่า หมดความหมายสำหรับฉันแล้วเหมือนกัน"
" หมดค่า หมดความหมายงั้นเหรอ"
"ใช่..ผู้ชายเลวๆอย่างคุณ หมดค่า หมดความหมายสำหรับฉันไปนานแล้ว"
"ฉันเกลียดคุณ"
"โบราณว่าเกลียดยังไง มักจะได้อย่างงั้น เสียใจด้วยนะที่คุณหนีผู้ชายเลวๆอย่างผมไม่พ้น"
วาทินรวบตะวันฉายเข้ามากอด เธอรีบขืนตัวไว้
"คุณจะทำอะไร"
"คุณไม่คิดถึงวันคืนเก่าๆที่เราเคยมีความสุขด้วยกันบ้างเหรอ"
"ช่วงเวลาที่ฉันคบกับคุณ คือช่วงเวลาที่ชีวิตฉันตกต่ำย่ำแย่ ไม่ต่างจากตกนรกทั้งเป็น ตลอดชีวิตฉัน...ฉันไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนแย่ที่สุด ห่วยที่สุดอย่างคุณมาก่อน เพราะฉะนั้น...ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะจดจำคืนวันแย่ๆให้รกสมอง"
วาทินโมโห
"ได้... งั้นผู้ชายห่วยๆคนนี้นี่แหล่ะ จะฉุดคุณลงนรกอีกครั้ง แล้วครั้งนี้ผมจะปิดประตู ตอกตะปูขังคุณไว้ในนั้นชั่วกัปชั่วกัลป์"
วาทินผลักเธอลงกับพื้น แล้วโถมตัวลงไปกอดจูบอย่างบ้าคลั่ง แต่เธอนิ่งไม่ขัดขืน น้ำตารินด้วยความเสียใจ วาทินชะงัก รู้สึกใจหายวูบที่เห็นตะวันร้องไห้
"คุณเกลียดผมมากขนาดนี้เลยเหรอ"
"คุณจะเอาชนะฉันไปเพื่ออะไร เพื่อความสะใจ อย่างงั้นใช่ไหม"
"ใช่ ผมต้องการทำให้คุณรู้ว่า คุณคิดผิดที่เขี่ยผมทิ้ง แล้วผู้ชายอย่างผมก็ไม่ใช่ทางผ่านของผู้หญิงหน้าไหนทั้งนั้น"
"ถ้าคุณโกรธฉัน อยากจะเอาชนะฉัน งั้นคุณก็ฆ่าฉันให้ตายเลยสิ ฉันยินดีตาย ถ้ามันจะทำให้คุณมีความสุข ที่ได้ชัยชนะจากฉัน คุณทำทุกอย่างเพื่อจะเอาชนะฉัน เอาชนะคุณธวัช ไม่เว้นแม้แต่เอาป่านมาเป็นเครื่องมือ จนตอนนี้ป่านรักคุณหัวปักหัวปำ"
วาทินยิ้มชอบใจ
"แสดงว่าชัยชนะกำลังจะเป็นของผม"
"แต่ถ้าป่านรู้ว่าคุณใช้เค้าเป็นเครื่องมือ ป่านจะเจ็บปวดเสียใจมากแค่ไหน ป่านเทิดทูนคุณ รักคุณอย่างจริงใจ แต่คุณกลับเลือกที่จะตอบแทนป่านด้วยการหลอกลวง คุณกล้าทำร้ายจิตใจผู้หญิงที่รักคุณจนหมดหัวใจได้ยังไง"
วาทินชะงัก อึ้ง ตะวันฉายรู้สึกได้ว่า วาทินแคร์ความรู้สึกของสายป่านเลยย้ำต่อ
"ลองถามตัวเองดูว่ามีผู้หญิงคนไหนบ้างที่รักคุณอย่างจริงใจ รักโดยไม่หวังอะไรตอบแทน แล้วก็ถามใจตัวเองดู ว่าผู้หญิงคนไหนที่เข้ามาในชีวิตคุณ แล้วทำให้คุณมีความสุขมากที่สุด"
วาทินอึ้ง พูดไม่ออกอีก
"ในเมื่อมีคนที่รักคุณมากยืนอยู่ตรงหน้า และพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างคุณ แล้วทำไมคุณถึงจะปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นหลุดมือไป การเอาชนะมันก็ได้แค่ความสะใจ แต่ถ้าชัยชนะที่คุณได้มา จะต้องแลกกับการเสียผู้หญิงดีๆคนนึงไป แล้วชัยชนะนั้นมันจะมีความหมายอะไร"
วาทินอึ้งหนัก ค่อยๆปล่อยมือ ตะวันฉายลุกขึ้นแต่เสียหลักเซจะล้ม วาทินรีบประคองตะวันไว้
ทันใดนั้นธวัชเข้ามาเห็น ไม่พอใจที่ตะวันอยู่กับผู้ชายอื่น มองตะวันกับวาทินอย่างสงสัย
"พวกคุณมาทำอะไรกันในที่มืดๆแบบนี้"
ทั้งคู่ต่างชะงักตกใจ ตะวันฉายรีบผละออกจากวาทิน
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พอดีฉันไม่เห็นคุณอยู่ในห้อง ก็เลยออกมาตามหาคุณน่ะค่ะ"
"แล้วคุณวาทินล่ะครับ มาทำอะไรแถวนี้"
วาทินรีบแถ
"ฉันลืมมือถือไว้เลยกลับมาเอา ไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัว"
วาทินเปลี่ยนเรื่อง แล้วเดินออกไป

วาทินเดินเข้ามา พลางนึกถึงคำพูดของตะวันฉาย เขานิ่งคิด หวั่นไหวกับคำพูดของตะวัน เขา
ถอนใจ พยายามไล่ความรู้สึกหวั่นไหวนั้นทิ้ง แล้วจะเดินออกไป แต่เห็นสายป่านนั่งมองพระจันทร์อยู่แถวนั้น วาทินจะเดินไปหาสายป่าน แต่เสียงไลน์ดังขึ้น
วาทินควักมือถือมาเปิดไลน์ เห็นว่าสายป่านส่งไลน์มาว่า “รู้ไหมคะ..คืนนี้พระจันทร์สวยมาก”
เขายิ้มชอบใจ กดมือถือโทร.หา พร้อมเดินมาข้างหลัง
สายป่านเห็นเบอร์วาทินก็รีบรับสาย ไม่รู้ว่าวาทินอยู่ข้างหลัง
"พระจันทร์สวยยังไงเหรอครับ"
สายป่านยิ้ม
"คืนนี้พระจันทร์ดวงโต สว่างสุกใส เหลืองอร่ามเหมือนทองเลยค่ะ ป่านอยากให้คุณทินมานั่งดูพระจันทร์ด้วยจังเลย"
วาทินแกล้งอำ
"คงจะไม่ได้หรอกครับ เพราะตอนนี้ผมง่วงแล้ว กำลังจะนอน"
สายป่านผิดหวัง
"ถ้าง่วงก็นอนเถอะค่ะ งั้นแค่นี้นะคะ"
สายป่านวางสายอย่างงอนๆ วาทินขำ แล้วย่องมาหอมแก้มสายป่านเร็วๆ
"คุณทิน คนโกหก ไหนบอกว่าง่วงไง"
วาทินยิ้ม
"โกหกที่ไหน ผมง่วงจริงๆ"
วาทินพูดพร้อมเอนศีรษะซบไหล่ สายป่านยิ้มชอบใจ
"พระจันทร์สวยจริงๆด้วย แต่ยังไงก็สวยสู้ป่านไม่ได้หรอก"
"เว่อร์"
"จริงๆนะ สำหรับผม ป่านคือผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก รู้ไหม"
สายป่านยิ้มเขิน
"แล้วเมื่อกี้คุณทินไปไหนมาคะ ป่านไปหาที่ห้องพัก จะชวนมาดูพระจันทร์ด้วยกัน แต่คุณทินไม่อยู่"
วาทินรีบโกหก
"อ๋อ.. ผมออกไปเดินเล่นมาน่ะครับ"
สายป่านมองวาทินอย่างไม่ไว้ใจ
"ไปเดินเล่น หรือว่าแอบไปหาตะวันฉายคะ"
วาทินรีบแถกลบเกลื่อน
"ป่านครับ... ผมกับตะวันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว แล้วผมจะไปหาเค้าทำไมครับ"
" คุณทินแน่ใจนะคะว่าพูดความจริง"
วาทินทำจริงจังกลบเกลื่อน
"ครับ...จะให้ผมไปสาบานที่ไหนก็ได้"
สายป่านพยายามมองหาความจริงใจในแววตาวาทิน
"ป่านอยากให้คุณทินเลิกกับผู้หญิงคนนั้นอย่างเด็ดขาด คุณทินคงไม่ได้เห็นป่านเป็นของเล่นแก้เซ็ง ที่พอเล่นเบื่อแล้วก็ทิ้งขว้างไม่ใยดี คุณทินไม่ได้คิดแบบนั้นกับป่านใช่ไหมคะ"
วาทินเงียบไปอย่างรู้สึกสะท้อนใจตัวเอง ก่อนจะบอกสายป่านด้วยแววตาจริงจัง โดยไม่รู้ตัว
"ป่านคือผู้หญิงคนเดียวที่ผมรัก และจะรักไปจนวันตาย เชื่อใจผมนะครับ"
สายป่านยิ้ม
"ถ้าคุณกล้ายืนยัน ป่านก็พร้อมที่จะเชื่อใจคุณค่ะ"
วาทินจูบหน้าผากสายป่าน แล้วดึงสายป่านมากอดแนบแน่น ทั้งสองยิ้มมีความสุข

บนเนินสวย ตะวันฉายจุดไฟที่เทียนหอม ซึ่งวางเรียงรายเป็นรูปหัวใจบนพื้นหญ้า เห็นว่าแสงเทียนสว่างไสวสวยงามมาก ธวัชเดินเข้ามา สีหน้าเย็นชา
"คุณพาผมมาที่นี่ทำไม"
"คุณดูเทียนพวกนี้สิคะ สวยไหมคะ"
"ผมอยากรู้ว่าคุณพาผมมาที่นี่ทำไม"
"คุณจำได้ไหมคะว่าที่ตรงนี้ เราเคยมาดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกัน"
ธวัชแปลกใจ
"ผมเคยมาที่นี่ด้วยเหรอ"
"ค่ะ...เราเคยมาเที่ยวที่นี่ด้วยกัน คืนนึง..ฉันชวนคุณขึ้นมานอนดูดาวที่นี่ ฉันนั่งรอคุณ แต่ระหว่างนั้นมีคนร้ายมาจับตัวฉันไป หวังจะทำมิดีมิร้าย แต่คุณตามไปช่วยฉันได้ทันเวลา คุณจำได้ไหมคะ"
ธวัชตอบทันที
"จำไม่ได้"
ตะวันยิ้มใจเย็น
" งั้นคุณจำตอนที่บ้านสวนไฟไหม้ได้ไหมคะ ฉันกับลูกติดอยู่ในนั้น เราสองแม่ลูกเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด แต่สุดท้าย...คุณก็ฝ่าเปลวไฟเข้าไปช่วยฉันกับลูกออกมาอย่างปลอดภัย"
ธวัชนิ่งคิด
"ไฟไหม้เหรอ"
"คุณพอจะจำเหตุการณ์ในคืนนั้นได้ไหมคะ"
ธวัชนิ่งคิด พยายามนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ตะวันมองลุ้นๆ
"ผมนึกไม่ออก"
"ลองนึกดูดีๆอีกทีนะคะ"
ธวัชส่ายหน้า
"ผมนึกไม่ออกจริงๆ"
"ใจเย็นๆนะคะ สูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ แล้วค่อยๆนึกนะคะ"
ธวัชคิดอยู่นาน แต่คิดไม่ออก แล้วเกิดปวดหัวขึ้นมา
"โอ๊ย"
ตะวันฉายตกใจ เป็นห่วง
"คุณเป็นอะไรคะ"
"ปวดหัว"
"งั้นคุณไม่ต้องคิดอะไรแล้วนะคะ นั่งพักก่อน เดี๋ยวฉันจะไปหยิบยามาให้"
ตะวันฉายจะประคองธวัชไปนั่ง ธวัชรีบบอก
"ไม่... ผมไม่ต้องการยา ผมอยากกลับห้องพัก"
ธวัชเดินออกไป ตะวันถอนใจ มองตามอย่างเสียดาย

วาทินกับสายป่านจูงมือกันเดินเข้ามา
"คุณทินส่งป่านแค่นี้ก็พอค่ะ"
" รู้ไหม...ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะส่งป่านให้ถึงเตียงนอนเลยด้วยซ้ำ"
สายป่านแกล้งอำ
"อย่าเลยค่ะ ป่านไม่อยากฝันร้าย"
"พูดแบบนี้ ต้องโดนลงโทษ"
วาทินจะหอมแก้ม สายป่านแกล้งหยิกจมูกวาทิน
"โอ๊ย... ป่านหยิกจมูกผมทำไมครับ"
"หยิกให้สำนึกค่ะ คุณทินจะได้เลิกกะล่อนกับป่านสักที กลับห้องพักเถอะค่ะ ดึกมากแล้ว"
"พรุ่งนี้เจอกันนะครับ ที่รักของผม"
สายป่านยิ้ม วาทินจะเดินออกไป
"เดี๋ยวค่ะคุณทิน คืนนี้อากาศหนาว คุณทินอย่าลืมห่มผ้าหนาๆนะคะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะไม่สบาย"
"ป่านห่วงผมเหรอครับ"
"ค่ะ.. ป่านไม่อยากให้คุณทินเป็นอะไร"
"ป่านรู้ไหมว่าไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนห่วงใยผมแบบนี้มาก่อนเลย"
สายป่านจับมือวาทิน
"ป่านรักคุณทินมากนะคะ รักอย่างที่ไม่เคยรักผู้ชายคนไหนมาก่อน คุณทินเป็นผู้ชายคนแรก และคนสุดท้ายที่ป่านจะรัก"
วาทินยิ้มซาบซึ้ง
"ครับ..ผมก็รักป่าน ไม่น้อยไปกว่าที่ป่านรักผม"
"ถ้าคุณทินรักป่าน งั้นคุณทินก็ต้องรู้จักดูแลตัวเอง ห้ามเจ็บ ห้ามป่วย ห้ามเป็นอะไร..เราสองคนจะได้ดูแลกันและกันตลอดไป เข้าใจไหมคะ"
"เข้าใจครับ"
"งั้นป่านเข้าบ้านนะคะ"
สายป่านจะเดินไป วาทินดึงสายป่านมาจุ๊บปาก แล้วรีบบอก
"Good night ครับ"
วาทินพูดจบก็รีบเดินออกไป สายป่านอ้าปากจะดุ แต่วาทินเดินไปไกลแล้ว เธอยิ้มเขิน

ภายในห้องพักตะวันฉาย สายฟ้านอนหลับอยู่ ธวัชหยิบหมอนกับผ้าห่มออกมา
"คุณจะทำอะไรคะ"
"ผมจะไปนอนข้างนอก"
"ไม่ได้นะคะ คุณจะไปนอนข้างนอกได้ยังไง"
"ผมนอนได้ก็แล้วกัน"
ธวัชจะเดินออกไป ตะวันดึงแขนธวัชไว้ บอกอย่างเป็นห่วง
"อย่าไปนอนข้างนอกเลยนะคะ นอนข้างในดีกว่า คุณจะได้หลับสบายๆ ขอหมอนกับผ้าห่มให้ฉันนะคะ เดี๋ยวฉันจะจัดที่นอนให้คุณ"
ธวัชเข้าใจว่าตะวันฉายพยายามให้ท่าตัวเอง
"ผมไม่อยากนอนข้างในนี้... มันอึดอัด"
ตะวันชะงักหน้าชา รู้สึกเหมือนถูกตบหน้าอย่างแรง
"หวังว่าคุณจะเข้าใจนะ"
ธวัชแกะมือตะวันออกด้วยท่าทางเย็นชาหมางเมินแล้วเดินออกไป ตะวันฉายเสียใจจนน้ำตาซึม

บริเวณโถงบ้านพัก ธวัชวางหมอนกับผ้าห่มที่โซฟา แล้วควักมือถือมาโทร.หาดวงสุดา
"ดีใจจังเลยค่ะ นึกว่าวัชจะปาร์ตี้เพลินจนลืมดาซะอีก"
"ใครจะลืมภรรยาสุดที่รักได้ลงคอล่ะครับ"
"ไม่ต้องมาทำเป็นปากหวานเลย แล้วนี่วัชนอนห้องเดียวกับตะวันรึเปล่าคะ"
"ไม่ครับ...ผมออกมานอนข้างนอก ไม่อยากนอนเตียงเดียวกับผู้หญิงคนนั้น"
ตะวันฉายแอบฟังอยู่มุมหนึ่ง น้อยใจ ดวงสุดายิ้มพอใจ
"ดารู้ไหม...เค้าพยายามจะใกล้ชิดกับผม แต่ผมไม่สนหรอก เพราะผมรักดาคนเดียว"
ดวงสุดายิ้มพอใจ แล้วแกล้งลองใจธวัชต่อ
"วัชอย่ามาทำเป็นพูดดีไปหน่อยเลย ผู้หญิงมารยาอย่างตะวันน่ะหว่านเสน่ห์ให้ผู้ชายหลงใหลจนหัวปักหัวปำมานักต่อนักแล้ว ผู้ชายคนไหนอยู่ใกล้ ไปไหนไม่รอดสักราย ไม่แน่..พอใกล้ชิดกันมากๆเข้า วัชอาจจะหลงเสน่ห์ตะวันจนหลงลืมดาขึ้นมาอีกก็ได้"
"ไม่มีทางครับ ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผู้หญิงที่มีค่าสำหรับผม คือดาคนเดียว ผู้หญิงคนนั้นไม่มีความหมายสำหรับผมอีกต่อไปแล้ว"
ตะวันน้ำตาร่วงด้วยความเสียใจ ดวงสุดายิ้มสะใจ

วัลลภาลงนั่งข้างดวงสุดาที่สีหน้ายิ้มแย้ม
"มีอะไรจะคุยกับน้าเหรอ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ท่าทางจะเป็นเรื่องดีแน่ๆ"
"เมื่อกี้ดาคุยโทรศัพท์กับวัช เป็นอย่างที่เราคาดจริงๆด้วย นังตะวันมันพยายามจะใกล้ชิดกับวัช แต่วัชไม่สน ถึงขนาดไม่ยอมนอนเตียงเดียวกับมันเลยนะคะ"
"เห็นไหมล่ะ น้าพูดผิดซะที่ไหน"
"ถ้าวัชเกลียดนังตะวันเข้ากระดูกดำขนาดนี้ อีกไม่นาน..ชัยชนะก็จะเป็นของดา ถึงเวลาแล้วที่ดาจะทวงทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของดากลับคืนมา ถึงเวลาแล้วที่แกจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างยับเยินบ้าง...นังตะวัน..."

สองน้าหลานหัวเราะอย่างสะใจ
 
อ่านต่อหน้า 4

นางกลางไฟ ตอนที่ 17 (ต่อ)

ทุกคนขับรถเอทีวีเข้ามา นิคมสะพายกล้องถ่ายรูปมาด้วย ซูซี่มองไปยังทะเลสาบ

"ว๊าว..ทะเลสาบสวยมั่กๆ สวยเหมือนภาพฝันเลย"
ซูซี่มองๆ ตะวันกับธวัช แล้วหันไปสบตากับนิคมอย่างรู้กัน
"แล้วจะเสียเวลาอยู่ทำไม เรารีบไปถ่ายรูปทางนู้นกันดีกว่าครับ"
ซูซี่คล้องแขนนิคม
"ไปสิคะ...ดาร์ลิ้ง"
นิคมกับซูซี่ยิ้มให้กำลังใจตะวันฉายแล้วออกไป
ตะวันฉายบอกธวัช
"ไปพายเรือเล่นกันนะคะ ที่นี่เค้ามีบริการให้เช่าเรือด้วย"
ธวัชสีหน้าเย็นชา
"ไม่...ผมไม่ชอบ"
ตะวันเกาะแขนธวัช
"แต่ฉันอยากพายเรือเล่น ไปนั่งเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะคะ"
ธวัชสีหน้าหมางเมิน
"ผมอยากเดินเล่นมากกว่า"
ธวัชเดินหนีไป เธอเดินตาม
"ธวัชคะ..คุณจะไปไหนคะ"
"ผมอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว"
ตะวันฉายสะอึก พูดไม่ออก ได้แต่มองตามธวัชที่เดินไปไกล พลางถอนใจอย่างเศร้าๆ

นิคม ซูซี่เดินดูรูปในกล้อง
"อื้อหือ...สวยทุกรูปเลย งั้นขอมุมนี้อีกรูปนะคะ"
"ได้ครับ...จัดให้"
ซูซี่โพสต์ท่า นิคมจะกดชัตเตอร์ ทันใดนั้นธวัชเดินเข้ามา
"อ้าว...ไอ้วัช คุณตะวันล่ะ"
"ฉันไม่รู้"
ธวัชเดินออกไป นิคมเกาหัวงงๆ
"ไม่รู้ได้ไงวะ"
"สงสัยคุณธวัชจะอารมณ์ไม่ดีมั้งคะ คุณธวัชอารมณ์ไม่ดี ... แล้วตะวันล่ะ"

บริเวณถนนริมทะเลสาบ ตะวันฉายเดินเหม่อมาที่ถนน ระหว่างนั้นหนุ่มสาวคู่หนึ่งขับรถเอทีวีซ้อนท้ายกันเข้ามาพอดี เธอเดินตัดหน้ารถ รถเอทีวีเกือบจะชน ดีที่เธอได้สติ พุ่งหลบทัน ล้มกลิ้งไปกับพื้น ซูซี่ นิคมเข้ามาเห็นพอดีก็ตกใจ
"ตะวัน !"
ทั้งสองรีบวิ่งมาดู
"ตะวัน...ตะวันเป็นอะไรมากไหม"
หนุ่มสาวตกใจมาก รีบมาดูตะวันเหมือนกัน
"คุณครับ คุณเป็นอะไรรึป่าวครับ"
นิคมประคองเธอขึ้นมา เห็นว่าเข่าแตก ข้อศอกแตกเลือดไหลเป็นทาง
หญิงสาวตกใจ
"ตายแล้ว"
หนุ่มบอก
"ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้คุณเจ็บตัว"
"คุณไม่ผิดหรอกค่ะ ฉันต่างหากที่ใจลอยเดินตัดหน้ารถ"

นิคมกับซูซี่ประคองตะวันฉายเข้ามา วาทินเดินเข้ามาพอดี รีบเข้าไปดู
"ตะวันเป็นอะไร"
"อุบัติเหตุนิดหน่อย" ซูซี่บอก
นิคมพาตะวันเข้าบ้านไป วาทินจะตามไป ซูซี่ดึงแขนวาทินไว้
"เธอจะไปไหน"
"ผมจะไปดูตะวัน" วาทินบอก
"ดูในฐานะไหนไม่ทราบ"
"พี่ซูซี่ก็รู้ว่าผมกับตะวันเป็นอะไรกัน"
"แต่ฉันไม่เชื่อว่าผู้ชายที่หลอกฟันผู้หญิงไปวันๆอย่างเธอ จะห่วงใยใครเป็น"
"ถ้าผมจะไปหาตะวัน ใครหน้าไหนก็ห้ามไม่ได้ทั้งนั้น"
วาทินจะเดินไป ซูซี่รีบบอก
"ก็เอาสิ... เชิญเข้าไปหาตะวันเลย สายป่านจะได้เห็นธาตุแท้ของเธอ แล้วก็รู้ว่า ที่แท้เธอเห็นเค้าเป็นแค่ของเล่น ไม่ได้จริงจังจริงใจอะไร สายป่านรู้ตอนนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้หูตาสว่างจากผู้ชายเจ้าชู้ปลิ้นปล้อนอย่างเธอสักที"
วาทินพูดไม่ออก จ้องซูซี่อย่างเจ็บใจ
"แล้วอย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ เรื่องที่เมื่อคืนเธอแอบมาเกาะแกะตะวัน ลับหลังคุณธวัช"
"จะเรียกว่าเกาะแกะได้ไง ในเมื่อตะวันเป็นเมียผม ต้องเรียกว่าพลอดรักถึงจะถูก"
"ใช่...ตะวันเป็นเมียเธอ แต่นั่นมันเป็นอดีต เรื่องระหว่างเธอกับตะวันมันจบไปนานแล้ว เลิกตามตอแยตะวันสักที เพราะตะวันกำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่กับผู้ชายที่เค้ารัก อย่างคุณธวัช"
"ไม่จริง...." วาทิน พยายามแต่งเรื่องเพื่อเอาชนะซูซี่ "ตะวันเค้ายังติดอกติดใจผมอยู่ เค้าอยากจะกลับมาซบอกผมใจจะขาด แต่ที่มาไม่ได้เพราะนายธวัชเป็นก้างขวางคอ แถมตะวันก็พลาดพลั้งมีลูกกับมันอีก"
ซูซี่เบะปากไม่เชื่อ
"เพราะแบบนี้ไง ผมกับตะวันถึงต้องคบกันแบบหลบๆซ่อนๆ แล้วก็แอบกินกันในที่ลับ พี่ซูซี่ควรจะเปิดหูเปิดตารับรู้ความจริงได้แล้ว"
ซูซี่แค่นยิ้มเยาะ
"ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะกล้าละเมอเพ้อพกเข้าข้างตัวเองขนาดนี้"
"งั้นผมจะทำให้พี่ซูซี่เห็นว่าระหว่างผมกับตะวัน เป็นเรื่องจริง...ไม่ได้อิงนิยายแม้แต่นิดเดียว ไม่เชื่อก็คอยดู"
ห่างออกไป ธวัชยืนฟังอยู่ใกล้ๆ วาทินเดินออกไป พร้อมสีหน้าเจ็บใจ ซูซี่ส่ายหน้าเอือมระอา แล้วเดินเข้าบ้านพักไป ธวัชกำมือแน่น ไม่พอใจมาก
มุมหนึ่งในรีสอร์ต วาทินนั่งครุ่นคิดถึงคำพูดของคนทั้งสาม
ซูซี่ - "เชิญเข้าไปหาตะวันเลย สายป่านจะได้เห็นธาตุแท้ของเธอ แล้วก็รู้ว่าที่แท้เธอเห็นเค้าเป็นแค่ของเล่น ไม่ได้จริงจังจริงใจอะไร สายป่านรู้ตอนนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้หูตาสว่างจากผู้ชายเจ้าชู้ปลิ้นปล้อนอย่างเธอสักที"
ตะวัน- "ป่านเค้าเทิดทูนคุณ รักคุณอย่างจริงใจ แต่คุณกลับเลือกที่จะตอบแทนป่านด้วยการหลอกลวง คุณกล้าทำร้ายจิตใจผู้หญิงที่รักคุณจนหมดหัวใจได้ยังไง ลองถามตัวเองดูว่ามีผู้หญิงคนไหนบ้างที่รักคุณอย่างจริงใจ รักโดยไม่หวังอะไรตอบแทน แล้วก็ถามใจตัวเองดู ว่าผู้หญิงคนไหนที่เข้ามาในชีวิตคุณ แล้วทำให้คุณมีความสุขมากที่สุด"
สายป่าน - "คืนนี้อากาศหนาว คุณทินอย่าลืมห่มผ้าหนาๆนะคะ ไม่งั้นเดี๋ยวจะไม่สบาย ป่าน
รักคุณทินมากนะคะ รักอย่างที่ไม่เคยรักผู้ชายคนไหนมาก่อน ถ้าคุณทินรักป่าน งั้นคุณทินก็ต้องรู้จักดูแลตัวเอง ห้ามเจ็บ ห้ามป่วย ห้ามเป็นอะไร..เราสองคนจะได้ดูแลกันและกันตลอดไป"
พร้อมกับภาพต่างๆที่วาทินสวีตหวานกับสายป่านผ่านเข้ามาในภวังค์ เขายิ้มมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ระหว่างนั้นเสียงตะวันดังเข้ามา
"ในเมื่อมีคนที่รักคุณมากยืนอยู่ตรงหน้า และพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างคุณ แล้วทำไมคุณถึงจะปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นหลุดมือไป การเอาชนะมันก็ได้แค่ความสะใจ แต่ถ้าชัยชนะที่คุณได้มา จะต้องแลกกับการเสียผู้หญิงดีๆคนนึงไป แล้วชัยชนะนั้นมันจะมีความหมายอะไร"
วาทินเริ่มรู้สึกเห็นคุณค่าในตัวสายป่านอย่างมากมาย และสับสนกับความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อสายป่านว่าใช่ความรักจริงๆหรือไม่ เขาถอนหายใจออกมาอย่างสับสนและว้าวุ่นใจ

ทุกคนมองซูซี่ที่ทำแผลให้ตะวันฉายที่โถงบ้านพักในรีสอร์ต
"ไอ้วัชนะไอ้วัช นี่มันไม่คิดจะสนใจใยดีคุณตะวันบ้างเลยหรือยังไง"
"เพราะนังดวงสุดาคนเดียวที่เป่าหูให้คุณธวัชเกลียดตะวัน นังนางมารร้าย นังปีศาจ ฉันอยากจะหักคอมันให้รู้แล้วรู้รอดนัก"
ตะวันฉายเศร้า
"นอกจากจะจำอะไรไม่ได้แล้ว คุณธวัชยังเกลียดตะวันมากกว่าเดิม"
"ถ้าเป็นแบบนี้ ฉันว่าเรากลับกรุงเทพดีกว่า อยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรขึ้นมา" สุนทรีย์ว่า
"กลับไปตั้งหลักใหม่ วางแผนใหม่ก็ดีเหมือนกันนะครับ"
ทุกคนสบตากันอย่างเห็นด้วย

ซูซี่กับตะวันฉายคุยกันที่ร้านกาแฟ ในวันใหม่
"ตะวันกับมะปรางโตมาด้วยกัน เราสองคนรักกันยิ่งกว่าพี่น้องคลานตามกันมาซะอีก มะปรางจะเกลียดตะวันได้ยังไงคะพี่ซูซี่"
"พี่เองก็คิดแบบนั้น แต่มันมีบางสิ่งบางอย่างที่ค้านกับความรู้สึกของพี่"
"บางสิ่งบางอย่าง อะไรเหรอคะ"
ซูซี่ยื่นรูปถ่ายให้
"รูปถ่ายใบนี้ พี่ได้มาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า มะปรางเอาไปฝากไว้กับครูพี่เลี้ยง ตะวันลองพลิกดูข้างหลังรูปสิ"
ตะวันฉายพลิกดูข้างหลังรูป เห็นข้อความที่มะปรางเขียน เธอนิ่วหน้าแปลกใจ
"มะปรางเนี่ยนะจะเกลียดตะวัน แล้วเค้าจะเกลียดตะวันเรื่องอะไร"
"นี่แหล่ะที่พี่อยากรู้ เธอสองคนเคยมีเรื่องขัดแย้ง หรือไม่พอใจอะไรกันรึเปล่า"
"ไม่มีนี่คะ อ้อ..เราเคยทะเลาะกันครั้งนึงค่ะ"
"ทะเลาะเรื่องอะไร"
"เรื่องเกิดขึ้นสมัยที่เราเรียนมหาวิทยาลัยค่ะ ตอนนั้นมะปรางแอบชอบผู้ชายคนนึง แต่ผู้ชายคนนั้นมาชอบตะวัน มะปรางก็เลยโกรธ คิดว่าตะวันแย่งผู้ชายของเค้า ตอนนั้นมะปรางโกรธมาก ไม่ยอมพูดกับตะวันหลายวันเลยนะคะ"
"หรือว่ามะปรางจะผูกใจเจ็บตะวันมาตั้งแต่นั้น ก็เลยไปเป็นพวกเดียวกับยัยดวงสุดา เพื่อแอบเล่นงานตะวันเงียบๆ"
"พี่ซูซี่คิดมากเกินไปแล้ว การที่มะปรางไปกินข้าวร้านเดียวกับคุณดวงสุดา ไม่ได้หมายความว่ามะปรางจะเป็นพวกเดียวกับเค้านะคะ"
"แล้วเรื่องที่มีคนส่งข้อความแปลกๆมาหามะปราง แล้วก็นัดพบกันล่ะ"
"มันก็อาจจะเป็นคนละเรื่องกันก็ได้ อีกอย่าง เรื่องที่ตะวันกับมะปรางทะเลาะกัน เราก็เคลียร์กันรู้เรื่องแล้ว ต่างคนต่างเข้าใจกันดี แล้วจากนั้นเราก็ไม่เคยทะเลาะอะไรกันอีกเลย เพราะฉะนั้น...มะปรางไม่มีทางเกลียดตะวันแน่นอนค่ะ"
"แต่พี่ยังไม่วางใจเรื่องนี้หรอกนะ พี่จะสืบต่อ และจะหาหลักฐานเพิ่มเติม เรื่องนี้พี่จะต้องรู้ความจริงให้ได้"
ซูซี่บอกด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ตะวันฉายได้แต่ส่ายหน้า อ่อนอกอ่อนใจกับความดื้อรั้นของซูซี่

ภายในบ้านดวงสุดา ธวัชนั่งไม่ติด กระวนกระวายคิดเรื่องตะวันที่อยู่ในอ้อมกอดวาทิน และวาทินคุยกับซูซี่ ธวัชกำมือแน่น สีหน้าโกรธ ไม่พอใจมาก

ในบ้านธวัช ตะวันฉายนั่งไห้อาหารสายฟ้าอยู่ ธวัชมองตะวันอย่างเดือดดาลไม่พอใจ ครู่หนึ่งตะวันหันไปเห็นธวัช
" คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ทำไมฉันไม่ได้ยินเสียงรถเลย"
ธวัชกระชากข้อมือตะวัน
"คุณยังเห็นผมเป็นสามีอยู่รึเปล่า"
ตะวันชะงัก
"ทำไมคุณถามแบบนี้คะ"
ธวัชถามเสียงดัง
"ผมถามว่าคุณยังเห็นผมเป็นสามีอยู่ไหม"
"ฉันรักคุณค่ะ คุณคือสามีที่ฉันรัก แล้วคุณก็เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน"
"งั้นคุณเอาเขามาสวมใส่หัวผมทำไม คุณทำแบบนี้กับผมทำไม"
"นี่คุณพูดเรื่องอะไรคะ"
"อย่ามาทำไม่รู้เรื่อง ที่แท้คุณก็เคยมั่วกับคุณวาทินมาก่อนนี่เอง มิน่าตอนอยู่ที่กาญจน์...พวกคุณถึงได้แอบไปพลอดรักกันลับหลังผม"
"ฉันยอมรับว่าเคยคบกับวาทินมาก่อน แต่เราเลิกกันนานแล้ว แล้วตอนนี้ฉันกับเค้าก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องต่อกันอีกแล้ว คุณกำลังเข้าใจฉันผิดนะคะ"
"ไม่ผิดหรอกเพราะผมเห็นกับตา คุณยุ่งกับคุณวาทิน ทั้งๆที่รู้ว่าเค้ากับยัยป่านคบหากันอยู่...แล้วไหนจะจงใจจับผมเพื่อหาพ่อให้ลูกอีก คุณมีความสุขมากนักเหรอที่ได้ทำลายความรักของคนอื่น ทำให้เค้าต้องแตกแยกกันน่ะ"
ธวัชบีบข้อมือตะวันแรงขึ้น
"เมื่อไหร่คุณถึงจะรู้จักอิ่ม รู้จักพอ คุณสะกดคำว่าศีลธรรมกับสามัญสำนึกเป็นอย่างคนอื่นเค้าบ้างไหม ตะวันฉาย"
ตะวันฉายอึ้ง หน้าชา รู้สึกเหมือนถูกตบหน้าอย่างแรง !!
"ฉันไม่เคยทำอะไรเลวๆแบบนั้น คุณเข้าใจฉันผิด คุณดวงสุดาใส่ร้ายฉัน เค้าพยายามยุแยงให้คุณเกลียดฉัน"
ธวัชสวนทันที
"ไม่ว่าคุณจะใส่ร้ายป้ายสีดายังไง ผมก็ไม่มีวันเชื่อ...เพราะตอนนี้ผมหูตาสว่างแล้ว ผมรู้แล้วว่าระหว่างคุณกับดา ใครคือเพชร ใครคือก้อนกรวด"
ตะวันฉายอึ้ง หน้าชาอีกรอบ
"อย่าหวังว่าผมจะเป็นไอ้งั่งให้คุณสนสะพายได้อีก เก็บข้าวของๆคุณออกไปจากบ้านหลังนี้ แล้วก็ออกไปจากชีวิตผมซะ"
"คุณไล่ฉันเหรอคะ"
"ผมเลือกดา ผมต้องการจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับดา ผู้หญิงคนเดียวที่รักผมด้วยความจริงใจ ไม่ได้หวังผลประโยชน์ แล้วดาเค้าก็ซื่อสัตย์กับผม ไม่ได้ซุกซ่อนใครอื่นไว้เหมือนคุณ ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก ออกไปจากชีวิตผมซะ ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป"
ตะวันฉายช็อก ! รู้สึกเหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางใจ พูดอะไรไม่ออก สมองมึนตื้อไปหมด
กล้วยวิ่งหน้าตื่นเข้ามา ธวัชรีบเดินออกไป
"เกิดอะไรขึ้นคะคุณตะวัน"

ตะวันฉายหมดเรี่ยวแรง ทรุดลงกับพื้น สะอื้นไห้จนแทบขาดใจ รู้สึกเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายลงจนหมดสิ้นแล้ว !
 
อ่านต่อตอนที่ 18
กำลังโหลดความคิดเห็น