เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 17
ฝ่ายเจ้าคุณสุทธาเทพวิสุทธิ์แต่งตัวหล่อ ใส่โจงกระเบนหางกระรอก เสื้อราชประแตน สีน้ำตาลอ่อนยืนอยู่หน้ากระจก สูดลมหายใจเข้าปอดอย่างให้กำลังใจตัวเอง
นิศานุ่งโจงกระเบนเสื้อคอกระเช้า ติดลูกไม้น่ารัก เกล้าผมคล้องมาลัยบนหัว เปิดประตูเข้า พ่อหันมายิ้มให้
"โอ้โห คุณพ่อหล่อจังเลยค่ะ...พี่นนท์มารับแล้วค่ะคุณพ่อ"
"ตุ๊ก็สวยเหมือนกันจ้ะ...อาตระกลพร้อมแล้วหรือ"
นิศายิ้มตื่นเต้น
"ทุกคนรออยู่แล้วค่ะ"
เจ้าคุณสุทธายิ้ม
"ไป...เราไปกันได้แล้ว"
เจ้าคุณสุทธาเดินออกมาจากตึกกับ นิศา ตระกล ไพจิตร ยืนรอที่รถ ทั้งหมดสีหน้ายิ้มแย้ม
มีความสุข เจ้าคุณสุทธา นิศา ไพจิตร ขึ้นนั่งรถทางด้านหลัง ตระกลนั่งหน้ากับคนขับ
เสาวนิตนั่งกินอาหารที่วางไว้บนโต๊ะของคุณหญิงเทพอย่างหิวโหย พรรณจูงคุณหญิงเทพเดินออกมาจะมานั่งทานอาหารเช้า เสาวนิตนั่งกินอาหารเช้าที่จัดไว้จนจะหมด พรรณมองอย่างตกใจ
"ตายจริงแม่นิต....นี่กินเข้าไปหมดได้ยังไงคนเดียว"
เสาวนิตไม่สนใจ
"นิตหิวค่ะ"
พรรณตกใจ
"อะไรกัน...เค้าเตรียมไว้ให้คนสามคนกินนะยะ กินเข้าไปหมดคนเดียว...คุณย่ายังไม่ได้ทานเลย"
"คุณป้าพรรณก็สั่งให้เค้าไปเอามาอีกสิคะ...นิตยังไม่อิ่ม"
พรรณทำท่าจะเป็นลม
"ไปชงโกโก้มาให้แม่ก็แล้วกัน..เอาขนมปังกรอบมาก็พอ"
"ขอนิตด้วยค่ะป้าพรรณ"
พรรณค้อนแล้วเดินเข้าไป คุณหญิงเทพลงนั่งที่โต๊ะกับเสาวนิต
"หมู่นี้เจริญอาหารจริงๆนะ..ไปอยู่บ้านเพื่อนอดอยากมากละซิท่า" คุณหญิงเทพว่า
เสาวนิตชะงัก ไม่กล้าเถียง
"นิตเกรงใจเค้าค่ะ ก็เลยไม่ค่อยได้กินอะไร"
"ไอ้คนที่พาไปมันไม่มีปัญญาหาให้กินหรือไง"
เสาวนิตทำเป็นใสซื่อ
"ไม่มีนี่คะ...นิตไปของนิตคนเดียวค่ะ"
คุณหญิงเทพทำหน้าไม่ค่อยเชื่อ
"นี่แม่เจริญหายไปไหน"
เสาวนิตกินไปเรื่อยๆ
"ไม่รู้ค่ะ...นิตตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นแม่แล้ว"
เสาวนิตไม่ได้สนใจ คุณหญิงเทพใช้ความคิด...
เรือของโสภณวิ่งอยู่ในคลองน้ำวน ทุกคนยกเว้นอานนท์ดูตื่นเต้นกับบรรยากาศรอบๆ
"คลองน้ำวนยินดีต้อนรับครับ"
เจ้าคุณสุทธาจับบ่าโสภณอย่างรักมาก
"วันนี้ลูกชายพ่อหล่อจริง"
"วันนี้คุณพ่อก็หล่อมากครับ"
"อานนท์มาถึงหรือยัง"
"มากันแล้วครับ"
เจ้าคุณสุทธาเดินมาตามทาง มองไปรอบๆ อย่างชื่นชม
"สวนมะพร้าวที่นี่ต้นใหญ่มาก...แปลว่าดูแลอย่างดี"
"คุณแม่ร้บช่วงมาจากคุณลุงครับ...พอคุณลุงเสียคุณแม่ก็เลยต้องมาทำต่อ"
"คุณพี่อโนทัยน่ะเหรอ...เสียไปแล้วเหรอ"
"คุณพ่อรู้จักคุณลุงเหรอครับ...ผมเกิดได้หกขวบ คุณลุงก็เสีย เห็นว่าไปติดโรคจากเมืองแขกที่คุณลุงไปติดต่อขายน้ำมันมะพร้าว...ทีนี้รับออร์เดอร์เค้ามาแล้ว แม่ก็เลยต้อ'มาทำแทน"
เจ้าคุณสุทธาสีหน้าหม่นลง
"มันเป็นงานหนักสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียวมากนะ...ไหนจะเลี้ยงลูกอีกสองคน"
"ที่ผ่านมาได้ก็เพราะความเข้มแข็งอดทนของแม่ละครับ"
"พ่อเชื่อ...แม่เป็นอย่างนั้นจริงๆ"
ทั้งหมดเดินผ่านสวนมะพร้าว
ในห้องรับแขกที่ถูกจัดอย่างดี เจ้าคุณพลรามนั่งคู่อยู่กับคุณหญิงแนบ อานนท์นั่งข้างๆ นงลักษณ์นั่งอยู่ด้านหลัง ...เจ้าคุณสุทธานั่งอีกฝั่ง มีตระกลนั่งอยู่ด้านหลัง ทั้งสองคนทักทายกันอย่างคนคุ้นเคย
"ไม่ได้พบกันเสียนานนะ...พอมาพบกันก็จะเป็นทองแผ่นเดียวกันเสียแล้ว" เจ้าคุณพลรามว่า
"นั่นสิครับ...ผมดีใจจริงๆ ที่อานนท์เป็นลูกชายของคุณพี่... อานนท์เป็นคนดีมากครับ"
เจ้าคุณพลรามยิ้มภูมิใจ
"ถ้าอานนท์ทำอะไรไม่ค่อยถูกใจ...เจ้าคุณก็สอนด้วยนะครับ"
"คงไม่มีหรอกครับ ผมสิครับ ต้องขอฝากสุไว้กับคุณพี่ทั้งสองคนด้วยนะครับ"
คุณหญิงแนบบอก
"ไม่ต้องห่วงค่ะเจ้าคุณ...คนที่เอาชนะตาใหญ่ได้นี่...ไม่ธรรมดาแน่ๆ จ้ะ"
เจ้าคุณสุทธาหัวเราะชอบใจ ตาก็คอยมองหาตวัน..
"แล้วพ่อตระกลล่ะเมื่อไหร่จะแต่งกับเขาบ้างล่ะ"
ตระกลที่คอยแต่จ้องมองนงลักษณ์อยู่ไม่ทันตั้งตัว ตกใจที่ถูกถาม หันไปมองอานนท์แบบขอความช่วยเหลือ...อานนท์อมยิ้ม...นงลักษณ์อายทั้งพี่ อายทั้งตระกล
"คงอีกไม่นานครับเจ้าคุณพ่อ"
"ผู้หญิงของพ่อตระกลน่าจะเป็นสาวชาวใต้แน่ๆ" คุณหญิงแนบบอก
ตระกลหันไปยิ้มกับนงลักษณ์แบบไม่ให้ใครเห็น....นงลักษณ์ยิ้มตอบ
ไพจิตร นิศา รจนากำลังเล่นกับเครื่องเล่นที่ทำจากมะพร้าวอย่างสนุก
"บ้านพี่โส กับพี่สุ สวยนะคุณจิตร" นิศาบอก
"ถ้าคุณแม่ กับคุณนิตมาเห็นคงงงน่าดูเลย" ไพจิตรบอก
นิศาหัวหด
"อย่าพูดถึงซิคุณจิตร...ถ้าคุณแม่มาที่นี่ พิธีพี่สุแตกแน่"
ไพจิตรยิ้ม
"คุณแม่จ้างก็มาไม่ถูก...อย่ากลัวไปเลยน่า"
โสภณเดินลงมาจากบ้าน
"ตุ๊มากับพี่ซิครับ"
นิศาวิ่งขึ้นไปหาโสภณ
เรือรับจ้างมาส่งคุณหญิงเจริญที่ท่าน้ำคลองน้ำวน มี กับ สนมเห็น
"อ้าว...มีแขกมาอีกคนน่ะตามี"
"ใครล่ะ...คุณโสบอกว่าแขกมาหมดแล้วนี่"
คุณหญิงเจริญแต่งตัวสวย ก้าวขึ้นมามองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง สนมเดินเข้ามาหา
"มางานเหรอคะคุณ"
"ใช่จ้ะ"
สนมยิ้ม
"ฉันพาคุณไปก็ได้จ้ะ...มาทางนี้เลยจ้ะ"
คุณหญิงเจริญเดินตามสนมไป แอบทำสีหน้าเหยียด...
ตวันยืนมองไปรอบๆอย่างเหม่อลอย โสภณเดินเข้ามองตวันอย่างชื่นชม ตวันแต่งตัวสวย เป็นชุดพื้นเมืองของมาเลย์ที่เป็นผ้าปาเต๊ะสวยๆ
"แม่สวยจริงๆ ครับ ไม่เคยเห็นแม่แต่งตัวแบบนี้เลย"
ตวันยิ้ม
"วันนี้เป็นวันสำคัญนี่จ้ะ"
"พ่อเห็นแม่ต้องตะลึงแน่ๆ"
ตวันเขิน
"แม่แก่แล้ว"
"แขกมาครบแล้ว...แม่จะขึ้นไปหรือยังครับ"
ตวันยิ้มมองลูกชาย
"คุณพ่อมองหาแม่ตลอดเวลา"
ตวันเอามือคล้องแขนโสภณไว้
"แม่พร้อมแล้วจ้ะ"
โสภณพาแม่เดินออกไป
ทุกคนนั่งคอยเวลาอยู่ในห้องรับแขก ไพจิตรกับรจนาขึ้นมานั่งอยู่ด้านหลัง อานนท์ดูนาฬิกาว่าถึงเวลาฤกษ์หรือยัง...เจ้าคุณสุทธานั่งอยู่คนเดียว ที่นั่งข้างๆ นั้นว่างอยู่...เจ้าคุณพลรามยืนชมบรรยากาศภายนอกอย่างมีความสุข เจ้าคุณพลรามมองโน่นมองนี่ไปรอบๆ จึงเห็นสนมพาคุณหญิงเจริญกำลังเดินมา
"ชิบหายละ"
คุณหญิงแนบ กับ อานนท์ ได้ยิน สะดุ้งหันมามอง
"อะไรกันคุณ...วันมงคลพูดอะไรน่ะ"
อานนท์หันไปมองตามที่เจ้าคุณพลรามมองอยู่ เห็นสนมเดินนำคุณหญิงเจริญจะเข้ามาในบ้าน อานนท์รีบจะออกไป เจ้าคุณพลรามห้ามไว้
"ไม่ต้อง...พ่อเอง"
เจ้าคุณพลรามหันไปเรียกตระกล
"ตระกล...มากับพ่อเร็ว"
ตระกลยังไม่รู้เรื่องแต่ก็รีบลุกตามเจ้าคุณพลรามไป เจ้าคุณสุทธารู้สึกผิดปรกติ อานนท์สีหน้าไม่สบายใจ
"มีอะไร...อานนท์"
อานนท์กระซิบ
"คุณหญิงเจริญมาครับ"
เจ้าคุณตกใจ
"ไม่ต้องห่วงครับ...คุณพ่อผมออกไปแล้ว"
เจ้าคุณพพลรามกับตระกลรีบเดินเข้าไปหาคุณหญิงเจริญ และยืนขวางทางไว้
"มาทำไมคุณหญิงเจริญ"
เจริญมองเจ้าคุณพลรามอย่างไม่พอใจ
"ไม่ใช่เรื่องของเจ้าคุณ...หลีกไปให้พ้น"
"เรื่องอะไรจะหลีก..หล่อนน่ะแหล่ะออกไปจากที่นี่ดีกว่า"
คุณหญิงเจริญเริ่มเสียงดัง
"ฉันไม่ไป...ฉันจะมาดูหน้าอีผู้หญิงหน้าด้านที่จะมาแย่งผัวฉัน"
เจ้าคุณพลรามหันไปพยักหน้ากับตระกล แล้วล็อคแขนเจริญคนละข้างลากออกไปจากบ้าน
เจริญดิ้นสะบัดเสียงดัง
"ปล่อยฉันนะ...ปล่อยฉัน...ไอ้ตระกล..ไอ้ลูกขี้"
สนมมองดูเหตุการณ์อย่างตกตลึง คนบนบ้านจะเห็นเจ้าคุณพลราม ตระกล มี สนม และคนงานช่วยกันหิ้วคุณหญิงเจริญออกไปจากบ้าน
ทุกคนกลับมานั่งที่เดิม ไพจิตรออกอาการกลัวมากว่าจะมีเรื่อง เจ้าคุณสุทธาเข้าไปปลอบ โสภณพาตวันเดินออกมา เจ้าคุณสุทธาที่กำลังกลุ้มใจ พอเห็นตวันก็ตกตลึงลืมทุกอย่าง โสภณพาแม่มานั่งข้างๆพ่อ ตวันซ่อนน้ำตาที่เอ่อขึ้นมา เจ้าคุณสุทธาเรียกตวันเบาๆ
"ตวัน"
ตวันหันมายิ้มให้ อานนท์ เจ้าคุณสุทธาอายมาก
"ฉันต้องขอโทษด้วยนะ"
ตวันหันมายิ้ม
"ไม่ใช่ความผิดของท่านเจ้าคุณนี่คะ"
"ฉันมีแต่เรื่องต้องขอโทษเธอ...ตวัน...ฉันดีใจเหลือเกินที่ได้พบเธอ"
อานนท์สีหน้าร้อนใจ
"จวนจะได้เวลาฤกษ์หรือยังครับแม่"
"อีกห้านาที"
อานนท์มองไปด้านหน้าห้องอย่างร้อนใจ
"คุณพ่อยังไม่มาเลย...ผมไปดูดีไหมครับ"
"ไม่ต้องห่วง...เดี๋ยวคุณพ่อก็มา"
เจ้าคุณพลราม กับตระกลขึ้นมาบนบ้าน ท่าทางเหนื่อย คุณหญิงแนบส่งผ้าเช็ดหน้าให้เจ้าคุณซับเหงื่อ.....นิศาเดินลงมากับพี่สาว สุชาดาแต่งชุดไทยห่มสไบอ่อนหวานสวยงามมาก ติดดอกกุหลายที่ผม สุชาดาเดินมานั่งด้านหน้าแม่ ข้างๆ อานนท์ นิศาเดินกลับไปนั่งกับไพจิตร
เจ้าคุณพลรามกระแอมเล็กน้อยหันไปพูดกับเจ้าคุณสุทธา
"วันนี้ถือเป็นฤกษ์งามยามดี กระผมพระยาพลราม และภรรยาคุณหญิงแนบ จะมาสู่ขอสุชาดา ลูกสาวของพระยาสุทธา กับคุณตวัน...ให้กับ นายอานนท์ วิทยาธร ลูกชายของกระผม อานนท์เป็นคนดี มีหน้าที่การงานมั่นคง สามารถจะดูแลหนูสุชาดา ให้มีความสุขต่อไปได้ กระผมเห็นว่าทั้งสองคนได้รู้จักชอบพอกันดี และมีอายุเหมาะสมที่จะแต่งงานกันได้ หากท่านทั้งสองไม่ขัดข้อง...เต็มใจที่เราจะเป็นทองแผ่นเดียวกันกระผมก็จะจัดขบวนขันหมากมาหมั้นหมาย...สินสอดทองหมั้น ขอให้ท่านกำหนดมา...แล้วจะได้ทำพิธีแต่งงานกันต่อไป ท่านเจ้าคุณ กับ คุณตวัน จะมีความเห็นประการใด"
"กระผมมีความยินดีอย่างยิ่ง ที่จะเป็นทองแผ่นเดียวกันกับคุณพี่ แต่ถึงกระนั้นขอให้แม่ตวันเป็นผู้ตอบเถิด เพราะเขาเลี้ยงของเขามา"
"ดิฉันต้องขอขอบพระคุณ ท่านเจ้าคุณพลราม กับคุณหญิงที่ให้เกียรติมาสู่ขอสุชาดาลูกสาวของดิฉัน... หากว่าท่านทั้งสองเห็นว่าสุชาดา เหมาะสมที่จะแต่งงานกับอานนท์..ไม่รังเกียจที่เป็นลูกชาวสวนธรรมดาๆ อย่างดิฉัน...ดิฉันก็ขอฝากฝังลูกสาวไว้กับอานนท์ด้วย...ส่วนเรื่องสินสอดทองหมั้นนั้น...ดิฉันไม่ขอเรียกร้อง แล้วแต่ท่านเจ้าคุณจะเห็นสมควรเถิดค่ะ...ขอแค่ให้รักและเมตตาสุชาดาก็พอ"
"เรื่องนั้นคุณตวันไม่ต้องห่วง พวกเราจะรักและดูแลสุชาดาให้เปรียบเสมือนลูกอีกคนหนึ่ง..กระผมขอรับรองว่า จะไม่ให้สิ่งใดมาทำลายความรักของลูกเราทั้งสองคนได้...หากมีปัญหา หรืออุปสรรค์ใดๆ ที่จะเข้ามาแผ้วพาน...กระผมจะเป็นคนจัดการปัดเป่าให้มันหายไป"
อานนท์นั่งมองหน้ากับสุชาดา ยิ้มให้กันอย่างมีความสุข...
ในห้องพักคนงาน คุณหญิงเจริญนั่งหน้าบึ้งไม่พอใจ สนม กับ มี และคนงานนั่งคุมเชิงอยู่
"ปล่อยฉันออกไปนะ...เรื่องอะไรพวกแกมาขังฉันไว้"
"ฉันไม่ยอมให้คนอย่างคุณนายไปทำพิธีเค้าเสียหมดหรอก" สนมบอก
"ฉันเป็นคุณหญิงโว้ย ไม่ใช่คุณนาย...อีโง่"
สนมไม่พอใจ
"นี่พูดจาให้มันดีๆ หน่อยนะ...ที่นี่ไม่มีใครเป็นบ่าวเธอนะ"
"ปากเสียเดี๋ยวก็ให้ลงไปนอนเล่นในท้องร่องสวนซะนี่" มีบอก
คุณหญิงเจริญโมโห
"ทำไม...แกจะทำอะไรฉัน...อย่านะ..ถ้าแกทำบ้าๆ ฉันจะไปเอาตำรวจมาลากคอพวกแกเข้าคุกให้หมด"
"แล้วคุณนายจะรอดออกไปยังไงล่ะ...หนอย..ไอ้เรานึกว่าเป็นแขก เห็นท่าทางหน้าตาก็ดี" มีบอก
"นั่นซิ...ที่ไหนได้..จะมาทำลายพิธีเค้าซะนี่..รู้งี้ผลักตกน้ำ ตั้งแต่ที่ท่าเรือแล้ว"
คุณหญิงเจริญเห็นสู้ไม่ได้ พยายามพูดดี
"ปล่อยฉันไปเถอะนะ...ฉันขอร้องละ...ฉันอยากกลับบ้าน"
"พูดดีๆ ก็เป็นนี่...เออ..พูดอย่างนี้ค่อยคุยกันได้หน่อย"
สนมทำท่าเอาจริง เจริญหันไปแอบทำหน้าแค้น...
อ่านต่อหน้า 2
เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 17 (ต่อ)
เจ้าคุณสุทธา คุยกับ เจ้าคุณพลราม ด้วยท่าทางเคร่งเครียด
"ผมต้องขอโทษท่านเจ้าคุณด้วยที่จำเป็นจะต้องขังคุณหญิงเจริญไว้"
"ผมต้องขอบคุณท่านเจ้าคุณที่ตัดสินใจได้อย่างถูกต้องแล้วครับ"
คุณหญิงแนบถาม
"แล้วคุณไปขังไว้ที่ไหน"
"มีบ้านพักอยู่ด้านหลังทางโน้น...คนของคุณตวันเฝ้าไว้"
"ผมอยากให้เจริญกลับไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด พ่อต้องขอรบกวนให้โสหาเรือพาเจริญไปส่งที่ท่าน้ำเมืองนนท์ได้ไหมลูก"
โสภณยิ้ม
"ได้สิครับ...คุณพ่ออยากไปคุยกับคุณหญิงเจริญไหมครับ"
เจ้าคุณสุทธาส่ายหน้า
"ไม่ละ..พ่อไม่อยากพูดกับเขามานานแล้ว"
"ถ้าอย่างนั้นผมจะไปจัดการให้เรือพาไปส่งเลยครับ"
"ไม่ไปดูภรรยาของท่านเจ้าคุณเหรอคะ"
เจ้าคุณสุทธาหน้าเสีย
"ฉันแยกกับเขานานหลายปีแล้วตวัน...แรกๆ ก็ยังอยู่บ้านเดียวกัน แต่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกันตั้งแต่ยายตุ๊เกิด ตอนนี้แยกบ้านกันไปแล้ว...ก่อนที่ฉันจะได้พบเธอกับลูกเมื่อไม่นานมานี้เอง"
ตวันได้ฟังก็หันหน้ามามองหน้าท่านเจ้าคุณเต็มตา...
"เมียท่านเจ้าคุณตั้งใจมาถึงที่นี้ ซึ่งเป็นบ้านของดิฉัน ดิฉันเป็นเจ้าของบ้าน คงต้องถามไถ่ให้รู้เรื่องบ้างว่าต้องการอะไร...หวังว่าเจ้าคุณคงไม่ขัดข้องนะคะ"
ทุกคนตกใจที่ได้ยินตวันตัดสินใจอย่างนั้น รวมทั้งสุชาดาที่ไม่เห็นด้วย
"คุณแม่"
ตวันหันมายิ้มให้สุชาดาอย่างมั่นคง
คุณหญิงเจริญยืนเผชิญหน้ากับเจ้าคุณสุทธา และตวัน ตระกล โส สนม มี และคนงาน ยืนคุมเชิงอยู่ เจริญมองเจ้าคุณอย่างเจ็บปวด
"เธอกลับไปซะเถอะเจริญ"
คุณหญิงเจริญพูดอย่างเสียใจ แต่พยายามข่มไว้
"อะไรกันท่านเจ้าคุณ...ดิฉันอุตส่าห์มางานลูกสาวทั้งที จะไม่ต้อนรับเชียวหรือ"
"อย่าเลย...พิธีเสร็จแล้ว...ฉันขอร้องให้เธอกลับไปเสียเถิด"
คุณหญิงเจริญมองหน้าตวันอย่างเอาเรื่อง ตวันมองเจริญยิ้มๆ
"นี่น่ะเหรอเมียเก่าเจ้าคุณ"
คุณหญิงเจริญขยับเข้าไปใกล้ตวัน โสภณกับสนมรีบเข้ามาใกล้ ตวันยกมือห้าม
"ในเมื่อมาแล้วฉันยินดีต้อนรับ เชิญทางนี้ดีกว่าค่ะ...เราจะได้คุยกัน"
คุณหญิงเจริญเม้มปาก
"ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับเธอ"
ตวันยังยิ้มใจเย็น
"ดิฉันคิดว่าคุณมาเพราะอยากคุยเป็นการส่วนตัว...ดิฉันก็จะให้โอกาสคุณได้รู้ในเรื่องที่คุณไม่รู้...หรือคุณอยากจะมาหาเรื่องที่นี่ ฉันขอบอกไว้ก่อนว่าขอให้คุณคิดให้ดี"
ตวันและคุณหญิงเจริญต่างก็จ้องหน้ากัน
"ตวัน"
ตวันยิ้มใจเย็นมองหน้าเจริญ
"เชิญสิคะ"
ตวันเดินผ่านหน้าเจริญอย่างใจเย็น คุณหญิงเจริญเดินตาม ทุกคนมองหน้ากันใจคอไม่ดี
ตวันพาคุณหญิงเจริญเดินเข้ามาในห้องรับแขก คุณหญิงมองไปรอบๆ อย่างคิดไม่ถึง
"เชิญนั่งตามสบาย"
เจริญเหลือบไปเห็นรูปเจ้าคุณสุทธาใบเล็กๆ ที่ใส่กรอบวางอยู่แถวๆโต๊ะทำงาน รีบเดินไปหยิบมาดู ตวันสีหน้าเรียบเฉย
"รูปนี้เจ้าคุณถ่ายที่กัวลาลัมเปอร์ ก่อนที่เราจะแต่งงานกัน"
"เธอน่ะเหรอแต่งงานกับเจ้าคุณ"
"ถูกต้อง...เราแต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฏหมายทุกอย่าง หลังจากนั้นอีกสองเดือน ท่านเจ้าคุณก็ได้รับโทรเลขว่าคุณแม่ป่วยหนัก เราจึงรีบมาเมืองไทย"
คุณหญิงเจริญมองเหยียด
"เธอนี่มันคนชาติอะไรกันแน่"
ตวันถอนใจ
"คุณพ่อของฉันเป็นคนจีน...ท่านค้าขายอยู่ที่มาเลเซีย ท่านมาติดต่อค้าขายที่กรุงเทพ...ได้พบกับคุณแม่...คุณแม่เป็นลูกของคุณพระวรสารวินิจฉัย...ที่ทำการค้ากับคุณตาของฉัน...คุณอยากรู้อะไรอีก"
"คุณแม่ท่านเจ้าคุณรู้ประวัติเธอไหม"
ตวันซ่อนความน้อยใจ
"ท่านไม่เคยถาม"
คุณหญิงเจริญกระหยิ่มใจว่าคุณหญิงเทพให้ความสำคัญกว่าตัวเองมากกว่าตวัน
"อ๋อ...ท่านก็เป็นอย่างนี้แหล่ะ...ถ้าไม่สนใจใครก็ไม่อยากจะไปรู้เรื่องของคนๆ นั้นหรอก"
ตวันยิ้ม
"แต่คุณอยากรู้"
"ฉันน่ะเหรออยากรู้"
ตวันยิ้มมากขึ้น
"ใช่...ก็คุณถามฉันเองเมื่อกี้ไง"
"ที่ฉันอยากถาม....คือเธอจะกลับมาหาเจ้าคุณใช่ไหม"
"ฉันยังไม่ได้คิด"
"อย่าคิดเลยดีกว่า...แค่นี้ฉันกับลูกสาวก็เดือดร้อนเพราะเธอมากเหลือเกินแล้ว...ท่าทางเธอก็เป็นคนดีนะ...หวังว่าคงไม่คิดที่จะทำให้ครอบครัวของฉันต้องแตกแยก"
"นี่คุณพยายามเอาฉันกับลูก ไปเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณกับ ท่านเจ้าคุณมีปัญหากันอย่างนั้นเหรอ"
"มันก็มีส่วนอยู่มากน่ะแหล่ะ ถ้าไม่มีพวกเธอ...ท่านเจ้าคุณก็คงไม่ห่างเหินกับฉันอย่างนี้หรอก"
ตวันยิ้ม ลุกขึ้นเดินช้าๆ
"ความจริงคุณ กับท่านเจ้าคุณมีปัญหากันมานานแล้ว ไม่ใช่หรือคนผมสองสีอย่างเราๆ พูดอะไรเอาเองน่ะ... อายเด็กนะ"
คุณหญิงเจริญอ้าปากจะเถียง ตวันพูดขึ้นก่อนด้วยเสียงดัง
"คนอย่างฉันไม่จำเป็นต้องไปทำให้ใครแตกแยกกับใครทั้งนั้น"
"ถ้าอย่างนั้นเธอก็อย่ายุ่งกับท่านเจ้าคุณสิ...นี่ฉันขอบอกเธอดีๆ นะ"
ตวันยิ้ม
"คุณก็ไปบอกท่านเจ้าคุณเองดีกว่า"
คุณหญิงเจริญไม่พอใจ
"แปลว่าเธอไม่ยอมใช่ไหม...เธอจะกลับไปหาท่านเจ้าคุณใช่ไหม ฉันคิดแล้วว่าคนอย่างเธอต้องเป็นอย่างนี้"
ตวันยิ้มกับตัวเอง
"เอ้อ...คนอย่างคุณนี่สมกับที่ท่านเจ้าคุณบอกจริงๆ..พูดไม่ยอมรู้เรื่อง"
"อย่ามาหาเรื่องใส่ความฉันหน่อยเลยน่า...เธอมันเพิ่งจะมา อย่าทำมายื่นปากออกความเห็นหน่อยเลย"
"เอาละนะ...สรุปว่าการที่เราคุยกัน...มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย"
"ก็ฉันบอกแล้วไง ฉันไม่ได้อยากจะคุยกับคนอย่างเธอ"
"ที่ฉันให้คุณเข้ามาที่นี่...เรื่องสำคัญที่จะบอกกับคุณก็คือ อย่ามายุ่งกับลูกของฉัน...คำพูดหยาบคายก้าวร้าวที่คุณพูดว่าฉัน...ฉันอโหสิให้ คิดเสียว่าทำทานกับคนพิการทางสมอง แต่ถ้าคุณทำให้ลูกฉันเดือดร้อน..."
ตวันเดินเข้ามาจ้องหน้า
"ฉันไม่เอาคุณไว้แน่"
สีหน้าตวันดุมาก จนคุณหญิงเจริญถอยหลังออกมาอย่างไม่รู้ตัว...
สุชาดา โสภณ อานนท์ สนม มี ยืนมองคุณหญิงเจริญที่นั่งเรือของโสภณ มีเป็นคนขับเรือออกไป คุณหญิงเจริญหันมามองสุชาดากับอานนท์ด้วยสีหน้าแบบฝากไว้ก่อน
"โสชักจะเป็นห่วงสุแล้วซิ"
"ไม่ต้องห่วงหรอกโส...ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายสุอย่างเด็ดขาด"
"ทำร้ายกันซึ่งๆ หน้าเราก็ตั้งรับกันได้น่ะสิครับ แต่ทำร้ายจิตใจ กับ ทำร้ายกันลับหลังนี่"
"โสไม่ต้องห่วงสุหรอก...สุไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายสุได้หรอกจ้ะ"
เรือแล่นห่างออกไปทุกทีๆ อานนท์จับมือของสุชาดาไว้มั่น เธอมองหน้าอานนท์อย่างมั่นใจ...
เจ้าคุณสุทธาเดินคุยกับตวันอยู่ในสวน
"เป็นยังไง...คุยกับเจริญแล้วทำให้เธอเข้าใจฉันบ้างไหม"
ตวันสีหน้าครุ่นคิด
"ฉันไม่ได้หวังว่าจะได้อะไร...ฉันแค่อยากดูท่าทีเค้าเท่านั้น"
เจ้าคุณหยุดเดินหันมามองตวัน
"คนฉลาดอย่างเธอคงไม่ได้คำตอบเท่านั้นหรอก"
ตวันยิ้ม เจ้าคุณสุทธามองหน้าตวันอย่างสุขใจ
"ฉันฝันถึงรอยยิ้มของเธอทุกคืน"
ตวันสีหน้าหม่นลง
"คิดถึงรอยยิ้มของฉันจนมีลูกกับคุณหญิงเจริญตั้งสามคนหรือคะ"
"ฉันใช้เวลาตามหาเธอเกือบสามปี จนล้มเจ็บถึงไปไหนไม่ได้ ฉันอยู่ที่มาเลย์เกือบปี แต่ก็หาเธอไม่พบคุณ พ่อคุณแม่เธอก็พากันย้ายไปเมืองจีน"
"ตอนนั้นพวกเราไปอยู่ปักกิ่งกันหมด...เพราะพี่ชายคนโตของฉันมีกิจการใหญ่โต...สุ กับ โสก็คลอดที่นั่น ฉันขอร้องทุกคนที่เคแอลไม่ให้บอกคุณ"
เจ้าคุณสุทธาถอนใจ
"ฉันหาเธอไม่เจอ...นานเข้าก็ทำให้ฉันคิดมากไปสารพัดคิดว่าเธอคงคิดสั้นฆ่าตัวตายไปแล้ว"
ตวันซ่อนน้ำตา
"ถ้าไม่มีลูกในท้อง...ฉันก็คง....ทุกครั้งที่ฉันร้องไห้ลูกสองคนในท้องจะช่วยกันดิ้น...เหมือนจะบอกแม่ว่าแม่ยังมีเค้าอยู่"
ตวันร้องไห้ออกมา เจ้าคุณสุทธาอดสะเทือนใจไม่ได้
"ฉันก็เลยต้องเข้มแข็ง...เพื่อลูก"
เจ้าคุณสุทธาก็จะร้องไห้
"ฉันโกรธตัวเองทุกวันที่ยอมทำตามคุณแม่ ถ้าฉันยอมขัดใจท่านเหมือนพระพินิต เราพ่อแม่ลูกก็คงไม่ต้องพรากจากกันยี่สิบกว่าปีแบบนี้"
เจ้าคุณสุทธามองหน้าตวัน น้ำตาคลอ
"ฉันขอโทษนะตวัน ฉันอยากจะบอกคำนี้กับเธอเหลือเกิน ฉันได้แต่พูดกับลมกับฟ้าว่าฉันขอโทษที่ฉันทำให้เธอเสียใจ ฉันดีใจที่ได้บอกกับเธอในวันนี้ ฉันคิดเสมอว่าถ้าเธอหรือฉันตายไป...เธอก็คงไม่ได้ฟังจากปากของฉัน"
ตวันพยายามยิ้มทั้งน้ำตา
"ฉันก็ต้องขอโทษที่ฉันทิฐิมากเกินไป...ถ้าฉันยอมอดทน ถึงจะอยู่อย่างเมียเก็บเมียรอง...แต่ลูกของเราก็จะได้อยู่พร้อมหน้าพ่อแม่"
"เธอไม่ใช่เมียเก็บเมียรองนะตวัน...จำได้ไหมเราจดทะเบียนสมรสกัน จนบัดนี้ฉันไม่เคยจดทะเบียนสมรสกับใครอีก แม้กระทั่งกับเจริญ"
ตวันมองเจ้าคุณสุทธาอย่างซึ้งใจ
ตอนค่ำ เสาวนิตเดินถือขนมเดินกินเข้ามาในห้อง พอเปิดไฟก็ตกใจมาก คุณหญิงเจริญนั่งหัวยุ่งอยู่ในห้อง หน้าตายับเยินเพราะร้องไห้มาอย่างหนัก
"คุณแม่"
เสาวนิตรีบเดินมาหาแม่
"คุณแม่เป็นอะไร หายไปไหนมาคะ นิตตามหาคุณแม่ทั้งวัน ถามใครก็ไม่มีใครรู้ ป้าพิศบอกว่าคุณแม่ไปเล่นไพ่"
เจริญตาลอย หันมามองเสาวนิต
"แม่นิต...แม่แพ้มัน...แม่แพ้มัน"
"แพ้ใครคะ"
"ตวัน...เมียเก่าคุณพ่อ"
เสาวนิตขัดใจ
"นังผู้หญิงหากินน่ะเหรอคะ...คุณแม่เป็นคุณหญิงจะแพ้มันได้ยังไง"
เจริญร้องไห้อีก
"แม่สู้มันไม่ได้ทุกอย่าง มันไม่ได้เป็นผู้หญิงหากิน มันเป็นลูกเศรษฐี มันเรียนจากเมืองนอก"
คุณหญิงเจริญสะอึกสะอื้นอย่างแค้นแต่ทำอะไรไม่ได้...
"แต่มันก็เป็นแค่เมียเก่า เมียเก็บ มันมาเทียบกับคุณแม่ได้อย่างไรล่ะคะ คุณแม่อย่ายอมแพ้นะคะ"
เสาวนิตหน้าเสียที่เห็นท่าทางของแม่
"คุณแม่อย่ายอมแพ้นะคะ...นิตไม่ยอมให้คุณแม่ยอมแพ้หรอกค่ะ"
"คุณพ่อรักมันมาก คอยปกป้องมัน คุณพ่อไม่เคยทำอย่างนั้นกับแม่เลย วันนี้เจ้าคุณพลรามเค้าไปสู่ขอ
ลูกสาวมัน...แม่นิต แม่กับลูกน่ะ แพ้พวกมันทุกอย่าง"
เสาวนิตแทบจะร้องกรี๊ด ลุกขึ้นยืนเต้นเร่าๆ
"ไม่..ไม่...นิตไม่ยอม...นิตไม่ยอม...นิตจะไปฟ้องคุณย่า"
เสาวนิตรีบวิ่งออกจากห้องไป คุณหญิงเจริญพยายามเรียกอย่างท้อแท้
"แม่นิต...แม่นิต...ไม่มีประโยชน์หรอก...ไม่มีประโยชน์"
เจริญลงนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้น
อ่านต่อหน้า 3
เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 17 (ต่อ)
ขณะเดียวกัน คุณหญิงเทพนอนให้พิศนวดอย่างสบายใจ เพริศนั่งร้อยมาลัยอยู่ เสาวนิตวิ่งลงมา หยุดทำหน้าเศร้า แล้ววิ่งมาหาคุณหญิงเทพ
"คุณย่าขา...คุณย่า"
คุณหญิงเทพหันไปมอง
"อะไรกันแม่นิต...วิ่งตึงตึงอย่างกับม้ากระทืบโรง สอนกี่หนแล้วว่าลูกผู้ดีเค้าไม่ทำกัน"
เสาวนิตทำหน้าเศร้ามานั่งข้างๆ
"โธ่...ก็นิตสงสารคุณแม่นี่คะ...นั่งร้องไห้ใหญ่เลย"
คุณหญิงเทพลุกขึ้นนั่ง มองหน้าเสาวนิตอย่างตำหนิ
"จะพูดจะจาอะไรระวังหน่อย บ่าวมันอยู่ มันจะเอาไปนินทาเอาได้...แม่เจริญเป็นอะไร"
"คุณแม่บอกว่าอยากฆ่าตัวตายค่ะ"
เพริศ หันไปยิ้มๆ กับพิศ คุณหญิงเทพเบื่อหน่าย
"เฮ้อ...ไปบอกให้เค้าสงบอกสงบใจซะเถอะ...แก่ๆ กันแล้ว...หัดปล่อยวางซะบ้าง"
เสาวนิตทำท่าน่าสงสาร
"โธ่...นิตสงสารคุณแม่นี่คะ คุณพ่อทิ้งนิต กับคุณแม่ไม่ยอมดูดำดูดีอย่างนี้ ใครจะทำใจได้ล่ะคะคุณย่า"
คุณหญิงเทพเริ่มเห็นใจ
"เอาเถอะนะ...อีกหน่อยคุณพ่อเราเค้าหายโกรธ เค้าก็คงมาสนใจเองน่ะแหล่ะ...เรากับแม่เราน่ะก่อเรื่องไว้มากพูดจาก็ไม่ดี...เป็นใครเค้าก็ต้องโกรธ"
เสาวนิตก้มหน้าบีบน้ำตา คุณหญิงเทพหันไปมองถอนใจอย่างเวทนา
"ไม่ต้องร้องไห้ ย่าจะหาทางพูดกับคุณพ่อให้ก็แล้วกัน"
เสาวนิตป้ายน้ำตา แล้วก้มกราบคุณหญิงเทพอย่างเอาใจ คุณหญิงเทพเริ่มใจอ่อน พรรณถือถ้วยไข่หวานมาให้คุณหญิงเทพ
"คุณแม่คะ...แม่แววเอาไข่หวานน้ำขิงมาให้ค่ะ..ใส่ใส่ลูกเดือย กับ ลำใยแห้งด้วย...กำลังร้อนๆ ค่ะ"
คุณหญิงเทพมองอย่างสนใจ
"เออ...ดีเหมือนกัน"
เสาวนิตได้กลิ่นไข่หวานก็รู้สึกผะอืดผะอมคลื่นไส้
"เป็นอะไรแม่นิต" พรรณถาม
เสาวนิตทำหน้าเวียนหัวคลื่นไส้
"เหม็นไข่หวานค่ะ"
"เหม็นที่ไหน...ออกจะหอมน้ำขิง"
คุณหญิงเทพดมขนมในถ้วย
"ไม่เห็นจะเหม็นนี่แม่นิต...หอมน้ำขิงจริงๆ น่ะแหล่ะ"
เสาวนิตทำหน้าไม่ไหวแล้ว
"ก็น้ำขิงนั่นละค่ะ...เหม็น"
เสาวนิตรีบวิ่งออกไปอาเจียนนอกตึก พรรณ กับ พิศ มองหน้ากัน...
เสาวนิตโซเซเข้ามาในห้องแม่ คุณหญิงเจริญเห็นท่าทางเสาวนิตก็ตกใจ
"แม่นิต..เป็นอะไร"
"คลื่นไส้ค่ะแม่...เวียนหัวด้วย"
"กินของแสลงเข้าไปหรือเปล่า"
เสาวนิตนอนหลับตา
"ไม่รู้ค่ะ..โอย"
เสาวนิตทะลึ่งพรวดขึ้นจากเตียง วิ่งไปคว้ากระโถนมาอาเจียนอีก เจริญลูบหลัง สีหน้าเป็นกังวล
"แม่นิต...แม่นิต"
พรรณ พิศ เพริศ ได้ยินเสียงเสาวนิตอาเจียนก็มองหน้ากัน พิศนับมือถาม
"นี่แม่นิตกลับมาบ้านได้กี่วันแล้วนี่"
"ถ้ารวมที่หายไปก็ร่วมยี่สิบวันแล้ว" พรรณบอก
"เอ...มันจะเร็วไปหรือเปล่า"
"นั่นน่ะสิ...มันอาจจะเร็วไปนะ" เพริศว่า
คุณหญิงเทพที่นั่งทานขนมห่างออกมา หันไปถาม
"พูดถึงอะไรกัน"
"พูดถึงแม่นิตค่ะ...อยู่ๆ ก็อาเจียน...ไม่รู้เป็นอะไร"
"คงไปกินอะไรแสลงท้องละซิ...เห็นกินเหลือเกินนี่ ท้องมันคงรับไม่ไหวน่ะซิ..ย่อยไม่ทัน"
"หนูกลัวมันจะไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิคะ" พรรณบอก
คุณหญิงเทพหยุดกิน หันไปมองหน้าพรรณ
"แม่พรรณว่าเสาวนิตเป็นอะไร"
"ของแสลงที่คุณแม่ว่ามันจะทำเด็กเข้าท้องแม่นิตน่ะสิคะ"
คุณหญิงเทพตกใจ
"เอ๊ะ...พูดบ้าๆ นะแม่พรรณ"
เพริศบอก "อีกไม่นานก็รู้ค่ะคุณแม่"
คุณหญิงเทพคิดหนัก...
รถแล่นเข้ามาจอดหน้าตึกใหญ่ เจ้าคุณสุทธาเปิดประตูรถลงมา นิศาตามลงมาด้วย ท่าทางง่วงเต็มที่ ไพจิตรก็เหมือนกัน ตระกลเห็นท่าทางนิศาก็หัวเราะ
"เดินไหวไหมตุ๊"
นิศาตาจะปิด
"ตุ๊เดินไหวค่ะ..คุณพ่อคะ..คืนนี้ตุ๊ขอนอนเลยนะคะ ขอยกยอดอาบน้ำไว้ตอนเช้า"
"ผมก็เหมือนกันครับคุณพ่อ"
เจ้าคุณสุทธาหัวเราะ
"ได้ซิ..พ่ออนุญาต จิตรพาตุ๊ขึ้นไปนอนเถอะลูก"
ไพจิตรพานิศาที่เดินโซเซ ขึ้นไปบนบ้าน เจ้าคุณสุทธาหันมายิ้มให้ตระกล
"ขอบใจมากนะตระกล วันนี้พี่กับหลานๆ สนุกมาก"
"ผมดีใจมากครับที่คุณพี่ได้พบกับ นายตวัน..ผมกับอานนท์คอยแอบลุ้นอยู่ตลอด...ไม่รู้นายตวันพูดกับคุณหญิงเจริญ...พอออกมาท่าทางแกจ๋องไปเลย...ยอมขึ้นเรือกลับไปโดยดี"
เจ้าคุณสุทธาสีหน้าชื่นชม
"ตวันเป็นผู้หญิงฉลาด...เค้าทำงานปกครองคนมาเยอะ คนอย่างเจริญนี่เค้าคงรู้ว่าต้องจัดการยังไง"
เจ้าคุณทำท่าจะเดินเข้าห้อง แต่หันมาหาตระกล
"วันนี้พี่มีโอกาสได้เห็นน้องสาวอานนท์อย่างเต็มตา... พี่ว่าเหมาะกับตระกลมากนะ"
ตระกลเขินที่เจ้าคุณพูดถึงคนรัก
"คุณพี่ครับ...ผมก็อยากเรียนปรึกษาเรื่องนี้เหมือนกันครับ"
"เดี๋ยวเข้าไปคุยกันในห้องดีกว่าตระกล...แต่ขอพี่อาบน้ำก่อน..เหนียวตัวเต็มทน"
ท่าทางเจ้าคุณสุทธาร่าเริง จนตระกลก็รู้สึกสบายใจไปด้วย...
เจ้าคุณสุทธา กับตระกลจะอยู่ในชุดนอน ตระกลนั่งมองรูปตวันเมื่อสาวๆ เป็นรูปใบเล็กๆ ที่เจ้าคุณสุทธาเก็บเอาไว้เพียงรูปเดียว
"เป็นไง...วันนี้เห็นตัวจริงเขาแล้ว"
ตระกลยิ้ม
"ผมไม่แปลกใจแล้วละครับว่าทำไมคุณพี่ถึงลืมพี่ตวันไม่ได้"
เจ้าคุณสุทธายิ้มดีใจ
"แล้วคุณพี่จะไปที่คลองน้ำวนอีกเมื่อไรครับครับ"
"วันเสาร์นี้ อานนท์จะมารับพี่แต่เช้า"
ตระกลหัวเราะ
"แหม...ว่าที่พ่อตา กับ ว่าที่ลูกเขย เข้ากันได้ดีก็ตอนนี้เอง"
"แล้วตระกลล่ะ...เข้าใจกับนงลักษณ์ดีแล้วใช่ไหม"
"เรื่องนี้แหล่ะครับที่ผมอยากเรียนปรึกษาคุณพี่"
เจ้าคุณสุทธายิ้มๆ
"อานนท์รับปากกับผมว่าจะไปพูดคุยกับท่านเจ้าคุณกับคุณหญิงแนบ เรื่องระหว่างผมกับนงลักษณ์ครับ...และหากทั้งสองท่านไม่ขัดข้อง ผมก็อยากให้คุณพี่เป็นธุระในการเจรจาสู่ขอให้ครับ"
"ได้ซิ..พี่ยินดีเป็นอย่างยิ่ง และพี่ก็คิดว่าเจ้าคุณพลรามกับภรรยาต้องดีใจที่ได้คนอย่างตระกลเป็นคนดูแลลูกสาวของเค้า"
ตระกลยกมือไหว้เจ้าคุณสุทธา
"ขอบพระคุณคุณพี่มากครับ"
"คิดแล้วก็แปลกๆนะ วันนี้เจ้าคุณพลรามเป็นคนมาสู่ขอลูกสาวพี่.... อีกไม่นานพี่ต้องเป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอลูกสาวเค้า"
ทั้งสองหัวเราะอย่างมีความสุข
ที่บ้านเจ้าคุณพลราม วันใหม่ คุณหญิงแนบสีหน้าตกใจ
"อกแม่จะแตก...แม่นงลักษณ์น่ะ เหรอจะแต่งงาน..แต่งกับใคร"
"แต่งกับตระกลไงครับ"
เจ้าคุณพลรามตกใจ
"แต่งกับตระกล..มิน่า...เมื่อวันที่ไปบ้านแม่สุ ทำมายิ้มๆ ชอบกล...เออ..แต่งกับตระกลก็ดีนะ"
คุณหญิงแนบหันไปหาเจ้าคุณ
"เอ๊ะ...นี่บ้านเราจะดองกับบ้านเจ้าคุณสุทธาสองคู่เลยหรือ นี่คุณ...เราจัดงานพ่อใหญ่พร้อมๆ กับนงลักษณ์เลย ดีไหม"
"คงไม่ได้หรอกครับ...ตระกล กับ นงลักษณ์ คงแต่งงานก่อนผม เพราะเห็นว่าจะต้องไปทำงานที่ใต้ช่วงปลายปีนี้ครับ"
"ก็ไปทำงานให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยกลับมาแต่งก็ได้นี่"
"คงไม่ได้หรอกครับ...เพราะตระกลจะต้องย้ายไปอยู่ที่นั่น อย่างน้อยก็สามปี"
คุณหญิงแนบมองหน้ากับเจ้าคุณพลราม
"ทีนี้เลยไม่มีคนมาส่งปิ่นโตเราแล้วซิแม่แนบ"
สุที่นั่งยิ้มอยู่ข้างๆ อานนท์พูดอย่างอายๆ
"สุมาส่งให้ก็ได้ค่ะ"
แนบยิ้มดีใจ
"ดีจริงลูก...แต่แม่พูดเล่นจ้ะ...นงลักษณ์น่ะเขาชอบทำกับข้าวเอาให้พ่อกับแม่ทานบ่อยๆ บางทีก็เอามาเยอะเกินไป...พ่อกับแม่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยทานเยอะเหมือนเมื่อก่อนแล้ว"
คนสวนบ้านเจ้าคุณพลรามเดินเข้ามา
"นายท่านขอรับ...เจ้าลิเกเขามา...เขาว่านายท่านนัดเขาให้มาเอาค่ามัดจำ"
เจ้าคุณพลรามสะดุ้ง
"บอกให้มันมาใหม่พรุ่งนี้"
"แต่เขามาจากอยุธยาขอรับ...ถ้าให้เขามาใหม่เดี๋ยว เขาจะเบี้ยวไม่มาเล่นงานแต่งนะขอรับ"
อานนท์สะดุ้ง
"ลิเกมาเล่นงานแต่งฉัน"
เจ้าคุณพลรามนั่งนิ่งพูดไม่ออก คุณหญิงแนบควักเงินจากกระเป๋าส่งให้คนสวน
"เอ้านี่...เอาไปให้เขา...บอกเขาว่ายกเลิก...ไม่เอาแล้ว"
"คุณพ่อจะจ้างลิเกมาเล่นงานแต่งงานผมเหรอครับ"
สุชาดาฟังยิ้มๆ เจ้าคุณพลรามสารภาพเขินๆ
"เอ้อ...พ่อเข้าใจผิดนิดหน่อย"
"ไม่นิดหน่อยละ...นี่แน่สุ...พอพ่อใหญ่มาบอกพ่อกับแม่ว่าให้ไปขอลูกสาวชาวสวน...พ่อกับแม่ก็เลยคิดว่า เอ้อ...วันแต่งเราสองคนจะจ้างลิเกมาเล่นให้ญาติเจ้าสาวดูเพลินๆ...ตอนนั้นยังไม่รู้นี่ว่าหนูน่ะเป็นลูกสาวเจ้าคุณสุทธา"
สุชาดายิ้มดีใจ
"พ่อกับแม่เคยหัดแต่งตัวเป็นชาวสวนรอรับคุณด้วยนะ"
เจ้าคุณพลรามยิ้มอายๆ
"สุคงไม่ว่าพ่อกับแม่เปิ่นหรอกนะ...ใจพ่อคิดว่าอยากให้ลูกสะใภ้ไม่ต้องอึดอัด...อยากให้คุ้นเคยเหมือนที่สวน"
สุหันไปหัวเราะกับอานนท์
"โธ่..คุณพ่อ คุณแม่ขา...สุดีใจเหลือเกิน..ที่ไม่รังเกียจสุ ถึงจะรู้ว่าสุเป็นลูกชาวสวน"
สุชาดาคลานเข้าไปกราบเจ้าคุณพลรามกับแนบ
"ลิเกอย่าไปยกเลิกเลยค่ะ...สุจะพาคนที่คลองน้ำวนมาดู พวกเขาคงสนุกกันใหญ่"
แนบหัวเราะชอบใจ
"แม่เจ้าประคู้ณ ฉันรักแล้วละลูกสะใภ้คนนี้...เดี๋ยวรอแม่เดี๋ยวนะ"
คุณหญิงแนบลุกขึ้นเดินไป เจ้าคุณพลรามหันไปบอกกับคนสวน
"เอ็งก็เอาเงินนี่ไปให้เขาเป็นค่ามัดจำก็แล้วกัน...วันที่จะจัดงานรู้เมื่อไหร่ข้าจะให้เอ็งรีบไปบอกเขา"
"ขอรับนายท่าน"
คุณหญิงแนบเดินกลับมา ถือกล่องใส่เครื่องประดับมาด้วย
"สุ...มานี่สิลูก"
สุชาดาคลานเข้าไปใกล้ๆ คุณหญิงแนบเปิดกล่องเครื่องประดับ มีชุดเครื่องเพชรชุดใหญ่
"เครื่องเพชรชุดนี้เป็นของคุณย่าพ่อใหญ่...ให้แม่ไว้ตอนที่แต่งงานกับคุณพ่อ แม่อยากให้สุเก็บไว้ คุณย่าบอกว่าเป็นเครื่องเพชรเก่า ทำมาจากอังกฤษ เพชรน้ำหนึ่งสีน้ำมันก๊าด...แม่แน่ใจว่าสุจะรักษาไว้แทนแม่ได้แล้ว"
"เอาไว้ใส่วันแต่งงาน...แม่เขาก็ใส่วันแต่งงานเหมือนกัน"
สุชาดารอไม่กล้ารับ
"รับไว้ซิลูก...ถือว่าเป็นสิ่งที่พ่อกับแม่ยินดีที่จะยกให้สุ เก็บรักษาไว้เป็นสมบัติของวงศ์ตระกูลเรา"
อานนท์คลานเข้ามานั่งข้างๆสุชาดาก้มกราบแนบ กับเจ้าคุณพลรามด้วยกัน สุชาดารับกล่องเครื่องเพชรมาจากคุณหญิงแนบด้วยสีหน้าตื้นตันใจ...
ตวันปิดกล่องเครื่องเพชรแล้วก็ส่งให้ลูกสาว
"แม่ดีใจกับสุด้วยจ้ะที่คุณพ่อคุณแม่ของอานนท์ยอมรับสุอย่างนี้"
"นายตวันสบายใจได้แล้วใช่ไหมครับ"
"สุแน่ใจว่า ถึงสุจะไม่ได้เป็นลูกเจ้าคุณสุทธา คุณพ่อคุณแม่ของคุณนนท์ก็ยอมรับสุค่ะแม่"
อานนท์พูดหนักแน่น
"จริงๆ ครับ...ครั้งแรกที่ผมไปเรียนท่านสองคนว่าผมรักกับลูกสาวชาวสวนชื่อสุ นามสกุลอะไรก็ไม่รู้ มีพ่อชื่ออะไรก็ไม่รู้อีก...ผมยังเห็นพ่อกับแม่ใส่งอบทำตัวเป็นชาวสวนอยู่ในบ้าน เพราะกลัวลูกสะใภ้จะอึดอัดจะเข้ากับท่านไม่ได้...ท่านเลยต้องฝึกให้ชินที่จะเป็นชาวสวนด้วยกัน"
ตวันหัวเราะ
"เจ้าคุณพลราม กับ คุณหญิงแนบน่ารักมากจริงๆ แม่สบายใจหมดห่วงที่สุจะไปเป็นลูกสะใภ้ท่าน...
สุต้องช่วยคุณนนท์เค้าดูแลท่านดีๆ นะลูก"
สุชาดายิ้มดีใจ
"ค่ะ...สุเรียนท่านว่าจะทำกับข้าวไปส่งให้ท่านบ่อยๆ เพราะพี่นงลักษณ์จะแต่งงานไปอยู่ภูเก็ตกับอาตระกล"
"สุทำกับข้าวเป็นเหรอ...โสว่าโสทำกับข้าวเก่งกว่าสุนะ" โสภณบอก
สุชาดาอาย
"สุก็ให้กุ๊กทำแล้วสุเอาไปให้ไง...แหม..โสก้อ"
ตะวัน กับ โสภณหัวเราะที่สุเขิน อานนท์ยิ้มแจ่มใส...
อ่านต่อหน้า 4
เจ้าสาวของอานนท์ ตอนที่ 17 (ต่อ)
อานนท์เดินจูงมือคุยกับสุชาดา เห็นพระจันทร์สวย
"ถ้าตระกลรู้ว่าพ่อกับแม่ ไม่ขัดข้อง คงดีใจน่าดู"
"คุณมีคุณพ่อคุณแม่ที่น่ารักที่สุด"
"เหมือนผมไง...ผมถึงน่ารักเหมือนคุณพ่อคุณแม่"
สุชาดาค้อน
"แหม...รีบรับความดีความชอบเลยนะ"
"คุณพ่อคุณแม่ผมไม่เคยชอบผู้หญิงคนไหน เหมือนคุณเลยนะ"
สุหันมาหรี่ตามอง
"แปลว่าคุณเคยพาผู้หญิงมาให้คุณพ่อคุณแม่คุณดูตัวหลายคนแล้วละซิ"
อานนท์ยืนนิ่ง
"ก็ไม่หลายคนมากนักหรอก บางคนเค้าวิ่งมาหาพ่อกับแม่ผมเองก็มี...แต่มีคุณคนเดียวเท่านั้นที่ผมอยากแต่งงานด้วย"
"ไหนคุณเคยอยากว่า คุณคิดจะขอลีน่าแต่งงาน"
"แต่ผมก็....ไม่ได้ขอ...แหม..ทำไมชอบพูดเรื่องเก่าๆ"
อานนท์ยิ้มเอาใจ สุชาดาแกล้งไม่สนใจ
"เพราะเรื่องในอดีต มันเป็นเงาสะท้อนของอนาคต"
"ไม่จริงหรอก...อดีตเป็นครูที่สอนเราไม่ให้พลาดอีกต่างหาก...สุ...พรุ่งนี้เราไปบอกข่าวดีกับตระกลดีไหม"
"ดีเหมือนกันค่ะ...ฉันอยากไปหาคุณพ่อกับน้องๆเหมือนกัน"
สุชาดาเดินกลับมา ตวันนั่งดูเอกสารเรื่องโรงเรียนของไพจิตร
"อานนท์กลับแล้วหรือลูก"
"ค่ะ...ดูอะไรกันอยู่คะ"
"เอกสารโรงเรียนของไพจิตรจ้ะ"
สุชาดายิ้มดีใจเดินเข้ามาดูด้วย
"แม่ว่าตุ๊ กับ จิตร เป็นอย่างไรบ้างคะ"
ตวันยิ้ม
"เป็นเด็กดีทั้งสองคนแหล่ะจ้ะ...ไพจิตรขี้อายขี้เกรงใจ...ตุ๊ก็ฉลาดช่างคิด"
"สุสงสารตุ๊ กับ จิตรค่ะ...สองคนนี่ถึงจะอยู่พร้อมหน้าพ่อแม่...แต่เกือบจะกลายเป็นเด็กมีปัญหา"
"แล้วพี่สาวของสองคนนี่ล่ะ...ที่ว่าหนีไปจากบ้าน"
"กลับมาแล้วครับ...คุณพ่อให้ไปอยู่ตึกคุณย่ากับคุณหญิงเจริญ" โสภณบอก
"สุยังไม่เคยเห็นน้องคนนี้เลยค่ะ...พรุ่งนี้ไปหาคุณพ่อ อาจจะได้พบ...สุอยากรู้เหมือนกันว่าทำไมน้องถึงหนีออกจากบ้าน ถ้าช่วยอะไรได้ก็อยากจะช่วยเหมือนกัน"
ตวันสีหน้าครุ่นคิด
"สุต้องระวังตัวไว้บ้างนะลูก...คุณหญิงเจริญเป็นคนอวดดีตัดสินใจทำอะไรโง่ๆ ตามใจตัวเองโดยไม่คิดถึงผลที่ตามมาอย่างที่เราเห็นๆกันเมื่อวันงานสุกับอานนท์"
"คนสติดีๆ เค้าไม่ทำประจานตัวเองอย่างนั้นหรอกนะครับ"
"สุถึงสงสารน้องๆ ที่มีแม่อย่างนั้น"
"แต่ที่แม่พูดก็ถูกนะสุ...จะไปยุ่งกับลูกเขา ต้องระวังแม่เขาให้ดี...เกิดไม่พอใจขึ้นมาสุจะเดือดร้อน...โสว่าสุอยู่ห่างๆ ไว้ดีกว่า"
สุชาดาใช้ความคิด...
วันใหม่ นิศาวิ่งลงบันไดมาอย่างดีใจ
"พี่สุ"
สุชาดาและ อานนท์นั่งอยู่กับเจ้าคุณสุทธา นิศาวิ่งมากอดสุ
"พี่มีของมาฝากสุด้วยนะ"
นิศาตื่นเต้น
"อะไรคะ"
สุชาดาหยิบถุงกระดาษใบใหญ่ที่วางอยู่ข้างๆ ออกมา
"เมื่อวันก่อนพี่ผ่านร้านติ๊ก เลยซื้อชุดมาฝากตุ๊ ไปลองดูสิจ้ะว่าใส่ได้ไหม"
นิศาดีใจมาก รีบไหว้อย่างเรียบร้อย
"ขอบคุณค่ะพี่สุ...ตุ๊เคยเห็นเพื่อนใส่ชุดร้านติ๊กนานแล้ว... มีแต่สวยๆ ทั้งนั้นเลย..ตุ๊ขอไปลองเสื้อก่อนนะคะ"
นิศาถือถุงใส่เสื้อวิ่งกลับขึ้นไปบนห้อง
"สุซื้อผ้ามาฝากย่าพลับ ย่าแววด้วยค่ะ"
"สุเอาไปให้แกเองสิลูก คงดีใจกันใหญ่..เอออานนท์ อามีเรื่องอยากปรึกษาหน่อย"
"ได้ครับ"
"อาอยากซื้อเรือซักลำ"
"คุณอาใช้ของผมก็ได้ครับ...จะได้ไม่ต้องซื้อ"
"ไม่ไหวหรอก...ของอานนท์น่ะมันเรือเร็ว อาอยากได้เครื่องธรรมดา แต่ดูสวยๆ หน่อย"
"คุณพ่ออยากพาแม่ไปเที่ยวเหรอคะ
"ใช่จ้ะ...ถ้าได้เรือที่นอนค้างในเรือได้ พ่อจะได้พาแม่ไปเที่ยวไกลๆ ล่องไปตามแม่น้ำ อาจจะล่องออกปากอ่าวไปก็ได้"
"ถ้าคุณพ่อได้เรืออย่างนั้น สุต้องขอยืมขับไปเที่ยวบ้างนะคะ"
"ได้สิลูก...อานนท์ช่วยดูให้หน่อยนะ"
นิศาใส่กระโปรงสวยเดินลงมา เจ้าคุณสุทธาตบมือดีใจ นิศาอาย
"โอ้โห...สวยจริงตุ๊"
"ถูกใจไหมจ้ะ"
นิศาดีใจมาก รีบไหว้สุชาดา
"ขอบคุณมากค่ะพี่สุ...ตุ๊รักเสื้อชุดนี้มากค่ะ..อยากมีแบบนี้มานานแล้ว"
"เอาไปอวดย่าพลับ ย่าแวว กันดีกว่า พี่ซื้อของมาฝากย่าๆด้วย"
"ไปกันค่ะพี่สุ"
"คุณนนท์อยู่คุยกับคุณพ่อที่นี่นะคะ...เดี๋ยวสุมา"
อานนท์ยิ้มพยักหน้า
"อย่าไปนานนักนะจ้ะ เราต้องไปซื้อของให้คุณแม่คุณอีก"
"แม่เขาอยากได้อะไรล่ะลูก...พ่อไปดูให้ไหม"
"แม่สั่งให้สุไปซื้อใบเลื่อยใบเล็กค่ะ..ให้คุณนนท์ไปช่วยเลือก"
"นี่แหล่ะตวัน...ผู้หญิงคนอื่นเค้าคงซื้อของแต่งตัวหรือไม่ก็ของกิน...แต่ตวันให้ซื้อใบเลื่อย..สุรีบไปรีบมาก็แล้วกัน"
สุชาดายิ้มแจ่มใส
"ค่ะ..ไปตุ๊"
สุชาดาหยิบถุงของฝากย่าสองคน แล้วจูงมือกับนิศาเดินไป
"เข้าไปคุยกันในห้องอาระหว่างรอตระกลกันดีกว่า"
"ครับ"
เจ้าคุณสุทธา กับ อานนท์ลุกขึ้นเดินไป
พลับและแวว นั่งดูผ้าที่สุชาดาซื้อมาฝากด้วยสีหน้าปลาบปลื้มมาก
"สวยจริงๆ ค่ะคุณ"
"สีถูกใจไหมคะคุณย่า"
"ถูกใจค่ะ...อิฉันไม่ได้จับผ้าใหม่ๆ สวยๆ อย่างนี้มานานนักหนาแล้ว" พลับบอก
แววทำท่าคิด
"ครั้งสุดท้ายที่ฉันได้ผ้าใหม่มาตัดเสื้อนี่ก็ร่วมสิบปีแล้วมั้ง"
"โอ้โห...แล้วย่าเอาเสื้อมาจากไหนล่ะคะ" นิศาถาม
"ก็ของเดิม..ปะแล้วชุนอีก...ก็พอใส่ไปได้..แม่พลับหล่อนตัดไหวไหมยะ"
"ทำไมจะไม่ไหว...เห็นผ้าใหม่ๆ มันชักจะคันไม้คันมือ"
"ย่าพลับตัดเสื้อได้ด้วยเหรอคะ"
"นี่ละช่างเสื้อมือหนึ่ง...มาเป็นเมียท่านเจ้าคุณก็เพราะเข้ามาตัดเสื้อให้คุณหญิงกับลูกสาวบ่อยๆ"
แววหัวเราะชอบใจ
"ตัดไปตัดมาโดนท่านเจ้าคุณรวบมาอยู่ที่นี่ซะเลย"
คนแก่พากันหัวเราะมีความสุข
"ชุดของแม่ตุ๊นี่ก็สวยนะ"
นิศายืนหมุนไปหมุนมาอวดเสื้อใหม่
"พี่สุซื้อมาจากร้านติ๊กค่ะ"
"ชุดแบบนี้ของแม่นิตเค้าเยอะนะ..เค้าโล๊ะให้เรามั่งไหมล่ะ"
นิศาทำหน้าเศร้า
"ตุ๊ใส่ของพี่นิตไม่ได้หรอกค่ะ"
อีกมุมหนึ่ง เสาวนิตมาแอบดู เห็นสุชาดาหัวเราะสนุกอยู่กับนิศา และ ย่าแก่ทั้งสามก็อิจฉา
"เรามันอ้วนกว่าเขานี่" พลับบอก
"เอาเถอะน่า...ถึงไม่สวยเท่าเขาเราก็มีดีกว่า...เราเรียนเก่งเป็นเด็กดี..แม่นิตสวยซะเปล่านิสัยก็ไม่ดี เรียนหนังสือก็ตกแล้วตกอีก" แววว่า
เสาวนิตยืนกระทืบเท้าไม่พอใจ
"แม่แววไปเอาขนมแชงมาออกมาให้กินกันหน่อยสิ หนูสุทานไหมคะ"
"เอ้อ...วันนี้สุต้องขอโทษคุณย่าที่อยู่ทานไม่ได้ค่ะ คุณนนท์รออยู่...เราจะไปธุระกันต่อค่ะ"
"ไม่เป็นไรค่ะคุณ...อีกหน่อยก็มาทานบ่อยๆ แล้ว ... ชวนคุณแม่คุณมาบ้างสิคะ...อยากเห็น" แววบอก
สุชาดายิ้มหวาน
"ค่ะ...สุจะบอกคุณแม่ให้ค่ะ...ตุ๊อยู่ทานขนมก่อนก็ได้จ้ะ พี่เดินกลับไปก่อนนะจ๊ะ"
สุไหว้ย่าแก่ทั้งสอง นิศาไหว้ลา แล้วสุชาดาก็เดินกลับมา
สุชาดารีบเดินกลับไปที่ตึกใหญ่ เสาวนิตทำเป็นมานั่งร้องไห้ใกล้ๆ ที่สุชาดาจะเดินผ่าน เธอได้ยินเสียงคนร้องไห้ก็หันไปดู เสาวนิตแสดงละครร้องไห้สะอึกสะอื้น เธอตกใจเดินเข้ามาหา
"เอ้อ...เป็นอะไรคะ มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ"
เสาวนิตพอใจที่สุชาดามาพูดด้วย พยายามให้หน้าเศร้าน่าสงสารที่สุด
"ทำไมมานั่งร้องไห้ที่นี่คะ"
"ฉันอยากตาย...ฉันอยากตาย"
"ใจเย็นๆ ก่อนค่ะ...อย่าเพิ่งคิดสั้น"
เสาวนิตสะอึกสะอื้น
"ไม่มีใครช่วยหนูได้...ไม่มีเลย...หนูอยากตาย"
"หนูอยู่ที่นี่เหรอคะ"
"อยู่ก็เหมือนไม่อยู่...ไม่มีใครเค้าสนใจ...เค้าพากันรังเกียจหนู...หนูไม่อยากอยู่อีกแล้ว"
"หนูชื่ออะไรจ้ะ"
"ชื่อเสาวนิตค่ะ...คุณเป็นใครค่ะ"
สุชาดาดีใจที่เจอเสาวนิต
"หนูคือเสาวนิตเหรอจ้ะ...ดีใจจริง...พี่อยากเจอหนูค่ะ พี่ชื่อสุค่ะ...เป็น...เอ้อ"
เสาวนิตเงยหน้าอย่างดีใจมาก
"พี่สุ...ลูกสาวคนใหญ่ของคุณพ่อ...โอ...ในที่สุดนิตก็ได้เจอพี่สาวของนิตเสียที"
เสาวนิตโผกอดแกล้งทำเป็นดีใจมาก สุชาดากอดเสาวนิตไว้ด้วยความรู้สึกดีใจเหมือนกัน แต่สุชาดาไม่เห็นเสาวนิตที่แอบทำหน้าขยะแขยง
อานนท์ชะเง้อมองหาสุชาดา ตระกลกำลังคุยกับเจ้าคุณสุทธาอยู่ด้วยกัน
"เรื่องงานแต่งงานไม่ต้องห่วง พี่จะเป็นธุระให้ทุกอย่าง คุณพี่พลราม กับ คุณพี่แนบนี่น้ำใจประเสริฐจริงๆ ตระกลไม่ได้ไปเรียนท่านด้วยตัวเองก็ไม่ถือสา"
"ต้องยกความดีให้อานนท์ละครับ"
"ความจริงนายก็เหมือนเป็นลูกท่านคนหนึ่งเหมือนกันนะ พอท่านรู้ว่านายจะแต่งงานกับนงลักษณ์ท่านก็ดีใจ แต่มาตกใจก็เพราะนายจะจับน้องสาวฉันรีบแต่งงาน แล้วก็หายไปอยู่ใต้น่ะซิ"
"ต้องไปอยู่นานแค่ไหน" เจ้าคุณถาม
"อย่างน้อยก็สามปีครับ...จริงๆ แล้วผมชอบอยู่ต่างจังหวัดมากกว่าอยู่ในกรุง...แต่ผมจะหาโอกาสมาเยี่ยมคุณพี่บ่อยๆ ครับ"
"พี่ก็จะหาโอกาสไปเที่ยวภูเก็ตเหมือนกัน...ยังไม่เคยไป เพราะมันไกลนักหนา...แต่เขาว่าทะเลสวย"
"สวยมากจริงๆ ครับ...ผมเคยไปซ่อมเครื่องจักรเรือเดินเดินสมุทรที่นั่น...ยังอยากไปอีกเลย"
"พาสุไปเที่ยวด้วยซิ" ตระกลบอก
อานนท์ยิ้ม
"แน่ละ...ถ้าไปก็ต้องพาสุไปด้วยซิ"
"เราก็ไปพร้อมๆ กันเลยซิ...เอ...สุท่าจะเพลินอยู่กับคนแก่ให้เฉยไปตามดีไหม"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ...สุเค้าชอบที่นี่....เรื่องซื้อของไปช้าหน่อยก็ได้ครับ ความจริงก็ไม่ต้องรีบอะไร"
เสาวนิตจับมือสุชาดาไว้มองด้วยสายตาชื่นชมดีใจ
"วันนี้ความฝันของนิตเป็นจริงแล้ว...นิตได้มีพี่สาวที่นิตใฝ่ฝันอยากมีมานานแล้ว"
"พี่ก็อยากมีน้องสาวสวยๆ อย่างนิตเหมือนกันจ้ะ..บอกพี่ได้ไหมทำไมมาร้องไห้อยู่ที่นี่...เสียใจเรื่องอะไร"
เสาวนิตบีบน้ำตาอีก
"ชีวิตของนิตมันสิ้นหวังหมดทุกอย่างแล้วค่ะ...นิตเสียใจจนไม่อยากอยู่เป็นคน"
"คนเราเริ่มต้นใหม่ได้เสมอจ้ะนิต...ไม่มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้"
"แก้ไม่ได้ค่ะ...นิตพยายามแล้ว..นิตแก้ไม่ได้"
"ให้พี่ช่วยนิตไหมจ้ะ...นิตมีปัญหาอะไร..บอกพี่ได้นะ ถ้าพี่ช่วยได้พี่จะทำทุกอย่างจ้ะ"
เสาวนิตมองหน้าขอความเห็นใจ
"ไม่มีใครช่วยนิตได้หรอกค่ะ...นอกจากเขาคนเดียว"
"ใครกันจ้ะ บอกพี่ได้ไหม"
เสาวนิตร้องไห้
"คนที่ทำให้นิตหลงคิดว่าเค้ารักนิต...ทำให้นิตรักเค้าจนสุดหัวใจ...นิตอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเค้า...แต่จู่ๆ เค้าก็หายไป เค้าคงเห็นนิตเป็นแค่เรื่องสนุกที่ทำให้เด็กผู้หญิงคนนึง หลงรักเค้าหัวปักหัวปำ แต่เขากลับไม่สนใจ ถ้านิตไม่ได้ไปบ้านเขาวันนั้น นิตก็คงไม่ต้องมานั่งเสียใจจนทุกวันนี้"
สุชาดาตกใจ
"นี่ผู้ชายคนนั้นพานิตไป....ที่บ้านเค้าเหรอ"
เสาวนิตตาละห้อยน่าสงสาร
"เค้าพานิตไปที่บ้านเค้า...คุณแม่เห็นเค้าเป็นผู้ใหญ่ที่น่าไว้ใจ...เป็นเพื่อนอาตระกล เค้าไม่น่าทำกับนิต
เลย นิตยอมให้เค้าทำ เพราะ เค้าบอกว่ารักนิต"
"เป็นเพื่อนอาตระกล...บอกพี่ได้ไหม...ใครคือผู้ชายใจร้ายคนนั้น"
"อย่าไปพูดถึงเค้าเลยค่ะ นิตได้ยินชื่อเขานิตก็ใจจะขาดแล้ว เค้าทำให้นิตต้องหนีไปจากบ้าน...หนีไปเพราะเสียใจเหลือเกิน ไม่มีใครเข้าใจ นิตเหมือนคนบ้า เรียนไม่รู้เรื่อง คุณพ่อคุณแม่ก็ทั้งตีทั้งด่า...นิตถึงต้องหนีไปไงคะพี่สุ"
เสาวนิตร้องไห้ สุชาดาก็กอดไว้อย่างสงสาร
"อย่าร้องไห้นะจ้ะ...บอกพี่เถอะ...ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร พี่จะไปจัดการให้เค้ามาขอโทษนิตให้ได้"
"นิตอยากแต่งงานกับเขาเหลือเกินค่ะพี่สุ...ถ้านิตได้แต่งงานกับเขา...นิตก็จะไม่ต้องอายใครอีก..ทุกคน
ก็จะเข้าใจนิตว่า นิตไม่ได้เหลวไหลไปเอง..พี่สุขา พี่สุ ช่วยนิตด้วยนะคะ"
"ได้จ้ะ...พี่จะพาเขามาหานิต จะพยายามทุกทางที่จะให้เขายอมรับที่จะแต่งงานกับนิตให้ได้ นิตบอกพี่สิว่า ผู้ชายคนนั้นคือใคร"
เสาวนิตแอบทำหน้าสะใจ สุชาดาหลงเชื่อ
"สัญญานะคะพี่สุ .แม่พระของนิต พี่สุสัญญาว่าจะช่วยนิตจริงๆ นะคะ"
"จ้ะ..พี่สัญญา..."
เสาวนิตดีใจ
"โอ...พี่สุขา พี่สาวที่น่ารักที่สุดในโลก คุณอานนท์ขา เราจะได้แต่งงานกันแล้ว"
สุชาดาอึ้งไป
"นิตว่าใครนะ"
"คุณอานนท์ไงคะ...คุณอานนท์คือผู้ชายคนนั้น...พี่สุขาnพี่สุอย่าลืมสัญญานะคะ...พี่สุต้องไปขอร้องให้
คุณอานนท์ วิทยาธร มาแต่งงานกับนิตให้ได้นะคะพี่สุ"
สุชาดาช็อก...เสาวนิตแอบทำหน้าสะใจ...
ทั้งหมดยังกำลังคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ในห้อง สุชาดาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ทุกคนหันไปมอง
"อ้าวมาแล้ว...หายไปเป็นนาน"
สุชาดาไม่ตอบ แต่เดินมาหาตระกลอย่างคนใจลอย
"อาตระกลคะ...พาสุไปส่งท่าน้ำเมืองนนท์ได้ไหมคะ"
อานนท์ตกใจ
"สุ"
เจ้าคุณสุทธาแปลกใจ รู้สึกว่าสุผิดปรกติ
"สุ...มีอะไรลูก"
สุพยายามไม่ให้เสียงสั่น น้ำตาจะไหลให้ได้
"เปล่าค่ะคุณพ่อ"
"สุ...เป็นอะไรไปน่ะ"
อานนท์ลุกขึ้นเดินไปหา สุชาดาไม่มองหน้าอานนท์
"นะคะอาตระกล...พาสุไปหน่อยนะคะ"
ตระกลมองหน้าอานนท์
"หลานไม่ให้อานนท์พาไปล่ะ...อานนท์นั่งรออยู่นะ"
อานนท์ตกใจ รู้แล้วว่าสุชาดาผิดปรกติไปมากเพราะอะไรสักอย่างแน่ๆ
"ไม่เป็นไรค่ะ...ถ้างั้นสุไปเอง"
สุชาดาหันหลังจะเดินออกไป อานนท์รีบดึงไว้
"เกิดอะไรขึ้นสุ...บอกผมสิ...อยู่ดีๆ คุณเป็นอะไรไป"
สุชาดาเฉยสะบัดแขนไม่ให้อานนท์จับ
"นี่คุณโกรธผมหรือ...ผมทำอะไรผิด"
สุชาดาหันมามองหน้าอานนท์ น้ำตาเต็มตา สะบัดหน้าเดินไป อานนท์วิ่งตาม เจ้าคุณสุทธาร้องห้ามไว้
"อานนท์...อานนท์"
อานนท์ชะงักหันมา ตระกลรีบเดินตามสุชาดา หันมาแตะบ่าอานนท์อย่างปลอบใจนิดหนึ่ง แล้วรีบวิ่งตามไป เจ้าคุณสุทธาเดินมาหาอานนท์
"ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดตอนนี้...รอให้เค้าใจเย็นก่อน"
"ผมไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น"
อานนท์ลงนั่งอย่างหมดแรง สีหน้าเป็นทุกข์
อ่านต่อตอนที่ 18